บทที่ 26
ช่วงเวลาในดินแดนแห่งฝันได้หมดลง ถึงเวลาที่ทุกคนต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังจะเกิด เช้าในวันที่อากาศสดใสเราเดินทางออกจากหุบเขาแสนสงบอันเป็นที่ตั้งของไทวาสสู่ทะเลซายโอซี่ ด้วยสมาชิกที่เพิ่มขึ้นมากตอนมาทำให้การเดินทางไม่ได้รวดเร้วเท่าไหล่นักคาดว่าอาจใช้ถึงสี่วันกว่าจะถึงเมืองหลวง โอซี่กับลูนจึงอาสาเป็นม้าเร็วล่วงหน้าไปก่อนเพื่อนไปตะเตรียมที่พักและแจ้งข่าวให้กับกษัตริย์อลูคัส
คาราวานของเหล่าผู้กล้าเดินทางออกจากดินแดนร้างโดยเลี่ยงเส้นทางที่จะผ่านหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ โดยวางแผนว่าจะทยอยกันเข้าเมืองเพื่อความแนบเนียน เพราะไม่รู้ว่ามีคนของพวกฟอสโกอยู่ที่ไหนในแอสทีเรียดบ้าง จะให้พวกนั้นรู้ว่าเหล่าชาวอินเวียโนเริ่มรวมตัวกันไม่ได้ ส่วนเรื่องตัวตนของเวลอร์นั้นไม่มีอะไรน่าห่วงนักเพราะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของกัตริย์วาเลเรียสเว้นแต่บรรดาเพื่อนสนิท ซึ่งในบรรดาพวกฟอสโกเห้นจะมีเพียงริคัทโตเท่านั้นที่รู้ว่าอดีตกษัตริย์แห่งอินเวียโนหน้าตาเป็นเช่นไร
"เห็นทีเราต้องหยุดพักก่อน" ไมเรคว่าพลางมองพายุทรายเบื้องหน้าที่เริ่มก่อตัว มวลทรายมหาศาลที่ถูกลมหอบสู่อากาศมืดครื้มจนบดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังจ้าของเวลาเที่ยววัน
"เขาหินทรายตรงนั้นน่าจะพอกันแรงปะทะจากพายุได้" อาเดนบอก พลางชี้ไปยังเนินหินขนาดกลางที่อยุ่ห่างออกไปไม่ถึงกิโลเมตร
ทุกคนจึงตรงไปยังจุดนั้นเพื่อตั้งแคมป์โดยเลือกปักหลักกันที่ตีนผาด้านตรงข้ามกับพายุที่กำลังเคลื่อนเข้ามา เพื่อใช้ปราการธรรมชาติเป็นเกราะป้องกัน โชคดีที่ตรงจุดนี้มีโอเอซิส ทำให้พวกเขามีน้ำใช้และเติมส่วนที่เริ่มร่อยหรอระหว่าการเดินทาง เต็นท์ผ้าใบใหญ่เล็กถูกกางออกหลายหลังเพื่อใช้ป้องกันฝุ่นทรายที่กำลังถาโถมเข้ามา ดูจากขนาดของพายุกว่าจะได้เดินทางอีกทีคงพรุ่งนี้
"ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะหากพวกเธอจะมาหลบด้วยกัน" เวลอร์ว่าพลางเงยหน้าขึ้นไปตามแนวผาเหมือนพูดกับใครซักคนที่อยุ่บนนั้น
"นายพูดกับใครนะ" พรีมมองตามสายตาเพื่อนไป
เหยี่ยวสีดำตัวหนึ่งบินโฉบลงมาจากยอดผาสู่พื้นเบื้องล่าง เวลอร์คว้าเอาผ้าผืนใหญ่จากหลังม้ามาถือไว้ ทันทีที่เหยี่ยวตัวนั้นถึงพื้นกลับกลายร่างเป้นหญิงสาวงดงามผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงินลึกล้ำ ผ้าถูกใช้คลุ่มร่างเปลือยเปล่านั้นไว้ มือเรียวกอบกับผ้าแนบชิดกับเรือยกายแล้วย่อทำความเคารพ
"มอแกน!!!" ฟาเรสร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ชัดๆ
"ฉันพูดชัดเจนแล้วนะ ว่าไม่อาจรับพวกเธอมาไว้ข้างกาย" เวลอร์บอกเสียงนิ่ง ฟังดูเหินห่างและเย็นชา
"หม่อมฉันไม่ได้มาในฐานะนางกำนัลเพค่ะ หม่อมฉันมาในฐานะชาวอินเวียโรคนหนึ่งที่อยากทำในสิ่งถูกต้อง" มอแกนกล่าว แววตาสีน้ำเงินเด็ดเดียวจ้องตอบร่างสุงตรงหน้า
"ถ้านั่นคือความต้องการของเธอ" ราชาแห่งคิเมร่าทอดถอนใจ มอแกนมีสิทธิ์ที่จะมา
"ขอให้หม่อมฉันได้เป็นกำลัง ให้หม่อมฉันได้ช่วยเหลือฝ่าบาทด้วยเพค่ะ"
"ก็ได้ๆ แต่จากนี้ไป เรียกฉันว่าเวลอร์ พูดกับฉันเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่ใช่กษัตริย์และไม่ใช่ฝ่าบาทของเธออีกต่อไปแล้วมอแกน" คนตัวโตยื่นขอแม้ที่เหมือนจะบังคับให้ทำตาม ในฐานะเวลอร์ เขาและมอแกนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เขาไม่ใช่กษัตริย์และเธอก็ไม่ใช่สนมที่อยู่ในความดูแล เป้นการย้ำชัดถึงสถานะปัจุบันเพราะไม่อยากให้ฟาเรสลำบากใจ
"ได้เพค่ะ ฝ...เอ่อ ได้ค่ะ ท่านเวลอร์"
"ท่านมอแกนเชิญทางนี้ค่ะ ไปพักที่เต็นท์ฉันก็ได้ เดี๋ยวจะช่วยหาของใช้จำเป็นให้" เรน่ารับอาสาดูแลผู้มาใหม่ จับจูงมือของอีกคนเดินนำไปที่เต็นท์
การเดินทางล่าช้าไปหนึ่งวันจากที่คาดเพราะพายุทราย ทำให้กว่าจะมาถึงเมืองหลวงของเรดิเอนซี่กินเวลาไปถึงห้าวันเต็มๆ นั่นหมายถึงเหลืออีกไม่กี่วันก้จะเปิดเทอม เหล่านักเรียนฝึกหัดจึงต้องเดินทางกลับมหาวิทยาลัยอนิมาในเช้าของวันถัดมา โดยคนที่เหลือจะอยู่ในความดูแลของกษัตริย์อลูคัสแล้วจะเดินทางมาสมทบทีหลังที่เดสเซนท์โดยระหว่างนี้ทางผู้อำนวยการเอเบรียนกำลังมองหาฐานที่มั่นให้พวกชาวอินเวียดนได้พำนักและซ่อนตัว
........................................................
เหล่านักเรียนฝึกหัดกลับมาเรียนตามปกติในเทอมสอง หากสิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปคงจะเป้นเวลอรืที่ย้านมาอยู่ห้องเดียวกับฟาเรส ส่วนโอซี่ย้ายมาห้องเก่าของคิเมร่าหนุ่มเพราะมีลูนมาอยู่ด้วย ในห้องชุดรวมที่เคยอยู่กันสี่คนก็เหลือมาวิคที่ยึดห้องนอนหนึ่งไปคนเดียว และพรีมกับเซียที่ใช้อีกห้องเป็นเรือนหอ ช่างเป้นอะไรที่ลงตัวเสียจริง
"น่ารัก แก้มก็นิ่ม นี่โดนไอ้โอซี่หลอกมาใช่ไหมเนี่ย" เสียงหวานใสของเซียคร่ำครวญไปกับความน่ารักของคิเมร่าตัวน้อย พลางกอดรัดฟัดเหวี่ยงลุนที่นั่งอยู่ข้างกันโดยไม่เกรงใจเจ้าของเขาเลย ตอนนี้ทุกคนขนขโยงกันมาอยู่ที่ห้องของฟาเรส เพื่อนเลี้ยงฉลองการกลับมาของพวกเขาทั้งห้าคน
"อะไรใครหลอก ลูนอยากอยู่กับโอซี่ต่างหาก" ครึ่งออคแย้งพยายามจะดึงตัวเจ้าแมวกลับ ลูนเวลาไปข้างนอกจะอยู่ในร่างแมวแต่เวลาอยู่ในห้องก็จะอยู่ในร่างคน นั่นเพราะเจ้าคิเมร่าตัวน้อยไม่ใช่นักเรียนของที่นี่ โชคดีที่หอพักอนุณาติให้เลี้ยงสัตว์ได้จึงไม่ผิดสังเกตุ
"รู้สึกตกกระป๋องยังไงไม่รู้" ฟาเรสบ่นหน้างอ
"รู้สึกเหมือนกัน" แต่พรีมน่ายุ่งกว่า เพราะที่รักเขาคอยเอาใจเจ้าเพื่อนใหม่ไม่ห่างจนชักอิจฉา "ถ้าที่รักอยากหาอะไรกอดมาก มากอดผมเนี่ย"
"ไม่เอาอะ กอดเบื่อแล้ว นายไม่ได้ตัวอ่อนนุ่มนิ่มแบบลูนนิ" ดวงตาสีม่วงมองตามคนพูดแบบงงๆ ตัวเซียหอมลูนรู้สึกว่าเธอใจดีจึงยอมให้เตะเนื้อต้องตัวได้ตามใจ
"ถ้าผมอ่อนไม่แข็ง ที่รักก็อย่ามาบ่นแล้วกัน" พรีมบอกอย่างทะเล้น ทำเอาหญิงสาวคนเดียวในห้องหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
"ทะลึ่ง!!!!" ว่าแล้วก็ผละออกจากเจ้าแมวน้อยไปหยิกแขนคนรักอย่างหมั่นเขี้ยว อีกคนก็แซวไม่เลิกส่วนอีกคนเขินแล้วชอบลงไม้ลงมือ แต่มีหรือพรีมมันจะหยุดชอบเสียอีกแกล้งให้คนรักอายเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคนในห้อง แต่คนที่มักเฮฮามากกว่าใครกลับเพียงยิ้มน้อยๆ ดูสงบกว่าทุกที
มาวิคเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้ามืดดำนอกระเบียง ทำไมนะใบหน้าของใครบางคนถึงเข้ามารบกวนจิตใจไม่หยุดหย่อน ท่าทางกวนประสาทนั่น คำพูดที่บางทีก็ยียวนบางทีก็ดูห่วงใยอบอุ่น ยังดังชัดในความคิด เหมือนตอนเด็กๆ ที่ไม่เห็นไมเรคมาเล่นด้วย ไม่เข้าใจเหมือนกันทั้งที่ห่างกันไปนานมาก เขาเลิกคิดถึงเลิกถามหา มีเพื่อนใหม่ มีคนที่ชอบ เจอคนที่รักต่างคนต่างมีชีวิตแต่พอกลับมาเจอกับไอ้บ้านั่นกลับทำให้เขาคิดถึงได้อีกครั้ง
"มาวิค....เฮ้!!!! มาวิค" คนที่กำลังจมอยุ่กับความคิดสะดุ้งเมื่อถูกเขย่าไหล่แรงๆ จากฟาเรส "เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดี"
"อะ เอ่อ...เมื่อคืนนอนดึกนะเลยเบลอๆ" มาวิคยิ้มตอบ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงปลื้มใจที่ฟาเรสให้ความสำคัญและเป็นห่วงแต่ตอนนี้กลับเฉยๆ
"กลับไปพักก่อนก็ได้ พวกเราว่าจะอยู่ดื่มต่อซักหน่อย" เซียเสนอ "อยากจะลองมอมเหล้าเจ้าแมวน้อยดู" ริมฝีปากสีสดยิ้มกว้างอย่างนึกสนุก
"โอเค งั้นฉันขอตัวก่อนนะ อย่าดึกกันนักละพรุ่งนี้มีเรียน" มาวิคเอ่ยลาแล้วเดินออกจากห้องไป
พรีมมองตามหลังเพื่อนไปอย่างเป็นกลังวล เขาเป็นเพื่อนกับมาวิคมาตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน จึงรู้ดีว่าที่เพื่อนเขามีท่าทีแบบนี้เพราะใคร มาวิคในตอนนี้เหมือนกับตอนที่เจอกันใหม่ๆ ทั้งเหงาทั้งโดดเดี่ยว เหมือนเด็กหลงทางที่ถูกทิ้ง
.
..."ที่เหลือพี่จะตามไปเอาที่เดสเซนท์ เอาละนอนซะ ฝันดีไอ้เด็กขี้แย"... มาวิคยังจดจำรสจูบในคืนนั้นได้ดี หึ...บอกจะตามมางั้นหรือ นึกขำตัวเองในใจที่ไปคาดหวังกับคำพูดของไมเรค ทั้งที่อีกฝ่ายเคยทิ้งเขาไปโดยไม่ลาซักคำ ในวันที่ขึ้นเรือเหาะจะเดินทางกลับมาเดสเซ็ทน์อีกคนก็ไม่แม้แต่จะมาส่งด้วยซ้ำ คงถูกทิ้งให้รอแบบที่เคยเป็น ทำใจให้ลืม ท่าทางใจดี ท่าทางที่ทำเหมือนว่าเขาสำคัญนั่น เขาจะลืมมันได้ไม่ช้าก็เร็วแบบที่เคยทำได้ในอดีต
"นายกินน้อยจัง" เซียเอ่ยทักในมื้อเช้าที่พวกเขาทุกคนรวมตัวกันอยุ่ในดรงอาหารชั้นล่างของตึก
"มันไม่ค่อยอร่อย" มาวิคว่าพลางมองสปาเก็ตตี้ในจานที่พร่องไปไม่ถึงครึ่งของตัวเอง รู้สึกไม่ค่อยากอาหารเท่าไหร่
"ปกติชอบกินร้านนี้ไม่ใช่หรอ"
"เอิ่ม วันนี้สงสัยคนทำคนผิดสูตร แหะๆ" มาวิคยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อนในโต๊ะที่จ้องเขาเป็นตาเดียว
"ช่วงนี้มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า" ฟาเรสถามอย่างเป็นห่วง สามสี่วันมานี้เพื่อนเขาดูซึมๆ ไป
"ก็นิดหน่อยนะ เทอมสองเรียนหนักขึ้น เลยกังวล"
"อืมมม อย่าเครียดมากดูพรีมกับโอซี่สิ ชิวจะตาย" ฟาเรสว่าพลางตบไหล่ให้กำลังใจ พรีมหรี่ตามองมาวิคอย่างจับผิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
วันนี้เหล่านักศึกษาภาควิทยาการการทหารปีหนึ่งได้มารวมตัวกันที่ลานประลองด้านหลังตึกในวิชาการต่อสู้ระยะประชิด มาวิคแทบจะไม่มีสมาธิฟังอาจารย์พูดเลยเพราะมัวแต่คิด คิดถึงคนเฮงซวย มันทำให้อะไรๆ รวนไปหมด ขนาดตอนวอร์มร่างกายยังเผลอสะดุดล้ม จนพาลโกรธตัวต้นเหตุแช่งชักหักกระดูกในใจ โดยปฏิญาณเอาไว้เลยว่าชาตินี้จะไม่เจอหน้ามันอีก...ไอ้เวรไมเรค ไอ้คนไม่รักษาคำพูด ไอ้ๆๆๆๆๆ
"เฮ้ย....เพื่อน" พรีมเรียกคนข้างกาย แต่อีกคนยั่งนั่งนิ่งมองนกมองฟ้าไปเรื่อย "มาวิค เฮ้!!!"
"เอ้อ ว่าไง" คนโดนเรียกสพดุ้งหลังจากผ่านไปสามสี่ครั้ง
"เป็นไรช่วงนี้เหม่อๆ" โอซี่ทัก เขารู้สึกถึงความผิดปกติมาซักพักแล้วแต่ไม่อยากก้าวก่าย
"คิดถึงไมเรคละมั้ง" พรีมตอบแทย ทำเอาตัวต้นเรื่องตาโตเพราะเพื่อนเดาถูกเผลง
"บ้า จะไปคิดถึงไอ้เวรนั่นทำไม"
"อ่าวก็อาจเหงา ไม่มีคนให้เถียง" พรีมว่าต่อ "ไม่ใช่แขวะกันไปเถียงกันมาจะได้กันเองหรอกนะ"
"เพ้อเจ้อวะ" มาวิคว่าพลางชันเข่าขึ้นมากอด เพราะตอนนี้นั่งกันอยุ่บนพื้นหญ้า ดวงตาสีน้ำตาลจ้องไปข้างหน้าที่อาจารย์กำลังบรรยายอะไรซักอย่างที่เขาเองก็เพิ่งจพสนใจฟัง
"วันนี้เรามีวิทยากรพิเศษ จากหน่วยพิทัก์มาช่วยสอนการต่อสู้ให้" อาจารย์ว่าพลางมองไปยังประตูที่ทางออกอัฒจันทร์
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดเครื่องแบบของเอแวนการ์ดสี่คนเดินออกมา หากแต่หนึ่งในนั้นทำเอามาวิคนิ่งงัน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคมกล้ามองมาทางเขา เหมือนเจือไว้ซึ่งความยินดีอยู่ในนั้น...ไมเรคกำลังมองมาที่เขา ใบหน้าดุดันคร้ามแดดที่คุ้นเคยทำเอาก้อนเนื้อในอกเต้นแรงขึ้นทันใด จู่ๆ ก็ตื่นเต้นไม่รู้ว่าเพราะดีใจหรือเพราะประหลาดใจกันแน่
"คนทางซ้ายเท่เนอะ"
"ดูหุ่นเขาสิ น่ากินชะมัด"
"หน่วยพิทักษ์หรอ ยังหนุ่มอยู่เลย ท่าทางจะ แข็ง...แรงไม่เบา"
"เสียงซุบซิบของสาวๆ ในคลาสดังเข้ามาให้ได้ยินไม่ขาดซึ่งเจ้าของเรื่องก็คงไม่พ้นหน่วยพิทักษ์คนที่ยืนอยู่ทางซ้ายสุด หนุ่มที่สุด ตัวใหญ่ที่สุดและดูดีที่สุด มาวิคอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"ไอ้ขี้เก๊ก"
"ทำเป็นด่า ดีใจละสิไม่ว่า" พรีมแซว
อาจารย์ให้นักเรียนแบ่งเป็นสี่กลุ่มโดยให้หน่วยพิทักษ์เข้ามาสอนกลุ่มละคนซึ่งแน่นอน ไมเรคเดินตรงมาทางมาวิคทั้งที่ยังจับกลุ่มกันไม่เสร็จด้วยซ้ำ ซึ่งส่งผลให้สาวๆ พยายามแย่งกันเข้ามาอยู่กลุ่มนี้ โอซี่กับพรีมทักทายอาจารย์ชั่วคราวนิดหน่อยตามประสาคนรู้จักกัน
"เวลาจะเตะ ควรตั้งท่าแบบนี้แล้วยืดขาไปแบบนี้" ไมเรคอธิบายพลางช่วยจัดท่าทางให้นักเรียนหญิงคนหนึ่ง ซึ่งสาวเจ้าก็ดูชอบอกชอบใจแกล้งบนเบียดตัวใส่อย่างเชิญชวน
"อ๊ะ ไม่ถนัดเลยค่ะอาจารย์ " เสียงหวานกระเง้ากระงอด สบสายตาไมเรคอย่างสื่อความหมาย แต่อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากทำเอาเธอคนนั้นหน้ซับสีขึ้นทันใด เมื่อเห็นท่าทางเป็นมิตรของอาจารย์รูปหล่อจึงทำให้นักเรียนหญิงคนอื่นพากันไปรุมล้อมอย่างชอบใจ
ไมเรคยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่ใช่เพราะสาวๆ ที่ล้อมกาย แต่เพราะใครอีกคนที่กำลังกอดอกยืนมองอยู่ห่างด้วยสีหน้าไม่พอใจ มาวิคจ้องเขม็งมาทางเขา ขมุบขมิบด่าบ้างละ เบ้ปากใส่บ้างละ คิดแบบเข้าข้างตัวเองเลยแล้วกันว่าน้องมันกกำลังหึงเขาอยู่ การที่ผู้ชายตัวไม่เล็กมายืนทำท่าทางฟึดฟัดอยู่ใกล้ๆ สำหรับคนอื่นอาจชวนขนลุก แต่สำหรับมาวิคเขากลับมองว่าน่ารักน่ามองทีเดียว เข้าทางคนชอบแกล้งละทีนี้
"อาจารย์ค่ะ เอิ่ม..." จวบจนเวลาเลิกคลาสในตอนที่ทุกคนกำลังแยกย้าย หนึ่งในนักเรียนหญิงเข้ามาคว้ามือเขาไว้ "ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจนี่ หนูปรึกษาอาจารย์นอกเวลาได้ไหม" สายตาหวานเชื่อมเชิญชวนนั่นเขารู้ดีว่าคืออะไร ไมเรคมองเลยไปยังอีกคน มองมาที่เขาแบบเคืองเลยก่อนอาการอยากเล่นจึงหันหลับมาตอบคนช่างอ่อยด้วยน้ำเสียสุภาพเอาใจ
"ยินดีครับ" แต่เหมือนวันนี้เล่นเยอะเกินไป เพราะมองกลับไปอีกทีมาวิคก็หายไปแล้ว...สงสัยจะงอน
................................................
มาวิคหนีมาเข้าห้องน้ำ จัดการธุระตัวเองเสร็จก้มาล้างมือล้างหน้า ให้น้ำเย็นๆ ชำระความหงุดหงิดในใจ รู้สึกอะไรมันขัดหูขัดตาไปหมด ไอ้ไมเรคนั้นก็บ้า ทีกับเขาตีหน้านิ่งใส่ กวนตีนชิบหาย ทีกับผู้หญิงยิ้มหน้าบาน หน้าม่อชะมัด เอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดลวกๆ พลางกระชับเป้ที่ไหล่แล้วออกเดินเตรียมตัวกลับเพราะพรีมและโอซี่กลับหอไปก่อนแล้ว เห็นพวกมันบอกว่ารีบกลับห้องเมียรออยู่ หมั่นไส้วะ
ออกมานอกสนามประลองฟ้าเริ่มมืด รอบกายเงียบสงบเพราะคนอื่นๆ คงกลับไปหมดแล้ว สองเท้าก้าวเอื่อยๆ ไปตามทาง ต้นไม้ที่ปลูกเป็นช่วงๆ ไว้ริมทางให้บรรยากาศร่มรื่นผ่อนคลายขจัดความยุ่งเหยิงในจิตใจตลอดวันให้เบาบาง
"เฮ้ย!!!" มาวิคร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อร่างถูกใครบางคนกระชากเข้าข้างทาง แผ่นหลังถูกดันชิดกับต้นไม้ถูกเบียดไว้ด้วยร่างใหญ่ของใครบางคน
"อื้อ..." ยังไม่ทันได้โวยวายริมฝีปากก็ถูกช่วงชิงไป ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตระหนก เพราะใกล้กันจนชิดจึงไม่อาจมองเห็นใบหน้าอีกคนได้ชัด หากแต่กลิ่นกายและอ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้คนถูกจู่โจมพอรู้ว่าเป็นใคร
รสจูบร้อนแรงแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกโหยหาและเอาแต่ใจ มื้อกร้านที่กอดเอวไว้ข้างและเลื่อนลงไปบีบเค้นสะโพกเขาอีกข้างทำเอามาวิคต้องอ้าปากหมายจะประท้วงการกระทำ ซึ่งเข้าทางให้คนตัวใหญ่กว่าได้ส่งลิ้นเข้าไปลิ้มรสในเรียมปากนิ่ม ลิ้นร้อนเกียวกระหวัดอย่างหิวกระหายหลอกล่อให้มาวิคต้องจูบตอบอย่าลืมตัว จากเร่งเร้าแปลเปลี่ยนเป็นอ้อยอิ่งอ่อนหวานจนคนที่ว่าตัวเองจูบเก่งยังต้องพ่ายแพ้ ระทวยไปในอ้อมแขนของอีกคน
"คิดถึง" ไมเรคกระซิบชิดริมฝีปากที่แดงช้ำจากจูบอันยาวนาน แสงอาทิตย์อัศดงที่ฉาบฉายทำให้ใบหน้าเนียนน่ามองจนไม่อาจละสายตา
"แฮก...ไม่เชื่อ" มาวิคว่าพลางเบือนหน้าหนี หากแต่แกมใสแดงเรื่อ "สาวล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนั้น"
"หึๆ หึงพี่หรอ" คนตัวโตหยอกเย้า
"หลงตัวเอง" คนเด็กกว่าแขวะอย่างหมั่นไส้
"ก็แค่แกล้ง...ไม่มีใครน่าฟัดเท่านายหรอกนะ คุณชายตัวน้อย" เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยน จนคนฟังใจเต็นรัว
"พูด...อะไรนะ มะ ไม่เห็นเข้าใจเลย" ดวงตาสีน้ำตาลมองหน้าคนพูดสั่นไหว รู้สึกประหม่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแม้แต่ตอนที่อยู่กับฟาเรสสองต่อสองยังไม่เป็นขณะนี้
"อ้าวนี่ลืมแล้วหรอ ที่พี่มันจำไว้ก่อนแบบนี้ไ ว่าแล้วไมเรคก็ยื่นหน้ามาจุ๊บ ริมฝีปากนิ่มไปที "ที่เหลือบอกว่าจะตามมา...เอา!!! นี่ไงตามมา...เอา แล้วไง"
ใบหน้าที่มักจะดุดันดูทะเล้นขึ้นทันตา ไหนจะร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์และดวงตาสีน้ำเงินเข้มพราวระยับนั่นอีก มาวิคมองอีกคนตาโตรนรานขืนตัวออกทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าว...รนเพราะมันเน้นคำว่า เอา!!! นี่ละ
"ไม่ให้โว้ย" เสียงดังกลบเกื่อน
"หึๆ แล้วไงก็จะเอา" O_O!!!!?
.........................................
-เราจะพยายามอัพให้ได้สัปดาห์ละตอนเป้นอย่างต่ำ เราขอโทษ ไม่ได้อยากเอื่อยแต่อย่างใดหากแต่ช่วงนี้ยุ่งมาก ต้องวาดภาพประกอบ ที่ยังเหลืออีกหลายรูป มีเวลามานั่งพิมจริงๆ ก็สุดสัปดาห์เสียมากกว่า
-ขอโทษนะค้า เขาเป้นนักเขียนไม่น่ารักเลยเนอะดองงาน อย่าโกรธเค้านะ อยุ่ด้วยกันนานๆ