Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17  (อ่าน 99212 ครั้ง)

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
[/color]


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

เพิ่มเติม
[/b]

งานเขียนย่อมจัดเป็นงานวรรณกรรม  ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537  มาตรา 6  ท่านซึ่งเป็นนักเขียน  ย่อมเป็นผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานเขียนซึ่งเป็นงานวรรณกรรม  อันมีลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว  ท่านย่อมเป็นผู้รังสรรค์  อันเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานเขียนของท่านดังกล่าวที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537  ย่อมให้ความคุ้มครองแก่ท่านเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานเขียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติ  ไม่จำต้องจดทะเบียน  โดยท่านในฐานที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ หรือดัดแปลง  หรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนหรือให้ประโยชน์อันจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น  ซึ่งงานเขียนดังกล่าว  ตามมาตรา 15  แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ  ดังนั้น  หากทางสำนักพิมพ์ได้นำงานเขียนนั้นไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดไปพิมพ์จำหน่าย  อันเป็นการทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชน  โดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าของลิขสิทธิ์  ย่อมถือว่า  เขาได้ละเมิดลิขสิทธิของท่าน  ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาท  ตามความแห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 27,69  และวิธีการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งานเขียนของท่านดังกล่าว  ท่านย่อมเก็บงานอันเป็นต้นฉบับเอาไว้  และส่งตัวสำเนาไปยังสำนักงานพิมพ์นั้น ๆ  เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันในการพิสูจน์การละเมิดลิขสิทธิ์นั้น
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2017 14:33:41 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
พบกันอีกแล้วฮิ้วๆ ในซี่รี่ที่สองนี้ ครั้งนี้เรามาแนว Full Fantasy เลยนะค่ะ หลายอย่างอ้างอิงจากทุกสิ่งที่รับรู้มา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่านิยายปรัมปรา หรือแม้แต่เกมที่เล่นล้วนเอามายำรวมกัน ดุจยำกัญชา ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อสนองความเพ้อของผู้แต่ง ก่อนหน้านี้เราเพ้อจบไปแล้วสองเรื่องนั่นก็คือ

Night Knight อัศวินรัติกาล


Dark Wing ปีกทมิฬ...เมื่อฟ้าจรดผืนน้ำ (Night Knight 2)


สำหรับเรื่องราวของ Guardian OF Heart จะเป็นอย่างไรนั้นเชิญรับชมรับอ่านได้เลยค่าาา
[/b]

:-[


บทนำ
[/size]


     "นายน้อยค่ะ นายน้อยฟาเรส" เสียงร้องเรียกของแม่บ้านดังก้องคฤหาสก์ขนาดกลาง เธอเดินจนทั่วแต่ไม่มีวี่แววผู้เป็นนายน้อย ฝนที่เทกระหน่ำภายนอกน่าห่วงยิ่งนักหากนายสุดรักหนีไปหลบอยู่นอกบ้าน 

     ที่เรื่องวุ่นวายขนาดนี้เพราะฟาเรสพี่ใหญ่ในวัยหกขวบเล่นสนุกกับน้องสาวฝาแฝดที่อ่อนกว่าเกือบสองปีทั้งสองนั่นคือ ออรี่ กับออร่า ด้วยความซนตามประสาจึงพากันปีนป่ายต้นไม้หลังบ้านเป็นเหตุให้ ออรี่ แฝดคนพี่ตกลงมาได้รับบาดเจ็บ จึงถูกนายท่านอินดิโก ผู้เป็นพ่อและเป็นนายใหญ่ของบ้านเรียกไปต่อว่า เป็นเหตุให้เจ้าตัววิ่งพรวดพราดออกจากห้องทำงานนายท่านไปทันที  ไม่รู้ป่านนี้ไปแอบร้องให้ที่ไหน

      บ่อยครั้งที่ฟาเรสนึกน้อยใจหากเกิดเหตุไม่ดีอะไร ท่านพ่อมักมองเขาเป็นคนผิดเสมอ ท่านแม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ท่านเป็นแม่เลี้ยงย่อมเข้าข้างลูกตัวเองเป็นธรรมดา ส่วนแม่แท้ๆ ของฟาเรสนั้นเสียไปตั้งแต่เขาได้แปดเดือนแล้วท่านพ่อก็แต่งงานใหม่กับลูกสาวท่านผู้ว่าของเมืองนี้

       สองเท้าพาร่างน้อยๆ ของเด็กชายวิ่งฝ่าพายุฝนไปทางด้านหลังคฤหาสถ์ สู่วิหารกลางน้ำ วิหารมีลักษณะเป็นแปดเหลี่ยม ค้ำยันด้วยเสาหินอ่อนหลังคาเป็นโดมกระจกสีรูปสิบสองนักษัตรที่ล้อมกันเป็นวงกลมสร้างแสงสีที่งดงามและมีมนต์ขลังให้แก่วิหารแห่งนี้ในยามที่แสงแดดส่องผ่าน ภายในปลูกดอกไม้เป็นวงกรมล้อมรอบแท่นหินซึ่งมีรูปสลักหินอ่อนขนาดเท่าคนจริง รูปสลักบุรุษในชุดเกราะลายวิจิตรนั่งสงบนิ่งอยู่บนบรรลังก์หินอ่อน มือทั้งสองวางไว้บนเท้าแขน แม้ใบหน้าหน้าส่วนบนจะถูกหมวกเกราะบดบังไว้แต่ทุกส่วนที่เหลือล้วนงดงามสมบูรณ์แบบ ดวงตาที่ทอดมองไปข้าหน้าแม้ปราศจากสีสันและแววตาแต่กลับทรงอำนาจและอบอุ่นอยู่ในที

       แดนสวรรค์ของฟาเรส  แม่บ้านเล่าว่าท่านแม่ชอบมาที่นี่เมื่อตอนท่านยังมีชีวิต รูปสลักหินนี้เป็นของคนพี่ท่านเคารพรัก แม้เขาจะยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรลึกซึ้ง แต่ฟาเรสกลับชอบที่นี่เพราะมันสงบ บ่อยครั้งที่หลบมาเล่นคนเดียว บางทีก็เผลอหลับไปเพราะอากาศเย็นสบายจนท่านพ่อต้องมาอุ้มกลับ หรือแม้แต่ในวันที่เสียใจเด็กน้อยก็จะมาแอบร้องไห้ระบายความอัดอั้นใจให้รูปสลักฟัง วันนี้ก็เช่นกัน

       ร่างเล็กปีนป่ายขึ้นไปนั่งบนตักของรูปสลักก่อนจะเอนหลังพิงอย่างหาที่พึ่ง หากท่านแม่อยู่จะพูดปลอบใจเขาอย่างไรนะ  ฟาเรสคงไม่มีวันสัมผัสมัน ดังนั้นของแค่มีใครซักคนรับฟังแม้จะเป็นรูปสลักหินไร้ชีวิตก็ยังดี

       "วันนี้ท่านพ่อดุผมอีกแล้ว" เด็กน้อยบอกเสียงเครือ "ที่ออรี่ตกต้นไม้ มันไม่ใช่ความผิดผมเลย...ฮึก ก็ผมห้ามเธอแล้ว เธอก็ไม่ฟัง" ใช่ว่าฟาเรสไม่รักน้อง แต่มั่นใจเลยว่าตอนนี้คนทั้งบ้านคงกำลังโอ๋เธอจึงไม่มีอะไรน่าห่วง

      "ทั้งพยายามอธิบาย แต่...ฮึก ก็ไม่เคยฟัง" หยาดน้ำตาพร่างพรูออกมาด้วยอารมณ์น้อยใจ ท่านพ่อไม่เคยฟัง เอาแต่บอกว่าเขาเป็นพี่ พี่ต้องดูแลน้อง แต่น้องไม่ยอมทำตามแล้วจะให้ทำอย่างไร จนนึกสงสัยว่าท่านพ่อรักเขาบ้างหรือเปล่า

      ฟาเรสร้องไห้เงียบๆ จนผล็อยหลับ เวลาผ่านไปจนค่ำพายุฝนได้หยุดลง นายใหญ่ของบ้านเดินเข้ามาในวิหารก็พบกับลูกชายตัวดีดังคาด  อินดิโกช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นจากตักของรูปสลักพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ฟาเรสที่เขารู้จักไม่มีทางเสียน้ำตาต่อหน้าใครเลยหนีมาร้องไห้ที่นี่เป็นประจำ

      "ดูเหมือนฟาเรสจะชอบท่านเอามากๆ เลยนะ"  อินดิโก้สบตารูปสลักด้วยรอยยิ้ม "ยังไงก็ขอลูกผมคืนก่อนแล้วกัน"

 
     สิบปีผ่านไปฟาเรสในยามนี้โตเป็นหนุ่ม แต่ก็ยังต้องปวดหัวกับน้องสาวจอมแสบทั้งสองเช่นเดิม  แต่ก็นะ เขาเองก็ใช่จะมีเพื่อนมากเพราะไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก การที่ต้องคอยตามแก้ปัญหาให้เหล่าสาวๆ จึงกลายเป็นเรื่องสนุกประจำวันไป ฟาเรสเลือกที่จะเรียนอยู่บ้านโดยมีอาจารย์มาสอน เพราะการศึกษาในโรงเรียนทั่วไปมันช้าและน่าเบื่อ โดยสอบเทียบเลื่อนระดับชั้นกับทางการเอาและเขาก็ผ่านได้สบายๆ จนตอนนี้จบหลักสูตรพื้นฐานทั้งหมดตั้งแต่อายุสิบห้าแต่คนปกติจบตอนสิบแปด จะมีก็แต่การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยซึ่งจะเรียนไม่เรียนก็ได้ ด้วยรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากคนในแถบนี้ซึ่งคนส่วนใหญ่ล้วนมีผมสีน้ำตาหรือดำและดวงตาสีเดียวกัน เด็กหนุ่มผู้มีผิวขาวสะอาดกับนัยน์ตาสีฟ้าครามและเรือนผมสีบรอนจนเกือบขาวซึ่งได้รับมาจากท่านแม่ มักตกเป็นเป้าสายตาเสมอ จนอดที่จะขัดเขินกับมันไม่ได้ทำให้เขาเลือกที่จะอยู่แต่ในบริเวณคฤหาสก์แต่ก็มีออกไปเดินเที่ยวในจตุรัสกลางเมืองบ้างหากน้องสาวทั้งสองอ้อนจะไป 

       "พี่ฟาร์ ชุดนี้สวยไหม" เสียงของออรี่ดังนำมาก่อนเจ้าตัวเสียอีก ก่อนที่เด็กสาวทั้งสองจะวิ่งแข่งกันเข้ามาในห้องสมุดมายืนตรงหน้าเขา

       "ชุดไปงานเลี้ยงพรุ่งนี้" ออร่าบอกพร้อมหมุนตัวอวดชุดกระโปรงแขนสั้นสีโอรสที่ยาวเสมอเข่า ส่วนของออรี่เป็นสีเขียวอ่อน ซึ่งดูเข้ากันดีกับเรือนผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลของเธอ

       "ก็ น่ารักดี" ก็เป็นตามนั้นไม่ได้ชมเกินจริง

       "เห็นไหม หนุ่มๆ ในงานต้องมองพวกเราไม่วางตาแน่ๆ" นี่น้องๆ เพิ่งสิบสองกันเองนะ ทำไมแก่แดดแก่ลมกันเสียจริง "แล้วพี่ละได้ชุดหรือยัง" 

       "ฮะ...พี่หรอ จะเอาชุดไปทำไม"  ฟาเรสถามอย่างงุนงงนี่เขาคงไม่ต้องไปด้วยใช่ไหม

       "ท่านพ่อบอกครั้งนี้พี่ต้องไปด้วย งานเลี้ยงวันเกิดของท่านคาลัม เพื่อนของท่านพ่อ เราต้องไปทั้งครอบครัว" ออร่าอธิบาย เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย นี่คงไม่พ้นพาเขาไปแนะนำให้ลูกสาวของเหล่าคนใหญ่คนโตทั้งหลายแน่ๆ ท่านพ่อผมเป็นนายพลทำงานให้กองทัพ ตอนนี้ท่านมีหน้าที่ดูแลความเป็นไปของคนในเมืองไวท์ออชาร์ดและหมู่บ้านเล็กๆ รอบๆ จึงค่อนข้างมีหน้ามีตาในสังคม ดังนั้นการจับคู่ลูกๆ ของพวกเขา เพื่อสมดุลทางอำนาถจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา
 
       "เอาน่าพี่ ไปแล้วชิ่งกลับก่อนก็ได้นี่ ไปพอให้ท่านคาลัมเห็นหน้าก็พอแล้ว" ออรี่ตบไหล่ปลอบ ฟาเรสจึงได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอมก่อนที่เวลาของเขาจะโดนจับจองไปกับการเป็นหุ่นให้น้องๆ ผู้น่ารักจับลองเสื้อผ้าตลอดบ่าย ก่อนจะถูกเรียกให้ไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นซึ่งหมายความว่างหลังจากนี้เวลาส่วนตัวของเขาคงมาถึงเสียที่

      หลังจากมื้ออาหารฟาเรสก็กลับไปยังห้องสมุดก่อนหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้เดินเข้าห้องของตน วางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะเข้าไปอาบน้ำอาบท่าแล้วมานอนอ่านหนังสือบนเตียง ก็เป็นเรื่องของพวกสมุนไพร์เรื่องยาที่เขาตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อเพราะค่อนข้างสนใจด้านการแพทย์แม้อีกใจก็ค่อนข้างชื่นชอบด้านเทคโนโลยีพอกัน



      เสียงเอะอะโวยวายจากนอกบ้านดึงความสนใจของฟาเรสออกจากตัวหนังสือเหล่านั้น ก่อนเสียงระเบิดที่ตามมาจะทำเอาชายหนุ่มรีบกระโจนลงจากเตียงก่อนก้าวยาวๆ ไปตามทางเดินชั้นสองอย่างร้อนใจเป้าหมายคือห้องของออรี่ออร่า พอดีกับท่านพ่อที่วิ่งสวนมาจึงคว้าแขนเขาเอาไว้

      "เกิดอะไรขึ้นครับ" ฟาเรสถามเสียงตื่น

      "พวกไวด์โซล มันบุกบ้านเรา" ท่านพ่อบอก ไวด์โซล เขาเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง เป็นอันเดธหรือปีศาจประเภธหนึ่งที่ไล่ล่ามนุษย์ แต่ในเมืองที่มีการคุ้มกันแบบนี้พวกมันหลุดมาได้ยังไง อีกอย่างฟาเรสไม่เคยได้ยินข่าวการถูกโจมดีในเมืองแถบนี้เลยด้วยซ้ำ
 
      "แล้วพวกคนอื่นละ ท่านแม่ แล้วก็ออรี่กับออร่าละ" 


      "พ่อให้พวกผู้หญิงไปหลบอยู่ชั้นใต้ดินเหลือแค่น้องๆ เรา ส่วนคนอื่นๆ กำลังต้านมันไว้ พ่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปแล้ว ไม่นานกองทัพคงส่งคนมา" ฟาเรสพยักหน้ารับ เห็นทีวิชาการต่อสู้ที่ท่านพ่อช่วยฝึกสอนมาคงได้ใช้แล้วในวันนี้

      "งั้นผมจะออกไปช่วยข้างนอก"

      "ไม่ต้อง พ่อมีเรื่องให้แกทำ" ผู้เป็นพ่อรั้งฟาเรสไว้ก่อนจะยื่นบางสิ่งให้ มันเป็นสร้อยสีทองพร้อมจี้ที่ทำจากทับทิมหลายขนาดประกอบกันเป็นรูปดวงอาทิตย์สีแดงสด "ไปที่วิหาร..."

      "อะไรนะครับ ไปทำไม" เขารู้สึกงุนงง ในสถานการอย่างนี้จะให้เขาไปที่วิหารทำไมกัน

       "ไปเถอะน่า เราไม่มีเวลามาก เอาสร้อยเส้นนี้ไปสวมให้รูปสลักนั่น แล้วกลับมา พ่อจะอธิบายให้ฟัง พ่อขอไปดูน้องก่อน" ว่าแล้วอินดิโก้ก็วิ่งไปทางห้องลูกสาวทันที

       แม้จะยังไม่เข้าใจแต่ฟาเรสก็พาตัวเองลงมาชั้นล่างวิ่งออกทางหลังบ้านอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามดังตามหลังก่อนที่พวกไวด์โซลจะวิ่งตามมาเมื่อเห็นเขา รูปลักษณ์ของมันเหมือนซากศพที่เหี่ยวแห้งในชุดเกราะโสมมพร้อมอาวุธครบมือ บางครั้งไวด์โซลก็ถูกขนานนามว่าเป็นกองทัพจากนรก

      แสงจากคบเพลิงตามทางเริ่มมอดดับ ขาทั้งสองที่วิ่งไปตามทางอาศัยความคุ้นชินแต่ก็มีหกล้มบ้างจนเนื้อตัวมอมแมม ฟาเรสพาร่างมาถึงวิหาร ตะเกียงที่แขวนไว้ตามเสาต่างๆ ยังคงส่องสว่างเพราะเขามาจุดมันไว้เมื่อคืนก่อน สองเท้าก้าวขึ้นไปบนแท่นอย่างเร่งรีบก่อนจะเอื้อสุดตัวเอาสร้อยคล้องไปที่คอของรูปสลัก ไม่นานทับทิมสีสดก็เริ่มเปร่งแสงเรืองรองสร้างความตกตะลึงให้ฟาเรสยิ่งนัก ดวงตาสีครามครามมองเกราะหินอ่อนที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นเงินช้าๆ  ราวกับต้องมนต์จนลืมไปว่าพวกไวด์โซลตามเขามา

      ฉัวะ!!! คมดาบเฉือนลงแผ่นหลังดึงฟาเรสให้กลับสู่สถานการณ์ปัจจุบันแต่คงสายไปเสียแล้ว เจ็บจนชา รับรู้ถึงความอุ่นร้อนของเลือดที่ไหลอาบร่างก่อนที่ร่างของเขาจะทรุดลงตรงหน้ารูปสลักอย่างสิ้นแรงเพราะเสียเลือดมาก ดวงตาเริ่มพร่าแต่ก็พยายามจะหันไปมองหน้าผู้ปองร้ายแม้มันจะลางเลือนเต็มที ภาพสุดท้ายของฟาเรสคือภาพปีศาจร้ายที่เงื้อคมดาบขึ้นเตรียมจะบั่นคอตน ชีวิตเขาคงจบสิ้นในวันนี้ช่างน่าสมเพชเสียจริง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2016 22:32:34 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z13: :z13: จิ้มจึกๆๆๆ ตอนต่อไปล่ะ  :hao5: ท่านรูปปั้นคือใครกันหว่า  :jul1:

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
 :mc4:   :mc4: 

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4

บทที่ 1

      ไม่มีอะไรแย่เท่ากับการตื่นมา แล้วพบว่าเหลือตัวคนเดียว พ่อแม่และน้องสาวทั้งสองที่แสนรัก ไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ทุกคนในบ้านตายหมดไม่เว้นแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่อยู่ในคอกก็ตาม บ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่จำความได้ ถูกเพลิงเผาวอดเหลือแต่ซาก ฟาเรสคือคนเดียวที่เหลือรอด ในคืนนั้นฟาเรสหมดสติเพราะเสียเลือดมาก แล้วเขาก็ฟื้นมาอีกครั้งในบ้านของลุงมาคัส พี่ชายของท่านพ่อหลังจากหลับไปสองวันเต็มๆ


      ดวงตาสีครามเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเงียบๆ สงสัยเหลือเกินว่าทำไมมีเพียงฟาเรสที่ไม่ตาย แต่เมื่อถามท่านลุงกลับไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ท่านเพียงแต่บอกว่า เขาโชคดี หึ...บางทีอาจไม่ใช่โชคดี เพราะคนที่ยังอยู่คือคนที่ต้องเผชิญกับความเศร้าและการสูญเสีย


       "ฟาเรส ป้าเอาผลไม้มาให้" ป้าโอเรนภรรยาของท่านลุงเปิดประตูเข้ามาในห้อง หันมองชามข้าวต้มข้างเตียงที่ยังเหลือเต็มอย่างกังวล ก่อนจะวางจานองุ่นไว้ข้างกัน


      "ไว้ก่อนครับป้า" ฟาเรสบอกพลางปาดเช็ดน้ำตาออกลวกๆ


      "ดูสิ ร้องไห้อีกแล้ว โอย แบบนี้ป้าไม่สบายใจเลย" ป้าโอเรนนั่งลงบนเตียงก่อนดึงร่างของหลานรักมากอดแนบอก 
      "ร้องออกมาร้องออกมาให้หมด หากนั่นมันทำให้หลานดีขึ้น" เธอบอกพลางลูบเรือนผมสีสว่างนั่นเบาๆ ฟาเรสปล่อยโฮออกมาในอ้อมอกนั้น แผลที่หลังมันระบมแต่ก็ยังเจ็บไม่เท่าใจที่เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ 
      "อย่าคิดว่าตัวเองไม่เหลือใคร อย่างน้อยลุงกับป้าก็รักหลาน เราสูญเสียมามากพอแล้ว อย่าให้ต้องเสียหลานไปอีกคนเลย รู้ไหมโชคดีแค่ไหน ที่หลานไม่ตาย ฟาเรส คนเรามีชีวิตเพื่อเดินต่อ ถ้ายังมีลมหายใจนั่นแปลว่ายังมีโอกาสทำอะไรๆ ที่อยากทำ" คำพูดของป้าโอเรนทำให้ฟาเรสคิดได้


      ใช่!...คนเราต้องเดินต่อ


      หากฟาเรสยังมัวจมอยู่กับความศร้าก็ไม่มีทางรู้เลยว่าทำไมพวกไวด์โซลถึงฆ่าครอบครัวเขา อย่างน้อยก็ขอให้ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้เขาคงจะตายตาหลับ  ท่านลุงกับป้าเองก็เอ็นดูเขาเหมือนลูกคนหนึ่ง เพราะลูกๆ ของท่านต่างเติบโตและมีครอบครัวไปหมดแล้ว


      กว่าฟาเรสจะหายดีก็ผ่านไปเกือบสองอาทิตย์ซึ่งค่อนข้างไวเมื่อเทียบกับคนทั่วไป แผลที่ปิดสนิทเหลือไว้เพียงรอยแผลเป็นพาดยาวที่กลางหลัง แต่ละวันหมดไปกับความเงียบงันเมื่อไม่มีสองแฝดคอยก่อกวน วันนี้ฟาเรสกลับไปที่บ้านอีกครั้ง ตัวคฤหาสก์ไม่เหลืออะไรนอกจากเสาซีเมนต์ที่พังลงมา เขาจึงตรงไปยังวิหารด้านหลัง เท่าที่กวาดตาดู ก็ไม่ได้เสียหายเท่าไหร่นัก ดูหนักสุดก็แต่โดมกระจกที่แตกลงมาประมานหนึ่งในสามกับคราบเลือดที่แห้งกรังบนพื้น


      หายไป!!! รูปสลักหินที่อยู่ตรงกลางหายไปแล้ว ไม่มีร่อยรอยแตกหักใดๆ เหลือเพียงบรรลังก์ว่างราวกับมันลุกออกไปเองได้อย่างนั้น ฟาเรสรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เห็น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้


     ...บ้าไปแล้ว นั่นแค่รูปสลักนะ...


      เมื่อหาคำตอบไม่ได้จำต้องปล่อยผ่าน ก่อนจะสำรวจรอบๆ เพื่อหาสร้อยที่เขาถือมาด้วยในคืนนั้น แต่ไม่มีจึงล้มเลิกความตั้งใจแล้วกลับบ้านท่านลุงในตอนเย็น


      "ฟาเรส อยู่แบบนี้เบื่อหรือเปล่า" ท่านลุงมาคัสถามขึ้นระหว่างมื้ออาหารเย็น


      “ก็ นิดหน่อยครับ” เขาตอบไปตามตรง

 
      “เราเรียนจบขั้นพื้นฐานหมดแล้วใช่ไหม” หลานชายพยักหน้ารับพลางตักพาสต้าเข้าปาก 


      “ดีเลย ป้าตั้งใจจะส่งเราไปเรียนมหาลัยนะ พี่ราฟ กับลิเวียก็จบมาจากที่นั่น อานิมา เป็นมหาลัยอันดับหนึ่งเชียวนะ” ท่านเคยเล่าว่าลูกชายทั้งาองท่านจบการทหารซึ่งขึ้นชื่อจากที่นั่น


      “แล้วผมจะสอบได้หรอครับ” ฟาเรสถามอย่างไม่แน่ใจ จบพื้นฐานมาหนึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่าความรู้ยังแน่นอยู่หรือเปล่า


      “หลานลุงเก่งจะตาย” ท่านชม
     “เดี๋ยวจะมีสอบเข้าในอีกหนึ่งอาทิตย์ ลุงนะเตรียมวุฒิการศึกษากับใบสมัครไว้ให้แล้ว เตรียมออกเดินทางได้เลย” 


     “ฮะ อะไรนะ หนึ่งอาทิตย์” 


      “ใช่จ้ะ นี่จะไปเลยหรือเปล่า ไปอยู่รอสอบที่โน่น ป้าโทรไปบอกให้คนรู้จักหาโรงแรมไว้ให้แล้ว ไปพรุ่งนี้เลยไหม"


      "เอ่อ แล้วแต่เห็นสมควรเลยครับ" ฟาเรสรับคำอย่างเสียไม่ได้ เล่นเตรียมทุกอย่างหมดแบบนี้ คงปฏิเสธไม่ได้สินะ เอาเถอะเพราะพวกท่านหวังดีจึงทำ ถึงแม้มันจะฉุกละหุกไปบ้างก็ตามที


      "งั้นพรุ่งนี้ป้าไปส่งที่ท่าเรือบินแล้วกันนะ ใจจริงก็อยากจะไปถึงที่โน่นเหมือนกัน แต่ต้องไปช่วยลุงลงพื้นที่ทางตะวันออกนะจ้ะ" ลุงมาคัสก็เป็นทหารเหมือนกับพ่อผม แต่ท่านอยู่หน่วยอารักขา ส่วนท่านพ่ออยู่หน่วยล่าตระเวน

 
       ฟาเรสออกเดินทางในเช้าวันถัดมา สู่เดสเซนท์ ในโลกที่เขาอยู่ถูกเรียกว่า เอสทีเรียด ประกอบด้วย ห้าดินแดนใหญ่ๆ ดินแดนทางเหนือถูกเรียกว่านอธเทิร์นเรียม ทางตะวันตกคือเคลวิช ตะวันออกคือเรดิเอนซี่ และหมู่เกาะทางใต้บ้านเกิดของเขาไวท์ออชาร์ด ทั้งหมดถูกปกครองด้วยกษัตริย์ ยกเว้นเดสเซนท์ ซึ่งอยู่ตรงกลาง ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย บริหารงานด้วยสภาโดยมีอีกสี่ดินแดนร่วมดูแล และมหาลัยอานิมาตั้งอยู่ในเกาะซึ่งห่างออกไปจากเมืองหลวงของเดสเซนท์ไม่ถึงห้ากิโลเมตร
เมืองเดสเซ็นท์เป็นศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นศูนย์บัญชาการของกองทัพกลางทีชื่อว่า เอแวนการ์ด ซึ่งบางครั้งก็ถูกส่งให้ไปทำงานร่วมกับทหารในดินแดนรอบๆ มหาวิทยาลัยอานิมาซึ่งตั้งอยู่ในเขตของเมืองนี้จึงเปรียบเสมือนศูนย์กลางการเรียนรู้ของชาวเอสทีเรียด



      ใช้เวลาสิบสองชั่วโมงฟาเรสก็เดินทางมาถึงเดสเซนท์โดยมีคนรู้จักของท่านป้ามารอรับเขาที่ท่าเรือเหาะ แล้วพาเขาไปส่งยังโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่แถวท่าเรือที่ใช้ข้ามฟากไปเกาะอานิมา ฟาเรสกล่าวขอบคุณผู้มาส่งก่อนจะก้าวลงจากรถแวนสีดำตรงหน้าโรงแรม บริกรเข้ามารับกระเป๋าของเขาอย่างรู้งาน ฟาเรสแจ้งชื่อและชำระค่าห้องเสร็จก็ถูกนำไปยังห้องพักบนชั้นที่ยี่สิบบนสุดของตึกนี้


      ห้องชุดขนาดกลางตกแต่งแบบทันสมัยพร้อมระเบียงที่เห็นวิวทะเลด้านนอก แต่ในยามมืดค่ำแบบนี้คงไม่เห็นสิ่งใดนอกจากไฟตามหาด 


     "วางไว้ตรงนี้เลยครับ" ฟาเรสชี้ไปตรงมุมห้องข้างประตูให้บริกรวางข้าวของทั้งหมด ซึ่งไม่มีอะไรมากนอกจากกระเป๋าเสื้อผ้ากับกระเป๋าใบเล็กที่มีหลังสือติดมาสามเล่มพร้อมเอกสารและบัตรประจำตัวต่างๆ


      สิ่งแรกที่ฟาเรสต้องการนั่นคือนอน การที่ต้องนั่งเรือเหาะข้ามน้ำข้ามทะเลความกดอากาศที่เปลี่ยนทำให้เขารู้สึกมวนท้องเกินกว่าจะกินอะไรได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าปีนขึ้นเตียงพักผ่อนเอาแรง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากันพรุ่งนี้
เวลาหกวันที่เหลือฟาเรสใช้มันไปกับการอ่านทบทวนวิชาต่างๆ มันบ้าที่ต้องมานั่งทบทวนความรู้ทั้งหมดในหกวัน ถึงกระนั้นเขาก็ออกไปเดินเล่นรอบๆ จับจ่ายซื้อของที่ต้องการบ้าง เพื่อไม่ให้เครียดจนเกินไป เดสเซนท์ในยามนี้คึกคักไปด้วยผู้มาเยือน นั่นคือเหล่านักเรียนนักศึกษาที่มารอสอบและบรรดาผู้ปกครองบางคนที่มาให้กำลังใจ


      แล้ววันสอบก็มาถึง ฟาเรสโทรหาลุงมาคัสกับป้าโอเรนคืนก่อนสอบและได้รับคำอวยพรชุดใหญ่ บอกให้รู้ว่าผู้มีพระคุณทั้งสองคาดหวังในตัวเขาเพียงใด


     นักเรียนกว่าสองหมื่นคนหลั่งไหลเข้ามหาวิทยาลัยอานิมา(Anima Reserch Center & University) เพื่อสอบเข้า ที่นี่มีสอนอยู่สี่คณะใหญ่ คณะแรกคือวิทยาการการทหาร คณะขึ้นชื่อและเป็นอันดับหนึ่งในเอสทีเรียดควบคุมหลักสูตรโดยเอแวนการ์ด คณะที่สองคือวิทยาศาสตร์การแพทย์และการวิจัย คณะที่สามคือเศรษฐกิจและสังคม และคณะสุดท้ายคือศิลปกรรมและปรัชญา ซึ่งแต่ละคณะจะแบ่งย่อยไปตามเอกอีกที และใช้เวลาในการศึกษาสามปี ปีละสองเทอม


      ข้อสอบเป็นแบบรวมแล้วเอาคะแนนไปยื่นในคณะที่ต้องการ หากคะแนนติดอันดับในจำนวนที่เอกนั้นต้องการก็จะมีสิทธิ์เข้าเรียนทันที การเข้านั้นยากแล้วแต่การอยู่ต่อนั้นยากกว่า หลังจากผ่านเทอมแรกจะมีการสอบวัดระดับใครที่ไม่ผ่านจะถูกเชิญออกทันที หากต้องการกลับเข้ามาเรียนจะต้องมาสอบอีกครั้งในปีถัดไปเพื่อป้องการกันการเลือกเรียนในสายที่ไม่มีความถนัดซึ่งยากที่จะฝืนเรียนต่อไปจนจบ


      ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ฟาเรสคิด เพราะข้อสอบไม่ได้ยากเกินความสามารถเขา วันนี้เป็นวันประกาศผลหลังจากวันสอบสามวัน ร่างโปร่งกำลังยืนเคว้งท่ามกลางความวุ่ยวายของบรรดาผู้สอบที่กรูกันเข้าไปดูรายชื่อของตัวเองบนบอร์ดประกาศของคณะต่างๆ ที่ตั้งไว้ตามจุดตรงลานด้านหน้าตึกอำนวยการ


       "ไม่ไปดูผลสอบหรอ" เสียงทักข้างๆ ทำให้ฟาเรสต้องหันมอง


       "ครับ...เอ่อ จะรอคนซาก่อนนะครับ ไม่อยากเบียด" นัยน์ตาสีน้ำตาลมองมาที่เขาอย่างเป็นมิตร ใบหน้าคมคายกับรูปร่างสมส่วนสูงกว่าเขาเล็กน้อย โดยภาพรวมคนตรงหน้าดูดีจนน่าอิจฉา "แล้วนายละ"


       "อ้อ ฉันมากับเพื่อนอีกสามคนนะ เลยฝากให้พวกมันไปดูให้ ฉันชื่อมาวิคนะ เป็นคนเดสเซนท์นี่ละ" อีกฝ่ายยื่นมือมา เขาจึงจับทักทายตอบเพื่อไม่ใช้เสียมารยาท


      "ฉันฟาเรส มาจากไวท์ออชาร์ด"


      "เฮ้ นายดูไม่เหมือนคนเขตนั้นเลย นึกว่ามาจากนอธซะอีก" หลายครั้งที่ฟาเรสถูกทักแบบนี้ด้วยสีตาและสีผมที่มีจึงได้แต่ยิ้มตอบ "อ๊ะ พวกนั้นมาแล้ว ขอตัวก่อนนะหวังว่าจะได้เจอกันในมหาลัย" ฟาเรสบอกลาคนแปลกหน้าแบบงงๆ แต่ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร เหมือนคนจะเริ่มบางตา ฟาเรสจึงตัดสินใจเดินไปยังบอร์ดของคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์และการวิจัย


      "ให้ช่วยหาไหมจ้ะ" พี่สาวคนสวยที่มีป้ายสตาฟแขวนเข้ามาทักทาย 


      "เอ่อครับ ขอบคุณครับ"


      "ชื่ออะไรละเรา" 


      "ฟาเรส คาเดนเซีย ครับ


      "จริงหรอ!!! ใช่เราจริงๆ หรอ" ท่าทีตื่นตะลึงของหญิงสาวทำเอาฟาเรสงุนงง ชื่อเขามันมีอะไรผิดนะ "มาดูนี่สิ เธอนะได้คะแนนอันดับหนึ่งเชียวนะ" ว่าแล้วเธอก็ถือวิสาสะจูงมือเขาไปยังด้านซ้ายของบอร์ด ก่อนจะชี้ไปยังชื่อซ้ายบนสุด ที่เขียนว่า ฟาเรส ฟราน คาเดนเซีย


      "เกินคาดไปเยอะเลยแฮะ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเพราะเขาได้คะแนนถึง 995 จาก 1000 ข้อสอบไม่ได้ยากแต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เยอะขนาดนี้ 


      "พี่ไม่เคยเห็นใครได้คะแนนเกิน 950 ด้วยซ้ำตั้งแต่เรียนมา ยินดีด้วยน้องชาย ยินดีต้อนรับสู่อานิมาของเรานะจ้ะ พี่ชื่อ จีน่า อยู่ปีสามเอกชีวะ เจอก็ทักกันได้นะ" เธอจับมือจับไม้ราวกับนั่นเป็นคะแนนของตัวเอง ฟาเรสจึงได้แต่ยิ้มรับ เป็นเรื่องที่น่ายินดี ฟาเรสกำลังจะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเอสทีเรียด หากท่านพ่อท่านแม่อยู่ต้องภูมิใจในตัวเขาแน่ๆ
ฟาเรสไม่ลืมที่จะโทรไปบอกผลสอบแก่ลุงกับป้า ท่านทั้งสองดีใจยกใหญ่และยิ่งปลื้มหนักเมื่อได้รู้คะแนนที่เขาสอบได้ แต่ลุงมาคัสก็แอบเสียดายที่เขาไม่ได้เลือกวิชาวิทยาการการทหารแบบที่ท่านหวัง จึงรับปากท่านไว้ว่าจะลงเรียนวิชาเกี่ยวกับการทหารเป็นวิชารองหากทำได้

 
      มหาวิทยาลัยอานิมา ตั้งอยู่บนเกาะที่ชื่อเดียวกัน สิ่งก่อสร้างต่างๆ กินพื้นที่ราวๆ หกสิบเปอร์เซ็นทางตะวันออกของเกาะ ที่เป็นแนวยาวคล้ายสามเหลี่ยมจั่วคว่ำ ด้านตะวันตกยังคงสภาพเป็นป่าทึบ 


      ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเว้าเป็นรูปพระจันเสี้ยวมีโคลอสเซียมขนาดใหญ่อยู่ในเวิ้งน้ำโดยมีสะพานขนาดเชื่อมต่อกับพื้นดิน

 
       ตะวันออกสุดเป็นหาดทรายขาว เป็นโซนที่พักอาศัยประกอบด้วยตึกขนาดสูงขนาดสามสิบห้าชั้นอันเป็นหอพักนักศึกษา ชั้นแรกเป็นส่วนของล๊อบบี้และโรงอาหาร ส่วนชั้นสองถึงสิบเป็นของปีหนึ่ง ชั้นสิบเอ็ดถึงยี่สิบเป็นของปีสองและชั้นยี่สิบเอ็ดถึงสามสิบเป็นของปีสามโดยเป็นห้องชุดพักห้องละสี่คน ชั้นที่สามสิบเอ็ดกับสามสิบสองเป็นห้องพักโซนวีไอพีซึ่งมีเพียงชั้นละสิบห้องเท่านั้น นักศึกษาสามารถแจ้งความประสงค์เข้าพักห้องชุดเหล่านี้ได้ แต่นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมากต่อปีที่ต้องจ่ายให้ทางมหาวิยาลัย ส่วนชั้นที่เหลือนั้นเป็นที่พักของเหล่าอาจารย์ 


      นอกจากนี้ตลอดแนวชายหาดยังประกอบด้วยร้านรวงต่างๆ และบ้านของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานภายในเกาะจนเหมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ บนเกาะแห่งนี้


      ในส่วนการศึกษาประกอบด้วยห้าอาคารใหญ่ที่เรียงกันเป็นรูปครึ่งวงกลมตามเวิ้งน้ำ โดยตึกแรกที่ติดกับแนวป่าเป็นของคณะที่ฟาเรสเรียน ถัดมาเป็นของวิทยาการการทหาร ตึกตรงกลางคือห้องสมุดขนาดยักษ์ หอประชุมและกองอำนวยการ ถัดมาเป็นของเหล่านักเศรษฐศาสตร์ และสุดท้ายเป็นของเหล่าศิลปินและนักปรัชญา ในสายตาของฟาเรส มหาวิทยาลัยแห่งนี้เปรียบเสมือนเมืองขนาดย่อมและเขาก็ค่อนข้างชอบหากต้องใช้ชีวิตที่นี่ไปตลอดสามปี



      ในช่วงสองอาทิตย์ที่รอชายหนุ่มได้เที่ยวเล่นไปทั่วเดสเซนท์จนจำถนนหนทางได้ขึ้นใจ ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติทำให้เจ้าตัวไม่รู้สึกแปลกแยกนัก ที่นี่ต่างไปจากไวด์ออชาร์ด ทุกสิ่งทุกอย่างดูทันสมัยและมีสิ่งอำนวนความสะดวกมากมาย 
ฟาเรสย้ายเข้ามาหอพักในอานิมาสองวันก่อนเปิดเทอม ทันทีที่รู้ว่าเข้าได้พักในห้องชุดโซนวีไอพีในชั้นสามสิบเอ็ด เจ้าตัวต้องรีบใช้โทรศัพท์ในห้องพักโทรไปขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งสองเป็นการด่วน


      "ป้าเห็นเราชอบความสงบ แถมตอนอยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ก็เลยคิดว่าให้เราพักคนเดียวน่าจะสบายใจกว่า" ป้าโอเรนอธิบายเหตุผล "แล้วหลานชอบไหมละ"


      "ครับผมชอบที่นี่มาก ระเบียงหันหน้าออกทะเลด้วย อยากให้ลุงกับป้ามาเห็นจัง" 


      "ฮี่ๆ น่ารักจริงหลานคนนี้นี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง พวกเราไม่ได้เดือดร้อน ฟาเรสของป้ามีความสุขก็พอแล้ว" เธอหัวเราะเสียงใส จริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องรบกวนใคร ลำพังทรัพย์สมบัติที่ท่านพ่อทิ้งไว้ก็มีมากพอส่งเสียตัวเองจนจบ


      "ขอบคุณจริงๆ ครับ"


      "จ้า ตั้งใจเรียนนะ อยู่ที่โน่นก็หาเพื่อนไว้บ้าง เดือดร้อนอะไรจะได้มีคนพึ่งพา ถ้ามีโอกาสป้าจะไปเยี่ยมนะ เดี๋ยวป้าวางแล้ว รักหนูนะ"

 
      "ครับผมก็รักป้าครับ" ฟาเรสตอบพลางอมยิ้ม แม้พึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มาแต่ลุงกับป้าก็ทำให้เขายังรับรู้ถึงความอบอุ่นของคำว่าครอบครัว นี่คงเป็นโชคดีแบบที่ท่านชอบพูดจริงๆ

..............................

 :katai5: เข้าเรื่องกันแล้ววว บทที่หนึ่งมาเซิฟแล้วจ้า ทำแมพมาให้ดูเผื่อนึกไม่ออก

 :katai2-1: เพิ่มเติม ในเอสทีเรียดนั้น ไม่ได้เป็นแบบสังคมโบราณนัก บางเมืองมีความเจริญพอๆ กับยุคเราค่ะ แต่บางเมืองยังคงความคราสสิกอยู่ ถ้าให้เปรียบง่ายๆ ก็คงเหมือน เกมไฟนอล อะไรเทือกนั้น มันเทคโนโลยี และมีเวทย์มนต์ รวมไปถึงสิ่งเหนือธรรมชาติต่างๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักนะ  :mew2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :L2:   ติดตาม. เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ฟาเรสสู้ๆ  ลุ้นพระเอก. เกี่ยวกับรูปปั้นและจี้แน่ๆเลยเดานะ

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
น่าสนใจๆ อยากรู้จังว่าพระเอกจะเป็นใคร คนในรูปปั้นมั้ยน้อ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ชอบมาก ชอบอ่านแนวแฟนตาซีแบบนี้ รอมานานมีคนแต่งซัดที รักคนเขียน จุ๊บๆ :mew1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
พระเอกจะใช่คุณรูปปั้นไหมน่าาา
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
รอตอนต่อไปนะค้าาาา  :mew1:

น่าติดตามมากๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 2
[/size][/color]

      ฟาเรสสำรวจตัวเองในกระจกห้องน้ำ เชิ๊ตสีขาวทับด้วยสูทสีเทาและกางเกงสีเดียวกันเมื่อรวมกับผิวขาวจัดและผมสีซีดที่ซอยระต้นคอ ขับให้ดวงตาสีครามคู่นั้นดูโดดเด่น วันนี้มีปฐมนิเทศเขาจึงต้องแต่งเครื่องแบบนักศึกษาเต็มยศ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มจึงเดินออกจากห้องน้ำมานั่งลงปลายเตียง แล้วหยิบกล่องที่ทางมหาวิทยาลัยเตรียมไว้ให้นักศึกษาทุกคนมาเปิดดู 


      ภายในประกอบด้วยบัตรนักศึกษาที่สามารถใช้แทนเงินสดจับจ่ายกับทุกสิ่งในเกาะแห่งนี้โดยหักจากบัญชีของตัวเอง หนังสือแนะแนวของมหาวิทยาลัยที่ประกอบด้วยกฎของต่างๆ ของอานิมา อธิบายรายวิชาทั้งหมดที่เปิดสอนทั้งในส่วนของวิชาบังคับแต่ละเอก วิชาทั่วไป และวิชาเลือกเสรี การเลือกวิชาเอกและการสอบเลือกวิชาโท การลงเรียนเก็บหน่วยกิจ และอื่นๆ ที่จำเป็นต้องรู้ในการศึกษา นอกจากนี้ยังมีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสัมผัส ซึ่งฟาเรสเคยเห็นคนอื่นใช้มาบ้างแล้วแต่เขาก็ไม่คิดอยากได้เพราะมันไม่จำเป็น แต่ที่ทางมหาวิทยาลัยแจกให้ทุกคนนั้นเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร และการจัดการข้อมูลต่างๆ ของตัวนักศึกษาเอง ปฐมนิเทศจะเริ่มตอนสิบโมง ถึงแม้ภายในห้องจะมีครัวแต่ลงไปกินโรงอาหารข้างล่างคงสะดวกกว่าเพราะเขาขี้เกียจทำ


      "เฮ้ ฟาเรส...ทางนี้ๆ" เสียงทักเจื้อยแจ้วดังขึ้นเมื่อฟาเรสกำลังมองหาที่ลงจอดพร้อมจานข้าวในมือ เจ้าของเสียงโบกไม้โบกมือให้เขาถัดไปอีกสามโต๊ะ นัยน์ตาสีน้ำตาลสดใสนั่นเขาจำมันได้ดี
      "นั่งด้วยกันสิที่ยังว่าง" ไม่ว่าเปล่าเจ้าตัวเดินมาดึงมือเรียวให้ไปนั่งลงบนโต๊ะท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ก่อน


      "ขอบใจมาวิค เอ่อ...สวัสดีครับ ผมชื่อฟาเรสครับ" เขาเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมโต๊ะอีกสามคนพร้อมแนะนำตัว


      "ฉันโอซี่" ชายหนุ่มผิวแทนรูปร่างสูงใหญ่หน้าดูตาคมเข้มด้วยดวงตาสีดำและผมสีเดียวกันเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม
 

      "ฉันพรีมนะยินดีที่ได้รูจัก" เจ้าของดวงตาสีฟ้าสวยที่ดูตัดกันดีกับผมสีทอง ยื่นมือมาจับทักทาย พรีมดูเหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์แต่ก็ดูไม่หยิ่งเลยแม้แต่น้อย


      "ฉันเซียนะจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักหนุ่มหล่ออย่างเธอ" เซียยิ้มหวานหยด ใบหน้าสวยหมดจด ผมสีแดงและนัยน์ตาสีเขียวขับให้เธอดูเป็นคนโฉบเฉี่ยวมั่นใจ "ส่วนหมอนั่นคือมาวิค คงจำกันได้เนอะ พวกนี้เป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนระดับพื้นฐานแล้วละ พวกเราเรียนคณะวิทยาการการทหาร แล้วนายละ"


      "อ่อ ฉันเรียนคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์และการวิจัย" ฟาเรสตอบพลางตักข้าวเข้าปากเพราะหิวเต็มทน


      "ว่าแต่รูมเมทนายไปไหน ไม่มากินข้าวด้วยกันหรอ" มาวิคถามอย่างสงสัย


      "อ่อ ฉันพักคนเดียวนะ" ฟาเรสตอบ


      "อยู่โซนวีไอพีสินะ ตอนแรกพ่อก็จะให้ฉันอยู่แต่ไม่เอาหรอกอยู่คนเดียวเหงาจะตาย" เซียบ่น "งั้นนายก็ยังไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหมละ มาเป็นเพื่อนพวกเราก็ได้เรายินดี"


      "ได้เลย ไม่มีปัญหา" ฟาเรสตอบรับเสียงใส มีเพื่อนไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร


      "ฟาเรส นายชื่อเต็มว่าอะไร" มาวิคถามพลางจ้องหน้าเขาจริงจัง


      "ฟาเรส ฟราน คาเดนเซีย" คนถามมองฟาเรสแบบทึ่งๆ 


      "ว่าแล้วไง เป็นหมอนี่จริงๆ ด้วย" มาวิคบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "คนที่ได้คะแนนสูงสุดในการสอบรอบนี้นะ นายนี่สุดยอดจริงๆ คะแนนสูงขนาดนี้เสียดายแย่ที่ไม่ได้เข้าคณะเดียวกัน" ฟาเรสยิ้มเขินกับสายตาชื่นชมที่เพื่อนๆ มอบให้ 


      คุยเล่นกันซักพักจึงชวนกันเคลื่อนย้าย เพราะใกล้เวลาปฐมนิเทศแล้ว ทั้งห้าคนเดินไปยังหอประชุมที่ตึกอำนวยการ ฟาเรสแอบรู้สึกประหม่าเมื่อกลุ่มของเขากลายเป็นเป้าสายตา เพราะเพื่อนใหม่ดันมีแต่พวกเทพบุตรเทพธิดาเดินดินซะนี่ เลยกลายเป็นจุดเด่นอย่างช่วยไม่ได้ 


      พิธีปฐมนิเทศก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงการกล่าวตอนรับนักศึกษาใหม่ และแนะนำบุคลากรต่างๆ เล่นเอาฟาเรสหาวจะหลับไปหลายรอบ ช่วงเวลาแห่งความง่วงจบลงตอนเที่ยงวัน หลังจากนี้น้องใหม่ทุกคนจะต้องไปที่ตึกคณะตัวเอง เพื่อไปเลือกเอกที่ต้องการโดยจะมีรุ่นพี่และอาจารย์คอยแนะแนว พร้อมมีเจ้าหน้าที่ของกองอำนวยการมาคอยรับลงทะเบียนในช่วงบ่าย แต่หลังจากเทอมนี้ก็ต้องลงเอง ซึ่งในแต่ละปีการศึกษาของที่นี่จะเป็นเป็นสองภาค ฟาเรสจึงจำต้องแยกกับเพื่อนใหม่ทั้งสี่โดยไม่ลืมแลกเบอร์โทรศัพท์ของกันและกันไว้ หากใครเสร็จก่อนก็ให้โทรบอก


      "เธอแน่ใจหรอว่าจะเลือกเอกนี้" เจ้าหน้าที่ที่รับเอกสารมองหน้าฟาเรสแบบไม่เข้าใจ


      "ทำไมหรอครับ"


      "ก็เอกที่เธอเลือกมันไม่ค่อยนิยมนะสิ คะแนนเธอสูงขนาดนี้ พี่ก็เสียดายนะ ...พฤกษศาสตร์พันธุ์พืชและสมุนไพร... เอาจริงๆ นะถ้าเธอสนใจเรื่องตัวยาทำไมไม่เรียนเภสัชศาสตร์โดยตรงไปเลยละ สมัยนี้เขานิยมใช้ยาปฏิชีวนะมากกว่านะ แต่ระดับเธอเรียนการแพทย์ก็ยังได้" เธออธิบาย พยายามโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจ


      "เอ่อ...เอกนี้แหละครับ ผมชอบ" ฟาเรสยิ้มรับให้กับความหวังดี พืชทุกชนิดล้วนมีความลับในตัวมันเอง มันน่าสนุกจะตายที่ได้ศึกษาคุณสมบัติของมันแล้วนำมาใช้ให้เกิดผล


     "ถ้าเราชอบ ก็ตามใจ" เธอรับคำ พลางคีย์ข้อมูลลงในคอมพิงเตอร์ "พี่ส่งตารางเรียนไปในโทรศัพท์เราแล้วนะ เป็นตารางเรียนในเทอมนี้" ฟาเรสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูตารางเรียนที่ได้รับ "ทั้งหมดที่เห็นเป็นวิชาบังคับนะ ส่วนช่องที่ว่าง ไว้ลงวิชาทั่วไปแล้วก็วิชาเลือกเสรี  ลงทะเบียนภายในอังคารหน้านะ ของคณะไหนก็ได้เอาที่สนใจเลย วิชาเอกเริ่มพรุ่งนี้ ส่วนวิชาอื่นเริ่มอาทิตย์หน้า"


      "ขอบคุณครับ"


      ฟาเรสตรวจดูตารางเรียนของตน วันจันทร์ อังคารและพุธครึ่งวัน เขาต้องเรียนวิชาเอก ส่วนวันที่เหลือเว้นว่างสำหรับวิชาทั่วไปกับวิชาเลือกเสรี ดูเหมือนธุระของวันนี้คงจบสิ้นแล้ว จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนหมาดๆ ของเขา 


      "ฮัลโล ฟาเรสนี่เซียนะจ้ะ"  เสียงหวานรับสายแทนมาวิค ทำไมเขาต้องนึกชื่อหมอนี่ขึ้นคนแรกไม่เข้าใจ บางทีอาจเพราะรู้จักก่อนใครมั้ง


      "ทางฉันเรียบร้อยแล้วนะ" 


      "ไวจัง ฉันเองก็ไม่มีอะไรแล้วละ แต่ มาวิค โอซี่ กับพรีมต้องเข้าทดสอบสมรรถภาพนะ มาดูไหม คนมาดูเต็มเลย" เซียเอ่ยชวน ได้ยินมาว่าควบคุมหลักสูตรโดยเอแวนการ์ด ชักอยากจะเห็นแล้วสิ
 

      "ได้ ฉันจะไป"


      "งั้นมาที่สนามฝึก หลังตึกคณะวิทยาการการทหารนะ ถ้าถึงทางเข้าแล้วโทรมาบอกอีกทีเดี๋ยวคนสวยไปรับ" เซียบอกเสียงใส



      ฟาเรสไปยังที่หมายตามคำเชิญของเพื่อนสาว เซียพาเขาเข้ามาภายในสนามฝึกที่มีลักษณะเป็นเสตเดียมทรงเกือกม้า ก่อนนำเขาไปนั่งแถวหน้าสุดบนเก้าอี้ที่เธอวางของจับจองไว้รวมกันสี่ตัว เดาว่าน่าเป็นของสามหนุ่มในสนามก่อนหน้า แต่ดูเหมือนว่าทุกคนในสนามกำลังนั่งพักเหมือนเพิ่งจบการทดสอบไปก่อนหน้า


      "อ่าว เขาทดสอบเสร็จแล้วหรอ" ฟาเรสถามพางกวาดตามองไปรอบๆ


      "ยังหรอก เพิ่งจบการทดสอบสมรรถภาพทางกายนะ ก่อนหน้านี้ทดสอบเทคนิคการใช้อาวุธพื้นฐาน รอบต่อไปจะทดสอบพลังเวทย์แฝง" คนฟังพยักหน้าเข้าใจ เขาเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่เคยลองกับตัวเอง "แล้วเขาจะเอาคะแนนทดสอบทั้งสามรอบมารวมกัน ต้องเกินครึ่ง ถึงจะสามารถเข้าเอกนี้ได้ เอ่อ ฉันหมายถึงเอกการรบนะ"


       "แล้วเธอเรียนเอกอะไรละ" 


       "การวิจัยและพัฒนาอาวุธนะ ให้ไปตากแดดอย่างนั้นไม่เอาหรอก ผิวเสีย" เซียบอกพร้อมทำท่าทำทางราวกลับกลัวแดดเต็มที เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี


      "เอาละ นักศึกษาทุกคน เรามีเวลากันไม่มาก เรามาเริ่มการทดสอบต่อไปกันเถอะ มนุษย์ทุกคนในเอสทีเรียดนั้น ต่างมีพลังเวทย์อยู่ในตัวเองมากน้อยต่างกัน ทางเราจึงคิดค้นวิธีการนำพลังเหล่านั้นมาใช้ให้เสถียรผ่านสื่อกลาง นั่นคือสิ่งนี้" ชายสูงวัย แม้ผมจะขาวไปทั้งหัว ใบหน้าแต่งแต้มด้วยริ้วรอย แต่ยังคงดูบึกบึนแข็งแกร่งตามสไตล์ทหารเก่า ชูอัญมณี สีขาวในมือ "เราเรียกมันว่า เจ็ม (Gem) ซึ่งมันจะเปลี่ยนสีไปตามปริมาณพลังเวทย์ที่ไหลผ่าน"

 
      "โหวววว" เสียงฮือฮาดังก้องสนาม เมื่อเจ็มในมืออาจารย์ค่อยๆ เปลี่ยนสี จากขาวสะอาด เป็นสีเหลืองอ่อน ก่อนจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ เป็น ส้ม ส้มแดง จนเป็นสีแดงสด


      "อาจารย์ อีวาน ท่านเคยทำงานให้กองทัพ บัญชาการหน่วยต่อต้านพวกในนอธฟิว ก่อนจะเกษียณมาเป็นอาจารย์ที่นี่ สมัยท่านอยู่นะ หน่วยของท่านได้รับฉายาว่าไร้พ่ายเลยละ" เซียบอกพลางมองคนในสนามอย่างชื่นชม


     "เจมเหล่านี้ จะถูกติดตั้งในอาวุธเพื่อเพิ่มสมรรถภาพของมัน ซึ่งจำเป็นมากในการรบกับพวกไวด์โซล ตัวอย่างเช่น หากเอาเจมฝังไว้ในดาบ แม้จะเป็นดาบไม้ก็แข็งดุจเหลกกล้าได้"


      ชื่อของไวด์โซลกระตุ้นความสนใจของฟาเรส นัยน์ตาสีครามจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างตั้งใจ อาจารย์อีวานรับดาบไม้จากผู้ช่วยที่มีเจ็มเม็ดหนึ่งติดอยู่ตรงด้ามจับมาถือไว้ ก่อนจะเดินไปยังแท่นปูน ที่ถูกนำมาใช้ทดสอบในรอบก่อน แล้วฟาดลงเต็มแรง แท่นปูนหักเป็นสองซีกทันตาเห็นเรียกเสียงปรบมือก้องสนาม


      "มันมีในวิชาเลือกหรือเปล่า" ฟาเรส


      "นายสนใจหรอ  มีในวิชาเสรีไง จริงๆ มีหลายวิชาของการทหารที่คณะอื่นก็มาลงเรียนได้ เพราะที่อานิมามองว่า การเอาตัวรอดเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิต" เซียอธิบาย "มาเรียนสิ เราจะได้เรียนด้วยกัน"


      "อืม ก็น่าสนุกดี"


      ทั้งสองดูการทดสอบในสนามอย่างตั้งใจ นักศึกษาจะถูกเรียกขึ้นมาทีละห้าคน ก่อนจะแจกดาบไม้ให้คนละอัน แล้วเจ้าหน้าที่จะเอาวัสดุมาวางไว้ตรงหน้าเพื่อให้ลองฟัน ให้คะแนนตามสิ่งที่ฟันได้ เพิ่มความแข็งขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากไม้ ปูน และเหล็ก ซึ่งคนส่วนใหญ่ฟันได้แค่เสาปูน ส่วนเหล็กทำได้อย่างมากก็แค่เป็นรอย


     กรี๊ด!!!.... เสียงสาวๆ ดังลั่นเมื่อถึงคิวของพวกมาวิค โอซี่ และพรีม ทำเอาอีกสองคนที่ทดสอบรอบเดียวกันดับไปเลย การที่หนุ่มรูปงามทั้งสามยืนอวดโฉมอยู่กลางสนาม ฟาเรสไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น


      "เจ้าพวกนั้นมันป๊อปมาตั้งแต่สมัยเรียนพื้นฐานแล้วละ" เซียบอกอย่างหมั่นไส้ 


      "เอ่อ!!!" อยู่ๆ มาวิคก็หันมาทางนี้ พร้อมโบกไม้โบกมือให้ฟาเรส ดึงสายตาคนทั้งสนามให้มองมา รอยยิ้มสดใสพร้อมดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย มั่นใจเลยว่าสาวใดได้เห็นเป็นต้องละลายแน่นอน แต่ตอนนี้คนถูกมองอยากจะมุดเก้าอี้หนีเสียเหลือเกิน
 

      สามหนุ่มยังคงเรียกเสียงกรี๊ดได้ดังเดิม เมื่อเสาเหล็กโดนฟันด้วยดาบไม้จนงอด้วยฝีมือของมาวิค โอซี่ และพรีม พรีมมองดาบไม้ที่หักครึ่งในมือก่อนโบกมือยอมแพ้ แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ทั้งสามทำได้ดีเยี่ยมจนฟาเรสอดชื่นชมไม่ได้ 


      การทดสอบจบลงในตอนเย็น สามหนุ่มเดินมาหาทั้งสองตรงที่นั่ง พลางรับน้ำเย็นๆ ที่ฟาเรสออกไปซื้อมาให้ไปดื่ม


      "ขอบใจมาก แค่นายมานั่งดูก็มีกำลังใจแล้ว" มาวิคบอกพลางหมุนฝาขวดออกดื่ม ฟาเรสจึงได้แต่ยิ้มตอบแต่ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงสำลักน้ำซะอย่างนั้น "แค่กๆ ยิ้มแบบนั้น ฉันก็ไม่ทันตั้งตัวนะสิ"


      "แหม ฉันนั่งอยู่ก่อนนะยะ" สาวสวยเจ้าของผมสีแดงเพลิงแขวะ


      "แหมคนสวย พวกเรารู้ว่าคุณต้องมาอยู่แล้วนิครับ ไว้ไม่มา ค่อยขาดใจเนอะ ขอบคุณสำหรับน้ำและกำลังใจ" พรีมอ้อน 


      ฟาเรสขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเพื่อนของเขาขอนั่งพักชั่วครู่ ในจังหวะที่กำลังเดินออกมากลับถูกใครอีกคนชน


      "ขอโทษครับ" เจ้าของนัยน์ตาสีครามเอ่ยตามมารยาท แม้ไม่ใช่คนผิดก็ตาม


      "ฟาเรสใช่ไหม" เจ้าของชื่อเงยหน้ามองคนที่ชนเขาเต็มตา ดวงตาเรียวนัยน์ตาสีเข้มมองมาที่เขาอย่างไม่แสดงอารมณ์ แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่ดี 


      "ครับ" ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม 


      "ไปรู้จักพวกนั้นได้ยังไง หมายถึงพวกมาวิคนะ"


      "เจอกันตอนวันประกาศผล มาวิคเข้ามาทักนะ" อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างแปลกใจ "ทำไมหรอครับ"


      "เปล่า แค่อยากรู้" เสียงห้วนตอบกลับแล้วหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป


     ...อะไรของหมอนั่น จู่ๆ ก็มาถาม แต่รู้สึกไม่ชอบเลยแฮะ....เขาคงไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหม ว่าคนเมื่อครู่ดูไม่ค่อยปลื้มเขาเท่าไหร่



      หลังออกมาจากสนามฝึกพวกเขาก็พากันไปหาร้านอร่อยๆ ฝากท้องแถวหาดทรายขาวใกล้ๆ กับหอพัก ก่อนแยกย้ายกลับห้องตัวเอง พรุ่งนี้ต้องเริ่มเรียนวิชาเอกอย่างจริงจัง ฟาเรสอดตื่นเต้นที่จะเจอเพื่อนร่วมเอกของเขาไม่ได้ จะเป็นยังไงกันบ้างนะ คนที่ต้องเรียนด้วยกันไปตลอดสามปีนี้ 


      เรือนกระจกด้านหลังตึกคณะ ติดกับชายป่าทึบคือห้องเรียนวิชาเอกของฟาเรส เรือนกระจกทรงครึ่งวงกลมขนาดยักษแบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ซึ่งถูกปรับอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชนานาพันธุ์ที่อยู่ภายใน บางชนิดเขาเคยเห็นแค่ในหนังสือเพราะเป็นของหายาก บางชนิดสวยงามจับใจ สำหรับฟาเรส ความรู้สึกเขาเหมือนหลงเข้าไปในแดนสวรรค์
 

      "ยังไม่มีคนมาสินะ" ร่างโปร่งพรึมพรำ พลางเดินเข้าไปยังอาคารที่อยู่ตรงกลาง
 

      ใจกลางโดมถูกสร้างเป็นอาคารสีขาวดูเหมือนกล่อง มีสองชั้นขนาดประมาณห้องชุดที่ฟาเรสพัก ชั้นล่างเต็มไปด้วยอุปกรณ์ ทางวิทยาศาสตร์ ที่จำเป็นต่อการศึกษาวิจัยพันธุ์พืชในโดมนี้ ชั้นสองเหมือนห้องสมุดขนาดย่อมและเป็นพื้นที่พักผ่อน เพราะมีชุดโซฟาสีครีมตั้งไว้ตรงกลาง เค้าเตอร์เล็กๆ สำหรับทำอาหาร กับตู้เย็นไว้ใส่สะเบียง และห้องน้ำ สามด้านเป็นกระจก ทำให้มองเห็นต้นไม้ข้างนอกได้ 


      ...ชักตกหลุมรักที่นี่แล้วสิ...


      "ชอบที่นี่หรือเปล่า" เสียงทักจากด้านหลังขัดจังหวะการดื่มด่ำธรรมชาติของเขา


      "รักเลยครับ" ริมฝีปากสวยเอื้อนเอ่ยราวกับต้องมนต์ ก่อนจะหันไปมองคู่สนทนา "อ๊ะ เอ่อ ท่าน!!!"


      "ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น" ชายชราตรงหน้าโบกไม้มือเมื่อฟาเรสก้มทักทายแบบตื่นๆ นัยน์สีเทาฉายแววอารีอย่างเปลี่ยมล้น เขาจำมันได้ดีเพราะนี่คือผู้อำนวยการ เอเบรียน ของอานิมาแห่งนี้ "ทำตัวสบายๆ ถือว่าเป็นอาจารย์คนหนึ่งแล้วกันนะ"
 

      "แล้วท่านมาทำอะไรที่นี่ครับ"


      "ก็มาสอนเธอไง ฟาเรส ฟราน คาเดนเซีย ชื่อเธอคล้ายๆ ของแม่เลยนะ" 


      "ท่านรู้จักแม่ผมด้วย" ดวงตาสีครามฉายแววแปลกใจ
 

      "ฟ่าร่านะหรอ เราเป็นเพื่อนกันนะ จริงๆก็รู้จักทั้งพ่อ ทั้งแม่ แล้วก็ลุงของเธอนั่นแหละ จะว่าไป เธอเองก็ดูคล้ายแม่มากๆ เลยนะ ฉันเคยเจอเธอตอนยังเล็กอยู่ คงจำฉันไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าจะเรียกเธอว่าฟาร์เหมือนที่เรียกแม่เธอแล้วกัน" รอยยิ้มอบอุ่นที่ได้รับทำให้คนอายุน้อยกว่าหายประหม่า


      "แล้วแต่ท่านผู้อำนวยการเลยครับ"


      "เรียกลุงก็ได้"



      "เอ่อ ได้ครับ" หลานหมาดๆ รับคำเสียงใส "ว่าแต่เอกนี้มีผมคนเดียวหรอ"


      "มีอีกคนนะ แต่แจ้งกับทางเราแล้วว่าจะมาเริ่มอาทิตย์หน้า ระหว่างนี้ทนเหงาไปก่อนนะเรา เอ้า มาเริ่มกันเลย วันนี้แค่เกริ่นๆ ก็แล้วกัน ตามมาๆ" 


      เอเบรียนชวนนักเรียนเพียงคนเดียวในตอนนี้ เดินไปรอบๆโดม พลางอธิบายว่าทำไมเอก...พฤกษศาสตร์พันธุ์พืชและสมุนไพร..จึงสำคัญ ในขณะที่คนทั่วไปมองข้าม เพราะพืชสมุนไพรบางชนิดมีพลังที่สามารถใช้ผสมผสานกับพลังเวทย์ให้เกิดผลที่ต้องการ และบางอย่างยังมีคุณสมบัติที่สารสังเคราะห์ไม่สามารถแทนที่ได้ ก่อนจบด้วยการสั่งทำรายงานสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับสมุนไพรทั้งหมดตามที่ฟาเรสเข้าใจ ส่วนหนึ่งเพื่อดูว่าผู้เรียนมีพื้นฐานและความเข้าใจแค่ไหน ผู้เป็นอาจารย์ต้องเอ่ยขอโทษลูกศิษย์ล่วงหน้าเพราะตำแหน่งที่ทำให้ท่านอาจมาสอนไม่ได้ในบางครั้ง แต่ใช่ว่าท่านจะไม่ใส่ใจเพราะได้ทิ้งเอกสารสรุปเนื้อหาเบื้องต้นของเทอมนี้ไว้ใหปึกใหญ่ เผื่อไว้ในยามที่ไม่สะดวกมาสอน ซึ่งฟาเรสว่าจะเอาไปถ่ายสำเนาไว้อีกชุดเผื่อเพื่อนร่วมเอกอีกคนที่ยังไม่มา


      ฟาเรสลงเรียนวิชาทั่วไปร่วมกับเพื่อนๆ อีกสี่คนของเขา มันเป็นวิชาพื้นฐานจึงลงเรียนด้วยกันได้ ในระหว่างวันที่แสนว่างบางทีชายหนุ่มก็ไปนั่งดูเพื่อนต่างคณะของเขาฝึกซ้อมที่สนาม บางทีก็มานอนอ่านหนังสือที่โดมกระจก เพราะท่านลุงเอเบรียนอนุญาติให้เขาเข้าออกที่นี่ได้ตามใจ ซึ่งบางทีมาวิคก็ขอตามมาด้วยโดยให้เหตุผลว่าที่โดมนี้ร่มรื่นดี


      พวกเขาสนิทกันไวเกินคาด อาจเพราะทั้งมาวิค เซีย พรีมและโอซี่ ต่างเป็นพวกอัธยาศัยดี  อาจจะมีรั่วๆ ไปบ้าง แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ดังนั้นการได้เจอกับพวกมาวิคทำให้คนที่เคยรักสันโดดแบบเขาเริ่มถูกใจการมีเพื่อน

..................................................

-ยังคงความเรื่อยเปื่อยอยู่อย่าเพิ่งเบื่อนะค่ะ  :เฮ้อ:

-ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุกเม้น คนแต่งมีแรงขึ้นเยอะเลย (ยอมรับเลยว่าบางครั้
ก็แอบหวังกับเสียงตอบรับอยู่เหมือนกันค่ะ):mew1:

ออฟไลน์ Melonlove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
คนแต่งสู้ๆ :mc4:  ว่าแต่พระเอก ออกมายางงง :katai5:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ใครอีกคนที่มาเรียนด้วยกับฟาร์เรสน้อออ :katai1:

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
พี่รูปปั้นเราเป็นพระเอกหรือเปล่าคะ 55555555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ลุ้นพระเอกเพลินๆไปก่อน
ขอบคุณค่ะ. สาขาที่ฟาเรสเรียนน่าสนใจมากเลย

ออฟไลน์ baipai_bamboo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไรต์สู้ๆ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
มารอพระเอก กิ้วๆ เป็นกำลังใจคนเขียนจ้า

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พ่อหุ่นเงียบหายไปเลยแหะ

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
คุณพระเอกจะมาเรียนด้วยเปล่านะ

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 3


      มาวิคเดินงัวเงียออกจากห้องตัวเองสู่โถงกลาง ห้องพักของเขามีลักษณะเป็นห้องชุด มีสองห้องนอนโดยมีโถงกั้นไว้อีกห้องหนึ่ง อันจะมีครัวเล็กๆ กับมุมนั่งเล่น ห้องฝั่งซ้ายเป็นของพวกหนุ่มๆ ประกอบด้วย มาวิค พรีมและโอซี่ ส่วนห้องฝั่งขวาเป็นข้องหญิงสาวผู้อาศัยหนึ่งเดียวนั่นคือเซีย แต่วันเสารนี้ภายในห้องดูเงียบงันเพราะ เซียกลับบ้าน พรีมก็เช่นกันโดยมีโอซี่ตามไปด้วย  เดาว่าวันนี้คงเงียบทั้งเกาะเพราะนักศึกษาที่บ้านอยู่ในเดสเซนท์ ต่างพากันกลับไปเยี่ยมครอบครัว

      ร่างสูงมองนาฬิกาที่ตอนนี้ชี้เลขสิบเอ็ด ชักหิวแล้วสิ พลางนึกถึงใครอีกคนที่คิดว่าคงยังอยู่ในอานิมาไม่ได้ไปไหน ว่าแล้วก็โทรหาดีกว่า

      "ว่าไงมาวิค" เสียงใสดังจากปลายสาย

      "ว่าจะชวนไปหาอะไรกินนะ"

      "นึกว่านายกลับบ้านซะอีก" ฟาเรสสงสัย

      "กลับไปก็ไม่มีคนอยู่หรอก" มาวิคบอกแบบเซง พ่อของเขาแท้จริงเป็นผู้ว่าของเดสเซนท์ส่วนแม่ก็เป็นเลขาของท่าน ทั้งสองจึงไม่ค่อยมีเวลาเพราะงานรัดตัวตลอด

      "จริงๆ ฉันว่าจะทำอะไรกินเอง ซื้อของสดมาไว้แล้ว ขึ้นมากินด้วยกันไหมละ" ...กับข้าวฝีมือฟาเรส ก็น่าสนใจดี...

      "ได้ๆ นายอยู่ห้องไหนละ"

      "ชั้นสามสิบเอ็ดห้อง 3108"

      "โอเคขอสิบนาทีอาบน้ำก่อน แล้วเจอกัน" มาวิคหยิบผ้าขนหนูตรงเข้าห้องน้ำอย่างไว

      ในวันแรกที่เขาเห็นฟาเรสท่ามกลางฝูงชน ไม่เข้าใจว่าทำไมสองเท้าจึงพาเดินเข้าไปทัก บรรยากาศรอบตัวของร่างโปร่งมันดูสงบแต่แฝงไปด้วยความอ้างว้าง ราวกับมีกำแพงบางๆ กั้นใครคนนั้นจากรอบด้านและเขาเองก็อยากจะทำลายกำแพงนั้น 

      ยิ้มของฟาเรสในยามแรกที่ได้พูดคุย แม้จะเป็นยิ้มตามมารยาทแต่ก็ดูเป็นมิตรดี เมื่อวันที่เพื่อนใหม่ไปดูเขาทดสอบที่คณะ รอยยิ้มของฟาเรสในวันนั้นดูช่างสดใสเพราะเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ

      "เข้ามาเลย" เจ้าของห้องเปิดประตูให้เมื่อมาวิคเคาะเรียก "นั่งรอ เปิดโทรทัศน์ดูก่อนก็ได้" 

      ฟาเรสกลับไปยังเคาท์เตอร์ทำครัวก่อนจะลงมือหั่นผักต่อ เจ้าของห้องในชุดสบายๆ เสื้อยืดตัวบางยิ่งทำให้เห็นว่าคนตรงหน้าผอมเพียวกว่าที่คิด 

      "นึกว่าทำจะเสร็จแล้ว" ผู้มาเยือนถามยิ้มๆ 

      "แหะๆ ก็ เพิ่งจะเริ่มตอนนายโทรมานี่แหละ หิวแล้วหรอ" 

      "เริ่มหิวแล้วละ มาๆ ฉันช่วย" มาวิคว่าพร้อมลุกจากโซฟาไปร่วมวง "จะทำอะไรละ"

       "เสต็กปลา กับสลัด" ฟาเรสบอกพลางพยักเพยิดไปทางเนื้อปลาสีส้มที่เอาออกมาละลายน้ำแข็งไว้ ก็ไม่ยากเท่าไหร่พอทำได้ 

      "พริกไทยกับเกลือละ" คนสูงกว่ามองหาเครื่องปรุง

      "ในตู้บนหัวฉัน" ว่าแล้วผู้ช่วยจำเป็นก็เอื้อมมือไปเปิดประตูตู้ "อ๊ะ"พอดีกับฟาเรสที่หันมาจะพูดบางอย่าง
ดวงตาสีครามสะกดมาวิคให้นิ่งงัน เมื่อได้มองใกล้ๆ บอกให้รู้ว่ามันช่างสวยเหลือเกิน และเหมือนฟาเรสเองก็ทำอะไรไม่ถูกพอกัน
 
      "อะ เอ่อ แค่จะเตือนว่า อย่าใช้ไฟแรง" ริมฝีปากสวยเอ่ยติดขัด ก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปง่วนกับสลัดแต่ก็ไม่อาจปิดบังผิวหน้าที่ซับสีได้

      "เชื่อมือได้เลย" มาวิครับคำเสียงใส แปลกใจที่ไม่อาจหุบยิ้มที่ระบายบนใบหน้าตน

      มือเที่ยงดำเนินไปอย่างเงียบเชียบด้วยต่างคนต่างหิวจัดเพราะไม่ได้แตะข้าวเช้ากันเลย มาวิคจัดการทุกอย่างหมดในเวลาอันรวดเร็วผิดกับอีกคนที่ยังคงละเลียดกับอาหารบนจานช้าๆ ที่ยังเหลืออีกเกินครึ่ง 

      เมื่อนั่งว่างๆ มาวิคจึงมีโอกาสสำรวจคนตรงหน้าที่สนใจจานอาหารอย่างเต็มตา ฟาเรสเป็นคนที่ขาวมาก ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับผมสีบรอนขาว ยิ่งทำให้คนตรงหน้าเหมือนเปล่งออร่าอยู่รอบตัว ไหนจะใบหน้าเรียวที่เรียบเนียนราวกับผิวเด็ก

      "ถามจริงนายอายุเท่าไหร่" ชายหนุ่มถามสิ่งที่คิดในใจอยู่นาน

      "ปีนี้ 16 แล้ว"

      "ฮะ...จริงดิ เพิ่งสิบหก แล้วทำไมถึงเข้ามหาลัยได้ละ" คนโตกว่าถามอย่างแปลกใจ

      "ฉันเรียนเองที่บ้านนะ ท่านพ่อให้อาจารย์มาสอน เลยจบขึ้นพื้นฐานไปตั้งแต่ 15" คนถูกถามอธิบายยิ้มๆ "คงไม่ต้องเรียกนายว่าพี่หรอกนะ"

      "ไม่ต้องหรอก นายนี่มันอัจฉริยะจริงๆ" เอ่ยชมอย่างอดไม่ได้

      "คนเราเก่งไม่เหมือนกัน"

      หลังจากช่วยกันเก็บกวาดครัวและโต๊ะอาหารสองหนุ่มก็พากันมานั่งย่อยอยู่หน้าจอทีวี ดูข่าวสารบ้านเมืองกันไป

      "ได้ยินมาว่า นายสนใจวิชาต่อสู้ในคณะฉันหรอ" ร่างสูงเปิดประเด็น เซียเล่าให้เขาฟังในวันที่มีการทดสอบ

      "ก็แค่สนใจเรื่องการใช้พลังเวทย์แฝงนะ กับพวกการใช้อาวุทย์ที่มีเจม"
 
     "ทำไมหรอ" มาวิคถามอย่างแปลกใจ คนที่ดูน่าจะชอบอยู่กับความสงบอย่างฟาเรสจะสนใจศาสตร์การต่อสู้ไปทำไม อีกทั้งพลังเวทย์แฝงยังเป็นศาสตร์ขั้นสูงที่ไว้ใช้ต่อกรกับพวกเหนือธรรมชาติต่างๆ ด้วย

      ฟาเรสไม่ตอบแต่กับเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาสีครามหม่นแสงลงทันใด ทำเอาคู่สนทนาพาลใจไม่ดีไปด้วย

...ต้องทำอะไรซักอย่าง สีหน้าแบบนี้ไม่ชอบเอาซะเลย...

      "อยากลองใช้เจมดูไหม" มาวิคเอ่ยทำลายความเงียบ ดึงคนข้างๆ ให้หันมอง

      "อยากสิ นายจะสอนหรอ" ดวงตาที่กลับมาทอประกายทำให้เขาเบาใจ
 
      "ใช่ จริงๆ ฉันฝึกเรื่องการใช้เจมมาตั้งแต่ก่อนเข้ามาเรียนแล้ว คงจะพอสอนได้นะ ไหนๆ วันอาทิตย์ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เอาไหม" คนฟังพยักหน้ารับพร้อมยิ้มให้...จะผิดไหม ถ้าเขาคิดว่ามันน่ารัก ชักรอพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วสิ


      วันอาทิตย์ฟาเรสตื่นเช้าไม่ต่างจากวันเรียน แทบจะรอไปสนามฝึกไม่ไหว ใจจริงอยากโทรไปปลุก แต่เดาว่าอีกฝ่ายคงยังไม่ตื่น เกรงใจด้วยเพราะนี่วันหยุด แต่ไม่นานคนที่เขารอก็มาเคาะห้องเรียก เลยพากันไปหาอะไรกินร้านริมหาด ก่อนจะพากันไปสนามฝึกหลังคณะวิทยาการการทหารในช่วงสายๆ 

      "นายเคยฝึกอะไรมาก่อนหรือเปล่า" มาวิคถามพลางเดินนำไปข้างสนามที่มีอาวุธต่างๆ วางไว้

      "ทุกอย่างแหละ พ่อฉันเป็นทหาร" คนฟังดูเหมือนไม่เชื่อ ฟาเรสจึงได้แต่ยักไหล่แบบปลงๆ

      "ใช้เจ้านี่เป็นไง" มาวิคยื่นหน้าไม้ที่ตรงด้ามประดับเจมเม็ดเล็กๆ เรียงกันเป็นลายพันรอบด้ามจับ แล้วก็หยิบมาอีกอันสำหรับตัวเอง พร้อมลูก "เน้นการถ่ายพลังสู่เจมก่อนแล้วกัน" 

      ร่างสูงกดปุ่มตรงแผงควบคุมข้างๆ สนามก่อนเป้าที่ทำจากแผ่นเหล็กจะเด้งขึ้นมา เขาถือวิสาสะดึงมือลูกศิษย์ชั่วคราวมายืนกลางสนาม

      "เอาละ รวบรวมสมาธิไปที่อาวุธในมือ ถ่ายทอดความรู้สึกไปที่มัน แล้วยิงแบบนี้"  ฟึบ!!ลูกดอกไม้ฟังเข้าไปตรงกลางแผ่นเล็กได้อย่างเหลือเชื่อ

      "โหววว นึกสภาพถ้าเป็นหัวคนนะ คงทะลุ" ฟาเรสบอกอย่างตื่นเต้น

      "เอ้า ตานายลองบ้าง" 

      ฟาเรสโหลดลูกดอกใส่หน้าไม้แล้วเล็งมันไปยังเป้าเหล็กตรงกลาง พยายามปล่อยทุกความรู้สึกให้ไหลสู้อาวุธในมือ แล้วยิง ฟึบ!!! เคร้ง!!!

      "ฮ่าๆๆๆ" เสียงทุ้มหัวเราะลั่นกับสภาพลูกดอกไม้ที่แตกกระจายกองกับพื้น

      "งื่อ...อย่าหัวเราะสิ ลองใหม่ๆ" ฟาเรสบ่นอุบพร้อมทำหน้ามุ่ย 

       ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้เขาคงไม่มีวันต่อกรกับพวกไวด์โซลได้  เรื่องในคืนนั้น ไหลบ่าเข้ามาในหัว ราวกับตอกย้ำความเจ็บปวดที่เหมือนจะเลือนหายไปซักพัก แต่แท้จริงมันจังฝังอยู่ในใจเขาเสมอมา 

      ร่างโปร่งยิงลูกดอกออกไปซ้ำๆ เขาเกลียดความพ่ายแพ้ เกลียดคำว่าไม่มีทาง ทุกนัดที่ยิงออกไป แรงขึ้นๆ จนแผ่นเหล็กเริ่มเป็นรอย ก่อนลูกดอกไม้อาบพลังจะฝังลงบนแผ่นเหล็ก ดอกต่อมาถูกยิงซ้ำไปจุดเดิม ดอกแล้วดอกเล่า ราวกับสติได้สูญสิ้นไปแล้ว

      "เอ่อ...ฟาเรส" มาวิคพยายามเรียกอีกคนที่เหมือนหลุดไปอีกโลกอย่างร้อนใจ นัยน์ตาสีครามที่เคยสดใส ดูเย็นชาและว่างเปล่า เป็นอีกด้านของฟาเรสที่เขาไม่เคยรู้

      "เฮ้ ฟาเรส อย่าฝืนสิ" หยาดเหงื่อที่ไหลไปตามกรอบหน้าเนียน เตือนให้ร่างสูงต้องทำอะไรซักอย่าง
ฟึบ!!! ตูม!!!ดอกสุดท้ายที่ยิงออกไปอาบด้วยพลังสีแดงเพลิง ก่อนจะกระแทกกับเป้าเหล็กแล้วระเบิดตรงจุดนั้นจนเป็นรู 
หน้าไม้ถูกทิ้งลงบนพื้นจากมือที่สั่นระริก เจ็มสีแดงเลือดค่อยๆ อ่อนสีลง มันร้อนเสียจนหญ้ารอบๆ ไหม้ตามไปด้วย

      "มือนาย!!!" คนโตกว่าร้อนรนคว้ามือนุ่มขึ้นมาดู ฝ่ามือขาวมีรอยแดงพาดผ่านเป็นปื้นคล้ายโดนไฟลวก เขามองเป้าเหล็กที่ละลายเป็นหรูขนาดใหญ่ตรงกลางสลับกับคนตรงหน้าด้วยความพิศวง ยังมีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับคนๆ นี้อีกนะ

      "ฉัน...ไม่เป็นไร" ริมฝีปากสวย ซีดเซียวจนยากจะเชื่อคำพูดนั้น "ต่อไหม"

      "วันนี้พอแค่นี้เถอะ นายไม่ควรฝืนตัวเอง"  มาวิคบอกอย่างอ่อนใจ พลางสำรวจฝ่ามือนั้น

      คิ้วเข้มขมวดแทบจะชนกันพลางมองมือของฟาเรสอย่างกังวล ชวนให้เจ้าของมือรู้สึกผิดที่ทำเพื่อนของเขาไม่สบายใจ
ในมุมอับด้านบนอัฒจรรย์ สายตาคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองทั้งคู่ที่เดินออกไปจนลับตา ท่าทีเป็นห่วงเป็นใยที่มาวิคมีให้ร่างโปร่งบางตรงหน้าดูก็รู้ว่าเขาคิดอะไร
 
       ...หึ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก...


      อาทิตย์ที่สองในชีวิตมหาลัย แม้จะไร้สาระไปบ้างในวันหยุดแต่ฟาเรสก็ทำรายงานที่ลุงเอเบรียนสั่งเสร็จเรียบร้อย เขาไม่ลืมที่จะถือชีทที่อาจารย์เคยให้ไว้ติดมือมาด้วยสองชุดเผื่อเพื่อนใหม่ที่จะเจอในวันนี้ ร่างโปร่งตรงไปยังโดมกระจกทันที เช้านี้อารมณืไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นักเพราะมือที่ระบม ปวดแสบปวดร้อนไปหมด

      พอเข้าไปในตึกวิจัยใจกลางโดม มีใครอีกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว คงเป็นเพื่อนร่วมเอกของฟาเรสสินะ 

      "สวัสดี" ฟาเรสเอ่ยทัก อีกคนที่กำลังหันมองพืชพรรณด้านนอกอย่างสนอกสนใจ พลางวางกระเป๋าที่สะพายมาไว้บนโต๊ะ ใครคนนั้นหันแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าเขา ได้ยืนใกล้ๆ แบบนี้ ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าสูงใหญ่กว่าเขาพอสมควร 

      ....ตัวโตพอๆ กับโอซี่เลย...

      เรือนผมสีควันล้อมกรอบเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบและลงตัวราวกับบรรจงสสร้าง จมูกโด่งรับกันดีกับริมฝีได้รูป เมื่อรวมกับนัยน์ตาสีอำพันคมกล้าดูทรงอำนาจจนฟาเรสรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกมอง 

       "ผม ฟาเรส" เขายื่นมือออกไปหมายจะจับทักทาย แต่มันพันด้วยผ้าก๊อตทั้งมือ "เอ่อ ลืมไป"

      "ไปโดนอะไรมา" ข้อมือบางถูกคว้าไว้ก่อนที่ฟาเรสจะทันได้หดกลับ

      "ไฟลวกนิดหน่อย" 

      "ไม่นิดมั้ง" น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อทำให้ฟาเรสได้แต่ยิ้มแห้งๆ กลับไป "รอนี่"

      "นายจะไปไหนนะ...เฮ้ เดี๋ยว!!!" ฟาเรสร้องตามหลังร่างสูงที่เดินออกไปนอกห้องอย่างงงๆ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงยอมนั่งรออย่างที่เจ้าตัวบอก

      ไม่นานร่างสูงก็กลับมาพร้อมสมุนไพรหน้าตาแปลกๆ สองสามอย่าง วางมันลงบนโต๊ะข้างๆ เก้าอี้ที่ฟาเรสนั่ง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองก่อนจะกลับลงมาพร้อมกาละมังสแตนเลสที่ใส่น้ำมาเกินครึ่งและกล่องพยาบาล เก้าอี้ถูกดึงมานั่งตรงหน้าคนเจ็บ ก่อนที่ของที่เหลือจะถูกวางรวมกับของเดิม

      "ขอมือหน่อย" 

      "ฮะ...เอ่อ" ...ไม่ใช่หมานะเว้ย!!!... แต่ก็ยอมยื่นมือข้างที่เจ็บให้อีกฝ่ายแต่โดยดี ผ้าก๊อตถูกแกะออกช้าๆ เผยให้เห็นฝ่ามือที่เริ่มพองและแดงช้ำ
 
      "ดูแย่กว่าที่คิด" แค่ถูกมองฟาเรสก็ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่รู้ทำไมถึงเกรงหมอนี่นัก "ตุ่มพองค่อนข้างใหญ่ต้องเจาะหนองออกไม่งั้นจะอักเสบและติดเชื้อ"

      "อืม...ยังไงก็ได้" อีกคนไม่ตอบอะไรเพียงแต่จับมือเล็กไปล้างในกะละมังที่เตรียมมาก่อนจะซับด้วยผ้าขาวจนแห้ง ก่อนเอาเข็มเจาะผิวหนังที่พองแล้วเอาสำลีซับน้ำเหลืองออกจนตุ่มพองเหล่านั้นยุบลง ทุกขั้นตอนถูกทำอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบาจนคิดไม่ถึงว่าผู้ชายตัวโตๆ ตรงหน้าจะทำได้ 

      "ซี๊ด...มันแสบ" ทันทีที่แอลกอฮอลถูกราดลงบนมือ ฟาเรสแทบชักมือกลับเพราะความแสบแต่ถูกอีกคนยึดไว้
"ทนหน่อย ใกล้เสร็จแล้ว" น้ำเสียงทุ้มนุ่มบอก ...แล้วทำไมต้องคล้อยตามด้วยเนี่ย... ทั้งๆ ที่เจอกันครั้งแรกแต่กลับรู้สึกวางใจคนตรงหน้าไม่รู้ทำไม

      "นี่ นายยังไม่ได้บอกชื่อเลย" ฟาเรสถามขึ้นพลางมองอีกฝ่ายจัดการกับมือเขา โดยเอาสมุนไพรที่เกบมาขยี้จนออกน้ำแล้วประคบลงบนฝ่ามือ ความเย็นซึมผ่านไปทั่วจนเริ่มชา แล้วพันทับด้วยผ้าก๊อตอีกที

"เวลอร์ โมนาร์คา"

      "ขอบใจนะเวลอร์" ฟาเรสบอกพลางสำรวจมือที่พันเสร็จเรียบร้อยด้วยรอยยิ้ม

      "ฟาร์!!! มือไปโดนอะไรมา" ผู้อำนวยการเอเบรียนเข้ามาเห็นสภาพหลานชายถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจ 

      "เอ่อไฟลวกครับท่าน" ฟาเรสตอบเสียงแผ่ว

      "ท่านเทิ่นอะไรกัน บอกให้เรียกลุงไงฟาร์ ลืมแล้วหรอ ฮึ" คนโดนดุหน้าถึงกับหน้าจ๋อย "ทีหน้าทีหลังก็ระวังนะเรา ฟาร่าลุกขึ้นมาบีบคอลุงข้อหาไม่ดูแลหลานทำไง"

      "ขอโทษครับลุง"

      "อ้าวเวร์ มาเรียนแล้วหรอ" ชายชราหันไปทักนักเรียนอีกคนที่แวบเอาของไปเก็บมาตอนพวกเขาคุยกัน 

      "สวัสดีครับ" ฟังจากที่เรียกเหมือนทั้งสองจะรู้จักกันอยู่แล้ว

      "เอาละๆ มาเริ่มเรียนกันเถอะ วันนี้ลุงมาสายนะเนี่ย เดี๋ยววันอังคารกับพุธต้องไปดิเมียร์อีก" ท่านบ่นอุบ ก่อนจะกางตำราแล้วเริ่มสอน มีแววว่าวันนี้คงได้เรียนวันเดียว งี้แหละมีอาจารย์เป็นผู้อำนวยการตางรางงานมันยุ่ง

      ฟาเรสปรึกษากับเพื่อนร่วมเอกเรื่องวิชาเสรีแต่ก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะเวลอร์บอกว่าเรียนอะไรก็ได้ที่เขาลงรวมไปถึงวิชาทั่วไปที่เขาลงไว้ก่อนหน้าแล้ว เลยเลือกวิชาพลังเวทย์ประยุค ซึ่งเรียนรวมกับพวกการทหารในวันศุกร์ ซึ่งมันก็ดีในเมื่อตารางเรียนตรงกัน

      ฟาเรสไม่ลืมที่จะพาเวลอร์ไปแนะนำให้ทั้งสี่สหายรู้จักซึ่งทุกคนก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีมั้ง พรีมก็ดูยินดี โอซี่ก็ดูโอเคกับเพื่อนใหม่ ส่วนเซียเองก็ชมเพื่อนร่วมเอกของเขาไม่หยุดปาก จะมีก็แต่มาวิคนี่แหละ ไม่รู้ทำไมเวลาสองคนนี้มองหน้ากันบรรยากาศมันมาคุแปลกๆ

     ...แต่คงไม่มีอะไรมั้ง...ฟาเรสคิด

...................................

-ฟาเรสนี่หนูบื้อจริงหรือแกล้งค่ะลูก  :m31: มาอัพให้แล้วเน้อ เปิดตัวเพื่อนร่วมเอง คิคิ :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2016 08:48:28 โดย l3loodl2o5e »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
เพื่อนร่วมเอกคนนี้จะเป็นพระเอกป่าวเนี่ย

รอตอนต่อไปค่าาา :mew1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :z1:   จากความอ่อนโยนแล้วขอเก็บไว้พิจารณานะ
นุ่มนวล เขียนแบบนี้ค่

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
หืมๆๆๆพระเอกใช่ไหมมมม เวลอร์

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ตอนแรกคิดว่าพระเอกเป็นพ่อรูปสลักหินอ่อนที่บ้านเก่าฟาเรส เพราะดูมีความลึกลับบางอย่าง ....เกี่ยวข้องอะไรกับเพื่อนร่วมเอกคนนี้รึเปล่า

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
พระเอกคือเวลอร์ใช่รึเปล่า
เกี่ยวอะไรกับรูปปั้นที่หายไปไหมน้า  :impress2:

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ศึกชิงนายเอกคงเริ่มในไม่ช้า555  :pig4:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
แวะมาชูป้ายเชียร์เวลอร์ค่าาาา  :hao7:

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เขาเป็นศัตรูหัวใจกัน ไม่ต้องแปลกใจหรอกฟาร์
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พึ่งมาอ่านจร้าาาาา ^0^
ชอบแนวนี้ รออ่านต่อไป รอดูว่าท่านรูปปั้นจะเป็นใครด้วย ~~~~!!!

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
เรารู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่าง เวร์อาจจะเป็นรูปสลักนั่นก็เป็นได้อ้ายๆๆ~~ :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด