Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17  (อ่าน 99227 ครั้ง)

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
จะมีเรื่องอะไรต่อไปน้าาา ติดตามๆๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
สู้ๆน้าทุกคนนน

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีอะไรอีกที่หนูฟายังไม่รู้อีกเนี่ย
คนเขียนสู้ๆนะคะ สุขสันต์ปีใหม่ไทยค่ะ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เพิ่งได้มาอ่าน สนุกๆๆ รอตอนต่อไปค่ะ   :katai2-1: :3123:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
 
บทที่ 16

     "นาย...พวกนายไม่ได้อำฉันใช่ไหม" พรีมที่ได้ฟังเรื่องของฟาเรสทั้งหมดช๊อคไปแล้ว ส่วนมาวิคนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สองมือกุมขมับเครียดยิ่งกว่าสอบปลายภาค

     "ถ้านายคิดว่ามันหนักเกินไปก็ไม่ต้องช่วยก็ได้นะ เดี๋ยวฉันให้ท่านพ่อส่งนายไปไว้อีกกลุ่ม" โอซี่บอก ที่มาเล่าให้ฟังเพราะเห็นว่าทุกคนก็เป็นเพื่อนกัน ไม่อยากมีอะไรปิดบัง ตอนเช้าโอซี่มาตามเพื่อนของเขาเข้าไปคุยที่โดมกลางสวนด้านหลังที่มีเวลอร์กับฟาเรสรออยู่แล้ว

    "ไม่ใช่แบบนั้น แค่กำลังช๊อค ไม่คิดว่าจะมีคนมีพลังแบบนี้บนโลก เรื่องจริงใช่ไหมฟาร์" มาวิคว่าพลางหันไปสบตาฟาเรสที่ยังคงทำตัวไม่ถูกกับเพื่อนคนนี้แต่ก็แค่พยักหน้ารับ  "ยังไงก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ถึงฉันจะไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่ฉันคงไม่ปล่อยให้ฟาร์เผชิญเรื่องนี้คนเดียวอยู่แล้ว ก็แล้วนะเรา...เป็น เพื่อนกันนี่" มาวิคยิ้มขื่น แค่เพื่อนเขายังเป็นได้ใช่ไหม 

     "อืม ขะ ขอบคุณนะ" ฟาเรสตอบกลับเสียงเบา แต่ก็ทำให้ใจคนฟังลิงโลดขึ้นได้เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาร่างบางยังไม่เอ่ยปากคุยกับเขาด้วยซ้ำ

     "ขอโทษนะฟาร์ ขอโทษจริงๆ" มาวิคบอกเสียงอ่อนแต่พอจะจับมือบางนั้นกลับชักออกทำเอาใจเขาเจ็บแปลบขึ้นทันใด แต่จะโทษใครในเมื่อเขาเป็นคนทำลายความเชื่อใจนั่น "ฉันขอโทษที่เห็นแก่ตัว โดยไม่คิดถึงความรู้สึกนาย แต่ได้โปรดอย่าทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนแบบนี้มันเจ็บมากเลย"

     คนอื่นเงียบฟังแม้โอซี่กับพรีมจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่อาการตึงๆ ใส่กันของเพื่อนทั้งสองเขาก็สังเกตเห็นได้ในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ฟาเรสนิ่งคิด ครั้งหนึ่งเขาเคยโดนเวลอร์ลงโทษด้วยการเมินใส่มันทรมานมากๆ แย่ยิ่งกว่าการโดนต่อว่า แล้วใครจะสนละมาวิคก็ควรได้รับโทษไม่ใช่หรือ ดวงตาสีครามหันมองคนข้างกายอย่างขอความเห็น

     “เพื่อนคนแรกของฟาร์เชียวนะ” เวลอร์ว่าพลางลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ เจ้าตัวเล็กของเขาดูหงอยไปเยอะพอไม่มีมาวิคคอยเล่นคอยคุยด้วย เงียบใส่กันคงไม่มีอะไรดี คนผิดก็ขอโทษแล้ว อีกอย่างมาวิคเองก็ดูทุกข์ใจกับเรื่องนี้พอตัว ร่างบางดูสองจิตสองใจจนเขาต้องพยักให้ว่ามันไม่เป็นไร "โกรธกันไปก็เท่านั้น"

     ฝ่ามือนิ่มค่อยๆ วางลงบนมือของมาวิคที่ยื่นมาช้าๆ มือที่ใหญ่กว่ากอบกำมันไว้แน่นราวกับกลัวมันจะหลุดหายไป รอยยิ้มกว้างฉาบฉายเต็มใบหน้าหล่อตั้งแต่ตอนนั้นเขายังไม่เคยยิ้มได้เท่าวันนี้เลย แค่เพื่อนก็ได้ เป็นอะไรก็ได้แค่ฟาเรสยังอยู่กับเขาก็พอแล้ว แม้จะรู้สึกเจ็บหน่วงทุกครั้งที่แววตาลึกซึ้งนั้นไม่ได้มองมาที่ตนก็ตาม

     "อยากรู้จริงๆ นายกับมาวิคมีปัญหาอะไรกัน" พรีมถามขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย

     "ไม่บอก แบร่!!!" ฟาเรสแลบลิ้นใส่เพื่อนก่อนยิ้มสดใสจนสวนสวยนี้สดใสตาม



     ในช่วงสายทั้งห้าหนุ่มถูกตามตัวไปที่ห้องประชุมเล็กทางปีกตะวันออกเพื่อพบกับหน่วยพิทักษ์ทั้งสามคนที่จะนำทีมพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจ แรกเริ่มที่เห็นทำเอาอึ้งไม่น้อยเขาคิดว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยพิทักษ์ที่ล้วนเป็นยอดฝีมือน่าจะอายุมากกว่านี้ แต่ละคนกลับดูอายุอานามแค่ยี่สิบปลายๆ เท่านั้นเอง

     "พวกเธอคงเป็นเด็กที่มาจากอนิมาสินะ เฮ้!!... ฉันจำนายได้ แชมป์กับรองแชมป์ รอบชิงฉันได้ไปดูด้วยละ พวกนายแม่งสุดยอดไปเลย ฉันดิออน ซ้ายมือฉันชื่ออาเดน ส่วนไอ้ยักษ์ขวามือนี่ชื่อไมเรค" ชายร่างสูงผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงตาสีมรกตเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มกว้างผิวขาวจูไม่ค่อยสมบุกสมบัน เหมือนเจ้าหน้าที่ในสำนักงานมากกว่าภาคสนาม ส่วนอาเดนชายหนุ่มผมเกรียนดูแข็งแรงกว่าดิออนไปซักหน่อยแต่ผิวคล้ำแดดกว่า ผมและตาสีเดียวกันเดาคร่าวๆ ว่าคงเป็นพี่น้องกัน ส่วนอีกคนตัวใหญ่พอๆ กับโอซี่เลยก็ว่าได้ รูปร่างกำยำผิวกร้านแดด ดวงตาคมกล้าสีน้ำเงินเข้มและคิ้วหนาที่มีรอยแผลเป็นพาดยาวตรงหางคิ้วด้านซ้ายกับริมฝีปากบางเฉียบทำให้คนตรงหน้าดูดุดันน่ากลัวในความคิดของฟาเรส

     "เอ่อครับ ผมมาวิค ไอ้คุณชายนั่นชื่อพรีม ตัวเล็กนี่ชื่อฟาเรส นั่นโอซี่กับเวลอร์คุณคงรู้จักกันแล้ว" มาวิคแนะนำบ้าง

     "ผมไม่สนว่าคุณเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน เมื่อมาอยู่ในหน่วยผม พวกผมคือผู้ดูแล พวกคุณต้องเชื่อฟังอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม สนามจริงอันตรายกว่าสนามฝึก ไม่มีห้องพยาบาลให้คุณได้ทำแผลหรอกนะ" ไมเรคเอ่ยเสียงดังฟังชัดพลางมองตาทุกคนอย่างจริงจัง "ต่อให้เป็นถึงลูกผู้ว่าแห่งเดสเซนฉันก็ไม่เกรงใจหรอกนะ"

     "หึ ผมยังไงก็ได้ คนมาฝึกเป็นผมเองไม่ใช่พ่อ ไม่เกี่ยวกัน" มาวิคบอกรอดไรฟัน รู้สึกคุ้นหน้าหมอนี่แปลกๆ อาจเคยเจอกันในงานสังคมซักที่ก็ได้เพราะหมอนี่เป็นคนของกองทัพ

     "หึๆ ก็ดี" รอยยิ้มมุมปากน้อยๆ กับนัยน์ตาคมที่มองมา มาวิครู้สึกเหมือนเท้าจะกระตุกฟาดหน้าคนพูดเอาให้ได้ แล้วไอ้ยักคิ้วให้นี่มันอะไร ขอถีบแม่งซักทีเหอะ

     "แล้วนี่เริ่มกันวันไหนครับ" พรีมถามขึ้นก่อนที่จะมีคนวางมวยใส่กัน

     "ภารกิจแรกของเราคงจะเป็นที่ออบเสกลลิ่ง ชาวบ้านที่อยู่แถบนั้นแจ้งมาว่ามีพวกไวด์โซลออกอาละวาด เดาว่าคงมีรอยแยกเกิดใกล้ๆ และหมู่บ้านตรงนี้ชื่อ อาดิซาน เราจะเดินทางไปตั้งหลักกันที่นั่น" ดิออนบอกหลังจากกางแผนที่ลงบนโต๊ะ ออบเสกลลิ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเรดิเอนซี่ เป็นเทือกเขาสูงส่วนหมู่บ้านที่แจ้งมาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แถวตีนเขา

     "ถ้าเราออกเดินทางไปในเที่ยงนี้ก็จะถึงที่นั่นช่วงค่ำ พักซักคืนตอนเช้าก็เข้าป่าไปตามหารอยแยก เมื่อเจอแล้วก็ง่ายๆ ฆ่าไวด์โซลทุกตัวที่หลุดออกมา รอจนกว่ารอยแยกนั้นจะปิดไปเอง" อาเดนบอก

     "เราจะปิดมัน" เวลอร์บอก

     "นายทำได้หรอ" 

     "ฟาร์จะเป็นคนทำ ไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่จะลองดู" หน่วยพิทักษ์ทั้งสามหันไปจ้องร่างบางอย่างสนใจ ไหนจะรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างโดดเด่น ผิวขาวจัดผมสีซีด เหมือนมีออร่าบางอย่างจากเด็กคนนี้ทำให้รู้ได้ว่าคงไม่ธรรมดา

     "ได้แบบนั้นก็ดีเราจะได้ไม่เสียเวลา บางรอยแยกเราต้องเฝ้ากันเกือบอาทิตย์กว่ามันจะปิดลง ถ้าทำได้เราจะได้ไปจัดการที่อื่นต่อไวๆ เอาเป็นว่าแยกย้าย เจอกันบ่ายโมง" ดิออนสรุป "ให้พวกนายไปเตรียมของเดินทาง ไม่ต้องเอาอะไรไปมากนะหนุ่มๆ ไม่ได้ไปเที่ยว ต้องการความคล่องตัว ส่วนอาวุธไปเลือกได้ที่คลังเอาที่ถนัดได้เลย ใช้เจมกันเป็นใช่ไหม เจอกันเที่ยงจะให้คนเตรียมม้าไว้ให้ เราจะไม่ใช้รถเพราะต้องเดินทางกันยาวๆ บางที่รถใช้ไม่ได้ ส่วนโทรศัพท์โยนทิ้งไปได้เลย ไม่ใช่เขตเมืองใช้ไม่ได้หรอก ถ้ามีธุระอะไร ไว้ตอนแวะที่หมู่บ้านก็ขอใช้ของทางโรงแรมเอา บ่ายโมงนะอย่าเลท มีอะไรสงสัยอีกไหม"

     "ไม่ครับ"

     "งั้นแยกย้าย ฉันหิวแล้ว" ดิออนบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะลากเอาอาเดนและไมเรคออกห้องตามไป

 

     บ่ายโมงทั้งแปดคนมารวมตัวที่ลานด้านหน้าพระราชวังซึ่งได้จัดเตรียมม้าพันธุ์ดีไว้รอ ทุกตัวล้วนมีขนสีน้ำตาลเข้ม กษัตริย์อลูคัสยกม้าทรงส่วนพระองค์ให้ลูกชายกับเวลอร์คนละตัว มาทรงขนสีดำขลับตัวใหญ่และมีพละกำลังมหาศาล ว่ากันว่าสามารถเดินทางข้ามทะเลทรายโอซี่ได้สบายๆ โดยปราศจากน้ำและอาหาร 

     ทุกคนอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสีเข้มพร้อมผ้าคลุมหัวเพื่อกันแดดและลมเพราะเส้นทางที่ใช้มีภูมิอากาศแบบกึ่งทะเลทราย แต่หากขึ้นเหนือไปจนถึงเขตออบเสกลลิ่งก็จะกลายเป็นป่าทึบ ส่วนฟาเรสกลับเลือกใส่สีครีมไม่เข้าใจเหมือนกันจะใส่สีเข้มให้มันดูดแสงกันไปทำไมถึงจะดูเท่ก็เหอะ ทุกคนขี่มาคนละตัวแต่ฟาเรสกลับถูกเวลอร์บังคับให้ขึ้นมาตัวเดียวกัน ส่วนม้าของฟาเรสนั้นใส่เพียงสัมภาระของทั้งคู่

     "ขึ้นมาสิ คนอื่นรอแล้วเนี่ย" เวลอร์เร่งเมื่อร่างบางยังคงยึกยักแต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้าไปหา แขนแกร่งจึงอุ้มเอาเจ้าตัวขึ้นมานั่งอยู่ดานหน้าอย่างง่ายดาย ไม่รู้ว่าหมอนี่มันแรงเยอะหรือฟาเรสตัวเบา

     "อ้าว ไม่ให้ฉันซ้อนละ"

     "ไม่ดีกว่า"

     "ทำไม"

     "มันกอดไม่ถนัด" เสียงทุ้มกระซิบบอก พร้อมวาดแขนมากกอดเอวบางเข้าชิดตัวจึงโดนฝ่ามืออรหันต์ฟาดแขนแกร่งเข้าเต็มแรง แต่คนโดนกลับหัวเราะชอบใจ ส่วนอีกมือกุมบังเหียนไว้ 

     "นี่ไม่ได้ไปฮันนี่มูน ให้มันน้อยๆ หน่อย" พรีมแซว ส่วนคนอื่นได้แต่มองมาแล้วยิ้มล้อฟาเรสทั้งเขินทั้งอายจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาสงบปากสงบคำ จะมีก็แต่มาวิคที่ทำทีหันมองไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตา



     กลุ่มของฟาเรสเดินทางมาถึงอาดิซานในช่วงค่ำก่อนจะเข้าพักที่โรงแรมเล็กๆ ในหมู่บ้าน รุ่งเช้าก็พากันเดินเท้าเข้าป่ามุ่งสู่เทือกเขาออบเสกลลิ่งตามเส้นทางที่มีคนรายงานว่าเจอพวกไวด์โซลออกอาละวาด ยิ่งเดินลึกเข้าไปบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ยิ่งหนาตาจนดูรกทึบทำให้อากาศรอบตัวเย็นยะเยือกชวนขนลุก ฟาเรสมองไปรอบกายอย่างหวาดๆ หากมาคนเดียวต้องหลงเลย

     "รอยเท้าพวกนั้น" ไมเรคว่าก่อนจะคุกเข่าลงไปสำรวจรอยเท้าหลายรอยที่พื้น ในขณะที่ทุกคนหยุดยืนเพื่อพิจารณาร่องรอยเหล่านั้น เวลอร์กลับตั้งสมาธิกวาดมองไปรอบกาย นัยน์ตาสีอำพันบัดนี้ม่านตาเปลี่ยนเป็นเรียวรีเพราะใช้สัณชาติญาณอย่างเต็มที่  เพิ่มประสาทสัมผัสให้เฉียบคมรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีที่กว้างไกลไม่ช้าก็รับรู็ได้ถึงกลิ่นสาปและไอปีศาจไม่ไกลมาก

     "ขึ้นเหนือไป บนเขาประมาณสามกิโล" เสียงทุ้มบอก ดึงทุกคนให้หันมาสนใจ นัยน์ตาที่เปลี่ยนไปทำเอาคนมองถึงกับฉงน 

     "ชิบหายเถอะ ถ้าขึ้นไปทางนั้น ก็รังของวาลาคัสแล้วละสิ" โอซี่ขยี้หัวจนยุ่งสีหน้าท่าทางดูกลุ้มใจมากๆ

     "วาลาคัส คืออะไร"

     "มังกรไงละ เป็นมังกรประจำถิ่น อยู่ในถ้ำบนเขาโน่น เฮ้อ มาฝึกภารกิจแรกก็เจองานหินเลยนะพวกนายนี่ โชคดีจริงๆ" ดิออนว่าเสียงเครียด "เอาไงดีไอ้พี่ชาย"

     "หรือจะอยู่รอบนอก กระจายๆ กันให้ครบทุกทิศแล้วค่อยเก็บพวกไวด์โซลที่หลุดออกมา จนกว่ารอยแยกจะปิดไปเอง" อาเดนเสนอ

     "ไม่น่าไหว รัศมีมันกว้างเกินไป ถ้ามีพวกมันหลุดไปเพิ่มชาวบ้านเดือดร้อนแน่ๆ" ไมเรคแย้ง

     "แต่ถ้าเข้าไปใกล้เกินไป กลัวจะได้มวยกับมังกรด้วยนะสิ เดี๋ยวจะโดนย่างสดเอานะ" ดิออนบอก แค่นึกถึงสภาพตัวเองเกรียมทั้งตัวก็ขนลุกแล้ว

     "กลัวอะไรวะ แค่มังกรตัวเดียว เราหน่วยพิทักษ์นะเว้ย ดูพวกเด็กๆ ยังไม่กลัวกันเลย" ไมเรคว่า ก็ไม่ได้กลัวหรอกแต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ อยู่ที่อนิม่ากระทำชำเราแต่หุ่นไม้ เจอของจริงเป็นมังกรตัวใหญ่นี่ก็เกินคาดไปเยอะ แต่มาฝึกงานกับเขามีสิทธิ์มีเสียงซะที่ไหนละ

     "สรุปจะสู้"

     "ก็ใช่นะสิ"

     สุดท้ายทั้งหมดก็ตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าใกล้จุดหมายจนได้ยินเสียงคำรามกึกก้องของมังกรวาลาคัส กับฝูงไวด์โซลประปรายที่พุ่งเข้ามาโจมตีเพราะได้กลิ่นมนุษย์ ยิ่งเข้าใกล้ปริมาณของพวกอันเดธยิ่งหนาตา ยังไม่ทันถึงหน้าถ้ำมังกรสีแดงเพลิงที่สูงร่วมแปดเมตรก็โฉบทะยานมาขวางไว้ตรงหน้า พร้อมคำรามขู่โชว์คมเขี้ยวที่เรียงกันกว่าร้อยซี่ สะบัดหางใส่พวกไวด์โซลที่เข้ามาใกล้จนกระเด็นไปไกล นัยน์ตาสีเหลืองดูเกรี้ยวกราดคงจะกำลังหงุดหงิดเต็มที่เมื่อบ้านอันแสนสงบของมันถูกทั้งอันเดธและมนุษย์มารุกราน มันจ้องมายังมนุษย์ทั้งแปดก่อนจะพ่นไฟใส่แต่ไม่ไกลอาจเพียงเพราะจะขับไล่ ระหว่างที่ดูทางหนีทีไล่ก็ต้องรับมือกับพวกไวด์โซลที่ทะยานเข้าใส่เป็นระยะๆ

     "รอยแยกอยู่ไม่ไกล น่าจะแถวๆ ปากถ้ำนั่นแหละ" เวลอร์บอกพลางสบตากับมังกรตัวใหญ่นิ่งๆ



     -แกต้องการอะไร- เสียงคำรามต่ำๆ จากวาลาคัสมีเพียงเวลอร์ที่เข้าใจ

     -ตรงปากถ้ำ มีรอยแยกระหว่างมิติอยู่ ทำให้เจ้าพวกนี้หลุดเข้ามา เราแค่ขอเข้าไปปิดมัน- ร่างสูงตอบกลับ

     -หึๆ จะเชื่อได้หรอ มันก็แค่ข้ออ้าง พวกเจ้าแค่อยากเข้าไปในถ้ำนั้นละสิ เจ้าพวกโลภ คงได้ยินมาว่าถ้ำของข้ามีสมบัติมากมาย-

     -สรุปคือยังไงก็ไม่ยอมสินะ-

     -รังข้า ข้าจัดการเอง ถอยไปซะ แต่ถ้าอยากเข้าไปนักละก็ผ่านข้าไปให้ได้สิ ถ้าทำข้าล้มได้อะนะ-



     "เจ้านั่นบอก อยากเข้าไปก็ล้มมันให้ได้"

     "เฮ้ย นี่คุยกับมังกรได้ด้วยหรอ" มาวิคถามเพื่อนแบบอึ้งๆ ร่างสูงเพียงพยักหน้ารับ

     "เอาไงกันดี"

     "พวกคุณสามคนต้านพวกไวด์โซลไหวใช่ไหม พรีมกับมาวิคก็ช่วยด้วย" เวลอร์หับไปถามเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ทั้งสามคนสลับกับมองไปทางไวด์โซลฝูงใหญ่ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งปะทะกันกับมังกรวาลาคัสส่วนอีกด้านกำลังมาทางเขา

     "ก็ได้อยู่ แล้วมังกรละเจ้าเด็กใหม่"

     "เดี๋ยวผมจัดการเอง ส่วนโอซี่พยายามพาฟาเรสไปที่รอยแยกนั่น" หน่วยพิทักษ์ทั้งสามมองเวลอร์อย่างไม่อยากจะเชื่อ "บอกไว้เผื่อพวกคุณไม่รู้ ผมนะ ไม่ใช่เด็กใหม่เผลอๆ อาจแก่กว่าพวกคุณด้วยซ้ำ เชื่อผมเถอะ" น้ำเสียงเฉียบขาดพร้อมนัยน์ตาคมดูทรงพลังจนคนฟังไม่อาจปฏิเสธจึงพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ แล้วกระจายกันไปจัดการศัตรูโดยรอบ

     "เว มันปิดยังไง" ฟาเรสถามเสียงสั่น เขาไม่เคยเรียนรู้วิิธีการมาก่อน

     "เหมือนการใช้พลังเวทย์ทั่วไป เพ่งสมาธิไปที่รอยแยกนั่น ถ่ายทอดความต้องการของนายลงไปเท่านั้นพอ" เสียงทุ้มบอกพลางกุมมือบางไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ "นายทำได้ ฟาร์ของฉันทำได้อยู่แล้ว"

     "แล้วนายจะสู้กับวาลาคัสยังไง" ร่างบางมองคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง มังกรตัวใหญ่ขนาดนั้น ต่อให้เก่งมากก็เถอะนะแต่ เวลอร์จะสู้ยังไง

     "หึๆ สบายมาก ฟาร์มีอีกอย่างที่ฉันไม่เคยบอก"

     "อะไร...บอกอะไร"

     "ฉันนะเป็น คิเมร่า" ดวงตาสีครามเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง คิเมร่า เผ่าพันธุ์นี้ยังเหลืออยู่อีกหรือ "ดูให้ดีๆ ละ จากนี้คือของจริง"

     ริมฝีปากหนาหยักยิ้มก่อนที่ร่างสูงตรงหน้าจะทะยานเข้าหามังกรสีแดงเพลิง พลันร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนร่างจนกลายเป็นสัตว์ขนาดยักษ์ที่ผสมผสานกันระหว่างสัตว์สี่ชนิด มีลำตัวเป็นสิงโตบนหัวมีเขายาวมวนเป็นวงคล้ายของแพะ มีปีกขนาดใหญ่สีเดียวกับแผงคอและส่วนหางเป็นเกล็ดตรงปลายเป็นหัวของบาซิลิสมีพิษร้ายแรง รูปร่างกำยำใหญ่โตไม่แพ้มังกรวาลาคัส เวลอร์ในร่างคิเมร่าพุงชนวาลาคัสจนกระเด็นไถลไปกับพื้นดังสนั่นไปทั่วบริเวณดึงสายตาของทุกชีวิตในที่อยู่ตรงนั้นให้หันมองแต่ก็สนใจได้ไม่มากเพราะยังสู้ติดพันกับพวกไวด์โซล ก่อนจะหลบฉาดออกมาเมื่อมังกรแดงตวัดหางใส่แล้วตามเข้าไปตะปบด้วยกงเล็บคมกริบแต่คิเมร่าหลบได้อย่างหวุดหวิดทะยานขึ้นเหนือหัวกดร่างของมังกรลงกับพื้นแล้วใช้หัวบาซิลิสตรงปลายหางฝังเขี้ยวลงกลางหลัง วาลาคัสกรีดร้องกึกก้องไปทั้งบริเวณ มังกรวาลาคัสสะบัดร่างคิดเมร่าออกจากหลังก่อนจะกางปีกโผทะยานใส่

     "ไปกันเถอะฟาร์ ไม่มีเวลาแล้ว" โอซี่เร่ง ใจอยากจะดูต่อแต่หน้าที่ตัวเองก็มี โอซี่เสกดาบสีน้ำตาลเข้มขึ้นจากพื้นดินแล้วดึงฟาเรสให้วิ่งตามไป ฟาเรสดึงหน้าไม้ที่พกมาถือไว้ ยังไม่อยากใช้พลังเวทย์ตอนนี้เพราะคาดว่าคงต้องใช้พลังมากในการปิดรอยแยกนั้น ทั้งสองฝ่าเข้าไปถึงปากถ้ำโอซี่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมเพราะไม่มีอันเดธตัวไหนถึงตัวของร่างบางเลย

     "ตรงนี้น่าจะได้" ฟาเรสบอก ในยามนี้เขายืนอยู่ตรงหน้ารอยแยกของมิติขนาดไม่ใหญ่ประมาณสามเมตรคูณสามเมตรมีลักษณะเหมือนหลุมดำให้ความรู้สึกเหมือนจะถูกดูดเข้าไปสู่ความมืดมิดตรงหน้า

     "เริ่มเลยฟาร์ เดี๋ยวคุ้มกันเอง สู้ๆ"

     "อื้มมมม!!!" 

     ฟาเรสสูดหายใจลึกๆ พยายามตั้งสติ ดวงตาสีครามมองตรงไปยังรอยแยกระหว่างมิติตรงหน้า ฝ่ามือบางทั้งสองยื่นไปช้าๆ แม้จะสั่นเกร็งและไม่มั่นคงแต่ในใจกับตั้งมั่นและเด็ดเดี่ยว รวบรวมสมาธิเพื่อจะถ่ายทอดพลังไปยังจุดหมาย

     ...ต้องปิดมัน มันต้องหายไป...

     สายพลังเวทย์สีขาวไหลจากฝ่ามือพุ่งสู่รอยแยกสีดำตรงหน้าโอบรอบไหลเวียนอยู่โดยรอบก่อนที่หลุมดำนั่นจะค่อยๆ ลดขนาดลงช้าๆ ระหว่างนั้นมีไวด์โซลหลายตัวหลุดออกมาแต่ก็ถูกโอซี่จัดการไปอย่างรวดเร็ว

     "อึก..." หลุมดำตรงหน้าแคบลงเรื่อยๆ ยิ่งสายพลังไหลออกไปเท่าไหร่เหมือนเรี่ยวแรงในกายหลุดหายไปด้วยอย่างช้าๆ จนเหงื่อกาดผุดพรายตามกรอบหน้าเนียน 

     ...อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จ...

     ฝึกใช้พลังเวทย์ทั้งวันยังไม่เหนื่อยขนาดนี้ ฟาเรสหอบหายใจหนักฝืนร่างกายให้ยืนหยัดจนในที่สุดรอยแยกระหว่างมิติก็หายวับไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยมีอยู่เหลือเพียงปากถ้ำและปาทึบ ร่างบางทรุดนั่งกับพื้น แข้งขาอ่อนแรงไปหมด พวกไวด์โซลรอบๆ ถูกกำจัดไปเกือบหมด เลยออกไปไม่ไกลมังกรวาลาคัสเองก็นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น แม้จะมีบาดแผลไม่มากแต่ที่สัตว์ร่างยักษ์นั่นนิ่งไปคงเป็นเพราะพิษจากปลายหางของคิเมร่าอย่างแน่นอน

     เวลอร์ในร่างคิเมร่าก้าวช้าๆ มายังร่างบาง ถึงจะรู้ว่าร่างใหญ่ยักษ์นี่เป็นใครแต่ฟาเรสก็อดกลัวไม่ได้ เสียงคำรามต่ำๆ ทำเอาร่างโปร่งสะดุ้งโหยง ยิ่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เขายิ่งเกร็งไปหมด ส่วนหัวใหญ่ที่ปกคลุ่มไปด้วยขนหนานุ่มก้มลงมาใกล้จนเผลอกลั้นหายใจแบบไม่รู้ตัว 

     "ฮะๆ พอแล้วเว" คิเมร่าตัวโตดุนส่วนหัวเบาๆ  กับร่างบาง คลอเคลียข้างแก้มเหมือนแมวตัวโตจนฟาเรสหลุดขำออกมาเพราะมันจั๊กจี้จนต้องตีเบาๆ ตรงจมูกชื้นเพื่อปราม เหมือนคนอื่นๆ จะจัดการพวกไวดโซลจนหมดสิ้นจึงพากันมาเข้ามาหาทั้งคู่

     "นี่ยังมีอะไรเซอไพร์กันอีกไหม" พรีมถามพลางเอื้อมมือมาสัมผัสคิเมร่าตัวใหญ่ตรงหน้าแล้วพึมพำราวกับฝัน ส่วนมาวิคนี่นิ่งอึ้งไปเรียบร้อย พอๆ กับเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อีกสามคน "ของจริงใช่ไหมเนี่ย คิเมร่าจริงๆ ใช่ไหม"

     กรร!!! เวลอร์ในร่างคิเมร่าคำรามขู่เบาๆ เมื่อเพื่อนยังคงวุ่นวายกับร่างกายตัวเองไม่หยุดจนเริ่มรำคาญ คนอื่นๆ จึงถอยห่างออกไปอย่างรู้งานก่อนที่ร่างใหญ่โตนั้นจะค่อยๆ หดเล็กลงกลับคืนเป็นมนุษย์ดังเดิม

     "เห้ย!!!" ฟาเรสร้องลั่นพลางปิดหน้าปิดตาใบหน้าร้อนผ่าวไปหมดเพราะสิ่งที่เห็น เวลอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้านุ่งลมห่มฟ้าจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนถึงเจ้าตัวจะดูไม่ค่อยสนใจอะไรแต่เขาละอายแทน

     "อะไรกันฟาร์ ทำอย่างกับไม่เคยเห็น" 

     ...ฮือ แล้วจะเข้ามาใกล้เพื่อ!!...ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดข้างแก้มเมื่อใบหน้าคมโน้มลงมาทำเอาใจเต้นระรัว

     "ใครจะไปหน้าด้านเหมือนนายเล่า"

     "เอ้าใส่ซะ อย่าโชว์นาน เห็นหุ่นนายแล้วอิจฉาวะ" มาวิคคนเสื้อผ้าที่ติดกระเป๋าสัมภาระมายื่นให้เพื่อน ยิ่งเห็นยิ่งแพ้แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้ เวลอร์นะรูปลักษณ์ก็ดี ฝีมือการต่อสู้นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แข็งแกร่งเสียใจเขาเทียบไม่ติด...ปลงเถอะ

     "กลับเลยไหม หรือจะแคมป์กันแถวนี้แล้วตอนเช้าค่อยกลับ" ไมเรคว่า ตอนนี้ท้องฟ้าแต่งแต้มไปด้วยแสงสุดท้ายของวัน "ใกล้ค่ำแล้ว"

     "เอ่อ ยังไมกลับได้ไหมครับ" ฟาเรสถามขึ้นสายตามองไปยังมังกรที่นอนนิ่งอยู่ไม่ไกล หน้าท้องที่กระเพื่อมขึ้นลงบอกให้รู้มันยังไม่ตายจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็เจ้านี่ไม่ผิดซักหน่อยมันก็แค่ปกป้องที่อยู่ของตัวเองก็แค่นั้น เหมือนคนเรานี่แหละเวลามีใครบุกรุกบ้านเราก็คงไม่ยอมใช่ไหมละ

     "หืม...ทำไมละ" คืนอื่นๆ สงสัยถามขึ้นพลางมองตามสายตาของร่างบางไป

     "ผมอยากรักษามัน" น้ำเสียงนุ่มๆ กับสายตาอ้อนๆ แบบนั้นใครเล่าจะปฏิเสธได้ เจ็ดคนที่เหลือจึงยอมพยักหน้าตามใจฟาเรสไป...ชักเริ่มเข้าใจเวลอร์ขึ้นมาแล้วสิ

......................................

-มาอัพแล้วจ้า สงการต์อู้ เมาแฮงค์พมพ์ไม่ไหว เยาวชนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอยาก แต่ปีนี้ไม่ได้ออกไปเล่นน้ำเลยเห็นแดดแล้วยอมแพ้กลัวไหม้ ไม่ใช่กลัวดำนะ  :katai5:

-ฝากเพจด้วยเพิ่งจะทำยังไม่ได้อัพอะไรเล้ยย เขามาพูดคุยทักทายได้นะ ถามได้ทุกเรื่องเลยค่ะ เรื่องวาดรูปก็ถามเราได้นะ เรื่องเกมก็ถามได้ ปัญหาหัวใจก็ถามเข้ามา ได้หมดยกเว้นเรื่องตังนะค่ะ https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/  o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2016 13:43:01 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :กอด1:   o13  สุดยอดมาก พระเอกนายเอกของเรา เก่งสุดยอดไปเลย
น่ารักค่ะ คนเขียนด้วยนะ   :L2: 
เรามาลุ้นสมบัติในถ้ำมังกรกันต่อดีกว่าเนอะ อิอิ   

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
พระเอกได้ใจไปเต็มๆค่าา  :hao7:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อยากอ่านตอนต่อไปล้าววว

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
สนุกที่ซู๊ดดดดดดด :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 17

     กรร!!! เสียงคำรามขู่ดังจากมังกรยักษ์ที่นอนสิ้นฤทธิ์อยู่บนพื้น โดยมีมนุษย์ผู้มาเยือนทั้งแปดตั้งแคมป์อยู่ไม่ไกลอย่างไม่กลัวตาย แม้รู้สึกไม่ไว้วางใจแต่ร่างกายของมันกับไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน พิษของคิเมร่าที่ได้รับจากการต่อสู้ทำให้ร่างกายเป็นเจ็บชาไปหมด วาลาคัสพรูลมหายใจร้อนผ่าวออกมา

     -เจ้าเด็กนี่ทำบ้าอะไร- นัยน์ตาสีเหลืองมองตามฟาเรสที่ตอนนี้เอาผ้าชุบน้ำซับไปตามบาดแผลของมัน

     -เขาจะรักษาแผลให้- เวลอร์ที่เฝ้ามองทุกการกระทำของคนรัก คำรามตอบ

     -ทั้งที่เจ้าเป็นคนทำข้าเจ็บนี่นะ- หางที่คลุมไปด้วยเกล็ดหนาสะบัดจนเกือบโดนร่างบางหมายจะขับไล่ นัยน์ตาคมจึงมองตาสัตว์ยักษ์แบบดุๆ

     -อยู่นิ่งๆ ซะ ถ้าแกทำฟาร์เจ็บแม้แต่นิดเดียว ได้ตายจริงๆ แน่ เราไม่ได้อยากทำร้ายแกหรอกนะ แค่ขอให้ฟาเรสได้ไปปิดรอยแยกของมิติ แกไม่ยอมเองนี่นา- มังกรวาลาคัสหลับตานิ่งอย่างจำยอม จากการต่อสู้กับเจ้าคิเมร่านี่เมื่อครู่มันรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก สัมผัสแผ่วเบาและอ่อนโยนทำให้เจ้ามังกรเบาใจเมื่อไม่ได้รู้สึกถึงการคุกคาม

     -ก็ข้ากลัวเจ้ามายุ่งกับสมบัติข้านิ ว่าแต่พลังของเจ้าเด็กนี่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เจ้านี่พิเศษข้ารับรู้ได้จากกลิ่นอาย เขาชื่ออะไร- มังกรส่งเสียงถามอย่างสนใจ

     -ฟาเรส-

     "เฮ้ คุยอะไรกันเล่าให้ฟังบ้างสิ ไม่ใช่แอบนินทาฉันหรอกนะ" ฟาเรสบ่นพลางเอาสมุนไพรที่เขาใช้เวลอร์ไปเก็บ มาขยี้จนออกน้ำโปะลงบนแผลตามร่างกายใหญ่โตตรงหน้า "โปะไว้แบบนี้แหละ พรุ่งนี้เช้าพิษน่าจะจางลงจนขยับตัวได้แล้วละ หวังว่าคงไม่ลุกมาพ่นไฟใส่กันนะ" ริมฝีปากสวยยิ้มบางๆ พลางตบลงบนผิวหนังหุ้มเกล็ดเบาๆ

     -ขอบคุณ-

     "มันบอกว่าขอบคุณ" เวลอร์สื่อสารต่อให้คนตัวเล็ก

     "ไม่เป็นไร ขอโทษนะที่ทำให้เจ็บตัว แต่งานพวกเราเสร็จแล้ว รุ่งเช้าก็กลับ ไม่อยู่รบกวนบ้านของนายอีกต่อไป ขอโทษจริงๆ" มังกรแดงมองคนที่ขยับมายืนอยู่ตรงหน้า กลิ่นไอจากเด็กหนุ่มมีทั้งเอลฟ์และมนุษย์ปนกัน แบบนี้หรือเปล่าที่มนุษย์เรียกว่างดงาม นึกชอบใจดวงตาสีครามสวยของเจ้าตัวเล็กซะแล้วสิ ฟาเรสผละออกไปนั่งรวมกับเพื่อนๆ ที่ล้อมกองไฟย่างกวางป่าที่จับมาได้เป็นอาหารเย็น

     -เฮ้ เจ้าคิเมร่า- มังกรวาลาคัสเอ่ยเรียกอีกคนที่ทำท่าจะตามไป -เจ้ามาจาอินเวียร์โนใช่ไหม ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นมีพวกคิเมร่าอาศัยอยู่- 

     -อืม- เวลอร์พยักหน้ารับ

     -ข้าเจอคนหนึ่ง มาจากอินเวียโนเมื่อไม่นานมานี้ จริงๆ แล้วก็เจอประจำแหละ นางชอบแวะมาเยี่ยมข้าที่ถ้ำ-

     -เป็นคิเมร่าเหมือนฉัน?-

     -เปล่า เป็นมนุษย์ แค่หญิงชรา นางบอกว่านางลี้ภัยมากจากอินเวียโน่ นางไม่เหมือนคนอื่นไว้ใจได้- 

     -แล้วจะมาอีกไหม- 

     -ข้าไม่เจอนางมาสี่ห้าวันแล้ว ใจจริงอยากไปดูที่กระท่อมบนเขาของนาง แต่เพราะไอ้รอยแยกของมิติบ้าๆ นั่นทำให้พวกอันเดธหลุดเข้ามาไม่หยุด ข้าเลยไปไหนไม่ได้ อยากให้เจ้าช่วยไปดูนางให้ที ครั้งล่าสุดที่มานี้นางดูอ่อนแอกว่าปกติเอามากๆ- มังกรถอนหายใจยาวแสดงท่าทีกลัดกลุ้ม

     -ได้สิ กระท่อมนางอยู่ไหน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้- เวลอร์รีบรับปากรับคำ คนจากอินเวียร์โน่งั้นหรอ เธออาจจะรู้ที่ซ่อนของคนอื่นๆ ก็ได้ 

     -เจ้าเห็นธารน้ำตกเล็กๆ หน้าถ้ำข้าไหม ตามธารน้ำนั่นขึ้นไปบนเขาก็จะเจอกระท่อมของนาง ช่วยที-

     เวลอร์เดินเข้ามายังกลุ่มคนที่ล้อมวงอยู่ก่อนเรียกโอซี่ให้ออกมาด้วยกัน ใจก็ไม่อยากทิ้งฟาเรสไว้แต่เจ้าตัวก็หลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยล้าจากการใช้พลังเวทย์มากมายในวันนี้ มือใหญ่เอาผ้าห่มคลุมกายให้คนรักแล้วหันไปฝากฝังกับคนที่เหลือ ที่กำลังตกลงเรื่องเฝ้าเวรยามกันอยู่ จากที่เจ้าวาลาคัสบอกกระท่อมนั้นคงอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ รีบไปรีบกลับดีกว่า


 

     คิเมร่าและครึ่งออคเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วไปตามผืนป่า เลียบธารน้ำที่มุ่งสู่ยอดเขาก่อนจะพบกับกระท่อมยกสูงหลังเล็กๆ บนลานดอกไม้ริมลำธาร แสงไฟจางๆ ลอดบานหน้าต่างที่บังไว้ด้วยม่านขาวออกมาภายนอก เวลอร์ได้กลิ่นของสองชิวิตภายในนั้น จึงก้าวท้าวยาวๆ ไปหาประตูไม้บานเล็กแล้วเคาะเรียก

     "มีใครอยู่ไหมครับ" โอซี่ส่งเสียงถามออกไปแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เขาเรียกซ้ำอยู่สองสามทีก่อนจะมองหน้าเพื่อนว่าจะเอายังไง คนข้างกายจึงพยักพเยิดบอกให้เขาผลักประตูเข้าไป

    เมี๊ยววว... เสียงเล็กๆ ที่ร้องดังดึงสายตาของสองหนุ่มให้ก้มมองลงพื้นไม้ แมวดำตัวหนึ่งเดินเข้ามาคลอเคลียพันแข้งพันขาผู้มาเยือน หัวเล็กๆ ถูไถกับขากางเกงของคนทั้งสองก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาสีม่วงอ่อนสุกใสราวกับแสงของพระจันทร์ เวลอร์ย่อตัวลงช้อนเอาแมวดำมาอุ้มไว้โดยที่มันเองก็ไม่ขัดขืน

     "ละ ลูน..." ชื่อของเจ้าแมวน้อยที่ถูกเรียกด้วยเสียงแหบแห้งแผ่วๆ จากด้านในดึงสองหนุ่มให้ก้าวเข้าไปหาอย่างถือวิสาสะ ภายในกระท่อมเล็กๆ เต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ทำจากไม้แบบง่ายๆ เตาผิงอยู่มุมหนึ่งกับโซฟาเก่าและโต๊ะกลมขนาดไม่ใหญ่ข้างกัน ติดกับเตาผิงมีเครื่องครัวและชั้นเก็บของที่มีเครื่องปรุงมากมาย ตรงข้ามกับประตูเป็นระเบียง ซ้านยือมีชั้นและตูบ้านใหญ่กั้นติดผนังด้านหนึ่งส่วนอีกด้านเว้นไว้แล้วบังด้วยมู่ลี่น่าจะเป็นส่วนของห้องนอนเดาว่าเจ้าของเสียงคงอยู่ในนั้นจึงรีบเข้าไปดู

    "ใคร...มานะลูน แคกๆ" หญิงชราผู้มีผมสีดอกเลาหยักโศก ยันกายลุกขึ้นจากเตียงนอนพลางไอเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองผู้มาเยือน ริมฝีปากแห้งๆ จะแย้มยิ้มบางเบา

    "เอ่อ สวัสดีครับ" โอซี่ไม่รู้จะพูดอะไรจึงเอ่ยทักไป

    "มาแล้วหรอฝ่าบาท" หญิงชราจ้องมองเวลอร์อย่างยินดี เจ้าตัวจึงเดินเข้าไปใกล้ ส่วนเจ้าแมวในอ้อมแขนกระโดดลงนอนบนตักเธออย่างคุ้นเคย สองมือเหี่ยวย่นคว้าเอามือใหญ่ไปกุมไว้แน่น "คนอื่นๆ บอกว่าฝ่าบาทจากไปแล้วแต่กระหม่อมไม่เชื่อ นิมิตของกระหม่อมไม่ได้ผิดเพี้ยน"

    "รู้ด้วยหรอว่าผมเป็นใคร"

    "ฝ่าบาทอาจจำไม่ได้ กระหม่อมอยู่ในกลุ่มนักพยากรณ์ของอินเวียร์โน่ แม้พระองค์ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้ใครเห็นนัก แต่กระหม่อมจำแววตาได้" ทุกครั้งที่ออกทรงงานกษัตริย์เวลาเรียสมักมาด้วยชุดเกราะเต็มยศ หากในยามสู้รบก็มักจะอยู่ในร่างของคิเมร่า น้อยคนนักที่จะเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของพระองค์ หยาดน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มที่ซูบตอบด้วยความปิติ จนชายหนุ่มต้องเอื้อมมือใหญ่ไปเช็ดมันออกให้ "ฝ่าบาทจะกลับมาทวงคืนบ้านให้พวกเราใช่หรือไม่"

    "ใช่ ผมกลับมาคราวนี้เพื่อสะสางทุกอย่าง ท่านแม่เฒ่าชื่ออะไรบอกได้ไหมจะได้เรียกถูก"

    "ลอเรนเจ้าค่ะ กระหม่อมชื่อลอเรน"

    "ยินดีที่ได้เจอนะลอเรน จากนี้เรียกผมว่าเวลอร์หรือเวก็ได้ ไม่ต้องเป็นทางการหรอก" ฝ่ามืออุ่นลูบหลังมือหญิงชราเบาๆ

    "แต่ว่า..."

    "ได้โปรด คุณลอเรน เรียกผมว่าเว"

     "ได้ค่ะ"

     "ส่วนหมอนี่ชื่อโอซี่ เป็นเพื่อนของผม" เวลอร์หันไปแนะนำเพื่อนอีกคนที่ยืนมองเขาทั้งคู่เงียบๆ อย่างรู้งาน

     "แล้วชาวอินเวียร์โน่คนอื่นๆ ละครับ พวกเขาพากันไปอยู่ไหน" ครึ่งออคถามขึ้น

     "เห็นว่าจะพากันไปอยู่ที่นครใต้ดิน ตรงดินแดนร้างใจกลางทะเลทรายโอซี่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางเข้านั้นอยู่ไหน" เธอทำท่านึกก่อนจะส่ายหัวออกมา "ดิฉันแยกออกมาตอนที่เราเดินทางมาถึงอาดิซาน ดิฉันในตอนนั้นก็แก่มากส่วน เจ้าลูนที่ยังเล็ก จะให้เดินทางผ่าทะเลทรายคงถ่วงเขาเปล่าๆ แคกๆ " ลอเรนว่าพลางลูบขนสีดำนุ่มนิ่มนั้น แย้มยิ้มอบอุ่น ก่อนจะไอเพราะพูดยาวไปจนคอแห้ง โอซี่จึงลุกไปตักน้ำในตุ่มมาให้ เธอกล่าวขอบคุณเขา

     "คุณลอเรนไหวไม่ครับ ไม่สบาย อยู่คนเดียวแบบนี้มันแย่นะครับ" โอซี่ว่าเสียงเครียด

     "คนเดียวที่ไหนละ มีเจ้าลูนนี่ไง" เมี๊ยวๆ เสียงเล็กตอบรับ "ธรรมดา แก่แล้วก็งี้ แล้วหาดิฉันเจอได้ไง"

     "วาลาคัสบอกนะ เจ้านั่นไม่เห็นคุณหลายวันเลยวานให้ช่วยมาดู" เวลอร์ตอบ

     "พวกท่าน...จะไปตามหาคนอื่นๆ ไหม"

     "แน่นอนครับ"

     "คุณลอเรน ไปอยู่ในเมืองไหมครับ คุณก็อายุมากแล้ว เกิดอะไรขึ้นจะได้มีคนดูแล" โอซี่บอกเสียงอ่อน "นะครับ ปล่อยคุณไว้แบบนี้พวกเราก็ไม่สบายใจ แล้วจะไปตามหาพวกที่เหลือได้ยังไง"

     "เอางั้นก็ได้ พวกท่านจะได้ไปตามหาคนอื่นๆ ได้เต็มที่" หญิงชรายิ้มกว้าง "แต่ดิฉันรบกวนอีกอย่าง หากออกไปตามหาชาวอินเวียโนที่เหลือช่วยพาลูนไปด้วยได้ไหมค่ะ เขาอาจช่วยพวกคุณได้" สองสายตามองตรงไปยังแมวดำที่จ้องตอบพวกเขาด้วยนัยน์ตาสีสวยนั่น พลางร้องเสียงอ่อนเสียงหวานออดอ้อน เรียกรอยยิ้มตรงมุมปากของเวลอร์เพราะชายหนุ่มเข้าใจที่เจ้าตัวเล็กต้องการสื่อดี

     "คุณลอเรนนอนพักซักหน่อยเถอะ ตอนใกล้ๆ รุ่งสางพวกผมจะพาคุณลงไปด้วยกัน" เวลอร์บอกก่อนจะอุ้มเจ้าแมวดำออกจากตักหญิงชรา ส่วนโอซี่ประคองเธอให้นอนลงบนเตียงแล้วทั้งสองก็ผละออกมานั่งกันหน้าเตาผิงรอเวลา เจ้าชายแห่งเรดิเอนซี่เอนหลังบนโซฟา ส่วนคิเมร่าหนุ่มนั่งขัดสมาธิเล่นกับเจ้าแมวดำอยู่บนพื้น

     "นายติดสัญญาฉันข้อหนึ่งนะเพื่อน ที่นายแพ้การประลอง" จู่ๆ ก็มาทวงกันแบบนี้ โอซี่เลิกคิ้วเล็กน้อยน้อยพลางสบตาเพื่อน ไอ้รอยยิ้มมุมปากนั่นดูไม่หน้าไว้ใจเอาซะเลย

     "ว่ามาอย่ายึกยัก"

     "แมวนั่นดูแลมันได้ไหม"

     "ฉันไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงจะรอดหรอวะ" 

     "หรือจะไม่ทำ ยกเลิกสัญญาได้นะ"  ดวงตาสีอำพันจ้องมาอย่างท้าทาย

     "ไม่ใช่เว้ย ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น แต่มีอะไรที่มันยากกว่านี้ไหมเพื่อน" มันควรเป็นคำขอที่สมศักดิ์ศรีกว่านี้ นี่ใคร เจ้าชายองค์เล็กแห่งเรดิเอนซี่จะให้มาเลี้ยงแมวมันไม่ใช่อะ

     "นี่แหละยากสุด ไม่รู้หรอการดูแลปกป้องอะไรซักอย่างมันยาก เห็นบ่นอิจฉาฉันกับฟาร์ อยากดูแลใครซักคน นี่ไงจัดให้แล้วดูแลดีๆ" ริมฝีปากหนายกยิ้มร้าย พลางอุ้มเจ้าแมวดำส่งให้เพื่อนที่นังทำหน้ายุ่ง   

     ...ฉันหมายถึงคนรัก ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงเว้ย...

    โอซี่โอดครวญในใจ พลางจ้องเจ้าแมวดำตรงหน้า ดวงตาสีม่วงอ่อนใสแจ๋วจ้องมองมาทางเข้าด้วยสายตาออดอ้อน อุ้งเท้าปุกปุยตะกายหาเขาพลางส่งเสียง เมี๊ยวๆ ไม่หยุด ราวกับขอให้อุ้ม ทำเอาดวงใจชายหนุ่มอ่อนยวบกับความน่ารักเกินต้านทานยิ่งกว่าหน้าอกตูมๆ ของสาวๆ เสียอีก

     "เออก็ได้ ลูน...แกเป็นของฉันแล้วนะเว้ย" เสียงทุ้มบอกออกไปในที่สุดพร้อมรับเอาแมวดำมากอดไว้บนตักหลามๆ ขนสีดำขลับนุ่มนิ่ม ในยามที่เจ้าตัวเอาหัวถูไถแล้วเอาลิ้นเล็กชื้นเลียเบาๆ ตรงหลังมือ จนริมฝีปากสีคล้ำหลุดยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ 

     ...คงไม่กลายเป็นทาสแมวไปหรอกนะ...

     "หึๆ อย่ามาขอบคุณที่หลังแล้วกัน" เสียงหัวเราะกวนประสาทดังมาจากไอ้คิเมร่าตัวร้ายจนคนฟังอยากจะเตะก้านคอซักที

     รุ่งเช้าสองหนุ่มก็พาหญิงชรากับอีกหนึ่งแมวกลับมายังแคมป์ของพวกเขา มังกรวาลาคัสเข้ามาทักทายลอเรนอย่างคุ้นเคย ดีใจที่เธอปลอดภัย หญิงชรากล่าวลาสัตว์ยักษ์ว่าเธอจะต้องไปอาศัยอยู่ในเมืองที่ห่างไกลอย่างเมืองเรดิเอนซี ด้วยอายุอานามขนาดนี้คงใช้ชีวิตบันปลายที่นั่นจนตายและคงไม่เจอกันอีก

     วาลาคัสได้มอบของสิ่งหนึ่งให้ฟาเรสเป็นการตอบแทนที่ช่วยรักษา เป็นชุดคลุมที่ทอด้วยเส้นไหมเงินและทองคำ อาบด้วยเวทย์มนต์เนื้อผ้าบางเบาแต่กลับเหนียวชนิดที่ดาบธรรมดาฟันไม่เข้า เพราะมันคิดว่าด้วยพลังพิเศษที่ฟาเรสมี เจ้าตัวอาจต้องทำการใหญ่ในภายภาคหน้าและคงถูกล่า มีอันตรายเข้าหาตัวไม่หยุดหย่อน อย่างน้อยๆ เสื้อคลุมที่ให้ไปก็ช่วยอำพรางกลิ่นอายของเจ้าตัวเล็กนี่ไว้ได้บ้าง ด้วยพลังเวทย์มนต์ที่อาบไว้เมื่อยามที่ถักทอมันขึ้นมา

     ทั้งแปดหนุ่มเดินทางกลับเรดิเอนซีในวันนั้นส่วนหนึ่งเพื่อพาลอเรนไปส่งไว้ที่พระราชวังเพื่อให้เธอได้ใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั่นและฝากฝังให้เหล่าข้ารับใช้คอยดูแล 

     ทั้งหมดตัดสินใจพักหนึ่งคืนเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปทำภารกิจอื่นๆ แต่เป้าหมายปลายทางจริงๆ หลังจากนี้คือดินแดนร้างใจกลางทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในเอสทีเรียด ชื่อว่าทะเลทรายโอซี่ ยิ่งลึกเข้าไปทะเลทรายนี้ยิ่งโหดร้าย ไม่ใช่สภาพอากาศแต่เพราะห่างไกลจากทุกสิ่ง ทั้งกฏหมายและศีลธรรม ดินแดนที่เต็มไปด้วยชนเผ่าหลากหลาย ซึ่งไม่ได้เป็นมิตรไปเสียหมด ไหนจะกองโจรต่างๆ ทั้งสัตว์ประหลาดและปีศาจมากมาย จนเรื่องไวด์โซลกลายเป็นสิ่งธรรมดาไปเลยสำหรับที่แห่งนี้ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชาวอินเวียร์โนเดินทางมาหลบซ่อนที่นี่ เพราะมันยากจะเข้าถึง

     โอซี่ก้าวขึ้นจากอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ใจกลางห้องน้ำหรู สมศักดิ์ศรีราชนิกูล ใบหน้าคมแม้ไม่ได้หล่อสะดุจตาแต่ก็จัดว่าน่ามอง ริมฝีปากหยักที่ดูเหมือนมีรอยยิ้มจางๆ ประดับตลอดเวลา ทำให้ดูมีเสน่ห์เฉพาะตัว ร่างกายสีแทนเกาะพราวไปด้วยหยาดน้ำ ไลกล้ามเนื้องดงามสมบูรณ์ มีรอยแผลเป็นจางๆ ตามเรือนกาย เมื่อเห็นมันแล้วพาลนึกถึงอดีต ในยามที่ยังเดินทางแร่ร่อนไปในทะเลทรายแห่งนั้นสมัยที่ยังอยู่กับมารดาที่เผ่า ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เขาไม่ได้รู้สึกแย่กับร่องรอยเหล่านี้ซ้ำร้ายมันคือความภูมิใจ  เป็นหลักฐานแห่งการต่อสู้และการเอาตัวรอดที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็น เจ้าชายโอซี่ แซบเบีย อัลลิเวียคนนี้ แย้มยิ้มให้กับตัวเองอย่างพอใจในกระจกก่อนจะคว้าเอาชุดคลุมขึ้นมาสวมแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ สู่ห้องนอนโอ่อ่ากว้างขวางจนรู้สึกอ้าวว้างในบางที หลังจากที่ท่านพ่อรับเขามาเลี้ยงดูในวังทั้งพ่อทั้งพี่ต่างก็พากันติดภารกิจตามประสาเชื้อพระวงศ์จนแทบไม่มีเวลาให้ เขาจึงเติบโตตามลำพังมาโดยตลอด

     หากในยามปกติคงมีสาวงามส่งมาเอาอกเอาใจให้ความสำราญ แต่วันนี้เขากับไม่รู้สึกต้องการมัน เพราะอะไรนะหรือ? ก็เพราะเจ้าแมวตัวจ้อยที่กำลังฟัดกองผ้าบนที่นอนเข้าอย่างเมามัน ส่งเสียงร้องแง่วๆ ไม่เลิกรา แต่น่าแปลกที่เขาเองไม่รู้สึกรำคาญอะไร ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงปลายเตียงใหญ่คว้าเอาแผนที่ภายในทะเลทรายโอซี่มาสำรวจดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง บนแผนที่บอกอาณาเขตของเผ่าใหญ่ ที่อยู่คร่าวๆ ของเหล่าอสูรการและเขตอันตราย 

     เจ้าแมวดำเงียบเสียงลงอย่างรู้งานก่อนจะกระโดดพาร่างนุ่มนิ่มมานั่งบนตักเขา ดวงตาสีม่วงอ่อนมองแผนที่ในมือเขาอย่างสนใจ เมื่อโอซี่เก็บเกี่ยวข้อมูลตรงหน้าจนพอใจก็หยิบเอารายงานเหตุการณ์ในบ้านเมืองขึ้นมาอ่าน เลือกเอาเฉพาะที่เกิดขึ้นในแถบทะเลทรายและดินแดนร้าง แผ่นแล้วแผ่นเล่า แต่ลูนก็ไม่ลุกไปไหนราวกับทั้งเขาและมันกำลังอ่านทุกสิ่งบนกระดาษนั้นไปด้วยกัน

    ...มีเจ้านี่อยู่ด้วยก็ไม่แย่เท่าไหร่แฮะ...

     "ฝันดีเจ้าเหมียว" เสียงทุ้มบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนบนฟูกนุ่มซุกหน้าลงกับหมอนแล้วหลับตาลงโดยมีเจ้าแมวดำขนนุ่มขดตัวนอนอยู่ข้างกัน

.....................................

-มาต่อแล้ว ตอนนี้ยกให้พี่โอซี่เขาไป

-ฝากแพจด้วยจ้าเข้ามาทักได้ https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2016 23:50:08 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อร๊างงงง ดีใจมาต่อไวมากๆเลยค่ะ  :mew1:  :mew1:  :mew1:  :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เด่วๆ แมวกะยักษ์หรา 55555 น่ารักเชียว

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
โอซี่จะมีคู่แล้ว   :katai2-1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :impress2:  นี่ลุุ้นให้แมวน้อยแปลงร่างตอนกลางดึก อิอิ

มังกรหาคู่ให้ใช่ไหมพี่โอ   :mew1: 

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
กรี๊ดดดดด น้องแมวน่ารักอ่ะ
โอซี่จะได้เมียก้องานนี้ 555555555

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
คู่ของโอซี่ กับมาวิคมาแล้วววววววววววววววววววว  :laugh:

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 18

      เพราะเกิดในดินแดนหมู่เกาะที่อุดมสมบูรณ์อย่างไวท์ออกชาร์ด การได้เดินทางไปในทะเลทรายจึงกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับฟาเรส เนินทรายสุดลูกหูลูกตาสีสันตัดกันกับท้องฟ้าสีน้ำเงินกระจ่าง เป็นความงามที่สรรสร้างโดยธรรมชาติ แม้แดดจะจัดแต่สายลมแรงๆ ที่พัดมากลับเย็น อากาศในทะเลทรายโอซี่ค่อนข้างแห้งทำให้รู้สึกกระหายน้ำอยู่บ่อยๆ จากเรดิเอนซีสู่ดินแดนร้างใช้เวลาเจ็ดวันสำหรับการเดินเท้า สี่ถึงหน้ามันด้วยม้า แต่สำหรับพวกเขาคงใช้เวลาประมาณสามวันเพราะใช้ม้าพันธุ์ดีที่รวดเร็วและแข็งแรงกว่าม้าทั่วไปอยู่มากในกรณีที่ไม่ได้แวะที่ไหนระหว่างทาง

      คืนแรกพวกเขาพักกันที่หมู่บ้านฮาดินเพราะมีรายงานเรื่องไวด์โซลส่งมา รายได้หลักของหมู่บ้านแห่งนี้มาจากเหมืองคริสตัลขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเจ็มที่ใช้ทำอาวุธส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี่ เจ็มคือคริสตัลชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่ดีกว่าแข็งแรงทนทานกว่าและทำปฏิกริยาต่อพลังเวทย์แฝงหากแต่อัตราการขุดพบน้อยมาก 

      ชายหนุ่มทั้งแปดกับอีกหนึ่งแมวที่ก้าวเข้ามาในโรงแรมเล็กๆ ใจกลางหมู่บ้านที่ชั้นล่างเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์เหล้าดึงสายตาของแขกในร้านให้หันมอง ทั้งหมดเลือกนั่งรวมกันที่โต๊ะยาวขนาดใหญ่ ฝั่งหนึ่งหน่วยพิทักษ์สามคนนั่งอยู่ต่อจากไมเรคคือมาวิค เพื่อนเขาตอนนี้กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองคนข้างๆ เหมือนจะหักคอทิ้ง ไม่รู้ทำไมว่างเมื่อไหร่กัดกันตลอด คนหนึ่งชอบแขวะคนหนึ่งก็เดือดง่าย ถามพรีมได้ความว่าพ่อพวกนั้นเป็นเพื่อนกัน แล้วมาวิคก็ไม่ค่อยถูกชะตากับหน่วยพิทักษ์คนนี้เท่าไหร่เพราะหมั่นไส้มาตั้งแต่เด็ก ส่วนที่เหลือนั่งอยู่ฝั่งเขา ฟาเรสหันมองไปรอบๆ คนดูบางตากว่าที่ควรจะเป็น พอดีกับสาวสวยเดินมาที่โต๊ะพร้อมยิ้มกว้างแล้วยื่นเมนูให้พวกเขา

      "คนดูน้อยจัง" โอซี่ถามพร้อมยิ้มกว้างตามประสาคนอัธยาศัยดี

      "ค่ะ ก็ตั้งแต่มีไวด์โซลอาละวาดในเหมืองเลยต้องปิดชั่วคราว พวกทำเหมืองก็ว่างกลับไปทำงานไหม่ได้เลยขาดรายได้ ส่วนพ่อค้าที่มาซื้อขายพอได้ข่าวว่าเหมืองปิดชั่วคราวก็ไม่ค่อยมีมา ร้านก็เลยเงียบอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ" เธอบอกเสียงเศร้า พลางมองไปรอบๆ แล้วถอนใจ "รับอะไรดีค่ะ ถ้ายังไงสั่งเครื่องดื่มรอไปก่อนก็ได้ค่ะ ที่นี่เรามีเบียร์สดเป็นของขึ้นชื่อค่ะ"

       โอซี่หันมาถามเพื่อนร่วมโต๊ะว่าจะดื่มไหมซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับ ก่อนที่แต่ละคนจะสั่งอาหารที่ต้องการ เดินทางตากแดดมาทั้งวันหิวไส้จะขาด มื้อเที่ยงก็พากันกินขนมปังแห้งๆ ที่ถือติดมาเป็นสะเบียง ก่อนที่เจ้าชายครึ่งออคจะสั่งนมสดปิดท้ายสำหรับเจ้าลูนที่นั่งอยู่บนไหล่กว้างและกำลังเล่นกับฟาเรสที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งในสายตาของคนอื่นมองว่าหมือนแมวสองตัวกำลังหยอกกันซะมากกว่า

"ต้องการอะไรเพิ่มอีกไหมค่ะ"

      "ไม่แล้วละ เอ่อ ใครเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่นี่หรอ บอกหน่อยได้ไหม พวกเราเป็นหน่วยพิทักษ์นะ อยากจะคุยเรื่องพวกไวด์โซลซักหน่อย" ดิออนถาม คำว่าหน่วยพิทักษ์ทำเอาเธอมองพวกเขาตาโตก่อนจะยิ้มกว้างออกมา "ค่ะๆ จะให้คนไปตามเดี๋ยวนี้แหละค่ะ" 

       ไม่นานอาหารก็ถูกนำมาเสริฟจนเต็มโต๊ะแม้จะดูมากมายจนแทบล้นแต่ก็ไม่สะเทือนกระเพราะของเหล่าชายหนุ่มเท่าไหร่นัก เพราะไม่นานบรรดาอาหารทั้งหลายก็อันตรทานหายไปเหลือติดจานไม่กี่อย่างจึงพากันนั่งย่อยไปซักพัก ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านพร้อมผู้ติดตามอีกสองคน เขาตรงมายั่งโต๊ะที่ฟาเรสนั่งอยู่ น่าจะเป็ฯหัวหน้าหมู่บ้นของที่นี่มุกคนในโต๊ะจึงลุกขึ้นทักทาย

       "สวัสดี ฉันลอฟเป็นหัวหน้าหมู่บ้านฮาดินแห่งนี้ ยินดีที่พวกคุณมา นั่งเถอะๆ" ลอฟว่าพลางนั่งลงบนเก้าอี้ที่ผู้ติดตามลากมาให้ แนะนำตัวกันต่ออีกนิดหน่อยจึงเริ่มคุยในหัวข้อหลัก มีเลยแยกเกิดขึ้นในเหมือนเมื่อประมาณสี่วันก่อน คนงานบางส่วนตายส่วนที่เหลือหนีออกมาเลยตัดสินใจปิดทางเข้าเหมืองไว้ แล้วแจ้งทางการ หากไม่มีใครมาจัดการตั้งใจว่าจะรอให้รอยแยกระหว่างมิติหายไปเองแล้วค่อยช่วยกันจัดการพวกอันเดธที่อยู่ในนั้น



       เจ้าของโรงแรมจัดห้องพักให้เขาห้าห้อง ดิออนนอนกับพี่ชาย ไมเรคอยู่อีกห้อง โอซี่กับลูน พรีมกับมาวิค และเวลอร์นอนกับฟาเรส ตอนแรกเจ้าตัวบอกไม่คิดเงินทั้งค่าที่พักและอาหาร แต่พวกเขาก็ยืนยันที่จะจ่ายโดยให้เหตุผลว่าช่วงนี้ทางโรงแรมไม่ค่อยมีลูกค้าอย่ามาเสียรายได้กับพวกเขาเลย ชายชราเจ้าของที่แห่งนี้เลยต้องยอมรับเงินไปแต่โดยดี

       "พรุ่งนี้มีภารกิจต้องทำอย่ารังแกฟาร์ละ" โอซี่แซวก่อนจะเข้าห้องตัวเองไป คนถูกแซวยิ้มรับมุมปากก่อนจะคว้ากอดเอวบางลากฟาเรสเข้าห้องไป

     ร่างโปร่งถูกผลักลงบนเตียงก่อนที่คนตัวโตกว่าจะตามมาทาบทับแล้วกดจูบริมฝีปากอิ่มสวยนั่นอย่างไม่ทันให้อีกคนได้ตั้งตัว ลิ้นร้อนแทรกกลีบปากนิ่มๆ เข้าไปลิ้มรสความหวานภายในอย่างหิวกระหายจนคนข้างใต้ครางอื้ออึงในลำคอเพราะหายใจไม่ทัน เวลอร์ยอมผละออกมาเมื่ออีกคนทำท่าจะขาดใจและไม่วายจูบซ้ำๆ เบาๆ บนริมฝีปากสีสดอยู่หลายที

     "แฮก...จะฆ่ากันหรือไง" ฟาเรสบ่นไปหอบไป ใบหน้าเห่อร้อนไปหมด ใบหน้าคมยิ้มหล่อก่อนจะก้มลงไปฟัดแก้มนิ่มๆ แล้วเลื่อนลงมาสูดเอากลิ่นกายอ่อนๆ ตรงซอกคอขาว จนคนใต้ร่างเอามือทุบหลังเขาแรงๆ ให้หยุดก่อนอารมณ์จะเตลิดไปไกล "พอแล้ว อื้อ...พอ"

     "อยากอะ" เวลอร์บอกด้วยเสียงแหบพร่า ดวงตาสีอำพันสบตาคนรักแบบอ้อนๆ อยู่บนหลังม้าโดยกอดคนตัวเล็กไว้ตรงหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆ กับเนื้อตัวนุ่มนิ่มทำเขาจะบ้าตายมาทั้งวัน

     "พรุ่งนี้ต้องออกไปเหมืองแต่เช้า" ฟาเรสบอกเขินๆ พลางหลบตาคมที่มองมา "ถ้านายทำ ฉันคงลุกไม่ไหวแน่ๆ"

     "ก็ไม่ต้องไปไง"

     "แล้วใครจะปิดรอยแยกละ"

      "ช่างมันสิ"

      "ช่างไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ ถ้าไม่ทำก็มีคนตายเพิ่มอีก"

      "เฮ้อ ทำไมพวกเราไม่เกิดเป็นคนธรรมดาวะ"  เวลอร์ทำหน้ายุ่ง คิ้วเข้มขมวดหากันอย่างหงุดหงิด จนฟาเรสหลุดขำกับคนตัวโตที่งอแงเป็นเด็กๆ ฝ่ามือนิ่มๆ ยกขึ้นประกบสองแก้มของร่างสูง

      "ถ้าเกิดเป็นคนธรรมดา นายคงแก่ตายก่อนเจอฉันละเว" ว่าแล้วยื่นหน้าไปจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากหนาหนึ่งทีแล้วยิ้มให้ อีกคนยิ้มตามก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงมากอดคนพูดไว้ทั้งตัว ใบหน้าคมซุกอยู่กับไหล่บางแล้วพึมพำเบาๆ

      "นั่นสินะ"

      "เวลุกเลย จะไปอาบน้ำ" ฟาเรสบอกถึงชอบให้กอดแต่อีกคนก็ใช่ว่าตัวเล็กๆ เขาก็หนักเป็นนะ

     "อาบน้ำด้วยสิ" เวลอร์ยอมลุกออกแต่ก็ดึงแขนคนที่ยืนขึ้นไว้

     "ฝันไปเหอะ ขืนอาบด้วยกันคงไม่จบแค่อาบน้ำนะสิ" ริมฝีปากบางเบ้ใส่อย่างหมั่นไส้พลางดึงมือออกก่อนจะคว้าเอาผ้าขนหนูที่ถูกเตรียมไว้หนีเข้าห้องน้ำไป

     "หึๆ" เสียงหัวเราะเย็นๆ ตามหลังมาให้ฟาเรสได้สะดุ้ง



      ตอนเช้าลอฟมาส่งพวกเขาหน้าเหมืองแล้วช่วยเปิดประตูเหล็กบานใหญ่ที่ปิดเอาไว้ให้ คนอื่นๆ ถูกสั่งให้รออยู่ภายนอก ถึงจะมากันแบบอาวุธครบมือกำลังใจมาเต็มแต่ชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนเข้าไปข้างในคงจะเจ็บตัวเปล่าๆ ทั้งแปดเดินเข้ามาข้างในที่ส่องสว่างด้วยโคมไฟที่ติดไว้บนเพดานเหมือง ดูขนลุกชอบกลยิ่งเดินเข้าไปลึกอากาศยิ่งเย็น มีทางแยกมากมายดูเหมือนเขาวงกต หากไม่ได้แผนที่ทางเดินเหมืองที่หัวหน้าหมู่บ้านเอามาให้คงหลงกันเป็นวันแน่ๆ 

      "เฮ้!!! ลูนจะไปไหน" โอซี่ร้องตามแมวดำที่กระโดดลงจากไหล่เขาแล้วหนีหายไปอีกทาง 

      "ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็กลับมา" เวลอร์ดึงเขาไว้เมื่อทำท่าจะตามไป

      "ลูนบอกไว้หรอ" คนถูกถามพยักหน้ารับ

      เดินลึกเข้าไปซักพักก็ต้องปะทะกับพวกไวด์โซลฝูงใหญแต่ก็ไม่ได้ตึงมือมากมาย ฝ่าพวกมันเข้าไปจนถึงโถงกว้างด้านในก็พบกับรอยแยกระหว่างมิติที่เกิดขึ้นอยู๋ใจกลางห้องขนาดใหญ่กว่าที่หน้าถ้ามังกรอยู่ไม่มาก ทุกคนกระจายกำลังกัยไปรอบๆ ตัวของฟาเรสที่ยืนอยู่หน้าหลุมดำนั่นโดยมีคิเมร่าหนุ่มคอยระวังภัยอยู่ข้างกันก่อนจะเริ่มถ่ายทอดพลังเวทย์ไปยังประตูนั้น ครั้งนี้ดูเหมือนลูกครึ่งเอลฟ์จะทำได้ดี เพราะใช้เวลาไม่นานรอยแยกระหว่างมิติตรงนั้นก็หายไปในเวลาไม่ถึงห้านาที ส่วนคนอื่นๆ ก็จัดการพวกไวด์โซลที่เหลือจนตายเกลี้ยง

      "พลังนายนี่โคตรเจ๋งเลย แบบนี้จบเรื่องไวสุดๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนพวกฉันคงต้องเฝ้าจนกว่ามันจะปิดไปเอง" ดิออนบอกพร้อมยิ้มกว้าง บีบนวดไหล่บางอย่างเอาใจแต่ก็ต้องถอยออกไปเพราะคิเมร่าหนุ่มที่ยืนข้างๆ ส่งสายตาอาฆาตมาเตือน

      เมี๊ยว!!! เสียงร้องเรียกจากเจ้าแมวที่วิ่งหายไปเมื่อก่อนหน้าดังขึ้นดึงทุกสายตาให้หันมอง โอซี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก...นี่เขาเป็นห่วงมันหรอเนี่ย คงเพราะในเหมืองทั้งมืดทั้งเย็นเกิดมันวิ่งๆ ไปเจอพวกไวด์โซล เจอสัตว์ร้าย โดนกัดโดนกิน เวลอร์คงหัวเราะเยาะ ว่าเขาไม่มีปัญหาดูแลแม้กระทั่งแมวตัวเดียว ครึ่งออคคิดเหตุผลให้ตัวเองในใจ

      "ลูนบอกว่ามีคนติดอยู่อีกทาง" เวลอร์หันมาบอกคนอื่นๆ "นำไปสิ"

       หัวเล็กๆ ก้มให้ก่อนเงยขึ้นมองคล้ายพยักหน้ารับ แล้ววิ่งนำพวกเขาไป โอซี่ชักหงุดหงิด เริ่มอิจฉาคิเมร่าข้างๆ ซะแล้วสิถ้าคุยกับเจ้มแมวนั่นรู้เรื่องบ้างคงจะดี ทั้งแปดคนวิ่งตามลูนมาจนถึงทางตัน มองดีๆ จึงเห็นว่ามันถูกหินถล่มทับไว้ แมวดำตัวจ้อยมุดเข้าไปในซอกหินพักใหญ่ก่อนจะกลับออกมาร้องเบาๆ บอกทุกคนที่รออยู่แล้วหายเข้าไปข้างในอีกครั้ง

       "มีคนติดอยู่ในนั้นห้าคน มีคนหนึ่งบาดเจ็บหนัก" เวลอร์สื่อสารแทนกับคนอื่นๆ

       "ถอยไปหน่อยเดี๋ยวเอาหินออกจากทางให้" โอซี่บอก แล้วครึ่งออคกับคิเมร่าหนุ่มก็ช่วยกันยกหินก้อนใหญ่ๆ ที่ปิดทางไว้ออกทีละก้อน ท่าทางสบายๆ ราวกับสิ่งที่ยกอยู่นั้นเป็นแค่ลังไม้ธรรมดา ไม่นานก้อนหินทั้งหมดก็ถูกกำจัดไปพ้นทาง เผยให้เห็นชายฉกรรจ์เนื้อตัวมอมแมมทั้งห้าคนนั่งหมดแรงอยู่ด้านใน ทุกสายตามองมาทางพวกเขาอย่างดีใจ บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาดอย่างดีีใจที่รอดตาย ก็ติดอยู่ในนี้มาสามสี่วันแล้ว เสบียงก็หมดตั้งแต่สองวันแรกจนหิวโซ หน่วยพิทักษ์ทั้งสามเข้าไปพยุงชายเหล่านั้นขึ้น มาวิคเข้าไปช่วยอีกแรง ส่วนอีกคนที่บาดเจ็บเนื่องจากมีลอยบาดขนาดใหญ่ที่ต้นขาขวาถูกเวลอร์แบบขึ้นหลัง

      "แล้วลูนละ" นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองไปรอบๆ ไม่เจอเจ้าแมวน้อย

      "ถ้าหมายถึงแมว กระผมเห็นมันวิ่งเข้าไปด้านในครับ" หนึงในคนงานเหมืองที่ถูกพยุงอยู่ตอบพลางชี้บอกทาง

      "งั้นพวกนายพาคนเจ็บออกไปก่อน ฉันขอไปตามหาไอ้ตัวซนแปบ" โอซี่หันไปบอกเพื่อนแล้วเดินไปตามทางที่คนงานเหมืองบอก เดินลึกเข้าไปจนสุดทางที่มีไฟส่องสว่างก็ยังไม่เห็น ตั้งใจจะไปหาทางใหม่แต่พอจะหันกลับไปดันได้ยินเสียงขู่ฟ่อของงูกับเสียงเล็กๆ คุ้นหูของลูน ครึ่งออคหนุ่มจึงรีบวิ่งไปตามเสียงทันที

       ฟ่อ!!! เจ้าของขนสีดำนุ่มนิ่มยืนตัวเกร็งอยู่บนหิน หางตั้งชันพร้อมแยกเขี้ยวใส่เหล่าอสรพิษเบี้องล่างที่ล้อมรอบอยู่ถึงห้าตัว โอซี่รีบวิ่งผ่าดงงูเหล่านั้นไปคว้าเจ้าแมวน้อยได้ทันพอดีกับที่งูตัวหนึ่งพุ่งหมายจะฉกเจ้าตัว ทำให้คมเขี้ยวฝังที่ท่อนแขนแกร่งแทน พิษร้ายแผ่ซ่านเข้ามาจนร้อนไปทั้งแขน

      "แม่งเอ้ย!!!" โอซี่สบถออกมาก่อนใช้อีกมือดึงงูตัวนั้นออกแล้วจับฟาดลงพื้นตายคาที่ พลางยกขาเตะตัวอื่นแล้วเหยียบซ้ำจนแหลกไปกับพื้น ก่อนจะรีบพาตัวเองออกมาจากเหมืองมืดๆ เพราะรับรู้ถึงพิษที่เริ่มกระจายไปทั่วร่าง ถ้าเป็นธรรดาคงหมดสติทันทีที่พิษเข้าสูงร่าง

      "เป็นอะไรหน้าซีดๆ" ฟาเรสถามทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนตัวโตที่ตามออกมาเป็นคนสุดท้ายพร้อมแมวน้อยในอ้อมแขน

      "งูกัด"

      "เฮ้ย!!! แล้วไม่เป็นไรหรอนั่น" เพื่อนคนอื่นร้องออกมาอย่างตกใจ

      "ไม่หรอก เดี๋ยวพิษก็จาง เพลียวะสงสัยเพราะพิษงู ขอกลับไปพักได้ไหม" โอซี่บอกเริ่มเบลอๆ ตัวร้อนเหมือนจะเป็นไข้ หน่วยพิทักษ์ทั้งสามจึงอาสาทำเรื่องส่งทางการกับจัดการที่เหลือพร้อมไล่บรรดาเด็กฝึกกลับโรงแรม พอมาถึงฟาเรสรีบกลับห้องไปรื้อกระเป๋าผสมยาจากสมุนไพรที่สกัดมาแล้วเอาไปให้เพื่อนตัวโตที่ห้อง สีหน้าอีกคนดูเพลียๆ 

      "ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม" ฟาเรสถามออกมาอย่างเป็นห่วง

      "ไม่เป็นไรกลับห้องนายไปเถอะ"

      "แต่โอซี่ เผื่อนายช๊อคตอนกลางคืนล่ะ"

      "ลูนก็อยู่ กลัวอะไร ฉันถึกจะตาย" เจ้าชายครึ่งออคบอกยิ้มๆ "ขอบคุณสำหรับยา" ว่าแล้วก็ปิดประตูห้องทันที ได้ยินเสียงตระโกนจากคนที่อยู่หน้าประตูดังตามมาว่า 

      "แมวที่ไหนดูแลคนป่วยได้วะ"



      โอซี่ยิ้มอ่อนให้เพื่อน ก่อนจะเดินเซๆ มาล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงใหญ่ ก่อนจะหันไปชี้หน้าคาดโทษเจ้าแมวดำที่กระโดดขึ้นมานั่งอยู่ข้างกาย

      "ซนจนได้เรื่อง" เสียงทุ้มว่าเบาๆ ดวงตาสีม่วงอ่อนหม่อนแสงลงราวกับรู้ตัวว่าผิด ลูนเอาหัวเล็กๆ ของมันถูกลำแขนแกร่งแล้วเลียตรงรอยกัดเบาๆ 

      "หึ...ไม่ต้องมาอ้อนเลย ง่วง...ขอนอนก่อนเถอะ ตื่นมาเจอดีแน่" ชายหนุ่มเอ่ยคาดโดดเจ้าตัวเล็กแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า งูที่กัดเขาเป็นงูเห่าทะเลทราย พิษมีฤทธิ์ต่อการเต้นของหัวใจและเม็ดเลือด แม้จะไม่มีผลรุนแรงกับสายเลือดครึ่งออคแบบเขา แต่ก็ทำให้ร่างกายร้อนจัดและเป็นไข้ หัวมันหนักๆ มึนเบลอเพียงแค่ตาปิดสติก็ล่องลอยไม่รับรู้สิ่งรอบตัวอีกเลย เพราะร่างกายอ่อนแอจึงหลับลึกทั้งที่ในยามปกติประสาทเขาจะดีเสมอจนไม่อาจรับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกาย

       ร่างเล็กที่ปกคลุมไปด้วยขนสีดำอ่อนนุ่มค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์ ผิวกายสีน้ำผึ้งเนียนสวย เครื่องหน้าหวาน ปากเล็กบาง จมูกเล็กแต่ก็โด่งรั้นกำลังดี ดูเข้ากับดวงตาโตๆ ที่หางตาเฉี่ยวขึ้นเล็กน้อยล้อมกรอบด้วยผมสีดำประบ่ากับ มีเพียงนัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าตัวคือคนๆ เดียวกันกับแมวสีดำตัวเมื่อครู่

      "ขอโทษนะ" เสียงนุ่มบอกกับคนที่หลับอยู่พร้อมกับลูบใบหน้าคมที่ร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ หยาดเหงื่อผุดพรายทั่วกรอบหน้าอย่างรู้สึกผิด เวลอร์บอกว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้และจะคอยดูแลเขานับจากนี้ ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อถึงจะเป็นเพื่อนของเวลอร์ก็ตาม นอกจากลอเรนลูนไม่เคยไว้ใจใคร จนวันนี้ที่อีกคนเข้ามาช่วย ในตอนที่ถูกล้อมด้วยงูพวกนั้น 

      จริงๆ ลูนสู้พวกนั้นได้เพราะเขาเป็นคิเมร่า ในจังหวะที่ยังลังเลว่าจะคืนร่างมนุษย์หรือไม่ อีกคนกลับเข้ามาช่วยเขาไว้โดยไม่สนเลยว่าจะถูกงูพวกนั้นกัด ก็แค่แมวตัวหนึ่งจะปล่อยให้ตายไปก็ได้แต่กลับยอมเจ็บตัวเพื่อเขาเสียอย่างนั้น ไม่ว่าจะทำไปเพราะคำพูดที่ให้ไว้กับเวลอร์หรือทำไปเพราะห่วงแมวตัวน้อยๆ ลูนก็รู้สึกขอบคุณอยู่ดี

      "ขอบคุณนะ" ลูนบอกออกมาเสียงเบาก่อนจะผละออกไปหาอ่างเล็กๆ ในห้องน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้คนบนเตียง จับคนตัวโตถอดเสื้อกับกางเกงออกเพราะมันเลาะเทาะเต็มทีจนเหลือแต่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ก่อนเอาผ้าชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดซับไปตามผิวกายสีเข้มที่ดูแดงขึ้นกว่าเก่าเพราะพิษไข้ ทำอยู่แบบนั้นซ้ำๆ จนรู้สึกได้ว่าร่างกายตรงหน้าดูจะเย็นลง จึงเอาของทั้งหมดไปเก็บ 

      โอซี่ตัวสั่นน้อยๆ ไข้ทำให้รู้สึกหนาว ดวงตาสีม่วงมองกระเป๋าสัมภาระกับร่างที่เกือบเปลือยสลับกันไปมาก่อนตัดสินใจล้มตัวลงนอนข้างๆ แทนที่จะหาเสื้อผ้ามาใส่ให้ดึงเอาผ้าห่มขึ้นคลุมทั้งร่างใหญ่และตัวเอง ความอุ่นร้อนที่รู้สึกได้กระตุ้นให้วงแขนแกร่งกอดรัดเรือนร่างบอบบางพร้อมเบียดกายเข้าหาพร้อมแนบหน้ากับเรือนผมนุ่มแล้วนิ่งไป

       "ฝันดีไอ้ยักษ์" ลูนกระซิบบอกพลางซุกหน้าเข้ากับอกแกร่ง เขาชอบกลิ่นหมอนี่จัง อยู่ด้วยแล้วรู็สึกปลอดภัย


..........................................


มนุษย์ เผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดในเอสทีเรียด มนุษย์บางคนมีพลังเวทย์แฝงสามารถใช้ได้ผ่านตัวกลางที่เรียกว่าเจม น้อยมากที่จะสามารถให้พลังเวทย์บริสุทธิ์ได้

ดวอร์ฟ คนแคระขึ้นชื่อด้านการสร้างสรรค์ และเป็นผู้คิดค้นสิ่งต่างๆ เป็ฯนักประดิษฐ์ ส่วนใหญาอาศัยอยู๋ในเครวิช ดินแดนชายฝั่งทางตะวันตกของเอสทีเรียด แต่ก็มีอาศัยอยู่ในเมืองอื่นปะปนกับมนุษย์ไป

เอลฟ์ เผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุด รูปร่างสูงโปร่ง เก่งกาจด้านเวทย์มนต์ เอลฟ์ส่วนใหญ่มีพลังเวทย์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ และฟื้นตัวได้ดี แต่พลังกำลังมากกว่ามนุษย์อยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางเหนือ และในนอธเทิร์นเรียมเองก็ปกรองโดยราชวงศ์เอลฟ์มาหลายชั่วอายุคน

ออค บางทีก็ถูกเรียกว่ายักษ์ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพละกำลังมาก ทรหดอดทนและมีพลังการฟื้นตัวดีเยี่ยม อีกทั้งยังเก่งกาจดานการรบ แม้รูปร่างหน้าตาจะดูไม่ต่างจากมนุษย์ แต่ชาวออคสูงใหญ่กว่า ซึ่งส่วนใหญ่สูงไม่ต่ำกว่า 180 cm. พบได้มากในเรดิเอนซี่อีกทั้งยังเป็ฯผู้ปกครองดินแดดตะวันออกแห่งนี้อีกด้วย

คิเมร่า เผ่าพันธุ์ที่ลึกลับที่สุดในเอสทีเรียด พบน้อยมาก เดิมทีมีถิ่นฐานอยู่ที่อินเวียโน่(ซึ่งร้างไปแล้ว)ปกครองอย่างเอกเทศ สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้แต่จะคงเอกลักษ์ตอนที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์ไว้ รูปร่างหน้าตาขึ้นอยู่ร่างสัตว์ของตัวเอง เช่น ถ้าเป็นกระทิง ร่างมนุษย์ก็จะบึกบึน ถ้าเป็นแมวร่างมนุษย์ก็จะตัวเล็กและบางกว่า
 แต่สำหรับเวลอร์ที่มีร่างของคิเมร่าอย่างแท้จริง(ลักษณะเป็นสัตว์ผสม) เพราะเป็นสายเลือดชั้นสูงและเก่าแก่ พบในบรรดาเชื้อพระวงศ์ของอินเวียโน่

...............................

-อธิบายคร่าวๆ เพื่อความเข้าใจในเนื้อเรื่องมากขึ้น เดี๋ยวจะพยายามอธิบายเรื่องอื่นๆ ต่อ ในตอนต่อไป

-งงตรงไหนถามได้นะค่ะ อยากให้วาดอะไรบอกได้

-ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/NightKnightByBloodRoSe/




 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2016 09:22:50 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
สนุกกกกก  :mew1: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
น้องแมวววววววว  :hao6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เมี้ยววว. ฟินล่วงหน้าไปแล้ว
น้องแมวน่ารัก

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
โอซี่เริ่มหลงน้องแมวน้อยแล้วล่ะสิ  :-[

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
อยากให้โลซี่เห็นร่างลูนที่ไม่ใช่แมวเร็วๆ  :impress2:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
น้องแมวววว
เช้าวันถัดไปโอซี่จะตื่นมาทันเห็นร่างคนของน้องแมวไหมน้อ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
น้องแมวน่ารักอ่ะ ขี้อ้อนนนนน

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :-[ :-[ ชอบเรื่องนี้มากค่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
นั้นไง หึหึ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
สนุกดี  :katai2-1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
สนุกมากๆจ้า  :pig4:

รอตอนต่อไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด