Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Guardian Of Heart ผู้พิทักษ์ใจ(Fantasy) Spe : Hozier & Preme2/2 P.15 10/6/17  (อ่าน 100253 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
กลับมาบ่อยๆนะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
น่ารักกกกก  :mew3:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กลับมาต่อแล้ว ดีใจจจ
คิเมร่าหนุ่มเราหื่นทุกคนจริงๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขอบคุณนะคะ.  :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
นึกว่าจะโดนทรมานจนทนไม่ไหวซะแล้ว :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีใจที่เห็นเรื่องนี้อัพ :hao7:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
มาติดตามค่า เป็นวาย แฟนซีที่ชอบมากอีกเรื่อง

รออ่านอยู่น้า

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 37

 

     "ขอโทษที่รบกวน ขอคุยซักเดี๋ยวได้ไหม" เวลอร์เอ่ยทันทีที่เจ้าของห้องเปิดประตูรับ


     "เข้ามาสิ" โอซี่ว่าพลางเบี่ยงตัวหลบให้ผู้มาเยือนเข้าไปในห้อง ก็ไม่ได้รบกวนอะไรเพราะเพิ่งสองทุ่มเอง


     พวกเขาใช้ชีวิตอยู่บนเรือลำยักษ์นี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว เรือขนาดใหญ่ของกองทัพซึ่งเป็นทรัพย์สินของอนิมา เต็มไปด้วยห้องหับมากมายพร้อมสาธารณูปโภคครบครัน และเสบียงทั้งหมดที่อยู่ในฐานก็ถูกขนขึ้นเรือมาด้วย ซึ่งเพียงพอต่อกำลังคนสามร้อยกว่า ๆ ที่เขามีให้สามารถใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ได้เป็นแรมเดือน อีกทั้งเทคโนดลยีการอำพรางตัวชั้นเยี่ยมช่วยให้พวกเขาไม่ถูกพบจากหน่วยล่าตระเวณของเอแวนการ์ด เรือลำนี้ขลับเคลื่อนด้วยพลังงานเวทย์ที่ถูกสะสมอยู่ในขุมพลังงานที่ประกอบด้วยเจมนับล้านเม็ด


     พวกมาวิคตามมาทันเมื่อคืนวานและท่านผู้อำนวยการเองก็ถูกพามาถึงเมื่อคืนด้วยสภาพไม่เต็มร้อยเท่าใดนัก พร้อมกับข่าวร้ายเมื่ออาณาจักรนอธเทิร์นเรียมได้ตั้งกำลังพลอย่างแน่นหนาบริเวณชายแดนอินเวียโน ผู้นำในทุกอาณาจักรคงเห็นพวกเขาเป็นคนร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย จะมีก็แต่กษัตริย์อลูคัสเท่านั้นที่เห็นพวกเขาเป็นมิตร


     "แล้วฟาร์ละ" ลูนเอ่ยถามหาคนที่ตอนนี้แทบจะกลายเป็นคู่ซี้กันไปแล้ว


     "อยู่ที่ห้อง" เวลอร์ตอบ


     "มีอะไรสำคัญหรือเปล่า" ครึ่งออคเอ่ยถาม ถ้าไม่สำคัญคงเอาไว้คุยพรุ่งนี้ไม่มาเรียกเขากลางค่ำกลางคืนหรอก


     "อีกไม่กี่วันเราคงถึงฝั่ง ฉันอยากให้นายช่วยไปที่ที่หนึ่งให้ที" เวลอร์เอ่ยขอ พลางมอบแผนที่ ดูจากสภาพคงเก่าน่าดูแม้กระดาาจะเหลืองไปบ้างแต่ยังไม่ถึงกับยุ่ย


     "แผนที่อะไรเนี่ย"


     "สุสานราชวงค์" คิเมาหนุ่มเข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจากจุดที่เราจะขึ้นฝั่ง ในหุบเขากษัตริย์จะมีสุสานราชวงศ์ของอินเวียโนอยู่"

     "นายจะให้ฉันไปปลุกผีหรือไงเว"


     "ก็ไม่เชิง ที่นั่นเป็นที่พักสุดท้ายของเหล่าราชวงศ์ บางคนอาจตายไปแล้วแต่บางคนเพียงแค่หลับไปเท่านั้น" เวลอร์อธิบาย "ในตอนนี้มีฟาร์พียงคนเดียวที่สามารถปิดรอยแยกระหว่างมิตินั่นได้ แต่ริคัทโตเปิดและขยายมันมานาน รอยแยกนั้นกว้างจนครอบไปทั้งเมืองอินเวียโนแล้ว ไม่มีทางที่ฟารร์จะปิดมันได้โดยที่ตัวเองไม่เป็นอันตราย แม้การรบกวนสุสานราชวงศ์จะเป็นเรื่องไม่สมควรแต่ฉันจำเป็นต้องหาใครสักคนมาช่วยปิดมันอีกแรง"


     "แล้วนายจะรู้ได้ไงว่าใครแค่หลับหรือใครตายไปแล้ว"


     "ก็ต้องเสี่ยงดู ถ้ายังไม่เหลือจะได้เบาแรงฟาร์ไปได้"


     "แล้วจะทำยังไงฉันเป็นออคไม่ใช่หมอผีนะเฮ้ย" โอซี่ถาม "ไอ้ช่วยนะช่วยแน่ แต่จะให้งัดฝาโลงแล้วแล้วสะกิดบอก เฮ้ยตื่นโว้ยโลกกำลังจะแตกมันก็ไม่ใช่นะ"


     "เอาลูนไปด้วยสิ พวกสายเลือดพยากรณ์สามารถสื่อสารกับท่านเหล่านั้นได้"


     "ลูนคุยกับวิญญาณได้หรอ"


     "บ้านะ พวกนั้นยังไม่ตายซักหน่อยแค่หลับลูนก็คุยได้สิ" เจ้าเหมียวบ่น พวกนักพยากรณ์ส่วนใหญ่จะมีความสามารถในการสื่อจิต และมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำสามารถเห็นพวกเวทย์มนต์อำพลาง เเต่ไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้อย่างที่ใครเข้าใจ "เวอยากให้ลูนไปเรียกใครมาช่วยละ"


     "คนที่ต้องการมากที่สุดคือ คอเนเลียส ต้นราชวงศ์เอลฟ์ เป็นคนแรกที่มีพลังในการควบคุมมิติ ส่วนคนอื่นก็แล้วแต่พวกนายเลย นี่เป็นตราประจำรัชกาลของกษัตริย์เอลฟ์" ว่าแล้วก็ยื่นเหรียญโลหะให้คู่สนธนา "เรื่องสุสานราชวงศ์นอกจากกษัตริย์ในแต่ละสมัยและพวกนักพยากรณ์ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกนะ ฉันไว้ใจนายที่สุด"


     "พูดซะซึ้ง สรุป คือลากไปเยอะเท่าไหร่ยิ่งดีสินะ"


     "ใช่ ฉันไม่มั่นใจเต็มร้อยนักหรอกว่าศึกครั้งนี้เราจะชนะ แต่เราก็แพ้ไม่ได้ อะไรที่ทำให้เป็นต่อแม้เพียงเล็กน้อยเราก็ควรทำ"  ความผิดพลาดในอดีตสอนให้เวลอร์รไม่ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำ กับพวกเขาที่รวมตัวกันอย่างไรก็เสียเปรียบพวกฟอสโกที่สะสมกำลังกันมาเป็นสิบปี


     "เอาน่า เอาเป็นว่าพวกฉันจะตามไปสมทบให้ไวที่สุด วางใจได้เลยพวก เราทำเต็มที่อยู่แล้ว" โอซี่ตบบ่าเพื่อนเบา ๆ


     "ลูนก็จะช่วยด้วยนะ"


     "ขอบใจพวกนายมาก "


                                                                                .........................................


     "ไปไหนมานะ" ฟาเรสเอ่ยถามครรักทันทีที่เปิดประตูเข้ามา หลังมื้อเย็นอีกฝ่ายก็เเยกตัวออกไป ส่วนตัวเขาเข้าห้องมาพักผ่อน

     "ไปคุยกับโอซี่มานะ" เด็กหนุ่มไม่ได้ถามต่อเพราะคงไม่พ้นเรื่องเเผนการรบละมั้ง


     "อาบน้ำสิ ฉันเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้"


     "อาบด้วยกันไหม" คิเมร่าหนุ่มยิ้มบางพลางจับผมสีอ่อนที่เริ่มยาวทัดใบหูขาว เรียกเลือดให้มารวมที่แก้มใส


     "ไม่ ฉันอาบแล้ว" ฟาเรสว่าพลางดันหลังคนรักเข้าห้องน้ำไปพร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ


     ร่างโปร่งเดินเอื่อยไปนอกระเบียงเหม่อมองแสงของจัญเพ็ญที่ส่องกระทบผื้นน้ำที่มีแผ่นน้ำแข็งลอยอยู่ประปราย สายลมเย็นเยียบพัดผ่านแก้มเนียน  แม้จะอยู่บนเรือลำนี้ไม่นานแต่ในความรู้สึกของฟาเรสมันช่างยาวไกล จนบางทีก็รู้สึกเหนื่อยจนอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบโดยไว


     "ไม่หนาวหรือไง" เวลอร์เอ่ยถามพลางเอาผ้าขนสัตว์ผืนหนาคลุมร่างคนรักแล้วกอดไว้จากด้านหลัง


     "แล้วนายละ"


     "ชินแล้ว" คิเมร่าหนุ่มตอบ เกยคางไว้บนไหล่บาง เขาสังเกตุได้ว่าคนในอ้อมกอดซูบผอมลงกว่าเก่า แม้ฟาเรสจะยังยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับทุกคน แต่ในใจของเด็กหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความกังวล "ฟาร์"


     "หืม?"


     "ถ้าเรื่องทุกอย่างจบแล้วฟาร์อยากทำอะไร" ฟาเรสนิ่งคิด นั่นสินะ จะว่าไปเขาก็ไม่เคยนึกถึงอนาคตของตัวเองเลยซักครั้ง ว่าอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บ้านเกิด ฟาเรสเพียงแค่ใช้ชีวิตไปตามที่พ่อแม่ต้องการ ความสนุกในแต่ละวันคงหนีไม่พ้นออรี่และออร่า แต่ตอนนี้ไม่มีพวกเขาอีกต่อไปแล้ว และในฐานนะที่เป็ฯทั้งลูกและพี่ชายเขาไม่อาจปล่อยให้คนที่รักตายเปล่าได้แม้เขาจะไม่รู้จักริคัทโตหรือพวกฟอสโกเลยก็ตาม


      "ไม่รู้สิเว ฉันช่างเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย แม้แต่ความฝัน" ฟาเรสได้แต่ยิ้มเยอะในโชคชะตา "แต่ฉันก็มีนายนะ ฮ่าาา"


      "พูดจาน่าโดน...นะเรา" เวลอร์ยิ้มรับ "แต่ก็มีสิ่งที่ชอบใช่ไหมละ ลองนึกดูดี ๆ สิ"


      "อยากกลับไปที่อนิมา ฉันชอบเรือนสมุนไพรนั่น มันสงบแล้วก็เป็นสิ่งที่ชอบ" จะว่าไปตอนอยู่ที่นั่นกับเวลอร์แต่ละวันก็มีความสุขดีนะ "แล้วนายละ"


      "เมื่อก่อนฉันคงตอบว่าอินเวียโนคือทุกสิ่งทุกอย่าง" เวลอร์ตอบ "แต่ตอนนี้การได้อยู่กับฟาร์คือสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดในตอนนี้" ในศึกที่กำลังจะเกิด ชัยชนะคือเรื่องรองขอแค่ท้ายที่สุดคนที่เขารักมีชีวิตรอดและปลอดภัย ไม่มีพวกสารเลวนั่นคอยตามล่าอีกต่อไป


      "คนแก่พูดจาเลี่ยน ๆ ก็เป็นหรอ" ฟาเรสบ่นทั้งที่หน้าแดงซ่านเพราะเขิน เขาหันกลับไปกอดตอบร่างสูงไว้แน่น แต่จู่ก็ถูกอีกคนอุ้มพาดบ่าก้าวยาว ๆ มาที่เตียงก่อนจะวางเขาลงแล้วคร่อมไว้ทั้งร่าง


      "แก่หรือเปล่ามาพิสูจน์กันไหม" ริมฝีปากหนายกยิ้มเจ้าเล่ห์ จ้องตาคนใต้ร่างอย่างสื่อความหมาย


      "หื่นตลอด" ฟาเรสยิ้มเขินพร้อมเอาแขนคล้องคอร่างสูงให้โน้มลงมารับจูบดูดดื่ม ทุกความรู้สึกความต้องการถูกถ่ายทอดให้แก่กัน มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่าง สูดดมกายหอมที่เขาชอบพลางกดจูบลงผิวเนียนอย่างหลงไหล เสียงหวานครางแผ่วมัวเมากับสัมผัสรู้ตัวอีกทีก็เหลืือแต่ตัวเปลือยเปล่า ลมหนาวที่พัดเข้ามากระทบผิวยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเบียดกายเข้าหาไออุ่นจากอีกค น  "หนาวจัง"


      "เดี๋ยวก็อุ่นแล้วที่รัก" เสียงทุ้มแหบพร่า จัดการริมฝีปากสวยที่เผยอหอบตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว มือหรือบดขยี้ยอดอก ส่วนอีกมือปลุกรวบกำส่วนกลางของทั้งคู่แล้วขยับรูดจนคนใต้ล่างดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน คิเมร่าหนุ่มคำรามอย่างชอบใจ ผละจากริมฝีปากหวานจูบไล่ลงมาตามลำคอ แวะรังแกแผ่นอกบางที่แอ่นรับอย่างรู้ใจ ฟาเรสถึงกับเกร็งไปทั้งร่างยามที่ลิ้นรอ้อนลากผ่อนสะดือก่อนที่จะถูกจู่โจมกลางกาย จนครางไม่เป็นคำ ไหนจะนิ้วที่สอดเข้ามาในร่าง กระตุ้นความต้องการจนตั้งสติไม่อยู่

      "อ๊าาาา เว อย่าเพิ่ง" ฟาเรสร้องเสียงหลงพลางยึดไหล่หนาไว้แน่นในยามที่ร่างกายถูกลุกล้ำ 

      "ขอโทษนะ" เวลอร์ว่าพลางรั้งเรียวขาขึ้นพาดบ่า ดวงตาสีอำพันตรงหน้าที่ตอนนี้คงเต็มเปลี่ยมไปด้วยความต้องการและสัญชาติญาณที่ยากจะควบคุม จนต้องระบายด้วยการขบเม้มไปตามขาขาว จนเมื่อเด็กน้อยของเขาคล้อยตาม บทรักที่แท้จริงจึงได้เริ่มต้นขึ้น 

      "รัก อาาา รักนะ" เสียงหวานกระซิบบอก 

      "ฉันก็รักฟาร์เหมือนกัน" เวลอร์ยิ้มรับ กับคำบอกรักที่ใช่ว่าจะได้ยินบ่อยนักเพราะเด็กหนุ่มเขินอายเกินกว่าจะพูดออกมาง่าย ๆ ทุกสัมผัส ทุกถ้อยคำ ทุกความโหยหา และความรัก พวกเขามอบมันให้กันไม่รู้เบื่อ.

       ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต เวลอร์และฟาเรสก็เช่นกัน กับสิ่งที่เขากำลังเผชิญ ในสงครามอะไรก็เกิดขึ้นได้ พวกต่างก็มีสิ่งที่กังวลและหวาดกลัวอยู่ภายในใจ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งคู่ก็อยากจดจำทุกความสุขที่มีต่อกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


..........................

แทนคำขอบคุณจากไรท์ค่ะ ไม่ได้วาดนานละ : จริง ๆ เราไฝ่ฝันอยากเขียน การ์ตูนวาย อ่านมันงะท่านอื่นแล้วคันมือ แต่ไม่รู้บ้านเราถูกกฏหมายไหมนะ (เดาว่าไม่)

- ตอนหน้าเราไปวอร์ ไปบู๊กันเถอะค่ะ เลยหวานบทนี้ให้ซักหน่อย เพราะเนื้อเรื่องจะเครียดขึ้นค่ะ :hao3:
- ไม่เกินสี่ถึงห้าตอนหน้าจะจบในเรื่องเมนหลัก แต่จะมีตอนพิเศษ เพิ่มเติมชีวิตของตัวละครอื่น ๆ หลังจากนี้ ต่อไปค่ะ :katai3:
- ข้อเสียยิ่งใหญ่ของเรื่องนี้ คือความต่อเนื่อง ต้องขอโทษจริง ๆ  :hao5:ค่ะ เพราะตอนเริ่มเเต่งเรื่องนี้คือเริ่มทำงานแล้ว มันไม่ชิวเหมือนตอนแต่ง Night Knight เพราะตอนนั้นเรียนอยู่...หนังสือยังพรีได้อยู่นะค่ะ อิอิ http://www.whybooksth.com/

- ขอบคุณที่ยังติดตามแม้ไรท์จะเกเรไปบ้าง รักนะจุ๊บๆ  :mew1:

 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2017 17:02:42 โดย l3loodl2o5e »

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เย้ๆมาแย้ววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนใหม่มาแล้วววว
กลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว เพื่อความยาว

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ลุ้นนนน พี่เวจะออกศึกแล้ววว

 :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
รอตอนบู๊

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai2-1:แอบกลัวน้องฟาร์เอวหักจุง. ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อและรูปสวยงามเหมือนเคย

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ดีใจที่คุณกลับมาาา :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เร่าร้อนก่อนบู๊ค่าา
ชอบรูปที่คนเขียนวาดทุกรูปเลยยย

ออฟไลน์ MOLI

  • ทำวันนี้ ได้วันนี้
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ CHOKUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 38
[/b]


           "ฝ่าบาท บวกนั้นผ่านพรหมแดนสู่อินเวียโน่แล้ว" นายทหารคนสนิทนามลีม่ารายงาน "กระผมกำลังเตรียมกำลังคน ไปขัดขวางพวกมัน"

          "ไม่จำเป็น ให้พวกมันเข้ามา ที่นี่จะเป็นที่ฝังศพของพวกมัน เจ้าพวกนั้นคิดว่าเด็กคนเดียวจะทำลายทั้งหมดได้งั้นหรือ โง่เง่าสิ้นดี" ริคัทโต้กล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ พลางเท้ามือลงบนขอบระเบียง ดวงตาสีครามทอดมองไปเบื้องล่างที่บัดนี้เต็มไปด้วยเหล่าไวด์โซลที่เข้าแถวเป็นระเบียบสุดลูกหูลูกตา มันทุกตัวนิ่งสงบราวกับรูปปั้นหากแต่ยังมีชีวิต

           ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเรียนรู้และศึกษาพวกอันเดธเหล่านี้ และพบว่าพวกมันก็เหมือนสัตว์ เมื่อรวมตัวกันจะมีตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นจ่าฝูงในกลุ่มนั้น  เขาเพียรพยายามหาวิธีควบคุมมันและก็เจอในที่สุด สัญญาเลือดที่ผูกพวกมันไว้กับเขาเอง ไม่ว่าพวกไวด์โซลจะอยู่ที่ใดในเอสทีเรียดเขาก็สามารถควบคุมมันได้ เชื่องพอที่จะใช้งาน แต่เมื่อสั่งให้สังหารมันก็จะล่าทุกอย่างที่ขวางหน้า 

           "วาเลเรียสมันต้องเสียใจ ที่วันนั้นปฏิเสธความหวังดีของฉัน" สาเหตุหนึ่งที่ริคัทโต้เริ่มแตกหักกับสหายรักก็คือเรื่องนี้ เขาพยายามหาวิธีใช้ประโยชน์จากอันเดธเหล่านี้แต่อีกฝ่ายกลับบอกให้เขาหยุดทุกอย่าง กษัติรย์ที่ดวงตามืดบอดเอาแต่จมอยู่กับแนวคิดเดิม ๆ มันไม่คู่ควรกับอาณาจักรนี้

           "แล้วฝ่าบาทจะทำอย่างไรกับ พวกนั้นโดยเฉพาะวาเลเรียส ก็รู้ว่าคิเมร่าสายเลือดราชวงศ์แข็งแกร่งแค่ไหน" ลีม่าที่ตามรับใช้ริคัทโตมาตั้งแต่ยังเด็กรู้ดีถึงความสามารถของอีกฝ่าย ครั้งที่แล้วเวลาเรียสพลาดท่าเพราะไม่ทันระวังตัว ครั้งนี้คงยาก

          "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันได้เตรียมคู่ต่อสู้ให้มันแล้ว"

          "เจ้าสิ่งนั้น ฝ่าบาทควบคุมมันได้แล้วหรือ"

            "หึ ฉันทำได้มากกว่านั้น" ลูกแก้วน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นตรงหน้าจากสายพลังเวทย์ ก่อนที่มันจะฉายภาพในที่ต่างๆ ของเอสทีเรียด "อีกไม่นานวันที่ทุกอาณาจักรจะต้องกล้มหัวให้เราก็มาถึง เรามาเริ่มความสนุกนี้กันเถอะ"

..............................

 
          "กรี๊ดดดด" เสียงกรีดร้องของผู้คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของนอธเทิร์นเรียมดังระงม คลอไปด้วยเสียงคำรามของปีศาจร้าย ในคืนที่แสนสงบหมู่บ้านถูกฝูงไวด์โซล์เข้าโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว บ้างบาดเจ็บสาหัส บ้างสิ้นใจอยู่ตรงนั้น บ้านเรือนหลายหลังจมอยู่ในกองเพลิง กองกำลังคุ้มกันเพียงหยิบมือจากเอแวนการ์ดไม่สามารถคุ้มกันคนทั้งหมดได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือต้องหนี 

          "รายงายไปที่ส่วนกลาง" หนึ่งในหน่วยพิทักษ์ประจำเขตบอกเพื่อนที่กระโดดขึ้นม้าหมายจะไปแจ้งข่าว หากแต่อาชาสี่ขาไม่ทันก้าวพ้นเขต ขาของมันก็ถูกฟันขาดสะบั้นด้วยคมดาบของพวกไวด์โซล

           "พวกเราต้านมันไว้ พาพวกผู้หญิงกับเด็กออกไปจากหมู่บ้านซะ" หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยอย่างร้อนรน

            "ไม่ได้ พวกมันล้อมเราไว้แล้ว"

             "อะไรนะ บ้าเอ้ย!!"

 
             ไกลออกไปในเคลวิช ไวท์ออชาร์ด เดสเซ็นท์ และเรดิเอนซี่รอบนอกก็เจอสภาพไม่ต่างกัน มีคนตายจำนวนมาก หลายหมู่บ้านพังพินาศ หลายคนไร้ที่อยู่อาศัยสร้างความโกลลาหลขึ้นทั่วเอสทีเรียดทำให้ทั้งห้าอาณาจักรต้องเข้าหารือกันอย่างเร่งด่วน

            "ท่านยิ้มอะไรอลูคัส" ราชินีเรเวนเนียกล่าวอย่างเดือดดาน

             "ทีนี้เชื่อที่เอเบรียนบอกได้หรือยัง ยังต้องเอาชีวิตคนทั้งแผ่นดินเป็นบทพิสูจน์อีกไหม"

             "หึ มันเป็นสงครามระหว่างไอ้เอลฟ์บ้าอำนาจนั่น กับพวกคิเมร่าเฮงซวย ทำพวกเราเดือดร้อนหมด" เธอว่าอย่างไม่ยอมแพ้

             "เรเวนเนีย ท่านเป็นถึงผู้ปกครองสูงสุดใย คำพูดถึงเต็มไปด้วยอัคติเช่นนี้ จริงอยู่ต้นราชวงศ์ของท่านถูกขับจากที่นั่น ไม่เห็นต้องจงเกลียดจงชังพวกเขานักเลย"กษัตริย์ดาเวนเอ่ยปราม

             "ข้าไม่ได้อคติ"

              "พอเถอะ ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงกัน หากสิ่งที่เอเบรียนกล่าวเป็นจริง ริคัทโต้มีเป้าหมายคือทั้งเอสทีเรียด ต่อให้ไม่มีพวกกษัตริย์เวลาเรียสเราก็ถูกโจมตีอยู่ดี ท่านมีแผนอย่างไรกับเรื่องนี้ท่านแม่ทัพ"

           "เราจะรวมประชาชนเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ รวมกำลังป้องกันอยู่ที่เดียวย่อมดีกว่า การกระจายกำลังไปยิ่งทำให้เราเสียเปรียบ" ผู้บัญชาการสูงสุดเอ่ยเสียงเครียด "นั่นคือสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้"

           "อลูคัส ท่านดูจะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วท่านมีความเห็นอย่างไร"  ริชาร์ดแห่งเคลวิชขอความเห็นเจ้าแห่งเมืองทะเลทราย เขาได้ยินมาว่าเรดิเอนซี่ได้รับความเสียหายน้อยสุดเพราะตั้งแต่วันที่เอเบรียนขึ้นศาล ก็ได้วางแผนรับมือและวางกองกำลังไว้อย่างแน่นหนา

           "แอกนัส โอรสคนโตของเราได้นำกำลังส่วนหนึ่งเดินทางไปอินเวียโนแล้ว ริคัทโต้สะสมกำลังมาเป็นสิบปี คงมีไวด์โซลในควบคุมเป็นจำนวนมาก ลำพังกองทัพของชาวอินเวียโนที่กำลังเดินทางไปที่นั่นอาจจะไม่พอรับมือ"

           "หมายความว่าท่านติดต่อเจ้ากษัติรย์คิเมร่านั่นมาตลอดงั้นหรือ" เรเวนเนียคาดคั้น

           "ใช่ ก็เขาเป็นสหายของเรา และอีกอย่างโอรสคนเล็กของเราก็อยู่ในทัพของชาวอินเวียโนเหล่านั้นเราย่อมต้องช่วยเหลือลูกเราเป็นธรรมดา" ในเวลานี้คงไม่มีใครคลางแคงใจเรื่องเหล่านี้นัก "สิ่งที่เรารู้มา ไวด์โซลเหล่านี้ถูกควบคุมด้วยอำนาจของริคัทโต้ หยุดเจ้านั่นได้ก็หยุดพวกอันเดธเหล่านี้ได้ คงต้องพึ่งกำลังจากเอแวนการ์ดแล้วละ"

           "แต่เราจะเดินทานไปอินเวียโนได้อย่างไร แล้วใช้เวลากี่วัน ถึงตอนนั้นจะยังทันเวลาอยู่ไหมฝ่าบาท" ผู้ว่าแห่งเดสเซนท์ถาม เขาเห็นด้วยกับอลูคัส ตั้งแต่พวกนั้นหนีจากอนิมาไปก็ไม่รู้เลยว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนนั้นเป็นเช่นไร

            "แล้วทำไมท่านไม่ใช้เรือบินของเอแวนการ์ดเล่า เรือบินรบที่พวกท่านทุ่มทุนมหาศาลสร้างมันมา ลำพังเรือเหล่านั้นก็สามารถขนส่งกองกำลังได้ไม่น้อย"  ริชาร์ดแห่งเคลวิชเสนอ

           "แต่ ระบบอาวุธภายในยังไม่สมบูรณ์ดีเลยนะฝ่าบาท" แม่ทัพใหญ่แย้ง

           "แต่พวกท่านสร้างมาใช้ในยามฉุกเฉินไม่ใช่หรือ ไหนจะนายทหารมากมายที่ท่านฝึกฝนมา ไม่ใช้ตอนนี้จะใช้ตอนไหน"
 
            "งั้นขอเวลาเตรียมพร้อม กองกำลังของเอแวนการ์ดจะออกเดินทางก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ พวกพระองค์โปรดวางใจ" ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเอแวนการ์ดรับคำ

          "ได้ ฉันอยู่ใกล้จะแบ่งกำลังพลเดินเท้าเข้าไปในอินเวียโนล่วงหน้าไปก่อน" ราชินีเอลฟ์บอก 

           "ทางเราจะส่งคนนำทางไปพบท่านก่อนรุ่งสาง ตกลงตามนั้น" กษัตริย์อลูคัสกล่าวสรุปก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน
 

...................................


            "ถึงฉันจะถึก แต่ก็เกิดในทะเลทรายนะโว้ย" โอซี่บ่นอากาศเย็นมันก็ดีอยู่หรอกแต่ไม่ใช่เย็นเข้ากระดูกขนาดนี้ เขากระชับเสื้อขนสัตว์ ลำแขนแกร่งกอดเจ้าเหมี๋ยวที่ซุกอยู่ในเสื้อให้แน่นขึ้น ให้ลูนอยู่ในร่างนี้เดินทางสะดวกกว่า เจ้าเหมียวโผล่หน้าออกมาดูทางเป็นระยะ
             เขาและลูนแยกกับพวกเวลอร์ทันทีที่เข้าเขตอินเวียโน แล้วเดินทางขึ้นเหนือตามแผนที่ที่เวลอร์ให้ไว้ กับเส้นทางที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและป่าสนหาจุดสังเกตุแทบไม่ได้ หากมาคนเดียวเขาต้องหลงแน่ ๆ โชคดีที่มีลูนช่วยนำทาง

            -โอซี่เห็นแนวเขาข้างหน้าไหม ตรงไปทางนั้นเลย- เสียงของลูนดังขึ้นในหัว ดวงตาสีรัตติกาลมองเทือกเขาเบื้องหน้าที่ตอนนี้ฉาบไปด้วยแสงสีแดงอมส้มของอาทิตย์ที่กำลังจะตก อีกไม่นานคงต้องหาที่พักแรม ตอนกลางคืนอากาศจะหนาวเย็นยิ่งกว่านี้

            "คิดว่าเราจะไปถึงนั่นก่อนค่ำไหม" ครึ่งออคหนุ่มถามพลางเร่งฝีเท้า 

            -ลูนก็ไม่แน่ใจ โอซี่เหนื่อยไหม ลูนหนักหรือเปล่า- คำถามที่ได้รับเรียกรอยยิ้มจากคนตัวโต เจ้าแมวน้อยเอาแต่ถามแบบนี้ตลอดทาง บางครั้งก็ขอลงเดินเอง แต่พอเห็นหิมะขาว ๆ ที่ปกคลุมบนพื้นเขาก็ไม่อยากให้คนรักลงมาเยียบมันซักเท่าไหร่
"เสบียงที่หลังฉันหนักกว่าตัวลูนตั้งเยอะ"

           โอซี่และลูนมาถึงตีนเขาช่วงค่ำพอดี ทั้งคู่เลือกพักอยู่ตรงแนวป่าสนรอบนอก เพราะติดเขาเกินไปอาจเสี่ยงต่อหิมะถล่ม ดวงตาสีม่วงมองตามคนรักที่หักเอาต้นสนรอบๆ พวกออคที่แรงเยอะจริง เผลอ ๆ อาจมากกว่าคิเมร่าด้วยซ้ำ ซุ้มขนาดใหญ่พอให้คนตัวโตอยู่ได้้ถึงสองคนคลุมด้วยผ้าผืนใหญ่ที่พกมาด้วย กลายเป็นเต้นชั่วคราว โอซี่เคยทำมันสมัยยังเดินทางเร่ร่อนอยู่กับแม่
 
           "เอ้าเสร็จแล้ว มาเร็ว" ครึ่งออคเรียก เจ้าแมวน้อยรีบวิ่งเข้าไปในซุ้มที่ทำไว้ ร่างสูงก่อกองไฟไว้ให้ความอบอุ่นภายในเต้นชั่วคราวที่สร้างขึ้น ทันทีที่แมวดำคืนร่างเป็นเด็กหนุ่ม ร่างสูงก็ไม่รีรอที่จะถึงเข้ามากอดพร้อมจูบริมฝีปากนิ่มให้หนำใจ

            "พอแล้วววว" ลูนห้ามพลางดันหน้าอีกคนไว้ ก่อนจะกันไปรื้อเอาอาหารที่พกมาไปอุ่นไฟ "กินมะ ลูนป้อน"

            "กินลูนแทนได้ไหม"

            "ไม่ได้" ว่าแล้วก็เอาขหนมปังที่อุ่นไฟแล้วยัดปากคนหื่นทันที
 
            "ลูนอยู่กับลอเรนมาตั้งแต่เกิดเลยหรอ" โอซี่เอ่ยถามท่ามกลางความเงียบระหว่างที่นอนกอดกันอยู่แบบนั้น

            "ก็ประมาณนั้น จริงๆ พ่อแม่ลูนเป็นพวกสมิง แต่ลูนดันเกิดมาเป็นแมวซะงั้น" ลูนว่าพลางซุกหน้ากับอกแกร่ง "ซึ่งเขาบอกว่าลูนจะมีพลังพิเศษ เลยยกลูนให้พวกนักพยาการณ์" เขาเองก็ไม่ได้เศร้าอะไรเพราะพ่อแม่ก็หมั่นมาเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง

            "แล้วเห็นอนาคตได้เลยหรือ"

           "ไม่หรอก แค่มีลางบอกเหตุ มันจะเป็นความรู้สึกแบบน่าจะใช่ เหมือนที่นำทางโอซี่ ดูจากแผนที่แล้วสัญชาติญาณก็ช่วยบอกว่าไปทางไหน แต่ก็มีบ้างที่ฝันถึงสิ่งที่กำลังจะเกิด" คิเมร่าน้อยเล่า พลันนึกถึงความฝันที่เพิ่งผ่านมาของตัวเองแล้วเงียบไป
"เป็นอะไรไปลูน" โอซี่ถามเมื่อจู่ ๆ อีกคนก็นิ่งไป

          "ที่จริง ตอนเดินทางมาที่นี่ลูนก็ฝัน"ภาพฝันที่ผ่าน ในสุสานงดงามและแสนสงบ พวกเขาทุกคนต่างยืนล้อมหลุมศพของใครคนหนึ่ง ชื่อบนนั้นเลือนลางจนไม่สามารอาจได้ แต่ลางสังหรบอกให้รู้ว่าต้องเป็นหนึ่งในพวกเขาแน่นอน

          "ฝันว่า"

         "จะมีพวกเราคนหนึ่งไม่ได้กลับไป...ละ ลูน กลัวนะ กลัวว่าใครคนนั้นจะเป็นโอซี่"

         "คิดมากนะ ลูนก็เคยพูดเองนี่ ว่านิมิตพวกนี้บางทีก็ไม่เป็นจริง"

         "นั่นสินะ ลูนอาจจะคิดมากจนเก็บไปฝันก็ได้"

         "นอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางต่อแต่เช้า"



 
         "เห้อใครมันเป็นคนต้นคิดให้สุสานมันลึกลับซับซ้อนขนาดนี้วะ" โอซี่บ่นพลางเดินไปตามหุบเข้าน้ำแข็ง

         "สถาปนิกในสมัยของกษัตริย์คอเนเลียส เป็นคนออกแบบที่นี่ อืมน่าจะหลายร้อยปีแล้วละ คนออกแบบที่นี่คงตายไปแล้วละ" ลูนที่เดินอยู่ข้างกันตอบ ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในร่างมนุษย์ซึ่งได้เสื้อขนสัตว์ของโอซี่ห่มร่างไว้แต่คิเมร่าหนุ่มดูจะไม่สะทกสะท้านกับความหนาวเท่าใดนัก

        "อืม นึกว่ายัง จะได้ตามไปเชือด"

         "โอซี่ดุจัง"

           ทั้งคู่เดินคุยเล่นกันไปตลอดทาง จนไปถึงหน้าบานประตูเหล็กประดับคริสตัลขนาดยักษ์ ทันทีที่ก้าวเข้าใกล้คบทั้งสองข้างของบ้านประตูก็ลุกพรึบ ดวงตาสีม่วงสำรวจบ้านประตูลายวิจิตรตรงหน้าที่เต็มไปด้วยอักขระเรืองแสงซึ่งมีเพียงลูนที่มองเห็น
 
             "แสงแห่งการเกิดใหม่จะเปิดทางไปสู่โลกหน้า" ลูนอ่านออกมาให้โอซี่ได้ยินด้วย

           "แสงแห่งการเกิดใหม่ แสงอาทิตย์ไง" เจ้าชายครึ่งออคคิดพลางเงยหน้ามองฟ้า ที่นี่มีฟน้าผาสูงขนาบข้าง ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์จะส่องถึงบานประตูนี้ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมง พระอาทิตย์อยู่ด้านหลังประตู "งั้นก็ต้องเป็นเวลาช่วงสายสินะ เราต้องรอถึงวันพรุ่งรี้เลยหรอ"

            "โอซี่ ๆ หุ่นการ์เดียนมา" เจ้าแมวร้องเรียกคนตัวโตเสียงตื่น เมื่อบานประตูตรงหน้าค่อย ๆ ปรากฏร่างใหญ่ยักษ์สองร่างกำลังก้าวออกมา

             "ก็ว่าอยู่ ว่าคงไม่ได้เข้าไปง่าย ๆ" ไม่แปลกใจที่เวลอร์เลือกเขามาทำงานนี้เพราะต้องมาบวกกับเจ้าพวกนี้นี่เอง "แต่ยังไงก็ขอชมไอ้คนสร้างที่นี่มันช่างคิดจริง ๆ" หุ่นเหล็กสองตัวยืนอยู่ตรงหน้า ทุกชิ้นส่วนของมันถูกเชื่อมต่อด้วยสายฟ้า และดวงตาของพวกมันเป็นสีแดงเรืองรอง พร้อมทวนและโล่ในมือ

            "เอาไงดี"

           "ลูนหลบไปก่อนนะ"

            "แต่"

            "ไม่แต่นะครับ ที่รักไปยืนเป็นกำลังใจก็พอแล้ว" ลูนที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องใช้กำลังจึงจำใจหลบฉากออกไป

             "เอาละ มาเล่นกัน" ว่าแล้วก็สร้างขวานขึ้นจากพื้นดินที่ยืนอยู่มาถือบนมือทั้งสองด้านน ก่อนจะพุ่งเข้าหาหุ่นสองตัวอย่างไม่ลังเล

            โครมมม เคร้งง!!!! โล่ในมือของหุ่นตัวหนึ่งถูกปัดกระเด็นออกจากมือ ก่อนที่โอซี่จะฟันหัวมันจนขาดสะบั้น ก่อนจะหันไปรับเมือกับอีกตัวที่จู่โจมเข้ามา เขายกขวานขึ้นกันได้ทันก่อนที่คมทวนจะฟาดลงบนหน้า ก่อนจะปัดมันจนหลุดจากมือของการ์เดียนตนนั้นแล้วฟันมันจนขาดครึ่งท่อน

             "ไงฉันเก่งไหม" ว่าแล้วคนตัวโตก็หันไปยิ้มร่าให้ลูนทันที 

            "เอ่อ ก็เก่งแต่ว่า" นิ้วเรียวชี้ไปที่ด้านหลังของเขา พอหันมองก็เห็นว่า หุ่นเหล็กพวกนั้นกลับมารวมร่างเดิมอีกรอบ
"เฮ้อออ อะไรกันวะเนี่ย" โอซี่บ่นก่อนจะเตรียมตัวรับมือกับการ์เดียนทั้งสองตัวที่พุ่งเข้ามาจู่โจม เขาไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าพวกมันว่องไวขึ้น

            ลูนมองตามคนรักที่เริ่มจะตึงมือ เจ้าพวกนี้ฆ่าไม่ตายน่าจะถูกควบคุมด้วยอะไรซักอย่าง ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วบริเวณรอบ ๆ ประตูนั้น จนไปสะดุดอยู่เหนือซุ้มประตูก็พบกับลูกแก้มทรงกลมที่สะดุดตา คิเมร่าหนุ่มกลายร่างเป็นแมวดำได้ไปตามชะง้อนหินที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ต้องขอบคุณอุ้งเล็กคมที่ไม่ทำให้ลื่นถไลลงไปด้านล่าง ปีนมาเรื่อย ๆ จนถึงบนซุ้มประตู จึงรีบเดินไปยังลูกแก้วลูกนั้นพบว่าภายในมันเต็มไปด้วยฟันเฟืองต่าง ๆ จึงออกแรง ผลักมันออกจากฐานจนล่วงลงไป

            เพล้ง !!! ทั้นทีที่ลูกแก้วนั้นหล่นลงพื้น หุ่นเหล็กสองตัวก็หยุดทำงานก่อนชิ้นส่วนต่าง ๆ จะหล่นกระจายเต็มพื้นเบื้องหน้าของโอซี่ที่ตอนนี้สะบักสะบอมพอตัว   (กรุณานึกถึงภาพเเมวปัดแก้วลงจากชั้น 555+)
 
             "ลูน" โอซี่มองตามตำแหน่งของลูกแก้วที่หล่นลงมาก่อนจะเอื้อมมือไปรับเจ้าตีวเล็กที่กระโดดลงมา ก่อนคืนร่างเป็นเด็กหนุ่มดังเดิม

              "เอาละทีนี้ คงต้องรอแสงอาทิตย์ตอนสาย ๆ ของพรุ่งนี้" ลูนว่าพลางเอาเสื้อขนสัตว์คลุมตัว

              "เราไม่มีเวลาขนาดนั้นนะสิ" ตอนนี้พวกเวลอร์น่าจะไปได้ขึ้นทางแล้ว เขาต้องกลับไปสมทบให้ทันก่อนที่พวกนั้นจะบุกเข้าไปในเมืองจริง ๆ

              "แล้วโอซี่จะเปิดยังไง"

              "ก็ใช้วิธีบ้าน ๆ งัดแม่งเลย"
 
               "ฮะ!!!" เจ้าเหมียวตาโตประตูบานใหญ่ขนาดนี้ ร่างสูงยิ้มขำก่อนจะก้าวไปตรงหน้า สองมือกำที่จับประตูแน่นก่อนจะออกแรงเปิดมัน ประตูเหล็กประดับคริสตัลบานยักษ์ ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ เสียงกลไกลในบางประตูดังลั่นก่อนจะตามมาด้วยเสียงหักของโลหะภายในแล้วมันก็เปิดผ่างออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นโถงกว้าง ภายในประกอบด้วยโลงหินแกะสลักขนาดใหญ่หลายโลง

               "เอาละได้เวลาปลุกพวกคนแก่ขี้เซากันแล้ว"
 

...................................................


ปล. พี่โอซี่เป็นคนไม่เครียดเนอะ  :katai2-1:
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
 โอซี่บ้าพลังมาก 555555555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ใครจะไม่ได้กลับไปง่าาา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แอบหวั่นใจเล็กๆว่าใครจะต้องมีการสูญเสีย

ออฟไลน์ l3loodl2o5e

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-4
บทที่ 39
[/b]


       เนิ่นนานที่เวลอร์ไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิด  รอยแยกของมิติขนาดใหญ่บนท้องฟ้าเหนืออินเวียโนทำให้เมืองที่เคยงดงามดุจสรวงสวรรค์มืดดำไม่ต่างจากดินเดนแห่งความตาย กลิ่นสาปของเหล่าอันเดธรับรู้ได้แม้อยู่ไกลบนเนินเขาข้างนอกเมือง
 
        "ดูสิ่งที่เจ้านั่นทำกับบ้านเราสิ" เดปเอ่ยอย่างเจ็บแค้น ริคัทโต้เคยเป็นคนที่เขาเคารพ ไม่นึกเลยว่าคนคนนี้จะแอบซ่อนความชั่วร้ายไว้ในใจ

          เสียงฝีเท้าของสัตว์มุ่งตรงมาที่พวกเขา เสือโคร่งตัวใหญ่หยุดอยู่ตรงหน้าก่อนที่มันจะคืนร่างเป็นคน คิเมร่าตนนี้อาสาเข้าไปสอดแนมใกล้ ๆ ก่อนที่ทั้งหมดจะบุกเข้าไป 

          "เป็นยังไงบ้าง พวกมันมีประมาณเท่าไร" เวลอร์เอ่ยถาม

          "พวกมันมีเยอะกว่าพวกเรามาก เท่าที่กระผมประมาณการคงหลักหมื่น" สิ้นคำตอบนำเสียงฮือฮาให้ดังขึ้น

           "จะเอาไง" ไมเรคเอ่ยถามพลางครุ่นคิด แม้ศักยภาพในการต่อสู้ที่วัดกันต่อหน่วย พวกเขาแข็งแกร่งกว่าอันเดธเหล่านั้นมาก แต่ด้วยจำนวนที่ต่างมันก็ดูเสี่ยงอยู่ดี 

          "ครั้งหนึ่งเราเคยพลาดจึงไม่อยากดึงดันทั้งที่รู้ว่าเสียเปรียบ เราให้พวกท่านเลือก ว่าจะถอยหรือไปต่อ"
 
          "เรามากันถึงขนาดนี้แล้วจะให้กลับก็เสียดาย"

          "ใช่ ถึงเราไม่บุกเข้าไปแล้วถอยกลับ ริคัทโต้ก็ต้องตามล่าเราอยู่ดีไม่ช้าก็เร็ว"

          "ถ้าเราถอยกลับตอนนี้ที่ฝึกกันมาก็เสียเปล่า"

          "ฉันเห็นด้วย"

          "ฉันก็ว่างั้น" ก่อนที่คนอื่น ๆ จะเริ่มออกความเห็นตามมาซึ่งทั้งหมดก็เลือกที่จะสู้ต่อ

          "งั้นสรุปแบบนี้ เป้าหมายของเราคือปิดรอยแยกที่อยู่บนฟ้านั่น ซึ่งฟาเรสต้องใช้พลังมหาศาลในการปิดมัน จำเป็นต้องมีสื่อกลางนั่นก็คือคริสตัลที่อยู่ใจกลางปราสาทในเขตพระราชวัง เราต้องยึดพระราชวังให้ได้"เวลอร์อธิบาย พลางมองไปยังคริสตัลขนาดใหญ่ที่อยู่บนยอดของหอคอยสูงเฉียดฟ้าตรงหน้า
          "เราจะบุกเข้าไปพร้อมกัน จับกลุ่มกันไว้ห้ามแตกกลุ่มเพราะมันจะทำให้เราเสียเปรียบ ถ้ายึดข้างในได้เราจะทำการป้องกันจากภายใน ส่วนริคัทโต้และพวกฟอสโก้ทุกคนจับตายถ้าจำเป็น"

            "ท่านเวลอร์เราได้ยินมาว่ามีชาวเมืองบางคนถูกจับเป็นทาส ขังไว้ที่นั่น" เดปรายงาน

            "เราจะแบ่งส่วนหนึ่งตามหาและปล่อยพวกเขา ทุกคนเตรียมตัว คิเมร่าคนไหนมีร่างเป็นสัตว์ใหญ่ให้จับคู่กับที่ที่กลายร่างไม่ได้ ให้พวกที่มีผิวเกราะอยู่ชั้นนอก คนด้านในโจมตีเสริมไปรอบด้าน หากพร้อมแล้วเราจะเข้าไปที่นั่นพร้อมกัน" สิ้นคำทุกคนในทัพต่างหาตำแหน่งยืนของตัวเอง บางคนกลายร่างเป็นสัตว์ บางคนขึ้นขี่หลังคิเมร่าที่อยู่ใกล้พร้อมนัดแนะกัน

            ฟาเรสมองภาพกองทัพไวโซลที่ไกลออกไปก่อนหันกลับมองหน้าคนรัก ดวงตาสีครามสั่นไหวเต็มไปด้วยความประหม่าและหวาดกลัว  เวลอร์รวบเอวบางมากอดไว้พลางลูบหลังเบา ๆ 

            "ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ยอมให้ใครถึงตัวนายเลยฟาร์"

            "แล้ว รอยแยกนั่น ฉันคงปิดมันด้วยตัวคนเดียวไม่ไหวแน่" ครึ่งเอลฟ์รับรู้ได้ถึงเสียงที่สั่นของตัวเอง ไอ้พลังบ้าบอที่เขามีคือต้นเหตุของทุกอย่าง ทำไมนะทำไมเขาไม่เกิดเป็นคนธรรมดา

           "ฉันรู้ ๆ อีกไม่นานโอซี่จะกลับมาพร้อมคนที่ช่วยได้ สิ่งที่ฟาร์ต้องทำ คือทำให้ดีที่สุด แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหวก็ให้หยุด ถึงชัยชนะจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ชีวิตของฟาร์นั้นสำคัญที่สุดสำหรับฉันรู้ไหม" คิเมร่าหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้ม "สร้อยฟา ถอดมาให้ฉันหน่อย"

            "อะนี่" ฟาเรสถอดสร้อยทับทิมก่อนใส่ให้คนตรงหน้าแทน "เอาไปทำไม"
 
            "ฉันจะคืนร่างส่วนฟาร์ขี่หลังฉันไปนะ ถ้าฉันไม่สั่งห้ามลงจากหลังฉันเด็ดขาด พยายามอย่าใช้พลังพร่ำเพื่อ เข้าใจไหม"
"อื้อ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำ

           เวลอร์ถอยห่างไปหลายก้าวก่อนจะคืนร่างเป็นคิเมร่า สร้อยทับทิมกลายเป็นปลอกคอทองคำที่ประดับด้วยอัญมณีลายดวงอาทิตย์ตรงกึ่งกลาง สร้อยของแม่นี่่มันวิเศษจริง ๆ  ร่างใหญ่นั้นหมอบลงตรงหน้า ฟาเรสจึงจับแผงคอหนาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคอ ก่อนจะรับเอาหน้าไม้ที่มีคนยื่นให้พร้อมกระบอกใส่ลูกมาสะพาย

            "เฮ้ย!!!" ฟาเรสร้องลั่นเมื่อ ๆ จู่เวลอร์ก็ลุกขึ้น ดีนะคว้าปลอกคอไว้ได้ทันก่อนที่จะตกลงไป "เวอย่าแกล้งสิ"

             -หึ ๆ- เสียงหัวเราะถูกใจดังขึ้นในหัว 

              "ทุกคนพร้อมนะ" เรน่าที่อยู่บนหลังเดปตระโกนถาม ได้ยินเสียงตอบรับและเสียงคำรามตามมาก่อนที่ทุกชีวิตจะมุ่งหน้าเข้าสู้อินเวียโน่อย่างพร้อมเพรียง

             เหล่าไวด์โซลต่างโถมเข้ามายังพวกเขา ฟาเรสมองไปรอบกายอย่างลุ้นระทึกเขาไม่เคยเห็นพวกมันอยู่รวมกันมากมายขนาดนี้ บางตัวใส่เสื้อเกราะและมีอาวุธครบมือ บางตัวเปลือยเป่าใช้กงเล็บและคมเขี้ยวเป็นอาวุธ ดูยังไงคนธรรมดาคงยากจะต่อกรกับมัน เสียงคำรามกรีดร้องของอันเดธดังระงม ร่างของมันหลายตัวกระเด็นไกลไปในอากาศในการสะบัดหางเพียงครั้งเดียวของโฮเซีย งูยักษ์สีดำเลื้อยเบิกทางนำทัพไปตรงหน้า ตามด้วยเหล่าคิเมร่าหลากสายพันธ์ที่คอยกัดขย้ำพวกมันเป็นชิ้นๆ
 
            "ตอนนี้พวกมันคงอาละวาดไปทั่วเอสทีเรียด ถ้าเราไม่รีบหยุดมัน หายนะแน่" ไมเรคที่อยู่บนหลังหมีดำตระโกนบอก พลางยิงลูกดอกเวทย์ปักหัวไวด์โซลหลายตัวตรงหน้า

         "เข้าไปในปราสาทให้ได้ก่อนไหม"ฟาเรสตอบโดยที่มือยังไม่หยุดยิงเช่นกัน

            กรรร!!!  เสียงคำรามกึกก้องไปทั่วฟ้าก่อนจะปรากฏร่างมังกรสีดำทมิฬบินทยานขึ้นเหนทอสนามรบ ปากใหญ่อ้ากว้างโชวคมเขี้ยวก่อนจะพ่นไฟลงมาที่พวกเขา หากแต่ไฟนั่นกลับดูดับลงไปเพราะบาเรียน้ำแข็งที่เวลอร์สร้างขึ้น 

             -ฟาร์ ไปกับมอแกน- สิ้นเสียงของเวลอร์ที่ดังขึ้นในหัวก็ถูกมอร์แกนในร่างเหยี่ยวโฉบขึ้นจากหลังคนรัก 

              เมื่อมั่นใจว่าฟาเรสพ้นทางเวลอร์ก็พุ่งทะยานใส่เจ้ามังกรยักษ์ทันที กรงเล็บคมเฉียดหน้ามันไปเพียงคืบก่อนที่เขาจำต้องหลบหางที่ปกคุมไปดด้วยหนามของมันที่ฟาดลงมาทำให้เสียจังหวะในการบินไปบ้างแต่ยังคงเดินหน้าโจมตีใส่อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งเขี้ยวทั้งเล็บไม่เว้นแม้กระทั้งพลังเวทย์เกิดเป็นแสงสว่างวาบในทุกครั้งที่โจมตี เสียงคำรามเสียงประทะกัมปนาทราวกับเสียงสายฟ้าในยามเมฆฝนมาเยือน



 
          "เหอะ กว่ามันจะมาถึงฉันละกลัวจะเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ" ริคัทโต้กล่าวเย้ยหยันพลางทอดมองสงครามตรงหน้าด้วยความลำพองใจ หากแต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้ากลับหุบลงเมื่อบนฟ้าปรากฏเรือบินขนาดของเอแวนการ์ดสองลำกำลังมุ่งเข้ามา กำลังพลนับพันโรยตัวลงมาสู่เบื้องล่างเข้าประทะกับพวกไวด์โซล ก่อนจะตามมาด้วยทัพของเหล่่าออคที่ตีเข้ามาจากทางด้านใต้้ ของเมือง

           "ฝ่าบาท ทำจะทำยังไงกันดี"
 
          "ฉันไม่ยอมหรอกน่าา" ดวงตาสีครามกราดเกรียว เอลฟ์หนุ่มวาดมือขึ้นบนฟ้า รอยแยกดำทะมึนหมุนวนอันเดธนับพันตนล่วงหล่นลงมา

          "พอเถอะ หากฝืนใช้พลังมากกว่านี้จะแย่เอานะ" นายทหารคนสนิทปราม

          "เจ้าอย่ามายุ่ง" ริคัทโต้ตอบกลับ คนอื่น ๆ จึงได้แต่ยืนมองด้วยความเห็นห่วง


 
            เหล่าไวด์โซลถึงแม้จะมีมากแต่ก็มีเพียงพละกำลังและสัญชาติญาณเป็นตัวนำทาง ไม่อาจต้านทานต่อเหล่าทหารหาญที่ถูกฝึกมาอย่างดีีและในไม่ช้าพวกเวลอร์ก็สามารถพังกำแพงรอบปราสาทแห่งอินเวียโนได้สำเร็จ ภายในมีพวกฟอสโก้รอต้อนรับพร้อมอาวุธครบมือ ด้วยพื้นที่ที่แคบลงหลายคนจึงกลับสู่ร่างมนุษย์คว้าเอาอาวุธใกล้มือมาใช้ 

             "ทางนี้ท่านฟาเรส" เรน่าวิ่งทำไปจนถึงบันไดวนที่พาไปสู่ยอดหอคอย คนของฟอสโก้ที่วิ่งตามมาถูกกันไว้ข้างหลัง 
ดวงตาสีครามมองบันไดวนที่สูงขึ้นไปจนลับตาพลางถอนใจก่อนจะวิ่งขึ้นไปตามทาง ความกดดันเพิ่มขึ้นในทุกขั้นที่ก้าวขึ้นไป เจ้าริคัทโต้คงรออยู่บนนั้น ฟาเรสทั้งอยากและไม่อยากเผชิญหน้ากับมันในเวลาเดียวกัน เพราะใจหนึ่งก็กลัวแต่อีกใจก็อยากจะเอาคืนทุกสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น ทั้งพ่อ แม่(เลี้ยง) ออรี่และออร่า ชีวิตที่สงบสุขที่ถูกพรากไป ต่อใหเจ้านั่นตายก็ไม่รู้จะเพียงพอความคับแค้นของเขาหรือเปล่า

             "ไงไอ้หลานรัก" ริคัทโต้เอ่ยต้อนรับเสียงระรื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นฟาเรสจริง ๆ ไม่ใช่ในนิมิตรหรือภาพถ่าย เจ้าเด็กนี่เหมือนตัวเขาเมื่อยังเยาว์ไม่มีผิด ทั้งสีผมสีตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น 

          "หึ ฉันไม่ใช่ญาติแก แค่คิดว่ามีสายเลือดเดียวกับปิศาจแบบแกก็รับไม่ได้แล้ว" ฟาเรสเถียง พลางมองเอลฟ์ตรงหน้าอย่างเคียดแค้น 

            ด้านหลังของริคัทโต้คือคริสตัลบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ซึ่งกำลังหมุนวนอยุ่บนแท่นศิลา รอบๆ นั้นเต็มไปด้วยลูกสมุนที่พร้อมจะโจมตีในทุกเมื่อที่ถูกสั่ง

           "ปากดีจริง ๆ เหมือนแม่แกไม่มีผิด ไอ้น้องไม่รักดีนั่น เห็นผัวดีกว่าพี่"
 
            "ก็พี่มันเลวใครมันจะไปเห็นด้วยวะ" ฟาเรสตะโกนลั่น แต่ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย ร่างของคิเมร่าก็บินโฉบลงมาขวางไว้ทันทีแล้วร่างนั้นก็ค่อย ๆ กลับกลายเป็นมนุษย์

             "อย่าลืมหน้าที่ตัวเองฟาร์" เวลอร์เอ่ยเตือน ร่างเปลือยเปล่านั่นค่อยๆ ปรากฏเกราะน้ำแข็งพร้อมดาบใหญ่ในมือ

          "แต่..."

         "จัดการรอยแยกนั่นซะ ส่วนเจ้าบ้านี่ฉันจัดการเอง" 

             "ชิ..."
 
            "เอาละมาทำให้เรื่องมันจบ ๆ ไปเสียที"

            "ไม่ได้เล่นกับแกนานแล้วสินะ" ริคัทโต้ยิ้มสนุก พลางสร้างดาบสีดำมาถือไว้สองมือ "โคตรคิดถึงแกเลยวะเพื่อน"
แล้วทั้งคู่ก็เปิดฉากประทะกัน ทุกการฌจมตีเป็นไปอย่างว่องไวจนคนรอบข้างมองตามแทบไม่ทัน ยากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเข้าเป้าเพราะริคัทโต้และเวลอร์นั้นเติบโตมาด้วยกันจึงรู้ทางของอีกฝ่ายดี 

            ฟาเรสวิ่งไปยังฐานของคริสตัลโดยมีคนรอบข้างคอยคุ้มกัน เด็กหนุ่มบอกตัวเองไอ้ตั้งสมาธิกับสิ่งตรงหน้า พยายามตัดความวุ่นวายรอบกายออกไป

            "เชื่อใจพวกฉันนะ" มาวิคที่ตามมาทันเข้าคุ้มกันให้พวกฟอสโกไม่ให้เข้าใกล้เพื่อน
 
            "อืม" มือเรียววางลงบนคริสตัลเย็นเฉียบก่อนจะถ่ายลังทั้งหมดลงไป ลำแสงสีขาวถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าใจกลายรอยแยก เมฆสีดำหมุนวนจนเกิดเป็นพายุไปกระจายไปรอบ ๆ รอยแยกระหว่ามิติลดขนาดลงช้า ๆ 

              ริคัทโต้ตั้งรับคมดาบที่เวลอร์ฟาดลงมา อาศัยจังหวะที่เวลอร์เผลอสาดพลังไปทางที่ฟาเรสอยู่ โชคดีที่โฮเซียกันไว้ได้ทันแต่นั่นก็ทำให้คิเมร่าหนุ่มเสียจังหวะไปจนถูกเตะกระเด็นไปอีกทางและเขาไม่รอช้าที่จะตามไปซ้ำจนอีกฝ่ายล้มลง ฉึก...ดาบสีดำแทงเข้าท้อเวอลร์อย่างจัง พลังเวทย์ที่ไหลมาจากดาบทำให้ความเจ็บปวดเล่นริ้วไปทั่วร่าง

             "อย่าวอกแวกสิเพื่อน สู้กับฉันไม่ระวังตัวจะตายเอา...อัก!!!" ริคัทโต้แซวยังไม่ทันจบร่างก็ถูกถีบกระไปชนกับเสา

            "บอกแต่คนอื่น วู้!  ไม่ได้เรื่อง" โอซี่ว่า ก่อนจะหันไปดึงเพื่อนตัวเองให้ลุกขึ้น "โทษทีมาสาย"

            "คอเนเลียสละ" เวลอร์ถามพลางดึงดาบออกจากจากตัว

            "โน่นไง คนแก่นี่ลีลาชะมัดกว่าจะลากออกมาได้" โอซี่บ่นพลางชี้ไปทางเจ้าของชื่อที่เข้าไปช่วยฟาเรสอีกแรง ปลุกขึ้นมาจากโลงก็งอแงจะไม่ยอมมาบอกไม่ใช่หน้าที่เป็นเรื่องที่กษัตริย์ปัจจุบันต้องจัดการ แต่ไอ้คนก่อเรื่องก็ลูกหลานตัวเอง สืบทอดพลังมาจากตัวเอง กว่าจะลากมาด้วยได้โอซี่เกือบได้ทุบหัวอุ้มมาแต่ก็ยังเกรงใจว่ายังไงคอเนเลียสก็เป็นกษัรติย์ของอินเวียโนอีกคน 

             "ไหนตัวปัญหาขอดูหน้าชัด ๆ หน่อย" ครึ่งออคหันไปมองริคัทโต้ที่ล้มกลิ้งไปด้วยฝีเท้าของเขาเอง

              "หน๋อยย ไอ้เด็กนี่" ตัวปัญหาที่ว่าลุกขึ้นชี้หน้าด้วยแรงอารมณ์ "อวดดีชะมัด"

              "ก็แล้วไง" โอซี่ยียวน แล้วสองสหายก็เปิดจากโจมตีใส่ริคัทโต้พร้อม ๆ กัน จะว่ารุมก็ใช่ ในสงครามไม่จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ อย่างน้อยพวกเขาก็สู้ซึ่ง ๆ หน้า ไม่ได้รอบกัดเสียหน่อย ลำพังต่อกรกับเวลอร์คนเดียวว่ายากแล้วพอมีโอซี่เพิ่มเข้ามายิ่งทำให้ตึงมือขึ้นไปอีกเมื่อรวมกับก่อนหน้าที่เขาใช้พลังในการเรียกเหล่าอันเดธทำให้ล้าไวกว่าที่ควรจะเป็น

           เคร้ง!! ดาบในมือของเอลฟ์หนุ่มถูกปัดกระเด็นไปไกล ดวงตาสีครามมองตามอาวุธที่แหลกสลายของตัวเองพอหันกลับมาก็เจอกับคมดาบของเวลอร์จ่อคออยู่ 

           "จะหยุดทุกอย่าง หรือตายอยู่ตรงนี้" เวอลร์ถาม ดวงตาสีอำพันคมกล้า

           "เหอะ คิดว่ามันจบแค่นี้หรอ" การยอมรับในความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่คนอย่างริคัทโต้ทำไม่ได้และไม่คิดจะทำเขาเตรียมทุกอย่างมาเพื่อวันนี้ จะให้หยุดงั้นเหรอ ตลกสิ้นดี

               ฟึบ!! สายลมกรรโชกแรงจากร่างใหญ่ที่พุ่งทยานขึ้นมาจากเบื้องล่าง เวลอร์มองตามมังกรสีดำที่โฉบผ่านหัวตนไปอย่างตกตะลึง ทั้งที่เขาคิดว่าจัดการมันไปแล้ว ร่างกายที่เคยถูกเขาขย้ำจนยับเยิน บัดนี้กลับมาสมบูรณ์ราวกับว่ามันไม่เคยบาดเจ็บใด ๆ มังกรดำบินสูงก่อนพ่นไฟสาดลงมาโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร เล่นเอาหลายชีวิตบนยอดหอคอยแตกกระเจิงไปคนละทาง บางคนหลบไม่พ้นถูกไฟคลอกกลายเป็นเถ้าถ่าน 

             "ถ้าฉันต้องตาย ก็ตายกันหมดนี่นั่นละ ฮ่าาาาาๆ" ริคัทโต้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

             "แกเป็นคนควบคุมมันใช่ไหม" โอซี่กระชากคอเสื้ออีกคนขึ้นมาถาม

              "เหอะ เจ้ามังกรนั่นนะเหรอ ไม่มีใครคุมมันอยู่ได้หรอก แกนี่เพ้อนะ" ผลัก!!! หมัดหนักๆ อัดเข้าเต็มหน้าของเอลฟ์หนุ่ม "ฮ่าาาา แคก ๆ แล้วจะบอกอะไรให้เอาบุญนะ มันฆ่าไม่ตายวะ"

              "แต่แกตายได้ใช่ไหม" เวลอร์ถามเสียงเรียบ ดวงตาสีอำพันเย็นเยียบไปถึงใจ ดาบในมือปักลงบนอกของริคัทโต้จนมิดด้ามในทีเดียว ครั้งก่อนที่เขาแพ้ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเก่ง แต่เพราะไว้ใจจึงพลาดท่า

              เวลอร์มองภาพชุลมุลวุ่นวายตรงหน้า สอดส่ายสายตาหาตัวฟาเรส ท่ามกลางไฟที่พ่นลงมาอย่างบ้าคลั่ง คนส่วนหนึ่งอยู่ใต้เกราะกำบังที่คอเนเรียสสร้างขึ้น อีกส่วนวิ่งหลบไปมา พลันสายตาก็หันไปเห็นร่างบางที่นอนนิ่งท่ามกลางผู้คน

             ฟาเรสลุกขึ้นนั่งแบบมึนงง เขากำลังจดจ่อกับคริสตัลตรงหน้ารู้ตัวอีกทีลูกไฟก็หลนมาตรงที่ยืนโชคดีที่ใส่เสื้อคลุมของวาลาคัสเลยไมบาดเจ็บอะไร แต่ก็กระเด็นไปหลายเมตรทำเอาจุกไม่น้อย เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติหูอื้อไปหมด จนแทบไม่ได้ยินเสียงรอบด้าน

            "ฟาร์ หลบ" เสียงตะโกนของเวลอร์เรียกสายตาให้หันมอง ร่างสูงกำลังวิ่งมาทางเขาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก พอเงยหน้ามองบนฟ้าก็พบว่ามังกรดำกำลังพุ่งดิ่งมาที่เขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีแดงฉานของมันตรึงเขาไว้ตรงนั้น แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถูกขย้ำเข้าอย่างจังก็ถูกบังไว้ด้วยร่างของคิเมร่าตัวโตที่โดดมาขวางไว้ได้ทันท่วงที

           คมเขี้ยวฝังเข้าเต็มหลังของเวลอร์ทำเอาเลือดสีเข้มไหลอาบไปทั้งร่าง เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังก้องของคนรักทำเอาฟาเรสน้ำตาคลอ คิเมร่าพยายามหยัดยืนสู้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มทับเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างใต้

           -ไปที่คริสตัล ปิดรอยแยกซะ- เสียงของเวลอร์ดังขึ้นในหัว เพราะเสียเลือดไปมากทำให้เขาเริ่มอ่อนแรงจึงตัดสินใจดันทั้งตัวเองและมังกรดำจนล้มกลิ้งตกลงไปจากหอคอย 

           "นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องอื่นนะหนุ่มน้อย" คอเนเลียสเดินมาดึงฟาเรสลุกขึ้น "เจ้านั่นดูแลตัวเองได้เชื่อสิ"

         เหมือนภาพที่กลับมาฉายซ้ำเมื่อเวลอร์ต้องกลับมาสู้กับเจ้ามังกรยักษ์อีกครั้ง กลิ่นสาปจากตัวมันบอกให้รู้ว่ามันมากจากอีกมิติหนึ่ง คิเมร่าหนุ่มฟาดกรงเล็บเข้าเต็มสันคอของอีกฝ่าย แต่บาดแผลนั่นกลับสมานกันทันตา ไม่ว่าจะโจมตีไปมากแค่ไหนมันก็ฟื้นคืนมาได้เสมอจนเขาเริ่มเหนื่อย ร่างใหญ่สองร่างปะทะกันอย่างแรงจนกลิ้งไปกับพื้น ราชาคิเมร่าไม่ได้อยู่คงกระพัน อาการบาดเจ็บทำให้พละกำลังเริ่มถดถอยขืนสู้ต่อไปเรื่อย ๆ เห็นทีจะตายเปล่า
 
        ภาพของผู้คนมากมายที่บาดเจ็บล้มตายอยู่รอบตัวช่างสะเทือนต่อจิตใจ สงครามไม่เคยมอบสิ่งดี ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างก็ต้องสูญเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายมามากพอและเขาต้องหยุดมัน ดวงตาสีอำพันมองรอยแยกมืดดำบนท้องฟ้าที่จวนเจียนจะปิดสนิท เจ้ามังกรนี่ฆ่าไม่ตายทางเดียวที่จะทำได้คือส่งมันกลับไป คิดได้ดังนั้นเวลอร์อาศัยจังหวะที่เจ้านั่นยังล้มกัดเข้าตรงปีกแล้วออกแรงลากมันบินขึ้นไปด้วยกัน เขามองพื้นดินที่อยู่ห่างออกไปเรื่อย ๆ จวบจนยอดหอคอยปรากฎตรงหน้า ชั่ววินาทีที่ได้สบกับดวงตาสีครามที่มองมาเหมือนเวลามันหยุดนิ่ง ฟาเรสจะผ่านมันไปได้และคนสำคัญของเขาต้องปลอดภัย

           ร่างยักษ์สองร่างถูกกลืนหายไปในรอยแยกสิดำ ฟาเรสหยุดมือในสิ่งที่ทำด้วยความตระหนก แต่รอยแยกยังคงปิดตัวลงเรื่อย ๆ เพราะคอเนเลียสยังคงดำเนินทุกอย่างต่อไป

          "อย่าเพิ่งปิด เว เวหลุดเข้าไปในนั้น หยุดนะ หยุด" เด็กหนุ่มตะโกนลั่น

         "จับเด็กนั่นไว้" คอเนเลียสเอ่ยปากสั่ง เรน่ากับเดปจึงดึงตัวเด็กหนุ่มไว้ เขารับรู้ในสิ่งที่เวลอร์ต้องการเพราะครั้งหนึ่งเขาก็คือผู้ปกครองอาณาจักรนี้เช่นกัน 

        "ไม่อย่าาาา" ฟาเรสดื้นรนดึงดันจะเข้าไปยั้งคอเนเลียสให้ได้ แต่ก็ไม่อาจหลุดจากพันธนาการ

        เด็กหนุ่มได้แต่มองตามรอยแยกระหว่างมิติที่ถูกปิดลงทั้งน้ำตา ท้องฟ้าเหนืออินเวียโนบัดนี้กลับมาสดใสสวนทางกับใจของฟาเรสที่มืดมิดไร้หนทาง ร่างบางทรุดนั่งลงช้า ๆ เจ็บปวดราวกับก้อนเนื้อในอกจะแตกสลาย ริคัทโต้ตายไปแล้ว รอยแยกถูกปิดไปแล้ว กองทัพไวด์โซลถูกทำลายไปแล้ว พวกเขาชนะ แล้วยังไงละสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยเมื่อปราศจากเวลอร์ 
ทำไม...ทำไมต้องเป็นเขาที่สูญเสียทุกที 

...............................................

 :katai2-1: เราไม่ใช่คนใจร้ายเชื่อเราดิ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ ไหงเปงงั้นละเนี่ยยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ไม่นะ.  :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด