บทที่ 23
แสงแดดที่สาดส่องแทรกเข้ามาจากผ้าม่านมีขาวสะอาดตาของโรงพยาบาลเอกชนั้นนำของประเทศทำให้สิตางศุ์ลืมตาขึ้นมาช้า ภาพแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาว เขากระพริบตาเพื่อไล่ภาพเบลอๆนั้นออกไป สิตางศุ์รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากเท่ากับความเจ็บบริเวณหน้าท้อง
“โอ้ย...” ร่างเล็กอุทานพร้อมกับเอื้อมมือไปจับที่แผลนั้น
“สิตางศุ์ ฟื้นแล้วเหรอลูก” ร่างสูงแต่งตัวภูมิฐานพุ่งเข้าหาสิตางศุ์พร้อมกับร่างของหญิงชราที่สิตางศุ์รู้จักดี
“คุณพ่อ คุณย่า” สิตางศุ์เรียกเบาๆ เขาแปลกใจไม่น้อยเมื่อตื่นมาก็ต้องพบกับบิดาและย่าของเขา
นี่มันเรื่องอะไรกัน เขาอยู่ที่ไร่น้ำรินไม่ใช่หรือ และพ่อของเขากับย่าของเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน สิตางศุ์นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว เขาจำได้ว่าโรจน์กำลังจับตัวเขาไว้และคุณโชติก็ไปช่วย เขาเดินไปหารัชพล หลังจากนั้นสติทั้งหมดก็ดับวูบไป
ใช่... ตอนนั้นทุกคนกำลังยิงกันอย่างบ้าระห่ำ แล้วรัชพลล่ะ? พี่รัชของเขาล่ะปลอดภัยไหม
“ชัชเรียกหมอ” อนันต์สั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ ชัชรีบทำตามคำสั่ง
สิตางศุ์ที่ยังคงงงๆอยู่มองไปทั่วห้อง ตอนนี้มีแค่อนันต์ คุณหญิงพิมลและโชติกับชัชเท่านั้น
“คุณโชติ คุณโชติครับ” สิตางศุ์เรียกโชติที่ยืนอยู่ไม่ไกลและพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
“ครับนายน้อย” โชติเดินมาหาก่อนจะค้อมหัวให้
“พี่รัชล่ะ คุณรัชพลเค้าปลอดภัยดีใช่มั้ย” คำถามของสิตางศุ์ทำให้คุณหญิงพิมลและอนันต์ต้องหันไปมองคนเจ็บที่อยู่บนเตียง
คุณหญิงพิมลไม่พอใจกับคำถามนั้น รัชพล ผู้ชายคนนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้สิตางศุ์ต้องถูกยิง ทำไมหลานชายของเธอต้องถามถึงความปลอดภัยของคนคนนั้นด้วย
“คุณรัชพลปลอดภัยดีครับ” โชติตอบคำถามนั้น
สิตางศุ์ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาโล่งอกที่รัชพลไม่เป็นอะไร ตอนนั้นเรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆทุกคนสาดกระสุนใส่กันอย่างไม่เว้นว่าง เพราะฉะนั้นความปลอดภัยของทุกคนโดยเฉพาะคนรักของเขานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น
“แล้วตอนนี้คุณรัชพลเค้าอยู่ไหนครับ” สิตางศุ์ถามต่อ โชติกำลังจะตอบแต่ก็ต้องโดนสายตากดดันจากคุณหญิงพิมลจนต้องหลบไปยืนอยู่ที่เดิม ก่อนที่เธอจะหันมามองสิตางศุ์ที่ยังคงต้องการคำตอบนั้น
“ตอนนี้หลานอยู่ที่กรุงเทพฯนะลูก นายรัชพลอะไรนั่นเค้าอยู่ที่ไร่ของเค้า สิตางศุ์ ตอนนี้หลานกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว ย่าไม่อยากให้หลานต้องไปยุ่งเกี่ยวกับไร่น้ำรินอีก ไร่น้ำรินทำให้หลานต้องเป็นแบบนี้ ทำให้หลานต้องโดนยิง และนายรัชพลก็เป็นต้นเหตุ” พิมลเป็นคนตอบแทนโชติ สิตางศุ์หน้าเจื่อนลงเมื่อย่าของเขาพูดแบบนั้น
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่ไร่น้ำริน ไม่ได้อยู่ที่เชียงรายอีกแล้ว เขาอยู่ที่นี่ อยู่ที่กรุงเทพฯ เขาต้องกลับมารับความจริง ความจริงที่สิตางศุ์ยังไม่อยากจะพบเจอ
แล้วรัชพลล่ะ ความสัมพันธ์ของเขากับรัชพลจะไปในทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆตอนนี้ครอบครัวของเขายังไม่มีใครรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน สิตางศุ์ไม่กล้าบอก สิตางศุ์ไม่กล้าคิดที่จะเอ่ยกับคนในครอบครัว เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีสิทธิ์คิดอะไรเลย ทุกอย่างย่าของเขาจัดการให้หมด และการที่เธอบอกว่าให้เขาเลิกติดต่อหรือยุ่งกับไร่น้ำริน นั่นก็หมายความว่าเธอต้องการให้เขาตัดขาดจริงๆ
แล้วสิตางศุ์จะได้เจอรัชพลอีกมั้ย คำถามนี้ไม่มีใครตอบได้ในตอนนี้
“พ่อขอโทษนะสิตางศุ์ที่มีส่วนที่ทำให้ลูกต้องหนีไปแล้วเจ็บตัวมาแบบนี้” อนันต์กอดลูกชายที่ยังคงนิ่ง
อนันต์ ศิรินทราที่ชีวิตนี้ต้องเดินตามทางที่ผู้เป็นมารดาปูไว้ให้ตั้งแต่บิดาเสียไป เขาต้องรับช่วงต่อในหลายๆอย่างจากมารดาตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นทำให้เขาไม่มีเวลาพอที่จะคิดเรื่องอะไรนอกเหนือไปจากงานที่กองอยู่ตรงหน้า
มินตราคือผู้หญิงคนเดียวที่เขาคบ เธอเป็นลูกสาวของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีหน้ามีตาในสังคม คุณหญิงพิมลนั้นในตอนแรกก็ไม่ได้คัดค้านการแต่งงานของเขาและมินตรา แต่เมื่ออยู่ด้วยกันจนมีลูกมินตราก็เริ่มตีตัวออกห่าง ไม่สนใจครอบครัว และเขาก็พบว่าเธอมีชายใหม่ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยกในครอบครัว
สิตางศุ์ต้องรับรู้เรื่องราวและคำด่าทอของพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด เรื่องมันบานปลายไปไกลจนขึ้นโรงขึ้นศาล ทุกอย่างมันจบลงด้วยความเจ็บปวดของสิตางศุ์
อนันต์โทษแค่มินตรามาตลอด แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้เต็มๆ สิตางศุ์ต้องกลายเป็นเด็กเก็บกดที่ไม่ค่อยพูดและไม่เคยเล่าเรื่องราวอะไรให้เขาฟังเลยทั้งๆที่เขาเป็นพ่อ
เขาเคยกอดสิตางศุ์แค่ไม่กี่ครั้ง แม้แต่เวลาเจอหน้าลูกยังแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ แม้แต่เรื่องที่ทำให้สิตางศุ์ต้องไปอยู่ที่อื่น ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้สาเหตุเลยสักนิด เขาเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง เขาทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดี อนันต์เพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่สิตางศุ์เกือบจะจากเขาไป ลูกชายที่เขาละทิ้งมาตลอดเกือบต้องทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวไปตลอดกาล
“พ่อไม่ผิดหรอกครับ ผมผิดเองที่หนีไปเหมือนเด็กๆแบบนั้น” สิตางศุ์พูด อ้อมกอดนี้ของพ่อมันนานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้สัมผัส ความอบอุ่นที่มีมันเทียบไม่ได้กับอ้อมกอดของรัชพลเลยสักนิด...
“พ่อผิดลูก พ่อผิดตั้งแต่แรก พ่อขอโทษที่ทำให้สิตางศุ์ต้องอยู่คนเดียวมาตลอด” อนันต์สำนึกผิด
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนั้นทำให้สิตางศุ์ทำตัวไม่ถูก เขาไม่เคยโกรธพ่อตัวเอง หรือแม้กระทั่งแม่ของเขา แต่สิตางศุ์แค่น้อยใจ เขาเคยอิจฉาเพื่อนหลายๆคนที่มีพ่อและแม่อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รอยยิ้มของพ่อแม่ที่มารับลูกที่โรงเรียนทุกวันโดยที่เขาต้องกลับกับลูกน้องของคุณย่า เหตุการณ์อันอบอุ่นเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของสิตางศุ์ ไม่เคยเลยสักครั้ง
วันนี้พ่อของเขารับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาเก็บไว้คนเดียวมาตลอด สิตางศุ์ทำตัวไม่ถูก เขาอยากจะเปิดใจรับ แต่สิ่งที่พ่อทำมาตลอดมันทำให้เขากลัว กลัวว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาต้องการ สุดท้ายพ่อที่ไม่เคยสนใจก็อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม โดยทิ้งให้เขาต้องอยู่เพียงลำพังในห้องหรูหราที่หาความรักไม่เจอ
บรรยากาศที่แสนน่าอึดอัดนั้นทวีคูณขึ้นเมื่อประตูของห้องพักถูกเปิดขึ้น ร่างระหงส์ของสตรีวัยสี่สิบแปดเดินเข้ามาพร้อมชายคนหนึ่ง เธอเชิดหน้าขึ้น ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสดนั้นยกยิ้มก่อนจะเดินตรงมาหาสิตางศุ์ เสียงรองเท้าส้นสูงนั้นดังกลบความเงียบ
“แม่เป็นห่วงลูกนะสิตางศุ์ หายไปไหนมา” มินตราเข้ามากอดสิตางศุ์บ้าง เธอเหยียดยิ้มให้อนันต์ รอยยิ้มของอดีตภรรยานั้นทำให้อนันต์ต้องเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกขยะแขยง
“อย่ามาแตะต้องหลานฉันนะนังมินตรา” คุณหญิงพิมลกระชากแขนของมินตราให้ออกห่างก่อนจะแทรกตัวมาคั่นกลางไว้ มินตราทำหน้าไม่พอใจ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะคุณแม่ สิตางศุ์เป็นลูกของมิน และอีกอย่างมินก็มีสิทธิ์ในการดูแลสิตางศุ์ด้วย คุณแม่และคุณอนันต์นั่นต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับลูกของมิน!” มินตราเพิ่มระดับเสียง นั่นยิ่งทำให้คุณหญิงพิมลไม่พอใจ
“แม่อย่างหล่อนไม่มีซะยังจะดีกว่า คิดจะเล่นชู้สู่ชายไม่ไว้หน้าสามี แล้ววันนี้ยังจะมีหน้าพามาเหยียบที่นี่อีก” หญิงชราตอกกลับพร้อมกับเหยียดสายตาไปหาทัศที่ยืนอยู่ข้างหลังมินตราอย่างไม่สะทกสะท้าน
“แล้วลูกชายคุณแม่ล่ะคะ ไม่มีเมียน้อยหรือยังไง ที่มินต้องเลิกก็เพราะคุณอนันต์เป็นคนนอกใจก่อน” มินตราเองก็ไม่ยอม
สิตางศุ์เบือนหน้าหนี เขาอยากจะหนีไปจากตรงนี้ ทุกอย่างมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่มีผิด พ่อกับแม่และคุณย่าก็ยังคงทะเลาะกันอยู่เหมือนเดิม คำพูดด่าทอที่เขาได้ยินตั้งแต่เด็กตอนนี้มันก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
เขาคิดถึงรัชพล...
“คุณแน่ใจเหรอว่าเป็นผมที่นอกใจก่อน คุณต่างหากที่คิดจะมีคนอื่นก่อนผม” อนันต์เถียงกลับ เขาถอยห่างออกจากตัวลูกชายก่อนจะเดินเข้าไปหาอดีตภรรยา
สิตางศุ์ยิ่งฟังเขายิ่งรู้สึกปวดใจกับคำพูดเหล่านั้น ร่างที่อิดโรยค่อยๆนอนลงแล้วหันหลังให้ภาพของความแตกแยก ทุกคนเอาแต่สนใจที่จะทะเลาะตบตีและบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิด แล้วเขาล่ะ เขาผิดอะไร
“ใครจะมีก่อนมันก็ไม่สำคัญเท่ากับตอนนี้ฉันจะเอาสิตางศุ์ไปอยู่ด้วย!” มินตราหน้าชาเล็กน้อยแต่ก็เชิดหน้าขึ้นแล้วเดินไปหาสิตางศุ์ที่นอนอยู่
“คุณคิดเหรอว่าผมจะยอม ตอนนี้สิตางศุ์โตแล้ว ลูกเลือกได้ และแน่นอนว่าสิตางศุ์ต้องเลือกผม” อนันต์เดินมายืนอีกฝั่งแล้วตะคอกใส่มินตรา
“ลูกอยู่กับคุณมานานเกินไปแล้วคุณอนันต์ ต่อจากนี้สิตางศุ์ต้องไปอยู่กับฉัน” ดวงตากลมโตของมินตรานั้นจ้องอดีตสามีอย่างไม่วางตา
ก่อนที่บรรยากาศจะดุเดือดไปมากกว่านี้เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของภูวดลเดินเข้ามา ชายหนุ่มตรงไปหาสิตางศุ์ เขามองหน้าเพื่อนรักที่น้ำตาคลอแต่กลับนอนนิ่งไม่แสดงอาการอะไรแล้วกวาดสายตาไปทั่วทั้งห้อง
“ที่นี่โรงพยาบาลนะครับ ผมได้ยินเสียงตั้งแต่ยังไม่เข้าห้อง และตอนนี้สิตางศุ์ก็เจ็บอยู่ ผมขอร้องอย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้” ภูวดลเหนื่อยใจกับครอบครัวของสิตางศุ์เพื่อนรัก ทุกครั้งที่เขาเจออนันต์และมินตราทั้งสองคนก็ต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันอยู่ร่ำไป
“แล้วภูมายุ่งอะไรด้วย เป็นแค่เพื่อน ไม่ใช่คนในครอบครัวเสียหน่อย” มินตรามองภูวดลด้วยสายตาที่เหยียดหยาม ไอ้เด็กภูวดลนี่ก็พวกนังคุณหญิงพิมลทั้งนั้น เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่ชอบขี้หน้า
“ถึงจะเป็นแค่เพื่อน แต่คนที่ได้รับการศึกษาและมีมารยาทพอก็น่าจะรู้นะคะว่าสถานที่นี้สมควรจะแสดงกิริยายังไง” เสียงเรียบนิ่งดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้าห้องมา
มินตราหันไปมองแล้วเบะปากให้ อรนุชแม่ของภูวดลนั่นเอง เธอไม่ชอบขี้หน้าพวกนี้ด้วย ชอบทำตัวเป็นคนดี สร้างภาพทั้งเพ
“สวัสดีค่ะคุณหญิงพิมล คุณอนันต์ น้องสิตางศุ์เข้าโรงพยาบาลตั้งนานเพิ่งจะมีโอกาสมาเยี่ยม” อรนุชยกมือสวัสดีพิมล
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนดิฉันขอคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณหญิงเรื่องงานการกุศลที่จะจัดอาทิตย์หน้าได้มั้ยคะ คุณอนันต์ด้วยค่ะ ร้านกาแฟข้างล่างก็ไม่เลว” เธอพูด คุณหญิงพิมลหันมองหน้าลูกชายก่อนจะหันมาตอบตกลงอรนุช เธอไม่อยากเสียมารยาทปฏิเสธ
“ก็ได้ค่ะ” คุณหญิงพิมลตอบแต่ก็ยังไม่วายที่จะหันไปจ้องมินตราอย่างรู้สึกเคียดแค้น มินตราก็ตอกกลับด้วยรอยยิ้มดูถูก
“แหม... ดีจังเลยค่ะ คุณมินตรากับสามีเองก็สมควรแก่เวลาจะกลับแล้วมั้งคะ เด็กๆจะได้คุยกัน สิตางศุ์หลับไปตั้งหลายวัน ตาภูมีเรื่องจะคุยเยอะเลย” อรนุชเบนสายตามาหามินตรา รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะจริงใจนั้นกลับจิกและด่าทอให้มินตราต้องสะบัดหน้าแล้วเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่าคิดว่ามินจะยอมคุณนะคุณอนันต์” มินตราหันมาพูดส่งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับทัศ อรนุชแอบโล่งอก
“ถ้าอย่างนั้นเชิญทุกคนที่ชั้นล่างค่ะ”
ประโยคกดดันกลายๆนั้นทำให้คุณหญิงพิมลและอนันต์ต้องจำใจเดินออกจากห้องไป โดยมีโชติเดินตามหลัง ชัชที่เดินมาพร้อมหมอก็เดินตามออกไปด้วยอีกคน
“ดูแลเพื่อนดีๆนะลูก” อรนุชสั่งลูกชายแล้วจึงเดินตามออกไป กอปรกับหมอวัยกลางคนเดินเข้ามาพอดี
ภูวดลถอยไปนั่งที่โซฟาแล้วปล่อยให้คุณหมอตรวจดูอาการของสิตางศุ์หลังฟื้น เพื่อนรักของเขายังคงสะอื้นอยู่แต่ก็พยายามปาดน้ำตาที่ไหล่รินนั้น เป็นภาพที่ภูวดลเห็นบ่อยจนชินไปเสียแล้ว
คิดได้ยังไงมาทะเลาะกันในโรงพยาบาลและสิตางศุ์ก็นอนเจ็บอยู่ ไม่รู้ว่าแผลใจหรือแผลกายที่หนักกว่ากันแล้วตอนนี้ เขาไม่ชอบใจมินตราที่สุด กล้าดีอย่างไรพาทัศมาหาสิตางศุ์ถึงที่นี่ทั้งๆที่สามีของเธอคิดจะขืนใจสิตางศุ์ และยิ่งไปกว่านั้นเธอเข้าข้างผู้ชายคนนั้นมากกว่าลูกตัวเอง
ภูวดลไม่อยากพูดอะไรมาก เรื่องนี้ให้สิตางศุ์พูดเองจะดีกว่า แต่คงยากที่สิตางศุ์จะบอกเรื่องนี้ให้กับใครฟัง เขาเองยังต้องคาดคั้นตั้งนานสองนาน
“เรียบร้อยแล้วครับ ช่วงนี้ระวังอย่าให้น้ำโดนแผลนะครับ” นายแพทย์ท่าทางภูมิฐานพูด สิตางศุ์พยักหน้ารับ แล้วจึงหลบตาลงเมื่อหมอและพยาบาลพากันออกไปแล้ว
เมื่อหมอตรวจเสร็จภูวดลก็ลุกมานั่งข้างๆเพื่อนรัก สิตางศุ์เริ่มสะอื้นไห้อีกครั้ง เขาเหนื่อย เหนื่อยกับทุกอย่าง ทุกคนยังเหมือนเดิม เขาอยากหนีไปให้ไกลจากที่นี่ แต่สุดท้ายมันก็กลับมาวังวนเดิมที่เขาไม่อยากจะอยู่ เขาอยากเจอรัชพล อยากอยู่ไร่น้ำริน สองเดือนที่ผ่านมามันมีความสุขมากกว่าอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่ไม่มีความสุขให้เขาเลย
“เฮ้อ... มึงหลับไปตั้งสามวันนะไอ้ตาง คุณย่าพาย้ายมาเมื่อวันก่อน” ภูวดลเริ่มบทสนทนา เขาได้แต่มองสิตางศุ์อย่างสงสาร แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
“ภะ... ภู ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” นี่คือสิ่งเดียวที่สิตางศุ์คิดตอนนี้ เขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เขาอยากอยู่ไร่น้ำริน ภูวดลสงสารจับใจ เขาเองก็อยากจะพาสิตางศุ์ไปเชียงรายเสียตอนนี้เลย ไปอยู่ที่นู่นแล้วไม่ต้องกลับมา ไม่ต้องมาเจอคนใจร้ายที่นี่ ทำไมทุกคนไม่ยอมเข้าใจซักที ว่าสิตางศุ์ต้องการอะไร
“มึงพักผ่อนให้หายดีก่อน เรื่องบ้านมึงกูกับคุณแม่จะจัดการให้ กูไม่อยากจะพูดอะไร แต่ต่อจากนี้กูต้องพูด กูต้องบอกย่ามึงเรื่องอาทัศ เรื่องน้ามิน และเรื่องคุณรัชพล”
สามวันที่รัชพลไม่ได้เจอสิตางศุ์ เขารู้จากภุมรินว่าคุณหญิงพิมลพากลับไปแล้ว แน่นอนว่าทุกอย่างที่เป็นของสิตางศุ์ที่นี่ก็ต้องถูกเอากลับไปด้วย รัชพลไปโรงพยาบาลในช่วงเวลาที่สิตางศุ์ยังอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ไม่อาจได้เข้าใกล้สิตางศุ์ แม้แต่เห็นหน้ายังทำได้ยากเลย เมื่อวานเขาไปหาสิตางศุ์แต่ก็ไม่เจอ ภุมรินบอกเพียงว่าสิตางศุ์ถูกย้ายไปกรุงเทพฯแล้ว
สิตางศุ์กลับไปโดยที่เอาหัวใจของเขาไปด้วย รัชพลไม่กล้าค้านไม่กล้าเรียกร้องให้สิตางศุ์อยู่กับเขา เพราะเขาเป็นคนที่ทำให้สิตางศุ์ต้องเจ็บตัว เขาอยากจะฮึดสู้เพื่อให้ครอบครับของสิตางศุ์รู้ว่าเขาจริงใจและจริงจังมากแค่ไหน แต่ความรู้สึกผิดยังอยู่ในใจ ผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ย่าของสิตางศุ์คงไม่อยากให้หลานชายตัวเองต้องมาเสี่ยงอันตรายอยู่ที่นี่ แม้ว่าเสี่ยทรงยศจะโดนจับไปแล้วก็ตาม
สารวัตรเกรียงไกรมาที่ไร่เมื่อวันก่อน มาแจ้งข่าวเรื่องเสี่ยทรงยศให้รับทราบ ทั้งไร่รู้สึกโล่งอกที่จัดการปัญหาเรื่องเสี่ยทรงยศได้ซักที ถ้าไม่มีย่าของสิตางศุ์ไร่น้ำรินและตำรวจที่นี่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไงเหมือนกัน
การเก็บเสี่ยทรงยศในเวลาไม่นานนั้นทำให้รู้ว่าคุณหญิงพิมล ศิรินทราคนนี้ไม่ธรรมดา แล้วอย่างนี้เขาจะไปเทียบอะไรกับหลานชายตระกูลใหญ่ได้ รัชพล รักษ์นทีคนนี้ก็แค่ชาวไร่ธรรมดาที่วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่ในโรงบ่ม
“นั่งหงอยอีกแล้ว มึงนั่งซึมมาสามวันแล้วนะไอ้รัช” ตะวันตบไหล่รัชพลแล้วนั่งลงข้างๆ
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในโรงบ่ม รัชพลใช้เวลาทั้งหมดที่มีในตอนนี้ทุ่มให้กับไวน์รุ่นสิตางศุ์ที่เขาเริ่มทำตั้งแต่รู้สึกดีครั้งแรกกับสิตางศุ์ ตะวันแวะเวียนมาหาทุกวัน อาจจะเป็นเพราะภุมรินที่ร้องขอให้คนรักมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายที่ช่วงนี้ไม่ค่อยจะสดชื่นเอาเสียเลย เอาแต่หดหู่ทั้งวัน
น้อยครั้งที่รัชพลจะทำตัวอ่อนแอแบบนี้ รัชพลปกติจะเป็นคนที่คอยดูแลและปกป้องทุกคนเสมอ เขาจะเข้มแข็งแม้ว่าในใจจะหวั่นก็ตาม ตะวันรู้จักเพื่อนคนนี้ดี แต่เรื่องสิตางศุ์ครั้งนี้ทำให้รัชพลเขวไปไม่น้อย
เขาและทุกคนต้องช่วยให้รัชพลตั้งตัวขึ้นมาให้เร็วที่สุดให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่อสิตางศุ์ ถึงแม้ว่าตะวันจะไม่รู้เรื่องของสิตางศุ์ดีเท่าไหร่ แต่เท่าที่รับรู้จากภุมรินก็พอจะรู้ได้ว่าสิตางศุ์ต้องการความช่วยเหลือ แล้วการที่ไอ้เพื่อนรักของเขามานั่งซึมแบบนี้ สิตางศุ์จะพึ่งใคร
“ไอ้รัช การที่มึงมานั่งซึมแบบนี้มึงคิดว่ามันดีหรือไง มึงต้องตั้งสติแล้วเริ่มใหม่ คิดดีๆ เรื่องที่คุณสิตางศุ์โดนยิงไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก” เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักไม่ตอบตะวันเลยพูดต่อ
“แต่กูดูแลเค้าไม่ดีพอ” ไม่มีอะไรที่รัชพลรู้สึกแย่ไปกว่าการที่เขาปกป้องสิตางศุ์ไม่ได้ เขาทำให้สิตางศุ์เกือบตาย
“แล้วการที่มึงปล่อยเค้าไปแบบนั้นมึงคิดว่าเขาดีใจรึไง ถึงแม้ว่าย่าของคุณสิตางศุ์เค้าไม่ยอมให้มึงเจอคุณสิตางศุ์อีกมึงก็จะยอมถอยอย่างนี้เหรอวะ ไอ้รัชคนเดิมหายไปไหน ทำไมมึงยอมทิ้งคุณสิตางศุ์แบบนี้”
“กูไม่ได้ทิ้งสิตางศุ์!” รัชพลตวาดลั่นเมื่อตะวันพูดเหมือนดูถูกความรักของเขาแบบนั้น เขาไม่ได้ทิ้งสิตางศุ์ และไม่คิดจะทิ้งด้วย
“ไม่ได้ทิ้งก็ไปตามเค้ากลับมาสิวะ อย่าให้เสียชื่อลูกอาบูรที่ไปคว้าใจสาวชาวกรุงมา พ่อมึงยังพาแม่มึงมาอยู่ที่นี่ด้วยได้เลย ทำไมมึงจะทำไม่ได้” ตะวันยิ้มเมื่อรัชพลมีปฏิกิริยาตอบกลับกับคำที่เขาใช้กระตุ้น
รัชพลเริ่มจะคิด ถ้าเขามัวแต่มานั่งซึมอยู่อย่างนี้เขาก็จะช่วยสิตางศุ์ไม่ได้ สิตางศุ์ต้องเจอกับปัญหาครอบครับมากแค่ไหนเขารู้ดีที่สุด แล้วเขาดันมานั่งซึมอย่างนี้มันจะได้อะไรขึ้นมา เผลอๆสิตางศุ์อาจจะต้องไปต่างประเทศกับแม่ของงเค้า และต้องเจอไอ้เหี้ยทัศอะไรนั่น รัชพลไม่ยอมเด็กขาด!
“กูจะทำให้ครอบครัวสิตางศุ์รู้ ว่ารัชพลคนนี้จริงใจแค่ไหน” คำพูดนั้นทำเอาตะวันยิ้มกว้างแล้วตบไหล่รัชพลอย่างพอใจ
รอพี่นะสิตางศุ์
**********************************************************************************
ตอนนี้ปั่นนรกมาก ที่ตุนไว้หมดแล้ว
เพิ่งพิมพ์เสร็จเมื่อกี้เลย ตอนท้ายๆอาจมึนๆนิดนึง
ตอนนี้ยาวมาก แบบมันตัดไม่ลง ไม่รู้จะตัดยังไง ฝากด้วยนะคะ รักคนอ่านค่ะ