อวสาน
“เฮ้ย! นั่นใครน่ะ” รัชพลตะโกนเมื่อพบเงาตะคุ่มๆอยู่หน้าไร่
วันนี้เขาไปส่งองุ่นแทนภุมรินที่มีไข้อ่อนๆเพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ออกมาเช้ากว่าปกติเพราะตอนสายๆเขาเองก็มีงานที่จะต้องทำเช่นกัน
ร่างสูงกระชับปืนในมือแน่นเพราะไม่มั่นใจ ไม่มีใครมายืนอยู่ที่นี่เช้าๆแบบนี้หรอก แล้วยังหมอกหนาขนาดนี้ด้วย คนปกติที่ไหนจะมายืนหนาวอยู่อย่างนี้ เขากลัวว่าจะมีใครคิดปองร้ายกับไร่น้ำรินอีก แค่ครั้งเสี่ยทรงยศก็พากันเกือบตายหลายรอบแล้ว
“ถามว่าใคร” ร่างนั้นยังไม่ตอบกลับมา รัชพลจึงเดินเข้าไปใกล้แต่ก็พบเพียงแค่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางใบหนึ่งเท่านั้น
รัชพลยืนงงอยู่ไม่นานก็มีแขนเล็กสอดเข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับซบลงที่แผ่นหลังของเขา กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นลอยมาแตะจมูก เพียงเท่านั้นรัชพลก็ลดปืนในมือลงก่อนจะยิ้มกว้าง
“สิตางศุ์” เรียกชื่อนั้นเบาๆ สิตางศุ์ผละออกก่อนจะเดินมาอยู่ข้างหน้าแล้วยิ้มให้กับคนรัก
“สวัสดีครับพี่รัช คิดถึงจังเลย” ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สิตางศุ์พูดคำหวานๆนี้เป็นปกติไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะอีกคนกระมัง
“มาทำไมไม่บอกห๊า มายืนรอแบบนี้หมอกมันเยอะรู้มั้ย เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก จมูกแดงไปหมดแล้วเห็นมั้ย ทำไมไม่โทรมา พี่จะได้มารับ” รัชพลเก็บปืนก่อนจะยื่นมือมากระชับหมวกไหมพรมของสิตางศุ์ให้คลุมลงมาอีกนิด เขาดึงผ้าพันคอของตัวเองออกแล้วพันไปรอบๆกและจมูกที่แดงก่ำของสิตางศุ์
“ก็อยากมาเซอร์ไพรซ์ไง แบตมันหมดเลยโทรไม่ได้ ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้” สิตางศุ์พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ผ่านผ้าพันคอไหมพรมสีเขียวมะนาวนั้น
“รีบขึ้นรถไปเลย ก่อนอื่นมากอดหน่อยซิ พี่รัชคิดถึงสิตางศุ์ที่สุดเลยครับ” รัชพลรวบร่างเล็กว่าเข้ามากอดแน่น เขาดันหัวสิตางศุ์ให้ซุกลงไปในอก
เกือบอาทิตย์ที่ไม่เจอกันรัชพลทำได้เพียงแค่โทรไปหาอีกคนเท่านั้น เขาคิดถึงสิตางศุ์ในแทบจะขาดอยู่แล้ว คนตัวเล็กบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องมาที่นี่ ไม่คิดว่าวันนี้จะโผล่มาให้เขาแปลกใจ มันน่านัก
รัชพลพาสิตางศุ์ไปนั่งในรถแล้วยกกระเป๋าของคนรักตามไป วันนี้เขาอาสาจะไปส่งเอง นพเลยได้หยุดงานในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นในรถของไร่น้ำรินจึงมีเพียงแค่เขากับแขกผู้มาใหม่ที่พ่วงตำแหน่งคนรักของเขาแค่สองคน
“พี่มีผ้าคลุมอยู่ เอาคลุมไว้อีกชั้นก็ได้” รัชพลยื่นผ่านคลุมผืนหนาให้สิตางศุ์ ก่อนจะขับรถแล่นออกจากไร่น้ำรินไป
สิตางศุ์แอบเซ็งตรงที่เขาน่าจะรอรัชพลอยู่ในตัวเมือง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ไปๆกลับๆแบบนี้ แต่ก็ดีตรงนี้ได้อยู่กับรัชพลสองคนนานๆแบบนี้
หลังจากส่งองุ่นเสร็จทั้งสองคนก็กลับมายังบ้านรักษ์นที ภุมรินรีบเข้ามาสวมกอดรุ่นพี่หลังจากรู้ว่าสิตางศุ์มาแล้ว คนป่วยหน้าแดง สิตางศุ์ก็หน้าแดง เพราะอากาศอันหนาวจัดนี้เอง ปีนี้เหมือนจะหนาวกว่าทุกครั้ง แม้แต่คนแข็งแรงอย่างรัชพลยังทนแทบจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ตะวันบอกว่าบ่ายๆจะมาหา” รัชพลบอกน้องชาย ตะวันเป็นห่วงภุมรินไม่น้อยแต่เขาเองก็มีงานที่จะต้องทำ ปลีกตัวมาหาภุมรินนั้นยากเหลือเกิน
“พี่ตะวันเพิ่งโทรมาเมื่อกี้เอง ว่าแต่พี่สิตางศุ์เถอะ กินข้าวมารึยัง เดี๋ยวให้ป้าจันจัดให้” ภุมรินถามสิตางศุ์
“ยังเลย ก็ดีเหมือนกัน พี่เริ่มหิวแล้ว” สิตางศุ์ไม่ปฏิเสธ เขายังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาเลย รีบมาจัดกว่าจะถึงก็ซักจะหิวขึ้นมาเสียแล้ว
“งั้นไปกินข้าวกัน” ภุมรินดูจะเป็นคนที่ดีใจที่สุดที่สิตางศุ์มา รัชพลมองน้องชายอย่างเอือมๆ นั่นแฟนของเขานะ ทำไมภุมรินยึดไปเป็นของตัวเองแบบนั้น
รัชพลเดินเอากระเป๋าของสิตางศุ์ไปไว้ชั้นบน คราวนี้กระเป๋าเดินทางของสิตางศุ์ถูกนำไปไว้ที่ห้องของเขาแทนที่จะเป็นห้องที่สิตางศุ์เคยนอนเมื่อครั้งที่แล้ว
เขาแอบยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อคิดว่าตัวเองจะมีสิตางศุ์ให้นอนกอดทุกคืน กว่าจะได้คนรักคนนี้มาครอบครองรัชพลต้องเจอด่านหินแค่ไหนใครๆก็รู้ แต่นั่นมันก็ทำให้เขารักสิตางศุ์มากขึ้น เพราะมันทำให้เขารู้ว่าสิตางศุ์เองก็ต้องการเขาไม่น้อยไปกว่ากัน
เมื่อเก็บของเสร็จรัชพลก็เดินลงไปชั้นล่าง พบสิตางศุ์กับภุมรินกำลังหัวเราะอย่างเริงร่า อากาศในบ้านไม่เย็นเท่าข้างนอกนั่นทำให้สิตางศุ์ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าคลุมและผ้าพันคออีกแล้ว ร่างสูงเดินไปนั่งข้างๆของสิตางศุ์แล้วเผลอยื่นมือไปจับจมูกแดงๆนั้น สัมผัสได้ถึงความเย็นกว่าปกติของมัน
“อย่าบอกว่าแพ้อากาศอีกนะ” รัชพลถามขณะที่สิตางศุ์กำลังเคี้ยวข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“อื้อ...” สิตางศุ์ตอบเพียงเท่านั้นแล้วลงมือทานต่อ มื้อเช้าในวันนี้เป็นมื้อเช้าที่สิตางศุ์รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากครอบครัวและคนรัก แม้ว่าอากาศภายนอกจะลดต่ำมากแค่ไหนก็ตาม
สิตางศุ์ดีใจที่ตัวเองคิดถูก คิดถูกที่เลือกกลับมาที่นี่
หลังจากกลับมาอยู่ไร่น้ำรินได้เพียงแค่วันเดียวสิตางศุ์ก็เข้าทำงานในตำแหน่งเดิมนั่นก็คือเลขาฯของรัชพลและพนักงานบัญชีที่คอยตรวจสอบรายรับรายจ่ายต่างๆ พ่วงด้วยตำแหน่งคนรักของรัชพลเข้าไปอีกหนึ่งตำแหน่ง
เรื่องนี้คนทั้งไร่รู้หมดแล้ว นั่นทำให้ทุกคนดูจะเกรงใจสิตางศุ์เพิ่มมากขึ้น รัชพลเอาโต๊ะทำงานมาให้สิตางศุ์ที่โรงบ่มอีกตัวหนึ่ง เขาไม่อยากให้สิตางศุ์ไปทำงานไกลเขา อยากให้คนรักอยู่ข้างๆตลอดเวลา
หมอชาญแวะเวียนมาหาหลังจากรู้ข่าวเรื่องที่เขากลับมาแล้ว รัชพลมีท่าทีที่ดีขึ้น ไม่คิดไปไกลเหมือนเมื่อก่อน และไม่หึงหวงสะเปะสะปะ นั่นทำให้สิตางศุ์พอใจกับพฤติกรรมของคนรักไม่น้อย
เย็นวันนี้ภุมรินตั้งใจจะเลี้ยงต้อนรับสิตางศุ์โดยชวนตะวันมาร่วมด้วย บุรินทร์ติดงานอยู่ในตัวเมืองตั้งใจจะกลับพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นเย็นนี้จึงมีเพียงแค่สี่หนุ่มที่อยู่กันเพียงลำพัง
ป้าจันตั้งเตาให้ตั้งแต่หกโมงเย็น ของสดที่ซื้อมาจากตลาดถูกวางไว้บนแคร่ข้างกองไฟขนาดไม่ใหญ่มากภายใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน อากาศเริ่มเย็นลงเมื่อเช้าสู่ช่วงโพล้เพล้แบบนี้
“มาผิงไฟตรงนี้สิริน เริ่มหนาวแล้ว” ตะวันรวบเอาตัวของภุมรินมานั่งข้างๆให้ชิดกันมายิ่งขึ้น เตาปิ้งย่างตั้งอยู่ตรงหน้า อีกฝั่งเป็นรัชพลกับสิตางศุ์ที่กำลังช่วยกันเอากุ้งไปย่างบนเตาไฟ
“วันนี้หนาวน้อยกว่าเมื่อวานอีกนะเนี่ย” รัชพลพูดพร้อมกับพลิกกุ้งตัวโตไปมา
“แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีนะครับ” ดูเหมือนว่าสิตางศุ์ไม่ชินกับอากาศแบบนี้ อากาศร้อนนั้นเขายังพอจะชินอยู่บ้างเพราะที่บ้านของก็ไม่ต่างกัน แต่อากาศหนาวนี่สิ นานๆทีจะได้สัมผัส
“อยู่ใกล้ๆพี่สิจะได้อุ่นๆ” รัชพลยิ้มกรุ้มกริ่มให้สิตางศุ์ สิตางศุ์เสมองไปที่กุ้งตรงหน้าแทนที่จะมองรัชพล
“ก็อยู่ใกล้นี่ไง” พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมาก รัชพลหัวเราะอย่างพอใจแล้วคว้าเอาสิตางศุ์เข้ามากอดแน่น
“น้ำจิ้มซีฟู๊ดหวานหมดแล้วพี่รัช” ภุมรินแอบแซว
“ก็ให้มันหวานไปสิ” รัชพลพูดยิ้มๆแล้วคีบเอาเนื้อที่สุกแล้วเข้าปาก
แม้ว่าบรรยากาศจะหนาวเย็นไปเสียหน่อยแต่กองไฟและผ้าคลุมผืนหนาก็ยังช่วยบรรเทาได้ รวมไปถึงการได้กอดคนที่เรารักอย่างแนบแน่น อากาศเย็นๆนั้นก็แทบจะไม่มีผลอะไร
ทั้งสี่คนพูดคุยกันจนเกือบจะสามทุ่ม วันนี้ตะวันนอนที่นี่อีกตามเคย ป้าจันให้เด็กคนอื่นๆมาช่วยกันเก็บของ รัชพลกับตะวันเองก็ช่วยเก็บเตา สิตางศุ์ช่วยเก็บของเล็กๆน้อยๆ ส่วนภุมรินนั้นขอตัวไปอาบน้ำก่อนใครเพื่อน
“เดี๋ยวกูขึ้นไปก่อนนะ รินอาบน้ำเสร็จแล้วมั้ง” ตะวันบอกหลังจากช่วยเก็บของเสร็จ
“เออ อย่าพากันนอนเร็วล่ะ เดี๋ยวน้องกูไข้กลับอีก” รัชพลพูดกับตะวันก่อนที่ร่างสูงของตะวันจะพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าบ้านไป
หลังจากตะวันเข้าบ้านไปแล้วรัชพลก็หันมาหาสิตางศุ์ที่กำลังล้างมือลากขวดน้ำอยู่ สิตางศุ์แอบสะดุ้งเล็กน้อยเพราะน้ำมันเย็นมาก รัชพลขำแล้วยื่นผ้าเช็ดมือให้
“ขอบคุณครับ” สิตางศุ์รับมาแล้วใช้เช็ดมือตัวเอง
“อย่าเพิ่งเข้าบ้านมั้ย ไปกับพี่ก่อน” รัชพลยิ้มกว้าง สิตางศุ์มองหน้าคนรักอย่างงงๆ ดึกดื่นป่านนี้แล้วจะไปไหน แล้วยังหนาวขนาดนี้อีก
“ไปไหนพี่รัช” อะไรของเค้ากันนะ
“ไปเถอะน่า เดี๋ยวตางก็รู้เอง” รัชพลคว้าเอาหมวกไหมพรมมาสวมให้สิตางศุ์รวมทั้งผ้าคลุมเอามาคลุมไหล่ให้แล้วกระชับแน่นปิดไปทั้งส่วนบนของสิตางศุ์
มือหนานั้นจับมือสิตางศุ์แน่นแล้วพาเดินออกมาจากตัวบ้าน เดินออกมาไม่ไกลนัก รัชพลพาสิตางศุ์ไปยังบริเวณกว้างที่เยื้องๆกับโรงบ่ม บริเวณตรงนี้เป็นลานกว้างซึ่งเป็นส่วนที่ใช้สำหรับคักแยกองุ่นส่วนแรก มันเป็นพื้นที่โล่งไม่มีแสงไฟ มีเพียงแค่แสงจากไฟฉายของรัชพลเท่านั้น
“คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด แล้วหมอกก็ลงน้อยด้วย พี่เลยพาตางมาดูทางช้างเผือก” รัชพลบอกแล้วเงยหน้ามองบนฟ้า
สิตางศุ์แหงนหน้ามองตาม ตอนนี้ผืนฟ้าสีดำแต่งแต้มไปด้วยดวงดาวดารดาษจนแทบจะไม่มีพื้นที่ว่าง ทางช้างเผือกพาดผ่าน มันมองเห็นได้อย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะไร่น้ำรินอยู่บนเขาสูงและบริเวณนี้มืดสนิท สิตางศุ์ยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นทางช้างเผือกชัดๆกับตาตัวเองแบบนี้
“สวยจังเลยพี่รัช”
สิตางศุ์ชอบดวงดาว สิตางศุ์ชอบพระจันทร์และสิตางศุ์ชอบท้องฟ้า ทุกครั้งที่มองมันสิตางศุ์ทำให้คิดถึงความอิสระ บางครั้งเขายังแอบอิจฉานกที่ได้โบยบินไปในโลกกว้าง ได้มองโลกนี้จากบนฟ้าทุกวัน ทุกเวลา ซึ่งสิตางศุ์ทำไม่ได้
“พี่รู้นะว่าสิตางศุ์ชอบดูดาว” รัชพลรวบมือทั้งสองข้างของสิตางศุ์มากุมแล้ว สิตางศุ์เลื่อนสายตาจากท้องฟ้ามามองคนตรงหน้าแทน
“ที่บ้านของผมไม่มีแบบนี้” แสงไฟมันกลบแสงดาวไปเสียหมด บ้านของเขาไม่เห็นดาวชัดขนาดนี้
“นี่ก็บ้านสิตางศุ์” รัชพลยิ้มให้คนรัก
“พูดอะไรน่ะพี่รัช “สิตางศุ์ยิ้มกว้าง บ้านของเขาอย่างนั้นเหรอ
“ก็พูดตามความจริงไง ต่อจากนี้สิตางศุ์ก็ต้องมาอยู่ที่นี่ มาอยู่กับพี่ สิตางศุ์เป็นคนในครอบครัวของเขา เป็นคนรักของพี่ เป็นพี่ของริน เป็นครอบครัว เป็นคนของไร่น้ำริน แม้ที่นี่จะไม่น่าอยู่และหรูหราเท่าบ้านของสิตางศุ์ แต่ที่นี่มีความอบอุ่นให้สิตางศุ์เสมอนะ”
เขาจับมือของสิตางศุ์แน่น รัชพลอยากจะบอกสิตางศุ์อย่างนี้มานานแล้ว เขาอยากให้สิตางศุ์รู้ว่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครทิ้งสิตางศุ์ ทุกคนรักและต้องการสิตางศุ์ สิตางศุ์คือคนสำคัญ ไม่ได้ถูกเมินเฉยอย่างที่ผ่านมา
สิตางศุ์พูดไม่ออก น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว มันไม่ใช่เพราะเขากำลังทุกข์ใจ แต่มันเป็นเพราะเขากำลังตื้นตัน สิตางศุ์เพิ่งได้รู้ว่าการมีอยู่ของตัวเองเพื่อใครอีกคนนั้นมันรู้สึกดีแค่ไหน รัชพลทำให้เขามีค่าขึ้นมา
“ดาวมันจะสวยและมองเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ในมุมมืด ไม่ต่างกับพระจันทร์ดวงนี้ของพี่ สิตางศุ์อาจจะคิดว่าไม่มีใครมองเห็นสิตางศุ์ แต่พี่มองเห็นและพี่ก็อยากจะขโมยพระจันทร์ดวงนี้มาไว้เป็นของพี่แค่คนเดียว” รัชพลนึกขำ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาพูดอะไรเสี่ยวๆแบบนี้ บางทีเขาก็คิดว่าเขาอาจจะติดนิสัยนี้มาจากตะวัน
สิตางศุ์ยกมือขึ้นปิดหน้าเมื่อน้ำตามันไหลซะจนเขาควบคุมมันไม่อยู่ รัชพลมองเห็นเขา ทั้งๆที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีใครรับรู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน ทุกคนเมินเฉย ทุกคนไม่สนใจตัวตนของเขาจริงๆ รัชพลคนนี้ทำให้แสงในตัวของพระจันทร์มันฉายเด่นชัดขึ้นมา
“พี่รัช... ขอบคุณ” ไม่มีคำพูดใดที่จะมากไปกว่าคำว่าขอบคุณ
สิตางศุ์โผเข้ากอดรัชพลแน่น เขาซบลงกับไหล่หนา รัชพลฝังจมูกลงกับไหล่บางนั้น กอดสิตางศุ์ไว้แน่น แน่นเสียจนอากาศที่หนาวเย็นมันไม่สามารถทำให้ความอบอุ่นในใจของเขาลดลงได้
“พี่รักสิตางศุ์นะครับ พี่จะบอกอย่างนี้ไปตลอด บอกว่ารัชพลคนนี้รักสิตางศุ์มากแค่ไหน”
ไม่มีครั้งไหนที่รัชพลรู้สึกว่าหัวใจของเขาสูบฉีดแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน หัวใจของเขาตอนนี้กำลังสั่นระรัว สั่นเพราะสิตางศุ์คนนี้ คนที่เข้ามาในหัวใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งๆที่รัชพลไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะรับใครอีกคนเข้ามานอกจากคนในครอบครัว
เขาเพียงแค่อยากเห็นรอยยิ้มจากคนตัวเล็กนี้ สิตางศุ์ของเขายิ้มแล้วเหมาะกว่าใบหน้าที่อมทุกข์นั้น เขาอยากปกป้องรอยยิ้มของสิตางศุ์ให้นานที่สุด
“ผมก็รักพี่รัช สิตางศุ์คนนี้รักรัชพล ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ ขอบคุณ...”
สิตางศุ์ซับน้ำตาไปกับเสื้อตัวหนาของรัชพล แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ขออะไรมากไปกว่าการที่ใครซักคนเห็นค่าของเขา และรัชพลคือคนนั้น ความรักที่จริงใจควรเป็นสิ่งตอบแทนที่รัชพลควรได้รับมากที่สุด
รัชพลผละออกจากร่างของสิตางศุ์ที่ยังคงสั่นเทา ร่างสูงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แหวนเล็กๆสีเงินวงหนึ่งถูกชูขึ้นมา มันเป็นแหวนเกลี้ยงที่ไม่มีสลักลวดลายใดๆทั้งนั้น สิตางศุ์มองแหวนนั้นแล้วมองหน้ารัชพลด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าความหมายของมันคืออะไร
“ไม่รู้ว่ามันช้าหรือเร็วเกินไป แต่ที่รู้คือตอนนี้พี่พร้อมที่จะดูแลสิตางศุ์ไปตลอดแล้ว จะรังเกียจมั้ยถ้าพี่อยากจะบอกว่า แต่งงานกันนะครับ” รัชพลยิ้มแล้วส่งสายตาเว้าวอนไปให้สิตางศุ์ที่นิ่งอึ้ง
แหวนตรงหน้า คนตรงหน้า มันทำให้เขามึนงงไปหมด เขากำลังถูกขอแต่งงานจากผู้ชายคนนี้ จากรัชพล...
“ว่ายังไงครับสิตางศุ์ จะแต่งงานกับพี่มั้ย” รัชพลถามย้ำอีกครั้งเมื่ออีกคนยังไม่ให้คำตอบกลับมา สิตางศุ์น้ำตาไหลอีกรอบ เขากลั้นมันไม่ไหวอีกแล้ว
“คะ... ครับ” เขามีแรงเปล่งเสียงเพียงเท่านั้น เพราะมันตื้นตันจนพูดไม่ออก
“ขอบคุณนะสิตางศุ์” รัชพลยิ้มกว้างแล้วสวมแหวนเข้ากับนิ้วของสิตางศุ์แล้วรวบร่างนั้นมากอดอีกครั้ง
ขอบคุณ... ขอบคุณที่สิตางศุ์ยินดีรับความรักของเขาโดยที่ไม่ปฏิเสธ มันอาจจะเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับรัชพลที่วันหนึ่งมีใครซักคนเข้ามาอยู่ในหัวใจ แต่เมื่อสิตางศุ์ก้าวเข้ามาในชีวิตแล้ว เขาสัญญาว่าจะรักษาพระจันทร์ดวงนี้ไว้ให้ดีที่สุด
ใครอาจจะมองไม่เห็นพระจันทร์ที่กำลังอ่อนแรงดวงนี้ ทุกคนมองมันเพียงภาพความสวยงามบนฟ้า แต่เมื่อมันสะท้อนผืนน้ำมันบิดเบี้ยวไปตามเกลียวคลื่นที่สั่นไหวของผิวน้ำนั้น ต่อให้พระจันทร์จะสวยแค่ไหน แต่มันก็ต้องมีมุมสั่นไหว
เหมือนสิตางศุ์ของเขา แม้ว่าจะมีสิ่งที่ต้องการทุกอย่างอยู่รอบตัว แต่นั้นมันก็ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ที่สิตางศุ์ต้องการไม่ใช่การได้อยู่บนฟ้าเพื่อเป็นจันทร์ประดับ แต่สิตางศุ์คนนี้ต้องการเป็นเพียงพระจันทร์ในน้ำเพียงเท่านั้นและอัศวินคนนี้ก็อยากจะดูแลพระจันทร์ในน้ำตลอดไป
ดวงดาวต้องขอบคุณเขาที่วันนี้รัชพลขโมยพระจันทร์มาจากท้องฟ้า วันนี้เหล่าดาราจึงได้ฉายแสง
รัชพลรักสิตางศุ์
จบบริบูรณ์***********************************************************
ตอนจบลิเกเบอร์แรงมาก ฮ่าๆ จบแล้วอ่ะ โอ้ยยยยย ต้องคิดถึงเรื่องนี้มากแน่ๆ เพราะอยู่กับเรื่องนี้มาเดือนกว่าๆ และที่สำคัญมันจบเรื่องของไร่น้ำรินแล้ว เรื่องต่อไปจะเป็นไร่เพียงระพีแทน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราทนไม่ไหวจริงๆ ไม่ไหวกับการดองไว้ปิดเทอมทั้งๆที่มีงานเยอะ แต่เวลาว่างๆก็พยายามแต่งตุนไว้ พักหลังๆเริ่มแต่งวันละตอน ลงสดกันเลยทีเดียว
คู่ของพี่รัชนี้เราวางคาแรกเตอร์ตัวละครมาตั้งแต่คิดว่าจะทำซีรีย์เรื่องต่อ เรื่องนี้เกิดจากการที่คนอ่านในเรื่องภมรอ้อนตะวันถามถึงคู่ของพี่รัช เราคิดว่าน่าจะแยกออกมาเป็นอีกเรื่อง เลยได้เรื่องนี้มา ในบรรดาชื่อนิยายทั้งสามเรื่องนี้ ภมรอ้อนตะวัน พระจันทร์ล้อนที ปฐพีเคล้าเมฆา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งชื่อยากที่สุด หาจุดร่วมกับเรื่องอื่นไม่ได้ ตอนตั้งชื่ออิพี่รัชก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเอาให้เข้ากับภุมรินก็พอ ชื่อของพี่รัชแปลว่าอัศวินค่ะ ส่วนสิตางศุ์แปลว่าพระจันทร์ ในเมื่อมันหาจุดร่วมไม่ได้ก็เอารักษ์นทีนี่แหละวะ เลยได้เรื่องพระจันทร์ล้อนทีออกมา
ถ้าหากเรื่องนี้มีข้อผิดพลาด เราพิมพ์ตก ข้อมูลคลาดเคลื่อนยังไงก็ขอโทษคนอ่านด้วยนะคะ เราจะพยายามพัฒนาฝีมือต่อไปเรื่อยๆค่ะ เราอยากขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ มาสนุกไปกับเรื่องราวความรักของรัชพลพ่อหนุ่มนักเรียนนอกที่ทำตัวบ้านๆเราเด็กเลี้ยงงัวมาก บางทีคนแต่งก็คิดว่าอิพี่รัชมันไม่ได้จบนอก ฮ่าๆ กับสิตางศุ์ที่มีปัญหาครอบครัวมากมาย เราเชื่อว่าอีกหลายครอบครัวเป็นแบบนี้ ความสุขที่แท้จริงของชีวิตคือความสุขทางใจ หวังว่าเรื่องนี้จะสร้างความสุขให้ทุกคนได้นะคะ เราไม่ได้หวังว่าจะให้ทุกคนจำตัวละครเล็กๆของเรานี้ เราขอเพียงแค่ว่าวันหนึ่งเมื่อพูดถึงพระจันทร์ล้อนทีคนอ่านเรื่องนี้จะยังไม่ลืมพี่รัชกับสิตางศุ์ ขอบคุณทุกคนค่ะ เราอยากจะบอกเหมือนทุกครั้งในแต่ละตอน เรารักคนอ่านทุกท่านค่ะ
ปล. เรื่องพี่ตะวันกับน้องรินกำลังจะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เฮอร์มิทนะคะ และมีนิยายอีกเรื่องของเราด้วยค่ะ เรื่องของพี่รัชเองเราก็หวังว่าจะได้ตีพิมพ์ต่อจากเรื่องของน้องริน หากมีความคืบหน้าเรื่องรายละเอียดสามารถติดตามได้ที่หน้าแฟนเพจนะคะ
https://www.facebook.com/Speirmint28-213061652381782/?ref=aymt_homepage_panelปล. 2 มีตอนพิเศษตอนหน้าค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งพี่รัชนะ
และสุดท้ายท้าย สถานีต่อไป ปฐพีเคล้าเมฆา... TBC.