[นิยายชุด ดวงใจไร่รัก]พระจันทร์ล้อนที *แจ้งข่าวงานหนังสือ* รัชพล-สิตางศุ์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยายชุด ดวงใจไร่รัก]พระจันทร์ล้อนที *แจ้งข่าวงานหนังสือ* รัชพล-สิตางศุ์  (อ่าน 92804 ครั้ง)

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 13





“จากป้ายทะเบียนรถของคนร้ายที่ทำร้ายคุณรัชพลในวันนั้นตอนนี้เรารู้ตัวคนร้ายและได้จับกุมข้อหาบุกรุกพื้นที่ของไร่น้ำรินและพยายามฆ่า แต่พวกมันไม่ยอมเปิดปากว่าใครส่งมา ส่วนเรื่องของโรจน์ตอนนี้เรามีหลักฐานเพียงที่จะเอาตัวคนผิดได้แล้ว ดูเหมือนว่าที่ยักยอกเงินนั้นจงใจจะสร้างความวุ่นวายให้มากกว่า และยิ่งไปกว่านั้นโรจน์ยังมีส่วนกับการที่คนร้ายเข้ามาในไร่น้ำรินได้อีกด้วย ตอนนี้ทางตำรวจได้เชิญตัวโรจน์ไปให้ปากคำที่โรงพักแล้วครับ และหลักฐานที่คุณสิตางศุ์และคุณบุรินทร์ส่งให้ผมนั้น มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเอาผิดได้ เหลือเพียงแค่สาวตัวถึงเสี่ยทรงยศเท่านั้นเอง ยังไงช่วงนี้ก็ระวังตัวกันด้วยนะครับ ทางตำรวจเองจะเพิ่มกำลังเข้ามาที่ไร่น้ำรินด้วยเช่นกัน”





เช้านี้ไร่น้ำรินต้องต้อนรับเกรียงไกรอีกรอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาควบคุมตัวโรจน์จากสำนักงานเนื่องจากหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่สิตางศุ์ส่งให้บุรินทร์นั้นเพียงพอต่อการเข้าจับกุม แต่เรื่องของเสี่ยทรงยศนั้นคงจะต้องสาวไปอีกยาวแน่นอน





“พ่อไม่คิดเลยว่าโรจน์จะเป็นคนของเสี่ยทรงยศ” บุรินทร์พูด





“เพื่อเงินคนเราทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วครับพ่อ แต่ที่น่าห่วงตอนนี้ก็คือเรื่องของเสี่ยทรงยศ เราไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนอีก ตราบใดที่ตำรวจยังมีหลักฐานไม่เพียงพอก็ยังเอาผิดไม่ได้” รัชพลพูดหน้าเครียด





เรื่องมันยังไม่จบง่ายๆแบบนี้ ความปลอดภัยของคนในไร่น้ำรินเองก็ยังไม่แน่นอน ทุกคนยังคงเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายอยู่ตลอดเวลา เพราะเสี่ยทรงยศยังคงลอยนวลอยู่





“ยังไงช่วงนี้พวกลูกก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน และอาต้องขอบคุณสิตางศุ์ด้วยนะที่ช่วยหาหลักฐานเรื่องบัญชี” ประโยคหลังบุรินทร์หันมาพูดกับสิตางศุ์ที่ยืนอยู่ข้างๆรัชพล





“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วยเสมอ” สิตางศุ์ยิ้มให้นายเหนือของไร่น้ำริน





“รินว่าไอ้เสี่ยนั่นมันไม่จบแค่นี้แน่นอน ยิ่งมันรู้ว่าเรารู้ตัวคนร้ายแล้วด้วย” ภุมรินดูจะวิตกกังวลไม่แพ้บิดาและพี่ชาย ทำไมไร่นำรินต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ด้วยนะ





“พ่อจะไม่ปล่อยมันไว้แน่ ต้องหาทางเอาผิดมันให้ได้” บุรินทร์ประกาศลั่น ใครที่มาทำไร่น้ำรินก็เท่ากับทำเขาด้วย












กว่าตำรวจจะกลับหมดไร่น้ำรินก็ล่วงเข้าสู่บ่ายคล้อย ทุกคนในไร่ดูไม่มีความสุขในการทำงานเสียเท่าไหร่เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นของไร่น้ำริน เพียงดินเองก็เข้ามาถามเผื่อจะช่วยอะไรได้มากน้อยแค่ไหน รัชพลไม่ไปทำงานที่สำนักงานหนึ่งวันพร้อมกับลากสิตางศุ์เข้าโรงบ่มหลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จ





“คุณพาผมมาที่นี่ทำไมคุณรัช” สิตางศุ์ถามเมื่อรัชพลพาเข้าเข้ามาตรงมุมหนึ่งของโรงบ่ม





“ผมจะให้คุณดูอะไรบางอย่างน่ะ” รัชพลพูดแล้วพาสิตางศุ์มานั่งอยู่ข้างๆถึงไวน์ถังหนึ่งในโรงบ่ม





“เวลานี้คุณยังจะมีอารมณ์มาทำอะไรแบบนี้อีกเหรอคุณรัชพล” คนเค้าเครียดกันทั้งไร่ แล้วอะไรทำให้รัชพลพาเขามานั่งดูถังไวน์กัน





“ผ่อนคลายหน่อย ตอนนี้คุณอยู่กับผมไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว” รัชพลหันไปมองหน้าสิตางศุ์ เอาอีกแล้ว สายตาแบบนั้นของรัชพลอีกแล้ว มันเป็นสายตาที่ทำให้สิตางศุ์มองแล้วรู้สึกใจสั่นทุกครั้งไป






“ละ...แล้วตกลงจะให้ผมดูอะไร” สิตางศุ์เบี่ยงประเด็นให้กลับมาที่เดิมก่อนที่ใจเขาจะเตลิดไปมากกว่านี้





“นี่ไง ไวน์ที่ผมกำลังทำ ชื่อว่าสิตางศุ์” รัชพลดูภูมิใจไม่น้อยเมื่อพูดถึงสิ่งที่เขากำลังทำอยู่





“สิตางศุ์? นั่นมันชื่อผมนี่ครับ” สิตางศุ์ถามอย่างงุนงง นั่นมันชื่อของเขา แล้วทำไมรัชพลต้องเอาชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อไวน์ด้วย





“ก็ชื่อของคุณน่ะสิ เพราะผมได้แรงบันดาลใจมากจากคุณ รู้อะไรมั้ยคุณสิตางศุ์ ผมเริ่มทำมันตอนที่ผมรู้ว่าผมชอบคุณเข้าแล้ว”





คำพูดตรงๆของรัชพลยังคงมีอิทธิพลสำหรับสิตางศุ์เสมอ ยิ่งได้รู้ว่ารัชพลทำไวน์เพื่อเขาร่างเล็กใจสั่นรัวเป็นกลองเพล ตอนนี้หน้าของเขาเห่อร้อนไปหมดแล้วทั้งๆที่เพิ่งผ่านความเครียดเรื่องไร่น้ำรินมาหมาดๆ





“คุณรัช อะไรทำให้คุณชอบผม” สิตางศุ์ถามตรงๆ เขาอยากรู้ว่าอะไรทำให้รัชพลชอบเขา ทั้งๆที่เขาทำอะไรก็ไม่เป็นซักอย่าง เหมือนจะเป็นตัวสร้างปัญหาด้วยซ้ำ และยังจะเป็นภาระให้คนอื่นไปทั่ว รัชพลควรที่จะไม่ชอบขี้หน้าเขามากกว่าที่จะมาชอบเขาแบบนี้





“ผมว่าตอนนี้มันไม่ใช่แค่ชอบแล้วล่ะคุณสิตางศุ์ ...มันมากกว่านั้น” รัชพลจ้องมองคนตรงหน้า แสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่สื่อออกมา





สิตางศุ์ช้อนตามองอีกคน รัชพลในตอนนี้เหมือนดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า ตั้งแต่เกิดมาความรักที่จริงใจเขายังไม่เคยสัมผัสมันด้วยซ้ำ เขามีชีวิตอยู่เพราะเงินของบิดาที่เลี้ยงดูในแต่ละวัน ที่ใกล้ความจริงมากที่สุดคงจะเป็นคุณหญิงพิมลย่าของเขา แต่นั่นก็ไม่เพียงพอสำหรับเด็กที่ครอบครัวมีปัญหาคนหนึ่ง ย่าของเขาไม่ได้ว่างพอขนาดนั้น เมื่อรัชพลมอบความอบอุ่นในหัวใจให้ มันทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งตลอดหลายปีนี้เริ่มละลาย มันเป็นความรู้สึกสุขใจไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าถามเขาตรงนี้ว่าใจของเขาเป็นอย่างไรที่ถูกเติมเต็มให้ชุ่มฉ่ำอีกครั้ง เขาก็จะตอบว่าความรู้สึกดีๆของรัชพลมันเริ่มจะเติมเต็มหัวใจที่แห้งเหี่ยวดวงนี้อีกครั้งแล้ว





“และถ้าคุณถามว่าผมรักคุณเพราะอะไร บางครั้งผมก็ไม่คิดว่ามันเองก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ผมรักที่คุณเป็นคุณนะสิตางศุ์ ต่อให้คุณแพ้แดดแรงๆเข้าไปในไร่กับผมไม่ได้ ผมก็จะให้คุณอยู่แต่ในร่ม เพราะผมเองก็ไม่อยากให้คุณต้องเป็นอะไร คุณขี่ม้าไม่เป็นผมก็จะเป็นคนขี่ให้คุณเอง คุณต่อสู้ไม่เก่งผมก็จะคอยปกป้องคุณ และถ้าคุณมีเรื่องลำบากใจเหมือนตอนนี้ ผมก็จะคอยเป็นที่ระบายให้คุณเสมอ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ที่ผมรู้ตอนนี้คุณคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วยมากที่สุด มันอาจจะดูตลก เรารู้จักกันแค่เดือนกว่าเท่านั้น แต่ความรู้สึกที่ผมมีให้คุณตอนนี้เวลาก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว เป็นผมได้มั้ยที่จะดูแลคุณ”






นี่อาจจะเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดของรัชพลตั้งแต่คุยกับสิตางศุ์มาเลยก็ว่าได้ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาพูดอะไรที่ดูไม่ใช่ตัวเองแบบนี้ แต่เขาอยากจะบอกสิตางศุ์จริงๆ เพราะทุกอย่างที่เขาพูดมันออกมาจากใจทั้งหมด สิตางศุ์อาจจะยังไม่รู้สึกเหมือนกับที่เขารู้สึกในตอนนี้ แต่เขาก็อยากจะให้สิตางศุ์รู้ว่าเขาจริงใจต่อคำพูดและการกระทำของเขา





รัชพลคนนี้รักสิตางศุ์เข้าแล้ว





“แล้วถ้าวันหนึ่งผมอาจจะต้องไปจากคุณล่ะคุณรัช ผมไม่ดีพอที่จะเป็นคนนั้นของคุณหรอก ปัญหาที่ผมมีนั้นผมไม่ใช่คนตัดสินใจ” สิตางศุ์หลบตาวูบ เขารู้สึกดีที่รัชพลพูดแบบนี้ก็จริง แต่เมื่อมองในความเป็นจริงแล้วนั้น มันยากเกินกว่าที่จะไปต่อ เมื่อถึงเวลาความจริงก็ต้องพาเขาไป เขาอยู่ที่ไร่น้ำรินไปตลอดไม่ได้หรอก






“แล้วคุณมีปัญหาอะไร บอกผมไม่ได้เหรอคุณสิตางศุ์ ใช่ว่าผมอยากจะรู้เรื่องของคุณ แต่ผมแค่อยากให้คุณสบายใจ ผมไม่อยากให้คุณต้องมานั่งอมทุกข์อยู่อย่างนี้ บอกผมได้มั้ยสิตางศุ์” รัชพลเอื้อมมือไปจับมือของสิตางศุ์ไว้พร้อมกับบีบเบาๆ






สิตางศุ์ส่ายหัว เขาก้มหน้าลง ไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับรัชพล มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโพนทะนาบอกใครต่อใครได้ เขาจึงต้องเก็บเงียบแล้วหนีมาอย่างนี้ไง





“สิตางศุ์...” รัชพลค่อยๆปล่อยมือสิตางศุ์ลง เขาเข้าใจสิตางศุ์ บางทีเรื่องที่สิตางศุ์กังวลอยู่อาจจะลำบากใจที่จะพูด แต่เขาก็แค่อยากจะให้สิตางศุ์ระบายออกมาบ้าง





“ผมยังไม่พร้อมครับคุณรัช แต่ผมขอบคุณความรู้สึกดีๆที่มีให้ ผมขออยู่กับตัวเองซักพัก” สิตางศุ์ลุกขึ้นก่อนจะหันมามองรัชพลอีกครั้ง แล้วเดินออกจากโรงบ่มไป





รัชพลถอนหายใจแล้วทิ้งตัวเองให้เอนตัวลงกับถังไม้โอ้ก เฮ้อ... ถูกปฏิเสธแน่นอนมาอีหรอบนี้ เพิ่งจะรู้สึกแบบนี้กับใครเป็นครั้งแรก ก็ต้องอกหักเสียแล้ว สิตางศุ์ไม่ได้พูดตรงๆว่าไม่ตอบรับความรักของเขาก็จริง แต่การเดินหนีไปแบบนี้มันก็ชัดเจนพอที่จะทำให้หัวใจหนุ่มของเขาแห้งเหี่ยวลง





ทำไมนะสิตางศุ์ ทำไม









สิตางศุ์ที่เดินออกมาจากโรงบ่มก็ตรงเข้าไปยังห้องของตัวเอง ข้างล่างบ้านยังวุ่นวายไม่น้อยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ แต่เขาไม่มีสมาธิจะคิดอะไรเสียแล้ว นอกเสียจากเรื่องของรัชพลและเรื่องของเขา





ใช่ว่าเขาจะปฏิเสธความรักของรัชพล ในทางกลับกัน เขาเองก็เริ่มจะมีความรู้สึกดีๆให้รัชพลด้วยซ้ำ รัชพลในตอนนี้เหมือนเป็นที่พึ่งและกำลังใจให้เขาได้เสมอ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจไม่น้อย รัชพลคอยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้เขา มอบความรักและความห่วงใยที่จริงใจ ความรักที่เขาไม่เคยสัมผัสตั้งแต่เกิดมา สิตางศุ์ไม่รู้ว่าการทำแบบนี้มันจะดีมั้ยเพราะเขาเองยังรู้สึกแย่ที่เดินออกมาแบบนั้น







เขาแค่ยังไม่พร้อมในตอนนี้ เขายังตอบรับความรู้สึกดีๆของรัชพลไม่ได้ ปัญหาของตัวเองยังก็ไม่ตก ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆเขาอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ และถ้าใครซักคนในครอบครัวเจอเขา เขาก็ต้องไปจากที่นี่อย่างแน่นอน





เพราะคดีความในชั้นศาลนั้นสิ้นสุดลงนานแล้ว...











อีกด้านหนึ่ง ณ สถานีตำรวจ





“มึงไปทำยังไงให้มันโดนจับได้ห๊ะไอ้โรจน์ เสี่ยหัวเสียทั้งวันก็เพราะมึงนี่แหละ” ชายวัยสามสิบต้นๆกระซิบด่าโรจน์ที่เพิ่งจะถูกจับมา





“ใครจะไปรู้ล่ะ บอกเสี่ยให้ช่วยกูออกไปเลยนะไอ้ไม้” โรจน์เองก็หน้าเสียไม่น้อยที่อยู่ๆก็มีตำรวจบุกเข้ามาจับเขาถึงที่ไร่ ข้อหาคดียักยอกทรัพย์





“แล้วจะบอกเสี่ย เสี่ยเค้าจะตัดหางปล่อยวัดมึงแล้ว เสี่ยแค่ส่งมึงไปเป็นไส้ศึกเฉยๆ แล้วมึงเสือกไปโกงเงินเค้าทำไมไอ้โง่!” ไม้ตะโกนด่าเพื่อน






“ก็ไอ้คุณรัชมันโง่มาตั้งนานนี่หว่า ถ้าไม่มีไอ้คุณสิตางศุ์อะไรนั่นมันก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ากูโกง แล้วอีกอย่างนะ ไอ้คุณสิตางศุ์เนี่ยแหละเหมือนจะรู้เรื่องที่เสี่ยส่งคนไปยิงไอ้คุณรัชด้วย มันอยู่ในเหตุการณ์กับคุณรัช เผลอๆมันรู้ด้วยว่าเป็นคนของเสี่ย” โรจน์พูด เขาใส่ไฟสิตางศุ์เพิ่ม ก็เพราะไอ้คนชื่อสิตางศุ์นี่แหละที่ทำให้เขาต้องมานอนในคุกแบบนี้ ในเมื่อเขาต้องมาอยู่ในคุก เขาก็จะส่งมันไปลงนรก





“สิตางศุ์ไหนวะ” ไม้ถามอย่างงงๆ เขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้ก็ตอนนี้เนี่ยแหละ





“สิตางศุ์ เลขาฯไอ้คุณรัช มันหูตาดีอย่าบอกใคร มึงไปบอกเสี่ยนะ  ให้เก็บมันซะ ปล่อยไว้มันสาวไปถึงเสี่ยแน่ๆ ไหนจะเรื่องไอ้คุณรัชรู้เรื่องที่เสี่ยค้าของเถื่อนอีก เผลอๆไอ้สิตางศุ์มันรู้ดีไปด้วย” โรจน์บอก





เขาเข้ามาในไร่น้ำรินเมื่อปีก่อนนั้นเพราะเสี่ยทรงยศส่งเข้ามา การจะเล่นงานไร่ใหญ่ๆอย่างไร่น้ำรินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เรื่องมันจะไม่เกิดถ้าไร่น้ำรินไม่มีการส่งออกแข่งกับเสี่ยทรงยศ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาเท่ากับเมื่อปีที่แล้วที่มีการกวาดล้างการค้าของเถื่อนล็อตใหญ่ รัชพลเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ และยังรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง แต่รัชพลก็ยังไม่รู้ลึกถึงบอสใหญ่ที่แท้จริงนั่นก็คือเสี่ยทรงยศ เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจมาเกี่ยวข้อง นั่นทำให้เสี่ยทรงยศต้องรีบจัดการรัชพลและไร่น้ำริน ก่อนที่รัชพลจะสืบสาวไปถึงตัวเอง ส่วนเรื่องที่ยักยอกเงินของไร่นั้นโรจน์ทำเองคนเดียวทั้งหมด เขารู้ว่ารัชพลไม่มีความรอบคอบพอในการตรวจตราในส่วนนี้ แต่ทุกอย่างก็พังเมื่อไอ้คนชื่อสิตางศุ์เข้ามา!





“ได้ กูจะไปบอกเสี่ยให้รีบเก็บมันซะ เรื่องแม่งก็นานมาละแต่ตอนนี้เสี่ยก็ยังกลับไปค้าเหมือนเดิมยาก รายได้เสียไปตั้งเยอะ ส่วนมึงนะไอ้โรจน์ กูจะบอกให้เสี่ยช่วยแล้วกัน แต่คืนนี้มึงก็นอนนี่ไปก่อน” ไม้พูดกับเพื่อนก่อนจะออกไปจากโรงพัก แล้วตรงไปหาเจ้านายใหญ่ของตัวเอง





เรื่องนี้ยังอีกยาว ไอ้พวกไร่น้ำรินอยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง!
 
 
 





*********************************************************************************


มาแล้วจ้าตอนที่ 13 เมื่อวานไม่ได้อัพ พอดีไปลงพื้นที่มา ถึงห้องก็สลบยาวยันเช้า เลยไม่ได้อัพตอนนี้  :m17:


วันนี้มาต่อแล้วๆ ทำไมอยู่ๆดราม่าก็ไม่รู้ววววววววว  :katai5: เนื้อเรื่องใกล้ถึงจุดเปลี่ยนแล้วนะจ้ะ จะเปลี่ยนยังไง ไปทางไหน ต้องติดตามตอนต่อๆไป ฝากด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  :katai5:


ตอนนี้ Speirmint28 มีเพจแล้วนะคะ ฝากกดไลค์ด้วยค่ะ เราจะอัพเดตข่าวสารเรื่องนิยาย และหนังสือจากเพจนี้นะคะ ตอนนี้เรื่องของน้องริน “ภมรอ้อนตะวัน” มีการตอบกลับจากสำนักพิมพ์แล้วค่ะ หากใครสนใจก็รอติดตามหนังสือได้เร็วๆนี้นะคะ รวมทั้งนิยายอีกเรื่องของเราด้วย

นี่เพจค่ะ >> https://www.facebook.com/Speirmint28-213061652381782/?fref=nf


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2016 20:31:44 โดย Speirmint28 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อยากรู้ว่าปัญหาของสิตางศุ์คืออะไรกันแน่

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ปัญหาส่วนตัวของสิตางศ์ุเองก็ยังแก้ไม่ตก ต้องมาถูกอิเสี่ยเพ่งเล็งอีก
//ตบอิโรจน์รัวๆ :m31:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อยากรู้ปัญหาที่บ้านมากกว่าว่าสิตางค์เจออะไรมา

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 14





วันนี้เป็นอีกวันที่รัชพลต้องไปทำงานเหมือนทุกวัน แต่เขาเลือกที่จะเข้าโรงบ่มมากกว่าการไปสำนักงานกับสิตางศุ์ มันอาจจะดูเหมือนเด็กวัยรุ่น ที่พอเค้าสะบั้นรักก็คิดจะหลบหน้า แต่เขาเจอสิตางศุ์ตอนนี้ไม่ได้จริงๆ สิตางศุ์ทำร้ายหัวใจของเขามาก และอีกอย่างสิตางศุ์เองก็คงไม่อยากจะเจอหน้าเขาด้วยล่ะมั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ปฏิเสธเขาแบบนี้ กลัวว่าตัวเองจะไปทำให้สิตางศุ์รำคาญเปล่าๆ





วันนี้สิตางศุ์ไปทำงานกับภุมริน เจ้าตัวจัดการสรุปทุกอย่างของบัญชีไร่น้ำรินให้กลับมาเข้าที่เหมือนเดิม ตั้งแต่ตื่นมายังไม่เจอรัชพลเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ได้รังเกียจรัชพล เขาไม่ได้ปฏิเสธคนคนนั้น แต่เขาแค่บอกว่าขอเวลา เพราะตอนนี้เขายังไม่พร้อม ปัญหาที่มีเขายังแก้ไม่ตกเลย เขาไม่พร้อมจะมีใครเข้ามาในตอนนี้





ใช่ว่าสิตางศุ์คนนี้จะไม่ได้รู้สึกดีกับรัชพล เขามองเห็นความจริงใจและความรู้สึกดีๆที่มีให้ ไม่แปลกที่เขาเองก็จะหวั่นไหวไปกับผู้ชายคนนั้น แต่จะให้ตอบรับความรู้สึกของรัชพลตอนนี้จะกลายเป็นว่าทำร้ายรัชพลในวันหน้า ถ้ารัชพลยังไม่เปลี่ยนใจเขาก็ยินดีที่จะไม่มีใคร แต่ก่อนอื่นนั้นเรื่องส่วนตัวของเขาเองต้องรีบจัดการก่อน อีกไม่นานแล้วที่ต้องอยู่ไร่น้ำริน นี่ก็เกือบสองเดือนที่ต้องมาเป็นภาระให้คนที่นี่ เขาควรจะต้องไปและเผชิญกับความจริง





สิตางศุ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเปิดมันขึ้นเมื่อคืนนี้ ข้อความต่างๆกระหน่ำมาเหมือนเดิมโดยภูวดล มันเป็นเวลาเกือบสองเดือนที่ไม่ติดต่อใคร และเขารู้ว่าย่าของเขารวมทั้งภูวดลเองก็คงต้องตามหา มือนั้นตัดสินใจกดโทรหาคนที่คอยส่งข้อความมาหาเขาทุกวัน เพื่อนเพียงคนเดียวที่สิตางศุ์มีอยู่ รอไม่นานคนปลายสายก็รับอย่างไม่ต้องรอนาน





“ได้ตาง ไอ้เพื่อนเวร มึงหายหัวไปไหนมา รู้มั้ยทุกคนเป็นห่วง มีเรื่องอะไรก็บอกกูสิวะ หายไปดื้อๆแบบนี้คิดว่าเป็นเด็กรึไง คุณย่าเค้าตามหามึงให้ทั่ว มึงบอกมาเลยนะว่ามึงอยู่ไหน แล้วมึงอยู่คนเดียวได้ยังไง” พอเพื่อนรักรับโทรศัพท์ปุ๊บ ภูวดลก็รัวใส่ไม่ยั้ง





“เดี๋ยว ใจเย็นๆสิภู ค่อยๆพูด” สิตางศุ์บอกภูวดล เล่นรัวมาแบบนี้ใครจะฟังทันกันเล่า





“จะให้กูใจเย็นได้ยังไง มึงหายไปตั้งเกือบสองเดือน หาที่ไหนก็ไม่มี คุณย่าท่านจ้างนักสืบหาไม่เจอ บุกไปบ้านแม่มึงก็ดันไปมีเรื่องกับน้ามินเข้า กลายเป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลกันอีก ตอนนี้เรื่องนี้โคตรจะวุ่นวาย แล้วมึงยังจะเสือกมาหายไปอีก” ภูวดลใส่มาหมดแม็ก สิตางศุ์ได้ฟังอย่างนั้นก็หน้าเจื่อนลง





“ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะหนีปัญหา” สิตางศุ์พูดเสียงแผ่ว การที่เขาหนีมายิ่งทำให้ปัญหาที่มีอยู่มันยิ่งแย่ลงไปทุกที แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องไปอยู่กับแม่ที่อังกฤษอยู่ดี





นั่นคือสิ่งที่ศาลตัดสินเมื่อเกือบสิบปีก่อน





“เฮ้อ... ไอ้ตาง แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน” ภูวดลถอนหายใจให้กับปัญหาเรื้อรังที่ยื้อมานานจนทำให้ชีวิตของสิตางศุ์ไม่เคยสัมผัสกับความสุข





“ไร่น้ำริน บ้านของรินน่ะ” สิตางศุ์ตัดสินใจบอกเพื่อนรักไป ไม่ช้าหรือเร็วเขาก็ต้องกลับไปอยู่ดี จะตอนนี้หรือตอนไหนมันก็มีค่าไม่ต่างกัน





และที่สำคัญรัชพลเองจะได้รีบตัดใจจากเขา ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ความรู้สึกของรัชพลจะยิ่งเตลิดไปไกล รวมทั้งตัวเขาเองด้วย อีกไม่นานเราต้องอยู่คนละซีกโลกกันแล้ว เป็นที่ที่เขาไม่อยากไป ไม่ใช่เพราะต้องจากใคร แต่เพราะไม่อยากไปอยู่ร่วมกับคนของมารดา คนของมินตรา





“ห๊ะ! มึงไปอยู่บ้านริน ริน น้องรินรุ่นน้องกูน่ะนะ!” ภูวดลถามเพื่อความแน่ใจ บ้านของภุมริน อยู่ๆสิตางศุ์ไปอยู่บ้านของภุมรินได้ยังไง ภุมรินรู้จักกับสิตางศุ์ก็จริง แต่ก็ไม่น่าจะสนิทถึงขั้นไปอยู่บ้านกันเป็นเดือนๆได้ และที่สำคัญ เขาไม่คิดว่าสิตางศุ์จะไปอยู่บ้านภุมริน!





“อือ... มีรินเดียวนี่แหละ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เราสบายดี” สิตางศุ์บอก เขาไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วง ไม่สิ... คงมีแค่ย่าและภูวดลเท่านั้นที่รู้สึกแบบนั้น พ่อแม่แท้ๆยังไม่คิดจะถามหาเขาเลยด้วยซ้ำล่ะมั้ง ก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เกิดแล้ว





“มึงรอกูอยู่นั่นนะไอ้ตาง กูจะขึ้นไปหามึงที่ไร่น้ำริน แล้วอย่าคิดหนี เดี๋ยวกูโทรบอกรินก่อน พรุ่งนี้มึงเจอกูแน่” ภูวดลระล่ำระลักบอก





“เฮ้ย ไม่ต้องตามมาหรอกภู เดี๋ยวเราก็กลับแล้ว” สิตางศุ์เริ่มกังวล เกิดภูวดลมาที่นี่มีหวังย่าของเขาต้องตามมาด้วยแน่นอน แล้วหลังจากนั้นเรื่องวุ่นวายต่างๆจะเกิดขึ้นอีกมากมาย แค่นี้ก็ลำบากไร่น้ำรินจะแย่อยู่แล้ว ขืนมีเรื่องมาให้เยอะกว่านี้คงไม่ดีแน่ๆ เรื่องไร่น้ำรินเองก็ยังไม่จบเลย ตัวคนบงการเบื้องหลังยังหาไม่ได้





“ไม่ไปได้ยังไง กูต้องมั่นใจว่ามึงปลอดภัยดี คนอย่างมึงทำอะไรเป็นซะที่ไหน อยู่กับรินก็จริงแต่นั่นมันก็ไร่ก็สวน แพ้แดดตัวแดงตายห่าใครจะไปรู้”





“แต่ถ้าภูมาคุณย่าก็จะต้องมาด้วย เรื่องมันจะยาวนะ เชื่อเรานะภู เดี๋ยวเราก็กลับแล้ว” พยายามต่อรอง






“ไม่ได้ พรุ่งนี้กูจะไปหามึง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคุณย่า กูจะยังไม่บอกใครว่าเจอมึงแล้ว ขอล่ะไอ้ตาง อย่าทำแบบนี้อีกได้มั้ย” ปลายสายเองก็อ่อนใจไม่น้อย เขารู้ว่าสิตางศุ์เก็บงำความรู้สึกมาเกือบทั้งชีวิต ไม่แปลกที่มันจะระเบิดออกมาแบบนี้





ไม่มีเสียงตอบรับจากสิตางศุ์ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่โทรหาภูวดล แต่ที่แน่ๆเขาคงไม่มีทางปฏิเสธภูวดลได้ในตอนนี้





“ถือว่าความเงียบเป็นการตอบตกลงนะ เดี๋ยวกูจะคุยกับริน แล้วมึงห้ามหนีไปไหน หยุดหนีได้แล้ว” นั่นคือคำพูดสุดท้ายของภูวดลก่อนที่จะวางสายไป





สิตางศุ์ลดมือที่ถือโทรศัพท์ลงอย่างอ่อนล้า ถึงเวลาต้องเผชิญหน้าแล้วสิ





“สวัสดีครับคุณสิตางศุ์” เสียงเรียกชื่อของตัวเองทักขึ้นทำให้สิตางศุ์เรียกสติตัวเองคืนมาแล้วหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก็พบร่างคุ้นตาของหมอชาญเดินมาหาพร้อมของพะรุงพะรังในมือ





“ครับหมอชาญ ถืออะไรมาเยอะแยะเลยครับ” ยิ้มให้อีกคนแล้วลุกขึ้นเดินไปหาเชี่ยวชาญ






“ขนมน่ะครับ พอดีวันนี้เข้าไปในหมู่บ้านมา ชาวบ้านให้ผมมาเยอะเลย ผมเลยเอามาฝากคุณสิตางศุ์ด้วยน่ะครับ” เชี่ยวชาญยิ้มตาหยีตามแบบฉบับของตัวเองก่อนจะวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะ





“ขอบคุณครับ แล้ววันนี้มาดูด่างมันเหรอครับ มาเร็วจังปกติมาเกือบเย็นนู่น” สิตางศุ์ถามอย่างสงสัย ปกติเชี่ยวชาญจะมาตอนเขาเกือบเลิกงาน แต่วันนี้มาก่อนเวลาตั้งหลายชั่วโมง





“พอดีว่าวันนี้ผมจะเข้าเมืองน่ะครับ เลยแวะมาถามคุณสิตางศุ์ว่าจะไปด้วยกันรึเปล่า” เชี่ยวชาญถาม เขาตั้งใจจะไปธุระส่วนตัวในเมือง ก็เลยแวะมาวนสิตางศุ์ไปด้วย เผื่อว่าสิตางศุ์เองก็อยากจะได้อะไรในเมือง





“ไปในเมืองเหรอครับ ดีเหมือนกัน ของใช้ส่วนตัวของผมเองก็เริ่มหมดแล้ว งานก็เสร็จแล้วครับ ไปได้” สิตางศุ์ทำงานเสร็จซักครู่แล้ว เพราะมีอะไรไม่มากนอกจาตรวจดูเรื่องรายละเอียดอย่างชัดเจนของรายรับรายจ่ายในแต่ละวันเท่านั้น ของใช้ส่วนตัวของเขาก็เริ่มหมดแล้ว พอดีกับเชี่ยวชาญจะเข้าตัวเมือง เขาไปด้วยเลยจะดีกว่า ไม่อยากรบกวนติดรถภุมรินไปอีก





“งั้นดีเลยครับ เดี๋ยวผมไปรอที่รถนะครับ” เชี่ยวชาญบอก





“ครับ รบกวนคุณหมอด้วยนะครับ” สิตางศุ์รีบเก็บของ เพราะคงไม่ได้กลับมาที่สำนักงานอีก กลับมาอีกทีคงดึกแล้วกลับบ้านเลย





เป็นอันว่าสิตางศุ์เข้าไปในตัวเมืองกับเชี่ยวชาญ เขามองหาคนงานแถวนั้นเพื่อบอกไว้แต่ก็ไม่เจอใครซักคน เลยตัดสินใจไปเลยเพราะคิดว่าไม่น่าจะกลับค่ำขนาดนั้น










เวลาล่วงเข้าหกโมงเย็นของวัน รัชพลออกมาจากโรงบ่มแล้วกลับเข้าไปในบ้าน เจอภุมรินกำลังเดินลงมาจากบันใดด้วยชุดนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว





“สิตางศุ์ล่ะริน” ประโยคแรกที่ถามออกไป มันออกไปอย่างอัตโนมัติ รัชพลเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องถามหาสิตางศุ์ก่อน อาจจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขาละมั้ง





“ยังไม่เห็นกลับนะพี่รัช สงสัยยังไม่กลับจากเหนือไร่” ภุมรินตอบ เขากลับมายังไม่เห็นสิตางศุ์เลย





“แต่นี่มันเลยเวลางานมาเป็นชั่วโมงแล้วนะ” รัชพลเร่งเสียงขึ้นตามอารมณ์ที่เริ่มเดือด เขาเป็นห่วงสิตางศุ์ ช่วงนี้ในไร่ยิ่งไม่ปลอดภัย และโรจน์เองก็รู้ว่าสิตางศุ์เป็นคนส่งหลักฐานให้ตำรวจ แม้โรจน์จะถูกจับแต่ก็ยังไว้ใจอะไรไม่ได้





“ใจเย็นๆก่อนพี่รัช พี่ตางคงอยู่ที่เหนือไร่นั่นแหละ เดี๋ยวก็กลับ” ภุมรินพยายามพูดให้พี่ชายใจเย็นลงเมื่อเห็นว่ารัชพลเริ่มอารมณ์ขึ้น





“พี่จะไปที่สำนักงาน” พูดจบก็รีบไปคว้ากุญแจรถ เขาต้องไปหาสิตางศุ์ที่เหนือไร่ ไปให้แน่ใจว่าสิตางศุ์ยังอยู่ที่นั่น





ภุมรินมองตามหลังพี่ชายที่วิ่งออกไป เขาเพิ่งจะเคยเห็นรัชพลเป็นห่วงใครมากๆแบบนี้นอกจากคนในครอบครัวหรือคนสนิท รุ่นพี่สิตางศุ์ของเขาคนนี้มีอิทธิพลกับพี่ชายของเขามากจริงๆ





ทีนี้รัชพลจะได้รู้ซักที ว่าการที่รักและเป็นห่วงใครซักคนมันเป็นยังไง











รัชพลขับรถมาถึงสำนักงานที่ตอนนี้เปิดไฟบ้างแล้ว พนักงานคนอื่นกลับบ้านกันหมดรวมทั้งคนงานของไร่น้ำรินอีกด้วย เขาพุ่งตัวเข้าไปหาสิตางศุ์ข้างในแต่ก็ไม่พบ เลยวิ่งไปดูที่หลังสำนักงานก็ไม่มี เจอเพียงก้องที่กำลังเอาข้าวมาให้หมาด่างที่ตอนนี้ยังใส่เฝือกอยู่เหมือนเดิม





“อ้าวนาย สวัสดีครับ ทำไมมามืดๆค่ำๆ” ก้องถามเมื่อพบว่ารัชพลวิ่งหน้าตาตื่นมาแต่ไกล





“ไอ้ก้อง เห็นคุณสิตางศุ์มั้ย” รัชพลถามพุ่งตรงประเด็น





“ไม่เห็นนะครับนาย ผมกลับมาคนอื่นก็กลับกันหมดแล้ว นึกว่าคุณสิตางศุ์กลับไปแล้วซะอีก” ก้องตอบด้วยความฉงน เขากลับมาถึงสำนักงานคนอื่นก็ไม่อยู่แล้ว แม้แต่คุณสิตางศุ์เองก็เถอะ คิดว่ากลับไปแล้วเสียอีก





แต่คำตอบของก้องนั้นทำเอารัชพลหน้าเสีย สิตางศุ์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหนกัน!!!





“เดี๋ยวนะนาย อย่าบอกนะว่าคุณสิตางศุ์ไม่ได้กลับบ้าน... ซวยแล้ว!” ก้องลุกพรึบ





“สิตางศุ์ยังไม่กลับ กูก็นึกว่าอยู่ที่นี่” รัชพลตัวสั่น เขาเหมือนคนไม่มีสมาธิไปแล้ว เขาเป็นห่วงสิตางศุ์ สถานการณ์ตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น





“ช่วงนี้ยิ่งเกิดเรื่องอยู่ แล้วจะเอายังไงดีล่ะนาย” ก้องเองก็เริ่มกังวลไม่ต่างกับรัชพล





“กูก็ไม่รู้ กูจะไปหาสิตางศุ์” รัชพลรีบเดินไปที่รถโดยมีก้องวิ่งตามไปอย่างตื่นๆ





“เดี๋ยวก่อนนาย เดี๋ยว ใจเย็นๆก่อน ลองไปหาที่บ้านดูอีกทีก่อนครับ อย่าเพิ่งวู่วาม มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้” กลายเป็นเด็กอายุสิบหกเสียเองที่ต้องเตือนสติรัชพล





“เดี๋ยวผมขับรถให้เองครับ” ก้องถือวิสาสะดึงกุญแจรถจากรัชพลมาก่อนจะเป็นคนเข้าไปขับ





รัชพลเข้าไปนั่งข้างๆก้องอย่างวิตกกังวล เขากลัว กลัวสิตางศุ์จะเป็นอะไรไป เสี่ยทรงยศคงไม่เก็บคนที่ทำให้ลูกน้องตัวเองเข้าคุกไว้แน่ ขนาดเขาเองยังถูกยิงมาแล้ว และตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้วด้วย อะไรมันดูจะยากไปเสียหมด





ไม่นานก้องก็พารัชพลมาถึงที่บ้านรักษ์นที มีภุมรินและป้าจันยืนรออยู่ รัชพลเดินตรงไปหาน้องชายทันที





“สิตางศุ์กลับมารึยัง” คำถามแรกที่ถามคงไม่พ้นเรื่องของอีกคน





“ยังเลยพี่รัช ไปหาที่ห้องก็ไม่มี ไม่ได้กลับมาที่นี่แน่นอน ไม่ได้อยู่ที่เหนือไร่เหรอ” ภุมรินเริ่มจะรนเหมือนพี่ชายบ้างแล้ว อะไรคืออยู่ๆสิตางศุ์ก็มาหายตัวไปแบบนี้ ในสถานการณ์ที่ไม่ดีแบบนี้ด้วย





“ไม่มี ที่สำนักงานไม่มี ที่บ้านก็ไม่มี แล้วสิตางศุ์ไปอยู่ไหนวะ!” รัชพลตะโกนก้องทำเอาทุกคนสะดุ้งไม่น้อย ครั้งล่าสุดที่เห็นรัชพลโมโหขนาดก็ตอนที่ตะวันพาภุมรินไปนั่นแหละ





“ใจเย็นๆพี่รัช” ภุมรินเข้าไปจับแขนพี่ชายไว้แน่น





“จะให้พี่ใจเย็นได้ยังไงริน” รัชพลตัวสั่นเร่า





ไม่ทันจะอายังไงต่อแสงไฟหน้ารถก็สาดเข้ามาที่หน้าบ้านรักษ์นที ทุกคนหันไปมองก็เจอรถของเชี่ยวชาญเข้ามาจอดก่อนที่เจ้าของรถจะเดินลงมา และยิ่งไปกว่านั้นสิตางศุ์ที่ทุกคนตามหาก็ลงมาจากอีกฝั่งด้วย ร่างบางมองทุกคนอย่างไม่เข้าใจ





“มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ ทำไมมายืนกันตรงนี้” สิตางศุ์ถามอย่างงงๆ เมื่อมองไปยังรัชพลก็พบว่าตอนนี้รัชพลจ้องมองเขาด้วยสายตาที่หลากหลาย ทั้งโกรธและเหมือนจะเป็นห่วง





“เอ่อ... พี่ตางไปไหนมาครับ” ภุมรินเป็นคนเอ่ยถาม





“อ๋อ พี่เข้าไปในตัวเมืองกับหมอชาญมาน่ะ พอดีไปซื้อของนิดหน่อย” สิตางศุ์ตอบตามความจริง และประโยคนั้นเองทำให้รัชพลเบือนหน้าหนีแล้วหันหลังเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้สิตางศุ์และเชี่ยวชาญมองอย่างงงๆ





“มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ” เชี่ยวชาญถามบ้าง เขางงไม่น้อย พอมาส่งสิตางศุ์ที่บ้านรักษ์นทีก็เจอทุกคนมายืนกันเต็มไปหมด แถมรัชพลยังฟึดฟัดออกไปแบบนั้นอีก





“พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยครับ หมอชาญกลับไปก่อนนะครับวันนี้ รินขอพาพี่ตางเข้าบ้านก่อน” ภุมรินเดินไปจับแขนของสิตางศุ์ไว้พร้อมกับบอกให้เชี่ยวชาญกลับไปก่อน





“เอ่อ... ครับ” เชี่ยวชาญยังงงๆอยู่แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี





“เข้าบ้านกันเถอะครับพี่ตาง” เมื่อรถของเชี่ยวชาญแล่นออกไปแล้วภุมรินก็ดึงมือของสิตางศุ์ให้เข้าในบ้านทั้งๆที่สิตางศุ์เองยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้น





“มีอะไรเหรอริน ตกลงมีเรื่องอะไรกัน” สิตางศุ์ถามเมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว ภุมรินมองหน้ารุ่นพี่พร้อมกับถอนหายใจ





“พี่ตางไปในเมืองกับหมอชาญตอนไหนครับ” ภุมรินถามด้วยเสียงที่จริงจังจนสิตางศุ์นึกหวั่น





“ตอนบ่ายน่ะ พอดีไปซื้อของนิดหน่อย แล้วการที่พี่ออกไปกับหมอชาญมันทำให้ทุกคนวุ่นวายได้ยังไง” สิตางศุ์ยังคงไม่เข้าใจ ทำไมทุกคนดูตื่นตระหนกกันไปหมด





“ก็พี่รัชน่ะสิ เค้าตามหาพี่ตางให้ทั่ว พอไม่เจอก็ตะโกนลั่นบ้าน พอรู้ว่าไปกับหมอชาญก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ” คำพูดของภุมรินทำเอาสิตางศุ์นิ่ง รัชพลโมโหที่เขาไปกับหมอชาญอย่างนั้นเหรอ





“พี่บอกคุณรัชเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วว่าพี่กับหมอชาญไม่ได้คิดอะไรกันแบบนั้น ทำไมคุณรัชต้องใช้อารมณ์ส่วนตัวมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยล่ะ” สิตางศุ์เองก็เริ่มจะมีน้ำโห เขารู้ว่ารัชพลคิดยังไงกับเขา แต่การที่จะเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้ทั้งบ้านวุ่นวายแบบนี้มันก็ใช่เรื่อง และอีกอย่างเขาโตแล้ว เขามีสิทธิ์ไปไหนกับใครก็ได้





“ต่อให้คุณไปกับคนอื่นผมก็คลั่งเป็นบ้าเหมือนกันนั่นแหละ แต่ไม่ใช่แค่หวงแต่ผมเป็นห่วงคุณด้วย ในไร่ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงคุณก็รู้ และคุณออกไปไหนมาไหนโดยที่ไม่บอกใครคุณจะให้ผมอยู่เฉยได้อีกเหรอคุณสิตางศุ์” เสียงของรัชพลดังขึ้น สิตางศุ์หันไปมองคนที่เพิ่งลงมาจากชั้นบน มือบางนั้นปล่อยของพะรุงพะรังนั้นลงกับพื้น คำพูดของรัชพลทำเอาสิตางศุ์หน้าชา





เขาแปลเจตนาของอีกคนผิดไป





“ใช่ ผมรักคุณ แต่เรื่องหึงหวงนั้นมันไม่สำคัญเท่าความปลอดภัยของคุณเลยสักนิด ...ริน วันนี้พี่นอนโรงบ่มนะ” ประโยคหลังหันไปพูดกับน้องชายก่อนจะเดินออกจากบ้านไป





ทิ้งให้ความรู้สึกของสิตางศุ์มันตีกันวุ่นไปหมด เขาผิดแน่แล้ว เวลานี้เป็นเขาเองที่ผิด...








****************************************************************************************
ตอนที่ 14 มาแล้ววววววววว ตอนนี้ยาววกว่าตอนก่อนๆ อิอิ โอ้ยยยยยยยยย ดราม่าหนักหนาสาหัสมาก ซีนอารมณ์ต้องยกให้คุณรัชพลค่ะ ฮี่ๆ เอาแล้วสิตางศุ์โดนคุณรัชงอนเข้าแล้ว ตอนหน้าจะเป็นอย่างไร สิตางศุ์ของเราจะง้อยังไงต้องติดตาม ใครอยากรู้เรื่องสิตางศุ์ได้รู้แน่นอน อุ้ย! ไม่เอา ไม่ใบ้ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ตอนหน้ายาวกว่านี้อีก รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  :katai5:

ปล.ช่วงนี้อาจจะมีแว้บๆหายๆบ้างนะคะ ถ้าไม่ผิดลาดอาจจะอัพทุกวันค่ะ แต่ตุนไว้เรื่อยๆแล้ว





ตอนนี้ Speirmint28 มีเพจแล้วนะคะ ฝากกดไลค์ด้วยค่ะ เราจะอัพเดตข่าวสารเรื่องนิยาย และหนังสือจากเพจนี้นะคะ


นี่เพจค่ะ >> https://www.facebook.com/Speirmint28-213061652381782/?fref=nf
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2016 21:13:33 โดย Speirmint28 »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่าตีจริงๆ ไปไหนไม่บอกเนี่ย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ศาลตัดสินให้ไปอยู่กับแม่ที่อังกฤษ? คือ พ่อกับแม่ของสิตางศุ์เลิกกัน แล้วขอสิทธิดูแลลูกเหรอ
ไม่ใช่ว่าใช้ได้กับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรอกเหรอ สิตางศุ์เป็นรุ่นพี่ของริน แสดงว่าเรียนจบนานแล้ว หมายความว่าเป็นผู้ใหญ่(ในทางกฏหมาย)แล้ว น่าจะสามารถตัดสินใจเองได้หรือเปล่าว่าจะอยู่กับใคร แล้วเห็นว่าศาลได้ตัดสินมาเป็นสิบปีแล้ว
แล้วทำไมถึงเพิ่งจะต้องไป... แอบงง เหมือนปัญหาของสิตางศุ์จะยังเปิดเผยไม่หมดสินะ

ปล.เราไม่ได้เรียนด้านกฏหมายมาจ๊ะ ที่ว่ามา คือมาจากความเข้าใจล้วนๆ

ให้กำลังใจคนเขียนนะ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
คราวนี้แอบเห็นใจพี่รัชแฮะ สิตางศุ์เองก็ผิดที่ไปไหนไม่บอก เหอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 15





“พี่ตาง...” ภุมรินเรียกชื่อสิตางศุ์เบาๆเมื่อเห็นว่าสิตางศุ์นั้นนิ่งไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าสิตางศุ์ไปทำอะไรให้พี่ชายของเขามา เพราะวันนี้ทั้งวันรัชพลดูหงอยมาก และยิ่งเกิดเหตุการณ์นี้อีกยิ่งไปกันใหญ่ แต่ตอนนี้เขาอยากให้สิตางศุ์กับรัชพลปรับความเข้าใจกันให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากให้ทั้งสองคนตกอยู่ในความรู้สึกแบบนี้






“ไปคุยกับคุณรัชมั้ยคะคุณสิตางศุ์ เธอคงน้อยใจที่คุณสิตางศุ์พูดแบบนั้น คุณรัชกลัวมากเลยนะคะ กลัวว่าคุณสิตางศุ์จะมีอันตราย เธอเป็นห่วงคุณมาก” ป้าจันเดินเข้ามาจับมือสิตางศุ์ไว้ รัชพลคงผิดหวังไม่น้อยที่สิตางศุ์นั้นแปลเจตนาของตัวเองผิดไป





“นะครับพี่ตาง ถือว่ารินขอร้อง” ภุมรินเข้ามาขอร้องด้วยอีกคน สิตางศุ์มองหน้าทั้งสองคนอย่างชั่งใจ






“อืม เดี๋ยวพี่ไปคุยกับคุณรัชเอง” สิตางศุ์ตอบ แต่ไม่ใช่เพราะทั้งสองคนมาขอร้อง แต่เขาเองก็อยากจะคุยกับรัชพลให้มันชัดเจนกว่านี้





เพราะตอนนี้หัวใจของเขาเองมันก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน





โรงบ่มของไร่น้ำรินมีร่างบางของสิตางศุ์เดินเข้ามา ไฟสลัวที่รัชพลเปิดทิ้งไว้ทำให้มองทางได้ชัดเจนขึ้น ในส่วนของถังไวน์จะเรียงกันอยู่เป็นแถวฝั่งซ้าย พื้นที่เล็กๆตรงนี้จะเอาไว้วางโต๊ะทำงานและตู้สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยความที่เป็นโรงบ่มขนาดใหญ่ทำให้มีพื้นที่มากพอที่จะมีอะไรเพิ่มเติมมากว่าถังไวน์ และหนึ่งในนั้นคือที่นอนเล็กๆที่รัชพลแอบมีไว้ในมุมหนึ่ง ซึ่งป้าจันเป็นคนจัดให้เวลารัชพลไม่กลับไปนอนบ้าน ซึ่งเมื่อก่อนนั้นแทบจะทุกวัน





สิตางศุ์เดินไปหารัชพลที่กำลังดื่มไวน์ขวดใหญ่พร้อมกับเบือนหน้ามองออกไปข้างนอก ไม่รับรู้ว่ามีใครอีกคนเข้ามาในที่นี้ ร่างบางรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปหาคนตรงหน้า





“คุณรัชพล” รัชพลหันตามเสียงนั้น เมื่อพบว่าเป็นสิตางศุ์ก็วางขวดไวน์ลงก่อนจะเดินหนี






“หยุดนะคุณรัชพล” สิตางศุ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น





รัชพลหยุดเดินแล้วหันหน้ามามอง สายตาที่ส่งมามันนิ่งซะจนสิตางศุ์เองยังแอบหวั่น





“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะคิดแบบนั้น” สิตางศุ์กำมือแน่นแล้วหลุบตาลงต่ำ





“คุณสิตางศุ์ ถ้าคุณฝืนคุณกลับไปเถอะครับ ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษ ผมแค่ต้องการให้คุณรู้ว่าผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนผมรู้สึกดีกับคุณ ตอนนี้มันอาจจะเป็นความรักแล้วก็ได้ แม้ว่าคุณจะมองข้ามความรู้สึกดีๆของผมก็ตาม” รัชพลพูด ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง เขาทำยังไง เป็นยังไง รู้สึกมากแค่ไหน สิตางศุ์ก็ได้แต่เฉยเมยใส่เสมอ สิตางศุ์ไม่ได้ผิด มันผิดที่เขาที่รู้สึกเอง






“แล้วใครบอกว่าผมฝืน ใครบอกว่าผมมองข้ามความรู้สึกนั้นของคุณไป และใครบอกว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนคุณ ตอนนี้มันอาจจะไม่มากเท่าคุณนะคุณรัช แต่ผมก็มั่นใจว่ามันมากพอที่จะทำให้ผมมองคุณแค่คนเดียวในตอนนี้” สิตางศุ์ตัดสินใจพูดออกไปทั้งหมด สิ่งที่เขาคิดตอนนี้ มันพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น





รัชพลมองตรงไปยังคนตรงหน้า คำพูดนั้นของสิตางศุ์ทำให้หัวใจที่เกือบดับวูบรู้สึกเหมือนมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเขาฟังไม่ผิด สิตางศุ์กำลังจะบอกว่าสิตางศุ์เองก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาอย่างนั้นเหรอ





“ผมไม่รู้จะพูดยังไง ผมไม่เคยมีความรักที่จริงใจจากใคร แต่กับคุณผมสัมผัสถึงความจริงใจจากคุณได้ มันยากมากที่จะต้องรับใครเข้ามาในหัวใจที่ถูกปิดกั้นเรื่องความรักมาตั้งแต่เด็ก ความรักที่ผมไม่เคยได้รับจากใครเลย แม้กระทั่งผู้ให้กำเนิดก็ตาม”





น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น ไม่นานมันก็ไหลอาบทั้งสองข้างของสิตางศุ์ ร่างนั้นทรุดลงกับพื้น เสียงสะอื้นนั้นทำให้รัชพลต้องเข้าไปหาสิตางศุ์ที่ร้องไห้ไม่หยุด น้ำตาของสิตางศุ์ทำให้ใจของรัชพลอ่อนยวบ คำพูดที่ออกมาจากปากของสิตางศุ์เป็นเรื่องใหม่ที่เขาเพิ่งจะเคยรับรู้ และนี่อาจจะเป็นเรื่องที่สิตางศุ์เก็บไว้ในใจมาคนเดียวตลอด





รัชพลโอบกอดร่างเล็กนั้นไว้สิตางศุ์โผเข้าหาพร้อมกับสะอื้นไห้กับอกคนตรงหน้า มือทั้งสองข้างกำเสื้อของรัชพลไว้แน่น อยู่อย่างนั้นนานหลายนาที










เสียงร้องไห้นั้นหยุดลงไปนานแล้ว มีเพียงแต่เสียงสะอื้นและคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่ สิตางศุ์ในสภาพที่ไม่สู้ดีนักกำลังนั่งอยู่บนที่นอนขนาดไม่ใหญ่มากของรัชพลหลังจากที่เจ้าของไร่พาสิตางศุ์นั้นมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนี้ รัชพลเพิ่งเคยเห็นสิตางศุ์ร้องไห้ เพิ่งเคยเห็นอีกคนระบายความอัดอั้นในใจออกมา





“ดีขึ้นมั้ยครับ ปวดหัวรึเปล่า” รัชพลถามพร้อมกับยื่นน้ำให้ ซึ่งมีติดตู้ไว้ตลอดโดยป้าจันอีกนั่นแหละจะเป็นคนเอามาไว้ให้ทุกวัน





“โอเคขึ้นแล้วครับ” สิตางศุ์ตอบ แอบรู้สึกแย่เล็กน้อยที่ตัวเองต้องมาร้องไห้ต่อหน้ารัชพลแบบนี้ ทั้งๆที่สถานการณ์ก่อนหน้าของเขาและรัชพลก็ไม่ได้ดีนัก





รัชพลเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนแก้มนั้นของสิตางศุ์ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะก้มลงจูบหน้าผากนั้นอย่างแผ่วเบา





สิตางศุ์ช้อนตามอง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น แสงอาทิตย์กำลังทอประกายในใจที่มืดมนมาตลอดยี่สิบกว่าปี รัชพลคนนี้คือความอบอุ่นของสิตางศุ์





“ผมพร้อมจะรับฟังคุณเสมอนะคุณสิตางศุ์” รัชพลมองหน้าอีกคน พูดเป็นนัยๆเพื่อให้สิตางศุ์รู้ว่าควรระบายสิ่งที่มีในใจนั้นออกมาให้คนอื่นรับรู้บ้าง





สิตางศุ์กระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาที่ยังค้างอยู่ให้ออกไปก่อนจะเอนตัวลงซบกับอกกว้างนั้น บางทีเขาอาจจะลองเป็นสิตางศุ์คนอื่นที่ไม่ใช่สิตางศุ์คนที่คอยเก็บงำเรื่องราวของตัวเองอยู่แบบนี้ บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่คนอื่นควรจะได้รับรู้มันซักที





“พ่อแม่ของผมเค้าแยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก แม่ให้เหตุผลว่าพ่อไม่เคยสนใจดูแลเธอและลูกเลยสักครั้ง วันๆเอาแต่ทำงาน และบอกกับผมว่าพ่อของผมมีคนอื่น เธอจะเอาผมไปอยู่ด้วย พ่อไม่ยอมและให้เหตุผลว่าเธอมีชู้ เปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องบาดหมางกัน






ผมอยู่ในความดูแลของย่ามาตลอด คุณหญิงพิมล ศิรินทรา ผู้หญิงที่ทุกคนต่างยอมรับว่าเก่งและฉลาด เธอดูแลผมทุกอย่าง ไม่แปลกใจที่เธอจะรักผมมากที่สุด แต่เธอก็ไม่ว่างพอที่จะมาคอยให้ความรักกับเด็กขาดความอบอุ่นอย่างผมหรอก” พูดตรงนี้สิตางศุ์ก็หยุดไป







รัชพลโอบกอดร่างนั้นไว้แน่น ปัญหาที่สิตางศุ์เจอนั้นทำให้รัชพลแปลกใจไม่น้อย ด้วยปัญหาทางครอบครัวแบบนี้ใช่ว่ารัชพลเองก็ไม่เคยเจอ เพราะยายของเขาและบุรินทร์บิดาก็เคยทะเลาะกันเพื่อแย่งภุมรินไปดูแลมาแล้ว แต่มันก็ไม่หนักหนาเท่ากับสิ่งที่สิตางศุ์ต้องเผชิญ





“เรื่องมันเกิดก็ตอนที่แม่ฟ้องศาล บอกว่าพ่อนอกใจและไม่เอาใจใส่ เธอชนะคดีโดยที่พ่อและย่าทำอะไรไม่ได้ คำกล่าวอ้างของพ่อที่บอกว่าแม่เองเป็นคนนอกใจนั้นมันไม่เพียงพอต่อการชนะคดี ไม่รู้ว่าแม่ไปหาหลักฐานมาจากไหน รูปภาพที่พ่อกำลังยืนจูบกับผู้หญิงคนอื่น





ตอนนั้นผมยังไม่ขึ้นมัธยมด้วยซ้ำ คุณย่าโมโหมาก เธอยื้อผมไว้ จนผมเรียนมหาลัยนั่นแหละ ผมถึงออกมาอยู่เอง แปลกใช่มั้ยล่ะว่าทำไมคุณย่าผมถึงทำได้ ความจริงแล้วแม่ของผมก็ไม่ได้ต้องการจะเอาผมไปอยู่ด้วยจริงๆหรอก





เธอแค่ต้องการอยากชนะพ่อก็เท่านั้น เมื่อเธอชนะเธอก็ไม่สนใจผม ผมเหมือนของเล่นที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเอาชนะของทั้งสองคน มันน่าเจ็บปวดนะสำหรับเด็กคนหนึ่ง...” สิตางศุ์เว้นระยะ





“และเมื่อหลายเดือนก่อนแม่ของผมมาบอกว่าต้องการให้ผมไปอยู่ด้วย เธอจะไปอังกฤษ เธอใช้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูผมเพื่อที่จะพาผมไปอยู่ที่นั่น จริงๆแล้วก็แค่อยากเอาชนะคุณย่าก็เท่านั้น เพราะทั้งสองคนนี้มีเรื่องครางแคลงใจกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมไม่อยากไป คุณย่าก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือผมไม่อยากไปอยู่ร่วมบ้านกับผู้ชายคนนั้น คนรักใหม่ของแม่” ท้ายประโยคนั้นแผ่วลง





“เขาชื่ออาทัศ อาทัศอ่อนกว่าแม่สิบปี อาทัศเป็นผู้ชายคนล่าสุดที่แม่คบ แต่แม่ผมเองก็แอบมีคนอื่น ผมรู้ ผมรู้ทุกอย่างตั้งแต่เด็กว่าแม่มีคนใหม่เยอะแค่ไหน อย่างที่พ่อเคยพูด ตอนเด็กๆอาทัศเขาก็รักผมดี เหมือนกับผมเป็นลูกคนหนึ่ง ผมไม่ค่อยได้เจอแม่ แต่ผมเจออาทัศบ่อยมาก บ่อยซะจนผมเองก็ไม่เข้าใจ





เมื่อผมโตขึ้นเขาบอกผมว่าเขาสนใจผม และบอกว่าจะเลิกกับแม่ แล้วมารักกับ ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะทำ ผมปฏิเสธ และไม่กล้าบอกแม่เพราะผมรู้ว่าแม่รักอาทัศมากแค่ไหน แต่นั่นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้อาทัศเลิกสนใจผม เขาพยายามมาตื้อและวนเวียนใกล้ๆผมตลอด และนั่นก็ทำให้ผมมีปัญหากับแม่ จนเมื่อสองเดือนก่อน ก่อนที่ผมจะมาที่นี่นั่นแหละ อาทัศพยายามจะข่มขืน...”






สิ้นประโยคนั้นรัชพลก็รู้สึกเหมือนไฟสุมเข้ามาในอก เขากอดสิตางศุ์แน่น มันเป็นเรื่องที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงในสังคม คนคนหนึ่งต้องอยู่อย่างเคว้งคว้างมาคนเดียวตลอดได้ยังไง และยังเจอปัญหามากมายที่ยากจะรับมือไหวแบบนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่หล่อหลอมสิตางศุ์ให้เป็นคนแบบนี้






ในตอนแรกนั้นเขาคิดว่าสิตางศุ์จะเหมือนคนเงินทั่วไปที่ใช้ชีวิตด้วยเงินที่ไม่มีทางใช้หมดและหลงระเริงไปกับแสงสี ทำในสิ่งที่คนทั่วไปนั้นไม่เป็น แต่ความจริงแล้วกลับตรงข้าม แม้จะมีผู้คนมากมายอยู่รอบตัว มีเงินทองมากแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับความสุขเล็กๆที่สิตางศุ์ไม่เคยสัมผัส





“ผมขอโทษ ที่เข้าใจคุณผิดมาตลอด” รัชพลใช้เขียนวาดเอาเอวบางนั้นเข้ามาแนบกับตัวเขา สิตางศุ์วางแก้วน้ำลงก่อนจะสอดมือเข้าไปกอดร่างนั้นของรัชพล ซบหน้าลงกับความอบอุ่นที่เขาไม่เคยได้พบเจอ





“คุณรู้มั้ยวันนั้นเกิดอะไรขึ้น” สิตางศุ์เงยหน้าขึ้นสบตากับรัชพล





“แม่เข้ามาเจอผมอยู่กับอาทัศด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก ผมเกือบถูกทำร้ายจากผู้ชายคนนั้น สิ่งที่ผมคิดคือแม่ต้องเลือกผม แต่แม่กลับตรงเข้ามาที่ผมแล้วตบหน้า มันเป็นครั้งแรกที่ผมถูกปฏิบัติแบบนั้น และจากคนที่ทำให้ผมเกิดมา ผมพยายามบอกแม่ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่แม่คิด แต่แม่บอกว่าผมโกหก เธอเข้าข้างผู้ชายคนนั้น...” พูดมาถึงตรงนี้น้ำตาของสิตางศุ์ก็ไหลออกมาอีกรอบ





“ผมเคยคิดนะคุณรัช ว่าถ้าเกิดวันหนึ่งผมมีปัญหากับใคร พ่อและแม่ต้องเข้าใจผมและเข้าข้างผม แต่สิ่งที่แม่ทำวันนั้นมันกลับตรงข้าม เธอเชื่อคนอื่นมากกว่า แต่มองว่าลูกอย่างผมเป็นคนโกหก ใจของสิตางศุ์คนนี้มันถูกย่ำยีจากผู้หญิงคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมออกมาจากที่นั่นด้วยน้ำตา ผมไม่กล้าจะบอกพ่อ ถึงอยากจะบอกพ่อก็ไม่รับฟังผมอยู่ดี ท่านไม่มีเวลามาสนใจผมหรอก”





“แล้วย่าของคุณล่ะ ถ้าคุณบอกคุณย่าของคุณผมเชื่อว่าท่านต้องช่วยได้” รัชพลเสนอความเห็น จากที่ฟังสิตางศุ์เล่ามานั้น คุณหญิงพิมลน่าจะเป็นคนที่ช่วยเหลือสิตางศุ์ได้ดีที่สุด





“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าบอกคุณย่าเธอต้องโมโหมากและนั่นจะทำให้แม่ของผมลำบาก ใครๆก็รู้จักคุณหญิงพิมล เธอมีอำนาจมากแค่ไหนใครก็รู้ มันไม่ยากที่จะทำให้แม่ของผมอยู่ในประเทศนี้ไม่ได้ หรืออาจจะหายไปจากโลกนี้เลยยังทำได้ แต่ที่คุณย่าไม่ทำและยื้อไว้มานานก็เพราะยังเห็นว่าเป็นแม่ของผมและแม่ของผมเธอก็ยังไม่ทำอะไรมากไปกว่าการเอาชนะ ถึงสิทธิ์การเลี้ยงดูจะอยู่กับเธอ






แต่ตลอดเวลาย่าของผมก็ยังดูแลผมอยู่ แต่มาเกิดเรื่องแบบนี้ผมไม่มั่นใจว่าเธอยังให้โอกาสแม่ของผมมั้ย ผมพึ่งใครไม่ได้ คืนนั้นผมจะหนีกลับบ้านก็กลัวคุณย่ารู้ จะบอกภูเพื่อนของผมคุณย่าก็ต้องรู้อยู่ดี และผมเองก็เหนื่อยกับปัญหาพวกนั้น เลยโทรหาริน รุ่นน้องคนเดียวที่ผมรู้จัก”





“คืนนั้นผมเป็นคนรับโทรศัพท์คุณ” รัชพลพูด คืนฝนตกคืนนั้นเขาเป็นคนรับโทรศัพท์ ถ้าจำไม่ผิดสิตางศุ์โทรมาร้องไห้แล้ววางสายไป แค่นั้นแล้ววันต่อมาก็โผล่มาที่ไร่น้ำรินด้วยสภาพที่ไม่สู้ดีนัก






“นั่นแหละ ผมคิดว่าโทรผิด เพราะมันใช่เสียงริน เลยวางสายไป ผมแค่อยากอยู่คนเดียวสักพัก มันน่าตลกกับคนอายุตั้งยี่สิบกว่าแต่หนีออกจากบ้านมาเหมือนเด็กๆ ผมมาที่ไร่น้ำริน ผมแค่อยากหายไปจากชีวิตทุกคน ผมรู้ว่าไม่มีใครสนใจชีวิตที่ทุกคนทิ้งขว้างอย่างผมหรอก และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มีเพียงคุณย่าและเพื่อนเพียงคนเดียวของผมเท่านั้นที่คิดจะติดตาม






แม่ของผมเธอคงตัดผมทิ้งหลังจากเหตุการณ์วันนั้น และพ่อ เขาคงไม่ว่างจะสนใจลูกของเค้าหรอก เพราะฉะนั้นไร่น้ำรินคือที่เดียวที่ผมจะพึ่งได้ ผมรู้แค่ว่าที่นี่อยู่ที่ไหน แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กว่าจะหาทางมาได้ก็ดึกแล้ว และก็มาเจอคุณเอาปืนจ่อ เป็นความรู้สึกแรกที่แย่ชะมัด” สิตางศุ์หยุดร้องไห้แล้ว และหันมายกยิ้มอย่างนึกขำที่รัชพลทำแบบนั้น





“ช่วงนั้นมีคนมาทำลับๆล่อๆที่ไร่ ผมก็คิดว่าคุณเป็นคนร้ายน่ะสิ” รัชพลนึกยากจะต่อว่าตัวเองเสียจริงที่วันนั้นทำแบบนั้นกับสิตางศุ์ แต่เป็นใครใครก็คิดทั้งนั้นว่าเป็นคนร้าย





“ผมไม่ได้ว่าคุณซักหน่อยคุณรัช ผมเข้าใจเพราะผมเองก็ไม่ได้คุยกับภุมรินว่าจะมา ไม่แปลกที่คุณจะเข้าใจผิด”





“แต่ถ้าวันนั้นผมรู้ว่าเป็นคุณ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน เพราะสิตางศุ์ในตอนนั้นคือหัวใจของรัชพลในตอนนี้” รัชพลเลื่อนมือมาจับที่สองข้างแก้มของสิตางศุ์ จ้องมองนัยน์ตาที่ไหวระริกด้วยคราบน้ำตานั้น สิตางศุ์น้ำตาเอ่อขึ้นมาอีกรอบ เขารู้สึกดีที่มีรัชพลอยู่ในตอนนี้





“คุณรัช คุณรู้มั้ยว่าคุณให้ความรักที่จริงใจ ความรักที่ผมไม่เคยได้พบมาก่อนในชีวิต ผมรู้สึกดีกับคุณ มันอาจจะเป็นเพราะใจช้ำๆที่ได้รับการดูแลหรือเพราะอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแบบเดียวกับคุณ มันยากที่จะยอมรับเพราะปัญหาที่ผมมีอยู่มันก็ยากจะแก้แล้ว ผมไม่อยากให้คุณต้องเข้ามาอยู่ในวงเวียนแบบนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน ผมอาจจะต้องไปต่างประเทศกับแม่”





“ไม่ ผมไม่มีทางให้คุณไปแน่ เพราะถ้าไปคุณก็ต้องเจอไอ้เหี้ยนั่น ฟังนะสิตางศุ์ ต่อให้โลกนี้ไม่มีใครรักคุณ คุณยังมีผม ยังมีริน ยังมีทุกคนในไร่น้ำริน การที่คุณจะอยู่ที่นี่กับผมนานแค่ไหนหรือตลอดไปมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวล ผมยินดีให้คุณอยู่ที่นี่ ปัญหาที่คุณมีมันไม่ยากถ้าจะแก้ ตอนนี้คุณโตแล้ว คุณมีสิทธิ์เลือกชีวิตของตัวคุณเอง”





รัชพลใช้มือเช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาบนแก้มนั้น สิตางศุ์ยิ่งสะอื้นไห้มากขึ้นกว่าเดิม ร่างบางก้มหน้าลง ไม่เคยเลย ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีใครคอยรับฟังและคอยอยู่เคียงข้างในวันที่เขาเกิดปัญหา มันเป็นความรู้สึกที่สิตางศุ์ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเลยสักครั้ง รัชพลคือคนแรกในเขามีในเวลาที่อ่อนแอ





“ผมรักคนนะสิตางศุ์ รัชพลคนนี้รักสิตางศุ์เข้าแล้ว ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณต้องลำบากและไม่สบายใจอย่างนี้แน่นอน ผมสัญญา หยุดร้องไห้แล้วมองหน้าผม” รัชพลจับใบหน้านั้นให้เงยขึ้น






“ขอบคุณนะคุณรัชพล ขอบคุณ” นั่นคือสิ่งเดียวที่สิตางศุ์จะพูดได้ในตอนนี้เพราะมันคือสิ่งเดียวในใจของเขาที่ต้องการจะบอกคนตรงหน้าในเวลานี้






รัชพลยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผมมนนั้น สิตางศุ์หลับตาลงรับสัมผัสที่แผ่วเบาด้วยหัวใจที่ชุ่มฉ่ำ รัชพลผละออกก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าแทน สัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้รับทำให้สิตางศุ์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้ความรู้สึกตามรัชพลที่ให้นำพาเขาไป






อาจจะเป็นจูบแรกในชีวิตที่สิตางศุ์ไม่เคยคิดว่าจะมี เขาไม่เคยคิดเรื่องการมีคนรัก ไม่เคยคิดเรื่องการมีคนอื่นทั้งๆที่เขาควรจะเป็นคนที่โหยหาความรัก เขาเพียงแค่ไม่อยากให้ใครต้องมีเผชิญกับปัญหาที่เขาเจออยู่ แต่กับรัชพลไม่ใช่ รัชพลทะลายกำแพงที่เขาตั้งไว้ กำแพงที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครผ่านเข้ามาได้






...ตอนนี้หัวใจของสิตางศุ์คนนี้เปิดรับรัชพลเข้ามาอย่างสมบูรณ์แล้ว







*************************************************************************************





ใครอยากรู้เรื่องสิตางศุ์ได้รู้แล้วนะจ้ะ ฮี่ๆ ตอนนี้น่าจะยาวที่สุด ถ้าคำนวณไม่ผิดจากการเขียนมา อีกนิด อีกนิดจะเข้าสู้จุดเปลี่ยนแล้ว ความสัมพันธ์ของพี่รัชกับสิตางศุ์จะเป็นยังไงต่อไปต้องติดตามนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  :mew1:

ปล. จากเรื่องที่คนอ่านทักท้วงมาเรื่องกฎหมาย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะตอบโจทย์ได้หมดมั้ย เราก็ไม่เป๊ะเรื่องนี้ค่ะ หากคนอ่านมีข้อแนะนำเพิ่มเติมเรายินดีจะแก้ไขนะคะ เพราะเราเองก็ไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องทางกฎหมายเท่าไหร่ แหะๆ  :katai5: :z3:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอริ่ม หนูตางอย่าไปยอมอิแม่มันนะ หนู20กว่าแล้วถือว่าเป็นผู้ใหญ่ละดูแลตัวเองได้แล้วแหละ
หนูตางหนูมาอยู่กับรัชพลไปเล้ย :laugh: :laugh:


เกลียดอิแม่  :m31: :m31: :m31: :m31:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
สาปส่งอิแม่ และอิผัวแม่ :z3:

สิตางศุ์สู้ๆนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 16





 
ตอนนี้เป็นเวลาดึกเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว สิตางศุ์และรัชพลยังคงอยู่ในโรงบ่ม หลังจากบอกรักกันผ่านจูบที่แสนหวานนั้นแล้วทั้งสองคนก็นั่งกันอยู่คนละมุม ไม่มีคำพูด ไม่มีอะไรไปมากกว่าการที่สิตางศุ์กำลังนั่งหน้าแดงสลับกับร้อนๆหนาวๆตลอดเวลา เกิดมาเพิ่งจะเคยจูบกับใครซักคน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกสำหรับเขา สิตางศุ์ทำตัวไม่ถูก มือไม้ไม่รู้จะไว้ไหน และที่สำคัญเขาไม่รู้จะพูดอะไร





“เอ่อ... มันดึกแล้ว กลับกันดีมั้ย” รัชพลเป็นคนเริ่มประโยคก่อน เขาหันมามองสิตางศุ์ที่นั่งนิ่ง





“อะ...อื้ม” ตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปก่อนรัชพล เขายังไม่อยากสบตากับรัชพลตอนนี้ เขากำลังรู้สึกเขิน ถ้าเกิดมองหน้ารัชพลตอนนี้เขาคงทำตัวไม่ถูกไปมากกว่านี้แน่ๆ





“รอผมด้วยสิคุณสิตางศุ์” รัชพลรีบเดินมาข้างๆ มือหนานั้นถือวิสาสะจับมือของสิตางศุ์ไว้แน่น





“คุณรัช” สิตางศุ์ตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองรัชพลที่ยิ้มแป้น ให้ตายเถอะ เขาจะทำยังไงดี ควรเริ่มต้นคุยกับรัชพลยังไงดี





“คุณเขินผมเหรอ” รัชพลยิ้มกริ่มทำเอาสิตางศุ์มองค้อนแทบจะไม่ทัน รู้แล้วยังจะมาพูดอีก





“เปล่าซักหน่อย” สิตางศุ์ตอบ แต่ในใจนั้นกลับตรงข้ามและรัชพลก็เหมือนจะรู้ดีเสียด้วย





“หึ... ไม่ต้องเขินผมหรอกสิตางศุ์” รัชพลเดินมาหยุดตรงหน้าของสิตางศุ์แล้วจับมือทั้งสองข้างนั้นขึ้นมา เขาก้มมองมือนั้นแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ “ผมก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่ตอนนี้ทั้งคุณและผมเองก็มีความรู้สึกดีๆที่ไม่ต่างกัน จะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมอยากจะมีคุณเป็นคนรัก” ประโยคสุดท้ายเขาเงยหน้าขึ้นสบตากับสิตางศุ์





สิตางศุ์นิ่งงัน ใบหน้าขึ้นสีกว่าเดิม เขากำลังถูกขอเป็นแฟนจากรัชพลอย่างนั้นเหรอ เป็นคนรักก็ต้องเป็นแฟนกัน จากผู้ชายคนหนึ่ง ที่เขาเพิ่งรู้จักได้ยังไม่ถึงสองเดือนเต็มด้วยซ้ำ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเขาเองก็อยากจะมีรัชพลเป็นแฟนไม่ต่างกัน






“อย่านิ่งสิครับ ผมไม่อยากโดนปฏิเสธเหมือนคราวก่อนอีกแล้ว ผมรู้ว่าคุณมีเรื่องต้องคิดมาก แต่ผมอยากให้คุณตอบในฐานะสิตางศุ์ที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีความทรงจำแย่ๆ ไม่มีเรื่องราวที่ต้องกังวลใจ มีแค่สิตางศุ์ตรงนี้ และรัชพลคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าคุณ ใช้ความใจของคุณตอบคำถามของผม”





คำพูดที่จริงจังนั้นทำให้สิตางศุ์ครุ่นคิด เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อทิ้งความเป็นสิตางศุ์ที่เคยมี ก่อนจะลืมตาขึ้นก็เจอรัชพลอยู่ตรงหน้า รัชพลคนเดิมที่ยังยืนอยู่เสมอเมื่อเขาไม่มีใคร





“ผมรู้สึกดีกับคุณแต่ผมไม่มั่นใจว่ามันเรียกว่ารักได้รึเปล่า เพราะผมไม่เคยสัมผัสกับคำนั้น ผมแค่รู้สึกดีที่มีคุณอยู่ใกล้ๆ คุณเหมือนอาทิตย์ในยามเช้า เหมือนแสงจันทร์ในค่ำคืนที่มืดมิดนั่นก็คือใจของผม สิตางศุ์คนนี้ไม่เคยมองว่าโลกนี้สดใส นั่นก็ก่อนที่จะได้มาอยู่ที่นี่ ผมเคยไม่ตอบรับความรู้สึกของคุณนั่นเป็นเพราะตัวของผมเองที่ยังคิดว่าไม่ดีพอ มันไม่ใช่เพราะคุณ ผมไม่รู้ว่าต่อจากนี้มันจะเป็นยังไง แต่ถ้าถามใจของสิตางศุ์ มันยินดีที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับรัชพล” สิตางศุ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น





หัวใจที่เคยถูกทำร้ายของรัชพลนั้นเหมือนถูกรักษาให้หายดีอีกครั้งจากคนคนเดียวกัน ร่างสูงโผเข้ากอดคนตัวเล็กแน่นจนสิตางศุ์แนบชิดไปกับอกนั้น สิตางศุ์ซบหน้าลงกับไหล่กว้างและหลับตาลง ไม่มีครั้งไหนที่หัวใจของเขาได้ปลดปล่อยเท่าครั้งนี้เลย     






 “ขอบคุณนะสิตางศุ์ ขอบคุณ”











อีกด้านหนึ่งของไร่น้ำริน ที่บ้านรักษ์นที ภุมรินและป้าจันยังคงไม่นอน เมื่อสิตางศุ์ไปตามรัชพลนานขนาดนั้นแล้วยังไม่กลับมา ภุมรินเป็นห่วงทั้งสิตางศุ์และพี่ชายตัวเอง ไม่รู้ว่าจะคุยกันรู้เรื่องไหม รัชพลถึงจะเป็นคนไม่อะไรแต่เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นแล้ว รัชพลจะเป็นคนที่จริงจังกับเรื่องนั้นๆเสมอ และเมื่อรัชพลได้อารมณ์ร้อนขึ้น เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือนทุกคน! เรื่องนี้คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กอย่างภุมริน





“ไปคุยกันยังไงเนี่ย จนดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับ อย่างน้อยกลับมาแค่พี่ตางก็ยังดี” ภุมรินบ่นเมื่อยังไม่เห็นใครโผล่เข้ามาในบ้านซักคน





“รออีกหน่อยเถอะค่ะ ถ้าดึกกว่านี้เดี๋ยวเราค่อยไปนอน คุณรัชคงไม่ทำอะไรคุณสิตางศุ์หรอกค่ะ” ป้าจันพูด เธอเองก็เป็นกังวลไม่ต่างกัน คุณรัชของเธอนั้นน้อยครั้งนักจะเป็นแบบนี้






“หวังว่าพี่รัชคงไม่เลือดขึ้นหน้าต่อยพี่ตางของรินหรอกนะ”





“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณริน คุณรัชเธอชอบคุณสิตางศุ์ไม่ใช่เหรอคะ คงไม่ทำร้ายหรอกค่ะ”





“ว่าไปนั่นป้าจัน ขนาดพี่ตะวันที่เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งนาน พี่รัชยังต่อยหยอดน้ำข้าวต้มตั้งหลายวัน” ยิ่งพูดภุมรินก็ยิ่งคิด ขนาดพี่ตะวันเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยยังต่อยคว่ำมาแล้ว พี่รัชเวลาโมโหไว้ใจได้ที่ไหน





“ก็ไอ้ตะวันมันแอบพาน้องพี่ไปนอนกกไง โดนแค่นั้นยังน้อยไปเลย” เสียงที่ดังมาจากประตูทำให้ภุมรินหันขวับ เห็นรัชพลเดินมาพร้อมกับสิตางศุ์ด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะยิ้มแย้ม ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ออกไป ไปคุยกันอิท่าไหน





“พี่รัช คุยกันเสร็จแล้วเหรอ พี่ตางพี่รัชทำอะไรพี่บ้าง” ภุมรินเดินเข้าไปหาสิตางศุ์ที่ก้มหน้างุด สิตางศุ์หลบตาวูบกับคำถามนั้น รัชพลทำอะไรเข้าบ้างน่ะเหรอ จูบนี่นับด้วยรึเปล่า เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ





“พี่ไม่ทำอะไรคุณสิตางศุ์หรอก คุยกันเข้าใจแล้ว เรานั่นแหละทำไมยังไม่ไปนอน ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ไปเลย ขึ้นไปนอนเดี๋ยวนี้ ป้าจันด้วยนะครับ” รัชพลรีบไล่ ก่อนที่ภุมรินจะซักไซ้ไปมากกว่านี้






“อะไรกันเนี่ยพี่รัช มาถึงก็ไล่ ไปนอนก็ได้ ส่วนพี่ก็เลิกงอนพี่ตางได้แล้ว ตาแกแช่โรงบ่มเอ้ย” พูดจบภุมรินก็วิ่งขึ้นไปข้างบนทิ้งให้รัชพลชักสีหน้าอยู่ข้างล่าง ไอ้ตัวเล็ก เดี๋ยวจะโดน






“ป้าไม่เกี่ยวนะคะ ป้าไปนอนแล้ว คนแก่นอนดึกๆมันไม่ดีค่ะ” พูดจบป้าจันก็ชิ่งหนีไปอีกคน





“จริงๆเลยคนบ้านนี้” รัชพลบ่นอุบ แล้วจึงค่อยๆหันมาหาสิตางศุ์ที่ยืนนิ่งอยู่





“เราเองก็ไปนอนกันเถอะ ดึกมากแล้ว” ระดับเสียงที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้สิตางศุ์เริ่มใจเต้นอีกครั้ง ทีพูดกับน้องใช้เสียงเกือบตะคอก ทีกับเขากลับทำเสียงเล็กเสียงน้อย





“ครับ” สิตางศุ์รู้สึกว่าหลังจากที่ตัวเองพูดปัญหาชีวิตเสียยืดยาวมาตั้งนาน มาถึงตอนนี้ตัวเองกลับพูดได้น้อยลง สาเหตุสำคัญก็มาจากคนตรงหน้านี่แหละ





“ยังไม่เลิกเขินผมอีกเหรอสิตางศุ์ ผมเป็นแฟนคุณแล้วนะ ไม่ต้องเขินแล้ว” รัชพลว่า สิตางศุ์ค้อนใส่เล็กน้อย ชอบย้ำอยู่นั่น เขารู้แล้วว่าตอนนี้สถานะของเขาและรัชพลคืออะไร





“ถ้าจะให้ผมเลิกเขินคุณก็เลิกพูดซักทีสิคุณรัช ผมไปอาบน้ำนอนดีกว่า เบื่อจะคุยแล้ว” ความจริงนั้นสิตางศุ์อยากหนีจากสถานการณ์อันอบอวลไปด้วยรัชพลในเวลานี้ต่างหาก หันไปทางไหนหน้าของรัชพลก็ลอยคว้างไปหมด แถมตัวเป็นยังมาอยู่ตรงหน้าอีก





“ถ้าไม่รังเกียจก็ไปนอนห้องผมได้นะคุณสิตางศุ์” รัชพลตะโกนตามหลังอีกคนอย่างอารมณ์ดี





วันนี้แม้จะหัวเสียกับเรื่องอื่นไปบ้าง แต่ก็จบวันได้อย่างมีความสุขที่สุด ภุมรินที่บ่นว่าเขาไม่มีแฟนซักที ตอนนี้เขากำลังจะมีพี่สะใภ้ให้ภุมรินแล้ว











เช้าวันใหม่ของไร่น้ำริน วันนี้ทุกคนทำงานตามปกติ รัชพลกับสิตางศุ์เองก็ไปทำงานด้วย วันนี้เลือกที่จะไปสำนักงานแทนที่จะไปโรงบ่ม สิตางศุ์จัดการบัญชีส่วนของโรจน์ทั้งหมดและรวมถึงส่วนของรัชพลตามที่เคยทำด้วย เพราะฉะนั้นงานของเขาจึงเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย





รัชพลกลับเข้ามาในสำนักงานหลังจากออกไปข้องนอกกับคนงานเกือบทั้งเช้า เขาตั้งใจจะมาทานข้าวที่นี่กับสิตางศุ์แทนที่จะกินกับคนงานที่ท้ายไร่ เพราะตรงนั้นมีการเพิ่มรั้วหนามให้มากขึ้นกว่าเดิม นั่นคืองานที่รัชพลต้องลงไปทำในวันนี้





เมื่อมาถึงช่อดอกไม้เล็กๆก็วางตรงน้าของสิตางศุ์ มันเป็นดอกไม้ที่แตกต่างจากคราวที่แล้ว หลังจากเอาดอกไม้ประหลาดที่รัชพลรู้จักชื่อมาให้สิตางศุ์ก็โดนปฏิเสธมารู้ทีหลังว่าดอกหน้าวัว รัชพลนั้นหน้าแตกไม่น้อย วันนี้เลยเลือกแต่ดอกสวยๆ แถมยังถามชื่อดอกไม้จากคนงานมาเรียบร้อย ไม่มีพลาดเหมือนคราวก่อนแน่นอน





“ดอกปีบ?” สิตางศุ์ถาม ดอกปีบนั้นบ้านของคุณย่าปลูกอยู่สองสามต้น มันออกเกือบทั้งปี ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว





“ครับ ดอกปีบ มันขึ้นใกล้ๆน้ำตกน่ะ เลยเก็บมาให้ ดอกมันเล็กเลยมัดรวมๆกันมาให้ ผมเห็นมันหอมดี คุณน่าจะชอบ” รัชพลว่า รอบนี้เขาพยายามที่จะรอบคอบอย่างเต็มที่เพื่อจะได้ไม่ต้องผิดพลาดอีกหน แต่สิตางศุ์ก็ยังคงถอนหายใจเหมือนระอาเขาอยู่ นั่นทำให้รัชพลใจแป้ว





“นี่คุณรัช คุณไม่ต้องพยายามหาดอกไม้หรืออะไรมาให้ผมหรอก ทุกคนไม่ได้ชอบดอกไม้หรอกนะ โดยเฉพาะผู้ชายอย่างผม แค่ความจริงใจของคุณเท่านั้นก็พอแล้ว” สิตางศุ์ยืนขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้ารัชพล เขาจ้องมาดวงตาของรัชพลที่ตกลู่เหมือนเจ้าตูบโดนดุ อะไรทำให้รัชพลคิดว่าเขาชอบดอกไม้กัน





“ก็เห็นไอ้ก้องมันบอกว่าจะจีบสาวต้องใช้ดอกไม้” รัชพลพูดตามความจริง ไอ้ก้องเป็นคนบอกเขาเอง มันใช้จีบเด็กที่โรงเรียนประจำ





“คุณไปฟังอะไรก้องมันมากคุณรัช ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่ชอบอะไรหยิบย่อยแบบนี้หรอก เฮ้อ... ไปทานข้าวกันดีกว่าครับ” สิตางศุ์ตัดบทสนทนาก่อนจะเดินนำรัชพลออกไปข้างนอกที่ตอนนี้คนงานคงตั้งวงเพื่อทานข้าวกลางวันกันแล้ว






รัชพลเดินตามไปอย่างคอตกๆ เมื่อไปถึงก็เจอคนงานกำลังล้างไม้ล้างมือเพื่อทานอาหารกลางวันกันแล้ว ก้องที่เห็นทั้งสองคนก่อนเลยทักขึ้น





“อ้าว นายมาแล้ว มาเลยครับ กำลังจะกินกันพอดีเลย”





ก้องเว้นที่ให้รัชพลและสิตางศุ์ ทั้งสองคนเลยเข้าไปนั่งร่วมด้วย เป็นอีกหนึ่งวันที่สิตางศุ์ได้ทานข้าวร่วมกับคนที่สำนักงาน





“วันนี้เห็นนายเอาดอกไม้ไปให้คุณสิตางศุ์ด้วย ตกลงเป็นแฟนกันแล้วเหรอครับ” ก้องเอ่ยแซว ตั้งแต่มีเรื่องเมื่อวานเขาก็นึกว่าทั้งสองคนจะไม่มองหน้ากันเสียอีก แต่วันนี้เห็นรัชพลยิ้มทั้งวัน แถมหอบดอกปีบไปให้สิตางศุ์อีก ถ้าให้ไอ้ก้องเดา คงจบลงได้ดีเป็นแน่





สิตางศุ์ชะงักเล็กน้อยและไม่ได้ตอบอะไรไป หน้านวลขึ้นสีแดงจางๆ ผิดกับรัชพลที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ก็ไม่ตอบก้องไปเช่นเดียวกัน สร้างความแปลกใจให้กับทุกคน ปกติแล้วนั้นรัชพลจะต้องว่าก้องหรือไม่ก็ต้องด่าไปแล้ว





“ถามมากน่ามึง กินข้าวไปเลย” เป็นอันว่ากลางวันนั้นก็จบลงด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยของก้อง





เอาแล้วโว้ย คราวนี้มีหวังสาวๆอกหักทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด พ่อเลี้ยงรัชแห่งไร่น้ำรินมีแฟนกับเขาแล้ว
   











เมื่อเลิกงานสิตางศุ์กับรัชพลก็กลับมาที่บ้าน บ้านรักษ์นทียังปกติผิดที่มันไม่ปกติเพราะตอนนี้ภุมรินน้องชายของรัชพลกำลังยืนกอดกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ซึ่งคนนั้นไม่ใช่ตะวันอย่างแน่นอน ผมที่เซตอย่างดีนั้น รองเท้า เสื้อผ้า หน้าและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ มันแบรนด์เนมทั้งเซต ใครโผล่มาอีกคนแล้วนี่





“ภู!” สิตางศุ์ที่ยืนข้างรัชพลเรียกชื่อใครอีกคน ร่างที่กำลังกอดกับภุมรินหันมาทางพวกเขาก่อนที่ทั้งสองคนจะพุ่งเข้ากอดกัน รัชพลแทบจะถลาตาม





“ไอ้ตาง!” ภูวดลรู้สึกเหมือนภารกิจที่เขาทำมาเกือบสองเดือนเป็นผลสำเร็จแล้ว เขาตามหาเพื่อนรักคนนี้แต่ก็ไม่พบ คุณหญิงพิมลย่าของสิตางศุ์ก็ถามอยู่ทุกวัน เขาอาสาเป็นธุระตามให้เพราะท่านไม่ว่างพอ





“ภู ทำไมมาเร็วจัง ได้บอกใครรึเปล่า” สิตางศุ์ถาม เขากังวลใจเรื่องที่คนอื่นจะตามมารู้มากที่สุด ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะรับมือ





“ไม่ได้บอกใครเลย รู้มั้ยไอ้แห้งกูโคตรคิดถึงมึงเลย มีปัญหาอะไรไม่เคยจะบอกเพื่อน” ภูวดลกอดเพื่อนรักแน่นขึ้นอีกจนสิตางศุ์แทบจะหายใจไม่ออก





“กอดแน่นไปแล้วภู มันหายใจไม่ออก” สิตางศุ์พยายามดันภูวดลออกแต่ภูวดลกลับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม เพื่อนรักคนนี้เป็นแบบนี้เสมอ จนสิตางศุ์ชินแล้ว





“เฮ้ยๆ แน่นไปแล้ว” รัชพลรีบดึงสิตางศุ์ออกจากไอ้หนุ่มแบรนด์เนมนั่น





“คุณรัชนี่ภูเพื่อนผมเองครับ รุ่นพี่คณะเดียวกับรินด้วย ภูนี่คุณรัช พี่ชายรินน่ะ” สิตางศุ์แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน ภูวดลยิ้มให้ตามประสาคนเพิ่งรู้จักกัน





“สวัสดีครับคุณรัชพล ไอ้แห้งมันมารบกวนอะไรรึเปล่า ทำตัวยังกับเด็ก หนีหายไม่บอกไม่กล่าวใคร” ภูวดลเอาแขนพาดคอของสิตางศุ์แล้วลากเข้ามาชิดอก





“เด็กอะไรกัน ขืนคุยกับภูคุณย่ารู้หมดสิ” สิตางศุ์ทำหน้ายู่ อีกอย่างหนึ่งเขาก็ไม่อยากให้ภูวดลลำบากใจไปกับเขาด้วย






“เลยชอบร้องไห้คนเดียวมั้ย ไอ้แห้งเอ้ย เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่ๆ” ภูวดลคาดโทษ






ความสนิทสนมนั้นทำให้รัชพลรู้สึกเหมือนหนวดกระตุก อารมณ์เหมือนตอนที่ตะวันแอบมีใจให้ภุมรินไม่มีผิด เรื่องหมอชาญยังไม่จบดีนัก โผล่มาอีกตัวแล้ว ให้ตายเถอะ กว่าเขาจะจีบสิตางศุ์ได้มันยากแค่ไหนไม่รู้รึไงกัน





“มัวแต่มายืนคุยกันหน้าบ้าน เข้าบ้านกันดีกว่า พี่ภูมาเหนื่อยๆ” ภุมรินเอ่ย ภูวดลเพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่นี้เอง แต่โทรมาบอกเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนแรกภุมรินก็ตกใจอยู่ว่าภูวดลรู้เรื่องได้ยังไง เพราะสิตางศุ์สั่งเขาห้ามบอก ที่ไหนได้สิตางศุ์เป็นคนบอกเอง ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะอย่างน้อยพี่ตางของเขาก็น่าจะเลิกหนีความจริงแล้ว





ทั้งหมดพากันเข้ามาในบ้าน ภูวดลยึดสิตางศุ์เอาไว้ไม่ปล่อย นั่นทำให้รัชพลรู้สึกไม่พอใจนักกับความสนิทสนมที่ดูเหมือนจะเกินเพื่อนสนิทนั่น คนนอกอาจมองดูปกติ แต่สายตาของคนรักอย่างเขามันมองไปอีกแบบ





“พี่ตางน่ะร้องไห้มากลางดึก พอถามอะไรก็ยอมตอบ เลยรอให้พี่เค้าอยากเล่า พี่ภูก็เถอะ เป็นเพื่อนประสาอะไรวะ ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นอะไร” ภุมรินเริ่มบทสนทนา





“อ้าวไอ้เด็กนี่ รินก็รู้ว่าไอ้ตางมันเคยพูดอะไรให้ใครฟังที่ไหน ถ้าไม่สืบเองจะตรัสรู้มั้ย” ภูวดลเถียงกลับพร้อมกับถอดแว่นตาดำราคาแพงออก






รัชพลมองคนที่นั่งข้างสิตางศุ์อย่างรู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมาตงิด ภูวดลทั้งสนิทกับสิตางศุ์มากกว่า แถมยังรู้จักกับครอบครัวของสิตางศุ์ด้วย และชีวิตก็ยังเข้ากันได้อีก การแต่งตัวก็ดูดี คำพูดคำจาแม้จะหยาบคายไปบ้างแต่ก็ไม่เท่าเขา อันเป็นลักษณะที่สิตางศุ์รู้สึกดีด้วย แล้วดูเขาสิ ตรงข้ามทุกอย่าง แค่ชาวไร่บ้านๆที่ริอาจจะไปสอยดอกฟ้า ยิ่งภูวดลมาวันนี้ ยิ่งตอกย้ำว่าช่องว่างระหว่างเขากับสิตางศุ์ห่างกันมากแค่ไหน





“อย่าเถียงกันน่า ตางผิดเองที่ไม่ยอมบอกใคร แต่ตอนนี้โอเคขึ้นแล้วล่ะ คุณย่าสบายดีมั้ยภู” สิตางศุ์ถามเพื่อน





“ตามประสาแกนั่นแหละ แต่ที่แน่ๆคุณย่าเป็นห่วงมึงมากนะสิตางศุ์ อย่างน้อยกลับมาหาแกก็ยังดี ส่วนเรื่องไปอยู่กับน้ามินที่ต่างประเทศอะไรนั่น แค่มึงบอกว่าไม่อยากไปก็จบแล้ว มึงโตแล้วนะ เลือกชีวิตตัวเองได้แล้ว” ภูวดลจริงจัง เขาพอรู้เรื่องปัญหาของสิตางศุ์บ้าง เขารู้ว่าเพื่อนคนนี้อมทุกข์มานานแค่ไหน แต่ตอนนี้สิตางศุ์โตแล้ว ควรเลือกชีวิตตัวเองซักที





สิตางศุ์นิ่งเงียบ ไม่เอ่ยอะไรออกไป ทำให้บรรยากาศโดยรอบเริ่มจะอึมครึมอีกแล้ว ภุมรินเห็นท่าไม่ดีเลยรีบแก้สถานการณ์ก่อน





“เพิ่งจะมา มาเครียดกันทำไม พอเลยพี่ภู วันคุยกันทีหลัง ไปเลย ไปอาบน้ำเลยทั้งสองคน พี่รัชด้วย เดี๋ยวรินจะพาไปหาอะไรกินในตัวเมือง” ภุมรินจัดแจง ขืนปล่อยไว้อย่างนี้มีหวังยาวแน่นอน





“ก็ได้ ไหนล่ะ ห้องพี่อยู่ไหน เที่ยวบ้านเราทั้งทีหาห้องดีๆให้คุณภูอยู่นะครับน้องริน รู้จักกันตั้งนานไม่เคยพามาบ้าน หวงไรนักหนาวะ ไร่ออกจะน่าเที่ยว” ภูวดลบ่นอุบพร้อมกับเบี่ยงตัวไปหาภุมรินแทน





“เออ... เดี๋ยวๆ บ้านมีแค่สี่ห้อง อีกห้องให้พี่ตางไปแล้ว พี่ภูนอนไหน ไปนอนห้องน้ำเลยไป” ภุมรินแหย่ บ้านรักษ์นทีมีแค่ห้องนอนสี่ห้องเท่านั้นเอง แล้วทีนี้ภูวดลจะนอนไหนล่ะนี่





“ให้ภูนอนกับพี่ก็ได้” สิตางศุ์เอ่ย เขากับภูวดลใช่ว่าจะไม่เคยนอนห้องเดียวกันเสียที่ไหน แค่เขารบกวนภุมรินก็มากพอแล้ว ให้ภูวดลนอนไหนไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก





“ไม่ได้” คำปฏิเสธนั้นไม่ได้มาจากใคร นอกเสียจริงคนที่นั่งหน้านิ่งไม่พูดไม่จามาตั้งนาน รัชพลทำหน้าถมึงทึงไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆจนสิตางศุ์ต้องหลบตาวูบ






ภุมรินได้แต่ยู่หน้าให้พี่ชาย มีอะไรเข้าสิงตาแก่แช่โรงบ่มอีกแล้วเนี่ย








*********************************************************************************






มาต่อแล้วตอนที่ 16 ตอนนี้ไม่ม่านะจ้ะ เพลาๆลงมาบ้างแล้ว เบาๆก่อนจะหนักอีกรอบ แว้กกกกกกกกกก พี่รัชหึงน้องตางอ่ะดิ ฮี่ๆ มาเอาใจช่วยคุณรัชพลกับคุณสิตางศุ์กันดีกว่าค่ะ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ
 :katai4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เพื่อนเค้าจะนอนด้วยกันน่าพี่รัช ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
หนุ่มกรุงมาแล้วหนุ่มบ้านๆจะสู้ได้ไหมต้องค่อยดูกัน

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 17





สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่าให้ภูวดลนั้นไปนอนห้องของภุมริน แล้วให้ภุมรินไปนอนกับรัชพลแทน เรื่องราวจบลงด้วยการทะเลาะกันของพี่น้องที่เถียงกันอยู่นานกว่าจะลงตัว ภุมรินหัวเสียไม่น้อยที่ต้องมาทะเลาะกับพี่ชายต่อหน้าแขก พอตกลงกันได้รัชพลก็หนีหายไปเลย ไม่ยอมมาอาบน้ำแล้วไปกินข้าวข้องนอกอย่างที่ภุมรินตั้งใจ ไอ้พี่รัชของเขาหวงพี่ตางอีกแน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่แสดงออกขนาดนี้หรอก ลำบากก็แต่พี่ภูที่ต้องมารองรับอารมณ์แปลกๆของพี่รัช ทั้งๆที่พี่ภูนั้นสนิทชิดเชื้อกับพี่ตางถึงขั้นนอนห้องเดียวกันมานับครั้งไม่ถ้วน อะไรจะขนาดนั้นนะพี่ชายเขา





“อยู่ได้มั้ยพี่ภู ห้องอาจจะเล็กกว่าบ้านพี่นะ” ภุมรินพูดเมื่อพากันเข้ามาในห้องของภุมรินอันเป็นที่นอนชั่วคราวของภูวดล





“ไม่ต้องห่วง พี่อยู่ไม่ยาก ถ้าไอ้ตางอยู่ได้พี่ก็อยู่ได้สบายหายห่วง ว่าพี่ชายของรินเถอะ โหดชะมัด เค้าจะไม่ว่าอะไรเหรอ” ภูวดลรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆเวลาที่รัชพลมองมา รู้สึกเหมือนเขาไปทำอะไรให้ทั้งๆที่เพิ่งเจอกัน





“พี่รัชเค้าเป็นอย่างนั้นแหละ ว่าแต่พี่จะมากี่วันล่ะเนี่ย หรือจนกว่าจะเอาพี่ตางกลับไปด้วย” ภุมรินนั่งลงบนเตียงข้างๆภูวดลเพื่อถาม บนเก้าอี้ข้างเตียงมีสิตางศุ์นั่งอยู่ด้วย





“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ว่าแต่มึงเหอะตาง จะอยู่รบกวนเค้าไปอีกนานแค่ไหน ทุกคนเค้าเป็นห่วงมึงนะ” ประโยคหลังหันมาพูดกับสิตางศุ์ที่นั่งหน้านิ่ง





“ไม่มีใครเป็นห่วงฉันจริงๆหรอกภู แต่อีกไม่นานก็คงต้องไป ไม่อยากรบกวนรินไปมากกว่านี้แล้ว” สิตางศุ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก ว่าจะไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแม้ว่าภุมรินและรัชพลจะบอกว่าไม่รบกวนอะไรมากก็ตาม เขาแค่ไม่อยากไปตอนนี้ เขาไม่อยากไปอยู่ต่างประเทศกับแม่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอล้มเลิกความคิดนี้ไปหรือยัง หลังจากเรื่องวันนั้น





“อย่าพูดอย่างนั้นสิพี่ตาง รบกวนอะไรกัน พี่ตางอยู่นี่ดีออก พี่รัชของรินน่ะจะได้ไม่ต้องแห้งเหี่ยวตายเหมือนที่ผ่านมา” ภุมรินเอ่ยแซวโดยลืมไปว่าภูวดลนั่งอยู่ข้างๆ  สิตางศุ์ทำหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อภูวดลมองมาอย่างมีเลศนัย





“หมายความว่ายังไง” ภูวดลถามอย่างไม่เข้าใจ





“ก็พี่รัชน่ะชอบพี่ตาง” ภุมรินเองก็ปากไวใจเร็วพูดออกไปเสียอย่างนั้น สิตางศุ์เริ่มหน้าเสีย กลัวว่าภูวดลจะว่าอะไรเขา เพราะเขาไม่เคยมีประวัติคบใคร





“ห๊ะ! คุณรัชเนี่ยนะชอบไอ้แห้ง” ภูวดลลุกพรึบอย่างตกใจกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รับ สิตางศุ์หลบตาวูบไม่กล้ามองหน้าเพื่อนสนิท





“หลงมากด้วยแหละ แต่พี่ภูไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่ชายของรินน่ะจริงใจและรักจริงแน่นอน” ภุมรินยักคิ้วให้ภูวดล แม้พี่รัชจะไม่ค่อยสนใจโลกไปบ้าง ชอบไปนอนโรงบ่ม บ้างาน แต่งตัวปอนๆ แต่เรื่องความจริงใจเขามั่นใจว่าพี่ชายของตัวเองนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยมไม่แพ้ใคร





ภูวดลนิ่งไปเล็กน้อยแล้วหันมามองสิตางศุ์ที่ยังคงนั่งนิ่ง สิตางศุ์เงยหน้ามามองเพื่อนรักก่อนจะหลบตาอีกครั้ง เขาไม่กล้ามองหน้าภูวดล แค่ภูวดลรู้ว่ารัชพลชอบเขายังขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเขาตัดสินใจคบรัชพลจะขนาดไหนกัน




“ไอ้แห้งสิตางศุ์ เคยคิดเรื่องจะมีแฟนกับเค้าบ้างมั้ยเนี่ย พี่ชายรินอุตส่าห์หลงเข้ามา คิดจะสนใจเค้ามั้ย” ภูวดลขยับตัวมาอยู่ตรงหน้าของสิตางศุ์ เพื่อนสนิทของเขาคนนี้ไม่เคยคิดเรื่องที่จะมีแฟนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่รู้ว่าการที่รัชพลหลงเข้ามาสิตางศุ์จะรีบคว้าเอาไว้มั้ย ดูท่าแล้วไอ้แห้งของเขาผู้ไม่มีประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆคงทำตัวไม่ถูก





“ถามอะไรน่ะภู” สิตางศุ์ตอบไม่ถูก อยู่ๆก็ถามมาตรงๆแบบนี้ สนใจมั้ยน่ะเหรอ ตอนนี้เขากับรัชพลคบกันแล้วด้วยซ้ำ ภูวดลน่ะประเมินเขาต่ำไป





“ก็ถามตรงๆนี่แหละ สนใจคุณรัชเค้ามั้ยล่ะ มีแฟนเป็นผู้ชายก็ดีนะมึงน่ะ ท่าทางสาวที่ไหนเค้าจะชอบ”





“ใช่แล้วพี่ตาง พี่ชายของรินน่ะเป็นคนดีมากเลยนะ รับรองพี่รัชดูแลพี่ตางได้ดีแน่นอน แถมมีหน้าที่การงานที่มั่นคงด้วย พี่ตางไม่อดตายแน่นอน ไม่สนใจพี่รัชบ้างหน่อยเหรอ” ภุมรินพูดเพื่อให้สิตางศุ์หันมองพี่ชายของเขาบ้าง พี่รัชน่ะกว่าจะเจอคนถูกใจนั้นก็ยาก แต่ที่ยากกว่าคือให้สิตางศุ์สนใจรัชพลด้วยนี่แหละ





“ความจริงแล้วตอนนี่เรากับคุณรัชกำลังคบกันอยู่” พูดจบสิตางศุ์ก็ไม่สบตาทั้งสองคน เขาจะไม่ปิดบังเรื่องนี้กับทั้งคู่ เพราะวันหนึ่งก็ต้องรู้ และมันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องเสียหายอะไรมาก เพราะทั้งเขาและรัชพลเป็นคนตัดสินใจเอง






“ห๊ะ!” ทั้งสองคนตะโกนออกมาพร้อมกับ คนที่ตกใจมากที่สุดเห็นจะเป็นภูวดล เขาไมคิดว่าสิตางศุ์จะคบใคร จริงอยู่ที่รัชพลชอบสิตางศุ์ แต่ไม่คิดว่าสิตางศุ์จะเอาด้วย ส่วนภุมรินนั้นพอจะรู้เรื่องมาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าสิตางศุ์จะตอบตกลงคบกับพี่ชายของตัวเองเช่นเดียวกัน





“คบกันเมื่อวานนี้ คุณรัชเค้าขอเป็นแฟน ความจริงเราก็รู้สึกดีกับคุณรัช และการที่เราเรียนรู้กันมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร” สิตางศุ์เพิ่งจะกล้าสบตาคนตรงหน้า เขาไม่ได้รู้สึกแย่ที่จะบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ แค่กลัวว่าภูวดลจะไม่โอเคที่เขาคบผู้ชาย แต่ดูท่าทางแล้วภูวดลไม่มีทีท่ารังเกียจอะไร





“แสดงว่าตอนนี้ก็เป็นแฟนคุณรัชแล้วล่ะสิ กูน่ะไม่คิดอะไรหรอกนะไอ้แห้ง ดีเสียอีกที่มึงมีคนที่เข้าใจ แต่คุณย่ามึงนี่สิ เรื่องนี้ยังอีกยาวแน่นอน” ภูวดลพูด นั่นทำให้หน้าของสิตางศุ์เจื่อนลง





“อย่าบิ้วดิภู” สิตางศุ์หน้าเสีย เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เขาลืมเรื่องคนในครอบครัวไปเสียสนิท





“ไม่ต้องเป็นห่วงนะพี่ตาง พี่รัชน่ะต้องทำให้คุณย่าของพี่ตางเชื่อได้แน่นอนว่าจริงใจกับพี่ตาง แต่ตอนนี้รินดีใจมากที่พี่ตางรับรักพี่รัช ตาแกแช่โรงบ่มของรินจะไม่ต้องแห้งเหี่ยวอีกแล้ว” ภุมรินยิ้มกว้าง





ในที่สุดพี่รัชก็มีแฟนกับเค้าซักที เรื่องนี้ต้องขยายแน่นอน!











หลังจากทุกคนอาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอกตามเจตนารมณ์ของภุมรินเรียบร้อยก็มารวมตัวกันข้างล่าง นายน้อยของไร่น้ำรินมองหาพี่ชายที่หายแว้บไปตั้งแต่เย็น ยังไม่โผล่มาเลย ว่าจะพาออกไปข้างนอกเสียหน่อย สงสัยงอนพี่ตางเข้าโรงบ่มไปแล้ว





“พี่รัชล่ะครับป้าจัน” ภุมรินถามป้าจัน





“เห็นเข้าโรงบ่มน่ะค่ะ คืนนี้คงนอนที่นั่น แต่ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลย ป้าว่าจะเอาไปให้อยู่” ป้าจันตอบภุมริน สิตางศุ์ทำหน้าครุ่นคิด รัชพลหนีหายไปตั้งแต่ตกลงกันได้ว่าจะให้ภูวดลนอนที่ไหน แต่ที่แน่ๆเขาดูออกว่าอีกคนไม่พอใจแน่นอน





“เดี๋ยวผมเอาไปให้เองครับป้าจัน รินกับภูไปทานข้างนอกกันเถอะ เดี๋ยวเราไปทานกับคุณรัชเอง” สิตางศุ์ตัดสินใจที่จะพูดแบบนั้นออกไป เขาให้ภูวดลกับภุมรินไปทานข้างนอกน่ะดีแล้ว เขาจะเข้าไปหารัชพลเสียหน่อย ตั้งแต่ภูวดลมายังไม่ได้คุยกับอีกคนแบบจริงจังเลย ยิ่งรัชพลมีท่าทีไม่พอใจแบบนั้น เขาเองก็ไม่อยากให้คนรักต้องเป็นทุกข์ใจ





“เอาอย่างนั้นเหรอพี่ตาง” ภุมรินถามเพื่อความแน่ใจ มันน่าเสียดายที่ภูวดลมาทั้งที น่าจะไปสนุกกันในเมืองมากกว่า ความจริงจะให้รัชพลไปด้วย แต่ดูท่าแล้วอิตาพี่รัชของเขาคงไม่ไปแน่นอน





“เอาอย่างนี้แหละ รินกับภูไปเถอะ” สิตางศุ์ย้ำอีกครั้ง





“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ฝากบอกพี่รัชด้วยว่าอย่างอนมาก เดี๋ยวหน้าแก่กว่าเดิม” ภุมรินพูดติดตลก





 “งั้นกูไปกับรินแล้วกัน กลับมามีเรื่องต้องคุยกันนะไอ้แห้ง” ภูวดลคาดโทษไว้ก่อน





ภุมรินและภูวดลนั้นออกไปทานข้าวข้างนอกตามที่ภุมรินวางแผนไว้ เจ้าตัวโทรหาตะวันว่าจะเข้าตัวเมือง จะให้ตะวันไปด้วย ส่วนภูวดลนั้นก็ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาในตัวอำเภอด้วย





เมื่อทั้งสองคนออกไปแล้ว สิตางศุ์หันมาหาป้าจันที่เตรียมกับข้าวไว้ให้รัชพลแล้วโดยเพิ่มของสิตางศุ์อีกหนึ่งที่ สิตางศุ์ยกไปหารัชพลที่โรงบ่มตามคำบอกของป้าจัน เมื่อเข้าไปถึงก็เจอคนขี้งอนกำลังนั่งวุ่นวายอยู่กับกระดาษแผ่นใหญ่อยู่ที่โต๊ะทำงาน สิตางศุ์เอาอาหารไปวางบนโต๊ะนั้นก่อนจะนั่งลงตรงข้าม





“ไม่พอใจอะไรเหรอคุณรัช” สิตางศุ์เอ่ยถาม รัชพลหันหน้าขึ้นมามอง เมื่อเจอว่าเป็นสิตางศุ์ก็หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วมองหน้าอีกคนแทน





“เปล่าซักหน่อย” รัชพลว่า แต่ในใจกลับตรงข้าม เขาไม่ชอบขี้หน้าภูวดล เอาจริงๆเขาไม่ชอบทุกคนที่เข้าใกล้สิตางศุ์และทำตัวเหมือนกับสนใจสิตางศุ์ของเขาด้วย





“หึๆ หึงผมกับภูก็พูดมาเถอะคุณรัช” สิตางศุ์ยกยิ้มเล็กน้อย เขารู้ว่ารัชพลไม่พอใจที่เขาดูสนิทสนมกับภูวดลเกินไป รัชพลน่ะเรื่องหึงหวงดูออกง่ายแค่ไหนใครๆก็รู้




“รู้แล้วจะถามทำไมครับสิตางศุ์ ใช่ผมหึงคุณ มากด้วย ใครใช้ให้ไอ้หนุ่มแบรนด์เนมนั่นมากอดแฟนผมต่อหน้าผมแบบนั้นล่ะ” รัชพลชักสีหน้า ยิ่งคิดถึงตอนนั้นเขายิ่งมีน้ำโห แต่สิตางศุ์กลับขำขันเสียนี่





“คุณรัช ผมจะบอกอะไรให้นะ ผมกับภูน่ะ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ภูคือเพื่อนสนิทคนเดียวของผม ไม่แปลกที่เราจะสนิทกันมา แต่เราไม่มีทางคิดเป็นอื่นแน่นอน ไม่มีทางคิดอย่างที่คุณคิดกับผม และผมคิดกับคุณ ตอนนี้สิตางศุ์คือคนรักของรัชพล คุณควรจะเชื่อใจผมนะ” สิตางศุ์พูดพร้อมกับมองคนตรงหน้า มือทั้งสองข้างเลื่อนไปกุมมือของรัชพลไว้





“ผมแค่อยากให้รอบตัวของคุณมีแต่ผมเท่านั้นนะสิตางศุ์”





“คุณทำไม่ได้หรอกคุณรัชพล”





“เรียกผมซะเต็มยศเลย ไหนลองเรียกพี่รัชซิ เรียกคุณรัชอยู่นั่น ดูห่างเหินชะมัดเลย” รัชพลเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่คิดว่าสิตางศุ์จะเข้ามาหาถึงที่นี่ ทั้งๆที่เพื่อนอุตส่าห์มาหาจากกรุงเทพฯ





“พี่รัช พี่รัชพล” สิตางศุ์ก็ว่าง่าย คำพูดนั้นทำเอารัชพลยิ้มกว้าง





“น้องตาง น้องสิตางศุ์” พูดจบทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา มันดูจั๊กจี้พิลึก






กลายเป็นว่ามื้อนี้ก็มีเจ้าของไร่น้ำรินพร้อมว่าที่สมาชิกใหม่นั่งกินข้าวอยู่ในโรงบ่มไวน์อันเป็นที่ประจำของรัชพล รัชพลเอาไวน์มาเปิดหนึ่งขวด โรงบ่มวันนี้ดูจะน่าอยู่กว่าทุกวัน เพราะมีคนน่ารักอย่างสิตางศุ์มานั่งทานข้าวด้วย หมอชาญแล้วไง ภูวดลก็ชั่งประไร ในเมื่อใจของสิตางศุ์ตอนนี้มีแต่รัชพล











“โปรแกรมตะลุยไร่น้ำรินวันนี้ของพี่ภูคือ ไร่องุ่นในตอนเช้าเพราะแดดยังไม่มี ตอนกลางวันจะพาไปส่วนของไวน์และโรงงานแปรรูป ตอนเย็นๆค่อยไปเล่นน้ำตกกัน” ภุมรินจัดแจงหลังจากกลับมาจากการไปส่งองุ่นที่ตลาดของตะวัน ตอนนี้เป็นเวลาสิบนาฬิกา วันนี้ภุมรินให้สิตางศุ์หยุดงานหนึ่งวันเพราะภูวดลบอกว่าอยากไปทัวร์ไร่น้ำริน






เมื่อคืนนั้นหลังจากภูวดลกลับมาจากในตัวเมือง และสิตางศุ์กลับเข้าบ้านพร้อมรัชพล เพื่อนรักเลยยึดตัวสิตางศุ์ไปคุยยาว สิตางศุ์ตัดสินใจเล่าเรื่องบางส่วนให้กับภูวดลฟัง เขารู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ได้ระบายบ้าง ภูวดลเองก็รับรู้ปัญหา เขาอยากจะปรึกษาคุณหญิงพิมลแทบแย่ เพราะเรื่องนี้มินตรานั้นผิดเต็มๆ แต่ที่แน่ๆตอนนี้สิตางศุ์มีสิทธิ์ที่จะเลือกอยู่ที่ไหนก็ได้ เรื่องนี้ภูวดลไม่ยอมแน่ เขาไม่ยอมให้สิตางศุ์ไปอยู่กับมินตราอีกแน่นอน





หลังจากยึดตัวของสิตางศุ์ไว้เกือบทั้งคืนวันนี้รัชพลก็มาทวงคืน แต่ติดที่ว่าเขาเองก็มีงานที่ต้องทำไม่ต่างกัน เลยตัดสินใจว่าตอนเย็นจะไปที่น้ำตกด้วย นั่นทำให้ภุมรินล้อพี่ชายตัวเองยกใหญ่ว่าหวงแฟนอีกแล้ว สิตางศุ์ก็เขินไปตามระเบียบ





“น้ำตกเหรอ พี่ยังไม่เคยไปเลย มาอยู่ตั้งนาน” สิตางศุ์พูด เขามาอยู่ที่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยไปน้ำตกของไร่น้ำรินเลยสักครั้ง





“น้ำตกท้ายไร่น่ะพี่ตาง อะไรเนี่ย พี่รัชไม่พาไปเหรอ แย่จริง” ภุมรินว่าพี่ชาย





“เย็นนี้ค่อยไปไง พี่จะไปด้วย” รัชพลเถียง เป็นอันจบบทสนทนา





เย็นนั้นทั้งหมดเลยยกโขยงกันไปที่น้ำตกท้ายไร่ ตะวันที่มาคุยงานกับรัชพลเมื่อตอนบ่ายก็ขอตามไปด้วย น้ำตกท้ายไร่ของไร่น้ำรินจึงต้อนรับห้าชีวิต ภูวดลดูตื่นเต้นไม่น้อย เขาถ่ายรูปเก็บไว้มากมาย เพราะนานๆทีจะได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ ส่วนสิตางศุ์ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะว่าเคยมาครั้งแรก เขาไปนั่งตรงแผ่นสะพานไม้แล้วหย่อนเท้าลงไปในนั้นโดยมีรัชพลมานั่งข้างๆ ส่วนภุมรินกับตะวันก็ลงไปเล่นน้ำที่หน้าน้ำตกเรียบร้อย





“ผมเพิ่งจะเคยมาครั้งแรก ที่นี่เย็นดีนะครับ” สิตางศุ์พูดกับคนรัก





“ถ้าตางชอบพี่จะพามาบ่อยๆ รินชอบที่นี่มากเลยล่ะ มันมาบ่อย” รัชพลยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับมือของสิตางศุ์ไว้





“อากาศที่นี้ดีนะครับ ไม่ร้อนเหมือนที่ไร่ แถมยังสวยอีก” สิตางศุ์พูดแก้เขินที่อยู่ๆรัชพลก็มาจับมือไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมให้อีกคนจับอยู่อย่างนั้น





“ชอบก็อยู่ที่นี่นานๆสิ ตลอดไปเลยก็ได้ถ้าคุณต้องการ” คำพูดที่ดูไม่ขัดเขินอันออกมาจากปากของรัชพลนั้นทำให้สิตางศุ์หน้าแดง รัชพลรู้สึกแปลกพิลึก เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาพูดหยอดใครอย่างนี้ คงต้องไปเรียนรู้เรื่องการจีบแฟนตัวเองจากตะวันเพื่อนรักเสียแล้ว





“ใครอยากอยู่ที่นี่กัน โดยเฉพาะอยู่กับพี่รัช” สิตางศุ์พูดทีเล่นทีจริง และรัชพลก็รู้ว่าอีกคนนั้นแหย่เลยรวบเอาตัวของสิตางศุ์มากอดไว้แน่น





“ไม่อยู่ก็จะกักตัวไว้แบบนี้ตลอดไปเลย” พูดจบก็หอมแก้มสิตางศุ์ไปหนึ่งฟอดใหญ่ ภุมรินที่เล่นน้ำอยู่ไม่ไกลหันมาเจอพอดี





“ให้ตายเถอะ สวีทกันเข้าไปคู่นี้” ร่างเล็กพูดขึ้น ตะวันที่เล่นน้ำอยู่ข้างๆจึงหันไปมองตามบ้าง





“อิจฉาคู่นั้นเหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดให้” พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มภุมรินบ้าง เจ้าตัวเล็กหันขวับมาแทบไม่ทัน




ไอ้พี่ตะวัน!





*********************************************************************************************






ตอนนี้เป็นตอนที่มึนที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาแล้วค่ะ  :hao5: เอาสองสามสี่ห้าคนนี้เค้าจีบกันไปมาก่อนเนอะ ก่อนจะเข้าดราม่าครั้งใหญ่ บอกให้เตรียมใจไว้ก่อน อาจจะไม่กี่ตอนนี้แล้ว  :hao7:

ส่วนตอนหน้าแค่ดราม่าเบาๆ เล็กๆ (รึเปล่า)  :hao3: ความจริงแล้วมิใช่อันใดดอก ตอนนี้เกิดขึ้นจากคนเขียนนั้นไม่รู้จะเล่นมุกอะไรแล้ว เอาเค้าจีบๆกันไปอ่านก่อน เหงออออออออออออ  :katai1: ไปละ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ จุ๊บๆ  :mew1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
กำลังมุ้งมิ้งอยุ่ดีๆ ตอนหน้าจะดราม่าแล้วเหรอคะ ม่ายยย  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด