▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover  (อ่าน 107515 ครั้ง)

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
สนุกดีอ่ะ เริ่มต้นเรื่องมาแบบ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง. น่ารักดี ส่วนฮานี้มาจากเป็ง ล้วนๆเลย จะมีดราม่ามั้ยเนี่ย เค้าไม่ชอบดราม่า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

มาต่อไวๆนะคร้าบบบบ  :z2:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


พอรู้ว่าเป็งมีความลับอะไรก็ทำให้รู้สึกว่าพระเอกของเราไม่ได้เพอร์เฟคสมบูรณ์ไปเสียทั้งหมด
ยังไงแกก็ยังมีส่วนอ่อนไหวและเรื่องที่ทำให้หลุดมาดคุณชายไปได้ คานินเองก็คงจะหายเกร็งไปเยอะพอดู
รออ่านว่าเป็งจะรุกคืบหัวใจของพ่อเขี้ยวเสน่ห์ยังไงต่อค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆ !  :pig4:



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เป็นกำลังใจด้วยคน
เชื่อว่ามีนักอ่านอีกหลายๆคนก็รออ่านเหมือนเรา

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover


ตอนที่ 7 เซลฟี่และจูบบนหนังสือ




ผมไม่ได้ตอบเรื่องที่อัญญาถามหรอก แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงสังคมเล็กๆ ของลูกจ้างร้านกาแฟ แต่เรื่องอิจฉาริษยาหรือแทงข้างหลังกันคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโลกข้างนอก ยิ่งรู้มาว่าอัญญาแอบชอบผมด้วยแล้วผมยิ่งต้องระวังใหญ่ เกิดเธอรู้ว่าผมชอบผู้ชายขึ้นมาแล้วจะยุ่ง

ป่านนี้เป็งคงนอนหลับสบายไปแล้ว ตอนออกมาจากอพาร์ทเมนท์ของผม เป็งบอกว่าง่วงนอนมาก ปกติไม่เคยตื่นแต่เช้ามากขนาดนี้จึงต้องขอกลับไปนอนหลังจากที่ส่งผมเสร็จแล้ว คิดไปแล้วช่างน่าอิจฉา อยากตื่นอยากนอนเมื่อไหร่ก็ได้ ทำยังไงผมจะมีชีวิตแบบนี้บ้าง

พอร้านเปิดปุ๊บลูกค้าประจำเข้ามาทันที ผมจึงต้องหยุดคิดเรื่องต่างๆ ชั่วคราว บาริสตาหน้าใหม่ขอทำหน้าที่บริการลูกค้าให้สุดฝีมือ กระนั้น ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ผมกลับเจอลูกค้าบ่นหรือด่าบ่อยมาก มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน ไม่เกิดกับผมก็พนักงานคนอื่นๆ โดนกันถ้วนหน้าอย่างเท่าเทียมกัน แต่คนที่โดนผู้จัดการด่าบ่อยๆ มักเป็นผม บางทีผมอดสงสัยไม่ได้ว่าแกไม่ชอบขี้หน้าผมหรือเปล่า แต่ต้องทนเอา ยังไงก็ดีกว่านอนดีดสะดือที่บ้าน

"พี่กุ้งๆ ช่วงเที่ยงๆ ผมจะขอแวบไปทำธุระสักครึ่งชั่วโมงนะพี่ ผมฝากพี่ดูแทนผมหน่อยได้ไหมครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะดูแทนพี่กุ้งะอง พี่กุ้งจะแวบไปส่งของที่ไปรษณีย์พรุ่งนี้พอดีไม่ใช่เหรอ"

"อ้อ ใช่ๆ ดีเลย พี่ว่ากำลังจะถามคานินอยู่พอดี" พี่กุ้งหันมาตอบคำถามผมพร้อมกับยิ้มดีใจ

"แล้วคานินจะไปไหนเหรอ" พี่กุ้งถามด้วยสายตาคาดคั้น

"แถวๆ นี้แหละครับ"

"ฮั่นแน่ ไปหาคนที่มาส่งเมื่อเช้าใช่ไหมล่ะ คานินนี่ชักจะยังไงแล้วนะ ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก"

"ไม่ใช่อย่างงั้นซะหน่อย" ผมประท้วงเขินๆ

โชคดีหน่อยที่ลูกค้าที่เพิ่งขาดช่วงไปเข้ามาต่อแถวซื้อของแล้ว เราจึงหยุดคุยกันโดยปริยาย ผมนึกอยากกระโดดกอดคอลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาเสียจริงๆ ช่วยชีวิตผมไว้ได้พอดีเลย


พอถึงช่วงพัก ผมเดินมาต่อคิวรอซื้อกาแฟรวมกับลูกค้าคนอื่นๆ พี่กุ้งและเพื่อนๆ คนอื่นๆ สงสัยกันใหญ่ ผมแค่ยิ้มๆ และไม่พูดอะไร พอได้กาแฟอเมริกาโน่แบบทอลล์จึงเดินตัวปลิวออกจากร้านไป ขืนชักช้าผมคงโดนเพื่อนๆ ซัก เพราะปกติคนอย่างพวกเราไม่ซื้อกาแฟในร้านนี้กินกันหรอก แถมผมเองยังไม่เคยออกไปไหนข้างนอกตั้งแต่มาทำงานที่นี่ พฤติกรรมแปลกๆ นี้ย่อมน่าสงสัย พอผมกลับมาคงจะมารุมถามกันใหญ่ แต่ความคิดถึงมีอานุภาพรุนแรงจนผมหาได้กลัวไม่

ผมมาถึงคอนโดของเป็งในเวลาเพียงสามนาที ที่ต้องรีบขนาดนั้นเพราะไม่อยากให้พี่กุ้งเหนื่อยคนเดียว ผมยืนคว้างท่ามกลางสายตาที่มองมาแปลกๆ แต่ผมหาได้สนใจไม่ พอเจอสิ่งที่ต้องการจึงยิ้มดีใจ ถึงผมจะไม่เคยมีคอนโดแต่พอรู้ว่าพนักงานที่ล็อบบี้จะช่วให้ผมติดต่อกับคนที่อาศัยอยู่ในนี้ได้ ว่าแล้วผมจึงเดินไปแจ้งความจำนงกับเจ้าหน้าที่สาวสวย บอกหมายเลขห้องของเป็งไป ไม่นานผมจึงได้คุยสายกับคนที่อยากเจอ

"คุณเป็ง ลงมารับผมหน่อยครับ ผมอยู่ที่คอนโดคุณเป็งแล้ว"

"คานินเหรอ ครับๆ เดี๋ยวผมลงไปเดี๋ยวนี้เลย"

ได้ยินเสียงหนุ่มตี๋ตอบรับแล้วแอบยิ้มกับตัวเอง ท่าทางผมจะเป็นเอามากถึงต้องมาหา "ผู้ชาย" ถึงที่ ให้อภัยผมหน่อยเถอะ คนจะไม่ได้เจอกันตั้งสองอาทิตย์ จะไม่ให้คิดถึงก็คงแปลก

ผมนั่งรอเพียงครู่เดียวเป็งจึงโผล่ออกมาจากประตูด้านใน หนุ่มตี๋ปราดมาหาพร้อมกับยิ้มแฉ่งสดใส

"มีอะไรเหรอคานิน คิดถึงผมเหรอ"

ดูถามเข้าสิ นี่มันที่สาธารณะนะพ่อคุณ ไม่คิดว่าผมจะอายคนอื่นบ้างหรือไงกัน พอเห็นผมไม่ตอบแต่ยืนยิ้มแหยๆ เป็งเอียงคอสงสัย แล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรได้

"อ้อๆ ขึ้นไปบนห้องผมดีกว่า"

ผมจึงค่อยยิ้มออก ก่อนเป็งจะพาเข้าไป หนุ่มตี๋หยุดหันมามองเมื่อสังเกตเห็นของที่ผมถือมาด้วย

"โห...เดี๋ยวนี้คานินกินกาแฟนี้ด้วยเหรอ"

"เปล่า...ผมซื้อมาฝากคุณเป็งต่างหาก" ผมบอกแล้วส่งแก้วกาแฟพลาสติกให้คนที่อยากซื้อให้รับไป

"ขอบคุณมากคานิน" หนุ่มตี๋ยิ้มพลางรับมาถือไว้ในมือ สีหน้าดูซาบซึ้งชอบกล "ไปกันเถอะ"

บอกแล้วเป็งจึงเดินนำผมเข้าไปยังบริเวณลิฟต์ซึ่งจะต้องผ่านประตูที่ต้องใช้คีย์การ์ดก่อน พอเราเข้าไปอยู่ในลิฟต์กันสองคน เป็งยกกาแฟขึ้นมาจิบ ทำหน้าฟินยังกับได้ชิมน้ำทิพย์จากสวรรค์

"อเมริกาโน่ รสชาติแบบที่ผมชอบเป๊ะเลย"

พูดแล้วส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ด้วย ป่านนี้คนที่นั่งดูซีซีทีวีคงรู้หมดกันแล้วว่าหนุ่มตี๋คนนี้คิดอะไรกับผมอยู่

"แล้วมาได้ยังไง ไม่ทำงานเหรอ"

"อีกสิบห้านาทีผมก็ต้องกลับแล้วครับ พอดีให้พี่ที่ทำงานช่วยเป็นบาริสต้าให้ชั่วคราว"

"อ๋อ...เข้าใจละ"

ดูเหมือนเป็งมีเรื่องอยากพูดมากกว่านั้น แต่ติดว่าอยู่ในลิฟต์จึงได้แต่ยิ้มๆ

พอเข้ามาในห้องพัก เป็งพาผมมานั่งที่โซฟารับแขก หนุ่มตี๋จิบกาแฟแล้ววางลงบนโต๊ะกระจกใสเตี้ยๆ ปกติจะต้องกินกับแซนด์วิชแฮมชีสสไตล์ฝรั่งเศสของโปรด แต่ผมไม่อาจหาญซื้อมาให้ได้

"ไม่มีขนมปังแบบที่คุณเป็งชอบกินมาด้วยนะครับ พอดีผม..." แค่นี้เป็งคงเข้าใจ ถ้าให้ผมซื้อสองอย่างนั้นก็เท่ากับค่าแรงผมหนึ่งวันพอดี

"ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว" เป็งพูดตามที่ผมคิดไว้เป๊ะเลย

"ไม่ต้องให้เงินผมนะ ผมซื้อมาให้คุณเป็งเพราะว่าผมอยากซื้อมาให้ ถือเป็นการขอบคุณด้วยละกันครับ วันนี้ผมขายหมูปิ้งได้เยอะเลย หมดเร็วกว่าทุกวันด้วย" ผมรีบพูดดักไว้เสียก่อน

เป็งหยุดชะงักแล้วยิ้มจนตาหยี

"ขอบคุณคานินมากนะที่อุตส่าห์ซื้อมาให้ เดี๋ยวผมจะเอาแก้วใบนี้ติดตัวไปด้วย คานินจะได้ตามผมไปทุกที่ไง คานินอยากไปกับผมทุกที่หรือเปล่า"

ผมสบตากับเป็งเพียงครู่เดียวแล้วเสมองทางอื่น ไม่อาจทนเขินต่อสายตากรุ้มกริ่มของหนุ่มตี๋ที่ยิ้มยั่วไม่หยุดได้

"ยังเขินอยู่อีกเหรอ รู้จักกันหลายวันแล้วนะ"

พูดจบเป็งเขยิบเข้ามานั่งชิดจนแขนของเราชนกัน ตอนแรกผมตกใจหน่อยๆ จนเกือบเขยิบหนี แต่พอรู้ว่าตัวเองคงไม่ถูกคุกคามจึงทำเป็นนั่งเฉยเสีย รู้สึกอบอุ่นดีเหมือนกัน

"ผมไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายนี่" ผมหันไปตอบตาใส

เป็งหลุดหัวเราะชอบใจใหญ่ "ได้ข่าวว่าผมไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมผมไม่เห็นเขินล่ะ ที่แย่กว่านั้นนะ จูบไม่เป็นด้วย ต้องให้ใครบางคนสอนอีกต่างหาก"

เป็งยักคิ้วหลิ่วตายิ้มหน้อยยิ้มใหญ่ ผมเลยแก้เขินด้วยการผลักเป็งเบาๆ หนุ่มตี๋ตัวโยกไปหน่อยแล้วกลับมานั่งตัวตรงตามเดิม

"ผมพูดเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ เนี่ย...ผมว่าจะหาคนปรึกษาเรื่องจูบอยู่ว่าจูบยังไงดีให้ประทับใจ"

นั่น...ยังไม่วายพูดเรื่องนี้อีกจนได้ ในเมื่อกล้าพูดผมก็กล้าเล่นบ้าง

"ไม่ต้องปรึกษาใครหรอกครับ ปรึกษาผมนี่แหละ ถามคนอื่นจะรู้ได้ไงว่าผมชอบแบบไหน"

พูดจบผมจึงยักคิ้วหลิ่วตาใส่เป็งบ้าง เป็งมองผมอย่างทึ่งๆ หรืออึ้งก็ไม่รู้ ไม่นานก็หรี่ตามอง

"ถ้างั้น...ก่อนกลับไปทำงาน คานินพอจะให้คำปรึกษาผมอีกสักรอบหน่อยได้ไหมล่ะ ผมชักอยากรู้ว่าคานินชอบแบบไหน"

"ไม่เอา" ผมรีบบอกปัดอย่างอายๆ

"แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ผมต้องการคำปรึกษาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเลยนะ"

"กลับมาค่อยปรึกษาก็ได้" บอกแล้วเสมองแก้วกาแฟแทนคนข้างๆ

"คานินสัญญากับผมแล้วนะ"

ผมพยักหน้าโดยไม่หันไปมอง ก่อนจะหันไปกำชับหนักแน่น "ห้ามไปปรึกษาคนอื่นล่ะ ถ้าผมรู้นะ..."

เป็งเอามือข้างขวาโอบรอบตัวผมไว้ เลื่อนใบหน้าลงต่ำมาพูดใกล้ๆ หูของผม

"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า ยังไงๆ เรื่องสำคัญขนาดนี้ ผมต้องปรึกษาคานินคนเดียวอยู่แล้ว กลับมาแล้วจะปรึกษาให้หนำใจจนหายสงสัยเลยดีไหม"

ผมใช้ศอกกระทุ้งเบาๆ เป็งสะดุ้งหลบแทบไม่ทัน หนุ่มตี๋สุดหล่อของผมหัวเราะชอบใจใหญ่ เล่นกับผู้ชายแบบนี้คงไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ามีแฟนเป็นผู้หญิงคงทำแบบนี้ไม่ได้ โดนด่าแน่ๆ

"กินกาแฟแล้วนอนหลับเหรอครับ" ผมถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย มีหรือที่เป็งจะไม่รู้ทัน

"สบาย" เป็งพูดเสียงสูง แล้วพูดสืบไป "กาแฟยี่ห้อนี้คาเฟอีนไม่สูงเท่าไหร่ ผมกินมาตั้งแต่ไปเรียนที่อเมริกาแล้ว ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่เคยนอนไม่หลับเพราะกาแฟ มีแต่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงใครบางคนเท่านั้นแหละ รู้เปล่าว่าเมื่อกี้ผมนอนไม่หลับเลย"

"มันไม่ใช่เวลานอนไง" ผมเถียงตาใส

"ฟังดีๆ สิ เมื่อกี้ผมบอกอยู่ว่าผมไม่ได้นอนไม่หลับเพราะกาแฟ แต่เพราะคิดถึงใครบางคนต่างหากล่ะ"

ผมอมยิ้มอย่างรู้ทัน จะทำให้ผมเขินอีกล่ะสิ คราวนี้ไม่ได้กินผมง่ายๆ หรอก

"เจอคนน่ารักๆ ไม่คิดถึงก็แปลกแล้วล่ะครับ"

เป็งหลุดหัวเราะจนตัวงอ ทิ้งตัวกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟาใหญ่ กว่าจะหยุดหัวเราะเจ้าตัวท้องคัดค้องแข็งแทบแย่ ขนาดว่าลุกขึ้นมานั่ง หนุ่มตี๋ยังมีอาการหัวเราะเป็นระยะๆ ส่วนผมนั่งอมยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

"คานินนี่ตลกนะ ชมตัวเองเป็นด้วย แล้วที่คานินหนีงานมาเนี่ย เป็นเพราะว่าคิดถึงคนน่ารักๆ หรือเปล่าล่ะ"

ผมหันไปยิ้มยิงฟัน อวดเขี้ยวเสน่ห์ให้หนุ่มตี๋ตกตะลึงเล่นๆ

"ก็...น่าจะอย่างงั้นมั้งครับ"

"อ้อ..." เป็งพยักหน้ารับรู้ ก่อนชวนทำบางอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน "เรามาถ่ายเซลฟี่กันหน่อยไหมคานิน"

"อ้อ ได้ๆ" ผมตอบรับโดยไม่รีรอเพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว

เป็งเขยิบตัวมาชิดผมอีกครั้ง เอียงหัวมาติดกับหัวของผม แล้วยกโทรศัพท์มือถือรุ่นราคาแพงเตรียมไว้

"ยิ้มให้เห็นเขี้ยวด้วยนะ ผมจะเอามาทำวอลเปเปอร์โทรศัพท์ จะได้เห็นหน้าคานินทุกวันเลย ดีไหม"

ผมทำตามอย่างว่าง่าย พอผมยิ้มเห็นเขี้ยวอย่างที่เป็งต้องการแล้วหนุ่มตี๋จึงกดปุ่มถ่ายรูป

"เอาอีกสักสองสามรูปนะ"

"ครับ" ผมรับคำ

พอถ่ายรูปเสร็จ เป็งส่งรูปทั้งหมดที่เพิ่งถ่ายผ่านไลน์มาให้ผม ก่อนจะกำชับว่า

"ทำเป็นวอลเปเปอร์เลยนะคานิน"

เป็งไม่พูดเปล่า แต่ยังเอียงคอมาดูด้วยว่าผมตั้งค่าภาพที่ถ่ายเมื่อสักครู่นี้เป็นวอลเปเปอร์แล้วหรือยัง พอเห็นผมทำอย่างที่ต้องการแล้วจึงยิ้มพอใจ

"นี่ของผม" เป็งพูดพร้อมกับส่งหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดูบ้าง

"คานินน่ารักง่ะ เห็นเขี้ยวของคานินทีไร ใจผมละลายทุกทีเลย"

เป็งคงไม่ใช่แค่พูดเล่น เห็นสีหน้าท่าทางแล้วผมจึงรับรู้ได้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

"ไปตั้งสองอาทิตย์ ผมคงคิดถึงคานินแย่เลย ชักไม่อยากไปซะแล้วสิ"

เป็งเอียงคอมาซบไหล่ผม จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้เมื่อไหร่ เหตุการณ์ชวน "เสียตัว" มักจะเกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

"คุณเป็งเดินทางกี่โมงครับ"

"สองทุ่ม กะว่าไปถึงโรงแรมก็จะนอนพักเลย ตอนเช้าค่อยตื่นมาเตรียมงานกับทีมงาน บ่ายๆ ค่อยเริ่มอบรม แต่ว่า...ตอนนี้ยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลย" เป็งพูดติดตลกตอนท้าย

"อบรมกี่วันครับ"

"สามวันสองคืน อบรมเสร็จก็ไปเชียงรายต่อเลย ความจริงถ้าไม่มีอบรม เตี่ยอยากให้ไปวันนี้เลย"

"แสดงว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญมากนะครับ"

เป็งเปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรงแล้วพยักหน้า "สงสัยจะโดนเตี่ยด่าอีกแน่ๆ เลย"

"ทำไมเหรอครับ" ผมเผลอถามด้วยความลืมตัวว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเป็ง

เป็งเม้มริมฝีปาก ทำท่าทางครุ่นคิด คล้ายว่าจะหนักใจอยู่เหมือนกัน

"เตี่ยไม่ชอบที่ผมมาทำอบรมแบบนี้เท่าไหร่ เงินก็ได้ไม่เยอะ ถ้าเทียบกับธุรกิจร้านอาหารนะ เตี่ยอยากให้ผมกลับไปดูแลร้านอาหารเต็มตัว เรื่องมันยาวน่ะ เอาไว้ผมจะเล่าให้คานินฟังทีหลัง คานินต้องกลับไปทำงานหรือยัง ใกล้เวลาแล้วนะ"

ผมรีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เหลืออีกแค่สามนาทีเท่านั้นจะถึงเวลาตามที่ตกลงกับพี่กุ้งไว้

"แย่แล้ว ผมต้องรีบไปแล้วครับคุณเป็ง เหลืออีกสามนาที"

พูดจบผมลุกขึ้นพรวด พอจะวิ่งออกไปเป็งพลันร้องห้ามไว้ซะก่อน

"แป๊บนึงคานิน ผมมีอะไรจะให้"

ผมหยุดชะงัก เป็งวิ่งหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองไม่นานจึงออกมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่ง

"คานินเอาไว้อ่านช่วงที่ผมไม่อยู่นะ มันจะช่วยให้คานินเข้าใจเรื่องการเงินขึ้นเยอะเลย กลับมาแล้วเราค่อยคุยกันว่าจะทำยังไงกับเรื่องงานของคานิน โอเคมั้ย"

ผมก้มลงมองหนังสือที่เป็งยื่นมาให้ พอเห็นชื่อหนังสือแล้วแปลกใจนิดหน่อย

พ่อรวยสอนลูก... โรเบิร์ต คิโยซากิ...

"ได้ครับ" ผมรับคำ

ก่อนที่ผมจะยื่นมือไปรับ คานินพลันชักมือกลับ จากนั้นจึงยกหนังสือขึ้นมาถือไว้ระดับคอ แล้วทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดด้วยการจูบลงไปเบาๆ บนปกหนังสือเล่มนั้น

"จะได้ขลังๆ ไง" หนุ่มตี๋ยิ้มเจ้าชู้ใส่จนผมเขิน

พอรับหนังสือมาแล้วผมก็ทำท่าจะวิ่งออกไป "ขอบคุณครับคุณเป็ง ผมต้องไปแล้ว ขอให้คุณเป็งเดินทางปลอดภัยนะครับ"

"เดี๋ยวผมไปส่ง" เป็งบอกอย่างเร่งรีบเช่นกัน คงกลัวว่าผมจะไปไม่ทันแล้วโดนทำโทษแน่ๆ

ตอนแรกผมนึกว่าเป็งจะมาส่งแค่ที่ล็อบบี้ ที่ไหนได้ หนุ่มตี๋วิ่งตามมาส่งผมถึงร้านเลย เหนื่อยจนลิ้นห้อย พอมาถึงหน้าร้าน ผมโบกมือลาให้อย่างเสียดาย เป็งยืนหอบแล้วโบกมือลาตอบกลับมาเช่นกัน

"แล้วเจอกันนะคานิน ว่างๆ แล้วผมจะโทรหานะ" เป็งบอกเสียงดังพอให้ได้ยิน

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรีบเข้าไปในร้าน ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด พี่กุ้งหรี่ตามองอยู่พอดีแต่ยังยิ้มให้ที่ผมมาทันเวลา คิดๆ ไปแล้วผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เลิกกับแฟนคนก่อนผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้อีกเลย แม้ว่าลึกๆ ผมกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย คบกับคนที่ฐานะต่างกันมากๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คนหัวรั้นหน่อยๆ อย่างผมยังอยากขอลองพิสูจน์อีกสักครั้ง


สามทุ่มครึ่งแล้วคนบนรถเมล์ยังคงแน่น ดึกดื่นค่อนคืนกันแล้วน่าสงสัยเสียจริงว่าจะไปไหนกันนักหนา แต่ผมคงต้องถามคำถามนั้นกับตัวเองด้วยว่าทำไมผมถึงยังไม่ถึงห้องและนอนพักผ่อนเสียที ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่เอาเถอะ ถึงมันจะเหนื่อยไปหน่อยแต่ต้องกัดฟันทน บางทีหนังสือเล่มนี้ที่เป็งให้ผมมาคงจะช่วยให้ผมได้พบคำตอบบางอย่างที่ผมต้องการบ้างก็ได้

"อ่านหนังสือแบบนี้ด้วยเหรอ"

อัญญาเอ่ยถามหลังจากที่เธอเห็นผมจ้องดูหนังสือเล่มหนึ่งอยู่นาน จ้องไปยิ้มไป ไม่รู้ว่ามีอะไรดี บ้านผมกับอัญญาไปทางเดียวกัน เราจึงนั่งรถเมล์กลับพร้อมกันบ่อยๆ แต่อัญญาถึงก่อนเพราะอยู่แถวรัชดา

"อ๋อ...ใช่" ผมหันไปตอบและยิ้มจางๆ ให้กับหญิงสาวที่นั่งข้างๆ

พอนึกได้ว่าหนังสือนี้มีรอยประทับจูบอยู่ผมอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ พยายามเพ่งหารอยจูบนั้นแต่ไม่เห็นเลย ปกติผมไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือหรอก แต่รอยจูบของเป็งสร้างแรงจูงใจให้อยากอ่านได้มากทีเดียว

"เล่มเท่าไหร่ล่ะ ท่าทางจะแพง พี่คานินกล้าซื้อหนังสือพวกนี้มาอ่านด้วยเหรอ"

"เปล่า...ไม่ได้ซื้อเองหรอก มีคนให้มา" ผมบอกแล้วเก็บหนังสือใส่กระเป๋าตามเดิม บอกเป็นนัยๆ ว่าไม่อยากให้อัญญาถามเซ้าซี้เรื่องนี้อีก

"ใครเหรอ ผู้ชายคนนั้นที่มาส่งพี่คานินหรือเปล่า"

"อืม" ผมพยักหน้า ไม่อยากโกหกเพราะไม่รู้จะโกหกไปทำไม

"พี่คานินไปรู้จักคุณเป็งตั้งแต่ตอนไหนเหรอ"

ดูเหมือนใครๆ รู้จักลูกค้าขาประจำคนนี้เป็นอย่างดี ขนาดอัญญาที่เพิ่งมาทำงานไม่กี่เดือนยังรู้จักชื่อเลย

"วันที่ฝนตกไง วันที่พี่โดนผู้จัดการดุแล้วกลับบ้านช้า พอดีฝนมันตก พี่เจอคุณเป็งแถวๆ หน้าร้านพอดี คุณเป็งเดินถือร่มไปส่งที่ป้ายรถเมล์เลยรู้จักกัน"

"อ๋อ...ไม่กี่วันนี่เอง พูดถึงวันนั้นแล้วชักหมั่นใส้ยัยสองคนนั้นไม่หาย ดีแล้วที่เลิกมากินที่ร้าน มาทีไรชอบเรื่องมาก ด่าคนนั้น ด่าคนนี้ อัญล่ะเกลียดจริงๆ"

อัญญาทำหน้าบูดบึ้งไปด้วยในขณะที่พูด ดูท่าทางเธอไม่ชอบผู้หญิงสองคนนั้นที่ด่าผมกลางร้านเอามากๆ

"อัญเคยโดนสองคนนั้นว่าด้วยเหรอ"

"ค่ะ พอดีอัญญาลืมเอาซองบราวน์ชูก้าให้ มันด่าอัญใหญ่เลย หาว่าไม่เป็นมืออาชีพ อะไรของมันก็ไม่รู้"

อัญญาทำเสียงจิ๊กจั๊กคล้ายกับรำคาญ

"ช่างเขาเถอะ ยังไงๆ เขาก็ไม่กลับมากินที่ร้านเราแล้วนี่"

อัญญาถอนหายใจเบาๆ

"เฮ้อ...ถึงสองคนนั้นไม่มาก็ยังต้องเจอลูกค้าเรื่องมากอยู่ดีแหละ ไม่รู้ว่าจะทนทำไปได้อีกสักกี่น้ำ"

"มันเป็นงานบริการไง งานบริการไหนๆ ต้องอดทนกับเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น" ผมพยายามปลอบใจ สาวเจ้าจึงหันมายิ้มด้วย

"พี่คานินคิดบวกดีนะคะ เป็นเพราะหนังสือเล่มนั้นหรือเปล่า รวยแล้วอย่าลืมเอามาให้อัญอ่านบ้างนะคะ"

"อ๋อ...พี่ยังไม่ได้อ่านเลย" พูดจบเสียงโทรศัพท์ของผมพลันดังขึ้น "แป๊บนึงนะอัญ" ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พ่อผมโทรมานั่นเอง เห็นพ่อแม่โทรมาหาทีไรใจคอไม่ดีทุกทีเพราะกลัวเรื่องแนนจะรั่วไหล

"หวัดดีครับพ่อ" ผมกรอกเสียงลงไปแล้วเหม่อมองออกไปนอกกระจกรถ

"หวัดดีลูก ช่วงนี้นินได้เจอน้องมั่งหรือเปล่าลูก ทำไมพ่อโทรไปทีไรน้องไม่ค่อยรับสายเลย"

ไม่ทันฟังอีร้าค่าอีรมใดๆ พ่อผมเปิดเรื่องทันที ผมยิ่งใจเต้นด้วยความกลัวเข้าไปใหญ่

"อ๋อ...เจอครับพ่อ เพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้เองครับ แนนมาหาผมที่ห้อง สงสัยแนนจะเรียนหนักมั้งครับ เห็นแนนบ่นๆ อยู่ว่าเรียนหนักมาก กิจกรรมก็เยอะ พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ ฝากผมไว้ก็ได้ ถ้าผมเจอแนนผมจะบอกให้ครับ"

ผมได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจ ไม่ต้องบอกคงรู้ว่าหนักใจมากแค่ไหน

"น้องไม่กลับบ้านมาปีกว่าแล้วนะนิน นินแน่ใจนะว่าน้องไม่มีปัญหาอะไร พ่อได้ยินคนแถวบ้านมันลือกันไปต่างๆ นาๆ หาว่าท้องมั่ง มีแฟนมั่ง นินช่วยดูน้องหน่อยนะลูก พ่อละกลัวจริงๆ โทรหาก็พูดกับพ่อกับแม่สองสามคำ แล้วก็บอกว่ายุ่ง ไม่รู้ว่ายุ่งอะไรนักหนา ไม่กลับบ้านนานขนาดนี้ ไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะคิดถึงมั่งหรือไง"

ผมอดที่จะรู้สึกผิดต่อพ่อกับแม่ไม่ได้เลย ท่านสองคนไม่รู้จักโลกภายนอกเท่ากับเราสองคน แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมการเรียนมหาวิทยาลัยถึงยุ่งขนาดนั้นจนแทบไม่มีเวลากลับบ้านกลับช่อง แต่พ่อกับแม่ของผมยังเชื่อสิ่งที่ผมกับน้องช่วยกันปิดบังเสมอมา แต่ไม่รู้ว่าจะปิดบังได้นานอีกแค่ไหน

"เดี๋ยวผมจะบอกให้แนนโทรหาพ่อกับแม่นะครับ" ผมบอกไปแค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้ เผลอๆ พูดไปแล้วความจะแตกจนได้

"ถามจริงๆ นะนิน นินกับน้องปิดบังอะไรพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่า"

ผมถึงกับเสียวสันหลังวาบ มองซ้ายขวาแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่

"เอาอย่างงี้ เดือนหน้าพ่อกับแม่จะขึ้นไปหานินกับน้องที่กรุงเทพ เดี๋ยวพ่อจะให้เหน่งไปส่ง"

เหน่งที่พ่อพูดถึงคือลูกพี่ลูกน้องของผมเอง ทำไร่มะยงชิดอยู่ติดๆ กับไร่ของพ่อผม อายุมากกว่าผมเกือบสิบปี เป็นหลานที่พ่อรักมาก ไหว้วานให้ช่วยได้ทุกอย่าง พ่อกับแม่เคยขึ้นมาหาผมที่กรุงเทพสมัยผมยังเรียนอยู่ ได้พี่เหน่งนี่แหละที่อาสาขับรถพาขึ้นมา แม้กระทั่งตอนที่ผมมาเรียนที่กรุงเทพ พี่เหน่งก็ขับรถมาส่ง

"ครับพ่อ เดี๋ยวผมจะบอกน้องให้ครับ แค่นี้ก่อนนะครับพ่อ เอาไว้ว่างๆ ผมจะโทรหาครับ"

ผมต้องรีบวางสายเพราะไม่อยากคุยนานจนพ่อจับได้ แต่คราวนี้ ผมกับน้องคงไม่สามารถปิดบังได้อีกแล้ว นึกไม่ออกเลยว่าแนนจะเจออะไรบ้างถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องนี้เข้า ได้แต่หวังว่าพ่อกับแม่จะให้อภัยแนน ยังไงๆ แนนก็เป็นลูก ผิดพลาดขนาดไหนพ่อกับแม่คงจะให้อภัยได้

"คุยกับใครเหรอคะพี่คานิน หน้าเครียดเชียว"

"อ๋อ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" ผมหันไปยิ้มกลบเกลื่อนกับอัญญา

อัญญาพยักหน้าเข้าใจ ร่างบางยิ้มกริ่มเพราะกำลังจะบอกเรื่องสำคัญ "พี่คานิน อาทิตย์หน้าเป็นวันเกิดของอัญ จัดที่บ้าน พี่คานินต้องไปให้ได้นะ"

"อ้อ...ได้ๆ วันไหนล่ะ"

"สิบห้ามกราค่ะ"

"แล้วเชิญใครมั่งล่ะ" ผมถามโดยไม่หันไปมองหน้า

"ในร้านมีแค่พี่กุ้งกับพี่คานินนี่แหละ นอกนั้นเป็นเพื่อนๆ ของอัญเอง"

"งั้นพี่คงตามไปดึกๆ นะ เพราะว่าวันนั้นพี่ต้องทำงาน แนนจะลาเหรอ"

"ค่ะ" อัญญาพยักหน้า "พี่คานินรับปากแล้วนะ ต้องไปให้ได้นะคะ"

"ครับ" ผมรับคำ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้ว พอเห็นว่าใครโทรมาผมจึงหันไปยิ้มคนเดียวเงียบๆ ไม่ให้อัญญาสังเกตเห็น จะใครเสียอีกล่ะ คนที่อยู่ในรูปวอลเปเปอร์ที่หน้าจอโทรศํพท์และเจ้าของรอยจูบบนปกหนังสือนั่นไง!

TBC...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2016 10:11:16 โดย inxsara »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

 "อยากมาหาบ้างไรบ้าง..."
คนมีความรักนี่ สดใสจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2016 19:52:06 โดย Billie »

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
มาต่อแล้วววว เป็ง คานิน น่ารักง่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:

คานินเรียนจบ ม.หอการค้าไม่ใช่หรอ ทำไมไม่หางานอื่นทำหล่ะ  :hao3: :hao3: :hao3:

น้องอัญชวนคานินไปบ้านวันเกิด คิดแผนไรอยู่ป่าวเนี่ย o18 o18 o18

ช่วงหลังพิมพ์ชื่อผิดนะครับ อัญญา ไม่ใช่ แนน เนอะ  :mew4: :mew4: :mew4:

มาต่อเร็วๆ นะคร้าบบบบ  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
คุณเป็งนี้รุกคานินเร็วเหมือนกันนะ..แต่ชอบ
ชักจะไม่ชอบอัญญาแล้วนะ  :hao4:
ถ้าพ่อแม่รู้เรื่องน้องสาวทุกอย่างคงจะดีขึ้นจะได้รับหลานไปเลี้ยงและอยู่ก้องพักก็ไม่ค่อยสะดวกอยู่แล้วนะ  :mew2:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
รุกใหญ่เลยนะเป็ง เกี้ยวคานินน่าดู

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
คุณเป็งนี้รุกคานินเร็วเหมือนกันนะ..แต่ชอบ
ชักจะไม่ชอบอัญญาแล้วนะ  :hao4:
ถ้าพ่อแม่รู้เรื่องน้องสาวทุกอย่างคงจะดีขึ้นจะได้รับหลานไปเลี้ยงและอยู่ก้องพักก็ไม่ค่อยสะดวกอยู่แล้วนะ  :mew2:

อย่าอ่านจนลืมต่อของตัวเองนะคร้าบบยย 555 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
แหมเปลี่ยนอารมณ์ไวเชียว เวลาแฟนโทรมาเนี่ย เหอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คานินตอนไปงานวันเกิดยัยอัญอะไรนี่ก็ระวังตัวไว้บ้างนะ เผื่อเกิดเมาแล้วจะโดนยัยอัญปล้ำเอาจะแย่นะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เย้ๆ ได้อ่าน เป็ง คานินแล้ววว
  พ่อ แม่จะมาหาที่กรุงเทพเลยนะ สงสัยคนแถวบ้านที่มาเรียนพร้อมแนนจะบอกพวกท่าน
  เป็งก็มีปัญหาทางบ้าน คานินก็มีปัญหาทางบ้านพร้อมกันอีก
  จะเป็นไงต่อ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3:น่ารักเชียว ชักอิจฉาคานินจังเลย เป็งน่ารักจริงๆ ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ค่อยเข้ามาเลยน่ะแต่ยังติดตามเสมอจ้า

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
งืออออ เมื่อไหร่จะมาต่ออ้าาาา เค้ารออยู่  :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
สงสัยยัยอัญญานี่จะเป็นอุปสรรคชิ้นโต

พ่อกับแม่ก็จะมาแล้ว ทีนี้หล่ะซวยแน่ๆ สู้ๆนะนิน

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2:

Best wishes & Happy Valentine's Day

มีตอนพิเศษไหมมมมม นะ ^^


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
5555555555 พระเอก เอาแล้วไงล่ะ ถึงน้องคานินรูปไม่หล่อเท่าเธอ ไม่รวย แต่น้องนิสัยดี น่ารักนะจ๊ะะะะ เสน่ห์แรงก็ไม่แปลกหร๊อกกก อิอิ เป็นกำลังใจให้เป็งจ้า5555555(หัวเราะอย่างสะใจ)

ขอบคุณค่ะ สนุกมากค่า ติดตามอยู่ตลอดจ้า

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ตอนแรกระแวงยัยอัญอยู่นะ เพราะไม่คิดว่าเป็งจะกลับมาทัน แต่เป็งมาแล้ว ยัยอัญหมดสิทธิ์ 5555 :laugh: :laugh: :laugh:

ดีจังที่บ้าน(พ่อ)ของเป็งรับได้ที่ลูกมีแฟนเป็นผู้ชาย โล่งไปหน่อย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

เรื่องนี้อินมาก บอกเลยเพราะเอาพี่โอมาเป็นอิมเมจตัวละคร แบบชอบพี่โอมากกกกกกก เลยอินมากกกก :impress2: :impress2: :impress2:

มาต่อไวๆนะคร้าบบบ  :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover


ตอนที่ 8 อย่าจับแขนแฟนผม



"จ. - ความจริงลื้อไม่ต้องมาก็ได้นะอาเป็ง อั๊วกับพี่ชายลื้อแก้ปัญหาให้ลื้อแล้ว ขืนรอลื้อก็เจ๊งกันพอดี"

เดินเข้าบ้านมายังไม่ถึงสามก้าว เตี่ยผมก็ล้งเล้งใส่ผมเป็นภาษาจีนทันที ผมจึงหยุดกึกอยู่กลางบ้าน
คราวที่แล้วได้พี่ชายกับม๊าช่วยห้ามทัพไว้ให้ สงบศึกกันไปได้หลายเดือน แต่ดูท่าว่าจะเริ่มอีกแล้ว

"จ. - ลูกชายอากิมอีจะลาออกจากงานแล้วมาช่วยเป็นลูกมือให้ อั๊วไปคุยกับอีมาแล้ว
พออีทำเป็นหมดทุกอย่าง อั๊วก็จะให้อากิมพักผ่อน ให้ลูกชายอีทำแทน ลูกชายอีเป็นคนขยัน หัวไว
สอนไม่นานก็เป็น ที่สำคัญ อีเป็นคนไว้ใจได้ ฝีมือทำอาหารของอีก็พอใช้ได้อยู่"

สีหน้าดุของเตี่ยทำให้ผู้เป็นแม่ที่เดินมาพร้อมกับลูกชายต้องออกโรงปกป้องอีกตามเคย

"จ. - อาเฮียก้อ อาเป็งอีเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ให้อีพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนสิอาเฮีย ไป...อาเป็ง
ลื้อขึ้นไปพักผ่อนบนห้องของลื้อก่อน เดี๋ยวถึงเวลาอาหารเย็นแล้วหม่าม๊าจะให้คนไปตาม"

ตั้งแต่ผมกลับมาจากอเมริกาและหันมาทำอาชีพอบรมเรื่องการสื่อสารอย่างสันติ เตี่ยก็ไม่ชอบใจนัก
แกเรียกงานที่ผมทำว่า "งานบ้าๆ บอๆ" จึงพยายามตะล่อมให้ผมเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น
แต่ผมก็ยังดื้อตาใสเหมือนไม่เข้าใจ เคยทะเลาะกันเรื่องนี้มาสองสามครั้งแล้ว แต่ผมก็ตีมึนตลอด

"จ. - ไปสิอาเป็ง" ม๊าเตือนผมอีกรอบ แต่พอม๊ารุนหลังให้ผมขึ้นไปบนห้อง เตี่ยผมก็รีบชิงพูดขึ้นก่อน

"จ. - อั๊วบอกลื้อกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าไปทำอาชีพอย่างงั้น ได้เงินนิดๆ หน่อยๆ ลื้อจะทำให้เหนื่อยทำไม
ถ้าลื้ออยากอยู่กรุงเทพ ไม่อยากกลับมาอยู่ที่บ้าน ลื้อก็เปิดร้านทำธุรกิจอะไรก็ได้ เดี๋ยวอั๊วลงทุนให้
ทำไมไม่รู้จักฟังกันเลยห๊ะอาเป็ง วันหนึ่งลื้อก็จะรู้ว่ามันเหนื่อยเปล่า คนจีนอย่างเราไม่ควรขายแรง
เราควรจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ไปรับจ้างเขาอย่างงั้น ลื้อรู้ไหม..ถ้าลื้อเชื่ออั๊วนะอาเป็ง
อั๊วจะยอมให้ลื้อทำอะไรก็ได้ที่ลื้ออยากทำ ลื้ออยากมีแฟนไม่มีแฟน อยากแต่งงานไม่อยากแต่งงาน
อั๊วก็จะไม่ว่าอะไรลื้อเลย ลื้อจะแต่งกับใครอั๊วก็ไม่ว่า"

ที่บ้านผมรู้เรื่องที่ผมไม่ยอมมีแฟนมาเป็นสิบๆ ปีเป็นอย่างดี แน่นอนว่าย่อมถูกสงสัยว่าผิดปกติ
คนในบ้านจึงสงสัยกันใหญ่ว่าผมเป็เกย์หรือเปล่า ผมทำได้แค่ตอบว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คำตอบที่คำให้บรรดาคนที่สงสัยหายสงสัยได้

"จ. - จริงเหรอครับเตี่ย เตี่ยจะให้อั๊วทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ"

ปกติผมมักจะเลี่ยงพูดคุยกับเตี่ยเรื่องนี้ แต่พอได้ยินว่าเตี่ยจะให้ผมทำอะไรก็ได้ หูผมก็ผึ่งทันที

"จ. - อั๊วเป็นเตี่ยลื้อนะอาเป็ง ลื้อคิดว่าอั๊วจะพูดเล่นๆ กับลื้องั้นเหรอ"

พ่อผมตอบเสียงดุกลับมา แต่สีหน้าก็ดูอ่อนลงไปพอสมควร ปกติเตี่ยผมไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ หรอก
เป็นผู้นำครอบครัวที่ลูกๆ อยากอยู่ใกล้มากกว่าอยู่ห่าง ผมเองยังคุยกับเตี่ยบ่อยกว่าม๊าอีก

"จ. - จริงนะครับเตี่ย" ผมขอคำยืนยันอีกครั้ง ยิ้มตาโตอย่างดีใจ

เตี่ยกับม๊ามองหน้ากันงงๆ สักพักก็หันมามองผมพร้อมกัน คงสงสัยว่าผมกำลังดีใจเรื่องอะไร

"จ. - ลื้อเป็นอะไรของลื้อน่ะอาเป็ง"

"จ. - เปล่าครับเตี่ย" ผมรีบบอกไป แล้วก็หันไปมองไปรอบๆ บ้าน "จ. - เฮียปิงยังไม่กลับอีกเหรอครับ"

"จ. - ยัง ดึกๆ นั่นแหละถึงจะกลับ อีพาแฟนของอีไปเที่ยวในเมือง"

พอถามถึงลูกชายคนโต ม๊าของผมก็ยิ้มมีความสุข แสดงคงถูกใจว่าที่ลูกสะใภ้ไม่น้อย

ผมพยักหน้ารับรู้พร้อมกับรู้สึกแปลกใจไปด้วย แต่พอรู้ว่าพี่ชายมีแฟนแล้วก็โล่งใจไปอีกโข
ความกดดันที่ครอบครัวมีต่อผมก็จะพลอยลดลงไปด้วย

"จ. - อีกไม่นานอาปิงอีก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เมื่อไหร่ลื้อจะคิดเรื่องนี้สักทีล่ะอาเป็ง"

ผมหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อโดนเตี่ยทวงทั้งๆ ที่เพิ่งสัญญาว่าจะให้ผมทำอะไรก็ได้ไปหยกๆ

"จ. - อะไรกันครับเตี่ย เตี่ยสัญญาแล้วนะว่าจะให้อั๊วทำอะไรก็ได้ แล้วอีกอย่าง...ถ้าอั๊วจะมีแฟน
เตี่ยกับม๊าไม่ต้องห่วงหรอก อั๊วไม่ทำให้เตี่ยกับม๊าผิดหวังแน่นอน"

เตี่ยผมขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ แล้วก็ย่างเท้าเข้ามามายืนใกล้ๆ ผม

"จ. - ลื้อพูดอย่างงี้หมายความว่าไงวะอาเป็ง อย่าบอกนะว่าลื้อมีแฟนแล้ว"

เตี่ยจ้องผมเขม็ง แต่ผมกลับรู้สึกว่าหน้าตาท่าทางที่พยายามทำให้ดูดุกลับดูตลกจนผมเกือบหลุดหัวเราะ
ปกติเตี่ยผมเป็นคนตลก เป็นคนเดียวในบ้านที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้มากกว่าใครๆ
แต่บทจะดุก็เอาเรื่องเหมือนกัน เหมือนอย่างวันนี้ที่ผมเพิ่งกลับมาถึงบ้านก็โดนซะแล้ว
กระนั้น เตี่ยผมก็มักเป็นคนที่หายโกรธไว อารมณ์แจ่มใสมากกว่าอารมณ์เสีย ชอบหัวเราะสนุกสนาน

"จ. - จริงเหรออาเป็ง" ม๊าผมก็พลอยสงสัยไปด้วย ทั้งสองคนจ้องหน้าผมเขม็งด้วยความอยากรู้

ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศที่ดูตึงเครียดเมื่อกี้เปลี่ยนไปจนผมเองก็ยังงงๆ

"จ. - แล้วแฟนลื้อ...เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายวะอาเป็ง"

"จ. - ทำไมลื้อถามอย่างงั้นล่ะอาเฮีย" ม๊าหันไปดุเตี่ย ท่าทางดูจะตกใจกับคำถามของเตี่ยไม่น้อย

"จ. - เอ๊...ลื้อก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าอาเป็งอีไม่จีบผู้หญิง แล้วอีก็ไม่มีแฟนมาเป็นสิบปี อั๊วน่ะทำใจมาตั้งนานแล้ว
อย่าบอกนะว่าลื้อน่ะยังทำใจไม่ได้" เตี่ยผมทำเสียงดุใส่ม๊าคืนบ้าง

ผมแทบจะอ้าปากค้าง ไม่เคยคิดเลยว่าเตี่ยยอมรับเรื่องนี้ได้ ผมนึกว่าถ้าเตี่ยรู้แล้วจะเกิดปัญหาใหญ่ซะอีก
เตี่ยยกมือขึ้นตบไหล่ผมเบาๆ สองสามครั้งพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น

"จ. - อั๊วไม่ว่าลื้อหรอกนะอาเป็ง อั๊วขออย่างเดียว ลื้อหาอาชีพทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวซะทีเถอะ
ไม่ทำร้านอาหารก็ไม่เป็นไร ให้พี่ชายลื้อทำไป แล้วถ้าแฟนลื้อเป็นคนดี ขยัน ช่วยกันทำมาหากินได้
อีจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอั๊วก็ไม่ขัดข้องหรอก อั๊วขอแค่ให้ลื้อทำธุรกิจอะไรสักอย่างก็พอแล้ว"

"จ. - ได้ครับเตี่ยๆ"

ผมรับคำละล่ำละลักทั้งๆ ที่คอยเลี่ยงเรื่องนี้มาตลอด ถ้ามีข้อเสนอดีๆ แบบนี้ผมคงยอมไปนานแล้ว
ใบหน้าของคานินลอยเข้ามาในความคิดของผม ถ้าเราสองคนทำธุรกิจด้วยกันที่กรุงเทพคงจะดีไม่น้อย
คานินจะได้ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟนั่นให้เสียสุขภาพจิต เราสองคนจะมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นด้วย

"จ. - อาเป็ง ตกลงแฟนลื้อเป็นผู้ชายจริงๆ เหรอ" ม๊าคาดคั้นค่าที่อยากรู้คำตอบให้แน่ชัด

ผมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับอย่างช้าๆ "จ. - ครับม๊า"

"จ. - อาเป็ง...ลื้อไม่ได้ล้ออั๊วเล่นใช่ไหม"

ดูเหมือนม๊าจะตกใจอยู่คนเดียว ไปๆ มาๆ จะกลายเป็นม๊าของผมหรือเปล่าที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้
ที่ผ่านมาม๊ามักแก้ตัวแทนผมบ่อยๆ ว่าผมยังเด็ก ยังไม่คิดเรื่องมีแฟน ใครถามม๊าก็มักบอกอย่างนี้เสมอ
ผมเคยเข้าใจว่าม๊าอาจเป็นคนแรกที่ทำใจได้ก่อนเตี่ยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เสียแล้ว

"จ. - ลื้อนี่ยังไง ก็อีเป็นแบบนี้แล้วลื้อจะให้อีทำไง ไปๆ อาเป็ง ลื้อขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อน
เดี๋ยวอั๊วจัดการม๊าของลื้อเอง"

การณ์กลับกลายเป็นว่าเตี่ยเป็นคนรุนหลังให้ผมขึ้นไปอาบน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับม๊าผมซะเอง
ผมจึงรีบเดินขึ้นบ้านไปอย่างงงๆ แต่ก็เชื่อว่าเตี่ยผมน่าจะสามารถจัดการพูดให้ม๊าเข้าใจได้ไม่ยาก


ห้องนอนของผมถูกจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างดีแม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้มานอนที่นี่เท่าไหร่
กระเป๋าเดินทางของผมก็ถูกนำมาวางไว้ในห้องแล้วโดยคนงานในบ้าน ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
ความจริงอยู่บ้านก็สบายดีอยู่หรอก แต่ผมก็ยังมีสิ่งที่ท้าท้ายและอยากทำให้สำเร็จที่กรุงเทพ
ก็เลยไม่ยอมกลับมาอยู่บ้านหลังจากที่เรียนจบ

ร้านอาหารสองร้านที่เตี่ยตั้งใจจะแบ่งให้ผมกับพี่ชายคนละร้านผมก็ไม่ได้มาดูแลเท่าไหร่
สุดท้ายเตี่ยก็เลยช่วยดูแลร้านที่เป็นของผมไปก่อน ส่วนอีกร้านก็ให้พี่ชายผมดูแลเต็มตัวไปเลย
แต่ผมก็ไม่ถึงกับไม่สนใจใยดีขนาดนั้น เพราะรายได้ของผมส่วนใหญ่ก็มาจากร้านอาหารนี่แหละ
จะว่าไปก็เยอะกว่ารายได้จากงานอบรมของผมหลายเท่า ผมจึงต้องกลับมาดูแลบ้างเป็นครั้งคราว

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็กดโทรหาพี่ชาย กะว่าจะแซวเล่นซะหน่อย

"เฮียปิง อั๊วถึงบ้านแล้วนะ ไม่เจอเฮียเลย" ผมกรอกเสียงลงไปเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

"อ้อ เฮียออกมาข้างนอก อยู่ที่ไร่ชาฉุยฟง เป็งมาถึงนานหรือยัง"

ปกติผมกับพี่ชายคุยกันเป็นภาษาไทย เดี๋ยวนี้ลูกคนจีนส่วนมากไม่ค่อยพูดภาษาจีนกันแล้ว
พวกเราเรียนกับคนไทย ใช้ชีวิตกับเพื่อนคนไทย ก็เลยถูกกลืนไปโดยปริยาย
ถึงกระนั้น คนจีนที่ดอยแม่สะลองก็ยังคงรักษาการพูดภาษาจีนไว้ได้ค่อนข้างดี
ที่นี่ยังมีชุมชนคนจีนที่ใช้ชีวิตคล้ายจีนแท้ๆ อยู่มาก บางคนอยู่มานานแต่ยังคุยกับคนไทยไม่รู้เรื่องเลย

"เพิ่งถึงนี่แหละครับ เฮียไปกับแฟนเหรอ"

"รู้ได้ไง ม๊าบอกเหรอ"

"ใช่ แล้วเฮียจะเขินไปทำไม มีแฟนแล้วก็ไม่ยอมบอกกันเลยนะเฮีย เก็บเงียบเชียว"

ผมหยอกเย้าอย่างสนุก พี่ชายผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา วันๆ ก็อยู่แต่ในครัว ไม่ค่อยไปไหน
ที่ผมไม่อยากกลับมาทำธุระกิจที่บ้านก็เพราะอย่างนี้แหละ ถึงจะมีเงิน แต่ก็ไม่มีเวลาไปใช้เงิน
รู้จักแต่เรื่องทำมาหากิน แต่ไม่รู้เรื่องอื่นๆ  คงจะมีแค่ผมกับน้องสาวเท่านั้นที่ได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอก
แล้วก็ดูท่าว่าจะไม่อยากกลับมาสานต่อธุรกิจของที่บ้านด้วยกันทั้งคู่เลย จนเตี่ยกับม้าระอาใจพอๆ กัน

"อั๊วไม่มีเวลาว่างเยอะขนาดนั้นนี่หว่า แล้วคราวนี้จะมาอยู่กี่วัน"

พี่ชายผมพยายามเลี่ยงไม่พูดถึงแฟน ผมก็เลยหัวเราะอย่างรู้ทัน

"ตอนแรกกะว่าจะมาอยู่จนกว่าจะแก้ปัญหาเสร็จนั่นแหละ แต่เมื่อกี้เตี่ยบอกว่าแก้ปัญหาให้แล้ว
อั๊วก็เลยว่าจะอยู่อีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ"

"อืม...ก็ดี มาอยู่กับเตี่ยกับม๊ามั่ง พี่น้องเราไม่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันนานแล้ว ปองนี่ก็อีกคน
ไปเรียนเมืองนอกก็ไม่ค่อยอยากจะกลับบ้านหรอก นี่ปองไปกี่ปีแล้วเนี่ย"

พี่ชายผมถือโอกาสบ่นซะหน่อย ส่วนปองก็คือน้องสาวคนสุดท้องของเรา ตอนนี้เรียนอยู่ที่อเมริกา

"สองปีแล้ว" ผมบอก "แล้วแฟนเฮียเป็นใครล่ะ คบกันมานานหรือยัง สวยเปล่า" ผมวกกลับมาเรื่องเดิม

"ก็...หลานสาวอาเหม่เกว่ไง"

"อ๋อ...คนที่ขายเนื้อหมูรมควันตรงใกล้ๆ แยกนั่นน่ะเหรอ"

"ใช่"

ผมเคยเจอผู้หญิงคนนี้ตอนเด็กๆ แต่พอไปเรียนที่กรุงเทพและอเมริกาก็ไม่ได้เจออีกเลย
ที่ผมจำได้เพราะผมชอบไปซื้อเนื้อหมูรมควันที่ร้านนี้มากินบ่อยๆ สมัยที่ยังเรียนประถมที่นี่
นึกแล้วก็ว่าจะแวะไปอุดหนุนก่อนกลับซะหน่อย

"ดีแล้วเฮีย เขาน่าจะเป็นคนขยันนะ ถึงว่าเตี่ยกับม๊าถึงได้ชอบ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยตอนพูดถึง
อ้อ...อั๊วก็มีเรื่องอยากจะบอกเฮียเหมือนกัน เฮียพอมีเวลาคุยหรือเปล่า อั๊วรบกวนไหม"

"ว่ามา คุยได้ๆ"

พอพี่ชายเปิดทางให้ผมก็ยิ้มร่า

"คืองี้ครับเฮีย เมื่อกี้เตี่ยบอกอั๊วว่าถ้าอั๊วทำธุรกิจอะไรสักอย่างที่กรุงเทพ เตี่ยจะไม่บังคับอั๊ว
อั๊วจะมีแฟนหรือไม่มีแฟนก็ได้ จะแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็ได้ จะแต่งกับใครก็ได้ แล้วแต่อั๊ว
จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ อั๊วก็เลย..."

"เป็งมีแฟนแล้วเหรอ" น้ำเสียงถามมาอย่างแปลกใจระคนตื่นเต้น

"ครับเฮีย" ผมยอมรับตามตรง

"ห๊า! จริงเหรอเป็ง โห...ดีใจด้วยว่ะไอ้น้องชาย ขายออกกับเขาซะที ที่บ้านนึกว่าเป็นเกย์กันหมดแล้ว"

พี่ชายผมพูดซะเสียงดัง คงจะดีใจมากที่น้องชายขายออกแล้ว แต่ผมกลับหน้าเสียเพราะประโยคหลัง

"แล้วถ้าผมเป็นเกย์ล่ะเฮีย"

ทุกอย่างเงียบกริบทันใด ได้ยินแต่เสียงคนคุยกันและเสียงคล้ายโลหะกระทบกันดังอยู่ไกลๆ
เข้าใจว่าน่าจะเป็นเสียงคนกินอาหาร เฮียของผมคงช็อกไปแล้วแน่ๆ เลย

"อะไรนะอาเป็ง ลื้อกำลังจะบอกอะไรอั๊ว"

น้ำเสียงแข็งๆ อย่างนี้ดูท่าจะไม่ได้การเสียแล้ว ผมคงต้องเปลี่ยนแผนใหม่

"เอางี้ละกันครับเฮีย เดี๋ยวเฮียกลับบ้านแล้วเราค่อยคุยกันดีกว่า"

ความจริงผมก็แค่อยากอวดพี่ชายว่าผมก็มีแฟนเหมือนกันเท่านั้น  แต่เอาเถอะ
ยังไงๆ ผมก็มั่นใจว่าพี่ชายจะฟังผม เราเติบโตมาด้วยกัน สนิทกันมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง
แม้ว่าหลังๆ จะไม่ค่อยได้คุยกันบ่อย แต่ผมก็ยังเชื่อว่าผมสามารถคุยเปิดใจกับพี่ชายได้เสมอ

มันน่าแปลกไหมล่ะที่มีแต่เตี่ยเท่านั้นที่ดูจะเข้าใจผมมากกว่าใครๆ!?

คิดไปคิดมา ผมก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเตี่ยถึงได้เข้าใจผมง่ายดายอย่างนี้
ปกติคนเป็นพ่อมักจะไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้ง่ายๆ แต่เตี่ยผมกลับเป็นในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ทุกอย่างคงมีเหตุผลของมัน คิดเองคงไม่ได้คำตอบ ถ้าอยากรู้ก็คงต้องถามเตี่ยเอาเอง


การปรากฎตัวของผมอย่างไม่คาดฝันทำให้บาริสต้าหนุ่มเขี้ยวทำหน้ายังกับโดนผีหลอก
สักพักก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ว่าจะพยายามเก็บอาการแต่ก็ดูจะปิดความดีใจไม่มิด
แม้ไม่ถึงกับลิงโลด แต่รอยยิ้มที่เผยให้เห็นเขี้ยวเสน่ห์นั้นบ่งบอกความดีใจข้างในได้ดีทีเดียว

"รับอะไรดีครับ"

"เหมือนเดิม ไปเสิร์ฟที่โต๊ะด้วยนะครับ" ผมบอกพร้อมกับยิ้มและจ้องตาคนขายจนเขินไปเลย

"ครับ"

พอจ่ายเงินแล้วผมจึงเดินหาโต๊ะว่างๆ นั่ง ช่วงเช้าหาได้ไม่ยากนักเพราะคนยังไม่ค่อยออกมา
ถ้าบ่ายไปแล้วจะหายากหน่อย

ผมนั่งรออยู่ไม่ถึงสิบนาที หนุ่มบาริสตาเขี้ยวเสน่ห์ก็เดินถือถาดอาหารตรงมายังโต๊ะของผม
มาถึงก็จัดแจงวางอาหารที่ผมสั่งลงบนโต๊ะให้ ทำท่าทางเหมือนคนไม่รู้จักกันยังไงยังงั้น
แต่ผมก็พอเข้าใจว่าพนักงานไม่ควรทำตัวสนิทสนมกับลูกค้าคนใดคนหนึ่งมากเกินไป

"คิดถึงผมหรือเปล่า"

คานินถือจานแซนด์วิชแฮมชีสสไตล์ฝรั่งเศสค้างไว้ หันมองซ้ายขวา พอเห็นว่าไม่มีใครมองก็พยักหน้า
รอยยิ้มที่ระบายออกมาเพียงเล็กน้อยจากริมฝีปากได้รูปช่างเย้ายวนใจผมเสียจริงๆ

"ทำไมกลับมาก่อนล่ะครับ ไม่เห็นโทรมาบอกเลย" คานินถามแล้วก็วางจานแซนด์วิชลงบนโต๊ะผม

"ก็อยากให้เซอร์ไพรส์ไง แล้วคืนนี้ว่างหรือเปล่า ไปไหนไหม"

"ไม่ว่างครับ"

คานินตอบมาแทบจะทันที ผมชะงักมองพร้อมกับขมวดคิ้ว

"วันนี้มีงานวันเกิดเพื่อนที่ทำงานครับ"

ผมค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย ตอนแรกนึกว่าคานินมีนัดกับคนอื่นแล้วเสียอีก

"แล้วจะไปกี่โมง"

"สามทุ่มครับ"

"ผมไปด้วยคนได้ไหม"

คานินทำท่าทางครุ่นคิดแต่ก็ยังไม่ตอบ

"ให้ผมไปส่งก็ได้ แล้วผมก็จะอยู่รอรับกลับด้วย ดึกก็ไม่เป็นไรหรอก ผมรอได้ ผมอยากอยู่กับคานิน
คานินไม่อยากอยู่กับผมเหรอ เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแล้วนะ ผมคิดถึงคานิน ให้ผมไปด้วยนะ"

ผมใส่ลูกอ้อนเข้าไปสุดฤทธิ์ คะยั้นคะยอเข้าไปสุดเดช ไม่ได้อยู่ด้วยกันคืนนี้ก็ให้มันรู้ไป

คานินพยักหน้าตกลงอย่างช้าๆ เท่านี้ผมก็พอยิ้มออกแล้ว

"งั้นสามทุ่มผมจะมารอที่หน้าร้านนะ"

บอกแล้วผมก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหนุ่มเขี้ยวเสน่ห์ เจ้าตัวคงจะเขินเลยเสหลบตา

"ครับ" คานินรับคำ

จากนั้นผมจึงปล่อยให้คานินกลับไปทำงานตามเดิม เพราะขืนคุยกับผมนานๆ คงโดนเพ่งเล็งเป็นแน่
แต่ถึงกระนั้น ผมก็นั่งกินไปมองบาริสตาคนน่ารักของผมไปด้วย แม้จะไม่ขาวและไม่ดูหล่อมาก
แต่องค์ประกอบโดยรวมก็ทำให้คานินดูน่ารักและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

เขาเรียกว่า "พรหมลิขิต" หรือเปล่าหนอที่ทำให้ผมได้มาเจอกับคานิน

โชคดีที่คนในครอบครัวผมบางคนเริ่มเข้าใจแล้ว การสานต่อความสัมพันธ์ของผมกับคานินคงง่ายขึ้น
ก่อนกลับผมได้มีโอกาสนั่งคุยกับเตี่ยสองคน ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเตี่ยถึงไม่รังเกียจเกย์
เตี่ยเล่าให้ฟังว่าน้องชายของเตี่ยที่เสียชีวิตไปนานแล้วเป็นเกย์ ผมตกใจมากทีเดียวที่ได้รู้
อากงกับอาม่าของผมรับเรื่องนี้ไม่ได้ จึงหาทางกดดันอากู๋ของผมต่างๆ นาๆ ให้มีแฟนเป็นผู้หญิง
แต่อากู๋ก็ไม่ยอม จึงถูกอากงอาม่าด่าทอ  ญาติพี่น้องคนอื่นๆ ก็ไม่ยอมรับ ถูกรังเกียจเดียดฉันท์
เหลือแต่เตี่ยผมที่คอยให้กำลังใจ ให้

วันหนึ่งอากู๋ของผมก็ผูกคอตายในห้องนอน เตี่ยของผมเสียใจมากเพราะรักน้องชายคนนี้มาก
แทบจะเรียกได้ว่าช่วยเลี้ยงดูแทนอากงอาม่าเลย

เรื่องของอากู๋สุดท้องของผมจึงกลายเป็นเรื่องเล่าขานในหมู่ญาติพี่น้อง แต่ก็ไม่มีใครบอกสาเหตุที่แท้จริง
ผมจึงรับรู้แค่ว่าอากู๋ผูกคอตายเพราะน้อยใจที่อากงกับอาม่ารักน้อยกว่าคนอื่นๆ เท่านั้น

เพราะอย่างนี้นี่เอง พอเห็นผมไม่ยอมมีแฟน เตี่ยจึงดูเหมือนเป็นคนเดียวในบ้านที่กดดันผมน้อยที่สุด
เพราะว่าเตี่ยคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอยอีกครั้ง
ก็เหลือแค่ม๊ากับพี่ชายของผมนี่แหละ  แต่ถ้าเตี่ยโอเคแล้วผมก็รู้ว่าคนอื่นๆ ไม่กล้าขัดแน่นอน

ถ้าพูดเรื่องเป็นเกย์ ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจหรอกว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า ผมยังไม่คิดถึงขนาดนั้น
ที่ผมรับความรู้สึกพิเศษที่เกิดขึ้นกับคานินได้ไวเป็นเพราะผมเคยอยู่ในประเทศเสรีอย่างอเมริกามาก่อน
เพื่อนๆ ของผมล้วนแล้วแต่มีหัวคิดสมัยใหม่ รับเรื่องอย่างนี้ได้มากกว่าคนรุ่นก่อน
ผมก็เลยซึมซับความคิดนี้มาด้วย

พอใกล้ถึงเวลานัดหมาย ผมก็ขับรถออกจากคอนโดมารอคานินตรงริมฟุตบาทหน้าร้าน
รอไม่นานก็เห็นคานินวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากร้านตรงมาที่รถผม

"ขอโทษทีครับ ช้าหน่อย"

คานินบอกขณะที่เปิดประตูเข้ามานั่งในรถ ท่าทางดูเหนื่อยมากทีเดียว เห็นแล้วผมก็ชักสงสาร
ผมส่งยิ้มให้เผื่อว่าจะช่วยให้คนที่เพิ่งมานั่งลงข้างๆ มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

"เช็ดหน้าก่อน จะได้สดชื่น"

ผมบอกพลางส่งผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กที่ชุบน้ำอุ่นและบิดหมาดๆ ให้คานิน ผ้าผืนนี้ผมเตรียมให้อย่างดี
ใส่น้ำหอมกลิ่นสดชื่นๆ มาให้ด้วย รับรองว่าเช็ดแล้วสดชื่นแน่นอน

"ขอบคุณครับ"

คานินรับไปแล้วก็ลงมือเช็ดหน้าเช็ดตา จังหวะนั้นเจ้าสี่ล้อคันงามก็เคลื่อนที่ออกไปด้วยฝีมือของผม

"หอมจังเลยครับ"

ผมหันไปยิ้มกับคานินที่สูดดมกลิ่นจากผ้าผืนนั้นอย่างมีความสุข

"น้ำหอมกลิ่นนี้ ผมเลือกเป็นพิเศษให้คานินเลยนะ สดชื่นดีไหม"

คานินหันมายิ้มและพยักหน้า

"คืนนี้คานินมานอนกับผมที่คอนโดนะ แล้วตอนเช้าค่อยไปขายหมูปิ้งด้วยกัน ผมจะได้ไปหาวินด้วย
ซื้อของมาฝากวินกับแนนเยอะแยะเลย"

"พรุ่งนี้ผมไม่ได้ขายครับคุณเป็ง" คานินเช็ดมือแล้วก็วางผ้าลงข้างๆ ตัว

"ทำไมล่ะ" ผมถามอย่างแปลกใจ

"พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ไงครับ ผมไม่ขายวันอาทิตย์เพราะว่าคนไม่ออกไปทำงานตอนเช้าไง"

"อ๋อ...เข้าใจละ"

"พรุ่งนี้ผมหยุดนะครับ พอดีเพื่อนที่ทำงานขอสลับวันหยุดกับผม"

"จริงเหรอ งั้นดีเลย เราไปเที่ยวกันนะคานิน พาแนนกับวินไปด้วย อ้อ เดี๋ยวผมจะชวนเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง
ไปหลายๆ คนจะได้สนุก แล้ว...คานินรู้ไหมว่าแนนอยากไปที่ไหน"

"ห้างครับ เขาบอกว่าไม่ได้ไปเที่ยวห้างหลายเดือนแล้ว เขาอยากไปดูหนังแล้วก็ซื้อเสื้อผ้าใหม่ด้วย"

สีหน้าของคานินเวลาพูดถึงน้องสาวกับหลานดูเศร้าจนสังเกตเห็นได้ เป็นผมก็คงเศร้าเหมือนกัน
แนนคงเหงามากที่ถูกสามีทิ้ง แถมยังต้องรับภาระเลี้ยงลูกคนเดียวอีก ไปไหนก็ไม่ได้

"ไปห้างก็ดีเหมือนกัน มีทุกอย่าง จะได้ไม่ต้องไปหลายๆ ที่"

"ครับ" คานินรับคำ สีหน้าดูครุ่นคิดจนผมสงสัย แต่ก็ยังไม่อยากถามอะไรมากตอนนี้

บ้านที่จัดงานวันเกิดนั้นอยู่แถวๆ ดินแดงแต่เข้าทางถนนรัชดาภิเษก มีลักษณะเป็นบ้านไม้
อยู่ท่ามกลางตึกสูง คอนโดและอพาร์ทเมนท์หรูๆ ไม่น่าเชื่อว่าบ้านหลังนี้หลุดรอดจากการกว้านซื้อมาได้
เชื่อว่าคงมีนายทุนมาขอเจรจาซื้อบ้านหลังนี้เอาไปทำคอนโดหลายเจ้า แต่เจ้าของบ้านคงใจแข็งน่าดู

ผมจอดรถไว้ข้างทางในซอยแล้วก็พาคานินเดินไปที่บ้านของเพื่อนคานิน เสียงดนตรีดังมาแต่ไกลเลย
พอมาถึงก็พบว่าประตูหน้าบ้านเปิดไว้แล้ว สนามหน้าหญ้าหน้าบ้านถูกจัดเป็นสถานที่จัดเลี้ยงอาหาร
มีคนนั่งรายล้อมตามโต๊ะต่างๆ ราวๆ สิบกว่าคน ดึกแล้วจึงเริ่มกินเหล้ามากกว่ากินข้าว พอได้ที่ก็ชักเสียงดัง

พอเราก้าวเข้ามาในพื้นที่บ้านก็กลายเป็นเป้าสายตาในฐานะผู้มาใหม่ทันที เหลียวซ้ายแลขวาไม่นาน
เจ้าของงานวันเกิดก็เดินดุ่มๆ ออกมาหาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

"พี่คานิน เชิญเลยค่ะๆ"

พอเห็นหน้าแล้วผมก็จำเธอได้เพราะเจอที่ร้านกาแฟบ่อยๆ

"แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับอัญ" คานินบอกพลางส่งกล่องของขวัญเล็กเท่าๆ กล่องนาฬิกาให้

"ขอบคุณมากค่ะพี่คานิน กินอะไรมาหรือยังคะ ไปนั่งด้วยกันดีกว่า" บอกพลางยิ้มระรื่น

อัญญาไม่ยื่นมือมารับของขวัญด้วยซ้ำ แต่คว้าข้อมือคานินแล้วก็ทำท่าเหมือนจะลากไปด้วย
แทบจะไม่สนใจเลยว่าคานินมากับใคร จนคานินต้องขืนตัวไว้แล้วรีบบอก

"อัญ...พี่พาคุณเป็งมาด้วย"

หญิงสาวที่คานินเรียกว่า "อัญ" หยุดแล้วหันมามองผม ผมมองดูมือเธอที่จับข้อมือของคานินไว้อย่างสนใจ

"อ้อ...งั้น...เชิญด้วยกันเลยค่ะ" อัญญาบอกพลางยิ้มให้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตาพยาบาทของผมหรือเปล่า อัญญาปล่อยมือคานินออกเป็นอิสระอย่างเกรงๆ
ผมจึงได้เห็นสีหน้าของคานินที่ลดความกระอักกระอ่วนใจลงไปได้บ้าง

ผมส่งกล่องของขวัญที่เตรียมมาให้อัญญาตามธรรมเนียม จะได้ไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไป

"แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับ"

"ขอบคุณค่ะคุณเป็ง" อัญญารับกล่องของขวัญจากผมไปอย่างงงๆ

เห็นอัญญากับคานินแล้วผมก็ชักตะหงิดใจ ยิ่งเห็นสายตาของอัญญาที่มองคานินแล้วผมก็ยิ่งสงสัย
ท่าทางผมคงจะปล่อยคานินให้อยู่ห่างๆ ผมไม่ได้เสียแล้วคืนนี้!

TBC...



ป.ล. จ. = พูดเป็นภาษาจีน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2016 09:13:20 โดย inxsara »

ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
แก้อะไร ตรงไหนอ่ะครับ ขี้เกียจอ่านทวน 555 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
แก้อะไร ตรงไหนอ่ะครับ ขี้เกียจอ่านทวน 555 :katai4: :katai4: :katai4:

ไม่มีอะไรครับ ปรับภาษานิดๆ หน่อยๆ ไม่ต้องอ่านทวนก็ได้ครับ

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เห็นด้วยมากที่คุณเป็งไม่ควรปล่อยให้คานินละสายตาไปได้ยิ่งมีอัญญาอยู่ด้วยแล้ว เธอนี้จะกินคานินให้ได้ใช่ไหม
เกิดอาการหวงแทน พระเอก  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
 Late  Happy Valentine นะคะ คุณคนแต่ง ...  :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ความผิดหวังของคนรุ่นก่อนเป็นบทเรียนที่ดีและช่วยปูทางให้กับคนรุ่นใหม่ไป เป็งก้อโชคดีไปน่ะ ยังไงก้อไปแสดงตัวซะไม่งั้นจะมีมดมาตอมน่ะจ้ะ ดีแล้วล่ะที่มาด้วยกัน ทุกคนจะได้รับรู้เพราะคานินเป็นคนขี้อายน่ะคงไม่กล้าพูดเองหรอก

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คุณเป็งห้ามคาดสายตาเลยนะคะ ไม่งั้นโดนอัญญากระแซะแน่ๆ เลยค่ะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   เป็งโชคดีมากๆเลยที่พ่อเข้าใจ แล้วแม่กับพี่ชายจะเข้าใจมั้ยอ่ะคับ
   เห็นชื่อตอนคิดว่าจะมีบทบู๊ ๕๕๕ เป็งคงหวงคานิน ที่ไหนได้คิดในใจ เป็งอยากหวงแบบออกหน้าละสิ ๕๕๕
   รอ รออ่านตอนต่อไคับ เป็งจะคิดยังไง เวลาคานินมาแบบนี้อ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2016 15:55:12 โดย GuoJeng »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
พ่อเป็งเจ๋งมากๆ ชอบอ่ะ
คราวนี้เป็งจะได้อยู่กับที่ซะที
ลุ้นว่าเป็งจะทำธุรกิจอะไร
อย่าลืมรับคานินไปช่วยงานนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด