▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover  (อ่าน 87659 ครั้ง)

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ มะฮอกกานี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบนะ ทำให้นึกถึงรักครั้งแรกของเรากับคนมีเขี้ยวเหมือนกัน  นานมากแล้ว
อ่านแล้วกลับมาจำรอยยิ้มมีเขี้ยวนั้นได้เลย

รอ

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านชอบคานินจังเข้าเป็นคนสู้ชีวิตดีจัง
ขอให้คุณเป็งจีบคานินได้เร็วๆ  :ling1: :hao6:

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover


ตอนที่ 3 อกหักก่อนรักเป็น




เป็ง

ผมขับรถมาตามทางที่หนุ่มเขี้ยวเสน่ห์บอกจนกระทั่งมาถึงอพาร์ทเมนท์ที่เจ้าตัวพักอาศัยอยู่ พอเห็นสภาพแล้วผมอดใจแป้วหน่อยๆ ไม่ได้ ถึงไม่ดูโทรมแต่ดูไม่น่าอยู่สำหรับผมเลย ไปๆ มาๆ ผมเริ่มคิดกังวล การจะรู้จักใครสักคนที่ต่างฐานะกันมากๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

วันนี้ผมอุตส่าห์เลือกเสื้อผ้ายี่ห้อลาคอสต์ที่ถือว่าถูกที่สุดแล้วสำหรับผมมาใส่ แม้ว่าจะตัวละไม่กี่พันบาทแต่ดูดีกว่าเสื้อผ้าทั่วๆ ไปมากพอสมควร อย่าหาว่าผมอวดรวยเลย ทั้งเนื้อทั้งตัวผมกับรถคันงามที่ขับมาด้วย สามารถซื้อบ้านและรถดีๆ ได้เลย ไม่รู้ว่าคานินเห็นแล้วจะคิดมากหรือเปล่า

พอขับเข้ามาในอพาร์ทเมนท์นี้ รถของผมจึงกลายเป็นเป้าสายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาโดยปริยาย ผมจอดรถข้างๆ อพาร์ทเมนท์ตรงที่จอดที่ยังว่างอยู่แล้วลงมาจากรถ ก่อนจะเดินลิ่วตรงมาตรงทางเข้า แต่ผมกลับพบว่าเข้าไปไม่ได้เพราะไม่มีคีย์การ์ด จึวยืนแกร่วรอกลางแดดที่แผดจ้าจนแสบผิว พยายามมองหาที่กำบัง แต่แดดยามใกล้เที่ยงส่องดิ่งลงจนทำให้อาคารต่างๆ เหลือเงาไม่มากให้หลบ

ก่อนที่ผมจะไหม้ซะก่อน คนที่ผมรอคอยวิ่งกระหืดกระหอบลงบันไดมาพอดี พอเห็นผมจึงรีบมาเปิดประตูให้

"เข้ามาก่อนครับ ร้อนแย่เลย"

เจ้าของน้ำเสียงที่ผมเคยบอกว่าฟังเพราะส่งยิ้มบางๆ มาให้ แม้ยังเห็นเขี้ยวไม่ชัดผมยังรู้สึกหวั่นไหว ผมรีบเดินเข้าไปข้างในประตูที่เปิดอ้าก่อนที่เสียงร้องเตือนของประตูจะดังขึ้น รู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เมื่อได้หลบแดดยามก่อนเที่ยงเสียที ไม่งั้นคงไหม้เป็นจุลไปแล้ว

"ขอบคุณครับ"

ผมบอกพลางใช้มือลูบแขนตัวเองที่แสบร้อน พอรู้ตัวว่ายืนขวางทางเข้าออกคนอื่นเราจึงหลบฉากไปอยู่ตรงมุมแทน

"ขอโทษด้วยที่ผมมาช้า พอดีขายหมูปิ้งเสร็จช้าไปหน่อย" หนุ่มเขี้ยวเสน่ห์บอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แล้วส่งของบางอย่างให้ผม

"ร่มของคุณเป็งครับ"

ผมรับร่มมาถือไว้ พอเห็นการแต่งตัวของคานินแล้วอดเปรียบเทียบเสื้อผ้าที่ผมใส่ไม่ได้  คานินใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ๊ตสีขาวไม่มียี่ห้อแต่ดูดีอยู่ กระนั้น ยังดูทันสมัยน้อยกว่าผมมากทีเดียว แม้ว่าผมใส่เพียงเสื้อโปโลกับกางเกงขายาวทรงทันสมัยสีน้ำเงินยี่ห้อที่ถูกที่สุดเท่าที่ผมมีอยู่ก็ตาม แต่พอบวกกับรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณและพร็อพทั้งหลายแหล่ของผมยิ่งทำให้เราดูต่างกันไปใหญ่ ผมจึงอดหวั่นใจไม่ได้ว่าคานินจะรู้สึก "ด้อย" จนไม่อยากคบกับผม

"คานินพร้อมยัง จะไปเลยไหม" ผมถามเมื่อเห็นว่าเราไม่ควรอยู่ตรงนี้นาน นอกจากจะดูแปลกๆ แล้วยังเกะกะคนอื่นอีกด้วย

"ครับ ไปเลยก็ได้" คานินรับคำสั้นๆ ท่าทียังดูเขินๆ และประหม่าอยู่

ผมไม่รอช้ารีบเดินนำหน้าออกไปก่อน พอถึงประตูจึงเปิดให้คานินเดินออกไปแล้วผมตามไปทีหลัง

"รถผมจอดอยู่ทางนี้"

ผมชี้บอกแล้วเดินนำไปที่รถ พอมาถึงคานินทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรถของผมหรือเปล่า เห็นอย่างนั้นผมจึงเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ ก่อนจะเชื้อเชิญอย่างสุภาพ

"เข้าไปนั่งสิคานิน"

คานินมองผมเพียงแวบเดียวแล้วก้าวขาเข้าไปนั่งข้างในตรงเบาะหน้า ผมปิดประตูให้แล้วเดินไปนั่งฝั่งคนขับ

"พร้อมยัง" ผมถามในขณะที่สตาร์ทรถไปด้วย คานินหันมาพยักหน้าแล้วมองดูจนทั่วรถของผม

"ไม่เคยนั่งรถแบบนี้เหรอ" ไม่รู้ว่าเป็นคำถามที่ควรถามหรือเปล่า แต่ผมดันถามไปแล้ว

"ไม่เคย จะเอาปัญญาที่ไหนมาซื้อรถแบบนี้ล่ะ" น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจทำให้ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ สงสัยผมคงถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม

"ขอโทษ ผมไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกคานินนะ"

"ไม่ต้องคิดมากหรอกคุณเป็ง คุณไม่ได้ดูถูกอะไรผมหรอก ผมไม่มีปัญญาซื้อจริงๆ นี่ ผมรับได้ที่ผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ว่าแต่คุณเป็งเหอะ รับผมได้หรือเปล่าล่ะ"

ยังไม่ทันขยับเขยื้อนไปไหน หนุ่มเขี้ยวเสน่ห์ของผมพลันถามคำถามที่กระแทกใจผมเข้าให้

"ทำไมคานินถามอย่างงั้นล่ะ"

"คุณเป็งกับผมต่างกันมากนะครับ"

"ทุกคนต้องต่างกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ"

คานินก้มดูมือตัวเองแล้วแค่นหัวเราะเบาๆ "ครับ ทุกคนต้องต่างกันอยู่แล้ว บางอย่างต่างกันแต่เอามาผสมลงตัวกันดี แต่บางอย่างต่างกันแล้วเอามาผสมกันไม่ได้ เหมือนส้มตำปูปลาร้ากับอาหารฝรั่งไงครับ ยังไงๆ มันก็ไม่เข้ากันหรอก"

ฟังคานินเปรียบเทียบแล้วผมจึงขำ "เข้าใจเปรียบเทียบนะ แล้วรู้ได้ยังไงล่ะว่าผมกับคานินจะเข้ากันไม่ได้ ไม่อยากลองพิสูจน์กันซักตั้งก่อนเหรอ"

ผมทำตากรุ้มกริ่มใส่ คนมีเขี้ยวคงเขินจึงเสมองไปทางอื่น

"ผมกำลังจะพิสูจน์อยู่นี่ไงครับ ไม่งั้นไม่ตกลงไปกับคุณเป็งหรอก"

"อ้อ งั้นเรามาพิสูจน์กันตั้งแต่วันนี้เลยละกันนะ ผมขอเวลาคานินไม่นานหรอก"

คานินยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหัวเราะเบาๆ "ได้ เดี๋ยวคุณเป็งก็รู้เองแหละครับว่าทำไมผมกับคุณเป็งถึงเป็นความต่างที่ไม่ลงตัวกัน"

"ขนาดนั้นเชียว" ผมเลิกคิ้ว

คานินพยักหน้า ผมยกยิ้มแล้วจึงค่อยๆ ถอยรถออก พอหันหัวได้ที่จึงขับออกไป

"จะฟังเพลงอะไรบอกได้นะ เดี๋ยวผมเปิดให้ฟัง ผมมีทุกแนวเลย" ผมถามขึ้นเมื่อเดินทางออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

"เพื่อชีวิตมีไหมครับ"

ผมชะงักกึก เอาล่ะสิ หนุ่มเขี้ยวเสน่ห์คงเริ่มทดสอบผมแล้วแน่ๆ งานนี้

"ไม่มี" ผมตอบเสียงอ่อยๆ

"งั้นลูกทุ่งล่ะครับ"

"ไม่มี"

"หมอลำล่ะครับ"

"ไม่มีเหมือนกัน"

คานินหัวเราะชอบใจใหญ่เลยคราวนี้ "อะไรๆ คุณเป็งก็ไม่มีซักอย่าง ไหนบอกว่ามีทุกอย่างไงครับ"

ผมหน้าจ๋อยสนิท ไม่คิดว่าจะเจอไม้นี้เข้า "แต่ละแนวที่คานินพูดมา ผมไม่เคยฟังเลย ไม่รู้จักด้วยซ้ำ"

คานินนั่งขำแล้วส่ายหัวไปมา "จะเปิดอะไรก็เปิดเถอะครับ ผมฟังได้ทั้งนั้นแหละ"

"งั้นผมไม่เปิดดีกว่า อยากคุยกับคานิน"

คานินหันมามองผม เลิกคิ้วและทำหน้าออกเหวอๆ แต่ไม่พูดอะไร ผมจึงถามซะเอง

"แล้วรู้หรือยังว่าผมจะพาคานินไปไหน"

คานินส่ายหัว

"ผมจะพาไปกินข้าวก่อน"

"ที่ไหนครับ" คานินรีบหันมาถามทันทีโดยไม่รอให้ผมพูดต่อ

"ร้านที่ผมชอบไปแถวๆ สุขุมวิทนั่นแหละ"

"งั้นก็แพงสิครับ"

ผมหันไปมองแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า "ไม่ถึงกับแพงมากหรอก"

"งั้นผมไม่ไป"

ผมตกใจจนแทบจะเบรกรถกึก ดีที่ตั้งสติได้ก่อนแล้วหันไปถาม

"ทำไมล่ะ"

"ผมไม่มีปัญหาจ่ายค่าอาหารร้านที่คุณชอบไปกินหรอก"

"เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง คานินไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก" ผมยิ้มกว้างเปิดเผย

"แต่ผมกังวล เกิดวันหนึ่งผมกับคุณเป็งเป็นเพื่อนกัน คุณเป็งจะมาคอยออกเงินให้ผมอย่างนี้ไม่ได้หรอกครับ ถึงผมจะจนยังไง ผมไม่ชอบให้ใครมาช่วยแบบนี้ ผมมีศักดิ์ศรีนะครับ"

ผมคิดตามแล้วชักจะเห็นด้วย คานินเป็นผู้ชายเหมือนผม ชอบพึ่งพาตัวเองเป็นหลักมากกว่า คงไม่ดีแน่ถ้าต้องคอยพึ่งพาผมทางเศรษฐกิจบ่อยๆ ความสัมพันธ์ไม่ยืดยาวแน่นอน

"คุณเป็งอยากรู้จักผมจริงๆ หรือเปล่าครับ"

ผมหันไปพยักหน้าแล้วหันกลับมามองทางตามเดิม "จริงสิ ไม่งั้นผมจะมาหาคานินทำไมล่ะ"

"ถ้างั้น..."


คานิน

หนุ่มหน้าตี๋ถึงกับหน้าเหวอเมื่อเห็นบรรดาอาหารจากร้านเพิงหมาแหงนเรสเตอรองท์ทยอยวางลงตรงหน้า ส้มตำปูปลาร้ารสจัดจ้าน ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน ลาบน้ำตกหมู ซุปหน่อไม้และกระติบข้าวเหนียวกล่องเล็ก ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นของอร่อยของคนธรรมดาอย่างผมทั้งนั้น

"เอาเลยครับ ตามสบายเลย มื้อนี้ผมเลี้ยงคุณเป็งเอง ส่วนมื้อค่ำ คุณเป็งเลี้ยงผมอย่างที่อยากเลี้ยงละกัน"

หนุ่มตี๋หน้าแหย มองดูอาหารแต่ละอย่างแล้วคงกลัวไม่น้อย เพราะแต่ละอย่างเผ็ดๆ ทั้งนั้น

"กินยังไงเหรอ ผมกินไม่เป็น" เป็งบอกอย่างอายๆ

"เดี๋ยวผมสาธิตให้ดู" ว่าแล้วผมจึงจกข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมๆ พอดีคำ หยิบใส่ปากแล้วใช้ส้อมตักส้มตำปูปลาร้าตามไป ก่อนจะซี๊ดปากอย่างถึงอกถึงใจ เล่นเอาหนุ่มตี๋หวาดเสียวไม่น้อย

"สุดยอดเลยครับคุณเป็ง แซ่บถึงใจเลยครับ"

หนุ่มตี๋ยังคงหน้าแหย มองผมเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ แต่ยังไม่กล้าลงมือกินอะไรสักอย่าง ผมเคี้ยวข้าวและกลืนลงไปหมดแล้วจึงถาม

"ไม่กล้ากินเหรอครับ ไหนบอกว่าอยากรู้จักผมไง"

"เปล่าๆๆๆ" เป็งปฏิเสธเป็นพัลวันแต่สีหน้ายังดูกลัวๆ อย่างเห็นได้ชัด

"งั้นก็กินสิครับ ผมแนะนำส้มตำปูปลาร้ารสเด็ดเลย หอมปลาร้า เผ็ดสะใจ เปรี้ยวนิด หวานหน่อย แซ่บอย่าบอกใครเลยครับ"

เป็งพยักหน้า จากนั้นจึงเปิดกระติบข้าวเหนียวของตัวเอง บิออกมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เหมือนผม ก่อนส่งเข้าปากยังมองดูอีกรอบ คล้ายกับไม่แน่ใจว่ากินได้ พอเห็นผมมองกดดันจึงส่งเข้าปากไป เอาส้อมตักส้มตำปูปลาร้าขึ้นมา แค่ได้กลิ่นก็แทบผงะแล้ว เป็งจึงทำจมูกฟุดฟิดๆ ใหญ่

"ลองดูหน่อยสิครับคุณเป็ง อร่อยนะครับ" ผมคะยั้นคะยอ

เป็งกลั้นหายใจ เพียงอึดใจเดียวจึงส่งส้มตำปูปลาร้าเข้าปากไปรวมกับข้าวเหนียว

"เป็นไงบ้างครับคุณเป็ง อร่อยใช่ไหมครับ"

หนุ่มตี๋หน้าเหวอหนัก จะกลืนก็กลืนไม่เข้า จะคายก็คายไม่ออก หน้าตาหูเหอเริ่มแดงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ แต่ด้วยมารยาท เป็งจึงพยักหน้าอย่างเสียมิได้

"ถ้าอร่อยก็กินสิครับ" ผมคะยั้นคะยอ

หนุ่มตี๋จึงจำใจเคี้ยวส้มตำปูปลาร้าและข้าวเหนียวอย่างผะอืดผะอม คงเผ็ดน่าดู แถมรสชาติคงแปลกจากที่เคยกิน แต่ด้วยสปิริตเต็มเปี่ยม หนุ่มตี๋ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งเคี้ยวและกลืนลงท้องไป แล้วรีบหยิบแก้วน้ำมาดื่มแทบไม่ทัน

"ชอบไหมครับคุณเป็ง"

หนุ่มตี๋ไฮโซคงจะทนไม่ไหวแล้ว วางแก้วน้ำลงแล้วสูดปากใหญ่ เผ็ดขนาดนั้นยังอุตส่าห์กัดฟันยิ้ม

"อร่อยครับ"

"งั้นกินอีกสิครับ"

"หา! กินอีกเหรอ" เป็งเลิกคิ้วคล้ายกับจะถามว่าผมพูดเล่นหรือเปล่า

ผมพยักหน้าแล้วจกข้าวเหนียวมาปั้น ส่งเข้าปากแล้วตามด้วยส้มตำเหมือนเดิม "แซ่บอีหลี คุณเป็งต้องกินเยอะๆ นะครับ ไม่งั้นคนเลี้ยงเสียดายแย่เลย"

"ครับ"

เป็งจกข้าวเหนียวมาปั้นแล้วส่งเข้าปาก ตามด้วยส้มตำปูปลาร้า เคี้ยวตุ้ยๆ สักพักจึงกลืนลงไป จากนั้นตามด้วยน้ำจนหมดแก้ว ไม่รู้ว่าจะอิ่มข้าวหรืออิ่มน้ำกันแน่ หน้าขาวใสแดงก่ำจากฤทธิ์เผ็ดจนไปถึงใบหู แต่ยังมีสปิริตและไม่บ่นสักคำ ให้กินอะไรก็กินทุกอย่าง แต่กินได้อย่างละนิดละหน่อยเท่านั้น ไม่รู้ว่าผมใจร้ายไปหรือเปล่า ขอลองใจดูหน่อยละกันว่าอยากรู้จักจริงแค่ไหน

"คานินไม่เผ็ดเลยเหรอ" เป็งถามไปสูดปากไป

"เผ็ดครับ แต่กินได้ คุณเป็งไม่เคยกินแบบนี้เลยเหรอ"

หนุ่มตี๋ส่ายหน้าเดียะจนผมอดขำไม่ได้

"ผมกินแบบนี้เป็นประจำเลย แต่คุณเป็งเก่งนะครับ ขนาดไม่เคยกินยังกินได้ขนาดนี้"

"ครับ" คนถูกชมหัวเราะแหะๆ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีกคำรบ

"อิ่มหรือเปล่าครับ ถ้าไม่อิ่มผมจะได้สั่งเพิ่ม"

"อิ่มแล้วครับๆ ไม่เพิ่มแล้วครับ" เป็งรีบบอกอย่างรวดเร็ว

"เหรอครับ เสียดายจัง เห็นว่าชอบ ว่าจะเลี้ยงให้เต็มที่ไปเลยซะหน่อย" ผมแสร้งว่า

"ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ ผมยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่อีกหน่อยคงชิน น่าจะกินได้เยอะกว่านี้"

เป็งแบ่งรับแบ่งสู้แล้วส่งยิ้มแปลกๆ ให้ผม

"แค่ได้เห็นคานินยิ้ม ผมสู้ตายอยู่แล้วล่ะ"

เริ่มพูดจาแปลกๆ อีกแล้ว ผมทำหน้าไม่ถูกเลย ได้แต่เกาท้ายทอยเล่นแล้วหันไปมองหาเด็กในร้าน พอสบจังหวะเหมาะจึงเรียกพร้อมกวักมือ

"เก็บตังค์ด้วยครับ"

"ไปกินไอติมอร่อยๆ กันไหม จะได้หายเผ็ด" เป็งถามขึ้นขณะที่รอเด็กในร้านเอาบิลมาให้ ผมหันไปพยักหน้าตกลง "ได้ครับ"

"ผมเลี้ยงนะ"

ผมพยักหน้าตกลงก่อนจะรับใบเสร็จอาหารมาดูราคา จะว่าไปก็ไม่เลวเหมือนกัน ผมเลี้ยงอาหารกลางวัน เป็งเลี้ยงไอศครีม เสมอภาคกันดีออก


"คานินเป็นคนกรุงเทพหรือเปล่า"

"เปล่าครับ แต่อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ" ผมตอบไปแล้วตักไอติมขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย นานๆ ได้จะได้กินแบบนี้ที

"แถวไหนล่ะ" เป็งถามด้วยความอยากรู้

"นครนายก แต่ไม่ได้อยู่ใกล้อำเภอเมืองเท่าไหร่"

"ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก แล้วมาอยู่กรุงเทพนานแล้วเหรอ" เป็งถามแล้วตักไอศครีมกินบ้าง

"อยู่ตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้วครับ"

เป็งพยักหน้ารับรู้

"แล้วคุณเป็งล่ะ"

"ผมเป็นคนเชียงราย มาจากอำเภอแม่สะลอง แต่ไม่ใช่คนเหนือหรอก คานินเคยไปที่นั่นไหม ที่ดอยแม่สะลองน่ะ มีคนจีนที่อพยพมาช่วงสงครามเยอะเลย พ่อแม่ผมก็เป็นคนจีน จีนกันทั้งบ้านเลย เรามีธุรกิจร้านอาหารจีนสองร้าน อยู่บนดอยนั่นแหละ ไว้วันหลังมีโอกาสผมจะพาไปกิน อร่อยนะ คานินเคยกินอาหารจีนยูนนานแท้ๆ หรือเปล่า"

"ไม่เคย" ผมบอกพร้อมกับส่ายหน้า "แล้วทำไมคุณเป็งมาอยู่กรุงเทพล่ะ"

"มาเรียนไง มาอยู่ตั้งแต่มัธยมแล้ว พอจบแล้วก็ไม่ได้ทำงานอย่างที่เรียนหรอก ตอนนี้ผมเป็นฟาซิลิเตเตอร์ เรื่องการสื่อสารอย่างสันติอยู่ ลองทำมาได้สองสามปีแล้ว ไม่รู้ว่าจับพลัดจับผลูมาทำงานนี้ได้ยังไงเหมือนกัน"

"มันคืออะไรเหรอครับ" ผมถามอย่างสงสัย

"อ๋อ...มันคล้ายๆ การอบรมอย่างหนึ่งนั่นแหละ เดี๋ยวนี้ในองค์กรต่างๆ มีปัญหาขัดแย้งภายในเยอะ พอคนทำงานไม่เข้าใจกันก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน การสื่อสารอย่างสันติก็จะเข้ามาช่วยตรงนี้ไง ผมกับทีมงานช่วยจัดกระบวนการให้คนที่มีความขัดแย้งกัน หรืออยากรู้จักกันมากขึ้นมาคุยกันด้วยสันติวิธี ทำให้คนที่ขัดแย้งกล้าเปิดใจพูดถึงปัญหาแต่ไม่ขัดแย้งกัน ประมาณนั้นแหละ อบทีก็ใช้เวลาสองสามวัน ส่วนมากผมจะพาไปโรงแรมใกล้ๆ กรุงเทพนี่แหละ ได้เงินไม่เยอะหรอก ที่มีกินมีใช้ส่วนมากมาจากพอกอทั้งนั้น"

เป็งพูดแล้วขำ ผมเลยพลอยขำไปด้วย แต่ไม่ค่อยเข้าใจงานี่เป็งทำนักหรอก ฟังดูแปลกๆ จนไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร

"ถามจริง คานินไม่สงสัยเลยเหรอว่าผมพาคานินออกมาทำไม"

พอหยุดขำผมพลันอึ้งต่อ "คุณเป็งอยากรู้จักผมไม่ใช่เหรอ"

"แล้วคานินรู้ไหมว่าทำไมผมอยากรู้จักคานิน"

ผมส่ายหัวอีก ดูเหมือนชายหนุ่มผู้นี้จะต้อนผมไปไหนสักที่

"ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง" เป็งหยุดรอดูความสนใจจากผมแล้วจึงเล่าต่อ

"มีอยู่วันหนึ่งตอนอยู่มอสาม ผมมาเดินเล่นแถวๆ สยามกับเพื่อนๆ นี่แหละ เดินไปเดินมา จู่ๆ ผมเจอกับสาวน้อยคนหนึ่ง เธอยิ้มให้ผมด้วย คานินรู้ไหมว่ามีบางอย่างที่ทำให้ผมประทับใจมาก เธอเป็นสาวน้อยมีเขี้ยว ผมไม่เคยเจอคนมีเขี้ยวมาก่อนเลย พอเจอปุ๊บก็ชอบปั๊บ ชอบจนเพ้อเลย แต่เชื่อไหม หลังจากวันนั้น...ผมไม่เคยเจอสาวมีเขี้ยวอีกเลย คงไม่แปลกใจนะถ้าผมจะบอกว่า...ผมโสดสนิท ไม่มีแฟนมาตั้งแต่ตอนนั้น เพราะผมตั้งใจแน่วแน่ว่า...ถ้าจะมีแฟนต้องเป็นสาวมีเขี้ยวเท่านั้น แต่มันแปลกจริงๆ นะ ผมไม่เคยเจอสาวมีเขี้ยวอีกเลย ตลกมาก"

เป็งเล่าไปยิ้มไป แถมยังคอยจ้องตาผมเป็นระยะๆ อีกด้วย ผมชักรู้สึกตะหงิดๆ เพราะมีเขี้ยวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าที่เล่ามาทั้งหมดมีอะไรเกี่ยวข้องกับผมด้วยหรือเปล่า

"แล้วไงเหรอครับ" ผมถามออกไปทั้งๆ ที่ไม่อยากถาม แต่ปากดันถามไปแล้ว

"ยังไงดีล่ะ" เป็งกัดริมฝีปากล่างแล้วครุ่นคิด "ผมอยากเจอคนมีเขี้ยวมาก เพื่อนพาสาวคนไหนมาให้รู้จักผมก็ไม่เอา สวยแค่ไหนผมก็แค่มองผ่าน ไม่ใช่ไม่มองนะ ตามประสาผู้ชายก็มองบ้างแหละ แต่ผมยืนยัน ไม่ว่ายังไงๆ ผมต้องมีแฟนเป็นสาวมีเขี้ยวให้ได้ คานินคิดดูสิว่าผมเหงาขนาดไหน ตั้งแต่สิบห้าจนยี่สิบห้า ยังไม่เคยมีแฟนเลย"

ผมพยักหน้ารับรู้ นึกอยากถามให้ชัดๆ ไปเลยว่ามันเกี่ยวกับผมตรงไหนแต่กลับไม่ถาม

"แต่ตอนนี้นะ" เป็งยิ้มเขินโดยไม่รู้สาเหตุ สบตากับผมแล้วหลบตา ก่อนจะหันกลับมาสบตาอีกรอบ

"ถึงไม่ได้เจอสาวมีเขี้ยว แต่ว่า..."

"เอ่อ...คืออย่างงี้ครับคุณเป็ง ผมมีอะไรจะบอกคุณเป็งเหมือนกันครับ" ผมรีบพูดดักก่อนที่เป็งจะทันได้พูดบางอย่างที่ผมพอจะเดาได้ไม่ยากนัก

"อะไรเหรอครับ" เป็งถามอย่างสงสัย สีหน้าเริ่มดูหวาดระแวง

"คืออย่างงี้ครับ" ว่าแล้วผมจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ค้นหารูปที่ต้องการอยู่สักพักแล้วส่งให้เป็งดู

"ผมมีลูกชายแล้วครับ คุณเป็งดูสิ ลูกชายผมน่ารักไหมครับ"

เป็งหน้าเหวออ้าปากค้าง หน้าที่เคยแดงจากรสเผ็ดก่อนหน้านี้ซีดเสียจนแทบเป็นกระดาษขาวๆ แผ่นหนึ่ง รอยยิ้มสดใสเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น คงช็อคมากที่ความหวังพลันถูกดับตั้งแต่ยังไม่เกิด

"จริงเหรอคานิน" เป็งพูดเสียงสั่น หน้าเศร้าจนเหมือนคนกำลังจะร้องไห้

ตอนแรกผมนึกอยากตอบชัดๆ ไปเลยว่าใช่ แต่พอเห็นเป็งเสียใจแล้วผมกลับไม่กล้า จึงได้แต่พยักหน้าช้าๆ

เป็งก้มหน้าลงต่ำ สีหน้าที่ดูผิดหวังนั้นทำให้ผมแทบทนไม่ไหว แต่เมื่อบอกไปแล้วผมไม่อยากคืนคำ ยังไงๆ ผมคงไม่พร้อมมีแฟนเป็นผู้ชายหรอก อีกอย่าง ผมกับเป็งต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่มีอะไรเข้ากันได้เลย

ผมรู้สึกสงสารเป็งจับจิตจับใจ คนๆ หนึ่งรออะไรบางอย่างมาตั้งนาน วันหนึ่งเห็นอยู่ตรงหน้า พอจะเอื้อมมือไปคว้ากลับหายไปต่อหน้าต่อตา คงน่าเศร้ามากทีเดียว แต่เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ผมคิดว่าเป็งคงเศร้าไม่นานหรอก อีกหน่อยเป็งอาจเจอสาวมีเขี้ยวสมใจก็ได้ ผู้หญิงมีเขี้ยวมีออกเยอะแยะ

เป็งเงยหน้าขึ้นมามองผม ใบหน้าเศร้านั้นทำเอาผมแทบอยากคืนคำพูดเสียตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้า แต่อะไรบางอย่างบอกผมว่าคนๆ นี้พอคบได้ ที่สำคัญ ผมไม่อยากทำให้ใครเสียใจเพราะผมหรอก

"ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันก็ได้ แต่ว่า...ขากลับ ผมขอขึ้นไปดูลูกชายของคานินหน่อยได้ไหม ผมอยากเห็นลูกชายของคานิน...ได้ไหมครับ"

ผมถึงกับสะดุ้ง จะโกหกว่าลูกไม่ได้อยู่ด้วยคงตอแหลเกินไป แค่นี้ก็บาปจะแย่อยู่แล้ว

"อ๋อ...ได้ครับ" ผมรับปากแล้วยิ้มเจื่อนๆ

- - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + 

กินไอศครีมเสร็จแล้วเป็งจึงไปส่งผมที่อพาร์ทเมนท์ เรานั่งเงียบๆ และแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย ระหว่างนั้นผมส่งไลน์หาน้องสาว ขอร้องให้เธอช่วยโกหกว่าเป็นแฟนผม แนนถึงกับเต้นผาง

"เดี๋ยวขี้กลากขึ้นหัวกันพอดี ไม่เอาหรอก"

ผมต้องหว่านล้อมอยู่สักพักน้องสาวถึงได้ยอมแกล้งเป็นแฟนให้ แต่กลัวเป็งจับได้อยู่เหมือนกัน แนนหน้าตาคล้ายผมพอสมควร พลอยทำให้ลูกของแนนหน้าตาเหมือนผมไปด้วย ถ้าโกหกว่าหลานเป็นลูกคงเนียนสนิทจนไม่มีใครสงสัย

พอมาถึงอพาร์ทเมนท์ ผมจึงพาเป็งเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องน้องสาวเพราะที่นี่ไม่มีลิฟต์ เราอยู่แค่ชั้นสองจึงไม่ต้องเดินให้เหนื่อยมาก ไม่นานนักจึงมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของแนน ผมเคาะประตูไม่นานแนนจึงมาเปิดพร้อมกับอุ้มวินมาด้วย

"เชิญเลยค่ะ ห้องแคบไปหน่อยนะคะ" แนนเอ่ยเชื้อเชิญพร้อมกับยิ้มอายๆ

"ไม่เป็นไรครับ" เป็งยิ้มเม้มปากให้แนนแล้วหันมาถามผม "แฟนคานินเหรอ"

ผมอึ้งไปเล็กน้อย พอรู้ตัวจึงรีบรับคำอย่างเงอะเงิ่น "อ้อ...ครับ แฟนผมชื่อแนนครับ แนน...นี่คุณเป็งนะ เพื่อนพี่ เขาอยากมาเยี่ยมวินน่ะ"

พูดไปแล้วชักกระดากปาก เริ่มไม่สนุกซะแล้วที่ต้องโกหก

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอ...แนนนี่หน้าตาคล้ายคานินมากเลย เขาถึงบอกว่าคนหน้าตาคล้ายกันมักเป็นเนื้อคู่กัน สงสัยจะจริง ดูดิ หน้าเหมือนกันมากเลย"

ผมกับแนนยิ้มแหยๆ สักพักแนนจึงเออออห่อหมกไปด้วย "ค่ะ ก็ว่าอย่างงั้นแหละค่ะ"

แนนเดินนำพาผมกับเป็งเข้าไปในห้อง เป็งไม่แสดงท่าทีรังเกียจห้องเล็กๆ ยังกับรูหนูของแนนเลย แถมยังขออุ้มวินเล่นด้วย เล่นไปเล่นมาชักถูกใจกัน เป็งขอให้แนนช่วยหาด้ายผูกแขนให้ แนนอุตส่าห์วิ่งลงไปหามาให้จนได้ วินจึงได้รับผูกข้อมือจากเป็งพร้อมกับเงินผูกแขนหนึ่งพันบาท

เล่นกับวินสักพักเป็งจึงขอตัวกลับ ผมกับแนนถึงกับต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"ไม่เอาแล้วนะพี่ ให้เล่นอะไรก็ไม่รู้ แนนกระดากปากน่ะ" แนนพูดขึ้นเมื่อผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหลังจากที่ไปส่งเป็งที่รถ

ผมทำเสียงจิ๊กจั๊กแล้วพยักหน้าเห็นด้วย "พี่ก็เหมือนกัน"

"คนนี้ใช่ไหมที่ให้ร่มพี่มา" แนนถามแล้วเอาลูกไปนอนในเปล เตรียมตัวแช่ข้าวเหนียวไว้สำหรับพรุ่งนี้

ผมพยักหน้ายอมรับ

"กลัวเขาจีบพี่เหรอ" แนนถามอย่างรู้ทัน แค่นี้ไม่น่าเป็นเรื่องยากที่จะเดาได้

"อือ" ผมยอมรับไปตามตรง

- - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + - - +

ผมคุยกับแนนสักพักแล้วกลับมาที่ห้องของตัวเอง แปลกใจตัวเองที่ผมยังนึกสงสารเป็งอยู่ แม้ไม่อยากสนใจกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ผมดับความหวังคนๆ หนึ่งที่รออะไรบางอย่างมาตั้งนานไปแล้ว ยิ่งนึกถึงหน้าตาเศร้าๆ และท่าทางผิดหวังของเป็งตอนอยู่ร้านไอศครีมยิ่งรู้สึกผิด ยังไม่ทันได้รัก ผมดันทำเขาอกหักไปซะแล้ว

ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่เป็นชั่วโมง สุดท้ายทนฟุ้งซ่านไม่ไหว ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาเป็ง ไม่นานนักคนที่ผมต้องการคุยด้วยจึงรับสาย

"คุณเป็ง ผมมีอะไรจะบอกครับ" ผมบอกไปทันทีที่เป็งรับสาย ไม่ทันทักทายสวัสดีกันด้วยซ้ำ

"เอาไว้คุยกันวันหลังนะคานิน ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาล"

เสียงแหบพร่าเหมือนคนหมดแรงทำเอาผมตกใจไม่น้อย "คุณเป็งเป็นอะไรเหรอครับ"

"ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ แค่นี้ก่อนนะครับ"

แย่แล้ว! นี่ผมแกล้งเป็งจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยหรือนี่!

โธ่คุณเป็ง ผมขอโทษ!!!

TBC...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2016 11:35:51 โดย inxsara »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   อยากอ่านต่ออะคับ ไม่น่าปล่อยค้างที่โรงบาลเลย ๕๕๕  :pigha2: :pigha2:
    แกล้งพาไปกินของเผ็ดๆหลอกว่ามีลูกอีกและแล้วคานินก็ใจอ่อนจนได้ คุณเป็งรู้แล้วเอาคืนเลยนะ เชื่อว่าคุณเป็งต้องจีบอย่างมีชั้นเชิง ๕๕๕ 

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :mew2: น่าสงสารเชียวคุณเป็ง โดนคานินแกล้งจนท้องเสียเลย คนนี้ก้อเพื่อรักแล้วยอมสู้เต็มที่เลยน่ะเนี่ย อย่างน้อยคุณก้อทำให้คานินหวั่นไหวได้แหละน่ะ สู้ ๆ จ้ะ  :mew1: ยังไงตอนหน้าคานินต้องยอมสารภาพแน่ ๆ ปลาร้ากับเราเนี่ยไม่ถูกกับเราอย่างแรงจริง ๆ คุณเป็งยอมกินได้เนี่ย สุดยอดจริง ๆ  o13
เรื่องนี้น่ารักดีน่ะ เราชอบน่ะ แต่ละคนดูเป็นธรรมชาติดีน่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ก็ไปแกล้งเขานะ สงสารต้องเข้าโรงพยาบาลเลย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ก็คิดอยู่ว่าเป็งน่าจะท้องเสีย คานินรีบตามไปดูแลเป็งที่โรงพยาบาลเลยนะ

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
 :เฮ้อ: สงสารเป็งถึงขั้นนอนโรงพยาบาลเลยง่ะ
คานินรีบไปดูแลด่วนเลย  :hao7:
เนื้อเรื้องน่ารักดีค่ะ อ่านแล้วไปหน่อยกลัวเป็งได้กินแห้ว! 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เจ็บคราวนี้คุ้มอยู่นะเป็ง
คานินสงสารขึ้นอีกหลายเท่าเลย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ทำไมไม่มีหนุ่มหล่อมาชวนเราไปข้างนอกแบบนี้บ้างนะ....กระซิกๆ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เอาแล้วไง....ไปเยี่ยมคุณเป็งด่วนๆเลยนะคานิน อิอิ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โธ่ สงสารเป็งจังยังไม่ทันเริ่มก็มีแววอกหักซะแล้ว แถมยังถูกแกล้งจนเข้ารพ. อีก

ยังไงก็สู้ๆ นะเป็ง คานินเหมือนจะใจอ่อนแล้ว แต่ถ้าใครเห็นแบบนั้นก็คงมีท้อเพราะคิดว่าเป็นแฟนจริงๆ อยู่แล้วล่ะ

หวังว่าเป็งจะรู้ความจริงๆ เร็วๆ ว่าเป็นแค่น้องสาวไม่ใช่แฟนจริงๆ เร็วนะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
โธ่วววว เป็งน่าสงสารรรร

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
โอ้ยยย สงสารคุณเป็ง  :sad4:
คานินใจร้ายยย 

ตอนอกหักว่าสงสารแล้ว ตอนอาหารเป็นพิษยิ่งน่าสงสารเข้าไปอีก 55555

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
ไม่ชอบก็บอกดีๆ ทำตัวเหมือนอ่อยเขาแล้วก็แกล้งเขา นิสัยไม่ดีจริงๆ

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
อาหารเป็นพิษกันเลยทีเดียว คานินแกล้งหนักไปแล้วนะ ไหนจะโกหกว่ามีเมีย มีลูกแล้วอีก

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ขี้แกล้งอ่ะ ให้กินส้มตำปลาร้าเผ็ดๆ ผมยังไม่กล้ากินเลย กินแต่ตำไทย 555+
นี่ถึงขนาดท้องเสีย เข้า รพ. กันเลย
แถมยังบอกมีเมียมีลูกอีก หึหึ

ระวังโดนเอาคืนนะ 5555+

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
ไม่เกินวันพฤหัสบจะมาอัปเดตนะครับ ถ้าพรุ่งนี้เสร็จงานทันอาจจะได้เขียน
ถ้าไม่ได้ก็อย่างช้าพฤหัสครับ อยากเขียนตอนต่อไปมากๆ ดูซิว่าคนขี้แกล้งจะเจออะไร อิๆ
 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


แปลกนะคะ เราว่าวิธีปฏิเสธกันแบบสุภาพก็มีเยอะแยะ
คานินทำแบบนี้ไม่สงสารเป็งคนที่ตัวเองคิดจะคบหากันเป็นเพื่อนบ้างเลยหรือ?
พาไปกินร้านข้างทางน่ะเข้าใจได้ แต่ไปกินข้าวกับเพื่อนใหม่ ใจคอจะไม่ถามเขาหน่อยหรือว่ากินอะไรได้ หรือไม่ได้?
เกิดเขากินเผ็ด กินปลาร้าได้ แต่เขาแพ้บางอย่างที่สั่งมาจนเกิดอาการรุนแรง... จะทำยังไง?

แล้วหลังจากนี้จะยังไงต่อล่ะคานิน?
พอเขาป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็ไปดูแลเขาจนใจอ่อนแล้วกลืนน้ำลายตัวเองง่าย ๆ อย่างนั้นน่ะหรือ?

ขอโทษนะคะหากเราตั้งคำถามมากมายเกินไป...
แต่เรื่องรักคอมเมดี้ที่มีพื้นหลังเป็นโลกแห่งความจริงนี่ก็มีคำถามซีเรียส ๆ ที่ชวนให้เราตั้งข้อสังเกตได้เยอะเหมือนกันค่ะ
ด้วยความเคารพ  :pig4:


ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อยากอ่านคานิน ตอนใหม่เร็วๆจังคับ รออ่าน รออ่าน
  อากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ดูแลสุขภาพด้วยนะคับ

ออฟไลน์ ป๋า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คือก็ยังดูแย้งๆอยู่นะครับ เป็งชอบคานิน คิดว่าคงไม่สนใจเรื่องฐานะหรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าคานินทำงานร้านกาแฟ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูว่าเป็งจะเปรียบเทียบตัวเองกับคานินเหลือเกินเลย ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมรสนิยมที่อยู่อาศัยอ่ะ  :ruready

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
คือก็ยังดูแย้งๆอยู่นะครับ เป็งชอบคานิน คิดว่าคงไม่สนใจเรื่องฐานะหรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าคานินทำงานร้านกาแฟ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูว่าเป็งจะเปรียบเทียบตัวเองกับคานินเหลือเกินเลย ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมรสนิยมที่อยู่อาศัยอ่ะ  :ruready

เป็งพยายามจะลดช่องว่างของตัวเองกับคานินมากกว่าครับ แต่ขนาดว่าใส่เสื้อผ้าที่ถูกลงก็ยังดูต่างกันมากอยู่
ไม่ได้เปรียบเทียบเพราะว่าจะดูถูก แต่เป็งแค่เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองมีทำให้ตัวเองต่างจากคานินมากไปหน่อย
ก็เลยกลัวว่าคานินอาจจะรู้สึกไม่สบายใจหรือกลัวที่จะคบกันเป็ง
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนใจเรื่องฐานะ แต่คนที่มีวิถีชีวิตต่างกันมากๆ ย่อมมีช่องว่างเป็นธรรมดาครับ
ต้องคอยดูว่าสองคนนี้จะปรับตัวเข้าหากันยังไง (ในกรณีที่ตัดสินใจว่าจะรักกัน)

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :hao7:รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
▼ツ▼หนุ่มเขี้ยวเปรี้ยวใจ ☂ My Canine Lover


ตอนที่ 4 คะแนนสงสาร



คานิน...

ผมว่าจะช่วยน้องสาวดูแลหลานตอนที่นึ่งข้าวเหนียวซะหน่อย พอเกิดเรื่องอย่างนี้จึงต้องรีบแจ้นมาโรงพยาบาล หลังจากที่ส่งไลน์ถามเป็งไปว่าอยู่ที่ไหน ผมจึงพาตัวเองมาจนถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่เป็งนอนพักอยู่ เป็งให้รายละเอียดมาในไลน์หมดแล้ว ผมแค่แจ้งชื่อและหมายเลขห้องแล้วขึ้นมาเยี่ยมเป็งได้เลย

พอเปิดประตูเข้าไปในห้องจึงเห็นหนุ่มตี๋นอนหน้าซีดเซียวพร้อมกับสายน้ำเกลือห้อยอยู่ ผมปรี่เข้าไปหาแล้วย่อตัวลงนั่งข้างๆ เตียง สีหน้าแสดงความรู้สึกผิดอย่างเต็มที่

"คุณเป็งเป็นไงบ้างครับ"

แม้จะอ่อนแรงแต่เป็งยังอุตส่าห์ยิ้มให้เมื่อเห็นผมมาหา "ดีขึ้นแล้ว พอออกมาจากอพาร์ทเมนท์ของคานิน ผมขับรถหาปั๊มแทบไม่ทัน เข้าห้องน้ำไปหลายรอบเลย พอดีขึ้นหน่อยเลยขับมาโรงพยาบาลเอง"

เป็งพูดอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

"คุณเป็ง ผมขอโทษนะครับ" ผมทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ สงสารคนถูกแกล้งจับจิตจับใจ

เป็งสบตากับผม ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มบางๆ ให้ "ขอโทษทำไม"

"อ้าว ผมแกล้งให้คุณเป็งกินอาหารอีสานเผ็ดๆ จนท้องเสียไงครับ"

"ถ้าผมจะไม่กินซะอย่าง คานินจะแกล้งผมได้เหรอ คานินไม่ได้จับกรอกปากผมซะหน่อย" เป็งว่าพลางขำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ จากนั้นจึงพูดสืบไป "ผมรู้ว่ามันเผ็ด กินแล้วท้องเสีย ตอนเรียนเพื่อนเคยชวนกินเหมือนกัน แล้วท้องเสียแบบนี้แหละ"

ถึงเป็งจะหัวเราะ แต่ผมกลับไม่ขำด้วย ได้แต่ทำหน้ารู้สึกผิดกับฝีมือตัวเอง เป็งก็ช่างดีเหลือใจ แก้ต่างให้คนผิดอย่างผมซะงั้น

"ผมโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วนะคานิน ถ้าจะปฏิเสธผมก็ปฏิเสธได้ ผมเลือกที่จะกินต่อเองต่างหาก"

"คุณเป็ง" ผมเรียกชื่อหนุ่มตี๋เบาๆ อย่างซาบซึ้งใจ เป็งไม่โทษผมแม้แต่คำเดียวทั้งที่ทำได้

"คานินรู้สึกผิดเหรอ" เป็งถามราวกับอ่านความคิดผมออก

ผมพยักหน้ายอมรับตามตรง "ยังไงๆ ผมก็ผิดนั่นแหละที่คะยั้นคะยอให้คุณเป็งกินจนเป็นแบบนี้"

"อย่าคิดมากสิ ผมบอกแล้วไงว่าผมกินเอง" เป็งยังคงยืนยันอย่างเดิม "ถ้าผมไม่เอาเข้าปากตัวเอง ใครก็เอาเข้าปากผมไม่ได้หรอก"

ผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเพราะเป็งช่วยแก้ตัวให้หรอก แต่เพราะความใจกว้างของเป็งต่างหาก "ยังไงๆ ผมก็ยังผิดอยู่ดีนั่นแหละครับ เอาอย่างงี้ละกัน ให้ผมช่วยออกค่ารักษาคุณเป็งได้ไหมครับ"

"อย่าเลย" เป็งร้องห้ามทันที

"ทำไมล่ะครับ มันแพงเหรอ"

เป็งพยักหน้า "คืนหนึ่งก็หมื่นกว่าบาทแล้ว"

ผมหน้าเหวอเมื่อรู้ราคา นึกไม่ถึงว่านอนให้น้ำเกลือแค่นี้ต้องจ่ายเป็นหมื่นๆ ต่อคืน

"ขนาดนั้นเลยเหรอครับ งั้น...ให้ผมผ่อนจ่ายได้ไหม นะครับคุณเป็ง"

"ไม่เป็นไรหรอกคานิน"

"แล้วคุณเป็งจะให้ผมทำยังไงถึงจะพอไถ่โทษได้ล่ะครับ ยังไงๆ ผมควรต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ไม่งั้นผมคงไม่สบายใจหรอก" ผมยืนกรานด้วยสีหน้าสำนึกผิด

เป็งมองหน้าผมแล้วยิ้มแปลกๆ "มีอยู่นะ แต่ก่อนที่ผมจะบอกคานินเรื่องนั้น ผมมีเรื่องอยากถามคานินซักหน่อย"

"อะไรครับ"

"คานินบอกว่าเราสองคนต่างกันมากใช่ไหม"

ผมพยักหน้าแล้วรอฟังเป็งพูดต่อ

"ใช่...ผมยอมรับว่าเราสองคนต่างกันเยอะนะ ต่างกันแทบทุกเรื่องเลย เพราะอย่างงี้ใช่ไหม...คานินถึงคิดว่าเรา...เอ่อ...เป็นเพื่อนกันไม่ได้"

เป็งถามด้วยสีหน้าจริงจัง คราวนี้ผมไม่รู้จะตอบยังไง อันที่จริงคงไม่กล้าฟันธงขนาดนั้นหรอก

"เราสองคนรู้กันได้หรือเปล่าคานิน" เป็งถามย้ำอีกครั้ง

ผมอึกๆ อักๆ แล้วพูดเฉไป "ไม่รู้สิครับ"

"ตอบแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้ใช่ไหม" เป็งเริ่มทำหน้าเครียด จ้องหน้าผมเขม็ง

"ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ผมแบ่งรับแบ่งสู้

เป็งทำท่าเหมือนไม่ค่อยพอใจคำตอบสักเท่าไร แต่สักพักสีหน้ากลับดูอ่อนลง

"ไม่เป็นไร วันนี้เป็นแค่วันแรกที่ผมกับคานินมาทำความรู้จักกัน เรายังต้องพิสูจน์อะไรกันอีกเยอะ แต่ผมอยากบอกคานินไว้อย่างหนึ่งนะว่า...คนเราไม่ควรปิดกั้นตัวเองมากเกินไป คานินเห็นไหม ผมไม่เคยมีเพื่อนต่างฐานะกันมากๆ มาก่อน แต่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ทำไมเราไม่ลองดูก่อนล่ะคานิน"

"ลองอะไรเหรอครับ" ผมถามอย่างงงๆ เมื่อกี้เป็งพูดยาวจนผมจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง จึงกลัวว่าตอบรับไปแล้วจะกลายเป็นเอาเชือกมาผูกคอตัวเองจนได้

เป็งกัดริมฝีปากล่าง มองหน้าผมแล้วครุ่นคิด ทำให้ผมอดระแวงไม่ได้อีกเพราะกลัวหนุ่มตี๋จะจีบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่แปลกเหมือนกัน แม้กลัวถูกผู้ชายจีบ ผมกลับไม่ปฏิเสธหรือถอยหนี แถมยังมานั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงนี้อีก คงเป็นเพราะคืนนั้นที่เป็งส่งร่มให้ผมแล้วตัวเองยอมเดินตากฝนทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักกัน จะว่าเป็นความประทับใจคงไม่ผิดนัก แค่นั้นก็ได้ใจผมไปเยอะแล้ว

"คานินบอกว่าอยากไถ่โทษใช่ไหม" เป็งไม่ตอบคำถามผม แต่กลับย้อนมาถามเรื่องที่ผมเพิ่งพูดไว้แทน

ผมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ

"ถ้างั้น...วันพรุ่งนี้ เลิกงานแล้วคานินไปหาผมที่คอนโดได้หรือเปล่า"

ผมเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน อดคิดพิเรนทร์ๆ ไม่ได้ว่าเป็งวางแผนจะทำมิดีมิร้ายผมหรือเปล่า "ทำไมต้องไปที่คอนโดคุณเป็งด้วยล่ะครับ ที่นี่แล้วก็ตอนนี้ไม่ได้เหรอ"

"ก็ผมป่วยอยู่"

"ห๊า! คุณเป็งจะทำอะไรผมเหรอครับ" ผมตกใจจนหน้าเหวอ คิดไปไกลถึงไหนต่อไหน

"เปล่าๆๆ ขอโทษที ทำให้กลัวไปเลย" เป็งนึกได้แล้วขำใหญ่ "ไม่มีอะไร ผมแค่มีเรื่องอยากจะถาม อยากคุยกับคานินยาวหน่อย คุยคืนนี้ไม่ค่อยสะดวกหรอก ผมกินยาแล้วมันง่วงๆ"

"ค่อยยังชั่วหน่อย" ผมทำหน้าโล่งอก "อ้อ ขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณเป็ง ถ้างั้นผมว่าผมกลับเลยดีกว่า"

"เดี๋ยวก่อนสิ"

เป็งพูดพร้อมกับคว้าข้อมือผมไว้ในขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นยืน

"ทำไมล่ะครับ" ผมมองดูมือของตัวเองที่ถูกจับไว้แล้วค่อยๆ นั่งลงตามเดิม

เป็งค่อยๆ ปล่อยมือผมแล้วทวง "รับปากผมมาก่อนสิว่าจะไปหาผมที่คอนโดพรุ่งนี้หลังเลิกงาน"

"แต่ผมเลิกดึกนะ" ผมพยายามหาข้ออ้าง

"ดึกแค่ไหนก็จะรอ ไปหาผมนะคานิน"

ผมทำท่าลังเลและทำเป็นเงียบๆ

"อยากไถ่โทษไม่ใช่เหรอ ผมจะให้โอกาสคานินไถ่โทษแล้วไง"

ไอ้อยากก็อยากอยู่หรอก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องไปไถ่โทษที่คอนโดด้วย

สุดท้ายผมกลับพยักหน้าตกลงตามที่เป็งเสนอซะงั้น ถือว่าเป็นการวัดใจกันไปเลยละกัน ผมจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าถ้าเกิดถูกผู้ชายจีบจริงๆ ผมจะโอเคกับเรื่องนี้หรือเปล่า ที่สำคัญ ผมจะได้รู้ว่าเป็งเป็นคนที่ไว้ใจได้มากแค่ไหนด้วย

เป็งยิ้มพอใจกับการตอบรับนั้น ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วแย้มยิ้มให้เป็งเช่นเดียวกัน "งั้น...ผมกลับก่อนนะครับคุณเป็ง"

เป็งพยักหน้า "ครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคานิน อย่าลืมมาให้ได้ล่ะ"

ผมพยักหน้าแทนการรับปาก ก่อนจะค่อยๆ หันหลังแล้วเดินออกไปอย่างช้าๆ

"ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะคานิน"

เสียงพูดนั้นทำให้ผมหยุดชะงักแล้วหันไปมอง ยิ้มเขินและยืนเก้ๆ กังๆ เหมือนกับไม่รู้จะไปทางไหน แต่พอนึกได้ว่าควรจะต้องกลับบ้าน ผมจึงรีบหันหลังแล้วเปิดประตูออกไปทันที

ทำไมหัวใจของผมถึงเต้นไม่เป็นส่ำแบบนี้หนอ หวังว่านายจะไม่เผลอชอบเขาไปล่ะคานิน ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่ผมรู้สึกดีจริงๆ ที่เป็งไม่เอาเรื่องผม แถมยังไม่โทษผมแม้แต่คำเดียว ถ้าทำเพื่อเรียกคะแนนสงสารคงได้ไปเต็มร้อย เผลอๆ ผมอาจจะแถมไปให้อีกเท่าตัว


เป็ง...

"ไอ้ภู กูทำได้แล้วโว้ย"

พอบึ่งรถออกมาจากโรงพยาบาลในตอนสายๆ ผมรีบโทรไปรายงานผลเพื่อนรักเป็นคนแรกอย่างตื่นเต้น

"อะไรของมึงวะไอ้เป็ง กูจะรู้เรื่องกับมึงไหม" ภูริชคงงงเพราะนานๆ ทีจะเห็นผมตื่นเต้นขนาดนี้

"ที่เพื่อนมึงแนะนำกูน่ะ ใช้ได้เลยผลเลยนะเว้ย"

ผมยังคงเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้อธิบายให้เพื่อนเข้าใจเลยด้วยซ้ำ

"อะไรวะ อย่าบอกนะว่าเรื่องที่มึงไปจีบผู้ชาย"

"เออดิ พรุ่งนี้คานินจะมาหากูที่คอนโดหลังเลิกงาน" ผมแจ้งความคืบหน้าอย่างภูมิใจ

"เฮ้ย! ไอ้เป็ง มึงรู้จักเขาได้ไม่กี่วัน จะเผด็จศึกเลยเหรอวะ ใจเย็นๆ ก่อนเพื่อน"

"มึงคิดไปได้นะไอ้ภู กูแค่จะพาคานินมาคุยด้วยเฉยๆ ยังไม่ได้คิดจะทำอะไรซะหน่อย"

"อ๋อเหรอ แล้วทำไมมึงถึงไม่พาไปคุยที่อื่นล่ะวะ ทำไมต้องพามาคอนโดด้วยล่ะ"

"คานินเลิกงานดึก สี่ทุ่มโน่น แล้วมึงจะให้ไปเจอที่ไหนวะ อีกอย่าง...คอนโดกูอยู่ใกล้ๆ ตรงนั้นพอดี"

"เออๆ กูเชื่อๆ ว่าแต่ว่า...ไหนมึงเล่าให้กูฟังหน่อยซิว่ามึงไปทำอะไรมามั่งเขาถึงได้ยอมมาหามึง"

"มึงจะเอาไปจีบผู้ชายมั่งเหรอ" ผมแซวเพื่อนแล้วหัวเราะชอบใจ

"ไอ้บ้า กูไม่ได้ชอบผู้ชายซะหน่อย ว่าแต่มึงน่ะ เอาจริงเหรอวะไอ้เป็ง"

"เออดิ คนอย่างกูเคยทำอะไรเล่นๆ ที่ไหน มึงรู้จักกูดีนี่ไอ้ภู"

"เออๆ กูแค่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้นแหละ ว่าแต่เมื่อไหร่มึงจะตอบคำถามกูซะทีวะว่ามึงไปทำอะไรมามั่ง"

ผมหัวเราะเมื่อเห็นว่าเพื่อนอยากรู้จนต้องทวงอีกรอบ

"ทำอย่างที่เพื่อนมึงบอกนั่นแหละ อย่างแรกเลยนะ ทำให้เขาประทับใจ หรือเฟิร์สอิมเพรสชั่น อย่างที่สอง ให้ของๆ เราไปอยู่ที่บ้านเขาดูต่างหน้า อย่างที่สาม...เรียกคะแนนสงสาร พิสูจน์ความจริงใจ"

"โห...มึงทำครบเลยนะเนี่ย แล้วแต่ละอย่างนี่มึงทำอะไรมั่งวะ"

"กำลังจะเล่าอยู่นี่ไง มึงใจร้อนไปได้" ผมว่าเพื่อนไม่จริงจังนักแล้วเล่าต่อ

"อย่างแรกนะเว้ย เมื่อสองคืนก่อนฝนตกใช่ไหม กูแวะไปหาคานินที่ร้าน เห็นเขายืนหลบฝนอยู่กลับบ้านไม่ได้ กูเลยพาไปส่งที่ป้ายรถเมล์ แล้วให้ร่มคานินไป ส่วนกูเดินตากฝนกลับคอนโด"

"โห...นี่มึงลงทุนขนาดนี้เลยเหรอไอ้เป็ง" เพื่อนผมสัพยอกแล้วหัวเราะ

"เออ เอ้าต่อ...อย่างที่สอง ร่มกูอยู่ที่คานิน มีของไว้ให้เขาดูต่างหน้า เป๊ะเลยไหม" ผมบอกอย่างภูมิใจ

"เออๆ มึงรีบเล่าต่อเหอะ กูอยากรู้" ภูริชเร่งเร้า ผมเลยขำนิดหน่อยแล้วจึงเล่าต่อ

"ส่วนอย่างที่สามนะเว้ย คานินท้าว่าคนรวยๆ อย่างกูกินอาหารข้างถนนกับเขาไม่ได้หรอก กูเลยกินให้ดู ทั้งส้มตำปูปลาร้า น้ำตก ซุปหน่อไม้ ต้มแซ่บ ท้องเสียเลย เนี่ย...กูเพิ่งออกจากโรงพยาบาลสดๆ ร้อนๆ เพิ่งขับรถออกมาเมื่อกี้นี้เอง"

"หา! มึงทุ่มสุดตัวขนาดนี้เลยเหรอวะเป็ง ท่าจะเป็นเอามากนะมึง" ภูริชร้องอุทานตกใจ

"อย่าว่าแต่มึงเลยไอ้ภู กูยังงงตัวเองเลย" ผมบอกแล้วขำ "แต่ที่เพื่อนมึงแนะนำมาสามอย่างน่ะ ได้ผลจริงๆ นะเว้ย แต่ไม่ใช่ว่ากูแค่ทำตามเฉยๆ เท่านั้น มันมาจากอินเนอร์ข้างในด้วย"

"เออ ถ้าไม่มีอินเนอร์มึงคงไม่ทำขนาดนั้นหรอก กูถามมึงตรงๆ ละกัน ถ้าเขามาหามึงที่คอนโดคืนนี้ มึงจะเผด็จศึกเขาเลยหรือเปล่าวะ"

ฟังคำถามของเพื่อนแล้วผมอยากจะหัวเราะเป็นภาษาสโลเวเนียซะจริงๆ "กูเนี่ยทั้งโสดทั้งซิงมาตั้งหลายปี ถ้าเป็นผู้หญิงนี่กูยังพอนึกออกว่าจะทำยังไงนะเว้ย แต่พอเป็นผู้ชาย กูบอกตรงๆ ว่า...กูทำไม่เป็นว่ะ"

เพื่อนผมหัวเราะก๊ากใหญ่เลยพอผมพูดจบ ผมจึงเคืองนิดหน่อย "มึงขำอะไรวะไอ้ภู"

"ขำมึงนั่นแหละ แล้วงี้จะเอาไง จะปรึกษาเพื่อนกูอีกไหมเรื่องนี้ มันน่าจะสอนมึงได้อยู่หรอก" ภูริชพูดไปขำไป

"ไม่เอาเว้ย" ผมรีบแย้ง "เรื่องนี้กูหาข้อมูลเองได้ อีกอย่าง กูยังไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างงั้นเร็วๆ นี้ซะหน่อย ศึกษาดูใจกันก่อนสิวะ"

"เออๆ แล้วแต่มึงละกัน เรื่องของมึงนี่หว่า จะทำเมื่อไหร่ที่ไหนก็ตามสบายละกัน"

"อือ ยังไงๆ กูขอบคุณมึงมากเลยนะเว้ยที่ช่วยหาเพื่อนมาให้คำแนะนำดีๆ แบบนี้"

"ไม่เป็นไร มึงอย่าลืมโทรไปเล่าให้เพื่อนกูฟังด้วยละกัน มันจะได้ดีใจ บอกตรงๆ นะเว้ย ตอนแรกที่กูฟังเนี่ย กูนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันจะได้ผล"

"ถ้ามันมีอินเนอร์ด้วยซะอย่าง ยังไงๆ มันต้องได้ผลอยู่แล้ว จริงไหม" ผมทำเป็นคุยโว

"เออ...กูก็ว่างั้น"

"แล้วนี่มึงอยู่ไหน" ผมเปลี่ยนเรื่องถาม

"เพิ่งจะมาถามเอาตอนนี้นะมึง อยู่ฟิตเนสในคอนโดนี่แหละ แล้วมึงล่ะ วันนี้จะไปไหน"

"มีประชุมเตรียมงานอบรมทั้งบ่ายเลยว่ะ คราวนี้ไปจัดให้องค์กรใหญ่โคตร มีคนอบรมเป็นร้อยเลย กำลังวางแผนว่าจะซอยออกเป็นสามรอบดีหรือเปล่า ทำทีเดียวร้อยคนไม่ไหวหรอก"

"โห...งั้นงานนี้คงได้เงินเยอะสิ"

"อืม...พอตัวอยู่ เออๆ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะเว้ย ทีมงานกูโทรตามกูละ สงสัยกลัวว่ากูจะลืม"

"เออๆ ไว้ค่อยคุยกันเพื่อน ขอให้มึงโชคดีคืนนี้ละกัน"

คำอวยพรของภูริชถูกใจผมไม่น้อย ผมจึงอวยพรมันกลับบ้าง "กูก็ขอให้มึงหาแฟนใหม่ได้เร็วๆ ด้วยละกันไอ้ภู"


คานิน...

กว่าผมจะเสร็จงานวันนี้ก็ปาเข้าไปห้าทุ่ม ลูกค้ามาเยอะเป็นพิเศษกว่าทุกวันไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จึงใช้เวลาเก็บกวาดและจัดการค่อนข้างมาก ขยะเยอะกว่าปกติอีกด้วย แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าผมโดนลูกค้าด่าอีกแล้ว คราวนี้เป็นฝรั่งเสียด้วย แถมผู้จัดการยังด่าซ้ำอีกรอบ เป็นอย่างนี้บ่อยๆ คงมีผลกระทบกับงานที่นี่แน่

ผมจึงต้องแบกหน้าเครียดๆ มาหาเป็งที่คอนโด ตอนแรกว่าจะโทรไปยกเลิกแล้วเพราะไม่มีกะจิตกะใจจะมา แต่คิดไปคิดมา รับปากแล้วไม่ควรจะโยกโย้โยเยเหมือนเด็กๆ เดี๋ยวจะขาดความน่าเชื่อถือ

ดูเหมือนการปรากฎตัวในล็อบบี้คอนโดสุดหรูกลางกรุงของผมจะเป็นที่แปลกประหลาดต่อธารกำนัลมากทีเดียว ใครผ่านไปมาต่างพากันมองผมแปลกๆ คงสงสัยว่าแต่งตัวแบบนี้สามารถมีห้องหรือเพื่อนอยู่ที่นี่ได้ด้วยหรือ โชคดีที่เป็งนั่งรอผมอยู่ตรงล็อบบี้อยู่แล้ว พอผมมาถึงจึงตรงรี่เข้ามาทักทันที ผมจึงรู้สึกไม่ขัดเขินนานเกินไป

"คานิน ทำไมมาช้าจังล่ะ เพิ่งเลิกงานเหรอ" นั่นคือคำถามแรกของเป็ง

ผมพยักหน้าแล้วหันไปมองรอบๆ ที่นี่ดูหรูหรามากเสียจนทำให้ผมตัวลีบเล็กไปเลย ให้มาคนเดียวคงไม่กล้ามาแน่ๆ

"ไปเลยไหม" เป็งถามเมื่อเห็นผมยังคงสนใจอย่างอื่นอยู่

ผมหยุดความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองแล้วหันมาพยัก จากนั้นเป็งจึงเดินนำผมไปที่บริเวณลิฟต์ ก่อนจะกดปุ่มและพาผมหายเข้าไปในกล่องเหล็ก จนสุดท้ายมาหยุดยืนอยู่ในห้องของเป็ง

"นั่งก่อนสิ คานินกินอะไรมาหรือยัง"

ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาชุดรับแขกแล้วมองสำรวจไปรอบๆ ห้องที่แบ่งเป็นสัดส่วนไว้เป็นอย่างดี เห็นความหรูหราของห้องนี้แล้วผมนึกไม่ออกเลยว่ามันจะแพงขนาดไหน ห้องผมเทียบไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

"ยังครับ" ผมบอกเป็งไปตามตรง

"งั้นกินอะไรหน่อยไหม พอดีผมเพิ่งทำสปาเก็ตตี้ไวท์ซอสเสร็จเมื่อกี้นี้เอง ไม่รู้ว่าคานินจะชอบกินหรือเปล่า"

"คุณเป็งทำเองเหรอครับ" ผมถามอย่างทึ่งๆ

"ใช่ ผมชอบทำอาหารกินเอง งั้นเดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ ผมจะกินด้วย ยังไม่ได้กินเหมือนกัน"

ผมพยักหน้าแล้วมองตามแผ่นหลังของเป็งที่เดินลิ่วหายเข้าไปในครัว ไม่นานจึงเดินถือจานสองจานออกมา พอวางจานลงตรงหน้าผมจึงอวดใหญ่

"ผมชอบกินสปาเก็ตตี้ไวท์ซอสมาก ทำง่ายด้วย ผมทำอร่อยนะ ลองกินดู สูตรนี้ได้มาจากอิตาลี ส่วนผสมทุกอย่างมาจากอิตาลีหมดเลย ทำเป็นพิเศษให้คานินโดยเฉพาะเลยนะ"

ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆ อดตื้นตันใจหน่อยๆ ไม่ได้ที่เป็งดูใส่ใจผมมากขนาดนี้ ผมใช้ส้อมพันเส้นสปาเก็ตตี้ขึ้นมาชิมแล้วยิ่งอดทึ่งในรสชาติไม่ได้

"อร่อยไหม" เป็งถามและคอยลุ้น

ผมพยักหน้าและยิ้มพอใจ "อร่อยครับ"

ถึงผมจะกินอาหารบ้านๆ เป็นหลัก แต่พอกินอาหารฝรั่งเป็นอยู่บ้าง เพราะมักได้อาหารหรือขนมที่เหลือจากร้านไปกินเป็นประจำ พอช่วยให้คุ้นเคยกับอาหารฝรั่งอยู่บ้าง ไม่ถึงกับรู้สึกแปลกแยก

เป็งตักกินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นเดียวกัน เรากินไปคุยกันไปนิดๆ หน่อยๆ เพราะผมจิตใจผมยังไม่ค่อยปกตินัก พอกินเสร็จผมจึงอาสาไปล้างจานให้ ตอนแรกเป็งไม่ยอม แต่ผมถือวิสาสะหยิบจานไปล้างเสียเลย เป็งจึงมายืนดูผมล้างจานข้างๆ แล้วชวนคุย

"ทำไมวันนี้คานินดูเงียบๆ มีใครว่าอะไรคานินอีกหรือเปล่า"

แน่ะ! มีญาณวิเศษหรือไงหนอถึงได้รู้ดีขนาดนี้

"โดนด่านิดหน่อยครับ" ผมแค่นหัวเราะ รู้สึกสมเพชตัวเองหน่อยๆ

"ล้างจานเสร็จแล้วเล่าให้ผมฟังได้นะ ถ้าอยากเล่า" เป็งบอกพร้อมกับยื่นมือมาขอรับจานที่ผมล้างเสร็จแล้วไปคว่ำให้

- - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + - - + 

เสร็จจากล้างจานแล้ว ผมกับเป็งมานั่งที่โซฟาคุยกันที่โซฟาตามเดิม นั่งลงแล้วผมมองไปรอบๆ ห้องเพราะยังไม่รู้จะคุยอะไรดี

"ว่าไง อยากเล่าให้ผมฟังหรือเปล่า ผมฟังได้นะ เผื่อจะช่วยให้คานินสบายใจขึ้น" เป็งไม่ลืมทวงถาม

เห็นเป็งอยากฟังขนาดนั้นผมจึงต้องเล่าให้ฟังตามคำขอ "วันนี้มีลูกค้าสั่งกาแฟแล้วบอกว่าผมทำให้ผิดสูตร เขาบอกว่าที่เคยกินที่อเมริกาไม่ใช่รสชาติแบบนี้ ผมพยายามอธิบายว่าสูตรของไทยไม่เหมือนอเมริกา แต่เขาไม่ฟัง หาว่าผมทำให้ผิด ด่าผมว่าโง่ด้วย"

เป็งตกใจไม่น้อยตรงประโยคสุดท้าย "ขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วคนไทยหรือฝรั่งล่ะ"

"ฝรั่งครับ แล้วเขาให้ผมเรียกผู้จัดการมาคุยด้วย สุดท้ายตกลงว่าจะให้ทำให้ใหม่ แต่ก็นั่นแหละ ผมโดนผู้จัดการด่าอีก ให้ผมชดใช้ค่ากาแฟแก้วนั้นด้วย มีเรื่องบ่อยๆ แบบนี้ผมไม่รู้จะผ่านโปรหรือเปล่า" ผมบอกด้วยสีหน้ากังวล

เป็งจึงส่งยิ้มมาให้กำลังใจ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรผมกลับชิงพูดก่อน

"ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่ว่า...คุณเป็งจะให้ผมชดใช้เรื่องที่ผมทำคุณเป็งท้องเสียจนเข้าโรงพยาบาลยังไงล่ะครับ"

ผมชวนเข้าเรื่องเสียเลย ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมคงอยู่นานมากไม่ได้

"อ้อ จะคุยเลยเหรอ" เป็งถามอย่างไม่แน่ใจ

"ครับ พอดีผมเลิกดึกไปหน่อย คงคุยนานไม่ได้ เดี๋ยวจะกลับดึก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก"

"อ้อ จริงด้วยสิ เอางี้ละกัน ความจริงคานินไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่ตอบคำถามผมมาตรงๆ ก็พอ"

ผมขมวดคิ้วมองคนที่นั่งเอามือประสานกันตรงหน้าอย่างแปลกใจ หนุ่มตี๋คิ้วหนายิ้มเจ้าเล่ห์จนผมนึกระแวง

"คานินสัญญาผมนะว่าจะตอบคำถามผมตรงๆ ตามความเป็นจริงทุกอย่าง"

ผมพยักหน้ายอมรับข้อตกลงไปก่อน แม้ว่ายังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องอะไร "ครับ"

"วินไม่ใช่ลูกของคานินใช่ไหม"

ว่าแล้วไหมล่ะ ผมนึกอยู่แล้วเชียวว่าเป็งคงสงสัยเรื่องนี้ ผมจึงได้แต่หน้าเหวอและอ้าปากค้าง อาการเศร้าสลดหดหู่เมื่อสักครู่หายเป็นปลิดทิ้ง แต่สัญญาไปแล้วคงต้องพูดความจริง

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มองหน้าเป็งแล้วยิ้มแหยๆ ก่อนจะส่ายหน้าแทนการตอบคำถาม

"แล้วคานินโกหกผมทำไม" เป็งถามต่อทันที คงกะไม่ให้ผมได้พักหายใจหายคอกันเลย

"เอ่อ...คือ..." ผมไม่รู้จะตอบยังไง

"กลัวผมจีบเหรอ"

ผมตกใจจนแทบตกโซฟาพอเป็งพูดตรงจุดเป๊ะ "เอ่อ..."

"ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าคานินไม่เต็มใจ...แค่บอกผมว่าไม่ชอบ ผมก็แค่ผิดหวังแค่นั้นแหละ รู้ไหม...ผมเคยชอบสาวมีเขี้ยวก็จริงนะ แต่พอเจอหนุ่มมีเขี้ยวอย่างคานิน ผมลืมสาวมีเขี้ยวในฝันไปเลย ผมชอบคานินตั้งแต่แรกเจอเลยนะ เอาอย่างงี้ดีไหม คานินบอกผมมาคำเดียวว่า...คานินอยากลองคบกับผมดูหรือเปล่า ถ้าอยาก...ผมก็จะเดินหน้า แต่ถ้าไม่อยาก...ผมก็จะถอย"

เจอรุกเข้าไปเต็มๆ แบบนี้ผมยิ่งเหวอจนหน้าเหลอ ให้กลับบ้านตอนนี้ไม่รู้ว่าจะกลับถูกหรือเปล่า ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไป เป็งอาจโดนผมเตะจนล้มคว่ำไปแล้ว แต่ทำไมผมไม่ทำอย่างนั้น? ผมควรเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเท่านั้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผมนั่งเฉยให้ผู้ชายคนนี้แทะโลมอยู่ได้! แปลว่าผมโอเคที่ถูกผู้ชายจีบหรือเปล่า?

'ต่อต้านสิคานิน ทำไมไม่ต่อต้านผู้ชายคนนี้วะ ทำไมไม่ต่อยให้หน้าคว่ำไปเลย!' ผมคิดในใจ แต่กลับทำได้แค่คิดเท่านั้น

"ว่าไงล่ะคานิน คานินรู้สึกดีๆ กับผมมากพอที่จะลองคบกับผมดูหรือเปล่า"

ว่าแล้วเป็งจึงเขยิบจากโซฟาฝั่งตรงข้ามมานั่งข้างๆ ผม คอยจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ น้ำลายผมเหนียวจนแทบกลืนลงคอไม่ได้ มือไม้เย็นจนแทบชาและสั่นหน่อยๆ มิหนำซ้ำหัวใจยังเต้นรัวยังกะกลองรบจนแทบหลุดออกมาเต้นข้างนอก

"ผมยอมรับว่ามันเร็วไปที่ถามอย่างงี้ แต่ถ้าเรารู้สึกดีๆ ต่อกัน เราก็จะได้ลองสานสัมพันธ์กันไง เผื่อเราสองคนจะได้เจอความรักที่ตามมามาตั้งนานแล้วก็ได้ คานินรู้สึกดีกับผม...เหมือนที่ผมรู้สึกดีกับคานินหรือเปล่า"

เป็งถามเป็นรอบที่สาม ผมรู้ว่าคงถ่วงเวลาให้นานกว่านี้อีกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะลำบากใจที่ต้องตอบหรอก ผมรู้สึกเขินต่างหาก อยู่ดีๆ จะให้บอกว่ารู้สึกดีๆ กับผู้ชายก็กระไรอยู่ ขนาดผู้หญิงผมยังอายเลย นับประสาอะไรกับผู้ชาย

พอรวบรวมความกล้าได้แล้วผมจึงตัดสินใจตอบไปว่า...

"จะถามทำไมตั้งหลายรอบล่ะครับ ถ้าผมไม่รู้สึกดีๆ คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก"

TBC...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2016 11:25:18 โดย inxsara »

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ถ้าจะขนาดนี้นะ จ้างเป็นพ่อบ้านส่วนตัวเลยไหม ^^

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
หุหุหุ คราวนี้เป็งก็เดินหน้าจีบคานินได้เต็มที่แล้วใชมั้ย :z2:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    หายไปหลายวัน วันนี้ได้อ่านแล้ว
   เป็งเดินหน้าเต็มสูบยังคับ คานินใจอ่อนอ่ะ คราวนี้คานินจะอ่อนไหวจนรักเป็งแน่ๆ ๕๕๕
   รอ รออ่านตอนต่อไปคับ อยากรุ้เป็งจะเดินหน้ายังไงต่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด