“เต้ๆ” ผมหันไปตามเสียงเรียก
“อ้าว พี่เกียร์” ผมทักเบาๆ เพราะงงว่าพี่แกมาได้ไง
“ไง มาเที่ยวไกลนะ” ถ้าผมมาไกลพี่ก็ไม่ต่างกันหรอกคับ หุหุ
พี่เกียร์ยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มให้นิดๆ
“อ้าว อะไรกัน เจอมึงอีกแล้ว ทำไมเวลากูไปกินเหล้ากับไอ้เต้ต้องเจอไม่มึงก็ไอ้เกี๊ยง ทุกทีเลย”
พี่นิวทักและบ่นๆตามประสาคนกำลังจะแก่ เอิ๊กๆๆๆ
“นั่นสิ คราวที่แล้วก็เจอ หรือว่าจะดวงสมพงษ์กับพี่ต้อมเนี่ย”
พี่ต้อมแซว แล้วยกแก้วชนกับพี่เกียร์ (ที่ถือแก้วติดมือมาด้วย)
“แฮะๆ” พี่เกียร์หัวเราะเขิลๆ แล้วชนแก้วตอบ
“แล้ว...รู้จักกันด้วยหรอคับ” ผมถามบิวกับพี่เกียร์ ยังงงอยู่ว่ามาด้วยกันได้ไง
“ไอ้เหี้ยบิวมันเป็นเพื่อนกูเอง” เอ มีเพื่อนเป็นเกย์ด้วย ยังไงๆน่ะ ฮึ่ม
“อ้าวหรอ”
“แหะๆ จริงๆพี่ปีสามแล้วแหละ” หลงคิดว่ารุ่นเดียวกัน แล้วเนียนเหมือนเพื่อนกันเลยนะเฮีย
“จริงดิ ทำไมหน้าเด็กอ่ะ” เด็กกว่าไอ้เต้อีกมั้ง
พี่บิวยิ้มหน้าแดงเลย น่ารักแฮะ หุหุหุ
“แล้วกูอ่ะเต้ ไม่เด็กหรอ” ไอ้พี่เกียร์รีบเชียว ฮ่าๆๆ
“พี่เกียร์หน้าเหมือนจบแล้ว” ฮ่าๆๆๆ ไอ้พี่เกียร์มองตาขวางอาฆาตแค้น ส่วนพี่ๆคนอื่นฮาไปกับผม อิอิ
“เดี๋ยวเหอะ ฝากไว้ก่อน” พี่เกียร์พูดเสียงดุ
“แหมไอ้เต้มึงนี่เลือกรู้จักคบคนนะ” ไอ้แนทแซวผม
“ช่าย พี่ต้อมก็ว่างั้นแหละแนท”
“วันหลังมึงก็ชวนมาเที่ยวด้วยกันเลยสิเต้” พี่นิวส่งเสริมอีก...แต่ละคนเนาะ
“ดีคร้าบ ผมอ่ะชวนเต้มันเที่ยวหลายรอบแล้ว เต้มันเบี้ยวตลอด” ไอ้พี่บิว ได้ทีเลยนะ
“มันรู้จักเลือก” หันไปดูหน้าคนพูด เก็กนิ่งอีกและ
“แล้วนั่งไหนกัน” พี่นิวถามน้องชายเค้า
“โต๊ะนั้นอ่ะเฮีย” ก็โต๊ะเดิมตอนที่พี่บิวชี้ให้ผมดู แต่เมื่อกี้ทำไมผมไม่สังเกตุเห็นไอ้เซอร์นี่ฟะ
“นี่โต๊ะประจำพี่ วันหลังมานั่งโต๊ะนี้ก็ได้” พี่นิวเปิดทางเชียวนา สะพานยาวเป็นกิโลแล้ว ทอดซ้า
พี่บิวก็ยิ้มแก้มป่องต่อ
“แล้ววันนี้นั่งไม่ได้หรอเฮีย”
“ได้ทุกวันแหละ” พี่นิวพูดกับไอ้คนถามแต่สายตายังจดจ้องพี่บิวต่อ
แล้วพวกผมก็นั่งคุย ดื่ม กิน เต้น เดินไปๆมาๆระหว่างโต๊ะ เมา ตลอดราตรียาวนานนั้น แต่ไม่อ้วกนะคร้าบบบบบ
*********diary*********
ไดอารี่ มึงกลัวความรักไหม?
ตั้งแต่ขึ้นมหาลัยมากูกับมึงก็เจอกันน้อย อาทิตย์ละครั้งสองครั้งเองเนอะ เวลาเปลี่ยนคน...แล้วคนเปลี่ยนอะไรวะ อย่างว่าแหละยิ่งโตเราก็ยิ่งมีอะไรให้ทำมากขึ้น วันๆหนึ่งเลยดูว่ามันสั้นหดไป ทั้งๆที่เวลามันยังคงเท่าเดิมเสมอ
ไม่เชื่องช้าหรือเร่งเร็วไปกว่าเดิมสักนิด ช่วงที่ผ่านมากูได้เจอกับผู้ชายคนนึง จริงๆกูไม่ได้เล่าให้มึงฟังเองแหละครั้งก่อนๆที่เขียนบันทึกก็เคยเจอกันบ้าง แต่...กูว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ชื่อของเขาควรจะได้รับการบันทึกลงในที่แห่งนี้แล้ว มึงคงไม่ว่าอะไรนะ ที่จะมีชื่อใครอีกคนมาเพิ่มต่อจากไอ้พี่เซน ไอ้เซอร์นี่มีชื่อว่าไอ้พี่เกียร์ เรียนมหาลัยเดียวกับกูนี่แหละ อยู่ปีสามแล้ว เราเจอกันโดยบังเอิญว่ะ หลานเขาวิ่งมาชนกูที่ห้าง แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้อะไร แค่จำได้ว่าเสื้อแม่งเท่ห์ เขียนคำว่า Nobody knows แล้วก็บังเอิญเสือกมารู้ตอนหลังว่าอยู่ห้องข้างๆกูนี่เอง แล้วก็ดันย้ายออกไปซะงั้น แต่ก็ย้ายกลับมาแล้ว สรุปว่าตอนนี้ไอ้คนนี้มันอยู่ห้องข้างๆนี่เอง ใกล้เหมือนไกล
ไอ้พี่เกียร์มันเป็นพวกติสต์ๆ โลกส่วนตัวสูงว่ะ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ดีๆอยู่ แม่งก็หยิ่งขึ้นมาซะงั้น บางทีอยู่ดีๆก็มาทำน่ารักชวนกูไปกินข้าว บางทีก็ดุๆ แล้วแม่งนึกอยากทำไรก็ทำ มานั่งเล่นกีตาร์ห้องกูซะเสียงดัง เอาหนูมาฝากเลี้ยง สรุปกูยังไม่แน่ใจเลยว่าพี่เค้าเป็นคนยังไง เดี๋ยวผีเข้าผีออก แต่...กูว่ากูคิดถึงเค้าตลอดเวลาเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ห้ามขำนะ แต่กูตอบไม่ได้หรอกว่ารักหรือเปล่า แค่รู้สึกว่าเค้าใส่ใจกูดี ซึ่งกูไม่มีใครมาทำแบบนี้ด้วยนานแล้ว บางอย่างเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย มันเป็นสิ่งที่เราค้นหา กูไม่รู้ว่าเค้าคิดไงกับกู หรือกูคิดไงกับเค้า สับสนว่ะ แต่สิ่งที่เค้าทำ เค้าใส่ใจกู มันรู้สึกดีว่ะ มีวันนึงกูกำลังหิวพอดี แต่กูขี้เกียจลงไปกินข้าวเพราะมันดึกแล้ว แล้วพอเค้ากลับมาเค้าก็ซื้อข้าวมันไก่มาฝากกูเว้ย กูก็ฟอร์มไม่หิวนะ แต่จริงๆโคตรซึ้งเลย ไม่เคยมีใครดีกับกูแบบนี้นานมากแล้วนะ ...ความใส่ใจ ไม่ว่าจะจงใจหรือจริงใจมันก็มีค่ามากมหาศาลสำหรับคนที่ขาด
แล้วไอ้พี่เซนมันอยู่ด้วยวันนั้น มันดันไปถามพี่เกียร์ตรงๆว่าชอบกูมั้ย กูก็เลยด่าไอ้พี่เซนไป ไอ้พี่เกียร์ก็เงียบๆ ไม่ได้ตอบ กินแล้วก็กลับห้องไปเลย ก็ดีแล้วแหละถ้าตอบมาไม่ว่าจะเป็นแบบไหน กูก็ยังไม่พร้อมจะฟังอยู่ดี ขออยู่แบบงงๆแบบนี้ ไม่ต้องพูดว่าคิดกันแบบไหน แต่รู้สึกดีที่มันเป็นแบบนี้ก็โอเคแล้วว่ะตอนนี้ กูไปข้างนอกก่อนนะไอ้ไดอารี่ พอดีวันนี้วันเสาร์ กูโดนลากไปซื้อหนูอีกแล้ว...คอยดูนะถ้าวันนี้ยังเลือกไม่ได้ คราวหน้าจะไม่ไปด้วยแล้วจริงๆ
...............................................
“เอาตัวนี้ละกันเนาะ” ไอ้พี่เกียร์หันมาพูดกับผมหลังจากเลือกมาสองชั่วโมงกว่า (เลือกหนูแล้วเดินวนไปดูหมา แล้วกลับมาดูแมว แล้วแยกย้ายไปดูสิงสาราสัตว์ สารพัดชนิดเท่าที่มันจะมีขาย ณ ที่แห่งนี้
“อืม” ผมตอบหน้าเซ็งๆ
“อย่าทำหน้างี้ดิวะ แบบนี้หนูมันจะดีใจมั้ยเนี่ย ดูคนซื้อหน้าเป็นตูด”
ก็พี่อ่ะเล่นเดินซะนาน เหนื่อย เมื่อย ร้อน ...หื่มมมม
“ไปๆกลับเหอะ” ไหนๆก็ได้มาและ พูดมากเดี๋ยวปล่อยกลับคนเดียวเลยดีมั้ยเนี่ย หุหุหุ
“คร้าบกลับก็กลับ”
ระหว่างทาง
“เต้ๆ ตั้งชื่อว่าไรดีอ่ะ” เอ้า
“แล้วแต่” หนูใคร คนนั้นก็ตั้งสิ
“ไม่มีชื่อที่ชอบๆหรอ ดูดิ มันน่ารักขนาดนี้ ชื่อไรดีว้า” ไอ้พี่เกียร์เอาหนูออกมาเล่น เกาะแกะๆ สนุกมั้ยนั่น
“ชื่อปั๊กดิ” อยู่ดีๆ ผมก็นึกชื่อนี้ออกมาได้ไงไม่รู้ สงสัยว่าเมื่อกี้เดินไปเจอร้านนึงมันขายหมาปั๊กอยู่
หน้าตาตลกดี โง่ๆเซ่อๆ ย่นๆยับๆ ฮ่าๆๆๆ
“อืม จะดีหรอ ชื่อแปลกๆ”
“แล้วถามทำไมล่ะ”
“เออ งั้นชื่อไอ้ปั๊กก็ได้ มึงโชคร้ายแล้วไอ้หนูน้อย ได้ชื่อนี้ไป ฮ่าๆๆ” แล้วไอ้พี่เกียร์ก็เล่นหนูอย่างสนุกสนานต่อไป ไม่สนใจๆไอ้เต้ที่นั่งตัวเล็กอยู่ข้างๆแม้แต่น้อย (แต่ก็แอบหันมายิ้มให้บ้างนิดนึง แหะๆ)
“ไม่เอามันใส่กรงหรอ” ผมถามเมื่อมาถึงห้อง แล้วพี่เกียร์เอามันมาวางไว้ใกล้ๆโต๊ะคอม ไม่เอาใส่กรงไปสักที
แล้วก็ไปทำไรงุ่นง่านๆอยู่ได้
“ใส่สิ”
“แล้วรอไรอ่ะเนี่ยะ เดี๋ยวมันก็วิ่งออกจากกล่องไปหรอก”
“รู้ป่าวว่าไอ้ปั๊กมันต้องการใส่อะไรมากกว่าใส่กรง” ...คำถามเชาว์ปัญญา ไอ้เต้งงคิดไม่ออก และไม่ได้สนใจกำลังมุ่งมันเปิดกรงจับไอ้ปั๊กยัดเข้าไป นี่แน่ะๆ
“ไม่สงสัยหรอ” พี่เกียร์ถามต่อ
“ใส่อะไรก็ใส่ไปเหอะ ช่างมัน แล้วเอากรงมันกลับห้องไปด้วยล่ะ ทิ้งไว้ขี้เกียจล้างกรงอีก” ไอ้เต้สำทับ
“ฝากไว้ก่อนดิ ห้องพี่ยังไม่ได้จัดของฝุ่นยังเยอะอยู่เลย นะนะ” อ้าว แล้วซื้อมาไม่เตรียมห้องให้มันอยู่ล่ะฟะ ไอ้เต้เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น หน้าเริ่มบึ้งและ
ไอ้พี่เกียร์ยิ้มไม่ได้พูดไร แล้วก็เดินออกไปเฉยเลย ...อารมณ์ไหนวะเนี่ย
ผมนั่งดูไอ้ปั๊กที่เดินไปสำรวจบ้านใหม่อยู่ ก็สงสารมัน กรงแคบจะตาย เอาออกมาให้เดินข้างนอกบ้างดีกว่า
ว่าแล้วก็จับมันมาให้เดินไปทั่วๆห้อง ไม่กล้าเอามาเกาะแขนเกาะขาแบบพี่เกียร์หรอกคับ สยิวยึ๋ยๆยังไงก็ไม่รู้
สักพักประตูห้องก็เปิดออกแล้วไอ้พี่เกียร์ก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำปั่นในมือ แล้วก็ ถุงขนมและอาหาร
“อ้าวซื้อมาไมอ่ะ” ผมถามงงๆ ปกติก็ลงไปกินกันร้านข้างล่างเป็นประจำอยู่แล้ว
“...” เงียบ แล้วไอ้พี่เกียร์ก็เดินหน้าตาสดใสไปเตรียมข้าวของ แกะห่อข้าว เสิรฟ์น้ำ ยกมาวางให้ผมถึงที่
อะไรวะ...ผีเข้าแน่ๆ
“อ่ะ” พี่เขานั่งลงตรงหน้าผมแล้วทำท่าจะเริ่มกิน
“เป็นอะไรอ่ะพี่” ไอ้เต้ยังคง งง
“ก็นี่ไงสิ่งที่ไอ้ปั๊กต้องการ”
“ไรอ่ะ” อย่ามาลึกซึ้งนะพี่ หึหึ
“ใส่ใจไงคับ”
...แล้วอาหารมื้อนั้นก็มีรสชาติอร่อยพิเรนกว่าครั้งไหนๆที่เราสองคนเคยนั่งร่วมโต๊ะกัน
******************************************************
ลงให้แค่นี้ก่อนนะคับ เดี๋ยวดึกเกิน แฮะๆ