เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน[บทสุดท้าย] [The end] (แจ้งข่าวเรื่องรวมเล่ม) 13/3/2560
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน[บทสุดท้าย] [The end] (แจ้งข่าวเรื่องรวมเล่ม) 13/3/2560  (อ่าน 52493 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
แร่ดจนเกินงามไปเลยนะชะนีเนี่ยะ // เค้าบอกรักกัน เค้าเป็นแฟนกันแล้วววววว น่ารักมาก

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน

ตอนที่ 18


          รถทั้งสามคันทยอยออกจากที่จอดรถขับตามกันไป ยังเช้าอยู่ถนนเส้นที่ผ่านไม่ได้เข้าในเมืองถนนยังโล่งอยู่สองข้างทาง

ยังมีบ้านเรือนสมัยเก่าให้เห็น ร้านค้าต่างๆริมทางยังไม่เปิดเรามุ่งหน้าขึ้นดอยเพื่อไปไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต

ดีเหมือนกันช่วงนี้ผมถูกรังครวญทั้งในความฝัน ที่ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเกือบทุกคืนเธอรู้จักผม แต่ผมจำเธอไม่ได้ เห็นหน้าไม่ชัด

แต่เธอขยันมาร้องไห้โหยหวนพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ว่าจะขยันมาหาผมทำไมบ่อยๆแล้วพูดแต่คำเดิมๆ ส่วนกลางวันก็เจอ

สัมภเวสีที่ตามรังครวญผมกับพี่เทียนอันนี่อันตรายและน่ากลัวกว่าในฝัน ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงดีดูเธอคงไม่จบแค่นี้แน่ถ้าไม่เกรงใจ

ว่าเป็นเพื่อนพี่ฟรอยด์ พี่เทียนจะทำอะไรรุนแรงไหมนะไม่อยากให้พี่เทียนทำอะไรที่รุนแรง ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง รู้สึกหูอื้อแสดง

ว่าเรากำลังขึ้นเขา ทางถนนวนขึ้นเขาต้องคอยระวังรถที่สวนลงมา ป้ายข้างทางบอกระยะทางไม่ไกลก็จะถึงที่หมาย ทัศนียภาพ

ข้างทางเป็นเหวสูงที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองและสีส้ม ร่วงลงบนพื้นใบไม้ใบเล็กๆปลิวลงมาบนทาง

ถนนเรียบค่อนข้างอันตราย ไม่นานนักภาพยอดเจดีย์สีเหลืองทองก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า รถจอดสนิทแล้ว ผมและพี่เทียนเดินลงจาก

รถ รถรับจ้างสีแดงจอดเรียงรายรับส่งผู้โดยที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างประเทศอยู่เต็ม

“ถ้าเหนื่อยก็บอกพี่นะ”ผมยืนมองบันไดนาคจำนวน 300 ขั้นที่อยู่ตรงหน้า

“ทำไมจะให้นินขี่หลังรึไง”

“ไม่มีปัญหา ตัวเล็กๆเบาเหมือนนุ่นพี่เคยอุ้มบ่อยแล้ว”พี่เทียนยื่นมือมาขยี้หัวผม ผมยกกล้องขึ้นปิดตาข้างหนึ่งใช้ตาอีกข้างมอง

ผ่านเลนส์กดชัดเตอร์บันทึกภาพบันไดนาคสีเขียว

“น้องนินเดี่ยวรอพี่ก่อน”เสียงพี่กัปตันร้องตะโกนเรียกผมให้หยุด

“ไอ้วัฒน์ไอ้ต้นไอ้ฟรอยด์มาเร็ว”พี่กัปตันเรียกเพื่อนเข้ากล้องผมหันไปมองสามหนุ่มกำลังรีบวิ่งมาตามเสียงเรียกของเพื่อน

“น้องนินถ่ายออกมาหล่อๆนะ”ห้าหนุ่มหล่อกระชากใจสาวยืนรวมตัวถ่ายรูปตรงทางเดินขึ้นบันไดนาค ทำให้มีสาวๆสนใจมองกัน

เป็นแถวความหล่อกินกันไม่ลงเลยทีเดียว มีทั้งรูปเดี่ยวรูปหมู่รูปคู่ของผมกับพี่เทียนที่ได้พี่พี่สลับเป็นตากล้องจำเป็นถ่ายให้ ถ่าย

รูปจนพอใจพวกเราก็ได้ฤกษ์เดินขึ้นผมมีพี่เทียนเดินจูงต้นแขนไปด้วย ส่วนสาวๆเห็นบอกว่าไปเข้าห้องน้ำแล้วจะตามมาทีหลัง

“เป็นไงคุณหมูน้อย เหนื่อยไหมเรา”พี่เทียนทักเมื่อเท้าก้าวสุดท้ายเหยียบลงพื้นวัด หันหลังมองกลับลงไปสูงเหมือนกัน

เมื่อได้ขึ้นมาแล้วต่างคนต่างแยกย้ายเดินเที่ยวชมวัดถ่ายรูปวัด พระธาตุสีเหลืองสูงตระหง่านแสงแดดตกกระทบทำให้เหมือนมอง

แล้วกำลังเปล่งแสงสว่างออกมา เหล่าพุทธศาสนิกชนกำลังจุดธูปเทียนวางดอกไม้ปักธูปลงกระถาง แล้วกล่าวคำอธิฐานบางคน

เดินถือดอกไม้ธูปเทียนวนรอบพระธาตุสามรอบ ก่อนปักธูปลงกระถางเสียงช่างภาพรับจ้างถ่ายรูปเดินเรียกลูกค้าที่ต้องการถ่ายรูป

ด่วนสามารถยืนรอรับได้ พระพุทธรูปปางต่างๆประดิษฐานอยู่รอบๆพระธาตุ เสียงระฆังในวัดที่ถูกเหล่านักท่องเที่ยวตีเพื่อความ

เป็นสิริมงคลในชีวิตดังขึ้นเป็นระยะ

“พี่เทียนนินหิวแล้วเราลงไปหาอะไรทานกันไหมไปเดินดูของฝากด้วย”สลัดผักเมื่อเช้าไม่อยู่ท้องพยาธิในท้องกำลังต้องการ

อาหาร

“ได้ งั้นเราลงไปข้างล่างกัน”พี่เทียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกเพื่อนๆว่าจะลงๆไปรอข้างล่าง

         ของที่ระลึกวางขายเต็มสองทางเดินที่พ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านขายของทั้งกินของที่ระลึก ผมกับพี่เทียนหยุดดูของที่ระลึกไป

เรื่อยๆตามแพงลอย ในมือผมมีถ้วยลูกชิ้นปลานึ่งราดน้ำจิ้มกินรองท้องก่อนถึงมื้อเที่ยงส่วนพี่เทียนทำหน้าที่ถือน้ำดื่ม

“ลูกชิ้นอร่อยไหม”พี่เทียนหันมาถามผม

“อ้าปากดิ”ผมจิ้มลูกชิ้นป้อนเข้าปาก

“อร่อยดีนะ โดยเฉพาะเวลามีคนป้อน”ครับเอาที่สบายใจครับ

“ได้อะไรมาเยอะเลยน้องนิน”พี่วัฒน์ทักขึ้นเห็นผมกับพี่เทียนเดินกลับมาที่รถ

“เดี๋ยวไปทานข้าวก่อนไปเที่ยวต่อจองร้านไว้แล้ว”พี่ฟรอยด์

“มึงขับนำไปเลยเดี๋ยวพวกกูตามไป”พวกผมกระโดขึ้นรถตามรถพี่ฟรอยด์เพื่อไปทานอาหารที่ร้านอาหารจองไว้

           รถของพวกเราวิ่งลงเขาสวนทางกับกับนักท่องเที่ยวคนอื่นที่กำลังทยอยขึ้นมา รถแดงรับส่งผู้โดยสารที่มาท่องเที่ยววิ่ง

สลับขึ้นลงเขาเป็นระยะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักเที่ยวได้ดีไม่น้อยทีเดียว ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาวแต่สายๆแดดแรงมากยิ่ง

อยู่บนที่สูงอากาศก็ยิ่งร้อน เมื่อเข้ามาในรถเครื่องปรับอากาศช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายของผมรู้สึกดีขึ้น ระยะทางจากสถานที่

ท่องเที่ยวมาถึงร้านอาหารไม่ไกลมากนัก พวกเราพักทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งอยู่ติดริมทางถนนเส้นหลัก รถสามคันเลี้ยว

เข้าไปจอดในลานจอดรถเดินเข้าไปในร้านบรรยากาศน่านั่งข้างในอากาศเย็นสบายกว่าที่คิดเพราะด้านในร่มรื่นมีต้นไม้เยอะ

“น้องนินทานอาหารง่ายๆไปก่อนเดี๋ยวคืนนี้พี่จะพากินอาหารพื้นเมืองร้านอร่อยๆบรรยากาศดี”

“ครับ”

“คุณเทียนร้อนไหมคะมานั่งตรงไหมคะจะได้โดนพัดลม”ขอโทษครับคุณใหม่มันก็ร้อนกันทุกล่ะครับไปเที่ยวที่เดียวกัน

“ไม่เป็นไรครับตรงนี้สบายกว่า”

“น้องนินอย่าลืมส่งรูปให้พี่นะครับ ว่าแต่อันนี้ใช่ไหมที่เป็นไลน์ของเรา”พี่วัฒน์

“ครับ”

“เฮ้ย ทำไมพี่ไม่มีไลน์น้องนินบ้าง”พี่กัปตัน

“แล้วมึงจะเอาเบอร์น้องไปทำไม”

“ก็มึงติดต่อยากคุยผ่านน้องดีกว่า”นี่พี่ๆเห็นผมเป็นทางผ่านหรือครับ

“ใช่ไงน้องนินพี่ๆจะช่วยคุมประพฤติถ้ามันทำอะไรไม่ดีจะได้รายงานได้ไง”พี่ฟรอยด์

“พอเถอะพวกมึงอย่าเสี้ยม”

ไม่รู้ว่าพวกพี่เขากับคุยกับหรือทะเลาะกันแน่แต่ไม่นานอาหารก็ตั้งตรงหน้าเป็นอาหารง่ายๆ เพราะต้องรีบไปต่อตอนบ่าย มื้อเที่ยง

เลยไม่ค่อยใส่ใจมากเห็นว่าจะไปหนักมื้อเย็นอีกที และระหว่างที่ไปเดินเที่ยวมีร้านของทานเล่นเยอะแยะ ท้องไม่น่าจะว่าง หลัก

จากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางต่อไปที่ท่องเที่ยวอื่นที่ขึ้นเป็นเหมือนตลาดทั่วไป แต่ที่จะขายของพื้นเมืองของทำมือและ

อากาศไม่ร้อน เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ไปเรื่อย หยุดดูของที่ถูกใจบ้างเลือกดูของฝากให้เพื่อนๆบ้างสุดท้ายต้องมานั่งพักที่ร้าน

กาแฟข้างทาง

“มีของน่ารักเยอะครับพี่เทียน”

“ชอบหรอเรา”

“ก็น่ารักนะครับ เดี๋ยวซื้อไปฝากคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า”

“ซื้อไปฝากให้ครบทุกคนนะ”อะ นี่ประชดรึเปล่าครับ

“พี่เทียนไม่สบายหรอครับ”ทำหน้าบูดตลอดเลย

“บอกตัวเองเถอะ กลับไปไม่สบายขึ้นมาจะแย่”พี่เทียนมองมาที่ผม

“ถ้าน้องป่วยจะให้พี่เทียนรับผิดชอบ”พูดแล้วส่งยิ้มกวนๆให้

“อื้อ อยากจูบจัง”หา พี่เทียนพูดอะไรเกือบสำลักน้ำ

“บ้า คิดแต่เรื่องนี้รึไง อยู่ดีดีก็พูดขึ้นมา”เมื่อกี้ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้นิ เรื่องของฝาก ครับของฝาก

“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ จูบได้แค่นิดเดียว ยังไม่ได้สอดลิ้นเข้าไปเลย”พี่เทียนครับนี่มันใช่เรื่องมานั่งคุยกันกลางตลาดที่มีคน

เดินไปมารึเปล่าครับ พี่ไม่อายแต่ผมอายนะครับมิน่าทำหน้าตาไม่พอใจมาตั้งนาน ไอ้เราก็นึกว่าเป็นอะไรซะอีก

เดินดูของต่อสักพักทุกคนก็ย้ายที่ไปสวนอุทยานหลวงราชพฤกษ์สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ใหญ่ขนาดมีรถบริการให้ขึ้นนั่งชม

แดดกำลังดีอากาศไม่ค่อยร้อนมากต้นไม้ดอกไม้ออกดอกสวยมีคนกำลังจัดบู๊ทเตรียมรับเทศช่วงปีใหม่ที่จะมาถึง

“ใหม่กับเพื่อนขอตัวนะคะ เดินมาทั้งวันแล้วเหนื่อย”

“งั้นรอที่ซุ้มน้ำศาลานั่นละกัน”พี่ฟรอยด์

“คุณเทียนไม่เหนื่อยบ้างหรอคะ เดินมาทั้งวันไปบ้างดื่มน้ำเย็นๆก่อนไหมคะ”

“ไม่ครับ เชิญตามสบายครับ”พี่เทียนปฏิเสธพี่ใหม่ไป แล้วก็เดินจูงมือผมไปเดินเที่ยว

เข้ามาสิ่งที่เห็นโดเด่นก็คือต้นสนดึกดำบรรพ์อายุกว่า 250 ล้านปี บริเวณประตูทางเข้าต้นใหญ่มากเดินเรื่อยจนถึงหอคำหลวง

ป้ายสีขาวเขียนด้วยตัวหนังสือสีทองพร้อมภาษาอังกฤษ ทางขึ้นขนาดกว้างมองตั้งแต่ทางเข้าจะเห็นเสาหน้าตาประหลาดเหมือน

เป็นหลังคาเล็กๆแล้วมีเสาเหล็กที่โค้งงอไม่แน่ใจว่าคือเสารึเปล่าตั้งคู่กันยาวไปจนถึงบันไดทางขึ้นหอคำ นักท่องเที่ยวต่างหยุด

ถ่ายรูปกันหลายคนไม่เว้นแต่พวกเรา

“สวยเหมือนฉากหนึ่งในละครยังไงไม่รู้”ผู้ชายตัวโตห้าคนสวมแว่นตาดำยืนมองดูหอคำที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า อดที่จะเก็บภาพความ

ประทับใจไม่ได้ ต่างคนต่างโพสท่าทางเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาบ้างก็ไล่เตะกัน ทำให้ผมอดคิดถึงเพื่อนๆบ้างไม่ได้ เดิน

ร้อนมาตั้งแต่ทางเข้าหอหลวงเดินขึ้นบันไดมาหลายขั้น พอเข้าไปข้างรู้สึกอากาศเปลี่ยนทันที รู้สึกได้ว่าอากาศข้างในเย็นสบาย

เก็บภาพด้านในเสร็จ ก็ออกมาถ่ายภาพรอบนอกมองจากมุมที่อยู่บนหอคำ สามารมองเห็นสวนที่อยู่รอบๆ

“เหนื่อยไหม หิวรึยัง”คนตัวโตหันหน้ามาถาม

“นิดหน่อยครับ”

“เดี๋ยวหมดจากนี่ก็คงได้ทานข้าวแล้วแหล่ะ”

“พี่เทียนมาเที่ยวกับเพื่อนอย่างนี้บ่อยหรอครับ”เงยหน้าขึ้นถามคนที่ยืนข้างๆ

“แต่ก่อนก็บ่อยแต่ตั้งแต่ทำบริษัทก็ไม่ค่อยว่าง”ไม่มีเวลาเที่ยวแต่มีเวลาทำงานว่างั้น

“เห็นพี่ฟรอยด์บอกว่า แฟนเก่าพี่เทียนไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ด้วยรึเปล่าครับ”ไม่ได้ตั้งใจถามแต่อยากรู้

“หึ หึ อยากรู้อะไรถามมาได้เลยพี่ไม่มีความลับอะไรหรอก ยิ่งเป็นคนที่พี่รักแล้วด้วย”

“ถามได้จริงดิ”

“แลกกับจูบดีไหมนะ”ว่าแล้วผู้ชายคนนี้ หื่นได้ตลอดสิน่า

“งั้นก็ไม่อยากรู้แล้ว”ไม่อยากเสียเปรียบ คิดถึงจูบเมื่อคืนรู้สึกใจเต้นขึ้นมาทันที

“ล้อเล่นน่า ล้อเล่น เพื่อนพี่มันเล่าอะไรให้ฟังบ้างล่ะ”

“พี่ฟรอยด์บอกว่าแฟนคนเก่าพี่เทียนเขาเข้ามาหลอก”

“อย่าไปเชื่อพวกมันให้มาก คนอย่างพี่ถ้าไม่เต็มใจให้ใครก็เอาไปไม่ได้ อีกอย่างเขาไม่ใช่แฟนเราคบกันแบบเงื่อนไขก็เท่านั้น

”อ้อ คบกันแบบนี้ก็มีด้วย

“แล้ว....แล้วแบบเราเรียกว่าอะไร”รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

“แฟน คนรัก คนที่พร้อมจะเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน”ผมมองเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่มีภาพของผมฉายอยู่ในนั้น

เป็นการสารภาพรักที่โรแมนติกที่สุด แม้คนตรงหน้าไม่ได้คุกเข่าขอความรักบนตึกสูงระฟ้า ในร้านอาหารหรู หรือบรรยากาศใต้

แสงเทียนแต่บรรยากาศในอุทยานที่มีต้นไม้หลายร้อยต้น หลากหลายพันธ์ หลายหลากชนิด รวมไปถึงดอกไม้หลากสีสันที่ช่วย

เป็นสักขีพยานในคำมั่นสัญญาในครั้งนี้ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว เป็นคำตอบของพี่เทียนทำให้ผมอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ รู้สึกหัวใจเต้น

แรงมีความสุขตัวเบาหวิวยังไงไม่รู้

“เป็นครั้งแรกที่พี่เข้าหาคนอื่นก่อน เราต่างจากคนอื่นมาก”

“คือ”

“อย่างเรื่องทำงาน เราสามารถให้คุณลุงคุณป้าช่วยหรือให้คุณย่าช่วยก็ไม่ทำ ไม่รับเงินจากคุณลุงคุณป้า อย่างไปเดินห้างหรือมา

เที่ยวก็ไม่เคยเอ่ยปากอยากได้อะไร”ก็โตแล้วมีความรับผิดชอบส่วนเรื่องเงินมีอยู่แล้ว

“บางครั้งคนที่อยู่รอบข้างเขาก็อยากให้เราพึ่งพา เหมือนกับพี่ที่อยากให้แฟนตัวเองอ้อนอยากได้นั่นอยากได้นี่อยากให้เราพึ่งพา

พี่มากกว่านี้ เพราะเป็นคนสำคัญเลยอยากให้นินเชื่อใจ”

มันอาจจะเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเวลาที่เราอ่อนแอพึ่งพาคนอื่นก็เป็นเรื่องดีคิดมาตลอดว่าไม่อยากเป็นภาระไม่อยากให้คน

อื่นเดือดร้อนหรือไม่สบายใจ

“ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็ฝากดูแลนินด้วยนะครับ”

“ยินดีครับ จะดูแลตลอดไป”

แสงตะวันอ่อนแสงลงแล้ว หลังจากที่เดินเที่ยวเก็บภาพเกือบสองชั่วโมงลมเย็นประทะหน้าแต่สายตาผมยังจ้องมองไปที่ดวงตาที่

บอกถึงความมั่นคงแน่วแน่จริงใจของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนที่สัญญาว่าต่อแต่นี้ไปจะดูแลผม ดูแลตลอดไปมีแค่เพียงคำพูดที่

ออกจากปากเขาเท่านั้นไม่มีอะไรเป็นหลักประกันที่แน่นอน แต่แค่นี้ผมก็ความสุขแล้ว ต่อไปนี้ก็ขึ้นอยู่เราสองคนว่าจะช่วยกันประ

คับประคองรักนี้ไปได้นานเท่าไหร่


                     18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นพระอาทิตย์กลับเข้านอนไปแล้ว ผลัดเปลี่ยนเวรให้พระจันทร์มาทำหน้าที่ส่องแสงยิ้ม

แฉ่งอยู่บนฟ้าแทน พวกเราก็เดินทางออกจากสวนราชฟฤกษ์ แล้วตรงมาที่ร้านอาหาร พวกเรานั่งรออาหารที่ทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

บรรยากาศร้านอาหารบ้านทรงไทยขับกล่อมด้วยเสียงเครื่องดนตรีพื้นเมือง พนักงานต้อนรับพนักงานเสิร์ฟสวมชุดผ้าพื้นเมืองบวก

กับการพูดคุยด้วยภาษาถิ่นของโต๊ะข้างๆ ทำให้ได้บรรยากาศเหนือเกินบรรยาย กลิ่นหอมเครื่องเทศของไส้อั่ว แกงฮังเล แกงแค

น้ำพริกอ่อง น้ำพริกพร้อมเครื่องเคียงผักสดและแคปหมู กำลังเรียกน้ำลาย เสียงดนตรีฟอล์คซองดังขึ้นบนเวทีเรียกเสียงปรบมือ

ให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องรอให้อาหารครบพวกเราลงมือก่อนตักชิมอาหารทีละอย่าง มีบางอย่างที่สามารถทานได้แต่ก็ไม่ได้

คิดมากเพราะพี่เทียนสั่งอาหารที่ผมมาให้ด้วย มื้อเย็นอร่อยไปตามที่ฟรอยด์คุยไว้ นั่งย่อยฟังเพลงดนตรีพื้นเมืองไม่นานก็กลับ

เข้าที่พัก

“ง่วงจังเลย”อาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำก็บ่นทันที ไม่ได้กินอิ่มเที่ยวสนุกอย่างนานแล้ว

“มานั่งนี่ก่อนเดี๋ยวค่อยนอน หายปวดขารึยัง”

“อื้อ ได้นั่งพักก็ดีขึ้นบ้างแล้วครับ”เดินเข้าไปหาผู้ชายตัวโตที่นั่งดูอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์  นั่งลงพี่เทียนก็ดึงให้ไปนั่งบนตักให้

ผมซบหน้าลงบนอกกว้าง จมูกไม่อยู่สุขก็ดมกลิ่นหอมครีมอาบน้ำที่ตัวเองใช้อยู่บ่อยๆแต่ที่ตอนนี้มีกลิ่นติดอยู่บนตัวคนตัวโต

“อยากกอดอย่างนี้ทั้งวันเลย”พี่เทียนดึงผมออกจากอ้อมกอดเราทั้งคู่กำลังจ้องตากันอยู่

“จูบได้ไหม”บ้าเรื่องแบบนี้เขาเอามาถามกัน

แต่ยังไม่ทันที่จะให้คำตอบริมฝีปากเขาก็ลงมาทับริมฝีปากผมอย่างนิ่มนวล เขาใช้ลิ้นเลียบนริมฝีปากดูดเม้มเบาๆ สอดปลายลิ้น

เข้ามา

“อื้อ พอแล้วครับ”

“เฮ้ย ได้ไงยังไม่ได้จูบเลย”

“น้องง่วงแล้ว”ไม่ได้แกล้งแต่พี่เทียนน่าแกล้ง ไม่สนใจเสียงโวยวายรีบเดินเข้าไปในห้องคลานขึ้นเตียง ไม่นานพี่เทียนก็ตามมา

ขึ้นมาทับผมไว้ทั้งตัวเอาหน้าซุกไว้ที่ซอกคอ

“แสบนะเรา เอาไว้ถึงเวลาเมื่อไหร่จะทบทั้งต้นทั้งดอกเลย ฟอด ”จอมหื่นยังไม่ยอมแพ้ไม่ได้จูบแต่ได้หอมก็ยังดี

“พี่เทียนครับน้องง่วงแล้ว”แกล้งทำเสียงดุใส่จนพี่เทียนต้องยอมดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดแล้วหลับไปด้วยกัน



                   ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้ต้องตื่นเพราะวันนี้พวกเราจะไปเที่ยววัด ล่องขุน ลืมตาตื่นเห็นพี่เทียนกำลังจ้องผมอยู่

“อรุณสวัสดิ์ ครับ ฟอด”พี่เทียนจูบลงที่หน้าผากเบาๆ ทำไห้อดยิ้มไม่ได้

“อรุณสวัสดิ์ ครับ พี่เทียนตื่นนานแล้วหรอครับ”ลุกขึ้นนั่งแก้เขินแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่ากาย

ยืนมองตัวเองในกระจกที่ตอนนี้บนใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏอยู่ ที่ผมสัมผัสอยู่ตอนนี้มันคงไม่ใช่ความฝันถ้ากลับไปแล้วทุกอย่างจะ

ยังเป็นอย่างเดิมหรือเปลี่ยนไปรึเปล่านะ

                     วันนี้ออกเดินทางแต่เช้าเพราะระยะทางค่อนข้างไกลและไม่อยากรีบเร่งจนเกินไป ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็มา

ถึงจุดหมายปลายทาง วัดสีขาวกระทบกระแสงแดดยามเช้าและสระน้ำที่อยู่ด้านข้างนักท่องเที่ยวกำลังเยอะอากาศก็กำลังร้อน

เดินขึ้นไปบนสะพานมองดูรอบๆเข้าไปด้านในและเดินออกมา

“หิวรึยัง”

“ยังเลยครับ”มองนาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาอีกกี่นาทีก็จะเที่ยง ที่แท้ก็สายขนาดนี้แล้ว แสงแดดเริ่มคล้อยมาตรงศีรษะ จนต้นไม้
มีเงาซ้อน

“อ้าวพี่ฟรอยด์ วัดอยู่ทางนี้ไม่ใช่หรอครับ”เห็นพี่ฟรอยด์เดินเข้ามา

“พอดีมันเข้าวัดแล้วมันร้อนพี่เลยพาไปซื้อไอติมดับร้อนนะ นินสนใจไหม”พี่กัปตัน

“กัปตันมึงพูดซะกูเป็นสัมพะเวสีเข้าวัดแล้วร้อน” ถ้าพี่เป็นทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นกันหมดต่างคนต่างเดินหาที่หลบแดด

“แล้วที่เหลือไปไหนกันหมดวะ”พี่เทียน

“สาวๆไปห้องน้ำ ไอ้สองตัวโน่นอยู่หน้าร้านไอติม”

รอทุกคนรวมตัวครบก็มุ่งหน้าไปร้านอาหารมื้อเที่ยงที่รับการแนะนำจากคนในพื้นที่มาว่าอร่อยมาก ร้านอาหารเป็นลักษณะห้อง

แถวเล็กๆหน้าร้านเป็นตู้กระจกเหมือนตู้ขายก๋วยเตี๋ยว ด้านในเป็นโต๊ะไม้กับเก้าอี้ไม้หัวโล้นตั้งไว้หลายชุด จับจองที่นั่งได้ก็สั่ง

อาหารขึ้นชื่อมาทาน ร้านนี้ขายข้าวซอยเนื้อและไก่ หมี่กะทิ ขนมจีนน้ำเงี้ยว

“อิ่มจังเลย พี่เทียนน่องไก่น่องเบ้อเริ่มเลย”เดินขึ้นรถมาพรรณนาความอร่อยของอาหารมื้อเที่ยงไม่หยุดปาก

“กินเยอะๆเถอะ เห็นกินแต่ละทีเหมือนแมวดม เลยไม่โตสักที พอดีไม่ได้ใช้งานพี่ก็แก่ก่อนพอดี”

“ว่าไปนั่น น้องโตแล้วแต่ได้เท่านี้เถอะ”

อาหารอร่อยตามที่คนในพื้นที่แนะนำมาพี่ๆก็กินหมดไปหลายชาม สาวๆก็กินน้อยคงกลัวอ้วน ทุกคนต่างอิ่มหนำกับมื้ออาหารมุ่ง

หน้าหาร้านขายของฝาก

ถนนทอดยาวสุดลูกหูลูกตาข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยธรรมชาติภูเขาเป็นทางผ่านกลับเข้าเชียงใหม่

“รู้สึกเวียนหัวไหม”

“อือ ไม่หูอื้อนิดหน่อย”


                                                                              มีต่อด้านล่าง




ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

                                                                          ต่อจากด้านบน


“ได้อะไรมาบ้างของฝาก”

“เป็นของโครงการหลวงนะครับ ได้กระเป๋าให้พี่จิ๋วกับพี่แจ่มเอาไว้ไปจ่ายตลาดด้วยเป็นกระเป๋าผ้าด้วยดิบกับกระสอบเป็นของทำ

มือ มีน้ำผลไม้ด้วย”

“พี่จิ๋วพี่แจ่มยังมีของฝากแล้วพี่จะได้กับเขาบ้างไหมเนี่ย”

“ก็มาเที่ยวด้วยกันจะมีของฝากให้ได้ไง”

“แสดงว่าไม่มี น่าน้อยใจเลยเราอุส่าขับรถพามาเที่ยวตั้งไกล”

“โอ๋ โอ๋ ไม่น้อยใจมีครับ แต่ยังไม่ยังบอกว่าคืออะไร”พอบอกว่ามีของจะให้เท่านั้นยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมาทันที

นาฬิกาบอกเวลาสิบแปดนาฬิกาสิบห้านาทีผมนอนลงโซฟาหน้าโทรทัศน์ อย่างหมดแรง หลังจากที่ไปเดินเที่ยวและซื้อของฝาก

ร่างกายตอนนี้รู้สึกล้า

“เหนื่อยจังเลย แต่ก็สนุกได้มาเที่ยวกับพวกพี่ๆ”

“ดีแล้วที่สนุกพี่กลัวว่าเราจะไม่สนุก”ตอนนี้หัวผมกำลังหนุนอยู่บนตักพี่เทียนส่วนพี่เทียนกำลังนั่งอยู่บนซาตัวเดียวกับผมวางมือ

ไว้ที่หัวผมแล้วลูบไปมา พี่เทียนหอมจังเลยกลิ่นครีมอาบน้ำของผมอยู่บนตัวพี่เทียนนี่หอมไปอีกแบบ

“ไปอาบน้ำก่อนไหมจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น แล้วจะได้ลงไปทานข้าว”ผมเดินเข้าห้องน้ำตาแทบปิดผมรีบอาบน้ำไม่อย่างนั้นคงหลับ

คาหลังน้ำแน่นอน

“น้องนินออกมาพอดี พี่มาชวนลงไปทานข้าว”พี่กัปตันพี่ๆเต็มห้องเหนื่อยจังผมรู้จักปวดเมื่อยไปหมด

“นินเป็นอะไรไหม ไม่สบายรึเปล่าตากแดดทั้งวันเลยเรา”พี่เทียนเดินมาวางมือที่หน้าผากผม

“ลงไปทานข้าวดีกว่าครับเดี๋ยวคนอื่นรอ”พวกเราลงไปทานอาหารที่ชั้นล่าง เดินลงข้างล่างอากาศเย็นลงอีกแล้วอากาศ

เปลี่ยนแปลงตลอดเดี่ยวร้อนเดียวหนาวกลัวร่างกายรับไม่ทันแล้วป่วยจังเลย โอ้โหร้านอาหารของที่มีคนมานั่งเยอะขนาดนี้เลย

หรอผมนึกว่าแขกที่นี่มีไม่กี่ห้อง

“ร้านอาหารที่นี่เขามีชื่อเสียง จึงมีคนมาใช้บริการบ่อย”พี่ฟรอยด์ตอบข้อสงสัยของผม พนักงานนำทางพวกเราไปโต๊ะที่จองไว้

เสียงเพลงสากลเบาๆเข้ากับบรรยากาศเย็นๆนี้เหลือเกิน พี่ๆจัดการสั่งอาหารพี่เทียนสั่งให้ผมด้วยผมไม่แรงแล้วตาจะปิดให้ได้

พนักงานรับรายชื่ออาหารแล้วเดินกลับไปในครัว

ขนาดที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะ

“เอื๊อก”เสียงผมกลืนน้ำลายลงคอ

“ฮึ ฮึ ถึงกับกลืนน้ำลายเลยหรอ เลิกมองได้แล้ว เดี๋ยวคืนนี้เจอดีแน่”เสียงพี่เทียนกระซิบกรอกลงหูผมทำให้สติผมกลับคืนกลับมา

เอ๊ะมีอะไรผิดพลาดรึเปล่าครับ เป็นผมรึเปล่าแทนที่จะหึงพี่ใหม่เธอแต่งตัวมายั่วพี่เทียนนะครับไม่ใช่ผม อีกอย่างที่ผมมองแล้ว

กลืนน้ำลายไม่ได้พิศวาสแค่ตกใจกับความใจกล้าของเธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น

“ขอโทษที่ช้านะคะ พอดีใหม่กับเพื่อนรู้สึกเพลียๆนิดหน่อย”เธอยิ้มส่งสายตามาให้พี่เทียนผมสงสัยจังเลยว่า ที่ผมเห็นมันเป็น

ของจริงหรือของเทียมกันแน่

อาหารที่สั่งเริ่มทยอยลงโต๊ะสาวๆมาทันเวลาพอดี ทุกคนคงหิวมากต่างกินอาหารเงียบๆ พี่เทียนตักอาหารให้ผม

“คุณเทียนช่วยตักกับข้าวให้ใหม่ได้ไหมคะใหม่ตักไม่ถึง”พี่เทียนลังเล

“อะ นี่”พี่กัปตันสลับจานที่เธอต้องการกับจานอื่น เธอรู้สึกเสียหน้าเธอมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรแต่ก็นั่งทานข้าวต่อไป

เสียงช้อนส้อมสัมผัสถ้วยจานจนเกิดเสียงเป็นระยะ แข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอยู่สักพักแต่ละคนก็ลดความเร็วในการกินลง แสดงว่า

เริ่มอิ่มกันแล้วดูจากปริมารอาหารที่หายไปก็คงต้องอิ่มเป็นธรรมดา ผมว่าแค่รองท้องกันกันเฉยนี่แหล่ะเพราะน่าจะมีดื่มต่อเหมือน

เมื่อคืนก่อนดีตรงที่พี่ๆเค้าดื่มแล้วดูแลตัวเองได้ควบคุมการดื่มของตัวเองได้เมื่อคืนเห็นดื่มกันเยอะๆนึกว่าจะไม่ได้ไปเที่ยวซะแล้ว

 “พี่เทียนเดี๋ยวนินกลับขึ้นไปหยิบเสื้อรู้สึกอากาศเย็นมากเลย”เห็นพี่ใหม่แล้วผมยังหนาวแทน

หยิบกุญแจเดินขึ้นห้องเพื่อจะไปหยิบเสื้อแขนยาว ฮ้าวทำไมง่วงอย่างนี้นะหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน จากที่คนเต็มร้านตอนนี้

ลูกค้าเริ่มทยอยกลับแล้วเสียงเพลงที่เปิดจากแผ่นตอนนี้เปลี่ยนเป็นนักร้องขึ้นไปร้องเบาๆสบายบนเวทีอาหารบนโต๊ะหลายโต๊ะ

เปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มกับกับแก้มแล้ว

“น้องเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟที่โต๊ะ15ใช่ไหม”

“เอ่อครับ”

“พี่สั่งเครื่องดื่มนะพี่ขอน้ำส้มอีกแก้วน้องวางไว้นี่แล้วไปเอาน้ำส้มให้พี่อีกแก้ว”

“ครับ ครับ”

“เฮ้ย ทำอย่างนี้จะดีหรอวะแก”

“ทำไมไม่ดียังไง สงสารมันรึไงฉันว่ามันคงจะดีใจไม่ว่าจะได้ผัวเยอะๆ แล้วพวกเธอก็เงียบหุบปากไว้นะฉันเป็นเพื่อนพวกเธอนะ

ไม่ใช่มันจำเอาไว้”

“น้ำส้มได้แล้วครับ ขอบคุณมากเดี๋ยวแก้วนี้พี่ถือไปที่โต๊ะเอง”

หมายความว่ายังไงผมเห็นผู้หญิงคนนั้นเธอใส่อะไรลงไปในแก้วน้ำส้ม ที่จะไปเสิร์ฟที่โต๊ะผมว่าน้ำส้มคงมีปัญหาแน่นอน เธอคง

ไม่ได้จะเล่นผมหรอกนะ ผมหลีกเลี่ยงไม่ตอบโต้เธอแล้วนะแต่ทำไมเธอถึงไม่หยุดไม่รู้จักพอ ทำไมเธอถึงอยากจะเอาชนะผมให้

ได้นะ เดินขึ้นห้องไปหยิบเสื้อด้วยอารมณ์สับสนวุ่นวายภายในจิตใจควรที่จะทำอย่างไรต่อไปถ้าหนีก็ต้องหนีไปเรื่อยๆเธอก็ยิ่ง

ได้ใจถ้าอย่างนั้นถ้าเธออยากได้ผัว ผมจะหาให้เธอเองเอาแบบเยอะๆเธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไล่ล่าตามหาอีกรึเอาแบบมี

ครั้งเดียวไม่คิดที่จะมีอีกเลยดีกว่าไหมน้าเดินคิดเรื่อยๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออกหาใครบางคน

“ทำไมไปนานจังเลย พี่ว่าจะลุกไปตามแล้วนึกว่าเป็นอะไรไปซะอีก”

“พอดีไปแวะเข้าห้องน้ำด้วยคนเยอะ”

 “แล้วทำไมไม่เข้าที่ห้อง”

“ลืม”แฮะๆๆ เป็นข้อแก้ตัวที่ไม่ได้เรื่องที่สุด พี่เทียนมองอย่างนี้หมายความว่ายังไงครับไม่เข้าใจ แก้วน้ำส้มวางไว้อยู่บนโต๊ะ

เหลือบมองผู้หญิงคนนั้นเธอยังมองมาที่ผมคงกำลังลุ้นว่าผมจะดื่มมันลงไปรึเปล่า เหลือบมองไปรอบโต๊ะ อ้องั้นลองดูแล้วกัน

หยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่ม ดูพี่ใหม่เธอจะยิ้มพอใจอย่างมาก ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เธอมองมาที่ผมกำลังรอเวลาต้องเท่าไหร่กันนะยาถึง

จะออกฤทธิ์

“พี่เทียนเดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

“ไม่เป็นไรครับ”ลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ เดินช้ารอผู้หญิงคนนั้นตามมา ตามที่คิดไว้พี่ใหม่เธอตามมาจริงๆ

“พวกวิปริต แค่เด็กใจแตก เกาะผู้ชายรวยกินไปวันๆ”ที่พูดนี่หมายถึงใคร

“พี่ใหม่ว่าใคร”เริ่มจะไม่ชอบใจในคำพูดสบประมาทของเธอ

“ว่าแกไงหน้าด้าน ด้านไม่อาย วิปริตคนเดียวไม่พอทำให้คุณเทียนของฉันต้องเป็นไปด้วยถ้าไม่มีแกเขาก็ต้องหันมาสนใจฉัน”ฮึ

คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า

“ผมหรือครับ”

“ถ้าแกอยากได้ผัวมากฉันจะหาให้หาให้เยอะเลยเป็นไง ฮื้อ ฮื้อฉันเป็นอะไรไป”ยาคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

“เคยได้ยินเรื่องกรรมติดจรวดไหมครับ เขาบอกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”

“แก แกทำอะไรฉัน แกวางยาฉันหรอ”ร่างกายของเธอเหมือนคนหมดแรงเธอนั่งลงพิงผนังหน้าห้องน้ำ

“ฮื้อ อย่าใส่ร้ายกันอย่างนี้สิครับผมยังไม่ได้สัมผัสเครื่องดื่มของคุณเลยแล้วจะเวลาไหนไปวางยา”

“แก ฮื้อ อืม”เสียงหายใจของเธอบอกได้เลยว่ายาที่เธอใส่ลงในแก้วน้ำส้มของผมแรงน่าดู ถ้าพลาดขึ้นมาผมเป็นคนดื่ม แล้วเธอ

ลากผมไปให้คนอื่นข่มขื่นผมจะทำยังไง ผมไม่เคยทำร้ายหรือคิดเลยแต่ทำไมเธอต้องทำร้ายผมด้วย

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฉันไม่ไหมแล้วทรมาน มันทรมาน”

“คุณใหม่ ผมอยากให้คุณได้รับรู้รสชาตินี้จดจำมันไว้นะครับ จำไว้ให้ดีนี่คือสิ่งที่คุณพยายามจะหยัดเยียดมันให้ผม แล้วอย่าคิดที่

จะทำอย่างนี้กับใครอีก ผมอาจจะใจดีกับคุณแค่สั่งสอนคุณแต่ถ้าเป็นคนอื่น คุณจะเจ็บจนอาจไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เลย

ก็ได้”

“นินเป็นยังไงบ้าง”พี่วัฒน์วิ่งมาหาผม

“ยาออกฤทธิ์แล้วครับพี่วัฒน์พาเธอไปเถอะ”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครช่วยอธิบายได้ไหม”พี่ฟรอด์พี่เทียนพี่กัปตันพี่ต้นตอมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว

“เอ่อ กูว่าพวกมึงพากูแบกคุณใหม่ไปที่ห้องดีกว่า”พี่วัฒน์พูดถูกครับ ตอนนี้เธอกำลังจะถอดเสื้อผ้าของเธอออก พี่ฟรอยด์เรียก

พนักงานที่ร้านอาหารมาช่วยแบกเธอขึ้นไป

“นินเป็นอะไรไหม พี่สงสัยตั้งแต่ที่ไอ้วัฒน์มันเปลี่ยนแก้วน้ำส้มแล้วไม่นึกว่าเธอจะกล้าทำกับนินอย่างนี้ถ้านินเป็นอะไรไปพี่คงไม่

อภัยให้ตัวเอง”เอ่อพี่เทียนผมว่าพี่เทียนคงไม่ได้โดนยาไปอีกคนใช่ไหมครับ

ผมกับพี่เทียนตัดสินใจกลับห้องเราไม่ได้ไปดูพี่ใหม่ที่ห้องไปก็ช่วยอะไรไม่ได้สู้กลับไปนอนพักผ่อนดีกว่าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

“นินจะไปไหน”

“นินอยากนอนแชร์น้ำอุ่นอยากลอง bubble bathที่ได้มาวันนี้ด้วย”

“ให้พี่แช่เป็นเพื่อนไหม”ทะลึ่งแล้วไงพี่เทียน ผมไม่ตอบแต่เดินเข้าห้องแล้วรีบลงกลอนทั้งที เสียงหัวเราะชอบใจของพี่เทียนตาม

ติดเข้ามาในห้องน้ำ หื่นได้ตลอดคนอะไรไม่รู้ เปิดน้ำอุ่นเท bubble bathใช้มือตีน้ำให้ฟองขึ้นจนได้ในระดับที่พอแล้ว ก็ก้าวเท้า

ลงไปในน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิที่พอเหมาะ รู้สึกสบายเลือดไหลเวียนซักพักผมก็ขึ้นจากน้ำล้างฟองออกจากตัวใช้ผ้าซับน้ำออกสวม

เสื้อผ้าเตรียมเข้านอนผมเปิดประตูออกไปไปในห้องถูกปิดแล้วเหลือไว้แต่ไฟหลอดเล็กพี่เทียนนอนอยู่บนเตียงหลับไปแล้ว

“อืม หอมจังเลย”

“พะ...พี่เทียนทำอะไรครับ เล่นเป็นเด็กๆไปได้”

“ฮึ ฮึแล้วผู้ใหญ่เล่นยังไงสอนพี่บ้างสิ”

ยังไม่ทันจะส่งเสียงร้องห้ามพี่เทียนโน้มใบหน้าลงมาใช้ริมฝีปากร้อนๆกดทบลงมาเบาปิดปากผม ใช้มือทั้งสองข้างจับข้อมือผม

ไว้แล้วตรึงไว้บนที่นอน เขาใช้ลิ้นไล่ลากและขบเม้มริมฝีปากเขาพยามยามทำให้ผมเปิดปากออก รู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแข็งขืน

เหมือนกำลังจะละลายไปด้วยจูบที่เขามอบให้ เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของผมเหมือนกำลังครวญหาอะไรซักอย่างตัวผม

สั่นน้อยๆไม่ใช่ไม่เคยถูกจูบแต่ถูกคนที่ตัวเองรักมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

 “อื้อ อื้ม หวานจัง”เสียงพี่เทียนครางออกมาอย่างพอใจในสิ่งที่เขาต้องการ พี่เทียนจูบเก่งจังเลยผมรู้เพียงเท่านี้เขาใช้ลิ้นไล่

สำรวจผมอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง จูบของเขาทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนคนกำลังจะสำลักความรู้สึกดีๆนี้

“อื้อ อื้ม พี่เทียน”ผมเรียกชื่อเขาอยากบอกให้เขาหยุดแต่เขากลับเปลี่ยนจากจูบที่อ่อนโยน เป็นจูบที่ดูดดื่มเรียกร้องต้องการโหย

หาเป็นคำตอบแทนคำพูด

“ดี ที่รัก ดีมาก”ผมเผลอจูบตอบเขาโดยอัตโนมัติ เสื้อยืดแขนสั้นของผมถูกปลดกระดุมออกไปแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แสงไฟสลัว

ภายในห้องส่องให้เห็นร่างกายเปล่าเปลือยของผม ปรากฏต่อหน้าของเขาพี่เทียนยิ้มที่มุมปากสายตาของเขาที่จ้องมองร่างกาย

ผมบ่งบอกว่าเขากำลังพอใจที่ได้เห็น เขาใช้ปากจมูกซุกไซร้ขบเม้นอยู่ตรงซอกคอใบหูผมรู้สึกเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าซ็อตเบาๆ

ไปทั่วทั้งร่าง ลมหายใจอุ่นและลิ้นสัมผัสลงบนผิวของผมเบาๆ

“อื้ม หอมจังเลย ชื่นใจจัง”เขาใช้ลิ้นลากไล่จากลำคอมาที่ตุ่มไตสีชมพูของผม ใช้ปากดูดเลียวนทั้งสองข้างสลับไปมาเบาๆ

“อื้ม อื้อ”พี่เทียนผมเสียว พี่เทียนใช้มือข้างหนึ่งถอดกางเกงของผมออก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“นิน นิน เป็นอะไรรึเปล่า”เสียงใครสักคนเรียกผม ผมสะดุ้งตื่น ทำให้รู้ว่าตอนนี้ผมยังนอนแช่น้ำอยู่ให้ตายเถอะผมฝันหรือเนี่ย

“อะ....เอ่อ ไม่ได้เป็นอะไรครับ”ให้ตายทำไมผมถึงฝันเรื่องน่าอายอย่างนี้นะ ผมรีบอาบน้ำสวมเสื้อผ้าออกมา

“พี่เทียนมีอะไรรึเปล่าครับ”

“ไม่มีอะไรมีเห็นเข้าไปนานนึกว่าเป็นอะไรไปซะอีก”

“อ้อ เปล่าครับ”

“พักผ่อนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พี่อาบน้ำแปปหนึ่ง เดี๋ยวนินไม่ให้นอนกอดเพราะเหม็นเหล้า”ห้ามได้ด้วยหรอครับ

นั่งคิดเรื่องความฝันที่ครู่ที่เกิดขึ้นลึกๆในใจแล้วผมยังรู้สึกกลัวการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนที่ผมรัก

ก๊อก ก๊อก ดึกขนาดนี้ใครมากันนะ

“พี่ฟรอยด์”พี่วัฒน์พี่กัปตันพี่ต้นมายืนทำอะไรอยู่หน้าห้อง

“นิน พวกพี่ขอเข้าไปได้ไหม”ผมเปิดประตูให้พี่ๆเข้ามา

“เชิญครับ”ผมเดินนำทุกคนเข้ามาในห้อง

“อ้าว พวกมึงมาทำอะไรดึกๆดื่นๆที่ห้องกู”พี่เทียนออกมาจากห้องน้ำแปลกใจที่เห็นเพื่อนของตัวเองเต็มห้อง

“เอ่อน่า เรื่องของพวกกู”พี่ฟรอยด์

“อ้าว ก็นี่มันห้องของกู”

“นิน คือพี่ขอโทษแทนใหม่ด้วยนะ”

“ครับ”

“เพื่อนๆของเขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ฟังหมดแล้ว พี่ไม่นึกว่าเขาจะกล้าทำเรื่องอย่างนี้ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนินไอ้เทียนมันคง
เอาพี่ตายแน่นอน”

“ชั่งเถอะครับ อีกอย่างผมก็ไม่เป็นอะไรด้วย แล้วพี่ใหม่เป็นยังไงบ้างครับ”

“ยาหมดฤทธิ์แล้วตอนนี้หลับไปแล้ว”

“กูขอโทษมึงด้วยนะเทียนกูไม่นึกว่าเรื่องราวมันยุ่งยากขนาดนี้ มันเป็นนิสัยชอบเอาชนะของเขา ครอบครัวเขาเลี้ยงมาแบบนี้”พี่ฟ
รอยด์

“ถ้านินบอกว่าไม่เป็นไรกูก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากยังไงมันก็ผ่านไปแล้วแต่ต่อไป...”

“เอ่อ กูรู้แล้วกูคงจะไม่ใหม่มาเจอกลัวมึงกับน้องแน่นอน”พี่ฟรอยด์

“ผมก็ต้องขอบคุณพี่วัฒน์ด้วยที่ช่วยผม”

“ไม่เป็นไรน้องไอ้เทียนก็เหมือนน้องพี่”ไม่พูดเปล่าพี่วัฒน์เดินเข้ามาทำทีจะกอดผม

“มากไปแล้วมึงเห็นไหมเจ้าของเขามองตาขวางอยู่”พี่กัปตัน

“น่า ก็ล้อเล่นเห็นบรรยากาศเครียดแต่ถ้าได้ก็ดี....ไอ้กัปตันไอ้ต้นถีบกูทำไม”บรรยากาศแย่ๆรู้สึกจะผ่านไปได้ด้วยดีเปลี่ยนเป็น

เสียงหัวเราะและรอยยิ้มมิตรภาพของเพื่อน จะดีจะร้ายอะไรจะผ่านเข้ามาบ้างแต่คำว่าเพื่อนมักจะยังหลงเหลือและยังคงอยู่เสมอ

พี่กัปตันพี่วัฒน์พี่ต้นวิ่งไล่เตะกันในห้องเหมือนเด็กๆคำว่าเพื่อนของพวกเขาคงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามคืนไม่มีผลประโยชน์เข้ามา

เกี่ยวข้อง ความจริงใจสินะที่เค้ามีให้กัน พี่เทียนก็เดินไปจับมือพี่ฟรอยด์เพียงแค่นี้ก็แทนคำพูดเป็นร้อยได้พี่เทียนมองมาที่ผม

แล้วยิ้ม ผมรู้สึกดีที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่ไม่ใช่ทุกครั้งไปจะจบลงด้วยดีอย่างนี้ พี่เทียนไม่ถามผมสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ถาม

ว่าใครผิดใครถูก ไม่ถามว่าใครเป็นคนเริ่มหาเรื่องใครก่อน เขาไม่พยายามซักไซ้เอาความจริงจากปากผมสักคำ ผมเลือกที่จะ

เงียบแทนที่จะพูดเขาก็อยู่ข้างผมเงียบๆมองข้ามเรื่องนั้นเพื่อให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น ผมคิดว่าเขาคงรอให้ผมเล่าเองถ้าพร้อมที่

บอกพร้อมที่จะเล่าก็คงจะบอกเองอย่างนี้เขาเรียกกว่าความไว้ใจความเชื่อใจในกันและกันรึเปล่านะ เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่

บนพื้นแสดงอาการทุรนทุรายเขาเลือกวิ่งเข้ามาหาผมคำถามแรกที่เขาถามเขาถามว่าผมเป็นอะไรบ้างรึเปล่าต่อให้ทั้งโลกเข้าใจ

ผมผิด แค่เขาขอแค่เขาคนเดียวผู้ชายคนนี้คนที่อยู่ต่อหน้าเขาเชื่อในผม เชื่อใจผม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วไม่ต้องการอะไรไม่

ต้องการไปมากกว่านี้ แค่ผู้ชายคนนี้ก็เพียงพอแล้ว


******************************************************************

จบไปแล้วอีกตอน ///// ใกล้จบแล้ว ใกล้จบแล้ว /////// อีกไม่กี่ตอน

ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกคำติชม ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน

โปรดติดตามตอนต่อไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2016 12:39:03 โดย jaengs »

ออฟไลน์ raintear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ยิ้มแก้มปริ ดีใจแทนน้องนินด้วยที่เจอรักที่แท้จริง รักจากชีวิตที่แล้วเจ็บเพราะความรัก ตอนนี้ก็เดินหน้าลุยเต็มที่ เสียดายฉากนั้นไม่น่าเป็นแค่ความฝันเลยเนาะ 555 รอลุ้นไอ้พวกเลวรอรับกรรมค่ะ หึหึ อยากบอกคนเขียนว่าเรื่องนี้สนุกมากกกกก รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อุตส่าห์น้ำลายหกรอ ดันฝันซะนี่

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะน้องนินไม่โดนยา
พี่เทียนก็หื่นแต่น้องนินหื่นกว่าถึงขนาดเอาไปฝันเลยอ่ะ :z1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ดีนะที่น้องนิลไม่ได้โดนทำอะไร มีโอกาสกลับมาแล้วก็แก้ไขตัวเองเนาะ // นึกว่าหนูนินจะโดนกิน ที่ไหนได้ ฝัน แง๊งงงงๆไ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/



เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน
[/size]

ตอนที่ 19
[/size]



..................หาว ทำไมวันนี้น่าเบื่ออย่างนี้นะ ผมอ้าปากหาวยกแขนขึ้นเหนือศีรษะแล้วบิดตัวไปมานั่งบนโซฟารับรองแขก ใน

ห้องกรรมการผู้จัดการใหญ่ วันนี้วันหยุดของผม อยากนอนตื่นสายอยากนอนบนที่นุ่มๆห่มผ้าห่มอุ่นๆถ้าจะให้ดีมีพีเทียนนอนอยู่

ข้างๆอยู่บนเตียงนั้น ห่มผ้าห่มผืนเดียวกันตื่นลืมตาขึ้นมามีเขาบอกอรุณสวัสดิ์ พร้อมด้วยจูบรับอรุณด้วยก็ไม่เลวนะ อ้าผมคิดอะไร

บ้าๆอีกแล้ว ที่จริงวันนี้เป็นวันหยุดบริษัทต้องหยุดงาน และผมกับพี่เทียนต้องได้ใช้เวลานี้อยู่ด้วยกันถ้าวันไหนพี่เทียนไม่มารับผม

ที่บ้านไปที่บ้านคุณย่าก็ออกไปข้างนอก

..................เราทั้งสองใช้เวลาด้วยกันบ่อยขึ้นเราให้เวลาซึ่งกันและกันโดยที่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ผมมีโอกาสได้ทานกับข้าว

ฝีมือพี่เทียนบ่อยๆโดยมีผมเป็นลูกมือ มีความรู้สึกเหมือนเราทั้งสองเป็นคู่แต่งงานใหม่ยังไงยังงั้น ยิ่งเวลาที่อยู่กับน้องหนึ่งน้อง

สองยิ่งเหมือนครอบครัวเข้าไปใหญ่ บางทีผมก็รู้อายบ้างที่ผู้ใหญ่รู้เรื่องของเราแต่พี่เทียนทำทุกอย่างเป็นเหมือนเรื่องปกติ เขา

ชอบหนีบผมออกมาที่ทำงานด้วยถ้าวันไหนผมว่างๆ วันไหนถ้าเขาว่างเขาจะไปรับไปส่งผมที่มหาวิทยาลัย

..................ยิ่งรู้จักพี่เทียนผมก็ว่าเขาเป็นคนผู้ชายที่ขี้หึงขี้หวง เพราะมีบางครั้งมีผู้ชายเข้ามาคุยกับผม เขาจะแสดงอาการไม่

พอใจออกมาทันที ส่วนเขาก็มีทั้งผู้หญิงผู้ชายเข้ามาหาบ้าง แต่เขาก็ปฏิเสธไปเขาอย่างชัดเจนเสมอ ตัดปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ผม

หันหน้าไปมองผู้ชายตัวโตที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลจากผม รู้สึกเหมือนรู้จักเขาเมื่อวานนี้เองยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้เรียนรู้ ยิ่งได้ชิดใกล้เขา

ยิ่งทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองผู้ชายคนนี้เป็นบุคคลอันตรายต่อหัวใจผม เขาชอบทำให้หัวใจของเต้นแรงด้วยคำพูดหวานหวาน

หัวใจเต้นระส่ำเวลาที่ริมฝีปากนั่นประกบลงมา และหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะที่คิดถึงเขา ยังอยากได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขาตลอด

อ้อมกอดของเขาที่คอยกอดผมไว้ยังอบอุ่นเสมอเหมือนครั้งแรกที่เขาสวมกอดผมไว้

..................ตอนนี้ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือที่ต้องแปลเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องต่อไปที่จะมีคิววางแผลงในปีหน้า ช่วงนี้ว่างๆเพราะ

เพิ่งส่งงานแปลล่าสุดให้พี่ชัช ดูเหมือนงานที่ทำไม่ค่อยมั่นคงนักไม่ใช่พนักงานประจำแต่เป็นนักศึกษามีแต่งานนี้ที่พอจะทำได้

ไม่มีผลต่อการเรียน ที่บ้านก็อนุญาตผู้ใหญ่ก็เห็นด้วย ผมสามารถใช้ความสามารถของผมได้เต็มที่ ผมไม่มีอภิสิทธิ์เหนือพนักงาน

คนอื่นรวมถึงค่าตอบแทน เดี๋ยวนี้จะทำอะไรจะต้องผ่านความเห็นชอบหลายคนมาก เข้าใจทุกคนรักและหวังดีกับผมรู้สึกอบอุ่นยัง

ไงไม่รู้ที่มีแต่คนรัก บางทีพี่เทียนชอบล้อผมว่าผมเป็นลูกคนใหม่ของพ่อแม่พี่เทียน เป็นหลานคนโปรดคนใหม่ของคุณย่า ใน

อนาคตถ้าเรียนจบแล้วจะทำอะไรนะเรื่องนี้ยังคิดไม่ตก แต่พี่เทียนเคยบอกว่าเรียนจบแล้วให้มานั่งเฝ้าพี่เทียนที่ทำงานกะว่าจะให้

เป็นยามว่างั้นหรือจะให้ผมกลับไปทำร้านเสื้อผ้าแบบเดิมคงไม่เหมาะ หรือไม่อย่างนั้นอาจจะได้ไปช่วยงานบริษัทของคุณพ่อกับ

คุณแม่ดีนะ

..................ช่วงนี้ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วการเรียนของผมไม่น่าห่วง โตแล้วมีความรับผิดชอบมากพอจัดลำดับความสำคัญ

ได้ หนึ่งปีการศึกษาชีวิตนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของผมในรั้วมหาวิทยาลัยกำลังจะผ่านไป แล้วต่อไปจะได้รับบทหน้าที่เป็นรุ่นพี่ปี

สองจะมีน้องเรียกผมว่ารุ่นพี่ พี่ปุ๊กกี้พี่ปีสี่ก็จะจบแล้ววันเวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

“นินเป็นอะไร เบื่อมากเลยหรอ”

“นิดหน่อยครับพี่เทียน”

“อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกกับพี่ไหม”

“พี่เทียนออกไปทำงานไม่ใช่หรอครับผมกลัวไปกวน”

“เราก็อย่าวิ่งเล่นไปทั่วสิ”ฮึ ผมไม่ใช่เด็กนะครับ

“ปะ ออกไปทำงานกับพี่ที่สตูดิโอ”พี่เทียนเดินเข้าจูงมือออกไปจากห้อง วันนี้มีงานโปรเจ็คใหญ่ของบริษัท โปรเจ็คที่ผมเคยคุย

กับพวกพี่ชัชทางบริษัทเห็นชอบด้วยเสียงในที่ประชุมเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์แต่ปรับเปลี่ยนอะไรบ้างเยอะแยะ ห้องด้านหลัง

สำนักงานปรับแต่งเป็นห้องสตูดิโอชั่วคราว ฉากหลังถูกเนรมิตขึ้นโดยทีมงานช่างฝ่ายศิลป์มืออาชีพและนักศึกษาฝึกงาน

..................วันนี้เป็นวันแรกของการรวมตัวผู้เข้ารอบทั้งสิบคนอย่างเป็นทางการและจะมีการถ่ายรูปโปรโมทผู้เข้ารอบทั้งหมด

สิบคนในโปรเจ็คตามล่าหานักปั้นเรื่อง หลังจากที่ใช้เวลานานในการเฟ้นหาคนที่มีความรู้ความสามารถความฝันและพรสวรรค์ตาม

ที่คณะกรรมการต้องการจากจำนวนผู้สมัครส่งเรื่องสั้นห้าสิบหน้าเข้ามาจากทั่วประเทศที่มีอายุตั้งแต่สิบแปดถึงยี่สิบสามปีตาม

ที่ทางบริษัทต้องการคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ทางบริษัทสร้างขึ้นช่วงอายุนี้เท่านี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องของคิดสร้างสรรค์ กล้าคิด

กล้าแสดงออก

..................ห้องสตูดิโอขนาดกว้างมีผู้คนกำลังพลุ่งพล่านไปมากำลังเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายภาพตากล้องมืออาชีพกำลังขน

กล้องไป อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายภาพหัวหน้าแผนกและทีมงานที่มีหน้าที่กำลังตั้งใจทำงาน

“นิน ไปเดินรอบๆก่อนนะเดี่ยวพี่ไปคุยงานเดินระวังด้วยนะที่สำคัญห้ามซน เพราะพี่เป็นห่วง”

“ครับ”คนบ้าอยู่ใกล้ๆแค่นี้สั่งซะไปไกลเชียว

“คุณเทียนคะ มาแล้วหรอคะเชอร์รีนมารอตั้งนาน”

“สวัสดีครับเชอร์รีน”

“แล้วนี่ใครคะ อ้อเด็กฝึกงานที่นี่หรอคะ”

“นี่นินเป็น...”

“เธอไปทำงานช่วยคนอื่นสิมายืนทำตรงนี้ เราไปกันเถอะค่ะอย่าไปสนคนอื่นเลย”

“นินพี่ไปทำงานก่อนนะ”

พี่เทียนถูกหญิงคนที่ชื่อเชอร์รีนรู้สึกว่าจะเป็นชื่อนี้ ผมจำเธอได้เธอเป็นคนขับรถเฉี่ยวผมหน้าบริษัททำให้ผมต้องเข้าไปนอนใน

โรงพยาบาลอยู่สามวันเพราะข้อเท้าอักเศษหมอที่เป็นเจ้าของไข้กลัวมีอะไรแทรกซ้อนและต้องการให้อยู่เฉยข้อเท้าจะได้หายเร็ว

ขึ้น เธอลากแฟนผมไปแล้วเธอไม่ฟังด้วยซ้ำว่าพี่เทียนจะบอกว่าผมเป็นใครแถมยังเข้าผิดว่าผมเป็นเด็กฝึกงานอีกด้วย

ตึง ตึง เสียงข้อความของผมดังขึ้น ผมล้วงมือเข้าไปกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความ เป็นข้อความที่ฐิตาส่งมา

อ้อ ผมเกือบลืมไปแล้วสิที่ฐิตาชวนผมไปงานวันเกิดของเธอที่บ้านเธอส่งวันเวลาและแผนที่สถานที่มาให้ผม ใกล้แล้วนี่นาอย่างนี้

ผมคงต้องหาของขวัญให้เธอแล้วซิว่าแต่จะเป็นอะไรดีน้า

“นิน มายืน อะไรตรงนี้คนเดียวไปดูพี่ทำงานไหม”เสียงผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม

“สวัสดีครับพี่ศิลป์ วันนี้มาช่วยพี่เค้าดูเรื่องงานหรอครับ”ผมทักทายพี่ศิลป์ผู้ชายนิสัยดีเหมือนหน้าตาเขาส่งยิ้มมาให้ผม

“อื้อ ก็เราเด็กฝึกงานเขาเรียกก็ต้องมาอุตส่าจะได้นอนตื่นสายซะหน่อย”ท่าทางบ่นไม่จริงจังของเขาดูน่ารักจังผมก็เห็นเขาบ่นไป

อย่างนั้นแหล่ะแต่เวลาทำงานนี่ขยันจริงๆนักศึกษาฝึกงานที่นี่ให้เงินค่าแรงเยอะขนาดนั้นเลยรึไงนะแต่ถ้าดูจากราคาค่างานแปล

ของผมก็ถือว่าเยอะนะ

“แล้วเราโดนพี่เทียนลากมาละซิ”

“ครับ”

“แล้วตอนนี้ไปไหนซะแล้วล่ะ ไม่มาเฝ้าเดี๋ยวพี่อุ้มกับบ้านซะเลย”เขาชะเง้อมองหา

“ฮ่า ฮ่า พี่ศิลป์พูดซะเหมือนผมเป็นลูกหมาอย่างนั้นเลย”

“ไม่ใช่ ๆลูกแมวเหมือนกว่า”พี่ศิลป์เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สามเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับผมพี่เค้าเรียนคณะที่เกี่ยวกับศิลปะ

เหมือนชื่อพี่เค้าเลยผมกับพี่เขาเจอกันบ่อยๆที่ห้องพี่ชัชพี่ศิลป์มาคุยงานเรื่องปกหนังสือ ออกแบบรูปเล่มก็เลยได้มีโอกาสได้คุย

และรู้จัก พี่ศิลป์เขาเข้ามาจีบผมแต่พี่เทียนรู้เขาจึงต้องหยุดพี่ศิลป์เป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งผิวสีเข้มสูงนิสัยดีฐานะทางบ้านก็ดี

ผมพึ่งรู้ว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เทียนเป็นเพื่อนสนิทของพี่แทนพี่ศิลป์เล่าให้ผมฟังว่าเขาเอาเรื่องที่เขาเข้ามาจีบผมแล้วโดน

พี่เทียนเบรกไปเล่าให้พี่แทนฟังพี่ศิลป์บอกพี่แทนหัวเราะชอบใจแล้วยังบอกอีกว่าเขารู้อยู่แล้วว่าถ้าพี่ศิลป์เห็นผมจะต้องชอบแล้ว

จีบผมแน่นอนอ้าผู้ชายบ้านนี้ร้ายทุกคนจริงๆ

“ได้ยินจากพี่ชัชว่าโปรเจคนี้เราเป็นช่วยคิดใช่ไหม”

“เอ่อ อ้อก็แค่เสนอความคิดนิดหน่อยในฐานะพนักงานคนหนึ่ง”มันก็ไม่ใช่ความคิดของผมทั้งหมดหรอกพี่ๆเขาช่วยปรับแผนให้

มันเข้าองค์กรที่ทำอยู่มันเลยออกมาค่อนข้างดี

“เก่งจังเลยนะเรา ตัวแค่เนี้ย”ขนาดร่างกายไม่ได้ตัดสินความรู้ความสามารถของคนหรือที่เราเรียกว่าอย่าตัดสินคนเราเพียง

ภายนอกเพราะเขาอาจจะมีกว่าที่เราเห็นก็ได้ที่สำคัญประสบการณ์สอนให้ผมรู้ว่าอย่าหัดมองคนแค่เพียงมุมเดียวต้องมองหลายๆ

มุมและมองนานๆ

“ผู้หญิงที่ยืนอยู่กับพี่เทียนใครหรอครับ”ผมมองนานแล้วไม่ค่อยชอบเลยอะไรจะชัดเจนขนาดนั้น

“อ้อ คุณเชอร์รีน เห็นพี่ๆบอกว่าเป็นพีอาร์ให้บริษัทอะไรประมาณนี้พี่ก็ไม่รู้หรอก แต่ที่ทุกคนในบริษัทรู้เธอกำลังจะรวบหัวรวมหาง

พี่เทียน”อ้อ มาอีกคนแล้วซินะเสน่ห์แรงจังเลยแฟนผม

“อื้อ”หึงอะ ผู้หญิงคนนั้นทำเหมือนเป็นเจ้าของพี่เทียนเลย

“เป็นไงหวงหรอเรา ไม่ต้องห่วงหรอกถ้าพี่เทียนเขาชอบแบบนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้คุณเชอร์รีนไว้นานขนาดนี้เขาคงควงกันไป

นานแล้วเชื่อใจเขาเถอะน่า”ผมนะเชื่อใจพี่เทียนแต่ผมไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้นต่างหากไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนบ้าง

“ศิลป์มาช่วยพี่ดูทางนี้หน่อย”เสียงพี่ทีมงานเรียกพี่ศิลป์

“ครับพี่ นินไปช่วยพี่ทำงานไหมจะได้ไม่คิดมาก”อะไรหน้าตาผมมันแสดงว่าคิดมากขนาดนั้นเลยหรอครับ เดินตามพี่ศิลป์ไปเขา

กำลังจะกล้องกัน อ้าเห็นกล้องตัวละหลายแสนไปจนถึงหลักล้านตั้งอยู่กับเลนส์ราคาแพงนี่แล้วอารมณ์ดีขึ้นเลย

“นิน นิน”กำลังเพลิดเพลินกำลังดูกล้องอยู่มีเสียงแรกให้ต้องออกมาจากความฝันซะได้

“ครับ พี่โชค”พี่ทีมงานอีกคน

“พี่ยืมตัวเราหน่อย ไปยืนเป็นแบบให้พี่หน่อยพี่จะลองกล้องปรับโฟกัส ลองแสง”

“ได้ครับ ตรงไหนครับ ตรงนี้ไหม”

“ใช่ๆ ตรงนั้นดียืนลองเปลี่ยนท่าซิ เหมือนกับกำลังถ่ายแบบนะไม่ใช่ถ่ายรูปติดบัตร ดี เปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆนะ ไอ้ศิลป์ไปปรับแสง

ตรงนั้นให้พี่หน่อย...”วันนี้ได้เป็นนายแบบรับเชิญเปิดกล้องด้วยรูปออกมาจะเป็นยังไงบ้างกล้องราคาแพงจะถ่ายรูปสวยสมใจไหม

น้าอยากได้รูปของผมจังเลย

“นิน พอก่อนมานี่ไอ้ศิลป์ มาช่วยพี่ดูรูปหน่อย”ว้าว จะได้ดูรูปของตัวเองด้วย วิ่งไปที่คอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้พี่โชคเอาเมมโมรี่เสียบ
เข้าไป

“เฮ้ย เจ้านินมันขึ้นกล้องว่ะ”พี่โชค

“พี่ผมว่านะพี่มันตัดสินไม่ได้น้องมันดูดีอยู่แล้วแสงน้อยแสงมากน้องก็ยังดูดีเผลอๆตัวจริงยังดูดีกว่าในรูปอีก”พี่ศิลป์เดินเข้ามาดู
ภาพอีกคน

“พี่ก็ว่างั้น ดูดีเกินไปนะเรานะ”พี่โชค

“ดูอะไรกันนะ”ทุกคนหันกลับไปตามเสียงพี่เทียน

“อ้อ ผมลองทดลองกล้อง ทดสอบแสงก่อนถ่ายจริงนะครับเลยให้น้องมาเป็นแบบ”พี่โชค

“เออ น่ารักดีวะแล้วปรับแสงยังไงทำไมแต่ละรูปมันก็เหมือนๆกันต่างแค่ท่าโพส”พี่เทียน

“ฮ่า ฮ่า เห็นไหมพี่โชคคุณเทียนยังบอกเลยว่าไม่ต่างน้องมันดูดีเกินไปถ่ายยังไงก็ไม่ต่าง”พีศิลป์หัวเราะเพราะทุกคนมีความเห็นเดียวกัน

“พี่เทียนคะน้องๆทั้งสิบคนมาพร้อมแล้วค่ะ ทุกคุณคะนี่คือคุณเทียนคนที่ทำให้มีการประกวดครั้งนี้เกิดขึ้นค่ะ”พี่หมิวพาผู้เข้าประกวดมาแนะนำ

“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”เสียงผู้เข้ารอบทั้งสิบคนทักทายพี่เทียน

“สวัสดีครับเรียกพี่เทียนก็ได้จะได้ดูเป็นกันเองมากขึ้น”

“เดี๋ยวเราจะถ่ายรูปแนะนำตัวทั้งภาพนั่งภาพเคลื่อนไหว นี่คือพี่โชคพี่เขาจะดูแลเรื่องภาพถ่ายวีดีโอแนะนำตัว”

“สวัสดีครับ/ค่ะ”

“สวัสดีครับเรียกพี่โชคก็ได้”

“ทุกคนเดียวพี่หมิวจะพาไปเตรียมตัวที่แต่งตัวนะคะแล้วเรียกออกมาถ่ายรูปอัดวีดีโอทีละคน เดินตามพี่หมิวมาเลยค่ะ”

“พี่เทียนคะ พี่เทียนไปไหนมาคะเชอร์รีนหาตั้งนานไปเข้าห้องน้ำแปบเดียวเอง นั่นคือผู้เข้ารอบสิบคนที่จะถ่ายรูปวันนี้ใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ”

“แล้วนี่พี่เทียนกำลังทำอะไรอยู่คะ”

“ผมกำลัวช่วยพี่โชคดูความพร้อมอยู่นะครับ เชอร์รีนมีอะไรไหมถ้าไม่มีผมจะทำงานต่อ”

“อ้อ เอ่องั้นเชอร์รีนไม่กวนแล้วเชอร์รีนไปช่วยหมิวทำงานดีกว่าค่ะ”ผู้หญิงคนนั้นไปแล้วพี่เทียนหันกลับส่งยิ้มให้ผมแต่ผมแลบลิ้น

ทำหน้ายู่ใส่แล้วกลับมาสนใจรูปภาพตัวเองต่อ

“น้องๆเขามาแล้วเดี๋ยวเราก็เตรียมตัวเลยศิลป์นินว่างไหมพี่รบกวนไปช่วยไอ้ศิลป์มันหน่อย”

“ได้ครับ พี่โชคอย่าลืมเลี้ยงข้าวกลางวันผมนะ”

“โอ้ย เรื่องนั้นไม่มีปัญหาวันนี้พี่เลี้ยงหลายกล่องเลย”

“ฮ่า ฮ่า”เสียงหัวเราะทุกคนดังขึ้นใจร้ายชอบแกล้งผม

               เมื่อฉากแสงกล้องพร้อมก็ถึงเวลาที่เรียกผู้เข้าประกวดเดินเข้ากล้องเริ่มจากทีละคนเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมสไตล์มีพี่ๆช่วยคิด

เรียบร้อยการทำงานแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยทำตอนที่ผมทำร้านเสื้อผ้าเสื้อผ้าแต่ละชุดของผมก็ต้องหานางแบบนายแบบมาสวม

ใส่แล้วถ่ายรูปแต่คงแตกต่างกันตรงที่ครั้งนี้โฟกัสที่คนไม่ใช่เสื้อผ้า ต้องถ่ายรูปแสดงความเป็นตัวตนของแต่ละคนออกมาตามมา

ด้วยรูปคู่รูปกลุ่มรวมทั้งสิบคนถ่ายรูปนิ่งเรียบร้อยพี่โชคก็ให้ทุกคนพักเพื่อเชครูปที่ออกมาน่าพอใจหรือมีอะไรต้องแก้ไข

“เหนื่อยไหม ถ้าเหนื่อยก็พักนะพี่มาเที่ยวมาได้มาทำงาน”

“ไม่เหนื่อยครับสนุกดีแค่เดินเช็คแสงเฉยๆไม่ได้แบกอะไรเลย”

“สนุกก็ดี ไม่อยากให้อยู่เดียว มายืนเป็นกำลังใจให้พี่เวลาทำงานดีกว่า”

“บ้า พี่เทียนพูดอะไรไม่รู้”

“แปลกตรงไหนที่พูดว่าอยากให้แฟนมาเป็นกำลังใจในการทำงาน ฮึ”

“พี่เทียน พี่เทียนคะ”

“ครับ”

“เหนื่อยไหมคะ ดาวเอาน้ำมาให้เห็นพี่เทียนไม่ได้พักเลย”ดาวหนึ่งในสิบผู้เข้ารอบเดินถือน้ำมาให้พี่เทียน

“อ้อ ขอบคุณครับไม่เหนื่อยหรอกครับพี่ไม่ได้ทำอะไรมาก”พี่เทียนรับน้ำเปล่าขวดเล็กที่มีไอน้ำเกาะอยู่รอบๆขวดไว้แต่ไม่ได้เปิดดื่ม

“พี่เทียนมาอยู่ตรงนี้เองหรอคะเหนื่อยไหมเชอร์รีนเอาน้ำมาให้ดื่ม แต่...”รถไฟชนกัน

“ขอบคุณนะเชอร์รีนแต่น้องดาวเอามาให้พี่แล้ว”พี่เทียนชูขวดน้ำในมือขึ้น

“เดี่ยวพี่ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ ตามสบายนะครับ”พี่เทียนหนีไปแล้ว

“ไม่ทราบน้องดาวมาทำอะไรตรงนี้คะ ทำไมไม่แต่งตัวรอถ่ายวีดีโอ”

“แล้วพี่เชอร์รีนละคะไม่มีอะไรทำหรอคะถึงได้มาเดินอ่อยพี่เทียนเขาตลอด ไม่เห็นหรอคะว่าเขาไม่ชอบตัวเอง”

“นี่เธอ เธอพูดอะไรแล้วเธอรู้ได้ยังไง”

“เฮอะๆ ไม่อยากหรอกค่ะพอพี่เชอร์รีนพี่เทียนก็รีบเดินหนี อีกอย่าง หนูจะบอกคุณเชอร์รีนเอาบุญ คุณเทียนเขาไม่สนใจป้าแก่ๆ
อย่างคุณหรอกค่ะ”

“แก.แกรู้ยังไง”

“ฮึ ...ถ้าเค้าเอาคุณคุณคงไม่วิ่งไล่ตามจับเขาขนาดนี้หรอกค่ะ หนูพูดถูกไหมคะ”

“แล้วแกรู้ได้ยังว่าแกเป็นสเป็คเขา”

“แหม คุณป้า อุ๋ยคุณพี่คนหนึ่งก็แก่อีกคนทั้งน่ารักทั้งเด็กกว่าเขาก็ต้องเลือกหนูเป็นธรรมดา”

“แก แก นัง..ฉันไม่เห็นเขาจะสนใจแกเลยนังเด็กหลงตัวเอง”

“แรกๆก็เป็นอย่างนี้ทุกคนแหล่ะแต่ถ้าได้หนูแล้วรับรองเดินตามต้อยต้อยต้อย ฮึ ฮึ”

“อินังเด็กบ้าแกนะแก นังหน้าด้าน”

เอ่อคุณเชอร์รีนอย่าพยายามด่าคนอื่นเลยครับเดี๋ยวมันจะเข้าตัวเองนะครับ

“แล้วแก มองอะไรเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงขนาดฉันมีพร้อมขนาดนี้เขายังไม่พร้อมอย่างแกก็คงไม่มีใครเอาหรอกนะ”อ้าว

แล้วไหนมาลงที่ผมละครับผมว่าคนที่เขารักเราเขาคงไม่เลือกมองที่หน้าตาอย่างเดียวมั้งครับมันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นเช่นนิสัย

ถ้าคุณง่ายกับเขามากเกินไปแล้วคุณไม่คิดบ้างรึไงครับว่าเขาจะไม่คิดว่าคุณก็คงง่ายกับคนอื่นด้วยต่อหน้าคนเยอะแยะคุณยังกล้า

แสดงออกแบบไม่ให้เกียรติตัวเองเลยแล้วลับหลังละครับคุณเชอร์รีน ผู้หญิงอย่างคุณเชอร์รีนไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ผมว่าผมเจอ

คนที่น่ากลัวกว่านั้นเยอะ

“พี่ศิลป์เป็นยังไงบ้างครับ”

“ใกล้เสร็จแล้วเที่ยงก็น่าจะเรียบร้อย ทำไมอยากกลับแล้วหรอเรา”

“ดูดีนะครับ ถ่ายรูปออกมาได้ดีทีเดียว วีดีโอนี่ก็ดูดีใช้ได้ดึงความเป็นตัวเองออกมาได้ดีมากเลย”

“เขาเทรนมาดี กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องพาน้องไปแปลงโฉมพัฒนาบุคลิกภาพสอนอะไรหลายๆอย่าง”น่าจะเป็นอย่างนั้นดูแต่ละ
คนมีความเชื่อมั่นตัวเองมากเวลาอยู่หน้ากล้อง

“อ้อ”

“ดูพี่เทียนนี่เนื้อหอมนะมีแต่สาวๆขายขนมจีบตลอดเลย นินไม่เปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายใจดีนิสัยอบอุ่นเหมือนพี่บ้างหรอ”พี่ศิลป์คงเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่

“ฮ่า ฮ่า พี่ศิลป์นี่น่ารักดีนะครับ ไว้นินจะแนะนำเพื่อนน่ารักให้พี่ศิลป์รู้จักเพื่อนนินคนนี้นิสัยดีนินเห็นครั้งแรกยังชอบเขาเลย”

“จริงดิ อ้าเชื่อได้ไหมนะน้องนินแกล้งอำพี่รึเปล่า”

“เปล่าพี่ศิลป์นินจะโกหกพี่ชายใจดีนิสัยอบอุ่นได้ไง”

ผมว่านิสัยน่ารักเหมือนพี่ศิลป์น่าจะเหมาะกับช๊อปนะทั้งคู่น่าจะเข้ากันได้ดี

“อ้าว เรียบร้อยแล้วทั้งภาพนิ่งภาพคลื่นไหวพี่ถ่ายรูปกันเสียไว้เยอะด้วยเช็คดูคร่าวๆทีมงานก็ดูพอใจนะไม่น่ามีปัญหาอะไร ไอ้ศิลป์เก็บกล้องลงกล่องเลยส่วนอย่างอื่นเอาไว้ก่อน”

“พี่โชคใช้งานผมคุ้มไปเปล่าครับ”

“น่า นินมันยังไม่บนเลย เออ ว่าแต่วันนี้มาส่งงานกับพี่ชัชหรอเรา”

“เอ่อ ก็ประมาณนนั้นครับ”

“ขยันดีนะเราพี่เห็นเข้ามาช่วยงานบริษัทบ่อย ถ้าไม่บอกพี่นึกว่าเป็นเจ้าของบริษัทซะอีก”

“ฮ่า ฮ่า”พี่ศิลป์หัวเราะอะไร บริษัทของพี่เทียนมีคนรู้ว่าผมเป็นแฟนกับพี่เทียนไม่กี่คนเท่านั้นผมไม่อยากให้ทุกคนปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมและป้องกันเรื่องที่บางคนยังไม่เปิดกว้าง

“พี่โชคครับเชิญทางนี้หน่อยครับ”

“ครับ พี่ไปพบผู้ใหญ่เดี๋ยวกับมาช่วย”พี่ทีมงานเรียกพี่โชค

                งานวันนี้เสร็จเร็วกว่าคิดไว้คงเพราะทีมงานเป็นมืออาชีพพอสมควรผู้เข้ารอบไม่ใช่ดารานางแบบชื่อดังทีมงานบอกทำอะไรก็ยังเชื่อฟังอยู่ พี่ศิลป์กับไปทำงานทิ้งผมให้นั่งเหงาอยู่คนเดียว

“นิน หิวยัง”พี่เทียนเดินมานั่งลงข้างผม

“ยังเลยครับ”เขาจับปลายผมที่เคลียอยู่บนคอเล่นรู้สึกจักจี้ยังไงไม่รู้ พี่เทียนชอบจับผมเล่นเขาบอกว่าผมของผมนุ่มมีกลิ่นหอม
อ่อนผมกับพี่เทียนเล่นเกมส์จ้องตากันอยู่นานถ้าตอนนี้ไม่มีคนหรืออยู่ที่บ้านเขาคงอดใจไม่ไหวดึงผมเข้าไปกอดจูบไปแล้ว

“ปะ เดี๋ยวไปเก็บของที่ห้องแล้วไปหาอะไรทานกัน เสียดายเวลาจังเลยวันนี้ว่าจะพาเด็กดีไปดูหนังเราไม่ได้ดูหนังด้วยกันนานแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับมาทำงานที่พี่เทียนก็สนุกไปอีกแบบ”พูดง่ายๆก็คือขอแค่ได้อยู่กับพี่เทียนไม่ว่าที่ไหนผมก็มีความสุขทั้งนั้นแหละครับ

“อ้า แฟนพี่นี่รักจังเลยนะกลับไปต้องหารางวัลให้ซะแล้ว”รางวัลที่ว่ากลับแล้วต้องได้นี่ไม่น่าไว้ใจเลยครับพี่เทียนแล้วสายตาที่มองมานี่หื่นใช่เล่นเลยครับ

“พี่เทียนพี่เทียนไม่ทานข้าวหรอคะ ดาวเห็นพี่ๆทีมงานแจกข้าวดาวเลยเอาข้าวมาเผื่อนี่ค่ะ”ดาวเดินถือข้างกล่องมาให้พี่เทียน

“ขอบคุณครับ แต่ไม่ดีกว่าครับ..”พี่เทียนปฏิเสธ

“พี่เทียนคะมาทานข้าวเชอร์รีนเอาข้าวกล่องมาเผื่อ เอ่อนังดาว ไม่ใช่น้องดาวทำไมไม่ไปนั่งทานกับเพื่อนคะพี่เทียนนี่ข้าวกล่องของเชอร์รีนรับไปสิคะ”คุณเชอร์รีนอีกคนมีน้ำใจถือข้าวกล่องมาให้พี่เทียน

“ข้าวกล่องของดาวดีกว่าค่ะ”ดาวยื่นข้าวกล่องให้พี่เทียน

“ของเชอร์รีนดีกว่าค่ะ”เชอร์รีนยื่นข้าวกล่องให้พี่เทียน

สองสาวกำลังแย่งกันเสนอข้าวกล่องของตัวเองให้พี่เทียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เอ่อ พอก่อนครับ พอก่อน พี่ขอบคุณทั้งสองคนมากแต่พี่จะออกไปทานข้าวกับแฟนพี่”
“แฟน”ดาว

“แฟน พี่เทียนมีแฟนตอนไหนทำไมเชอร์รีนไม่เห็นรู้เลยคะ”อ้าว แล้วเป็นอะไรกันไม่ทราบทำไมต้องไปคอยรายงานคุณเชอร์รีนด้วยว่าพี่เทียนมีแฟนหรือไม่มี

“มีแล้วมีมานานแล้วครับ”

“ไหน ไหน ไหนคะคนไหนแฟนพี่เทียน ฮึไม่มีอย่ามาหลอกเชอร์รีนหน่อยเลยค่ะ”คุณเชอร์รีนครับผมยืนอยู่ตรงนี้ครับ ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้

“คงจะหน้าตาไม่ดีใช่ไหมคะ พี่เทียนถึงไม่พาไปไหนมาไหนด้วยพี่เทียนคงอายคงถูกที่บ้านบังคับสินะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะมีแฟนแล้วดาวก็ไม่สนใจเพราะยังไงก็ยังไม่ได้แต่งงานเมื่อมีแฟนได้ก็เลิกได้ใช่ไหมคะ”แรงส์ได้อีกกว่านี้มีอีกไหม

“พี่ไม่รู้นะที่ดาวเคยเจอมานะแบบไหนแต่พี่รักแฟนพี่มาก พี่ไม่พอใจมากที่ดาวว่าแฟนพี่อย่างนั้น ที่พี่ไม่นอกใจเค้าไม่ได้ให้เกียรติ

เค้าคนเดียวแต่มันเป็นการให้เกียรติตัวพี่เองด้วย ถ้าวันนี้พี่นอกใจแฟนได้วันหน้าถ้าเราเป็นแฟนกันพี่ก็ต้องนอกใจเราได้เหมือน

กัน”อืม อันนี้จริงถ้าคนเคยทำก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ คิดว่ามันสนุกมันท้าทาย ผู้หญิงหลายคนถามว่าทำไมผู้ชายถึงชอบนอกใจแต่

คุณลืมคิดไปรึเปล่าว่าคนที่สอนให้ผู้ชายรู้จักคำนี้ส่วนหนึ่งก็คือผู้หญิงด้วยกันเองเรื่องอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังมันต้องทั้งสอง
ข้างเสียงดังดีด้วย

“พี่เทียนไม่ลองดูก่อนหรือคะบางทีอาจจะติดใจก็ได้”คำพูดนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากดาวผู้หญิงที่ดูภายนอกดูเรียบร้อย ขนาดคุณเชอร์รีนเธอยังตกใจ

“ดาวควรให้เกียรติตัวเองด้วยนะ พูดอะไรออกมา วันนี้พี่จะลืมคำพูดที่ดาวทำลงไปแต่ครั้งหน้าพี่ไม่เอาไว้แน่”

“แต่ พี่เทียน..”

เสียงของดาวยังดังไล่หลังเราทั้งคนมา พี่เทียนจูงมือผมกลับไปเก็บของที่ห้องแล้วรีบขึ้นรถ

“พี่เทียนอารมณ์ไม่ดีหรอครับ”

“นิดหน่อย”

“เรื่องอะไรบอกนินได้ไหมครับ”

“พี่ขยะแขยงผู้หญิงคนนั้น เธอมีความคิดอย่างนั้นได้ยังไง”

“ผู้ชายบางคนเขาอาจจะชอบแบบนั้น”

“แต่พี่ไม่ใช่”

“บางที นินก็คิดเรื่องที่ว่าพี่เทียนไม่ยอมมีอะไรกับนิน บางทีนินกลัวพี่เทียนเบื่อแล้วไปกับคนอื่น”พี่เทียนตบไฟเลี้ยวจอดรถข้าง
ทางแล้วหันมาคุยกับผม

“นิน นินกำลังดูถูกความรักพี่รึเปล่า”พี่เทียนคงโกรธผมมาก

“ไม่ใช่อย่างนั้น นินอยากให้พี่เทียนมีความสุข”

“แล้วพี่เคยบอกเราไหมว่าพี่ไม่มีความสุข”

“ไม..ไม่เคย”

“ที่พี่ไม่มีอะไรกับเราไม่ใช่ไม่อยาก แต่พี่ไม่อยากเห็นแก่ตัว นินยังเด็กอีกอย่างพี่ไปปรึกษาเรื่องนี้กับหมอประจำตัวเรามาแล้ว คุณ

หมอยากให้ระยะเวลานานกว่านี้ พี่ไม่อยากมีความสุขแค่ครั้งคราวแต่คนที่พี่รักต้องมานอนป่วย พี่ไม่อยากเป็นคนอย่างนั้น ก่อนที่

พี่จะมีเราพี่ไม่มีแฟนเป็นปีๆก็ยังอยู่ได้ไม่ตาย อีกอย่างพี่ต้องการอยู่กับคนที่พี่รักและจะมาอยู่ใช้ชีวิตกับพี่ไปจนตาย พี่ไม่ได้

ต้องการเซ็กอย่างเดียวถ้าพี่ต้องการเรื่องนั้นเรื่องเดียวพี่คงไปหาหิ้วเด็ก พอสมใจก็แยกทางอย่างนั้นไม่ดีกว่าหรอไม่ต้องมานั่ง

เอาใจไม่ต้องมานั่งห่วง พี่รักนินนะรักมากด้วย”

“นินขอโทษ ฮึก ฮือ นินไม่ได้ตั้งใจที่จะคิดอย่างนั้น ฮึก ฮือ พี่เทียนอย่าโกรธนินเลยนะอย่าทิ้งนินไปเลยนะนินก็รักพี่เทียนเหมือน

กัน”ผมโผเข้ากอดพี่เทียนปล่อยน้ำตาออกมา

“อย่าร้องเด็กดีพี่ไม่ได้โกรธเราพี่ไม่เคยคิดที่จะทิ้งเราไปไหนด้วย พี่ดีใจนะที่เปิดอกคุยกันเราได้เข้าใจกันมากขึ้น หยุดร้องได้แล้ว

คนดี”พี่เทียนใช้นิ้วมือเช็ดน้ำตาให้ผม บางทีความรักการเชื่อใจซึ่งกันและกันคงยังไม่พอความรักของเราสองคนมันเพิ่งเริ่มต้น

เท่านั้นเราต้องผ่านอุปสรรคและเรียนรู้มันไปพร้อมกันๆ



*************************************************************


จบไปอีกตอน //// ใกล้จะจบแล้ว/// ผลกรรมกำลังตามมาไปซื้อเทอร์โบติดจรวดมาแล้ว กรรมจะตามทันตอนต่อไป

ขอบคุณคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอคุณทุกความคิดเห็น

*** ***ฝากเรื่องเริ่มต้นเรื่องร้าย ลงท้ายเรื่องรัก ด้วย*****

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
พ่อพระเอกของน้องนิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อยากจะมอบรางวัลสุดยอดพระเอกให้พี่เทียนคนดีจริงๆ o13 o13 o13

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยังไม่มาอีกหรือค้า

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

เธอ...คือหนึ่งในไม่กี่คน
[/b]

ก่อนถึงบทสุดท้าย


             เช้าวันหยุดอากาศกำลังดีผมรีบไปบ้านคุณย่าตั้งแต่เช้าหลังทานข้าวเสร็จเรียบร้อย เปิดประตูรั้วเดินเข้าไปเหมือนทุก

ครั้งสายตาสอดส่ายหาคนที่ต้องการเจอแล้วก็เห็น“พี่เทียนครับ!”ผมวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายตัวโตกำลังยืนอยู่ในสวน

“ว่าไงเด็กดื้อ อ้อนพี่มีอะไรรึเปล่าเรา”

“ก็คืนนี้ไงที่นินเคยขออนุญาตพี่เทียนไว้ว่าจะงานวันเกิดเพื่อน”

“เพื่อนผู้หญิงที่เคยเล่าให้ฟังนะหรอ”

“ครับ”ผมยิ้ม

“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

“เอ่อ พี่เทียนอยากไปกับนินหรอครับ”

“พี่ไปด้วยไม่ได้ใช่ไหม”

“ผมเกรงใจเจ้าของงานนะครับ”

“งั้นพี่ไปรับไปส่งน่าจะได้นะ”

“ฟอด พี่เทียนน่ารักจังเลย นินรักพี่เทียนนะครับ”ผมหอมแก้มพี่เทียนพร้อมบอกรักเป็นการตอบแทนสำหรับการอนุญาต ผมดีใจที่

สามารถรักษาสัญญากับฐิตาได้เพราะเธอทั้งส่งข้อความมาบอกและยังอุส่ามาชวนผมด้วยตัวเอง งานวันเกิดของเธอจะถูกจัดขึ้น

วันนี้ตอนเย็นที่บ้านของเธอที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่นานหรอกแค่เอาของขวัญไปให้อวยพรสักเล็กน้อยแล้วก็กลับรู้ว่าเธอชวน

เป็นเพียงมารยาทเท่านั้นผมก็ไปร่วมงานเพียงเพราะมารยาทเท่านั้น

“พี่เทียนทำสวนหน้าบ้านเอาต้นไม้มาลงใหม่หรอครับ”มองดูพื้นดินที่มีรอยกระถาง บางจุดดินถูกขุดขึ้นมากลบยังไม่ค่อยเรียบร้อย

“ชอบไหม พี่เห็นเราชอบต้นไม้เลยให้ลุงคนสวนหามาลงให้”เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับจะให้ผมนอนในสวนหรือครับเห็นจัดแต่สวน

ในบ้านไม่เห็นตกแต่งซักที

“ส่วนในบ้านเอาไว้ให้พี่ไปคุยกับผู้ใหญ่ของเราก่อน ย้ายมาอยู่กับพี่เราค่อยช่วยกันตกแต่ง ตกแต่งตอนนี้นินก็ไม่ได้มาอยู่ที่นี่”อ้อ

เข้าใจแล้วต้นไม้ในสวนใช้เวลานานกว่าจะสวย ส่วนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งไปก็มีแต่เก่าเพราะไม่มีคนใช้ แต่ที่บอกว่าจะไปคุยกับพ่อ

แม่นี่ ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกดีชะมัด

“นึกว่าวันนี้จะไม่คิดถึงเราซะอีก พี่ก็รออยู่เมื่อไหร่จะมาหา”

“ก็ปกติพี่เทียนต้องไปหานี่นา”

“แต่วันนี้คุณย่าบอกว่าที่บ้านเรามาเที่ยวที่บ้านคุณย่า”

“พี่เทียนว่าในสวนน่ามีน้ำตก น้ำพุ หรือบ่อปลาดีไหมครับสวนจะได้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น”

“อือ พี่ว่าก็ดีนะเป็นน้ำตกดีไหมเอาปลามาปล่อย มีน้ำตกมีศาลาเล็กๆนั่งเล่นฟังเสียงน้ำไหลนั่งรับลมพัดเย็นสบายในวันหยุดพัก

ผ่อนก็น่าจะดีนะ”

“ดีเหมือนกัน”มองรอบๆนึกภาพว่าในสวนมีน้ำตกกับศาลาให้นั่งเล่นคงจะดีทีเดียว

“อยากลงต้นไม้ช่วยพี่ไหม”ผมพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วนั่งยองๆลงข้างๆ

“แป๊ะ”

“พี่เทียนตีขานินทำไม เค้าเจ็บนะ”ผมลูบต้นขาที่แดงขึ้นมาเล็กน้อย

“ใครให้ใส่กางเกงขาสั้น”

“น้องไม่ได้กางเกงขาสั้น แต่ขาน้องสั้นเองโอ๊ย เจ็บนะพี่เทียนมาบีบจมูกเค้าทำไมเค้าเพิ่งไปเสริมที่เกาหลีมานะถ้าเสียทรงทำไง

......อ๊ะ อ๊ะ ไม่เล่นแล้วก็ได้ มันก็ไม่สั้นมากนี่ครับ”มันเป็นกางเกงขาสั้นพอดีเข่า ไม่สั้นน้าครับ

“ก็ไม่ได้สั้นมากเลยโดนแค่นี้ ถ้าสั้นกว่านี้เราจะโดนดี”

“ครับ ต่อไปไม่ใส่แล้วครับคุณพ่อ อุ๊ยไม่ใช่คุณแฟน”

“พี่หวง เรารู้ว่าใช่ไหม แล้วเวลาไปไหนมาไหนมีแต่คนมองเราตลอดพี่หวงไม่อยากให้มองแฟนตัวเอง อยากเก็บไว้มองคนเดียว

ขนาดไม่ได้โชว์อะไรยังมีคนเข้ามาเรื่อยๆ อย่าคิดนะว่าอยู่ที่มหาวิทยาลัยพี่ไม่รู้เรื่องมีคนเข้ามาจีบนะ”รู้ครับว่าสายพี่เยอะทั้งรุ่น

น้องทั้งพี่แทนพี่ทิม

“พี่เทียนคิดมากเกินไปรึเปล่าเขาก็แค่มองเฉยๆ”แต่ก็อาจจะจริงก็ได้นะผมเองก็ยังชอบมองตัวเองในกระจกบ่อยๆเหมือนกัน

“แล้วจะจ้องทำไมพี่เทียน”ผมดุพี่เทียนน้ำเสียงไม่จริงจังนัก

“ก็มันน่ามอง ว่าแต่จับได้ไหมไม่ดีกว่าเปลี่ยนเป็นลูบแทนดีกว่า”หื่น บอกได้คำเดียวทั้งน้ำเสียงทั้งสายตา พี่เทียนแผ่รังสีหื่นออก

มาอีกแล้วไม่น่าใส่มาเลยผม ผมว่าพี่น่ากลัวอันตรายกว่าคนอื่นมองอีกนะ

“นินว่าเราไปลงต้นไม้ดีกว่าเดี๋ยวแดดจะแรงกว่านี้จะไม่สบาย”

“ไม่เอาแล้วพี่เหนื่อยแล้ว พี่ว่าเราไปนอนกลางวันดีกว่า”

“หา อะไรนะนี่มันยังไม่เที่ยงเลยนะครับ”

“พี่ง่วงแล้ว ห้าว ถ้าไม่ง่วงก็ไปนอนเป็นเพื่อนพี่ก็ได้”บอกเฉยๆกลัวผมไม่เชื่อต้องแสดงท่าทางหาวประกอบด้วยจะได้ดูเหมือนจริง

“ไม่เอานะพี่เทียน นินไม่เล่น”ผมรีบวิ่งหนีพี่เทียนทันที

“ฮ่า ฮ่า มาให้จับซะดีๆเด็กน้อย”พี่เทียนวิ่งตามผมมาพยายามจะจับตัวผมให้ได้ฝันไปเถอะ

“คุณย่า คุณย่าครับช่วยนินด้วยครับพี่เทียนแกล้งนิน”ผมวิ่งเข้าไปหาคุณย่ากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเสื่อที่ปูบนหญ้าสีเขียวใน
สวน

“เอะอะอะไรกัน ตาเทียนแกล้งอะไรน้องอีกเราเดี๋ยวน้องก็หกล้มแข้งขาหักพอดี นินมานี่ลูกมานั่งเล่นกับย่าดีกว่า”พี่เทียนโดนคน

ย่าดุเลยทำหน้าตาน่าสงสาร

“คุณย่าครับเดี๋ยวนินอ่านหนังสือให้ฟังนะครับ พี่เทียนมานั่งตรงนี้เร็วมาฟังด้วยกัน”กวักมือเรียกคนตัวโตมานั่งข้างๆบนเสื่อที่ปูไว้

บนหญ้าที่ถูกตัดจนสั้นเสมอกัน คุณย่ากำลังนั่งเอนตัวลงพิงหมอนอิงสามเหลี่ยมทรงสูงในมือถือหนังสือไว้ในมือ

“ก็ดีเหมือนกันย่าอ่านหนังสือนานก็รู้สึกสายตาล้าเหมือนกัน”รับหนังสือมาจากคุณย่าเปิดหน้าหนังสือที่มีที่คั่นหนังสือคั่นหน้าไว้

หยิบหมอนมาสองใบ ที่ไม่มีเจ้าของวางลงให้พี่เทียนหนุน เห็นบอกว่าง่วงใช่ไหมครับถ้าอย่างนั้นก็นอนซะ หมอนอีกใบวางไว้ที่

ตักแล้ววางหนังสือทับไว้บนหมอน

“ขอบคุณครับ”พี่เทียนรับหมอนไปหนุนแล้วนอนตะแคงมอง ผมก็เริ่มอ่านหนังสือให้คุณย่าฟังสายลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ รู้สึกเย็น

สบายกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆลอยมาตามลม ไล่สายตามไปตามตัวอักษรแต่ละตัวออกเสียงหนักเบาๆพอประมาณให้คนฟังได้ยิน

จากหน้าหนึ่งผ่านเป็นหน้าสองสามเปลี่ยนท่านั่งจากขัดสมาธิ เปลี่ยนเป็นนั่งพับเพียบจนตอนนี้กำลังนอนคว่ำเอาหมอนรองไว้ที่
คาง

“คุณย่าหลับแล้ว”หันไปมองคุณย่าตามเสียงที่ดังอยู่ข้างๆ ตอนนี้คุณย่ากำลังนอนหลับเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นท่านอนสบายไปแล้ว

ผมหยิบผ้าห่มเนื้อแพรลื่นห่มให้กลัวว่าจะไม่สบาย

“แล้วพี่เทียนไม่หลับหรอครับ ไหนบอกว่าง่วง”โกหกนี่นาคนง่วงทำไมจ้องเค้าตาโตเชียวเดี๋ยวเอานิ้วจิ้มตาบอดเลย

“นอนมองหน้าแฟนตัวเองมีความสุขกว่าตั้งเยอะ”มองเฉยๆนะครับห้ามจินตนาการไปไกลเดี๋ยวเก็บเงินค่าคิดลึกเลย

“ฟอด มือนี่หอมจังนุ่มด้วย”พี่เทียนจับมือผมไปหอมซะงั้น บ้า เขาอายนะอีกอย่างคุณย่าก็อยู่ตรงนี้นะถึงจะหลับไปแล้วก็ตามที
เถอะ

“อ้าว คุณย่าหลับแล้วหรอลูกแม่อุส่าเอาของว่างให้”คุณแม่พี่เทียนโผล่เข้ามาในสวนพร้อมกับในมือถือถาดของวาง

“ยัง แม่ยังไม่หลับแค่พักสายตาเฉยๆ อ่านหนังสือนานเลยปวดตาหนูนินเลยมาช่วยอ่านให้ฟังเลยถือโอกาสพักสายตา”คุณย่าขยับ

ตัวลุกขึ้นนั่ง ตายแล้วไงผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนพี่เทียนนะพี่เทียน

“แล้ว นั่นน้องนินพี่เทียนหลับแล้วหรอลูก”ผมหันกลับไปเห็นพี่เทียนนอนหลับไปแล้ว ไม่นะพี่เทียน ฮื้ม ผมก็ลืมไปว่าลูกหลาน

แต่ละคนบ้านนี้ร้ายแค่ไหนเจ้าเล่ห์นักนะพี่เทียน

“อ้าว แม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”พี่เทียนยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง อ้าปากห้าวบิดขี้เกียจเหมือนคนพึ่งตื่นนอน

“โอ๊ย”เสียงพี่เทียนร้องขึ้น

“เป็นอะไรลูกตาเทียน”แม่พี่เทียน

“อ้อไม่มีครับ พอดีมดกัดครับ มดน่ารักด้วย”ฮึ ให้ตายเถอะถูกหยิกแค่นิดเดียวทำเป็นร้องโอดโอยคนเจ้ามารยา

“คุณแม่ทานของว่างก่อนค่ะหนูเอาของว่างมาให้ หนูนินก็ทานได้นะลูก แต่อย่าทานเยอะนะอาหารเที่ยงใกล้เตรียมเสร็จ วันนี้คุณ

แม่หนูนินสอนหนูทำอาหารหลายอย่างเลยค่ะต่อไปคุณแม่จะได้ไม่เบื่ออาหารแบบเดิมๆ เดี๋ยวแม่กลับเข้าครัวไปช่วยแม่หนูนิน

เตรียมอาหารต่อดีกว่า”แม่พี่เทียนเดินกลับเข้าไปในครัว ผมมองอาหารว่างที่วางไว้ในจานผมยังไม่หิวเท่าไหร่

“นินลูกพาพี่เทียนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป ดูสิถูกมดกัดจนแดงหมดเลย”

“อ้อ เอ่อฮะ”เออ แดงจริงๆด้วยผมบิดแรงขนาดนั้นเลยหรอผมลุกขึ้นยืน พี่เทียนลุกเดินตามผมเขายิ้มน้อยๆที่มุมปากแล้วยักคิ้วให้
ผม น่าหมั่นไส้จริงๆ

“อาบน้ำด้วยกันไหม”ไม่ต้องครับเกรงใจตามสบายเลยครับท่าทางพี่ไม่น่าไว้ใจผมเดินเข้าในบ้านพี่เทียนแล้วเดินไปนั่งหน้า

โทรทัศน์ เป็นคำตอบพี่เทียนเลิกคิ้วขึ้นแล้วเดินขึ้นชั้นสองไปอาบน้ำผมนั่งเปิดโทรทัศน์ ดูรอคนตัวโตอาบน้ำไล่เปิดรายการไป

เรื่อยๆแต่ยังไม่มีรายการอะไรน่าสนใจ สักพักพี่เทียนก็แต่งตัวหล่อลงมาจากชั้นบน

“แม่โทรมาตามแล้วไปกินข้าวกัน”พี่เทียนเดินเข้ามาใกล้ได้กลิ่นครีมอาบน้ำหอมฟุ้ง ผมหยิบรีโมทขึ้นมาปิดโทรทัศน์ แล้วเดิน

เข้าไปจูงมือคนตัวโตเดินไปที่บ้านใหญ่

“แหม เห็นเขาหล่อแล้วอยากควงละซิ”

“หวงเนอะจับมือแค่นี้”

“โอ๋ โอ๋ ไม่งอลพี่ล้อเล่นจับได้จับได้ จับมากกว่ามือได้ยิ่งอยากให้จับ ฮึ ฮึ”

“บ้า”

“บ้าอะไร จับแขนไงเราคิดอะไรอยู่”ไม่มั้งครับคำพูดของพี่แต่ละคำไม่ค่อยทำให้ผมคิดมากเลย

“ไม่อยากจับหรอกแขนเขาก็มี”

“แต่ไม่ใหญ่เท่าพี่นะถึงจะขาวนุ่มกว่าแต่ของพี่ใหญ่กว่า แข็งกว่านะ”

“พี่เทียน”

“หมายถึงแข็งแรงมีมัดกล้ามใหญ่ไงนี่ไงจับดูเนื้อแน่ด้วยนะ ฮ่า ฮ่า”

               เราทั้งสองจูงมือเดินไปบนทางที่ถูกปูด้วยอิฐตัวหนอนตัวใหญ่ และหนาเป็นทางยาวไปจนถึงบ้านหลังใหญ่ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า ผมยังอยากให้ระยะทางมันไกลกว่านี้ ผมจะได้จับมือนี้ไว้ให้นานกว่านี้ ทางเดินเส้นนี้พาเราทั้งสองผ่านพุ่มต้นไม้ที่ตัด

ตกแต่งกิ่งก้านให้สวยงาม ผ่านต้นไม่ยืนต้นน้อยใหญ่ที่ปลูกไว้ให้ร่มเงากิ่งไม้น้อยใหญ่แข่งกันแผ่ขยายออกมาสร้างขนาดเขตของ

ตัวเอง ทำให้สัตว์น้อยใหญ่ต่างมาอาศัยร่มเงาหลบแสงแดดยามกลางวัน เสียงร้องเรียกหาเพื่อนของนกหลายชนิดที่กำลังเกาะ

ตามกิ่งไม้ รังนกอยู่บนต้นไม้สูงเสียงลูกนกตัวเล็กอยู่ในรังกำลังร้องเรียกพ่อแม่ให้เอาเหยื่อมาป้อนใส่ปาก

“เด็กๆ มาทานข้าวลูก”เสียงแม่พี่เทียนกวักมือเรียกเราทั้งสอง ในที่สุดเราก็เดินมาจนสุดทางเดินด้วยกันแม้จะพบเจออะไร

มากมายระหว่างทางแต่มือคู่นี้ยังคงเกาะกุมกับมือของผมอยู่ตลอดไม่ปล่อยไปไหน โต๊ะอาหารตัวใหญ่ของบ้านคุณย่ายังทำหน้า

รับแขกได้เป็นอย่างดี วันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียงน้องหนึ่งน้องสองนั่งบนเก้าอี้สูงเป็นพิเศษ เพื่อให้สูงพอดีกับ

ระดับของโต๊ะโดยมีพี่เทพพ่อหม้ายใจดีน่าตาดีเสน่ห์แรงเป็นที่รักของสองแสบ ทั้งสองยอมเชื่อฟังอยู่ในโอวาทตลอด พี่แทนหนุ่ม

นักศึกษาที่ป๊อปมากมาก สาวสาวต่างคลั่งไคล้แต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนไม่รู้ช่างเลือกมากหรือเรื่องมากเหมือนที่คุณแม่ของ

เขาเม้าส์ให้ฟังกันแน่ ทั้งสองคนนั่งขนาบสองแสบที่กำลังกินของโปรดในจานของตัวเอง ไม่สนใจใครคงจะหิวมาก วันนี้คุณทิม

สาวสวยของบ้านก็ว่างอยู่ติดบ้าน เธอเป็นสาวชอบเดินทางท่องเที่ยวตลอดบางทีก็เห็นคุณแม่พี่เทียนบ่นว่าเธอเหมือนผู้ชาย

มากกว่าผู้หญิง เธออาจจะดูทะมัดทะแมงเกินหญิงทั่วไปแต่อยู่มหาวิทยาลัยก็มีผู้ชายเข้ามาขายขนมจีบเธอตลอด คุณพ่อพี่เทียน

ผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่เส้นผมเริ่มถูกแซมไปด้วยสีขาว เริ่มมีร่องรอยแสดงอายุ แต่ก็ดูหล่อสมวัย เขาเป็นผู้ชายใจดีไม่ค่อยพูดแต่มี

ความคิดสมัยใหม่ คุณแม่พี่เทียนผู้หญิงที่ย่างวัยจะห้าสิบอีกไม่กี่ปีแต่ยังดูสาวสวย ผมเห็นเธอยิ้มมีความสุขตลอด คุณย่าผู้ใหญ่

เป็นเหมือนร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานเป็นศูนย์ของครอบครัวนี้ ผู้ใหญ่ใจดีแบ่งปันความรักความเมตตาให้กับทุกคนรวมไปถึง

ครอบครัวของผมด้วย คุณพ่อคุณแม่คนทั้งสองที่สำคัญกับชีวิตที่ครั้งหนึ่ง ผมเคยทำเรื่องที่เลวร้ายลงไปทำร้ายท่านทั้งสองโดย

ไม่ตั้งใจ เพราะความโง่เขลาของตัวเองไม่รู้ว่าความสุขนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไหร่แต่ผมจะรักษามันให้ดี และนานที่สุดหรือ

มันจะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเพราะในใจของผมและของท่านทั้งคงมีอะไรที่ยังค้างคาอยู่ภายในใจ ผมหันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่

ข้างๆเขาหันมามองผมแล้วยิ้มให้ ถ้าเรื่องจริงของผมเปิดเผยหรือผมเล่าให้ทุกคนฟังวันนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างความสุขนี้ยังอยู่

กับผมไหมหรือจะโบยบินจากผมไปตลอดกาลไม่มีวันกลับ



                         ดวงตะวันเลื่อนต่ำลงแสงตะวันค่อยๆจางหายไปจากขอบฟ้าแล้วเปลี่ยนเป็นพื้นสีดำสนิทที่ปกคลุมไปทั่ว

ท้องฟ้าแสงดาวดวงเล็กลอยเด่นเปล่งประกายแสงระยับระยับบนพื้นสีดำเสาไฟฟ้าสูงตั้งอยู่สองข้างทางส่องแสงสว่างด้วยหลอด

ไฟนีออน ตึกสูงเสียดฟ้าประดับประดาด้วยแสงไฟร้านอาหารร้านค้าต่างๆตกแต่งไปด้วยตัวหนังสือหลอดนีออน ป้ายโฆษณา

เคลื่อนไหวขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านนอยู่ในจุดที่ผู้คนสัญจรไปมา

“พี่เทียนจอดตรงนี้ก็ได้ครับ”ผมบอกให้พี่เทียนจอดรถหน้าบ้านของฐิตา

“แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ให้เข้าไปเป็นเพื่อน”

“แน่ใจครับ นินไปไม่นาน ถ้านินจะกลับแล้วนินจะโทรหานะครับ”

“อื้ม มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”

             ผมเดินลงจากรถโบกมือลารถยุโรปคันหรูที่เลื่อนออกไป บ้านหลังใหญ่บริเวณกว้างในบ้านกำลังมีงานปาตี้ผมมอง

นาฬิกาที่ข้อมือยี่สิบนาฬิกาผมคงไม่ได้มาช้าเกินไปใช่ไหมท่าทางงานน่าจะเพิ่งเริ่มนานแล้วในงานเปิดเพลงกันเสียงดังเครื่องดื่ม

ผสมแอลกอฮอล์ตั้งวางอยู่บนโต๊ะมีหลากหลายยี่ห้อ

“นิน ทางนี้”เสียงฐิตาเรียกผมแล้วรีบเดินเข้ามาหาผม ด้วยสีหน้าท่าทางบอกว่าดีใจที่เห็นผมมา

“โอ้โหงานใหญ่จังเลยนะฐิตา”

“เอ่อ อ้อพอดีฐิตาเพื่อนเยอะนะ มานี่เลยเรานึกว่านินจะไม่มีซะแล้ว”

“มาสิ ฐิตาอุส่าชวน อะนี่ของขวัญ”

“ขอบคุณมากเลยนะที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้ แค่นินมาเราก็ใจมากแล้ว”ผมมองดูโต๊ะที่วางกล่องของขวัญหลายขนาดหลากสีสัน
วางอยู่บนนั้น

“นินเพิ่งมาดื่มอะไรหน่อยไหม เอ่อ น้ำส้ม น้ำส้มก็ได้เดี๋ยวฐิตาไปหยิบให้นะ..”

“ฐิตา ไม่ต้อง ไม่เป็นเอ่อ...”ไม่ต้องเราเกรงใจเราไปหาอะไรดื่มเองได้แต่ไม่ทันแล้ว เธอเดินไปโน่นแล้วเดินเร็วชะมัด เธอดูดีใจ

มากที่ผมมางานวันเกิดเธอวันนี้ ผมมองดูแขกรอบๆงานที่นั่งโต๊ะดื่มบางคนก็ออกไปวาดลวดลายหน้าเวที ที่มีดีเจเปิดเพลงมันๆ

เอาใจวัยรุ่นทำให้วัยรุ่นบางคนที่นั่งดื่มอยู่โยกตามจังหวะไปด้วย รู้สึกเกร็งๆยังไงไม่รู้รู้สึกเหมือนมีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองผม

อยู่แต่พอมองไปรอบก็ไม่มีนี่นาคิดไปเองรึเปล่านะ รึผมมีอะไรแปลกติดอยู่ที่หน้ารึเปล่าทำยังไงดี ห้องน้ำใช่แล้วห้องน้ำผมไม่รอ

ช้าเดินหาห้องน้ำทันทีว่าแต่มัน เอ่อว่าแต่มันอยู่ที่ไหนแล้วผมต้องเดินไปทางไหนเนี่ยทำไมผมไม่รู้จักใครเลยสักคน

ขณะที่เดินหาห้องน้ำก็เห็นฐิติกังลังยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่ตรงที่ผมยืนไม่ได้ยินเสียงแต่ดูท่าทาง

เดาว่าคงไม่ได้คุยน่าจะเป็นทะเลาะซะมากกว่า ผมเดินเข้าไปใกล้กว่านี้อยากรู้ว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไรกันอยู่

“แกเอาของมาให้เดี๋ยวนี้นะ เอามา”

“อยากได้ของหรอมันยังไม่ถึงเวลา”

“แกโกหกฉันหรอ แกกล้าโกหกฉันเธอไอ้สารเลว”

“แหมว่าฉันเลวไม่ดูตัวเองเลยนะ”

“เลวยังไง แกว่าเลว เลวยัง”

“ก็เป็นเธอไม่ใช่รึไงที่หลอกเด็กนั่นมาให้ฉันเพื่อแลกกับคลิปวีดีโอกับยานี่”

“แล้วไงก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งไม่มีหัวนอนปลายเท้า ดีเท่าไหร่แล้วฉันช่วยหาผัวดีๆให้ ดีไม่ดีมันติดใจก็ได้ใครจะไปรู้”

“เธอกับฉันนี่มันเลวพอๆกันเลยนะมิน่าถึงคบกันได้”

“ฮึ ที่ฉันมารู้จักกับคนอย่างแกเพราะฉันมันโง่”

“อย่าพูดมากเลยน่าไปทำงานของเธอให้เรียบร้อยแล้วเธอจะได้ของที่เธอต้องการ”

“ให้ตายเถอะทำไมคนอย่างฉันต้องมาทำเรื่องอะไรอย่างนี้ด้วยนะ”

เสียงคนสองคนคุยกันหยุดลง แล้วผู้ชายคนนั้นหันหน้ามาทำผมรู้ชายคนนั้นคือกัณฑ์ ฐิตายังไม่เลิกกับผู้ชายคนนั้นอย่างนั้นหรอที่

ทั้งสองคนคุยกันมันเรื่องอะไรกันแน่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกแปลกยังไงไม่รู้ แต่ผมก็ทำได้แค่นั้นและเดินกลับไปที่โต๊ะ

“อ้าว นินไปไหนมาเราเอาเครื่องดื่มมาให้แล้วนะ”กลับมาที่โต๊ะฐิตามานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอส่งแก้วน้ำส้มให้

“ขอบใจนะฐิตา ไม่ต้องมาดูเราก็ได้ไปสนุกกับเพื่อนเถอะ”ผมรู้สึกว่าเธอมีอะไรแปลกๆเหมือนมีอะไรปิดบังอยู่ และคิดว่าตอนนี้ต้อง

ออกไปจากที่นี่แล้วไม่ว่าคนที่ทั้งสองพูดถึงจะเป็นใครแต่ผมคิดว่าต้องไปจากที่นี่

“อือ ก็ได้ถ้านินอย่าลืมดื่มน้ำส้มให้หมดนะ เราไปก่อน”น้ำส้มนี้คงไม่ธรรมดาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ย้ำให้ผมดื่ม เธอเดินจากไป

แล้วแต่ยังหันหลังกลับมาดูผมเรื่อยๆชัดเจนมากเจตนาของเธอ ฐิตาหายเข้าไปในกลุ่มเพื่อนของเธอที่ผมไม่คุ้นหน้า โชคดีไม่น้อย

ที่ผมนั่งคนไม่ค่อยเยอะผมหยิบแก้วน้ำส้มทำทีเหมือนดื่มแล้วเททิ้งลงสนามหญ้าด้านล่าง ว่าแต่ต่อจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมรึ

เปล่า ไม่รู้วันนี้ผมก้าวเท้าไหนออกจากบ้าน

“น้องครับ สนใจดื่มกับพี่ไหม”นั่นไงพวกขี้เมาชายสามคนเดินมานั่งที่โต๊ะของผม

“เอ่อไม่ดีกว่าครับ พี่ๆดื่มกันเถอะครับ”

“นั่งอยู่คนเดียวไม่เหงารึไง ให้พวกพี่นั่งเป็นเพื่อนะ”

 “น่ารักๆ อย่างนี้อย่าปล่อยให้เสียของนะมึง”

“ผมว่าพวกพี่เมาแล้ว ผมขอตัวตัวนะครับ”เมื่อภัยมาถึงตัวผมก็ต้องหนีเป็นธรรมดา

“เฮ้ย มึงเล่นตัวด้วยว่ะกูชอบ”

“ไปไหนน้องมาสนุกกับพี่ๆก่อน”คงอยู่ให้โง่ ผมรีบเดินออกจากโต๊ะหาที่ตั้งหลักเพื่อโทรให้พี่เทียนมารับ ผมเดินหาที่ปลอดภัย

เงียบๆ เพื่อตั้งสติ และรีบลวงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อโทรหาพี่เทียน

“ไปไหน คิดจะหนีไปไหน”ผมหันกลับไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง ไอ้กัณฑ์มันมายืนอยู่ด้านหลังผมกับผู้ชายตัวโตท่าทาง

น่ากลัวอีกสองคน สถานการณ์ตอนนี้บอกเลยว่ารู้สึกไม่ดีเลย

“พี่ ต้องการอะไรกับผม ถอยออกไปให้ห้างจากผมด้วย”พูดเสียงเรียบมองคนทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ผมกำลังกลัวแต่กำลัง

ระงับอารมณ์ความรู้สึกไว้

“คงไม่ได้นะน้อง พอดีพี่ต้องการตัวน้อง กว่าจะเอาตัวมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่าตัวน้องแพงด้วย พวกมึงยืนอยู่เฉยทำไมจับมันไว้

ดิ”ผู้ชายสองคนเดินเข้ามาจับแขนขาทั้งข้างผมไว้แล้วไอ้กัณฑ์เดินเข้ามาหาผมแล้วหยิบผ้าสีขาวออกมากระเป๋า

“พี่ พี่จะทำอะไรผม อย่าทำอะไรผมเลยนะผมขอร้องล่ะ”ให้ตายไอ้สารเลวปล่อยกูไปเถอะ ทำไมชีวิตมึงนี่ชอบจองล้างจองผลาญ

กูเหลือเกินผมพยายามดิ้นจากผู้ชายทั้งสองคน ไอ้พวกหมาหมู่แน่จริงตัวต่อตัวดิ

“โอ๊ย”ถึงแขนทั้งสองจะถูกจับไว้แต่ไม่ลืมว่าเท้าของผมยังเป็นอิสระ มือของผมคงไม่เหมาะที่จะใช้กับคนอย่างมัน คนต่ำๆก็คง

ต้องเหมาะกับของต่ำ ทันทีที่เท้าประทับลงไปที่ท้องของมันมันก็ร้องออกมา ถึงแม้จะไม่แรงมากแต่ก็ทำให้คนอย่างมันรู้สึกได้บ้าง

“พี่เป็นไงบ้าง ฤทธิ์มากนะมึง”

“เฮ้ย อย่าใช้กำลังเดี๋ยวของมีตำหนิ กว่าจะหาของมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย”มันห้ามลูกน้องคนที่จับผมไว้กำลังจะฟาดฝ่ามือลงมาที่

หน้าผม ทำให้ต้องเอี้ยวตัวหลบพร้อมกับหลับตาด้วยความกลัว

“โอ๊ย”คราวนี้เป็นเสียงร้องผม เมื่อไอ้กัณฑ์มันชกเข้ามาที่ท้องของผม ไม่ใช่ฝ่ามือของลูกน้องมันอย่างที่คิด สายตาผมยังจับจ้อง

อยู่ที่ไอ้ผู้ชายสารเลว มันใช้มือข้างหนึ่งทาบลงบนท้ายทอยของส่วนอีกข้างมันวางผ้าสีขาวลงบนจมูกผมรีบโกยอากาศเข้าปอด

ก่อนที่ผ้าจะมาสัมผัสที่จมูก

“พวกมึงเอามันไปในห้องนอนที่กูเตรียมไว้ ไม่ต้องล็อกเดี๋ยวจะมีคนเข้าไป”ผมนึกว่าจะรอดแล้วแต่กับรู้มึนๆยานี่แรงใช่เล่น ผมรู้สึก

มึนๆจนต้องหลับตาลง ส่วนร่างกายเหมือนกำลังเคลื่อนที่พวกมันคงพาผมไปที่ไหนสักที่ในบ้านหลังนี้ ผมยังได้เสียงรอบๆข้าง

ตลอดเวลาแต่เสียงดนตรีภายในงานค่อยๆเบาลงและเงียบในที่สุด จนแผ่นหลังของผมสัมผัสกับเตียงนุ่มๆพร้อมกับความรู้สึก

เหมือนถูกตัดฉับไปในทันที



“พี่นนท์ พี่นนท์ตื่นเร็ว ตื่น ตื่น”

“พี่พัฒณ์ พี่พัฒณ์มาช่วยแล้ว

“ต้องออกไปจากที่นี่ เร็ว เร็ว เร็ว”ใคร เสียง ใคร ใครกำลังเรียกผมอยู่ รู้สึกมึนๆที่หัวไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้าไป ค่อยๆลืมตาขึ้นปรับ

สายตาให้ชินกับความมืด มองหาเจ้าของเสียงที่ชื่อผมเมื่อครู่มองไปรอบๆแต่ไม่มีใครสักคนตอนนี้ผมอยู่สี่เหลี่ยม ห้องนอน ห้อง

นอนใครสักคนในห้องมืดสลัวโชคยังดีที่มีแสงสว่างจากหลอดไฟข้างนอกลอดเข้ามาในห้องนี้บ้าง เงียบไม่มีเสียงจากข้างนอกเข้า

มาแต่ได้ยินเสียงเรียกจากใครสักคนอย่างชัดเจน

“ใคร ใคร”อยู่ๆก็มีคนยืนปรากฏอยู่มุมห้อง ก่อนหน้านี้ทำไมมองไม่เห็น ผมถามออกไปแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาพยายามจ้องมอง

ขยี้ตาเพราะกลัวว่าตัวเองจะตาฝาด พยายามมองให้ชัดอีกครั้งยังมีคนยืนอยู่มุมห้องที่เดิม และผมจำได้นั่นคือผู้หญิงคนที่มาเข้า

ฝันผมบ่อยๆเป็นเธอแน่นอนผู้หญิงผมยาวปิดหน้า สวมชุดเดียวกับในฝัน ร่างโปร่งแสงของเธอปรากฏอยู่ต่อหน้าแต่กลับมองไม่

เห็นใบหน้าเธอ”คุณ..คุณเป็นใคร ต้องการอะไร”ถามออกไปอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว ในใจตอนนี้คิด



                                                              มีต่อด้านล่าง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2016 18:34:14 โดย jaengs »

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


                                                                    ต่อจากด้านบน

ว่าเธอคงเป็นคนที่ผมรู้จักแน่นอน จ้องร่างตรงหน้าอีกครั้งในตอนนั้นสมองก็แวบคิดถึงใบหน้าใครคนหนึ่งขึ้นมารึว่าจะเป็น..... แต่

เธอกลับไม่ตอบคำถามและเดินผ่านทะลุประตูออกไป ก่อนที่ผมจะเรียกเธออีกครั้งประตูก็เปิดออกช้าๆ เธอคงไม่ได้หมายความว่า

ต้องการให้ผมตามออกไปหรอกนะ ผมพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงตอนนี้ไม่มีใครอยู่เป็นโอกาสดีที่จะหนี

“พี่นนท์ พี่นนท์”เสียงผู้หญิงคนเรียกผมซ้ำๆ เหมือนเธอต้องการให้ผมตามเธอไป โผล่หน้าออกไปมองรอบๆไม่มีคนอยู่ ทาง

สะดวก รีบก้าวเท้าออกจากห้องตามเธอไปช้าๆ แต่สายตายังสอดส่องไปรอบๆไม่รู้ว่าที่นี่คือส่วนไหนของบ้าน ผมยากถามผู้หญิง

คนนี้ว่าเธอจะพาผมไปไหน แต่ไม่กล้าพูดออกมากลัวคนอื่นได้ยินแล้วจะแห่ตามกันมาคราวนี้ผมคงไม่รอดแน่ มัวแต่มองไปรอบๆ

บ้านที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านราคาแพงเผลอแผลบเดียวผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้วไม่รู้ เธอหายไปไหนแล้ว

ให้ตายเถอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยาม แล้วโทรศัพท์ของผมไม่รู้ว่าหายไปไหน ป่านนี้แล้วพี่เทียนจะเป็นยังไงบ้าง จะเป็นห่วงผม

แย่แล้วรึเปล่า คงกังวลว่าผมไม่ออกจากงานไปสักทีจะทำยังไงดี ที่สำคัญผมจะออกจากที่นี่ได้ยังไงไม่ให้โดนจับ ต้องรีบหา

ทางออกให้เจอต้องออกจากที่นี่ให้ได้ท่องคำนี้ไปมาในหัวจนเหงื่อซึมมาตามฝ่ามือแผ่นหลัง เดินวนอยู่ในบ้านจนได้ยินเสียง

ดนตรีข้างนอกแว่วดังมาเป็นระยะทำให้รู้สึกใจชื้นจนยิ้มออกมาได้

“อย่าร้อง อย่างส่งเสียง”ขณะที่กำลังคิดหาทางออกอยู่นั้น มีมือข้างหนึ่งปิดปากผมไว้แน่นส่วนมืออีกข้างกอดเอวผมไว้ พยายาม

ดิ้นแต่ผู้ชายที่กอดผมไว้แรงเยอะเกินไป จากนั้นเขาลากผมไปที่แสงส่องถึงและเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก่อนหน้านี้

“พี่พัฒณ์”คนที่กอดผมไว้ปล่อยมือมือข้างหนึ่งออกจากปาก ผมเรียกชื่อผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ต่อหน้า นี่มันเรื่องอะไร หมายความว่า
ยังไง

“ใช่พี่เอง”

“พี่มาทำอะไรที่นี่ คงไม่ได้หมายความว่า..”

“ไม่ใช่อย่างนินคิดหรอก พี่ไม่ใช่คนที่พวกนั้นส่งมาสบายใจได้”

“แล้ว..”

“อยากรู้เรื่องอะไร ช่วยกรุณาดูสถานการณ์ก่อนได้ไหมถ้าพวกมันแห่กันมาให้เสร็จมันหมดนี่แน่”เออ ขอโทษแล้วกันก็คนมันตกใจ

นี่นาผมเกือบลืมผู้ชายอีกคนที่กอดผมอยู่ 

“แล้วมึงไอ้เขื่อนเมื่อไหร่จะปล่อยน้องเขาสีกทีวะ เห็นกอดอยู่ตั้งนานแล้ว”

 “เออ โทษทีเพลินไปหน่อย”

“กูเห็นมึงมองน้องเค้าตาแทบไม่กระพริบตั้งแต่เข้ามาในงานแล้ว”

“ช่างกูเถอะ”

ขอโทษเถอะครับ ผมว่ามันใช่สถานการณ์จะมาคุยกันไหมครับ แล้วที่คุณทั้งสองคนจะคุยกันอีกนานไหม ถ้ามีคนเห็นจะทำไง

ผู้ชายชื่อเขื่อนปล่อยผม จากนั้นทั้งสองเดินนำหน้าลัดเลาะเดินเรียบผ่านออกมาทางประตูหลังบ้าน จนออกมาเจอสวนกว้างและ

ได้ยินเสียงเพลงที่เปิดในงานดังแว่วมาเบาๆ

“เดินตามพี่มาต้องกลัว”

“กูว่าน้องกลัวมึงมากกว่านะ”

“เออ”พี่ครับบอกผมให้เดินตามผมก็รู้เรื่องแล้วไม่ต้องจูงมือผมก็ได้

เดินผ่านต้นไม้สูงใหญ่ผ่านพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งให้เป็นรูปทรวงสวยงาม ประตูแห่งอิสรภาพถูกเปิดออกรถยนต์ยุโรปคันโตจอดอยู่ต่อ

หน้าผมรีบเดินมาหลบอยู่ด้านหลังผู้ชายทั้งสองทันที

“ไม่ต้องกลัวนั่นรถพี่เอง”อ้าวหรอใครจะไปรู้

“เฮ้ย รีบขึ้นรถเถอะตำรวจน่าจะใกล้มาแล้ว”ผู้ชายที่ชื่อเขื่อนบอกให้พวกผมขึ้นรถ ผมรีบขึ้นไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ส่วนพี่เขื่อนเปิด

ประตูขึ้นฝั่งคนขับแล้วเหยียบคันเร่งออกไปจากทีนั่นทันที ผมหันหลังกลับไปมองบ้านหลังนั้นว่ามีคนตามออกมาหรือไม่ เราออก

ห่างจากบ้านหลังนั้นไปเรื่อยๆจนมองไม่เห็นบ้านหลังนั้น หัวใจของผมยังเต้นเร็วรัวด้วยความตื่นกลัวค่อยๆสงบลงแล้ว ตอนนี้ผม

ปลอดภัยแล้วใช่ไหม ผมรอดแล้วใช่ไหมขอบคุณ ขอบคุณทุกคนที่ช่วย ผมอยากร้องไห้ระบายความอัดอั้นออกมาไม่รู้ว่าทำไมผม

ต้องเจอเรื่องเดิมๆซ้ำๆ บางครั้งรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง แต่ตอนนี้มันคงไม่ใช่เวลาที่ต้องมานั่งน้อยใจหรือร้องไห้

“พี่พัฒณ์ พี่พัฒณ์รู้จักกับน้ำรินด้วยหรอครับ”ตัดสินใจทำลายความเงียบถามคำถามที่คาใจมาตลอด

“นิน รู้จักน้ำรินด้วยหรอ”พี่พัฒณ์แสดงสีหน้าบอกว่าแปลกที่ผมรู้จักน้ำรินและผมเดาว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกัน

“เธอเป็นคนรักของกัณฑ์...เขาทั้งสองสมรู้ร่วมคิดฆ่าเพื่อนของผม”ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องกันอย่างไรถ้าพี่พัฒณ์รู้จักกับน้ำ

รินแล้วเปลี่ยนใจมาทำร้ายผมขึ้นมาเพื่อช่วยปกปิดความผิดของเธอล่ะเขาจะทำยังไง

“พี่ไม่รู้ พี่ไม่เคยรู้มาก่อน พี่มาที่นี่มาเพื่อดูไอ้สารเลวกัณฑ์...มันพยายามจะฆ่าน้ำริน”หมายความว่ายังไง น้ำรินตายแล้วเป็น

วิญญาณของเธอจริงๆที่มาเข้าฝันผมบ่อยๆและเป็นเธอที่มาช่วยปลุกผมให้รู้สึกตัว เธอตายแล้ว ตายตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่

“พี่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น พี่ถูกที่บ้านเรียกให้กลับบ้านเพราะน้ำรินประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา”น้ำเสียง

คนเล่าเบาลงสีหน้าดูเศร้าลง หมายความว่าน้ำรินยังไม่ตาย”พี่ฝากเพื่อนให้สืบที่มาของอุบัติเหตุถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่แต่เป็นการ

ฆาตกรรม และได้รู้ว่าไอ้เลวนั่นมันพยายามฆ่าน้องสาวพี่ น้ำรินยังไม่ตายแต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น”อย่างนี้นี่เองเธอถึงมาหาผมมา

ร้องให้ขอโทษผมเธอคงรู้สึกผิดจริงๆ ครั้งนี้ผมก็โชคดีที่ได้เธอมาช่วยไม่รู้ว่าได้อย่างนี้แล้วผมจะดีใจหรือสงสารดี

“พี่ให้ตำรวจมาล้อมจับปาตี้ครั้งนี้ ไอ้กัณฑ์ค้ายาแล้วนัดส่งของโดยใช้ปาตี้บังหน้า”

“ค้ายา”เขาไปไกลขนาดนี้เชียวหรอ

“ใช่ แต่ก่อนมันแค่เสพแต่เดียวนี้มันขายด้วยแล้วมันก็ใช้เราปลดหนี้ ตอนแรกพี่ไม่รู้ว่าพวกมันเลือกนิน”

“นี่ต้องชมสายตาพี่ พี่เห็นเราเดินน่าตาดีตั้งแต่เข้ามาในงานเลยนะ แอบดูไปเรื่อยๆถึงรู้ว่าเป็นคนที่มันหลอกมา”พี่เขื่อน ใช่คนที่

หลอกมาเป็นเพื่อนด้วยไม่นึกว่าจะทำกันได้

“แล้วบ้านหลังนั้นเป็นของใครครับ”ที่แน่แน่มันไม่ใช่บ้านของฐิตาแน่นอน

“อันนี้พี่ไม่แน่ใจ เห็นว่าเป็นบ้านของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งทางภาคเหนือ”คนชื่อเขื่อนตอบ

“จับมันเข้าคุกในฐานะฆาตกรไม่ได้ แต่ต้องโทษค้ายาก็ไม่ต่ำกว่าตลอดชีวิต หลักฐานที่พี่รวบรวมได้ก็น่าจะเพียงพอให้มันได้ตาย

ในนั้น”แล้วเวรกรรมอย่างอื่นก็จะตามมา พี่พัฒณ์บอกว่าใช้เวลาอยู่นานในการตามเรื่องของกัณฑ์รู้ว่าเขาทำอะไรเลวๆไว้หลาย

อย่างมีทั้งผู้หญิงผู้ชายที่เจอในลักษณะเดียวกับผมอีกเยอะ แต่ไม่มีหลักฐานไม่มีใครเข้าไปแจ้งความเลยไม่มีทางจับเขาได้ เดน

มนุษย์อย่างเขาจึงยังลอยนวลใช้ชีวิตอย่างปกติดีมีความสุข

“พี่พัฒณ์ถ้ามีโอกาสผมอยากไปเยี่ยมน้ำริน...”ผมอยากไปอโหสิกรรมให้เธอไม่อยากให้เวรกรรมนี้ผูกพันมัดเกี่ยวกันไปจนถึงชาติ

หน้า คิดว่าผมน่าจะยกโทษให้เธอได้เพราะเธอคงได้รับผลกรรมของเธอที่ได้ก่อไว้แล้ว

“ได้ ถ้าน้ำรินรู้คงดีใจเพราะตั้งแต่ที่ประสบอุบัติเหตุไม่มีใครมาเยี่ยมเธอเลยนอกจากครอบครัว พี่ดีใจนะที่ได้ยินว่านินจะไปเยี่ยม

และขอโทษแทนน้ำรินด้วยถ้าน้องสาวพี่ทำอะไรผิดพลาดลงไป”คงไม่ต้องหรอกครับเธอมานั่งร้องห่มร้องไห้ขอโทษผมเกือบทุกคืน



                            สายลมอ่อนเย็นยะเยือกยามใกล้รุ่งปะทะแก้มผมเบาๆ พนักงานเก็บกวนถนนกำลังเร่งมือกวดขยะเศษฝุ่นบน

พื้นถนนแข่งกับเวลา รถขยะกรุงเทพมหานครกำลังเก็บขยะที่แยกอยู่ตามถังขึ้นรถ

“พี่เทียน ฮึก ฮือ “ผมวิ่งเข้าไปกอดพี่เทียนทันทีที่เขาลงจากรถ น้ำตาที่กลั้นไว้นานเริ่มไหลออกมาทันที

“เกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”ผมกอดเขาไว้แน่นซุกหน้าลง

หน้าอกอุ่นและปลอดภัยแล้วส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ เพราะยังไม่รู้ว่าจะเล่าจากตรงไหนก่อน

“ต่อไปพี่จะไม่ให้เราไปไหนโดยที่ไม่มีพี่ไปด้วยอีกแล้วนะ”

“นินก็จะไม่ไปไหนโดยที่ไม่มีพี่เทียนอีกแล้ว”กลัวเหลือเกิน ความรู้สึกตื่นกลัวยังหลงเหลืออยู่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไม่มีใครไป

ช่วยผมออกมา จะเกิดอะไรยังไงกับผมบ้าง และยังจะมีโอกาสกลับมาพบพี่เทียนอีกครั้งไหมก็ไม่รู้

“ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว กลับบ้านกันเถอะคนดี”พี่เทียนพยายามปลอบผม เขาพาผมขึ้นรถออกจากที่นั่น หนังตาของ

ผมเริ่มหนักขึ้นมาอีกแล้วไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาสลบที่ยังหลงเหลืออยู่ หรือว่าความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนี้ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อน

คลายแล้วหลับไปบนรถที่กำลังรีบวิ่งมุ่งหน้ากลับสู่บ้าน บ้าน บ้านที่มีทุกคนอยู่ มีทุกคนที่รักและรอผมกลับไปโชคดีที่ยังมีที่ที่ให้กลับไปอยู่


“นิน นิน ตื่นแล้ว”เสียงพี่เทียนกำลังเรียกผม ลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าเขาอยู่ไม่ห่างจากสายตาเท่าไหร่นัก ผมนึกว่าจะได้ใบหน้าอีก
แล้ว

“ไปอาบน้ำเถอะ แล้วค่อยมานอนต่อจะได้สบายตัวขึ้นหรือจะให้พี่อาบน้ำให้”ได้ไหมล่ะ ผมยอมฝืนสังขารความเหนื่อยล้าเข้าไป

อาบน้ำเปิดน้ำอุ่นลงในอ่าง แล้วลงไปแช่ไล่ความเหนื่อยล้า ความวิตกกังวล ความหวาดกลัวไหลออกไปตามกระแสน้ำอุ่น

แก๊ก ผมเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่สวมเสื้อผ้าที่พี่เทียนเตรียมไว้ให้

“นิน มาทานข้าวต้มรองท้องก่อนพี่ทำมาให้”พี่เทียนเรียกผมให้ไปทานข้าวต้ม ดีเหมือนกันรู้สึกว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย
ผมนั่งลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์

“ตอนที่พี่ติดต่อนินไม่ได้พี่ร้อนใจมากเลย กลัวว่านินจะเป็นอะไรไป ยังดีที่นินติดต่อมาไม่งั้นพี่ต้องบ้าตายแน่นอน”หลังจากที่หนี

ออกจากบ้านหลังนั้น ขึ้นรถผมขอยืมโทรพี่พัฒณ์เพื่อติดต่อพี่เทียน และโกหกเขาไปว่าโทรศัพท์หาย ตอนนั้นยังจำน้ำเสียงเป็น

ห่วงผ่านโทรศัพท์ได้พร้อมทั้งน้ำเสียงโล่งใจเมื่อรู้ว่าผมปลอดภัย

“นินขอโทษที่ทำให้พี่เทียนเป็นห่วง ต่อไปนินจะไม่ดื้อกับพี่เทียนอีกแล้ว นินรู้ว่าพี่เทียนไม่อยากให้ไปแต่ก็ยังดื้อไป นินขอโทษ

ครับ”ผมซบหน้าลงบนอกอุ่น

“ดีแล้ว คราวหน้าจะได้ไม่ดื้อกับพี่อีก”ก็ใครจะไปรู้ว่าแม้แต่เพื่อนก็ยังทำร้ายกันได้ลง

พี่เทียนใช้มือประคองหน้าผมไว้ในมือแล้วไว้แล้วโน้มใบหน้าหน้าลงมาใช้ริมฝีปากเขาประกบลงริมฝีปากของผมเบาๆ เหมือน

เป็นการปลอบโยนเขาใช้ปลายลิ้นเลียสัมผัสริมฝีปากและขบเม้นมันก่อนที่จะค่อยๆดูดดื่มอ่อนหวานขึ้น เขาสอดลิ้นดุนดันเข้าไป

ในปากของผม แล้วใช้ลิ้นของเขาหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆของผมสลับกับขบเม้มเลียริมฝีปากล่างบาๆ และสอดลิ้นเข้าไปในโพรง

ปากผมอีกครั้งเข้าไปสำรวจหาสิ่งที่เขาชอบตอนนี้รู้สึกสมองของผมโล่งขาวโพลนไปหมด จนพอใจในที่สุดเขาก็ปล่อยผมเป็น
อิสระ

“นี่เป็นการลงโทษเด็กดื้อ ไม่มีคราวหน้าอีก”ผมหอบหายถี่แล้วรีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีเมื่อเขาปล่อยผม ช่างเป็นการลงโทษที่รู้สึกดีอะไรอย่างนี้

“ทานข้าวต้มก่อนเถอะ แล้วจะได้พักผ่อน”ผมนั่งทานข้าวต้มเงียบๆ อายโดนพี่เทียนจู่โจมอีกแล้วนานๆเขาจะยอมจูบผมแบบ

จริงจังอย่างนี้ซักที รู้สึกมือไม้อ่อนไม่ค่อยมีแรงแต่มีความสุขทุกทีเลย ไม่นานข้าวต้มอุ่นๆในถ้วยก็หมดเพราะความหิว เป็นพี่เทียน

เก็บถ้วยลงไปเก็บให้ ตอนนี้ผมไม่รู้สึกง่วงเท่าไหร่เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จจึงเปิดโทรทัศน์ พี่เทียนกลับขึ้นมานั่งลงข้างๆผม

“เด็กดื้อทำไมไม่นอน เดี๋ยวไม่สบายนะ”ถึงจะเป็นแฟนแต่นานๆทีถึงจะมีโอกาสได้อยู่สองต่อสองในห้องอย่างนี้อยากอยู่ด้วยกัน
อย่างนี้นานๆ

“พักผ่อนนะคนดี เดี๋ยวพี่จะกอดเราไว้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วพี่จะอยู่ข้างๆเราเสมอ”พี่เทียนเดินไปที่เตียงหยิบหมอนและผ้าห่มมา

วางไว้บนที่โซฟา และทิ้งตัวลงนอนเขาดึงตัวผมลงไปนอนซุกอ้อมอกนั้นแล้วห่มผ้า อ้าผมเพิ่งรู้ข้อดีของโซฟาตัวใหญ่ก็วันนี้แห

ล่ะ เสียงโทรทัศน์ ที่เปิดทิ้งไว้ค่อยๆเบาเสียงลง เสียงหัวใจคนตัวโตดังเป็นจังหวะดังอยู่ข้างหูเป็นเสียงช่วยกล่อมเป็นอย่างดี พี่

เทียนใช้มือข้างหนึ่งกอดผมไว้อีกข้างลูบหลังผมเบาๆไม่นานผมก็เข้าสู่นิทราอีกครั้ง



                   ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งเพราะอยากเข้าห้องน้ำ อื้อนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วพี่เทียนของผมหายไปไหนแล้วผมหยิบรีโมทปิดโทรทัศน์ เลื่อนดูรายการต่างๆวันนี้วันอาทิตย์มีรายการอะไรน่าสนใจบ้างน้า

“เมื่อเวลา 23.00 นาฬิกาทางตำรวจได้บุกเข้าจับผู้ต้องหาค้ายาบ้ารายหนึ่งในงานปาตี้......”ผมจ้องมองหน้าจอสี่เหลี่ยม ที่ปรากฏ

ภาพข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหา ผู้สื่อสาวใบหน้าสวยบุคลิกดี ทางช่องหลายสีกำลังอ่านรายละเอียดของข่าว กวาด

สายตามองตามภาพข่าวที่อยู่บนหน้าจออย่างใจจดใจจ่อ ว่าจะมีชื่อหรือใบหน้าผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า มันเป็นเรื่องจริงสินะเขาถูก

จับแล้วภาพผู้ชายคนหนึ่งถูกเจ้าหน้าจับกุมใส่กุญแจมือ พี่พัฒณ์ทำได้แล้วต่อให้หนียังไงก็คงนี้ไม่พ้นจับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้

แล้ว รู้สึกว่าแผ่นดินไทยผืนนี้สูงขึ้นอีกหลายเมตรเลย

“นิน ตื่นแล้วหรอ กำลังดูอะไรอยู่ท่าทางดูจริงจังเชียว”พี่เทียนเดินเข้ามาในห้องเห็นผมกำลังดูข่าวที่จริงผมไม่อยากให้เขารู้แต่ไม่

ว่ายังไงเขาก็ต้องรู้ผมไม่อยากปิดเขาอีกแล้ว

“พี่ว่าสถานที่ในข่าวมันคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนเราว่าไหม”ไม่ต้องพูดแล้วทำสายตาอย่างนั้นก็ได้พี่เทียนน้องกลัวแล้ว

“เรื่องมันยาวอะ”

“วันนี้พี่ว่างมีเวลาฟังทั้งวัน”

“แต่ว่า..”

“เอาไว้เราพร้อมเมื่อไหร่แล้วค่อยเล่าก็ได้”

“งั้นนินเล่าย่อๆให้ฟังก่อนก็ได้”

“อืม ว่ามา”แล้วทำไมต้องทำหน้าดุอย่างนั้นด้วยครับพี่เทียนอย่าทำเหมือนกับว่าน้องเป็นผู้ต้องหากำลังสอบปากคำน้องอย่างนั้น

ดีนะไม่ใช้ไฟมาส่องหน้าด้วยไม่อย่างนั้นใช่เลย

“นินถูกเพื่อนผู้หญิงคนนั้นหลอกให้ไปที่งาน แฟนของผู้หญิงคนนั้นบอกว่าถ้าหลอกให้นินไปที่งานได้ เขาจะเอาคลิปวีดีโอที่เคย

ถ่ายไว้คืนให้เธอ แฟนของเธอเขาจะเอานินไปขายแต่มีคนที่นินรู้จักช่วยไว้เพราะเขาตามแฟนของผู้หญิงคนนั้นอยู่ก่อนแล้ว เค้า

จึงแจ้งความและร่วมมือกับตำรวจเข้าจับคนร้าย ปาตี้เมื่อคืนเป็นเพียงการบังหน้า ที่จริงแล้วแฟนผู้หญิงคนนั้นนัดส่งยาบ้ากันที่

นั่น”ผมค่อยเล่าๆออกมาให้ได้ใจความที่สุด สั้นที่สุด และคอยสังเกตท่าทางคนฟังไปด้วยว่ามีอารมณ์แบบไหน พี่เทียนฟังที่ผม

เล่าแต่เขาดูนิ่งและเงียบจนผมรู้สึกกลัว สู้ให้เขาโกรธตอนนี้ ดีกว่ารู้ทีหลังแล้วโกรธมากกว่านี้มันจะเป็นเรื่องใหญ่

“แล้วเราเป็นอะไรมากรึเปล่า”ผมส่ายหน้าพี่เทียนดึงผมเข้าไปกอด

“นินแค่โดนวางยาในเครื่องดื่มกับโดนโป๊ะยาสลบพอดีพี่ๆเขามาช่วยทัน”

“แล้วทีนี้พี่จะดุเราดีหรือไปขอบคุณคนที่มาช่วยเราดีฮึ”อย่างหลังอย่างเดียวได้ไหมครับอย่างหน้าน้องกลัว

“ถ้าเราเป็นอะไรไปแล้วพี่จะเป็นยังไงคนที่บ้านเราล่ะแล้วไหนจะคุณย่าอีกคนทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบก่อนเสมอนะ ทำไมถึง

ชอบทำให้พี่เป็นห่วงเสมอเลยนะเรานะต่อไปคงต้องล่ามโซ่ไว้มั้งนิ”

“อื้อ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ น้องสัญญาจะเด็กดีพี่เทียนอย่าโกรธเลยนะ นะ ดีกันนะ”ผมยกนิ้วก้อยขึ้นพยายามออดอ้อนขอคืนดี
กับพี่เทียน

“ยังไม่ดีต้องดูความประพฤติก่อน เดี๋ยววันนี้ออกซื้อโทรศัพท์ไม่รู้ว่าไปทำหายไปไหน”ดีนะที่ในนั้นไม่มีอะไรสำคัญไม่อย่างนั้น

เสียดายแย่เลย

“ได้ครับผม ฮื้อ หอมจังกลิ่นอาหารฝีมือพี่เทียนแน่เลย กลิ่นน่ากินอย่างนี้”

“เปลี่ยนเรื่องเก่งจริงๆนะเราเดี๋ยวเถอะเดี๋ยวปล่อยให้อดเลย ดีไหม”ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้โกรธนานไปกว่านี้

“อะ ไม่ดี โอ๊ยเจ็บนะ มาหยิกแก้มเขาทำไม”ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ที่จริงก็ไม่ได้เจ็บหรอกก็แค่อยากอ้อนเฉยๆ

“โอ๋ ไหนไหนให้พี่ดูซิ ฟอด ข้างไหน ฟอด ฮ่า ฮ่า”

“พี่เทียนแกล้งน้องอีกแล้ว ไม่คุยด้วยแล้ว”

“ไม่แกล้งแล้วไม่แกล้งแล้วทานข้าวดีกว่า”ดีมากครับทานข้าวเถอะ

ในที่สุดเรื่องร้ายก็ผ่านไปอีกเรื่อง แต่ตอนนี้ยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ห้าว รู้สึกง่วงจังเลยกินอิ่มแล้วหนังก็ก็

หย่อนทันที วันหยุดพักผ่อนไม่ต้องออกไปไหนอยู่กับคนพิเศษทั้งทีแค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว




****************************************************************

จบไปแล้ว ก่อนถึงบทสุดท้าย มาช้าไปหน่อยพอดีแม่ไม่สบายเข้าผ่าตัดมะเร็งเลยต้องไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล 10 กว่าวัน

 กลับออกมาเลยมารีบปั่นให้ทุกคนได้อ่าน

***ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกการรอคอย

ตอนหน้าก็จะจบแล้วอย่าลืมติดตามกันน้า

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอให้คุณแม่หายไวๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เกือบไปแล้วน้องนิน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอให้คุณแม่แข็งแรงขึ้นนะ :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เขียนดีม้ากกกกกกกกก

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
อยากอ่านฉาก..เค้าจักกะดึ๋ย กิ๊วๆกันสักฉาก5555 // จะจบแล้วคิดถึงแย่เลย // ขอให้คุณแม่หายไวๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน
[/size]

บทสุดท้าย
[/size]


                  สายตาของคนทั้งหกกำลังจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่วางตา ทั้งสงสัยแปลกใจระคนกันไป โซฟาชุดใหญ่สีเข้ม

สำหรับต้อนรับแขกล้อมผมอยู่ตอนนี้ ผมกำลังนั่งอยู่บนพื้นในห้องรับแขกที่บ้านพี่เทียน โดยมีผู้ใหญ่ทุกคนนั่งบนโซฟา กว่าที่ผม

จะกล้ามานั่งอยู่ตรงนี้พร้อมเผชิญหน้ากับทุกคน ผมต้องรวบรวมความกล้ารวบรวมสมาธิและเรียบเรียงความคิด ว่าผมจะต้องเริ่ม

ต้นเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างไร ผมเลือกตัดสินใจที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทุกคนเกี่ยวข้องกับผมฟัง ผมไม่อยากที่โกหกไม่อยากเก็บมัน

ไว้คนเดียวอีกต่อไป อยากให้ทุกคนรู้ว่าที่แท้จริงแล้วคนที่อยู่ต่อหน้าของทุกคนนี้เป็นใครมาจากไหน ถึงแม้ว่าร่างกายนี้จะเป็น

ของนิน แต่ดวงวิญญาณลมหายใจที่เข้าออกหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ในอกข้างซ้ายนี้เป็นของนนท์มาโดยตลอด มันเป็นความ

จริงที่ไม่มีวันไม่มีทางที่ปฏิเสธได้ วันนี้วันที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าวันอาทิตย์ยามเย็น แต่อากาศไม่เย็นลงเลยอากาศคงยังร้อนระอุ

บนฝ่ามือของผมมีเหงื่อซึมออกมา บรรยากาศโดยรอบรู้สึกกดดันเกิน ผมกังวลผลที่จะตามเหลือเกิน

“มันอาจจะดูเหมือนโกหกหรือทุกคนอาจจะคิดว่าผมบ้าไปแล้ว แต่อยากให้ทุกคนช่วยฟังเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ให้จบก่อนนะ

ครับ แล้วค่อยคิดว่าผมบ้าไปแล้วมันเป็นเหลือเชื่อถ้าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดกับผมเองผมก็ไม่วันเชื่อเด็ดขาด”ผมมองไปบนโซฟาจ้อง

มองไปที่ผู้ให้กำเนิดผมทั้งสองท่าทางคงกำลังแปลกใจเหมือนกันว่าผมต้องการจะพูดอะไรกันแน่

“ผมคือ นนท์ทนิตย์  กิจการเลิศล้ำพัฒนไพบูลย์ ไม่ใช่ นิน นินทนัฐ สีขาว”สายตาหลายคู่ที่มองมาที่ผมเบิกตากกว้างด้วยตกใจ

สงสัยล้วนแตกต่างกันไป

“นิน นี่เราพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม”คุณแม่ยืนขึ้นทันทีคงตกใจในสิ่งที่ผมพูดออกไปผมพยายามข่มกลั้นทุกความกลัวที่มีให้
เหมือนปกติที่สุด

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลกที่จะเอามาพูดเล่นได้นะ”เธอพยายามพูดย้ำออกมาว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้

“ผมอยากให้ทุกคนฟังก่อน ช่วยฟังเรื่องที่ผมจะต่อไปนี้ก่อน นะครับ”ผมอ้อนวอนด้วยสายและคำพูดให้เธอนั่งลงฟังเรื่องที่ผมจะ

เล่าต่อไป ขอร้องเถอะครับขอให้ผมเล่ามันให้จบด้วยเถอะ

“คุณใจเย็นๆก่อนลองดูก่อนว่า นินเขาต้องการจะบอกอะไรกับเรากันแน่”คุณพ่อยืนขึ้นพยุงคุณนั่งลงบนโซฟาฟังผมเล่าต่อ

“เรา พูดต่อเถอะ”พ่ออนุญาตให้ผมพูดต่อ

ผมเล่าย้อนเหตุการณ์ที่ผมทะเลาะมีปากเสียงกับพ่อแม่ก่อน วันที่ผมจะออกจากบ้านไปวันนั้นเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น

เมื่อวาน เมื่อผมลูกที่รักที่ถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความเอาใจของผู้ให้กำเนิด ต้องการที่ย้ายออกไปอยู่กับคนที่รักในบ้านหลังใหม่

ที่ผมเป็นคนจ่ายเงินค่าบ้านแต่ชื่อเป็นของคนรัก ผมแค่ต้องการบอกให้ที่บ้านรับรู้การไปครั้งนี้ของผมเท่านั้น แต่เหตุการณ์มันไม่

จบลงแค่นั้นเมื่อผู้เป็นพ่อของผมไปรู้มาว่าผู้ชายที่ผมรักนั้นเป็นคนไม่ดี ไม่รู้ว่าอะไรบังตาทำให้การตักเตือนด้วยความหวังดีของผู้

เป็นพ่อคิดว่าเป็นสิ่งผิด คิดว่าคนเป็นพ่อห้ามขัดขวางไม่เห็นด้วยกับความรักของตัวเอง เสียงห้ามแกมขอร้องของผู้เป็นแม่ร้องไห้

ปานจะขาดใจก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจคนเลวอย่างผมได้ แถมร้ายที่สุดผมทิ้งถ้อยคำที่ทำร้ายจิตใจผู้เป็นบิดามารดาอย่างให้อภัยไม่

ได้อีก ถ้าย้อนเวลาไปได้ผมเคยบอกตัวเองเสมอว่าจะไม่ทำอย่างนั้นและจะไม่มีวันพูดคำนั้น คำว่าผมเกลียดพ่อกับแม่ออกมาเป็น

ครั้งที่สองเด็ดขาด

“นนท์อยากบอกพ่อกับแม่ว่านนท์ขอโทษที่พูดออกไปวันนั้น ที่นนท์บอกว่าเกลียดพ่อกับแม่ นนท์ขอโทษนนท์ไม่ได้ตั้งใจ ที่จริง

นนท์ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น นนท์รักพ่อกับแม่มาก มาก ฮึก ฮึก”ผมก็มลงกราบเท้าทั้งสองนี่คือสิ่งที่ต้องการทำคือกราบขอโทษในสิ่ง

ที่ผมลงไปไม่ว่าวันนั้นผมจะตั้งใจหรือไม่แต่เมื่อลงไปแล้วก็คือผิดไปแล้วจะให้อภัยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับบุพการีทั้งสองท่าน

“หมายความว่ายังไง นินรู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ยังไง”ใบหน้าของแม่ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัดกำลังสงสัยว่าผมรู้เรื่องนี้ได้ยังไง

“พอก่อน ฟังที่นินเล่าก่อนคุณ”คุณพ่อห้ามคุณแม่ไว้ คุณพ่อกอดคุณแม่ไว้ สายตาทุกคนฉายแววความไม่อยากเชื่อออกมาอย่าง
ชัดเจน

“ผมได้รับเวรกรรมตามทันแล้วอย่างสาสมในสิ่งที่ทำลงไปกับพ่อแม่”

               ความรักของผมไม่สวยงามอย่างที่คิดไว้ สิ่งที่ผมวาดไว้มันเป็นได้เพียงความฝัน เมื่อคนรักของผมเริ่มเปลี่ยนไป เขามี

คนอื่นเขาไม่ได้มีผมเพียงคนเดียว ไม่เหมือนผมที่ยอมทิ้งครอบครัวเพื่อมาอยู่กับเขา เขาไม่ได้รักผมคนเดียวเหมือนที่ผมรัก คน

รอบข้างเริ่มพูดเริ่มบอกว่าเห็นเขาไปไหนมาไหนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ผมโง่ผมเลือกที่จะเชื่อใจเขา เชื่อในสิ่งที่เขาพูด เชื่อใน

คำพูดหลอกลวงที่เขาบอกว่าเขารักผมคนเดียวเท่านั้น ผมเชื่อจนไม่ลืมหูลืมตาว่าวันๆหนึ่งเขาทำอะไรอยู่กับใครอยู่ข้างนอก จน

มาถึงวันที่ผมเห็นกับตาทั้งสองข้าง ผมเริ่มที่ถอยออกห่างออกมามองดูทุกอย่างเผื่อว่าจะเห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้น และผมก็ได้รู้

ว่าผมเหนื่อยแล้วที่จะหลอกตัวเองต่อไป เหนื่อยที่จะประคับประคองแก้วที่มันแตกไปแล้ว ยิ่งพยามยามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถ

ทำให้แก้วใบนั้นกลับมาดีเหมือนเดิมได้เพราะยังไงก็ยังมองเห็นรอยร้าวของมันอยู่ดี ผมจึงตัดสินใจสินใจที่จะจบกับผู้ชายคนนั้น

ซักที แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผมกลับมาจากที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเดินเข้าบ้านของตัวเอง เมื่อผู้ชายแปลก

หน้าสามคนเข้ามาบ้านของผม พวกมันไม่ได้ต้องการแค่เพียงสิ่งของมีค่าเท่านั้น พวกมันถูกจ้างวานให้มาข่มขืนแล้วฆ่า พวกมัน

ลากผมขึ้นบนชั้นสองของบ้าน เข้าไปในห้อง ผมทั้งพยายามดิ้นรนร้องขอชีวิตให้พวกมันให้ปล่อย แต่พวกมันไม่สนใจคำร้องขอ

ของผม พวกมันชกเข้าที่ท้องของผมพวกมันดึงฉีกกระชากเสื้อผ้าของผมออกจากร่างกายแล้วข่มขืนผมทีละคนทีละคนจนพวก

พวกมันพึงพอใจ และใช้หมอนกดลงที่ใบหน้าของผมจนผมหมดลมหายใจไปในที่สุด

“นิน นินกำลังเล่นตลกอะไรหนูกำลังพูดเรื่องอะไร”แม่ยังตกใจที่ได้ยินเรื่องที่ผมเล่าไป

ผมไล่สายตามองไปรอบดูสีหน้าท่าทางทุกคนที่อยู่ที่นั่นรวมถึงพี่เทียนเขาจะรู้สึกรังเกียจผมหรือไม่ที่เคยถูกข่มขืนมาก่อน ผมรู้ว่า

มันโหดร้ายแต่ผมต้องเล่าความจริงที่ทุกคนต้องได้รับรู้

“ในข่าวที่ออกมาไม่ได้บอกว่าผมถูกข่มขืนเพราะทุกคนต้องการปิดข่าวทำให้เป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์เท่านั้นใช่ไหมครับ”แม่กับพ่อ

เบือนหน้าหนีไปอื่นไม่ยอมตอบคำถามของผม น้ำตาของแม่ไหลออกมาแล้ว

“แต่เรื่องของเรื่องมันไม่ได้จบลงแค่นี้เมื่อผมได้รับโอกาสอีกครั้ง”

             หลังจากที่ผมสิ้นสุดลมหายใจลงวิญญาณผมออกจากร่าง ให้เห็นได้รับรู้ความจริงที่ว่าใครที่เป็นคนจ้างวานให้มา

ทำร้ายผมในครั้งนี้ เขาก็คือคนที่เคยบอกว่ารักผมแต่นั่นไม่เสียใจเท่าที่ผมรู้ความจริงว่าเขาไม่เคยรักผมเลยแม้แต่นิด

นั่นหมายความว่าพ่อกับแม่ของผมพูดถูกมาโดยตลอด ความเสียใจที่รับรู้ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นน้ำตาได้อีกแล้ว และอีก

ครั้งผมได้รู้ว่าผู้ให้กำเนิดทั้งสองยังคงรอคอยผมกลับมาเยี่ยมพวกเขาทุกวันแต่ผมกลับไม่เคยคิดที่จะกลับมาหาพวกท่านเลย

แม้แต่นิด ภาพที่ผู้เป็นบิดานั่งอยู่ห้องนั่งเล่นทอดสายมองออกไปข้างนอกรอคอยผู้ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจกลับคืนมาสู่อ้อมกอด

ของตัวเองอีกครั้ง พ่อยังนั่งโทษตัวเองเสมอว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจออกบ้าน พ่อคิดว่าผมโกรธท่านมากจนไม่อยาก

กลับมาที่บ้านอีกแล้ว แต่ผมอยากบอกว่าผมอยากกลับอยากกลับไปกอดท่านอีกครั้ง แต่ผมไม่มีโอกาสแล้วไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อ

ไป ผมอยากก้มกราบที่เท้าของท่านทั้งสอง แล้วบอกว่าผมขอโทษในทุกสิ่งที่ผมทำลงไป และดูเหมือนคนบนฟ้าจะเห็นใจผมจึง

ได้มอบโอกาสให้ผมอีกครั้ง วิญญาณของผมไปปรากฏในห้องผ่าตัดในห้องนั้นมีร่างเด็กวัยรุ่นหนึ่งนอนอยู่บนเตียง อีกเตียงมีร่าง

ไร้วิญญาณของผมนานอยู่หัวใจของผมถูกนำมาเปลี่ยนให้เด็ก ที่นอนอยู่บนเตียงนั้นผมได้พบกับวิญญาณเด็กคนนั้นเค้าบอกกับ

ผมว่าเขาหมดอายุไขแล้ว และวิญญาณน้องหายวับไปส่วนผมรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในร่างนี้แล้ว

“ร่างกายนี้เป็นของน้องนินจริง แต่ดวงวิญญาณและหัวใจที่เต้นอยู่ในอกซ้ายนี้เป็นของนนท์ นนท์ทนิตย์  กิจการเลิศล้ำพัฒน

ไพบูลย์ นี่คือเรื่องทั้งหมดที่ผมอยากเล่าให้ทุกคนฟังส่วนทุกคนจะเชื่อในสิ่งที่เล่ามาแล้วนั้นหรือไม่นั้น.....ผมไม่ต้องการอะไรแต่

ผมไม่รู้ว่าผมควรทำยังไงต่อไป และผมไม่อยากหลอกทุกคน ผมควรจะใช้ชีวิตที่ได้มาเป็นใครกันแน่ที่สำคัญผมไม่หลักฐานที่จะ

พิสูจน์ว่าผมเป็นนนท์จริงไหม แต่ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนนท์ผมสามารถตอบได้หากพ่อกับแม่ยังสงสัยในตัวผม”หลังพูดจบ

แล้วผมเงยหน้ามองทุกคน รอคอยคำพูดของทุกคน แต่ให้ตายเถอะทำไมทุกคนเงียบเงียบจนผมกลัวใครก็ได้ช่วยพูดอะไรกับผม

บ้างได้ไหม

“เรื่องบางเรื่องมันอาจจะทำใจเชื่อได้ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะสามารถเกิดขึ้นได้ ในเมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้วเราก็จงใช้ชีวิตที่ได้มา

ทำในสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องไม่ว่าในฐานะใดเป็นใครแต่เลือกทำในสิ่งที่ดีทำในสิ่งที่ควรจะเป็นใครมันก็ได้ทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงคำที่

ใช้เรียกแทนตัวเราเท่านั้นแต่ตัวตนที่อยู่ข้างในเราตั้งหากที่จะตัดสินว่าเราเป็นใคร”คุณย่าจะบอกผมว่าผมจะเป็นใครไม่สำคัญสิ่งที่

สำคัญคือการกระทำของผมใช่ไหมครับ

“เรื่องที่ได้ฟังมาเป็นเรื่องที่ฟังแล้วไม่น่าเชื่อ......การที่พวกเรากลับมาเจอกันอีกครั้งไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือพรมลิขิต แต่พ่อกับแม่ก็

ยินดีที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ช่วยพิสูจน์ความจริงเอง”ขอบคุณครับคุณพ่อที่ให้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง

“จะไม่เชื่อแต่เราก็รู้เรื่องของนนท์ จะเชื่อแต่ก็ยังทำใจไม่ได้ทั้งหมด แม่มองนินทุกครั้งแต่ต้องเห็นใบหน้าของนนท์ซ้อนทับขึ้นมา

ทุกที แต่เราอาจจะไม่รู้ตัว คำพูดบางคำ กิริยาท่าทางบางทีที่เราแสดงออกมามันคือนนท์”ตัวของผมก็คือตัวผมเองจะเปลี่ยนรูร่าง

หน้าตาแต่ตัวตนที่จริงของผมที่อยู่ข้างในนี้ยังชัดเจนเสมอ

“ขอบคุณนะลูกที่ยอมกลับมาหาพ่อกับแม่อีกครั้ง พ่อเชื่อเสมอว่านนท์จะต้องกลับมาหาพ่อกับแม่”พ่อแม่ผมเราทั้งสามคนโผเข้า

กอดกันอีกครั้ง แต่ความรู้สึกครั้งนี้มันหมดสิ้นแล้ว ผมไม่มีอะไรที่ค้างคาใจมันรู้สึกอิ่มเอม ไม่มีอะไรที่ปกปิดอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้อง

คอยหลอกตัวเองหลอกคนอื่นว่าผมเป็นใครอีกต่อไปเพราะต่อไปนี้ผมจะเป็นตัวของผมเอง

“อ้าว หยุดก่อนหยุดก่อนหลานย่าเขามีอะไรจะพูดกับเรานะ”ผมออกจากอ้อมกอดของพ่อแม่ใช้มือปาดน้ำตาของตัวเองหันหน้าไป

เผชิญกับพี่เทียน

“พี่เทียนยังรักผมเหมือนเดิมไหม”

“แล้วทำไมต้องไม่เหมือนเดิม พี่รักเราเพราะเราเป็นเรา ไม่ได้รักเพราะหน้าตานี้รูปร่างนี้สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแค่องค์ประกอบ

ภายนอกไม่นานก็เปลี่ยนแปลงร่วงโรยไปตามธรรมชาติ”

“แต่ผมเคย..”

“เรื่องที่ผ่านมันคืออดีตอีกอย่างมันผ่านไปแล้วไม่มีใครที่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรอกใช่ไหม”น้ำตาผมไหลออกมาอีกครั้งผม

กอดผู้ชายตัวโตที่อยู่ต่อหน้าทันที ผมรักถูกคนแล้วใช่ไหมคนคนนี้คือคนของผมใช่ไหม เขาคือคนที่จะอยู่กับผมไปตลอดชีวิต

คือคนที่ผมจะฝากชีวิตใหม่ครั้งนี้ไว้กับเขาได้ใช่ไหม

“พ่อแม่ก็ไม่รังเกียจหนูนะเรื่องทุกอย่างเป็นอดีตไปแล้ว เรามาทำทุกวันต่อจากนี้ให้ดีกว่าเดิมให้ทุกวันเป็นวันที่น่าจดจำดีกว่า จะ

ได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง”ผมถอยออกจากอ้อมกอดของพี่เทียน ไหว้ขอบคุณพ่อแม่ของพี่เทียนที่เข้ามากอดผม ผมตัดสิน

ใจถูกใช่ไหมที่เลือกพูดความจริงแทนที่จะปิดบังมัน ต่อไปผมมองท้องฟ้าแล้วเห็นเป็นสีฟ้าไม่ใช่สีหม่นอีกต่อไปแล้ว

“ทุกคนทานข้าวได้แล้วค่ะ วันนี้ฉันอุตส่าเข้าครัวแสดงฝีมือ ทานเยอะนะหนูนินดูสิคิดมากจนผอมหมดแล้ว ตาเทียนดูแลน้อง

หน่อยนะ”เสียงแม่ของพี่เทียนเรียกไปทานข้าวหลังจากที่นั่งฟังเรื่องของผมมาหลายชั่วโมง

นินตอนนี้พี่ทำได้แล้วนะในที่สุดพี่ตามหาครอบครัวของพี่เจอแล้ว เจอที่ของพี่แล้วขอบคุณนะสำหรับโอกาสที่นินมอบให้พี่ พี่จะ

รักษามันให้ดี

                 พวกเราเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารที่ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ความสุขมันอยู่รอบๆตัวเราจริงๆขึ้นอยู่กับใจของเรา

และสายตาที่มอง เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะสลับกับเสียงช้อนส้อมกระทบจานข้าว ผมหันหน้าไปมองคนที่นั่งข้าง เราทั้งคู่มองหน้า

กันแล้วยิ้มคงเป็นแรกที่ผมยิ้มออกมาจากก้นบึ้งหัวใจจริงๆไร้ความกังวลใดใด เราทั้งสองคนคงมีเรื่องอีกเยอะที่ต้องคุยกัน แต่

ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าในวันข้างหน้าผมเจออเรื่องที่หนักหนาขนาดไหนทุกคนในที่นี่จะคอยเป็นกำลังใจ และประคับประคองผม

ให้อยู่เสมอ



“รู้สึกว่ากับข้าวมื้อนี้อร่อยที่สุดมื้อหนึ่งที่เคยทานมาเลยนะ นินรู้สึกอย่างนั้นไหม”ผมหันหน้าไปมองผู้ชายตัวโตที่เดินมาหยุดยืน

ข้างๆผม ผมกำลังแหงนหน้ามองพระจันทร์ที่ส่องแสงสีเหลืองที่สว่างและอบอุ่นไปทั่วท้องฟ้าตอนกลางคืน

“ครับ ว่าแต่พี่เทียนยังโกรธรึเปล่าที่นินไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังมาก่อน”พี่เทียนเปลี่ยนมายืนสวมกอดผมจากด้านหลังผมใช้ศีรษะ

พิงที่อกอุ่นของเขา

“โกรธหรอ ไม่หรอกถ้านินเล่าเรื่องนี้ให้ฟังพี่ก็อาจจะคิดว่าเราโกหกก็ได้ แต่ก็เก่งนะที่สามารถทนเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจคนเดียว คง

แอบนอนร้องไห้บ่อยๆสิเรา”

“ฮึ ฮึ ช่วงแรกที่ลืมตาขึ้นมาก็ทุกวัน คิดถึงพ่อคิดถึงแม่ ในตอนนั้นมันทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง คิดมากไหมก็จนเกือบเป็นบ้าเลย

แหล่ะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากตั้งตัว ตั้งสติ แทบไม่ทันไม่รู้ว่า จะหันหน้า จะเดินหรือจะทำอะไรก่อนดี ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มี

ใครช่วยแก้ปัญหาหรือปรึกษา เหมือนกำลังเดินอยู่บนถนนทางเปลี่ยวที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีรถ

ผ่านมา มองไปรอบๆก็ไม่รู้ทิศทาง จนในที่สุดทุกคนเริ่มเดินเข้ามาทีละคน ทีละคนเข้ามาช่วยเติมสิ่งที่เคยหายไป ให้ค่อยๆกลับ

มาจนวันนี้ นินรู้สึกว่าไม่อยากที่จะหลอกตัวเองหลอกทุกคนอีกต่อไป”

“ต่อไปไม่มีความรู้สึกแบบนั้นแล้วพี่และทุกคนจะช่วยแบกรับความรูสึกนั้นของเราเอง ถึงแม้จะช่วยแบกรับคนละเล็กคนละน้อยแต่

ก็ช่วยผ่อนน้ำหนัก ที่อยู่บ่านี้ให้เบาลงได้บ้าง อีกอย่างมีเรื่องที่เราไม่สบายเรายังมีพี่คนนี้อยู่เสมอนะ”พี่เทียนกระชับอ้อมกอดให้

แน่นคงเป็นคำมั่นสัญญาว่าเขาพร้อมที่จะเดินเคียงข้างผมไปตลอด

“ขอบคุณครับ”ที่เข้าใจผมและรักผมจากหัวใจดวงนี้จริงๆ

สายลมเย็นพัดเอื่อยโอบกอดเราทั้งสองคนไว้ภายใต้แสงจันทร์ผมปล่อยอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองแย่ๆให้ล่องลอยออกไป

อย่างอิสระตอนนี้มีเพียงสองเราเราสองคนอยู่ที่นี่เท่านั้นไม่อยากคิดเรื่องอื่น




 “ช๊อป”ผมโบกมือเรียกเพื่อน เวลาเลยเที่ยงมาไม่กี่นาทีอย่างนี้ยังไม่ค่อยมีนักศึกษาบริเวณอาคารเรียนเท่าไหร่เพราะตอนนี้ไป

รวมตัวตัวกันที่โรงอาหาร วันนี้พวกผมต้องแยกเรียนวิชาโท ผมเลือกเรียนภาษาจีน ผมมีพื้นฐานภาษานี้ตั้งแต่เด็ก ผมพออ่านออก

เขียนได้สนทนาตอบโต้พอรู้เรื่องแต่ไม่เก่งมาก ภาษาจีนน่าจะเป็นอีกทางเลือกของผม

“นิน มานานยัง”ช๊อปเดินมานั่งกับผมที่ม้าหินอ่อนและวางหนังสือเรียนวิชาการจัดการสารสนเทศเล่มหนาลง

“ไม่ นินเพิ่งมาเหมือนกัน”

“เรานึกว่ามาช้าแล้วนะเนี่ย แล้วนั่นนินกำลังดูอะไรอยู่ในมือ”

“อ้อ เราว่าจะเรื่องขอจบเร็วขึ้นนะแต่ไม่รู้ว่าจะได้รึเปล่าต้องลองดูก่อน”

“ทำไม นินจะรีบจบไปไหนนินจะทิ้งช๊อปหรอ”

“ไม่ใช่ยิ่งเรียนนานจะมีผลกับเรื่องค่าเทอมและค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกเราเลยอยากรีบจบแล้วไปหางานทำดีกว่า”ไม่อยากใช้เวลาในรั้ว

มหาวิทยาลัยนานเกินไปเพราะผมเคยผ่านช่วงชีวิตนี้มาแล้ว

“เพื่อนๆทำอะไรกันจ๊ะ”

“คุยอะไรกันทำไมช๊อปทำหน้าตาเครียดๆจัง”

“นิน จะเรื่องขอจบก่อนอะดิ”

“จริงหรอนิน ข้าวก็สนใจเหมือนกันเราก็อยากไปทำในสิ่งที่เราต้องการเหมือนกัน”

“ข้าวจะไปไหนอีกคน”

“ข้าวจะไปเรียนต่อเมืองนอกหรือไปตามหัวใจก็ไม่รู้”

“ไม่พูดก็ไม่ใครว่าเป็นใบ้นะแต้ม”

“เอ๊ะ หรือนินจะรีบจบไปแต่งงานนะ”

“บ้า เราเอ่อทุกคนรังเกียจเราไหมที่เราชอบผู้ชาย”

“นิน สำหรับคนอื่นไม่รู้นะแต่แต้มนะเปิดกว้างอยู่แล้วเรื่องแบบนี้”

“ส่วนข้าวไม่มีปัญหาเราดีใจซะอีกที่นินยอมรับกับเพื่อนไม่ปิดบัง แฟนของนินหล่อมากด้วยเหมาะกับนินด้วยดูพี่เขาดูเหมือนจะรัก

นินมากด้วยใช่ไหม”

“อืม เรากลัวทุกคนจะรังเกียจไม่กล้าพูดออกมา แต่ได้ยินอย่างนี้เราก็ดีใจ”

“ช๊อป ไม่รังเกียจอยู่แล้วเพราะช๊อปก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน”

“เอ่อ ใช่เราเห็นช๊อปไปกับรุ่นพี่คณะอะไรน้า เห็นไปแบบถ่ายรูปบ่อยๆ แบบนี้คงไม่เหงาหรอกถ้าเรากับนินจะจบก่อน”

“อ้าว แล้วแต้มล่ะทำไง”

“บ้า เราจะช่วยไปเป็นแบบเฉยไม่มีอะไรมากกว่านั้น เขาเป็นรุ่นพี่ที่ไปฝึกงานที่บริษัทที่นินไปทำงานพิเศษคิดไปเอง”

“หรอ!!!”ผมแต้มต่อข้าวขาวพูดพร้อมกัน

“แต้มก็หาแฟนดีสักคนหรือจะทำเรื่องจบพร้อมข้าวก็ได้นะแล้วเราบินเรียนต่อด้วยกัน ว่าไงสนใจไหม”

“น่าสนใจนะเผื่อจะได้หนุ่มตาน้ำข้าวติดไม้ติดมือมาสักคน งั้นเราไปที่สำนักทะเบียนไปสอบถามรายละเอียดกันเถอะอยากมีแฟน
แล้ว”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะรีบไปไหนไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะเราหิวจะตายอยู่แล้ว”ช๊อปหัวเราะลั่นถูกใจกับคำพูดของแต้มต่อแถมประท้วง
อาการหิวข้าว

“นินไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเจอกันที่โรงอาหารเลยนะ”

 ผมเดินแยกกับเพื่อนที่หน้าอาหารเรียนขึ้นไปเข้าห้องน้ำชั้นบนถ้าเข้าบนอาคารเรียนห้องน้ำน่าจะว่างและไม่ค่อยสกปรกเหมือนที่
โรงอาหารกว่าแม่บ้านจะเข้าไปทำก็รอจะกว่าคนจะซา

“อุ๊ย ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรไหมครับ”ผมไม่ทันระวังชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องน้ำ

“นิน”

“ฐิตา ฐิตา”เธอวิ่งหนีผมทำให้ผมต้องวิ่งตามเธอ ตั้งแต่ที่ผมได้เจอเธอในงานวันเกิดที่จัดฉากขึ้นครั้งนั้นผมก็ไม่ได้มีโอกาสเจอกับเธออีกเลยและได้ยินข่าวไม่ดีเกี่ยวกับตัวเธอเยอะมาก

“แกจะตามฉันมาทำไม มาสมเพทฉันหรือไง เป็นไงสมใจแกไหม ฉันไม่รู้ว่าฉันด้อยกว่าแกตรงไหนทุกคนถึงรักและชอบแก แต่

กับฉันทำไมไม่มีใครสนใจ ฉันทั้งสวย ฐานะทางบ้านก็ดี การเรียนดี กลับแพ้ให้เด็กพร้าผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงการเรียนก็

ธรรมดาแต่ก็เป็นอันหนึ่งของภาควิชาตลอดสินะอันนี้ฉันก็ลืมคิดไป ตอบทีซิว่าฉันด้อยกว่าแกตรงไหน”ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอต้อง

พยายามที่ชนะหรือยืนอยู่เหนือผมทุกอย่าง ใบหน้าที่เคยสวยดูอิดโรย ขอบตาคล้ำเธอคงเจออะไรมาเยอะ

“อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยคิดที่จะแข่งกับใคร ผมไม่คิดจะเอาชนะหรือพยายามอยู่เหนือคนอื่น ผมพอใจในสิ่งที่ผมเป็น....”ถ้าฐิตายังหลงผิดอยู่อย่างนี้เธอจะเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น

“ทั้งทั้งที่ทั้งชีวิตของฉันคิดอยู่ตลอดเวลาที่ชนะคนอื่นยังไง อยู่เหนือยังไง พยายามแข่งขันกับคนอื่นให้ตัวฉันเองโดเด่นแต่แกกับ

บอกว่าแกพอใจในสิ่งแกมีไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้นแต่กลับได้มันมา คนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างฉันสิต้องเป็นคนพูดคำนั้น ไม่ใช่แก

คนที่ไม่มีอะไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เธอหัวเราะประชด

“ฐิตา เป็นอะไรหน้าซีดๆจะกลับไหมเดี๋ยวผมไปส่งหรือจะให้ผมเรียนแท็กซี่ให้”

“คนอย่างแกนี่มัน ทั้งที่ฉันร้ายกับแกมาตลอดแม้กระทั่งจะทำลายชีวิตแกแต่แกยัง”

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมอยากให้ฐิตาลืมมัน ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นสิ่งที่ผ่านไปแล้วมันคืออดีตทิ้งมันข้างหลัง แล้วเดินต่อไปข้าง

หน้าชีวิตอนาคตของเรายังอีกยาวไกลอย่าจมอยู่กับอดีตแต่จงอยู่กับปัจจุบันและเดินต่อไปเพื่ออนาคต”

“ฉันไม่ขอบใจแกหรอกนะที่คนอย่างแกมาพูดให้กำลังใจ”

“แต่ผมยังอยากเห็นฐิตาคนเดิมที่แต่งตัวสวยๆสวมเสื้อหรูใช้ของราคาแพงคนนั้นอยู่นะครับ”

“หึได้ถ้าแกอยากเห็นรับรองว่าคราวหน้าฉันจะสวยจนแกต้องจำไม่ได้แน่นอนที่สำคัญคะแนนเทอมนี้ฉันต้องชนะแกให้ได้คอย

ดูเถอะ แต่ตอนนี้ฉันต้องไปแล้วฉันไม่มีว่างจะเสวนาคนอย่างแกหรอกนะ”ผมดีใจที่คำพูดของช่วยให้เธอรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

ไม่ว่ามากหรือน้อยขอให้ช่วยเธอมีแรงยัดยืนขึ้นเดินหน้าต่อไปพร้อมสู้ปัญหาต่างๆที่รายรอบตัวเธออยู่ เธอน่าเข้มแข็งกว่าที่ตา

เห็นไม่อย่างนั้นคนอื่นคงเลือกที่ลาออกจากที่นี่ไปแล้ว


                                                                          มีต่อข้างล่าง




ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

                                                                           ต่อจากข้างบน


                        วันหยุดวนมาถึงอีกผมนั่งอยู่บนโซฟามองภาพข่าวในหนังสือพิมพ์เป็นการตัดสินโทษของกัณฑ์ในที่สุดคดี

ของกัณฑ์ก็ถึงที่สุด เขาพัวผันหลายคดีแต่ต้องรับโทษที่หนักสุดคือประหารชีวิต นั่นเป็นคดีของผมเองโจรพวกนั้นยอมสารภาพ

และซักทอดไปจนถึงตัวการใหญ่อย่างเขา แต่กัณฑ์ไม่ได้ซักทอดต่อว่าน้ำรินเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เขาคงคิดว่าน้ำรินตายแล้ว

พี่พัฒณ์ยอมให้คดีของน้ำรินเป็นเพียงอุบัติเหตุตามที่ผมแนะนำ เพื่อจะกันเธอออกจากคดีและชื่อเสียง

ที่เสียหายเพียงแค่นี้พ่อแม่ก็ทุกข์ใจจะตายอยู่แล้ว หากรู้เรื่องที่เธอทำลงไปอาจจะเสียใจมากกว่านี้

ผมยังจำวันที่ผมเข้าไปเยี่ยมน้ำรินได้พี่พัฒณ์พาผมเดินเข้าไปในผู้ป่วย ร่างผู้หญิงคนหนึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงใบหน้าของเธอ

ตอบลงน้ำรินคงกำลังต่อสู้กับความรู้สึกผิดบาปของเธออยู่

“พี่พัฒณ์รู้ไหมว่าเพื่อนผมถูกกัณฑ์และน้ำรินจ้างวานคนไปข่มขืนแล้วฆ่า เพื่อนของผมต้องตายอย่างทรมานในบ้านของตัวเอง

เขาพยายามร้องตะโกนเรียกขอให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีมีใครเลย น้ำรินคือเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเพื่อนผม แต่เป็นเธอที่หักหลัง

เขา เป็นน้ำรินที่ให้กัณฑ์เข้ามาคบกับเพื่อนผมแล้วหลอกเอาทุกสิ่งทุกอย่างของเพื่อนผมไป ไม่เหลือไว้แม้แต่ชีวิตของเพื่อนผม

แต่สิ่งที่เธอกำลังลิ้มรสอยู่ตอนนี้ก็คงเป็นผลตอบแทนในสิ่งที่เธอเคยได้ทำเอาไว้”นั่นคือคำพูดที่ผมพูดออกไปผมรู้ว่าต้องทำให้

ใครคนเสียใจ แต่อยากให้พี่พัฒณ์รับรู้ ที่มาของผลที่เกิดกับเธอในครั้งนี้  ถึงเวลาแล้วผมจะปลดปล่อยเธอ

 ผมก้มหน้าลงไปกระซิบที่หูของน้ำรินผมไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะช่วยอะไรเธอได้บ้างหรือเปล่า แต่มันคือสิ่งน้ำรินต้องการมาตลอดเป็นเธอ

ที่มาหาผมร้องไห้ให้ผมฟังก็เพื่อคำคำนี้ ที่ผมทำลงไปไม่ใช่เพื่อตอบแทนที่เธอมาช่วยแต่เหนือสิ่งอื่นใดเพื่อตัวผมเอง ให้เรา

หมดเวรกรรมในชาตินี้เพียงเท่านี้ จากวันที่ผมไปเยี่ยมน้ำริน ก็ผ่านมานานผมได้ข่าวจากที่พัฒณ์ส่งมาว่าอาการของน้ำรินดีขึ้น ยัง

ไม่ฟื้นแต่โอกาสที่ฟื้นขึ้นมามีสูงขึ้นถ้าเธอยังมีกำลังใจที่สู้ต่อไป เธอคงจะลืมตาขึ้นมาเองสักวันผมเชื่ออย่างนั้น พ่อแม่ผมต้อง

คอยขึ้นศาลฟังคำไต่สวนคดีของผมหลายครั้ง คำให้การของเขาทุกคำฟังแล้วเหมือนตั้งใจ ไม่มีความสำนึกผิดเลยแม้แต่นิด ครั้ง

หนึ่งผมเคยรักผู้ชายนี้ได้ยังไงกันนะ เนื่องจากเขายอมรับสารภาพศาลจึงตัดสินลดโทษจากต้องประหารชีวิตเป็นโทษติดคุก

ตลอดชีวิต บวกกับคดีมียาเสพติดไว้ครอบครองทั้งเสพและจำหน่ายเท่านี้ ทั้งชีวิตต่อไปจากนี้เขาคงต้องอยู่ในนั้นไปตลอดสิ้นลม

หายใจ ที่คดีดำเนินไปเร็วเพราะได้พี่พัฒณ์กับเพื่อนช่วยกัน กัณฑ์ถึงเวลาที่คุณจะต้องได้รับโทษที่คุณได้ก่อไว้แล้ว ถ้ามีโอกาส

ผมจะไปขออโหสิกรรม เราจะได้ไม่ต้องมีเวรมีกรรมที่ต้องเกี่ยวข้องอีก

“อ่านข่าวอะไรอยู่ตัวเล็ก”พี่เทียนเดินมากอดคอผมจากด้านหลัง

“ข่าวคดีที่ค้างคามานาน ในที่สุดก็ศาลก็ตัดสินแล้ว”เขาเดินอ้อมเข้ามาในบนโซฟากับผม

“ตัดสินแล้วเป็นยังไงบ้างครับ”พี่เทียนหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู

“ตลอดชีวิต”

“อื้ม พอใจใช่ไหม”

“ไม่ใช่พอใจ แต่มันเป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ นนท์ไม่ได้เป็นเหยื่อของเขาเพียงคนเดียวยังมีอีกหลายคนที่เราไม่รู้ไม่กล้าออกมาแจ้ง

ความชี้ตัวเขา”

“งั้นก็ดีแล้ว เรามาดูแบบห้องครัวต่อดีกว่านะ”พี่เทียนหยิบภาพห้องครัวแบบจำลองขึ้นมาให้ดู อีกไม่นานผมจะได้ย้ายเข้ามาอยู่

กับพี่เทียน เขาผ่านด่านเห็นชอบจากผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผมก็สามารถทำเรื่องจบเร็วขึ้นได้เหมือนกับข้าวขาวและแต้มตาทั้ง

สองตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ มีเพียงช๊อปที่จบตามปกติแต่เราก็เลือกที่จะปริญญาพร้อมกับช๊อป นั่นคือสิ่งที่ทุกคน

สัญญากันไว้ ตอนนี้พวกเราช่วยกันช่วยตกแต่งบ้านของเรากำแพงบ้านคุณย่าฝั่งที่ติดกับบ้านผมมีประตูเข้าออกแล้วทำให้ผม

สามารถไปบ้านผมได้และมาที่บ้านคุณย่าได้สะดวก

“ห้องครัวตามที่เราไปดูมาก็ดีนะ นินชอบทำอาหารไม่ใช่หรอ ต่อไปพี่จะได้ทานอาหารฝีมือเราทุกวันเลย”พี่เทียนหนังสือจัด

ตกแต่งภายในบ้านอีกเล่มขึ้นมาดู

“อึม งั้นเดี๋ยวจะทำปิ่นโตให้ไปกินที่ทำงานด้วยดีไหมครับ”

“ไม่มีปัญหาถ้าที่รักทำให้”บ้านขนาดพอดีของเรากำลังไล่ตกแต่งไปทีละห้อง ตอนนี้ห้องนั่งเล่นเสร็จไปแล้ว เป็นห้องที่ผมมีเวลา
ว่างจะชอบมานั่งเล่นบ่อยๆ

“อีกตั้งนานกว่านินจะเรียนจบกว่าจะได้ย้ายเข้ามาพี่เทียนจะรีบทำไมครับ”

“ก็ต้องดีใจธรรมดาที่จะได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก อีกไม่นานจะนอนตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้านี้ ตากลมนี้ จมูกนี้ แก้มนุ่มนี่แล้ว”จ้า

“เห็นมองอยู่ทุกวันไม่เบื่อรึไง”ก็ลองเบื่อดูซิ

“ไม่รู้สึกยิ่งเห็นยิ่งรักยิ่งขาดไม่ได้ แล้วตัดสินได้รึยังว่าเรียนจบแล้วจะไปช่วยงานพี่รึเปล่าหรือจะทำอะไร”

“พี่เทียนอยากให้นินไปทำงานด้วยหรอครับ ไม่กลัวคนเขาว่าแฟนมีคอยคุมรึไง”

“ไม่หรอกคนที่คุมคือพี่ ไม่อยากให้ไปทำงานอื่นเพราะหวงกลัวคนมาจีบถ้าอยู่กับพี่พี่คุมได้”

“คุณแฟนนี่ดุจังเลยนะครับ”

“ต่อไปเราเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ของของพี่ก็เป็นของของเราทั้งหมดนั่นแหล่ะ อีกไม่นานพี่จะเป็นคุณสามีแล้วนะ”

“บ้า พูดอะไรน่าอายจะตาย พี่เทียนไม่อยากมีน้องเหมือนน้องหนึ่งน้องสองหรอครับ”กลัวพี่เทียนเหงา

“มีนินคนเดียวก็พอแล้ว แต่ถ้านินเหงาเราค่อยไปรับเด็กมาเลี้ยงดีไหม”

“เอาไว้ก่อนดีกว่าครับยังอยากใช้เวลาทั้งหมดให้คนคนนี้ก่อน”ผมใช้นิ้วชี้ที่หน้าอกพี่เทียน

“งั้นก็ไปช่วยงานที่บริษัทของเราดีกว่า นิยายที่เราแต่งก็เอาไปเสนอแล้วใช่ไหม”

“ครับพี่ๆเขาก็บอกว่าสนุกดี เนื้อเรื่องใช้ได้ต้องปรับภาษาและอะไรเล็กน้อย และยังไม่ตั้งชื่อเรื่องเลยครับไม่รู้ว่าใช้ชื่อเรื่องอะไร
ดี”เป็นนิยายเรื่องแรกที่ผมแต่งใช้เวลานานไปหน่อย

“ค่อยๆคิดเดี๋ยวก็ได้เองแหล่ะ เออแต่พี่รู้แล้วแหล่ะจะให้เราไปทำงานตำแหน่งอะไรดี”พี่เทียนคิดอะไรออกซักอย่าง

“ตำแหน่งอะไรครับ”ผมสงสัย

“ภรรยากรรมการผู้จัดการดีไหม แต่ทำงานหนักมากต้องทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน”

“ว่าแต่ถ้าผมจะปฏิเสธยังทันไหมครับ”พูดไปงั้นแหล่ะครับ อยากเป็นแทบตัวสั่น อิอิ

“ไม่ทันตั้งแต่ก้าวเข้าในชีวิตพี่ ไม่ทันตั้งแต่วันที่พี่เห็นเรานั่งอ่านหนังสือให้คุณย่าฟังในห้องผู้ป่วยแล้ว ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็สัญญากับ

ตัวเองว่าจะทำให้นินตกหลุมรักพี่และเป็นของพี่ให้ได้ทั้งตัวและหัวใจ”ผมยิ้มรับกับคำพูดที่เขาพูดออกมา ตอนนี้เขากำลังนั่งมอง

หน้าผม สอดมือไปที่ท้ายทอยผม มืออีกข้างกอดเอวผมให้เข้าไปหา พี่เทียนโน้มใบหน้าลงกดจูบลงที่ขมับคิ้วตาแก้มแล้ว

สุดท้ายที่ปากของผมเขาเลียดูดเล็มริมฝีปากผมจนผมรู้สั่นเบาๆกับรสจูบที่เขามอบให้ผม แล้วเปลี่ยนเป็นกอด เขาเอนหลังพิงกับ

โซฟาแล้วเลื่อนตัวผมให้นั่งบนตักเขา ใช้มือกดหัวผมซบหน้าลงบนไหล่กว้าง ใช้แขนทั้งสองข้างกอดผมไว้ อ้อมกอดนี้ที่กอดผม

ไว้อบอุ่นเหลือเกินต่อแต่นี้ เขาคนนี้คือคนที่จะกอดผมไว้ด้วยความรักของเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นี่เป็นคำมั่นสัญญาของ

ผู้ชายคนนี้ ต้องการจะบอกผม เป็นผมกระชับแขนที่โอบกอดรอบคอเขาไว้ เป็นคำตอบว่าผมชื่อและมั่นใจในตัวเขา จากนี้และ

ตลอดไป ช่วยดูแลดวงใจดวงเล็กๆดวงนี้ของผมด้วยนะครับ ที่รักของผม...ผมรักคุณ



***************************          Happy Ending        **************************************



- ขอบคุณที่ถามอาการคุณแม่มา คุณแม่ตัดไหมเรียบร้อยกลับบ้านมาได้สองสามวันแล้ว

แม่แข็งแรงมากดุจช้างสารกำลังใจดีมาก เหลือรอไปตรวจอีกครั้งเพื่อจะได้รู้ว่าต้องใช้ยาขนาดปริมาณไหนที่จะทำคีโม

-- จบไปแล้วในที่สุดก็จบลงไปแล้ว(ปาดเหงื่อ) ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตาม ที่ไม้ได้เอ่ยนามเพราะกลัวว่าจะตกหล่น

ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกข้อความแสดงความคิดเห็น(เป็นกำลังในการแต่งอย่างดี)

 ใช้เวลาลงเรื่องนี้นานมากตั้งแต่ มกราคม - กันยายน ถ้าไม่รบกวนยังไงกรุณาอ่านตั้งแต่ ตอนที่ 1 ใหม่ เผื่อว่าจะลืมไปว่านี่มัน

เรื่องอะไร หากผิดพลาดประการใดขออภัยมานะที่นี้ด้วย และขออภัยด้วยที่ไม่มีฉากกุ๊กกิ๊กเรื่องหน้าแก้ตัวใหม่

--- อย่าลืมติดตาม "เริ่มต้นเรื่องร้าย  ลงท้ายเรื่องรัก" ด้วยน้า อ้อ เรื่องต่อต่อไปด้วยนะ ขอบคุณจ้า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2016 09:56:14 โดย jaengs »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

มีความสุขซะทีนะน้องนิน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เขียนดีจุงเบยยยยยยยยยยยย ขอบคุณนะคับ มาตามอ่านตอนท้ายๆ แต่ชอบมากเหลือเกิน

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบเนื้อเรื่องค่ะ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะค้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ขอบคุฯมากค่าา โอ๊ยย จบแล้ว

เรื่องนี้เคยอ่านตอนต้นๆนานละ ติดอยู่ในหัวมาตลอดแต่หาไม่เจอ วันนี้เจอก็จบแล้ว


ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ สนุกมากแถมจบดีมาก     ซึ้งค่ะ  :3123: :กอด1:ัั

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด