เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน[บทสุดท้าย] [The end] (แจ้งข่าวเรื่องรวมเล่ม) 13/3/2560
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน[บทสุดท้าย] [The end] (แจ้งข่าวเรื่องรวมเล่ม) 13/3/2560  (อ่าน 52530 ครั้ง)

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2017 00:42:15 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
มีเพจแล้วฝากติดตามด้วยจ้า
https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
[/size]

********************************************************************************************

++++ เปิดจอง เธอ...คือหนึ่งในไม่กี่คน ++++
ระยะเวลาจอง 31 พ.ค. - 30 มิถุนายน 2560
จัดส่งหนังสือได้หลังจากปิดจอง 15 วัน
----------------- รายละเอียดเพิ่มเติม ---------------

- ราคา 269 บาท
- เนื้อหาในเล่มมีประมาณ 250+
- ขนาด A5
- มีที่คั่น + โปสการ์ด
- มีของแถมให้ในรอบจอง
- ตอนพิเศษ 3 ตอน
- ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงภาษาให้สละสลวย
- แก้ไขคำผิด
- ปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางช่วงเพื่ออรรถรสในการอ่านดีขึ้น
-----------------------------------------------------------------
- เมื่อทำการจองหนังสือเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งโอนเงินจนกว่าจะได้รับอีเมลแจ้งยอดโอน
- การสั่งซื้อจะแล้วเสร็จก็ต่อเมื่อได้รับอีเมลยืนยันยอดโอน
- หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติมสามารถสอบถามมาได้ทาง
inbox เพจ : Writer book หรือ Dm ทางทวิตเตอร์ค่ะ
- ค่าจัดส่ง ธรรมดา 25 / ลทบ 40 / Ems 60
*** กรณีซื้อ 1 เล่ม จะเปลี่ยนจากใส่ซองเป็นกล่อง เพิ่มเงิน 15 บาท
*** ซื้อ 2 เล่มขึ้นไป ส่งแบบใส่กล่องให้ค่ะ
สนใจกรอกแบบฟอร์มด้านล่างนี้เลย
https://goo.gl/forms/hWxHRihj0mvGTCpz2[/size]





********************************************************************************************



เรื่องก่อนหน้า

 เริ่มต้นเรื่องร้าย ลงท้ายเรื่องรัก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54740.msg3422187#top

 Glad to meet LoVe.ยินดีที่ได้รู้จัก...ความรัก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55745.msg3475213#msg3475213


*******************************************************************************************

ลงนิยายแต่ละครั้งต้องใช้ความกล้า เพราะการเขียนนิยายแต่ละเรื่องมันเป็นการแสดงออกทางด้านความคิด มุมมอง ทัศนคติผู้แต่งแทรกลงไป

ลงนิยายแต่ละตอน ต้องอาศัยหลายอย่าง กลัวลงไปแล้วคนอ่านไม่ชอบ และคาดหวังความสนุกในตอนต่อไป

นิยายเรื่องแรกเป็นการประจานตัวเองว่า มีสามารถอ่อนด้อย แต่เรื่องต่อๆมาจะเป็นเรื่องที่คนเอ่านเปรียบเทียบว่าคนแต่งมีพัฒนาการรึเปล่า

คนแต่งยายมีหลากหลาย

- นั่นหมายถึงนิยายไม่ตายมีการพัฒนาเรื่อยๆ เหมือนที่แต่ก่อน

พระเอก ต้องแสนดี หล่อราวเทพบุตร รวย แต่โง่มักถูกนางอิจฉามอมเหล้าลากไปข่มขืน หูเบาใครบอกอะไรก็เชิ่อยกเว้นนางเอก

นางเอก ก็ต้องแสนดี สวย เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ จิตใจดีราวนางฟ้ามาจุติ ชีวิตโคตรน่าสงสาร จนแต่ดิ้นรนสู้ชีวิตและมีศักดิ์ศรี

แต่นิยายแบบเก่าก้ไม่ค่อยมีให้เห็น แต่กลับกัน

นางเอกต้องสู้คน เก่ง ฉลาด

พระเอกก้ไม่โง่เหมือนแต่ก่อน

นั่นทำให้เห็นวิวัฒนาการนิยาย ทัศนคติ มุมมอง การชีวิตของคนปัจจุบันที่แปลกไป

และปัจจุบันยังมีนิยายวายน (ชาย+ชาย) (หญิง+หญิง) เป็นทางเลือกให้เลือก สังคมเริ่มกว้าง ผู้อ่านมีโอกาสได้เสพนิยายแปลกใหม่
(นิยายไทยไม่มีที่นิยมแต่ถ้าบอกว่านิยายแปลจากต่างประเทศ ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เล่มนั้นจะขายดีเป็นพิเศษ ถึงแม้เนื้อเรื่องภาษาจะสู้นิยายไทยไม่ได้เลยก็ตามแต่ก็ขายได้ ทำให้คนแต่งนิยายไทนไม่เกิดเพราะสำนักพิมพ์ไม่กล้าเสี่ยง ทำให้มีนิยายบนเว็ไซด์ขึ้น)

ถึงนิยายบางเรื่องจะเน้น nc บ้าง / ใช้คำไม่สุภาพ/เนื้อเรื่องแปลกใหม่จนถึงขั้นผู้ชายท้อง ฯลฯ นั่นเป็นทางเลือกให้ผู้อ่าน ถ้าคน

อ่านเปิดใจกว้าง ถ้าชอบงานเขียนเก่าๆ เดิมๆ คุณผู้อ่านก็จะอ่านแต่สำนวนเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ (ไม่ได้บอกว่าของเก่าไม่

ดี)แต่สักวันก็ต้องมีคลื่นลูกใหม่มาแทน ต้องให้เวลาโอกาสพวกเขา เพราะกว่านักเขียนมีชื่อแต่ละคนจะประสบผลดั่งเช่นทุกวัน

ก็ต้องหัดตั้งไข่ก่อนที่จะเริ่มเดินก่อนทุกคน

*******************************************************************************************

**คนทุกคนเกิดมาบนโลกนี้มีใครบ้างไม่เคยทำผิดพลาด เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ทำความผิดพลาดลงไปจนความผิดพลาดครั้งนั้นกลับมาทำร้ายชีวิตเขา

***แต่จะมีซักกี่คนที่สามารถกลับไปแก้ตัว หรือแก้ไขทำในสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิดพลาดไป เขาเป็นคนที่โชคดีที่ได้รับโอกาสนั้นอีกครั้ง



เธอ...คือหนึ่งในไม่กี่คน
[/size]

ตอนที่1

 “ช่วย...ช่วยด้วย..ช่วยผมด้วย..ใครก็ได้..ใครก็ได้ช่วยผมด้วย ..กัณฑ์คุณอยู่ที่ไหน คุณมาช่วยผมด้วย..ช่วย.......”

นี่คือเสียงร้องอ้อนวอนของผม ไม่รู้ว่าผมตะโกนมันออกมานานเท่าไหร่  ดังขนาดไหน พยายามร้องขอความเมตตาจากพวกมัน

ทั้งน้ำตา น้ำตาใสใสค่อยค่อยไหลลินออกมาจากตา แต่พวกมันกลับไม่สนใจคำอ้อนวอนปานจะขาดใจนี้เลยแม้แต่นิด

ชื่อของผมคือ นนท์ นนท์ทนิตย์  กิจการเลิศล้ำพัฒนไพบูลย์ อายุ 24 ปี จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังสาขาการจัดการตลาด

ภาคอินเตอร์ เป็นบุตรชายคนเดียวของบ้าน ที่บ้านของผมมีฐานะดีตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่า เพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับ IMPORT

EXPORT และมีหุ้นส่วนในบริษัทเกี่ยวกับการสื่อสารแห่งหนึ่งในประเทศ ไม่ได้เป็นผู้บริหารเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนหนึ่ง

เท่านั้น ส่วนผมเป็นเจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง ภายใต้แบรด์น “นนท์ทนิตย์” คือชื่อของผมเอง สินค้าของผมทุกชิ้นต้องมีคุณภาพ

ราคาที่ทุกคนจับต้องได้ มีเพียงสาขาเดียวในกรุงเทพเท่านั้น เพื่อป้องการการดูแลที่ไม่ทั่วถึงอาจทำให้คุณภาพสินค้ามีปัญหา

ภายหลัง ไม่ต้องเดินทางไปหลายที่ เลยตัดปัญหาที่จะตามมาไป ร้านของผมแต่ก่อนเคยเป็นตึกแถวให้คนอื่นเช่า แต่นานไปห้อง

แถวทรุดโทรมไม่มีใครเข้ามาเช่าก็ปล่อยทิ้งร้าง อยู่มาวันหนึ่งบริเวณใกล้ๆก็มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มาเปิด ประกอบกับผม

ต้องการทำร้านเสื้อผ้าจึงรื้อห้องแถวทิ้งสร้างตึกขึ้นมาใหม่ ชั้นแรกด้านหน้าเป็นหน้าร้านขายสินค้ามีพนักงานดูแล ด้านหลังเป็น

ห้องออกแบบตัดเย็บ ห้องเก็บผ้า ชั้นสองเป็นห้องทำงาน ห้องประชุม ห้องพักผ่อนพนักงาน มองเห็นป้ายร้านขนาดใหญ่

แล้วขับรถเลี้ยวเข้ามาที่จอดรถของร้าน 

“สวัสดีค่ะคุณนนท์/สวัสดคีรับคุณนนท์” พนักงานต้อนรับหน้าร้านชายหญิงทักทาย เมื่อผมเปิดประตูร้านเข้ามา

“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักทายพนักงานทั้งสอง พร้อมส่งรอยยิ้มให้แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อไปที่ห้องทำงานเปิดประตูเข้าไปวาง

กระเป๋าสีดำที่มีเอกสารข้อมูลแผนงานและเอกสารสำคัญอยู่ในนั้นลง พร้อมทั้งเช็คเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ

“สวัสดีค่ะพี่นนท์ วันนี้เข้าร้านแต่เช้าเลยนะคะ”เสียงหวานใสของเลขาคนสวยเอ่ยทักทายยามเช้า

“อ้อ พอดีพี่นอนไม่ค่อยหลับนะครับ”

“มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ ร้านเราก็ไม่ปัญหานะคะ”เธอแสดงสีหน้าเป็นห่วง

“เรื่องอื่นนะครับ”

“ยังไงคุณนนท์รักษาสุขภาพด้วยนะคะน้ำรินเป็นห่วง” ยิ้มรับความเป็นห่วงของเลขารุ่นน้องคนสวย

น้องน้ำรินเป็นเลขาของผมทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ที่เปิดร้านนี้ใหม่ใหม่ ล้มลุกคุกคลานมาด้วย จากที่เคยวิ่งหาลูกค้า ต้องวิ่งบาก

หน้าขอความช่วยเหลือจากคนอื่น โปรโมทสินค้าผ่านทุกช่องทางเท่าทีจะสามารถทำได้ พวกเราวางแผนงานจนดึกดื่น

แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยหลงลืมช่วงเวลาเหล่านั้นเลย ถ้าไม่มีช่วงเวลานั้นก็ไม่สามารถเข้มแข็งได้เหมือนทุกวันนี้

มือผมไล่เปิดแผ่นกระดาษสรุปยอดสินค้าเมื่อวาน ยอดสั่งจอง ยอดสั่งตัด อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าทางร้านจะเปิดคอลเลคชั่นใหม่

จึงได้มีการเจรจาพูดคุยกับบริษัทรับจัดงาน เพื่อหาสถานที่ในการจัดงานและนางแบบนายแบบที่จะสามารถสวมชุดได้เหมาะสม

   ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำงานที่ถูกเปิดอยู่ดังขึ้น

“พี่นนท์คะผ้าที่เรานำเข้าล็อตล่าสุดมาแล้วค่ะ พี่นนท์จะเช็คก่อนไหมคะ” น้องน้ำรินเลขาเดินเข้ามาแจ้งเรื่องสินค้าที่นำเข้า

มาจากต่างประเทศ ผ้าที่ใช้ตัดเสื้อผ้ามีทั้งผ้าไทยและผ้าที่นำเข้า ผ้าทอมือ ผ้าทอพื้นเมือง รวมไปถึงผ้าสั่งทอพิเศษ

ปกติผ้าที่นำเข้าจะเป็นสินค้าจากโรงงานเดิมแต่เพื่อความแน่ใจไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด จึงต้องมีการตรวจสอบทุกครั้ง

“พี่นนท์รบกวนน้ำรินช่วยเช็คของให้ได้ไหมครับ พี่ขอเคลียเอกสารตรงหน้านี้ก่อนแล้วจะตามไป” เงยหน้าขึ้นพูดกับคนที่ตรงหน้า
 
หลังจากที่ไหว้วานน้ำรินแล้วก็กลับมาทำงานตรงหน้าต่อ

“พี่นนท์ผ้าเข้ามาล็อตนี้สวยดีนะคะ น้ำรินสั่งคนเก็บเข้าห้องเก็บผ้าแล้ว”

“ขอบคุณครับน้ำริน”

“พี่นนท์เที่ยงแล้ว พักบ้างเถอะค่ะ เราออกไปหาอะไรอร่อยทานกันดีไหมคะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาข้อมือแบรนด์ดังราคาหรู

ตัดสินใจวางงานตรงหน้าลงปิดพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วออกไปทานข้าวเที่ยงกับน้ำริน รถยุโรปคันหรูของผมเลี้ยวเข้าจอด

ลานจอดรถร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอลงจากรถก็มีสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ

“พี่นนท์...พี่นนท์ เป็นอะไรรึเปล่าคะ น้ำรินเรียกตั้งหลายครั้งไม่ตอบ”

“อ้อเปล่าครับพอดี คิดอะไรนิดหน่อย” รถยุโรปคันสวยขับผ่านไปทำให้รู้สึกแย่นิดหน่อย ผมจำได้จำป้ายทะเบียนรถคันนั้นได้

 รถคันนั้นคือรถของผมเอง รถที่ผมให้แฟนยืมไปใช้แต่คงไม่รู้สึกแย่ถ้าคนที่นั่งมากับแฟนผมเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้หญิงคนนั้น

กำลังนั่งกอดแขนแฟนของผมอยู่ในรถ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้ที่เห็นแต่ไว้ใจคนที่ตัวเองรัก ในเมื่อคนที่รักปฏิเสธก็ต้องเชื่อใจใช่ไหม

ครับ แต่ว่าวันนี้มันคงถึงเวลาที่ผมกับเขาต้องคุยกันให้รู้เรื่องสักที

“พี่นนท์ลองทานอันนี้ดูไหมคะ ลองทานดู” มองอาหารตรงหน้าที่น้ำรินตักใส่จานให้ชิมด้วยความรู้สึกโหวงโหวงที่ใจ

“อื้มอร่อยดีนะครับ” จะให้อร่อยกว่านี้ถ้าความรู้สึกตอนนี้มันคงที่ เราทานอาหารไปเรื่อย ความรู้สึกแย่ๆก็ดีขึ้น ทานอาหารอร่อย

แล้วทำให้สบายใจขึ้นเยอะ เพราะมีน้ำรินเป็นเพื่อนชวนคุยเรื่องต่างๆ

“อิ่มแล้วเรียกเก็บตังค์ เลยไหมคะ” น้ำรินควักมือเรียกพนักงานเก็บเงิน มื้อนี้ทำหน้าที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว มองดูรายการอาหาร

กับราคา บนใบเสร็จที่พนักงานยื่นมาให้ ราคาไม่แพงเลยถ้าเทียบกับรดชาติกับบริการที่ได้รับ

ตอนบ่ายกลับไปเคลียงานที่เหลือให้เสร็จ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่หน้าร้านด้านล่างปิดแล้วเรียบร้อย

“พี่นนท์ น้ำรินกลับก่อนนะคะ มีงานอะไรด่วน วางไว้บนโต๊ะน้ำรินได้เลย”

“ครับผม ขับรถดีดีนะครับน้ำริน”

“พี่นนท์ก็อย่าหักโหมมากเกินไปนะคะ เหลืองานไว้ทำพรุ่งนี้ด้วย เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ บาย”

ยืนมองรถญี่ปุ่นที่ขับออกจากบริเวณลานจอดรถของร้าน ตอนนี้มีเพียงรถของผมคันเดียวที่จอดอยู่

ผมจอดรถไว้หน้าบ้าน แล้วเดินลงไปเปิดประตูรั้ว ไฟในบ้านสว่าง แสดงว่าวันนี้กัณฑ์กลับบ้าน เลื่อนรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ

 มองรถที่อยู่จอดด้านข้างรถยุโรปของผม ที่เห็นขับผ่านหน้าไปตอนมื้อเที่ยง พร้อมกับผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเบาะข้างข้าง เปิดประตู

เข้าไปในบ้านกวาดสายตา มองหาคนที่ทำความรู้สึกของผมไม่คงที่มาตลอดทั้งบ่าย

“อ้าวนนท์กลับมาแล้วหรอ ผมคิดถึงคุณจังเลยเมื่อคืนผมทำงานเยอะเลยไปนอนที่คอนโดนะ”

“อืม แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

“ครับ...อ้องานเรียบร้อยแล้วครับ เคลียงานเสร็จกัณฑ์ก็รีบกลับบ้านมาหานนท์ทันทีเลย” กัณฑ์เดินเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง

รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้สัมผัสอ้อมกอดนี้ แต่ก็เหมือนมีก้อนจุกๆขมขึ้นมาที่คอเมื่อคิดถึงเรื่องที่เห็นมากับตาเมื่อตอนเที่ยง

“วันนี้กัณฑ์ไปทานข้าวเที่ยงกับใครมา” เข้าใจว่าอาจดูงี่เง่าที่ถามเขาเรื่องแบบนี้ แต่ต้องการรู้ความจริงมีเพียงแค่ต้องถามเท่านั้นถึงจะได้คำตอบ

“ไปทานข้าวกับเพื่อนครับ”เขายังสวมกอดผมอยู่ เสียงตอบของเขาดังอยู่ข้างหูผม

“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” กัณฑ์ผละออกเรายืนเผชิญหน้ากัน เขาขมวดคิ้วทำหน้าแต่ไม่พอใจกับคำถาเมื่อครู่ ผมจ้องมองคนตรงหน้า

เพื่อบังคับให้เขาพูดความจริงออกมา ถ้าเขาโกหก เราคงต้องยุติทุกอย่างไม่เพียงแค่นี้ ถ้าพูดความจริงผมพร้อมยอมอภัย

“ผู้ชายครับ ทำไมหรอ..หรือมีใครเอาเรื่องอะไรไปฟ้องนนท์อีก นนท์เชื่อกัณฑ์สิ กัณฑ์มีนนท์คนเดียวนะ”ผมเลือกที่จะเงียบกัณฑ์

จะเริ่มโวยวายทุกครั้งที่พูดเรื่องประเภทนี้ และที่สำคัญครั้งนี้ เขา-โก-หก-ผม

“อ๋อนี่นนท์ หาว่าผมโกหกใช่ไหม ได้ได้..ใช่สินนท์ ผมมันไม่น่าไว้ใจ อย่างนั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน” กัณฑ์ตะโกนเสียงดัง

เดินไปหยิบกุญแจ เปิดประตูรั้วแล้วขับรถออกไป ยืนมองรถที่ขับห่างออกไปจนลับสายตานี่ผมผิดใช่ไหมผิดที่เห็นเขาไปกินข้าว

กับผู้หญิงคนอื่น ก่อนหน้านี้เคยได้รับการบอกเล่าจากเพื่อนว่าเห็นกัณฑ์ไปเดินห้างซื้อของให้ผู้หญิง พาผู้หญิงขึ้นคอนโด

จนในที่สุดจนต้องจ้างนักสืบตาม ภาพที่ผมเห็นในภาพถ่าย คนรักของตัวเองกำลังจูบอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น

และทำให้ถึงกับจุกเพราะเขาจูงมือผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าขึ้นคอนโดของผม คอนโดที่ผมที่ซื้อให้เขา แต่เพราะความรัก รักมากจึงให้

โอกาสและพยายามที่จะดึงเขาคืนมา แต่มันอาจสายเกินไปแล้วรึเปล่าผมรู้สึกว่ากัณฑ์ไม่มีผมแล้วในหัวใจ

เข้าสู่เช้าวันใหม่ผมยังนอนลืมตาอยู่บนที่นอน เฝ้าวนเวียนคิดถึงสาเหตุที่ทำให้ความรักของกัณฑ์เปลี่ยนไปจากเดิม

 กัณฑ์เริ่มไม่มีเวลาให้ผม เขาไม่ค่อยกลับบ้านอ้างว่างานยุ่งต้องค้างที่คอนโด เขาหาเรื่องออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆบ่อยขึ้น

เขาปฏิเสธที่จะมีเซ็กกับผม ลุกขึ้นนั่งบนเตียงปรับสภาพร่างกายก่อนลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำชำระความปวดร้าวในใจให้หมดสิ้น

เพื่อเผชิญสิ่งต่างๆในวันใหม่ต่อไป

วันนี้ตัดสินใจออกมาทำงานแต่เช้าไม่อยากอยู่ที่บ้านนานนาน เพราะอยู่ที่นั่นก็มองเห็นแต่ความทรงจำของเราทั้งสองตลอดเวลา

สภาพจราจรบนท้องถนนไม่แย่มากเพราะยังเช้า ใช้เวลาไม่นานก็ขับรถถึงร้าน

“คุณนนท์สวัสดีครับ วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ” เลื่อนกระจกลงทักทายคุณลุงรปภ.ที่ทักทายผมทุกวัน

“สวัสดีครับคุณลุง” คิดว่าตัวเองมาทำงานเช้าแล้วแต่มีคนมาเช้ากว่าซะได้

“สวัสดีค่ะพี่นนท์” คุณป้าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดพื้น ผมยิ้มและเอ่ยปากทักทายเธอกลับ

เดินขึ้นมาบนชั้นใช้สองก็ได้กลิ่นอาหารออกมาจากห้องอาหาร เดินตามกลิ่นอาหารเข้าไปในห้อง

“สวัสดีครับน้ำริน ทำอะไรแต่เช้าเลยครับ”

 “สวัสดีค่ะคุณนนท์ น้ำรินกำลังทำอาหารเช้า สนใจฝากท้องไว้กับน้ำรินไหมคะ ทำไมวันนี้หน้าตาคุณนนท์ดูหน้าซีดซีดคะ

 ไม่สบายรึเปล่า” ไม่ตอบแต่ยิ้มให้เธอแทน คงเป็นเพราะเมื่อไม่ได้นอนทั้งคืนทำให้มีสภาพอิดโรย โรคที่ป่วยทางใจ

รักษามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาย

“อร่อยจังครับ น้ำรินนี่สวยแล้วยังทำอาหารอร่อยอีกนะครับ”อดออกปากชมไม่ได้

“แน่นอนค่ะ ง่ายง่ายแค่ฉีกซองแล้วเข้าไมโครเวฟ สามนาทีก็เรียบร้อย เห็นไหมคะง่ายจะตาย”


มีต่อด้านล้าง
[/b]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2017 09:56:46 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
ต่อจากด้านบน
[/b]

“5555 พี่ก็นึกว่าน้ำรินทำเองซะอีก”

“แหม ใครจะทำอาหารอร่อยเหมือนพี่นนท์ของน้ำรินล่ะคะ”

“ทำอร่อยยังไง ก็ยังสู้สปาเก็ตตี้สามนาทีของน้ำรินไม่ได้หรอกครับ” เสียงหัวเราะดังลั่นครัว

เช้านี้เป็นมื้ออาหารที่อร่อยอีกวันมีน้ำรินชวนคุยเรื่องต่างๆไปเรื่อย ความรู้สึกแย่ก็ค่อยๆดีขึ้น

พร้อมที่จะลุยงานแล้วครับอยู่นิ่งๆเฉยก็ทำให้รังแต่จะคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปวดหัวไม่พอยังพาลไปปวดที่ใจอีก

งานจึงเป็นที่ระบายออกที่ดี

ดวงตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ แสงสีแดงส้มส่องผ่านเข้าทางกระจกห้องทำงานชั้นสอง งานวันนี้ไม่ค่อยเยอะ เพราะเคลียร์ไปแล้ว

ส่วนหนึ่งเมื่อวาน นั่งมองออกไปยังท้องถนนเห็นผู้คนเดินไปมาบางคนเพิ่งจะเลิกงาน ดูเวลาแล้วตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว

บางคนเพิ่งไปรับลูกหลานจากโรงเรียนที่อยู่ในละแวกนี้ ส่วนบางคนเพิ่งเดินทางออกมาจากบ้านไปที่ทำงาน

“พี่นนท์ กลับได้แล้วค่ะ น้ำรินกลับก่อนนะคะ พอดีว่าวันนี้ไม่ได้เอารถมา มีคนมารับเลยอยู่ดึกเป็นเพื่อนพี่นนท์ไม่ได้”

“ไม่เป็นไร เดินทางปลดภัยนะครับ” น้ำรินขอตัวกลับแล้วอีกสักครู่ผมเองก็คงต้องกลับ แต่ยังไม่อยากกลับไปตอนนี้เลย

กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ กลับไปเจอสภาพแบบเดิม การโหมทำงานอย่างหนักทำให้ลืมช่วงเวลาที่แย่แย่ แต่เมื่อไม่ได้ทำอะไรก็

กลับมาคิดเรื่องเดิมซ้ำไปซ้ำมา

ความมืดเข้ามาแทนที่แสงสว่าง ตอนกลางวันกลางเมืองใหญ่มหานครแห่งนี้ดูวุ่นวายผู้คนพลุกพล่าน พนักงานออฟฟิต

ออกมาหาอะไรกินบริเวณนี้ แต่ยามค่ำคืนกลางเมืองใหญ่หานครแห่งนี้กลับดูเงียบเหงายิ่งนัก ตัดสินใจเก็บข้าวของ

ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ปิดเครื่องปรับอากาศและปิดไฟ ล็อคประตูร้าน เดินไปยังลานจอดรถที่มีรถผมเพียงคันเดียวที่จอดอยู่

ขับรถไปบนท้องถนนอย่างไม่เร่งรีบนัก สุดท้ายก็กลับมาถึงบ้านจนได้ บ้านของผมบ้านที่เงียบสงัดไม่มีคนอยู่ บ้านที่มืดมิด

ไม่มีแสงไฟลอดออกมา วันนี้คืออีกวันที่กลับมาจากที่ทำงานด้วยสภาพร่างกายหัวใจที่เหน็ดเหนื่อย

เปิดประตูบ้านก้าวเข้าไปข้างใน เดินไปเปิดสวิตซ์ไฟเพื่อให้ห้องสว่างขึ้น แต่ไม่ทันที่มือจะเอื้อมไปสัมผัสสวิตซ์ไฟ 

“อย่าขยับไม่อย่างนั้นมึงตาย” ได้ยินเสียงผู้ชายกระซิบอยู่ใกล้ แล้ว มันเอามีดจ่อเข้ามาที่คอของผมแล้วกระซิบขู่

ของมีคมสัมผัสลมที่คอรู้สึกเย็นยะเยียบไปทั้งตัวเพราะความกลัว ผู้ชายอีกสองคนยืนมองมาที่ผมแล้วแสยะยิ้มอย่างน่ารังเกียจออกมา

"ลองร้องสิ ถ้ามึงอยากตาย" เสียงลมหายใจของพวกมันอยู่ข้างข้างหูผม มันเก็บมีดลงแล้วส่งสัญญาณอะไรให้กันสักอย่าง
 
"พวกแกต้องการอะไร ถ้าอยากได้เงินฉันจะให้แต่อย่าทำอะไรฉันเลย"

ผมขอร้องพวกมันเสนอเงินให้พวกมันและออกแรงดิ้นด้วยเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด ทั้งพยายามเตะต่อย ขัดขืนทุกอย่างแต่ก็สู้แรงพวก

มันสามคนไม่ไหว

“พวกกูไม่ต้องการการเงิน พวกกูต้องการมึง” หมายความว่าอย่างไรไม่เข้าใจ พวกมันลากผมขึ้นไปชั้นสองและตรงไปยังห้อง

นอน พยายามดิ้นขัดขืน พวกมันผลักผมลงไปนอนบนเตียง จากนั้นพวกมันสองคนก็เดินเข้ามาจับแขนขาตรึงไว้กับที่นอน

ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจนร่างกายสั่นขึ้นมา สายตากวาดไปรอบๆห้องมองหาทางเอาตัวรอด ไม่ทันที่จะคิดอะไรได้ชายอีกคนก็นั่งนั่ง

ลงหว่างขา แล้วชกลงที่ท้องของผมอย่างแรง หมัดแล้วหมัดเล่า จนผมนิ่งไปมันจึงหยุดมือ

“ที่จริงพวกกูไม่ได้ความแค้นกับมึงหรอก กูจะบอกมึงเอาบุญ คนที่จ้างกูมานะคือ.....” ลมหายใจผมสะดุดกับชื่อที่พวกมันบอก

 ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม เขาต้องไม่ทำกับผมอย่างนี้ ผมรักเขา เขารักผม เรารักกัน ไม่ใช่สวะพวกนี้มันต้องโกหก โกหกใช่มันเป็น

คนเลวคนเลวชอบโกหก

แควก แควก เสียงฉีกขาดของเสื้อผ้า พวกมันดึงทึ้งเสื้อผ้ามออกจากตัวผม ร่างเปลือยเปล่าของผมปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกมันทั้ง

สาม พวกมันแสยะยิ้มอย่างพออกพอใจ น้ำตาของผมค่อยๆไหลออกจาตาเสียใจที่ไร้เรี่ยวแรงต่อสู่ขัดขืนพวกมัน ตอนนี้มันจับขา

ผมทั้งสองข้างแยกออกจากกัน มือทั้งสองข้างกำลังลูบไล้ไปทั่วร่างกายผม

“เนียน สวยว่ะเหมือนที่มันบอกไว้เลย กูทนไม่ไหวขอก่อนแล้วกัน”

ช่วย...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยผมที พยายามเปล่งเสียงแต่ไม่มีเสียงออกมาจากปากเลย พวกมันปลดกระดุมรูดซิบลงอย่างรีบ

ร้อน แล้วควักท่อนเนื้อของมันออกมาจากกางเกงชั้นในแล้วชักรูดขึ้นลง ผมมองสบสายตาของมันที่มองมาด้วยสายหื่นกระหาย
 
หลับตกลงเพื่อยอมรับชะตาที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า น้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม  มันใช้ท่อนเนื้อของมันยัดเยียดเข้ามาช่องทาง

ของผม ไม่มีการเบิกทาง ไม่มีความปราณี ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วบริเวณ ช่องทางคงฉีกขาด

“แม่งโคตรเสียวว่ะ” จากนั้นมันเริ่มขยับเร็วขึ้นแรงขึ้น ร่างกายผมสะเทือนไปตามแรงของมันไม่นานมันก็ฉีดน้ำคาวลงมาที่ตัวผม

ผละออกให้คนต่อไปมาแทนที่ คนแล้วคนเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า

“น้องนนท์เก่งจังเลย วันนี้แม่มีของขวัญมาให้”

“น้องนนท์อาทิตย์หน้าพ่อจะพาไปเที่ยวทะเล”

“คุณแม่ครับ เพื่อนแกล้งน้องนนท์ครับ”

“น้องนนท์มานี่เร็วมาถ่ายรูปกัน”

ภาพความสุขของคำว่าครอบครัวลอยปรากฏอยู่ต่อหน้าผม ใบหน้าของพ่อแม่ค่อยค่อยชัดเจน ใกล้เข้ามาเหมือนจะสามารถใช้มือ

เอื้อมไปสัมผัสได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เสียงหัวเราะนั่นดังก็องเหมือนอยู่ข้างข้างหู ทำไมนะทำไมผมถึงลืมช่วงเวลาที่สำคัญ

ของชีวิตไป ลืมคนที่รัก โดยไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข ไร้ซึ่งการเสแสร้ง ความรักที่แท้จริงมาจากใจ ลืมรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น

 มือใหญ่ที่คอยโอบอุ้มผม อ้อมกอดที่คอยปลอบประโลมผมยามที่ผมทุกข์และคอยให้กำลังใจผมยามที่เหนื่อยล้า
 
“พ่อกับแม่ไม่เคยเข้าใจนนท์ พ่อแม่ไม่เคยรักนนท์”

“พ่อกับแม่รักนนท์นะลูก อย่าทำอย่างนั้น อย่าไปมันเป็นคนไม่ดีเชื่อพ่อ”

“ทำไม..ทำไมพ่อต้องขัดขวางความรักของเราทั้งสอง”

“ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่ลูก เชื่อพ่อเขานะลูก”

“กัณฑ์ไม่ใช่คนอย่างนั้น พ่อแม่ใส่ร้ายเขา ใส่ร้ายเขาทำไม”

“ไปเลยพ่อกับแม่จะไหนก็ไป ไม่ต้องมาสนใจนนท์ นนท์ไม่รักพ่อกับแม่แล้ว”

“นนท์อย่าทำอย่างนั้นลูก พ่อกับแม่รักลูก รักมากด้วย”

“ได้งั้นนนท์จะไปจากที่นี่เอง นนท์ไปอยู่กับกัณฑ์ เรารักกัน พ่อกับแม่ไม่มีทางที่จะแยกพวกเราออกจากกันได้หรอก

 เชิญนอนกอดสมบัติของพ่อกับแม่ไปเถอะนนท์ไม่อยากได้หรอก"

ภาพที่พ่อกับแม่พยายามห้ามไม่ให้ผมออกจากบ้านมาอยู่กับคนรัก ภาพที่พ่อแม่พยายามขัดขวางผมด้วยน้ำตาเพื่อจะไม่ให้เดิน

ออกจากบ้าน ยังจำภาพที่แม่ร้องไห้ห้ามผมไม่ให้จากมาเหมือนคนจะขาดใจ แล้วหมดสติไปในอ้มกอดพ่อ พ่อครับแม่ครับตอนนี้

นนท์รู้แล้วว่าพ่อกับแม่รักนนท์มากแค่ไหน ขอโทษครับ ขอโทษที่ดื้อกับพ่อ ขอโทษที่ดูถูกความรักของแม่ นนท์ไม่รู้ว่าคำขอ

โทษนี้จะส่งไปถึงท่านสองไหม แล้วท่านทั้งสองจะอภัยให้ลูกเลวเลวอย่างผมรึเปล่า ได้โปรดเถิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลูกคนนี้บาปหนา

เหลือ แต่ได้โปรดฟังคำวิงวอนครั้งสุดท้ายของลูกได้หรือไม่ หากชาติหน้ามีจริง หากยังมีความดีที่ยังหลงเหลือ

 ขอให้ได้มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่อีกครั้งเกิดเป็นลูกของพ่อแม่อีกครั้ง จะไม่ดื้ออีกแล้ว จะเชื่อฟังพวกท่านทุก

อย่าง

“เฮ้ยพอแค่นี้แหล่ะ จัดการมันซะเดี๋ยวจะมีคนมาเห็น”

“เฮ้ยถ้ามึงจะแค้นมึงไปแค้นผัวมึงนะที่จ้างพวกกูมา” มันวางหมอนไว้บนหน้าผมแล้วกดลงมามันทำอยู่อย่างนั้น อยู่นาน

พ่อแม่รักษาตัวด้วยนะครับลูกอกตัญญูคนนี้คงต้องไปแล้ว ขอโทษครับ...ขอโทษ...


ตอนนี้ผมไม่รู้เจ็บปวดใดใดอีกแล้ว เบาความรู้สึกเบาเข้ามาแทนที่ ล่องลอยล่องลอยเหมือนอยู่ในอากาศ เคว้งขว้างไม่มีที่ยึด

เหนี่ยว ยืนดูร่างไร้วิญญาณของตัวเองที่นอนสงบอยู่บนเตียงเหมือนคนกำลังหลับ ร่างกายเปล่าเปื่อยที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบ

น้ำกามของพวกมัน น้ำตาที่เป็นคราบอยู่บนแก้ม รอยเลือดที่ไหลซึมออกมาจากช่องทางของผม ทำไมผมต้องตายอย่างทรมานอย่างนี้

“รีบเก็บของดิวะ เอาของมีค่าไปให้หมดอย่าให้เหลือ”

“โหพี่ของในเซฟเยอะเลยพี่”

“ก็ผัวมันรวย ใครใช้ให้มันมีชูผัวมันเลยสั่งเก็บ”

“หน้าตาก็ดีไม่น่ามีชู้”

“ก็หน้าตาดีไงล่ะคนเขาถึงอยากเป็นชู้ด้วย ไปไปเก็บของต่อ”

พวกโจรหยิบของมีค่าของผมไปหมดแล้ววิ่งออกไปจากบ้าน ภาพห้องนอนของผมที่ถูกรื้อค้นข้าวของ กรอบรูปสีเหลี่ยมที่บรรจุ

ภาพผมกับกัณฑ์ยืนถ่ายรูปคู่เมื่อไม่นาน ตกลงพื้นและถูกเหยียบเป็นรอยรองเท้าของพวกมัน ผมยืนร้องไห้โดยที่ไม่มีใครได้ยิน

เสียง ยืนร้องไห้ที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว แต่ความเจ็บปวดยังคงอยู่ ยังคงรับรู้ได้

แต่อยู่ดีดีวิญญาณของผมก็ค่อยค่อยจางไป เหมือนลอยคว้างอยู่กลางอากาศอีกครั้ง แล้วปรากฏสถานที่หนึ่งอยู่ต่อหน้าที่ที่ผม

รู้จักดี มันคือห้องคอนโดผมที่ซื้อให้กัณฑ์  กัณฑ์คงอยู่ที่นี่ ผมเดินเข้าไปห้อง ผ่านห้องนั่งเล่น ห้องนอน สุดท้ายเจอกัณฑ์นั่งอยู่

ในห้องทำงาน คนรักของผมกำลังนั่งอยู่โต๊ะทำงานบนโต๊ะมีโน๊ตบุ๊ควางอยู่

 แก๊ก เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ผมหันไปมองต้นเสียง

“ที่รัก ที่รักคะนอนได้แล้วนะคะดึกแล้ว” ผมตกใจทันทีที่เห็นใบหน้าผู้หญิงที่เดินเข้ามาในห้อง น้ำริน เธออยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ

สภาพเหมือนคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เธอเรียกกัณฑ์ว่ายังไงนะ น้ำรินเรียกกัณฑ์ว่า ที่รัก ที่รักอย่างนั้นหรอถ้าน้ำรินเป็นที่รักแล้วผม

ล่ะ ผมเป็นอะไรสำหรับเขากันแน่ แล้วที่ผ่านมามันหมายความว่ายังไง หมายว่ายังไง ทำไมน้ำรินต้องหลอกผม ทำไมกัณฑ์ต้อง

นอกใจผมร้องไห้อีกแล้ว ผมต้องร้องไห้อีกกี่ครั้ง ต้องเสียใจอีกกี่ครั้ง

“เดี๋ยวผมเคลียงานตรงนี้ก่อน”

“แล้วงานนั้นเรียบร้อยรึเปล่าคะ”

“เชื่อมือเถอะดึกขนาดนี้แล้วป่านนี้มันคงกลายเป็นศพไปแล้ว ว่าแล้วผมก็ขยะแขยงที่ต้องทนคบกับมันแกล้งรักมัน

 ถ้ามันไม่รวยผมคงไม่ยุ่งกับมัน และที่สำคัญไม่ใช่คำสั่งคุณผมคงไม่ยอมนอนกับมันหรอก”

“เอาเถอะค่ะผ่านวันนี้ไปเราก็ไม่ต้องเห็นหน้ามันแล้ว น้ำรินก็เบื่อที่ต้องเล่นละครเต็มที คอนโดนี้ก็ชื่อคุณ บ้าน รถ

เงินในบัญชี อีกอย่างเอกสารเกี่ยวกับร้านน้ำรินก็จัดการไปเกือบหมดแล้วไม่นานร้านก็จะตกเป็นของเรา ต่อไปเราก็สบายแล้ว”

ไม่จริงใช่ไหมผมเชื่อใจน้ำรินมาตลอด เชื่อว่าน้ำรินซื่อสัตย์มาตลอด เชื่อมั่นมันมาตลอด มันคือเรื่องโกหกจริงจริงสินะ

ผมนี่มันโง่ที่ถูกเขาและเธอหลอกได้  กัณฑ์ตอบแทนความรู้สึกรักของผมได้เจ็บปวดจริงจริง ส่วนน้ำรินคือคนที่คิดว่าเธอคือคนใน

ครอบครัว ไม่ใช่พนักงานเพียงในร้านแต่สิ่งที่เธอตอบแทน ไม่รู้ว่าทั้งคู่วางแผนเรื่องทั้งหมดมานานเท่าไหร่ หรือตั้งแต่วันแรกที่

พวกเขาก้าวเข้ามาในชีวิตผม คนโง่ก็คือคนโง่สินะ

********************************************************************

แก้ไขเนื้อหานิดหน่อยเลยลบกระทู้เนื้อหาเก่าออก

ขออภัยในความไม่สะดวก

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
ตอนที่ 2
[/size][/b]

“กัณฑ์ชอบนนท์นะ”

“กัณฑ์รักนนท์นะ”

ทุกถ้อยคำที่กัณฑ์เคยพูดกับผม ยังดังก็องกังวานอยู่ในห่วงความทรงจำเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง ผมยังจดจำวันแรกได้

ดีวันที่กัณฑ์เข้ามาในชีวิตผม

“นี่นนท์เพื่อนของเราชอบนนท์ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเขาให้มาขอเบอร์นนท์”

“ทำไมเขาไม่เข้ามาเบอร์เองล่ะ”

“เฮ้ย ไอ้กัณฑ์มึงมาขอเองนนท์ไม่ยอมให้”

“หวัดดีเราชื่อกัณฑ์อยู่ การจัดการการตลาด แต่เป็นภาคไทย ปี 3 เราชอบนนท์นะคือเราแอบชอบมาตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าเข้ามา

ขอเบอร์ พอดีเพื่อนเราบอกว่ารู้จักกับนนท์....”

วันนั้นเป็นครั้งแรกที่กัณฑ์ เข้ามาคุยกับผมแล้วสารภาพว่าแอบชอบมานานแต่ไม่กล้าเข้ามาขอเบอร์ จึงให้เพื่อนที่รู้จักเข้ามาขอ

เบอร์ให้ แต่ผมยังไม่ไห้เบอร์กัณฑ์ในทันทีเพราะคิดว่ามันอาจจะเร็วไป ตั้งแต่นั้นกัณฑ์ก็แวะเวียนมาหาบ่อยบ่อย เพื่อนในกลุ่ม

ต่างช่วยดูความประพฤติของกัณฑ์

“เฮ้ยแก กัณฑ์มันก็ดีนะเช้าถึงเย็นถึง” นีน่าพูด

“เออว่ะ นี่ก็หลายเดือนแล้วนะยังไม่ใจอ่อนเป็นแฟนมันอีกหรอ ถ้าเป็นฉันได้ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว” มิคกี้พูด

“ได้อะไรยายมิกกี้พูดมาให้เคลียนะ” นีน่า

“ได้เป็นแฟน” มิคกี้

ตั้งแต่ที่กัณฑ์เข้ามาในชีวิตผม ทุกอย่างค่อยเริ่มเปลี่ยน กัณฑ์เป็นผู้ชายที่เอาใจเก่งมาก จากที่เพื่อนผมไปสืบประวัติที่แล้วแล้ว

มา กัณฑ์เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงถูกบอกเลิกเพื่อนๆของเขาบอกว่า กัณฑ์เฮิร์ธอยู่นานกว่าจะดีขึ้น แล้วก็ไม่มีข่าวยุ่งกับใครอีกเลย

แต่ก็มีคนที่เข้ามาหากัณฑ์บ้างเพราะเขาเป็นคนหน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็พอใช้ได้ ในที่สุดผมจึงยอมให้โอกาสกัณฑ์

“กัณฑ์ นนท์มาคิดเรื่องของเราแล้วนะ นนท์ว่านนท์จะให้โอกาสกัณฑ์”

“จริงหรือนนท์ นนท์พูดจริงจริงใช่ไหม กัณฑ์ขอบใจมากนะที่นนท์ให้โอกาส”

ผมเริ่มเปิดใจให้กัณฑ์ ทีละนิดรับกัณฑ์เข้ามาในหัวใจของผม กัณฑ์ดีกับผมเสมอต้นเสมอปลาย

ตลอดเวลาปีกว่าในที่สุดผมก็รับกัณฑ์ เข้ามาอยู่ในหัวใจทั้งดวง

“นนท์ กัณฑ์ รักนนท์นะเราไม่รู้ว่านนท์คิดยังกับกัณฑ์ แต่ตอนนี้กัณฑ์รักนนท์มากเป็นแฟนกันนะ”

คืนวันวาเลนไทน์วันที่ความรักของผมสุขงอม เมื่อกัณฑ์ลงทุนคุกเข่าขอผมเป็นแฟน แล้วมอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้ และคืนนั้น

ผมก็ตกเป็นของกัณฑ์โดยสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและหัวใจ

“นนท์คืนนี้กัณฑ์ไปงานวันเกิดเพื่อน นนท์ไปกับกัณฑ์นะ”

“กัณฑ์เอานนท์ไปด้วยไม่อึดอัดบ้างหรอ เดี๋ยวคนอื่นล้อว่านนท์ไปนั่งคุม”

“ไม่อึดอัดถ้าอึดอัดแล้วกัณฑ์ จะชวนนนท์ไปด้วยทำไม ไปกับกัณฑ์นะ”

ผมตัดสินใจไปงานวันเกิดเพื่อนของกัณฑ์ โดยที่ผมไม่รู้อะไรเลย งานนี้ไม่มีเพื่อนของกัณฑ์ที่ผมเคยรู้จักเลย ภายในงาน

บรรยากาศเป็นกันเอง ผมนั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างข้างกัณฑ์ เพื่อนของกัณฑ์มองผมด้วยสายตาแปลกแปลก แต่ไม่ได้สนใจกัณฑ์ก็ดื่ม

ไปคุยกับเพื่อนไปปกติ จนรู้สึกเมาเพื่อนกัณฑ์บอกให้พาผมเข้าไปนอนในห้อง นอนไปสักพักรู้สึกเหมือนมีคนเข้ามาในห้องคิดว่า

เป็นกัณฑ์ เข้ามาเพระเมา ภายในห้องมืดสนิท คนที่เข้ามาในห้องถอดเสื้อผ้าผมออก ใช้มือสัมผัสร่างกายของผมไปทั่ว

เขาจูบป้อนอะไรซักอย่างให้กิน สมองมึนงงไปหมด และตอนนี้มีความต้องการอย่างมากคิดว่าสิ่งที่เขาป้อนผมคงเป็นยา

ค่ำคืนนั้นผู้ชายคนนั้นมอบความสุขให้ผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าคนที่นอนอยู่ข้างผมคือกัณฑ์ แต่ผมรู้ดีว่าคนที่มี

อะไรด้วยไม่ใช่กัณฑ์ ถึงจะเมาและโดนยาแต่ก็รู้ตัวเกือบทั้งหมด สภาพร่างกายภายนอกผมดูปกติคนที่นอนกับผมไม่ทิ้งร่องรอย

อะไรไว้เลย แต่เชื่อมั่นว่าไม่ใช่ความฝันเพราะรู้สึกเจ็บที่ช่องทางรัก ตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลตรวจร่างกาย พบน้ำอสุจิผู้ชายใน

ช่องทางรักของผมถึงสามคน มารู้ทีหลังว่าเป็นทั้งสามคนนั้นคือเพื่อนของกัณฑ์ ตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่กล้าบอกกัณฑ์ว่าถูก

วางยาแล้วถูกเพื่อนของเขาข่มขืน กลัวเป็นเรื่อง กลัวกัณฑ์รับไม่ได้แล้วเลิกกับผมไป ผมไม่อยากสูญเสียกัณฑ์ไป ผมรักเขามาก

ในที่สุดวันเวลาก็ช่วยเยียวยาให้ค่อยๆลืมเหตุการณ์นั้นไปได้ โดยที่กัณฑ์ไม่รู้

“ฮัลโหล กัณฑ์ ทำงานวันนี้เป็นไงบ้างครับ”

“ก็ดีที่หอพักมันไกลจากที่ทำงาน กัณฑ์ว่าจะซื้อคอนโดใกล้ใกล้ที่งานดีไหม”

“ก็ดีนะนนท์จะได้ไปพักกับกัณฑ์ด้วย เดี๋ยวเราไปดูด้วยกัน”

หลังจากที่เรียนจบผมก็เริ่มทำธุรกิจร้านเสื้อผ้าของผม กัณฑ์ก็เข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เขาเริ่มเรียกร้องสิ่งต่างต่าง

 แต่ผมก็ยินยอมพร้อมใจให้ แล้วตัดสินใจซื้อคอนโดโดยใช้เป็นชื่อของกัณฑ์เพราะความโง่ของผม ต่อมาสิ่งที่กัณฑ์ ต้องการ

ก็ตามมา

“นนท์ กัณฑ์มีเรื่องจะบอก กัณฑ์ไปดาวน์บ้านไว้ แต่มีเงินไม่พอผ่อนตอนนี้ธนาคารจะมายึดบ้านแล้ว กัณฑ์อยากให้บ้านหลังนี้

เป็นบ้านของเราสอง อยากให้นนท์แปลกใจ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวนนท์จะช่วยเพราะมันเป็นบ้านของเรา เราก็ต้องช่วยกัน”

แล้วเราทั้งสองก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน โดยที่มีเสียงที่บ้านคัดค้านการออกมา เพราะที่บ้านผมรู้มาว่ากัณฑ์ เป็นคนไม่ดี แต่ผมเลือก

กัณฑ์ แทนที่จะเลือกที่บ้าน นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่สุดในชีวิต ผมช่วยออกค่าผ่อนบ้านทั้งหมดแต่ชื่อ

เจ้าของบ้านเป็นชื่อกัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อใครเราก็คือคนเดียวกัน ผมทำงานหนักขึ้นเพราะเพิ่งทำร้านได้ไม่นาน ร้านของผมกำลัง

ไปได้สวยหลังจากที่ดิ้นรนอยู่นานแล้วตอนนี้เองที่เริ่มได้ยินข่าว จากคนรอบข้างว่ากัณฑ์ ไปกับผู้หญิง และพาผู้หญิงขึ้นคอนโด
 
“ทำไมนนท์ ทำไม ไม่เชื่อใจกัณฑ์ หรือนนท์ไม่รักกัณฑ์แล้ว”

“เชื่อสิ นนท์เชื่อกัณฑ์ นนท์รักกัณฑ์”

สุดท้ายผมตัดสินใจจ้างนักสืบสืบเรื่องของกัณฑ์ ภาพที่นักสืบส่งมาให้ทางอีเมล์ ภาพของกัณฑ์กับผู้หญิง และภาพเคลื่อนไหว

มองไม่ชัดที่ผมแอบเอากล้องไปติดไว้ในห้องนอนบนคอนโด เห็นกัณฑ์มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น โดยที่ไม่เอะใจเลยว่าผู้หญิงที่อยู่

กับกัณฑ์ เกือบทุกครั้งคือคนที่อยู่ข้างผมเกือบตลอดเวลาเช่นกัน ผมเลือกจะเก็บความรู้สึกไว้ ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร แล้ววันนั้นผม

ตัดสินใจไปดื่มหล้าที่บาร์แห่งหนึ่งเพื่อให้รู้สึกดีขึ้นแล้วผมก็ได้พบคนคนหนึ่ง

“นนท์หรอ นนท์ใช่ไหม”

“เรารู้จักกันด้วยหรอ”

“ที่วันนั้นนนท์ไปงานวันเกิดเพื่อนของกัณฑ์ไง”

ภาพอดีตคืนนั้นค่อยกลับคืนมา คนที่นั่งดื่มอยู่บนโต๊ะเดียวกันกับพวกผม เพื่อนของกัณฑ์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นทั้งหมดให้ผม

ฟัง ผมตกใจและเสียใจในสิ่งที่ได้ยิน กัณฑ์ติดหนี้เพื่อนที่เจ้าของวันเกิด เพื่อนของกัณฑ์คนนี้ชอบผม กัณฑ์จึงพาผมไปที่งาน

เพื่อใช้ผมขัดดอก และเพื่อนคนอื่นร่วมแจม โดยที่กัณฑ์บอกกับทุกคนว่าผมไม่มีทางเปิดเปากบอกคนอื่นแน่นอน

ส่วนเพื่อนกัณฑ์ คนที่อยู่กับผมปฏิเสธการชักชวนของกัณฑ์ เขาไม่ชอบผู้ชาย ได้แต่คิดว่ากัณฑ์ไม่มีส่วนรู้เห็นแต่มันไม่ใช่

แต่มันเป็นฝีมือของกัณฑ์ทั้งหมด วันต่อมาออกไปกินข้าวข้างนอกกับน้ำริน เห็นกัณฑ์นั่งรถไปกับผู้หญิงคนอื่น

ผมจึงตัดสินใจที่จะจบทุกอย่าง
 
ยืนมองภาพสุดท้ายคนที่ผมเคยรัก กำลังร่วมรักกับผู้หญิงคนนั้นอย่างมีความสุข ตอนนี้น้ำตาผมไม่มีให้ไหลแล้ว

ความรู้สึกที่เคยเจ็บปวดตอนนี้ไม่หลงเหลืออีกแล้ว หลับตาลงก่อนที่วิญญาณผมหายลับไป

เสียงหมาเห่า หอน ต้อนรับผม ตอนนี้วิญญาณผมปรากฏอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นไร่กว่ามีรถยุโรปรถ

ญี่ปุ่นจอดอยู่ในโรงรถ เดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นที่พ่อของผมเคยนั่งเป็นประจำ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือผู้ชายอายุใกล้ย่าง

ห้าสิบปียืนชะเง้อออกไปนอกประตูบ้าน

“ใครมาหรอคะคุณ”

“ไม่มีสงสัยหมามันเห่าแมวมั่ง”

“ไปนอนได้แล้วมั้งคุณ ดึกแล้วนะ”

“เดี๋ยวผมนั่งเล่นอีกซักหน่อย”

“ได้ค่ะเดี๋ยวฉันไปชงอะไรอุ่นๆให้ดื่มนะคะ” แม่เดินหายเข้าไปครัว ผมเดินตามแม่ไป

“ฮึก..ฮึก..นนท์เมื่อไหร่ลูกจะกลับมา..เมื่อไหร่ลูกจะหายโกรธพ่อกับแม่ พ่อเขายืนรอนนท์ที่ห้องนั่งเล่นจนดึกทุกวันเลยนะ

ฮึก...ฮึก..กลัวว่านนท์กลับมาแล้วไม่เจอใคร” ผมเหมือนถูกชกไปที่หน้าอย่างแรง ฮึก..ฮึก พ่อ พ่อยังรอผมทุกวันยังรอผมกลับ

บ้าน

“แม่ แม่เห็นนนท์ไหมนนท์อยู่ตรงนี้ไงแม่ อยู่ตรงหน้าแม่แล้ว นนท์ขอโทษแม่ นนท์ขอโทษ”

ผมพยายามตะโกนสุดเสียงออกมาแต่ยังไม่ได้ยินเสียง พยามเข้าไปสวมกอดแม่เพื่อปลอมโยน เหมือนที่แม่เคยทำ

แต่สัมผัสแม่ไม่ได้ สัมผัสไม่ได้ แม่เช็ดคราบน้ำตาไหลอาบสองแก้ม แล้วเดินถือแก็วโอวัลตินอุ่นอุ่นไปให้พ่อ

“โอวัลตินค่ะ”

“คุณ..คุณว่านนท์จะหายโกรธเรายัง แล้วพรุ่งนี้นนท์จะมาหาเราไหม”

“ฮึก..ฮึก..กลับมาค่ะ เชื่อสิคะลูกต้องกลับ นนท์เป็นเด็กดี แค่ตอนนี้งานยุ่งยังกลับมาไม่ได้ก็เท่านั้น”
 
ผมมองสายตาที่เหม่อลอยของพ่อมองทอดออกไปทางประตูรั้วบ้านที่มืดสลัว ที่มีเพียงไฟหน้าเปิดไว้เท่านั้น หลายเดือนแล้วที่

ผมออกจากบ้านไม่เคยคิดที่จะกับมาที่นี่เลย ไม่มีเลยสักครั้ง แค่คิดว่ามีความสุขที่ได้อยู่กับคนที่ผมรักและรักผมโดยไม่มีใครคอย

ห้าม ไม่มีใครคอยขัดขวางความรักของเรา แต่กลับมีคนอยู่สองคนที่รอผมตลอด รอว่าเมื่อไหร่ผมจะกลับมา

รอว่าเมื่อไหร่ผมจะหายโกรธ แม้กระทั่งโทรศัพท์ผมยังไม่เคยหยิบขึ้นมาโทรหาที่บ้าน ในขณะที่ผมออกไปกินข้าวกับคนที่ผมรัก

แต่ผมทิ้งคนที่รักผมไว้ที่บ้าน ผมดีใจที่ได้อยู่กับคนที่ผมรักแต่คนที่รักผมต้องชะเง้อรอผมรอผมกลับมาทุกวัน
 
“พ่อ นนท์ขอโทษ นนท์ผิดไปแล้วนนท์ไม่ได้ตั้งใจ” เป็นเพราะผมพ่อถึงมีอาการอย่างนี้

ผมคุกเข่าลงแล้วก็มกราบเท้าผู้กำเนิดทั้งสอง ขอโทษครับ ไม่รู้ว่าต้องขอโทษอีกกี่ร้อย กี่พันกี่หมื่นครั้ง

 ถึงจะส่งไปถึงคนทั้งคู่ นั่งมองคนทั้งคู่นอนด้วยกันอยู่บนเตียง แล้วทิ้งตัวลงช่องว่างที่เหลือไว้ครั้งสุดท้ายที่ผมนอนกับพ่อแม่คือ

ตอนไหน ครั้งสุดท้ายที่บอกพ่อแม่บอกว่า ฝันดี คือตอนไหน ครั้งสุดท้ายที่บอกว่ารักพ่อแม่คือตอนไหน

แต่ที่สำคัญก่อนที่จะออกจากบ้านนี้ผมบอกกับพ่อแม่ว่าไม่รักพ่อแม่แล้ว นั่นแหล่ะคือสิ่งที่ผมจำได้

อ้อมกอดของพ่อแม่จะยังอุ่นเหมือนเดิมไหม ความห่วงใยจากพ่อแม่จะยังรู้สึกดีเหมือนเดิมรึเปล่า

นอนอยู่บนเตียงซักพักก็ออกมาจากห้องพ่อแม่เดินมาที่ห้องนอนของผมห้องนอนที่ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

ยืนมองลิ้นชักบนหัวเตียงที่เก็บของส่วนตัวไว้ในนั้นถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่มีใครสามารถเปิดได้ แต่ตอนนี้แม้กระทั่งผมก็เปิดไม่ได้

กริ้ง กริ้ง เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น คิดว่ามันคงใกล้เวลาที่จะต้องไปแล้วซินะ

ก๊อก ก๊อก “โทรศัพท์ค่ะคุณผู้หญิง” พี่แจ่มยื่นโทรศัพท์ให้คุณแม่

“ค่ะ ..ใช่ค่ะ..ค่ะ..อะไรนะคะ..ฮึก ฮือ..ค่ะเราจะรีบไป” คุณแม่ร้องไห้อีกแล้ว ตอนนี้คุณแม่นั่งทรุดลงไปกับพื้นโดยมีพี่แจ่มช่วยพยุง

“แจ่ม บอกลุงชมให้เอารถออก ฉันจะไปรับศพนนท์...โธ่นนท์...นนท์ลูกแม่..” พ่อกับแม่สวมชุดสีดำขึ้นรถโดยมีผมไปด้วย

พ่อคงไม่รู้เรื่องที่เกิด แต่แม่เหมือนคนกำลังจะขาดใจ ใบหน้าแดงกล่ำ น้ำตาที่ไหลไม่หยุด พี่แจ่มเอายาดมให้แม่ดมตลอดเวลา

 จะทำยังไง เป็นผม ผมทำร้ายคนที่ผมรักละรักผมครั้งแล้วครั้งเล่า

รถจอดที่หน้าโรงพยาบาลแล้ว พ่อแม่พี่แจ่มพยุงกันไปติดต่อสอบถามที่ประชาสัมพันธ์

“รอสักครู่นะคะ....คนไข้บริจาคหัวใจไว้ค่ะ.....” ใช่...ใช่แล้วผมได้เคยบริจาคหัวใจไว้ สิ่งสุดท้ายที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อคน

อื่นได้ ถึงจะไถ่บาปที่ทำลงไปไม่ได้แต่เป็นการทดแทนความรู้สึกผิดของผม

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงดังก็องในหูผม ผมเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยเรื่อยจนถึง “ห้องผ่าตัด”  ป้ายหน้าห้องเขียนไว้อย่างนั้น

ก้าวเข้าไปอย่างช้า ภายในห้องเงียบได้ยินเพียงเสียง สัญญาณชีพที่เป็นจังหวะ เด็กชายคนหนึ่งบนอยู่บนเตียงสวมเครื่องช่วย

หายใจ เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพนี้คงเป็นของเด็กคนนี้ หมอพยาบาลกำลังผ่าตัดอะไรซักอย่างให้เด็กผู้ชายคนนี้

ผมเหลือบไปเห็นอีกเตียงเตียงที่มีร่างร่างหนึ่งที่นอนอยู่และร่างนั้นเป็นผมเอง อย่างนั้นหรือเด็กคนนั้นคือคนที่ได้หัวใจของผมไป

“นี่นายดูแลหัวใจพี่ให้ดีนะ..ไม่อย่างนั้นพี่จะกลับมาทวงคืนไม่รู้ด้วย” ดูเหมือนการรักษาจะเป็นไปอย่างราบลื่น

“ไม่ได้หรอกครับพี่” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่ข้างผมเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก ตากลมโตดวงตากระจ่างใส

“นี่เราเป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง ที่สำคัญเรามองเห็นพี่ด้วยหรอ”

“ผมนอนอยู่ตรงนั้นครับ นอนอยู่ข้างข้างพี่ชาย” เด็กผู้ชายชี้ไปที่ร่างที่นอนอยู่เตียงผ่าตัด แล้วยิ้มให้

“เราป่วยเป็นอะไร”

“ผมป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เกิด แต่คืนนี้ผมถูกรถชน”

“แล้วทำไมวิญญาณเรามาอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่เข้าร่าง” ผมถามอย่างสงสัย

“ผมกลับเข้าไปไม่ได้ ” ไม่นานมีมีวิญญาณผู้ชายหนึ่งปรากฏขึ้นข้างข้างน้อง

“ พี่ชายพ่อผมมารับผมแล้ว” ผมไม่เข้าใจที่น้องพูด

“ เราจะไปไหน” ผมถามน้อง

“ผมคงต้องไปแล้วครับ เวลาของผมกำลังจะหมดแล้ว” น้องไม่ตอบคำถามของผม เสียงสัญญาณชีพดังขึ้น หมอพยาบาลวิ่งวุ่น

ทุกอย่างในห้องผ่าตัดวุ่นวาย ผมยังพยายามคุยกับน้อง ตกใจในคำพูดของน้อง ผู้ชายคนนั้นจูงมือน้องแล้วทั้งสองเดินจากไป

ด้วยร้อยยิ้ม พร้อมกับแสงสีขาวสว่างจ้าจนผมต้องหลับตา



***********************************************************************
 :hao5: :hao5: :mew6: :mew6: :mew4: :mew4:
จบลงไปอีกตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หลายคนเวลามีความรักมักจะลืมนึกถึงคนที่บ้านที่คอยดูแลฟูมฟักมาแต่เด็กเสมอ พอนนท์มานึกได้ตอนนี้ก็อาจเรียกได้ว่าสายไป
แต่คิดว่านนท์อาจมีหนทางได้แก้ตัวอยู่นะ น่าสงสารก็แต่พ่อกับแม่ของนนท์ที่คิดว่าเสียลูกไปแล้ว กว่านนท์จะฟื้น(ในร่างใหม่)ก็ไม่รู้จะจำเรื่องของตัวเองได้หรือไม่(คิดว่าน่าจะจำได้นะ)
การกระทำของกัณฑ์กับน้ำรินเรียกได้ว่าโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมากๆ อยากเห็นสองคนนี้ได้รับผลกรรมจริงๆ

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
มาเจิมเรื่องใหม่ค่ะ  น่าติดตาม นนท์จะกลับมาเข้าร่างอีกใช่ไหม..มาต่ออีกนะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
สงสารนนท์ ขอให้คนชั่วได้รับกรรม สงสารที่สุดคือพ่อแม่ของนนท์ ขอให้นนท์ได้แก้ตัวด้วยเถอะนะ

ออฟไลน์ 98NooNid0831

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อย่าบอกนะว่า เด็กคนนั้นตาย แล้วนนก็ได้ไปอยู่ร่างของเด็กคนนั้นแทน  :ruready

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
นั่นสิ นนท์จะเข้ามาอยู่ในร่างน้องคนนั้นแทนใช่มั๊ย??  ให้คนชั่วได้รับผลกรรมที่ก่อเหอะ แล้วให้นนท์ได้แก้ไขอดีตที่ผิดพลาดไป

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
หวังว่า ไอ้กัน คงไม่ใช่พระเอกนะ เลวมาก อยากเห็นมันรับกรรมอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

ตอนที่ 3
[/size][/b]

กระพริบ ระยิบระยับ เจ้าดาวดวงน้อย
ฉันสงสัย เจ้าคืออะไรกัน
พร่างพราวอยู่เหนือสูงขึ้นไป
ดุจอัญมณีบนท้องฟ้า
กระพริบ ระยิบระยับ เจ้าดาวดวงน้อย
ฉันสงสัย เจ้าคืออะไรกัน
เมื่อแสงแดดอันร้อนแรงของพระอาทิตย์ได้ผ่านพ้นไป
เมื่อไม่มีสิ่งใดส่องแสงอยู่เบื้องบนท้องฟ้า
เมื่อนั้นเจ้าก็จะส่องแสงอันน้อยนิดของเจ้าออกมา
กระพริบ ระยิบระยับ ผ่านคืนค่ำที่มืดมิด
กระพริบ ระยิบระยับ เจ้าดาวดวงน้อย
ฉันสงสัย เจ้าคืออะไรกัน
นักเดินทางที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด
ได้ขอบคุณสำหรับแสงน้อยนิดนั้นของเจ้า
เขาไม่อาจเห็นหนทางที่เขาจะไปได้
หากเจ้าไม่กระพริบ ระยิบแสงให้
 กระพริบ ระยิบระยับ เจ้าดาวดวงน้อย
ฉันสงสัย เจ้าคืออะไรกัน

“กระพริบ ระยิบระยับ เจ้าดาวดวงน้อย“ ผมได้เสียงเพลง เพลงที่แม่ร้องกล่อมเป็นประจำตอนเด็ก พยายามขยับปากร้องตาม

 และต้องสะดุ้งตื่นตกใจ ปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างของหลอดไฟที่อยู่บนเพดาน ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ผมนอนอยู่บนเตียง

ภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวอย่างนั้นหรอ ว่าแต่มันเป็นห้องอะไรเจ็บหน้าอกความรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ผมมีแผลที่หน้าอกตั้งแต่เมื่อ

ไหร่ แล้วทำไมถึงรู้สึกปวดตามตัวไปหมดและปวดบริเวณขมับนี่ด้วย ความรู้สึก ความรู้สึกอย่างนั้นหรือผมมีความรู้สึก

ทำไมทำไมถึงรู้สึกเจ็บได้ในเมื่อผมตายไปแล้ว ยกมือขึ้นดู

นี่ไม่ใช่มือผม มือผมไม่เล็กอย่างนี้ร่างกายผมหดเล็กลงรึไง มองไปรอบรอบห้องอีกครั้ง ไม่มีใครอยู่ในห้อง

ไม่มีใครสักคนที่จะอยู่คอยตอบคำถามของผม ได้โปรดเถิดใครที่กำลังเล่นตลกกับชีวิตของผมอยู่ขอให้หยุดที

หากทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นฝันร้ายขอให้ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งขอให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม กลับมาเป็นผมคนเดิม

ไม่นานความง่วง ความอ่อนเพลียก็เข้าจู่โจม ทำให้ต้องหลับตาลงอีกครั้งไม่รู้ว่าครั้งนี้จะหลับไปนานเท่าไหร่หรืออาจจะตลอด

กาลก็เป็นไปได้

จนกระทั้งได้ยินเสียงน้ำ เสียงคนพูด รู้สึกเย็นเย็นชื้นชื้นสัมผัสที่ผิวหนัง พยายามลืมตาขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีขาวสวมหมวก

มีผ้าปิดหน้า พยาบาลอย่างนั้นหรอ เธอกำลังเช็ดตัวให้ผม อีกคนกำลังเช็คน้ำปริมาณน้ำเกลือที่ห้อยอยู่บนเสา

“คนไข้รู้สึกตัวแล้วหรอคะ เป็นยังไงบ้างไม่สบายตรงไหนบ้างคะ” พยาบาลสาวสวยทักทายผมทันทีที่ลืมตาตื่น

 เธอมองเห็นผม เป็นไปไม่ได้ มันหมายความยังไง

“เดี๋ยวเรียกคุณหมอให้นะคะ” ผมเป็นอะไร ป่วยหรอ แต่ก่อนอื่นขอไขข้อข้องใจที่น้องได้พูดกับผมก่อนที่จะจากไปก่อน

“ขอ..ขอโทษนะครับ ผมขอยืมกระจกได้ไหมครับ” นี่..นี่ไม่ใช่เสียงผม นางพยาบาลเดินไปหยิบกระจกให้

เธอยื่นกระจกขนาดกลางส่งให้ ผมยื่นมือที่ไม่ใช่ของผมออกรับ ผมยังไม่กล้าส่อง ยังไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง

ค่อยๆยกกระจกขึ้น น้ำตาของผมไหลออกมา

“ฮึก..ฮือ...อึก..” คนที่อยู่ในกระจกไม่ใช่ผม ไม่ใช่ผม นั่นหมายความว่าเรื่องทั้งหมดเป็นคนจริง

 “คนไข้เจ็บตรงไหนคะ ตามหมอให้แล้วเดี่ยวคุณหมอก็มา”   

“เปล่า..เปล่าครับ” ผมพยายามทบทวนความจำครั้งสุดท้ายก่อนที่ฟื้นขึ้นมา
 
“ผมคงต้องไปแล้วครับ เวลาของผมกำลังจะหมดแล้ว”

“หมายความยังไง พี่ไม่เข้าใจ”

“พ่อมารับผมแล้ว แต่ผมเป็นห่วงแม่ พี่ครับเวลาของผมหมดแล้ว ผมต้องไป ผมได้ตายไปแล้วร่างกายนี้จะกลับมามีชีวิตอีก

เพราะหัวใจของพี่  เวลาของพี่ยังไม่หมด พี่ยังมีเวลา พี่ช่วยผมดูแลแม่ได้ไหม ช่วยผมดูแลนะผมขอร้อง” วิญญาณของน้องและ

พ่อค่อยเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม เสียงสัญญาณชีพยังดังเตือนไม่หยุด ในที่สุดผมเห็นแสงสีขาวสว่างจนแสบตาจนต้องหลับตา

ตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในร่างของน้อง แล้วน้องเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วทำไมต้องมานอนที่โรงพยาบาลผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยว

กับน้องเลยสักอย่าง

สูดอากาศหายใจเข้าปอดอีกครั้ง นี่สินะคือความรู้สึกของการมีชีวิตน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความเสียใจแต่เป็นการ

ขอบคุณ การมีชีวิตอยู่ได้มีลมหายใจมันดีอย่างนี้เอง ผมสัมผัสใบหน้าในกระจก คิ้ว ตาจมูก ปาก เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนน่าตาดี

คนหนึ่งแต่น้องเรียกว่าหน้าตาดีมาก บนศีรษะมีผ้าก๊อตสีขาวปิดอยู่ดวงตากลมโตกระจ่างใส ทำไมดวงตาคู่นี้ถึงได้สวยอย่างนี้

ต่อไปร่างกายนี้เป็นของผม ผมก็คือเจ้าของร่างกายนี้

ก๊อก ก๊อก เสียงคนเคาะประตู

“สวัสดีครับ..คนไข้อาการเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บแผลที่ผ่าตัดรึเปล่า หรือมีอาการปวดหัวบ้างรึเปล่า” คุณหมอมีอายุ รูปร่างสูง

ท่าทางใจดีเดินเข้ามาสอบถามอาการและหยิบแผ่นชาร์ตเพื่อเช็คอาการของผม นิน นินทนัฐ สีขาว อายุ 17 ปี

ประวัติที่ปรากฏอยู่แผ่นชาร์ต ชื่อผมอย่างงั้นหรอ

“คุณหมอครับ...ผมจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ชื่อตัวเอง”

“ไม่ต้องตกใจนะครับ อาจจะเกิดจากศีรษะได้รับการกระแทรกอย่างแรง  ไม่นานความทรงจำก็จะกลับมา หมอให้คำตอบไม่ได้ว่า

จะเป็นพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนนี้ ปีนี้ เรื่องนี้ต้องใช้เวลา” คุณหมอสอบถามอาการป่วยของผมเพิ่มเติม พูดคุยเรื่องทั่วไปกลัวผมเกิด

อาการเครียดหลังจากผ่าตัดอาจจะกระทบต่อแผลได้ คุณหมอบอกว่าแผลผมหายเร็วมากและหัวใจเข้ากับร่างกายใหม่ได้อย่างดี

หลังจากการผ่าตัดผมหลับไปนานถึง 48 ชั่วโมงคุณหมอบอกว่าผมตื่นขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งและก็หลับไปอีก ผมต้องพักในห้อง

ปลอดเชื้อมาสองวันแล้วเพิ่งถูกย้ายมาที่ห้องพักฟื้นหากไม่มีผิดพลาด ผมจะพักรักษาร่างกายอีกหกสิบวันก็จะดีขึ้น

หลังจากนั้นคุณหมอขอตัวไปตรวจคนไข้คนอื่นต่อ

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากที่คุณหมอออกไปได้ไม่นาน เป็นผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาในห้อง คนหนึ่งอายุน่าจะยี่สิบ

ต้นต้น เธอมีใบหน้าที่สวย ผิวขาว แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงมีอายุ ใบหน้ามีริ้วรอยที่บอกว่าผ่านอะไรมา

เยอะ แต่งกายด้วยเสื้อผ้ากลางกลางใหม่ ทั้งสองจ้องมองมาที่ผมที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย

“นินฟื้นแล้วหรอลูก”คนนี้เรียกผมว่าลูก ถ้าอย่างนั้นน่าจะเป็นแม่ของผม เธอบอกว่าช่วงที่ผมหลับอยู่โรงพยาบาลห้ามเยี่ยมกลัว

แผลจะติดเชื้อ เธอคงเป็นห่วงผมมาก ก่อนที่เธอจะมาพบผมเธอไปพบหมอเจ้าไข้ก่อน เธอบอกว่าเธอทราบอาการความจำเสื่อม

ของผมแล้ว เธอน่าจะรักผมมากดูจากแววตาที่แสดงความรัก ความห่วงใย ออกมาอย่างชัดเจนจากดวงตาคู่นั้น

“น้องนินพักผ่อนเยอะๆนะคะ” ผู้หญิงอีกคนเธอบอกว่าชื่อเจนมี่เป็นคนขับรถชน และเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างใน

ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้

น้องช่วยแม่ขายพวงมาลัยที่สี่แยกไฟแดง พี่เจนมี่ดื่มจากงานปาร์ตี้ทำให้ชนน้องเข้าหลังจากนั้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

แต่โรคหัวใจที่เป็นมาตั้งแต่เกิด อาการกำเริบจึงต้องการการเปลี่ยนถ่ายหัวใจด่วนและโชคดีที่นนท์ได้บริจาคหัวใจไว้

พี่เจนมี่เป็นลูกคนมีฐานะ น่ายินดีที่เธอรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

“พี่กลัวว่าน้องนินจะเหงาเลยซื้อหนังสือมาให้อ่าน” ยกมือไหว้รับหนังสือที่พี่เจนมี่ซื้อมาให้ เป็นหนังสืออ่านเล่น นิยาย การ์ตูน

ใช่แล้วตอนนี้ผมไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว มองหน้าคนทั้งสองที่อยู่ข้างๆเตียงมีแม่แม่ของผมที่ต้องดูแลอีกคน จากนั้นพี่เจนมีก็ขอตัว

กลับบอกว่าวันหลังเธอจะเข้ามาเยี่ยมอีกครั้ง ส่วนแม่พิมพ์ก็ต้องกลับก่อนเพราะหมอยังไม่อนุญาติให้นินเฝ้า

หลายวันต่อมาอาการของผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับไม่โรคแทรกหรืออาการอาการที่หน้าเป็นห่วง

“ข่าวความคืบหน้าคดีปล้นบ้านเจ้าของธุรกิจห้องเสื้อชื่อดัง นายนนท์ทวัฒ...... จากการสืบสวนยังไม่สามารถตามจับคนร้ายได้

 ......” มองภาพข่าวที่นักประกาศข่าวรายงานความคืบหน้าคดีของผม ข่าวที่ออกมาบ้านผมถูกปล้น เรื่องที่ถูกข่มขืนคงถูกปิดข่าว

ไว้ ภาพข่าวที่มีพ่อและแม่ให้สัมภาษณ์เรื่องานศพ ท่านทั้งสองจะเก็บศพไว้จนครบหนึ่งร้อยวันแล้วหลังจากนั้นค่อยทำพิธีกรรม

ทางศาสนา ใบหน้าทั้งคู่ดูเศร้า เหมือนไม่ได้พักผ่อน ภาพทั้งคู่ร้องไห้ทำไห้อดร้องตามไม่ได้ ผมอยากพบพ่อกับแม่ของผมอยาก

ไปกราบท่าน อยากบอกว่าผมยังไม่ตายผมยังไม่ไปไหน แต่มันเป็นไปไม่ได้ถ้าทำเช่นนั้นอาจจะหาว่าบ้าก็เป็นได้ มีทางไหนที่ไป

เจอท่านทั้งสอง พ่อครับแม่ครับรอนนท์นะครับนนท์จะหาทางไปกราบเท้าทั้งสองให้ได้ คนร้ายยังหาตัวไม่เจอ แต่ก่อนไม่เคยเชื่อ

เรื่องกฎแห่งกรรม แต่เรื่องที่เกิดกับผมทำให้เริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่

“อ้าวนิน ดูอะไรอยู่ลูก”

“ปะ...เปล่าผมแค่ดูภาพเฉยๆ” ผมตกใจที่แม่พิมพ์เข้าในห้อง ผมรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา วันนี้แม่พิมพ์มาเยี่ยมเหมือนทุกวันแม่

พิมพ์เล่าเรื่องตอนเด็กให้ฟัง ผมสงสารแม่พิมพ์เหลือเกินผมไม่ใช่น้อง และผมไม่มีทางจะแทนน้องได้ด้วยถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไป

คนที่เป็นทุกข์ที่สุดคงเป็นแม่พิมพ์ ถ้าตัดสินใจพูดความจริงออกไปเรื่องทุกอย่างจะจบ“วันนี้แม่เอาไดอารี่ของลูกมาให้อ่านด้วย

นะ เผื่อลูกจะจำอะไรได้บ้าง” แม่พิมพ์ยื่นสมุดธรรมดาเล่มหนึ่งให้ ซึ่งดูแล้วหน้าตามันดูยังไงก็ไม่เหมือนไดอารี่ ผมค่อยๆเปิดอ่าน

ไปทีละหน้า ทีละหน้าเรื่อยเรื่อย

วันที่ 7 มกราคม ..

 วันนี้เป็นวันที่ผมต้องสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปหนึ่งคน คือ พ่อ ของผม วันที่เกิดเหตุการณ์ผมไม่อยู่ที่นั่นด้วย

วันที่ท้องฟ้าเป็นสีครามปกติ ร้อนยังร้อนเหมือนเช่นทุกวัน ผมยังคงนั่งเรียนในห้องเรียน พร้อมเพื่อนักเรียนคนอื่นๆ กว่าสามสิบคน

อาจารย์กำลังยืนสอนอยู่หน้าชั้นเรียนหันหลังให้พวกผม หันหน้าเข้าหากระดาน กำลังเขียนโจทย์คณิตศาสตร์ให้พวกผมแก้

 ผมกำลังลอกโจทย์บนกระดานลงในสมุดแล้วก็มีอาจารย์จากฝ่ายปกครองเรียกผมออกไปพบหน้าห้อง ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการพบ

ผมเรื่องอะไร คุณครูบอกผมให้เก็บของลงกระเป๋าผมเริ่มใจไม่ดี ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับที่บ้านผมรึเปล่า ผมขึ้นรถออกไปนอกโรงเรียน

กับคุณครูฝ่ายปกครองคนหนึ่ง ผมตัดสินใจถามคุณครูคนนั้นว่าจะพาผมไปที่ไหน คุณครูบอกผมว่าโรงพยาบาล ตอนนี้ผมเริ่มจะ

เดาออกแล้วว่าคนที่บ้านต้องมีใครซักคนหรือทั้งสองคนที่เป็นอะไร ผมภาวนาอย่าให้เกิดเหตุอะไรที่มันร้ายแรง ขอให้เขาทั้งคนที่

ผมรักปลอดภัย ผมมาถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งพร้อมคุณครูฝ่ายปกครอง คุณครูเดินไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์แล้วแจ้งชื่อ..พ่อของ

ผม นั่นหมายความว่าคนที่กำลังอยู่ที่นี่เป็น พ่อ ผมเดินตามคุณครูไปเงียบเงียบแต่ในใจของผมไม่เงียบอย่างภายนอก

น้ำตาผมไหลออกมา ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้อง เก็บศพ เป็นแม่ แม่ที่วิ่งมากอดผมไว้  มันร้ายแรงมากร้ายแรงกว่าที่ผมคิดไว้

พ่อจากผมจากแม่ไปแล้ว จากไป




                                                                          มีต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2016 11:17:41 โดย jaengs »

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
                                                                     

                                                                 ต่อจากด้านบน

อย่างไม่มีวันกลับ ผมกับแม่เข้าไปดูหน้าพ่อครั้งสุดท้าย เจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมหน้าของพ่อออก ผู้ชายผิวขาวซีด มีริ้วรอยบ่งบอก

อายุอยู่ตามใบหน้า กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ดูสภาพพ่อไม่เหมือนคนตายแต่เหมือนพ่อหลับอยู่ ผมไม่รู้ว่าก่อนจากไปพ่อเจ็บ

ปวดทรมานมากขนาดไหน แต่ตอนนี้พ่อคงไปสบายแล้ว แม่ผมยังคงกอดผมยืนร้องไห้ปานจะขาดใจ แม่บอกผมว่าพ่อถูกรถชน

พ่อกำลังเดินขายพวงมาลัยที่สี่แยกเป็นปกติเช่นทุกวัน ส่วนแม่นั่งร้อยมาลัยอยู่ข้างถนน กับเพื่อนคนอื่น คนที่ขับรถมาขับรถมา

ความเร็ว พ่อของผมตายคาที่ คนที่ชนพ่อบอกจะรับผิดชอบเรื่องงานศพและเงินค่าชดเชย แต่ชีวิตพ่อของผม ผมคิดว่าไม่มีอะไร

แทนกันได้ แต่เมื่อพ่อได้ตายไปแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรกลับมาได้ พ่อครับผมรักพ่อ หลับให้สบายนะครับพ่อ

ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงอีกแล้ว ผมสัญญา สัญญาว่าผมจะเข้มแข็งและสัญญาว่าจะดูแลแม่ ให้ดูที่สุด ผมและแม่รับศพพ่อไปไว้ที่วัด

มีเพื่อนของพ่อแม่มาร่วมงาน มีคุณครูของผม ผมไม่กล้าชวนเพื่อนมากลัวเพื่อนรังเกียจและไม่อยากรบกวนใคร

ผมขึ้นไปวางดอกไม้จันและถ่ายรูปกับรูปของพ่อที่ผมเป็นคนถือไว้ในมือผมยืนมองพ่อครั้งสุดท้ายที่กลายเป็นควันสีขาวลอยสูง

ขึ้นไปบนท้องฟ้า อย่างสงบ     

วันที่ 12 สิงหาคม ...

วันนี้เป็นวันแม่ผมจะเป็นเด็กดีผมเคยได้สัญญากับแม่ ผมตื่นแต่เช้าอาบแต่งตัว ผมจะใช้เงินเก็บของผมจะพาแม่ไปเที่ยววันนี้

พวกเราเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อจะไม่ต้องเผชิญกับรถติด จุดหมายแรกที่ผมจะพาแม่ไปคือ ไปกราบพระ ขอพร ทำบุญ

ให้พ่อ ตอนนี้แม่คือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ผมจึงอยากให้แม่พักจากการทำงานบ้าง ผมกับแม่แวะทานอาหารเช้าข้าวราดแกง

ริมทาง ที่จริงผมอยากมีเงินเยอะๆพาแม่เข้าไปกินอาหารฝรั่ง หรูหรู นั่งอยู่ห้องแอร์เย็นเย็นสบายสบาย ผมมองดูแม่กินข้าวอย่างมี

ความสุข แม่ทำทุกอย่างเพื่อผม ผมป่วยภาระทุกอย่างจึงตกมาอยู่ที่แม่ ถ้าผมดื้อดึงที่จะช่วยอาการผมจะทรุด หนักลง บางครั้ง

ผมต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้มีปัญหาค่าใช้จ่าย สุดท้ายคนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างก็คือแม่ ตอนนี้ผมไม่ดื้อกับแม่อีกแล้ว

แม่ของผมเข้มแข็งมาก แม่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานแม่ไม่เคยบ่นให้ผมฟังว่าแม่เหนื่อย แม่ท้อ หลังจากที่พ่อจากไปไม่นาน

แม่ก็กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม หลังนั้นผมก็ไม่เคยเห็นแม่ไปแอบนั่งร้องไห้ในห้องน้ำอีกเลย ผมพาแม่ไปดูหนังเป็นที่นั่งธรรมดา

ผมมีเงินเท่านี้ แม่บอกด้วยเสียงเครือน้ำตาคลอว่าเป็นครั้งแรกที่แม่เดินเข้าโรงหนัง แม่รู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสเข้ามาดูหนังจอ

ใหญ่ที่นั่งสบาย แอร์เย็น เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสมานั่งดูนั่งกับแม่สองคน ถ้าพ่อยังอยู่เราคงได้มีโอกาสมาดูหนังสามคนพ่อ

ลูก กลับบ้านตอนเย็นวันนี้แม่ทำกับข้าวของโปรดของผม ทุกวันผมต้องกินแต่ผัก อาหารที่ดีต่อหัวใจ แต่วันนี้มีเนื้อปลาด้วย

ผมกับแม่ทานข้าวไปด้วยกันอย่างมีความสุข ก่อนเข้านอนผมเอาพวงมาลัยที่แอบซื้อมา มาไหว้แม่ ผมกราบแม่ลงที่เท้าขอโทษ

ที่ผมทำให้แม่เหนื่อย ขอโทษที่ผมเป็นภาระ ขอโทษที่ผมดูแลแม่ได้ไม่ดีพอ และผมอยากขอบคุณแม่ที่แม่รักผม ดูแลผม

เช็ดตัวให้ผมทุกครั้งที่ผมป่วย อาการป่วยของผมมันทรมานแต่มีแม่อยู่ข้างๆผมก็ดีใจ และผมมีอีกอย่างที่ผมต้องบอกแม่

ผมรักแม่นะครับ

วันที่ 9 มีนาคม .....

วันนี้เป็นวันที่ผมดีใจมากที่สุดอีกวัน และเป็นวันที่แม่ภาคภูมิใจเช่นกัน ในที่สุดผมก็จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว ผมไม่มีของเป็นที่

ระลึกเหมือนเพื่อนคนอื่นในวันพิธีปัจฉิมนิเทศ เพราะผมไม่มีเงินมากพอ ผมต้องเก็บเงินไว้เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมมองดู

เพื่อนแลกของที่ระลึกบริเวณสนามของโรงเรียน มีเพื่อนเอาของมาให้ผมด้วยแต่ผมต้องบอกไปตามความจริงว่าผมไม่มีเงินซื้อมา

ให้ เพื่อนบางคนรู้จักผมมานานเขารู้ฐานะทางครอบครัวของผมดี บางคนบริจาคเสื้อผ้าให้กับผม ผมมีวันนี้ได้เพราะเพื่อนหลาย

หลายคนในห้อง คุณครูในโรงเรียน พ่อและแม่ ผมมีโรคประจำตัวไม่สามารถที่ทำงานหนักได้ ทุกคนรู้และพยายามเข้าใจผม

ผมต้องตื่นแต่เช้านั่งรถเมล์ไปโรงเรียน ส่วนตอนกลับผมไปนั่งรถเมล์ไปแถวสี่แยกที่พ่อแม่ขายพวงมาลัยอยู่ผมไปนั่งรอเพื่อจะได้

กลับบ้านพร้อมกัน แม่บอกว่าให้ผมอยู่บ้านคนเดียวเป็นห่วง เพื่อนผมบางคนมีพ่อแม่ขับรถราคาแพงมาส่งหรือขับรถมอเตอร์ไซด์

มาเอง เมื่อมาถึงโรงเรียนผมต้องมารวบรวมการบ้านแล้วเอาไปส่งให้เพื่อนนี่คือหน้าที่ผมได้รับมอบหมาย บางวันผมต้องไปช่วย

งานคุณครูในห้องพักครู ถ้าอยู่ใกล้ครูหากเป็นอะไรไปครูจะได้ดูแลผมได้ทันท่วงที ทำให้ผมไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ผมแอบมอง

เพื่อนเพื่อนเขียนเฟรนด์ชิฟแรกกันผมอยากเขียนบ้างอยากเขียนความรู้สึกว่าผมอยากขอบคุณเพื่อนแต่ละคนที่เคยช่วยเหลือ

อะไรผมไว้บ้าง ผมไม่สามารถตอบแทนเป็นสิ่งอื่นได้แต่ที่ผมทำได้คืออยากบอกว่าขอบคุณเพื่อนเพื่อนทุคน ผมมีสมุดเฟรนชิพ

ของตัวเองที่ผมซื้อมาแต่ไม่กล้าให้เพื่อนเขียนกลัวเพื่อนปฏิเสธไม่มีใครอยากเขียนให้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีโอกาสเขียนลงใน

สมุดไดอารี่ของผมเอง  ผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีเสียงอันดับต้นๆของประเทศได้ แต่แม่ผมก็ต้องหาเงินเพื่อเตรียม

จ่ายค่าที่ผมต้องเข้ารายงานตัว แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะพยายามต่อไปเพื่อแม่และเพื่อตัวของผมเอง 
                 
วันที่ 25 มีนาคม ....

ผมป่วยผมเกิดมาพร้อมกับโรคหัวใจ ตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ไม่เคยให้ผมทำงานหนัก ผมตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นเพราะอาการป่วยของผม

แต่โชคดีที่ผมมีสมองที่ดี เรียนรู้จดจำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เหมือนสวรรค์ก็ไม่ใจร้ายไปกับผมซะทุกอย่างที่ยอมมอบสิ่งที่

ชดเชยกันได้มาให้ เพราะไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีประโยชน์อะไรเลย ตอนเด็กผมมักนั่งมองเพื่อนวิ่งเล่นอยู่สนามเด็กเล่นที่กำลัง

ขี่ชิงช้า เล่นสไลน์เดอร์ จับกลุ่มเล่นซ่อนหา และเล่นวิ่งไล่จับ เสียงหัวเราะของเพื่อนทำให้ผมยิ้มได้ ผมเล่นกับเพื่อนไม่ได้แต่

สามารถนั่งดูเพื่อนได้  พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อยผมสามารถเล่นกับเพื่อนได้ แต่ห้ามออกกำลังมากจนเกินไป มีครั้งหนึ่งที่ผมเล่นกับ

เพื่อนเพลินจนลืมเวลาว่าผมเล่นนานจนเกินไป ทำให้อาการของผมกำเริบ ผมถูกส่งโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่

อาการผมหนักถึงขนาดเข้าโรงพยาบาล ตั้งแต่นั้นผมก็ห้ามการออกกำลังเกินควรอย่างจริงจัง แม่บอกว่าเห็นสภาพผมนอนทรมาน

อยู่บนเตียงแล้วแม่สงสาร ผมไม่เคยรู้ว่ามันอาการอย่างไรผมไม่เคยเห็นสภาพตัวเอง  ยิ่งผมโตขึ้นมากเท่าไหร่อาการผมยิ่ง

ชัดเจนขึ้นเรื่อย แต่ก่อน ผมเคยแอบได้ยินหมอที่ดูแลผมบอกว่าหัวใจของผมทำงานหนักและคงใกล้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนหัวใจ

แต่ผมคงไม่เงินค่าผ่าตัดเยอะขนาดนั้น แต่พ่อกับแม่กำลังหาโอกาสให้ผม พ่อแม่ทำงานหนักขึ้น จนในที่สุดผมก็เสียพ่อของผม

ไป เหลือแม่เพียงคนเดียว ผมรู้เวลาของผมมันใกล้เข้ามาทุกที แต่ขอเถอะครับใครก็ได้โปรดให้เวลาผม ให้ผมดูแลแม่ให้นาน

กว่านี้

ก๊อก ก๊อก

ผมปิดสมุดบันทึกลงมองคนที่เดินเข้าเป็นคุณหมอมาตรวจอาการประจำวันและเอายามาให้ทานก่อนทานข้าว

“เป็นไงบ้างครับวันนี้อาการเป็นไง ขยับตัวบ้างก็ได้นะ”

 “สวัสดีครับคุณหมอ ปวดแผลบ้างนิดหน่อยครับ” สงสัยนอนนานเกินไปรึเปล่าไม่รู้ อยากออกไปเดินเล่นบ้าง

“เดี๋ยวอีกสองสามวันให้แผลสมานตัวมากกว่านี้ เดี๋ยวหมอจะอนุญาตให้ออกไปเดินเล่นข้างนอก ถ้าไปตอนนี้หมอไม่แน่ใจกลัวติด

เชื้อ แล้วจะมีอาการแทรกซ้อนได้” คุณหมออธิบายให้ฟัง

แต่ความคิดยังวนเวียนอยู่กับไดอารี่ของน้องเคยคิดว่าชีวิตตัวเองแย่ทำงานหนักไม่มีเวลาจะกินข้าว ชีวิตน้องนั้นต้องดิ้นรนกว่าที่

จะได้มีข้าวกินแต่ละมื้อ ผมขับรถยุโรปหรูไปทำงาน แต่น้องดีใจที่ได้แค่รถเมล์ประจำทางไปโรงเรียน แม่ของน้องมีอาชีพเป็นคน

ขายพวงมาลัย ไปรับดอกไม้มาร้อยพวงมาลัยเอง ต้องจ่ายค่าที่ ค่าดอกไม้ แย่งลูกค้ากับแม่ค้าคนอื่น วันหนึ่งได้ไม่กี่ร้อย

โชคดีที่น้องเรียนหนังสือเก่งแล้วได้ทุนเรียนฟรี พ่อของน้องถูกรถชนตายบนสี่แยกที่น้องถูกรถชน น้องเป็นโรคหัวใจไม่สามารถ

ทำงานหนักได้ ไม่มีเงินผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ แต่อุบัติเหตุครั้งนี้ก็ได้เปลี่ยนชีวิตคนถึงสองคนในคราวเดียว ผมที่บริจาคหัวใจให้น้อง

 ส่วนน้องให้ชีวิตกับผมอีกครั้ง ไม่ว่าวันข้างจะเป็นยังไงมันคงไม่เลวร้ายไปกว่าไปกว่านี้อีกแล้ว


***********************************************************************

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน

 :mew6: :mew4: :mew6: :mew4: :mew6: :mew4:

โปรดติดตามตอนต่อไป [คงเป็นต้นเดือนก.พ.]


ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
สู้ชีวิตมากนินเอ้ย รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
โอ๊ยสงสารน้องนิน

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
โหยยยย ดีอ่ะ เศร้า และก็ได้เรียนรู้ ขอตามอ่านต่อเลย

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
รออ่านต่อ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
นนท์ก็เก่งน้องก็เก่ง กลับมาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดนะนนท์ กลับมาทวงของๆตัวเองคืน แก้แค้น5นเลวๆพวกนั้น

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านแล้วน้ำตาซึมเล็กน้อยสงสารน้องนิน... :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
รออ่านต่อนะคะ .....เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

ตอนที่ 4
[/size]

     ต้นไม้สีเขียวขนาดน้อยใหญ่ ผิวพื้นทางเดินถูกปูทับด้วยอิฐตัวหนอนสลับกับต้นหญ้าสีเขียวเล็กๆ ที่นี่คือสวนหย่อมของ

โรงพยาบาลเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนของคนไข้ คนไข้จำนวนไม่น้อยเดินออกมารับอากาศสดชื่นยามเช้า หลายคนกำลังนั่งพูด

คุยกับญาติที่ทางโรงพยาบาลอนุญาตให้เยี่ยมได้ ผู้ป่วยบางคนกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นแล้วมีพยาบาลกำลังป้อนข้าว

บางคนออกมานั่งผ่อนคลายอารมณ์ไม่อยากทนนอนอยู่บนเตียงคนป่วยอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมอย่างนั้น เช่นเดียวกันกับผม

หลังจากที่คุณหมอเจ้าของไข้อนุญาตให้ออกข้างนอกได้ ที่นี่ก็กลายเป็นที่สิงสถิตใหม่ของผม ถือโอกาสหยิบหนังสือที่พี่เจนมี่

ซื้อมาให้ติดมือมานั่งอ่านบนม้านั่งสีขาวตัวยาวที่นั่งเป็นประจำเกือบหนึ่งสัปดาห์ได้แล้วที่ผมใช้ที่นี่เป็นสถานที่นั่งอ่านหนังสือ

“ขอโทษนะหนู ตรงนี้ว่างไหมจ๊ะ” หันไปมองตามเสียง เห็นผู้หญิงสูงวัยท่าทางใจดีคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากผม

เธอมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ด้วยยิ้มที่ดูเป็นมิตร หญิงสูงวัยสวมแว่นสายถือไม้เท้าสำหรับค้ำ อาจจะเป็นขาหรือเข่าที่มีปัญหา

เป็นเรื่องปกติของคนวัยนี้ที่ป่วยด้วยโรคข้อหรือกระดูก ผมไม่แน่ใจว่าเธออายุเท่าไหร่น่าจะประมาณหกสิบปีได้มั้ง

ไม่ใช่รูปร่างภายนอกแต่เป็นสีผมของเธอที่มีสีขาวแซม เธอสวมชุดคนไข้ของโรงพยาบาลเช่นเดียวกันกับผม 

“อ๋อ ว่างฮะ” ไม่รู้ว่าญาติใครปล่อยให้คนแก่มาเดินคนเดียวอันตราย ถ้าหกล้มเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ

“มานั่งอ่านหนังสือที่นี่ทุกวันเลยหรอจ๊ะหนู”เธอพยายามพูดคุยกับผม

 “ฮะ ผมไม่ยากอ่านในห้องเลยออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ”หยุดอ่านหนังสือในมือแล้วใช้ที่คั่นหนังสือคั่นไว้แล้วปิดหนังสือลง

แล้วหันหน้าไปคุยกับคนตรงหน้า ที่ตอนนี้เธอนั่งลงบนม้านั่งสีขาวตัวเดียวกันกับผม

“แล้ว คุณย่าละครับ ให้ผมเรียกคุณย่าได้ไหมครับ”

“ได้จ๊ะ ย่าเข้ามารักษาตัวที่นี่ได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว อออกมาเดินเล่นที่สวน เห็นเรามานั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งตรงนี้เกือบทุกวัน

ตอนแรกย่านึกว่าเป็นเด็กผู้หญิง ทั้งรูปร่าง หน้าตา น่ารักน่าเอ็นดูจริง ท่าทางหนูไม่เหมือนคนป่วย แต่ก็ผอมไปนะ”

“ฮะ ผมชื่อ นินจา ผมป่วยเพราะผมถูกรถชนฮะและต้องผ่าตัดเปลี่ยนตัวใจด้วย แล้วคุณย่าละครับป่วยเป็นอะไร”

“เป็นโรคคนแก่ลูก โรคไขข้อ ที่จริงโรคของย่าก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นแต่ที่บ้านอยากให้รีบมารักษาเพราะปล่อยนานไปจะรักษา

ได้ยาก”

“ที่บ้านเขาคงเป็นห่วงคุณย่านะครับ”

ทั้งท่าทาง รอยยิ้มของคุณย่าดูอบอุ่นและอ่อนโยนจังเลย คนแก่นี่เป็นอย่างนี้ทุกคนรึเปล่านะ ตอนนี้ผมได้เพื่อนใหม่ในโรง

พยาบาลแล้วต่อไปผมคิดว่าเขาคงไม่เหงาอีกแล้ว คุณย่าเป็นคนแก่ที่คุยเก่งมาก ไม่รู้เอาเรื่องมากมายจากไหนมาเล่าให้ฟัง

แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องของครอบครัวของเธอ คนแก่คงเหงาคิดถึงลูกหลาน เลยพูดถึงบ่อยๆ เป็นคนแก่ที่ใจดีมากเลยเป็นที่รัก

ของทุกคนในบ้าน แล้วคุณย่าของผมล่ะเป็นยังไงบ้างนะ ตั้งแต่จำความได้พ่อแม่ก็บอกว่าคุณย่าเสียไปแล้ว

ถ้าคุณย่ายังอยู่ก็คงจะใจดีเหมือนพ่อ ใช่เหมือนพ่อไม่รู้ว่าพ่อแม่จะเป็นยังไงบ้างทำใจเรื่องการตายของผมได้แล้วยัง

รึยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ

“คุณย่าเคยทำเรื่องไม่ดีกับคนที่เรารักและรักบ้างรึเปล่าครับ” อยากรู้ว่าจะมีคนที่เคยเดินทางผิดพลาด ทำให้คนที่เรารักเสียใจ

บ้างไหม  แล้วเขาคนนั้นต้องทนอยู่กับความรู้สึกเช่นไร จัดการกับความรู้สึกสำนึกผิดอย่างไร

“เคยสิ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนเคยทำผิดพลาด ทำให้คนที่เรารักและรักเราเสียใจได้ทั้งนั้น แล้วเราล่ะทำเรื่องอะไรให้พ่อแม่

เสียใจล่ะ”

“คุณย่าทราบ” ผมมองหน้าเธอครั้ง คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนี่ดูเหมือนจะรู้อะไรมากจริงจริง ไม่ว่าผมจะปกปิดสีหน้าความรู้สึกไว้

 ก็คงรู้สึกได้ตามวัย ผมไม่กล้าบอก ไม่ใช่สิผมจะบอกยังไงจะเล่ายังไง

“ไม่ว่าเราทำอะไรไว้  สิ่งที่ผ่านมามันคือ อดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว ร้องไห้เสียใจให้ตายยังไงก็ไม่มีทางกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้

 แต่อนาคตคือสิ่งที่มันยังมาไม่ถึงเราสามารถเปลี่ยนแปลงมันและทำให้ดีกว่าอดีตที่ผ่านมาจะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้เสียใจอีกครั้ง

 มีไม่กี่คนหรอกนะที่จะสามารถได้โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง จงรับโอกาสนั้นไว้ แล้วทำมันให้ดีที่สุด”ผมมองคนตรงหน้านิ่ง

ยอมรับว่าคำพูดของคุณย่าช่วยให้คิดอะไรได้หลายอย่าง ใช่คนเราไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาดแต่จะมีสักกี่คนที่ได้โอกาสแก้ตัว

ใหม่เหมือนผม เธอยื่นมือมากุมมือของผมไว้เหมือนจะให้กำลังใจผม 

“คุณย่าอยากไปเดินเล่นบ้างไหมครับ เดี๋ยวผมพาไป” ผมชวนคุณย่าออกเดินเล่น

ช่วยพยุงเธอลุกขึ้น แล้วเดินรอบรอบสวนสีเขียวของโรงพยาบาล ยามเช้าอากาศเย็นสบายเธอชวนผมคุยไม่หยุดปาก

จนเริ่มสายพระอาทิตย์ส่องแสงแรงขึ้นทำให้เราทั้งสองต้องเดินออกจากสวน ผมเดินมาส่งที่ห้องด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะ

หกล้มระหว่างทาง

“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ผมเดินมาส่งคนย่าที่หลังจากที่พาเธอเดินเล่น ที่แปลกใจคือเธออยู่ห้องถัดไปจากห้องของผมไม่กี่ห้อง

นั่นหมายความว่าผมสามารถมาเยี่ยมเธอได้บ่อยๆ  ตอนนี้เธอชวนผมเข้าไปนั่งเล่นในห้อง

“ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนด้วยนะครับ” เปิดประตูให้เธอเดินเข้าไปในห้องแล้วเดินตามเธอเข้าไปช้าๆ ภายในห้องผู้ป่วยมีทีวีจอยักษ์

 ตั้งอยู่ปลายเตียงผู้ป่วย โซฟารับแขก และโซฟาสำหรับคนนอนเฝ้าคนไข้ ผมพยุงเธอให้ขึ้นนั่งบนเตียง วางไม้เท้าของเธอไว้

ข้างเตียง ปรับเตียงนอนให้เธอนั่งสบายแล้วใช้หมอนสอดเข้าที่หลังของเธอ คุณย่าหยิบรีโมทข้างเตียงขึ้นเปิดทีวีขึ้น

ผมลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียง

“คุณย่าไม่มีพยาบาลพิเศษ หรือคนที่บ้านมาคอยเฝ้าหรือครับ”การที่ปล่อยผู้สูงอายุไว้ตามลำพังน่าเป็นห่วง

“ย่าไม่ต้องการพยาบาลพิเศษ แต่จะมีพยาบาลเข้ามาดูเป็นระยะ ส่วนเด็กรับใช้ที่บ้านตอนบ่ายๆก็คงมา”

อ้อ ก็ดีครับผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ผมเหลือบไปเห็นของเยี่ยมไข้ที่เป็นตะกร้าผมไม้ อาหารเสริมหลายตะกร้า แสดงว่ามีคนมา

เยี่ยมคุณย่าบ่อยๆ 

“10 โมงแล้วคุณย่าหิวรึยังครับเดี๋ยวผมจะปอกผลไม้ให้ทาน” ไม่รอให้เธอตอบหยิบตะกร้าผลไม้เดินเข้าครัว หยิบสาลี่

แอ๊ปเปิ้ล แก้วมังกร ออกมาจากตะกร้าปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำจัดใส่จานสองจาน จานหนึ่งห่อด้วยพลาสติกใสเก็บใส่ตู้

เย็น
“คุณย่าครับทานผมไม้” วางจานผลไม้ไว้บนโต๊ะค่อมเตียง แล้วหยิบส้อมจิ้มผลไม้แล้วยื่นให้เธอ

“ขอบใจลูก”เธอรับส้อมจิ้มผลไม้ไปจากผม

เหลือบไปเห็นหนังสือหลายเล่ม ที่วางไว้บนที่อยู่ตู้ข้างหัวเตียง มีทั้งหนังสือนิยายภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ จากที่อ่านสัน

หนังสือผมไม่รู้จักและน่าจะยังไม่เคยอ่านมาก่อน

“นินสนใจหยิบไปอ่านไหมลูก” เธอหยิบหนังสือที่อยู่ข้างตู้หัวเตียงมา แล้วยื่นให้ ผมรับมาเปิดดู Wedding for me เป็นหนังสือ

แปลครับ เลื่อนสายตาไล่มองไปตามตัวหนังสือไปทีละบรรทัดเพื่ออ่านเรื่องโดยคร่าวคร่าวจากบทนำในหนังสือ

“คุณย่าชอบหนังสือเล่มนี้หรอครับ”

“เปล่าหรอกลูกแต่หลายชายย่าเอามาให้ลองอ่าน” ก็นึกว่าคุณย่าเคยอ่านจะได้รู้เรื่องย่อทั้งหมดว่ามันสนุกรึเปล่า

“คุณย่าอยากให้ผมอ่านให้ฟังไหมครับ”

“นินจะอ่านให้ย่าฟังหรอลูก ก็ดีเหมือนกัน” รอยยิ้มบางบางปรากฏบนใบหน้าหญิงชราตรงหน้า

“เขาว่ากันว่าผู้ชาย-จะสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ไหม หรือว่าบุคลิกและอุปนิสัย ได้ก่อตัวเป็น................” ผมเริ่มอ่านบทนำให้

คุณย่าฟัง

“เรานี่อ่านหนังสือเก่งนะ อ่านให้แม่ฟังบ่อยล่ะซิ”

“คะ...ครับ” ผมค่อยค่อยอ่านไปทีละบรรทัดพร้อมชำเลืองดูสีหน้าท่าทางคนฟัง ถามว่าบ่อยไหมที่อ่านหนังสือให้แม่ฟังต้องตอบ

ว่าไม่เคยมากกว่า ถ้าลองจินตนาการว่าคนตรงหน้าเป็นแม่ของผมที่กำลังนั่งฟังผมอ่านหนังสือให้ฟังท่านจะมีความรู้สึกอย่างไร

จะดีใจไหม จะสนุกไปกับเรื่องที่ผมอ่านไหม แต่สำหรับผม มีความสุขสนุกดีใจทุกครั้งที่แม่อ่านนิทานให้ฟังทุกวันก่อนนอน

Cinderella  คือนิทานที่ชอบเด็กสาวที่เกิดมาพร้อมกับความรักและจิตใจที่ดี ต้องพบกับชะตากรรมที่ตกต่ำ ในเมื่อเธอเป็นคนดี

 มีนางฟ้ามาช่วยให้เธอได้ไปงานเต้นรำกับเจ้าชายรูปงาม แต่ความรักต้องมีอุปสรรคมากมายเขาบอกว่าความรักที่แท้จริงจะ

สามารถฝ่าฝันและก้าวพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ เช่นเดียวกันสุดท้ายแล้วเธอก็ได้ครองคู่กับเจ้าชายรูปงาม เคยคิดว่า นางฟ้า

มีอยู่จริงแม่บอกว่าเขาจะช่วยเหลือเด็กที่คนดีเชื่อฟังพ่อแม่ ตอนเด็กๆผมคอยมองออกไปที่หน้าต่างรอคอยว่าจะมีนางฟ้ามาหา

ผมเหมือนนิทานที่แม่เคยเล่า โดยที่ไม่รู้ว่าที่แท้ผมมีนางฟ้าประจำตัวของผม นั่นก็คือแม่ของผมนั่นเอง เหลือบมองดูคนบนเตียง

ผู้ป่วยอีกครั้ง เห็นเธอกำลังปิดแล้วปากหาว สงสัยเธอคงจะง่วงนอนแล้ว

“คุณย่าครับผมว่าคุณย่างีบซักหน่อยดีกว่าไหมครับ”
 
“ก็ดีเหมือนกัน สงสัยวันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติ” เธอยิ้มให้ ถอดแว่นสายตาแล้ววางไว้บนตู้หัวเตียง ผมปรับเตียงให้อยู่ในท่านอนสบาย

 เธอนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ผมหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมไว้บนร่างของเธอเบาเบา ปิดทีวี ปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ

เก็บจานผลไม้ที่เหลือเข้าตู้เย็น เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งคุณย่าก็เข้าสู้นิทราเรียบร้อย ค่อยๆเปิดประตูห้องแล้วปิดลงแล้วเดิน

ออกจากห้องไป
 
เดินแวะไปห้องอ่านนิตยสารอ่านข่าวรายวันจากหนังสือพิมพ์ว่ามีข่าวอะไรที่น่าสนใจบ้าง ถึงจะอยู่ที่นี่แต่โลกภายนอกก็สำคัญไม่

ต่างกัน โลกยังหมุนถึงผมจะหยุดอยู่กับที่แต่ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเช่นทุกวัน เศรษฐกิจยังแย่ คนจนยังเกลื่อนเมือง

เด็กวัยรุ่นยังขายตัว รถในกรุงเทพยังคงติดน้ำยังท่วมทุกครั้งที่ฝนตก โรคติดต่อยังมีมาเรื่อยๆ และที่สำคัญคดีผมยังไม่คืบหน้าจับ

คนร้ายยังไม่ได้

เมื่ออัพเดตข่าวสารเรียบร้อยเก็บหนังสือพิมพ์เข้าที่ แล้วเดินกลับไปที่ห้องของผม เปิดประตูเดินเข้ามาห้องที่ผมอยู่มานานตั้งแต่

ที่กลับมาลืมตาดูโลกนี้อีกครั้ง คุณพยาบาลกำลังถืออาหารเที่ยงกับยาเข้าในห้อง นั่งลงทานข้าวแล้วทานยา หยิบรีโมทขึ้นมาดู

รายการสารคดีแก้เบื่อ ถึงแม้จะดูว่าไม่สนใจว่าตำรวจจะจับคนร้ายที่ฆ่าผมได้หรือไม่ที่จริงแล้วกังวลมาก หากคนร้ายรับสารภาพว่า

ฆ่าผมเพราะถูกจ้างวานโดยคนรักของผมซึ่งเป็นผู้ชาย ผมไม่อายไม่ใช่ว่าตายไปแล้วแต่เพราะนั่นคือตัวผม สิ่งที่ผมกำลังกังวลคือ

ที่ยังอยู่ พ่อแม่ จะมองหน้าคนอื่นอย่างไร สังคมจะมองทั้งสองคนยังไง  ผมยังเชื่อว่าคนบนฟ้าจะไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล

ไม่วันใดก็วันหนึ่งพวกเขาจะได้รับกรรมที่พวกเขาก่อไว้ และได้ชดใช้มันอย่างสมเหตุสมผล

มองออกไปนอกหน้าต่างมองดูแสงตะวันที่อ่อนแสงลง และกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปในอีกไม่กี่ชั่วโมง อีกไม่นานความมืดจะ

เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ แสงสว่างของหลอดไฟจะเข้ามาแทนที่

มองนาฬิกาอีกไม่นานก็จะถึงเวลาทานยาและอาหารของผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำ

เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดผู้ป่วย ผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ แผลบริเวณที่ได้มาการผ่าตัดตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้วอีกไม่นานจะได้ไปตัด

ไหม แผลมีขนาดไม่ใหญ่มากรอยเย็บไม่น่ากลัวนักความรู้สึกเจ็บไม่มากเหมือนวันแรกที่รู้สึกตัว แผลฟกช้ำตามร่างกายรวมถึงบน

บริเวณศีรษะดีขึ้นมาก ผอมบอกว่าคำเดียวว่าร่างกายของผมผอม คงต้องออกกำลังกาย ร่างกายนี้ไม่สามารถออกกำลังออกแรง

ได้ตั้งแต่เกิด ทำไห้ไม่มีกล้ามเนื้อเหมือนผู้ชายทั่วไป แม้กระทั่งคุณย่าที่เจอผมครั้งแรกก็ยังคิดว่าผมเป็นเด็กผู้หญิง ใช้ผ้าชุบน้ำ

เช็ดไปตามผิวสีขาวที่เนียนนุ่มเหมือนผิวเด็ก ไล่ไปตามลำคอกระดูกไหปลาร้า ท่อนแขนเรียวเล็ก และเว้นบริเวณที่ห้ามโดนน้ำ

จากนั้นเปิดน้ำชำระร่างกายส่วนล่าง ใช้สบู่ถูบริเวณหน้าท้อง สะโพก ไปจนถึงท่อนขาเรียว แล้วเปิดน้ำจากฟักบัวล้างฟองสบู่ออก

และหยิบผ้าเช็ดตัวซับหยดน้ำที่ติดอยู่บนผิวกาย ใบหน้าขาวใส คิ้วสวย ตากลมโต ขนตายาว จมูกสวยได้รูป ริมฝีปากบางสีชมพู

หัวทุยผมเส้นเล็กยาวเคลียไหล่ ปรากฏอยู่บนกระจกเงา ไม่รู้ว่าผมมองใบหน้านี้กี่ครั้งแล้วในกระจก แต่ผมยังคงไม่ชินกับมันเท่า

ไหร่ ถ้าผมเป็นคนที่คิดจะทำศัลยกรรม ใบหน้านี้คงเป็นใบหน้าที่หลายคนเลือกที่อยากทำตาม

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องน้ำ คงจะเป็นคุณพยาบาลที่เข้าเอายาและอาหารมาให้

“ครับ เดี๋ยวผมออกไป” ตะโกนบอกคนข้างนอกให้รู้ จัดการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูออกมา เห็นคุณพยาบาลกำลัง

จดรายละเอียดลงบน Nurse  Note

“นี่คือยาทานก่อนอาหารนะคะ ทานข้าว ส่วนนี่คือยาทานหลังอาหารนะคะ” คุณพยาบาลคนสวยรวบผมสวมหมวกสีขาว

แต่งหน้าบางบาง สวมชุดสีขาวทั้งตัว บอกผมอย่างนี้เกือบทุกครั้งที่เข้าเอายาและอาหารมาส่ง ส่วนคุณหมอช่วงนี้เว้นระยะการ

ตรวจ ช่วงแรกแรกคุณหมอเข้ามาตรวจอาการเช้าเย็น อาการผมดีขึ้นเรื่อยๆคุณหมอก็เข้ามาดูวันเว้นวัน

จนตอนนี้สามสี่วันเข้ามาที อาการแทรกซ้อนไม่มี ร่างกายตอบรับหัวใจนี้ จนคุณหมอยังแปลกใจ คิดว่าหัวใจนี้เป็นของผมเอง

ผมกินยาตามที่คุณพยาบาลสั่ง มันไม่เรื่องยากที่กินยาตามนั้น

หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านฆ่าเวลารอทานข้าว เขาว่ากันว่าชีวิตคนเราก็เหมือนกันกับละครหลังข่าว หรือนิยายสักเรื่อง

มันอาจจะจริงก็ได้  ถ้าผมจะเล่าเรื่องราวชีวิตของผมลงบนกระดาษไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ผมคงจะคิดมากไป เปิดฝาที่ครอบถ้วย

อาหารออก ข้าวสวย ต้มจืด ผัดผักรวม ผลไม้สดและน้ำส้ม 1 แก้ว ฮื้อเมื่อไหร่จะได้ออกจากโรพยาบาลกันนะ แต่ถ้าออกไปแล้ว

ต้องทำอะไรอย่างไรต่อไปเอาไว้ก่อน ผมต้องจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมก่อน แล้วค่อยวางแผนเมื่อออกไปจากที่นี่จะต้องเริ่มต้น

นับหนึ่งอย่างไรดี อาหารโรงพยาบาลไม่ค่อยถูกปาก แต่ก็ต้องกินพยายามทานอาหารตรงหน้าให้หมด เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

และสมบูรณ์ขึ้น ซักพักหยิบยาขึ้นมาทาน เข้าไปในห้องน้ำหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาบีบยาสีฟันลงบนแปรง ขยับแปรงขึ้นลงแล้วบ้วน

ปากเรียบร้อย ตัดสินใจปรับเตียงให้ตรงสำหรับนอนแล้วก้าวขึ้นเตียง หยิบผ้าห่มขึ้นห่มแล้วหลับตาพักผ่อน ผ่านไปหลายวันผม

ยังใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ทานยาทานอาหารตามเวลา ตอนเช้าของทุกวันออกมาเดินสูดอากาศ

นั่งเล่นอ่านหนังสือที่สวนหย่อมบางวันก็ได้มีโอกาสพบคุณย่า ตอนเย็นแม่พิมพ์มานอนเฝ้าเป็นเพื่อนทำให้หายเหงาได้มาก

แผลผ่าตัดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ

ผมรู้สึกตัวแล้วลืมตาขึ้นมองไปที่นาฬิกาที่แขวนไว้บนผนังห้องเป็นเวลา 7.15 นาฬิกา นี่หลับยาวถึงเช้า

ท่าทางเมื่อวานจะเหนื่อยไปหน่อย แม่พิมพ์ของผมมาเฝ้าเช่นทุกวัน วันนี้คงออกไปแต่เช้าเหมือนเดิม

เมื่อวานก็ไม่ได้เจอแม่พิมพ์เพราะคงจะกลับดึก หลังจากที่ทานยาก็รู้สึกง่วง หมอบอกว่าต้องการให้ร่างกายพักผ่อนเยอะๆ

ฮ้าว..บิดขี้เกียจเดินลงจากเตียงเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา  ทำไมรู้สึกเพลียเหมือนยังไม่ได้นอนเลย

ผมว่าผมออกไปเดินเล่นที่สวนหย่อมไปสูดอากาศบริสุทธิ์บางทีอาจจะรู้สึกสดชื่นขึ้น ว่าไปแล้วมีคุณย่าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนก็ดีไป

อีกแบบ ป่านนี้คุณย่าคงตื่นนอนแล้วเดินไปรับคุณย่าที่ห้องดีกว่า เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลงเดินตามโถงทางเดินเพื่อที่จะ

ไปห้องคุณย่า การที่ได้รู้จักกับหญิงชราคนนี้ผมรู้สึกว่าเธอกำลังเหงา เธอมักเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง สามีของเธอเสียชีวิตไปหลายปี

แล้วอาศัยอยู่กับลูกชายคนโต ลูกสะใภ้ และหลานๆ เธอคงรักหลานของเธอ เธอบอกว่าหลานของเธอชอบมีเรื่องปวดหัวมาให้

ลูกชายของเธอบ่อยๆ ภายนอกดูว่าเธอเข้มแข็งแต่แท้จริงแล้วเธอกำลังเหงา พ่อกับแม่ของผมก็คงจะเป็นอย่างนี้เหมือนกัน

ผมมักจะเจอคุณย่าที่สวนหย่อม หลังจากที่เดินเล่นเสร็จผมจะเดินมาส่งเธอที่ห้อง อ่านหนังสือให้เธอฟัง จนเธอหลับไปผมก็กลับ

มาที่ห้อง อ่านหนังสือของตัวเองอีกครั้ง  ห้องพิเศษนี่เงียบจริงจริงไม่มีพยาบาลหรือญาติคนป่วยเดินผ่านมาเลย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องเพื่อคนให้คนภายในรู้ว่าจะเข้าไป ตอนบ่ายทุกวันจะมีเด็กรับใช้มาฝ้าคุณย่า

“คุณย่า คุณย่าครับ อยู่รึเปล่า” เงียบ ไม่มีคนคนมาเปิดประตูให้ ผมตัดสินจับลูกบิดแล้วหมุนผลักประตูให้เปิดเข้าไป ไม่มี

ไม่มีคนอยู่ในห้อง แต่ทำไมเครื่องปรับอากาศยังเปิดอยู่ ทีวียังเปิดไว้ แล้วคุณย่า คุณย่าไปไหน อาจจะออกไปข้างนอกแล้วลืม

ปิดไว้ก็ได้ อุตส่ามาชวนคุณย่าไปเดินเล่น คุณย่าไม่อยู่กลับไปนั่งดูทีวีที่ห้องดีกว่า  ไม่รู้อะไรที่ดลใจผมทำให้ผมเดินไปดูที่

ห้องน้ำ

“คุณย่า คุณย่าครับ คุณย่าเป็นอะไร” ผมเห็นคุณย่านอนอยู่ที่พื้นห้องน้ำ ผมตัดสินใจรีบไปกด Nurse call เพื่อเรียกพยาบาล

 ไม่กล้าเข้าไปเตะต้องร่างกายคุณย่ากลัวจะทำให้กระดูกแตกหักหรือเคลื่อนที่ ผมรอ รอ พยาบาล

“เกิดอะไรขึ้นคะ” เป็นพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา

“พยาบาลครับคุณย่าครับคุณย่าเป็นอะไรไม่รู้” รีบบอกเธอทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา

“อย่าเพิ่งแตะตัวคนไข้นะคะเดี่ยวพี่จะแจ้งคุณหมอ” เธอเดินที่เครื่องสื่อสารกดโทรออกไปติดต่อใครสักคน

ไม่นานผู้ชายสวมชุดสีขาวสามคนเข็นเตียงคนไข้เข้ามาในห้อง ผมยืนมองผู้ชายทั้งสามตรวจชีพจร และเคลื่อนย้ายคุณย่าออก

จากห้องน้ำมาไว้ที่เตียงเข็นที่จอดรออยู่แล้ว ผู้ชายทั้งสามเข็นเตียงคุณยายออกไปจากห้อง และผมที่วิ่งตามออกไป

จนถึงหน้าห้องฉุกเฉินเตียงของคุณย่าถูกเข็นเข้าไปแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์เข้าไปต้องรออยู่ข้างนอก  เสียงคนกำลังวุ่นวายภายในห้อง

ฉุกเฉินลอดออกมาข้างนอก คุณย่าจะเป็นอะไรบ้างรึเปล่า เธอจะปลอดภัยไหม ผมนั่งลงที่เก้าอี้ที่หน้าห้องฉุกเฉินรอฟังอาการ

ของคนข้างใน ไม่อยากสูญเสียอีกแล้วไม่อยากเศร้า ผมคิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น เริ่มทำใจยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้

แล้ว กำลังจะเริ่มต้นใหม่ ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ใบหน้าร้อนผ่าว น้ำตาผมกำลังจะไหลออกมาอีกแล้ว ไม่อยากร้องอีกแล้ว

ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก คุณหมอเดินออกมาแล้วตรงมาที่ผม

“คุณเป็นญาติของคนไข้รึเปล่า”คุณหมอถามผม

“ชะ..ใช่ครับอาการคุณย่าเป็นยังไงบ้าง”ผมต้องการฟังคำตอบของหมอ

“หมอ...หมอเสียใจด้วย”เหมือนเป็นเสียงฟ้าผ่าลงมา หัวใจของผมเต้นแรงมาก และรู้จักปวดหนึบ น้ำตาของผมมันไหลออกมา

แล้วมันกำลังไหลออกมาผมกลั้นมันไม่ได้อีกต่อไป หูผมอื้อไม่ได้ยินเสียงรอบๆข้าง นี่ผมช่วยคุณย่าไม่ได้หรอเนี่ย

ผมเข้าไปพบเธอช้าไปใช่ไหม

“เอ่อ..คุณครับ..คุณ”คุณหมอพยายามเรียกผม

“คะ..ครับคุณหมอ” ผมขานรับคุณหมอ ผมเกือบลืมไปเลยว่ามีคนยืนอยู่ข้างหน้าผม

“คุณเข้าไปพบเธอครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะย้ายออกจากห้อง”

“ครับ ขอบคุณครับ”

ผมเดินผละออกมาจากคุณหมอพยายามก้าวเท้าไปข้างหน้า พยามก้าวเท้าเข้าไปที่ห้องนั้น ภายในห้องเงียบมีร่างหญิงสูงวัยไร้

วิญญาณนอนอยู่บนเตียง ผมก้าวเข้าไปใกล้ใกล้เธอทีละก้าว และหยุดอยู่ข้างๆเตียงมองดูใบหน้าที่ขาวที่เริ่มซีด

เหมือนเธอกำลังหลับอยู่

“ตื่นเถอะครับคุณย่า คุณย่านอนนานไปแล้วนะครับ” คุณย่ากำลังล้อผมเล่นรึเปล่า

เสียงข้างนอกเอะอะ เหมือนคนกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง ประตูห้องถูกเปิดออก

“คุณแม่ คุณแม่ ฮือ ฮึก ฮือ” ผู้หญิงและผู้ชายเดินเข้ามาผู้หญิงกำลังร้องไห้ส่วนผู้ชายกำลังโอบไหล่ของเธอไหล ส่วนมืออีกข้าง

ปิดปากตัวเองไว้คงแล้วตาน้ำตาก็ไหลออกมา 

“คุณแม่ครับ ....เป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเรา....ดูแลคุณแม่ไม่ดี” ผมยืนดูคนทั้งสองร้องไห้แล้วโทษตัวเองไปมา

จากที่ผมฟังผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นลูกชายของคุณย่าส่วนผู้หญิงคงเป็นภรรยาของเขาลูกสะใภ้ของคุณย่า ผมค่อยๆเดินออกจาก

ห้องเงียบๆเพื่อให้คนทั้งสองได้อยู่กับคุณย่าในห้อง

เดินกลับออกมานั่งหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง มีคนเดินเข้าไปในห้องอีกหลายคนสงสัยคงเป็นญาติๆของเธอ ที่ทราบข่าวแล้วรีบมา

เสียงร้องไห้ จากในห้องยังดังเป็นระยะ ผมนั่งก้มหน้าใช้มือทั้งสองข้างปิดปากไว้ไม่ให้เสียงร้องไห้ของผมทำให้คนที่จากไปต้อง

มีห่วง

“คุณย่า คุณย่าทำไมต้องไป”ผมเห็นวิญญาณของเธอ มองวิญญาณที่อยู่ต่อหน้าผม

“อย่าเสียใจไปเลยลูก หนูทำดีที่สุดแล้ว แต่มันคงถึงคราวของย่า”รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของหญิงชรา รอยยิ้มอันอบอุ่น

มองทีไรทำให้รู้สึกดีทุกครั้ง แต่ต่อไปนี้จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนี้อีกแล้ว จะไม่มีคนไปเดินเล่นกับผมที่สวน ผมจะไม่ได้อ่านนิยายให้

เธอฟังอีกแล้ว แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่กี่วันที่ได้รู้จักกับหญิงชราคนนี้แต่ผมกับความรู้สึกผูกพันกับเธอ

“คุณย่า ฮึก ฮึก ไม่ไปไม่ได้หรอครับ”ยังไม่อยากสูญเสียเธอไป ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่จะต้องมองวิญญาณของคนที่รู้จักต้อง

หายไปต่อหน้า

“ย่าขออะไรได้ไหม” ผมองวิญญาณโปร่งแสงของเธอ

“อะไรครับคุณย่า ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ผมจะทำ”

“ฝาก....บอกคนที่บ้านของย่าด้วยว่าย่า....รักพวกเขาทุกคน” แล้ววิญญาณของเธอก็ค่อยค่อยหายไป

“ไม่..ไม่..คุณย่าผมไม่รับฝาก...อย่าไป อย่าไป”” ผมพยายามเอื้อมมือไปคว้าเธอไว้แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสเธอได้


*************************************************************************

มาต่อแล้วจ้า จบไปอีกตอน

ขอบคุณทุกความคิดเห็นจ้า และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน

หนึ่งคนเข้ามาอ่าน และทุกๆหนึ่งความคิดเห็นนั่นคือแรงกำลังใจ ที่ให้คนแต่ง มีแรงสัมผัสปลายนิ้วลงแป้นพิมพ์

โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปจ้า ฝากติดตามด้วยจ้า


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
แสดงว่านินมองเห็นวิญญาณได้ซินะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
มองเห็นวิญญาณด้วย ใจหายเลย คุณย่ามาแปบเดียวก็ไป

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
มองเห็นวิญญาณได้สินะหนูนิน

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


ตอนที่ 5
[/size]


“ฝาก....บอกคนที่บ้านของย่าด้วยว่าย่า....รักพวกเขาทุกคน”

“ไม่..ไม่..คุณย่าผมไม่รับฝาก...อย่าไป อย่าไป”

ผมสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา หอบอากาศรอบตัวเข้าปอด ฮือ ฮื้อ ฮือ เสียงหายใจหอบเหนื่อยของผม ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงหัวใจเต้น

แรง มือเลื่อนเช็ดคราบน้ำตาที่แก้ม ผมยังนอนอยู่บนเตียง นอนอยู่บนเตียงแล้วเหตุการณ์ที่ผ่านมามันหมายความว่าฝัน

ผมฝันอย่างนั้นหรอ ไม่มีเหตุการณ์นั้นหรือว่ามันผ่านไปแล้ว ลุกขึ้นจากเตียงวิ่งไปดูปฏิทินที่ติดไว้บนผนังและเงยหน้าดูนาฬิกา

 7.05 นาฬิกา เวลาเหมือนในความฝันที่ตื่นขึ้นมาเกือบเวลาเดิม ตัดสินใจเดินอย่างเร็วออกจากห้อง ไม่รู้ว่าเป็นเพียงความฝันหรือ

ลางบอกเหตุแต่ผมมีโอกาสจะแก้ไขมัน ผมก็พร้อมที่จะเสี่ยงความรู้สึกเสียใจยังอยู่ในความรู้ของผมไม่จางหายมันชัดเจนมาก

จนรู้สึกว่ามันเหมือนจริง ผมมายืนอยู่ที่หน้าห้องคุณย่าแล้วไม่รอช้าเคาะประตูเรียกคนในห้อง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เร็วสิคุณย่าเปิดประตูสิ เงียบไม่มีใครเปิดประตู ตัดสินใจผลักประตูเข้าไปอย่างเร็วกวาดสายตาไปทั่วห้องไม่มีคน

อยู่แต่เครื่องปรับอากาศยังทำงาน โทรทัศน์ยังเปิดไว้สาวเท้ารีบเดินตรงไปที่ห้องน้ำ เป็นภาพที่ผมเห็นเหมือนในความฝัน

ตัดสินรีบกดปุ่มเรียก Nurse call และจับร่างคุณย่าที่นอนคว่ำอยู่ให้เงยหน้าขึ้น

“สาเหตุการตายหมอเชื่อว่าคนไข้ขาดอากาศหายใจ เพราะคนไข้นอนคว่ำหน้าลง”

“คุณย่า คุณย่าครับ ได้ยินผมไหมครับ ได้ยินผมไหม”

พยายามเรียกคุณย่า บริเวณศีรษะของเธอมีเลือดไหลออกมา เธอลื่นล้มในห้องน้ำหัวฟาดพื้น ร่างกายของเธอขยับเหมือนเธอจะ

ได้สติ พยาบาลเข้ามาในห้องถามว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาโทรหาใครสักคนไม่นานผู้ชายสามคนกับ

เตียงเข็นก็เข้ามาในห้อง นำคุณย่าขึ้นเตียงแล้วเข็นไปที่ห้องฉุกเฉิน ทั้งหมดเป็นภาพที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพเดิมในความ

ฝันของผม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่

“คุณครับ คุณเป็นญาติไข้หรือเปล่าครับ”

“ครับ”

“เธอปลอดภัย .....”ถอนหายออกด้วยความโล่ง ทำได้แล้วช่วยคุณย่าได้แล้ว อยู่ดีดีผมรู้สึกหูเริ่มอื้อ ไม่ได้ยินเสียงคุณหมอว่าเขา

กำลังพูดอะไร ตาพร่าเรี่ยวแรงของผมหายไปไหน

“คุณ คุณ พยาบาลมาช่วยผมหน่อย คนไข้อาการหนัก”ได้ยินเสียง เสียงของคนกำลังเรียกผม แต่ไม่รู้เป็นใครไม่มีแรงขานรับ

เสียงฝีเท้าคนวิ่งวุ่นวายเต็มไปหมด มีคนเข้ามามุงดูผมเต็มไปหมดแล้วสติผมก็ดับวูบไป

“เจ็บ เจ็บ แม่ช่วยนนท์ด้วย พ่อนนท์เจ็บ ฮึก ฮือ”

ทำไมผมรู้สึกเจ็บ เจ็บแต่ไม่รู้ตรงไหน เสียงคนพูดกันผมได้ยิน พยายามลืมตาขึ้น พยาบาลกำลังยืนข้างเตียง เธอกำลังให้น้ำ

เกลือ

“คุณหมอ คุณหมอคะ คุณไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ” ลืมตาขึ้นมองพยาบาลคุณหมอ

“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลไหม” แผล...ใช่แผลผมเจ็บแผล คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้ถาม ทำไมยังรู้สึกมึนมึนงงงง

“เจ็บ เจ็บ แผล” ผมบอกหมอ

“แผลคุณเปิด .......” คุณหมอพูดอะไรสักอย่างแต่สมองผมยังรับรู้ไม่เต็มร้อย ได้ยินเสียงแต่ไม่เข้าใจ

“พยาบาล พาคนไข้กลับห้อง เดี๋ยวติดป้ายห้ามเยี่ยมด้วย ผมไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม กลัวแผลจะติดเชื้อ” เตียงผมคลื่นที่ไป

เรื่อยๆ ตามทางเดินที่มีหลอดไฟสีขาวสว่างจ้า พร้อมพี่พยาบาลที่เดินไปกับผม เตียงของผมหยุดลง ผมถูกผู้ชายยกตัวขึ้นจาก

เตียงเข็นแล้ววางลงอีกเตียง ผมจำกลิ่นนี้ได้ ผมกลับมาแล้วกลับมาที่ห้องแล้ว ในห้องเงียบลงแล้วไม่ได้ยินเสียงคนคุยกันแล้ว

ตาเริ่มหนักอีกแล้วทำให้ต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะร่างกายต้องการการพักผ่อน

“น้ำ น้ำ น้ำ” หิวน้ำใครก็ได้ ผมหิวน้ำ งัวเงียรู้สึกตัวตื่นเพราะความกระหายน้ำ

“น้ำค่ะ จิบนะคะ ยังดื่มไม่ได้”เป็นคุณพยาบาลยื่นหลอดให้ ดูดน้ำจากแก้วแต่รู้สึกแค่ว่าปากผมสัมผัสแค่น้ำไม่ได้ดื่ม

ผมอยากดื่มน้ำ

“พี่ครับผมอยากดื่มน้ำ”

“คุณหมอสั่งงดอาหารและน้ำค่ะ ยังทานไม่ได้”

“ผมเป็นอะไรไปครับ”

“คนไข้แผลเปิดค่ะ คุณหมอเลยทำการรักษาใหม่”

“แล้ว..แล้วผมหลับไปนานเท่าไหร่”

“ 30 ชั่วโมงค่ะ เดี๋ยวจะแจ้งคุณหมอเจ้าของไข้ว่าคุณฟื้นแล้ว”

ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลย แผลที่หน้าอกยังเจ็บอยู่ คุณพยาบาลเดินออกไปจากห้องแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เป็นคุณหมอเจ้าของไข้ที่เดินเข้ามา

“ เป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลมากไหม”

“ครับ”

“ช่วงนี้หมอจะงดเยี่ยมป้องกันแผลติดเชื้อ ส่วนน้ำอาหารอีกสามชั่วโมงก็สามารถทานได้ และพยายามขยับตัวบ่อยๆนะครับ”

คุณหมอใจดีมาก ผมรู้ว่าผมผิดที่ทำให้แผลเปิด คุณหมอคงโกรธแต่ไม่แสดงอาการออกมา คุณหมอพูดคุยอะไรกับคุณพยาบาล

อะไรสักอย่างไม่ค่อยรู้เรื่องและไม่ได้ยิน คุณพยาบาลเดินมาถอดสายน้ำเกลือออกจากแขนผม 

“ถ้าอย่างนั้นหมอขอตัวไปตรวจคนไข้คนอื่นนะครับ”คุณหมอและคุณพยาบาลออกไปจากห้องแล้ว ในห้องเงียบอีกครั้งตอนนี้ผม

หิวแล้ว แต่จากที่สายตาของผมมองไปรอบๆ ไม่มีอะไรให้ทานได้เลย พยายามลุกจากเตียงช้าๆอย่างที่คุณหมอบอก

ปวดตึงตึงที่แผล เข้าไปในห้องน้ำไปเปิดเสื้อออกดูแผลที่ถูกปิดผ้าด้วยก๊อตสีขาว คงต้องอยู่ที่นี่นานกว่าเดิมรึเปล่านะ

แล้วคุณย่าล่ะเธอเป็นยังไงบ้างคิดว่าเธอน่าจะปลอดภัยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมถูกห้ามเยี่ยมแล้วแม่พิมพ์จะเป็นยังไงบ้างคง

ตกใจเป็นห่วงน่าดู แล้วเมื่อไหร่จะหายป่วยออกจากโรงพยาบาลได้นะ กลับไปนั่งบนเตียงเปิดทีวีดูนั่นคือสิ่งเดียวที่สามารถทำได้

ตอนนี้ ละคร เพลง เกมส์โชว์ ผ่านสายตาผมไป ไม่มีอะไรสนุกน่าสนใจสักอย่าง

แก็ก เสียงประตูถูกเปิดเข้ามา

“ข้าวมาแล้วค่ะ ทานข้าวแล้วทานยานะคะ”

“ครับ”ในที่สุดก็รอดตายแล้ว คุณพยาบาลยกอาหารเข้ามาให้ สามสิบกว่าชั่วโมงหรือนานกว่านั้นที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องแม้แต่น้ำก็

ยังไม่ได้แตะ เปิดฝาครอบถ้วยออกเป็นโจ๊กครึ่งถ้วยที่ส่งกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อย กับน้ำส้มหนึ่งแก้ว ค่อยๆตักโจ๊กขึ้นมาจัดการช้าๆ

เพราะไม่อยากสำลัก ไม่นานทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกจัดการ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ครับ ผมลุกเดินย่อยอาหารไปมาช้าๆ

ในห้องเจ็บแผลครับ

แก็ก ประตูห้องถูกเปิดออก พี่พยาบาลเดินเข้ามา พร้อมลากรถอุปกรณ์อะไรมาสักอย่าง

“น้องนินพี่มาดูแผลให้ค่ะ ไปนั่งที่เตียงเร็ว” เดินกลับไปที่เตียง แล้วนั่งบนนั้นห้อยขาลงมา พยาบาลถอดเสื้อผมออก แล้วจัดการ

ล้างแผล พยาบาลที่เข้ามาดูแลผมมีหลายคนแต่ละคนหน้าตาคล้ายกันผมจำไม่ค่อยได้

“แผลเริ่มดีขึ้นมากแล้วนะคะ อย่าให้โดนน้ำ อย่าออกกำลังมากเกินไป” ผมโดนดุ ผมขอโทษครับ คุณพยาบาลส่งยิ้มให้ เมื่อ


จัดการแผลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกง่วงนอนแล้วคงเป็นเพราะยาที่ผมทาน

“พักผ่อนนะคะจะได้หายป่วยเร็วเร็ว”

“ขอบคุณครับ” บอกขอบคุณเธอ เธอจากไปพร้อมรถเข็นอุปกรณ์ทำแผล ผมก้าวลงจากเตียงเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว

กลับออกมาจากห้องน้ำยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามีเมฆครึ้มสายลมเย็นๆพัดโชยเอาความเย็นมากระทบใบหน้า

เสียงฟ้าร้อง ครืน ครืน ส่งเสียงคำรามมาแต่ไกล สายฟ้าแลบเป็นประกายอยู่บนท้องฟ้า อีกไม่นานฝนคงเทลงมา

ผมจัดการปิดและล็อกหน้าต่างและรูดผ้าม่านปิดไม่ให้แสงเข้ามาในห้อง แล้วกลับขึ้นเตียงหลับพักผ่อนไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่า

ไหร่รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงหยดน้ำตกกระทบวัตถุอะไรซักอย่างเสียงดัง ตึก ตึก ตึก อยู่นอกหน้าต่าง อากาศเย็นชื้น

เสียงสายฝนเทกระหน่ำลงมาทั้งคืนจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก แต่ได้ซาลงมากแล้ว อุณหภูมิในห้องกับข้างนอกแตก

ต่างกันมากจนทำให้กระจกในห้องขึ้นฝ้า อากาศชื้นทำให้ไม่สบายตัวเท่าไหร่ เปิดผ้าม่านมองดูสายฝนที่เทลง

สายฝนทำให้รู้สึกเหงาผมอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมถึงจะไม่กว้างแต่ก็โล่ง นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องกับคุณย่า

หลายวันแล้วหลายวันที่ผ่านมาทุกคนจะเป็นห่วงผมบ้างรึเปล่า

“ตื่นแล้วหรอคะ ท่าทางวันนี้ฝนคงตกทั้งวัน” คุณพยาบาลคนสวยเข้ามาปลุกผมเหมือนเช่นทุกวัน เธอปิดเครื่องปรับอากาศเปิด

พัดลมเปิดผ้าม่านที่เหลือและหน้าต่างออก กลิ่นไอน้ำฝนลอยเข้า น้ำฝนท่วมขังบริเวณพื้นหญ้าข้างล่าง มีคนข้างล่างกางร่ม

หลากสีสันเดินไปมา

“ได้เวลาทานอาหารเช้าและทานยาแล้วค่ะ” พยาบาลอีกคนเดินเข้ามา วางอาหารไว้บนโต๊ะ คุณหมอบอกว่าจะอนุญาติให้คนเข้า

เยี่ยมผมได้ นั่นหมายความว่าผมจะสามารถออกจากห้องไปเยี่ยมคุณย่าได้ ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง หลังจากเกิดเหตุการณ์

นั้น ผมไม่กล้าถามพยาบาลเพราะผมทำให้ทุกคนวุ่นวาย โทรติดต่อไม่ได้เพราะไม่รู้เบอร์ติดต่อ ออกจากห้องไม่ได้โดนกักบริเวณ

 ทานอาหารเช้ากับยาให้เรียบร้อยเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว แล้วเดินออกจากห้อง เดินไปที่ห้องคุณย่า

.........................................................................................


 “อร่อยไหมครับ คุณย่า”

“อร่อยจ้า”

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเตียงคุณย่า เรากำลังนั่งทานผลไม้ที่ผมเป็นปลอกใส่จานให้ ในตอนที่เข้ามาในห้องเห็นเธอ

นอนอยู่บนเตียงมีพยาบาลคอยเฝ้า


“ต้องขอบคุณ นินมากเลยที่เข้ามาเจอย่าวันนั้น ถ้าไม่ได้นินย่าคงแย่”เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ผมฟังเธอบอกว่าเธอเข้า

ห้องน้ำแต่ไม่ทันระวังลื่นล้ม หมดสติไปและต่อมาเธอได้ยินเสียงของผมเรียกเธอให้ตื่น คงเป็นตอนที่ผมพลิกตัวเธอให้นอนหงาย

แล้วเรียกสติเธอและคงเป็นตอนนี้เองที่ทำให้แผลผมเปิด คุณหมอบอกเธอว่าอุบัติที่เกิดขึ้นทำให้ต้องผ่าตัดเข่า

เธอบอกว่าจะไปเยี่ยมผมหลายครั้งแต่คุณหมอไม่อนุญาติให้เยี่ยม 

“บังเอิญนะครับ”ถ้าไม่บังเอิญเห็นความฝันนั่น ผมคงเข้ามาช่วยเธอไม่ทันเหมือนกัน ช่วยเธอได้สำเร็จและตอนนี้เธออยู่ต่อหน้า

ผมกำลังยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

“เดี๋ยวสักหน่อยคนที่บ้านก็จะมาเฝ้าย่า”เธอบอกตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นคนที่บ้านก็ผัดกันมาเฝ้าเธอทุกวัน พวกเขาคงตกใจกับสิ่งที่

เกิดกับเธอ


                                                                        มีต่อข้างล่าง


ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

                                                                             ต่อจากข้างบน


“ที่บ้านย่าอยากเจอฮีโร่คนเก่งที่ช่วยชีวิตย่าไว้”เป็นฮีโร่ที่เกือบเอาตัวไม่รอดถ้าไม่หมดสติต่อหน้าหมอหน้าห้องฉุกเฉินคนที่ไม่

รอดอาจจะเป็นผมก็ได้

“แล้วร่างกายของนินเป็นยังไงบ้างลูก”

“ผมดีขึ้นแล้วครับ”ดีขึ้นมากไม่นานคงจะหายเป็นปกติ

ก๊อก ก๊อก แก็ก เสียงคนเคาะประตู ประตูเปิดออก เป็นผู้หญิงมีอายุหน้าตาสวยแต่งตัวดี เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเด็กรับใช้ที่มา

เฝ้าคุณย่าบ่อยๆ ก็คือพี่จิ๋ว ในมือถือของเต็มไม้เต็มมือ

“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ” เธอเดินเข้ามาก็ทักทายคุณย่าทันที ส่วนอีกคนเถือของเดินเข้าไปในครัว

“ก็เหมือนทุกวัน ไม่ต้องลำบากกันมาเฝ้าทุกวันกันก็ได้”

“คุณแม่หิวรึยังคะหนูซื้อของโปรดมาฝากคุณแม่เยอะเลย” เธอเดินไปวางกระเป๋าไว้ที่โซฟา

“นี่แม่สุคนนี้ไง หนูนินคนที่เข้ามาพบแม่” เธอเดินมาที่ข้างเตียงของคุณย่าอีกฝั่ง คุณย่าแนะนำผมให้เธอรู้จัก

“ส่วนนี่ลูกสะใภ้ย่าแม่สุพัตรา”เธอมองมาที่ผมแล้วส่งยิ้มให้

“สวัสดีครับ”ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยกมือขึ้นไหว้ทักทาย

“สวัสดีจ๊ะ เด็กคนนี้นี่เอง น่าตาน่ารัก น่าเอ็นดูกว่าที่คิดอีกนะคะนี่ ”

“ใช่ไหม คิดเหมือนแม่เลย”

“ไม่เหมือนเด็กผู้ชายเลย หนูเห็นตอนแรกนึกว่าเด็กผู้หญิง”

“แม่เห็นหน้าครั้งแรก ยังอดเอ็นดูไม่ได้”

ผู้หญิงสองคนกำลังคุยกันโดยมีผมเป็นหัวข้อสนทนา ตอนนี้คุณสุพัตราเธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอีกฝั่ง ลูกสะใภ้คุณย่าดูใจดี

มาก และทั้งคู่ดูเข้ากันได้ดี

“หนูนินทานขนมกับคุณย่านะลูก แม่ซื้อมาฝาก” พี่จิ๋วเดินถือจานอะไรไม่รู้มาวางไว้ บนโต๊ะสองสามจาน หน้าตาน่าทานครับ

“นินทานนี่ลูก ทานเยอะๆจะได้มีน้ำมีนวล เราผอมไปนะ” คุณย่าบอกให้ผมทานขนม

“ใช่คุณแม่ตัวเล็กด้วย ทานเยอะๆนะวันหลังแม่จะซื้ออย่างอื่นมาให้ทานด้วย”

“ขอบคุณครับ” เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทผมจึงทาน อร่อยครับเบื่อข้าวโรงพยาบาลเต็มแก่แต่ไม่กล้าทานเยอะกลัวมีผลข้าง

เคียงกับแผล ถึงต้องอดทนทานอาหารโรงพยาบาล สองสาวยังคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมก็นั่งฟังเงียบเงียบ

“คุณแม่ตอนเย็นให้ตาเทียนมานอนเฝ้านะคะ”ท่าทางน้ำเสียงของคนพูดเปลี่ยนไป

“ตาเทียนว่างด้วยหรอเห็นทำแต่งาน”คุณย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดน้ำเสียงเหมือนแปลกใจ

“ว่างสิคะ บริษัทเขาเริ่มเข้าที่แล้ว งานไม่หนักเหมือนแต่ก่อนหายห่วงไปอีกคน ที่ห่วงก็คงเป็นเรื่องคนที่เขาจะคบด้วย”

“ทำไม พ่อตัวยุ่งมีปัญหาอะไรอีก”

“เปล่าค่ะ คุณแม่ก็ทราบเขาชอบแบบไหน นี่ก็ไม่มีใครมานานแล้ว”

“ก็ไม่มีใครห้ามเขานิ แต่เขาไม่เคยพาใครให้มารู้จัก”

ทั้งสองกำลังพูดถึงคนชื่อเทียน รึว่าจะเป็นตัวปัญหาเหมือนผมรึเปล่านะ เวลาที่พ่อกับแม่พูดถึงผมจะเป็นแบบนี้รึเปล่า

ผมก็เคยทำแต่งานอย่างหนักโดยที่ลืมพ่อกับแม่ไป ไม่มีเวลาให้ทั้งสองทั้งทั้งที่มีพร้อมทุกอย่างแต่ก็ยังไม่พอ

ยังดิ้นรนหาทุกอย่างอีก ที่จริงผมน่าจะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ในมือ สัมผัสได้ พ่อกับแม่ก็คงไม่ต้องเป็นห่วงผมอย่างนี้เหมือนกัน

มองเวลาใกล้เที่ยงแล้วใกล้เวลาที่ต้องทานยา จึงขอตัวกลับห้อง

“โอ้ย อิ่มจังเลย” ถ้าทานข้าวเที่ยงเข้าไปหมดท้องแตกแน่แน่ ทานยาแล้วรู้สึกอึดอัดเดินออกจากห้องเดินย่อย

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เดินสำรวจตึกอื่นเลย นั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เพราะพยาบาลคงไม่อนุญาตให้ออกไปจากหวอดนี้แน่

ตัดสินใจเดินไปอ่านหนังสือที่โซนอ่านหนังสือ หยิบหนังสือจากชั้นออกมาอ่าน โซนหนังสือจะมีหนังสือเยอะมากแต่ไม่อนุญาต

ให้หยิบออกจากห้อง ต้องเข้ามาอ่านที่นี่เท่านั้น คงป้องกันการสูญหาย ภายในโซนมีโต๊ะสำหรับนั่งอ่านหนังสือหลายสิบโต๊ะ

ชุดโซฟาอีกสองชุด  ที่นี่ไม่ค่อยมีคนไข้เข้ามานั่งมากนักเพราะคุยเสียงดังไม่ได้ ผมยังยืนเลือกหนังสือจากชั้น

ยังหาเรื่องที่ถูกใจไม่ได้เลย แต่เริ่มง่วงแล้ว คิดว่าคงต้องกลับไปนอนพักแล้ว เก็บหนังสือเข้าชั้นแล้วเดินออกมาจากโซนหนังสือ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประหลาดใจ หยุดเดินยืนมองเข้าไปในร้านกาแฟ

“แม่” ผมพูดกับตัวเอง ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในร้านกาแฟ เธอกำลังนั่งดื่มกาแฟที่โต๊ะคนเดียว ใช่แน่ๆเธอคือแม่ของผม

จำไม่ผิดและที่แน่ๆไม่มีทางจำแม่ตัวเองไม่ได้ แล้วแม่มาทำอะไรที่นี่ที่โรงพยาบาล แล้วพ่อ??พ่อล่ะ?? พ่อหรือว่าใครเป็นอะไร

อยากเดินเข้าไปถามแต่ทำไม่ได้ เดินกลับเข้าไปโซนหนังสือหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาวางลงตรงหน้า ทำท่าเหมือนกำลังอ่าน

หนังสือ แต่สายตายังจ้องมองคน ที่นั่งอยู่ร้านกาแฟ สายตาที่ดูเศร้าใบหน้าอิดโรย ที่อยู่บนใบหน้าแม่ของผม ไม่รู้ว่าแม่กำลังคิด

อะไรแต่ดูแล้วเธอไม่สบายใจ แม่คงเจอเรื่องมามาก อาการง่วงนอนของผมตอนนี้หายไปหมดแล้วเหลือแต่ความแปลกใจ

ความสงสัย ของการปรากฏตัวของคนที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟ จากวินาที เป็นนาที จากนาทีเปลี่ยนเป็นชั่วโมง แม่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรง

นั้นไม่ยอมลุกไปไหน นาฬิกายังเดินต่อไปเรื่อยๆ และผมยังไม่สามารถละสายตาจากแม่ไปได้ ผมกลัวแม่หายไปกลัวว่าหันกลับ

มาอีกทีเธอที่อยู่ตรงนั้นจะหายไป กลัวสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้ามันเป็นความฝัน หยิกแขนตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่านี่คือความจริงไม่ใช่

ความฝัน ไม่ได้เพ้อคิดถึงที่บ้านมากจนเห็นภาพหลอนแม่นั่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ

ลุกขึ้นแล้ว เธอลุกขึ้นในที่สุด เธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วกำลังเดินออกจากร้านกาแฟ ผ่านโซนหนังสือที่ผมนั่ง รีบเก็บหนังสือเข้า

ชั้น แล้วเดินตามเธอไปห่าง ห่าง มองแผ่นหลังบางๆแต่อบอุ่นนั้น เธอผอมลงรึเปล่านะหรือเสื้อที่เธอสวมตัวใหญ่ แม่เดินไปเรื่อยๆ

แล้วหยุดลงที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งและเปิดประตูเข้าไป เธอเข้าไปแล้วเข้าไปในห้อง ผมรอให้ประตูปิดลงแล้วเดินไปยืนที่หน้า

ห้องนั้น

“พิรัช กิจการเลิศล้ำพัฒนไพบูลย์” นั่นชื่อของพ่อผม ชื่อผู้ป่วยที่ติดอยู่หน้าห้องนั้นคือชื่อพ่อของผม ส่วนแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้

เป็นแพทย์จากอายุรศาสตร์ แสดงว่าไม่มีอะไรร้ายแรงมาก ผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจที่ได้เห็นแม่ที่นี่ คนที่นอนป่วยอยู่ข้างในคือ

พ่อ พ่อของผม ไม่รู้ว่าเป็นอะไรบ้าง

เขาว่ากันว่าชีวิตคนเรามักถูกขีดเส้นมาด้วยพรมลิขิต การที่ผมได้มาอยู่ที่นี่ได้มาเจอแม่อีกครั้งหลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆมา คงมี

คนที่ลิขิตมา ในขณะที่ผมพยายามคิดหาวิธีที่จะไปพบแม่กับพ่อแต่ก็มีคนลิขิตที่ทำให้ได้มาเจอกัน ไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือไม่

หรือใครขีดเส้นนี้ไว้มันก็ไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญนี่คือโอกาสของผม ผมจะหยิบฉวยมันเอาไว้

ผู้ชายตัวโตใบหน้าหล่อเหลาสวมเสื้อผ้าด้วยชุดลำลอง กำลังยืนอยู่หน้าตู้กดน้ำ เขาหยอดเหรียญลงไปเลือกกดปุ่มน้ำอัดลม

กระป๋องน้ำอัดลมหล่นลงมา ชายคนนั้นใช้มือหยิบขึ้นมาแล้วกำลังเปิดฝา แขนข้างขวายาวมาถึงมือผู้ชายคนนั้นใส่เฝือกสีขาวใส่

ผ้าตาข่ายสีฟ้าพยุงแขนไว้ ท่าทางเขาคงจะลืมไปว่าตัวเองใส่เฝือกที่แขนทำให้เขาเปิดฝากระป๋องน้ำอัดลมไม่ได้

“ให้ตายสิ แล้วจะเปิดยังไงวะเนี่ย”ผมเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น

“ให้ผมช่วยไหมครับ”ผมเสนอตัวช่วยเปิดน้ำอัดลมกระป๋องนั้น ท่าทางคนตรงหน้าผมไม่ไว้ใจผมหรือตกใจอะไรสักอย่าง

เขาจ้องมองผมอยู่นาน

“คุณครับให้ผมช่วยไหม”ผมเรียกเขาอีกครั้ง เหมือนเขาได้สติยิ้มแบบเขินแล้วรีบยื่นน้ำอัดลมกระป๋องนั้นให้ผม รับมาแล้วจัดการ

เปิด แก็ก ซ่า เสียงกระป๋องถูกเปิดแรงดันอากาศถูกระบายออกมา แล้วส่งคืนให้เจ้าของ

“ขอบคุณครับ” เขาขอบคุณผมด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก โดยรอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้เขาดูดีขึ้นไปอีก ผมว่าเขาน่าจะยิ้ม

บ่อย แทนการทำหน้าบึ้งอยู่หน้าตู้กดน้ำ อิอิ

“ครับ”ผมรับคำขอบคุณ แล้วเดินจากไป เหนื่อยจังเลย เถลไถลทั้งวันยังไม่ได้นอนกลางวันเลยวันนี้ “แม่ จะเป็นยังไงบ้างสบายดี

ไหนน้า” เปิดประตูกลับเข้าห้องก็เห็นแม่พิมพ์อยู่ในห้อง เธอเดินเข้ามากอดผม

“เป็นยังไงบ้างลูกอาการดีขึ้นยัง หมอห้ามเยี่ยมหลายวันแม่ใจไม่ดีเลย”

“ผมขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ”

“ไม่เป็นไรแค่เห็นลูกสบายดีแม่ก็ดีใจมากแล้ว”

“แม่มานานรึยังครับ”

“มาไม่นานหรอก กะว่าจะมาทันเวลาทานข้าวเย็นเราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานแล้วนะ วันนี้แม่ทำกับข้าวของโปรดหนูมาด้วย

ไม่ต้องห่วงแม่ปรึกษาคุณหมอแล้ว คุณหมอบอกว่านินทานอาหารได้แต่ห้าม หวาน มัน เค็ม รสจัดเท่านั้นเอง มาลูกมาแม่จัดใส่

จานไว้หมดแล้ว กำลังร้อนๆ”ใช่ครับนานแล้วที่ผมไม่ได้ทานข้าวกับพ่อแม่ ครั้งสุดท้ายที่นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันมัน

ตอนไหนกัน ภาพที่แม่พิมพ์ตักอาหารใส่จานข้าวของผมเกิดเป็นภาพทับซ้อนปรากฏภาพผม และคนที่บ้านกำลังนั่งทานข้าวกัน

บนโต๊ะอาหารที่มีอาหารจานโปรดของผมเต็มโต๊ะพ่อแม่ตักอาหารให้ผมผมตักอาหารให้คนทั้งสอง และพ่อตักกับข้าวให้แม่ภาพ

ความอบอุ่น รอยยิ้ม และเสียงพูดคุย ยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอไม่เคยจางหาย

“อร่อยไหมลูก ทานเยอะๆนะหนูดูผอมลงไปมากเลยนะ อาหารที่นี่ไม่อร่อยใช่ไหม วันหลังแม่จะทำของโปรดหนูมาให้ทาน

อีก”อาหารราคาไม่แพง ไม่ใช่วัตถุดิบชั้นเลิศ ไม่ใช่ฝีมือเชฟระดับภัตตราคาร แต่รสชาติอร่อยมาก อาหารฝีมือแม่คงเป็นอาหารที่

อร่อยที่สุดและน่าคิดถึงที่สุด สักวันผมจะมีโอกาสได้ทานกับข้าวฝีมือแม่อีกครั้งรึเปล่านะ “พ่อครับแม่ครับผมอยากบอกว่าผมรัก

และคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน”
 


**************************************************************************************

จบไปอีกตอน

_ _ _ _ _ __ _ __ _ __ _ __ _ __ _ __ _ __ _ __ _ _โปรดติดตามตอนต่อไป_ _ __ _ __ _ __ _ __ _ __ _ _




ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รู้สึกว่าบทหนึ่งก็ไม่ได้สั้นนะ แต่ทำไมไม่ทันใจเราเลย สงสัยใจร้อนไป
อยากอ่านบทต่อไปเร็วๆค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียน

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ในเมื่อมีโอกาสที่จะแก้ไขก็คว้าไว้แล้วทำในสิ่งที่ดีกว่านะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
รอตอนต่อไป :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
ใช้โอกาสให้เต็มที่นะ รอตอนต่อไปค่าสา

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
งื้ออออเอาอีกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด