เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน[บทสุดท้าย] [The end] (แจ้งข่าวเรื่องรวมเล่ม) 13/3/2560
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน[บทสุดท้าย] [The end] (แจ้งข่าวเรื่องรวมเล่ม) 13/3/2560  (อ่าน 52531 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มาแล้วๆ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
อย่างนี้นินจะเป็นอันตรายรึป่าว

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


ตอนที่ 13
[/size]

          เดินเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่เห็นคือโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่วางอยู่เยื้องๆกับประตู บนโต๊ะทำงานนั้นมีจอคอมพิวเตอร์ตั้ง

โต๊ะ เทียนตระกาล  ไพศาลพีรวัฒนพงษ์ ป้ายชื่อกรรมการผู้จัดการตั้งอยู่บนโต๊ะ เอกสารจำนวนหนึ่งวางไว้อย่างเป็น

ระเบียบอยู่บนนั้น เก้าอี้เลื่อนสำนักงานตัวใหญ่สีดำหุ้มหนังชั้นดีเข้าคู่กับโต๊ะทำงาน ตู้เก็บเอกสารน้อยใหญ่สูงต่ำวางอยู่บ้านหลัง

ฝั่งขวามือเป็นชุดโซฟาสำหรับรับแขก และตู้วางหนังสือหลายตู้ที่เต็มไปด้วยหนังสือ ฝั่งซ้ายมือเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้หนึ่งชุด ผมเดิน

นั่งไปนั่งที่โซฟารับแขกตัวโตสีทึบเครื่องปรับอากาศถูกเปิดไว้แล้ว 

“นั่งเล่นที่นี่ไปก่อนนะ ถ้าอยากได้อะไรก็บอกพี่ ส่วนหนังสือที่วางไว้ในตู้อ่านได้นะ”ผมวางกระเป๋าสะพายไว้ข้างๆตัว คนตัวโตเดิน

ไปวางกระเป๋าเอกสารไว้ข้างๆโต๊ะทำงานแล้วเปิดกดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แล้วนั่งบนเก้าอี้  เขาหยิบแฟ้มเอกสารที่วาง

ไว้บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูเสียงเปิดเอกสารจากแฟ้มเสียงแป้นพิมพ์เสียงคลิกเมาส์ อยู่ไม่ห่างจากผมใบหน้าเขากำลังเวลาจริงจังกับ

การทำงานนี่มันน่าดูไปอีกแบบ ผมแอบมองพี่เทียนที่ทำงานเงียบๆอยู่บนโต๊ะเหตุผลที่ผมต้องมานั่งอยู่ในห้องนี้ก็คือว่าผู้ชายที่

กำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะไม่รู้ร้อนรู้หนาวคนนี้ไปกินข้าวที่บ้านผมและเอาเรื่องที่ผมมาสมัครงานไปบอกพ่อกับแม่อีกอย่างก็คือ

บริษัทนี้เป็นของพี่เทียนทำไมผมถึงไม่รู้มาก่อน เพราะผมไม่เคยสนใจถาม

“ขอโทษด้วยนะครับที่ผมมารบกวนเวลานี้”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก น้องจะได้มีเพื่อนกินข้าวด้วย”แล้วมันเกี่ยวกับผมด้วยละครับเนี่ย

“คือผมอยากมีเรื่องจะถามนะครับ ว่าคุณลุงกับคุณป้าทราบเรื่องที่น้องสมัครงานรึเปล่า”

“นินไปหาสมัครงานมารึลูก”

“เอ่อคือ”ผมแทบสำลักข้าว

“เทียนรู้ได้ยังไงลูก”

“น้องไปสมัครงานที่บริษัทของผม โดยที่ผมเองก็เพิ่งทราบจากฝ่ายบุคคล” อ้าว เอาแล้วไงจุดไต้ตำตอ

“ทำไมละลูก มีอะไรทำไมไม่บอกแม่หรือน้องนินมีปัญหาอะไรต้องใช้เงิน”หน้าแม่หนักใจมากที่ผมจะทำงาน คือว่าผมจะไป

ทำงานนะครับไม่ได้ไปออกรบที่ไหน แล้วอีกอย่างผมยังไม่ได้ทำด้วย ทุกสายตาจ้องมองมาที่ผมต้องการคำตอบ ผมวางช้อน

ส้อมลง

“คือมันเป็นงาน ตำแหน่งนักแปล(Freelance) ผมอยากลองหาประสบการณ์ดู แล้วอีกอย่างมันไม่กระทบการเรียนด้วย และอีก

อย่างมันไม่ใช่สาเหตุที่ผมไม่ยอมรับเงินจากพ่อกับแม่แต่ผมอยากหาด้วยตัวเองก่อนแค่ที่พ่อกับแม่ให้ผมมาอยู่ด้วยทุกวันนี้

ยอมรับดูแลเหมือนผมเป็นลูกอีกคนผมก็ดีใจมากแล้วผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

“พ่อกับแม่ก็ไม่ได้จะว่าอะไรแต่อยากให้น้องนินบอกพ่อกับแม่ด้วย”ผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปสมัครมันบังเอิญ และก็บังเอิญที่ได้งาน

ด้วย มันช่างบังเอิญจริง แฮะๆ

“ครับ ผมขอโทษที่ไม่บอกพ่อกับแม่ก่อน คราวหน้าถ้ามีเรื่องอะไรผมจะบอกพ่อแม่ทุกอย่าง พ่อกับแม่จะได้ไม่เป็นห่วงผมอีก”ผม

ยกมือไหว้ขอโทษคนทั้งสอง

“แม่ไม่ห้ามนินนะลูกแต่น้องนินมีเรื่องอะไรต้องบอกพ่อกับด้วย หนูไม่ได้อยู่คนเดียวนะลูก”เหมือนที่แม่ไม่เคยห้ามนนท์ แค่ครั้ง

เดียวที่พ่อกับแม่ห้ามเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ผมรู้ว่าทั้งคู่เป็นห่วงผม อาจจะลืมตรงส่วนนี้ไป ส่วนที่ผมไม่รับเงินจากทั้งสอง

เพราะมีเงินส่วนของผมอยู่ อีกส่วนหนึ่งที่ผมเก็บไว้ในห้องนอนเก่าของผม มีผมคนเดียวที่รู้ว่ามันซ่อนอยู่ที่ไหน และเปิดตู้เก็บนั้น

ได้อย่างไร


“หมิวพี่ขอของว่างเป็นน้ำส้มกับขนมมาให้แขก ส่วนของพี่ขอเหมือนเดิม”เสียงพี่เทียนคุยโทรศัพท์ สงสัยเขาคงคุยกับเลขาของ

เขาแน่เลย

ก๊อก ก๊อก แสดงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ผู้หญิงสาวสวยหน้าตาดี สวมชุดกระโปรงสีหวานเนื้อผ้าเนื้อดีดีไซน์ทันสมัย สวมรองเท้า

ส้นสูงยิ่งทำให้รูปร่างของเธอยิ่งดูโดดเด่นขึ้น เธอเดินเข้ามาในห้องในมือถือถาดของว่างแล้วส่งยิ้มเหมือนคุณทิมมาให้ผม เธอ

วางแก้วน้ำส้มและขนมไว้บนโต๊ะของผม

“สวัสดีค่ะ แฟนพี่เทียนหรือคะ น่ารักจังเลย พี่ชื่อหมิวนะคะเป็นเลขาพี่เทียน”

“เอ่อ..”ผมไม่ใช่นะครับคุณหมิวเข้าใจผิดแล้ว แต่ผมต้องตอบว่ายังไงละเธอคงเห็นหน้าผมที่เปลี่ยนไปเธอจึงหัวเราะเบาๆ

“หมิววันนี้พี่มีงานอะไรด่วนไหม”เธอหันหน้าไปตามเสียงเรียกแล้วเดินถือถาดของว่างไปอีกชุดไปวางไว้ที่โต๊ะคุณเทียน

“ไม่มีอะไรด่วนค่ะ มีแค่งานที่อยู่บนโต๊ะค่ะ”เสียงพูดคุยเจ้านายกับลูกน้องกำลังพูดคุยกันด้วยท่าทางจริงจัง

คุณหมิวกำลังชี้แจงเอกสารในแฟ้มให้คุณเทียนฟัง และบอกรายละเอียดงานวันนี้ให้พี่เทียนทราบ ส่วนผมดึงสายตาจากทั้งคู่กลับ

มามองหาอะไรทำ ผมลุกขึ้นจากโซฟาช้าๆเงียบๆไม่อยากรบกวนคนทั้งคู่แล้วเดินไปตรงตู้หนังสือหันหลังให้คนทั้งคู่แล้วเปิดตู้

ออกมา ไล่สายตาอ่านชื่อตามสันหนังสือ ที่มีทั้งชื่อที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ดูจากหนังสือแล้วสำนักพิมพ์นี้ได้ลิขสิทธิ์

แปลหนังสือต่างไประเทศเยอะเหมือนกัน ต่อไปบนหน้าปกหนังสือจะมีชื่อผมบ้างไหมนะ หนังสือตู้นี้มีตั้งหมดสี่ชั้นแยกหนังสือ

ออกเป็นปีที่พิมพ์ มีแค่ไม่กี่ปีเองหรอ ซุ่มหยิบหนังสือเล่มหนังออกมาจากชั้นวางแล้วเปิดดูเนื้อหาข้างในโดยคร่าวๆ หนังสือเล่มนี้

ใช้กระดาษถนอมสายตา การออกแบบหน้าปกขนาดตัวอักษร รูปเล่มน่าสนใจดี

“แฟนพี่เทียนหรอคะ น้องชื่ออะไรคะ น่ารักจังเลย”

“อยากรู้ถามเขาดูเองซิ”

“พี่เทียน..ขี้หวง ถามแค่นี้ก็ไม่บอก”

“เลิกยุ่งเรื่องของคนแล้วไปทำงานได้แล้ว”

“ค่า ค่า เจ้านาย”

เสียงคุยเจ้านายลูกน้องแว่วเข้ามาในหูผม แล้วทำไมต้องเอาผมไปเป็นหัวข้อสนทนาด้วยนะ ในที่สุดคุณหมิวก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้ต่อ

พี่เทียนแล้วต้องเดินออกจากห้องทำงานไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก เสียงในห้องเงียบลงอีกครั้งแล้วผมเหลือบมองคนตัวโตบน

ทำงาน พี่เทียนกำลังมองมาที่ผม

และกำลังเดินตรงมาที่ผม

“เป็นไงเจอหนังสือที่ถูกใจบ้างรึยัง”พีเทียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“ยังเลยครับ”

“เบื่อไหม”ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ

“ตำแหน่งงานของเราเดี๋ยวพี่ฝ่ายบุคคลเขาจะเข้ามาคุยรายละเอียดให้เราฟัง ถ้าไม่เข้าใจหรือสงสัยตรงไหนก็ถามพี่ได้นะ”

“ขอบคุณครับ”ที่จริงให้ผมเดินไปหาพี่เขาที่ฝ่ายบุคคลก็ได้นะครับ ไม่ต้องให้พี่เขามาหาที่นี่ก็ได้เหมือนเป็นเด็กเส้นยังไงไม่รู้

พี่เทียนก็เดินกลับไปนั่งลงทำงานต่อที่ทำงาน หนังสือหลายร้อยเล่มที่วางอยู่บนชั้นมีแต่หนังสือน่าสนใจทั้งนั้นเลยถ้าตั้งใจอ่าน

ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะอ่านหมด ยืนนานเริ่มเมื่อยขาเปลี่ยนไปนั่งบนโซฟา เริ่มหิวก็หยิบของว่างขึ้นมาทานรองท้อง อ่าน

หนังสือจากหน้าที่หนึ่ง สอง สาม จนใกล้จะหมดเล่ม ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆห้อง พี่เทียนยังนั่งอยู่ที่เดิม หยิบ

โทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาบนหน้าจอสิบโมงเช้าแล้ว ผมอ่านหนังสือนานขนาดนี้เชียว

“พี่เทียน”ผมเรียกพี่เทียนทำลายความเงียบในห้อง

“อืม ว่าไงเรา”พี่เทียนถามผม

“เอ่อ..นินอยากเข้าห้องน้ำ”

“เข้าห้องน้ำ อยากให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”ขอโทษครับแต่ผมโตแล้วไม่ต้อง

“ฮึ ฮึ ออกจากห้องแล้วเลี้ยวซ้าย แน่ใจไม่ให้พี่ไปเป็นเพื่อน”แน่ยิ่งกว่าแน่ ผมไม่สนใจพี่เทียนแล้วเดินออกไปข้างนอกเพื่อไป

ห้องน้ำ  แต่ถือโอกาสนี้เดินดูรอบก่อนเพราะต่อไปผมจะได้เข้ามาทำงานที่นี่ ห้องทำงานที่นี่จะแยกออกเป็นแผนกต่างๆ ผมเดิน

มาถึงด้านหน้าทำงานห้องหนึ่งเห็นมีคนนั่งรอบนเก็าหน้าห้อง บนผนังหน้าห้องมีโปสเตอร์แสดงรายชื่อหนังสือที่จะออกวาง

จำหน่ายในแต่ละเดือน และรายชื่อหนังสือที่ได้ลิขสิทธิ์

“นี่น้อง เอางานมาเสนอเหมือนกันหรอเรา”ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังผมกำลังยืนดูโปสเตอร์ที่ติดอยู่ผนังเขาส่งยิ้มให้ผม

หน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวัน

“เอ่อ คือ”

“พยายามแล้วกันพี่ก็กว่าจะมีวันนี้ได้ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน”ผมมองดูกระดาษเล่มหนึ่งในมือผู้ชายคนนั้น

“ผมขอดูได้ไหมครับ”

“ได้ ไม่มีปัญหาเพราะมันยังไม่ผ่านแก้มาหลายรอบแล้ว”เขายื่นกระดาษเล่มนั้นให้ผม นิยายอย่างนั้นหรอ เขาเป็นนักเขียน

“พี่เป็นเขียนหรอครับ”

“อือ แต่ไม่ดังอะไรหรอก”

“อ้อ แล้วพี่เอาพ็อตเรื่องแต่ละเรื่องที่แต่งมาจากไหนครับ”

“ก็เรื่องของตังเองบ้าง คนรอบข้างบ้าง เสริมเติมแต่งเข้าไปให้สนุก ตื่นเต้นนิยายขอแค่สนุกตื่นเต้นให้คนอ่านมีความรู้สึกร่วมแค่

นั้นก็พอ อ่านแล้วเข้าใจไม่ใช่อ่านไปแล้วต้องมานั่งตีความอีก คนเขาอ่านเพื่อผ่อนคลายถ้าอยากอ่านอะไรที่เครียดเขาคงไปอ่าน

หนังสือวิชาการแล้ว”

พูดก็ถูก“แล้วอย่างผมจะแต่งนิยายดีดีได้บ้างไหมครับ”

“ได้ใครก็สามารถแต่งได้ทั้งนั้น มันก็เหมือนเขียนเหตุการณ์ที่เกิดกับเรา”

“แล้วไม่ต้องผ่านงานประกวดหรอ”

“หึหึ การเข้าประกวดงานเขียนเป็นเหมือนการทดสอบความสามารถของนักเขียน ว่าเราจะสามารถตีโจทย์หัวข้อที่เราส่งเข้า

ประกวดได้หรือไม่ มันเป็นประสบการณ์ที่ดี”ผมยืนฟังผู้ชายที่เป็นนักเขียนคนหนึ่งกำลังพูดเรื่องการเขียนของเขาให้ผมฟังอย่างมี

ความสุข ถ้าผมคิดอยากจะแต่งนิยายผมจะเอาเรื่องของผมมาแต่งได้ไหมนะ ถึงเรื่องของผมจะบอกหรือเล่าให้ใครฟังไม่ได้แต่ผม

เขียนได้ใช่ไหม

“เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว ขอบคุณละกันที่ยืนฟังเรื่องที่พี่เพ้อเจ้อ โชคดีนะน้อง”ผมยื่นนิยายเรื่องนั้นคืนให้ผู้ชายคนนั้น เขาเก็บมันลงใน

กระเป๋าแล้วเดินจากไป ผมหันหลังเดินกับไปที่ห้อง

“อ้าวมาแล้วนึกว่าเป็นอะไร ไปซะนานเชียว”

“พอดีนินไปเดินดูอะไรรอบๆมานะครับ”

“เป็นไงที่นี่น่าทำงานไหม”

“ก็ดีครับ”

“หิวรึยัง ใกล้เที่ยงแล้วพี่ว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่า”ผมมองดูเวลาหน้าปัดนาฬิกาบอกว่าใกล้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว

“แล้วพี่เทียนจะไปทานที่ไหนครับ”ถามพี่เทียนที่วางปากกาลงบนโต๊ะปิดแฟ้มเอกสารลงแล้วเดินมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับผม

“เราอยากทานอะไรเป็นพิเศษบ้างรึเปล่า”ฮึ ถ้าผมบอกว่าว่าอยากกินไก่ทอด พิซซ่า พี่จะพาผมไปกินรึเปล่าครับ ถ้าไม่ก็อย่าถาม

“นินทานอะไรก็ได้ง่ายๆ จะได้ไม่กวนเวลางานพี่เทียนด้วย”ไม่อยากรบกวนเวลางานของพี่เทียน

“ปะ เก็บของเดี๋ยวพี่พาออกไปหาอะไรกิน”พี่เทียนเดินกลับไปที่โต๊ะหยิบกระเป๋าเอกสารและของสำคัญใส่ในนั้น ส่วนผมก็หยิบ

กระเป๋าขึ้นสะพาย เขาพาผมเดินออกมาจากห้องกรรมการผู้จัดการ พนักงานแผนกอื่นๆยังนั่งทำงานเพราะยังไม่ถึงเวลาพัก ห้อง

ทำงานที่นี่เป็นกระจกทำให้มีพนักงานหลายคนมองพวกเราทั้งสองเดินคู่กันไป ก้าวขึ้นลิฟต์ลิฟต์ค่อยๆเลื่อนลงไปข้างล่างจนสิ้น

สุดที่ชั้นที่ต้องการลง ก้าวตามหลังหนาของผู้ชายตัวโต เดินออกจากออฟฟิตช่างเป็นจุดสนใจของสาวๆเสียจริง รถเคลื่อนที่ออก

จากลานจอดรถเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางหลักผ่านแหล่งชุมชน ตึกสูงใหญ่ในเมืองหลวง สี่แยกไฟแดง แดดใกล้เที่ยงนี่ช่างร้อนเสียจริง

นั่งอยู่รถแต่แสงแดดที่ส่องเข้ามาทางกระจกใสก็ทำให้รู้สึกร้อนใช่เล่น

ผ่าแดดอันแรงกล้าตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นป้ายชื่อร้าน Japanese Restaurant ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น

ร้านตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้ามีชื่อแห่งหนึ่ง ช่วงเวลาเกือบบ่ายโมงลูกค้าภายในร้านเริ่มซาลงแล้ว หน้าร้านมีตู้โชว์อาหารเมนู

แนะนำของร้าน พร้อมทั้งมีเมนูเล่มโตวางไว้หน้าร้านให้ลูกค้าเปิดดู โคมไฟญี่ปุ่นขนาดใหญ่แขวนคู่กันอยู่หน้าร้าน ป้ายไม้ตั้งพื้น

เขียนบอกโปรโมชั่นประจำวัน รายการอาหารขึ้นชื่อและเวลาเปิด-ปิดของร้าน เมื่อเดินเข้าในร้านประตูกระจกใสเลื่อนอัตโนมัติเข้า

มาในร้านเหมือนได้สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่น

“เพื่อนพี่แนะนำมา มันบอกว่าร้านนี้อร่อย พอดีเห็นเราอาหารญี่ปุ่นเลยพาลอง” เราเดินไปนั่งที่โต๊ะมองไปรอบๆร้านอย่างสนใจ

เปิดรายการอาหารของร้านไม่ต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นปกติทั่วไปที่นี่จะมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่นและภาษาไทยประกอบใต้

ภาพอาหาร จากที่ดูหน้าร้านเขาบอกว่าราเมงขึ้นชื่อที่นี่มีสองขนาด S และ L อาหารเซตก็ขึ้นชื่อ ดูจากราคาค่อนข้างสูงกว่าร้า

นอื่นๆที่มีตามห้างทั่วๆไปพนักงานหนุ่มหล่อในชุดพนักงานประจำร้านสวมเสื้อคอจีนสีเขียวเข้มแขนสั้นกางเกงขายาวสีดำสวมทับ

ด้วยผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวสีเทาริ้วขาว สวมหมวกเปเล่ย์สีดำ เดินเข้ามาที่โต๊ะของผมเพื่อรับออเดอร์ในมือถือเครื่องมือไว้สำหรับ

บันทึกรายการที่ลูกค้าสั่งผมสั่งเป็นอาหารเซ็ตปลาแซลมอนส่วนพี่เทียนเป็นเมนูอาหารเซตปลาหิมะและอาหารทานเล่นอีกสอง

สามอย่างแล้วพนักงานก็เดินกลับเข้าไปในครัว

“ร้านนี้บรรยากาศดีนะครับ ไม่นึกว่าที่นี่จะมีร้านอาหารแปลกตาแบบนี้ด้วย”

“ ถ้าอร่อยไว้วันหลังพี่พามาทานบ่อยๆ”ผมยิ้มรับแทนคำตอบ มองไปตรงครัวเปิดมีที่นั่งไว้ให้ลูกค้าที่ต้องการนั่ง ครัวเปิดทำให้

นึกถึงร้านอาหารที่ประเทศญี่ปุ่น เวลาที่ทานอาหารแล้วนั่งมองดูพ่อครัวทำอาหารไปด้วย พ่อครัวน่าตาคล้ายคนต่างชาติเจ้าของ

ต้นตำรับอาหารสวมเสื้อสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์ชุดพ่อครัวแดนอาทิตย์อุทัย สวมหมวกพ่อครัวญี่ปุ่นสีขาว สมผ้ากันเปื้อนแบบครึ่ง

ตัวสีดำ กำลังทำซูชิวางบนจานให้ลูกค้าที่นั่งอยู่หน้าครัวเปิด

“เฮ้ย ไอ้เทียน”ผู้ชายที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาทักทายพี่เทียนด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ดูสนิทคงจะเป็นเพื่อนของพี่เทียน ผู้ชาย

หน้าตาดีน่าจะสูงไล่เลี่ยกับพี่เทียน สามชุดลำลองถือถุงกระดาษเสื้อผ้ายี่ห้อดัง มีถุงเครื่องสำอางผู้หญิง สองสามใบในมือ ร้อง

เรียกทักพี่เทียนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ ท่าทางน่าจะเป็นคนอัธยาศัยดีด้วย ความรู้สึกของผมบอกวาเขาเป็นผู้ชายที่ไม่น่า

ไว้วางใจ

“อ้าว ไอ้ฟรอยด์มาทำอะไรวะ”ผู้ชายคนนั้นเดินตรงมาที่โต๊ะที่เราทั้งสองคนนั่งอยู่ ผู้ชายหน้าตาเทรนเกาหลีผิวขาว สวมเสื้อยืดคอ

วีสีขาวสวมทับด้วยสูทแฟชั่นสีดำพับแขนขึ้นเห็นนาฬิกายี่ห้อดังราคาหรูบนแขนซ้ายสวมกางเกงผ้าสีน้ำตาลเข้ารูปกับรองเท้าหนัง

ชั้นดีสีดำ เดินมานั่งลงเก้าอี้ฝั่งที่ผมนั่ง สายตาแอบเหลือบมองมาที่ผม

“มารอแอนนี่ว่ะ เดินซื้อของจนเหนื่อย หิวด้วย เฮ้ยแกเป็นไงออกมาจากถ้ำได้ไงเห็นทำแต่งาน ชวนไปไหนก็ไม่ไปมาเป็นปีๆ

ตั้งแต่เลิกกับน้องเพียว”ท่าทางจะไม่ได้เจอกันนานพูดไม่มีหยุดหายใจเลย

“ก็ เรื่อยๆว่ะ งานเพิ่งอยู่ตัว โทษทีที่ไม่ได้ไปไหนมาด้วย”

“เอ่อ แต่ว่านี่แฟนใหม่หรอวะแกเปลี่ยนแนวหรอวะ คนนี้สวยน่ารักดีว่ะแต่เด็กไปเปล่าวะมึง”

“นิน เพื่อนพี่ไอ้ฟรอยด์”เพื่อนพี่เทียนยื่นหน้ามามองผมใกล้

“สวัสดีครับ”ผมยกมือขึ้นไหว้ทักทาย

“นี่น้องนิน”พี่เทียนแนะนำผมให้พี่ฟรอยด์ได้รู้จัก

“สะ..สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก พี่ขอโทษด้วยนึกว่าเด็กผู้หญิง น่ารักว่ะเทียน”

“เอ้อ กูรู้ของกู ไม่ต้องให้มึงมาบอก”

“แล้ว”เหมือนพี่ฟรอยด์กำลังรอให้พี่เทียนผู้อะไรต่อสักอย่าง

“ไม่มีอะไร”พี่เทียนทำหหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้

“เทียนกูมองสายตามึงกูก็รู้”

“เออน่ารู้แล้วก็เงียบ ไม่พูดไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้”พี่ฟรอยด์เรียกพนักงานมาสั่งอาหารได้ยินข่าวว่าหิวเข้ามาในร้านตั้งนานแต่เพิ่ง

สั่งอาหาร ผู้ชายทั้งสองคนยังคุยกันพี่ฟรอยด์ยังเหลือบมองผมบ่อยๆทำเหมือนที่พี่เทียนเจอผมครั้งแรก

“มองอะไรบ่อยนักวะ นินกินข้าวไม่ลงแล้วนะ หิวข้าวไม่ใช่รึไงทำไมไม่กิน”ดุเลยพี่เทียนจ้องทำไมจ้องอยู่ได้ ผมจะกินข้าวเลย

ไม่มีสมาธิ

“หวง ก็น้องเขาน่ารักดีว่ะ มึงดูดิน้องนินตาโต แก้มชมพู จมูกอีกแล้วยังปาก”พี่ฟรอยด์มองหน้าผมแล้วเริ่มวิจารณ์ แล้วก็หันไป

มองพี่เทียนแล้วหยุดลงแทบทัน

“มึงว่าอะไรนะ ”น้ำเสียงของพี่เทียนบอกว่ากำลังหงุดหงิด

“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็จะบอกว่าน้องน่ารักดี มึงก็ จริงจังหรือวะ”

“เออ อย่าให้มากกว่านั้น”ดีสมน้ำหน้าโดนพี่เทียนดุ

“ส่วนเราก็กินเยอะๆ เอ้า กินเนื้อปลานี่จะได้โตเร็วๆ”พี่เทียนหันมามองที่ผมแล้วตักกับข้าวใส่ถ้วยของผม แล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้น

เบาๆ มันน่าตลกตรงไหน 

“เออคืนนี้มีนัดรวมพลกัน ไปไหม”

“ที่ไหนวะ”

“ยังตกลงกันไม่ได้ น้องนินไปเปิดหูเปิดตากับพวกพี่ไหม”

“เอ่อ คืนนี้มีนัดเลี้ยงสายแล้วครับคงไปด้วยไม่ได้”

“ที่ไหน กี่โมง บอกที่บ้านยัง”

“หืมไอ้เทียนมาเต็มเลยนะมึง ไม่นั่งเฝ้าเลยล่ะ”

“ได้ก็ดี”

“เอางี้กูว่า เราไปร้านเดียวกันกับน้องดีกว่าไหนๆก็ยังหาร้านไม่ได้ ดีไหมน้องนินไอ้เทียนจะได้ไปรับไปส่งเราด้วย”

“ก็ได้ครับผมไม่ปัญหาอยู่แล้ว”

“เอาตามนี้แหละคุณลุงคุณป้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย”ก็ดีเหมือนกันถ้ามีพี่เทียนที่บ้านผมจะได้อุ่นใจ

“เฮ้ย เดี๋ยวเจกันคืนนี้ น้องนินพี่ไปก่อนนะคืนนี้เจอกัน”พี่ฟรอยด์รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้าน มองตามพี่ฟรอยด์เห็นผู้หญิงร่าง

โปร่งบาง ผมยาว ยืนสวยอยู่หน้าร้านเหมือนกำลังมองหาใครสักคน พี่ฟรอยด์เดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นพร้อมรอยยิ้ม

“แฟนพี่ฟรอยด์หรอครับสวยจังเลย”

“ไม่รู้สิเห็นมันคบไม่ซ้ำหน้าสักคน”อ้าวทำไมพี่เทียนขายเพื่อนอย่างนี้ละครับ ผมยังมองตามพี่ฟรอยด์ที่เดินผ่านหน้าร้านไปพร้อม

กับสาวสวยคนนั้น




***************************************************************

                 คำผิด ประโยคมีเยอะ อ่านหลายรอบแล้วยังมีให้เห็นบ้างขออภัยด้วย ตาลายมาก

  อย่าพึ่งเบื่อหนีหาย ตอนนนี้มาได้ครึ่งทาง อีกไม่นานก็ถึงปลายทาง ขอให้อยู่เป็นเพื่อนร่วมทางไปจนสุดทางด้วยจ้า

                                เจอกันใหม่ตอนหน้า






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นินไม่แย้งเลยเนอะ พี่เทียนถือโอกาสเลย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่เทียนก็เนี๊ยนนนนนน เนียน

น้องนินยังดูงงๆอยู่เลยนะนั่น

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
พี่เทียนนี่ก็เนียนได้เนียนดี แต่ถึงจะเนียนยังไง นินก็ยังใสๆไม่เข้าใจอยู่ดี

ออฟไลน์ Zxjmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่เทียนเป็นผู้ชายอบอุ่นมากก

ออฟไลน์ Nunnaly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องนินใสซื่อ~~
พีเทียนดูแลดีๆนะ อย่าทำนินเสียใจ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


ตอนที่ 14
[/size]


ก๊อก แก๊ก ก๊อก แก๊ก เสียงกดแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กมือผมกำลังเคลื่อนไหวสัมผัสเบาๆไปบนแป้นที่ผมกดพิมพ์ลงไปตามตัวอักษร

ส่วนสายตาผมกำลังจับจ้องอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดพอดีตัวอักษรภาษาไทยแต่ละตัวกำลังปรากฏขึ้นมาบนหน้ากระดาษสีขาว

ในโปรแกรมใช้งานโปรแกรมหนึ่งจากตัวอักษรหนึ่งตัวรวมกันมากขึ้นจนเป็นคำเป็นประโยค บรรยายเรียบเรียงเรียงร้อยถ้อยคำของ

ผมลงบนหน้ากระดาษแผ่นนั้น ผมมองดูมุมซ้ายล่างแถบสถานะจากที่แสดงหน้าหนึ่งหน้าสองตอนนี้เปลี่ยนเป็นหน้าที่สิบ จำนวน

คำที่แสดงจากที่เป็นหลักหน่วย เปลี่ยนเป็นหลักร้อยจนถึงตอนนี้ก็ขึ้นหลักพัน เหลือบมองเวลาที่มุมด้านขวาของโน้ตบุ๊กตอนนี้

เวลาเย็นแล้วตัดสินใจหยุดมือลงจัดการบันทึกแฟ้มงาน My story ตั้งชื่อไว้ว่าอย่างนั้นเพราะยังหาชื่อที่เหมาะสมไม่ได้บันทึกกด

ปุ่มนั้นลงไปชื่อแฟ้มงานของผมก็ปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอเลื่อนลูกศรไปที่ปุ่มปิดเครื่องแล้วรอให้เครื่องตรงหน้าดับลง ยกขึ้นเหนือ

ศีรษะยืดตัวขึ้นบิดแขนไปมานั่งทำงานหน้าจอเป็นเวลานานทำหน้าร่างกายรู้สึกล้า ใช้นิ้วนวดคลึงที่หัวคิ้วเบาๆผ่อนคลายอาการล้า

ของสายตา พับหน้าจอลงแล้วเก็บไว้บนโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย เดินไปรับลมที่ระเบียง วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของใครหลายคน

ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นวันพักผ่อนที่แสนเรียบง่าย และสงบเงียบของผม ราวตากผ้าข้างล่างเต็มไปด้วยผ้าที่พี่แจ่มเอาออกไปซัก

ตั้งแต่เช้า ตอนนี้กำลังปลิวไปตามลม คงจะแห้งหมดแล้ว แดดช่วงกลางวันแรงมากพอจะช่วยให้ผ้าแห้งได้หมด ตอนนี้แดดเริ่ม

อ่อนแสงลงพ่อกำลังยุ่งกับต้นไม้ในสวน ส่วนแม่น่าจะอยู่ในบ้าน เดินลงชั้นล่างตามเสียงเข้าไปในครัว สองสาววัยไล่เลี่ยกันกำลัง

ยุ่งวุ่นวายกันอยู่ในครัว

“น้องนินหิวข้าวแล้วหรอคะ”

“นินหิวหรอลูกตามกลิ่นอาหารลงมาจากชั้นบน”

“เปล่าครับ ว่าแต่แม่กับพี่แจ่มกำลังทำอะไรอยู่ครับ”

“แม่กับพี่แจ่มกำลังลองทำขนมให้หนูทาน และเตรียมอาหารเย็น”

“แล้วน้องนินจะออกไปข้างนอกตอนไหนคะ”

“อีกสักหน่อยครับ พี่เทียนจะมารับ”

“ตาเทียนไปด้วยหรอลูก อย่างนี้แม่ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย”

“ครับ พอดีพี่เทียนมีนัดกับเพื่อน”เลยไปร้านเดียวกันกับผม

คุกกี้ขนมที่แม่กำลังทำอยู่น่าจะใช้ แป้งทำขนม ผงฟู ข้าวโอ๊ต ลูกเกด เนย วางไว้อยู่บนโต๊ะ ในเตาอบที่กำลังทำงานก็คงมีขนม

อยู่ในนั้น ผมกลับขึ้นห้องเตรียมตัวรอพี่เทียนมารับตามเวลาที่นัดกันไว้ เปิดตู้เสื้อผ้าเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะที่สวมไปเที่ยวคืนนี้ หยิบ

ผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าแล้วชำระร่างกายด้วยน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติแรงน้ำไหลสม่ำเสมอที่ออกมาจากฟักบัวกระทบ

ลงบนศีรษะผิวสีขาวของผม ปิดน้ำแล้วชำระคราบเหงื่อไคลออกด้วยยาสระผมและครีมอาบน้ำผสมน้ำนมกลิ่นหอมหวานเหมือน

ลูกกวาด ลูบไล้ครีมอาบน้ำไปทั่วร่างกายแล้วเปิดน้ำล้างออกไล่ฟองจากศีรษะลงมาจนถึงปลายเท้าให้หมดแล้วชโลม สครับกลิ่น

เดียวกันแต่มีเม็ดบีทขนาดเล็กละเอียดช่วยขัดเอาผิวหนังชั้นกำพร้าออกไป ผมใช้มือที่สัมผัสเม็ดสครับค่อยๆวนไปบนผิวตั้งแต่คอ

ไหล่ข้อศอกหน้าท้องหัวเข่าและขารู้สึกสบายตัวสบายผิวเหมือนเป็นการช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นล้างทำความสะอาด

ด้วยน้ำเปล่าหยิบผ้าเช็ดตัวซับหยดน้ำที่เกาะบนผมและผิวออกแล้วหยิบครีมบำรุงผิวกลิ่นน้ำนมบำรุงผิวก่อนสวมเสื้อผ้าที่เตรียมไว้

เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นคอวีพิมพ์ลายกับกางเกงยีนต์ขายาวเข้ารูปมีรอยขาดบ้างเล็กน้อยหยิบนาฬิกาสายหนังยี่ห้อดังขึ้นมาสวมที่

แขนซ้าย กระเป๋าตังค์และโทรศัพท์หยิบลงในกระเป๋ากางเกง สำรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วเดินลงไปข้างล่าง

“พี่เทียนมานานรึยังครับ”พี่เทียนกำลังนั่งรอผมอยู่ข้างล่าง

“ไม่นานพี่เพิ่งมาถึง”

“นินจะไปเลยหรรอลูก ดูแลตัวเองด้วยนะ เทียนดูน้องด้วยนะลูก”แม่เดินเข้ามาถามผม ผมเดินไปนั่งลงโซฟาหยิบถุงเท้าขึ้นมา

สวม

“ครับ”

“นินไปแล้วนะครับ”

“เดินทางปลอดภัยนะลูก”

ผมกับพี่เทียนเดินขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ผู้ชายตัวโตสวมเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยสูทลำลอง กางเกงยีนต์รองเท้าหนังสาวใน

ร้านอาหารเห็นคงมองตาเป็นมันเชียว

“วันนี้แต่งตัวดูดีนะ ”

“แสดงว่าทุกวันดูแย่”

“ทุกวันดูน่ารัก วันนี้ดูดีไปอีกแบบ”

“พี่เทียนก็แต่งหล่อเหมือนกัน แต่น้อยกว่านิน”

“แล้วนี่ต้องเปลี่ยนน้ำหอมใหม่ด้วยหรอ”

“ไม่ใช่น้ำหอมครีมอาบน้ำ พอดีกลิ่นเดิมหมด”

“อืม”

แล้วรถยุโรปคันโตก็เคลื่อนออกจากหน้าบ้าน พระอาทิตย์เคลื่อนตัวต่ำลงเรื่อยๆ แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหายไป แสงจาก

หลอดนีออนข้างถนนกำลังมาแทนที่ ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนนกำลังตั้งร้าน มีบางคนที่เพิ่งจะเลิกงาน บนรถเมล์บางสายยังมีคนเยอะ

เป็นปกติ รถแท็กซี่ รถตู้ ต่างวิ่งแข่งกับเวลาเพื่อส่งผู้โดยสารไปถึงจุดหมายปลายทาง ตอนนี้มหาวิทยาลัยของผมเปิดมาได้นาน

แล้ว ผมยังจำวันแรกที่เดินเข้าไปเหยียบในคณะได้ เหมือนที่นั่นมีแต่นักศึกษาปีหนึ่งหันไปทางไหนก็แต่งกายคล้ายกันไปหมดแต่

ผ่านกิจกรรมเชียร์มาเท่านั้นหล่ะเสื้อนักศึกษาเริ่มหดกระโปรงเริ่มสั้น ส้นรองเท้าก็สูง สีผมก็เริ่มเปลี่ยน เชียร์คณะนี้ไม่ได้เข้มงวด

มากเหมือนบางคณะแต่ที่เข้าร่วมเพื่อคะแนนและเรียนรู้อยู่กับคนอื่นเพราะต้องอยู่ที่นี่ตั้งสี่ปี อาคารเรียนคณะนี้มีหลายตึกมีหลาย

ภาควิชาที่สำคัญนักศึกษาทุกคณะต้องมาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่ ลานจอดรถขนาดกว้างแต่มีไว้สำหรับจักยานเท่านั้นรถยนต์จะหา

ที่จอดยากมากเพราะในมหาวิทยาลัยมีรถฟรีบริการทั้งวัน

      โรงอาหารขนาดกว้างต้องรองรับนักศึกษาภายในคณะและคณะใกล้เคียง ร้านกาแฟสี่ร้านตั้งอยู่ในบริเวณคณะ ส่วนเรื่องการ

เรียนของผมไม่มีปัญหาเพราะภาษาเป็นเรื่องที่ผมถนัด ผมกับเพื่อนก็เข้ากันได้ดีไม่มีปัญหาอะไร กิจกรรมต่างๆก็ผ่านไปได้ด้วยดี

แต่คืนนี้มีนัดเลี้ยงสายกับพวกรุ่นพี่ที่ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่ง พี่เทียนเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่จอดรถของร้านเปิดประตูเดินลงมา

จากรถเงยหน้ามองป้ายชื่อร้าน “กินเพลิน” ที่เป็นตัวหนังสือนีออนขนาดใหญ่ติดอยู่หน้าร้าน

“พวกมึงอยู่ไหนก็มาถึงแล้ว..เออ...เออ...”พี่เทียนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน

“เพื่อนเรามารึยัง”

“น่าจะยังนะครับยังไม่ถึงเวลานัด แต่ผมไลน์บอกพี่ๆเขาแล้วว่าผมมารอที่ร้านแล้ว”

“ไปนั่งกับพี่ก่อน”พี่เทียนเดินนำผมเข้าไปร้าน ร้านอาหารบรรยากาศดีเหมาะกับการมานั่งแฮงเอาส์ ต้นไม้กระถางตั้งวางไว้รอบๆ

ร้านเหมือนเป็นรั้ว แสงไฟกลางคืนส่องสลัวจากโคมไฟที่ห้อยลงมาจากเสา มีที่นั่งโซนด้านนอกโต๊ะเก้าอี้สีดำเข้าชุดวางไว้หลาย

ตัวสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศด้านนอกสูบบุหรี่ พื้นที่ปูด้วยหินกรวดและแผ่นอิฐรูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนด้านในเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้มี

เบาะรองนั่ง ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงสองชั่วโมงเริ่มมีคนทยอยเข้ามาแล้วส่วนมากมาเป็นกลุ่มเพื่อน บริเวณด้านในถูกจำจองแล้ว

หลายโต๊ะลูกค้าที่นั่งประจำโต๊ะมีเครื่องดื่มอาหารถูกเสิร์ฟลงโต๊ะแล้ว พวกเราเดินเข้ามาด้านในมีหลายคนที่สนใจหันมามอง ด้าน

ในยังมีห้องกระจกใสสองสามห้องบริการสำหรับหมู่คณะที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมองเข้าไปข้างในมีจอทีวีขนาดใหญ่และ

ไมโครโฟนน่าจะใช้เป็นห้องเลี้ยงฉลองได้ มีบาร์ไว้สำหรับบริการเครื่องดื่ม เพลงในร้านเป็นเพลงเปิดจากแผ่นฟังสบายๆไม่ใช่

ดนตรีสด มีบันไดเดินวนขึ้นบนชั้นสองเมื่อขึ้นไปสิ่งแรกที่เห็นจะเห็นเวทีสำหรับแสดงดนตรี ที่มีเครื่องดนตรีครบชุดวางอยู่บนนั้นมี

คนอยู่บนนั้นสองสามคนน่าจะกำลังเตรียมร้องคืนนี้ มองจากชั้นนี้ลงไปจะสามารถเห็นโต๊ะที่นั่งอยู่โซนด้านนอกได้ เฟอร์นิเจอร์ชั้น

สองจะเป็นโซฟาทั้งหมด ชั้นนี้ก็มีห้องกระจกใสอยู่สองสามห้องเหมือนห้องข้างล่าง และมีบาร์เครื่องดื่มตั้งอยู่ตรงข้ามเวที

“เทียน น้องนินทางนี้”เป็นพี่ฟรอยด์ที่ตะโกนเรียกแข่งกับเสียงเพลงโบกมือเป็นสัญญาณให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน ผมกับพี่เทียนตรงไป

หาพี่ฟรอยด์ที่ตอนนี้ที่นั่งมีคนหลายคนนั่งอยู่ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

“เฮ้ย มาเร็วนี่หว่านึกว่าจะเบี้ยวซะแล้ว”พี่ฟรอยด์ไม่วายกัดพี่เทียน พี่เทียนนั่งฝั่งที่มองเห็นเวทีมองเห็นก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

เพราะไกลขนาดนี้ เกือบหลังสุดเลยทีเดียว

“น้องนินอยากทานอะไรสั่งเลยนะ ตามสบาย”มองยิ้มแทนคำตอบผมมองไปรอบๆโต๊ะมีผู้ชายที่น่าจะเป็นเพื่อนพี่เทียนสี่คนรวมพี่

ฟรอยด์ มีผู้หญิงอีกสามคนเป็นใครนั้นเดาไม่ออก แต่ทุกคนต่างมองมาที่ผมและพี่เทียน

“ไม่เจอกันนานเลยว่ะเทียน สบายดีเปล่าวะ”

“เรื่อยๆ แล้วมึงล่ะ....”พี่เทียนกำลังคุยกับเพื่อนๆ ส่วนผมก็นั่งเงียบพี่เทียนสั่งอาหารที่คาดว่าผมน่าจะกินได้มารองท้องเพราะออก

มาโดยที่ไม่มีอะไรรองท้องเสียงเพลงเบาๆสบายลมกลางคืนพัดโชยมาทำให้รูสึกเย็นสบายแต่ดึกกว่านี้น่าจะหนาว

“ใครวะเทียน มึงไม่คิดจะแนะนำให้พวกกูรู้จักเลยรึไง”เพื่อนพี่เทียนเห็นมองผมอยู่นานก็พูดขึ้นส่วนผมกำลังจัดการปลานึ่งมะนาว

ปลาช่อนทอดกระเทียม ต้มจืดผักรวมอย่างอร่อย

“ทำไม พวกมึงอยากรู้จักน้องเขา”

“เออดิวะ”เพื่อนพี่เทียนพูดพร้อมกันเกือบทั้งโต๊ะ

“แล้วถามน้องเขารึยังว่าอยากรู้จักกับพวกมึง”พี่เทียนเล่นแรงไปเปล่าครับ

“แหมคุณเทียนนี่อารมณ์ขันจังเลยนะคะ”ผู้หญิงน่าตาสวย ผมยาว หุ่นดีสวมชุดกระโปรงสั้นเกาะอกสีขาว เห็นแล้วรู้สึกหนาวแทน

ส่งสายแพรวพราว มองพี่เทียนด้วยสายตาเยิ้มเชียวท่าทางคืนนี้พี่เทียนคงจะได้ไปส่งผมที่บ้าน

“เออๆ นี่น้องนิน”

“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้ทุกคน ถ้าผมคิดไม่ผิดเหมือนผู้หญิงคนนี้เธอมองมาที่ผมอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ อ้าพี่เทียนหาศัตรูให้

ผมซะแล้ว

“นิน ส่วนนี่พี่กัปตัน พี่ต้นตอ และพี่วัฒน์”แนะนำแต่ผู้ชายแสดงว่าพี่เทียนก็ไม่รู้จักพวกผู้หญิง

กลุ่มนี้ผู้ชายน่าตาดีทุกคน ฐานะก็น่าจะดีด้วยดูจากแต่งกาย

“ผู้ชายหรือวะนึกว่าว่าเด็กผู้หญิง”พี่กัปตัน

“ไอ้เราก็นึกว่ามึงเปลี่ยนรสนิยม”พี่ต้นตอ

"น้องนินน่ารักจริงนะโว้ยนั่งมองใกล้ๆยิ่งหน้ารัก”พี่วัฒน์มองเฉยๆก็ได้มั้งครับไม่ต้องยื่นหน้ามาใกล้ก็ได้ขณะที่ทุกคนมองมาที่ผม

แล้วคุยเรื่องของผมอยู่เป็นผู้หญิงคนเดิมสะกิดพี่ฟรอยด์เบาๆ

“เอ่อนี่พวกมึงนี่ หลิน เหมียว ใหม่ เพื่อนเราเอง”เพื่อนพี่ฟรอยด์แต่มองพี่เทียนตาเป็นมัน รู้สึกตลกกับท่าทางที่แสดงออกอย่าง

ชัดเจนของผู้หญิงคนที่ชื่อใหม่ เธอยังทอดสายมองมาทางพี่เทียนอยากรู้ว่าคนข้างผมกำลังทำหน้าตาอย่างไรแอบชำเลืองดูพี่

เทียนยังไม่สนใจกำลังคุยกับพี่กัปตันและพี่ต้นตอไม่รู้ว่าพี่เทียนไม่รู้จริงๆหรือไม่สนใจเธอกันแน่ ที่ผมยังสบายใจอยู่ได้คงเป็น

เพราะพี่เทียนไม่ได้แสดงท่าทีสนใจผู้หญิงคนนั้น ถ้าลองนึกภาพว่าเธอมานั่งข้างๆพี่เทียนเกาะแขนข้างนี้ซบลงที่ไหล่กว้างพูดจา

ออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมก็คงไม่พอใจแต่ในฐานะอะไร ผมกลัวที่จะเจอผู้ชายแบบที่เคยเจอหรือความรักที่ผิดหวัง ไม่รู้ว่า

สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นมอบให้มันความรู้สึกรักหรือการหลงกันแน่ยังไม่สามารถแยกแยะความรู้สึก รักกับหลงออกจากกันได้ สักวันอาจ

จะสามารถสัมผัสความรู้สึกรักได้หรือเปล่านะ แล้วใครกันจะสามารถสอนให้ผมรู้ซึ้งถึงความหมายของคำคำนี้กัน อาจจะคาดหวัง

กับความรักมากเกินไปว่าความรักของผมต้องสวยงาม ผมยอมรับว่าผมคิดกับพี่เทียนมากกว่าพี่ชายคนหนึ่งไม่รู้ว่ามันเริ่มหรือเกิด

ขึ้นได้อย่างไรแต่พอรู้สึกตัวผมก็สึกดีทุกครั้งที่เขาอยู่ข้างๆ เสียงของเขาทำให้หายทุกข์ฟังแล้วรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เขาโทรเข้า

มา ดีใจทุกครั้งที่เห็นข้อความผ่านไลน์เด้งขึ้นมานั่นหมายความว่าเขาคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงเขา เขาไม่ได้แสดงท่าทางที่เกิน

เลยกับผมเลย ยังไงผู้หญิงก็คงจะดีกว่าผู้ชายด้วยกันเองซินะ ผมหันไปมองพี่ต้นตอกำลังชงเครื่องดื่มให้เพื่อนๆนักดื่มทั้งหลาย

ปล่อยให้พี่เทียนดื่มให้สบายเลยผมขับรถเป็นเดี๋ยวเป็นหน้าที่ผมขับไปส่งที่บ้านเอง

ครืน ครืน โทรศัพท์ของผมสั่น รุ่นพี่ของผมมาแล้ว ชะเง้อมองหา เห็นแล้ว

“พี่เทียนรุ่นพี่นินมาแล้ว”ผมสะกิดแขนพี่เทียนเบาๆแล้วกระซิบเบาๆที่หูพี่เทียนและชี้ที่โต๊ะที่มีรุ่นพี่นั่งรออยู่ซึ่งห่างจากโต๊ะนี้ไป

สองสามโต๊ะมองจากตรงนี้สามารมองเห็นได้

“พี่เทียนคืนนี้จะไปต่อก็บอกนินนะ นินจะได้กลับก่อน”ผมขอตัวแล้วเดินไปที่โต๊ะรุ่นก่อนเดินออกมา ไม่รอคำตอบจากพี่เทียน

“พี่ปุ๊กกี้ พี่เที่ยงคืน พี่พิกเจอร์ สวัสดีครับ”

“หวัดดีเจ้าตัวเล็ก นั่งก่อน”พี่พิกเจอร์พี่รหัสผม

“นั่งๆ”พี่เที่ยงคืนลุงรหัส

“น้องนิน  มานานรึยังจ๊ะ พี่สั่งอาหารเครื่องดื่มแล้ว อะไรทานไม่ได้ก็ไม่ต้องทานนะ”พี่ปุ๊กกี้นี่ปีสี่ครับ นั่งลงบนเก้าอี้ที่พี่ๆเขยิบให้

ตรงที่ผมนั่งมองเห็นโต๊ะที่เทียนและเพื่อนของเขานั่งอยู่ เอ๊ะผมพลาดอะไรไปรึเปล่า ผมยิ้มรีบปิดปากหัวเราะแทบไม่ทันผมมอง

ไปโต๊ะที่ผมลุกจากมาตอนนี้ที่นั่งของผมผู้หญิงคนนั้นเธอไปนั่งแทนผมแล้ว คืนนี้พี่เทียนจะรอดเงื้อมมือเธอไปได้รึเปล่า พี่เทียน

ทำหน้าไม่สบอารมณ์อีกแล้วคงรำคาญ เธอคงรุกเขามากเกินไป หันสายตากลับมาที่โต๊ะเวลาเริ่มเดินไปเรื่อยๆลูกค้าเข้ามาในร้าน

เพิ่มขึ้นแต่โต๊ะชั้นสองไม่เต็มเหลือว่างหลายโต๊ะ มีเพียงกลุ่มใหญ่ไม่กี่กลุ่มใหญ่ นักร้องนักดนตรีพร้อมแล้วต่างเดินขึ้นประจำที่บน

เวที เสียงเพลงเบาๆฟังสบายเข้ากับบรรยากาศร้าน

“พี่ครับผมไม่ได้สั่ง”

“โต๊ะโน้นสั่งมาให้ครับ”พนักงานเสิร์ฟวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ ผมมองไปตามนิ้วที่พนักงานเสิร์ฟชี้ไป เป็นกลุ่มผู้ชายสี่คนคนที่สั่ง

ไวน์ให้ผมยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วดื่ม เขาคงเข้าใจผิดว่าผมเป็นผู้หญิงรึเปล่านะ ที่สำคัญผมดื่มไม่ได้ผมเพียงยิ้มเป็นการขอบคุณ

เท่านั้น

“ใครหรอนินรู้จักรึเปล่า”พี่ปุ๊กกี้

“ไม่ครับผมไม่รู้จัก”

“น่าตาดีซะด้วย น้องเรานี่เสน่ห์แรง”พี่ปุ๊กกี้

“ใช่ดูสิมีแต่คนมองมา”พี่พิคเจอร์

“อยู่ในมหาวิทยาลัยก็มีแต่คนมอง มาที่นี่มีคนมองก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่มองซิแปลก”พี่เที่ยงคืน

“เออ ใช่พี่เพื่อนๆพิคเจอร์มีแต่คนชอบน้องทั้งนั้นเลย”

“เพื่อนๆพี่ก็เหมือนกัน”พี่เที่ยงคืน

“คนมันหน้าตาดีนะ ทำอะไรมันก็น่ามองไปหมด”พี่ปุ๊กกี้

จากนั้นก็โต๊ะข้างๆดินข้ามาชนแก้วพวกเราเรื่อยๆ ผมก็ชนน้ำเปล่าของผมไปเรื่อย ดูเหมือนพี่ๆของผมเริ่มมีอาการกันบ้างแล้ว

“นิน พาพี่ปุ๊กกี้ไปล้างหน้าหน่อยสิ ท่าจะไม่ไหวแล้ว”ผมหันไปมองหน้าปุ๊กกี้ตามที่พี่เที่ยงคืนบอก

“ฉันยังไหว ใครว่าฉันเมา แต่นินไปเป็นเพื่อนพี่ก็ดี”แล้วจะเถียงทำไมละครับผมล่ะไม่เข้าเลย

ลุกขึ้นเดินตามพี่ปุ๊กกี้ไปห้องน้ำพี่เขายังไม่เมาจริงๆยังเดินได้ปกติ เดินมาถึงหน้าห้องน้ำผมก็ยืนรอพี่ปุ๊กกี้หน้าห้องน้ำ

“ยังไงผู้หญิงก็ดีกว่าผู้ชาย คืนนี้เขาเสร็จฉันแน่”ผมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มองตามเสียง

“ผู้ชายเขาคงเล่นๆเดี๋ยวเขาก็เบื่อหรือไม่งั้นก็คงลองของแปลก”

“คริ คริ วิปริต”

เสียงผู้หญิงสามคนที่เป็นเพื่อนพี่ฟรอยด์พูดเสียงดังผ่านหน้าผมไป แล้วหันหน้ามายิ้มเยาะให้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมคง

ลืมไปว่าเรื่องแบบนี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมผมกับพี่เทียนมาด้วยกันทำให้พวกเธอเข้าใจผิดว่าผมกับพี่เทียนเป็นอะไรกันรู้สึก

ปวดหนึบขึ้นมาผมควรที่หยุดมันไว้แค่นี้ซินะก่อนที่มันทำร้ายคนรอบข้างผมอีกครั้งเพราะผมดึงดันที่จะรัก ความรักนี่มันไม่ง่ายเลย

เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องคนสองคน แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่เราต้องคอยแคร์คนรอบข้างด้วย ไหนจะครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วม

งาน

“กัณฑ์”ผมเห็นผู้ชายคนนั้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำฝั่งตรงข้าม รีบเดินตามเข้าไปในห้องทันทีมีห้องน้ำห้องหนึ่งเพิ่งปิดลงหลัง

จากที่เดินเข้ามาผมเลือกเข้าห้องที่อยู่ใกล้ห้องนั้น

“ฮัลโหลพี่ ผมเอาเด็กมาให้พี่แล้วเดี๋ยวพี่มารับได้เลย”เสียงผู้ชายคนนั้นกำลังคุยกับใครสักคนผ่านทางโทรศัพท์หมายความว่ายัง

ไง หาเด็กให้ ใครคือเด็กคนนั้นแล้วหาให้ใคร ผมรีบเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเดินตามผู้ชายคนนั้นออกไปดูที่หน้าร้าน ทันสิ

ต้องทัน ขอให้ผมตามไปทันด้วยเถอะ ออกมาหน้าร้านแล้วแต่ไม่ทันผมตามเขาไม่ทันผู้ชายคนนั้นขึ้นรถญี่ปุ่นแล้วขับรถออกไป

ให้ตายเถอะ เสียงเอะอะโวยวายของผู้หญิงดังแว่วมาจากลานจอดรถที่มีแสงไฟสลัวไม่รู้ว่าพูดอะไรไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ไกลเกินไป

หรือเสียงดนตรีจากร้านอาหารข้างหลังผมที่เปิดเสียงดังกันแน่ มันอันตรายเกินไปผมไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปใกล้อันตรายกว่านี้


******************************     มีต่อข้างล่าง   ***********************


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

                  ********************   ต่อจากด้าบบน   ************************

“ฐิตา” ผู้หญิงคนนั้นคือฐิตาอย่างนั้นหรอผมเห็นผู้ชายสองคนพยายามลากเธอไปที่รถจะช่วยเธอได้ยังไงลานจอดรถห่างจากร้าน

บวกกับเสียงดนตรีทำให้คนในร้านไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอดูท่าทางคงจะมีอาการเมาด้วย

ปรี้น ๆๆๆๆ เสียงแตรรถคันหนึ่งดังขึ้น เมื่อรถคันเลี้ยวเข้าไปที่ลานจอดรถทำให้ผู้ชายสองคนนั้นตกใจปล่อยมือจากผู้หญิงคนนั้น

ทำให้เธอวิ่งไปที่รถคันนั้น พวกมันรถขับออกไป ไปแล้วพวกมันไปกันแล้ว ผมมองร่างบางที่นอนขวางอยู่หน้ารถยนต์ที่บีบแตรนั่น

คนที่อยู่ในรถยังไม่ลงมาผมตัดสินใจรีบเดินเข้าไปดูคนที่กำลังนอนอยู่บนพื้น

“ฐิตา ฐิตาเป็นยังไงบ้าง”ผมเขย่าตัวและเรียกชื่อเธอ เธอนอนหลับตาร่างกายกำลังสั่น

“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว”ร่างที่นอนตะแคงไปกับพื้นเสียงพูดของเบาเหมือนคนกำลังละเมอ พยามพยุงตัวเธอให้นั่ง

เรียกชื่อเธอเพื่อให้เธอมีสติ

“ฐิตา ฐิตา นี่เราเองนะ เรานินไง”มือทั้งสองข้างผมจับต้นขาของเธอไว้แล้วเขย่าเรียกเธอให้สติ

“นินไหน นิน นิน ใช่นิน”เธอลืมตาขึ้นจองมองที่ผมไม่ว่าเพราะแสงน้อยหรืออาการตกใจผสมกับความมึนเมา ทำให้เธอตั้งสติไม่

ได้ เธอยังเรียกชื่อผมซ้ำๆเรียกความทรงจำ

“ใช่เราเอง นินไง”เธอจำผมได้แล้ว เธอคงไม่เป็นอะไรมาก ใช้มือสัมผัสตามแขนขาของเธอไม่มีเลือดหรือบาดแผลที่เป็นห่วง

“นิน นิน แล้วเธอมาอยู่นี่ได้ไง แล้ว แล้วนินช่วยเราด้วย พวกมันจะพาเราไปไหน..”เธอสติกับคืนมาก็เริ่มโวยวาย แล้วโผเข้ากอด

ตามร้องไห้ออกมา

“ไม่มีอะไรแล้ว มันไปแล้ว ฐิตาปลอดภัยแล้ว”ผมกอดตอบลูบหัวเธอเบาๆ

“คุณเป็นอะไรบ้างรึเปล่าครับ”เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังผม ดันฐิตาออกแล้วหันหลัง

“เอ่อ ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรมากรึเปล่า พอดีผมรีบไปหน่อย”ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ข้างหลังผมชะเง้อดูผู้หญิงที่ยังนั่งขวางอยู่หน้ารถ

และใช้มือข้างหนึ่งกุมไว้ที่หน้าผาก เขาคงตกใจเหมือนกันขับรถเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดรถดีดีแล้วมีคนไมรู้ที่ไหนวิ่งเข้ามาตัดหน้า

รถกะทันหันยังโชคดีที่เขามีสติเบรครถได้ทัน

“ไม่เป็นอะไรมากครับ แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง คุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ”ผมชี้ไปที่หน้าผากที่เขาใช้มือกุมไว้ ผมหัน

ไปมองฐิตาที่ตอนนี้น้ำตาหยุดไหลแล้วกำลังใช้มือเช็ดน้ำตา เธอยืนขึ้นผมเข้าไปช่วยพยุงเธอ แล้วหยิบกระเป๋าใบเล็กของเธอขึ้น

มายื่นให้เธอหยิบกุญแจรถออกมาเดินไปที่รถมีผมและผู้ชายคนนั้นเดินตามหลังไปดูว่าจะมีอะไรช่วยได้บ้าง เธอคงสร่างเมาแล้ว

“นิน เราขอบคุณนะที่ช่วย”เธอเปิดประตูรถออกแล้วหันหน้าก้มลงต่ำมองพื้นขอบคุณ

“ส่วนคุณขอโทษด้วยนะคะ”เธอก้าวขึ้นรถคันหรูปิดประตูสตาร์ทเครื่องยนต์ขับออกจากที่นั่นทันที มองตามรถที่แล่นออกไปวันนี้

ช่วยเธอได้ แต่มันคงไม่จบลงแค่นี้ผู้ชายคนนั้นคงต้องทำอะไรอีกแน่

“ผมว่าเธอคงไม่เป็นอะไรแล้วหล่ะ”หันไปมองดูหน้าผากเขา ที่เริ่มบวมปูดขึ้นมา บอกให้เขาไปหาหมอหรือกลับไปพักดีกว่าเดี๋ยว

อาการจะแย่ไปกว่านี้ กลับเข้าร้านเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะรุ่นพี่

“ไปไหนมานิน พี่นึกว่าหนีกลับไปแล้วซะอีก หนุ่มๆแถวนี้เขาเดินมาถามหาใหญ่เลย”พี่ปุ๊กกี้

“พอดีเจอเพื่อนเลยคุยกันเพลินครับ”มองหน้าปัดจอโทรศัพท์เที่ยงคืนกว่าแล้วพี่เทียนไลน์เข้ามาหลายครั้งแล้ว คงแปลกใจว่าผม

หายไปไหนมา

“พี่ปุ๊กกี้ผมว่ากลับเถอะครับ พี่ผมเริ่มเมาเดียวขับรถไม่ได้ ส่วนไอ้พิคเดี๋ยวผมไปส่ง”

“ก็ดีพี่ก็เริ่มไม่ไหว แล้วนินกลับยังไง”

“ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก มีคนรอไปส่งเยอะ เอาตัวให้รอดเถอะพี่นะ”

“เออ งั้นก็กลับ”พี่ๆเรียกพนักงานมาเก็บเงิน โบกมือลาพี่ๆกลับไปแล้ว แล้วเดินย้ายกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม หนุ่มๆโต๊ะนี้สายแข็งยัง

ไม่มีใครแสดงอาการ นั่งลงเก้าอี้ที่วางอยู่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร

“รุ่นพี่ กลับกันหมดแล้วหรอ”

“ครับ”พี่เทียนก็ไม่ได้นั่งที่เดิม ดูเหมือนทุกคนสลับที่นั่งกันทุกคนแอบเล่นเก้าอี้ดนตรีไม่ชวน

“พี่เทียนเมายังครับ”ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มองหน้าคนหน้าตาดีไม่มีอาการเมาให้เห็น

“นิดหน่อย ว่าแต่เราอยากกลับยัง”หันไปมองผู้หญิงสวมชุดแดรสสีขาวที่จ้องจะกินพี่เทียน อ้าว เมาฟุบไปแล้ว สาวๆอีกสองคนก็

อยู่อาการมึนๆ

“เทียนแกพาน้องกลับเถอะดึกแล้ว เดี๋ยวเคลียแก้วนี้หมดก็จะกลับแล้ว”พี่กัปตัน

“เออ เอางั้นก็ได้กูกลับก่อนละกัน เฮ้ยฟรอยด์ ต้นตอ วัฒน์กูกลับก่อนนะ”

“เออ ขับรถดีๆนะมึง”พี่ฟรอยด์

“เออ ไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก”

“กูไม่ได้ห่วงมึงกูห่วงน้องนินกลับดีดีนะครับ ฝากดูแลเพื่อนพี่ด้วย”พี่ฟรอยด์ ฮ่า ฮ่า กล้าเล่นนะพี่เทียนเดินนำผมไปแล้วมีเซบ้าง

นิดๆ พี่เทียนล้วงกุญแจรถออกจากกระเป๋าผมรีบแย่งจากมือหนานั้นที

“ทำอะไร”

“พี่เทียนเมาแล้ว เดี๋ยวขับไม่ถึงบ้าน”

“แล้วใครบอกว่าจะกลับบ้าน ดึกแล้วไม่มีใครเขารอเปิดประตูบ้านให้หรอก”

“แล้วจะไปไหนครับ ไม่รู้แหล่ะจะไปไหนก็บอกมาเดี๋ยวนินขับให้ พี่เทียนนั่งสบายๆอยู่ข้างๆก็พอเดี๋ยวนินบริการเอง”

“ขับเป็นรึไงเรา”หลังผมพิงอยู่ประตูรถฝั่งคนขับพี่เทียนเดินเข้ามาใกล้ มือข้างซ้ายเขายันรถไว้ ผมต้องเงยหน้าขึ้นพูดด้วยเพราะ

เขาเข้ามาใกล้พี่เทียนโน้มใบหน้าลงมา

“เชื่อมือนินเถอะ”พี่เทียนแสดงอารมณ์เหมือนไม่พอใจแต่ก็เดินไปนั่งบนรถแต่โดยดี

“แล้วตกลงเราจะไปที่ไหนครับ”ถามถึจุดหมายปลายทางให้ขัดเจนอีกครั้ง

“คอนโดพี่”


       หนักจังเลยเหมือนมีอะไรทับผมอยู่ หมอนนุ่มๆผ้าห่มอุ่นๆ รู้สึกสบายจังไม่อยากตื่นเลย หนักจังเลยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมอง

เพดานยังสีขาวเหมือนเดิม แต่ของในห้องเปลี่ยนไปแล้วที่สำคัญมีหัวใครสักคนทับอยู่บนท้องผมไม่พอยังกอดด้วย พี่เทียนจำได้

แล้วเมื่อคืนพวกเรามานอนที่คอนโดพี่เทียนเพราะพี่เทียนดื่มมาก แต่เป็นผมที่ขับรถมาถึงคอนนี้ตามที่พี่เทียนบอกทาง คอนโดหรู

ในเมืองใหญ่ ผมง่วงมากยังไม่สังเกตว่ามันตั้งอยู่ที่ไหนแม้แต่ชื่อยังไม่สนใจพอจอดรถก็พยุงพี่เทียนไปเอากุญแจที่ฝากไว้แล้วขึ้น

ลิฟต์ตรงไปที่ห้องทันที จัดการพี่เทียนเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าถ้าให้อาบน้ำคงไม่ไหวส่วนผมก็ถือวิสาสะเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าออกมา

เปลี่ยนแล้วก็โดดขึ้นเตียงเข้าสู่นิทราตามพี่เทียนไป

“พี่เทียน พี่เทียนตื่นนินหนัก ตัวเท่าบ้านนอนทับลงมาได้”เขาไม่ใช่หมอนกอดนะจะได้มานอนกอดสบายใจอย่างนี้ ยันตัวขึ้นนั่งหัว

พี่เทียนเลื่อนมาอยู่บนตักผู้ชายตัวโตใบหน้าหล่อเหลาเวลานอนหลับตาขนยาวๆจมูกปากน่าดูจังเลย เป็นเพราะความใกล้ชิดนี้รึ

เปล่านะที่ทำให้เผลอใจ หรือเพราะพี่เทียนไว้ใจผมมากเกินไปไม่คิดอะไรมากทำตัวสบายเป็นกันเองไม่มีกำแพงคอยขวางกั้นไว้

“อืม ตื่นเช้าจังเลย”เสียงพี่เทียนปลุกผมออกจากจินตนาการอันฟุ้งซ่าน

“ฮ่า ฮ่า เช้ายังไงจะเที่ยงแล้วครับ”พี่เทียนเปลี่ยนท่านอนแล้วโดนเข้ากับจุดไว้สัมผัสของผม

“หัวเราะอะไร บ้าจี้หรอเรา”พี่เทียนเข้าจู่โจมผมทันที

“อย่าๆพี่เทียน ฮ่า ฮ่า ผมยอมแล้ว แฮก แฮก”ผมดิ้นจนหมดแรงหอบหายใจเข้าปอดอยู่บนเตียงกว้าง พี่เทียนแกล้งผมอยู่ดีๆก็รีบ

เดินหายเข้าไปในห้องน้ำเป็นอะไรของเขานะ ลุกขึ้นจากเตียงสำรวจห้องชายโสดซะหน่อยเผื่อจะเจอชุดชั้นในซุกไว้ในที่ไหนสัก

ที่ ห้องนอนขนาดไม่กว้างมากภายในห้องมีทีวีจอใหญ่วางไว้บนตู้เก็บของเอนกประสงค์ ด้านซ้ายเป็นประตูปิดออกไปเป็นระเบียง

ด้านขวาโซฟาตั้งอยู่ใกล้เตียงนอนเอานั่งผ่อนคลายอารมณ์ ตรงข้ามโซฟาเป็นห้องน้ำอีกห้องในห้องนั้นมีทั้งอาบน้ำขนาดใหญ่

และตู้อาบน้ำ ประตูบานเลื่อนเมื่อเปิดออกไปด้านซ้ายจะเป็นอีกห้องที่จัดไว้เป็นห้องทำงานโต๊ะทำงานตัวโตตรงอยู่กลางห้อง บน

โต๊ะเครื่องคอมพิวเตอร์โคอมไฟหนังสือเอกสารซ้อนกันเป็นชั้นวางไว้ข้างโต๊ะ ตู้เก็บหนังสือเอกสารวางชิดติดพนังหลายตู้ ชุด

โซฟาสีเข้มทำจากหนังชั้นดีวางไว้ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน ส่วนด้านขวาเป็นห้องแต่งตัวตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่แยกออกเป็นตู้เสื้อผ้า

และลิ้นชักสำหรับเก็บผ้าชิ้นเล็ก กระจกเงาบานใหญ่เต็มตัวและชั้นวางหวี น้ำหอม แป้งเดินออกไปด้านห้องแต่งตัวจะเป็นห้องโถง

รับแขกขนาดกว้าง โซฟาชุดใหญ่วางไว้เผชิญหน้ากับทีวีจอแบนขนาดใหญ่ ด้านหลังของห้องเป็นเคาเตอร์บาร์สำหรับนั่งดื่มหลัง

เคาร์เตอร์เป็นโต๊ะทานข้าวสำหรับแปดที่ ตู้เก็บแก้วรูปทรงต่างๆ ตู้เก็บเหล้านอกไวน์ปีต่างๆ ตั้งโชว์ในตู้ใกล้ตู้เย็น ห้องสุดท้ายคือ

ครัวเตาไฟฟ้าสองหัวเครื่องดูดอากาศอ่างล้างจานตู้เก็บของเป็นห้องที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย เดินไปนั่งเล่นโซฟาหน้าทีวีในห้อง

โถงเปิดทีวีฆ่าเวลา พี่เทียนอาบน้ำสวมชุดคลุมอาบน้ำ เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว แล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำจัดการธุระส่วน

ตัวให้เรียบร้อยใส่กางเกงตัวเดิมส่วนเสื้อต้องเป็นของพี่เทียน มองเวลาตอนนี้เที่ยงกว่าแล้วมิน่าถึงหิว

“หาอะไรทานก่อนไหม”พี่เทียนถามขนาดขับรถเลี้ยวเข้าร้านอาหารร้านหนึ่ง

“ครับ”เราทั้งสองเดินเข้าไปในร้านวันนี้วันหยุดวันครอบครับ ในร้านมีลูกค้าหลายโต๊ะที่มาพร้อมกับครอบครัว เสียงเด็กๆพูดเจื้อย

แจ่ว ทางร้านหามุมเงียบๆให้ ผมพี่เทียนสั่งอาหารทานง่ายๆพร้อมข้าวเปล่า สีหน้าคนตรงหน้าผมไม่มีทีท่าอาการเมาค้างให้เห็น
เลย

“เราขับรถเก่งนิ ไปเรียนมาจากที่ไหน”พี่เทียนเริ่มบทสนทนาก่อน

“พรสวรรค์ วันไหนขี้เกียจขับเรียกใช้บริการได้”

“อืม ฮึฮึ”

“เมื่อคืนนึกว่าพี่เทียนจะไปต่อกับเพื่อนคุณฟรอยด์ซะแล้ว”

“ทำไม”

“เห็นเธอรุกหนักขนาดนั้น แล้วพี่เทียนไปทำยังไงให้เธอถอดใจได้”

“แก่แดดนะเรา ยุ่งเรื่องผู้ใหญ่”

“แหม ก็กลัวผู้ใหญ่ทิ้งแล้วไปต่อไม่บอก แล้วจะกลับไงล่ะจริงปะ”

บทสนทนาของเราจบลงแค่นั้นเมื่อพนักงานเสิร์ฟนำอาหารมาวางตรงหน้า ความสนใจทุกอย่างจึงไปอยู่ที่อาหารตรงหน้าเป็นมื้อ

อาหารอีกมื้อที่อร่อยไม่แพ้มื้อไหนๆ ผมมองยังแอบมองผู้ชายตรงหน้าอยู่ เขาดูแลผมแต่มันก็การทำร้ายความรู้สึกผมทางอ้อม

เหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปผมจะหยุดความรู้สึกนี้ได้ยังไง งั้นตอนนี้ผมขอรับความรู้ดีๆนี้ไว้ก่อน เอาไว้วันหลังค่อยหักห้ามใจ

แล้วกัน




*********************************************************************



                 เจอกันใหม่ตอนหน้า



ออฟไลน์ Nunnaly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องนินหวั่นไหว~~

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
สนุกดี อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลยจ้า รอติดตามตอนหน้าค่ะ  :call:

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน

บทที่ 15
[/size]


ห้องเรียนขนาดกว้างอยู่บนตึกชั้นสามหน้าต่างกระจกใสเปิดรับอากาศยามเช้าแปดนาฬิกา ห้องเรียนที่ปกติต้องเปิดเครื่องปรับ

อากาศแต่เวลาเช้าๆอย่างนี้ลมธรรมชาติเป็นอีกทางเลือกที่นักศึกษาเลือก ห้องโล่งกว้างเก้าอี้เป็นร้อยว่างเกินกว่าครึ่ง เช้าเกินไป

คือสาเหตุที่ไม่ค่อยมีนักศึกษาลงเรียนSECTION นี้ อีกไม่ถึงสิบนาทีจะถึงเวลาเรียนอาจารย์มาแล้วกำลังให้นักศึกษาลงชื่อเข้า

เรียน มองไปรอบๆหลายคนยังนั่งหาวอาการเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนไม่ต่างจากเพื่อนผมหน้าแต่ละคนสภาพแต่ละคนดูไม่จืด

เทอมที่หนึ่งได้หมดลงไปแล้วสอบปลายภาคของผมและผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรผิดพลาดตามความคลาดหมาย เปิดเทอมใหม่

ได้ไม่นานทำให้นักศึกษาที่ไม่ค่อยโผล่หน้าจะมาก็ต่อเมื่อช่วงใกล้สอบหรือมีทดสอบย่อย

“นักศึกษาวันนี้มีงานให้ทำ อาจารย์จะแจกเอกสารชุดนี้ให้ทุกคนให้นักศึกษาจับกลุ่มทำงาน....”อาจารย์สาวสวยไซน์ขนาดเล็ก

สวมชุดสูทรวบผมเรียบร้อยชูเอกสารในมือแล้วอธิบายให้นักศึกษาไม่ถึงครึ่งร้อยฟังผ่านไมโครโฟน เอกสารถูกส่งมาเรื่อยๆจนมา

อยู่ในมือผม

“เรื่องสั้น”อ่านเอกสารที่รับแจกมาแต่งเรื่องสั้นขึ้นมาแล้วมีภาพประกอบเหมือนการ์ตูนเป็นช่องๆ จากนั้นทำเป็นภาพเคลื่อนไหวอนิ

เมชั่น ยากไปเปล่าครับ

“โฮ ยากไปไหมเนี่ย”ช๊อปบ่นก่อนที่ผมจะพูดออกมา

“ก็คงทำให้คุ้มกับคะแนนที่ให้”ชี้ไปที่คะแนนที่อยู่ในกระดาษให้เพื่อนดู

“ดีนะไม่โพสลงเว็บมหวิทยาลัยให้คนเข้าไปโหวตให้คะแนน”

“ก็ไม่แน่นั่นมันเรื่องของอนาคต”

“ช๊อป นิน อาจารย์ให้จับกลุ่มข้าวกับแต้มอยู่ด้วยนะ”ผมกับช๊อปพยักหน้า เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แจ้งให้รู้ส่วนเวลาส่งต้องเริ่มจาก

ส่งเนื้อเรื่องเมื่อผ่านจะเข้าสู้ขั้นตอนที่สองวาดรูปประกอบทำเป็นรูปเล่มสุดท้ายทำเป็นอนิเมชั่น

“งานชิ้นนี้ส่งตามเวลาที่กำหนดไว้ในเอกสารนะคะ ส่วนวันนี้เรามาขึ้นเนื้อหาใหม่....”เวลาผ่านมาได้ครึ่งชั่วโมงมีนักศึกษาบางคน

เพิ่งเดินเข้ามาในห้องก็มี บางคนเตรียมเดินออกจากห้องเรียนหลังที่ลงชื่อเสร็จเรียบร้อย ที่จริงตามความคิดของผมไม่ต้องเช็ค

เวลาให้อิสระว่าใครก็เข้าเรียนหรือไม่ก็ได้ การศึกษาของไทยมีปัญหานั่งล้อมวงพูดกันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่หมด

“ฮื้อในที่สุดก็หมดคาบ”ช๊อปยืนขึ้นบิดขี้เกียจ อาจารย์กำลังเก็บของลงกระเป๋าเตรียมเดินออกจากห้อง

“ข้าวเห็นช๊อปมีแต่นอนไม่เห็นจะตั้งใจเรียนตรงไหนเลย”

“ก็มันน่าเบื่อนี่นา ช๊อปไม่ชอบบรรยายชอบปฏิบัติ”โกหกเถอะช๊อป เราไม่เห็นนายจะตั้งใจเรียนสักคาบ

“แล้วทำไมไม่เป็นเกษตรซะล่ะ จะได้ปฏิบัติทั้งวัน”ฮ่า ฮ่า อันนี้จริงแต้มต่อพูดถูกใจมาก

“เออใช่”ข้าวขาว

“เราว่าเราหิวข้าวล่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”เบรคความคิดของเพื่อนๆไว้ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้


          เสียงคนพูดคุยเสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณโรงอาหารกลิ่นอาหารเสียงเรียกลูกค้า ร้านอาหารตามสั่งทีมีป้ายรายการ

อาหารติดไว้ด้านบนของร้านตู้โชว์วัตถุดิบบอร์ดเขียนขึ้นโชว์รายการอาหารแนะนำปากากับสมุดเล่มเล็กวางไว้หน้าร้านสำหรับ

เขียนรายการหารที่ต้องการสั่งพ่อครัวสวมผ้ากันเปื้อนและหมวกคลุมศีรษะกำลังสาระวนกับกับข้าวในกระทะ ร้านข้าวราดแกงมี

แม่ค้าพ่อค้าหลายคนช่วยกันตักอาหารตามที่ลูกค้าแต่ละคนสั่งเมื่อได้อาหารตามที่ต้องการเดินไปจ่ายเงินด้านหลังพร้อมรับช้อน

ส้อม ร้านส้มตำเสียงครกดังเป็นจังหวะกลิ่นปลาร้าพริกกระเทียมเรียกน้ำลายใครหลายๆคน ร้านก๋วยเตี๋ยวกลิ่นน้ำซุปเฉพาะที่ส่ง

กลิ่นหอมมาแต่ไกล เวลาใกล้เที่ยงมีนักศึกษาที่เรียนเพิ่งเสร็จหรือเตรียมขึ้นเรียนในตอนบ่าย ถึงแม่ว่าคนจะไม่ค่อยหนาตามาก

เหมือนในตอนเที่ยง แต่ที่นั่งก็ถูกจับจอง ร้านอาหารสิบกว่าร้านก็มีลูกค้าเดินเข้าออกเรื่อยๆ

“ช๊อป กินอะไรกินดี”หลังจากที่เดินหาที่นั่งแล้ววางกระเป๋าลงแต้มต่อก็ถามขึ้น

“ข้าวแกงเถอะง่ายๆดี”

“เราขอผ่านนะยังอิ่มมื้อเช้าอยู่เลย”

“มิน่าล่ะทำไมข้าวดูง่วงๆคงกินมากเกินไปล่ะซิ แล้วกินอะไรเข้าไปล่ะเมื่อเช้า”แต้มต่อ

“น่าจะใช่ เมื่อเช้าร้านนั้นเขาอาซูชิมาขายเราเลยกินไปกล่องหนึ่งกับข้าวปั้น”ข้าวขาวชี้ทางร้านน้ำที่เธอซื้อซูชิกับข้าวปั้นเมื่อเช้า

“งั้นข้าวเฝ้าโต๊ะนะ”พวกเราเดินแยกย้ายไปซื้ออาหารกินอาหารเรียกน้ำย่อยได้เหลือเกินตัดสินไม่ถูกว่าจะเลือกร้านไหน

“ข้าวไม่กินอะไรหรอเดี่ยวเราเฝ้าโต๊ะให้เอง”กลับมานั่งที่โต๊ะวางข้าวต้มปลาลงบนโต๊ะ

“อือ งั้นเราจะไปร้านกาแฟนินจะฝากเราซื้ออะไรไหม”

“งั้นเราฝากซื้อน้ำผลไม้แล้วกัน”ฝากข้าวขาวซื้อน้ำผลไม้มองดูเธอที่เดินตรงไปที่ร้านกาแฟคิดว่าอีกนานกว่าจะได้

“นั่นข้าวเขาไปไหนของเขานะนิน”แต้มต่อวางก๋วยเตี๋ยวข้างๆตามด้วยอาหารตามสั่งของช๊อปอะไรกันสองคนนี้ไหนบอกว่ากินข้าวแกง

“พอดีตามกลิ่นอาหารไป พอรู้ตัวอีกทีก็ไปอยู่หน้าร้านแล้ว”ช๊อปยิ้มแห้งให้กำลังแก้ตัว ผมยิ้มแล้วส่ายหัวให้เพื่อน

“นี่นินรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม”แต้มต่อสะกิดผมให้มองดูผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่กลุ่มเพื่อน

“เราเห็นเขามองมาที่โต๊ะเรานานแล้วนะ”จริงๆด้วยเขากำลังมาที่โต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่

“ไม่อะเราไม่รู้จัก”

“แต้มยังไม่ชินรึไงไม่ใช่แค่ผู้ชายคนนั้นคนเดียวซะเมื่อไหร่ มองไปรอบๆดิ”ช๊อป

“เออ จริงด้วย”แต้มตอบรับ พวกเราก็นั่งกินข้าวกันต่ออย่างไม่รีบนักเพราะตอนบ่ายไม่เรียนแต่วันนี้ผมต้องเข้าเอางานไปส่งพี่ๆที่

สำนักนักพิมพ์งานแปลช่วยให้ภาษาของผมมีพัฒนาการดีขึ้นและน่าดีใจที่พี่ๆเขาชอบภาษาการแปลของผม ทำงานเสร็จนานแล้ว

แต่ยังไม่เข้าไปส่งเพราะกลัวที่ต้องเจอกับเขา พยายามตัวให้ยุ่งใช่ผมกำลังหลบหน้าเขาอยู่ที่จริงมันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแต่

ผมมันบ้าที่ทำไปอย่างนั้นผมให้เหตุผมง่ายว่าต้องทำงานส่งอาจารย์เพราะเป็นช่วงใกล้สอบ ต้องอ่านหนังสือสอบ เคลียร์งานส่ง

อาจารย์ เขาโทรมาหาผม ผมรับแต่กรอกเสียงลงไปปลายสายว่าไม่ว่าง ตอบไลน์บ้างไม่ตอบบ้างทั้งที่ทุกครั้งผมต้องจ้องมอง

ข้อความที่เขาส่งมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนที่จะลบมันทิ้งไป ช่วงเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ผมคิดว่าผมน่าจะทำใจได้บ้างถ้าได้

เจอเขาอีกครั้ง ช่วงแรกที่ต้องหักห้ามใจตัวผมต้องรู้สึกทรมานมาก  แต่ยังอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่อยากให้ความรู้สึกของ

ผมคนเดียวทำร้ายเขา

“นิน”มีเสียงผู้หญิงเรียกชื่อผม

“ฐิตา”เธอยิ้มให้ผมบาง

“เราขอนั่งด้วยนะ”

“เดี๋ยวช๊อปกับแต้มไปซื้อน้ำก่อนนะ นินจะเอาอะไรรึเปล่า”ผมส่วยหัวเป็นการปฏิเสธ ทั้งสองลุกออกไปจากโต๊ะคงให้ผมกับฐิตาคุย

กันได้สะดวก

“ฐิตาขอโทษนะที่เคยพูดไม่ดีกับนินมาตลอด”

“ไม่เป็นไรเรื่องมันผ่านไปแล้ว เราไม่ได้คิดอะไรหรอก ฐิตาสบายใจได้”

“ก็จริงนะถ้าไม่อย่างนั้น นินคงไม่เข้ามาช่วยเรา เราขอบคุณอีกครั้งนะสำหรับเรื่องวันนั้น”

“เราบังเอิญไปเห็นเข้านะ ถ้าเป็นคนอื่นเห็นก็เข้าไปช่วยทุกคนนั่นแหล่ะ ฐิตาอย่าคิดมาก”

“ที่จริงฐิตาอยากเข้ามาคุยกับนินนานแล้วแต่ไม่กล้าเข้ามา เอ่ออีกอย่างอยากเข้ามาขอบคุณอย่างจริงจังซักครั้ง อีกไม่นานจะถึง

วันเกิดเราเราอยากชวนไปงานวันเกิดที่บ้านฐิตา ฐิตาอยากให้นินไปนะ ถ้านินไม่ไปแสดงว่านินยังไม่เคืองที่เราพูดไม่ดีกับนิน”

“เอ่อ....”

“นินไปนะไปหลายคนสนุกดี”

“แต่....”

“ส่วนเรื่องวันเวลาฐิตาจะบอกอีกทีนะ ฐิตาไปก่อนนะ ฐิตามีเรียนนะ”ฐิตาก็ยังเป็นฐิตาเอาแต่ใจตัวเองยังไม่ได้ตกปากรับคำเลยนะ

มองตามร่างฐิตาที่เดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆของเธอ ฐิตาไม่ใช่เป็นคนไม่ดีโดยเนื้อแท้ผมเชื่ออย่างนั้นอาจจะเป็นการเลือกคบ

เพื่อน สังคมที่เธออยู่ สาวสวย เก่ง ฐานะทางบ้านดี ทำไมต้องมาคอยอิจฉาเด็กกำพร้าธรรมดาคนหนึ่ง แล้วอีกเรื่องคือทำไมเธอ

ถึงได้ไปรู้จักผู้ชายอย่างกัณฑ์ได้ผมเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นยังไม่ปล่อยฐิตาแน่นอนมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

“ยายนั่นมาหาเรื่องอะไรนินอีกรึเปล่า”อ้าวข้าวกลับมาแล้ว

“ไม่มีอะไรฐิตาเข้ามาทักเห็นเรานั่งอยู่คนเดียว”

“แน่ใจนะ วันนี้หิมะคงไม่ตก ยัยฐิตาเข้ามาพูดด้วยดีดี นินก็อย่าไว้ใจคนอื่นไปทั่วล่ะ”

“แล้วน้ำที่ฝากซื้อล่ะ”

“อะนี่ น้ำผักผลไม้ปั่นเจ้าของร้านบอกสดจากสวนเลย อิ อิ ”

“ฮ่า ฮ่า ข้าวไปไหนมาตั้งนาน”

“ไปหาอะไรดื่มที่ร้านกาแฟแต่เข้าไปในร้านแล้วอากาศเย็นเค้กอร่อยเลยนั่งเพลินไปหน่อย ขอโทษด้วย”

“ช่วงนี้กินเยอะข้าวระวังอ้วนด้วยล่ะ”ช๊อปทักขึ้นเดินกลับที่โต๊ะพร้อมน้ำในมือ

“ว๊าย ช๊อปใจร้ายว่าข้าวอ้วนหรือ แต้ม นิน ข้าวอ้วนขึ้นหรือไม่นะชีวิตข้าวต้องโสดไปอีกนานเท่าไหร่ แค่นี้ยังไม่มีผู้ชายมอง ถ้า

อ้วนไปกว่านี้ข้าต้องขึ้นคานแน่....”ข้าวกำลังสูญเสียความมั่นใจเธอมักจะเป็นอย่างนี้เสมอถ้าพูดถึงเรื่องน้ำหนัก

“ฮ่า ฮ่า  ฮ่า”เสียงเพื่อนหัวเราะกับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของข้าวขาว เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดีมีคนเข้ามาขายขนมจีบบ่อยๆแต่ก็ไม่

เห็นเธอสนใจสักคนเธออาจจะมีใครที่แอบซ่อนอยู่ในซอกความรู้สึกที่ไม่อาจบอกหรือเปิดเผยให้ใครรู้ได้เหมือนผมรึเปล่านะ แต่

ตราบใดที่ยังรู้สึกสบายดีไม่ได้เจ็บป่วยจนล้มลงลุกขึ้นต่อไปไม่ไหว ก็คงต้องเก็บรักษาความรู้มันไว้ต่อไปจนกว่าจะทนไม่ไหวจน

มันระเบิดออกเองนั่นแหล่ะ ยอมรับความกล้าของคนที่เดินเข้าสารภาพว่าชอบหรือรักใครสักคนมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการ

เปลี่ยนแปลงสูญเสียอะไรหลายๆอย่าง และถึงแม้จะถูกปฏิเสธแต่ใครหลายๆคนก็บอกว่าดีใจที่ได้บอกความของตนเองรู้ที่มีกับคน

ที่ตัวเองรู้สึกดีๆด้วยออกไป การที่ต้องทนเก็บความรู้นั้นไว้กับตัวเองมันทรมานเจ็บปวดและเสียดาย ผมเข้าใจดีว่าความรักเป็น

เรื่องธรรมดาที่ต้องมีผิดหวังสมหวังผมรู้ดีผมเคยผิดหวังเสียใจร้องไห้ ผมกลัว ผมยอมรับ ผมขี้ขลาดผมรู้ ผมถึงเลือกทางที่จะไม่

บอกออกไปเก็บมันเอาไว้ ให้มันลึก ลึกลงไป ลึกลงไปในหัวใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

“บ่ายโมงกว่าเดี่ยวเราต้องไปทำธุระต่อ ขอตัวก่อนนะ”

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้”แต้มต่อ

“นินไปแถวไหนติดรถช๊อปไปไหม”

“อืมงั้นรบกวนด้วยละกัน”ผมและเพื่อนเก็บถ้วยชามไปไว้ที่เก็บแล้วต่างแยกย้ายกัน

ระยะทางจากมหาวิทยาลัยไปยังสำนักพิมพ์ไม่ไกลการเดินทางก็แสนจะสะดวก แต่ผมก็ไม่อยากขัดใจเพื่อนที่อุส่ามีน้ำใจ

“ช๊อปส่งนินตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวนินเดินเข้าไปเอง”

“อือ ก็ได้เจอกันพรุ่งนี้”

“ขอบคุณที่มาส่ง”ขอบคุณช๊อปที่แวะมาส่ง รถของช๊อปขับออกไปแล้ว เดินเข้าไปในสำนักพิมพ์ เห็นรถยุโรปคันโตคุ้นตาจอดอยู่

ที่เดิมขนาดเห็นแค่รถยังอดรู้สึกคิดถึงไม่ได้เลย

เอี๊ยด ปี๊ด ปี๊ด เสียงเบรก ตามมาด้วยเสียงบีบแตร ผมตกใจหันไปตามเสียงสิ่งที่เห็นทำให้ผมตกใจแล้วล้มลง

“นี่อยากตายรึไง เดินใจลอยอยู่ได้ อยากตายก็ไปที่อื่น”ผู้หญิงหน้าสวยหุ่นสวยสวมชุดเดรสเซ็กซี่กระโดดลงมามองดูรถคันหรู

ของเธอแล้วด่ากราดรัวผมไม่หยุด หน้ากลัวจัง

“ขอโทษฮะ ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ”ยกมือไหว้ขอโทษเธอ เป็นผมเองที่ผิดผมผิดจริง

“รู้แล้วก็ดีระวังด้วยถ้าฉันเหยียบเบรกไม่ทันตอนนี้แกไปอยู่ในนรกแล้ว”

“ขอโทษฮะ”ผมขอโทษเธออีกครั้งเธอคงตกใจมากและโกรธ

“เสียเวลา รู้ไหมว่าฉันรีบ ลุกออกไปจาหน้ารถได้แล้วฉันไปแล้ว”เธอไล่ให้ผมลุกขึ้นเพราะตอนนี้ผมนั่งบนพื้นถนนขวางทางขอ

เธออยู่ ผมพยายามลุกขึ้น โอ้ย รู้สึกเจ็บแปบที่ข้อเท้าแต่ก็ยังลุกขึ้นได้

“ผมขอโทษอีกครั้งครับ”ผมยืนขึ้นหลีกทางให้

“คนอะไรเป็นผู้หญิงดีดีไม่ชอบอยากเป็นทอม วิปริตจริงๆ ท่าทางโลกจะร้อนขึ้นทุกวัน”เธอมองผมตั้งหัวจรดเท้าส่ายหัว ทำหน้า

แสยะยิ้มแล้วพูดเบาๆ แต่ผมได้ยิน เธอกลับขึ้นรถแล้วปิดประตูแล้วขับไปจอด ผมไม่ได้เป็นผู้หญิงซะหน่อยปัดฝุ่นที่ติดตาม

เสื้อผ้าโชคยังดีที่ไม่มีแผลแต่ข้อเท้ายังเจ็บอยู่แต่ซักพักก็คงหายดี

“คุณเป็นอะไรไหม”พี่ยามเดินเข้ามาถามผมแกคงเห็นมาที่นี่บ่อยๆ

“ไม่เป็นอะไรมากครับ ขอบคุณครับ”

ผมค่อยๆเดินผลักประตูเข้าตูไปเดินตรงไปที่ลิฟต์เดินออกมาแล้วตรงไปที่ห้องที่ผมมาส่งงานบ่อยๆ

“พี่ชัช พี่นพ พี่ภีม พี่หนิง สวัสดีครับ”ยกมือขึ้นไหว้สวัสดีพี่ๆ

“น้องนินของพี่หนิงมาแล้ว”พี่หนิงวิ่งเข้ามาทักทาย

“สวัสดี นินมาส่งงานหรอ”พี่ภีม

“ตายยากจริง กำลังบ่นคิดถึงอยู่เลย”พี่นพ

“หวัดดี หวัดดี นั่งก่อนนั่งก่อน”พี่ชัช

“ผมเข้าเอางานมาส่งนะครับ”

“เออ ดีนะเราทำงานได้เร็ว ตรงเวลาดี ทำไมคนอื่นไม่เป็นแบบนี้บ้างหวะ”พี่ชัช

“บ่นเป็นคนแก่ไปได้พี่คนเราก็หลายประเภท น่ารักแบบเจ้านินมีคนเดียวก็ดีแล้ว” พี่หนิง

“ทำไมวะ/ทำไม”พี่พี่

“พี่พี่ก็ดูดิน้องมันน่ารักว่ากว่าหนูที่เป็นผู้หญิงอีกนะ แบบนี้อนาคตหนูขึ้นคานชัวร์”พี่หนิง

“จริงของไอ้หนิงมันพี่ ตอนแรกผมยังนึกว่าเจ้านินมันเป็นเด็กผู้หญิงเลย เกือบไปแล้ว”พี่ภีม

“เอ้ยพูดไปนะ เดี๋ยวเจ้านายมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี”พี่ชัช

“ทำไมหรอครับพี่ชัช”สงสัยหรือว่าพี่เทียนเขาจะไม่ชอบ

“เออน่า เรื่องของผู้ใหญ่อยู่ไปนานๆเดี๋ยวนินก็รู้เองแหล่ะ ไอ้หนิงพาน้องเข้าไปตรวจงานในห้องไป”พี่ชัช

“นิน มากับพี่มะ”พี่หนิง

เดินตามพี่หนิงเข้าไปตรวจเช็คงานเบื้องต้นก่อนส่ง

“ทำไมวันนี้พี่ชัชแกดูเครียดครับ”

“อ้อ อย่าไปสนแกเลยช่วงนี้กำลังจะมีโชคใหญ่ กำลังระดมความคิดกันประชุมมาหลายวันแล้วยังหาข้อสรุปไม่ได้ ช่วงนี้เจ้านายก็

ดูเครียดๆอารมณ์ไม่ดี พี่ๆเขาเลยดูเกรงๆสงสัยทะเลาะกับแฟนรึเปล่าไม่รู้”หายใจสะดุดทันทีที่ได้ยิน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่เทียนมี

คนรักรึเปล่า ไม่ใช่หรอกเป็นผมเองที่ขี้ขลาดที่จะยอมรับความจริงว่าเขามีคนรักแล้ว อยากหลอกตัวเองไปเรื่อยๆว่าเขายังไม่มีใคร

ผมยังมีสิทธิ์นั่นคือคำพูดที่คอยปลอบตัวเองมาตลอด ผมยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองว่าผมรู้สึกยังไงกับเขากันแน่

“เจ้านายมีแฟนแล้วหรอครับ เอ่อขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไร ขนาดพวกพี่ยังอยากรู้นินก็เป็นพนักงานคนหนึ่งก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดา เห็นเขาบอกว่ามีแล้วนะมีคนเคยเห็นมานั่ง

เฝ้าที่ทำงานด้วย สวยน่ารัก เรื่องปกติล่ะนะเจ้านายเราหล่อขนาดนั้นไม่มีแฟนก็คงเป็นเรื่องแปลก....”ได้ยินเสียงพี่หนิงว่าพูด สวย

น่ารักที่สำคัญเป็นผู้หญิงถ้าคิดจะสู้ผมคงแพ้ตั้งแต่คิดแล้วดีแล้ว ดีจังเลยที่รู้ตัวเองไม่เหมาะ ที่เดินออกมาก่อน ก่อนที่จะเจ็บไป

มากกว่านี้ ฮึ ฮึ น่าสมเพทตัวเองชะมัด

“นิน นิน เป็นอะไรรึเปล่าหน้าดูซีดๆ”

 “อ้อ กำลังคิด เรื่องโปรเจคของพวกพี่คงยุ่งยากมากเลยนะครับ แค่ผมได้ยินยังรู้สึกเครียดไปด้วยเลย”

“เราเป็นบริษัทเปิดใหม่นักเขียนประจำยังไม่มี ก็เลยต้องหาพวกนักเขียนอิสระแต่ผลงานก็ไม่ต่อเนื่อง เราอยากได้นักเขียนของเรา

เองก็กลัวเรื่องปั้นให้ดังแล้วทิ้งเราไป โอ๊ยปัญหามันเยอะมันเรื่องของผู้ใหญ่ปล่อยให้เขาคิดไป”

“แต่ผมว่ามันว่าจะมีทางนะครับ เช่น ประกวดหานักเขียนหน้าใหม่ให้ส่งนิยายเข้าประกวด”

“อย่างนั้นใครก็ทำกัน”

“แต่ถ้าเราไม่เหมือนละครับ เราคัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบมาสักสิบคนมาทำเวิร์คช๊อป เอาผลงานของพวกเขามาสู้กันเอง เช่น โจทย์

ให้แต่งนิยายโรแมนติกแล้วให้ทำเป็นหนังสั้น”

“มันก็น่าสนใจแต่เรื่องงบล่ะ”

“ไม่ต้องออกรายการทางทีวี เปลี่ยนเป็นยูทูป โซเชียลมีเดียละครับ ทำเหมือนรายกานประกวดร้องเพลงที่ติดตามชีวิตในบ้านแต่

เราเป็น ตามติดชีวิตนักเขียน มันจะช่วยให้คนทั่วๆได้รู้ด้วยว่ากว่าที่เราจะมีงานเขียนออกมาแต่ละเรื่องมันต้องผ่านอะไรมาบ้าง”

“เออ น่าสนใจ”เอ่ออันนี้ไม่ใช่พี่หนิงพูดแต่เป็นพี่ชัชที่ยืนพิงประตูในมือถือถ้วยกาแฟกลิ่นหอมควันลอยขึ้นมาจากถ้วย

“คือ”

“เฮ้ยน่าสนใจพี่ชอบ ไอ้นพ ไอ้ภีมมานี่สิ”พี่ชัชเรียกพี่ๆเข้าในห้อง

“มีอะไรพี่ มีอะไรหนิง”พี่นพเดินเข้ามาบนหน้ามีเครื่องหมายคำถามอยู่บนนั้น

“มาแล้วก็นั่งเงียบๆ อ้าวนินพูดต่อ”

“คะ ครับหลังจากที่แต่งนิยาย เรื่องสั้นตามโจทย์แล้วก็ทำเป็นหนังละครสั้นจากนั้นก็เอาลงโซเชียลมีเดียให้คนเข้าไปให้คะแนน

แสดงความคิดเห็น เราไม่ต้องคัดออก แข่งนับเอาคะแนนรวมว่าใครเก่งที่สุดคือผู้ชนะต้องเซนต์สัญญาทางเรา มันน่าจะเป็นการ

เปิดกว้างเพราะแต่ละคนน่าจะมีความสามารถไม่หมือนกัน.....” ผมลองเสนอความคิดเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้างพวกพี่เขามีความ

สามารถอยู่แล้วผมเชื่ออย่างนั้น

“ฟังๆก็น่าสนนะพี่ สมัยนี้ใครก็เล่นโซเชี่ยวมีเดียกันทั้งนั้นการแชร์ข่าวสารเรื่องราวต่างๆก็รวดเร็วไม่ยุ่งยากเหมือนเดิม”พี่ภีม

“งั้นพี่จะลองเสนอที่ประชุมดูแล้วกัน ขอบใจนะเราสำหรับไอเดียดีๆ”พี่ชัช

“ไม่หรอกครับผมก็เป็นพนักงานที่เหมือนกันอยากทำอะไรให้บริษัทบ้าง”

“ไอ้หนิงตรวจงานน้องเสร็จยัง ถ้าเสร็จแล้วก็ไปรับเงินให้น้อง”พี่นพ

“เรียบร้อยแล้วพี่ นินรอพี่อยู่นี่ก่อนนะเดี๋ยวไปรับเงินมาให้”พี่หนิงรับครับจากพี่นพแล้วกันมาคุยกับผม พี่หนิงเดินออกไปจากห้อง

พี่ๆก็กลับๆปทำงานตามปกติ

       ไหนไหนผมก็เข้ามาแล้วมาบริษัทน่าจะไปทักทายเจ้าของบริษัทซะหน่อย ต้องลองเผชิญหน้าไปพบหน้าพี่เทียนหลังจากที่

ไม่เจอกันเลย สบายดีรึเปล่าก็ไม่รู้แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าจังเลยท่าทางมันคงจะบวมแน่เลยผมจะเป็นอะไรมากรึเปล่านะ

“พี่เทียนนี่ละก็ วันหลังออกไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันนะคะ”

“ครับ พี่นะว่างเสมอแต่เชอร์รีนไม่รู้ว่าว่างรึเปล่า”

เสียงผู้หญิงผู้ชายกำลังคุยกัน เสียงหัวเราะแว่วออกมาจากห้องผมลดมือแล้วเดินหันหลังให้ประตู ผมคิดว่าเขาคงไม่เป็นอะไรมาก

แล้วหล่ะคงมีแต่ผมมั้งที่คิดเป็นห่วงเขา คนที่อยู่ในนั้นเป็นแฟนของเขารึเปล่านะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้พูดคุยแต่ได้ยินเสียงหัวเราะ

ดังแว่วมาแค่นี้ก็พอใจแล้ว

“ไปโรงพยาบาลรวยสุขครับ”ผมบอกแท็กซี่ให้ไปโรงพยาบาลข้อเท้าผมท่าทางมีปัญหาไม่ใช่น้อยตอนนี้มันบวมขึ้นและห้อเลือด

ผมกลัวว่ามันจะมีผลต่อร่างกายเลือกลับไปตรวจที่โรงพยาบาลเดิมถือเป็นการกลับไปตรวจร่างกายอีกครั้งหลังจากที่ออกมาโรงง

พยาบาลได้สักพักแล้ว





******************************************


ขอบคุณทุกความคิดเห็น ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน และชอบคุณทุกการรอคอย


โปรดติดตามต่อไป


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
สรุปน้องนินคิดมาก หรือพี่เทียนแค่หมาหยอกไก่ :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากได้ความชัดเจน

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
พี่เทียนช่วยชัดเจนหน่อยได้มั๊ย?? ถ้ามีคนรักอยู่แล้วก็ไม่ควรจะมาทำตัวให้ความหวังใครนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน

บทที่16
[/size]


“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ หนูขอโทษ หนูขอโทษ”

“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ หนูผิดไปแล้ว หนูผิดไปแล้ว”

“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย”

“ใคร ใคร อะ เธอเป็นใคร”

“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ หนูอยู่ตรงนี้”

“ใคร ใคร ผมถามว่าใคร”

“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ช่วยหนูด้วย”

ผู้หญิงคนนึ่งผมสีดำยาวนั่งยองๆเธอสวมชุดสีขาวก้มหน้าเอามือปิดหน้าไว้ ร้องให้เรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา เธอเป็นใครทำไมถึง

เอาแต่เรียกชื่อผม เธอรู้จักผมอย่างนั้นหรอแต่เธอเป็นใครกันแน่แล้วต้อการให้ผมช่วยอะไรผมเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นผมรู้สึก

กลัวๆกล้าๆ

“นี่ คะ..คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร ช่วยเรื่องอะไร”

“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ขอโทษ ขอโทษ”

“ขอโทษผมทำไม ขอโทษผมเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ”เธอยังก้มหน้าเอามือปิดหน้าไว้ส่วยหายหัวไปมา หมายความว่ายังไงเธอ

ไม่รู้อย่างนั้นหรอ

“พี่นนท์ พี่นนท์ ฮือ ฮึก ฮือ ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว”ผมเดินไปอยู่ข้างหน้าเธอแล้วคลุกเข่าลง ผู้หญิงคนนี้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นใบหน้า

ของเธอทำให้ผมต้องผงะออก


สะดุ้งตัวตื่นมาจากที่นอน บอกได้คำเดียวว่าผมกลัว กลัว กลัวผู้หญิงคนนั้นมากเสียงของเธอยังติดหูเหมือนยังอยู่ใกล้ๆผมตลอด

เวลา ใบหน้าผู้หญิงคนนั้นยังติดตาอยู่เลย ขนที่แขนรู้สึกลุกขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย อาการในห้องเย็บยะเยียบ รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมา

คลุมโปงพนมมือขึ้นท่องบทสวดมนต์เท่าที่จำได้ ท่องผิดท่องถูก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่

ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด เสียง..เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเปิดผ้าห่มออกรีบควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง

หกโมงเช้าแล้ว เช้าแล้ว เช้าแล้ว รอดแล้ว ฮื้อ ฮึก ผมกลัวแล้วอยากมาหลอกมาหลอนกันเลยแล้วจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

ใครกันที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมหรือผู้หญิงคนนั้นกันแน่ เปิดผ้าห่มออกช้าๆสิ่งแรกที่เห็นแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านที่ปิด

ไม่สนิทเข้ามา รีบลุกขึ้นจากเตียงเปิดผ้าม่านแล้วเปิดประตูรับแสงแดด เขาบอกว่าผีกลัวแสงแดดต้องเปิดให้แสงแดดเข้ามาใน

ห้องในเธอจะได้ไม่ต้องมาหาผม แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสายลมเบาๆพัดมากระทบผิวรู้สึกหนาว หนาวมากใช่แล้วลืมไปเลยว่ามัน

เป็นฤดูหนาววิ่งกลับเข้าไปในห้องกลับไปนอนขดใต้ผ้าห่มเหมือนเดิม กลัวผีจนลืมหนาวให้ตายเถอะ ที่สำคัญผมว่าผมลืมอะไรไป

อีกอย่างวันนี้ต้องไปเที่ยวกับพี่เทียนและเพื่อนพี่เทียน รีบหยิบเสื้อผ้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำอุ่นและจัดการ

ธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยพร้อมแต่งตัวชุดเตรียมเดินทางออกมาจากห้องน้ำ เฮ้อถอนหายใจยืนมองกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้

เรียบร้อย ถ้าไม่เตรียมกระเป๋าไว้แต่แรกวันนี้คงต้องวุ่นวายน่าดู

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“นิน ตื่นยังลูกเดี๋ยวสายนะ”

“เสร็จแล้วครับ”

“เสร็จแล้วลงไปทานข้าวโจ๊กรองท้องก่อนจะได้ไม่เมารถ”

“ครับ”รับคำแล้วลากระเป๋าเดินทางสี่ล้อใบเล็กออกมาห้อง เห็นคุณแม่ยืนรอข้างหน้าห้อง

“ทำไมกระเป๋าใบเล็กจังเลยลูกที่โน่นอากาศหนาวนะ เอาเสื้อกันหนาวไปไหม”

“เอาไปครบตามที่แม่บอกเลยครับ”

“ดีมากเลยลูก แต่ทำไมหน้าหนูซีดๆ”

“สงสัยนินตื่นเต้นจะได้ไปเที่ยว เลยนอนไม่ค่อยหลับ”

“เดี๋ยวเอาผ้าห่มกับหมอนขึ้นรถไปด้วยหนูจะได้นอน เดี๋ยวแม่บอกตาเทียนให้”ฮ้าว พูดแล้วก็รู้สึกเพลียๆเหมือนกันไม่รู้ว่าจะสนุก

หรือจะเป็นภาระใครบ้างรึเปล่า

“นินมาลูกทานข้าวเป็นเพื่อนพ่อก่อนไปเที่ยว”

“พ่อกับแม่ไปเที่ยวอย่าลืมของฝากด้วยนะครับ”

“ฮ่า ฮ่า พ่อกับแม่ไปทำงานถ้าหมออนุญาตพ่อก็อยากพาเราไปด้วย”วันนี้ต้องแยกทางกันพ่อกับแม่ต้องไปสัมนากันที่ต่างประเทศ

ตอนแรกว่าจะหนีบผมไปด้วยแต่โดนคุณหมอเบรกไว้ยังไม่อยากให้เดินทางไกลออกนอกประเทศโดยเครื่องบิน ทำให้ต้องถูกทิ้ง

ให้อยู่บ้านแต่พอดีกับที่พี่เทียนจะไปเที่ยว

“เอ้อ เทียนมึงรู้ยังเพื่อนนัดกันไปเที่ยวไอ้กัปตันบอกให้ชวนมึงไปด้วยมึงจะไปเปล่า ชวนน้องนินได้ด้วย”

“ดูก่อน”

“มึงนี่ตลอดเลย น้องนินสนใจอยากไปเที่ยวกับพวกพี่ไหม”

“เที่ยวหรอครับน่าสนุกจัง ไปที่ไหนครับ”

“ยังตงลงกันไม่ได้เลยครับ เห็นไหมมึงน้องนินอยากไป”

“เออ เออก็ได้นัดวันเวลามาเดี๋ยวกูเคลียงานไว้รอ”


ตั้งแต่ตอนที่เจอพี่ฟรอยด์และได้สัญญากันไว้ในที่สุดพวกพี่เขาก็ได้เวลาตรงกับที่พ่อแม่ไม่อยู่พอดี ทำให้พ่อแม่ฝากผมไว้กับพี่เทียน

“เดี่ยวแม่จะซื้อของมาฝากนะ”

“เอาหนังสือที่แม่ชอบซื้อมาฝากก็ได้”กำลังทานโจ๊กอย่างอร่อยหยุดมือเหมือนคิดได้ว่าพูดอะไรออกไป ผมไม่กล้าหันหน้าไปมอง

หน้าพ่อกับแม่ไม่รู้ว่าทั้งคู่กำลังทำหน้าตาอย่างไรอยู่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมหลุดคำพูดประมาณนี้ออกไป ให้ตายเถอะทำไมผมไม่

เคยจำสักที มันเป็นนิสัยของผมมาตั้งแต่เด็กจะให้เปลี่ยนภายในไม่กี่วันคงไม่ใช่เรื่องง่าย

“พะ พี่เทียนมาแล้วหรอครับทานโจ๊กรองท้องก่อนไหมครับ”ไม่เคยดีใจที่ได้เจอพี่เทียนครั้งไหนเท่าครั้งนี้มาก่อน เขามาช่วยชีวิต

ผมชัดๆอัศวินขี่ม้าขาว อยากโผเข้ากอดเขาจังเลย

“อ้าวตาเทียนนั่งลงก่อนลูกทานโจ๊กกับน้องก่อนไหม”

“ก็ได้ครับ งั้นรบกวนด้วยนะครับ”ไม่รอวิ่งเข้าครัวไปตักโจ๊กใส่ถ้วยให้พี่เทียน

“พี่เทียนอีกตั้งนานก็กว่าจะถึงเวลานัดทำมาเร็วจัง”วางถ้วยโจ๊กลงแล้วถาม

“พอดีตื่นเช้าเลยออกมาก่อน”

“ตื่นเต้นเหมือนน้องนินรึเปล่ารายนั้นก็ตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ”

“ฮ่า ฮ่า อาจจะเหมือนกันก็ได้ครับ ผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวนานแล้ว”

“แม่ฝากน้องดูแลด้วยนะ ให้งีบในรถไปด้วย”

“ไม่ต้องห่วงจะผมดูแลเป็นอย่างดีเลยครับ”

“นินให้พี่แจ่มเตรียมอาหารของเราในตะกร้า น้ำผลไม้ก็อยู่ในนี้นะลูก”

“คิดถึงตอนที่เราไปเที่ยวทะเล..”ปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน วันนี้เป็นอะไรไปนะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยอาการผมคงหนักน่าดู

เหลือบขึ้นมองแม่และพ่อดูทั้งคู่ยังนิ่งๆอยู่

“แม่ว่ารีบออกเดินดีกว่าอากาศจะได้จะได้ไม่ร้อน”

“ใช่ๆ”ตอนนี้ผมเริ่มจะเหงื่อแตกแล้วด้วย

“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ขับรถดีๆ ระวังๆนะลูกพ่อกับแม่เป็นห่วง”ผมกับพี่เทียนยกมือไหว้คนทั้งคู่พี่เทียนลากกระเป๋าของผมขึ้นหลังรถที่มีกระเป๋าอีกใบ

นอนอยู่ในนั้น วันนี้รถพี่เทียนเป็นSUV พี่เทียนวางตะกร้าอาหารไว้เบาะหลังส่วนผมเปิดประตูขึ้นรถก็เห็นหมอนใบเล็กกับผ้าห่ม

วางไว้สงสัยมาเตรียมไว้ให้

“กล้องถ่ายรูปสวยดีนิใช้เป็นรึเปล่าเรา”

“นี่หรอครับ ผมนะมืออาชีพ”ชูกล้องDSLRระดับมืออาชีพยี่ห้อดังพร้อมเลนส์ขยายขนาดสูงสุดหนึ่งร้อยราคาไม่ถึงสี่หมื่นขึ้น อย่า

บอกนะว่าที่แม่มองผมบ่อยๆเป็นเพราะเจ้ากล้องตัวนี้แต่เท่าที่จำได้ผมเพิ่งซื้อมาได้ไม่นานนี้เองยังไม่เคยใช้ที่ไหนเก็บไว้ในเซฟ

ห้องนอนของนนท์หันไปมองพ่อกับแม่ที่ยืนส่งผมอยู่หน้าบ้าน รถคันใหญ่เคลื่อนที่ออกไปสู่ถนนใหญ่เราต้องไปเจอกับกลุ่มเพื่อน

พี่เทียนที่ปั้มน้ำมันทางออกไปนอกเมืองเพื่อเติมน้ำมันนัดแนะเรื่องการเดินทาง ไม่นานก็ถึงสถานที่นัดแนะรวมตัวกัน

เห็นSUVสองคันจอดเรียงกันในปั๊มน้ำมันหน้าห้องน้ำมีชายหญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่บริเวณนั้น

“เฮ้ย ไอ้เทียนแกขโมยอุ้มลูกเขามาจากเตียงเลยหรอวะ”พี่ฟรอยด์

“แน่นอน”

“อย่าบอกนะว่าเพิ่งลุกจากเตียง ร้ายนะมึง”พี่กัปตัน

“พวกมึงก็พูดไป”

“พี่พี่หวัดดีครับ”ผมเดินตามหลังพี่เทียนเข้าไปไหว้สวัสดีทักทาย

“น้องนินไม่ได้เจอกันตั้งนานยังน่ากว่าเดิมอีกนะ”พี่ฟรอยด์ยิ้มทักทายพร้อมยักคิ้วให้ผมไอ้หน้าตาท่าทางเจ้าชู้กรุ่มกริ่มนี่ผมขอได้

ไหมรู้ว่าล้อเล่นแต่เห็นแล้วชวนขนลุก

“นินชุดเราน่ารักไปเปล่า แต่โคตรเข้ากับเราเลย”พี่ต้นตอ

“เอ่อวะหมีทั้งตัวเลย ไอ้ที่เกาะอยู่บนเสื้อก็หมีใช่เปล่าน่ารักว่ะมึง”พี่วัฒน์ยังตกใจเหมือนเดิมที่เจอผมพี่อย่ามุงผมไม่ใช่หมีในสวน

สัตว์นะ

“ก็เราจะขึ้นเขาเข้าป่าแม่เลยบอกใส่ชุดหมีถ้าหมีมันเห็นเราจะได้คิดว่าเป็นเพื่อนมันไงครับ”

“ฮ่า ฮ่า ไอ้เทียนเด็กมึงน่ารักว่ากูชอบ”พี่กับตันหัวเราะชอบใจผมใหญ่

ตอนนี้ยังเช้าอยู่อากาศยังเย็นมากผมสวมเสื้อแขนยาวที่มีหมีเกาะติดอยู่หน้าอกกางเกงขายาวเสื้อคลุมถุงเท้า

“นินเข้าห้องน้ำ ไปซื้ออะไรในร้านสะดวกซื้อไหม”พี่เทียนถามผม

“ไม่แล้วครับ”แต่คิดอะไรออกแล้ว เดินเข้าไปในรถแล้วหยิบกล้องขึ้น

“พี่ๆครับ แช๊ะ”เรียกพี่หันหน้ามาแล้วกดชัดเตอร์

“เฮ้ยน้องนินเอาใหม่ พี่ไม่หล่อไม่ยอมนะ”ตอนนี้เลยกลายเป็นการถ่ายรูปที่ระลึกรอสามสาวที่เคยไปเที่ยวกับพวกผมที่ร้านอาหาร

เห็นบอกว่าสาวๆทำธุระเข้าร้านสะดวกซื้อและแวะร้านกาแฟ

“เฮ้ย เทียนไม่ว่านะโว้ยกูก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง”พี่ฟรอยด์

“เอ้อ ไม่เป็นไรกูไม่ได้ว่าอะไร แต่กูขอแค่อย่าล้ำเส้นอย่ายุ่งกับคนของกูก็พอไม่งั้นกูก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน”

“น่ามึงไม่ต้องห่วงกูไอ้ต้นตอไอ้วัฒน์จะดูให้ไม่ต้องห่วง”พี่กัปตัน

“ ปะ พวกมึงสาวๆมาแล้วจะแวะเข้าห้องน้ำกินข้าวที่ไหนก็โทรบอกแล้วนะ ไปไอ้วัฒน์ไปขับรถ กูจะนอนกับน้องนิน นินเราไปนอน

กันเถอะ”

“เนียนไปแล้วมึงไอ้กัปตัน”พี่เทียน

“ฮ่า ฮ่า กูล้อเล่นเห็นพวกมึงทำหน้าเครียดเนอะน้องนิน ถ้าเบื่อไอ้เทียนก็มานั่งรถคันพี่ได้”แล้วผมต้องว่ายังไงดีละครับ พวกผม

แยกย้ายกันขึ้นรถพี่กัปตันพี่ต้นตอและพี่วัฒน์นั่งด้วยกัน พี่ฟรอยด์กับสามสาวอีกคันเป็นผมกับพี่เทียน จอดมาซะนานจนเครื่องเย็นหมดแล้ว

“แอร์เย็นไปไหมเรา ถ้าเย็นก็บอก ง่วงนอนก็นอนนะเห็นแม่บอกว่าเราเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับหรอเป็นอะไรรึเปล่า”

“นินฝันร้ายนิดหน่อย น่ากลัวมากเลย เลยหลับไม่ลง”

“เขาบอกว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี”หันหน้าไปมองพี่เทียนคนที่พูดให้กำลังใจผมตลอด รู้สึกง่วงจริงขึ้นมาปรับเบาะนั่งให้เอนลงไป

หยิบหมอนรองหัวล้มตัวลงนอนแล้วห่มผ้ามองผู้ชายแสนดีที่นั่งอยู่ที่คนขับแล้วหลับตาลงช้าๆ พยายามหนีความรู้สึกของตัวเอง

มากเท่าไหร่ยิ่งเข้าใกล้มันมากเท่านั้นผมไปจากเขาไม่ได้ ผมขาดผู้ชายคนนี้ไม่ได้ผมอยากครอบครองเขาทั้งร่างกายและหัวใจ

เลือกที่จะหันหน้าหนีแล้วหันหลังเดินจากไปแต่ทุกอยากเหมือนเป็นใจให้ผมต้องมาเจอเขาอยู่ตลอดเวลา ถ้าเลือกจะสู้เลือกที่

เอาชนะเอาใจเขามาเป็นของผมให้ได้ บางทีสักวันเขาอาจจะเห็นมันก็ได้ ถึงแม้ผมอาจไม่ได้ครอบครองแต่ขอได้อยู่ข้างๆเขาก็

รู้สึกดีแล้ว อาการทุรนทุรายไม่สบายใจเมื่อไม่ได้เจอหน้าเขาก็หายไปเมื่อได้เห็นเขา ไม่รู้ว่าการตัดสินใจมาเที่ยวกับพี่เขาครั้งนี้

เป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิดรู้แต่เพียงว่าผมจะสู้จะทำเท่าที่ทำได้ เป็นเพราะเมื่อคืนจัดกระเป๋าดึกและผู้หญิงคนนั้นมาเข้าฝัน

ทำให้ผมนอนไม่พอ



“นิน นิน”มีคนกำลังเรียกผมเสียงอยู่ใกล้อยู่ข้าง ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

“พี่เทียน”กำลังจ้องมองอยู่พอเห็นผมลืมตาขึ้นก็ยิ้มให้

“ตื่นได้แล้วคุณหมี จำศีลนานไปแล้วได้เวลาออกไปหาอาหารได้แล้ว”

“กี่โมงแล้วครับพี่เทียน”

“เที่ยงแล้วครับคุณหมี”

“นินหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรอครับ แล้วเราถึงไหนแล้ว”พี่เทียนช่วยปรับเบาะให้นั่งมองไปรอบๆบริเวณรถ

“เป็นไงบ้างน้องหมีหลับสบายเลยสิท่า”พี่กัปตันเดินมาทักผมที่รถ

“เทียนพาน้องไปกินข้าวสั่งอาหารไว้แล้ว”เสียงพี่วัฒน์ตะโกนเรียกพี่เทียนไม่รู้ว่ามาจากทางไหน

“เดี่ยวตามไป มึงเดินไปก่อนไปเดี๋ยวกูดูน้องก่อน”

“เอ้อ คุณหมีรีบตามมานะเดี๋ยวพี่กินหมดไม่รู้ด้วย”พี่กัปตันเดินไปยังตะโกนทิ้งท้ายมาอีก ผมยังรู้สึกแปลกๆร่างกายน่าจะยังปรับ

สภาพไม่ได้ เดินลงจากรถมีพี่เทียนเดินพาเดินไปที่ร้านอาหาร ว้าวร้านอาหารมองเห็นวิวด้วยตอนนี้เราอยู่บนภูเขาสูงต้นไม้เยอะ

ผมและพี่เทียนเดินที่นั่งรวมกับคนอื่นๆ

“ไม่มีมารยาททำให้คนอื่นต้องรอ”เสียงผู้หญิงดังขึ้นเบาๆข้างผม อ้อพี่ใหม่ผมนึกว่าเสียงผีที่ไหนมาขอส่วนบุญ ทำไมผมรู้สึกไม่

ค่อยดีเลยหงุดหงิดนิดหน่อยด้วย

“คุณเทียนมานั่งตรงนี้สิคะตรงนี้มีที่ว่าง”เสียงพี่ใหม่พูดขึ้นเธอนั่งขั้นผมกับพี่เทียนไว้ ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขอเอาตัวเอง

ให้รอดก่อนอาจจะเป็นท้องว่างรึเปล่าทำให้ผมรู้สึกไม่ดีไม่รอคำตอบจัดการอาหารตรงหน้าช้าๆ ปลาช่อนน้ำปลา ผัดเห็ดสาม

อย่าง ยำสามกรอบ ต้มยำไก่น้ำข้น แกงโฮะ รู้สึกเหมือนได้เดินทางไปทั่วประเทศเลยมีอาหารเกือบทุกภาค รู้สึกดีขึ้นรึเปล่านะ

“พี่เทียน นิน”ผมเรียกพี่เทียน

“เฮ้ย นิน”พี่เทียนรีบอุ้มผมขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปที่รถ

พี่เทียนวางผมลงบนเบาะให้ก้มหน้าออกมาทางด้านข้างรถแล้วสตาร์ทเครื่อง

“เอานี่น้ำแข็งประคบ น้องเป็นอะไรมากรึเปล่าวะ”พี่ฟรอยด์

“ไม่หรอก น่าจะแค่อาการร้อน”

“เออมีอะไรก็บอกแล้วกัน”พี่ฟรอยด์เดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร

“ดีขึ้นยัง”

“ดีขึ้นแล้วครับ พี่เทียนกลับไปทานข้าวเถอะยังไม่อิ่มไม่ใช่หรอครับ”เห็นพี่เทียนเดินไปเปิดประตูแล้วหยิบตะกร้าที่แม่เตรียมให้

เมื่อเช้า

“นี่ไงอาหารเรามานั่งกินในรถดีกว่าข้างนอกอากาศร้อน ร่างกายเรายังปรับตัวไม่ได้”ทานอาหารเข้าไปเยอะแล้วไม่รู้สึกหิวตอนนี้

รู้สึกดีขึ้นมากแล้วเฮ้ยคิดไม่ผิดจริงๆมาเที่ยวครั้งนี้เป็นภาระของคนอื่นจริงๆ ก็จะทำยังไงได้ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงปี

เลย ไม่นานการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นเธอมองมาที่รถพี่เทียนก่อนที่จะขึ้นรถไป อ้าผมป่วยนี่ก็คงจะดีเหมือนกัน

พี่เทียนจะได้อยู่ข้างผม เธอคงจะไม่พอไม่น้อยที่พี่เทียนไม่สนใจเธอแต่เลือกที่จะสนใจผม

            ภาพภูเขาสูงใหญ่ทับซ้อนกันเรียงรายกันมองดูด้านข้างเห็นหน้าผาสูงชันเส้นทางถนนที่ตัดผ่านภูเขาแต่ละลูกคดเคี้ยว

ไปมา ป้ายจราจรบอกให้ลดความเร็วห้ามแซงให้ระวังทางติดอยู่ข้างทาง หลักกิโลเมตรสีขาวตั้งอยู่ข้างทางบอกระยะเป้าหมาย

ของเราอยู่อีกไม่ไกลแล้ว ป้ายบอกทางขนาดใหญ่พื้นสีเขียวตัวหนังสือสีขาวตัวขนาดใหญ่เขียนด้วยภาษาไทยภาอังกฤษในที่สุด

ก็เข้าเขตเมือง มองนาฬิกาใกล้จะสี่โมงเย็นไกลเหมือนนะเนี่ย

“เออ....ว่าไงวะ...ได้..ได้ ไม่มีปัญหา”พี่เทียนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน

“เดี๋ยวเราแวะซื้อของก่อนนะ พี่หมีเหนื่อยไหม”

“ไม่เท่าไหร่ครับ เดี๋ยวพักผ่อนเยอะๆก็คงดีขึ้น”

คืนนี้จะมีปาตี้ดื่มกินกันนิดหน่อยรถคันของพี่ฟรอยด์รีบกลับไปเช็คอินห้องพัก พี่กัปตันพี่ต้นตอกับพี่วัฒน์ไปซื้อเครื่องดื่ม ส่วนผม

กับพี่เทียนจัดการเรื่องกับแก้มอาหาร ห้างสรรพสินค้าอยู่ค่อนข้างไกลเราจึงแวะตลาดซื้อของไปเพิ่มสองสามอย่าง

ใกล้ค่ำแล้วอาการเริ่มเย็น ถึงไม่ใช่ตลาดใหญ่มาก แต่ก็เป็นตลาดที่ถูกสุขลักษณะแยกโซนของสดของแห้งผักผลไม้อาหารปรุง

สำเร็จผักที่นี่สดมากมีชาวเขาเอาผักลงมาขายด้วยมีของร้านขายของสดไม่กี่ร้าน

“พีเทียนแบ่งของบางส่วนเดี่ยวเอาไปเก็บที่รถก่อน”

ผมเดินกลับมาที่รถเพื่อเอาของมาเก็บส่วนพี่เทียนยังเดินซื้อของต่ออีก อ้าท่าทางจะนานผมหยิบกล้องติดมือเดินเก็บภาพ

บรรยากาศตลาดรอบนอกที่มีชาวบ้านชาวเขาเอามาป่าของแปลกมาแบขายกับพื้นแสงแดดช่วงเย็นตอนบ่ายสี่โมงเย็นแสงกำลังดี

แต่เป็นช่วงหน้าหนาวจะค่ำเร็วกว่าปกติผมยกกล้องตัวใหญ่ขึ้นมองผ่านเลนส์ปรับโฟกัสภาพให้ได้ตามที่ต้องการแล้วกดชัดเตอร์

ลงไปภาพวิธีชีวิตชาวบ้านก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

    เลื่อนปุ่มกดไปที่ปุ่มแสดงภาพที่ได้ถ่ายไว้กดปุ่มไล่ดูภาพที่ถ่ายไปเมื่อครู่เช็คโหมดที่เลือกใช้ว่าภาพที่ออกมาจะน่าพอใจรึ

เปล่าภาพถ่ายเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนต้องสะดุดตากับภาพของคนที่อยู่ในนั้นผมรีบเงยหน้าขึ้นจากภาพแล้วเดินไปตรงบริเวณที่

ปรากฏในภาพถ่ายผมกวาดสายตาไปรอบๆเหลียวมองหาคนที่บังเอิญมาอยู่ในรูปของผม

“จับมันเลยครับคุณตำรวจ”

“อ้าวทำไมพูดแบบนี้”เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากลุ่มคน พวกเขากำลังยืนมุงดูอะไรซักอย่างผมเดินตรงไปที่กลุ่มคนพวกเขา

กำลังมุงดูอะไรมองไม่เห็นมันไกลเกินไปต้องเข้าไปใกล้กว่านี้พยายามเขย่งเท้าให้สูงจะได้มองเห็นแต่มันไม่ช่วยอะไรได้เลยผม

ตัดสินเบียดแล้วมุดเข้าไปผ่านช่องว่างในที่สุดก็เห็นผู้ชายสองคนกำลังยืนทะเลาะกัน ผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวดีส่วนอีกคนแต่งตัว

เหมือนชาวบ้านธรรมดาสวมหมวกดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นถ้าผมไม่เคยเห็นเขามาก่อน ชายสวมหมวกเขากดด้านหน้าหมวกลงไว้

หนวดเคราสายตาหลุกหลิกผมว่าเขาน่าจะหาทางหนี้ทีไล่ เพราะตอนนี้มีคุณตำรวจอยู่ในเหตุการณ์ตำรวจพยายามให้ทั้งสองไป

พูดคุยกันที่โรงพักใกล้ๆ ฮึไปโรงพักไม่มีทางหรอกมันไม่ยอมไปแน่นอนและมันกำลังจะหาทางหนีแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายมีคนกำลังยืน

ล้อมอยู่

“จับมันเลยคุณตำรวจ”

“ไม่มีหลักฐานอย่ามากล่าวหากันได้ไง”

โอ้ ต้องการหลักฐานก็ไม่บอกงั้นจัดไป
               

              โรงพักบริการประชาชน สภอ.ย่อยในต่างจังหวัดเปิดบริการโดยมีเจ้าหน้านั่งประจำอยู่ที่โต๊ะ โต๊ะทำงานไม่เกินสิบตัว

เรียงคู่ตู้เก็บเอกสารขนาดใหญ่หลายหลังตั้งอยู่ด้านข้างด้านหลังล้อมโต๊ะทำงาน

“ขอบคุณนะน้องที่ให้ความร่วมกับเจ้าหน้าที่”คุณเจ้าหน้าที่ของรัฐกินเงินภาษีประชาชนยื่นเม็มโมรี่การ์ดที่ผมบังเอิญเก็บภาพ

เหตุการณ์ผู้ชายคนหนึ่งถูกล้วงกระเป๋าได้

“ไม่เป็นไรครับคนไทยเหมือนกัน”ไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นแต่ผมทำเพื่อตนเองครับ

นั่งมองเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำคนทั้งสองยังไม่ลุกไปไหน เสียงเครื่องพิมพ์ดีดที่พิมพ์ด้วยความเร็วรัวหยุดพิมพ์หยุดพิมพ์เป็น

ระยะจากที่ฟังดูมันเป็นโทษไม่ร้ายแรงมันอาจจะได้เข้าไปนอนในคุกจ่ายค่าเสียหายไม่กี่บาทผมคิดว่าผมคงต้องทำอะไรซักอย่าง

ถ้ามันหลุดไปได้คราวนี้อีกคงหาตัวมันอีกไม่ง่ายแน่ๆ

”ผมว่าเขาหน้าคล้ายๆภาพประกาศจับที่ติดไว้บนบอร์ดนี้เลยนะครับ”ชี้ไปที่บอร์ดที่ติดประกาศต่างๆของทางราชการ ทุกคนในที่

นั้นหันไปมองรูปชายที่ถูกสเก็ตด้วยดินสอสีดำ โอ้โหมีรางวัลนับจับด้วยร้ายไม่ใช่เล่น

“คุณโจรนี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ ดังใช่เล่นมีภาพประกาศจับด้วย”

ตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่สนใจคดีเล็กแล้วแต่เปลี่ยนมาสนใจคดีใหญ่ผู้ชายคนนั้นถูกคุณตำรวจใส่กุญแจแล้วลากเขาไปยังห้องขัง ผม

เดินตามเข้าไปดูห่างๆ โรงพักเล็กๆไม่ค่อยมีคดีห้องขังโล่งกว้างคงนอนสบายตัวเลยทีเดียว

“ปล่อยกูนะ ปล่อยกู กูไม่ได้ทำ...”เสียงร้องเอะอะโวยวายนี้รู้สึกฟังแล้วคงเหมือนตอนที่ผมร้องขอความช่วยเหลือขอความเมตตา

จากพวกมันแต่ก็ไม่ใครได้ยินไม่ได้รับความเห็นใจจากพวกมันเลยมันจะเป็นความรู้สึกเดียวกันไหมนะเขาพยามยามดิ้นขัดเขินจาก

การจำกุมของตำรวจ

“อย่าขัดขืนถ้าไม่ใช่แล้วจะกลัวทำไม ยังไงก็ต้องเข้าไปนอนในห้องขังอยู่แล้ว”เสียงเจ้าหน้าพูดขึ้นหลังจับผู้ชายคนนั้นเข้าไปขัง

ไว้ในห้องขังได้

“ผมไม่ทำจริงๆนะครับ เชื่อผม เชื่อผม...”เขายังโวยวายเสียงดังลั่นโรงพักอยู่ เขาใช้มือทั้งสองข้างเกาะซี่กรงตรงหน้าไว้

“ขอโทษด้วยนะอย่าว่ากันเลยอ้อถ้าจะอาฆาตกันให้อาฆาตคนที่จ้างวานนายดีกว่า แล้วอีกอย่างถ้าอยากรอดก็ขอให้ สารภาพ ซัก

ทอด จะได้ลดโทษ ขอโชคดีนะ”เขาจ้องมองนิ่งเหมือนจะถามผมว่าผมเป็นใครทำไมถึงรู้ ผมส่งยิ้มให้เขาแล้วเดินออกมาจากโรง
พัก

“น้องๆ”มีคนเรียกผมจากด้านหลังผมหันหลังกลับไปดู

“ขอคุณน้องมากเลยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”มาเดินตลาดก็ต้องระวังสิ่งของมีค่าให้ดีแต่อีกในหนึ่งก็คงต้องขอบคุณเขา

เหมือนกันไม่อย่างนั้นผมคงเจอคนที่เคยทำร้ายผม

 “ไปไหนมา คุณหมีพี่กำลังโทรตามอยู่เชียว”

“ปวดท้องครับ เลยไปขอเข้าห้องน้ำที่โรงพักใกล้ๆ”

“อื้ม งั้นเรากลับกันเถอะเดี่ยวจะมืดซะก่อน”

       สายลมเย็นเย็นประทะหน้าเบาๆสายลมกำลังพัดมายินดีกับผมรึเปล่านะเค้าว่ากันว่าเวรกรรมนั้นมันเร็วเหมือนติดจรวดคุณ

อาจจะไม่ได้เจอในชาตินี้แต่ก็ขอให้จำไว้ว่ากรรมมันจะตามติดคุณไปตลอด





********************************************************************************

--- หลายคนสงสัยว่าทำไมน้องนิน(นนท์) ไม่แก้แค้นคนที่ทำร้ายตัวเองสักที

   ***นนท์(นิน) ขอโอกาสแก้ตัว ไม่ได้ขอโอกาสแก้แค้น เขาต้องการกลับมาอยู่กับครอบครัว กลับมาดูแลพ่อแม่ ชดเชยในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ใช้ชีวิตให้ดี

--- เรื่องนนท์ถูกฆ่า เขาคิดว่านั่นคือกรรมของเขา ที่ทำให้ พ่อแม่เสียใจและเป็นทุกข์ 

--- และเชื่อว่ากรรมจะติดตามคนที่ทำร้ายเขาไปเอง โดยที่ไม่ต้องทำอะไร เขาแค่นั่งดูคนที่ทำร้ายทยอยรับผลกรรมไปทีละคน


*** ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยจ้า "เริ่มต้นเรื่องร้าย ลงท้ายเรื่องรัก"


***************************************************************************

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกการติดตาม และขอบคุณทุกการรอคอย


โปรดติดตามตอนต่อไป



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-07-2016 13:26:48 โดย jaengs »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ชะนีใหม่มาด้วยนี่พามาส่งคืนป่าใช่ไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


เธอ..คือหนึ่งในไม่กี่คน

บทที่ 17
[/size]


รีสอร์ทเคียงขุนเขา


ผมกำลังช่วยพี่ๆย่างอาหารหน้าเตาย่าง  เตาเช่าจากทางรีสอร์ทโต๊ะอาหารขนาดสิบที่นั่งมี เครื่องดื่มหลากดีกรีจัดเตรียมไว้สำหรับคืนนี้

“อาหารน่าทานจังเลยนะคะคุณเทียน”เสียงพี่ใหม่ที่เพิ่งเดินลงมาจากที่พักเดินเข้าไปหาพี่เทียนกำลังหั่นเนื้อจัดใส่จานวางไว้บนโต๊ะ

“อ้อ ทุกคนช่วยๆกันครับ”

“งั้นคุณเทียนสอนให้ใหม่หั่นบ้างสิคะใหม่อยากช่วย”ดูเธอกระตือรือร้นออกมาอย่างชัดเจน

“ผมว่าคุณใหม่ไปนั่งรอทานดีกว่าครับจะได้ไม่เปื้อน”

“ถ้าคุณเทียนพูดอย่างนั้น งั้นใหม่ขอนั่งดูคุณเทียนดีกว่าค่ะ”เธอนั่งส่งสายตาเหมือนจะอยากกินพี่เทียนมากกว่าเนื้อที่เขากำลังหั่นซะอีก

“อะ เสร็จแล้วชิ้นสุดท้ายแล้วนินเอาไปให้ไอ้เทียนมันหั่นใส่จานได้เลย”พี่กัปตันยิ้มเนื้อย่างชิ้นสุดท้ายใส่ถาดแล้วบอกผมยกไปให้พี่เทียนหั่นใส่จาน

“พี่เทียนถาดสุดท้ายแล้ว”

“คุณหมียกจานกุ้งไปวางบนโต๊ะให้พี่หน่อย”

“ครับ”ยกจานกุ้งปลาหมึกและเนื้อที่หั่นเสร็จแล้วไปวางบนโต๊ะแค่นี้ก็เรียบร้อย มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย ตอนเที่ยงกินไปแค่นิด

เดียวตอนเย็นนี่แหล่ะจะกินให้เต็มที่เลย อาหารที่สั่งจากทางรีสอร์ทพนักงาน ทยอยนำอาหารมาเสริร์ฟทีละอย่างจนเกือบเต็มโต๊ะ

 ที่นี่มีผักสดที่ปลูกโดยไม่ใช้ดินด้วยผลไม้สดน่ากินอีกตะหาก

“ทุกคนอาหารพร้อมแล้วเทียนวางมือได้แล้ว สาวๆอาหารพร้อมแล้วครับ เลือกที่นั่งตามสบายเลยครับ”ผมเดินไปช่วยพี่เทียนเก็บของแล้วเข้าห้องน้ำไปล้างมือ

“คุณเทียนมานั่งตรงนี้ซิคะ ตรงนี้ว่าง”เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ซื้อหวยนี่แจ็กพ็อตเลยนะนั่น

“น้องนินมานั่งข้างๆพี่ก็ได้”พี่วัฒน์พี่ต้นตอเรียกผมให้ไปนั่งข้างๆ

“คุณเทียนทานกุ้งไหมคะเดี๋ยวใหม่ช่วยแกะให้”

“ไม่เป็นไรครับผมจัดการเองดีกว่า”

ในห้องอาหารที่ทางรีสอร์ทเตรียมให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติและอากาศได้เป็นอย่างดีไม่รู้ว่าเสียงเพลงมาจากไหนแต่เข้า

บรรยากาศยามค่ำคืนทีเดียวเหมือนกำลังมาตั้งแคมป์ไฟยังไงไม่รู้ส่วนตอนนี้กำลังเที่ยวดูส่องสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีนอกำลังทอด

สะพานให้ผู้ชายอยู่มีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องดูคนทั้งสอง

“น้องนินแกะกุ้งให้พี่ทานหน่อยสิครับ”มาไม้ไหนอีกละครับพี่วัฒน์ พี่วัฒน์มองไปหาพี่เทียนส่งยิ้มให้เขาแล้วยักคิ้วให้ผู้ชายคนอื่นในโต๊ะอาหารกำลังอมยิ้มเหมือนกำลังพอใจอะไรซักอย่าง

“อะ น้องหมีชิมปลากะพงทอดกระเทียมอร่อยมาก”พี่กัปตัน

“อันนี้ก็อร่อยปลาทับทิมนิ่งมะนาว น้องหมีกินเยอะๆจะได้โตทันใช้”เหมือนความหมายจะดีนะครับพี่วัฒน์หรือว่าผมคิดมากไปเอง

“น้องนินชนแก้วครับ”พี่ต้นตอ

“น้องนินตักต้มยำใส่ถ้วยให้พี่หน่อยครับพี่ตักไม่ถึง”ไม่รู้พวกเขากำลังเล่นอะไรกันพี่ฟรอยด์ก็เอากับเขาด้วย ผมเกือบตกใจตายกับสายตาของพี่เทียนจ้องมองมาที่ผมและเพื่อนๆของเขาเหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง

“ดู คุณวัฒน์กับน้องนินเข้ากันได้ดีนะคะ เหมาะสมกันดี”เกือบสำลักข้าวทุกอย่างเงียบลงเหมือนโดนปิดสวิตซ์ลงเพราะคำพูดของพี่ใหม่เธอดูไม่ออกหรือง่าวกันแน่ที่ไม่รู้ว่าพี่ๆเขาเขากำลังแกล้งผมเล่น

“อ้าวแล้วผมไม่เหมาะหรอ”พี่กัปตัน

“กูว่าน้องน่าจะเหมาะกับกูมากกว่าคนน่ารักต้องคู่กับคนหน้าตาดี คิดอย่างนั้นไหมเทียน”พี่ฟรอยด์พยายามพูดเปลี่ยนบรรยากาศ

ให้ดีขึ้นหรือเปล่า ทุกคนเล่นสนุกกันแล้วก็กลับมาทานอาหารตรงหน้ากันต่อตอนนี้พี่กัปตันกับพี่ต้นตอเปลี่ยนหน้าที่เป็นพนักงาน

เสิร์ฟเครื่องดื่มให้ทุกคนรอบโต๊ะยกเว้นผมที่ต้องดื่มน้ำส้ม อาหารบนโต๊ะถูกเก็บไปแล้วเปลี่ยนเป็นกับแก้ม พี่เทียนเปลี่ยนมานั่ง

ข้างผมแทนพี่กัปตันต้องคอยชงเครื่องดื่มบริการ

“เย็น พี่เทียน”พี่เทียนใช้แก้วเครื่องดื่มแนบลงที่แก้มผม

“ตาจะปิดแล้ว ง่วงมากหรอ”

“เพลียมากกว่าครับ เพิ่งเคยเดินทางไกลขนาดนี้หลังออกจากโรงพยาบาล อากาศด้วยร่างกายเลยปรับไม่ทัน”

“อือ พี่ก็ลืมไป ดีนะไม่มีไข้”พี่เทียนใช้มือสัมผัสที่แก้มหน้าผากผมเบาๆ

“นี่ก็ดึกแล้ว พาน้องขึ้นไปพักเดี๋ยวจะป่วยซะก่อนแล้วเที่ยวไม่สนุก”พี่วัฒน์

“ไม่ต้องห่วงพวกกูหรอกเดี๋ยวก็ขึ้นไปพักกันแล้ว”พี่กัปตัน

“คุณเทียนจะขึ้นห้องหรอคะ ช่วยไปส่งใหม่ที่ห้องด้วยได้ไหมค่ะ พอดีใหม่รู้สึกมึนๆ”รู้สึกว่ากินไปนิดเดียวเองไม่ใช่หรอครับ
ในแก้วยังเหลือตั้งเยอะ

“เดี๋ยวใหม่ขึ้นไปกับผมก็ได้ห้องเราไปทางเดี๋ยวกัน ให้ไอ้เทียนไปส่งลำบากมันไกล”พี่ฟรอยด์

“อ้าวแล้วคุณเทียนไม่ได้พักแถวเดียวกันกับเราหรอคะ”

“พอดีโซนนั้นห้องไม่พอไอ้เทียนกับน้องเลยต้องไปพักอีกที่แทน”พี่ฟรอยด์ อ้าวหรอผมก็เพิ่งรู้ห้องพักของผมน่าพักมาก

“แล้วพักอยู่โซนไหนคะ”เธอยังตั้งหน้าตั้งตาถามคงจะอยากรู้จริงๆ

“เทียนมึงพาน้องนอนไปตาจะปิดยืนไม่อยู่แล้วนั่น”หา ตาจะปิดแล้วหรอทำไมผมไม่เห็นรู้ตัวเลย ทุกคนเลิกสนใจพี่ใหม่หันมา
สนใจผมแทน

“นินเดินไหวไหม”พี่เทียนหันมาถามผม พี่เทียนก็เอาก็เขาด้วย

“น้องเดินไม่ไหวมึงก็อุ้มขึ้นห้องไปเลย”พี่กัปตันนี่ชอบพูดให้คิดนะครับ

“นินเดินเองได้ครับ”พี่เทียนอย่าบ้าจี้ตามเพื่อนๆสิครับ

               ทางเดินกลับที่ห้องพักมีไฟตามทางเดินหลอดเล็กๆตลอดทางอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยคงเพราะดึกมากแล้วพี่เทียน

เปิดประตูเข้าไปจากนั้นผมก็ตรงเข้าห้องน้ำอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนื่อยเหนี่ยวตัวมาก เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เป่าผมให้

แห้งอากาศหนาวต้องเป่าผมไม่อย่างนั้นจะไม่สบายเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก ตอนนี้สวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว อ๊ะ ๆไม่ใช่คุณหมีแต่

เป็นคุณกระต่าย โอ้สุดยอดรู้สึกดีเป็นบ้าเลยถ้าไม่คิดว่ามีพี่เทียนรออาบน้ำอยู่ผมอยากนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบซะหน่อยหยิบ

โทรศัพท์เดินไปนั่งลงบนโซฟาใหญ่

“จุ๊บ”พี่เทียนนั่งลงบนโซฟาข้างๆผมแล้วจูบผม

“อื้อ พี่เทียนทำอะไรครับ”ผมพยายามดิ้นขัดขืน

“ให้พี่กอดหน่อยคนดี”พี่เทียนรวบตัวผมเข้าสู่อ้อมกอดเขา กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยออกจากตัวเขา

“เอ่อ นินว่าพี่เทียนเมาแล้วนะครับ”ไม่นะพี่เทียนเมาแล้ว อย่าทำกับผมอย่างนี้ผมไม่ใช่สิ่งของไม่ใช่ตัวแทนของใครอย่าทำเหมือนกับผมไม่มีความรู้สึกอย่าเล่นตลกกับความรู้สึกของผม

“พี่ไม่ได้เมา ถ้าพี่เมาเราคงไม่ได้มาพูดอยู่อย่างนี้หรอกแต่คงกำลังครางอยู่มากกว่า”พี่เทียนโน้มใบหน้าลงจนผมต้องก้มหน้าลงหลบสายตาและริมฝีปากนั้น

“พะ...พี่เทียน ทำไมพูดแบบนี้”ทำไมเอาความรู้คนอื่นมาล้อเล่นอย่างนี้ไม่สนุกนะผมไม่ชอบอย่างนี้เลย ผมรู้สึกอึดอัดผมอยากร้องไห้

“พี่ไม่ขอโทษนะในสิ่งที่พี่ทำลงไปเพราะพี่ตั้งใจ”พี่เทียนเป็นอะไรไปแล้วหมายความว่ายังไงพี่เทียนเป็นอะไรไปแล้ว

“หมายความว่ายังไง นินไม่เข้าใจ”ผมชักเริ่มโมโหแล้วนะพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดอุ่นๆแต่ผมรู้สึกว่าอ้อมกอดนี้มันยิ่งกอดผมกระชับแน่นขัดเหมือนผมจะหายเข้าไปอกแกร่งนี้

“พี่ รัก นิน นะ”พี่เทียนกระซิบลงข้างหูผม หมาย หมายความว่ายังไงนี่ผมฝันไปรึเปล่า ผมลองหยิกตัวเองก็รู้สึกเจ็บนะ

พี่เทียนกำลังเล่นตลกอะไรรึเปล่ามีกล้องซ่อนไว้ไหมเอ่อ.....โอ๊ยความคิดของผมมันกำลังสับสนจับค้นชนปลายไม่ถูก

อันไหนหัวอันไหนก้อย หูผมต้องฝาดไปแน่ๆเลยรึผมบ้าไปแล้ว พี่เทียนคลายออ้อมกอดออกจับต้นแขนทั้งสองผมไว้เราทั้งสอง

กำลังนั่งหันหน้าให้กันบนโซฟานุ่มตัวใหญ่ ผมจ้องมองเข้าไปดวงตาของเขาคู่นั้น ที่ต้องการจะสื่อความหมายของมันออกมาดวง

ตาคู่นั้นเหมือนมีพลังดังดูดผมไว้ให้ผมรู้สึกสงบขึ้น

“เอ่อ พี่เทียนเป็นเกย์หรอครับ”ผมถามอะไรออกไป

“อื้อเป็นมาตั้งแต่เกิด”หาไม่ได้เพิ่งเป็น

“แล้วที่บ้าน..”

“รู้”หารู้ด้วย

“แล้ว..”

“เอาอย่างนี้อยากรู้อะไรพี่จะตอบให้หมด แต่แรกกับจูบถามหนึ่งคำถามแลกกับคำตอบพร้อมจูบดีไหม”เฮอะ ดีกับผีอะไรเสีย

เปรียบชัดๆกว่าจะถามครบผมคงต้องถูกจูบจนปากแตกแล้วมั้ง พี่เทียนผมอยากรู้แต่ยังไม่อยากเสร็จ เอ้ยไม่อยากเสี่ยงสีหน้า

ท่าทางคุกคามของพี่เทียน ตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยไม่เคยเห็นเขาในลักษณะแบบนี้มาก่อนไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเขา

ยังไง รู้สึกถึงรังสีความอันตรายที่แผ่ออกมารอบๆตัวเขา ไอ้สายตาวิบวับกับมือที่ลูบแขนผมอยู่นี่อีก

“ไม่อยากรู้แล้วหรอ”

“ไม..ไม่ครับไม่อยากรู้แล้ว แต่พี่เทียนรักผมจริงๆหรอกำลังล้อผมเล่น”ผมรีบปฏิเสธแทบจะทันทีพี่เทียนไม่ตอบคำถามผมเอาแต่

ยิ้มน้อยที่มุมปากเหมือนคนที่ได้รับชัยชนะ จากนั้นเขาใช้มือข้างหนึ่งดันท้ายทอยผมขึ้นแล้วกดริมผีปากลงมาที่ริมฝีปากผมค่อยๆ

บดเบียดเขาพยายามจะเปิดริมฝีปากของผมแต่ผมไม่ยอมผมใช้มือทั้งสองข้างดันหน้าอกคนตัวโตออก ดูท่าเขาคงไม่ได้เอาจริง

แค่ต้องการหยอกล้อผมเล่นเท่านั้นเพราะแรงของเขาถ้าจะทำผมจริงผมคงสู้ไม่ได้

“อ้า ใจร้ายจังเลยจูบแลกกับคำตอบไง ใช่พี่รักเรารักมากด้วย”พี่เทียนจับที่มือของผมแล้วยกมือขึ้นจุมพิตที่มือเบาๆ

“ตั้งแต่ตอนไหนครับ”ผมอยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“ตอนไหนหรอก็คงตั้งแต่เห็นเด็กผู้ชายน่ารัก ตัวเล็กกำลังอ่านหนังสือให้คุณย่าฟังอยู่ข้างเตียงคนป่วยละมั้งครั้งแรกที่เห็นพี่ก็รู้สึก

ชอบทันทีนานวันเข้ายิ่งอยู่ใกล้ได้เรียนรู้ได้รู้จักมันก็มากขึ้นทุกวันจนกลายเป็นขาดไม่ได้และอยากครอบครองเป็น

เจ้าของ”หมายความว่าตั้งแต่แรกเห็นอย่างนั้นหรอไม่เร็วไปรึไงนะ

“แล้วทำไมพี่เทียนไม่บอกนินเลย”รู้สึกยังไงกับเค้าทำไมไม่บอกรู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเสียใจและคิดไปเองต่างๆนาๆ

“ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่สัญญาไว้กับคุณย่า คุณพ่อคุณแม่ว่าต้องให้เราโตกว่านี้ก่อนและต้องพิสูจน์ให้พวกท่านเห็นว่าพี่รักเราจริง
อื้อหอมจังเลย”อื้อไอ้พี่เทียนบ้ามาหอมเค้าทำไม

“พะ..พี่เทียนอย่า คุณย่าคุณพ่อคุณแม่พี่เทียนรู้หมดเลย”ผมร้องห้ามพี่เทียน

“อื้ม ไม่ใช่เขารู้กันทั้งบ้าน”

“พะ..พี่เทียนอยากแกล้งนิน อื้ม”

“แล้วเราล่ะรักพี่บ้างรึเปล่า รู้สึกยังไงกับพี่”เสียงพี่เทียนยังอยู่ข้างหู เขาใช้ใบหน้าจมูกปากซุกไซร้อยู่ตรงซอกคอ ใบหู ลมหายใจร้อนไหลรดผิวของผมรู้สึกแปลกเหมือนกำลังล่องลอยเบาหวิว

“เป็นแฟนกับพี่นะ ห้ามปฏิเสธไม่งั้นพี่จะปล้ำ รู้ไหมพี่ต้องอดทนแค่ไหนที่ต้องพยายามไม่จับเรากด รู้ตัวไหมว่าน่า...มากเลยเรานะ”

“บ้า พี่เทียนพูดอะไรบ้าๆ”

“ไม่บ้าหรอกเวลาไปไหนมาไหนกับเรามีแต่คนมองตามเราตลอด รู้ไหมว่าพี่ทั้งห่วงและหวง ขนาดไอ้ฟรอยด์ ไอ้กัปตัน ไอ้วัฒน์ ไอ้ต้นตอ พวกมันเห็นเราครั้งแรกยังจ้องตาเป็นมัน”อ่า ก็เหมือนที่พี่เทียนนั่งจ้องผมตั้งแต่แรกที่เห็นใช่ไหมครับ

“แล้วพี่เทียนไม่ได้มีแฟนอยู่แล้วหรอครับ”

“แล้วเห็นพี่ไปมาไหนกับใครไหม นอกจากนิน”เอออันนี้ก็น่าคิดถ้ามีแฟนแล้วเขาคงมีเวลาโทรมาหาผมไปทานข้าวไปดูหนังกับผมหรอกเสาร์อาทิตย์พี่เขาก็อยู่กับผมตลอด วันปกติก็ชอบมากินข้าวเย็นที่บ้าน

“พี่ชัดเจนกับเราขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรอครับคุณกระต่าย”

“ก็พี่เทียนเดินเข้ามาหาผมไม่ได้ถือป้ายไว้ในมือ แล้วชูขึ้นว่าเข้าจีบผมซะหน่อยบนหน้าก็ไม่ได้ติดป้ายไว้ แล้วอีกอย่างก็ผมได้ยิน
ว่าพี่เทียนมีแฟนแล้วสวยด้วย...”ใครจะไปรู้ไม่เคยมีคนเข้ามาจีบแต่เอ๊ะเข้ามาเยอะแต่ไม่รู้ตัวรึเปล่านะผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้ซะด้วยจีบใครก็ไม่เคย จะรู้ไหมล่ะพี่เทียนบ้า

“แล้วช่วงนั้นใครเข้าไปบริษัทไปกับพี่บ่อยๆ”อะ คงไม่หมายความว่า

“ฟอด แก้มนี่นุ่มจริงๆ ฟอด พี่คอยจินตนาการตลอดเลยว่ามันจะนุ่มไหมน้ามันจะหอมเหมือนที่คิดไหมน้า”พี่เทียนเหมือนกำลังพูดกับเด็กเลยครับ

“เอ่อ พี่เทียนจะทำอะไรครับ”

“พาคุณกระต่ายไปนอน นอนดึกเดี๋ยวไม่มีแรงไปเที่ยวพรุ่งนี้นะ”

“นินลุกเดินไปเองได้ครับ”อย่าทำแบบนี้ผมอายจะแย่แล้ว

“ไม่เป็นไรพี่อยากอุ้ม”แล้วพี่เทียนก็อุ้มผมท่าเจ้าสาวไปที่เตียงกว้าง อ๊ายเหมือนส่งตัวเข้าหอเลยอายจัง

“จุ๊บ นอนนะคุณกระต่ายอย่าเที่ยวไปกระโดดเล่นที่ไหน พี่ไปก่อนอาบน้ำก่อนนะไม่ไหวแล้ว”อะพี่เทียนคนบ้า ผมรีบหยิบผ้าห่มขึ้น
มาห่มแล้วซุกหน้าลงบนหมอน

“ฮึ ฮึ ฮึ”เสียงพี่เทียนหัวเราะแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

เฮ้อ หัวใจของผมเต้นแรงจังเลยเหมือนผมจะทะลุออกมาจากอกซะให้ได้อย่างไงอย่างนั้น ผู้ชายคนนี้อันตรายกับหัวใจของผม

จริงๆ ใช่ทุกๆอย่างที่เขามันชัดเจน มันชัดเจนจนเหมือนอยู่ตรงหน้าผม เขาดูแลผมไม่ใช่หน้าที่ไม่ใช่เพราะเหตุผลอย่างอื่นแต่เขา

รัก..รักผมเขารู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกแต่ผมมันโง่เอง ฮึก ฮือ ดีใจ ดีใจจังเลยดีใจจนอยากกระโดดดึ๋งดึ๋งเป็นคุณกระต่าย ถ้านี่เป็น

ความฝันก็คงเป็นฝันที่ผมไม่อยากตื่นอยากหลับไปนานๆตลอดกาลก็ได้

“คุณกระต่ายหลับรึยัง พี่ขอนอนกอดหน่อยนะ ฟอด จุ๊บ”พี่เทียนกลับออกมาจากห้องน้ำแล้วเขามุดเข้ามาผ้าห่มผมสวมกอดผมไว้

จากด้านหลังแล้วก้มหอมที่แก้มผมและจูบเบาที่ขมับผมเบาๆเหมือนที่เขาทำบ่อยๆ อบอุ่นจังเลยอุ่นไปถึงหัวใจนี่สิคืออ้อมกอด

ของผม นี่สินะคือที่ของผม รู้สึกหวงอ้อมกอดนี้จังเมื่อผมได้มันมาแล้วผมจะรักษามันให้ดีและจะไม่มีวันปล่อยอ้อมกอดนี้ไปอีก

เสียงลมหายใจของเขาที่ดังอย่างสม่ำเสมอดังเป็นจังหวะเสียงหัวใจของเขาที่ดังอยู่ข้างหูไม่รู้ว่าความเหนื่อยล้าหรือความสุขที่มัน

เอ่อล้นอยู่ในตัวผม กดทับลงมาบนร่างกายผมทำให้ต้องเข้านิทราพร้อมอ้อมกอดคนตัวโตที่หลับไปก่อนหน้าอย่างช้าๆ ต่อแต่นี้ไป

ฝากช่วยดูแลหัวใจของผมให้ดีดีด้วยนะครับที่รักของผม 



                                                                มีต่อข้างล่าง


ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


                                                                        ต่อจากด้านบน


นี่มันความฝันรึเปล่านะเสียงนกร้องไก่ขันแว่วมาแต่ไกล เอก อี เอ๊ก เป็นสัญญาณให้รู้ว่าตอนนี้เข้าสู่วันใหม่อากาศเย็นสบายซุกตัว

ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ผมกำลังนอนมองหน้าคนตัวโตที่นอนอยู่เตียงเดียวกันเขานอนอยู่ข้างๆหนุนหมอนใบเดียวกัน ห่มผ้าห่มผืน

เดียวกันไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้นอนบนเตียงเดียวกันกับเขา แต่ครั้งนี้มันมีอะไรที่มากกว่านั้น เขากำลังนอนหลับตาอยู่อยากรู้จังเลยว่า

เขากำลังฝันถึงเรื่องอะไรอยู่ฝันถึงใครอยู่ ไม่รู้ว่ามีผมอยู่ในนั้นบ้างรึเปล่าน้า รู้สึกอิจฉาคนที่เขาคนนี้กำลังฝันถึงจังเลย คิ้วหนาตา

ที่มีขนตายาวเป็นแพจมูกโด่งที่กดดมกลิ่นของผมบ่อยๆริมฝีปากได้รูปที่จูบผมเมื่อคืน อ๊ายแค่คิดผมก็เกิดอาการหน้าเลือดขึ้นมา

ทันทีคนบ้า

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณกระต่าย จุ๊บ”อ้าวไม่ได้หลับอยู่รึไงพี่เทียนลืมตาขึ้นส่งยิ้มให้ผมแล้วดึงผมเข้าไปกดจูบที่ริมฝีปาก

“อะ..อรุณสวัสดิ์ครับพี่เทียน”ผมหาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ

“ทำไมตื่นเช้าจังคุณกระต่ายตื่นเต้นจะได้ไปเที่ยวหรอครับ”ผมไม่ใช่เด็กนะจะได้ตื่นเต้นเวลาออกไปเที่ยว จะให้บอกยังไงว่ามันตื่น

เต้นดีใจที่ได้อยู่กับพี่เทียนแล้วนอนไม่หลับ บวกกับฝันร้ายเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว เมื่อนอนไม่ได้ก็ตื่นมามองคนตัวโตนอนดีกว่า

มีความสุขไปอีกแบบผมยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แล้วเดินไปที่ประตูเลื่อนผ้าม่านออกเปิดประตูออกไป ความรู้สึกแรกที่ผมสัมผัส

ได้หนาวมากมีลมเย็นๆพัดมาด้วย มองตามอากาศเห็นละอองน้ำในอากาศ ผมว่าน่าจะเป็นหมอก ที่พักของพวกผมเป็นรีสอร์ทอยู่

บนเขา ให้ตายเถอะทะเลหมอกยามเช้าสวยมาก

“คุณกระต่ายออกมาข้างนอกไม่สวมเสื้อไม่หนาวหรอครับ”พี่เทียนเดินออกมาสวมเสื้อคลุมให้ผมเขากอดผมจากด้านหลังแขนทั้ง
สองข้างกอดอยู่ที่เอวของผม

“สวยจังเลยครับพี่เทียน”

“ชอบไหมถ้าชอบคราวหน้าเราชวนคุณย่าและคนอื่นมาด้วย”อ้า เป็นความคิดที่ดีนะครับแต่ถึงวันนั้นผมคงต้องมีเรื่องที่บอกทุกคนให้รู้เสียก่อนไม่อย่างนั้นผมคงเดินหน้าต่อไปไม่ได้

“ลงข้างล่างกันเถอะ น่าจะถึงเวลาอาหารเช้าแล้วล่ะ”อ้า พระอาทิตย์ขึ้นมาแล้วกำลังยิ้มแฉ่งเชียว

พวกเราจัดการล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย เดินลงไปรวมตัวกับทุกคนในห้องอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ เมื่อวานรีบเข้า

ที่พักจนไม่มีโอกาสได้เดินรอบๆที่พัก ผมว่าที่นี่บรรยากาศเป็นกึ่งๆโรงแรมรีสอร์ต

“น้องนินวันนี้เป็นคุณกระต่ายหรอ”ผมกับพี่เทียนนั่งลงโต๊ะที่สี่หนุ่มนั่งอยู่ผมไม่เห็นสาวๆ

“คุณกระต่ายนั่งอยู่นี่ก่อนพี่ไปตักอาหารมาให้”

“ขอบคุณครับ”

“แหมหวานแต่เช้าเลยนะมึง อิจฉาว่ะ”พี่ฟรอยด์อ๊ะพี่ฟรอยด์ก็รู้ด้วย

“อย่างมึงนะไอ้ฟรอยด์อิจฉากูกูเห็นมึงควงแต่ละคนไม่ซ้ำหน้า”ใช่ๆแต่ละคนหน้าตาดีๆทั้งนั้นเป็นพี่นั่นแหล่ะเอาเค้าแล้วทิ้งคนนิสัยไม่ดี

“แต่ก็ไม่ได้จริงจังนี่หว่า”พี่ฟรอยด์

“มึงหรือพวกเค้าที่ไม่ได้จริงจังกันแน่”เริ่มต้นกันด้วยความไม่จริงใจมันก็ต้องจบลงแบบนั้นเป็นธรรมดาครับพี่แหมพูดซะเหมือนคนผ่านความรักมาซะเยอะเลยนะเรานะเรื่องตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย แหะแหะ

“เออ มึงนี่รู้จักเหมือนมานั่งอยู่ในใจกูเลยนะ”พี่ฟรอยด์

“ไป ไปน้องหิวแล้ว”อ้าวพี่เทียนเกี่ยวอะไรกับผมสองหนุ่มเดินไปตักอาหารแล้ว

“ไอ้เทียนดูมันรักเรามากเลยนะ ไม่เคยเห็นมันมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ววันๆเห็นทำแต่งานถ้าไอ้ฟรอยด์บอกให้ชวนเรามาด้วยถ้าไม่อย่างนั้นไอ้เทียนก็คงไม่มา”พี่กัปตัน

“ครับ”

“พี่ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนไอ้เทียนเป็นคนจริงจังจริงใจ คบใครคบทีละคนแต่เราเป็นคนแรกที่ทางบ้านรู้และพาไปไหนมาไหนด้วย ถ้ามันไม่แน่ใจมันไม่เคยให้พวกพี่เห็นหน้าหรอกแต่ลองมาเปิดตัวบ่อยๆอย่างนี้ชัวร์แน่นอน”พี่วัฒน์

“แฟนคนเก่าที่เลิกไปเพราะมันไม่มีเวลาให้เค้า อีกอย่างมันก็ไม่ยอมบอกจนพวกพี่ต้องตามไปถึงรู้เค้าเข้ามาหามันเพราะเงินและหน้าตา”พี่ต้นตอ

“พวกพี่ทุกคนรู้ว่าไอ้เทียนชอบแบบไหนพวกพี่ไม่ได้รังเกียจเข้าใจมัน”พี่วัฒน์

“ยังไงฝากดูแลเพื่อนพี่ด้วยแล้วกัน”พี่กัปตัน

ปกติพี่ๆจะพูดเล่นพูดจาไร้แก่นสารพูดจาไร้สาระไปวันๆ แต่วันนี้พูดอะไรที่มีสาระขึ้นมาดูเป็นคนละคนเลย ออกแนวจะบอกให้รู้ว่า

ถ้าทำให้เพื่อนพี่เสียใจ น้องไม่ตายดีแน่หรือจะบอกว่าน้องโชคดี ที่ได้พี่เทียนเป็นแฟนอะไรประมาณรึเปล่านะ

“ขอนั่งด้วยนะคะหนุ่มๆ”สามสาววางจานอาหารลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนเก้าอี้ออกนั่ง

“คุณเทียนคะตรงนี้ยังว่างค่ะ”พี่เทียนเดินกลับมาที่โต๊ะในมือถือจานมาสองใบ พี่เทียนหันหน้ามามองผม ผมยิ้มให้บอกให้พี่เทียน
ไปนั่งเถอะผู้หญิงอุส่าให้ท่าแล้ว ไม่ใช่อุส่ามีที่ว่าง ผมรับจานอาหารที่พี่เทียนยื่นให้

“คุณเทียนวันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ”ผมล่ะอยากหัวเราะกับท่าทางชัดเจนของผู้หญิงคนนี้ซะเหลือเกิน

“หรอคะน่าสนุกจังเลย อุ๋ยขอโทษคะน้องนินพี่ไม่ได้ตั้งใจ”ผมก็ว่าผมอยู่เฉยๆนะไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเช็ดหรอกครับ”น้ำส้มหกใส่ผมครับ เธอพยายามช่วยผมเช็ดแต่ดูเหมือนมันไม่ใช่อย่างนั้น

“นินขึ้นไปอาบเถอะ”พี่เทียนจูงมือผมขึ้นห้อง ชุดคุณกระต่ายของคุณแม่ซื้อมาให้จากเมืองนอกเลอะหมดเลยดีนะที่เป็นแค่น้ำส้มถ้าเป็นซุปหรือข้าวต้มไม่จบแค่นี้แน่

“เป็นอะไรมากไหม”

“ไม่เป็นไรมากครับแค่โดนน้ำส้มหกใส่”

“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเดี๋ยวออกไปหาอะไรกินข้างนอก”

“ครับ พี่เทียนจะลงไปทานต่อก็ได้นะครับ”

“นินอยู่นี่ไม่ได้อยู่ข้างล่างอีกอย่างพี่ก็รำคาญ”แหมน่ารักจังเลยครับแฟนใครไม่รู้ แต่ที่แน่ๆน่าจะเป็นแฟนผมนะ

เปิดกระเป๋าเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่วันนี้แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ยืนมองตัวเองในกระจกดูรอยเปื้อนจากน้ำส้ม อ้าผู้หญิงคนนี้เธอ

ต้องการประกาศสงครามกับผมรึเปล่านะ หรือแค่อุบัติเหตุเท่านั้นผู้หญิงนี่น่ากลัวแบบนี้ทุกคนรึเปล่านะ ถอดเสื้อผ้าออกใช้หมวก

คลุมอาบน้ำครอบผมไว้ แล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำเปิดฝักบัวล้างตัวให้เปียกปิดฝาขวดครีมน้ำอาบกลิ่นที่ผมชอบลูบไล้ไปทั่วตัวให้

เกิดฟองกลิ่นหอมๆฟองนุ่มๆ อาบแล้วรู้สึกเพลินดีเปิดน้ำจากฝักบัวล้างฟองครีมอาบน้ำออกให้หมดจนเหลือแต่ผิวเนียนนุ่มอม

ชมพู หยิบผ้าเช็ดตัวซ้ำหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามผิวแล้วใช้ครีมบำรุงทาลงไปที่ผิวโลชั่นเนื้อบางเบา แต่บำรุงล้ำลึกกำลังซึมซาบเข้าสู่

ผิว กลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวจะอยู่บนตัวทั้งวันตามที่เขาโฆษณาในโทรทัศน์  จากนั้นจึงสวมเสื้อผ้าเดินออกจากห้องน้ำเห็นพี่

เทียนกำลังนั่งดูโทรทัศน์ อยู่บนโซฟาตัวใหญ่

“พี่เทียนครับห้องน้ำว่างแล้วครับ”ผมนั่งลงข้างพี่เทียน

“เปลี่ยนเสื้อกลายคุณหมูแล้ว หอมจังเลย”

“กลิ่นปกตินี่ครับนินก็ใช้กลิ่นนี้บ่อย”

“ต้องพิสูจน์พี่จำกลิ่นของนินได้”พูดซะติดเรทมากเลยพี่เทียน เขาพยายามจะเข้ามาดมกลิ่นจากตัวผมแต่ผมเป็นฝ่าเขยิบออกให้
ห่างจากเขา พี่เทียนครับกลิ่นผมผมรู้ครับ

“หิวไหมเดี๋ยวรอแปบหนึ่งพี่อาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงไปหาอะไรกินกัน”

“ครับ”ผมรับคำพี่เทียนแล้วเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

ก๊อก ก๊อก มีคนมาเคาะประตู

“เอาอาหารมาส่งครับ”

“เอ่อ ไม่ได้สั่งนะครับส่งผิดห้องรึเปล่าครับ”พนักงานยื่นโน้ตให้ผมอ่านอ้อ

“งั้นเชิญเลยครับวางไว้บนโต๊ะได้เลย”พนักงานหนุ่มเดินถือถาดอาหารวางลงที่โต๊ะหน้าโซฟาแล้วเดินออกไป อาหารที่วางอยู่บน
โต๊ะเป็นข้าวผัดหนึ่งจาน พร้อมตกแต่งอย่างสวยงามอีกจานเป็นสลัดผักจานที่สามเป็นผลไม้สดน่าตาน่าทานมากผมหยิบผลไม้ขึ้นมากิน

 “นิน กินอะไร”อื้อพี่เทียนอย่าทักดิเกือบสำลักแล้วไหมล่ะผู้ชายตัวโตแต่งตัวเรียบร้อยเดินตัวหอมออกมาจากห้องน้ำรู้สึกว่ากลิ่นนี้มันกลิ่นครีมอาบน้ำผมรึเปล่านะ

“สตอเบอรี่อร่อยนะครับ เดี๋ยวนินหยิบให้ชิม”ผมยื่นสตอเบอรี่เข้าปากคนหน้าหล่อ

“เอ่อ พี่เทียนครับนั่นมันนิ้วผมไม่ใช่สตอเบอรี่”เขาทั้งดูดทั้งเลียนิ้วมือผมใหญ่เลย รู้สึกจักกะจี้เหมือนมีกระแสไปวิ่งผ่านไปทั่วตัวยังไงไม่รู้

“อ้าวหรอมิน่ามันหนุ่มๆหวาน ขนาดนิ้วยังนุ่มยังหวานขนาดนี้ถ้าเป็นที่อื่นจะนุ่มจะหวานเหมือนนิ้วไหมนะอยากลองชิมดูบ้างจัง ฮึ พี่เทียนทำหน้าหื่นใส่ผมอีกแล้ว

“พี่ฟรอยด์สั่งอาหารมาให้ครับ”

“อ้าวหรอพอดีเลย”เอ่อคือแล้วทำไมต้องมานั่งเบียดผมด้วย

“กินรองท้องก่อนแล้วกันเดี๋ยวไปเที่ยวแล้วเราไปหาอะไรอร่อยทานกัน”ผมหยิบสลัดผักกับผลไม้เข้าปาก ตามโปรแกรมที่คุยกัน
วันนี้จะขึ้นดอยไปไหว้พระธาตุ หลังจากนั้นไปที่ไหนอันนี้จำไม่ได้เราทั้งคู่นั่งทานข้าวด้วยกันเงียบเงียบรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน

ไม่นานอาหารตรงหน้าก็หมดลงผมมองดูเวลาน่าจะใกล้ที่เรานัดรวมพลกันแล้ว ผมกับพี่เทียนจึงพากันเดินลงมาจากห้องไปเดินเล่นรอคนอื่นไม่ยังลงมาจากห้อง

“พี่เทียน แช๊ะ”ผมถ่ายรูปพี่เทียนขณะที่กำลังเดินเล่นดูรอบๆบริเวณรีสอร์ท

“อ้า แอบถ่ายรูปคนหล่อได้ไงไหนไหนให้พี่ดูหน่อย”ผมยื่นกล้องให้พี่เทียนเปิดเลื่อนดูภาพที่ผมถ่าย ภาพผู้ชายหน้าตาดีหันหน้า
มาส่งยิ้มบางๆมาให้ผมวันนี้เขาสวมเสื้อยืดกับเสื้อกันหนาวกางเกงยีนต์รองเท้าผ้าใบ

“ฝีมือดีนิถ่ายรูปสวย เอ๊ะหรือว่าพี่หน้าตาดีน่าจะเป็นอย่างหลัง”ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะแต่มันก็เป็นเรื่องจริงให้อภัยได้ พี่เทียน

สวมกอดผมจากด้านหลังใช้คางวางไว้บนไหล่ผม มือทั้งสองข้างถือกล้องกดปุ่มบนกล้องเลื่อนดูสภาพอากาศยามเช้ายังหนาว

มาก บริเวณโดยรอบของรีสอร์ทมีทั้งต้นไม้น้อยใหญ่ สายลมที่พัดมาเอื่อยๆพัดเอาความหนาวเย็นมากระทบใบหน้าของผม

“อากาศตอนเช้ายังหนาวอยู่เลย เสื้อบางไปไหม แก้มเย็นจังจับมือก็เย็น”พีเทียนใช้มือจับแก้มและมือของผม

“ไม่เป็นครับเดี๋ยวสายแล้วอากาศก็อุ่นขึ้น”ผมสวมเสื้อแขนยาวสวมทับด้วยเสื้อแขนสั้นมีหมวกกับกางเกงยีนต์สีซีดรองเท้าผ้าใบ

“มาเที่ยวด้วยกันแต่เรายังไม่มีรูปคู่ไปอวดคุณย่าเลย”พี่เทียนพูดอยู่ข้างๆหูผมแต่มือยังกดเลื่อนดูภาพในกล้อง

“แล้วจะให้ใครถ่ายให้”ผมหันหน้าไปถามคนที่กำลังกอดผมอยู่

“ไม่ต้อง”อ้าวแล้วจะถ่ายยังไงพี่เทียนผมกำลังขมวดคิ้วงงอยู่พี่เทียนคืนกล้องให้ผมถือไว้ในมือส่วนมือข้างหนึ่ง

ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมา แล้ววางไว้ตรงหน้าหน้าจอปรากฏภาพที่ผมอยู่ในอ้อมกอดโดยมีพี่เทียนยืนอยู่ข้างหลัง พี่เทียนใช้

มือข้างหนึ่งที่ไม่ถนัดกอดเอวผมไว้พี่เทียนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แล้วเลื่อนใบหน้าของเขาเข้ามาแนบชิดกันกับแก้มของผม

เห็นภาพตัวเองในกล้องแล้วอายมากแต่ดูแล้วเหมือนคู่รักกันเลย

“ยิ้มเร็ว”รู้สึกว่ามันใช่รูปคู่แต่มันมองไม่เห็นวิวรอบข้างแล้วจะรู้ได้ไงว่ามาเที่ยว อายไม่รู้ว่าคุณย่าจะมีโอกาสได้เห็นรูปนี้รึเปล่า พี่

เทียนกดถ่ายรูปจนพอใจก็ปล่อยผมออกจากออ้อมกอดแล้วเปลี่ยนไปกดจิ้มๆอะไรสักอย่างที่โทรศัพท์แล้วยิ้มอยู่คนเดียวเขาคง

ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆกับรูปของผมนะ

“มาอยู่กันที่นี่เองไปหาที่ห้องไม่เจอ”พีฟรอยด์เดินมาตามผมกับพี่เทียนทุกคนคงพร้อมกันแล้ว พวกเราเดินไปรวมตัวกับคนอื่นๆที่

ลานจอดรถ พี่เทียนกับเพื่อนกำลังคุยกันถึงเรื่องเส้นทางที่จะไปเที่ยว ส่วนผมก็ถ่ายรูปธรรมชาติบริเวณข้างๆ เช้าๆแดดยังไม่ค่อย

แรงอากาศยังเย็นอยู่

“นินขึ้นรถปะ หนาวมากไหมคุณหมู”ไม่ตอบแต่ยิ้มให้เขาแทนผมเดินตามพี่เทียนไปที่รถ

“คุณเทียนคะ คุณเทียนรอใหม่ด้วยค่ะ”สาวสวยหุ่นดีในชุดรัดรูปสวมรองเท้าสั้นตึกวิ่งมาหาพี่เทียน อืมเสื้อจะรัดไปไหนครับ

“มีอะไรหรอครับ”ผมรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีผู้หญิงคนนี้เข้ามาใกล้ทีไรผมได้เรื่องทุกที

“ขอใหม่ขึ้นรถไปด้วยคนนะคะพอดีเพื่อนอีกคนเขาเมารถนะคะเลยต้องมานั่งข้างหน้าใหม่เลยอยากมาข้างหน้าใหม่ก็เมารถนั่งข้าง

หลังไม่ได้เหมือนกัน”แรงส์ได้อีก แสดงว่าผมต้องเสียสละให้เธอนั่งกับพี่เทียนหรอเนี่ยรู้สึกไม่ค่อยพอใจยังไงไม่รู้ ปฎิเสธได้ไห
มอะ

“งั้นรอสักครู่นะครับ”พี่เทียนเดินไปไหนไหม่รู้ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ยิ้มดีใจเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว

“ยังไงของแปลกก็สู้ของจริงไม่ได้จริงไหม”เธอยิ้มอย่างผู้มีชัย อ้อ จะอวดว่าตัวเองเป็นปอดบวมว่างั้น ผู้หญิงคนนี้รูปร่างเธอสูง
ใหญ่กว่าผมอีกนะแต่ก่อนผมว่านนท์ตัวเล็กแล้วนะมาเจอนินคนละเรื่องเลย

“คุณใหม่ครับ”พี่เทียนเรียก

“คะ.คะไปกันแล้วใช่ไหมคะ”ไม่ค่อยดีใจออกนอกหน้าเลยนะครับ

“ไม่ใช่ครับ แต่คุณใหม่ไปนั่งคันโน้นครับ”หา นี่ผมหูฝาดไปรึเปล่า

“ทำไมละคะ ทำใหม่นั่งคันนี้ไม่ได้”เธอก็ตกใจไม่แพ้กันที่โดนไล่ไปนั่งรถอีกคันทั้งที่ตั้งใจจะมานั่งคันนี้หน้าตาเธอบอกได้ชัดเจน
เลยว่าไม่พอใจอย่างมาก

“น้องไม่สบายน้องนั่งเบาะหลังไม่ได้ เมื่อวานคุณก็เห็นว่าน้องไม่ค่อยสบาย คันนั้นคุณนั่งข้างหน้าได้ไม่มีใครเมารถ”ผมหันไปมองรถอีกคันของพี่กัปตันพี่ต้นตอกับพี่วัฒน์ที่กำลังชะลอรอเธออยู่

“ตะ แต่คุณเทียน”เธอไม่ยอมไปง่ายๆ

“ไปเถอะครับทุกคนจะได้เดินทางซะทีผมว่ามันสายแล้วนะครับ”ว้าวพี่เทียนน่ารัก ผู้หญิงคนนั้นเธอยอมเดินไปขึ้นรถอีกคันด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

“นินนึกว่าจะได้ข้างหลังซะแล้ว”ถอนหายใจออกอย่างโล่งใจ

“ไม่ได้ ใครจะบ้าให้คนที่ตัวเองรักไปนั่งเบาะหลังแล้วให้ใครไม่รู้มานั่งข้างๆ ขึ้นรถเถอะ”พี่เทียนทำหน้าดุตลอดเลยเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเป็นใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ผิดกับเวลาที่อยู่กับผมสองต่อสอง




*********************************************************************


โปรดติดตามตอนต่อไป







ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

สมน้ำหน้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แฟนเขาจะจู๋จี๋กันยังจะมาขัด
ชะนีจะรู้ไหมว่าพี่เทียนเกย์ตั้งแต่เกิด

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เป็นแฟนกันแล้ว ดีค่ะ ไม่ชอบให้นายเอกช้ำใจ  :laugh:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อย่าเยอะนะคุณนี

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สมน้ำหน้าชะนีค่าาา
น้องน่ารักมากมายยยยยย

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต้องชัดเจนอย่างนี้จ้ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด