❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly  (อ่าน 99831 ครั้ง)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
นารี นี่ใช่เฟิร์นรึป่าววววววว

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 18 ✢ นารีขี่ม้าขาว



เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วแว่วเข้ามาในห้วงสำนึกของผมทีละน้อยๆ ผมรู้ได้โดยความเคยชินว่าถึงเวลาเช้าแล้ว รีสอร์ทของผมมีต้นไม้ปลูกไว้ทั่วทุกบริเวณ จึงกลายเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่านกกาน้อยใหญ่ พวกมันตอบแทนคืนกลับมาด้วยเสียงร้องใสๆ ทุกวันๆ และสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศน์ของที่นี่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

สิ่งแรกที่ผมทำในตอนเช้าก็คือหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ บทรักของเราเมื่อคืนนี้คงทำให้เจ้าตัวหลับฝันหวานไม่น้อย แต่พอหันไปมองแล้วก็ต้องแปลกใจที่คนที่ผมคาดว่าจะได้เจอกลับไม่อยู่เสียแล้ว ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที จากนั้นก็ถลาลงจากเตียงไปดูในห้องน้ำ นัทไม่อยู่ในนั้นเพราะประตูห้องน้ำไม่ได้ล็อกไว้ พอไปดูหลังบ้านหรือหน้าบ้านก็ไม่เห็นนัทเช่นเดียวกัน

ใจคอผมชักไม่ดีเสียแล้ว นัทไปไหน? ร้องเท้าก็ไม่อยู่หน้าบ้าน โทรศัพท์มือถือก็หายไป ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วก็ไปเปิดประตูเสื้อผ้า เสื้อผ้าของนัทหายไปหมดเลย ความจริงก็หายไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว นัทบอกว่าเอาไปส่งซัก พอมองดูหลังตู้ก็พบว่ากระเป๋าเดินทางของนัทหายไปด้วย

นัทหนีผมไปแล้ว!?

ผมรีบกลับมาที่เตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มาโทรหา ได้ยินเพียงเสียงตอบกลับมาว่าหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ นัทปิดเครื่องไปแล้ว

นัทหนีไปไหน!? หนีไปทำไม!?

ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พลันก็เหลือบเห็นซองจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ข้างๆ หมอนของนัท ผมรีบหยิบขึ้นมาดูแล้วแกะออกอ่านทันที

พี่แฟรงค์ เจ้าชายใหญ่ของนัท

ก่อนอื่นนัทต้องขอโทษพี่แฟรงค์ด้วยที่ทำให้พี่แฟรงค์ตกใจที่ตื่นมาแล้วไม่เจอนัท
ขอโทษที่ตัดสินใจปล่อยมือไปกะทันหัน นัทไม่สามารถทนความรู้สึกผิดในใจได้อีกต่อไปแล้ว
นัททำผิดบาปกับเพียวไว้มากเพราะไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเองจนต้องยอมผิดศีลข้อสาม
นัทรู้สึกละอายใจจริงๆ บาปกรรมนี้คงติดอยู่ในใจนัทไปอีกนาน
ต่อให้สมหวังได้อยู่กับพี่แฟรงค์ นัทก็ไม่รู้ว่าจะมีความสุขจริงๆ ได้หรือเปล่า
พี่แฟรงค์...
ขอให้นัทลงโทษตัวเองด้วยความสูญเสียนี้นะ
เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่สาสมที่สุดกับความผิดที่นัทได้ทำไป

นัทไม่รู้ว่าความรักของนัทที่มีให้พี่แฟรงค์เป็นรักแท้หรือเปล่า
เพราะวันนี้นัทเลือกที่จะปล่อยมือจากพี่ แต่นัทก็รักพี่แฟรงค์มาก และจะไม่รักใครอีก
นัทขอยอมเป็นคน "ไร้รัก" ตลอดชาตินี้ถ้าเราสองคนไม่ได้อยู่เคียงคู่กัน
หัวใจของนัทอยู่ที่พี่แฟรงค์เสมอ เหมือนที่นัทเคยเก็บไว้ให้ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา
และจะเก็บไว้อย่างนี้จนชั่วชีวิต

ขอโทษที่นัทต้องเป็นอีกคนหนึ่งที่บีบบังคับพี่แฟรงค์
พี่แฟรงค์กลับไปอยู่กับครอบครัวนะ พวกเขาคือคนที่อยู่กับพี่แฟรงค์มาตลอดชีวิต
พวกเขาต้องการพี่แฟรงค์มาก อย่าทิ้งพวกเขาเพื่อนัทเลย
นัทคงไม่สบายใจเลยถ้ารักของเราทำให้คนอื่นเจ็บปวดหรือสูญเสีย

นัทไม่บังคับให้พี่แฟรงค์รักเพียวหรอก พี่แฟรงค์จะรักคนอื่นหรือไม่รักใครเลยก็ได้
แต่นัทก็ต้องขอโทษอย่างสุดหัวใจที่ต้องบอกพี่แฟรงค์ว่า
วันที่นัทจะกลับมาหาพี่แฟรงค์อีกครั้งก็คือวันแต่งงานของพี่แฟรงค์กับเพียวเท่านั้น
ถ้าไม่มีวันนั้น เราสองคนก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลยในชาตินี้

ขอโทษอีกครั้งที่ปล่อยมือพี่แฟรงค์ นัทรู้ว่าพี่แฟรงค์เสียใจ นัทก็เสียใจ
เสียใจจนไม่มีน้ำตามากพอที่จะร้องไห้แล้ว

ขอให้รู้ไว้เสมอว่า น้องชายคนนี้รักพี่ชายคนนี้สุดหัวใจ
นัทจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาดีๆ ของเราทั้งในวัยเด็กและปัจจุบันจนชั่วชีวิต
นัทจะขอเก็บความทรงจำดีๆ ของเราไว้หล่อเลี้ยงหัวใจจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ไม่ต้องตามหานัทนะ นัทไม่ไปอยู่ในที่ที่พี่แฟรงค์หาเจอหรอก
นัทจะมาหาพี่แฟรงค์เองวันที่ 10 มกราคม วันแต่งงานของพี่แฟรงค์กับเพียว

พี่แฟรงค์เข้มแข็งและดูแลตัวเองดีๆ นะ มีความสุขสดใสและสำเร็จในทุกสิ่งที่หวัง
ไม่ต้องห่วงนัทนะ เจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์เติบโตและเข้มแข็งแล้ว

ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณความรักของพี่ที่มีให้อย่างไม่จำกัด
ขอบคุณที่ทำให้หัวใจของนัทอบอุ่นไปด้วยความรักเหมือนวันคืนเก่าๆ ของเรา
นัทโชคดีที่สุดแล้วที่ได้เกิดมาเป็นน้องที่พี่รัก

ขอบคุณครับพี่ชาย ผมจะไม่ลืมพี่แฟรงค์นะครับ

นัท


ผมวางจดหมายนั้นลงบนเตียงด้วยมือไม้สั่นเทา น้ำตาไหลลงมาโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องสั่ง เจ็บเหมือนถูกใครสักคนแล่หัวใจแล้วเอาเกลือทาซ้ำ

"ทำไมต้องบีบบังคับพี่ขนาดนี้ล่ะนัท" ผมรำพึงรำพันเบาๆ "พี่จะรักคนอื่นได้ยังไง ถึงไม่มีนัท ชีวิตพี่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว"

ผมพับจดหมายของนัทใส่ซองเก็บไว้ มองไปรอบๆ ห้องแล้วก็อดคิดถึงนัทไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งผมก็เจ็บเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เราก็สัญญากันแล้วว่าจะไม่ปล่อยมือกัน ทำไมนัทถึงปล่อยมือผมไป นัทไม่เชื่อใจว่าผมจะแก้ปัญหาได้อย่างนั้นหรือ

ผมเพิ่งพูดกับนัทไปเมื่อคืนนี้ว่าถ้าเราไม่พยายามเพื่อความรัก ก็อย่ามีความรักเสียดีกว่า แล้วที่นัทไม่พยายาม ไม่อดทนอยู่กับผม มันจะแปลว่าอะไร!?

... ... ...

ผมโทรไปยกเลิกเข้าร่วมงานประชุมกะทันหัน ทางนั้นก็เสียดายเพราะอยากให้ผมไปร่วมแสดงความคิดเห็นเหมือนเช่นทุกปี แต่สภาพจิตใจอย่างนี้ผมคงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นดีๆ ได้

พออาบน้ำแต่งตัวแล้วผมก็ขับรถออกไปจากรีสอร์ท มุ่งหน้าไปที่คอนโดของนัทแถวๆ รัชดาที่ผมเคยไปมาแล้วสองครั้ง ระหว่างทางก็โทรหาปอนด์ไปด้วย

"สวัสดีครับพี่แฟรงค์ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" เสียงปอนด์ตอบกลับมาอย่างสดใสเมื่อผมทักทายไป

"ปอนด์ นัทไปหาปอนด์หรือเปล่า" ผมถามทั้งๆ ที่มั่นใจมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่านัทคงไม่ได้ไปหาปอนด์หรอก

"ไม่ครับ นัทไม่ได้มาหาผมเลยพี่ เค้ากลับบ้านหรือเปล่าครับ เอ...แต่วันนั้นคุยกันเห็นว่านัทยังจะทำต่ออีกหน่อย ถ้าจะกลับบ้านก่อนก็น่าจะบอกพี่แฟรงค์นะครับ" ปอนด์สงสัยและตอบคำถามให้ตัวเองเสร็จสรรพ

"นัทเค้าหายไปน่ะปอนด์ พี่ไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหนตอนนี้" ผมบอกด้วยน้ำเสียงกังวล "ปอนด์พอจะรู้จักเพื่อนคนไหนของนัทที่นัทน่าจะสนิทพอจะไปพักอยู่ด้วยได้บ้างมั้ย"

"อืม...ก็หลายคนอยู่นะครับ เดี๋ยวผมโทรเช็คให้ ถ้าได้ข่าวเดี๋ยวผมจะโทรไปบอกพี่แฟรงค์อีกที ว่าแต่...ทำไมนัทหายไปล่ะครับ"

ผมถอนหายใจ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปอนด์เข้าใจความสัมพันธ์ของผมกับนัทมากแค่ไหน

"เรื่องมันยาวน่ะปอนด์ พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง"

"จริงๆ ผมก็พอจะรู้เรื่องของพี่แฟรงค์กับนัทมาบ้างแล้วล่ะครับ พอดีผมสังเกตดูแล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ก็เลยลองถามนัท นัทเค้าก็...บอกผมมาตรงๆ"

"อ้อ" พูดไปแล้วผมก็ชักไปไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

"ทะเลาะกันเหรอครับ นัทเค้าถึงหนีไป ขอโทษนะพี่ที่ถามละลาบละล้วง" ปอนด์ทำน้ำเสียงเกรงใจ

"เปล่าหรอก นัทเค้าคงไม่สบายใจน่ะปอนด์ เพราะนัทเค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นมือที่สามไง"

"อ้อ"

"แต่พี่เลือกนัทแล้วนะปอนด์ พี่กำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่ แต่มันยังแก้ไม่ได้ พี่พยายามจะยกเลิกงานแต่งงานกับเพียว แต่มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่คิดไว้เยอะเลย พี่คงเล่าให้ฟังไม่ได้ แต่เอาเป็นว่า...พี่จะทำทุกวิถีทางให้ยกเลิกให้ได้"

"ครับพี่ ผมเอาใจช่วยนะครับ ผมว่า...ถ้านัทได้อยู่กับพี่แฟรงค์ก็ดีนะ พี่แฟรงค์ดูรักนัทมากเลย นัทเองเค้าก็รักพี่แฟรงค์มาก ที่วันนั้นเค้าเมาจนไม่ได้สติ ก็เพราะเค้ากลุ้มใจที่เค้าห้ามตัวเองไม่ให้รักพี่แฟรงค์ได้นี่แหละครับ เดี๋ยวผมจะส่งข่าวให้นะพี่"

"ขอบใจมากปอนด์"

"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมยินดีช่วยเต็มที่ครับ"

ผมวางสายแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ช่วงสายๆ วันธรรมดารถยังคงติดอยู่พอสมควร แต่ก็พอขับไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งผมพาตัวเองมาจนถึงคอนโดของนัท จอดรถไว้ข้างๆ อาคารที่พอมีที่ให้จอดแล้วก็เดินขึ้นบันไดไป

ผมถามเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกพร้อมกับเอารูปนัทให้ดูด้วย ก็ได้รับคำตอบว่านัทยังไม่กลับมา พอโทรขึ้นไปบนห้องของนัทก็ไม่มีใครรับสาย ก็คงเป็นอย่างที่นัทบอก นัทไม่ได้อยู่ในที่ที่ผมจะตามหาเจอได้

ก็เหลือที่บ้านของนัทเท่านั้นที่ผมยังไม่ได้โทรหา ว่าแล้วผมก็เดินไปยังสวนที่จัดไว้ตรงกลางคอนโดสำหรับให้ผู้อยู่อาศัยได้พักผ่อน มีม้านั่งและโต๊ะเก้าอี้จัดไว้ตามมุมต่างๆ กระจายอยู่หลายจุด ผมเลือกนั่งหนึ่งในนั้นแล้วก็ยกโทรศัพท์โทรหาแม่ของนัททันที

"สวัสดีครับน้านวล น้านวลสะดวกคุยมั้ยครับ" ผมถามด้วยคำถามเริ่มต้นที่มักใช้บ่อยๆ

"แฟรงค์เหรอลูก สะดวกจ้ะๆ มีอะไรเหรอลูก แฟรงค์สบายดีมั้ย" น้ำเสียงของน้านวลฟังดูสดใส เหมือนไม่มีเรื่องกังวลใดๆ ทำให้ผมพอเดาได้ว่าน้านวลน่าจะยังไม่รู้เรื่องที่นัทหายไป

"สบายดีครับน้านวล น้านวลล่ะครับ"

"สบายดี แต่ก็เริ่มปวดๆ เมื่อยๆ ตามประสาคนแก่นั่นแหละ" น้านวลขำเบาๆ

"อ๋อ...ถ้างั้นน้านวลต้องให้นัทช่วยนวดให้แล้วล่ะครับ นัทเค้านวดเก่งมาก ยังเคยนวดให้ผมเลย"

"โอ๊ย...เค้าไม่มีเวลามานวดให้น้าหรอก เจอกันปีละครั้งสองครั้งเอง มาทีก็อยู่ไม่กี่วัน มาแป๊บๆ ก็ไปแล้ว น้าน่ะอยากให้เค้ามาอยู่นี่มาก จะได้ช่วยกันทำร้านขนมจีน ได้เงินเยอะกว่าทำงานประจำอีก แล้วน้าก็ซื้อที่ไว้ที่ภูทับเบิกหลายไร่ ก็กะว่าจะให้เค้ามาทำรีสอร์ทนั่นแหละ ถ้าเค้าพร้อมเมื่อไหร่น้าก็จะกู้ธนาคารให้ เครดิตน้าดีนะ มีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาขอให้น้าเอาเงินไปฝากหลายเจ้าเลย" น้านวลพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจตอนท้าย

"อ้อ...ดีเลยครับ" แล้วผมก็เงียบไปสักพัก "น้านวลครับ นัท...จะกลับไปที่บ้านวันนี้หรือเปล่าครับ"

"เอ...ไม่เห็นเค้าโทรมาบอกเลยว่าจะมาวันนี้ อีกสามสี่วันไม่ใช่เหรอ น้าจำได้ว่านัทบอกว่าจะมาอีกสามสี่วัน มีอะไรหรือเปล่าแฟรงค์"

น้ำเสียงสงสัยทำให้ผมชักใจคอไม่ค่อยดี ผมทำลูกชายน้านวลหายไปทั้งคน ไม่รู้ว่าจะโกรธผมหรือเปล่า

"น้านวล ผมมีเรื่องอยากสารภาพกับน้านวลครับ ไม่รู้ว่าน้านวลจะคิดยังไง แต่มันก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้น"

ถ้าผมไม่บอกเรื่องสำคัญนี้ น้านวลคงไม่เข้าใจแน่ๆ ว่าทำไมนัทถึงต้องหนีหน้าไป แม้ไม่รู้ว่าน้านวลจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่ผมหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงแล้ว

"อ้อ...มีอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าแฟรงค์ชอบลูกชายของน้า"

"น้านวลรู้ด้วยเหรอครับ!" ผมถามกลับทันทีด้วยความตกใจ ฟังดูก็รู้ว่าน้านวลไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ

แม่ของนัทขำเบาๆ แล้วก็เฉลยให้ฟัง "ตอนนัทกับแฟรงค์เรียนด้วยกันที่นี่ คนที่ตลาดเค้าพูดกันว่านัทกับแฟรงค์สนิทกันเกินเพื่อนหรือพี่น้องไปแล้ว เค้ายังบอกให้น้าระวังเลยว่าสองคนนี้จะชอบกัน แต่น้าก็เฉยๆ นะ ไม่ว่านัทจะเป็นอะไร นัทก็เป็นลูกของน้า ตอนที่แฟรงค์ไปเรียนที่กรุงเทพ น้าเห็นแล้วว่านัทไม่ได้คิดถึงแฟรงค์อย่างพี่ชายหรือเพื่อนหรอก เค้ารักแฟรงค์ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วล่ะ น้าก็นึกว่าเค้าจะลืม แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่ลืม แฟรงค์เองก็ไม่ลืมน้องเหมือนกันนี่ น้ายังเคยสงสัยเลยว่าพอแฟรงค์กับนัทมาเจอกันตอนโต ความรู้สึกจะเหมือนเดิมมั้ย เหมือนเดิมใช่มั้ยแฟรงค์"

"เอ่อ...ครับ" ผมตอบอย่างงงๆ นึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นผมกับนัทไปทำอีท่าไหนคนถึงได้สงสัยกันทั้งตลาด

"แล้วแฟรงค์จะทำยังไงล่ะลูก กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว"

"แฟรงค์กำลังพยายามเจรจากับพ่อแม่เรื่องนี้อยู่ครับ ผมบอกพ่อแม่ไปแล้วว่าผมจะไม่แต่งงานกับเพียว เพราะว่า...ผมรักนัท"

"จริงเหรอลูก" ถามด้วยเสียงตกใจแล้วน้านวลก็เงียบไปเหมือนครุ่นคิด

"แฟรงค์...แน่ใจใช่มั้ยลูกว่าจะทำอย่างงี้ เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ"

"แน่ใจครับ ผมอยากเป็นตัวของตัวเองบ้าง ที่ผ่านมา...ผมพยายามที่จะรักผู้หญิงเพื่อให้พ่อกับแม่สบายใจ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากทำอย่างงั้นแล้วครับน้านวล พอผมเจอนัท ผมก็รู้ว่า...ผมอยากอยู่กับนัท อยากดูแลเค้าเหมือนตอนเด็กๆ อีก อยากสร้างชีวิตด้วยกันกับเค้า แต่ว่าตอนนี้...นัทเค้าหายไปครับน้านวล ติดต่อไม่ได้เลย"

"อะไรนะแฟรงค์ นัทเค้าหายไปเหรอ"

น้ำเสียงตกใจของน้านวลทำให้ผมหวั่นใจไม่น้อย

"ครับน้านวล" ผมยอมรับตามตรง

"ผมพยายามโทรหานัทแต่ก็ไม่ติด นัทเค้าคงปิดเครื่อง โทรหาปอนด์แล้ว แต่นัทก็ไม่ได้ไปหาปอนด์ ปอนด์ก็ไม่รู้ว่านัทอยู่ไหน ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโดของนัท เจ้าหน้าที่เค้าก็บอกว่ายังไม่เห็นนัทเข้ามาเลย โทรขึ้นไปที่ห้องก็ไม่มีคนรับสาย"

"ตายจริง มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูก"

"ผมผิดเองครับน้านวล นัทคงไม่สบายใจเพราะคิดว่าตัวเองเป็นมือที่สาม แล้วพ่อกับแม่ผมก็ไม่ยอมให้ผมกับนัทรักกันอย่างงั้นด้วย นัทคงรู้สึกกดดันมากเกินไป ก็เลยหนีไป ผมเดาว่า...น่าจะไปอยู่กับเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ใช่ปอนด์น่ะครับ อ้อ นัทเค้าเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ผมด้วย เค้าบอกว่า...จะมาหาผมในวันแต่งงานของผมกับเพียวเท่านั้น"

แม่ของนัทคงอึ้งเพราะเงียบไปนานเลยทีเดียว

"ผมขอโทษนะครับน้านวลที่ทำให้เกิดเรื่องอย่างงี้ขึ้น ถ้านัทเค้าติดต่อน้านวลมา ฝากบอกนัทด้วยครับว่า...พี่แฟรงค์คิดถึง"

พอพูดคำนี้ไปน้ำตาผมก็พาลจะไหลเสียให้ได้

"แฟรงค์...ไม่ต้องขอโทษน้าหรอกเรื่องนั้น คนจะรักกันมันห้ามไม่ได้ ถึงจะมาช้าเกินไปแต่ก็รักกันไปแล้ว น้าไม่เคยสงสัยเลยนะว่าแฟรงค์รักนัทจริงหรือเปล่า น้าเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แฟรงค์รักน้องมาก ดูแลตามใจเค้าทุกอย่าง นัทเอง...ก็ตามแฟรงค์แจเลย พูดถึงแต่พี่แฟรงค์ จะทำอะไรก็นึกถึงแต่พี่แฟรงค์ แล้วน้าเอง...ก็คงจะหมดห่วง ถ้าลูกชายของน้ามีแฟรงค์คอยดูแล แต่แฟรงค์ก็เข้าใจนัทมันหน่อยนะ น้าเชื่อว่า...นัทเค้ายังรักแฟรงค์อยู่ เค้าไม่ไปไหนหรอก ถ้านัทติดต่อมาหรือถ้านัทกลับบ้าน น้าจะโทรไปบอกแฟรงค์เอง ตอนนี้...แฟรงค์แก้ปัญหาให้เรียบร้อยก่อนละกัน เรื่องนัท...อย่าเพิ่งไปห่วงเค้าเลย รอให้เค้าใจเย็นๆ เดี๋ยวเค้าก็โทรมาหาแม่เค้าเองแหละ เดี๋ยวน้าจะช่วยพูดให้"

"ขอบคุณครับน้านวล"

ผมบอกไปด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจอย่างที่สุด น้านวลช่างต่างจากพ่อกับแม่ผมเหลือเกิน ถ้าพ่อกับแม่ผมเข้าใจผมเหมือนน้านวลเข้าใจนัทก็คงจะดีไม่น้อย

ผมร่ำลาน้านวลแล้วก็ขับรถกลับมาที่รีสอร์ทอีกครั้ง แวะกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารกลางน้ำ จากนั้นตอนบ่ายๆ ก็มาคุยงานกับแก้วตา ผมให้เธอช่วยดูแลงานปรับปรุงรีสอร์ทแทนนัทไปก่อน เพิ่มค่าตอบแทนให้ด้วย แต่เธอก็ไม่ต้องทำอะไรมากแล้วเพราะนัทจัดการพูดคุยเจรจาให้จนหมด เหลือแค่ติดตามความก้าวหน้าให้เป็นไปตามแผนเท่านั้นเอง

พอไม่มีอะไรแล้วผมก็เดินกลับมาที่ที่พักของผมกับนัท เข้ามาดูอีกครั้งเผื่อว่านัทจะเปลี่ยนใจกลับมาหาผม แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา ผมเดินไปนั่งที่เตียง หยิบหมอนของนัทขึ้นมาแล้วก็สูดดมกลิ่นกายที่ยังติดจางๆ อยู่บนหมอนใบนั้น พลันก็นึกถึงใบหน้าเขินอายยามที่ผมสูดหอมดอมดมกลิ่นกายของเจ้าของร่างที่เคยนอนอยู่ตรงนี้

"พี่ปล่อยนัทไปไม่ได้ ชาตินี้...คนที่พี่จะรักและคอยดูแลมีแค่นัทเท่านั้น ถ้าไม่มีนัทแล้ว...พี่ก็คงรักใครไม่ได้เหมือนกัน"

ผมพูดกับหมอนใบนั้นราวกับว่ากำลังพูดกับนัทอยู่ รู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงเจ้าชายน้อยของผมเหลือเกิน ป่านนี้ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จะนอนที่ไหน แล้วใครจะคอยดูแลเอาใจ ใครจะลูบผมด้วยสัมผัสที่แสนพิเศษให้นัทได้อย่างผม ใครจะซื้อไอศครีมยี่ห้อโปรดให้นัทกิน แล้วใครจะนอนเคียงข้างและมอบอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นให้นัทได้อย่างพี่ชายคนนี้

"กลับมาหาพี่นะนัท ไม่ว่านานแค่ไหนพี่ก็จะรอ พี่จะรอนัทคนเดียวนะ เจ้าชายน้อยของพี่"

ผมกอดหมอนของนัทแนบอกแน่น น้ำตาซึมตามขอบตา ถ้าหมอนใบนี้เป็นนัทก็คงจะกอดผมตอบไปแล้ว แล้วนัทก็คงจะยิ้มมีความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชาย แต่ในเวลานี้ผมทำได้เพียงกอดหมอนที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ ไม่แม้แต่จะรับรู้ด้วยซ้ำว่าผมเจ็บปวดสักแค่ไหนที่ต้องสูญเสียคนที่ผมตามหามาทั้งชีวิตไปอีกครั้ง

ฟ้าดินกำลังเล่นตลกอะไรกับผม ได้ของรักกลับคืนมาแล้วกลับให้อยู่ในมือเพียงไม่นาน สุดท้ายก็ฉุดกระชากพรากไปจากมือผมอย่างเลือดเย็น

... ... ...

ผมกลับมาถึงบ้านประมาณสี่โมงเย็น กลับมาถึงก็เจอพ่อมายืนรออยู่ตรงหน้าบ้าน คนอื่นๆ ถอยฉากออกไปไม่มารบกวนแถวนี้เพราะไม่อยากโดนพ่อผมดุ น่าแปลกที่คราวนี้หน้าตาขึงขังของพ่อไม่ทำให้ผมรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

"นัทจะกลับบ้านวันไหน ก่อนกลับ พานัทมากินข้าวที่บ้านเรา พ่อจะเลี้ยงส่งเค้าหน่อย"

น้ำเสียงเรียบๆ ของพ่อทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย เพราะคิดว่าพ่อคงจะโมโหมากกว่านี้ที่ไม่เห็นผมมานอนบ้านหลายวัน

"ไม่ต้องหรอกครับ นัทเค้าไม่อยู่แล้ว เค้าหนีผมไปแล้ว" ผมบอกโดยไม่มองหน้าพ่อ

"หมายความว่าไง นัทหนีไปไหน"

ผมถอนหายใจแล้วก็มองหน้าพ่อ "ผมไม่ทราบครับ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับที่นัทไม่อยู่ ถ้าไม่มีนัท ทุกคนก็คงคิดว่า...ชีวิตผมก็จะเป็นเหมือนเดิม พ่อคิดว่าผมจะเป็นเหมือนเดิมได้เหรอครับ"

"แฟรงค์" พ่อเรียกชื่อผมแล้วก็ยืนนิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

"ผมต้องพรากจากคนที่ผมรักสองครั้งสองครา ไม่เคยมีแม้แต่โอกาสจะได้ร่ำลากัน เมื่อสิบสามปีที่แล้วผมไม่ได้ลาเค้าเพราะคิดว่าจะได้กลับไปหา แต่ก็ไม่ได้กลับไปเลย คราวนี้...นัทก็ทนความกดดันไม่ไหวจนต้องหนีผมไป เราไม่ได้ร่ำลากันซักคำ ผมต้องสูญเสียคนรักอีกกี่ครั้งเหรอครับ พ่อกับแม่ถึงจะเข้าใจผม"

พ่อของผมยืนนิ่งและไม่ยอมพูดอะไรอีกเช่นเคย

"แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะไม่แต่งงานกับเพียว ถึงไม่มีนัท ผมก็กลับไปรักเพียวเหมือนเดิมไม่ได้"

ผมบอกพ่อเสียงหนักแน่นแล้วก็เดินเข้าบ้านไป แม่ยืนดูอยู่ด้วยท่าทางหวาดๆ อยู่ในบ้าน ผมตรงขึ้นไปยังห้องนอนของผมทันทีโดยไม่คุยกับแม่เลย จากนั้นก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมลงมากินข้าวเย็นไม่ว่าใครจะมาเรียก

น้องสาวผมส่งไลน์มาหา คงจะส่งมานานแล้วแต่ผมไม่ได้อ่าน ผมยังไม่ได้ตอบน้องสาวไปทันทีเพราะตอนนี้น่าจะเป็นเวลาตีสองตีสามของที่นั่น ก็เลยนอนก่ายหน้าผากคิดไปเรื่อยๆ คิดถึงนัท คิดถึงตอนเด็กๆ ของเรา คิดถึงตอนที่ผมขี่จักรยานไปหานัทที่บ้านตอนเช้าๆ แล้วเราก็ขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกัน ไม่ว่าผมจะมาช้าหรือมาเร็วแค่ไหน นัทกับผมก็จะรอไปพร้อมกันเสมอ ยกเว้นวันไหนที่ผมไม่สบาย แต่ผมก็มักไม่ค่อยป่วย ปีหนึ่งจะเป็นหวัดหนหนึ่งหรือไม่เป็นเลย

พอถึงตอนเลิกเรียน ผมกับนัทมีจุดที่เราตกลงกันไว้ว่าจะมาเจอกัน ใครมาถึงก่อนก็รอตรงนี้ก่อน พอเจอกันแล้วเราถึงจะขี่จักรยานกลับบ้านด้วยกัน บางวันพอมีเงินเหลือผมก็จะแวะซื้อไอศครีมที่ตลาดให้นัท นัทกับผมมักจะนั่งคู่กันตรงม้านั่งร้านเจ๊กอ๋า ร้านนี้ขายสารพัดอย่างรวมทั้งไอศครีมด้วย ผมซื้อแล้วก็ให้นัทกินคนเดียว ไม่เคยขอนัทกินด้วยเลย เวลาจ่ายเงิน น้าผู้หญิงร้านเจ๊กอ๋าชอบแซวผมบ่อยๆ ว่าซื้อให้แฟนกินเหรอ ผมได้แต่หัวเราะและไม่พูดอะไร

คิดมาถึงตรงนี้แล้วผมก็ยิ่งมั่นใจว่า ผมไม่สามารถสลัดทิ้งความรักที่ผมมีต่อนัทแล้วกลับไปเหมือนเดิมได้ อีกอย่าง ผมคงทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้นัทกลับไปเป็นเหมือนตอนมอหนึ่ง ผมไม่อยากให้นัทรอพี่คนนี้อย่างเดียวดายอีกแล้ว

แต่นัทเอ๋ย...นัทก็ทำพี่เจ็บเหลือเกิน

ผมนอนคิดจนถึงสี่ทุ่ม ลุกขึ้นนั่งแล้วก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรไลน์หาน้องสาว ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าของที่นั่น เฟิร์นก็น่าจะตื่นแล้ว

"พี่แฟรงค์ เป็นไงมั่งคะ นึกยังไงถึงโทรหาเฟิร์นล่ะ"

ได้ยินเสียงใสของน้องสาวแล้วผมก็พอยิ้มได้บ้าง

"พี่มีเรื่องจะปรึกษาหน่อย"

"ปรึกษาเฟิร์นเนี่ยนะ" เฟิร์นทำเสียงไม่เชื่อ

"ไม่ได้เหรอ หรือว่าไม่สะดวก"

"สะดวกค่ะ เฟิร์นแค่ไม่คิดว่าคนเก่งๆ อย่างพี่แฟรงค์จะปรึกษาเฟิร์นไง" เฟิร์นหัวเราะเสียงใส

"เฟิร์นก็เก่งนะ เก่งกว่าพี่อีก เป็นด็อกเตอร์แล้วนะ"

เฟิร์นหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

"เฟิร์น...นัทเค้าหนีพี่ไปแล้ว" ผมตัดสินใจเข้าเรื่องหลังจากที่ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ

"จริงเหรอคะพี่แฟรงค์ ทำไมคะ" เฟิร์นถามด้วยเสียงตกใจ

"เอางี้...เฟิร์นอยากจะฟังเรื่องราวทั้งหมดมั้ย พี่จะได้เล่าให้ฟัง"

"ก็ดีค่ะพี่แฟรงค์ เฟิร์นก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงมันเป็นมายังไง เฟิร์นก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมพ่อไม่ยอมให้เราสองคนกลับไปที่บ้านเกิดอีกเลย เฟิร์นว่าไม่น่าจะเป็นเหตุผลเรื่องธุรกิจอย่างเดียวหรอก"

"ใช่" ผมตอบไปสั้นๆ

จากนั้นผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เฟิร์นฟัง เล่าแม้กระทั่งว่าผมกับนัทมีความสัมพันธ์กันไปแล้ว เฟิร์นขอดูแม้กระทั่งจดหมายที่นัทเขียน ผมก็ถ่ายรูปส่งไปให้เฟิร์นอ่าน เฟิร์นศึกษาเรื่องพฤติกรรมมนุษย์ด้วย ข้อมูลที่ได้ไปน่าจะพอช่วยให้วิเคราะห์อะไรได้บ้าง ความจริงผมก็มีเพื่อนๆ หลายคนที่น่าจะให้คำปรึกษาได้ แต่พอเป็นเรื่องความรักชายกับชาย ผมก็ไม่ไว้ใจมากพอที่จะปรึกษา ก็เหลือแต่น้องสาวคนเก่งของผมนี่แหละ

"อืม...ถามตรงๆ นะคะ พี่แฟรงค์โกรธนัทหรือเปล่าคะ" เฟิร์นถามขึ้นหลังจากที่ผมเล่าไปจนหมดแล้ว

คำถามที่ฟังดูง่าย แต่เอาเข้าจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง

"เสียใจหรือเปล่าคะที่นัทปล่อยมือพี่ไป" เฟิร์นเปลี่ยนคำถามเมื่อเห็นผมเงียบไป

"ก็เสียใจ เสียใจมาก"

"แสดงว่าโกรธ หรือไม่ก็...ไม่พอใจ ใช่มั้ยคะ" เฟิร์นกลับมาถามย้ำ

"ก็น่าจะเป็นอย่างงั้น" ผมยอมรับไปตรงๆ ถ้าไม่โกรธก็คงไม่เสียใจ เป็นเหตุเป็นผลกันดี

"อืม...เอางี้ละกันค่ะ เดี๋ยวเฟิร์นขอเวลาคิดวิเคราะห์ข้อมูลนิดนึงได้มั้ยคะ เฟิร์นอาจจะส่งเป็นอีเมล์ให้พี่แฟรงค์ไปอ่านแทน ถ้าเฟิร์นเขียนเสร็จแล้ว เฟิร์นจะไลน์ไปบอกให้พี่แฟรงค์อ่านค่ะ วันนี้ตอนเช้าเฟิร์นพอมีเวลาอีกนิดหน่อย"

"ได้ๆ พี่จะรอนะ ขอบใจเฟิร์นมาก พี่ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว" ผมบอกน้องสาวแล้วก็ปิดการสนทนาไป

ประมาณเกือบๆ เที่ยงคืนเฟิร์นก็ส่งไลน์มาบอกผมว่าส่งอีเมล์ให้เรียบร้อยแล้ว ผมรีบเปิดแอปอีเมล์อ่านแทบไม่ทัน พออ่านจนจบ ผมก็เหมือนได้พบกับทางสว่างจนแทบจะกระโดดร้องดีใจในห้อง ส่งไลน์ไปขอบคุณเฟิร์นแล้วก็นั่งคิดตามที่น้องสาวของผมเสนอมา

ผมไม่คิดเลยว่าเฟิร์นจะแนะนำให้ผมทำอย่างนี้ แต่ผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ผมกับเฟิร์นเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ เราถูกสอนแนวคิดความมุ่งมั่นอดทนตั้งแต่เด็กๆ บางทีพ่อก็ยอมเสียเงินหลายหมื่นหรือเป็นหลักแสนให้ผมกับน้องสาวไปเรียนหลักสูตรแนวคิดคนสำเร็จหรือคิดบวกหลายครั้ง จนเราค่อยๆ ซึมซับมาเป็นนิสัยของตัวเอง

ความจริงผมก็ควรจะคิดได้อย่างที่เฟิร์นคิด แต่พอตกอยู่ในอารมณ์เศร้าโศก ผมก็เลยขาดความสามารถที่จะคิดในเชิงนั้นไป

ขอบคุณมากน้องสาวที่น่ารักของพี่ พี่จะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของเฟิร์นเลย

ข้อความหนึ่งในอีเมล์ของเฟิร์น ทำให้ผมเข้าใจทันทีว่าทำไมผมถึงเจรจากับพ่อหรือใครไม่ได้ เฟิร์นเขียนว่า

เฟิร์นมีความลับจะบอกค่ะ ตอนที่เฟิร์นกลับบ้านคราวนั้น เฟิร์นแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องที่ทางบ้านเพียวขอยืมเงิน ทางนั้นตกลงว่าจะให้เพียวแต่งงานกับพี่แฟรงค์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อแลกกับเงินก้อนนั้น พ่อกลัวมากว่าพี่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ก็เลยหาทางล้อมรั้วไว้ทุกด้าน เพียวก็น่าสงสารนะ แต่เพียวควรจะรักศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้พ่อแม่บีบบังคับจนต้องทำอะไรโง่ๆ

นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เฟิร์นไม่ชอบเพียวมาตั้งแต่ตอนนั้น

ผมอ่านอีเมล์ของเฟิร์นจบแล้วก็แทบจะทนรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็ดึกมากแล้ว พอตื่นเช้าขึ้นมา ผมก็ไม่รอช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปข้างล่าง แม่บ้านบอกว่าพ่อกับแม่นั่งกินข้าวเช้าด้วยกันอยู่ในห้องกินข้าว ผมก็เลยรีบไปหา

พอพ่อกับแม่เห็นผมเดินเข้ามาก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน คงแปลกใจมากที่เห็นผมยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น ทั้งๆ ที่น่าจะอมทุกข์อมโศก ผมเดินไปหยุดตรงหน้าพ่อกับแม่พอดี สูดหายใจลึกๆ แล้วก็บอกท่านสองคนไปตามที่น้องสาวผมเสนอ

"ผมจะแต่งงานกับเพียวครับพ่อ...แม่ ไม่ต้องเลื่อน ไม่ต้องยกเลิก ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนเดิมครับ!"

พ่อกับแม่ผมถึงกับอึ้งไปเลย ช้อนส้อมที่ถืออยู่หลุดมือลงไปกระแทกจานดังเคร้ง ท่านสองคนคงไม่คิดว่าผมจะยอมแพ้ง่ายๆ

ใช่...เพราะผมไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ผมก็ต้องยอมแพ้ง่ายๆ เป็นธรรมดา!


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:08:04 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
แต่งเพื่อยกเงินเป็นค่าเสียหายให้เพียวแต่ไม่จดทะเบียน?   ดักรอเพื่อเจอนัทวันแต่งแล้วฉุดนัทไปวิวาห์เหาะเลยไหม?  แบบนี้ก็ดีนะ  แต่งตามใจพ่อแม่ของทั้งสองบ้านแล้วไง  เข้าหอกับใครก็อีกเรื่อง    มโนค่ะ

แม่นัทเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าที่คิด   ท่าจะไม่คิดอะไรซับซ้อนนั่นแหละ

เราชอบแฟรงค์ที่พยายามนะ  สู้ๆ เดี๋ยวก็ดีเอง    ต่อให้บ้านแฟรงค์ตัดแฟรงค์ยังไงก็มีทางไป   ที่บ้านเองแหละจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแฟรงค์นะเราว่า

ชอบเฟิร์นค่ะ   ถ้าจะให้ดีช่วยมาจัดการนังต้องตาอีกคนนะลุก

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
วันนี้อ่านตาแฉะมากไม่ได้เข้ามาอ่านหลายตอนเลย ความรักของนัทและแฟร้งมันเหมือนมีแค่เส้นขีดบางๆที่ขวางเขาไว้แต่มันกับ
ยากกว่าปืนข้ามกำลังซะอีก อ่านมาตั้งแต่ต้นจบจบ ตอนแรกก็สงสารเพียว ต่อมาก็สงสารนัทและเริ่มจะไม่ค่อยชอบพ่อแม่ของแฟร้งกับเพียว ถึงตอนปัจจบัน เห็นด้วยกับเฟิร์น

เพียงไม่รักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเลยให้พ่อแม่เขามาบังคับแต่งานแค่เพราะเงินที่ยื่มไป ส่วนพ่อของแฟร้งก็ใช่วิธีนี้เพื่อให้ลูกชายไม่ต้องกลับไปหานัท เออ ทุกคนล้วนมีเหตุและผลต่างกันไปมุมองที่ต่างกัน

แฟร้งจะทำยังไงต่อไปนะอยากรู้แล้วซิ

ปล.แต่งและบรรยายเก่งจังเลยค่ะ ภาษาก็เขียนได้ดีอ่านเข้าใจง่ายไหลลื้นดี  ชอบ ชอบ ค่ะ  :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เปิดโปงเรื่องแต่งงานแลกเงินเลยดีมั้ยเนี่ย แต่ถ้าทำแบบนั้นเพียวคงน่าสงสารคงไม่มีหน้าเข้าสังคมได้อีกแน่ๆ

แต่ทำไงได้ล่ะ ทำตัวเองแท้ๆ ครอบครัวนี้ (มโนไปก่อนเลยนะเนี่ย ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย

หวังว่าแฟรงค์คงจะจัดการได้นะคราวนี้)

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 942
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
มีแบบนี้ด้วยเหรอ เขาเรียกขายลูกกินนะเนี๊ยะ เฮ้อ! แสดงว่าเพียวก็ไม่ได้รักแฟร้งจริงๆหรอกซินะ แต่งเพื่อเงินจะไปมีความสุขตรงไหน แค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอจร๊าเพียว ถ้าเกิดแฟร้งเขาทำอะไรที่อาจจะทำให้เธออับอายขายหน้าขึ้นมาเธอจะมาโทษแฟร้งไม่ได้นะ พออ่่านตอนนี้ค่อยมีแฟร้งค่อยมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย ค่อยมองเห็นหนทาง

ทีมนัท!! เชียร์นัท สู้ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตอนที่ 15 เดือดศึกสายเลือด

อาจเป็นไปได้ว่าที่เฟิร์นไม่ค่อยชอบเพียวก็เพราะว่าครอบครัวของเพียวเห็นแก่ตัวได้ชัดมากๆ อย่างในตอนนี้ก็ได้นะคะเนี่ย เพราะทำไปทำมาที่เพียวเล่นแง่ไม่ยอมยกเลิกการแต่งงานกับคนที่บอกตัวเองโต้งๆ ว่าเขารักคนอื่นอยู่ตั้งนานแล้วเสียทีก็ไม่พ้นเรื่องหนี้สินที่ยืมจากคุณพ่อของแฟรงค์ไปอยู่ดีนั่นล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นคุณค่าของตัวเองบ้างเลยนะเพียว ใช่ว่ายื้อไปจนได้แต่งสมใจแล้วจะมีความสุขเสียหน่อย

สำหรับแฟรงค์จากที่เครียดๆ มาจากนอกบ้านก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยนะคะพอได้กลับมาอยู่กับนัท แหม..ก็ได้คนที่แสนรักอย่างนัทมาปรนนิบัติพัดวีเสียขนาดนี้เลยนี่นา ไม่ไหนจากนัทไม่รอดเลยล่ะค่ะแบบนี้น่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตอนที่ 16 กรรมของคนหน้าด้าน

สงสารนัทมากค่ะตอนนี้ เล่นกดดันกันทุกทางถ้าได้ถอยไปตั้งหลักให้ตัวเองคิดหาวิธีรับมือกับทุกๆ คนมากกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าหัวใจของนัทอาจจะเป็นฝ่ายนำทางกลับมาหาแฟรงค์อีกครั้งเองก็ได้ใครจะไปรู้นะคะ :กอด1:

ส่วนสำหรับเพียว มันไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วล่ะค่ะต่อให้ตอนนี้แฟรงค์จะมีนัทหรือไม่มีนัทอยู่ข้างกายอีกแล้วก็ตามน่ะ ทู่ซี้จังเลยนะเธอ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตอนที่ 17 Desperado

ตอนนี้สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างแฟรงค์น่าเห็นใจมากๆ ค่ะ ใจหายแทนเลยนะ ขนาดสัญชาตญาณตัวเองบอกมาว่าวันนี้นัทไม่ปกติแน่ๆ แต่ก็ยังเลือกที่จะเชื่อตามที่นัทอยากให้เชื่อน่ะ สุดๆ ไปเลยค่ะ

จะไม่ดีอยู่อย่างก็ตรงที่นัทเลือกตั้งเงื่อนไขในการเจอกันอีกครั้งโดยการให้แฟรงค์แต่งงานกับเพียวไปเสียนี่ล่ะค่ะ ไม่ดีเลยจริงๆ ขนาดตอนจากกันว่าแย่แล้ว แล้วนัทจะทนเห็นภาพบาดตาแบบนั้นไหวแน่เหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตอนที่ 18 นารีขี่ม้าขาว

ทำเพื่อครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีนะคะเพียว แต่ถ้าต้องทำถึงขนาดนี้ควรต้องคิดหน่อยไหมล่ะว่ามันมากเกินไปไหม ตัวเองก็เป็นคนมีชีวิตจิตใจเหมือนกันจะมาทำเหมือนกับเป็นตุ๊กตาที่จะจับให้หันไปทางไหนก็หันแบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ 

แต่ที่เกินความคาดหมายไปเลยก็คือคุณแม่ของนัทค่ะ น่ารักมากๆ เพราะนอกจากจะเข้าใจอะไรได้ง่ายแล้ว ที่สำคัญยังรักและรับได้ทุกๆ อย่างในสิ่งที่นัทเป็นตั้งแต่ที่เจ้าตัวยังไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮูเร่

นารี่ทรงม้ามาช่วยจริงๆ

เด็จแม่จงเจริญ :D

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
น้องสาวพี่แฟรงค์น่ารักจริงๆ ขี่ม้าขาวมาช่วย

รอถึงวันแต่ง ยังไงคงได้เจอนัทนะ
ส่วนงานแต่งกับเพียวนี่ไม่รู้จะออกมาท่าไหน
แต่ถ้าแต่งอย่าจดทะเบียนนะพี่แฟรงค์ กันการผูกมัดโดยทะเบียนสมรส

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
เอาใจช่วยแฟรงค์นะ ความพยายามจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
ส่วนนัทก็ปล่อยให้เค้าพักใจสักหน่อยเจอแรงกดดันขนาดนี้

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
อยากจะมีซัก 20 มือ 10 หัว จะได้เขียนตอนต่อๆ ไปรวดเดียวจนถึงตอนจบได้พร้อมๆ กันไปเลย
โดยส่วนตัว ผมว่าตอนที่ผ่านๆ มาก็น่าเขียนทุกตอนแล้ว ตอนต่อจากนี้ยิ่งน่าเขียนมากๆ จนอยากเป็นทศกัณฐ์ไปเลย

อยากให้อ่านอีเมล์ที่เฟิร์นส่งให้พี่ชายด้วย แต่รออีกสองตอนนะครับ ได้อ่านแน่ๆ แล้วจะรู้ว่าเฟิร์นแนะนำอะไร

เรื่องนี้จะมีเซอร์ไพรส์ตรงที่ "ต้น-สน" "ทิว-บูม" "เจ-เล็ก" "พี่คิมแตซอง-น้องเก้า" จะเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างลงตัว
คอยติดตามกันนะครับว่าตัวละครหลักของทุกเรื่องที่ผมเคยเขียนจะมาอยู่ในเรื่องนี้ได้ยังไง ผมชอบไอเดียนี้มากๆ

อาจจะไม่ผูกพันกับเรื่องนี้มากเท่า "ต้น-สน" (คิดว่าคงไม่มีเรื่องไหนอีกแล้วที่ผมจะใช้เวลาอยู่ด้วยนานถึง 9 ปี)
แต่ก็เป็นเรื่องที่ผมรักเลย ได้ทุกอย่างที่อยากได้

พรุ่งนี้ต้องไม่พลาดตอนต่อไปนะครับ

อ้อ ผมจะเฉลยชื่อหนังไทยเก่าที่ผมเคยดูเมื่อปี 2529 ที่เอามาเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องนี้ด้วย
คนที่เกิดทันร้องอ๋อแน่ๆ อิๆ แต่ดูๆ แล้วหลายคนท่าจะเกิดไม่ทัน 555

Sarawatta

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อึ้งไปนิดๆ กับฉากจบของตอนนี้ ไม่ขอเดาแล้วกันเพราะเชื่อว่าจะได้อ่านตอนต่อไปเร็วๆ นี้ 55

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อันนี้ความคิดเรานะ

แฟรงค์ยอมให้จัดงานแต่งเพื่อจะได้เจอนัท ปลดหนี้ให้ครอบครัวเพียว

แต่แฟรงค์คงไม่จัดงานให้จบแน่ๆ คาดว่างานแต่งน่าจะล่มกลางคันมากกว่า  o18

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
:ling1:  พี่แฟรงค์จะรอให้นัทมางานแต่งตัวเองแล้วก็พานัทหนีไปกันสองคนแน่ๆเลย ๕๕๕ ผมคิดไปไกลขนาดนี้แล้วอ่ะ
 ผมรอ รออ่านตอนใหม่คับ ลุ้นๆ เอาใจช่วยนัท แฟรงค์คับ ผมเชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ใจร้ายกับลูกหรอกคับ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
มวยล้มต้มคนดู
เดี๋ยวกรรมการอย่างเราๆ จะเอาใจช่วย

แฟรงค์เป็นคนรักในอุดมคติมาก
นับถือในความตั้งใจ มุ่งมั่นเพื่อความรักของตนเอง..จริงๆ

จะได้เจอแฟรงค์ตัวเป็นๆไหม
 :hao6:
อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
วางแผนดัดหลังสินะแบบนี้ พอเจอนัทก็พาตัวเข้าหอแทนเสียเลย เหอๆๆ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 19 ✢ The Elope Wedding



9 มกราคม...

ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจมาพบกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ผู้หญิงที่ทำให้ผมเจ็บแทบปางตาย แถมยังหลอกใช้ผมสารพัดจนผมแทบหมดเนื้อหมดตัว แต่ด้วยความสงสัยว่าเรื่องสำคัญที่เธออยากจะคุยด้วยว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ในที่สุดผมก็มาหาเธอจนได้

เธอลงมารอผมอยูข้างล่างพอดีเมื่อผมมาถึงคอนโดของเธอ สภาพเธอดูเปลี่ยนไปพอสมควร จากเคยยิ้มสดใสก็กลับดูอมทุกข์ เราทักทายกันเพียงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พาผมขึ้นไปที่ห้องของเธอ สถานที่ที่ผมเคยมาใช้เวลาอยู่เป็นวันๆ เมื่อไม่นานนี้ ไม่น่าเชื่อว่าแค่สองเดือนผ่านไป ความผูกพันของผมกับเธอคนนี้กลับมลายหายไปสิ้น ไม่ใช่ว่าลืม แต่ผมไม่อยากนึกถึงเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวของอดีตที่ผมเคยมีกับเธอ

พอเธอเชื้อเชิญให้ผมนั่งและหาน้ำท่ามาให้ ซองสีน้ำตาลที่โป่งนูนออกมาเล็กน้อยก็ถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้าผม ผมมองดูซองสีน้ำตาลนั้นด้วยสายตามีคำถามแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป

"พี่คงคืนให้นัทได้เท่านี้ น้อยกว่าที่นัทให้พี่มาเยอะอยู่ เอาไว้คราวหลังพี่จะหามาคืนให้อีกละกัน"

ผมกลืนน้ำลายลงคอแล้วพิจารณาดูซองสีน้ำตาลตรงหน้า แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับมันทันที

"นัทเปิดดูสิ"

ผมมองหน้าต้องตาเหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะเปิดดีหรือไม่ แต่สักพักก็ยอมเปิดซองสีน้ำตาลนั้นออกดู ข้างในมีธนบัตรหนึ่งพันบาทอยู่สามสี่ปึกใหญ่ๆ

"พอดีพี่ขายร้านไป หักลบกลบหนี้แล้วก็เหลือไม่เยอะหรอก แบ่งมาคืนให้นัทเท่านี้ก่อน"

ผมปิดซองนั้นแล้วก็ไม่แตะมันอีก ไม่เปิดปากพูดคำใดๆ จนต้องตาคงรู้สึกอึดอัด

"ตอนนี้...พี่ไม่ได้ทำงานที่โรงแรมนั่นแล้ว ไอ้หมอนั่นมันเลวมาก มันหลอกพี่ แล้วมันก็กดดันให้พี่ต้องออกจากงานด้วย"

ผมนั่งฟังอารมณ์น้อยใจปนเคียดแค้นของเธอด้วยอาการเฉยเมย ถ้าต้องตาด่า "ไอ้หมอนั่น" ว่าเลวมาก แล้วสิ่งที่เธอทำกับผมตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ โชคดีจริงๆ ที่เวรกรรมยุคดิจิตอลรวดเร็วทันใจเหลือเกิน ผมไม่ต้องเสียเวลาเผาพริกเผาเกลือให้เหนื่อยเลย

"นัท...นัทยังรักพี่อยู่หรือเปล่า"

ผมมองหน้าต้องตานิ่ง ท่าทางที่เฉยเมยของผมขนาดนี้ ถ้าเธอยังดูไม่ออกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

"ว่าไงล่ะนัท นัทยังรักพี่อยู่หรือเปล่า"

ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วก็หันหน้าหนี

"จะขอให้เรากลับมาเหมือนเดิมเหรอครับ" ในที่สุดผมก็ยอมเปิดปากถามออกไปเสียที

"นัท...พี่ยังรักนัทอยู่นะ พี่ขอโทษที่พี่เคยทำไม่ดีกับนัท พี่เสียใจนะนัท ตอนนี้...พี่รู้แล้วว่าใครรักพี่จริง พี่สำนึกผิดแล้วนัท นัทยกโทษให้พี่ได้มั้ย"

ผมหันกลับมามองต้องตาอีกครั้ง เธอทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้ แถมยังวิงวอนออดอ้อนให้ผมกลับมาหาเธออีก ช่างดูน่าสงสารเหลือเกิน

"ได้...ผมให้อภัยพี่ได้"

"จริงเหรอนัท"

ต้องตาทำท่าดีใจพลางเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ ผมหรี่ตามองดูมือของเธออย่างไม่ชอบใจนัก สักพักเธอคงจะรู้ตัวก็เลยค่อยๆ ปล่อยมือผมออก

"ผมไม่เคยโกหกพี่นี่ครับ ถ้าผมบอกว่าให้อภัยได้...ก็แปลว่าผมให้อภัยได้จริงๆ" ผมเน้นเสียงตรงคำว่า "โกหก"

ต้องตาหน้าเจื่อนไปพอสมควร คงจะแสลงใจที่ได้ยินคำว่า "โกหก" นั่นเอง

"ส่วนเรื่องที่จะกลับมารักกัน ผมยังไม่ตอบละกัน แต่ผมอยากจะเล่าอะไรบางอย่างให้พี่ต้องตาฟัง"

ผมหยุดเว้นจังหวะดูความสนใจ พอเห็นต้องตาตั้งตารอฟังจึงเล่าสืบไป

"พี่รู้มั้ยว่าทำไมเมื่อก่อนผมถึงรักพี่ พี่ต้องตาจำผู้ชายคนนั้นได้มั้ย คนที่พี่ต้องตาเจอที่คอนโดผม ตอนที่พี่ไปเอาของที่ลืมไว้นั่นแหละ"

ต้องตาพยักหน้าน้อยๆ สายตามีคำถามและดูหวาดระแวง

"ตอนเด็กๆ ผมกับพี่เค้าเคยเรียนชั้นประถมด้วยกัน เราสองคนผูกพันกันมาก พี่เค้าดูแลผมดีกว่าใคร เพราะเค้าอยากมีน้องชาย แล้วเค้าก็รักผมเหมือนน้องชายจริงๆ ตามใจผมทุกอย่าง ผมอยากได้อะไรหามาให้ แต่แล้ว..เราสองคนก็จากกันไปเพราะพี่เค้ามาเรียนที่กรุงเทพ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งวันนั้นที่พี่ต้องตาเห็นนั่นแหละ วันนั้น...คือวันที่ผมได้กลับมาเจอกับพี่เค้าอีกครั้งโดยบังเอิญ"

ผมมองหน้าต้องตาแล้วยิ้มกริ่ม

"พี่คนนี้อายุมากกว่าผมแค่สี่เดือนเศษๆ พอเค้าเกิดก่อนผม ก็เลยได้เรียนกันคนละชั้นกัน ตอนเด็กๆ ผมชอบเรียกเค้าว่าพี่ แต่พี่เค้าก็มักจะบอกผมว่าไม่ให้เรียกพี่ เพราะว่าอายุเราห่างกันไม่มาก แต่ผมก็ยังชอบเรียกเค้าว่าพี่บ่อยๆ แล้วพี่เค้าก็เตือนผมบ่อยๆ เหมือนกัน ผมก็ไม่เคยจำ พี่ต้องตาพอจะเดาออกมั้ยครับว่าผมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังทำไม"

ต้องตาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "พี่ไม่เข้าใจ นัทกำลังพูดเรื่องอะไร"

ผมแค่นหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าเธอจะฉลาดน้อยขนาดนี้จนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องได้

"ผมรักพี่คนนี้ รักเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะครับ รักฝังใจด้วย"

ต้องตาทำหน้าตกใจเล็กน้อย ความจริงคงตกใจมากแต่พยายามเก็บอาการไว้

"ผมไม่เคยลืมพี่เค้าเลย พี่ต้องตารู้มั้ยว่าเราไม่ได้เจอกันมาสิบสามปีแล้ว แต่พี่เค้าอยู่ในใจผมมาตลอด"

แล้วก็ถึงคราวที่ผมจะเฉลยเสียที

"พี่ต้องตาจำได้ใช่มั้ยว่าพี่เองก็เคยพูดแบบนี้กับผมบ่อยๆ ว่าไม่ให้ผมเรียกพี่ต้องตาว่าพี่ นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมสนใจพี่ เพราะพี่ต้องตา...ทำให้ผมนึกถึงพี่คนนี้ที่ผมเคยรักตอนเด็กๆ"

"นัทกำลังจะบอกอะไรพี่เหรอ"

ต้องตาถามอย่างหวาดระแวงและงุนงง

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่จะบอกพี่ว่า...พี่ต้องตาเป็นแค่เงาของคนที่ผมรัก ไม่ใช่ตัวจริง เพราะฉะนั้น...ที่พี่ถามผมว่าผมยังรักพี่อยู่หรือเปล่า ผมคิดว่าพี่คงจะได้คำตอบแล้วนะครับ ผมเจอตัวจริงของคนที่ผมรักแล้ว พี่คิดว่าคนที่เป็นเงาหลอกๆ อย่างพี่...จะแทนตัวจริงได้หรือเปล่าล่ะครับ"

"นัท!"

ต้องตาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง คงคิดไม่ถึงว่าผมจะกล้าตอกหน้าเธออย่างนี้ ถึงผมไม่ใช่คนอาฆาตแค้นใคร แต่ผมก็อยากจะพูดให้เธอสำนึกมากดูบ้าง

"ส่วนเงินนี่...มันไม่ใช่เงินของผม ผมให้ไปแล้ว ไม่คิดอยากได้คืนหรอกครับ ขอบคุณพี่มากที่ยังอุตส่าห์หามาคืนให้ พี่เอาไว้ใช้ละกัน เงินแค่นี้...ไม่ตายผมก็หาใหม่ได้ แต่สิ่งที่ผมจะไม่เอากลับมาใหม่...ก็คือความรักที่ตกดินไปแล้ว ไม่ต้องเก็บมาคืนผมหรอกครับ คนที่อยากโง่เองอย่างผมยังพอจำได้ว่าใครทำอะไรไว้"

ผมบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มอย่างผู้ชนะ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าเงินในซองกระดาษนี้ไม่ใช่เงินคืนหรอก แต่มันเป็นเงินลงทุนซื้อผมกลับไปต่างหาก

"เอาเป็นว่า...ผมให้อภัยพี่และขออโหสิให้ ลาก่อนนะครับ หวังว่าเราสองคนจะไม่ได้เจอกันอีก...ตลอดไป"

พูดจบผมก็ก้าวฉับๆ ไปที่ประตู ก่อนจะเปิดออกแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย ไม่อยากอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าต้องตากำลังร้องไห้เสียใจอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ว่าเธอจะเสียใจหรือไม่เสียใจ เราหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้ว ต่างคนต่างจัดการชีวิตที่เหลือไปตามวิถีทางของตัวเองแล้วกัน

... ... ...

10 มกราคม ณ หนองจอกรีสอร์ทแอนด์ฟิชชิ่งปาร์ค

ที่นี่ดูแปลกตาไปพอสมควรหลังจากที่ผมจากไป คงเป็นผลมาจากการปรับปรุงรีสอร์ทที่น่าจะใกล้เสร็จแล้วนั่นเอง แขกเหรื่อเดินทางมากันอย่างหนาตาทีเดียว มีรถจอดกระจายตามจุดต่างๆ มากกว่าปกติหลายเท่า เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคงเป็นคนกว้างขวางมากทีเดียว

ช่วงที่ไม่ได้อยู่ที่รีสอร์ท ผมก็ระหกระเหเร่ร่อนไปสองสามที่ ตอนแรกไปอยู่กับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันคนหนึ่ง แต่รู้สึกเกรงใจก็เลยย้ายไปอยู่กับอีกคน ก่อนที่จะออกมาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ข้างนอกคนเดียวเพราะไม่อยากรบกวนใคร ผมอยู่มาได้เกือบๆ สองอาทิตย์แล้ว สองสามวันแรกไม่ได้ทำอะไรเลย แต่อยู่เฉยๆ นานเข้าก็เลยเบื่อ ก็เลยติดต่อไปหาพี่ที่ทำงานเก่าว่ามีงานแปลเอกสารหรืองานล่ามให้ทำหรือเปล่า ก็ได้งานแปลเอกสารสามสี่ชิ้นมาทำแก้เหงาก่อนกลับบ้าน ผมตั้งใจจะกลับบ้านหลังงานแต่งงานของแฟรงค์นี่แหละ ไม่อยากลงไปแล้วขึ้นมาหลายรอบให้เหนื่อย ผมบอกแม่ไปแล้ว แม่ก็ไม่ว่าอะไร

แม่กับพี่นิวก็มาด้วย แต่แยกกันมากับผมเพราะแม่กับพี่นิวขึ้นเครื่องมาจากพิษณุโลกตั้งแต่เช้ามืด ตอนนี้อยู่ในงานแล้ว มีแต่ผมที่มาช้าหน่อยเพราะกว่าจะฝ่ารถติดในเมืองมาได้ก็ล่วงเลยเวลาพอสมควร อีกอย่างผมก็ไม่ได้อยากมาอยู่เห็นภาพบาดตาบาดใจนานๆ รดน้ำสังข์แล้วก็คงจะพาแม่กับพี่นิวกลับไปพักด้วยกันที่คอนโด ก่อนจะกลับด้วยกันทั้งสามคนพรุ่งนี้เช้าเลย

ผมหาที่จอดรถได้แล้วก็เดินลัดเลาะเข้าไปในงานอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง มีแต่คนที่ผมไม่รู้จักทั้งนั้นเลย ผมโทรหาแม่แล้วก็ถามว่าอยู่ตรงไหน แม่บอกมาแล้วแต่ผมฟังไม่ถนัดเพราะมีเสียงดังรอบข้างเต็มไปหมด ก็เลยบอกแม่ไปว่าค่อยเจอกันทีหลัง

พอใส่ซองแล้วผมก็เดินไปนั่งหน้าสุดเพราะอยากเจอใครบางคนชัดๆ มีเสียงพระสวดเจริญพระพุทธมนต์อยู่ แสดงว่าน่าจะผ่านพิธีรับไหว้ไปแล้ว แล้วในที่สุดผมก็ได้เจอคนที่ผมคิดถึงสุดหัวใจเสียที บ่าวสาวกำลังช่วยกันใส่บาตร มีคนคอยยกของมาส่งให้คู่บ่าวสาวหยิบใส่บาตรพระที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะที่คลุมผ้าไว้อย่างสวยงาม หน้าตาที่สดใสของทั้งคู่บ่งบอกว่ามีความสุขมากแค่ไหนกับวันที่แสนพิเศษนี้

ก็ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น ถึงผมจะเจ็บแค่ไหนที่เห็นคนที่รักที่สุดในชีวิตแต่งงานกับคนอื่น แต่ก็ยังเจ็บน้อยกว่าให้ผมต้องแย่งชิงของคนอื่นมาอย่างหน้าด้านๆ

แฟรงค์อยู่ในชุดแต่งงานแบบไทยสีขาวครีม ปกติก็ดูหล่ออยู่แล้ว พอใส่ชุดอย่างนี้ แต่งหน้าและทำผมด้วยก็ยิ่งหล่อเข้าไปใหญ่ เจ้าสาวในชุดไทยก็สวยหวานและดูดีไม่แพ้กัน ช่างเหมาะสมกันดีเหลือเกิน นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่ากิ่งทองใบหยก

แฟรงค์ยังไม่เห็นผมหรอก อาจจะไม่สนใจแล้วก็ได้ว่าผมจะมาหรือเปล่า ผมจึงได้แต่นั่งไหว้พระมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบๆ เศร้าๆ ผมเห็นแม่กับพี่นิวแล้ว อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ผมก็ยังไม่เข้าไปหาเพราะไม่อยากเดินไปมารบกวนคนอื่นๆ ในงาน

จู่ๆ แฟรงค์ก็หันมาเจอผมในขณะที่กำลังหยิบของใส่บาตรโดยบังเอิญ ดูเหมือนจะหยุดชะงักเล็กน้อย ทำให้เพียวสงสัยและมองตามแฟรงค์มาด้วย พอเพียวหันมาเจอผมเธอก็ยิ้มเล็กน้อย แฟรงค์ก็ยิ้มเล็กน้อยให้ผมเช่นกัน ก่อนจะหันกลับไปหยิบของใส่บาตรร่วมกับเพียวตามเดิม

ผมอยากคุยกับแฟรงค์เหลือเกิน มีอย่างเดียวอย่างสุดท้ายที่ผมอยากจะบอกแฟรงค์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาโอกาสได้ยังไง เพราะหลังจากฟังสวดเจริญพุทธมนต์และรับอาหารบิณฑบาตแล้วก็จะเป็นพิธีรับน้ำสังข์ต่อเลย

"ใช่นัทหรือเปล่า"

เสียงๆ หนึ่งร้องทักขึ้นมาใกล้ๆ พอหันไปดูก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ถัดจากเก้าอี้ของผมไปสองตัวที่ว่างอยู่ แล้วเธอก็ลุกมานั่งข้างๆ ผม ก่อนจะพนมมือแต้ฟังพระสวดตามเดิม

"เฟิร์นเหรอ" ผมหันไปถามและพิศดูใบหน้าของคนข้างๆ

"ใช่" เฟิร์นหันมายิ้มดีใจ "ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะนัท ไม่ไปอยู่กับแม่กับพี่นิวล่ะ"

"ให้เสร็จพิธีก่อนละกัน นัทไม่อยากเดินไปเดินมารบกวนคนอื่น"

เฟิร์นหัวเราะชอบใจที่ได้ยินผมตอบอย่างนั้น

"นัทนี่เหมือนเดิมเลยนะ ขี้เกรงใจ ยกเว้นเกรงใจพี่แฟรงค์" เฟิร์นพูดหยอก

ผมพอรู้ความหมายที่เฟิร์นพูดอยู่บ้าง ก็เลยหัวเราะตามเธอไปด้วย

"กลับมาได้กี่วันแล้ว" ผมพยายามถามให้เสียงเบาที่สุดเพราะไม่อยากให้รบกวนคนข้างๆ

"อาทิตย์นึงแล้ว ยังไม่ค่อยได้ไปไหนเลย มัวแต่ช่วยพี่แฟรงค์เตรียมงานเตรียมสถานที่อยู่ อยู่แต่ในรีสอร์ทนี่แหละ แต่งงานกันทีนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ"

เฟิร์นพูดติดตลก ดูเธอเป็นคนสดใสมากทีเดียว แต่งตัวดี หน้าตาผิวพรรณก็ดี ดูสมกับคนที่เป็นคนมีความรู้ถึงด็อกเตอร์

"ก็เป็นธรรมดาแหละ เดี๋ยวก็หายเหนื่อยแล้ว แขกเยอะเหมือนกันนะ" ผมบอกพลางหันไปมองรอบๆ

เฟิร์นพยักหน้า "ใช่ๆ มากันเยอะๆ นั่นแหละดี จะได้มีสักขีพยานเยอะๆ ไง"

ฟังเฟิร์นพูดแล้วผมก็ขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

"พี่แฟรงค์กับเพียวเค้าเหมาะสมกันดีนะ" ผมชวนเปลี่ยนเรื่องคุย สายตาจับจ้องอยู่ที่คู่บ่าวสาวที่ยังคงใส่บาตรอยู่ อีกไม่นานก็น่าจะเสร็จแล้ว

"คงงั้นมั้ง"

ได้ยินน้ำเสียงอย่างนั้นผมก็เลยหันไปมองเฟิร์นด้วยความแปลกใจ แม้จะสงสัยกับคำพูดแปลกๆ ของเธอเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ไม่ได้ถามอยู่ดี

"เฟิร์นรู้มั้ยว่าเค้าจะไปฮันนี่มูนกันที่ไหน" ผมเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นอีกรอบ

"ไม่รู้ว่าจะได้ไปฮันนี่มูนด้วยกันหรือเปล่านะ หรือไม่ก็อาจจะไปแถวๆ ที่ๆ เคยคุ้นตาน่ะ แต่ไม่รู้ว่าใครไปกับใครนะ"

ผมรู้สึกว่าเฟิร์นชักจะพูดแปลกๆ มากขึ้นทุกที ก็เลยพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่ได้คุยกับเธอต่อ หันไปฟังพระสวดมนต์แทน

หลังจากที่คู่บ่าวสาวได้ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังพระสวดพุทธมนต์ และถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแล้ว พิธีรดน้ำสังข์ก็จะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า เฟิร์นขอตัวไปช่วยงานพอดี เราก็เลยแยกกันตั้งแต่ตอนนั้น

บังเอิญหูของผมแว่วได้ยินแฟรงค์พูดขึ้นมาว่าจะไปห้องน้ำ เพียงเท่านี้ผมก็หูผึ่ง พอเห็นแฟรงค์เดินออกไปแล้วผมก็แกล้งทำเป็นเดินออกไปคนละทางบ้าง ก่อนจะวิ่งไปทางที่ผมจำได้ว่ามีห้องน้ำอยู่ แล้วก็เห็นแผ่นหลังของแฟรงค์ไวๆ ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำของรีสอร์ท

ผมยืนรออยู่จนกระทั่งแฟรงค์เสร็จธุระ แฟรงค์ไม่ใช้เวลานานนักเพราะแขกเหรื่อกำลังรอรดน้ำสังข์อยู่ พอแฟรงค์เดินมาใกล้ๆ แล้วผมจึงแสดงตัว

"พี่แฟรงค์"

แฟรงค์หยุดเดินและหันมามองผม เมื่อสายตาเราประสานกันแล้วผมก็แทบจะห้ามความรู้สึกข้างในไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะแฟรงค์เป็นเจ้าบ่าวของคนอื่น ผมก็คงจะวิ่งไปกอดแล้ว แฟรงค์ค่อยๆ ยิ้มให้ แต่ก็เป็นเพียงยิ้มบางๆ เท่านั้น

"นัท"

แค่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยผมก็แทบจะน้ำตาไหล ไม่ได้เจอกันเลยตั้งสามอาทิตย์ ไม่รู้ว่าแฟรงค์คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า แต่ผมคิดถึงแฟรงค์มาก ยิ่งนึกถึงจดหมายที่เขียนให้แฟรงค์แล้วก็ยิ่งเสียใจ มีหลายๆ ถ้อยคำที่ผมรู้ว่าคนอ่านคงเจ็บปวดมากทีเดียว แต่เขียนไปแล้วก็เอาคืนมาไม่ได้

"พี่แฟรงค์ นัทขอโทษนะที่นัท...ไม่เชื่อพี่ ขอแสดงความยินดีกับชีวิตคู่ที่เหมาะสมของพี่นะครับ"

ผมรู้ว่าหน้าตาและน้ำเสียงของผมคงเศร้ามากทีเดียวขณะที่พูดออกไป แฟรงค์เพียงแค่พยักหน้ารับรู้ ทำเหมือนไม่อยากเสวนากับผมเท่าไหร่ แต่ผมจะโทษใครได้ ผมทำตัวเองทั้งนั้น พอคิดได้ก็สายเสียแล้ว ผมเป็นคนเลือกปล่อยมือจากแฟรงค์เอง คนที่ไม่พยายามเพื่อความรักอย่างผมก็ควรได้รับผลเช่นนี้

"เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ พอดีเค้ารอทำพิธีรดน้ำสังข์กันอยู่"

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็ปล่อยให้แฟรงค์เดินจากไป ยืนมองอยู่อย่างนั้นสักพักก็เดินกลับมายังบริเวณที่จัดงานตามเดิม แล้วก็ไปหาแม่กับพี่นิวที่นั่งติดกันตรงมุมหนึ่งของงาน

"เพิ่งมาถึงเหรอลูก" แม่ผมถามอย่างแปลกใจพอผมนั่งลง

"มาถึงสักพักแล้วครับ พอดีนัทไม่อยากเดินไปมาก็เลยยังไม่ได้มาหาแม่"

แม่ผมพยักหน้ารับรู้ ผมหันไปมองพี่นิวแล้วก็ยิ้มให้

"ไง...พร้อมจะกลับไปช่วยพี่ขายขนมจีนแล้วใช่มั้ย" พี่นิวแซวพร้อมกับขำเบาๆ

ตอนนี้ที่บ้านผมรู้หมดแล้วว่าผมลาออก ไม่ได้ทำงานกับแฟรงค์แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ได้ยังไง เดาว่าแม่ผมคงคุยกับแฟรงค์นั่นแหละถึงได้รู้ความจริง

"อืม...ก็ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้ว กลับบ้านเราดีกว่า"

"นี่จะกลับจริงๆ เหรอ พี่นึกว่าจะกลับมาสมัครทำงานกับแฟรงค์ต่อซะอีก"

"ไม่เอาดีกว่า กลับบ้านเรานั่นแหละ นัทไม่อยากทำงานให้คนอื่นรวยแล้ว ทำให้ครอบครัวเรามั่งดีกว่า"

พอผมพูดจบ แม่กับพี่นิวก็หันมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ

"ให้มันจริงเถอะ"

ว่าแล้วแม่ก็ลูบผมของผมเบาๆ สัมผัสนี้ทำให้ผมนึกถึงแฟรงค์ขึ้นมาอีกจนได้ แต่จากนี้ไป ก็คงจะมีแต่แม่เท่านั้นที่จะทำอย่างนี้ให้ผม พี่แฟรงค์เป็นของคนอื่นไปแล้ว คงไม่อยากทำอย่างนี้ให้ผมอีก ขนาดเมื่อกี้ยังทำเหมือนไม่อยากจะคุยด้วยเลย

"อ้อ...แล้วแม่ได้คุยกับพ่อแม่พี่แฟรงค์หรือยังครับ" ผมถามเมื่อนึกขึ้นได้

"คุยแล้ว เค้ายังบอกแม่กับพี่นิวเลยว่าให้มาพักที่รีสอร์ทซักคืนสองคืนก่อนกลับก็ได้ แต่แม่ก็ปฏิเสธไปเพราะว่านัดกับนัทไว้แล้ว"

ผมพยักหน้ารับรู้ หัวใจผมอ้างว้างและใจหายเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในงาน ผมคงจะกอดแม่ให้แม่ปลอบใจ ตอนนี้ผมไม่เหลือใครอื่นให้กอดแล้ว ก็คงเหลือแต่แม่ของตัวเองนี่แหละ

พิธีรดน้ำสังข์เริ่มขึ้นแล้ว บ่าวสาวเดินไปนั่งที่ตั่งรดน้ำสังข์ มีหมอนสำหรับรองมือและพานรองรับน้ำสังข์เตรียมไว้ ด้านหลังมีเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนอยู่ จากนั้นพระสงฆ์ก็เจิมหน้าผากให้แก่บ่าวสาว พระเจิมให้ฝ่ายชายก่อนสามจุด พอถึงฝ่ายหญิง พระก็จับมือฝ่ายชายเจิมให้ฝ่ายหญิงสามจุดเช่นเดียวกันเพราะพระไม่สามารถแตะผู้หญิงได้โดยตรง จากนั้นก็สวมมงคลแฝดให้คู่บ่าวสาวคนละข้าง สายมงคลแฝดจะห่างกันประมาณสองศอก ส่วนปลายของมงคลจะโยงมาพันที่บาตรตักน้ำมนต์ พระสงฆ์จะส่งหางสายสิญจน์ไปโดยจับเป็นเส้นไว้ในมือ จนถึงพระองค์สุดท้ายก็จะวางสายสิญจน์ไว้ที่พาน

จากนั้นญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มทยอยกันมารดน้ำสังข์ตามลำดับ ในระหว่างนี้พระสงฆ์จะสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลไปพร้อมกัน พ่อแม่ของแฟรงค์เป็นคนรดน้ำสังข์ก่อน จากนั้นจึงตามด้วยญาติฝ่ายหญิงและญาติคนอื่นๆ ของทั้งสองครอบครัว ผมไม่เห็นปู่ของแฟรงค์มาด้วยเลย ก็เลยเดาสุขภาพคงไม่เอื้ออำนวยให้มาได้

ผม แม่และพี่นิวไปยืนต่อแถวเข้าคิวรดน้ำสังข์ให้บ่าวสาว ให้แม่กับพี่นิวอยู่ข้างหน้าเพราะไม่อยากสองคนนี้ได้ยินว่าผมอวยพรคู่บ่าวสาวว่ายังไง

พอจำนวนคนข้างหน้าค่อยๆ ลงน้อยลงผมก็ยิ่งใจหายมากขึ้นและมากขึ้น นึกไม่ออกเลยว่าพอถึงคิวผม ผมจะอวยพรคู่บ่าวสาวว่ายังไงบ้าง

ผมมองแฟรงค์ที่นั่งอยู่เคียงข้างกับเพียวแล้วก็เหม่อมอง ภาพในความทรงจำตอนเด็กๆ ไหลผ่านเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้ง นึกถึงตอนที่แฟรงค์มายืนรอผมที่หน้าบ้านตอนเช้าๆ พร้อมจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์คู่ใจ ไม่ว่าผมจะช้ายังไงแฟรงค์ก็ไม่เคยบ่น มีแต่รอยยิ้มให้ผมเสมอ แฟรงค์จะรอจนกว่าผมจะเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกัน ไปถึงโรงเรียนสายเพราะผมช้าแฟรงค์ก็จะไม่บ่นว่าผม เราเจอเพื่อนๆ ระหว่างทางบ้าง แต่คุยไปคุยมาก็มักจะเหลือแต่ผมกับแฟรงค์สองคนบ่อยๆ ก็เลยดูเหมือนว่าโลกนี้มีแต่เราสองคน

ตอนเลิกเรียน ผมกับแฟรงค์มีจุดนัดพบกันที่เรากำหนดไว้ให้มาเจอกันหนึ่งจุด ใครเลิกเรียนก่อนก็ให้มารอตรงจุดนั้น พอเจอกันแล้วเราถึงจะขี่จักรยานกลับบ้านด้วยกัน บางวันแฟรงค์ก็แวะที่ตลาด ซื้อไอศครีมให้ผมกิน ร้านประจำของเราก็คือร้านเจ๊กอ๋า ปัจจุบันนี้ร้านนี้ก็ยังอยู่ ขายทุกอย่างรวมทั้งไอศครีมด้วย

แฟรงค์ซื้อให้ผมกินแล้วก็นั่งมองอย่างมีความสุขเสมอ แล้วจู่ๆ ผมก็เกิดจำบทสนทนาหนึ่งขึ้นมาได้ ทั้งๆ ที่ผมไม่น่าจะจำมันได้เลยเพราะนานมาแล้ว

"แฟรงค์ไม่กินเหรอ"

"ไม่กิน นัทกินเหอะ"

"ทำไมล่ะ ไม่ชอบกินไอติมเหรอ"

"ไม่ชอบเท่าไหร่"

"จริงเหรอ ถ้าพี่แฟรงค์อยากกิน นัทแบ่งให้ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"ไม่เป็นไร แม่สอนแฟรงค์ว่า พี่ต้องเสียสละให้น้อง นัทเป็นน้องของแฟรงค์ แฟรงค์ก็ต้องเสียสละให้นัทไง"

"แต่ว่า...นัทไม่ใช่น้องแท้ๆ ของพี่แฟรงค์ซะหน่อย เฟิร์นต่างหากล่ะ" ผมทำหน้าเศร้า

"ใครบอก นัทเป็นน้องชายของแฟรงค์นะ ถ้านัทไม่ใช่น้องชายของแฟรงค์ แฟรงค์ไม่ซื้อไอติมให้กินหรอก แฟรงค์ซื้อไอติมให้นัทกินเพราะนัทเป็นน้องของแฟรงค์นะ นัทอย่าคิดมากสิ"

แล้วแฟรงค์ก็เอามือยีหัวผมเล่นเบาๆ


ใช่...ถ้าใครได้ฟังประโยคนี้ที่แฟรงค์พูดกับผมแล้วยังไม่รู้ว่าแฟรงค์รักผมมาก คนๆ นั้นก็คงเสียสติไปแล้ว

"แฟรงค์ซื้อไอติมให้นัทกินเพราะนัทเป็นน้องของแฟรงค์นะ นัทอย่าคิดมากสิ"

คำพูดนี้ของแฟรงค์ดังก้องอยู่ในหัวของผมซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งรู้ว่าแฟรงค์รักผมมากเท่าไหร่ มันก็ตอกย้ำให้ผมรู้ว่าผมได้สูญเสียคนที่รักผมมากที่สุดไปคนหนึ่งแล้ว

ผมมองดูแฟรงค์อีกครั้ง แล้วก็รำพึงรำพันในใจ

พี่แฟรงค์...พี่ชายที่แสนอบอุ่นของนัท นัทกำลังจะสูญเสียความรู้สึกพิเศษที่พี่เคยมีให้นัทไปแล้วใช่มั้ย นัทกลัว...กลัวต้องกลับไปเป็นเหมือนตอนมอหนึ่งอีก นัทไม่อยากทรมานอย่างนั้นอีกแล้ว พี่แฟรงค์ช่วยนัทด้วย

คิดไปแล้วผมก็คงได้แต่สงสารตัวเอง คนที่ไม่พยายามเพื่อความรักอย่างผมคงไม่มีใครเชื่อใจอีกแล้ว แม้กระทั่งคนที่เคยรักผมมากๆ อย่างแฟรงค์ยังหมดความเชื่อใจเลย

อีกเพียงสามสี่คนก็จะถึงตาของผมแล้ว แฟรงค์มองมาที่ผมเช่นเดียวกัน และดูเหมือนจะคอยมองมาเรื่อยๆ แม้ในขณะที่รับพรจากแขกเหรื่อก็ยังคงมองมาที่ผม แต่ผมก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่าสายตาคู่นั้นกำลังส่งสารอะไรออกมา

ตอนนี้แม่ผมกำลังอวยพรให้เพียว จากนั้นก็อวยพรให้แฟรงค์ แม่คืนน้ำสังข์แล้วก็มีคนตักน้ำสังข์ส่งให้พี่นิวบ้าง พี่นิวก็ทำเหมือนคนอื่นๆ อวยพรให้เจ้าสาวก่อนพร้อมกับรดน้ำสังข์ลงไป ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการอวยพรให้เจ้าบ่าวพร้อมกับรดน้ำสังข์เช่นเดียวกัน

พอมาถึงตาของผม พอรับสังข์มาแล้วผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าเพียว แฟรงค์ชำเลืองมองผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออกแล้วก็หันกลับไปตามเดิม ผมค่อยๆ รินน้ำสังข์ให้เพียวแล้วก็กล่าวคำอวยพรให้เธอ

"ยินดีด้วยนะเพียว ขอให้มีความสุขกับชีวิตครอบครัวมากๆ นะ รักกันให้มากๆ ดูแลกันให้ดีๆ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองนะ"

แม้จะรู้สึกว่าคำอวยพรของผมดูเฝือไปหน่อย แต่มือไม้ผมก็สั่นจนเผลอรินน้ำสังข์ให้เพียวเกือบหมด หรืออาจจะหมดไปแล้วก็ได้

พอขยับมาหาแฟรงค์ แฟรงค์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ความรู้สึกตอนนี้ช่างเหมือนกับตอนที่แฟรงค์มาหาผมเป็นวันสุดท้ายก่อนจะไปเรียนต่อเหลือเกิน ผมกอดแฟรงค์แน่นแล้วก็ร้องไห้

"พี่แฟรงค์...แล้วนัทจะไปโรงเรียนกับใครล่ะ ใครจะซื้อไอติมให้นัทกิน นัทมีพี่ชายคนเดียว แล้วใครจะเป็นพี่ชายให้นัทล่ะ พี่แฟรงค์อย่าไปนะ นัทไม่อยากให้พี่แฟรงค์ไปเลย"

แฟรงค์กอดผมแน่นเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากลูบหลังปลอบใจ

"นัทไม่มีพ่อแล้ว นัทมีพี่แฟรงค์คนเดียว นัทมีพี่ชายคนเดียว พี่แฟรงค์ไปแล้วนัทจะอยู่กับใคร พี่แฟรงค์ไม่สงสารนัทเหรอ"

ผมเฝ้าคร่ำครวญปานจะขาดใจ คนที่กอดผมไว้ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน แต่ไม่ว่าผมจะร้องไห้อ้อนวอนสักแค่ไหน สุดท้ายแฟรงค์ก็ต้องไปอยู่ดี


แม้ว่าชีวิตจะยังอยู่ต่อไปได้ แต่สองสามปีแรกนั้นผมก็ทรมานจากความคิดถึงมากเหลือเกิน จนกระทั่งวันนั้นที่ผมขี่จักรยานไปยืนมองบ้านแฟรงค์เป็นครั้งสุดท้าย ผมถึงได้รู้ว่า...ผมรักแฟรงค์เข้าให้แล้ว ไม่รู้รักมาตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่ารักครั้งนั้นของผมฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้

"พี่แฟรงค์ นัทขอให้พี่แฟรงค์มีความสุขมากๆ นะครับ ดูแลเพียวให้ดีๆ รักกันให้มากๆ รักกันตลอดไปนะครับ"

แล้วผมก็เอียงสังข์เพื่อจะรดน้ำสังข์ลงไป แต่กลับไม่เหลือน้ำเหลือแม้แต่หยดเดียวเพราะผมเผลอรดให้เพียวจนหมด แต่ถึงจะไม่มีน้ำสังข์เหลือแล้ว กลับมีหยดน้ำหนึ่งหยดรดลงไปแทน

น้ำตาของผมเอง!

ไม่รู้ว่าไหลลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูเหมือนแฟรงค์จะตกใจมากทีเดียวที่น้ำที่รดลงไปบนมือของแฟรงค์ไม่ใช่น้ำสังข์ แต่กลับเป็นน้ำตาของเจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์

ผมรีบคืนสังข์ให้เด็กที่คอยเปลี่ยนน้ำสังข์ไป หันหลังแล้วก็รีบก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่แฟรงค์จะเห็นน้ำตาหยดต่อไปของผมร่วงลงมา

เดินออกมาไม่ทันไร ผมก็ได้ยินเสียงคนร้องเอะอะเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลัง ยังไม่ทันได้หันไปมองด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งวิ่งมาจับข้อมือผม ไม่สิ น่าจะเรียกว่าฉุดเสียมากกว่า แล้วก็พาผมวิ่งออกไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวเลย

"นัท! ไปกับพี่เร็ว!"

เสียงที่ผมคุ้นเคยพูดเหมือนออกคำสั่ง แต่ผมก็ไม่โกรธหรอก ตรงกันข้ามผมกลับดีใจจนแทบกระโดด แม้ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหนหรือวิ่งไปทำอะไร ผมก็วิ่งตามไปอย่างสุดชีวิต ถ้าเป็นคนๆ นี้แล้ว จะพาผมไปไหนผมก็ยอมไปด้วยทั้งนั้น!


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:08:36 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายยยยยย หนีตามกันไปเลยยยย คริคริ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เฮ้ยยยย เล่นแบบนี้เลยเหรอพี่แฟรงค์ แต่ก็ดีพ่อกับแม่พี่จะได้รู้ๆ กันไปเลยว่าจะมาบังคับกันไม่ได้ อยากให้แต่งก็แต่งให้แล้วคงจะไม่มาบังคับกันอีก แต่นี่คงต้องเสียค่าทำขวัญเพิ่มให้เพียวด้วยซินะและหนี้นั้นก็คงยกเลิกไปด้วยแน่ๆ แก้เผ็ดพ่อแม่ได้แสบดีนะพี่แฟรงค์

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อันนี้ฉีกหน้าเพียวเต็มๆ นางคงได้คลั้งบ้างละ อย่างนี้เขาเรียกหม้ายขันหมากหรือเปล่านะ  :hao3: :hao3: :hao3:
สมน้ำหน้าเพียวที่ไม่รู้จักมีความคิดเป็นของตัวเอง  แต่พ่อแม่แฟร้งคงจะโกรธแฟร้งและนัทมากซินะ แต่ก็นะโทษใครไม่ได้บีบให้แฟร้งทำแบบนี้เอง


แล้วทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อไป อยากรู้มากที่สุด :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
กรีดร้องด้วยความสะใจ  :jul3:

อยากให้แต่งใช่ไหม?   ได้เลยก็แต่งให้แล้วไง  แต่งๆไปก่อนแล้วค่อยเลิกใช่ไหม?  นี่ไงค่อยเลิก   ขอให้ยังไม่ได้จดทะเบียนเถอะ  วิวาห์เหาะเลย

ที่จริงก็เสี่ยงมากๆนะ  เผื่อนัทจะไม่โผล่มาที่งาน   
ปู่ไม่มา สงสัยเฟิร์นวางแผนอะไรไว้แน่ๆ
แต่สะใจจริงๆค่ะ  ไปขายเส้นสดกันเถอะ
ไม่ต้องหนีแล้ว   อยากรู้เหมือนกันว่าพ่อแม่แฟรงค์จะทำยังไง  จะตัดหางลูกปล่อยวัดได้ตลอดจริงๆหรือเปล่า?

การเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก็คือรักลูกก็ต้องยอมให้ลูกได้เดินในทางที่เขาเลือกด้วย   เส้นทางอาจจะลำบาก อาจจะไม่ตรง  แต่เป็นตัวลูกที่ต้องเดินเอง  อย่าบังคับลูกให้ใช้ชีวิตแทนตัวพ่อแม่

วันนี้สะใจหลายๆอย่าง   นังต้องตาด้วย   หลอกเขาแล้วก็โดนเขาหลอกกลับ  ที่หวลกลับเอาเงินมาล่อนี่คืออยากจะหาคนมาแทนไอ้เลวนั่นสิ   ที่โดนให้ออกจากงานก็คือที่นางทำๆไว้เมื่อก่อนมันเป็นไอเดีย เป็นฝีมือของนัทเสียส่วนใหญ่หรือเปล่า? 

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
โหหหหห พี่แฟรงค์เล่นงี้เลยอ่ะ พาหนีวันงานแต่ง เพียวเองก็เป็นหม้ายงานแต่งเลยอ่ะ ความรักของแฟรงค์ตอนนี้ เหมือนโคถึก พิขังไว้   จริงๆฉุดไม่ได้แล้ว แต่สะใจดีคับ ๕๕๕ 
   รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับว่างานแต่งจะเป็นไง นัทกับแฟรงค์จะทำไง แฟรงค์ขนาดล้มงานแต่งเพื่อนัทเลยนะ 

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ยิ่งได้มารู้จากปากของเฟิร์นเองว่าการคบกันของแฟรงค์กับเพียวครั้งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรซ่อนเอาไว้อยู่ จากที่เคยคิดว่าจะต้องเกรงใจหรือไว้หน้าฝ่ายหญิงบ้างก็ทำให้แฟรงค์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไปเลยนะคะเนี่ย

แล้วที่ทุกอย่างต้องมากลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แหละค่ะ เพราะว่าแฟรงค์พูดดีก็แล้ว ร้องไห้ใส่ก็แล้ว แต่พวกคุณพ่อคุณแม่ก็ยังดึงดันจะให้แฟรงค์แต่งงานกับเพียวให้ได้เองนี่นา

ส่วนสำหรับนัท ในเมื่อแฟรงค์เลือกที่จะหันหลังจากมาพร้อมๆ กับนัทแล้วแบบนี้ ก็จับมือกับพี่เขาไว้ให้แน่นๆ เลยนะคะ ตัดสินใจพลาดไปหนหนึ่งแล้วก็รักษาโอกาสที่ได้มานี้ให้ดีเลยเชียวล่ะ :กอด1:

ปล. คำผิดจ้า

ผมมองหน้าแก้วตา(ต้องตา)นิ่ง ท่าทางที่เฉยเมยขนาดนี้

เพียว(เฟิร์น)หัวเราะชอบใจที่ได้ยินผมตอบอย่างนั้น

จากนั้นญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มทะยอย(ทยอย)กันมารดน้ำสังข์ตามลำดับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด