❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly  (อ่าน 92598 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
@ Khun Sarawatta

เดินทางปลอดภัยนะคะ

ว่าด้วยไอศครีมยี่ห้อนี้ ที่เราอยู่นี่ราคา 200 บาทต่อกล่อง 0.5 ลิตร  นานๆครั้งถึงจะซื้อเพราะว่าที่บ้านชอบไอศรีมกันมากๆ  เท่าไหร่ก็ไม่พอ   อีกยี่ห้อที่ชอบก็คือ Ben & Jerry  ค่ะ ราคาพอๆกันเลยค่ะ   10 กว่าปีก่อนกลับเมืองไทยกับลูกชาย 2 คน ไปมั่งทานไอศรีมแบรนด์นี้ที่ร้านค่ะ  โดนไป 1200 บาท  แต่ยอมรับอร่อยจริงๆ

แฟรงค์สปอล์ยนัทมากๆเลยค่ะ  ซื้อไอศรีมแบรนด์นี้ให้ทาน   สำหรับเราสงสัยจากนี้ไปเห็นยี่ห้อนี้เป็นต้องนึกถึงแฟรงค์กับนัทแล้วสิ

รออ่านตอนต่อไป วันที่คุณว่างนะคะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เป็นตอนที่อ่านแล้วอบอุ่น ทั้งที่เตรียมตั้งมาม่าเพราะกะว่านัทคงไม่ออกมาเจอแน่

แต่นัทก็ออกมาเจอ ทำให้กลายเป็นตอนที่น่ารัก อบอุ่นมากๆ  o13

ออฟไลน์ มะฮอกกานี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบเรื่องทีคุณแต่งมาก
ตัวละครมีมิติที่จับต้องได้จริงๆ
อ่านแล้วรู้สึกอินไปด้วยจริงๆ

ขอบคุณอารมณ์อันละเอียดและอ่อนไหวของคุณ
ถึงแม้คุณจะต้องวูบวาบเหนื่อยไปบ้าง กับอารมณ์ต่างๆของตัวละคร 
แต่อยากจะบอก


มันคุ้มค่าครับ

ขอบคุณนะ
สำหรับความสุขอันดื่มด่ำ
จากการอ่าน

ที่คุณมอบให้

 :กอด1:






ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ไอติมยี่ห้อได้ยินมานานแล้วละว่า อร่อย แต่ราคาไม่ไหวแฮะ กินเดลี่ควีนไปละกัน คงพอแทนกันได้ อิอิ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ไอติมยี่ห้อได้ยินมานานแล้วละว่า อร่อย แต่ราคาไม่ไหวแฮะ กินเดลี่ควีนไปละกัน คงพอแทนกันได้ อิอิ

ผมก็เพิ่งลองกินนี่แหละครับ ซื้อกระปุกใหญ่ด้วย ราคามากกว่าครึ่งพัน เดินวนไปดูหลายรอบมากกว่าจะตัดสินใจซื้อ ต่อไป ผมจะได้บรรยายได้ถูกไงครับว่ามันอร่อยยังไง จะมีตอนที่บรรยายความอร่อยของไอศกรีมที่นัทกินในตอนพิเศษครับ

ตอนหน้า จะอัปเดตวันจันทร์ คิดว่าปลีกเวลาได้ เราจะเริ่มเข้าใจพฤติกรรมของแฟร้งค์มากขึ้นแล้วครับว่ามูลเหตุจูงใจเบื้องหลังคืออะไร คนที่อ่านงานผมมาสองสามเรื่องคงพอรู้ว่าตัวละครของผมไม่ดีเลิศประเสริฐศรี เป็นพระเอก นายเอกในฝัน

แต่ยังไงก็ตาม พฤติกรรมของแฟร้งค์มีที่มาที่น่าสนใจมาก

อย่าลืมติดตามตอนต่อไปให้ได้ครับ

Sarawatta

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ตอนที่ 10 - เราว่าทำใจลำบากมากสำหรับเพียว แต่เรื่องนี้จะว่า ผิดที่แฟรงค์เหรอ มันอาจจะใช่ในแง่ของความซื่อสัตย์มั่นคงในความรัก แต่อีกมุมนึงถ้าแฟรงค์สามารถควบคุมใจตัวเองได้เหมือนการเปิดปิดก๊อกน้ำแฟรงค์ก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นหรอก แฟรงค์แค่อยากจะมีความสุขเท่านั้น แต่ตอนนี้ ขอเทคะแนนความสงสารให้เพียวก่อน ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง ดิ้ง 100 pt+++ งานนี้ต้องสตรองจ๊ะ ไม่มีเค้าเราก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้และมี ความสุข +เป็ด

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
บทที่ 11 -- จริงๆ แอบฟินกับตอนนี้มากเลยนะ รู้สึกถึงมวลความสุขที่ตลบอบอวลอยู่ แต่แอบสะทกสะท้อนใจตอนที่แฟรงค์กล่าวเกี่ยวกับ 'พายุ' หากแฟรงค์คือพายุที่พร้อมทำลายทุกอย่าง นัท คงจะเปรียบเหมือนผู้ที่ถูกเลือกให้รอดชีวิต ในขณะที่ เพียว เป็นผู้ที่ถูกพายุร้ายตัดสินให้เสียชีวิต งานนี้เพียวต้องเข้มแข็งมากๆ ถึงจะเข้าขั้นโคม่า แต่ต้องรอดจากพายุนะ สงสารเพียวมากเลยตอนนี้ แค่แฟรงค์ดอดมาคุยกับนัทก็สะเทือนใจมากแล้ว นี่ถ้ารู้ว่าสองคนนั้นเปิดห้องนี่คงจะช้ำใจมากแน่ เป็นตอนที่อ่านแล้วมีความสุขแต่ก็รู้สึกเหมือนมีเสี้ยนหนามมาตำใจอยู่ในที +เป็ด

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 12 ✢ ความผูกพันที่เคยลืม


[/center]

"พี่แฟรงค์ กลับไปนอนที่ห้องพี่แฟรงค์ดีกว่านะ"

ถึงไม่อธิบายแฟรงค์ก็คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร แม้สิ่งที่ผมพูดจะขัดแย้งกับที่เพิ่งตกลงกันไว้ ใบหน้าของแฟรงค์กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สุขและสงบ ไม่มีร่องรอยขุ่นเคืองแม้เพียงนิดแสดงออกมาให้เห็นเลย

แฟรงค์พยักหน้า เดินมากอดผมไว้เบาๆ ก่อนจะกอดไว้หลวมๆ เพื่อมองหน้ากัน

"ขอบคุณนัทมากนะที่มาคุยกับพี่ ขอบคุณที่รักพี่ จำไว้นะ...นัทเป็นที่หนึ่งในใจของพี่เสมอ นอนหลับฝันดีนะ"

ผมพยักหน้าเบาๆ และยิ้มบางๆ สายตาของเราที่ประสานกันมีเพียงประกายแห่งความรักที่ไม่อาจปิดบังซ่อนเร้นได้อีกต่อไป

"ขอบคุณพี่แฟรงค์ด้วยที่ยังเก็บหัวใจไว้ให้นัท ทำให้นัทได้เจอความรักแล้วก็ความอบอุ่นที่นัทตามหามาตั้งนาน"

แฟรงค์ใช้มือลูบผมของผมเบาๆ อย่างเอ็นดูเหมือนที่เคยทำบ่อยๆ

"พี่ดีใจที่สุดในชีวิตเลยที่ได้เจอนัทอีก ชีวิตที่เหลือของพี่ พี่จะขออยู่ดูแลน้องของพี่อย่างนี้ตลอดไป"

ผมรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน ในชีวิตของเราจะมีสักกี่ครั้งที่ได้ยินใครสักคนบอกเราอย่างนี้ ผมก็อยากอยู่กับแฟรงค์ตลอดไปเช่นเดียวกัน แม้ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้สักแค่ไหนก็ตาม

"ฝันดีนะครับพี่ชาย"

แฟรงค์ค่อยๆ ปล่อยมือให้ผมเป็นอิสระ แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ต่อช่วงเวลาดีๆ ออกไปอีกหน่อย แต่ผมก็รู้ว่าแฟรงค์มีความสุขมาก และมีพลังมากพอที่จะกลับไปเผชิญปัญหาต่อไป ผมหันหลังเดินกลับขึ้นไปบนที่พัก แฟรงค์ยังคงยืนมองอยู่ พอผมเข้าไปในห้องแล้วถึงค่อยๆ เดินออกไปอย่างเงียบๆ

หนึ่งเดือนเศษๆ ที่ผมได้กลับมาเจอแฟรงค์ นอกจากจะได้ค้นพบหัวใจตัวเองแล้ว ผมก็เริ่มเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของแฟรงค์ตอนที่เราไม่ได้เจอกันมากขึ้น

แฟรงค์เล่าให้ผมฟังว่าพ่อไม่เคยปล่อยให้แฟรงค์มีเวลาว่างเลย นอกจากสั่งห้ามไม่ให้มาเหยียบเพชรบูรณ์แล้ว ตอนเรียนมัธยมก็มักส่งแฟรงค์ไปทำกิจกรรมต่างๆ ช่วงปิดเทอม ในประเทศบ้าง ต่างประเทศบ้าง น่าสงสัยว่าพ่อของแฟรงค์คงต้องการให้แฟรงค์ลืมบางอย่างเร็วที่สุด การให้พบเจอสิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆ ก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่มักใช้ได้ผล

แฟรงค์ได้เรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพเพราะพ่ออยากให้เข้ามาช่วยงานในรีสอร์ท ในขณะที่น้องสาวของแฟรงค์กลับได้ไปเรียนต่างประเทศ ปิดเทอมแฟรงค์ก็ต้องมาขลุกอยู่แต่ในรีสอร์ทตามที่พ่อสั่ง ยกเว้นว่ามีกิจกรรมอย่างอื่นที่ต้องทำ แฟรงค์จึงถูกหล่อหลอมขัดเกลาเพื่อให้สามารถสานต่อธุรกิจและเป็นผู้นำของครอบครัวในอนาคตได้ แทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตตามวัยของตัวเองเลย

พอแฟรงค์เรียนมหาวิทยาลัยไปได้ปีสองปี คนในบ้านเริ่มเป็นกังวลเมื่อเห็นแฟรงค์ไม่ยอมมีแฟน ถึงขนาดเคยแอบพาแฟรงค์ไปพบจิตแพทย์เพราะอยากรู้ว่าแฟรงค์ผิดปกติหรือเปล่า พ่อพยายามแนะนำให้แฟรงค์รู้จักกับลูกสาวของเพื่อนๆ บ่อยๆ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า แฟรงค์เองก็กดดันตัวเองไม่น้อยที่ทำให้ครอบครัวต้องกังวลไปด้วย หลังๆ ก็เลยลองจีบสาวดู แต่ก็ไม่รู้สึกอยากคบใครเป็นแฟนสักคน

พอแฟรงค์ได้เจอเพียวจึงทำให้ที่บ้านโล่งใจขึ้นมาก รู้จักกันได้แค่ปีเดียวก็ยุให้แฟรงค์หมั้น แต่แฟรงค์ก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพราะตัวเองเพิ่งเรียนจบและยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอ จนกระทั่งผ่านไปสองปีกว่าจึงยอมตกลงที่จะหมั้นกับเพียวตามที่ครอบครัวเสนอ แฟรงค์ไม่ถึงกับรู้สึกว่าลำบากใจ เพราะเห็นว่าเพียวเป็นผู้หญิงคนเดียวที่แฟรงค์จะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงดูราบรื่นเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเลย

ที่บ้านของแฟรงค์ชอบเพียวจนออกนอกหน้า ถึงขนาดเคยให้ที่บ้านของเพียวยืมเงินนับล้านบาทช่วงที่บ้านของเพียวประสบปัญหา แม้ว่าจะยังไม่ได้เงินคืนจนป่านนี้ ที่บ้านของแฟรงค์ก็ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนที่จะทวงคืนด้วยซ้ำ

พอหมั้นกันแล้วที่บ้านก็ยังพยายามจะเร่งให้แต่งงานกัน บังเอิญช่วงนั้นเพียวมีโปรแกรมแข่งขันยาวติดต่อกันตลอดทั้งปี งานแต่งงานจึงถูกเลื่อนออกมาปีเศษๆ พอเพียวเริ่มว่างแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงคุยกันเรื่องแต่งงานอีกครั้ง จนกระทั่งได้ฤกษ์เป็นช่วงกลางเดือนมกราคมปีหน้า นับจากวันนี้ไปก็เหลืออีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นเอง

ผมไม่รู้ว่าแฟรงค์สงสัยเหมือนผมหรือเปล่า พอลองปะติดปะต่อเรื่องที่รับรู้มาทั้งหมด ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อของแฟรงค์หรือเปล่าที่พยายามกีดกันไม่ให้แฟรงค์กลับมาหาผม เป็นไปได้หรือเปล่าที่พ่อของแฟรงค์เห็นอะไรที่เราสองคนไม่เห็นตอนเรียนประถมด้วยกัน แต่ถึงกระนั้น พ่อของแฟรงค์ก็ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจผมหรอก ผมไปที่บ้านแฟรงค์สองสามครั้งแล้วก็ไม่เคยได้ยินคำพูดหรือเห็นท่าทางไม่ต้อนรับเลย อาจจะเป็นเพราะพ่อของแฟรงค์สบายใจที่แฟรงค์จะแต่งงานกับเพียวแล้วก็ได้

ผมว่าแฟรงค์ก็คงสงสัยเรื่องนี้ จึงไม่แปลกที่แฟรงค์รู้สึกปรารถนาผมอย่างรุนแรงจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ คล้ายกลับเป็นปฏิกิริยาโต้กลับของจิตใจที่ถูกกดดัน ผมรู้ว่าแฟรงค์รักผมมากตอนเด็กๆ ยิ่งตอนที่พ่อของผมเสียตอนผมอยู่ปอสี่ แฟรงค์ก็ยิ่งดูแลผมไม่ห่างและไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเลย พอเห็นคนที่ตัวเองเคยรักเคยเป็นห่วงมาอยู่ใกล้ๆ บวกกับความกดดันที่ผ่านมา แฟรงค์จึงถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงจากความรู้สึกลึกๆ ภายในเพื่อคว้าคืนของรักที่เคยสูญเสียไป

ความร้อนรนของแฟรงค์คงเกิดจากความรู้สึกผิดสองเรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องที่เคยทอดทิ้งผมไป เรื่องที่สองคือกลัวว่าผมจะน้อยใจที่แฟรงค์มีคนอื่นไปแล้ว แฟรงค์เลยเป็นห่วงความรู้สึกของผมจนตกอยู่ในสภาพอย่างที่เห็น ถ้าปล่อยให้กดดันมากเข้า แฟรงค์อาจทำอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้ ผมไม่อยากให้แฟรงค์เป็นหนักขนาดนั้นเพราะไม่เป็นผลดีกับใครเลย

พอเข้าใจอย่างนี้แล้วผมจึงตัดสินใจออกมาหาแฟรงค์และบอกรัก แม้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่อยากเห็นคนที่รักดิ้นรนทุรนทุรายโดยที่ผมแค่ยืนดูเฉยๆ ยิ่งรู้ว่าแฟรงค์รักผมมากกว่าที่ผมเคยรู้ ผมก็ควรจะต้องทำอะไรสักอย่างให้แฟรงค์บ้าง

แม้รู้ว่าผิด แต่ผมก็ดีใจที่คำว่ารักของผมทำให้แฟรงค์สงบเย็นลง ผมเพิ่งตระหนักว่ายิ่งเมินเฉยหรือถอยหนี แฟรงค์ก็จะยิ่งทุรนทุราย การคอยต้านทานจึงไม่เป็นผลดี ตอนที่แฟรงค์ชวนผมเปิดห้องใหม่ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วย แต่ผมก็รู้ว่ายังไม่ควรขัดใจ จึงรอให้แฟรงค์ได้ใช้เวลากับผมมากพอและสงบเย็นก่อน พอผมปฏิเสธตอนหลังแฟรงค์จึงไม่มีอาการต่อต้านเลย

ถึงตอนนี้ ไม่ว่าผมจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับแฟรงค์หรือเปล่า ผมก็จะคอยเป็นกำลังใจให้คนที่ผมรัก และยินดีช่วยทำทุกอย่างให้แฟรงค์ได้เจอทางออกของชีวิตที่ดีที่สุด แม้ว่าจะเป็นทางออกที่ไม่มีผมเดินทางไปด้วยเลยก็ตาม


ผมได้นอนเพียงแค่สองชั่วโมงเศษๆ ก็ต้องรีบตื่นมาอาบน้ำ ก่อนที่เราจะออกเดินทางไปที่ภูทับเบิกตอนตีห้า ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่สิบนาทีก็เดินทางมาถึงถนนที่จะนำไปสู่ภูทับเบิก แม้ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ แต่ถนนก็มีแค่สองเลนสวนกัน บางช่วงเริ่มมีการเคลียร์พื้นที่เตรียมขยายถนนแล้ว ต่อไปคงจะช่วยให้การเดินทางสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

พอวิ่งไปได้สักพักทางก็เริ่มชันและคดเคี้ยว มีรถขนกะหล่ำวิ่งสวนมาเป็นระยะๆ ฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นทีละน้อยแต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจน จนกระทั่งระดับความสูงเพิ่มมากขึ้น เราจึงพอมองเห็นภาพภูเขาสลับซับซ้อนไกลออกไปได้ รวมทั้งภาพเมืองเขาค้อด้านล่างด้วย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนในรถมากทีเดียว

จนกระทั่งรถตู้สองคันพาเรามาถึงที่หมายที่จุดสูงสุดของภูทับเบิก เพื่อนๆ พนักงานก็แยกย้ายกันไปเป็นกลุ่มๆ แล้วแต่ว่าใครจะสนิทกับใคร ผมเลือกไปกับปอนด์ ส่วนแฟรงค์ก็ไปกับเพียวอย่างที่รู้กันอยู่ ไม่ได้ไปกับผมตามที่ตกลงกันไว้เมื่อคืนนี้ พอแฟรงค์หายร้อนรนแล้วก็คงมีสติรู้ว่าอะไรควรไม่ควร

ผมกับปอนด์ไปถ่ายรูปตามจุดชุมวิวต่างๆ หลายจุด มีเพื่อนพนักงานที่ผ่านมาเจอมาขอถ่ายด้วยบ้าง จากนั้นก็เดินไปหาร้านกินกาแฟและอาหารเช้า เราเลือกร้านไข่กระทะร้านหนึ่งที่เจ้าของเป็นชาวเขา พื้นที่ร้านเปิดโล่งทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ เบื้องล่างลงไปตามเนินเขามีรีสอร์ทผุดขึ้นราวดอกเห็ด สีหลังคาหลากสีสันดูจะขัดกับธรรมชาติรอบด้านมากพอควร ปอนด์บ่นใหญ่เลยว่าทำให้เสียทัศนียภาพ มีไร่กะหล่ำให้เห็นอยู่บ้างประปรายในบริเวณนี้ แต่พื้นที่ปลูกก็เริ่มน้อยลงไป

ผมเหลือบไปเห็นแฟรงค์กับเพียวเดินผ่านมาพอดี เราสองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วแฟรงค์ก็เดินจากไป

"เมื่อคืนมึงหายไปไหนมาวะ"

จู่ๆ ปอนด์ก็ถามขึ้นมาหลังจากที่แฟรงค์เดินไปแล้ว เล่นเอาผมสะดุ้งนิดๆ เพราะไม่คิดว่าปอนด์จะรู้

"อ๋อ...ออกมาคุยกับแฟรงค์ข้างนอก"

ผมรับสารภาพไปตามตรง ชักหวาดระแวงว่าปอนด์จะสงสัยเรื่องผมกับแฟรงค์เข้าจนได้

"คุยอะไรดึกๆ ขนาดนั้นวะ"

"ไม่มีอะไร กูกับแฟรงค์โตด้วยกันที่นี่ ก็เลยอยากคุยกันเรื่องเก่าๆ ตามประสาคนคิดถึงบ้านนั่นแหละ"

ปอนด์พยักหน้าเข้าใจอย่างช้าๆ แต่สายตากลับดูเหมือนมีคำถามอยู่

"กูถามมึงตรงๆ ได้มั้ยวะไอ้นัท"

ผมสะดุ้งอีกรอบ ถามกันอย่างนี้แสดงว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เพื่อนผมสงสัยจนเก็บไม่ไหว

"จะถามอะไรวะ" ผมพยายามยิ้มและหัวเราะ แล้วก็ตักไข่กระทะกินไปพลางๆ

"มึงกับพี่แฟรงค์...ดูแปลกๆ ว่ะ"

ผมเสียวสันหลังวาบ รีบวางช้อนลงทันที

"ยังไงวะ"

"เอางี้" ปอนด์ทำท่าครุ่นคิด "กูถามมึงตรงๆ ละกัน อย่าโกรธกูนะเว้ย"

ผมว่าปอนด์มันสงสัยแล้วล่ะ ก็เลยต้องเตรียมใจรอรับฟังคำถามของมัน พร้อมกับหาคำตอบที่พอจะตอบได้เตรียมไว้ด้วย

"มึงกับพี่แฟรงค์...เป็นอะไรกันหรือเปล่าวะ"

พอเตรียมใจไว้แล้วผมจึงไม่ตกใจมาก แต่หน้าก็คงซีดไปมากพอดู

"แล้วมึงเห็นอะไรล่ะ"

ปอนด์หัวเราะเบาๆ "ก็ไม่เห็นอะไรเยอะขนาดนั้นหรอก แต่กูก็เห็นอะไรบางอย่างแปลกๆ จนกูคิดว่ามึงกับพี่แฟรงค์...ชอบกันหรือเปล่าวะ"

ปอนด์ตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ เล่นเอาผมถึงกับหน้าชา อากาศหนาวยังไม่ทำให้รู้สึกชาอย่างนี้เลย ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มองหน้าเพื่อนอย่างลำบากใจ จากนั้นก็หันไปทางอื่น มองไกลออกไปยังขุนเขาที่สลับซับซ้อนและท้องฟ้าที่ฉาบด้วยแสงสีแดงส้มจากแสงแห่งรุ่งอรุณวันใหม่

"เฮ้ย กูทำให้มึงเครียดหรือเปล่าวะไอ้นัท ถ้ามึงลำบากใจมึงก็ไม่ต้องบอกกูก็ได้นะเว้ย"

ปอนด์รีบบอกอย่างเกรงใจเมื่อเห็นผมทำหน้าเครียด

ผมหันมามองเพื่อนแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ "เออ...กูชอบพี่แฟรงค์"

ปอนด์ทำหน้าตกใจและนั่งนิ่ง จ้องหน้าผมราวกับจะไม่เชื่อ

"แล้วที่มึงเมาเป็นบ้าวันนั้นก็เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย"

ผมถอนหายใจแล้วก็พยักหน้า "มึงจะให้กูทำไงวะ กูก็ไม่รู้จะทำไงจริงๆ ว่ะ"

ปอนด์พิงหลังติดพนักเก้าอี้ สีหน้าครุ่นคิดและเครียดไปกับผมด้วย

"กูก็ไม่เคยเจอแบบนี้ว่ะ แต่ถ้าเค้ากำลังจะแต่งงานกัน กูว่าถอยดีกว่าว่ะ"

ผมพยักหน้าเข้าใจ ก้มหน้าลงต่ำมองดูอาหารบนโต๊ะ

"แล้วมึง...คิดยังไงกับเรื่องนี้วะ มึงไม่รังเกียจกูใช่มั้ยที่เป็นแบบนี้"

"มันยุคไหนแล้วไอ้นัท ถ้ากูรังเกียจมึงกูจะมานั่งคุยกับมึงทำไมวะ"

ปอนด์ตอบกลับมาทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด ผมนั่งตัวตรงแล้วก็มองหน้าเพื่อน

"ขอบใจนะเว้ยไอ้ปอนด์"

"อย่าคิดมาก กินข้าวให้หมดเหอะ อย่าคุยเรื่องนี้เลย เครียดกันเปล่าๆ ว่ะ มาเที่ยวก็ต้องเที่ยวให้สนุก กูก็ปากไม่ดีเองที่ถามมึง ขอโทษนะเว้ย"

ผมพยักหน้า ยิ้มเศร้าๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าต่อ เสร็จแล้วก็เดินลงไปดูไร่กะหล่ำ น่าจะปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวดูมากกว่าที่จะขายกันจริงๆ จังๆ เพราะมีอยู่ไม่มาก ตลอดทางจะเห็นดอกลำโพงสีขาวปลูกแซมตามทางเดินเป็นระยะๆ

ผมเห็นแฟรงค์กับเพียวเดินดูไร่ดอกกะหล่ำด้วยกันอยู่ไม่ไกลนัก แม้จะรู้ว่าแฟรงค์ต้องทำอย่างนั้นเพราะหน้าที่คู่หมั้น แต่ผมก็อดที่จะสะท้อนใจและเศร้าใจหน่อยๆ ไม่ได้

ผมไม่รู้หรอกว่าเวลาหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่จะเกิดอะไรขึ้น ก็ได้แต่ภาวนาว่าฟ้าดินจะเห็นใจและทำให้เราเจอทางออกที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่เจอทางออกนั้นเลย ผมก็ยินดีที่จะเป็นฝ่ายจากไปตามทางของตัวเอง แม้กลัวว่าจะเป็นเหมือนตอนอยู่มอหนึ่ง แต่การที่ผมได้รู้ว่าแฟรงค์ไม่ลืมผม รู้ว่าแฟรงค์รักผมมากแค่ไหน รู้ว่าที่ไม่กลับมาหาเพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง แค่นี้...ก็มากพอที่จะทำให้ช่องว่างที่กว้างและลึกในใจของผมค่อยๆ ถมตื้นขึ้นมาจนเกือบเต็มได้แล้ว

... ... ...

พอลงจากภูทับเบิกมาแล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่ร้านขนมจีนเส้นสดของแม่ผมทันที มาถึงร้านก็เกือบๆ เที่ยง แม่ผมกับพี่นิวกันโต๊ะส่วนหนึ่งไว้ให้พร้อม พอมาถึงก็ไปนั่งกินได้เลย

พอรถเข้ามาจอด แม่กับพี่นิวออกมาต้อนรับพวกเราถึงที่รถ แม่ผมมาถึงก็สอดส่ายสาตาหาแฟรงค์แทนที่จะมองหาลูกชายของตัวเองก่อน

"แฟรงค์ล่ะลูก"

แม่ถามในขณะที่ผมยกมือสวัสดี แกรับไหว้ก็จริงแต่สายตาคอยมองหาอีกคนอยู่ ผมจึงพยักเพยิดไปที่รถอีกคันที่เพิ่งวิ่งเข้ามาจอดทีหลัง แฟรงค์ขับตามหลังมาอย่างช้าๆ ก็เลยถึงช้ากว่าเพื่อน

ในขณะที่แฟรงค์กำลังจอดรถผมก็เลยถือโอกาสแนะนำให้แม่กับพี่นิวรู้จักปอนด์ เพื่อนพนักงานคนอื่นๆ พากันมายกมือไหว้แม่ผมด้วย พอแฟรงค์จอดรถเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูรถออกมา รีบมาหาแม่ผมเสียจนลืมเพียวไปเลย

"สวัสดีครับน้านวล" แฟรงค์ยกมือสวัสดีพลางยิ้มดีใจจนตาหยี

"แฟรงค์เหรอลูก สวัสดีจ้ะ หูย...โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อเชียวลูก น้าจำแทบไม่ได้เลย"

แม่ผมรับไหว้พลางยิ้มดีใจเช่นกัน คอยพินิจดูแฟรงค์ไม่วางตา ก่อนจะโอบกอดและลูบหลังแฟรงค์เบาๆ

"ขอบใจมากนะลูกที่ช่วยดูแลนัทให้แม่"

"ยินดีครับน้านวล นัทก็เหมือนน้องชายของผมคนหนึ่งแหละครับ"

"ดีแล้วลูก แม่นึกว่าแฟรงค์จะลืมนัทมันซะอีก พูดแล้วก็อดนึกถึงตอนที่นัทมันรอแฟรงค์ไม่ได้ เค้าคิดถึงแฟรงค์มากเลย"

แฟรงค์ยิ้มเศร้าเล็กน้อย ต่อไปผมคงต้องบอกให้แม่หยุดพูดเรื่องนี้เสียทีเพราะทำให้แฟรงค์รู้สึกผิด

"ว่าไงนิว สบายดีมั้ย สวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ถ้าเจอกันที่อื่นแฟรงค์คงจำไม่ได้แน่ๆ เลย" แฟรงค์หันไปคุยกับพี่สาวผมบ้าง

"สบายดี มาถึงก็ชมกันเลยนะแฟรงค์" พี่สาวผมหยุดหัวเราะ "แฟรงค์สบายดีนะ โห...ขับเบนซ์ซะด้วย ไม่เบานะเนี่ย"

พี่สาวผมพูดพร้อมกับเหลือบมองรถของแฟรงค์

"แล้วนี่นิวช่วยดูแลสองคนกับน้านวลเองเหรอ ร้านใหญ่โตนะเนี่ย ท่าทางจะรายได้ดี ลูกค้าเยอะมั้ย"

"อืม...ก็พอได้อยู่ ส่วนมากก็ช่วงนี้แหละที่ลูกค้าเยอะหน่อย ช่วงอื่นๆ ก็อาศัยคนแถวๆ นี้แหละมากินเป็นหลัก แล้วนั่นใครเหรอ"

พี่นิวถามเมื่อเห็นเพียวมายืนข้างๆ แฟรงค์ได้สักพักแล้ว พอแฟรงค์นึกได้จึงรีบแนะนำแทบไม่ทัน

"อ้อ...นี่เพียวนะ เป็นคู่หมั้นของแฟรงค์เอง เพียว...นี่น้านวล แม่ของนัท แล้วก็นิว...พี่สาวของนัท"

"สวัสดีค่ะ" เพียวยกมือสวัสดีแม่ของผมแล้วก็หันไปยิ้มให้กับนิว

"เมื่อก่อนนิวก็เรียนชั้นเดียวกับแฟรงค์นั่นแหละ แต่คนละห้อง อ้อ...ที่แฟรงค์โตมาได้ก็เพราะขนมจีนเส้นสดของน้านวลนี่แหละ น้านวลห่อให้เอากลับไปกินที่บ้านแทบทุกวันเลย พ่อกับแม่แฟรงค์ติดใจ เคยมาขอซื้อถึงร้านแต่น้านวลก็ไม่ยอมขายให้"

แฟรงค์พูดติดตลกตอนท้าย คนอื่นๆ ก็หัวเราะตามไปด้วย

"น้าจะขายให้ได้ยังไงล่ะลูก ก็แฟรงค์น่ะ...ช่วยดูแลนัทให้แม่ ตอนที่พ่อเค้าเสีย นัทมันก็เสียศูนย์ไปเหมือนกัน แล้วก็ดื้อด้วย ก็ได้แฟรงค์นี่แหละคอยช่วยดูแล เป็นผู้เป็นคนได้ก็เพราะแฟรงค์นี่แหละ"

พอแม่ผมพูดจบ แฟรงค์ก็หันมาสบตากับผม ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง ดีที่ว่าพี่นิวพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน

"แฟนของแฟรงค์สวยนะเนี่ย ยินดีด้วยนะ เอาการ์ดเชิญมาด้วยหรือเปล่า เดี๋ยวนิวกับแม่จะปิดร้านไปร่วมงานแต่งที่กรุงเทพด้วย"

แฟรงค์หัวเราะแหะๆ "ขอโทษทีนิว แฟรงค์ลืมไปเลย ไม่ได้เอามา เดี๋ยวส่งไปรษณีย์มาให้ได้มั้ย"

"อืมๆ อย่าลืมล่ะ" พี่นิวพยักหน้า

"นัท พาเพื่อนๆ ไปกินขนมจีนเร็วลูก อยู่ตรงนี้ร้อน ไปคุยกันในร่มดีกว่า เชิญตามสบายเลยค่ะ แม่เตรียมที่นั่งไว้ให้แล้ว ใครจะเข้าห้องน้ำห้องท่าเชิญทางนั้นนะคะ"

ผมพาเพื่อนๆ พนักงานไปนั่งยังโต๊ะที่แม่จัดไว้ให้ พอเรียบร้อยดีแล้วจึงมานั่งร่วมโต๊ะกับแม่ พี่นิว ปอนด์ แฟรงค์และเพียว ผมกับพี่สาวนั่งข้างๆ แม่ ส่วนแฟรงค์นั่งติดกับเพียวฝั่งตรงข้าม มีปอนด์นั่งติดอยู่กับแฟรงค์อีกคน

แม่ผมเล่าเรื่องผมกับแฟรงค์ตอนเด็กๆ ใหญ่เลย บางเรื่องผมกับแฟรงค์จำไม่ได้ด้วยซ้ำ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมกับแฟรงค์ลืมไปแล้ว แต่เป็นเรื่องที่บ่งบอกอะไรหลายอย่างได้ดีทีเดียว

"วันนั้นแฟรงค์เค้ามาเล่นกับนัทที่บ้านแม่นี่แหละ ก็นั่งดูทีวีกันอยู่สองคน แล้วอยู่ดีๆ นัทมันเห็นโฆษณาไอติมอะไรน้า...แม็กๆ อะไรซักอย่างที่มันราคาแพงๆ นี่แหละ แล้วนัทมันก็พูดขึ้นมาว่าอยากกิน แม่ว่านัทมันก็พูดไปอย่างงั้นแหละ แล้วแม่ก็นึกว่าแฟรงค์คงไม่ได้สนใจอะไร ที่ไหนได้ อีกเกือบอาทิตย์มั้ง แม่เห็นแฟรงค์ขี่จักรยานมาที่บ้าน แล้วก็มีถุงใส่น้ำแข็งมาด้วย นึกว่าแฟรงค์ซื้อน้ำสไปรท์มาฝากนัทมัน ที่ไหนได้ แฟรงค์เอาไอติมแม็กๆ อะไรนั่นแหละแช่ไว้ข้างใน เค้ากลัวมันละลายซะก่อน แล้วก็เอามาให้นัทกิน นัทมันก็ดีใจใหญ่เลย แต่กินแล้วก็ไม่แบ่งใคร ขนาดแม่บอกให้แบ่งแฟรงค์ด้วยยังทำเฉย แฟรงค์นี่เค้าก็รักนัทมาก ตามใจนัทไปหมด จนแม่ต้องบอกว่าทีหลังไม่ต้องตามใจนัทขนาดนี้หรอก เดี๋ยวจะเคยตัว แต่แฟรงค์ก็ไม่ฟังเหมือนกัน เจ้านี่อยากได้อะไร อยากกินอะไร ก็ไปเที่ยวหามาให้ เค้าสงสารนัทที่ไม่มีพ่อนั่นแหละ พ่อนัทเสียไปตั้งแต่ตอนนัทเพิ่งสิบขวบเอง"

แม่ผมเล่าไปหัวเราะไป แต่ผมนี่สิ น้ำตาไหลจนต้องยกมือป้ายเลย แฟรงค์เห็นแล้วก็รีบหยิบกระดาษเช็ดปากบนโต๊ะส่งให้

"ร้องไห้ซะแล้วลูกแม่ สงสัยจะตื้นตันใจ ต่อไปนัทก็ต้องดูแลแฟรงค์เค้ามั่งนะลูก ตอบแทนพี่เค้ามั่ง"

แม่ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบหลังปลอบใจ ผมจำตอนนั้นได้แล้ว ปกติแฟรงค์ได้เงินไปซื้อข้าวกับขนมกินที่โรงเรียนวันละยี่สิบบาท แม่แฟรงค์ไม่ได้ทำอาหารตอนเช้าให้เพราะต้องออกไปทำงาน อยู่ดีๆ ผมก็เห็นแฟรงค์ห่อข้าวมากินที่โรงเรียนตั้งหลายวัน พอถามว่าทำไมแฟรงค์ก็บอกว่าเบื่ออาหารที่โรงเรียน ก็เลยตื่นมาเจียวไข่แล้วก็ห่อมากินที่โรงเรียนเอง แต่ความจริงก็คือแฟรงค์เก็บเงินมาซื้อไอติมแม็กนั่มให้ผมกินนั่นแหละ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมรักแฟรงค์ได้ยังไง ยิ่งได้ฟังเรื่องนี้ที่ผมลืมไปแล้วผมก็ยิ่งรักจนไม่รู้จะบอกยังไง

"ครับแม่"

ผมรับคำแล้วก็พยายามหยุดร้องไห้ สายตาของแฟรงค์คอยมองมาอย่างเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากกว่าส่งกระดาษมาให้ซับน้ำตา เพียวนั่งครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ไม่รู้ว่าหลังจากที่ฟังมาหลายเรื่องแล้วจะรู้สึกยังไงบ้าง ส่วนปอนด์ก็น่าจะเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมผมถึงรักแฟรงค์

... ... ...

ตกบ่ายเราเดินทางไปร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลขสิบสอง บรรยากาศของร้านดีมาก มีนักท่องเที่ยวนั่งกินกาแฟอยู่บ้างประปราย แต่ส่วนมากจะเดินไปถ่ายรูปตรงสนามหญ้าข้างหลัง มีดอกไม้หลากสีประดับไว้อย่างสวยงาม มีต้นสนรายล้อมไปทั่ว มีแนวรั้วกั้นไว้กันตกตรงสุดสนามหญ้า เพราะตรงนี้มีเนินเขาที่ลาดชันมาก คนอาจตกลงไปได้รับอันตรายได้

เพื่อนพนักงานบางส่วนไปนั่งดื่มกาแฟ บางส่วนเดินซื้อของที่ระลึก เสร็จแล้วก็มาถ่ายรูปกันที่สนามหญ้า ถ่ายเดี่ยวบ้าง คู่บ้าง กลุ่มเล็กบ้าง กลุ่มใหญ่บ้าง รูปสุดท้ายเป็นรูปหมู่ที่รวมทุกคน ปอนด์เป็นคนถ่ายให้

จากนั้นเราก็เดินทางไปแวะเที่ยวอีกหลายที่ กินอาหารเย็นที่ร้านอาหารขึ้นชื่อเรื่องปลาแห่งหนึ่งของที่นี่ กลับมาถึงรีสอร์ทก็เกือบๆ สี่ทุ่ม มาถึงแล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน พรุ่งนี้เราก็จะเดินทางกลับแล้ว แต่ขากลับก็คงแวะเที่ยวตามรายทางอีกหลายแห่งเหมือนกัน รวมทั้งแวะไปรับขนมจีนเส้นสดที่แม่ผมเตรียมเป็นของฝากให้ทุกคนเอากลับบ้านด้วย

ผมกับแฟรงค์กลับมาอยู่ในระยะห่างเหมือนเดิม ถึงกระนั้น แม้กายจะไกลแต่ก็รู้ว่าใจเราเขยิบชิดกันมากขึ้น ยิ่งได้ฟังเรื่องเก่าๆ ที่แม่ผมเล่าให้ฟังแล้วก็ยิ่งโหยหาความผูกพันเก่าๆ ของเราสองคน เพียวดูเงียบมาก ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจากับแฟรงค์ตั้งแต่ออกมาจากร้านขนมจีนของแม่ผมแล้ว แม้จะเดินไปด้วยกันกับแฟรงค์ แต่ก็ดูเหมือนคนไม่รู้จักกัน

"ไอ้นัท กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงรักพี่แฟรงค์ เค้าดีกับมึงมากเลยนะเว้ย ไม่แปลกหรอกที่มึงจะรักเค้า ก็เข้าใจแล้วว่ะ"

ปอนด์บอกผมก่อนเราจะหัวถึงหมอน ปอนด์ให้ผมนอนบนเตียง ส่วนตัวมันเองนอนบนฟูกที่ปูบนพื้นห้อง

"กูถึงตัดใจลำบากไงไอ้ปอนด์ พยายามทำใจอยู่เนี่ย โคตรยากเลย"

ผมบอกพลางถอนหายใจ แล้วก็ล้มตัวลงนอน เบิ่งตาดูเพดาห้อง

"ที่เมื่อเช้ากูบอกมึงว่าให้ถอยออกมา พอดีกูไม่รู้ไงว่ามึงกับพี่แฟรงค์รักกันมากแค่ไหน แต่พอกูรู้แล้ว กูก็เสียดายเทนว่ะ แล้วพี่แฟรงค์ก็คงรักมึงมากเหมือนกัน แต่มึงสังเกตดูเพียวหรือเปล่าวะนัท เค้าเงียบไปเลยนะเว้ย ไม่แน่...เค้าอาจจะยอมหลีกทางให้มึงสองคนก็ได้"

ผมนึกตามที่ปอนด์พูดแล้วก็เห็นด้วยว่าเพียวเงียบไปมาก

"ไม่รู้ว่ะ กูไม่กล้าเดาอะไรทั้งนั้นตอนนี้"

"เออๆ งั้นก็ยังไม่ต้องเดาหรอก คนเราน่ะ ถ้ามันเกิดมาคู่กันมันก็จะสมหวังแหละ นอนเหอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า"

ปอนด์ตัดบทแล้วก็ลุกขึ้นไปปิดไฟในห้อง ส่วนผมก็นอนเบิกตาโพลงครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ จนกระทั่งเสียงไลน์เตือนว่ามีข้อความ ผมจึงหยุดคิดและหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ใกล้ๆ มาดู

"กลางวันไม่อาจทดแทนกลางคืนที่มีแสงดาว และอากาศที่หนาวไม่อาจจะให้ไออุ่น คนที่ไม่รักกันก็เหมือนว่าเป็นแค่หุ่น ไม่มีใครจะแทนที่คนพิเศษที่เคยรักเลย...ก็รู้"

ข้อความที่แฟรงค์ส่งมานี้เป็นเพลงๆ หนึ่งที่เคยดังเมื่อสองสามปีที่แล้ว ผมไม่รู้ว่าจะตอบไปยังไงดี จึงเขียนแค่ว่า

"นอนหลับฝันดีครับพี่ชาย ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง"

ผมวางโทรศัพท์ไว้ แล้วก็พยายามข่มตานอน ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหนเหมือนกัน รู้แค่ว่าใช้เวลานานพอสมควร ก็จริงอย่างที่แฟรงค์ว่านั่นแหละ สุดท้ายคนที่ไม่ใช่ก็แทนที่คนที่ใช่ไม่ได้ กลางคืนที่มีแสงดาวก็ย่อมโรแมนติกกว่าตอนกลางวัน อากาศหนาวก็ทำให้เราอุ่นไม่ได้ คนที่ไม่รักกันก็ไม่ต่างจากหุ่นที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ ผมได้แต่ภาวนาขอให้เพียวเข้มแข็งและผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้

พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราก็ไปกินอาหารเช้ากันก่อน จากนั้นจึงเก็บกระเป๋าไปขึ้นรถตู้สองคันที่มาจอดรออยู่ เตรียมตัวออกเดินทาง ปอนด์ช่วยรวบรวมกุญแจห้องมาให้ผม พอครบแล้วผมก็เอาไปคืนเจ้าหน้าที่ที่ฟรอนท์ จ่ายเงินและเช็คเอาท์

ก่อนจะขึ้นรถ ผมเห็นลูกหมาสีดำตัวหนึ่งวิ่งมาทางผม เห็นความน่ารักของมันแล้วก็อดใจไม่ไหวจนต้องอุ้มมันขึ้นมาเล่นด้วย แต่เล่นได้ไม่นานก็รู้สึกเจ็บปวดแปลบที่น่องขา ขาข้างเดิมที่ผมเคยถูกหมากัดตอนเด็กๆ นั่นแหละ

"โอ๊ย!"

ผมร้องเสียงดัง แม่ของเจ้าหมาตัวนี้มันหวงลูกก็เลยกัดผมเข้าให้ น้องผู้ชายที่ฟรอนท์รีบลงมาไล่มันไปทันที มันวิ่งหนีหายไปแล้ว ผมวางเจ้าหมาน้อยลงแล้วก็เอามือกุมแผลที่เป็นรอยเขี้ยวสองข้าง เลือดไหลออกมามากทีเดียว ใครๆ ต่างก็แตกตื่นและมารุมล้อมผมใหญ่ ก่อนที่ใครบางคนจะแหวกเข้ามา

"นัท!"

แฟรงค์ย่อตัวลงมานั่งข้างๆ ผมด้วยสีหน้าและแววตาเป็นห่วง ก่อนจะหันไปสั่งคนอื่นๆ และแฟนของตัวเอง

"ทุกคนกลับไปก่อนนะครับ ไม่ต้องห่วงนัท เดี๋ยวผมจะพานัทไปโรงพยาบาลเอง เพียว...เพียวรอพี่อยู่ที่นี่ก่อนนะ เปิดห้องใหม่เลยก็ได้ พี่พานัทไปส่งโรงพยาบาลเสร็จเดี๋ยวพี่จะไปส่งเพียวที่สนามบินพิโลก พี่จะอยู่ที่นี่กับนัทซักสองสามวัน"

ถึงผมจะเจ็บแต่ก็เกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว คนที่จะเรียกจังหวัดพิษณุโลกว่า "พิโลก" มักจะเป็นคนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียงเป็นส่วนมาก ถึงจะจากไปนานแต่แฟรงค์ก็ไม่เคยลืมจังหวัด "พิโลก" เลย


- TBC -[/center]

ชอบงานใคร อย่าลืมบวกเป็ด/คอมเมนต์ให้นักเขียนทุกคน ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:03:14 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: อ่านไปก้อต้องน้ำตาคลอด้วยความซึ้ง ใครได้ฟังก้อคงต้องเข้าใจแหละว่าทำไมทั้งสองถึงรักและผูกพันกันไม่หล่นหายไปตามกาลเวลา เหมือนทั้งสองเกิดมาคู่กันเลยน่ะ ถึงแม้จะมีเพศเป็นอุปสรรคแต่ก้อต้องฝ่าฟันต่อไปน่ะ เราว่าพ่อของแฟรงค์ต้องสงสัยแน่ ๆ เลยกันไว้ดีกว่าแก้น่ะ และไม่ต้องการพูดให้ลูกได้คิดแต่ใช้วิธีอ้อม ๆ  :katai1: แล้วถ้ารู้ตอนนี้เนี่ยจะยอมหรือ อุตส่าห์ให้จากกันไปตั้งหลายปีแถมยังพยายามจับให้แต่งงานกันเร็ว ๆ อีก เราว่างานนี้มีดราม่าหนักแน่ ๆ เราว่าเพียวต้องยอมเลิกแหละ แต่พ่อแม่ของแฟรงค์นี่สิ ท่าจะลำบาก  :m15:

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อ่านตอนนี้รู้ได้เลยว่านัทเองก็ปิดกั้นหัวใจตัวเองต่อไปไหวแล้วความรักและความทรงจำมันยิ่งพุดขึ้นมาเรื่อยๆ แม้ว่าจะพยายามทิ้งระยะห่างให้เป็นแค่พี่กับน้องก็ตามส่วนพี่แฟร้งก็ยังมาแสดงอาการรักและหวงใยมากกว่าแสดงกับเพียวอีก
จุดเริ่มของเขาสองคนเพราะว่านัทโดนหมากัดแถมตอนนี้ยังมาโดนอีกซ้ำรอยเดิมอีก ความทรงจำเก่าๆมันจะยิ่งปะทะขึ้นมาอีก
และยิ่งแฟร้งบอกกับเพียวว่าจะอยู่กับนัทอีก...คิดว่าเพียวจะทนให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกเหรอ...นางคงต้องเลือกแล้วซินะ..แอบกลัวใจนางเหลือเกิน...เพราะว่าคุณsarawatta มักจะมีอะไรให้คนอ่านเซอไพรส์อยู่ตลอดทุกตอน  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อ่านฉากที่เล่าเรื่องสมัยเด็กๆที่แม่นัทเล่าแล้วซึ้งมากๆคับ ชอบจัง แฟรงค์ก็ทำให้อึ้งแบบไม่น่าเชื่อ พานัทไปโรงบาลเอง
   เพียวๆเงียบๆนี่คือสัญญาณทะเลสงบก่อนพายุจะมาใช่มั้ยอ่ะ  นัทคิดว่าพ่อของแฟรงค์อาจจะเป็นผู้มีบทบาทในครั้งนี้เหรอ ลุ้นคับลุ้น
   รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ ลุ้นๆ ตื่นเต้นแทนนัท ๕๕๕ เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ปอนด์เป็นเพื่อนที่ดีเนอะ ชอบอะ 555+
ถ้าเพียวถอยออกมาก็คงดี แต่คงยากอะ เห้อออออ

ก็คงต้องขึ้นอยู่กับแฟรงค์แล้วล่ะ ว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง
ไม่รู้นัทจะต้องเผชิญกับอะไรอีก..ปัญหาแบบนี้ ถ้าเราเจอคงไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน


ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
พอเปิดใจอะไรๆมันก็ดีขึ้น ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะพบเจออะไรบ้าง แต่ขอให้มั่นคงและผ่านมันไปด้วยกัน เอาใจช่วยทั้งคู่

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ถึงตอนนี้จะเป็นบทของนัท แต่ความเงียบของเพียวก็น่ากลัวอยู่นะ

แล้วยิ่งแฟรงค์ห่วงนัทขนาดนี้ เพียวจะคิดยังไงนี่

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เราเป็นเพียวนี่ไม่อย่กรับรู้ก็ต้องเข้าใจแหละว่าระหว่างนัทกับแฟรงค์ผูกพันธ์กันขนาดไหน   อยากปลอบเพียวนะว่าไม่ได้ถูกนัทแย่งแฟรงค์ไปหรอกเพราะว่าแฟรงค์เป็นของนัทมาตั้งแต่แรก   เงาของนัทเป็นเงาที่เพียวมาทาบทับเอาเท่านั้นเอง

เราเดาถูกเรื่องพ่อของแฟรงค์นะเราว่า   ยิ่งลูกคนเดียวด้วย  ถึงได้แยกแฟรงค์ออกมาตั้งแต่ตอนนั้นเพราะว่าการยึดติดนัทของแฟรงค์มันเป็นอะไรที่ไม่ปกติมากๆ   ที่นัทชอบแฟรงค์เราเข้าใจนะเพราะว่าแฟรงค์ดูแลนัทดีมาก  แฟรงค์มาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของนัทที่เสียพ่อไป ถึงได้กลายเป็นความรักความผูกพันธ์ที่มั่นคงขนาดนี้

ดราม่าจริงๆอาจจะไม่ได้มาจากเพียวแต่เป็นพ่อแม่ก็ได้นะ  ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะยอมทุ่ม สุดตัว ไม่กลัวหน้า
จะยืนหยัด เต็มอัตรา กล้าผยอง
จะต่อสู้ จนจะรู้ ว่ากูจอง
ใครหน้าไหน อย่ากล้าลอง คนของกู

จะขอเท หมดหน้าตัก ไม่พักผ่อน
ไม่นิ่งนอน ผ่อนผัน ให้รักอยู่
ขอเดิมพัน ทั้งชีวิต คิดลองดู
ใครแยกคู่ อยู่ทั้งสอง ขอจองเวร

ถ้าใครจะว่าเลวเพราะว่ารัก..ขอจักยอม
ณ จุดนี้ ทำอย่างนี้ ได้อย่างเดียว
แฟรงค์+นัท

+1 ครับ


ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ซึ้ง ๆ หน่วง ๆ
พอเจอ "พิโลก" เข้า
ขำก๊ากเลย
ฮ่าฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
 :serius2:
ดราม่าครอบครัวกำลังจะมา

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ในที่สุดก็มีเวลาเข้ามาอ่าน ตอนที่ 11 หวานมากกกค่ะ ดีจริงๆ ที่นัทยอมรับใจตัวเองแล้วยอมอยู่ข้างๆ แฟรงค์ เป็นกำลังใจให้แฟรงค์ ได้สู้และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและเคลียร์เรื่องต่างๆ ให้จบ แม้จะเหลือเวลาไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่ทำให้สุดกำลังและรอให้เพียวหรือเวลามากำหนดชีวิตตัวเองโดยไม่ทำอะไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2015 07:01:58 โดย Jibbubu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ตอนที่ 12 เนี่ย เราว่าเพียวคงจะตัดสินใจอะไรๆ ได้ง่ายขึ้นนะ เพราะแม่ของนัทได้เล่าความหลังให้ได้รู้ถึงความผูกพันของทั้ง 2 แบบนี้คงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และไหนจะความห่วงใยตอนที่นัทโดนหมากัดอีก ถ้าเราเป็นเพียวคงยอมตัดใจแล้วล่ะ เพราะอยู่กับคนที่ไม่มีใจให้มันคงจะไม่มีความสุขหรอกนะ แต่ก็คงต้องใช้เวลาทำใจอยู่นานก็คบกันมาตั้งนานจะให้ตัดใจง่ายๆ ก็คงทำยากนั่นแหล่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เอ็นดูแฟรงค์มากๆ เลยค่ะ เพราะอะไรๆ ก็ให้น้องนัทมาเป็นที่หนึ่งตลอดเลย :กอด1:

ส่วนคุณพ่อ..ถ้าทำอย่างที่แฟรงค์และนัทคาดเดาเอาไว้จริงๆ ก็น่าสงสารเด็กๆ นะคะที่ต้องมาถูกจับแยกกันก่อนจะได้เรียนรู้ทุกความรู้สึกของตัวเองไปตามช่วงวัย สำหรับคุณพ่ออาจคิดว่ามันคือการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมนะคะ แต่ส่วนตัวเราเรามองว่ามันคือการหนีปัญหาและไม่ยอมรับความจริงที่ว่าแฟรงค์เป็นแบบนี้มากกว่าค่ะ แล้วพอตอนนี้ปัญหาทุกอย่างที่ถูกกลบเอาไว้พากันประดังเข้ามาก็อย่าได้โทษใครเลยเชียวนอกจากตัวเองล้วนๆ เลย

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อ่านแล้วทั้งสุขทั้งทุกข์  โอียยย...ทำแบบนี้มันหนีปัญหารึเปล่าหนอ....ต่อไปจะเป็นไงนี่

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ตอนพิเศษนี้เขียนขึ้นเพิ่มเติมจากตอนที่ 7
ตอนนั้นแฟรงค์รู้สึกว่าตัวเองรุกคืบนัทมากไป ก็เลยอยากปรับตัวใหม่
ลองมาอ่านช่วงเวลาดีๆ ในหนึ่งวันของสองคนดูครับ


❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนพิเศษ 1 ✢ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท



วันนี้เป็นวันหยุดของนัท ผมก็เลยต้องทำงานคนเดียว แต่ก็นัดสอนเล่นฟลายบอร์ดกับนัทตอนสิบโมงเอาไว้ ถ้ามีเวลาว่าจะสอนตกปลาให้ด้วย ก่อนหน้านี้เฮนนิ่งว่าจะสอนให้แต่นัทก็ปฏิเสธ ตั้งแต่เห็นผมเล่นแบบผาดโผนให้ลูกค้าดูเมื่อไม่กี่วันก่อน นัทก็คอยรบเร้าให้ผมช่วยสอนจนกระทั่งสบโอกาสวันนี้

พอใกล้ถึงเวลา ผมก็เร่งเคลียร์งานบนโต๊ะที่ค้างไว้อีกนิดหน่อยให้เสร็จ เหลือเพียงจดหมายสองสามฉบับและเอกสารด้านการเงินที่ต้องเซ็นอีกนิดหน่อย ผมแค่ตรวจดูความเรียบร้อยก็เซ็นได้แล้ว จากนั้นช่วงบ่ายๆ ก็จะมีเวลาไปดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่

"พี่แฟรงค์ เสร็จหรือยัง"

น้ำเสียงเร่งเร้าทำให้มือที่กำลังเซ็นอยู่หยุดชะงัก นัทโผล่หน้าเข้ามาตรงประตู ยิ้มเผล่ ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากทีเดียว ปิดประตูแล้วก็เดินลิ่วมาหาผมที่โต๊ะ ผมส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู ใครๆ ก็คงเดาออกว่าผมรักน้องคนนี้มากแค่ไหนจากแววตาของผม

"เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยน้องพี่"

ผมขำเบาๆ จ้องดูร่างในชุดกางเกงขาสั้นแนบเนื้อสีดำกับเสื้อแขนกุดสีเดียวกันที่เพิ่งซื้อมา ก่อนหน้านั้นก็เล่นใส่กางเกงขาสั้นธรรมดาๆ แต่จู่ๆ ก็เกิดอยากมีชุดเล่นน้ำให้เป็นเรื่องเป็นราว นัทจึงขอให้ผมพาไปซื้อที่เซ็นทรัลรามอินทราเมื่อวานหลังเลิกงาน

"พี่แฟรงค์ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" นัททำท่ากังวล คงกลัวว่าผมจะช้าจนได้

"ยังเลย พี่ขอเวลาอีกสิบนาทีละกัน นัทนั่งรอพี่ก่อน"

"เร็วๆ นะ" นัทกำชับ

"คร้าบบบ คุณธนวรรธน์ โฆษะนาม" ผมหยอกเล่นด้วยการเรียกชื่อจริง

"ถ้าช้ากว่าสิบนาทีนะ ผมจะโกรธคุณวศินภัทร์ ชลาสัยไปสามวันเลย" นัทคาดโทษด้วยการเลียนแบบผมบ้าง

"พี่จะรีบเต็มที่เลยครับ เดี่ยวน้องนัทโกรธพี่สามวัน พี่ต้องตรอมใจตายแน่ๆ" ผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ได้หยอกเล่นกับนัทแล้วก็รู้สึกสดชื่น มีแรงทำงานอีกเยอะเลย

พอครบสิบนาที ผมก็ไปเปลี่ยนชุดบ้าง ไม่ได้ซื้อมาใหม่เหมือนนัทหรอกเพราะผมมีเตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว พอเรียบร้อยแล้วเราก็เดินไปที่บ่อตกปลาด้วยกัน นัทเดินเร็วจนเหมือนวิ่ง แถมยังคอยหันมาเร่งผมให้เดินตามไวๆ เสียอีก ผมก็เลยต้องเร่งฝีเท้าตามคนตื่นเต้นไป

พอมาถึงจุดเล่นฟลายบอร์ดแล้ว ผมกับนัทก็ขึ้นไปบนเจ๊ตสกีที่ต่อฟลายบอร์ดไว้ พอสวมเสื้อชูชีพแล้วนัทก็เป็นคนขับเจ็ตสกีออกไปจนถึงกลางน้ำ ผมสวมหมวกกันน็อกเพื่อป้องกันการกระแทก ปิดท้ายด้วยการสวมฟลายบอร์ดเข้าที่เท้าทั้งสองข้าง แล้วจึงค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในน้ำ น้ำที่นี่ไม่ลึกมาก พอเขย่งขาลอยคอได้อย่างสบายๆ

"พี่แฟรงค์พร้อมยัง" นัทหันมาเร่ง ตั้งท่าเร่งเครื่องไว้พร้อม คงอยากเล่นเต็มแก่

"พร้อมแล้วคร้าบบบ"

นัทเร่งเครื่องเพื่อสูบน้ำเข้าไปในท่อที่ต่อกับฟลายบอร์ด พอแรงดันน้ำเพิ่มขึ้น ตัวผมก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้น จนกระทั่งโผล่เหนือผิวน้ำขึ้นมาทั้งตัว ผมเล่นมานานแล้วจึงทรงตัวได้สบายมาก

"สูงกว่านี้อีก"

ผมตะโกนแข่งกับเสียงของเครื่องยนต์ ความสูงเพียงหนึ่งเมตรยังไม่พอให้เล่นแบบผาดโผนได้ นัทจึงเร่งเครื่องอีกนิด แรงดันน้ำที่มากขึ้นค่อยๆ ดันตัวผมขึ้นไปจนอยู่เหนือผิวน้ำประมาณสองเมตร นี่แหละระดับที่ผมต้องการ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองมีอภินิหาริย์จนเหาะเหินเดินอากาศได้ยังไงยังงั้น

"คอยดูดีๆ นะ"

ผมตะโกนบอก ถึงไม่บอกนัทก็คอยจ้องดูไม่คลาดสายตาอยู่แล้ว พอจัดท่าดีแล้วผมก็กระโดดตีลังกาหนึ่งรอบเรียกน้ำย่อยก่อน แล้วก็ได้ยินเสียงนัทตะโกนแว่วมา

"พี่แฟรงค์สุดยอด!"

ผมทรงตัวได้แล้วก็กระโดดตีลังกาอีก คราวนี้เพิ่มเป็นสองรอบติดกัน นัทยิ่งตื่นเต้นใหญ่ ส่งเสียงร้องตื่นเต้นแข่งกับเครื่องยนต์จนฟังไม่ได้ศัพท์ ผมเปลี่ยนเป็นตีลังกากลับหลังสามรอบติดกัน นัทถึงกับเป่าปากและส่งเสียงไม่หยุด จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นท่ากระโดดหมุนตัว สลับกับตีลังกาหน้าหลัง ผาดโผนถูกใจนัทสุดๆ กว่าจะเล่นได้อย่างนี้ผมต้องฝึกอยู่นานเลย

ผมเล่นอยู่สักพักก็บอกให้นัทค่อยๆ ลดแรงดันของน้ำลง ร่างของผมจึงค่อยๆ ตกลงสู่ผิวน้ำแล้วจมลงไปลอยคอด้วยแรงพยุงของเสื้อชูชีพ ผมเคลื่อนตัวเข้าหาเจ็ตสกี จับยึดได้แล้วก็ขึ้นจากน้ำไปนั่งบนนั้น นัทดับเครื่องแล้วก็หันมาคุยด้วย

"พี่แฟรงค์สุดยอดเลย น่าจะลองไปแข่งเล่นฟลายบอร์ดดู เค้ามีแข่งหรือเปล่า นัทว่าพี่แฟรงค์ต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ"

"ไม่ขนาดนั้นหรอก มา นัทเอานี่ไปใส่"

ผมบอกพลางส่งฟลายบอร์ดที่ถอดออกมาให้นัทไป

"ตื่นเต้นจัง คราวที่แล้วที่เล่นกับเฮนนิ่ง นัททรงตัวไม่ค่อยได้เลย ตกน้ำตั้งหลายรอบ"

นัทค่อยๆ นั่งลง ผมช่วยใส่ฟลายบอร์ดและล็อกกับข้อเท้าให้ เสร็จแล้วก็ส่งหมวกกันน็อกให้นัทไปสวมบ้าง ส่วนเสื้อชูชีพนัทใส่ไว้อยู่แล้ว

"นัทอย่าเพิ่งตีลังกานะ ฝึกทรงตัวให้เป็นก่อน แรกๆ นัทจะรู้สึกไม่มั่นคง กลัวตก แต่นัทไม่ต้องกลัว ทำตัวสบายๆ เหมือนเรากำลังเดินเล่น พอทรงตัวได้ดีแล้วนัทลองแกว่งแขนพร้อมกันสองข้าง ทำท่าเหมือนจะกระโดดนั่นแหละ แล้วนัทก็ลองย่อตัวลง ยืนขึ้น ทำสลับกันเร็วขึ้นๆ มันจะช่วยฝึกเรื่องการทรงตัวได้ พอมั่นใจแล้วค่อยลองกระโดด ไม่ต้องกลัวนะ ถึงนัทจะกระโดดไม่ครบรอบก็แค่ตกน้ำเฉยๆ ไม่อันตรายหรอก..."

ผมอธิบายวิธีการเล่นให้นัทฟังอย่างละเอียด เจ้าตัวนั่งฟังตาแป๋ว ฟังไปก็ยิ้มไป ผมอดเอ็นดูไม่ได้จนต้องเคาะหมวกกันน็อกที่นัทสวมไว้เป็นเชิงหยอกเล่น นัทก็เลยแกล้งชกที่ท้องผมเบาๆ บ้าง ผมรีบหลบจนเกือบตกน้ำแน่ะ แต่ก็หัวเราะสนุก

นัทหย่อนตัวลงไปในน้ำแล้ว ผมเร่งเครื่องปล่อยน้ำเข้าไปที่ฟลายบอร์ด ตัวของนัทค่อยๆ ลอยสูงขึ้นๆ จนอยู่เหนือผิวน้ำเกือบๆ สองเมตร แล้วก็พยายามทำตามที่ผมบอกเพื่อฝึกทรงตัว ตั้งแต่แกว่งแขนสองข้างและย่อตัวขึ้นลง ตั้งท่าจะกระโดดอยู่หลายหนแต่ก็ยังไม่กล้า ผมต้องคอยส่งเสียงให้กำลังใจบ่อยๆ

"นัททำได้ น้องพี่เก่งอยู่แล้ว"

"นัทกลัวง่ะ" พูดพลางทำหน้าแหย

ถึงแม้จะยังไม่ได้กระโดด แต่การลอยไปลอยมาในอากาศก็สนุกแล้ว ผมลดแรงดันน้ำลงให้ตัวของนัทค่อยๆ ลอยลงต่ำ จากนั้นก็เพิ่มแรงดันน้ำให้ลอยสูงขึ้น สลับไปสลับมา เจ้าตัวถึงกับหน้าเหวอ ร้องเสียงหลง แต่สุดท้ายก็สนุกไปด้วย

แล้วจู่ๆ นัทก็เกิดใจกล้าตีลังกาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมยังโชคดีที่ตีลังกาได้ครบรอบและสามารถยืนทรงตัวได้เหมือนเดิมด้วย

"นัทสุดยอด"

ผมตะโกนชม เจ้าตัวยิ้มและหัวเราะร่า พอทำได้แล้วก็เลยตีลังกาใหญ่เลยคราวนี้ เสียงร้องตะโกนสนุกดังไปทั่วบริเวณจนพนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดดู

ผมนึกสนุกอยากแกล้งขึ้นมาบ้าง พอนัทตีลังกาอีกรอบผมก็ปล่อยคันเร่ง พอไม่มีน้ำสูบเข้าไปฟลายบอร์ดก็เลยพานัทหล่นตูมลงไปในน้ำ คราวนี้เจ้าตัวก็เลยโวยวายใหญ่

"พี่แฟรงค์ง่ะ แกล้งนัทเหรอ ทำไมทำแบบเนี้ย ฮือ"

นัทรีบลอยตัวเข้ามาที่เจ็ตสกีที่หยุดนิ่งแล้วก็พยายามโคลงตัวเครื่อง แต่ผมจับแฮนด์มันไว้จึงไม่ตกลงไปง่ายๆ นัทก็เลยพยายามจะจับขาผมดึงลงไปในน้ำแทน ผมก็กระโดดหลบ พอจับเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ นัทก็เลยปีนขึ้นมาบนเจ็ตสกี ผมยึดแฮนด์ไว้แน่นเพราะรู้ว่านัทอาจจะขึ้นมาผลักหรือดึงผมตกน้ำแน่ๆ ที่ไหนได้ นัทเอามือจี้เอวผม พอผมจั๊กกะจี้และปล่อยมือแล้วนัทก็กอดผมทั้งตัวแล้วดึงผมลงไปในน้ำด้วยกัน

"นึกว่าจะหนีพ้นเหรอ" นัทหัวเราะชอบใจ

ผมเอามือลูบน้ำออกจากหน้า นัทก็เลยแกล้งผมอีกรอบด้วยการตีน้ำใส่

"นี่แน่ะๆๆ เป็นพี่ทำไมชอบแกล้งน้อง เมื่อกี้แกล้งนัททำไม"

ผมเอามือป้องหน้าเป็นพัลวัน นัทก็ยิ่งตีน้ำใส่ใหญ่

"ยอมมั้ยๆ"

"ยอมแล้วๆ พี่ยอมแล้ว"

ผมยอมยกธงขาว นัทก็เลยหยุด แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะ

"วันหลังนัทจะแกล้งพี่แฟรงค์มั่ง คอยดูละกัน ฝากไว้ก่อน"

"ต้องรีบมาเอาคืนนะ เดี๋ยวเน่า"

นัทตีน้ำใส่ผมหนึ่งทีแล้วก็หัวเราะ ผมเกือบหลบไม่ทันแน่ะ จากนั้นเราจึงขึ้นไปบนเจ็ตสกีด้วยกัน พอนัททำท่าจะถอดฟลายบอร์ดออก ผมก็รีบเข้าไปช่วย

"ไม่เป็นไร นัทถอดเองก็ได้"

"ให้พี่ช่วยดีกว่า ถอดไม่เป็นเดี๋ยวขาก็เป็นแผลหรอก"

นัทก็เลยอยู่เฉยๆ ยอมให้ผมทำให้

"ถึงพี่จะแกล้งนัท แต่พี่ก็รักน้องของพี่นะ รักดอกจึงหยอกเล่น" ผมสัพยอกในขณะที่แก้ตัวล็อกออกจากข้อเท้าให้นัท

"แหม...แกล้งเค้าแล้วก็พูดได้ดิ" นัทว่าไม่จริงจังนัก

ถอดฟลายบอร์ดให้นัทแล้วผมก็ถอดท่อน้ำและเก็บฟลายบอร์ดใส่ไว้ในที่เก็บบนเจ็ตสกี กำลังจะหันกลับไปขับเจ็ตสกีซะหน่อย นัทก็เอาคืนด้วยการผลักผมกระเด็นตกน้ำ แล้วก็ขับเจ็ตสกีออกไปอย่างเร็ว ทิ้งให้ผมลอยคออยู่ในน้ำคนเดียว เจ้าตัวหัวเราะร่าด้วยความสะใจ

"สมน้ำหน้า แกล้งคนอื่นดีนัก เป็นไงล่ะ ว่ายน้ำกลับเองละกันนะ" นัทหันมาทำหน้าทะเล้นใส่

ผมเอามือลูบหน้าตัวเองเพื่อรีดน้ำออกไป เห็นนัทหัวเราะแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข แม้ว่าจะโดนเอาคืนก็เถอะ แต่ไม่นานนักนัทก็ขับเจ็ตสกีวนกลับมาหา

"ดึงพี่ขึ้นไปหน่อยสิ" ผมบอกพลางยื่นมือขึ้นไปหา

"เรื่อง พี่แฟรงค์ขึ้นเองก็ได้นี่" นัทเถียง

"เดี๋ยวนัทแกล้งพี่อีกไง"

"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเกิดพี่แฟรงค์แกล้งดึงนัทตกน้ำล่ะ"

"นัทก็จับแฮนด์ไว้ดิ"

นัททำท่าลังเล แต่สักพักก็ยอมยื่นมือลงมาช่วยดึงผมขึ้นไปแต่โดยดี ผมปีนขึ้นไปบนเจ็ตสกีได้แล้วก็แกล้งทำหน้ามีเลศนัย

"แน่ะ จะแกล้งอะไรอีกล่ะ" นัททำหน้าระแวงจนผมอดขำไม่ได้

"เปล่า ขี่เจ็ตสกีเล่นกันมั้ย เดี๋ยวพี่ขี่เอง"

นัทค่อยๆ คลายสีหน้าหวาดระแวงลง จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้าอย่างตื่นเต้น "โอเค กำลังอยากเล่นพอดีเลย"

ผมให้นัทเขยิบไปนั่งซ้อนท้ายข้างหลัง ส่วนตัวผมนั่งตรงส่วนหน้าของเบาะ พอพร้อมแล้วก็ขับเจ็ตสกีแล่นถลาออกไป ผมจัดเต็มเลยคราวนี้ จะได้รู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร ลีลาผาดโผนฉวัดเฉวียนทำให้นัทหวาดเสียวใหญ่ กอดเอวผมซะแน่น ผมก็ยิ่งได้ใจ เล่นโชว์ยังกะหนุ่มเล่นโชว์สาวเลย

หลังจากที่เล่นกันจนหนำใจแล้วผมกับนัทก็ขึ้นจากน้ำ สิบเอ็ดโมงเศษๆ ลูกค้าเริ่มเข้ามาบ้างแล้ว ผมมีคนคอยดูแลตรงส่วนบ่อตกปลาอยู่จึงไม่ต้องกังวลเรื่องดูแลลูกค้า แต่ก็มักจะแวะไปทักทายและบริการลูกค้าด้วยตัวเองบ่อยๆ โดยเฉพาะขาประจำ

"วันนี้นัทจะไปไหนมั้ย"

"ไม่ได้ไป ว่าจะช่วยพี่แฟรงค์ดูแลลูกค้า"

"ไม่ดีหรอกนัท วันนี้วันหยุดของนัทนะ พักผ่อนเหอะ" ผมแย้งอย่างเกรงใจ

"ไม่เป็นไร นัทอยากช่วยพี่แฟรงค์ ขี้เกียจนอนเฉยๆ แล้วก็ไม่อยากออกไปข้างนอกด้วย นัทไม่รู้จักแถวนี้น่ะ ถ้าจะไปในเมืองก็ไกลอีก นัทขี้เกียจขับรถไกลๆ ทำงานช่วยพี่แฟรงค์ดีกว่า เผื่อว่าจะได้กินไอติมอร่อยๆ อีก"

"เห็นแก่กินนะเรา"

ผมพูดหยอกและหัวเราะอย่างเอ็นดู

"ไปกินข้าวเย็นที่บ้านพี่มั้ยเย็นนี้ เดี๋ยวพี่จะโทรบอกที่บ้านให้ซื้อฮาเกนดาสเตรียมไว้ให้"

"จริงเหรอ รักพี่แฟรงค์ที่สุดในโลกเลย"

นัทกระโดดกอดคอขี่หลังผมอย่างดีใจ ประโยคที่นัทพูดเมื่อกี้ทำหัวใจผมพองโตจนยิ้มแทบไม่หุบ นึกเสียดายสิบสามปีที่เราจากกันไป ถ้าเรายังเจอกันอยู่ คงมีช่วงเวลาดีๆ อย่างนี้เกิดขึ้นจนนับไม่ถ้วน เราคงสนิทสนมแน่นแฟ้นกันยิ่งกว่านี้ เผลอๆ ความรู้สึกพิเศษที่ก่อตัวขึ้นอาจพาเราเดินทางไปไกลด้วยกันถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้


"ลุงยังจำวันนั้นได้ดีเลย แฟรงค์เค้าขี่จักรยานกลับมาบ้าน ร้องห่มร้องไห้มาด้วย ลุงกับป้าตกใจกันใหญ่นึกว่าแฟรงค์เป็นอะไร แล้วแฟรงค์ก็มาขอให้พ่อช่วยพูดกับน้านวลให้หน่อย น้านวลไม่ยอมพานัทไปโรงบาลเลย แฟรงค์กลัวนัทเป็นไข้เลือดออก เค้าไม่อยากให้นัทตาย แต่น้านวลก็เถียงว่านัทเป็นแค่ไข้หวัดเอง กินยาก็หายแล้ว ลุงกับป้าก็เลยพากันขับรถไปที่บ้านน้านวล คุยอยู่ตั้งนานน้านวลถึงได้ยอมให้พานัทไปหาหมอ ดีนะที่ไปทัน ไม่งั้นแย่เลย"

ผมนั่งฟังพ่อเล่าเรื่องเก่าของผมตอนนั้นแล้วก็ยิ้ม นึกขำตัวเองเหมือนกันเพราะบอกน้านวลเท่าไหร่แกก็ไม่ฟัง สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงก็เลยร้องไห้ไปขอให้พ่อช่วยไปพูดให้ ถ้าไม่ทำอย่างนั้น วันนี้นัทก็อาจจะไม่ได้มานั่งอยู่ข้างๆ ผมแล้ว

"จริงเหรอครับลุง นัทไม่รู้เรื่องเลยว่าแม่ไม่ยอมพาไปโรงบาล"

นัทหันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ คงคิดไม่ถึงว่าผมจะยอมทำถึงขนาดนั้น

"ตอนนั้นนัทกินยาแล้วก็นอนหลับอยู่ไงลูก ลุงกับป้ากล่อมน้านวลอยู่นานมาก แกก็ดื้อจริงๆ"

แม่ของผมบอกพลางหัวเราะ เรื่องวันนั้นทำให้ที่บ้านผมรู้เลยว่าบทน้านวลจะดื้อขึ้นมา แกก็ดื้อไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่ความดื้อของแกก็เป็นประโยชน์ ไม่อย่างนั้นแกคงไม่สามารถกัดฟันเลี้ยงลูกสองคนโดยลำพังได้ แถมตอนนี้ยังมีร้านขนมจีนเส้นสดใหญ่โตอีกต่างหาก

"ขอบคุณลุงกับป้ามากนะครับ ถ้าไม่ได้ลุงกับป้าช่วยพาไปโรงบาล วันนั้นนัทคงแย่แน่เลย" นัทมองพ่อกับแม่ผมด้วยสีหน้าซาบซึ้ง แล้วก็หันมามองผมอีกครั้งด้วยแววตาเช่นเดียวกัน

"ขอบคุณพี่แฟรงค์ด้วย"

ผมยิ้มบางๆ แล้วเอามือตบไหล่นัทเบาๆ สองสามที มีบางอย่างที่ผมอยากพูด แต่คงไม่เหมาะที่จะพูดบนโต๊ะอาหารที่มีพ่อกับแม่นั่งอยู่ด้วย

"มัวแต่ชวนคุย กินข้าวเยอะๆ เลยลูก นานๆ ทีจะได้มากินข้าวด้วยกัน ไม่รู้ว่าจะต้องเลี้ยงข้าวนัทอีกกี่มื้อถึงจะพอค่าขนมจีนที่น้านวลให้มากินบ่อยๆ ตั้งหลายปี"

แม่ผมพูดติดตลก เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

"ลุงให้คนไปซื้อไอศครีมที่นัทชอบมาไว้ให้แล้วนะลูก กินข้าวเสร็จเดี๋ยวให้เค้าเอามาให้"

"ขอบคุณครับลุง"

นัทหันไปขอบคุณพ่อผมแล้วก็กินข้าวต่อ ผมแอบใช้ข้อศอกสะกิดนัทเบาๆ วางส้อมลง เลื่อนมือลงต่ำกว่าระดับขอบโต๊ะแล้วก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวผมเองให้นัทดู

นัทเห็นแล้วก็ขำเบาๆ ผมแค่แอบทวงว่าคนที่บอกให้ซื้อไอศครีมของโปรดนัทตัวจริงเป็นผมต่างหาก ดูเหมือนพ่อกับแม่ผมจะมองมาด้วยความสงสัยด้วยว่าเราแอบทำอะไรกัน แต่ท่านก็ไม่ได้ถาม

กินข้าวไปสักพัก จู่ๆ นัทก็พูดเรื่องทริปที่เขาค้อขึ้นมาเสียอย่างนั้น

"ลุงรู้หรือยังครับว่าเราจะไปจัดรีทรีทที่เขาค้อกัน ตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลอยู่ครับว่าจะไปพักที่ไหน แล้วก็จะไปเที่ยวที่ไหน มีเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยครับ"

ผมกับแม่สะดุ้งแล้วก็หันมาสบตากัน จะไปว่านัทก็ไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่องด้วย บรรยากาศที่มีแต่เสียงหัวเราะอย่างคนกันเองเงียบลงทันทีจนแขกที่มาเยือนคงเริ่มรู้สึกได้

"อ้อ...แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ"

พ่อผมถามกลับโดยไม่แสดงอาการขุ่นเคืองใจใดๆ ให้เห็น ยิ่งทำให้ผมกับแม่แปลกใจเข้าไปใหญ่

"น่าจะประมาณอาทิตย์ที่หนึ่งหรือสองของเดือนธันวาครับ"

"ก็ดีนะ แฟรงค์ไม่ได้กลับไปนานแล้วนี่" พ่อพูดแล้วก็หันมามองทางผม

"ครับ" ผมรับคำ แต่ก็ชักทำตัวไม่ถูก

"อืม...จริงด้วย ผมก็ลืมถามพี่แฟรงค์เหมือนกันว่าทำไมไม่กลับไปเลย เพชรบูรณ์ก็อยู่แค่นี้เอง"

ผมกับแม่มองหน้ากันอีกรอบ รู้ดีว่าคงปล่อยให้สนทนาเรื่องนี้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว

"อ๋อ...แฟรงค์เค้ายุ่งๆ น่ะลูก ปิดเทอมแล้วเค้าก็ไปทำกิจกรรมเยอะแยะไปหมด แคมป์อะไรๆ ก็ไปหมด ไหนจะมาฝึกงานที่รีสอร์ทอีก ว่าจะไปๆ อยู่หลายรอบแต่ก็ไม่ได้ไปซะที จนป่านนี้"

แม่ของผมรีบพูดแทรกขึ้นมากลบเกลื่อนบรรยากาศที่ส่อแววว่าจะกร่อย สงสัยผมคงต้องเล่าอะไรบางอย่างให้นัทฟังบ้างแล้วล่ะ คำถามของนัทเมื่อกี้นี้ คนในบ้านไม่มีใครกล้าพูดให้พ่อผมได้ยินด้วยซ้ำ

"อ๋อ...เหรอครับ" นัทรับคำด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่คงเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลกไปก็เลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น

พอกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ผมก็พานัทมานั่งเล่นที่ริมสระน้ำ ถือถุงไอติมฮาเกนดาสสามถ้วยเล็กมาให้นัทด้วย มีรสบลูเบอรี่ ช็อกชิพและถั่ววอลนัท คงไม่ต้องถามว่านัทจะกินหมดหรือเปล่า เจ้าตัวตั้งใจโซ้ยคนเดียวสามถ้วยเลย กินไปเอาขาตีน้ำเล่นไปอย่างมีความสุข ผมก็เอาขาตีน้ำเล่นด้วย แล้วก็นั่งมองคนกินไอศครีมอย่างเอร็ดอร่อยตาปริบๆ

"พี่ขอแบ่งกินด้วยได้เปล่า"

ผมแกล้งแหย่เล่น นัทรีบส่ายหัวดิก

"ไม่ง่ะ พี่แฟรงค์ไม่ชอบกินไอติมนี่"

"รู้ได้ไงว่าไม่ชอบ"

"ก็ตอนเด็กๆ ไม่เห็นพี่แฟรงค์กินนี่"

"ก็พี่ซื้อให้นัทกินคนเดียวไง ตอนนั้นพี่มีตังไม่เยอะ ซื้อได้แท่งเดียวเอง ก็เลยให้นัทกิน" เวลาซื้อไอศครีมให้นัท ผมจะซื้อที่ดีๆ หน่อย ก็เลยซื้อได้แค่แท่งเดียว

นัทยู่หน้า หยุดกินไอศครีม มองหน้าผมแล้วก็ลังเลว่าจะแบ่งผมดีหรือเปล่า

"ก็ได้ แต่ว่ากินอันนี้นะ"

นัทหมายถึงไอศครีมที่นัทกำลังกินอยู่จนเกือบหมดแล้ว

"เอามาดิ"

นัทชะงักเล็กน้อย คงไม่คิดว่าผมจะกล้ากิน แต่สุดท้ายก็จำใจส่งให้ผมมา

"แต่นัทกินแล้วนะ กล้ากินน้ำลายนัทเหรอ"

ผมรับไอศครีมรสบลูเบอรี่มาอย่างขำๆ นัทคงเสียดายน่าดู

"พี่เคยรังเกียจนัทที่ไหนล่ะ"

นัทชะงักและมีท่าทางแปลกใจ แต่ไม่นานนักก็หันไปหยิบไอศครีมถ้วยใหม่รสวอลนัทขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจอันที่ให้ผมมาแล้ว

"รสนี้ก็อร่อยนะเนี่ย"

เห็นนัทกินไปพูดงึมงำๆ ไปผมก็เลยขำ แล้วก็ตักไอศครีมกินบ้าง

"โห...อร่อยมากเลย"

นัทหันมาหัวเราะที่ผมลากเสียงยาว ผมว่ายี่ห้อนี้อร่อยใช้ได้เลย รสชาติหวานมันกำลังดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป เนื้อไอศครีมเนียนนุ่มลิ้น ให้สัมผัสที่แสนวิเศษ แถมกลิ่นยังหอมอ่อนๆ ด้วย ผมรู้แล้วว่าทำไมนัทถึงชอบยี่ห้อนี้มากเป็นพิเศษ

"อ้าว พี่แฟรงค์ไม่เคยกินยี่ห้อนี้เหรอ" นัทหยุดกินแล้วหันมาถาม

"ไม่เคยกินเลย เพิ่งกินวันนี้แหละ"

"แล้วพี่แฟรงค์ไม่เคยซื้อให้เพียวกินเลยเหรอ"

ผมสะดุ้งเล็กน้อย น่าแปลกที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเมื่อได้ยินชื่อแฟนของตัวเองเวลาอยู่กับนัท

"อ๋อ...พี่ไม่เคยซื้อยี่ห้อนี้ให้เค้ากินเลย ซื้อให้นัทกินเป็นคนแรกเลยนะเนี่ย เห็นมั้ยว่านัทเป็นคนพิเศษของพี่ขนาดไหน"

นัททำหน้าเศร้า "เหรอ...ต่อไปพี่แฟรงค์ต้องซื้อยี่ห้อนี้ให้เพียวกินมั่งนะ เดี๋ยวเพียวน้อยใจ"

ผมพยักหน้าตกลง พลันก็นึกถึงคนที่ไปแข่งวอลเลย์บอลต่างประเทศตอนนี้ รู้สึกสะท้อนใจที่ผมรู้สึกกับเธอไม่เหมือนเดิมเลย

"เพียวต้องชอบแน่ๆ เชื่อนัทดิ"

นัทกินไอศครีมต่ออย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมก็ตักไอศครีมที่เหลือเพียงน้อยนิดกิน ไม่กี่คำก็หมด ไม่รู้ว่านัทนึกครึ้มยังไง ส่งไอศครีมที่เหลือๆ ให้ผมกินทุกรสเลย พอผมปฏิเสธก็ไม่ยอม ก็เลยต้องกินไอศครีมที่เหลือก้นถ้วยเป็นเพื่อน ใจจริงก็อยากจะซื้อถ้วยใหญ่กว่านี้มาให้ แต่ร้านแถวๆ นี้มีแต่ถ้วยเล็กๆ และมีแค่สามรสให้เลือก

กินไอศครีมหมดแล้วผมกับนัทก็นอนคุยกันอย่างสบายอารมณ์ เอาขาแช่น้ำไปด้วย ตีเล่นบ้างตามแต่จะนึกได้

"พี่แฟรงค์มีความฝันมั้ย"

ผมพลิกหน้าไปมองนัทแล้วก็ยิ้ม "มีสิ มีเยอะเลย"

"อะไรมั่งล่ะ"

"ความฝันแรกนะ พี่เคยฝันว่าอยากเจอนัทอีก ตอนไปทำบุญที่วัดก็เคยอธิษฐานขอให้เจอนัทอีกครั้งบ่อยๆ บ่อยจนลืมไปเลย"

ผมพูดติดตลกแล้วก็พูดสืบไป

"โชคดีนะที่ความฝันนี้เป็นจริงแล้ว ถือว่าเป็นความฝันแรกของพี่ที่เป็นจริงเลยล่ะ"

"เหรอ แล้วอย่างอื่นล่ะ"

"อืม...อยากมีรีสอร์ทบนภูเขา แล้วก็มีไร่...อืม...ไร่สตรอเบอรี่ก็ได้ อยากกลับไปอยู่กับธรรมชาติอีก"

"เหมือนที่เขาค้อเหรอ"

"อืม...ประมาณนั้นแหละ" ผมพลิกหน้ากลับมาตามเดิม

"พี่แฟรงค์ก็ชวนลุงกลับไปทำรีสอร์ที่เขาค้อดิ ภูทับเบิกก็ได้ เคยทำแล้วไม่น่าจะยากนะ"

ผมได้แต่ยิ้มและแค่นหัวเราะ ตั้งแต่มีปัญหาความยัดแย้งกับคนในพื้นที่บางคน จนทำให้ธุรกิจรีสอร์ทมีปัญหาคราวนั้น พ่อผมก็ไม่เคยกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย ลูกๆ ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย

"เอาไว้เก็บตังให้ได้เยอะๆ ก่อนละกัน" ผมแบ่งรับแบ่งสู้

"แล้วมีความฝันอย่างอื่นอีกมั้ย นัทจะได้เล่าของนัทมั่ง ไม่มีความฝันกับเพียวมั่งเหรอ"

คำถามของนัทเล่นเอาผมสะดุ้งอีกแล้ว ผมพลิกหน้าไปมองนัทแล้วก็ยิ้มเจื่อนๆ

"ไม่มี"

"เหรอ แปลกจัง แล้วมีความฝันอะไรอีกล่ะ"

"อยากไปเล่นเจ็ตสกีบนดาวอังคารมั้ง" บอกแล้วก็ขำ

"มันมีน้ำที่ไหนล่ะ"

"ก็ไม่แน่ มันอาจจะมีก็ได้ อ้อ...พี่อยากฟังความฝันของนัทมั่ง ของพี่หมดแล้ว"

นัทนอนนิ่ง ทำท่าครุ่นคิด

"อืม...อันแรกก็เหมือนพี่แฟรงค์นั่นแหละ นัทอยากเจอพี่แฟรงค์ ก็ได้เจอแล้ว ไม่ต้องฝันละ"

ผมเอื้อมมือไปลูบผมนัทเบาๆ ได้ยินเรื่องนี้ทีไรก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

"มีอย่างอื่นอีกมั้ย"

"อืม...อยากพาแม่กับพี่นิวไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ว่า...ใช้เงินของนัทเองนะ ถ้าใช้เงินแม่ แม่ไม่ไปหรอก นัทชวนหลายทีแล้วก็ไม่ยอมไป กลัวปิดร้านบ่อยๆ แล้วเสียลูกค้า แต่ถ้านัทออกเงินให้ แม่ก็น่าจะไปนะ แม่ชอบเอารูปสวิสเซอร์แลนด์มาติดที่บ้านตอนเด็กๆ เดี๋ยวนัทจะต้องพาแม่ไปให้ได้"

"ให้พี่ไปด้วยได้เปล่า" ผมถามเล่นๆ

"ได้สิ พี่แฟรงค์ไปด้วยคงสนุกมากเลยล่ะ"

"แล้วฝันอะไรอีก"

คราวนี้นัทเงียบไปเลย ไม่รู้ว่าความฝันอะไรถึงทำให้หน้าเครียดได้

"อืม...ไม่เล่าได้มั้ย นัทไม่อยากพูดถึงความฝันอันนี้เลย"

ผมลุกขึ้นนั่งแล้วก็หันไปมองนัทที่ทำหน้าเศร้า

"ทำไมเหรอ"

"ก็..." นัททำท่าลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมบอกตรงๆ "มันเกี่ยวกับต้องตา"

"อ้อ..."

ผมครางเบาๆ เกือบลืมผู้หญิงคนนี้ที่ผมเคยเจอแค่ครั้งเดียวไปเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้นัทจะพอทำใจได้แล้วหรือยัง นึกถึงใบหน้าเย็นชาของเธอตอนที่โยนคีย์การ์ดลงบนพื้นห้องแล้วก็น่าเสียใจแทน ไหนจะเรื่องร้ายๆ หลายเรื่องที่เธอทำให้น้องของผมเจ็บปวดอีกล่ะ ผมจับมือนัทและบีบให้กำลังใจเบาๆ สื่อความเห็นใจผ่านแววตาออกไป

"เข้มแข็งนะ"

นัทลุกขึ้นนั่งแล้วก็กอดผมไว้ แค่นี้ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่านัทยังคงไม่หายเจ็บดี ผมลูบหลังนัทเบาๆ แล้วก็ปล่อย เห็นตาเศร้าๆ เหมือนจะร้องไห้แล้วก็สงสาร

"พี่ไม่รู้ว่านัทฝันอะไรกับต้องตาไว้ แต่ถ้าพี่รับช่วงความฝันต่อได้ พี่ก็ยินดีที่จะช่วยทำให้ฝันของนัทเป็นจริง ถ้าไม่ได้...นัทพอจะมีความฝันอะไรซักอย่างกับพี่มั่งมั้ย พี่ว่าดีนะที่เราจะมีความฝันของเราสองคนด้วยกัน"

นัทมองผมอย่างครุ่นคิด แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แทบมองไม่เห็นอะไรเพราะแสงไฟบดบัง สักพักก็ก้มหน้าลงมาตามเดิม

"มันเป็นไปไม่ได้หรอก พี่แฟรงค์อย่าถามนัทเลย"

ดูเหมือนนัทจะเศร้ายิ่งกว่าเดิม ผมก็เลยรู้ตัวว่าควรจะหาทางลงแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นได้แล้ว

"โอเค...เอาไว้นัทพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่ละกัน นัทรู้เอาไว้นะ ถ้าวันไหนที่พี่รู้ว่านัทกับพี่ มีความฝันอย่างน้อยหนึ่งอย่างด้วยกัน พี่จะจับมือพานัทไปให้ถึงความฝันของเราให้ได้"

นัทมองผมแล้วยิ้มเจือเศร้า ผมจึงส่งยิ้มตอบกลับไปให้กำลังใจน้องรัก

"ไม่เบื่อเหรอ อยู่กับพี่ทั้งวันเลยวันนี้" ผมถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการสนทนา

นัทย่นคิ้ว "ทำไมต้องเบื่อล่ะ นัทชอบอยู่กับพี่แฟรงค์จำไม่ได้เหรอ หรือว่าพี่แฟรงค์เบื่อนัทแล้ว"

"เปล่าๆๆๆ" ผมปฏิเสธเป็นพัลวัน "พี่ไม่เบื่อนัทหรอก พี่ก็ชอบอยู่กับนัทเหมือนกัน"

นัทยิ้มดีใจ แล้วก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ "พี่แฟรงค์ยังไม่ได้สอนนัทตกปลาเลย"

โดนทวงอีกแล้ว เมื่อกลางวันผมก็ว่าจะสอนนั่นแหละ แต่ลูกค้ามาเยอะจนผมปลีกตัวไม่ได้เลย นัทเองยังต้องช่วยดูแลลูกค้าให้บางส่วน

"พรุ่งนี้ได้มั้ย สิบโมง เวลาเดิม ก่อนลูกค้ามา"

"เฮนนิ่งเค้านัดแข่งเจ็ตสกีกับนัทไว้น่ะ"

ผมนิ่วหน้า "เหรอ งั้นวันมะรืนได้มั้ย"

"เอางี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้นัทจะบอกเฮนนิ่งว่าเลื่อนไปเล่นตอนบ่ายๆ ดีกว่า ตอนเช้านัทจะได้เรียนตกปลากับพี่แฟรงค์ แล้วก็เอามาทำอาหารกิน นัทอยากกินต้มยำปลานิล เนื้อปลาสดๆ ยัมมี่ๆ"

นัททำท่าซี๊ดปาก ผมหัวเราะแล้วก็พยักหน้าเห็นดีด้วย นัทกลับมายิ้มสดใสแล้ว คงอารมณ์ดีขึ้น ผมเอื้อมมือไปลูบผมน้องที่แสนรักอีกครั้งเบาๆ นัทหันมายิ้ม แต่ก็ดูเขินๆ อยู่ในที

นัทจะรู้หรือเปล่า สัมผัสอย่างนี้ แววตาอย่างนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ พี่มีให้นัทคนเดียวเท่านั้น หวังว่าวันหนึ่งเราสองคนจะมีความฝันอย่างน้อยหนึ่งอย่างร่วมกัน ขอให้พี่รู้เท่านั้น พี่จะทุ่มเทสุดชีวิตที่จะทำให้ความฝันของเราสองคนเป็นจริงให้ได้

กระนั้น...แม้ว่านัทจะไม่มีความฝันร่วมกันกับผม ผมก็มีความฝันหนึ่งอย่างที่อยากทำร่วมกับนัท!



- จบตอนพิเศษ 1 -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2015 21:07:58 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เป็นช่วงเวลาที่ดีของทั้งคู่จริงๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ความฝันของแฟรงค์คือได้อยู่กับนัทล่ะสิ อ่านตอนแบบนี้แล้วมีความสุขเพราะคนรักกัน

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
เป็นช่วงเวลาที่แสนจะมีความสุขของทัั้งคู่..มันทำให้มองเห็นความรักของทั้งคู่ชัดเจนยิ่งขึ้น..บางที่ฟังพ่อกับแม่ของแฟร้งพูด
ก็เหมือนเขาเองรับรู้ตรงมาตั้งนานแล้วนะว่าแฟร้งนะคิดอะไรกับนัท... มัแปลกนะไม่มีใครที่รักและเป็นห่วงมากเท่าแฟร้งซึ้งมันมากกว่าพี่น้องแท้ๆซะอีก วันนี้มีความสุขแล้วพรุ่งนี้ละจะมีความสุขแบบนี้อีกไหมนะ...อยากให้เรื่องของแฟร้งกับเพียวจบลงเร็วๆจัง เวลาก็ยิ้งเข้ามาทุกทีแล้วนะงานแต่งนะ...อ่านแล้วมีความสุขนะค่ะแต่มันก็แอบไว้ซึ่งความหน่วงลึกๆ .. :mew6: :mew6: :mew6:

ขอบคุณนิยายดีดีที่นำมาให้อ่านค่ะ.. :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
แฟรงค์กับนัทได้ใช้เวลาร่วมกันทีไรมองไปทางไหนก็มีแต่ความสุขนะคะ อยากให้เป็นอย่างนี้ไปนานๆ จังเลย :heaven

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
วันธรรมดาที่ได้อยู่กับคนที่รักแบบไม่มีอะไรมาขัดจังหวะนี่พิเศษที่สุดแล้ว

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
วันธรรมดาที่แสนพิเศษ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด