❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly  (อ่าน 92906 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
มาม่าแจกทองส่งซองชิงโชค
โอ๊ยยยยย..อ่านแล้วแจกไม่ถูกคนเลย
ทุกคนในเรื่องปัญหารุมเร้ากันหมด

จะเป็นความรักทั้งที..นี่มันยากนะ
คน..คน..คน


+1
สวัสดีปีใหม่ 2559 ครับ
ปีหน้าขอให้มาม่ายังคงอยู่และตลอดไป
อิอิ

ขอให้มีความสุขครับ

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
เข้ามาปักไว้ก่อนนะคะ

แต่อ่านคอมเมนต์แล้วดราม่ามเต็ม ฮึกไม่ชอบดราม่าาา


ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
พายุเข้ากันถ้วนหน้า สงสัยจะเป็นหน้ามรสุม เอาใจช่วยให้ฝ่าฟันวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้นะครับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 16 ✢ กรรมของคนหน้าด้าน



เช้านี้คงเป็นเช้าแรกที่ในรอบเกือบเดือนที่แฟรงค์ตื่นนอนขึ้นมาแล้วเจอผมนอนอยู่ข้างๆ พอตื่นมาเจอกันแล้วก็ยิ้มมีความสุขใหญ่เลย นอนคลอเคลียกับผมเพลินจนเหมือนไม่อยากลุกไปไหน ผมเตือนอยู่หลายรอบกว่าจะยอมลุกไปอาบน้ำ เพิ่งจะเคยเห็นแฟรงค์ดื้อบ้างก็วันนี้แหละ แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ

หลังจากที่เราสองคนอาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อย ผมกับแฟรงค์ก็ยืนมองหน้ากันหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ตรวจดูความเรียบร้อยให้กันและกันก่อนจะออกจากบ้านไป

"พี่ชายของผมนี่จะหล่อไปถึงไหนนะ แต่งตัวเนี้ยบ เท่ สมาร์ท แถมยังหุ่นดีมีซิกซ์แพ็คอีกต่างหาก"

ผมบอกพลางมองอย่างชื่นชมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แฟรงค์แต่งตัวดูดีสมกับเป็นนักธุรกิจจริงๆ แม้ว่าจะไม่ใส่สูทผูกเนกไทก็ตาม

"แล้วนัทรู้มั้ย หน้าหล่อๆ ของพี่...เอาไว้ให้นัทมองเท่านั้น ส่วนหุ่นซิกซ์แพ็ค...ก็เอาไว้ให้นัทนอนกอดคนเดียว"

แฟรงค์พูดหยอกเล่นแต่ก็ทำเอาผมเขิน แล้วแฟรงค์ก็จับไหล่สองข้างของผมไว้ ประสานสายตากัน

"จำไว้นะนัท อย่าฟังใครนอกจากพี่ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็อย่าสนใจ และที่สำคัญ...อย่าปล่อยมือพี่อย่างเด็ดขาด"

แฟรงค์ย้ำเรื่องนี้อีกแล้ว น้ำเสียงหนักแน่นของแฟรงค์แม้จะทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น แต่ลึกๆ ก็กลัวไม่น้อย แฟรงค์พูดเหมือนกับรู้ว่าจะมีใครมาพูดอะไรกับผมเสียอย่างนั้น

ผมพยักหน้ารับคำ ยิ้มบางๆ "นัทจะเชื่อพี่แฟรงค์คนเดียวนะ"

แฟรงค์ยิ้มอย่างพอใจแล้วลูบผมของผมเบาๆ

"ดีมากน้องพี่ เชื่อพี่ไว้ไม่เสียหลาย อ้อ...เดี๋ยววันนี้พี่จะกลับบ้านก่อนนะ ปู่เพิ่งออกจากโรงบาลมา ยังไม่ได้เจอหน้าปู่เลย เมื่อวานกลับบ้านไปก็มีเรื่องซะก่อน"

"มีเรื่องอะไรเหรอพี่แฟรงค์" ผมถามด้วยสีหน้าสงสัย

แฟรงค์คงรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากจึงทำท่าทางอึกอัก ผมชักเกรงว่าตัวเองจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของแฟรงค์มากไปก็เลยพูดออกตัว

"นัทก็ถามไปงั้นแหละ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรหรอก"

แฟรงค์ถอนหายใจ สีหน้าดูเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ครุ่นคิดอยู่สักพักจึงตัดสินใจบอกผม

"พี่ทะเลาะกับพ่อ...เรื่องที่พี่จะไม่ยอมแต่งงานกับเพียวนั่นแหละ แล้วพี่ก็บอกพ่อไปด้วยว่า...พี่รักนัท"

ผมมองแฟรงค์อย่างเห็นใจระคนตกใจ คงไม่แปลกที่แฟรงค์จะทะเลาะกับพ่อเรื่องนี้ คงยากที่จะมีพ่อที่ไหนยอมให้ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน ถ้าพ่อผมยังอยู่ ผมก็อาจเจอปัญหาเหมือนแฟรงค์ก็ได้

"ช่วงนี้...เราสองคนต้องเข้มแข็งมากๆ นะนัท อย่าหวั่นไหวเป็นอันขาด แล้วพี่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้นัทฟังว่าทุกอย่างเป็นมายังไง อ้อ...อีกอย่างนึง ก่อนที่นัทจะกลับบ้าน พี่จะขอมานอนกับนัททุกวันนะ นัทไม่ว่าอะไรพี่ใช่มั้ย"

แฟรงค์เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้ม สายตาที่มองผมมายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หาเหมือนเช่นเคย ผมส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่มีปัญหากับเรื่องที่แฟรงค์ขอ

"เดี๋ยวตอนเย็นๆ พี่จะซื้อฮาเกนดาสมาให้นะ อยากได้รสอะไรก็ไลน์ไปบอกพี่ พี่จะซื้อให้ทุกรสที่นัทอยากกินเลย"

พอได้ยินเรื่องไอศครีมผมก็ตาลุกเป็นประกาย แค่ได้ยินชื่อยี่ห้อก็อยากกินเสียเดี๋ยวนี้

"พี่แฟรงค์ใจดีจัง เดี๋ยวนัทส่งไลน์ไปบอกนะ"

แฟรงค์ลูบผมของผมเบาๆ อีกครั้ง ผมชอบสัมผัสนี้ของแฟรงค์เหลือเกิน ยิ่งมาพร้อมกับสายตาหวานฉ่ำด้วยแล้วผมก็แทบละลายอยู่ตรงนี้

"พี่ใจดีกับเจ้าชายน้อยของพี่อยู่แล้ว"

นี่คงเป็นครั้งแรกที่แฟรงค์เรียกผมว่า "เจ้าชายน้อย" ช่างสรรหาคำมาพูดจนเห็นภาพพจน์ชัดเจน จะว่าไปผมก็คงเป็นเจ้าชายน้อยอย่างที่แฟรงค์ว่ามานานแล้ว ความดูแลเอาใจใส่ของแฟรงค์ที่มีให้ผมพิสูจน์คำพูดนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เจ้าชายน้อยคนนี้ก็อยู่ในหัวใจของพี่แฟรงค์เสมอ

ผมสวมกอดแฟรงค์แล้วก็ซบลงเบาๆ ที่ไหล่ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกใจหายขึ้นมาเสียอย่างนั้น กลับบ้านไปคราวนี้ ผมไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาหาแฟรงค์อีกหรือเปล่า ยิ่งรู้ว่าแฟรงค์มีปัญหากับครอบครัวก็ยิ่งไม่มั่นใจ เหตุการณ์ต่อจากนี้คงพลิกผันและแปรปรวนจนไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยยังไง

ผมรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง...หรืออาจจะเรียกว่า "เลว" ก็ได้ ที่ยอมมีความสัมพันธ์กับแฟรงค์ในเวลานี้ เพลงรักบาปที่เราสองคนบรรเลงขึ้นคงฟังระคายหูของใครต่อใครไม่น้อย แต่สำหรับผม มันอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะเหลือทิ้งไว้ให้ผมจดจำ...ในวันที่รักหมดหนทางไป

ผมกอดแฟรงค์แน่นขึ้น แฟรงค์ตอบสนองด้วยแรงกอดรัดที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน ยิ่งรู้ว่าอ้อมกอดนี้อบอุ่นมากแค่ไหน ยิ่งรู้ว่าคนๆ นี้รักผมมากเพียงใด ผมก็ยิ่งใจหายและหวาดกลัวว่าทั้งหมดนี้...จะเป็นเพียงเมฆหมอกฝัน ที่วันหนึ่งลมจะพัดพาหายวับไปกับตา

... ... ...

ช่วงเช้าผมสะสางงานที่เกี่ยวกับการเงินกับพนักงานบัญชีจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็กลับมาที่ห้องทำงานของผมกับแฟรงค์ ตรวจดูงานอื่นๆ ก็พบว่าเหลืออีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ผมยังสะสางไม่หมด วันนี้ผมอาจจะทำเสร็จหมดเลย ไม่เหลืองานให้ต้องสะสางในอีกสามวันที่เหลือ ก็น่าจะดีเหมือนกัน ผมจะได้มีเวลาไปดูแลลูกค้าที่บ่อตกปลาให้แฟรงค์บ้าง

เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น พอประตูเปิดออกอย่างช้าๆ ผมก็เห็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะมาหาผมถึงที่นี่ คงจะมาหาผมนั่นแหละเพราะในห้องนี้ไม่มีใครนอกจากผม ที่สำคัญ คนที่มาหาคงจะรู้อยู่แล้วว่าแฟรงค์ไม่อยู่ที่รีสอร์ท

ผมลุกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปสวัสดีผู้มาเยือน แม้จะยิ้มแต่ก็สังหรณ์ใจว่าคงมีเรื่องสำคัญมาก ไม่อย่างนั้นแล้วแม่ของแฟรงค์คงไม่มาหาผมถึงที่นี่แน่นอน

"สวัสดีครับป้า มาหานัทเหรอครับ"

ผู้สูงวัยกว่ารับไหว้และพยักหน้า แม้มีแป้งและเครื่องแต่งหน้าทาทับ ผมก็พอสังเกตเห็นร่องรอยอิดโรยและแววตาที่ดูกังวลของแม่แฟรงค์ได้ ท่าจะมีเรื่องหนักใจมาคุยกับผมแน่แล้ว

"ใช่จ้ะ เราไปหาที่นั่งคุยกันข้างนอกดีมั้ย"

"ได้ครับ" ผมบอกแล้วก็หันรีหันขวาง "เดี๋ยวผมขอเวลาเซฟไฟล์แป๊บนึงนะครับ"

แม่ของแฟรงค์พยักหน้า ผมจึงเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน เซฟไฟล์งานที่ทำค้างไว้ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปนอกห้องพร้อมกับแม่ของแฟรงค์ที่ดูเงียบจนน่ากลัว

ผมพาแม่ของแฟรงค์มานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมบ่อตกปลา มีโต๊ะจัดไว้ให้ลูกค้านั่งพักอยู่สองสามตัว เราเลือกหนึ่งในนั้นแล้วก็นั่งลงตรงข้ามกัน สีหน้าของผู้สูงวัยกว่ายังคงดูเหมือนครุ่นคิดตลอดเวลาตั้งแต่เดินออกมาจากห้องทำงาน

แม่ของแฟรงค์ถอนหายใจก่อนจะเริ่มการสนทนากับผม "นัทจะกลับบ้านวันไหนเหรอลูก"

"ก็ทำงานอีกสามวัน แล้วนัทก็ว่าจะกลับเช้าของอีกวันเลยครับ เดินทางเช้าๆ จะได้ไม่ถึงบ้านค่ำมาก"

แม่ของแฟรงค์พยักหน้ารับรู้ แล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง

"ป้า...อยากจะเล่าอะไรบางอย่างให้นัทฟัง ไม่รู้ว่านัทพอจะมีเวลาคุยกับป้าสักครึ่งชั่วโมงมั้ย มีงานด่วนหรือเปล่า"

"ไม่มีครับ"

แม่ของแฟรงค์ครุ่นคิดและมองหน้าผมเหมือนกับไม่รู้ว่าจะเล่าดีหรือเปล่า

"เรื่องผมกับแฟรงค์หรือเปล่าครับ" ผมตัดสินใจถามไป

แม่ของแฟรงค์พยักหน้า เว้นจังหวะนานพอสมควรจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องนั้นให้ผมฟัง

"ตอนแฟรงค์เรียนชั้นปอหกที่เขาค้อ ตอนนั้น...นัทกับแฟรงค์ยังเด็กเกินไปที่จะรู้ว่าผู้ใหญ่เห็นอะไร ลุงกับป้าได้ยินคนในตลาดเค้าพูดกันว่า...แฟรงค์กับนัทสนิทกันมาก สนิทกันจนเหมือน...ไม่ใช่แค่เพื่อนหรือพี่น้อง ตอนนั้นลุงกับป้าก็คิดว่าคนพวกนั้นคงจะคิดมากไป ไม่มีอะไรทำจนต้องนินทาแม้กระทั่งเด็กๆ แต่พอลุงกับป้าลองสังเกตดูดีๆ อยู่หลายเดือน ก็รู้สึกว่า...นัทกับลูกชายของป้า...ใกล้ชิดกันมากจน..."

แม่ของแฟรงค์ดูเหมือนจะไม่กล้าพูดเรื่องนั้นออกมาตรงๆ แต่ผมก็พอจะเดาได้ไม่ยาก

"พอดีว่าช่วงนั้นธุรกิจรีสอร์ทของลุงกับป้าที่เขาค้อมีปัญหา ก็เรื้อรังมาหลายปีนั่นแหละ เราก็เลยตัดสินใจขายธุรกิจทิ้ง ช่วงที่รอขายก็ให้แฟรงค์ย้ายไปเรียนกรุงเทพก่อน พอขายได้ก็เลยย้ายเฟิร์นตามไปอีกคน หลังจากนั้น ครอบครัวของลุงกับป้าก็ไม่เคยกลับไปที่เขาค้ออีกเลย ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจอย่างหนึ่ง แล้วก็..."

แล้วแม่ของแฟรงค์ก็ถอนหายใจอีก มองดูผมด้วยสีหน้าคล้ายว่าจะเห็นใจ ครุ่นคิดเงียบๆ อยู่นานจึงตัดสินใจถามผม

"นัทพอจะรู้ใช่มั้ยว่าทำไม...แฟรงค์ถึงไม่ได้กลับมาหานัทเลย"

ผมหันหน้าไปทางอื่น คราวนี้เป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ

"พอจะรู้ครับ แฟรงค์เค้าไม่ได้บอกผมตรงๆ หรอก แต่ฟังดูแล้วผมก็พอจะเดาได้"

"ป้าขอโทษนะลูก" แม่ของแฟรงค์พูดสวนมาทันที

ผมสบตากับแม่ของแฟรงค์ เธอดูเห็นใจผมมาก แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่า เธอคงไม่ได้มาคุยกับผมเพื่อจะบอกว่าเห็นใจผมแค่นี้แน่

"ลุงกับป้าคิดว่าทำแบบนี้แล้ว...จะช่วยตัดไฟแต่ต้นลมได้ ก็เลยไม่ยอมให้แฟรงค์มาหานัท ทั้งๆ ที่รู้ว่าแฟรงค์คิดถึงนัทมากแค่ไหน บางวันไม่ยอมกินข้าว เอาแต่นั่งดูรูปที่ถ่ายกับนัทที่มีติดตัวมาใบเดียว เค้าเคยขอพ่อมาหานัทบ่อยๆ แต่ลุงก็ไม่ยอมให้มา จากนั้นเราก็เลยหากิจกรรมให้แฟรงค์ทำ ไม่ให้อยู่ว่างๆ เพราะกลัวเค้าจะคิดฟุ้งซ่าน ก็ดูเหมือนว่าแฟรงค์ลืมเรื่องเก่าๆ ไปหมดแล้ว กลับมาเป็นคนสดใสร่าเริงเหมือนเดิม เค้าได้เจอคนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ลุงกับป้าก็เลยสบายใจขึ้นมาได้หน่อย แต่ก็มาหนักใจอีกทีตอนที่แฟรงค์ไม่ยอมมีแฟน กลุ้มใจกันอยู่หลายปี แต่สุดท้ายเราก็โชคดีที่แฟรงค์ได้เจอหนูเพียว เค้าสองคนรักกันมากนะ ประคับประคองกันมาเป็นอย่างดี จนกระทั่ง...ตกลงจะแต่งงานกัน ครอบครัวของเราดีใจมากที่แฟรงค์จะเป็นฝั่งเป็นฝา โดยเฉพาะลุง ลุงเค้าดีใจมากนะนัทเพราะเค้าฝากความหวังไว้ที่แฟรงค์ทุกอย่าง ปู่ของแฟรงค์ก็รักแฟรงค์มาก ก็หวังพึ่งหลานนี่แหละที่จะช่วยสืบสกุลและสืบทอดธุรกิจต่อไป"

ผมรับฟังเรื่องที่แม่ของแฟรงค์เล่าด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอก เดาไม่ถูกเลยว่าคนเล่าต้องการสื่ออะไรกันแน่

"ป้ารู้นะว่าแฟรงค์กับนัทรู้สึกยังไงต่อกัน แต่ป้า...ก็ไม่อยากให้แฟรงค์กับนัททำอย่างงี้เลย"

แม่ของแฟรงค์ยิงเข้าตรงจุดจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ถ้าลองพูดมาอย่างนี้แล้ว ผมก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายมาเพื่อเหตุผลใด

"แล้วป้า...ไม่อยากให้พี่แฟรงค์มีความสุขเหรอครับ" ผมกลั้นใจถามกลับไป

แม่ของแฟรงค์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ คืนกลับสู่สีหน้าเดิม

"ชีวิตของคนเรา...มีอะไรให้ต้องทำมากกว่าความรักนะลูก แฟรงค์น่ะ...เค้าเป็นความหวังหลายอย่างของครอบครัวเรา เป็นลูกชายคนเดียวที่พ่อเค้าก็หวังว่าจะให้ช่วยสืบสกุลให้ สืบทอดธุรกิจของปู่ต่อไป ปู่ของแฟรงค์ตั้งใจจะยกเป็นมรดกให้หลานชายอีกไม่นานนี้ แฟรงค์เค้าต้องดูแลหลายอย่างให้ครอบครัวเรา..."

แม่ของแฟรงค์หยุดคิด ผมก็เลยถือโอกาสพูดบ้าง

"ถ้างั้นก็แปลว่า...ถ้าแฟรงค์กับผมรักกัน แฟรงค์ก็จะดูแลธุรกิจและสืบทอดตระกูลให้ครอบครัวไม่ได้ใช่มั้ยครับ"

แม่ของแฟรงค์สบตาผม สายตายังดูเหมือนเห็นใจผมเหมือนเดิม แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการหรอก

"ป้าก็ไม่รู้ว่าจะบอกนัทยังไง แต่ถ้าไม่มีแฟรงค์...ครอบครัวเราก็จะลำบาก ลำบากมากๆ เลยล่ะ"

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น นึกถึงเรื่องที่แฟรงค์เพิ่งเตือนไว้เมื่อเช้าว่าไม่ให้หวั่นไหว แต่พอเจออย่างนี้เข้าไป ผมก็เริ่มสั่นคลอนเหมือนกัน

"แล้วความสุขของแฟรงค์ล่ะครับป้า ไม่เห็นมีใครพูดถึงความสุขของแฟรงค์เลย แฟรงค์เค้าจะต้องอยู่กับชีวิตอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ"

ผมพูดไปแล้วก็จะร้องไห้ รู้สึกสงสารแฟรงค์จับจิตจับใจที่ต้องอยู่ในครอบครัวที่บีบบังคับขนาดนี้

"ความจริง...ป้าก็ไม่เห็นว่าก่อนหน้านี้แฟรงค์เค้าจะมีความทุกข์อะไรนะ ป้าหมายถึง...ก่อนที่แฟรงค์จะเจอนัทอีกครั้ง ชีวิตของเค้าก็คงจะเดินไปตามวิถีของผู้ชายคนหนึ่ง ทำงาน แต่งงาน มีลูก ดูแลครอบครัว ป้าไม่เห็นว่าเค้าจะมีปัญหาอะไรเลย จนกระทั่ง..."

แม่ของแฟรงค์ละไว้ในฐานที่เข้าใจ นั่นแปลว่าผมเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของแฟรงค์ ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี แฟรงค์ก็กำลังจะแต่งงานมีครอบครัวเหมือนผู้ชายคนหนึ่ง แต่แฟรงค์ดันมาเจอตัวปัญหาอย่างผมเสียก่อน

ก็คงจะจริง...ถ้าแฟรงค์ไม่เจอผม ชีวิตของแฟรงค์ก็คงเดินไปตามวิถีของผู้ชายคนหนึ่ง

แม่ของแฟรงค์ถอนหายใจ สายตาที่มองผมอย่างเห็นใจกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกดีแม้แต่น้อยเลย

"ป้าเสียใจนะ แล้วป้าก็ต้องขอโทษนัทด้วย ยังไงๆ พ่อของแฟรงค์ก็คงไม่ยอม ไม่ยอมอย่างเด็ดขาด ป้าขอบอกตรงๆ ว่า...ป้าไม่เห็นความเป็นไปได้เลยที่แฟรงค์กับนัทจะ..."

ละไว้ในฐานที่เข้าใจอีกครั้ง แล้วก็พูดสืบไป

"ลุงกับป้า...ไม่รังเกียจหรอกนะที่แฟรงค์กับนัทจะคบกันต่อไปในฐานะ...พี่น้อง...หรือเพื่อน แต่ถ้ามากกว่านั้น..."

ดูเหมือนจะมีเรื่องที่ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจหลายเรื่อง ก็เอาเป็นว่าผมเข้าใจดีทุกอย่างละกัน อย่าว่าแต่คบกันเป็นเพื่อนหรือพี่น้องเลย แม้เป็นแค่คนรู้จักก็ยังมากพอที่จะสร้างความระคายเคืองและหวาดระแวงให้ครอบครัวนี้ได้ ไม่มีใครในครอบครัวของแฟรงค์ต้องการผม แล้วทำไมผมจะต้องอยู่เป็นหนามในใจให้ครอบครัวคนอื่นด้วยเล่า

ผมยกมือป้ายน้ำตาที่รินไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ คงไม่ต้องถามผมว่ารู้สึกยังไง เจ็บปวดแค่ไหน แต่ดูเหมือนแค่นั้นยังไม่พอ ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน เหมือนมีใครเอาเข็มนับร้อยนับพันมาทิ่มแทงผมพร้อมๆ กันเลยทีเดียว

"นัทปล่อยมือพี่เค้าเถอะลูก อย่าทำลายอนาคตของแฟรงค์เลย ครอบครัวเราจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ถือว่าป้าขอร้องละกัน"

พอจบประโยคแม่ของแฟรงค์ก็ลุกขึ้น ก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกไปโดยไม่หันมามองผมที่ก้มหน้าร้องไห้ปานจะขาดใจ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้ว่าครอบครัวนี้ไม่ต้องการผม แล้วผมกับแฟรงค์จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง อีกอย่าง ในเมื่อแม่ของแฟรงค์ขอร้องผมถึงขนาดนี้ ผมควรจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ต่อไปหรือเปล่า ถ้าอยู่ต่อ...ก็คงไม่ใช่คนแล้ว

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมดังขึ้น พอหยิบมาดูก็เห็นแฟรงค์ส่งไลน์มาถามว่าจะเอาไอศครีมรสอะไรบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ตอบแฟรงค์ไป เห็นความเป็นห่วงเป็นใยและเอาใจใส่ของแฟรงค์ผมก็ยิ่งใจหาย

"พี่แฟรงค์ นัทจะไม่ไหวแล้ว พี่แฟรงค์ช่วยนัทด้วย"

ผมคงทำได้แค่พูดคนเดียวอยู่ตรงนี้ แฟรงค์คงไม่สามารถรับรู้ว่าเจ้าชายน้อยของพี่แฟรงค์กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วก็ค่อยๆ ยืนขึ้น ก่อนจะวิ่งไปหาห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อล้างหน้าล้างตาให้อยู่ในสภาพพอกลับไปทำงานต่อได้

... ... ...

ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมีสติมากพอจนสะสางงานได้หมดในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว พอเสร็จแล้วก็เดินออกมาดูตรงบ่อตกปลา น่าแปลกที่บ่ายสองแล้วยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย น่าจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันธรรมดา ผมว่าจะเข้าไปคุยกับพนักงานที่ร้านอาหารกลางน้ำเสียหน่อย ก็บังเอิญได้เจอแขกคนที่สองของผมเสียก่อน

"เพียว"

ผมเรียกชื่อผู้หญิงที่เดินมาหาอย่างตกใจ ก่อนกินข้าวกลางวันก็โดนเล่นงานมาแล้วหนึ่งรอบโดยแม่ของแฟรงค์ บ่ายนี้ผมคงไม่พ้นโดนอีกรอบแน่ๆ แล้วก็จริงอย่างที่ผมเดาเสียด้วย

"เพียวขอคุยกับนัทหน่อยได้มั้ย ไม่นานหรอก แค่ครึ่งชั่วโมง" เพียวถามเสียงเรียบ แต่แววตากลับมีแววเศร้าและกังวล

มีหรือที่ผมจะปฏิเสธได้ แต่คราวนี้ผมพาเพียวเข้ามาคุยกันในห้องทำงานของแฟรงค์ กลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ให้ลูกค้าเห็น คงดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่

พอเข้ามาในห้องทำงาน ยังไม่ทันจะได้เชื้อเชิญให้นั่งด้วยซ้ำ เพียวก็เปิดฉากการสนทนาของเราทันที

"นัทกับพี่แฟรงค์ไม่ควรจะทำอย่างงี้กับเพียวนะ"

ผมปิดประตูเสร็จก็ยืนนิ่งตกตะลึงอยู่ตรงนั้น แม้น้ำเสียงไม่ได้ฟังดูเกรี้ยวกราดแต่ก็รู้ว่าคนพูดไม่พอใจ

"ทำอะไรกันน่ะ เกรงอกเกรงใจเพียวกันมั่ง เพียวยังเป็นคู่หมั้นของแฟรงค์อยู่นะ"

พูดจบเพียวก็ร้องไห้ ผมรู้สึกหน้าชาไปหมดเพราะกำลังถูกด่าว่าแอบขโมยกินของคนอื่น จนในที่สุดเจ้าของที่แท้จริงก็ทนดูไม่ไหว ต้องออกโรงมาปรามบ้าง

"เพียวรู้จักกับพี่แฟรงค์มาสี่ปีกว่า เราไม่เคยมีปัญหาอย่างนี้เลย เราสองคนก็รักกันอยู่ดีๆ วางแผนชีวิตไว้ด้วยกัน เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่าง รอแค่อีกไม่กี่วันเท่านั้น แต่พอนัทมา...ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นัทเข้าใจความรู้สึกของเพียวมั้ย ผู้หญิง...ที่จะโดนคู่หมั้นทิ้งให้ม่ายขันหมากอยู่รอมร่อ ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมมันต้องแบบนี้ด้วย แล้วเพียวจะทำยังไง นัทบอกมาซิว่าเพียวควรจะทำยังไง"

เพียวควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและตัดพ้อต่อว่าผมใหญ่ แต่คนที่แอบขโมยกินของคนอื่นอย่างผมจะมีสิทธิ์ไปเถียงอะไรได้

"ทำไมจะต้องทำบาปทำกรรมกับผู้หญิงคนนึงอย่างงี้ด้วย ไม่รู้เหรอว่าที่ทำไปมันบาปแค่ไหน มันผิดศีลธรรมนะนัท แล้วทำกันไปได้ยังไง เห็นเพียวเป็นอะไรกัน คิดว่าเพียวไม่รู้สึกอะไรเหรอ คิดว่าเพียวไม่มีหัวใจเลยหรือไง!"

เพียวสาดอารมณ์ใส่ผมอย่างไม่ลดละ ผมหน้าชาแล้วหน้าชาอีก

"เพียว...นัทขอโทษ" ผมคงบอกเพียวได้แค่นี้ ไม่มีคำพูดใดที่ดีกว่านี้ที่ผมจะสรรหามาพูดได้

"เพียวไม่ต้องการคำขอโทษ เพียวอยากให้นัทปล่อยเราสองคนไป ได้มั้ย ถ้าไม่มีนัท...พี่แฟรงค์เค้าก็คงไม่เป็นแบบนี้ เราสองคนก็คงจะแต่งงานกันตามที่วางแผนไว้ แล้วก็จะมีลูกด้วยกัน เราคุยกันมาหมดแล้ว เราวางแผนกันมาหมดแล้วว่าเราจะแต่งงานกันตอนไหน จะมีลูกคน ลูกชายกี่คน ลูกสาวกี่คน แต่ทุกอย่างมันพังลงหมดเลย! ตั้งแต่นัทเข้ามา!"

ใครไม่ถูกด่าอย่างนี้บ้างคงไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน ผมร้องไห้อย่างอดสูใจ ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมาถูกใครด่าว่าอย่างนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมไม่หักห้ามใจตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่ามันผิดก็ยังแอบกินของคนอื่น ช่างหน้าด้านสิ้นดี

"นัทไปจากชีวิตเราสองคนได้มั้ย หรือนัทอยากจะเห็นชีวิตของผู้หญิงคนนึงพังลงต่อหน้าต่อตา ไม่สงสารกันมั่งเหรอ ถ้านัทเป็นเพียว นัทจะทำยังไง"

ผมทรงไม่อยู่แล้ว ค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งพิงประตูอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

"ตอบเพียวมาสินัท ไปจากชีวิตเราสองคนได้มั้ย เพียวกับพี่แฟรงค์จะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่าเป็นมารผจญให้เราสองคนเลย"

ผมเอามืออุดปากเพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้เสียงดัง ในเมื่อเพียวขอกันถึงขนาดนี้ ผมคงไม่ใจกล้าหน้าด้านขโมยของคนอื่นกินต่อ บาปรักของผมกับแฟรงค์ควรจะต้องยุติเสียที ความจริงก็ควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาว่าเอาเสียก่อนถึงค่อยคิดได้

ผมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ ไม่สามารถพูดคำใดออกไปได้เลย

"ถ้างั้น...นัทก็ควรจะไปจากเราสองคนให้เร็วที่สุด หยุดทำบาปทำกรรมกับลูกผู้หญิงคนนึงที่ไม่มีทางสู้ได้แล้วนะนัท"

ผมปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น เกิดมาชาตินี้ขอให้มีแค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะโดนใครด่าว่าอย่างนี้ นี่แหละคือผลกรรมของการที่ไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเอง ยอมให้อำนาจดำฤษณาครอบงำจนลืมคิดถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดี สุดท้ายก็ต้องมาเสียใจภายหลังเมื่อเจ้าของตัวจริงมาทวงคืน

นี่ผมทำอะไรลงไปกับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง!? ผมทำอย่างนี้ไปได้ยังไง!? ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน

"งั้นก็ดีแล้ว เพียวหวังว่า...นัทจะไม่ผิดคำพูด"

เพียวเดินมาที่ประตู ผมเขยิบหลีกทางให้เธอเปิดประตูออกไปแต่โดยดี พอไม่มีใครอยู่ในห้องนี้แล้วผมก็ร้องไห้อย่างสุดกลั้น ปลดปล่อยทุกอย่างที่เก็บกดไว้ในใจอย่างเต็มที่

แฟรงค์ส่งไลน์มาถามผมเรื่องไอศครีมอีกแล้ว พอผมไม่ตอบแฟรงค์ก็เลยบอกว่าจะซื้อรสเดิมที่เคยซื้อมาให้ ผมอยากตะโกนบอกแฟรงค์เหลือเกินว่าไม่ต้องซื้อมาแล้ว คืนนี้เราไม่ควรจะพบกันด้วยซ้ำไป ผมจะหน้าด้านหน้าทนแอบกินของคนอื่นทั้งๆ ที่เจ้าของตัวจริงมาทวงแล้วได้ยังไง

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วโดนโซเซไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาอีกรอบ เหลือเวลาไม่มากแล้ว ผมไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ ฉะนั้น ผมจะตรวจดูงานรอบสุดท้ายให้เรียบร้อยภายในวันนี้ ผมไม่ได้อยู่ต่ออีกสามวันอย่างที่ตั้งใจแต่แรก

พอล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน ตรวจดูเอกสารและไฟล์งานต่างๆ จนมั่นใจว่าไม่มีตกค้าง จากนั้นผมก็เดินไปคุยกับแก้วตาเผื่อว่ายังมีอะไรที่ผมติดค้างไว้อยู่หรือเปล่า พอแก้วตาบอกว่าไม่มีผมจึงกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง เก็บคอมพิวเตอร์ใส่กระเป๋าเตรียมกลับที่พัก

เสียงไลน์ดังเตือนอีกแล้ว ผมนึกว่าแฟรงค์ไลน์มาหาจึงเปิดอ่าน แต่คราวนี้ไม่ใช่ คนที่ส่งมาคือคนที่เคยทำผมเจ็บปวดแทบปางตายเมื่อไม่นานนี้นั่นเอง

"พี่อยากเจอนัทจริงๆ นะ นัทมาหาพี่อีกสักครั้งได้มั้ย แล้วพี่จะไม่ขอให้นัทมาหาพี่อีกเลย"

ผมไม่เคยนึกอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งมาก่อนเลย จึงได้แต่กำโทรศัพท์ไว้แน่นก่อนจะเผลอบันดาลโทสะปาทิ้งไปจริงๆ ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรกันแน่ถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ ในวันเดียวกัน ต้องตาเลิกกับหัวหน้าแผนกคนนั้นแล้ว หวังว่าเธอคงไม่คิดจะขอให้ผมกลับไปคืนดีกับเธออีก ผมไม่มีหัวใจเหลือให้ใครแล้ว

ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างหัวเสีย หยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์มาถือไว้ กำลังจะเดินออกไปประตูก็ห้องทำงานก็เปิดออกเสียก่อน

"พี่แฟรงค์"

ผมอุทานเสียงเบา แฟรงค์ยิ้มหวานให้ผมอย่างดีใจที่ได้พบกัน ในมือถือถุงกระดาษที่เข้าใจว่าเป็นไอศครีมของโปรดของผมมาด้วย

"จะกลับแล้วเหรอนัท ทำงานเสร็จไวจัง" แฟรงค์ถามแล้วก็ปิดประตูห้อง ก่อนจะเดินตรงมาหาผม

นี่ไง...ผู้ชายที่ผมรักแต่ไม่มีสิทธิ์รัก ก็เลยต้องแอบขโมยกินของคนอื่นอย่างหน้าด้านๆ ผมพยายามข่มความรู้สึกข้างในอย่างเต็มที่ ผมจะต้องไม่ร้องไห้ จะต้องไม่เศร้า จะต้องไม่ทำให้แฟรงค์ลำบากใจก่อนที่ผมจะจากไป ผมก็เลยต้องพยายามฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่ในหัวใจผมร้องไห้อย่างหนัก

"เสร็จแล้ว นัทเคลียร์งานให้พี่แฟรงค์เสร็จหมดแล้วนะ ไม่มีอะไรค้างเลย"

แฟรงค์พยักหน้ารับรู้ วางถุงกระดาษไว้บนโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วก็เดินมากอดผมจากทางด้านหลัง ก่อนหอมแก้มผมหนึ่งฟอดอย่างรักใคร่

"คิดถึงนัทจัง" แล้วแฟรงค์ก็ปล่อยผมออกเพราะเห็นว่ายังอยู่ในที่ทำงาน

"มา ให้พี่ช่วยถือ เจ้าชายน้อยของพี่"

แฟรงค์ยื่นมือมาขอช่วยถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์ที่ผมถือไว้ ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ส่งให้แต่โดยดี ไหนๆ ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ผมอยากให้แฟรงค์มีความสุขที่ได้ดูแลผมเหมือนอย่างเคย แล้วคืนนี้...ผมก็จะดูแลแฟรงค์เป็นอย่างดีเช่นกัน

"พี่แฟรงค์น่ารักจัง"

แฟรงค์ถือกระเป๋ามือเดียวแล้วก็เอามือที่เหลือมาลูบผมของผมเบาๆ

"ถ้าพี่น่ารักนัทก็ต้องรักพี่คนเดียวนะ"

แฟรงค์มองผมด้วยสายตามีความสุข ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หรือว่าแฟรงค์จะคิดเหมือนผมว่าเราควรใช้เวลาที่เหลือให้มีความสุขมากที่สุด

"ไปเร็ว เดี๋ยวไอติมละลาย"

แฟรงค์ฉวยถุงกระดาษบนโต๊ทำงานมาถือไว้อีกข้างแล้วก็เดินนำออกไป เห็นแผ่นหลังตั้งตรงของแฟรงค์แล้วผมก็นึกอยากกอดเหลือเกิน ผมรอจังหวะจนกระทั่งเราสองคนเดินเข้ามาในที่พัก พอแฟรงค์วางของเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเข้าไปกอดแฟรงค์จากทางด้านหลังบ้าง ภาวนาในใจว่าอย่าให้สัมผัสที่แสนอบอุ่นนี้เป็นครั้งสุดท้ายเลย

"พี่แฟรงค์ นัทรักพี่แฟรงค์นะ ถ้าเกิดวันนึงนัทไม่มีโอกาสได้บอกรักพี่แฟรงค์อีก พี่แฟรงค์รู้ไว้นะว่านัท...รักพี่แฟรงค์ที่สุดในชีวิต"

ผมพยายามสะกดกลั้นน้ำตาอย่างเต็มที่ แต่กระนั้นก็มีซึมๆ ออกมาบ้าง เราอุตส่าห์หากันจนเจอแล้ว แต่กลับมาเจอกันในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจเสียเลย แฟรงค์กุมมือสองข้างของผมที่จับอยู่ตรงเอวแฟรงค์ไว้ ก่อนจะหันมายิ้มให้

"ทำไมพูดแปลกๆ อย่างงั้นล่ะนัท พูดเหมือนจะหนีพี่ไปไหนเลย"

แฟรงค์พูดหยอกเล่น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนใครเอามีดมากรีดใจก็ไม่ปาน จะเอายังไงกับรักครั้งนี้ดีหนอ จะหน้าด้านสู้ต่อไป หรือจะปล่อยแฟรงค์ให้กลับไปหาเพียวและครอบครัวเหมือนเดิม คนเหล่านั้นต้องการแฟรงค์ให้ช่วยเติมเต็มหลายอย่าง บางอย่างก็สำคัญมากเพราะหมายถึงความอยู่รอดของคนทั้งครอบครัว แล้วความรักของผมสำคัญมากขนาดนั้นหรือเปล่า!?

- TBC -[/center]

อำลาตำนานรัก "ต้น-สน"

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:06:03 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ sarawatta
ขออธิษฐาน ให้ คุณ sarawatta มีความสุข ตลอดปีใหม่นี้ ค่ะ

ติดตามอ่านงานเขียนของ  คุณ sarawatta มาหลายเรื่องค่ะ ทั้งที่ดราม่า ไม่ใช่แนวเราเลย เรื่องที่เราชอบมากที่สุดคือ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (อ่านไปก็ร้องไห้ไป ถ้ามีตัวละครเรื่องนี้เสียชีวิต เราคงเศร้าไปหลายเดือน ดีใจมากที่จบด้วยความสุข)

ความใส่ใจในการเขียนและการโต้ตอบกับผู้อ่าน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราประทับใจ ขอบคุณสำหรับงานเขียนสนุกๆค่ะ


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ทั้งหน่วงทั้งดราม่ารับปีใหม่เลย

ถ้ามองอย่างที่คนอื่นมองก็ใช่นะ 
ถ้าแฟรงค์ไม่เจอนัทเรื่องทุกอย่างมันก็จะเป็นไปตามที่ทุกคนในครอบครัวแฟรงค์ต้องการ   แต่หลังจากนี้ล่ะ?   
แฟรงค์จะสามารถมีความสุขได้อีกหรือถ้าหากว่าไม่มีนัท?
ผู้หญิงอย่างเพียวนี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเราเลยทีเดียว   ทั้งๆที่ผู้ชายเขาบอกแล้วว่าเขารักคนอื่น   เขาไม่ได้รักตัวเองเหมือนเดิม   กระนั้นนางก็ยังพยายามที่จะยื้อผู้ชายไว้   สำหรับนัทจะเหลืออะไรอีก?  นอกจากถอย?

ขอนะ  เราอยากเห็นผู้ชายดีๆสักคนที่สู้เพื่อความรัก

นังต้องตายังจะมาหลอกหลอนอะไรอีก?   สงสัยปลาใหญ่ที่เคยจับไว้ดิ้นหลุดมือไม่ก็มีหนามมาปักมือ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารนัทจังโดนรุมแบบนี้ไหนจะทั้งแม่แฟรงค์ ไหนจะเพียว นัทหนูต้องสตรองนะคะเพื่อให้สมหวังในรักนะคะ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ต่อให้นัทปล่อยแฟรงค์ไปแต่แฟรงค์ก็ไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมหรอก เชื่อสิ
นัทหนูต้องเข้มแข็ง ต้องสตรองให้มากนะนัท อยู่เคียงข้างคอยเป็นกำลังใจให้แฟรงค์สิ เอาใจช่วยนะให้ผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้ จับมือกันไว้แล้วไปด้วยกัน

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อย่ากล่าวหาว่าคนอื่นเห็นแก่ตัว
ถ้าสิ่งที่ตัวเองทำ..ทั้งหมดก็เพื่อตัวเอง
มันก็เห็นแก่ตัว เหมือนๆกัน

เพียงพูดให้ดูดี
แต่ใจนี่..โคตรระยำ

พอนะ..ไม่อยากจะพูดอะไรให้มากกว่านี้
เพียวถอยเหอะ ถอยได้แล้ว ยื้อไปก็ไร้ค่า
หมดราคาของตนเอง
หุหุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ทุกคนก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้น
แต่ของแฟรงค์กับนัทในตอนนี้มันเป็นการเห็นแก่ตัวทำในเรื่องที่ผิดต่อเพียวจริง ๆ   
ก็ต้องรับผลกรรมไป
เห็นใจทั้งคู่มาก ๆ และขอให้มีทางออกที่ดี

ส่วนเรื่องความต้องการของพ่อ แม่ เพียว
อันนี้พวกเขาคงลืมคิดไปว่า มันไม่ใช่ตัวหนังสือที่เขียนด้วยดินสอ
ใช้ยางลบลบออกก็แทบไม่เหลืออะไรให้เห็น ไม่เหลือความทรงจำ
แต่นี่มันชีวิตและจิตใจคน
ตอนเด็ก ๆ อาจจะชี้แนะและป้อนประสบการณ์ใหม่ ๆ เข้ามาให้ความทรงจำและประสบการณ์เดิม ๆ เลือนลางจนจางหายไปได้
แต่ตอนโตแล้วนี่เป็นไปไม่ได้ การที่สองคนนี้ได้กลับมาเจอกัน สานสัมพันธ์จนรักกัน  มันเป็นเรื่องจริง ณ ปัจจุบัน
ใจที่เปลี่ยนไปแล้ว วัยที่โตจนมีความคิดเป็นของตนเอง มีพลังและอำนาจที่จะเลือกทำในสิ่งที่ตนต้องการ
แฟรงค์อาจจะถูกบังคับให้แต่งงานกับเพียวได้ แต่เขาก็จะไม่มีความสุขอีก นอกเสียจากว่า ตัวเขาเองเป็นผู้เลือก
แล้วจะอยู่โดยความรู้สึกแบบไหน ก็เป็นตัวเขาที่เลือกรับผลนั้นเอง

ตอนนี้เราเห็นใจเพียวมากที่สุดนะ เพราะถูกหักหลัง ถูกฉีกหน้า ถูกทำร้ายจิตใจ ถูกครอบครัวกดดัน
โอเคในแง่ครอบครัวมันอาจจะมีอะไรเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้ แต่ที่เขาเจ็บ เขาก็เจ็บจริง ๆ 
ในอีกทางหนึ่ง เพียวคงต้องทุกข์มากกว่านี้ถ้าแต่งไปกับแฟรงค์ เพราะคนไม่รักกันแล้ว อย่างไรก็ไม่รัก แฟรงค์อาจจะเห็นใจและมีความรู้สึกผูกพันเพราะคบหากันมานานหลายปี แต่วันหนึ่งความไม่สมหวังและความอัดอั้นตันใจที่ต้องอยู่โดยไร้รักต่อกันก็จะทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นหมดไป แล้วแฟรงค์จะมีความรู้สึกต่อเพียวอย่างไรล่ะ?  อาจจะโกรธ เกลียด จนเฉยชา ไม่สนใจอีก ทุกข์กว่าไหมถามใจดู

ได้แต่ภาวนาให้เพียวคิดได้ ยอมรับความจริง ยอมเสียหน้าแค่ไม่นานแต่ไม่ต้องทรมาน เพราะชีวิตคู่ที่ล้มเหลวและไร้ความสุข
และขอให้มีทางออกกับครอบครัวด้วย

สวัสดีปีใหม่ทุก ๆ คน

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
น่าสงสารนัท เจอพายุเข้าติดกันๆหลายระลอกแบบนี้ จะทานทนไหวได้ยังไง

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ดราม่าของนัทกับแฟรงค์เริ่มแล้ว อยากรู้ว่าทำไมน้องพระเอกถึงไม่ชอบเพียว ผมว่าต้องมีเรื่องราวอะไรซ่อนไว้แน่ๆ
นัทอย่าปล่อยมือแฟรงค์ไปนะ น้องสาวแฟรงค์จะได้ออกโรงมาช่วยพี่ชายมั้ยคับ
   รอ รอ รอออ่านตอนใหม่คับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Desperado คนสิ้นหวังหรือสิ้นคิด เป็นอีกตอนที่เศร้ามาก
เราจะเศร้ากันต่ออีกหน่อย อดทนกันนิดนึงนะครับ

❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 17 ✢ Desperado



ช่วงเย็นแดดร่มลมตก เรือนแพรีสอร์ทที่กำลังจะมีชื่อใหม่เป็นหนองจอกรีสอร์ทแอนด์ฟิชชิ่งปาร์ค เริ่มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการบ่อตกปลาอย่างหนาตามากขึ้น ช่วงปิดปรับปรุงรีสอร์ททำให้สูญเสียรายได้ไปมากพอสมควร แต่ก็โชคดีตรงที่รายได้มากกว่าครึ่งมาจากบริการบ่อตกปลา นับว่าเป็นรายได้หลักสำคัญที่ช่วยหล่อเลี้ยงธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้

แฟรงค์ชวนผมมาเล่นฟลายบอร์ดก่อนจะกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารกลางน้ำ แต่เล่นไปได้สักพักก็มีลูกค้าสาวๆ กลุ่มหนึ่งมาขอเล่นบ้าง แฟรงค์ก็เลยต้องเปลี่ยนหน้าที่มาสอนสาวๆ กลุ่มนั้นให้เล่นฟลายบอร์ดแทน ตอนแรกจะให้ผมอยู่เล่นด้วย แต่ผมก็ปฏิเสธไปโดยอ้างว่าจะไปช่วยดูแลลูกค้าที่ร้านอาหารให้ แฟรงค์ก็เลยไม่ว่าอะไร

แต่ก่อนจะไปดูแลลูกค้า ผมก็แอบหนีกลับมาที่ที่พัก เข้ามาในห้องแล้วก็ยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากหลังตู้เสื้อผ้า แล้วก็หยิบเสื้อผ้าที่จำเป็นจากตู้เสื้อผ้ามาใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ เหลือไว้แค่ชุดที่จะใส่นอนคืนนี้และชุดทำงานของแฟรงค์เท่านั้น ส่วนของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำคงไปซื้อเอาข้างหน้า เสร็จแล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากห้อง ตรงไปยังรถของผมที่จอดไว้อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ก่อนจะใส่กระเป๋าใบนั้นไว้ในกระโปรงรถ เตรียมไว้สำหรับการเดินทางที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้

พอเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินกลับมาที่ร้านอาหารกลางน้ำ มีลูกค้านั่งประจำโต๊ะเกือบครึ่งร้านแล้ว นับว่ามากพอดูในภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้ บางคนเป็นลูกค้าประจำที่ผมพอรู้จัก ผมจึงเดินไปทักทายลูกค้าตามโต๊ะต่างๆ และคอยบริการเล็กๆ น้อยๆ เช่น เรียกพนักงานเสิร์ฟให้ บอกทางไปห้องน้ำ หรือแนะนำอาหารหรือบริการอื่นๆ ที่ลูกค้าสนใจ

เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ กลุ่มนั้นดังมาเป็นระยะๆ พอผมไปยืนดูก็เห็นว่าพวกเธอกรี๊ดแฟรงค์ที่กำลังทดลองเล่นฟลายบอร์ดแบบผาดโผนให้ดูนั่นเอง หนุ่มเล่นโชว์สาว สาวกรี๊ดชอบใจ หนุ่มยิ้มภูมิใจที่สาวชอบ รอยยิ้มของสาวก็ดึงดูดให้หนุ่มทอดสะพานไปหา เป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปทุกมุมโลก

บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ผมกับแฟรงค์ควรจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายทั่วไปตามเดิมหรือเปล่า ผมงงตัวเองเหมือนกันว่าผมชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ผมกับแฟรงค์เองก็ชอบผู้หญิงมาก่อนทั้งคู่ แต่ก็น่าแปลกที่เรามีความสัมพันธ์กันได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย หรือว่าผมกับแฟรงค์เป็นไบเซ็กชวล แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร เราสองคนก็ทำผิดบาปกับผู้หญิงคนหนึ่งไว้มากอยู่ดี

ผมไม่รู้ว่าผมอิจฉาหรือหึงหวงแฟรงค์หรือเปล่าที่มีสาวกรี๊ด แถมพวกเธอยังคอยชื่นชมประจบเอาใจแฟรงค์เวลาที่แฟรงค์สอนพวกเธอ แม้มองไกลๆ ก็ยังรู้ว่าสาวๆ บางคนส่งสายตาวิบวับให้ แฟรงค์หล่อขนาดนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาวๆ จะสนใจ ไม่รู้ว่าแฟรงค์รู้สึกยังไงบ้างหรือเปล่า แต่เห็นยิ้มและหัวเราะสนุกสนานก็น่าจะแปลว่าพอใจไม่น้อย

ผมละสายตาจากภาพนั้นแล้วก็เดินกลับเข้ามาในร้านอาหารตามเดิม พอไม่มีอะไรต้องดูแลก็เลยเลือกนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ตัวหนึ่ง แล้วก็นั่งเท้าคางเหม่อมองและคิดไปเรื่อยเปื่อย พอนึกถึงสิ่งที่ผมกำลังจะทำคืนนี้แล้วก็ยิ่งใจหายเหลือเกิน แต่มันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้

"ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะนัท"

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเหม่ออยู่นานแค่ไหนแล้วจึงไม่เห็นแฟรงค์เดินมาหา ผมยิ้มอย่างงงๆ ให้กับแฟรงค์ที่กำลังนั่งลงข้างๆ

"หึงพี่เหรอ" แฟรงค์พูดหยอกพลางเอาข้อศอกมากระทบแขนผมเบาๆ

"เปล่าซะหน่อย" ผมแก้ตัว ค่อยๆ เอามือลงวางข้างลำตัว

"เปล่าอะไร เมื่อกี้เห็นแอบยืนดูพี่อยู่"

"แค่ดูเฉยๆ ไม่ได้หึงซะหน่อย นัทไม่มีสิทธิ์หึงพี่แฟรงค์หรอก พี่แฟรงค์ก็รู้นี่"

แฟรงค์ขมวดคิ้วคล้ายกับไม่เข้าใจ "เหรอ...ทำไมนัทคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์หึงพี่ล่ะ"

ผมเบือนหน้าหนีไปอีกทาง จะบอกไปตรงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือเปล่า แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องหาทางลงให้ได้

"นัทไม่ใช่คู่หมั้นพี่แฟรงค์นี่ คนที่จะหึง...ควรจะเป็นคู่หมั้นของพี่แฟรงค์มากกว่า"

ผมหันกลับมาสบตากับแฟรงค์ ท่าทางแฟรงค์ดูอึ้งไปเหมือนกันที่ผมพูดอย่างนั้น แต่แฟรงค์ก็พยายามเปลี่ยนสีหน้าเครียดๆ เป็นรอยยิ้ม แต่ก่อนที่แฟรงค์จะทันได้พูดอะไรผมก็ชิงพูดขึ้นก่อน

"พี่แฟรงค์ว่าเราสองคนทำบาปกับเพียวหรือเปล่า"

ยังยิ้มไม่ทันสุด แฟรงค์ก็หน้าเครียดอีกแล้วจากคำถามของผม

"ทำไมนัทถามพี่อย่างงั้นล่ะ"

"มันไม่ถูกใช่มั้ยที่เราทำอย่างงี้กับเพียว" ผมถามต่อ

"เอาไว้คุยวันหลังได้มั้ยนัท กินข้าวกันก่อนดีกว่า" แฟรงค์รีบตัดบท แต่สีหน้าก็เครียดไปมากแล้ว

พอรู้ตัวว่าทำให้บรรยากาศเสียผมก็เลยรู้สึกผิด "นัทขอโทษ ทำให้เสียบรรยากาศเลย"

แฟรงค์เรียกพนักงานมาแล้วก็สั่งอาหารไปสองสามอย่าง พอพนักงานไปแล้วเราก็ยังคงไม่รู้จะคุยอะไรกัน แต่ผมคงจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ คืนสุดท้ายของผมกับแฟรงค์ไม่ควรเป็นอย่างนี้

"พี่แฟรงค์...นัทขอโทษนะ นะๆๆ"

ผมพยายามอ้อนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดสุดฤทธิ์ เห็นแฟรงค์หน้าเศร้าแล้วผมก็นึกโกรธตัวเองที่พูดไม่รู้กาละเทศะ แฟรงค์ยังคงนั่งเงียบและไม่ยอมเล่นด้วย จนผมชักใจคอไม่ดี พอไม่รู้จะทำยังไงก็เลยแอบเอานิ้วก้อยไปขอเกี่ยวก้อยกับแฟรงค์

"หายโกรธเจ้าชายน้อยนะครับ...เจ้าชายใหญ่"

สุดแฟรงค์ยิ้มจนได้ แม้จะยังดูเศร้าแต่ก็รู้ว่าพยายามยิ้มอย่างเต็มที่แล้ว แฟรงค์เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวก้อยกับผม ผมใช้อีกมือแตะเบาๆ สองสามครั้งที่หน้าผากของตัวเอง แค่นี้แฟรงค์น่าจะพอเดาได้ว่าผมอยากให้ทำอะไร แฟรงค์ก็เลยปล่อยนิ้วแล้วเอื้อมมือมาลูบผมของผมเบาๆ นี่แหละสัมผัสที่ผมรอคอย

"เมื่อกี้...นัทก็หึงพี่แฟรงค์นิดหน่อยนะ" ผมสารภาพอย่างอายๆ เอานิ้วโป้งจิกลงบนปลายข้อมือนิ้วก้อยให้ดูด้วย จะได้รู้ว่านิดหน่อยจริงๆ

"หึงทำไม พี่รักใครรักจริงนะ ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก ไม่งั้นพี่จะเก็บนัทไว้ในใจทำไมตั้งนานหลายปี"

"อ้าว ก็นึกว่าอยากให้หึงซะอีก"

แฟรงค์หัวเราะชอบใจ ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าปากพาจนอย่างผมจะทำให้บรรยากาศกร่อยจนกู่ไม่กลับ

"หึงจริงเหรอ" แฟรงค์ถามพลางหรี่ตามองสงสัย

"จริงสิ ก็พี่แฟรงค์หล่อขนาดนี้จะไม่หวงได้ไง พวกสาวๆ เมื่อกี้ต้องชอบพี่แฟรงค์แน่ๆ เลย นัทดูออก เห็นมั้ย กรี๊ดพี่แฟรงค์กันใหญ่ อ้อ แล้วเค้ากลับบ้านกันแล้วเหรอ"

"กลับแล้ว เค้ายังเล่นกันไม่ค่อยเป็นหรอก เห็นบอกว่าจะมาฝึกอีก"

ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย "ปู่ของพี่แฟรงค์เป็นไงมั่ง"

"ก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้นั่งรถเข็น พ่อจ้างคนมาดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย วันนี้พี่ก็ไปช่วยดูแล พาเข็นรถไปตรงนั้นตรงนี้ในบ้านนั่นแหละ พี่กำลังคิดว่าจะปรับบ้านชั้นล่าง มีบันไดเยอะไปหน่อย ไม่สะดวกกับคนแก่ที่ใช้รถเข็นเลย"

"งั้นก็ปรับรีสอร์ทแล้วก็บริเวณรอบๆ ด้วยสิ นัทเห็นบางครอบครัวพาคนแก่นั่งรถเข็นมาด้วย แล้วรีสอร์ทเราก็ไม่ค่อยสะดวกเลย มีบันไดเต็มไปหมด ต้องหาคนมาช่วยยกตลอด ค่อยๆ ปรับก็ได้ จะได้เตรียมตัวต้อนรับสังคมผู้สูงอายุไง เห็นเค้าพูดกันในทีวีบ่อยๆ เราจะได้มีลูกค้าเพิ่ม คนแก่ตังค์เยอะนะ" ผมพูดติดตลกตอนท้าย

"อืม...ก็ไม่เลวนะ นัทมีไอเดียดีๆ เยอะนะเนี่ย เสียดาย...ลาออกซะแล้ว แต่อย่าลืมมาสมัครใหม่นะ พี่จะรอ"

"ให้คนอื่นมาสมัครด้วยก็ได้ เผื่อแฟรงค์จะเจอคนเก่งๆ คนอื่นมั่ง"

"ไม่เอาหรอก พี่อยากได้นัทนี่แหละ รู้มั้ยว่าพนักงานคนอื่นๆ น่ะเค้าชมนัทให้พี่ฟังบ่อยๆ เห็นเค้ามาบอกพี่กันว่าก่อนนัทกลับ เค้าจะพาไปเลี้ยงข้าว แล้วก็น่าจะมีอะไรมอบให้ด้วยมั้ง"

ผมยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้ว่าคงไม่มีโอกาสให้เพื่อนๆ พนักงานเหล่านั้นเลี้ยงข้าวเสียแล้ว

"อ้อ...จริงๆ ไม่ต้องก็ได้ เกรงใจแย่เลย"

"เอาเหอะ เค้าอยากจัดให้ก็ให้เค้าจัดไป แสดงว่าเค้ารักเราจริง หลายๆ คนก็เสียดายนะที่นัทลาออก พอดีพี่ยังไม่ได้บอกใครหรอกว่านัทจะกลับมาสมัครใหม่" แฟรงค์หัวเราะเบาๆ ตรงประโยคท้าย

ผมยิ้มเจื่อนอีกรอบ แต่ก็พยายามทำหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด

"อืม...วันนี้แปลกมากเลย พ่อกับแม่พี่ไม่อยู่บ้านกันซักคน ไม่รู้ว่าไปไหน หายไปทั้งวันเลย โทรไปก็ไม่รับสาย เพียวก็เหมือนกัน ไม่ยอมรับสายเลย พี่ก็เลยไม่ได้คุยกับใครเลยซักคน ช้าไปอีกวันนึงแล้ว พี่อยากจะให้มันจบๆ กันซะที ไม่อยากให้นัทอยู่ในสภาพน่าอึดอัดแบบนี้"

พูดจบแฟรงค์ก็ถอนหายใจ แต่ก็ยังดูไม่เครียดมาก

"ไม่เป็นไรหรอกพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์ไม่ต้องรีบหรอก ผู้ใหญ่บางคนต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจ เค้าไม่ยอมรับง่ายๆ หรอก"

"ไม่ได้หรอกนัท หลังปีใหม่แค่สิบวันพี่ก็จะต้องแต่งงาน ไม่มีเวลาเหลือให้รอแล้ว" แล้วแฟรงค์ก็ทำท่าครุ่นคิดเหมือนว่ากำลังจะถามเรื่องสำคัญมาก

"เอ่อ...ถ้าพ่อกับแม่พี่ไม่ยอม...นัทจะหนีไปกับพี่มั้ย"

ผมตกตะลึงไปชั่วขณะกับคำถามนั้น ไม่คิดว่าแฟรงค์จะคิดไปไกลถึงขนาดจะพากันหนี แล้วจะหนีไปไหน หนีไปแล้วจะทำมาหากินอะไร ผมไม่อยากให้ชีวิตแฟรงค์จากชีวิตที่สุขสบายไปลำบากกับผม

"อย่าเลยพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์ต้องดูแลครอบครัวนะ พวกเค้าต้องการพี่แฟรงค์มาก ถ้าพี่แฟรงค์หนีไป ใครจะดูแลที่นี่ เฟิร์นก็ยังไม่กลับมาเลย ถึงกลับมาแล้ว...พี่แฟรงค์ก็ต้องช่วยสอนงานเฟิร์นอีกเยอะ ไม่ใช่ว่าทำได้เลยซะเมื่อไหร่"

แฟรงค์เงียบไปทันที อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟแล้วเราจึงหยุดคุยกัน พอหนึ่งทุ่มลูกค้าก็เริ่มบางตาไปพอสมควร เหลืออยู่เพียงสามสี่โต๊ะที่ยังนั่งกินอยู่ แต่อีกไม่นานก็คงจะกลับหมดเพราะที่นี่ปิดสองทุ่ม

"นัทเป็นคนดีนะ รู้จักคิดถึงคนอื่นๆ บางที...พี่ก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่าที่ทำให้นัทต้องมาติดร่างแหไปด้วย ถ้าพี่ทำให้นัทรู้สึกแย่...พี่ก็ขอโทษนะ นัทอย่าโทษตัวเองล่ะ เพราะทั้งหมด...พี่เป็นคนเริ่มเอง"

แฟรงค์ทำหน้าเศร้าอีกแล้ว สักพักก็ยิ้มและหัวเราะกลบเกลื่อน "พี่นี่แย่จัง ชวนคุยเรื่องเครียดๆ ก่อนกินข้าวอยู่ได้ กินข้าวกันก่อนดีกว่า"

แฟรงค์ตัดบทแล้วก็ใช้ช้อนส้อมตักปลาช่อนลุยสวนใส่จานให้ผม "สำหรับเจ้าชายน้อยของพี่ วันนี้กินให้เต็มที่เลยนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วพี่จะกลับไปเอาไอติมมาให้กินต่อ"

ผมพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็ตักต้มยำปลานิลใส่ถ้วยใบเล็กส่งให้แฟรงค์บ้าง "สำหรับเจ้าชายใหญ่ของนัทครับ"

แฟรงค์ยิ้มชอบใจที่ผมเรียกอย่างนั้น เรายิ้มให้กันแล้วก็ลงมือกินข้าวก่อนที่ร้านจะปิด คงจะเป็นอาหารเย็นมื้อสุดท้ายของผมกับพี่ชายคนนี้ คิดแล้วก็เศร้าใจเหลือเกิน ไม่เอาดีกว่า เลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที เมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ไม่ควรวอกแวก แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมไปแล้ว...แฟรงค์จะอยู่ยังไง!?

... ... ...

"พี่แฟรงค์อาบน้ำก่อนเลยนะ เดี๋ยวนัทอาบทีหลัง"

พอกลับเข้ามาในที่พักผมก็รีบบอกแฟรงค์เรื่องนี้เป็นอันดับแรก

"ไม่อาบพร้อมกับพี่เหรอ" แฟรงค์ถามทีเล่นทีจริง

"ไม่เอาหรอก" ผมพูดแค่นั้นแล้วก็หัวเราะเบาๆ

แฟรงค์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า พอเห็นเสื้อผ้าหายไปเกือบหมดก็หันมาถามด้วยความสงสัย

"ทำไมมีเสื้อผ้าเหลืออยู่แค่นี้ล่ะนัท"

"อ๋อ...นัทเพิ่งส่งซักเมื่อเช้าไง แต่นัทเหลือชุดไว้ให้พี่แฟรงค์ใส่ทำงานพรุ่งนี้ชุดนึงแล้วนะ พรุ่งนี้พี่แฟรงค์ต้องไปประชุมกับสมาคมโรงแรมไทยใช่มั้ย"

"ใช่ๆ ทั้งวันเลย พี่ก็นึกว่านัทเก็บเสื้อผ้าหนีพี่ไปไหนซะอีก" แฟรงค์ขำเบาๆ เหมือนกับไม่เอะใจ แต่ผมกลับใจหายวาบ

พอแฟรงค์เข้าไปอาบน้ำแล้วผมก็ลนลานหากระดาษหนึ่งแผ่นกับปากกาหนึ่งด้าม พอได้มาแล้วก็ลงมือเขียนจดหมายที่ผมไม่เคยเขียนเลยเป็นเวลามากกว่าสิบปี เขียนไปก็จะร้องไห้ไป ผมกลัวแฟรงค์จะได้ยินเสียงผมร้องไห้ก็เลยออกมานั่งเขียนข้างนอกหน้าห้องพัก ยอมทนให้ยุงกัดเอาหน่อย ผมคิดไว้แล้วว่าจะเขียนอะไรบ้าง ก็เลยใช้เวลาไม่นานมาก เสร็จทันก่อนที่แฟรงค์จะออกมาจากห้องน้ำ

กลับเข้ามาในห้องแล้วผมก็ถอดเสื้อผ้าออก นุ่งผ้าเช็ดตัวมายืนรอหน้าห้องน้ำ พอแฟรงค์ออกมาผมก็เข้าต่อทันที อาบน้ำแปรงฟันอย่างรวดเร็วและใช้เวลาให้น้อยที่สุด ราวๆ ห้านาทีก็เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง พอออกจากห้องน้ำก็เห็นแฟรงค์เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น ยืนหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

"พี่แฟรงค์ ให้นัทช่วยหวีผมให้นะ"

แฟรงค์หันมามองแล้วก็พยักหน้า

"ทำไมอาบน้ำเร็วจัง"

ผมไม่ตอบแต่เดินเข้าไปหา หยิบหวีจากแฟรงค์มา ก่อนจะลงมือหวีผมให้พี่ชายสุดที่รักอย่างบรรจง

"ผมยังเปียกอยู่เลย เป่าผมก่อน"

ผมวางหวีลงแล้วก็เปิดลิ้นชักหยิบดรายเป่าผมขึ้นมา เสียบปลั๊กแล้วก็ลงมือเป่าผมให้ พอมองในกระจกตรงหน้าก็เห็นแฟรงค์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมมองภาพในกระจกของเราสองคนแล้วก็ยิ่งสะท้อนใจ ต่อไปนี้ผมคงไม่มีโอกาสทำอย่างนี้อีกแล้ว

"มีนัทคอยดูแลพี่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ พี่ว่าพี่คงต้องสู้สุดใจขาดดิ้นเพื่อน้องของพี่ เราสองต้องคนได้อยู่ด้วยกัน"

ผมชะงักไปเล็กน้อย พยายามทำเหมือนไม่ได้ยินแล้วก็เป่าผมให้แฟรงค์จนแห้งดี ก่อนจะหวีผมด้วยหวีอีกครั้ง

"หล่อแล้วพี่ชายผม"

แฟรงค์หันมายิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะเดินมากอดเอวผมจากทางด้านหลังไว้เบาๆ

"เดี๋ยวเราไปเดินเล่นข้างนอกกันนะ ไปนั่งคุยกันรับผมเย็นๆ ดีกว่า"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย "ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวนัทเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ"

แฟรงค์ปล่อยผมแล้วก็เดินไปนั่งรอที่เตียง ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วแฟรงค์ก็มาช่วยเป่าผมให้ผมบ้าง พอแห้งแล้วก็ช่วยหวีผมให้อีกต่างหาก คอยดูแลไม่ให้น้อยหน้ากันเลย

"เจ้าชายน้อยของพี่ก็หล่อนะเนี่ย น่ารักด้วย ชักอยากจะมีคนน่ารักอย่างงี้มาอยู่ด้วยกันตลอดไปเร็วๆ ซะแล้วสิ"

ทันที่แฟรงค์พูดจบ น้ำตาผมก็ไหลลงมาเสียอย่างนั้น

"อ้าว...เป็นไรเหรอนัท ไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ" แฟรงค์ถามอย่างแปลกใจ

"เปล่า...ทำไมนัทจะไม่อยากอยู่กับพี่แฟรงค์ล่ะ นัทดีใจต่างหากล่ะที่รู้ว่า...พี่แฟรงค์รักนัทมากขนาดนี้"

"โอ๋ๆ อย่าร้องไห้นะคนดีของพี่แฟรงค์" แฟรงค์พูดพลางดึงหัวผมไปกอดแนบอกไว้ ขยี้ผมของผมเล่นเบาๆ

"ผมยุ่งหมดแล้วง่ะ เพิ่งหวีเมื่อกี้เอง" ผมนิ่วหน้า แฟรงค์ก็เลยหัวเราะ

"เดี๋ยวพี่หวีให้ใหม่"

พอหวีผมเสร็จแล้วแฟรงค์ก็หาสเปรย์ฉีดกันยุงมาฉีดแขนขาของผม จากนั้นผมก็ผลัดไปฉีดให้แฟรงค์บ้าง พร้อมดีแล้วแฟรงค์ก็เดินจูงมือผมออกไปข้างนอกด้วยกัน

คืนนี้ทั้งรีสอร์ทเหลือแค่ผมกับแฟรงค์สองคน บ่อตกปลาก็ปิดแล้ว มีแสงไฟเปิดไว้ตามทางเดินบ้าง แต่ก็ยังดูมืดๆ อยู่ดีเพราะไม่มีแสงไฟจากบ้านพักให้เห็นเลย

แฟรงค์พาผมเดินไปตามทางเดินรอบๆ บ่อตกปลาขนาดใหญ่ที่พอจะเป็นทะเลสาบขนาดย่อมๆ ได้ ชวนผมคุยไปสารพัดเรื่อง จนกระทั่งได้จังหวะผมจึงถามเรื่องที่ผมอยากชวนคุยบ้าง

"พี่แฟรงค์ว่า...เราสองคนเป็นเกย์มั้ย"

แฟรงค์หยุดเดินแล้วก็หันหน้ามามองผม หรี่ตาและครุ่นคิด

"อืม...พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน มันสำคัญมากหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่รู้จะเป็นไรมั้ย"

"ยังไงดีล่ะ บางทีนัทก็สงสัยว่า...เราสองคนชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ เมื่อก่อน นัทก็คิดว่านัทชอบผู้หญิงนะ"

"แล้วตอนนี้ล่ะ นัทชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย"

แฟรงค์ถามแล้วก็มองหาที่นั่ง "ไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีกว่า"

รีสอร์ทของแฟรงค์มีที่นั่งจัดไว้เป็นระยะๆ ตามทางเดินรอบบ่อตกปลา แฟรงค์พาผมไปนั่งตรงม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ริมบ่อตกปลาพอดี แลเห็นเงาสะท้อนของพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนผืนน้ำด้วย โรแมนติกดีเหมือนกัน

"นัทไม่รู้เหมือนกัน จะว่าไป...มันก็สับสนนะ" ผมบอกเมื่อนั่งลงไปแล้ว แล้วก็หันไปถามแฟรงค์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

"พี่แฟรงค์ไม่สับสนเหรอ"

"ไม่รู้สิ พี่คิดว่ามันไม่สำคัญเท่าไหร่ อย่างที่พี่เคยเล่าให้นัทฟัง พี่แทบจะไม่จีบผู้หญิงเลย จนเคยสงสัยว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ก็มีอารมณ์กับผู้หญิงนะ พอมีแฟนเป็นผู้หญิง พี่ก็คิดว่าพี่คงชอบผู้หญิงเหมือนนัทนั่นแหละ แต่ตอนนี้พี่คิดว่า...ความรักไม่มีเพศ ยังไงๆ เราก็ต้องอยู่กับคนที่เรารักไม่ใช่เหรอ ถ้าอยู่กับคนต่างเพศแล้วเราไม่ได้รักเค้า มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะนัท ยังไงๆ เราก็ต้องกลับมาหาคนที่เรารักอยู่ดี เพราะเค้าเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากที่สุด ส่วนเรื่องนั้น...มันก็หาวิธีได้ นัทกับพี่ยังหาวิธีได้เลย แล้วถ้าพูดกันตรงๆ นะ พี่มีอารมณ์อย่างนั้นกับนัท...มากกว่าใครๆ ทั้งหมดที่พี่เคยรู้จักมาเลยล่ะ รู้เปล่า"

แฟรงค์ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมเลยก้มหน้างุดด้วยความเขินอายเล็กน้อย สุดท้ายแฟรงค์ก็พามาลงตรงนี้จนได้

"นัทไม่คิดอย่างงี้เหรอ พี่ว่าเราก็แค่เลือกคนที่เรารักนั่นแหละ จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ขอแค่ให้รักกันเท่านั้นเอง ยังไงๆ เราก็คงหาวิธีอยู่ด้วยกันจนได้ จริงมั้ย"

ผมเงยหน้าไปมองแฟรงค์แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย "พี่แฟรงค์"

"หืม"

"นัทอยากอยู่กับพี่แฟรงค์ตลอดไปนะ"

พูดจบแล้วผมก็เอนไปซบไหล่แฟรงค์อย่างอ่อนล้า เวลาเริ่มเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าผมก็คงต้องจากพี่ชายคนนี้ที่ผมรักสุดหัวใจไป ฟ้าดินคงกำหนดโทษทัณฑ์ที่ผมควรจะได้รับอย่างสาสมเอาไว้แล้ว คงไม่สามารถปฏิเสธได้

"ทำไมนัทพูดแปลกๆ อีกแล้ว" แฟรงค์ถามพลางสอดมือมาโอบเอวผมไว้

"ไม่เห็นจะแปลกเลย ความรักมันก็มีแค่สองอย่าง สมหวัง...กับไม่สมหวัง บางที...เราสองคนก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างนะ"

ผมพูดเสียงเศร้า สอดมือไปโอบเอวของแฟรงค์ไว้บ้าง

"ถ้าเราพยายามถึงที่สุดแล้วมันไม่สมหวัง มันก็ยังพอยอมรับได้นะ อย่างน้อย...เราก็ยังได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อความรัก แต่ถ้าเราไม่ได้พยายามเพื่อความรักเลย แล้วไปบอกใครๆ ว่าเราไม่สมหวัง พี่ว่า...เราก็อย่ามีความรักเลยดีกว่า คนที่ไม่พยายามเพื่อความรัก...แสดงว่าเค้ามีความรักไม่มากพอ นัทกับพี่ก็ต้องพยายามเพื่อความรักให้ถึงที่สุดนะ ตราบใดที่เสียงระฆังหมดยกยังไม่ดังขึ้น เราก็ต้องสู้จนวินาทีสุดท้าย จริงมั้ย"

ใจผมกระตุกและชาวาบ อยู่ดีๆ ก็โดนพูดกระทบโดยไม่รู้ตัว แถมคนพูดก็ไม่รู้เรื่องอีก คนที่ถอดใจไม่สู้เพื่อความรักอย่างผมยังมีความรักที่แท้จริงอยู่หรือเปล่าหนอ ก็คงจริงอย่างที่แฟรงค์พูด ถ้าเราไม่พยายามเพื่อความรัก เราก็อย่ามีความรักเลยดีกว่า หรือว่า...คนใจเสาะอย่างผมไม่ควรมีความรัก

ผมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างช้าๆ ความคิดข้างในตีกันสับสนวุ่นวาย พอได้ฟังแฟรงค์พูดอย่างนี้แล้วผมก็ชักไขว้เขวว่าผมควรจะสู้ต่อหรือเปล่า แต่พอคิดดูดีๆ ถ้าสู้ต่อไปแล้วไม่สมหวัง ผมก็จะเป็นแค่ชู้คนหนึ่งที่มาสร้างความแตกแยกให้คนอื่น ก่อนที่จะแพ้ภัยตัวเองแล้วจากไป หรือต่อให้สมหวัง ผมก็ยังคงเป็นคนที่แย่งชิงของคนอื่นมาอยู่ดี แถมยังทำให้ครอบครัวที่เคยสงบสุขของคนอื่นต้องมีปัญหาไปด้วย

... ... ...

ผมกับแฟรงค์กลับเข้ามาที่พักราวๆ สี่ทุ่ม มาถึงแฟรงค์ก็ขอตัวไปฉี่ในห้องน้ำ ผมก็เลยเดินไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานมาเปิดดู เผื่อว่าจะมีใครโทรหาหรือมีข้อความส่งมา พอเปิดดูแล้วก็ไม่มีมิสคอลใดๆ แต่มีข้อความเอสเอ็มเอสส่งมาให้จากคนที่เพิ่งคุยกันไปเมื่อช่วงบ่าย

"อย่าลืมที่สัญญากับเพียวไว้นะ"

แม้จะเป็นเพียงข้อความสั้นๆ ธรรมดาๆ แต่ก็กระแทกใจผมอย่างรุนแรง เจ้าของตัวจริงทั้งทวง ทั้งย้ำ ทั้งไล่ ถ้าผมยังอยู่ต่อก็คงหน้าด้านเกินทน

อ่านแล้วผมก็ถอนหายใจ วางโทรศัพท์ไว้ตามเดิมแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียง แฟรงค์ออกจากห้องน้ำแล้วก็เดินมายืนข้างๆ ก่อนจะโถมตัวลงมาตระกองกอดผมไว้ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ตรงซอกคอ สูดหอมดอมดมกลิ่นกายที่เจ้าตัวหลงใหลอย่างรักใคร่ มือไม้ที่ลูบไล้สะเปะสะปะค่อยๆ ปลดปล่อยปราการทุกด่านออกจนหมดสิ้น คืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ผมจะบรรเลงเพลงรักบาปกับแฟรงค์ ฉะนั้น ผมก็ควรสลัดความกังวลทุกอย่างทิ้งไปเสีย แล้วปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเต็มที่ไปกับรสรักที่แสนอบอุ่นทว่าเร่าร้อนเกินห้ามใจที่แฟรงค์ปรนเปรอให้
.
.
.
พายุความต้องการพัดผ่านไปแล้ว ต่างคนต่างเหนื่อยอ่อนแต่กลับสุขสม คนข้างๆ กายผมนอนหลับไปสักพักแล้ว แต่ผมยังเบิกตาโพลงอยู่ในความมืดสลัว รอจนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าคนข้างๆ หลับสนิท ผมจึงค่อยๆ ลุกขึ้น หยิบเสื้อผ้ามาใส่ในความมืด แม้จะเป็นชุดที่ไม่เรียบร้อย แต่ก็คงพอใส่ออกจากบ้านได้

ร่างที่หลับใหลหลับตาพริ้มมีความสุข ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้แล้วแฟรงค์ไม่เจอคนรักนอนอยู่ข้างๆ จะเป็นยังไง คงวิ่งลนลานหน้าตาตื่นตกใจอย่างวันนั้นเป็นแน่ แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหลแล้ว

ผมย่อตัวลงไปนั่งข้างๆ เตียง พิศดูใบหน้าที่คุ้นเคยผ่านความมืดสลัว แม้จะมองเห็นไม่ชัดผมก็อยากมอง มองแล้วก็จับมือแฟรงค์มาแตะที่หัวผมเบาๆ ผมอยากให้แฟรงค์ลูบผมน้องรักอีกครั้งก่อนร่ำลา พยายามกลั้นก้อนสะอื้นสุดชีวิตเพราะไม่อยากให้แฟรงค์ตื่นมาได้ยินเสียก่อน

คนขี้ขลาดคนนี้ไม่คู่ควรกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของแฟรงค์เลย ทั้งขี้ขลาด ทั้งขโมยของคนอื่นกิน ก็สมควรแล้วที่ต้องจากไปในสภาพไม่เหลือใครอย่างนี้

กลับคืนไปสู่ชีวิตเดิมของพี่เถอะนะ ทุกคนรอพี่อยู่ อย่าเหนื่อย อย่าดิ้นรนเพื่อคนขี้ขลาดคนนี้เลย

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กว่าจะทำใจให้ถอยห่างออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน ผมเดินถอยหลังไปหาประตูอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องมองร่างที่นอนหลับใหลไม่วางตา จนกระทั่งหลังพิงประตูพอดี

เมื่อสิบสามปีที่แล้ว แฟรงค์เป็นฝ่ายจากผมไปและไม่กลับมาหาผมอีกเลย วันนี้...ผมกลับต้องเป็นฝ่ายทำอย่างนั้นกับคนที่ผมรักบ้าง ใจผมกำลังจะขาดแล้ว

ผมมองแฟรงค์เป็นครั้งสุดท้าย พยายามจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ชายคนนี้ที่ผมรักไว้ให้ได้มากที่สุดแม้ในความมืด จากนั้นจึงหันหลังกลับ ควานไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองติดมือมาด้วย ก่อนจะปลดล็อกประตูแล้วก็ก้าวขาออกไป พอปิดประตูสนิท ผมก็เดินแกมวิ่งไปที่รถของตัวเองที่ลานจอดรถไม่ไกล พร้อมดีกล้วก็ขับออกไปจนถึงถนนใหญ่ มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่บ้านของใครคนหนึ่งที่ผมเคยรู้จัก

พอขับออกมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร ผมก็หักหลบข้างทางแล้วจอดรถ จากนั้นก็ฟุบหน้ากับพวงมาลัย ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นเพราะอัดอั้นไว้ตั้งแต่ตอนที่เดินออกมาแล้ว

"พี่แฟรงค์ นัทขอโทษนะพี่ นัทขอโทษ นัทขอโทษที่ปล่อยมือพี่ไป"

ผมเฝ้าพร่ำคำขอโทษซ้าไปซ้ำมาหลายรอบ สะอื้นจนตัวโยน ไม่สนใจและไม่รับรู้สิ่งภายนอกใดๆ อีกแล้ว

"นัทรักพี่แฟรงค์นะ นัทรักพี่ รักพี่คนเดียว ยกโทษให้นัทด้วย" จากนั้นก็พร่ำพูดคำว่ารักซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบเช่นกัน

ใครจะหาว่าผมสิ้นคิดก็คงต้องยอมให้ว่า แต่ความสูญเสียที่ผมได้รับก็สาสมแล้วกับการทำบาปทำกรรมกับลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าผมไม่ได้รับโทษทัณฑ์ใดๆ จากการกระทำครั้งนี้ ผมคงจะไม่สามารถนอนตายตาหลับได้เลย ต่อให้รักสมหวัง ผมก็รู้ดีแก่ใจว่าผมทำร้ายคนอื่นอย่างเลือดเย็น เพียงเพื่อจะให้ได้คนรักคนนี้มา แล้วผมจะภาคภูมิใจได้ยังไง

แม้ว่าอยากจะสู้เพื่อความรักร่วมกับแฟรงค์ แต่ผมก็ไม่สามารถภูมิใจกับการได้มาซึ่งความรักของผม

ขอให้ผมได้รับโทษทัณฑ์นี้ด้วยวิธีที่ผมเลือกเองเถิด ถ้าวันหนึ่งผมเกิดโชคดีได้กลับมาอยู่กับแฟรงค์ อย่างน้อยบาปกรรมที่ได้ชดใช้ไปบ้างคงทำให้ผมรู้สึกผิดน้อยลง จะได้กล้ามองหน้าคนอื่นๆ

แต่คงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว เพราะในจดหมายที่ผมทิ้งไว้ให้แฟรงค์อ่านต่างหน้า ประโยคสุดท้ายก่อนลงท้ายผมเขียนไว้ว่า...

"วันที่นัทจะกลับมาหาพี่แฟรงค์อีกครั้งก็คือวันแต่งงานของพี่แฟรงค์กับเพียวเท่านั้น ถ้าไม่มีวันนั้น เราสองคนก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลยในชาตินี้..."

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านอกจากพ่อกับแม่ของแฟรงค์แล้ว ผมก็ยังเป็นอีกคนหนึ่งที่บีบบังคับแฟรงค์อย่างร้ายกาจไม่น้อยกว่าใครเช่นกัน!

- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:07:20 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
สงสารแฟรงค์ว่ะ ทำไมปล่อยให้แฟรงค์สู้คนเดียวนะนัท ทำแบบนี้ได้ยังไง คนนึงพยายามดิ้นรนแทบตายแต่อีกคนกลับเลือกที่จะทิ้งกันไป
เพียวก็นะ น่าสงสาร เราเข้าใจแต่ทำแบบนี้คิดหรอว่าอะไรๆมันเหมือนเดิม เชื่อเหอะต่อให้แต่งกันไปชีวิตคู่ก็พังอยู่ดี
ส่วนพ่อกับแม่ เรื่องมันก็มาจากท่านนี่ล่ะ แล้วมาทำแบบนี้ลูกจะมีความสุขหรอ?? ต่อให้เค้าเลิกกันแล้วกลับมาแต่ก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี

ขอให้มีทางออกที่ดีกับทุกฝ่ายด้วยเถอะ สงสารแฟรงค์ สงสารนัท

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
T-T ขมได้อีก ทั้งแม่ของแฟรง ทั้งเพรียวกดดันนัทมากอะ น่าสงสาร

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไม่เป็นนัทก็ไม่รู้หรอกว่าความกดดันเป็นไง
เราเดาเอาว่าที่น้องของแฟรงค์ไม่ชอบเพียวอาจจะเป็นเพราะว่าพ่อแม่แฟรงค์มีข้อตกลงอะไรกับเพียวเรื่องเงินหรือเปล่า?  คือแบบว่าให้เพียวแต่งกับแฟรงค์ให้ได้  หรืออาจจะมีลูกเพื่อแลกกับเงิน 1 ล้านนั้นแบบนี้

ไม่ว่าการกระทำของแฟรงค์กับนัทจะไม่ดีต่อเพียวยังไงก็ช่าง    ไม่มีผู้หญิงปกติคนไหนรับได้หรอกว่าแฟนตัวเองไปรักผู้ชายคนอื่น แถมบอกป้าวๆว่าไม่ได้รักตัวเองอีกต่อไปแล้วจะยังทู่ซี้เดินหน้าแต่งงานต่อถ้าหากว่ายังมี self respect หรือไม่มี Interior motive

เพราะรักนัทถึงได้ถอย  อาจจะเป็นการใจร้ายกับแฟรงค์แต่มองอีกแบบก็เป็นการวัดใจวัดความรู้สึกของแฟรงค์ด้วยนะว่าจริงจังแต่ไหน   เราภาวนาให้แฟรงค์ฮึดสู้กับพ่อแม่กับเพียวเพื่อความสุขของชีวิตตัวเอง   เอาเข้าจริงๆเราว่าน่าจะสามารถหานัทให้เจอได้ไม่ยากถ้าหากว่ายังติดต่อกับครอบครัวนัทอยู่   ถึงจะไม่เตอนัทอย่างน้อยแฟรงค์ก็ไม่ต้องฝืนใจเป็นในสิ่งที่ตัวเองไม่ใช่

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
บาดอารมณ์ตรงที่ทั้งแม่ทั้งเพียวมาขอร้องนัทให้ห่างจากแฟรงค์ คือทำอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ยเลยเข้ามาพูดกับนัทเอง เห็นใจแฟรงค์จริงๆ ทำไมนัทปล่อยมือไป แฟรงค์ไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอกนะนัท ๕๕๕
 รอ รอ รออ่านตอนใหม่คับ ลุ้นว่าแฟรงค์จะหนีไปเปิดรีสอร์ทอยู่กับนัทที่เขาค้อรึป่าว ๕๕๕

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เราไม่ใช่นัทเราไม่รู้หรอกว่านัทรู้สึกยังไง แต่เราว่านัทยอมแพ้ง่ายเกินไป นัทไม่เห็นเหรอว่าแฟรงค์พยายามแค่ไหนเพื่อให้ได้อยู่กับนัท นัทยังจะบังคับให้แฟรงค์แต่งงานอีก เราว่าแฟรงค์คงได้ตรอมใจตายตั้งแต่อ่านจม. จบแน่ๆ งานนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly ┊17┊ Desperado ┊P10┊ 3.1.16
« ตอบ #289 เมื่อ: 03-01-2016 07:16:50 »





ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
มาอ่านสองตอนรวด (ไม่ต้องมีคำบรรยายใด..ใด..ให้มันลึกซึ้ง..เกี่ยวกันไหม๊) หมดคำบรรยายให้กับคณแม่ของพี่แฟร้งกับคุณเพียวค่ะ ..หน่วงมากไม่รู้ว่าที่สุดไหม..มันเป็นช่วงที่พีคที่สุดหรือยัง  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

คุณแม่นี้ก็ไม่คิดตามที่นัทพูดเลยนะค่ะ ว่าเขาสองคนรักกันแถม แม่แฟร้งเองก็รู้อยู่แล้วว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่นัทพูดก็ถูกนะค่ะ ความสุขของแฟร้งละ ความสุขของแฟร้งอยู่ที่ไหน ปากก็บอกว่าถ้าครอบครัวขาดแฟร้งไปจะลำบาก แต่ความสุขของลูกแค่นี้เองคุณแม่ยังให้ไม่ได้เลย ถ้าแฟร้งเกิดฆ่าตัวตายขึ้นมาก็คงอยู่กับลำบากกว่าเดิมถึงตอนนั้นจะมาเสียใจทีหลังก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วนะค่ะคุณแม่ พ่อของแฟร้งก็ใจร้ายเกินพรากความรักของลูก คุณพ่อเคยรู้ไหมค่ะว่าเพศของลูกนะคุณพ่อเลือกไม่ได้ตั้งแต่แรก (เลือกได้แต่ก็คงไม่100เปอเซนต์ ) ดังนั้นความรักมันก็เลือกไม่ได้เช่นกันว่ามันจะเกิดผู้หญิงหรือผู้ชายเหมือนกัน เพราะความรักไม่เลือกเวลาเกิด

ส่วนเพียวนี้คิดว่านางน่าจะคิดได้ตั้งแต่แม่นัทเล่าให้ฟังแล้ว นางน่าจะมองเห็นภาพความรักของนัทและแฟร้งว่าเขารักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนนางนะแค่เงาของนัทแต่นางกลับไม่ยอมรับความจริง ยังทายื้อต่อไปเพื่อให้ได้แต่งงานกับแฟร้ง แต่แฟร้งก็ผิดนะที่มโนกับนางวาดฝันปั่นเรื่องกันในอากาศถึงครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกกัน  นี้ขนาดผู้ชายเขาบอกว่าหมดใจไม่ได้รักนางแล้วนะ  ถ้าเป็นฉันนะสะบัดบ๊อบไปหาคนที่เขารักกันดีกว่า ชีวิตที่มีความสุขคืออยู่กับคนที่เขารักกันนะเพียว เพลียกับนาง!!!


ส่วนนัทเราเข้าใจแม่มาขอร้องขนาดนี้เป็นใครจะ จะหน้าด้านหน้าทดยือแม้ว่าลูกชายเขาจะรักรัทมากก็ตามและยิ่งพ่อของนัทเขารับตรงนี้ไม่ได้อีกด้วย นัทเองก็มีพ่อมีแม่นัทเองยังไม่อยากทำให้พ่อแม่เสียใจเลยนับประสาอะไรกับแฟร้งนัทคิดว่านัทคงคิดแบบนั้นและเพียวก็อาศัยว่าตัวเองเป็นเพศที่อ่อนแอกว่ามาขอร้องอีก

ส่วนแฟร้งนะเราว่ายังไม่เด็ดขาดพอ ถ้าเป็นแบบนี้ให้นัทถอยออกไปหนึ่งก้าวเถอะ ถ้าแฟร้งรักนัทอยากใช้ชีวิตร่วมกับนัทแฟร้งต้องเคลียร์ตรงนี้ให้มันจบก่อนแล้วค่อยกลับไปหานัทในวันที่ฟ้าสดใสไม่ใช่ดึงนัทมาอยู่ด้วยในวันที่ฟ้ามืดหม่นหนทางก็ริบหรี่แบบนี้
วันนี้เรากินอะไรไปเม้นยาวมากหวังว่าคุณsarawatta ไม่ว่านะค่ะเปลืองพื้นทีไปนิดนุง   :katai4: :katai4: :katai4:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: ให้คนแต่งค่ะ   o13 o13 o13 o13 แต่งได้ดีทำเอาคนอ่านอินเหมือนดูละครหลังข่าว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2016 16:21:30 โดย PFlove »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรื่องของคนสองคนแต่ดันตัดสินใจคนเดียว

นัทสับสนก็เข้าใจ แต่ที่ตัดสินใจไปเหมือนจะเพราะทนแม่และคู่หมั้นของแฟรงค์กดดันไม่ไหวมากกว่า ถ้านัทไม่คิดถึงตัวเองก็น่าจะคิดถึงความสุขชั่วชีวิตของคนที่นัทรักบ้าง นัทน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าทำแบบนี้ไปมันก็ไม่ได้ Undo ทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับไปเหมือนเดิมก่อนเจอกันอีกครั้ง

นัทถูกบังคับให้เลือกระหว่างทางเลือกแย่ๆ สองทาง แต่ดูเหมือนจะใช้อารมณ์ความรู้สึกจนเลือกทางที่แย่กว่าเข้าแล้ว ทางที่นัทเลือกนอกจากจะทำร้ายตัวเองและคนรักแล้ว ในระยะยาวเพียวก็คงไม่มีความสุขหรอกที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักตัวเอง พ่อแม่ของแฟรงค์จะมีความสุขเหรอที่ลูกชายต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต

นัทกับแฟรงค์คงต้องเปิดใจและร่วมกันหาทางออกที่ดีกว่านี้ การหนีไปเฉยๆ คงไม่ใช่คำตอบ ถ้าพูดแบบรัฐบาลก็เรียกว่าต้องออกมาตรการเยียวยาให้เพียวด้วย เรื่องเงิน เรื่องเสียหน้าก็ว่ากันไป

ส่วนเรื่องทางบ้านเรื่องการสืบทอดตระกูลและกิจการ จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเท่ากับทิฐิในใจคน พ่อแม่คงไม่เชื่อว่าแฟรงค์จะกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ใช้วิธีเดิมๆ ตัดนัทออกไปทุกอย่างก็จบ แฟรงค์ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักถ้าจะเปลี่ยนความคิดท่านให้ได้โดยไม่แตกหัก ถึงนัทหนีไปก็ต้องมั่นคง ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าถ้าไม่มีนัท แฟรงค์ก็ไม่คิดจะลงเอยกับใคร

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :sad4: เราเข้าใจการกระทำของทุกฝ่ายน่ะ มันช่างเหมือนชีวิตจริงอะไรขนาดนั้น  :katai1: นี่แหละคือเสน่ห์ของงานคุณ sarawatta ที่ช่างสมจริงเหลือเกิน จนมันหน่วงเหลือเกิน  :ruready อ่านแต่ละตอนนี่ไม่รู้จะเจอเรื่องช็อคอะไรรึเปล่า  :a5: เพียวก้อไม่ผิดน่ะที่จะแสดงออกแบบนี้เพราะงานนี้เพียวเป็นคนเดียวที่มาแบบบริสุทธิ์ใจ ถึงแม้ตอนนี้จะโดนครอบครัวกดดันแต่มันก้อเป็นสิ่งชอบธรรมที่เพียวสามารถแสดงออกได้น่ะ และก้อไม่แปลกที่นัทจะเสียใจและเลือกที่จะหักหลังแฟรงค์ แต่มันก้อเป็นจริงตามที่เพียวบอกว่าถ้าแฟรงค์ไม่เจอนัทเขาก้อคงแต่งงานกับเพียวไปแล้วล่ะ แล้วอย่างที่แม่บอกว่าเขาก้อมีวิถีชีวิตแบบที่ชายหนุ่มทั่วไปเป็นนั่นแหละ แล้วก้อคงเหมือนกับหลาย ๆ คนในโลกเป็นเช่นกันแหละ มันก้อเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตเราแต่คิดในอีกแง่นึงว่าพ่อแม่ของแฟรงค์เลือกที่จะกระทำทุกอย่างไม่ให้มันเป็นไปตามนั้นก้อเลยได้รับผลจากการะทำนั้นย้อนกลับมา ก้อเหมือนกับเราเลี่ยงไม่พ้นหรอก และตอนนี้ทุกคนรอบตัวแฟรงค์ก้อกำลังกระทำทุกอย่างเพื่อฝืนมันเช่นกัน  :heaven
เราหวังว่านัทจะไม่ไปเสียท่าผู้หญิงคนนั้นไปล่ะ ตัดไปเลยและบอกเขาไปเลยว่าผมไม่ได้รักคุณแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะติดต่อกันอีกน่ะ  :เฮ้อ: อยากรู้ว่าแฟรงค์ตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไง เราคิดว่านัทจากแฟรงค์ไปได้แต่ไม่ควรที่จะเขียนประโยคนั้นน่ะ มันเหมือนกับเหยียบย่ำหัวใจคนที่เรารักน่ะ  :m15:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เพียวเอ๊ย........อย่าทิ้งความโสดมาอยู่กับการแต่งงานจอมปลอมเลย
ในความจริงผู้หญิง(หรือผู้ชาย) คนไหนก็ทำใจรับไม่ได้หรอกว่า คนรักของตนเองนอกใจไปหาคนเพศเดียวกัน
นี่ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นกระแทกหน้าเรื่องการนอกใจที่มันไม่ควรรับได้แต่แรกแล้ว

ขอให้เพียวหาทางออกได้เร็วไว

เห็นใจนัทมาก เขาก็ถูกกดดันรอบด้านไม่ต่างจากเพียวและแฟรงค์ ทุก ๆ คนถูกความคาดหวังของครอบครัวบีบคั้น โดยไม่คำนึงถึงจิตใจและความสุขแท้จริงของพวกเขาเลย

นัทโหดกับใจตัวเองและแฟรงค์มาก แต่ก็ขอชื่นชมในความเข้มแข็งที่จะหยุดเรื่องผิด ๆ นี้
แต่ที่บังคับแฟรงค์แต่งกับเพียวนี่บาดลึกจริง ๆ เราอ่านแล้วยังแทบกระอักเลือด ทิ้งกันก็หนักหนาแล้ว ยัดเยียดให้คนอื่นด้วยนี่ฆ่ากันทั้งเป็น

แฟรงค์ ขอให้นายเข้มแข็งและไม่ยอมถูกบังคับอีกต่อไป หนทางที่จะได้อยู่กับนัทย่อมไม่ง่าย แต่ขั้นแรกคือจัดการเรื่องเพียวให้จบก่อน คลายปัญหาเร่งด่วนปมแรกก่อน แล้วค่อยแก้ปมต่อ ๆ ไป

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เม้นรวด 3 ตอน 

ดราม่ามาเต็ม แต่ละตอนช่างร้ายกาจ ฝากความอึดอัดเอาไว้ในใจคนอ่านได้อย่างดี

เพียวไม่ผิดที่คิดจะรั้งแฟรงค์เอาไว้ แต่กับคนที่หมดใจจะทนแต่งงานและอยู่ด้วยกันไปเผื่ออะไร
พ่อกับแม่ ฝากความหวังมากมายไว้ที่แฟรงค์ที่คิดถึงความสุขจริงๆ ของแฟรงค์บ้างหรือเปล่า
นัท เคยคิดจะสู้เพื่อความรักของตัวเองบ้างหรือเปล่า รอแต่จะให้ตัวเองเป็นฝ่ายได้รับความรักโดยไม่คิดจะลงมือทำอะไรเลยหรือ

 :katai1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
คนเขียนขอแสดงความคิดเห็นกับตัวละครบ้างนะครับ

เพียว - ถ้าผมเป็นเพียวผมคงหยุดแล้วเดินจากแฟรงค์ไปดีกว่า เลิกมองว่าแฟรงค์หรือนัททำผิดหรือถูกหักหลัง คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ผิดแล้วต้องแก้ให้จบ ให้อภัยกันแล้วเดินหน้าต่อไป แต่เรื่องนี้มีเงื่อนงำ เข้าใจว่าคนอ่านบางคนคงเดาออกแล้วว่าทำไมเพียวถึงไม่ยอมปล่อย

แฟรงค์
- ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่แฟรงค์พยายามทำ รู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว ขอโทษและขอยุติความสัมพันธ์กับเพียว ไม่มัวมานั่งโทษตัวเองว่าทำผิดกับเพียวเพราะไม่มีประโยชน์กับชีวิต ไม่จมอยู่กับความผิดพลาด ผิดแล้วก็ผิดไป รู้ว่าเผลอมีความสัมพันธ์กับนัทไปแล้วมันแก้คืนไม่ได้ จะห้ามไม่ให้มีความสัมพันธ์อีกก็คงไม่ช่วยให้ที่ทำไปแล้วหายผิดได้ ก็เดินหน้าไปเลยดีกว่า เลือกนัทเท่านั้น ถึงแก้ไม่ออกแต่คนที่เลือกก็คือนัท ไม่เอาเพียวแล้ว ต่อให้ฆ่าให้ตายก็ไม่เอา ไม่กลัวคำวิพากษ์วิจารณ์ถูกผิดของใคร เอาเวลาที่เหลือน้อยนิดมาอยู่กับนัท สร้างความรักความผูกพันกับนัทให้เร็วที่สุด รื้อฟื้นทุกอย่างกลับมาแล้วสร้างสิ่งใหม่เพิ่มไป มันไม่ถูกทั้งหมดหรอก ถ้ามัวแต่รอให้ถูกก็คงไม่ได้ทำอะไร คิดอะไรได้ทำไปก่อน หาทางไปเรื่อยๆ เป้าหมายชัดเจน - บุคลิคนี้เป็นลักษณะของคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ได้มาจากการที่พ่อแม่สอนและเคี่ยวกรำหนักเพื่อให้สานต่อธุรกิจได้ แฟรงค์จึงรับมือกับความกดดันได้ดี - แต่พอเดินหน้าแก้ปัญหาแล้วไม่ง่าย ไม่ใช่ว่าทำช้าไปหรอก คนอ่านคงจะพอเดาออกแล้วว่าทำไม

นัท - ถูกสอนมาคนละแบบกับแฟรงค์ แม่ไม่เคยเคี่ยวกรำหนักเหมือนแฟรงค์ จึงทนความกดดันสู้แฟรงค์ไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าแฟรงค์จะเข้าใจตรงนี้หรือเปล่า และจะให้อภัยนัทได้มั้ย แต่ก็อยากให้แฟรงค์มองด้วยว่าถ้านัทไม่รักแฟรงค์มาก นัทคงไม่ยอมมาเสี่ยงในสถานการณ์นี้ด้วยแน่ๆ นัทอาจไม่ได้อยากหนีก็ได้ แค่อยากออกห่างจากสถานการณ์บีบคั้นชั่วคราว เพียงแต่นัทแค่ไม่รู้ตัว คงไม่ได้อยากหนีไปจริงๆ หรอก

เรื่องนี้ ดูเหมือนปัญหาแก้ยาก อีนุงตุงนังไปหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่างช่วยทำให้มันยุ่งมากขึ้น แต่จะมีคนเสนอทางแก้ปัญหาที่แบบว่า เอ่อ...เอางี้เลยเหรอ 555 คอยลุ้นนารีขี่ม้าขาวละกันนะครับ

Sarawatta

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เข็มเล่มเดียว เกี่ยวรัด มัดเส้นด้าย
ต้นพันปลาย ยุ่งเหยิง กระเซิงหมม
ต้องเลือกตัด ด้ายไหน ให้คลายปม
หรือหักข่ม เข็มจริง ทิ้งไปเลย

หุหุ
ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ
อย่าไปแก้ที่ปลายเหตุเพราะเหตุจะไม่จบ

ดราม่าอีกล่ะ
อิอิ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ก่อนอื่น..ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนนะครับ เพิ่งว่างอ่าน แหะๆ
อ่านมา 3 ตอนรวดเลย จากใจตอนนี้ผมก็สีเทาอยู่แล้ว..พอมาอ่านมันยิ่งหม่นมาก

จากตอนที่ 15 คือฉากที่ทะเลาะกับพ่อ ที่พี่แฟรงค์บอกว่า ผมไม่เคยลืมน้อง เขาอยู่ในใจผมมาตลอด
คือผมอ่านต้องหยุดสักพักเลย สะเทือนใจอ่ะ แต่ประโยคนี้ผมเข้าใจพี่แฟรงค์เลยว่ารู้สึกยังไง
การจากลาที่ยังไม่มีแม้แต่โอกาสร่ำลา การอยู่ในช่วงนั้นมันคงเจ็บปวดอ่ะ

ชอบที่พี่แฟรงค์ต่อสู้ในความรักของตัวเองนะ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นครอบครัวตัวเอง
ถึงผลจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยก็ยังได้ทำ


ส่วนตอนที่ 16-17 แบบสงสารนัทมาก โดนแบบนั้นทั้งจากแม่ของพี่แฟรงค์กับคู่หมั้นของพี่แฟรงค์
คำพูดต่างๆ เหมือนโยนความผิดทุกอย่างไปให้นัท เป็นผมถึงจะอยากเชื่อพี่แฟรงค์มากๆ
แต่เจอคำพูดที่แม่พี่แฟรงค์พยายามพูด เป็นผมก็ทนไม่ไหวอ่ะ
ถึงในใจจะคิดว่าพวกเรื่องงาน การดูแลธุรกิจต่างๆ ถ้าพี่แฟรงค์มีคนรักเป็นผู้ชาย มันจะต่างกับผู้หญิงยังไงว่ะ
แบบทำไม..ถ้ามีคนรักเป็นชาย จะดูแลอะไรไม่ได้เลยรึไง.. เหอะ
แล้วนี่ยิ่งมาเจอคู่หมั้นมาตอกย้ำอีก..ผมเป็นนัทก็เลือกจะถอยอ่ะ

มันใจร้ายกับพี่แฟรงค์ก็จริง แต่ตอนนัันก็ต้องยอมถึงตัวเองจะเจ็บปวดไปด้วยก็ตาม รักมากถึงยอมถอย



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด