❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly  (อ่าน 92700 ครั้ง)

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


เราตามอ่านจนทันแล้วค่ะ
เอาเป็นว่าในเมื่อทิศทางของเรื่องมันมาในแนวนี้แล้ว เราก็ได้แต่อวยพรให้ทั้งสองหนุ่มเดินหน้าสานฝันกันอย่างเข้มแข็งแล้วกันเนอะ  ขอให้จำเอาไว้ว่า กว่าจะมาถึงจุดเริ่มต้นที่ใจตรงกันและสัญญาใต้แสงดาวกันได้นี่ก็ต้องสูญเสียและฝ่าฟันอะไรมาเยอะแยะ
เพราะฉะนั้น หลังจากนี้ก็ต้องจับมือกันให้แน่น และคอยให้กำลังใจ ผ่านวันร้าย ๆ และแบบทดสอบอีกมากมายไปให้ได้ก็แล้วกัน

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเช่นกันค่ะ  :pig4:




ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 23 ✢ ขอขมาลาโทษ



เฟิร์นพยายามติดต่อผมทั้งโทรศัพท์และไลน์หลายครั้ง แต่ผมไม่ได้เปิดอ่านหรือโทรกลับเลย แต่ถึงไม่โทรถาม ผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าคงเกิดเรื่องวุ่นวายมากแค่ไหน ถ้ารู้แล้วทำให้วอกแวก ผมก็ต้องเลือกที่จะไม่รับรู้ไว้ก่อน จนกว่าจะถึงระยะที่ผมคิดว่าปลอดภัยแล้ว

วันที่ไปเชียงราย ผมเผลอไปอ่านไลน์เข้าเพราะเห็นมิสคอลล์จากน้องสาวที่พยายามโทรหาผมหลายครั้ง ก็เลยสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น พอตัดสินจอ่านไลน์แล้วจึงได้รู้ว่าปู่เสียแล้ว แต่ผมอ่านแค่นั้นแล้วก็ปิดไป แค่นี้ก็ยากเกินจะทำใจได้แล้ว แต่เอาเถอะ อย่างน้อยผมกับนัทก็ยังได้ไปทำบุญให้ปู่ด้วยกันที่วัดก่อนกลับ ผมจึงไม่รู้สึกผิดมากเกินไป

หลังจากกลับมาจากเชียงรายแล้ว ผมกับนัทก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านเช่าในตัวอำเภอเขาค้อที่โซ้ยอุตส่าห์ช่วยหาให้ โซ้ยก็ดีเหลือใจจนผมไม่รู้จะขอบคุณยังไง จากนั้นเราก็ตระเวนไปทั่วเขาค้อและภูทับเบิกทุกวันเพื่อศึกษาดูงานร้านกาแฟ รีสอร์ทและไร่สตรอเบอรี่เพิ่มเติม

ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์ เราสองคนก็ได้แบบร้านกาแฟจากเพื่อนของนัทที่ช่วยออกแบบแล้วส่งมาให้ดูทางอีเมล์ ผมกับนัทค่อนข้างพอใจกับแบบร้านกาแฟทรงผลสตอเบอรี่ที่เน้นให้มีกระจกใสรอบด้านเพื่อให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั่ว ปรับแบบอีกนิดๆ หน่อยก็น่าจะใช้ได้ ส่วนเรื่องกาแฟ คุณบี๋ก็ตกลงแล้วว่าจะขายเฟรนไชส์ให้เราสองคนในราคาพิเศษ ส่วนการทำไร่สตรอเบอรี่ เราก็ได้ศึกษาทั้งวิธีการปลูกแบบใช้ดิน ไม่ใช้ดินและการปลูกพืชลงบนต้นกล้วย รวมทั้งได้ศึกษาพันธุ์สตรอเบอรี่ต่างๆ ที่เราจะปลูกด้วย ในช่วงแรกกะว่าจะทดลองปลูกทั้งสามแบบและหลายๆ พันธุ์ หลังจากนั้นจึงจะเอาผลลัพธ์มาเปรียบเทียบกันก่อนจะตัดสินใจเลือก

รูปร่างความฝันของเราเริ่มมีตัวตนชัดเจนขึ้นแล้ว พรุ่งนี้ผมก็จะพานัทไปขอขมาน้านวลที่บ้าน เชื่อว่าน้านวลจะเข้าใจและให้อภัยเราสองคนอย่างแน่นอน เพราะน้านวลรับรู้เรื่องของผมกับนัทมาตลอด หลังจากนั้นแล้วผมกับนัทก็น่าจะเริ่มต้นทำตามความฝันของเราสองคนได้เสียที

ผมคิดว่าถึงระยะเวลาปลอดภัยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมควรจะรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมพานัทหนีมาเสียที หลังจากที่ผมกับนัทกินข้าวเย็นด้วยกัน ผมจึงให้นัทอาบน้ำก่อน ก่อนที่ผมจะเดินออกมานั่งหน้าบ้านเช่าที่เป็นบ้านไม้เพื่อโทรหาน้องสาว ผมบอกนัทไว้แล้วว่าจะโทรหาที่บ้านวันนี้ นัทจึงไม่ติดใจสงสัยหรือเป็นห่วงเท่าไหร่

"เดี๋ยวก่อนนะคะพี่แฟรงค์ เฟิร์นขอขึ้นไปบนห้องก่อน เดี๋ยวพ่อกับแม่สงสัย" ทันที่ที่รับสาย เฟิร์นก็บอกผมด้วยประโยคนั้นก่อนที่จะได้ทักทายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเสียอีก

"ได้ๆ" ผมบอกแล้วก็นั่งรอ ได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งกุกๆ กักๆ อยู่สักพักก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงเป็นปกติ

"โอเคแล้วล่ะ พี่แฟรงค์เป็นไงมั่ง เฟิร์นเป็นห่วงพี่มากเลย" น้ำเสียงที่ถามมาบ่งบอกความรู้สึกตามที่พูดจนรู้สึกได้

"พี่สบายดี แล้วเฟิร์นล่ะ"

"สบายดีค่ะพี่แฟรงค์ แต่ก็วุ่นๆ เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ตอนนี้พี่แฟรงค์อยู่ที่ไหนคะ"

"อยู่เขาค้อ เช่าบ้านอยู่ พอดีได้เพื่อนสมัยประถมที่รู้จักกันช่วยหาให้ ไอ้โซ้ยไง เฟิร์นจำได้มั้ย"

"อ๋อ...จำได้ๆ อ้าว...เฟิร์นนึกว่าพี่แฟรงค์กับนัทจะไปอยู่บ้านน้านวลซะอีก"

"ยังหรอก พี่ยังไม่ได้พานัทไปขอขมาน้านวลเลย"

"เหรอคะ" เฟิร์นทำน้ำเสียงแปลกใจ

"พี่ว่าจะไปพรุ่งนี้ ตอนนี้พี่กับนัทยุ่งกันมากเลย เดินทางไปหลายที่ ไปดูรีสอร์ท ไร่สตรอเบอรี่ ร้านกาแฟ แล้วก็ให้เพื่อนนัทช่วยออกแบบร้านกาแฟให้ ตอนนี้ได้แบบมาแล้วนะ สวยมากเลยล่ะเฟิร์น เดี๋ยวพี่จะส่งไลน์ไปให้ดู พี่กับนัทชอบมาก พี่ก็กะว่าจะให้แผนทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วพี่ถึงจะพานัทไปขอขมาน้านวล ไม่อยากไปขอขมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ไม่อยากให้น้านวลเป็นห่วงอนาคตของนัทถ้าอยู่กับพี่ แล้วพี่ก็อยากให้น้านวลเห็นความตั้งใจของเราสองคนด้วยว่าเราจริงจังขนาดไหน"

"ดีแล้วล่ะค่ะพี่แฟรงค์ เฟิร์นถึงเชื่อใจพี่ไงคะว่าพี่แฟรงค์ทำได้"

"แล้วตอนนี้ที่บ้านเป็นไงมั่ง พี่ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้โทรมาคุยกับเฟิร์นเลย ไม่ใช่พี่ไม่ห่วงที่บ้านนะ แต่พี่ก็ไม่อยากเขว กลัวรู้แล้วจะทำใจไม่ได้ พี่กลัวรู้แล้วพี่จะถอดใจซะก่อนน่ะเฟิร์น เข้าใจพี่นะ"

แล้วผมก็ได้ยินเสียงเฟิร์นถอนหายใจอย่างหนักใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีเรื่องวุ่นวายมากขนาดไหน

"เข้าใจค่ะพี่แฟรงค์ แต่ก็อย่างที่เฟิร์นเขียนไปในไลน์ ปู่เสียแล้ว ปู่ไปสบายแล้วล่ะ แต่ว่า..." น้ำเสียงของเฟิร์นฟังดูเศร้าเมื่อพูดถึงปู่

"แล้วพ่อก็โทษพี่ว่าเป็นต้นเหตุด้วยใช่มั้ย" ผมถามไปอย่างรู้ทัน

"ค่ะ" เฟิร์นตอบโดยไม่ลังเลแล้วก็พูดต่อ "พ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย ใครเข้าหน้าก็ไม่ติด พอปู่เสีย พ่อก็ยิ่งอารมณ์ร้าย ประกาศตัดพ่อตัดลูกกับพี่แฟรงค์ลั่นบ้านเลย ส่วนแม่ก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม่คิดถึงพี่แฟรงค์มากนะคะ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในบ้านไปแล้วตอนนี้"

พอได้ยินเฟิร์นพูดถึงแม่แล้ว น้ำตาลูกผู้ชายของผมก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว แม่คงคิดถึงลูกชายคนนี้มากเพราะเราไม่เคยจากกันไปไหน ป่านนี้คงจะเป็นห่วงผมใหญ่จนอาจถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับไปแล้ว

"อย่าหาว่าเฟิร์นพูดบาปกับพ่อของตัวเองเลยนะคะพี่แฟรงค์ เรื่องทั้งหมด...เกิดมาจากพ่อของเรานั่นแหละค่ะ พ่อพรากพี่แฟรงค์ไปจากนัท พอพี่แฟรงค์คบเพียวเป็นแฟนก็หาทางผูกมัดพี่กับเพียวไว้ ยิ่งที่บ้านของเพียวเป็นหนี้เราก็ยิ่งเข้าทาง เอามาใช้บีบบังคับทางนั้นได้อีก แม่เพิ่งบอกเฟิร์นเมื่อไม่กี่วันว่าพ่อเป็นคนบังคับให้แม่ไปคุยกับนัทตอนที่นัทกำลังจะลาออก แม่บอกว่าแม่พูดกับนัทไม่ดีหลายอย่างเลย แม่เสียใจมากนะพี่แฟรงค์ที่แม่ต้องทำอย่างงั้น แค่นั้นยังไม่พอ พ่อยังไปบีบบังคับให้เพียวมาพูดกับนัทด้วยอีกคน นัทถึงทนไม่ไหวจนต้องหนีพี่แฟรงค์ไปไงคะ"

ผมอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าพ่อจะทำถึงขนาดนี้ แสดงว่าวันนั้นที่นัทหนีไปก็เป็นเพราะแม่กับเพียวมาต่อว่านัทตามที่พ่อผมบีบบังคับแน่ๆ ผมยอมรับว่ายังติดใจนัทเรื่องนี้อยู่หน่อยๆ แต่พอรู้อย่างนี้แล้วก็หายข้องใจเสียที

"แล้วเพียวล่ะเฟิร์น" ผมถามเสียงแหบพร่า ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาโดยไม่คิดแม้แต่จะเช็ดออก

ผมได้ยินเสียงน้องสาวถอนหายใจอีกครั้ง แสดงว่าเพียวคงเจอปัญหาหนักไม่น้อยเหมือนกัน

"ไม่รู้จะพูดยังไง เมื่อก่อนเฟิร์นเคยไม่ชอบเพียวนะ แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารมากเลย วันที่พี่แฟรงค์หนีไปกับนัท เพียวไม่ร้องไห้เลย ไม่มีน้ำตาเลยซักหยด แต่เห็นหน้าแล้วก็รู้ว่าเสียใจมาก เพียวนั่งเงียบไม่ยอมลุกไปไหน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยซักคน ขนาดพ่อกับแม่ของเพียวเองยังไม่กล้าไปพูดอะไรกับเพียวเลย แล้วเพียวก็กลับบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางนั้นไม่ติดต่อกับบ้านเราอีกเลย พ่อก็ไม่ไปกดดันทางนั้น คิดว่าคงจะยกหนี้ให้ จะได้ไม่มีปัญหากัน เฟิร์นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อจะทำอะไรอีกหรือเปล่า ตอนนี้ไม่กล้าคุยกับพ่อเลย อ้อ...เฟิร์นเดาว่าเพียวคงเตรียมใจไว้แล้วล่ะว่าเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบังคับ เพียวคงยอมหลีกทางให้พี่กับนัทไปตั้งนานแล้วล่ะ พี่แฟรงค์ก็อาจจะทำไม่ถูกกับเพียวนะ แต่คนที่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายไปกันใหญ่ก็คือพ่อของเราเองนั่นแหละค่ะ"

ในขณะที่ฟังผมก็พลันนึกถึงเพียวตอนที่เกิดสนใจเธอเป็นครั้งแรกขึ้นมา ตอนนั้นเพื่อนผมชอบเพื่อนของเพียวอยู่ วันหนึ่งสองคนนั้นก็นัดกันไปดูหนัง แต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงยังไม่ค่อยมั่นใจที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนผมสองต่อสอง ก็เลยลากเพียวมาเป็นเพื่อนด้วยอีกคน แต่ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น เพื่อนคนอื่นๆ ก็เลยถูกชวนไปด้วย

วันนั้นผมว่างพอดีก็เลยตามไป เราไปกินข้าวกันก่อนแล้วก็ตามด้วยไอศครีม เพียวหยิบเมนูไอศครีมขึ้นมาดูแล้วก็เลือกไม่ถูก ถามไปถามมาก็บอกว่าเธอชอบกินไอศครีมมาก กินได้ทุกรสเลย ก็เลยอยากกินไปหมดเสียทุกอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดธรรมดาๆ ของเธอจะกระแทกเข้าไปในหัวใจผมอย่างรุนแรงได้ ความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับคนชอบกินไอศครีมทุกรสถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผมนึกอยากจีบเธอขึ้นมาทั้งๆ ที่ผมแทบไม่เคยจีบผู้หญิงจริงจังเลย จะว่าไป ผมก็ไม่เคยสนใจเธอเลยด้วยซ้ำแม้ว่าจะเคยเจอกันมาก่อน จนกระทั่งได้ยินคำพูดนั้น

วันนี้ผมกลับพาเธอมาทิ้งไว้เสียกลางทาง ก็อาจจะจริงที่พ่อผมทำให้ทุกอย่างยากขึ้น แต่ถ้าไม่ใช่เพราะผมเปลี่ยนใจกะทันหัน ชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่งก็คงไม่ต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ ไม่ว่าจะยังไงผมก็ปฏิเสธความผิดพลาดครั้งนี้ไม่ได้ นี่คือบทเรียนที่ผมต้องจำไว้จนชั่วชีวิต แต่กระนั้น ผมก็ยังต้องเดินทางต่อไปกับสิ่งที่ผมเลือก เหมือนกับพายุที่ไม่เคยหันหลังกลับไปดูสิ่งที่มันพัดพาจนเสียหาย และไม่เคยเสียใจกับอานุภาพทำลายล้างของมันที่ทิ้งไว้ให้หลังจากที่พัดผ่านไป

ผมถอนหายใจหลังจากที่ฟังน้องสาวพูดจบ ไม่รู้ว่าชีวิตต้องเศร้าไปอีกนานแค่ไหน หวังเพียงว่าวันเวลาจะช่วยรักษาทุกคนที่บาดเจ็บให้หายดีในเร็ววันนี้เสียที

"ถ้ามีโอกาส พี่จะกลับไปขอโทษเค้า แต่ตอนนี้...พี่ขอทำตามความฝันของพี่กับนัทให้สำเร็จก่อน พี่ฝากดูแลพ่อกับแม่แทนพี่ด้วยนะเฟิร์น ถ้าแม่ถามหาพี่ เฟิร์นช่วยบอกแม่ด้วยว่าพี่สบายดี พี่ก็คิดถึงแม่ บอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ พี่เอาตัวรอดได้ อีกไม่เกินสองปี พี่จะกลับไปหา"

ผมพูดไปก็ร้องไห้ไป ชีวิตที่ไม่มีบรรยากาศของครอบครัวรายล้อมและคอยปกป้องนั้นช่างอ้างว้างสิ้นดี แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องผ่านมันไปให้ได้

"พี่แฟรงค์ไม่ต้องห่วงหรอก เฟิร์นจะดูแลทุกอย่างแทนพี่แฟรงค์เอง พี่แฟรงค์ก็อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ ด้วย เฟิร์นจะเอาใจช่วยให้พี่แฟรงค์กับนัททำตามความฝันจนสำเร็จนะคะ"

ไปๆ มาๆ ทั้งพี่ทั้งน้องก็ร้องไห้ด้วยกัน สุดท้ายก็เลยได้คุยกันแค่นั้นเพราะไม่สามารถคุยกันต่อได้ ต้องวางสายไปในที่สุด ผมคิดว่าผมตัดสินใจถูกแล้วที่ปิดการรับรู้ทุกอย่างไปก่อน ถึงยังไงผมก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีหัวจิตหัวใจ เห็นคนบาดเจ็บล้มลงจากสิ่งที่ผมทำก็ย่อมรู้สึกเจ็บปวดเป็นธรรมดา อาจทำให้วอกแวกได้ แต่ผมก็ย้ำชัดกับตัวเองเสมอว่า...ผมจะไม่หันหลังกลับ

พอวางสายไปแล้วผมก็นั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านอย่างเงียบๆ ครู่ใหญ่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงกอดรัดจากทางด้านหลัง ใครสักคนโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ พร้อมกับกลิ่นหอมของสบู่อ่อนๆ ที่โชยมาสัมผัสจมูก แม้ไม่หันไปมองผมก็รู้ดีว่าใคร

"พี่แฟรงค์"

"ว่าไงครับน้องนัท"

ผมยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ จากนั้นก็หันไปมองนัทที่ปล่อยมือจากผมแล้วก็ยืนตัวตรงอยู่ทางด้านหลัง เจ้าตัวคงอยากมาให้กำลังใจจึงส่งรอยยิ้มมาให้พี่ชายคนเศร้า

"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ"

"เสร็จตั้งนานแล้ว" ตอบแล้วนัทก็ลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ ผม ก่อนจะกอดผมไว้ทางด้านข้างแล้วก็แนบใบหน้าอยู่ตรงอกผม

"ขอกอดพี่แฟรงค์หน่อยนะ อากาศมันหนาว"

ผมค่อยๆ คลี่ยิ้ม เอามือลูบผมนัทเบาๆ แล้วก็ก้มลงไปสูดดมเส้นผมที่สระสะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

"ชื่นใจจัง"

นัทค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมามองผม สายตาออดอ้อนนั้นทำให้ผมเอ็นดูจนอดขยี้ผมนัทเล่นเบาๆ ไม่ได้

"พี่แฟรงค์เหงาหรือเปล่า"

"ไม่เหงาหรอก ก็พี่มีนัทอยู่ด้วยทั้งคน จะเหงาได้ไง"

นัทยิ้มดีใจแล้วก็ซบหน้าลงกับอกผมตามเดิม "พี่แฟรงค์ตัวอุ่นจัง นัทชอบ"

นัทคงรู้ว่าผมกำลังเศร้าก็เลยพยายามอ้อนให้คนตัวอุ่นอารมณ์ดีขึ้น

"นัทขี้อ้อนไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย" ผมพูดหยอกอย่างอารมณ์ดี

"นัทก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว จำไม่ได้เหรอว่านัทน่ะชอบอ้อนพี่แฟรงค์ให้ซื้อไอติมให้กินบ่อยๆ"

"จำได้สิ แล้วนัทจำได้หรือเปล่าล่ะว่าพี่เคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้เรียกพี่ เดี๋ยวนี้นะ นัทเรียกพี่แฟรงค์ๆ ทุกวันเลย ไม่ยอมเรียกแฟรงค์เฉยๆ"

นัทปล่อยผมออกจากอ้อมแขนแล้วก็นั่งตัวตรง ก่อนจะทำเสียงกระเง้ากระงอด "ไม่เอาหรอก เรียกพี่น่ะดีแล้ว ยังไงๆ พี่แฟรงค์ก็เป็นพี่ของนัท นัทชอบเรียกว่าพี่แฟรงค์มากกว่าแล้วล่ะ อบอุ่นดี"

แล้วเราสองคนก็ยิ้มให้กันท่ามกลางเสียงลมหนาวที่ยังคงพัดมาไม่ขาดสาย จังหวัดอื่นๆ อาจไม่ค่อยหนาวแล้ว แต่ที่เขาค้อยังคงหนาวอยู่

"เอาอย่างงั้นก็ได้" ผมบอกแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังมากขึ้น

"พี่ขอโทษนัทด้วยนะที่พี่เคยคิดไม่ดีกับนัทเรื่องหนึ่ง"

นัทเอียงคอมองอย่างสงสัย "เรื่องอะไรเหรอ"

"ก็ตอนที่นัทหนีพี่ไปไง พี่บอกตรงๆ นะว่าพี่เคยรู้สึกแย่มาก เพราะเราสัญญากันแล้วว่าเราจะไม่ปล่อยมือกัน แต่พี่เข้าใจแล้วว่าทำไมนัทถึงต้องทำอย่างงั้น"

นัทไม่พูดหรือถามอะไรแต่รอคอยฟังผมอย่างสนใจ

"แม่พี่กับเพียวมากดดันนัทใช่มั้ย นัทถึงได้หนีพี่ไป" ผมตัดสินใจถามไปตามตรง

นัทมีท่าทางอึ้งๆ และไม่กล้าสบตาผม คงไม่คิดว่าผมจะรู้เรื่องนี้จนได้

"นัทไม่ตอบก็ไม่เป็นไร พี่แค่จะบอกนัทว่า...พี่ดีใจมากที่พี่ได้รู้ความจริงนี้ซะที ไม่งั้นพี่คงคาใจเรื่องนี้ไปอีกนานเลย"

ผมหยุดเว้นจังหวะแล้วก็ดึงมือนัทมากุมไว้ นัทมองดูมือนั้นแต่ยังไม่แสดงความรู้สึกที่ชัดเจนออกมา

"ทีหลัง...มีอะไรกดดันก็บอกพี่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว ยิ่งตอนนี้...เราสองคนเปรียบเสมือนคนๆ เดียวกันแล้ว เราต้องหันหน้าเข้าหากัน มีอะไรนัทต้องบอกพี่ พี่เอง...มีอะไรก็จะบอกนัททุกอย่าง"

"นัทขอโทษ"  นัททำหน้ารู้สึกผิด

ผมขำเบาๆ แล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู  "พี่น่ะ สงสารนัทจะตาย นัทไม่รู้เหรอ มีอะไรก็บอกพี่นะ"

นัทพยักหน้าแล้วก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ผมก็เลยดึงน้องรักมากอดปลอบใจเสียหน่อย ตอนที่โดนสองคนมาต่อว่าและกดดันคงเสียขวัญไม่น้อย มิน่าล่ะถึงหนีพี่ไป

"พี่แฟรงค์ อย่าโกรธนัทเรื่องนั้นอีกเลยนะ ถึงตอนนั้นนัทจะปล่อยมือพี่ แต่นัทก็รักพี่แฟรงค์นะ" คนน้องพูดปนสะอื้น

"พี่รู้ พี่ไม่ได้ต่อว่านัทซะหน่อย พี่แค่จะบอกว่าพี่ดีใจที่ได้รู้ต่างหาก จะได้หายคาใจซะที ไม่ต้องเสียใจเรื่องนี้อีกแล้วนะ" ผมเน้นย้ำเพราะกลัวนัทคิดเป็นอย่างอื่น

นัทพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็กอดผมแน่น

"พี่เข้าใจ ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปแล้วกัน แต่ต่อไป เราสองคนต้องเปิดใจคุยกันนะ"

"ต่อไปนัทจะบอกพี่ทุกอย่าง นัทสัญญา"

ผมอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ที่นัทร้องไห้เหมือนเด็ก ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป นัทกับเด็กชายนัทก็ยังอยู่กับผมเสมอ นี่แหละน้องนัทที่ผมเฝ้ารักเฝ้าดูแลมาตลอด

พอนัทสงบสติอารมณ์ได้แล้วผมจึงค่อยๆ ปล่อยนัทออกจากอ้อมแขน เรายิ้มให้กันแล้วก็ขำเบาๆ

"อยู่นี่แป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่มา"

ผมบอกแล้วก็วิ่งหายเข้าไปข้างในบ้าน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าของผมเอง ปราดลงมานั่งข้างๆ แล้วก็ส่งผ้าเช็ดหน้าให้คนขี้แง

"ใช้ตามสบายเลยนะ เพราะครั้งต่อไปนัทต้องซักผ้า" ผมหยอกอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้เราสองคนผลัดกันทำงานบ้าน บางอย่างก็ช่วยกันทำ บางอย่างก็เปลี่ยนเวรกันทำ

นัทขำเบาๆ แล้วก็ซับน้ำตาจนแห้ง ก่อนจะเงยหน้ามาถามผม "ที่บ้านของพี่แฟรงค์เป็นไงมั่ง"

ผมเอามือสองข้างจับตรงต้นขาของตัวเองแล้วก้มหน้า ถอนหายใจแล้วก็หันไปยิ้มเศร้าๆ

"ก็อย่างที่พี่บอกวันนั้นแหละ พ่อพี่โกรธพี่มาก ตัดพ่อตัดลูกกับพี่ไปแล้ว ส่วนแม่...แม่คิดถึงพี่มาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนเพียวก็ไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านพี่อีกเลย เฟิร์นบอกพี่ว่า...เพียวไม่ร้องไห้เลยตอนที่เราสองคนหนีออกมา ไม่มีน้ำตาซักหยด"

"เพียวคงเสียใจมากนะพี่แฟรงค์ถึงเป็นอย่างงั้น" นัทบอกเสียงเศร้า

ผมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับอย่างช้าๆ "พี่คบกับเพียวมาหลายปี พี่คิดว่าพี่รู้จักเค้านะ เพียวคงยอมปล่อยมือนานแล้วล่ะ แต่คนที่ไม่ยอมก็คือพ่อของพี่เอง นัทจำได้ใช่มั้ยที่พี่เคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านเพียวเป็นหนี้บ้านพี่อยู่ พ่อก็เลยเอาเรื่องนี้มากดดันทางนั้น พี่ขอโทษแทนพ่อพี่ด้วยนะนัท ที่แม่พี่กับเพียวไปหานัทวันนั้น พ่อพี่เป็นคนกดดันเอง"

นัทดูอึ้งไปพอสมควร แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมพ่อผมถึงต้องทำอย่างนั้น

"แต่พ่อพี่แฟรงค์ก็รักพี่แฟรงค์มากนะ ไม่งั้นไม่ทำอย่างงี้หรอก" นัทพยายามมองในแง่ดี

ผมพยักหน้าเห็นด้วย "ก็ใช่ แต่มันผิดทางไปหน่อย แต่เอาเหอะ พี่เชื่อว่าสักวันพ่อของพี่จะเข้าใจ"

"นัทก็เชื่ออย่างงั้น" นัทพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีความหวัง

"ดีแล้ว อ้อ...พรุ่งนี้นัทพร้อมแล้วใช่มั้ย"

นัทพยักหน้าแล้วก็ขำเบาๆ "นัทน่ะพร้อมอยู่แล้ว ว่าแต่คนที่พาลูกชาวบ้านเค้าหนีเหอะ พร้อมหรือยังล่ะ"

"พร้อมสิ เห็นมั้ย...เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว" ผมยิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะเอามือลูบผมนัทเบาๆ อย่างรักใคร่

พรุ่งนี้คงเป็นวันชี้ชะตาอีกวันหนึ่งของเรา หวังว่าความดีที่ผมกับนัทพอจะมีอยู่บ้างจะให้เราสองคนผ่านไปได้ด้วยดี ยังไงๆ ผมก็เชื่อว่าฟ้าดินคงไม่ทอดทิ้งคนที่พยายามและตั้งใจอย่างเราสองคนอย่างแน่นอน

... ... ...

ผมกับนัทก้มลงกราบผู้สูงวัยที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในบ้านพร้อมกันสามครั้ง จากนั้นก็ยกเท้าของท่านมาใส่ในกาละมังใบเล็กที่ใส่น้ำอบและลอยดอกมะลิ พอเริ่มลงมือล้างเท้าให้ท่าน ผมก็ถือโอกาสเป็นคนแรกในการกล่าวขอขมาก่อน

"น้านวลครับ ผมขอกราบขอขมาที่ผมพานัทหนีไปโดยไม่บอกกล่าว ทำให้น้านวลไม่สบายใจและเป็นห่วง ผมขอขมากรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกิน ทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในอนาคต ทั้งกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี หรือในสิ่งที่ทำให้น้านวลไม่สบายใจ ลูกกราบขออโหสิกรรมในสิ่งเหล่านั้นด้วย"

ผมนำเท้าของน้านวลมาวางบนขาของผมที่มีผ้ารองอยู่ ก่อนจะเช็ดให้แห้ง นัทก็ทำตามเช่นเดียวกัน หลังจากที่เช็ดเท้าของน้านวลจนแห้งแล้ว นัทก็เป็นคนกล่าวคำขอขมาตามที่เราสองคนไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตมา นัทนั่งท่องอยู่หลายวันเลยทีเดียว

"พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระแม่พระพาย พระแม่พระเพลิง ลูกมาขอกราบขมาลาโทษ ขอเป็นทิพยญาณนำความดีและกุศลผลบุญที่ลูกทำในครั้งนี้ไปบอกปู่ยมราช และนายนิติยบาลให้ด้วย ให้ช่วยจดบันทึกคุณงามความดีครั้งนี้ ที่ผ่านมาลูกจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ลูกขอรับใช้กรรม แต่หลังจากนี้ไป ลูกกราบขอชีวิตใหม่จากบุพการี"

ผมกับนัทก้มหมอบลงก่อนที่จะนำเท้าของน้านวลมาวางไว้บนศีรษะของเราทั้งสอง จากนั้นผมจึงนำพานธูปเทียนแพที่วางอยู่ข้างๆ มอบให้น้านวลรับไป ก่อนที่นัทจะกล่าวขอขมาอีกครั้ง

"แม่ครับ ลูกขอขมา ขออโหสิกรรม ขอชีวิตใหม่ที่ดีให้ลูกด้วยนะครับ"

น้านวลเอามือลูบหัวของผมแล้วก็ย้ายไปลูบหัวของนัท ก่อนจะยิ้มอย่างตื้นตั้นใจและกล่าวคำอวยพรให้

"แม่ดีใจที่ลูกสองคนกลับมาหาแม่นะ แม่ไม่เคยโกรธลูกสองคนหรอก แม่รู้ว่านัทรักแฟรงค์และแฟรงค์ก็รักนัทมากแค่ไหน แม่เข้าใจความรักของลูกสองคน แม่มีความสุขที่ในที่สุดลูกสองคนก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แม่ก็ขออวยพรให้ลูกสองคนประสบแต่ความสุขความเจริญ คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมความปราถนา ส่วนแฟรงค์ ต่อไปถ้าแฟรงค์อยากจะเรียกน้าว่าแม่ น้าก็ยินดีนะลูก"

ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่ของนัทแล้วก็ยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ "ครับแม่นวล ตอนนี้...ผมคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวที่ผมรักแล้ว ขออนุญาตให้น้านวลเป็นแม่ของผมอีกคนละกันนะครับ"

น้านวลพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น ผมหันไปมองหน้านัทแล้วก็ยิ้มให้กัน ส่วนนิวที่นั่งพับเพียบอยู่ข้างหลังก็พลอยยิ้มดีใจกับเราไปด้วย

พอถึงขั้นตอนสุดท้าย ผมกับนัทก็ตั้งจิตอธิษฐานถึงพระพุทธเจ้า ก่อนจะเอ่ยคำขออนุโทนาบุญพร้อมกันสองคน

"ลูกชื่อธนวรรธน์ โฆษะนาม/วศินภัทร์ ชลาสัย ขออนุโมทนาบุญจากพระพุทธเจ้าให้สำเร็จบุญนี้ให้ลูกด้วย ลูกขอนำกุศลบุญส่วนหนึ่งอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ติดตามลูกมาแต่อดีตชาติจนปัจจุบันให้รับกุศลของลูก ณ บัดนี้ เดี๋ยวนี้ รับเลยจ้ะ รับแล้วใช่ไหมจ๊ะ สาธุ สาธุ สาธุ"

พิธีขอขมาลาโทษบุพการีเสร็จสิ้นลงแล้วด้วยความยินดีของทุกคนที่อยู่ในห้อง นิวช่วยเอากาละมังไปเก็บให้ ส่วนผมกับนัทก็นำเสื้อใหม่ที่เราสองคนไปหาซื้อไกลถึงพิษณุโลกด้วยกันมาให้แม่ของนัท น้านวลหรือบัดนี้กลายเป็นแม่นวลของผมยิ้มอย่างพอใจ

"สวยมากลูก ขอบใจมากเลย"

"เอาไว้ใส่ตอนไปทำบุญให้พ่อนะครับแม่" นัทบอกพร้อมกับเอาศีรษะแนบลงบนตักของแม่ คงจะคิดถึงแม่มากทีเดียวเพราะไม่เจอกันหลายวัน

"อืม...ใช่ ใกล้จะครบรอบวันที่พ่อเสียแล้วจริงๆ ด้วย แม่ก็เกือบลืมไปเลย อ้อ เดี๋ยวเราไปคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าลูก"

นัทผละจากตักของแม่แล้วก็นั่งตัวตรง จากนั้นเราสองคนจึงลุกขึ้นยืนแล้วพาแม่นวลไปนั่งคุยกันที่โต๊ะหน้าบ้าน นิวตามมานั่งฟังด้วยอย่างเงียบๆ แม่นวลเคยบอกผมว่านิวเป็นผู้หญิงที่แทบไม่สนใจผู้ชายเลย ชอบทำงานและอยู่เงียบๆ มากกว่าที่จะไปสุงสิงกับใคร จนแม่นวลชักปลงว่าลูกสาวจะขึ้นคาน ดูๆ ไปแล้วก็ท่าจะจริง

ผมเอาไอแพดมาวางเอียงๆ บนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยๆ เลื่อนดูภาพร้านกาแฟ Straw'ry Cafe ที่เพื่อนของนัทช่วยออกแบบให้แม่นวลกับนิวดู ผมกับนัทคอยช่วยกันนำเสนอ ถ้าใครลืมตรงไหนก็ช่วยเสริมให้กัน ดูเหมือนน้านวลกับนิวจะชอบมากทีเดียว มีเสียงฮือฮาเป็นระยะๆ พอหมดภาพร้านกาแฟแล้วก็เป็นภาพยี่ห้อกาแฟที่เราตั้งใจจะซื้อเฟรนไชส์ คุณบี๋ให้ข้อมูลและภาพประกอบมาแล้วก็เลยง่ายหน่อย ผมกับนัทตั้งใจว่าพอนำเสนอเสร็จแล้วก็จะให้แม่นวลลองชิมกาแฟยี่ห้อนี้ด้วย

จากนั้นเราก็นำเสนอภาพการปลูกสตรอเบอรี่แบบต่างๆ ที่เราไปศึกษามาพร้อมกับอธิบายว่าเราจะทดลองปลูกทั้งสามแบบและหลายๆ พันธุ์ก่อนตัดสินใจ ในขั้นตอนสุดท้าย เราก็นำเสนอแผนการทำงานที่เริ่มตั้งแต่การเตรียมปลูกสตรอเบอรี่ หาบริษัทมารับเหมาก่อสร้างร้านกาแฟให้ ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการรับสมัครคนมาทำงานในร้านกาแฟ และแผนที่เราจะทำให้ลูกค้ามี Story หรือมีเรื่องราวร่วมกับร้านของเรา ในระหว่างที่เปิดร้านกาแฟเราก็จะค่อยๆ สร้างรีสอร์ทไปด้วย เริ่มต้นที่ห้าหลังก่อน เน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศภูทับเบิกที่แตกต่าง อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและมี Story ร่วมกับเราได้

พอเห็นรอยยิ้มภูมิใจของแม่นวลกับนิวแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าผลจะเป็นยังไง

"ดีมากลูก ลูกสองคนทำดีมาก ความจริง...แค่นัทเป็นลูกของแม่ ไม่มีแผนอะไรมาให้แม่ดู แม่ก็พร้อมที่จะช่วยเรื่องเงินลงทุนอยู่แล้ว พอเห็นนัทกับแฟรงค์ตั้งใจขนาดนี้ แม่จะไม่ช่วยก็คงเกินไปหน่อย เอาเป็นว่า...นัทกับแฟรงค์สบายใจได้เลยนะลูก เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับธนาคารให้ นัทกับแฟรงค์ไปด้วยกันกับแม่ เอาแผนที่ลูกสองคนทำไปนำเสนอด้วย แม่ว่าไม่มีปัญหาหรอก ยังไงก็ได้อยู่แล้ว"

ผมกับนัทหันมายิ้มให้กันแล้วก็น้ำตาซึม กว่าเราสองคนจะเตรียมการนำเสนอได้ขนาดนี้ก็ต้องเดินทางไปหลายที่ อดหลับอดนอนช่วยกันทำไฟล์นำเสนออยู่หลายวัน ความเห็นไม่ตรงกันก็มีบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทะเลาะกัน ต้องใช้เวลาและความอดทนที่จะพูดคุยกันและทำให้ลงตัวอย่างที่เราอยากได้ เหนื่อยกันมากทีเดียว

สุดท้าย...เราก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ข้างหน้าเสียที แค่นี้ก็คุ้มค่ากับความพยายามทั้งหมดที่ใส่ลงไปแล้ว

ขอบคุณแม่นวลเหลือเกินที่ให้โอกาสเราสองคน ผมกับนัทจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน!


- TBC -[/center]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:11:29 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ชอบความคิดความอ่านของเฟิร์นนะ

ถึงแม้จะเป็นพ่อแม่ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าพ่อแม่ก็เป็นคนๆหนึ่งเหมือนกัน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำผิดทำพลาดได้เหมือนกัน อย่างพ่อของแฟรงค์นี่หัวรั้น ไม่ฟังใครเลย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
พยายามเข้านะ ทั้งคู่เลย สู้ๆครับ ช่วยเชียร์ครับ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ชอบฉากขอขมา

คนเป็นพ่อแม่ไม่ได้หมายความว่า เป็นคนที่ทำถูกทุกอย่าง นิสัยดีไร้ที่ติ อะไรอย่างนั้น

มนุษย์ก็คือ มนุษย์นั่นแหละ

ขอให้กิจการเริ่มต้นด้วยดีนะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนุกคับ ชอบฉากขอขมาแม่นวลมากที่สุดเลย สมจริงคับ พ่อแม่ท่านไม่ทิ้งลูกหลานของท่านหรอกคับ 
   รออ่านตอนใหม่นะคับ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ minniekook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สู้ๆนะคะ ทั้งสองคน  :mew1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ทั้งแฟรงค์และนัทยังคงมั่นคงในความรัก..ไม่เปลี่ยนแปลง
เห็นอย่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรก็ไม่น่ากลัวอีก

นับถือในความมุ่งมั่น ในความรักของสองหนุ่มนี่..จริงๆ

ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านแล้วรู้สึกนับถือความมั่นคงในรักแท้ของแฟรงค์กับนัท  o13
ชอบตอนขอขมาแม่ของนัท แฟร้งเป็นคนหัวสมัยใหม่แต่ก็ยังใส่ใจเรื่องพวกนี้ ต่อไปนี้ไม่ว่าคิดจะทำอะไรสำเร็จแน่นอน สู้นัทแฟร้ง
อยากเห็น straw'ry cafe นัทแฟร้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
มีความฝันร่วมกันมายืนยันด้วยอีกแรงแบบนี้นอกจากน้านวลจะไม่คัดค้านแล้วก็มีแต่จะสนับสนุนและอวยพรให้กับทั้งสองคนเท่านั้นนะคะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไม่เคยอ่านการขอขมาแนวละเอียดแบบนี้  น่าสนใจค่ะ
แฟรงค์กับเฟิร์นนี่คิดแบบสมัยใหม่  น่าจะมาจากการศึกษา
กระจกเงาสะท้อนส่วนหนึ่งของพ่อแฟรงค์ก็มองได้จากแฟรงค์นี่แหละ
ดีใจที่ยังมีแม่นัทให้การสนับสนุนนะ

สำหรับแฟรงค์นัทมาก่อนจริงๆ
แฟรงค์เป็นคนที่มีหัวทางธุรกิจมากๆ
เรามองแบบนี้นะ  ปกติถ้าหากว่าพาลูกเขาหนี  สิ่งแรกที่ทำกันก็คือพากันไปขอขมาพ่อแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่ฝั่งที่ยอมยกโทษให้ก่อน  แฟรงค์กับนัทไปฮันนี่มูนดูธุรกิจก่อน ไปขอขมาหลังจากนั้น   มองจริงๆก็คือสำหรับแฟรงค์นัทสำคัญที่สุด
มั่นคง สมัยใหม่ดีค่ะ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress3: น่ารักจริง ๆ เลยทั้งแฟรงค์และนัทน่ะ นี่แหละพ่อแม่ที่คำนึงถึงความสุขของลูกเป็นหลัก ก้อทำให้ได้ร่วมมีความสุขไปกับลูก ๆ ด้วย ไม่เหมือนพ่อของแฟรงค์ที่คิดแต่ใจตัวเองตอนนี้ก้อได้แต่เป็นทุกข์กับความดื้อรั้นของตัวเองน่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
มาอ่านรวดเดียวสองตอนเลย
อ่านเรื่องนี้ผมได้เกร็ดความรู้เยอะดีนะครับ บางเรื่องไม่เคยรู้ก็เพิ่งรู้นี่แหละ ฮ่าๆ

อย่างน้อยก็ยังดีที่แม่นัทเข้าใจทั้งสองคน และพร้อมสนับสนุนสิ่งที่พี่แฟรงค์กับนัททำ
ซึ้งมากๆตอนขอขมา เพิ่งรู้วิธีการเหมือนกัน แหะๆ


ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
เป็นกำลังใจให้พี่แฟรงค์นะคะ เชื่อค่ะว่าสักวันพ่อแม่ของพี่แฟรงค์จะต้องเข้าใจ รอเวลาให้ท่านสักหน่อยนะคะ
ประทับใจฉากขอขมาน้านวลมากค่ะ อย่างน้อยผู้ใหญ่ทางฝั่งนัทก็เข้าใจและพร้อมที่จะให้อภัย เห็นแบบนี้แล้วพี่แฟรงค์ก็อดทนอีกนิดนะ สู้ๆ เดี๋ยวพ่อแม่ของพี่แฟรงค์ก็ยอมรับค่ะ


เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ีอีก 2 ตอนก็จะจบแล้วนะครับ
ตอนต่อไปจะลงให้วันจันทร์ ส่วนตอนจบคาดว่าจะได้ลงวันอังคารครับ

ขอบคุณทุกคนที่มาติดตามครับ

Sarawatta

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
บทที่ 20 -- เพิ่งทยอยอ่านมาจนถึงตอนนี้ บรรยากาศหวานมาก แอบซึ้งตามตอนที่แฟรงค์คิดถึงคำพูดตัดพ้อต่อว่าที่นัทเคยพูด และโอเคถึงมันจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่ทำงานแต่งล่มแต่เราก็ชอบนะที่พากันวิ่งหนีออกจากงานเหมือนพระเอกนางเอกหนังอินเดีย 555+ ตอนที่ขับรถหนีกันมานี่เราถึงกับคิดภาพตามเลย งานนี้แฟรงค์จะมาทำหวานมุขไหน ><

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
บทที่ 21 -- อย่างแรกเลยที่อยากพูดถึงคือ เรื่องที่แฟรงค์คิดเกี่ยวกับว่า ถ้าหากแฟรงค์แต่งงานกับผู้หญิง แฟรงค์คงจะถูกคาดหวังจากผู้หญิงมากว่าจะต้องเป็นฝ่ายดูแล หาเงินและรับผิดชอบทุกอย่างตามบทบาทของผู้ชายโดยทั่วไป อันนี้ขอแย้งนิดนึงว่า คงไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่คาดแบบนี้หรอกคะ 555+ ผู้หญิงสมัยนี้จะหาแฟนสักคน ขอแค่ เขาเลี้ยงตัวเขาได้ ไม่เป็นภาระเรา ดูแลตัวเองได้ เก็บเงินเป็น ไม่มีหนี้สิน เราว่าก็น่าจะพอแล้วนะ ไม่ต้องถึงกับมาดูแลฉันหรอก แกดูแลตัวแกให้ดีได้ฉันก็พอใจละ
อ่านมาอีกนิดที่แฟรงค์พูดถึงชีวิตตัวเองกับชีวิตของนัทและความฝันที่ตนมีก็ยิ่งรู้สึกเข้าใจความรู้สึก อาจเป็นเพราะเคยมีประสบการณ์ร่วมแบบเดียวกันเลยทำให้รู้สึกเข้าจิตเข้าใจความรู้สึกของแฟรงค์ บางอย่างนั้นอาจดูว่า "ดี" แต่ว่ามันไม่ได้ทำให้มีความสุข มันไม่ใช่สิ่งที่ใช่ แต่บางครั้งเราก็ต้องเลือกในสิ่งที่ควร มากกว่า สิ่งที่ชอบ
นอกเรื่องไปนานกลับมาที่เนื้อเรื่องต่อ... ก็ยังชอบนะที่ทั้งสองคนมาพูดคุยเกี่ยวกับความฝันที่จะร่วมกันทำให้เป็นจริง ทำให้รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้เป็นสิ่งที่จริงและมีอนาคต ชอบคะ +เป็ด

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
บทที่ 22 -- อ่านๆ ไป หลายครั้งที่รู้สึกว่านัทมีอารมณ์ที่อ่อนไหวและมีความเป็น feminine ค่อนข้างสูง แฟรงค์เองก็มีอารมณ์อ่อนไหวแต่จะมีมุมแข็งในบางมุม ให้เป็นที่พึ่งพิงสำหรับนัท ส่วนนัทที่แม้ไม่ค่อยมีมุมที่เข้มแข็งแต่ก็เป็นที่พักพิงทางจิตใจให้แฟรงค์ได้บางเวลาซึ่งก็ดี เพราะความสัมพันธ์มันต้องมีทั้งการให้และการรับ ถึงกระนั้นคนอ่านอย่างเราบางครั้งก็อดขัดใจเรื่องความเจ้าน้ำตาของหนูนัท (ที่ไม่ใช่จากบทนี้ เพราะเข้าใจว่าการสูญเสียใครสักคนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสะเทือนใจมาก)
โอเค คนเรา ต่างคน ก็ ต่างกัน แต่นี้คือความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นผลจากการที่เราเคยถูกสอนว่า น้ำตาลูกผู้ชายนั้นมีค่ามากกว่าทอง จะหลั่งแต่ละที ต้องคิดแล้วคิดอีก เลยทำให้เราอดจะขัดใจบ้างบางเวลา แต่ยังยืนยันที่จะรักในสายดราม่า 555+
+เป็ด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
บทที่ 23 -- พออ่านถึงตรงนี้ชักเห็นภาพของหลายๆ อย่างชัดขึ้น อย่างสำหรับคนบางคนมักใช้คำว่า ความรัก มาคิดแทนคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ตนคิดว่าดี แต่ไม่รู้ตัวว่า ความรักของตนนั้น ทำให้คนอื่นทุกข์ใจแค่ไหน ซึ่งนั่นก็น่าเศร้า +เป็ด อีกตอน

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ขออภัยนะครับ วันนี้ไม่ทัน ยังเขียนรายงานไม่เสร็จ น่าจะเสร็จคืนนี้

หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว ผมอาจจะขอว่างเว้นจากนิยายดราม่าไปก่อนนะครับ
ตอนนี้พยายามจะไม่เขียนอะไรลบๆ รู้สึกว่ามันส่งผลต่อวิธีคิดเหมือนกัน
สังเกตุว่านิยายของผมจะไม่ดราม่าเพราะอิจฉาริษยาหรือจงเกลียดจงชังกัน (ลบมากไปสำหรับผม)
ส่วนมากจะดราม่าเพราะความไม่เข้าใจมากกว่า
แต่ถ้าเขียนแบบนี้บ่อยๆ ก็อาจจะตัน ซ้ำซากจำเจได้
แต่จะให้อิจฉาริษยา วางแผนซับซ้อน กลั่นแกล้ง เข่นฆ่ากัน ก็ไม่ไหว
ตอนนี้จะขอเขียนนิยายที่ไม่ดราม่า แต่มีมิติของชีวิตด้านอื่นๆ บ้างนะครับ

อีกสองตอนจบแล้ว จบจริงๆ ครับ คงไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์หรือดราม่าอีก
ความจริงถ้าคนอ่านไม่เบื่อเสียก่อน ผมจะเขียนคล้ายๆ "ธุรกิจนี้มีรัก" คือ เล่าเรื่องการทำอาชีพรีสอร์ทไปด้วย
แต่มันอาจจะขัดกับความเป็นดราม่าไปหน่อย เดี๋ยวจะทำให้นิยายเรื่อยๆ เอื่อยๆ ก็เลยคิดว่า จบดีกว่า

ขอบคุณครับ

Sarawatta

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จะรอติดตามนะคะ  :m11:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ในเมื่อทำผิดและคิดได้แล้วขอโทษก็ถือว่าน่าชื่นชมมากแล้วค่ะ
เป็นกำลังใจให้สองหนุ่มเดินหน้าไปด้วยกันอย่างแข็งแรงนะคะ


ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 24 ✢ Your Story Counts!



พอได้หนังสือมาปุ๊บ ผมก็รีบส่งไลน์บอกให้น้องสาวไปซื้อที่ร้านหนังสือทันที ผมแทบจะรอให้พ่อกับแม่อ่านไม่ไหว อยากรู้ว่าท่านทั้งสองจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ส่งไลน์แล้วผมก็ออกมาหานัท เจ้าตัวกำลังเล่นกับเจ้าคาราเมลอยู่ที่หน้าบ้าน วิ่งเล่นไปมากับหมาไซบีเรียนฮัสกี้แสนซน ผมยืนยิ้มและมองดูอย่างเอ็นดู สักพักจึงส่งเสียงเรียก ชูหนังสือในมือให้ดูด้วย

"นัท หนังสือมาส่งแล้วนะ มาอ่านกับพี่เร็ว"

นัทหยุดเล่นกับเจ้าคาราเมล ไม่นานก็เดินแกมวิ่งมาหาผม ตื่นเต้นจนแทบจะลืมหมาที่วิ่งตามมาต้อยๆ ไปเลย ผมนั่งลงบนเก้าอี้หน้าบ้าน นัทมาถึงก็ปราดมานั่งข้างกัน ผมก้มลงไปมองเจ้าคาราเมลที่มานอนออเซาะและกระดิกหางอยู่ข้างๆ ก่อนลูบหัวมันเล่นเบาๆ และหันไปคุยกับนัท

"พี่เพิ่งแกะจากกล่องพัสดุร้อนๆ เลย"

"เขาส่งมาให้ถึงบ้านเลยเหรอ" นัทถามแล้วก็หยิบไปดู

"ใช่" ผมบอก

ทีมงานนิตยสารชื่อดัง อุตส่าห์เดินทางมาไกลเพื่อมาสัมภาษณ์ผมกับนัทถึงที่ สัมภาษณ์ทั้งเรื่องความรักและธุรกิจที่เราทำ ตอนติดต่อมา ผมกับนัทตื่นเต้นกันใหญ่ เตรียมตัวกันอยู่หลายวัน ถึงกับลงทุนบินไปซื้อเสื้อผ้าที่กรุงเทพ ตัดผมทรงที่คิดว่าหล่อที่สุด เห่อกันน่าดู

พอเราอ่านคอลัมน์สัมภาษณ์ไปด้วยกัน เราก็รู้สึกพอใจมากทีเดียว

...ทราบว่าหนีงานแต่งงานกันมาอยู่ที่เขาค้อ แล้วก็เริ่มต้นธุรกิจกันเองตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย

แฟรงค์: "ใช่ครับ (หัวเราะ) พอหนีมาแล้วเราก็เลยจัดงานแต่งงานกันเองคืนนั้น ไม่มีแขกเหรื่อเลย แต่เราก็ให้ดวงดาวเป็นพยานแทน ที่เราอยู่กันยืด น่าจะเป็นเพราะดวงดาวนี่แหละครับ มืดทีไรเราก็เห็นโผล่มาเตือน รักกันดีๆ นะ อย่าทิ้งกันนะ ยกเว้นคืนไหนฝนตก (หัวเราะ)"

นัท: "วันรุ่งขึ้น พี่แฟรงค์พาไปเชียงรายก่อนเลย ไปดูกาแฟ ไปดูไร่สตรอเบอรี่ ไปดูไร่ชา ไปดูรีสอร์ท กลับมาก็พาตระเวนดูที่ภูทับเบิกและเขาค้อ ระหว่างนั้น ผมกับพี่แฟรงค์ก็ช่วยกันติดต่อเพื่อนๆ ที่รู้จักให้ช่วยออกแบบร้านกาแฟให้ ให้คอนเซ็ปต์ไปว่าอยากได้ร้านกาแฟเป็นทรงคล้ายๆ ผลสตรอเบอรี่ เพื่อนก็ช่วยออกแบบมาให้อย่างดีเลยครับ จ้างไม่แพงหรอกครับ เขาอยากช่วยเรา คงเห็นเราตั้งใจ"

พอได้แผนธุรกิจแล้ว คุณแฟรงค์ก็พาคุณนัทไปขอขมาคุณแม่ของนัท พร้อมกับเสนอแผนธุรกิจด้วยเลย

แฟรงค์: "ใช่ครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าพาลูกชายเขาหนีมาแล้ว ถ้าจะไปขอขมา แต่ไม่มีแผนว่าจะทำมาหากินยังไง จะช่วยกันเลี้ยงตัวเองให้รอดได้ยังไง ก็ดูจะเป็นคนไร้อนาคตไปหน่อย เราเลยช่วยกันทำแผนธุรกิจจนเสร็จ บางวันอดหลับอดนอนช่วยกันทำพรีเซ็นเทชั่นก็มี โชคดีมากที่คุณแม่ของนัทยกโทษให้ พอท่านเห็นแผนธุรกิจที่เราช่วยกันนำเสนอ ท่านก็ชอบมาก ช่วยกู้เงินธนาคารมาให้เราลงทุนทำไร่สตรอเบอรี่ ร้านกาแฟ แล้วก็รีสอร์ท ผมสมทบเข้าไปด้วยส่วนหนึ่ง"

นัท: "ผมทึ่งพี่แฟรงค์มาก ช่วงที่เราหนีมา มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะที่บ้านของพี่แฟรงค์ แต่พี่แฟรงค์ยอมตัดขาด ไม่ติดต่อทางบ้านเลย ไม่ยอมให้อะไรมาทำให้วอกแวก ทำแผนธุรกิจเสร็จถึงได้โทรไปคุยกับน้องสาว เสียใจแค่ครั้งเดียว แล้วก็ไปต่อ พี่แฟรงค์เป็นคนที่เข้มแข็งมากครับ"

แฟรงค์: "ตอนนั้นผมตัดสินใจว่าจะไม่หันหลังกลับ ปู่เสียผมยังไม่ได้ไปงานศพท่านเลย แต่ก็ไปทำบุญที่วัดให้ท่านแทน ผมต้องการพิสูจน์ตัวเองครับ วันหนึ่งที่เราสองคนทำสำเร็จ เราถึงจะกลับไป"

ทำไมถึงเลือกทำธุรกิจร้านกาแฟแล้วก็ไร่สตรอเบอรี่ ได้ไอเดียมาจากไหน?

นัท: "พี่แฟรงค์มีความคิดว่าอยากจะทำรีสอร์ทบนภูเขามานานแล้ว ส่วนผมก็อยากทำไร่สตรอเบอรี่ บังเอิญวันหนึ่งเราสองคนไปกินกาแฟที่ร้านพิโนลาเต้ที่เขาค้อด้วยกัน จู่ๆ ผมก็ได้ไอเดียว่าเราน่าจะเอาไร่สตรอเบอรี่ ร้านกาแฟแล้วก็รีสอร์ทมารวมกัน แล้วก็อยู่บนภูเขาด้วย"

แฟรงค์: "จริงๆ ไอเดียหลักๆ นี่มาจากนัทเลยครับ เขาเก่งเรื่องพวกนี้ แม้กระทั่งชื่อสถานที่ นัทก็เป็นคนคิด คิดชื่อได้ในวันแรกที่เราหนีมาด้วยกัน นัทเป็นคนเสนอชื่อ Straw'ry Cafe ชื่อสั้นๆ แต่รวมหลายๆ อย่างไว้ด้วยกัน มีทั้งสตรอเบอรี่ มีทั้งสตอรี่ที่หมายถึงเรื่องราวความรัก มีทั้งสตรอที่แปลว่าหลอดดูด สื่อถึงเครื่องดื่มได้ ครบทุกอย่างในชื่อเดียว"

เริ่มร้านกาแฟยังไง? แล้วช่วงแรกโปรโมทร้านยังไง?

แฟรงค์: "ผมว่าเราโชคดีที่ได้เฟรนไชส์กาแฟที่ดีมา คนที่ขายให้ ปกติจะไม่ขายให้คนนอก เขาขายเฉพาะญาติ แต่เขาก็ยอมขายให้เรา ชื่อเสียงของกาแฟช่วยเราได้เยอะในแง่การโปรโมท ตอนสร้างร้านเราปลูกสตรอเบอรี่ไปด้วย ผมกับนัทลงไปคลุกดินคลุกฝุ่นในไร่กันเองเลย ช่วยกันดู ช่วยกันคุมสองคนตั้งแต่เช้ามืดยันค่ำ เหนื่อยแต่ก็สนุก ร้านเสร็จปุ๊บ สตรอเบอรี่เราก็เริ่มออกผล ใช้เวลาอีกเดือนเศษๆ เราก็เริ่มธุรกิจได้ หาคนมาช่วยทำงานในร้านได้ เหนื่อยกันมาก บางวันแทบไม่ได้นอน นัทใจสู้มาก ทำงานกับผมไม่เคยบ่นเลย ปกติผมมักจะบ้างาน ทำงานกับความกดดันมากๆ ได้ แอบกลัวว่านัทจะไม่ไหวเหมือนกัน แต่นัทไม่เคยถอยเลย เดี๋ยวให้นัทเล่าเรื่องโปรโมทร้านดีกว่าครับ"

นัท: "เนื่องจากชื่อร้านมันมีคำว่าสตอรี่หรือเรื่องราวอยู่ เราเลยอยากให้คนที่มากินกาแฟที่ร้านมีเรื่องราว ในแต่ละวันเราจะจัดชั่วโมงพิเศษหนึ่งชั่วโมง ให้คนที่มากินกาแฟออกมาเล่าเรื่องราวความรัก หรือแชร์ประสบการณ์ดีๆ เกี่ยวกับความรักให้คนอื่นๆ ในร้านฟัง ตอนแรกๆ ไม่มีคนเล่า เราสองคนก็เล่าเรื่องราวความรักของเราไปก่อน พอเล่าแล้วก็มีคนอยากเล่าบ้าง เราก็ให้เขาออกมาเล่า ให้ของขวัญเป็นสตรอเบอรี่หนึ่งแพ็คกลับบ้าน ตอนหลังๆ คนเริ่มบอกกันปากต่อปาก เริ่มมีคนอยากมาเล่าหรืออยากมาฟังประสบการณ์ความรักดีๆ ของคนอื่นมากขึ้น มีคนเอาไปแชร์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เราขออนุญาตเอาเรื่องไปลงในเฟสของเราด้วย คนไหนยอมให้ถ่ายคลิปเราก็เอาคลิปลง พอแชร์ไปแล้ว ลูกค้าก็เลยมากันเยอะเลย บางคนไม่กล้าเล่าเราก็มีโพสต์อิทให้เขียนสั้นๆ เกี่ยวกับความรัก แล้วก็เอาไปแปะบนผนังกระจกในร้าน ให้คนอื่นๆ มาอ่าน ผมว่าลูกค้าชอบที่ได้เล่าเรื่องที่เขาชอบนะ คนอื่นๆ ก็ได้มาฟัง ได้มาเขียน ได้มาแบ่งปันกัน แถมมีโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คมาช่วย มันก็เลยกระจายไปเยอะ พอมีจุดขายเราก็ทำงานกันง่ายขึ้น"

เริ่มธุรกิจรีสอร์ทยังไง?

แฟรงค์" "พอทำร้านกาแฟไปได้สักพัก เราก็เริ่มโครงการรีสอร์ทเลยครับ ก็ให้เพื่อนกลุ่มเดิมช่วยออกแบบให้ ตอนสร้างเขาก็มาช่วยดูให้ด้วยครับ ทำไปทั้งหมดตอนนี้ห้าหลังแล้ว กำลังจะขยายเพิ่มเป็นสิบหลังเพราะว่าเริ่มไม่พอกับความต้องการ ช่วงหน้าหนาวนี่ลูกค้าแทบจะตีกันเลยครับ จะเรียกว่ารีสอร์ทได้ชื่อเสียงจากร้านกาแฟมาช่วยโปรโมทก็คงไม่ผิด พอเรามีรีสอร์ทคนก็เลยแนะนำแล้วก็แชร์กันไปเยอะเลย"

นัท: "ตอนแรก เรามีโปรลดครึ่งราคาครั้งที่สองครับ ครั้งแรกให้มาพักแล้วก็ให้ลองปลูกสตรอเบอรี่ของตัวเองไว้ เราทำป้ายชื่อปักไว้เลย แล้วอีกหกสิบวันก็มาพักอีก แล้วก็เก็บสตรอเบอรี่ที่ตัวเองปลูกไปกิน แต่โปรนี้ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ คนขี้เกียจมาอีก เราก็เลยมีโปรให้คนที่มาพักเก็บสตรอเบอรี่กินได้วันละหนึ่งกิโลต่อห้อง สตรอเบอรี่ในไร่ของเราแทบไม่ได้ส่งขายเลยนะครับ เฉพาะคนที่มาพักกับคนที่มากินกาแฟก็ขายหมดแล้ว กินกาแฟ แล้วก็มาเดินเก็บสตรอเบอรี่เอง ชั่งน้ำหนักเอง แล้วก็จ่ายเงิน พอเราปลูกแบบไร้ดินคนก็ชอบเพราะว่ามันเก็บง่าย แถมยังปลอดสารพิษอีก แต่โปรที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากก็คือโปร Your Story Counts! นี่แหละครับ ปีแรกเราทำกับกลุ่มชายรักชายก่อน ให้สิทธิ์คู่รักชาย-ชายมาพักในราคาลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เราสัมภาษณ์เรื่องราวความรักของคนที่มาพัก ถ่ายรูปคู่รักในไร่ของเราเป็นที่ระลึกให้ด้วย จากนั้นเราก็คัดเรื่องที่ดีที่สุดสามเรื่อง มอบรางวัลเป็นแพ็กเกจที่พักให้ คู่ที่ชนะและโดนใจเรา เราติดรูปไว้ที่รีสอร์ท มีเรื่องย่อให้อ่านด้วย ที่ร้านกาแฟก็มีให้อ่าน ใครสนใจก็อย่าลืมแวะไปอ่านนะครับ"

คิดว่าที่สำเร็จมาได้เพราะอะไร?

แฟรงค์: "สำหรับผม พ่อแม่เลยครับ ผมโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจรีสอร์ท พ่อแม่สอนแนวคิดการทำธุรกิจให้มาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อมักจะสอนผมบ่อยๆ ว่าเราไม่ได้ทำธุรกิจแค่เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่เรายังได้ช่วยคนอื่นๆ ให้มีอาชีพด้วย เพราะว่าธุรกิจสร้างอาชีพ คนที่มาทำงานกับเราก็จะมีรายได้ ส่วนคนที่มาใช้บริการ เขาก็ได้ตอบสนองความต้องการของตัวเอง ได้มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เติมพลังให้ชีวิต ยิ่งเราตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาให้คนได้ตรงมากเท่าไหร่ ธุรกิจของเราก็จะยิ่งเติบโตขึ้นเท่านั้น"

นัท: "นัทขอตอบว่าพี่แฟรงค์ครับ พี่แฟรงค์สอนนัทเรื่องธุรกิจเยอะมาก เพราะว่านัทไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนเลย อย่างเรื่องความอดทน การยืนหยัด การคิดบวก พี่แฟรงค์เป็นคนสอนทั้งนั้น ตอนแรกๆ ยอมรับว่าปัญหามันเยอะมาก ตั้งแต่ปัญหากับผู้รับเหมาก่อสร้าง ประกาศรับสมัครงานแล้วหาคนไม่ได้ คนทำงานไม่ทน พนักงานทะเลาะกัน แม้กระทั่งทำเงินหาย ซัพพลายมาส่งไม่ทัน สารพัดอย่างเลย ถ้าไม่ได้พี่แฟรงค์ให้แง่คิดก็คงแย่ ผมโชคดีที่ได้คู่ชีวิตที่ดีครับ"

ชีวิตความรักตอนนี้เป็นยังไง วางแผนชีวิตกันไว้ยังไงบ้าง?

แฟรงค์: "ก็ยังรักกันดีเหมือนเดิมครับ ปกติก็รักกันมากอยู่แล้ว พอเราได้อดทน ฟันฝ่าอุปสรรค์ อยู่เคียงข้างกัน สุขด้วยกัน เจ็บด้วยกัน จนกระทั่งความฝันของเราเป็นจริง เราก็ยิ่งรักกันมากขึ้น ขาดกันไม่ได้ เราเคยอยากมีธุรกิจด้วยกัน มีบ้านด้วยกัน เราทำให้เป็นจริงได้หมดแล้ว ตอนนี้เรามีบ้านอยู่ใกล้ๆ รีสอร์ท เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง เลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่งด้วย พันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ ชื่อคาราเมล เป็นรสไอศครีมที่นัทชอบกิน เราไม่มีลูกก็เลยเลี้ยงหมาแทน นัทชอบเล่นกับคาราเมลมาก ต้องเล่นด้วยกันก่อนนอนทุกคืน ถามว่าเบื่อไหมอยู่กันสองคน ก็ไม่เบื่อนะครับ เราอยู่กันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เราชอบทำงานด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน แยกกันก็มีบ้าง แต่ไม่บ่อย ชอบไปด้วยกันมากกว่า ไม่เจอกันแค่ครึ่งวันก็คิดถึงแล้ว ไม่เจอกันนานสุดนี่ก็แค่สองสามวันเอง ผมชอบอยู่กับนัท ชอบดูแล แกล้งบ้างเล็กน้อย ชอบให้นัทมาอ้อน แล้วนัทก็เป็นคนขี้อ้อนด้วย วันไหนนัทไม่มาอ้อนพี่แฟรงค์ พี่แฟรงค์จะนอนไม่หลับเลย (หัวเราะ)"

นัท: "เหมือนพี่แฟรงค์เลยครับ เราชอบไปไหนด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ออกไปหาลูกค้าด้วยกัน ไปดูงานด้วยกัน พี่แฟรงค์เหมือนเดิมเลย ตอนเด็กๆ เคยดูแลนัทยังไง โตขึ้นมาก็ดูแลอย่างนั้น อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเรื่องไอศครีม ผมชอบกินไอศครีมมาก มีอยู่ยี่ห้อหนึ่งไม่มีขายที่เพชรบูรณ์ พี่แฟรงค์ก็พาไปซื้อที่พิษณุโลก ไปกันทุกเดือนเลย ไปทีก็ซื้อมาเป็นโหลๆ ถามว่าทะเลาะกันไหม ก็มีบ้าง แต่ส่วนมากเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ผมบอกทางผิด หาที่ที่จะไปไม่เจอซะที พี่แฟรงค์ก็หงุดหงิดนิดหน่อย แต่ไม่เคยทะเลาะกันใหญ่โต มีอะไรเราก็จะคุยกันตลอด ส่วนอนาคต เราสองคนอยากไปขอขมาพ่อกับแม่ของพี่แฟรงค์ครับ นัทสงสารพี่แฟรงค์ ไม่ได้เจอพ่อกับแม่สองปีแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เราอยากให้ทุกคนมาอยู่ด้วยกันที่เขาค้อ เหมือนที่เราเคยอยู่ด้วยกันตอนเด็กๆ"

คิดว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักแบบไหน?

แฟรงค์: "พ่อแม่ครับ ถึงวันนี้ผมจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ แต่ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมรับรู้ได้ก็คือความรักของพ่อกับแม่ครับ ทุกวันนี้ ผมคิดถึงพ่อกับแม่มาก อยากกลับไปหาท่าน อยากเอาความสำเร็จไปให้ท่านดู คิดว่าท่านคงจะภูมิใจมาก ที่ท่านพยายามกับเรามาตลอดชีวิต ก็เพราะอยากเห็นเราสำเร็จและเลี้ยงตัวเองได้ ผมอยากกลับไปบอกว่าผมรักพ่อกับแม่ ผมคิดถึงท่านสองคนเสมอ หวังว่าจะได้กลับไปกอดท่าน และได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง"

"ผมว่าความรักทุกอย่างเหมือนกันนะครับ ถึงจะมีสายใยหรือสายโลหิตเชื่อมโยง ถ้าไม่ดูแลดีๆ ก็อาจจะหมดรักกันได้ สายใยขาดได้ สายโลหิตก็ตัดได้ แต่รักแท้ รักด้วยใจบริสุทธิ์ จะเป็นความรักเพียงอย่างเดียวที่ตัดไม่ขาด ผมเชื่อว่าพ่อกับแม่รักเราด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ใช่แค่รักเพราะเป็นสายเลือด ยังไงท่านก็ตัดเราไม่ขาดหรอกครับ"

นัท: "ของผมก็เป็นความรักของพ่อกับแม่เหมือนกันครับ พ่อผมเสียตอนผมเด็กๆ ก็เลยมีโอกาสได้อยู่กับท่านน้อยหน่อย แต่ก็รับรู้เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับรู้ได้ว่าพ่อรักผมมาก พอพ่อเสีย ทำให้ผมรับพี่แฟรงค์เข้ามาชดเชยความรู้สึกตรงนั้นแทน ส่วนแม่ แม่สู้ชีวิตมากเพราะความรักลูก ดึกๆ ดื่นๆ แม่ต้องลุกขึ้นมาเตรียมทำเส้นขนมจีน แล้วก็ออกไปขายแต่เช้า ในขณะที่ลูกๆ นอนหลับสบาย ความขยันทำให้แม่ค่อยๆ ขยับขยายใหญ่โตจนถึงทุกวันนี้ ผมกับพี่สาวจึงมีโอกาสมีชีวิตดีๆ แม่รักเราสองคนพี่น้องโดยไม่มีเงื่อนไข รับสิ่งที่ผมเป็นได้ ความสำเร็จของผมกับพี่แฟรงค์วันนี้ จุดเริ่มต้นก็มาจากการสนับสนุนของแม่ เราสองคนเป็นหนี้บุญคุณท่านชั่วชีวิตครับ"

และนี่ก็คือบทสัมภาษณ์ของผมกับนัทในนิตยสารชื่อดังเล่มนั้น ผมหวังเหลือเกินว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจและให้อภัยเราสองคนหลังได้อ่านแล้ว เราจะได้กลับมาอยู่เป็นครอบครัวเหมือนเดิมเสียที ชีวิตที่ปราศจากความรักของครอบครัวทารุณจิตใจผมกับนัทมาหลายปีแล้ว เราไม่อยากมีชีวิตอย่างนี้ต่อไป

นอกจากจะมีสื่อต่างๆ มาติดต่อขอสัมภาษณ์ หรือมาถ่ายทำรายการที่ไร่ของเราบ่อยๆ ผมกับนัทก็ยังได้รับเชิญให้ไปแสดงนิทรรศการด้านการท่องเที่ยวที่เมืองทองธานี จัดโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอีกด้วย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในรีสอร์ทแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง

ผมกับนัทเพิ่งเรียกประชุมพนักงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเรื่องให้ทราบ พร้อมทั้งหารือว่าเราจะเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง ก็ได้ผู้จัดการพีรพลช่วยรับอาสาเป็นหัวเรือใหญ่ รับผิดชอบการเตรียมออกบู๊ธที่เมืองทองธานีให้

ที่รีสอร์ทของเรา ตอนนี้มีนิทรรศการ Your Story Counts! ตั้งโชว์ไว้ให้แขกอ่าน ผมกะว่าจะนำนิทรรศการนี้ไปแสดงที่เมืองทองธานีด้วย น่าจะมีคนสนใจเข้าชมไม่น้อย

การเดินทางไปจัดนิทรรศการที่กรุงเทพคราวนี้ ผมจะพานัทไปกราบขอขมาแม่กับพ่อของผมด้วย หลังจากที่น้องสาวเอาหนังสือเล่มนั้นให้ท่านอ่าน เฟิร์นไลน์มาบอกว่าพ่อกับแม่ร้องไห้ ท่านทั้งสองคิดถึงผมมาก ท้ายที่สุดแล้ว พ่อกับแม่คงเข้าใจได้ไม่ยากว่าควรจะรักลูกแบบไหน ถ้าไม่ติดว่าช่วงนี้ผมกับนัทมีงานยุ่ง คงจะไปหาท่านเสียวันนี้พรุ่งนี้เลย

ผมกับนัทยืนมองรูปคู่รักชาย-ชายสามคู่ขนาดเท่าคนจริงที่ถูกนำมาติดไว้ที่ผนัง ทั้งสามคู่นี้เป็นคนที่เคยมาพักกับเราช่วงที่จัดโปรโมชั่น Your Story Counts! เราได้เตรียมแผ่นพับที่มีเรื่องราวของทั้งสามคู่ไว้จำนวนหนึ่ง ในแผ่นพับมีลิงค์ยูทูปให้เข้าไปฟังการสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ด้วย ส่วนรูปที่นำมาติดไว้ก็มีเรื่องเล่าย่อๆ ให้อ่าน

นี่คือเรื่องราวที่ผมกับนัทอยากให้คนในสังคมได้รับรู้ เผื่อว่าจะช่วยให้คนเข้าใจความรักของชายกับชายในแง่มุมที่สวยงามมากขึ้น หวังว่าความพยายามเล็กๆ ของเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง

- TBC -[/center]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:14:50 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
จะจบแล้ววว อยากอ่านตอนไปขอขมาพ่อแม่ของแฟรงค์นะคับ ลุ้นว่าบรรยากาศจะน่าประทับใจมากแน่ๆ
อ่านตอนนี้แล้วเห็นทุกอย่างไปได้สวยแล้วเวลาในตอนนี้คงผ่านไปหลายปีแล้วสินะคับ
 รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คู่นี้จะผ่านไปกี่ปีก็ยังน่ารักนะคะ ขนาดว่าจะทะเลาะกันทั้งทียังเป็นเรื่องที่ดูเล็กน้อยมากๆ เลย รออ่านตอนหน้าค่ะ ^^

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
จะจบแล้วเหรอ เร็วจัง - -

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :mew2: ว๊าวจะจบแล้ว จบเร็วกว่าที่คาดไว้มาก ๆ เลย เสียดายจังเลย ตอนแรกก้อคิดน่ะว่าทำไมไม่มีเรื่องราวช่วงก่อร่างสร้างตัวแต่พอมาอ่านเป็นแบบบทส้มภาษณ์ก้อคิดว่าดีมากทีเดียวแหละ เพราะถ้ามาเป็นเรื่องราวก้อดูจะยืดเยื้อ เราว่าเป็นแบบนี้ก้อดีน่ะ คุณ sarawatta เก่งจังคิดได้ไอเดียบรรเจิดมาก ๆ เลยน่ะ ถ้าทำรีสอร์ทอยู่อยากเอาไปใช้บ้างจังเลย แบบเป็นอะไรที่ในฝันมาก ๆ  :impress3: ชอบมาก ๆ เลยน่ะ แล้วยังมาเชื่อมกับอีกสามเรื่องได้พอดีเลย เขียนเรื่องย่อแต่ละเรื่องได้สมบูรณ์แบบมาก ๆ เลยน่ะ  o13 เลยได้รู้บทสรุปของเรื่องพี่คิมกับน้องเก้าไปด้วยเลย ดีจัง  :กอด1: ยังไงจะรอตอนต่อไปน่ะจ้ะ  :mew1:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
จะจบแล้วอ่ะ รอตอนไปขอขมาพ่อแม่พี่แฟรงค์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด