เด็กเลี้ยง
- 13 -
หนีเที่ยว
ผมขยับตัวตื่นตอนตีห้าครึ่งของเช้าวันเสาร์ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็เกือบตีสี่ ร่างกายมันเด้งขึ้นมาเอง เมื่อวานเป็นอีกวันที่ยาวนานเหลือเกิน ถึงจะแก้ไขปัญหาได้หลายเรื่อง แต่ในใจผมมันยังหนักอึ้งอยู่เหมือนเดิมปัญหามันไม่ได้เบาบางลงแต่ทำให้พวกเราต้องคิดหนักกว่าเดิม ระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม ตัวเองคงไม่เท่าไรแต่สำคัญคือเด็กน้อยต่างหากที่น่าห่วงกว่าอะไรทั้งหมด ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์จากหัวเตียงต่อสายตรงถึงคนนั้นตอนนี้ฝั่งนั้นคงพลบค่ำแล้ว รอสายอยู่ไม่นานฝ่ายนั้นก็กดรับสาย
//ว่าไง// “ขอบคุณครับผม”
//ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม// “ก็ไม่ให้ผมเล่นเองจะเป็นอะไรได้ไง มีเฉพาะพี่แสนโดนยิงสามนัดตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ”
//เป็นห่วงเข้าใจรึเปล่า อีกอย่างนับจากนี้ก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ครั้งนี้เราถล่มมันซะเละเรื่องมันคงไม่จบง่ายๆ // “ครับ จะระวังจนยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมพอใจรึยังครับ”
// ได้ยังงั้นยิ่งดี เปิดหูเปิดตาให้กว้างเข้าไว้ไอ้ลูกชาย อ้อฉันจะให้เซนอยู่เคลียร์ทางนั้นให้เรียบร้อยแล้วบินกลับเช้าวันอาทิตย์พร้อมพวกอันเดรียงานทางนี้ยุ่งมากไม่มีคนทำ การ์ดชุดใหม่จะไปถึงวันจันทร์นะ// “ครับผม
/ก็แล้วทำไมตัวเองไม่ทำก็มัวแต่เฝ้ากันอยู่นั่นแหละ/ ” ผมรับคำแต่มีแอบนินทาเสียงเบาๆ คนเดียวเพราะคิดว่าฝ่ายโน้นจะไม่ได้ยิน
//บ่นเพื่อ?? งานมันเยอะพูดมากพรุ่งนี้มากับเซนมารับช่วงต่อแบบเต็มตัวไปเลยปล่อยสบายมานานแล้ว// ฝ่ายนั้นพูดเสียงเข้มดุจริงจังกลับมา
“อ้าว!! ไม่สิ พูดความจริงแล้วพาลคนเรา ทุกวันนี้ผมก็ทำแทนคุณในส่วนของผมอยู่ แล้วน้องยังเรียนไม่จบก็รู้อยู่ สัญญาแล้วไง”
//เออๆ รู้แล้วก็ทำแทนอยู่นี่ไง แค่นี้แหละฉันมีงานต้องทำ ดูแลตัวเองด้วย// “ครับผม ฝากความคิดถึงเกลล์ด้วยนะ”
//เออ// ฝ่ายนั้นวางสายไปนานแล้ว ตัวเลขหน้าจอโทรศัพท์มันบอกเวลาหกโมงเด็กผมคงตื่นแล้วปานนี้ จึงสไลด์เลื่อนหารายชื่อแล้วกดโทรออกอย่างรวดเร็ว รอไม่ถึงนาทีฝ่ายนั้นก็กดรับสายเสียงหวานปลายสายที่ได้ยินอ้อล้อขี้อ้อนทำให้ผมส่ายหัวยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
/ลุง...หนูนอนไม่หลับไม่มีใครกอด...คิดถึ้ง คิดถึงแหละ ลุงคิดถึงเค้าไหมหือ/ สรรพนามแทนตัวผมที่คนปลายสายส่งมามันแรดๆ อ้อนๆ ทำเอาผมขึ้น
“อยากกอดหนูเหมือนกัน”
/อยากกอดก็ทำไมไม่รีบกลับมากอดละนะน้า...ลุง/ เสียงแรดๆ ตอนท้ายตามมาหลอนอีกแล้ว หัวผมไพล่ไปคิดถึงตอนที่น้ำนิ่งยกสะโพกกระแทกใส่มือผม แค่นั้นจริงๆ ไอ้ลูกชายตัวดีแมร่งเริ่มพองตัวพ่นน้ำใสขู่ฟ่อๆ แล้ว ไอ้ภูมิมึงหื่นมากแค่เสียงกับจินตนาการเล็กๆ เองนะมึง
“คะ ครับคงถึงบ้านเราสักสี่โมงเย็นนะ”
/เยส งั้นหนูทำกับข้าวไว้รอนะ ภูมิอยากกินอะไร / เด็กทำส่งเสียงตื่นเต้นกระตือรือร้นมาตามสาย
“กินหนูได้รึเปล่าหือ อยากมากตอนนี้” ผมส่งเสียงอ้อนตอบกลับไปปลายสายเงียบไปสักพัก
/ลุงอ๊ะ.../ เสียงเรียก
‘ลุง’ แบบแรดๆ กระเส่าเชิญชวนไม่ปิดบัง พร้อมเสียงผ้าขยับสวบสาบแผ่วเบาที่เล็ดลอดเข้ามาในสาย ทำเอาจินตนาการของผมตอนนี้บรรเจิดจนพองคับแน่นแทบบ้า
“อ้าซิ๊... อุ๊บ” ห่านเอ๊ย!! มือแมร่งไปอยู่ตรงนั้นตอนไหนก็ไม่รู้...ผมรีบเม้นปากตัวเองแน่นก่อนที่เสียงครางจะลอดเข้าไปในโทรศัพท์ แต่นั่นก็ยังไม่ทัน
/ภูมิเป็นอะไร../ เด็กน้อยถามด้วยความร้อนรน
“
ซู้ด..มะ ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบละล่ำละลัก ขณะนี้มือยังสาวแก่นกายตัวเองไม่หยุดจน... บ้าเอ๊ย!! แมร่งบ้าไปแล้ว แค่เสียงกับความขี้มโนชั่วแวบเองนะโว้ย! ผมก่นด่าความง่ายของตัวเอง ก้มลงมองแก่นกายที่ส่วนปลายน้ำขุ่นขาวทะลักเปรอะเต็มมือด้วยความสมเพทเวทนาตัวเองที่สุด เป็นเอามากเปล่าวะกับคนๆ นี้
/งั้นเย็นนี้เจอกัน เดินทางปลอดภัยนะฮะ คิดถึงภูมิรู้นะ/ ตัดสายหนีไปแล้วครับ หึ หึ ผมยิ้มจ้องมองความง่ายของตัวเองด้วยความเอือมระอาเบื่อหน่ายตัวเอง ก้าวลงจากเตียงไปอาบน้ำและจัดการภารกิจให้เสร็จก่อนกลับบ้านวันนี้
เจ็ดโมงครึ่งผมเดินออกมาที่ห้องอาหาร พวกพี่มันนั่งประจำโต๊ะกำลังจิบกาแฟบ้าง กินอาหารเช้ากันบ้าง แต่ในนี้ก็ยังขาด
อันเดรีย อัลแบร์โต้ และฟรังค์โก้ เหมือนเดิม พี่แสนลุกได้แล้วกำลังกินโจ๊กข้าง ๆ แก้วน้ำมียาวางรอ หน้าตาพี่มันยังดูซีดแผลตรงไหล่และแขนซึ่งไม่ได้ถูกปิดด้วยเสื้อกล้ามเห็นเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ยอมรับจริงๆ ว่าพี่มันอึดถึก
ผมเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ ดีเอโก้ยกกาแฟมาวางตรงหน้าพร้อมหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าที่จั่วหัวหน้าหนึ่งตัวเป้งถึงการเข้ากวาดล้างบ่อนลอยฟ้าที่แอบแฝงการค้ามนุษย์ สามารถทะลายล้างและจับกุมผู้ก่อการร้ายข้ามชาติได้เกือบหมดยกเว้นนายใหญ่ ช่วยเหลือเด็กชายที่ถูกล่อลวงมาขายบริการได้ 28 คน หญิง/ชาย ขายบริการ 38 คน และขยายผลจนสามารถจับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ 2 ราย มูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้กว่าพันล้านบาท
ที่สำคัญกว่านั้นพวกเราช่วย
“บี” จากขุมนรกนั่นได้น้องถูกส่งตัวเข้ารับการบำบัดและฟื้นฟูสภาพจิตใจแล้ว ก็หวังเพียงแค่ว่าการบำบัดฟื้นฟูจะทำให้น้องเข้มแข็งสามารถต่อสู้กับฝันร้ายนั่นได้ ไม่ปล่อยให้มันตามหลอกหลอนไปชั่วชีวิตอีก วันนี้เราอาจจะจบปัญหาตรงนี้ได้ แต่ในไม่ช้าก็จะมีคนแบบพวกมันผุดขึ้นมาแทนที่อีกไม่สิ้นสุด ในเมื่ออำนาจ เงินตรา ตัณหาราคะ ของคนเรามันถมไม่เคยเต็ม...ส่วนการหายตัวไปของชายแก่ตัณหากลับทั้งห้าคนยังเงียบเชียบราวกับสายลมพัดผ่าน
“สิงห์จะกลับบ่ายนี้ใช่ไหม สามคนนั้นขอลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ครบแล้วก็จะบินกลับเลยทางนั้นเร่งมาแล้วให้รีบกลับไปทำงาน เฮียจะเคลียร์เรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยแล้วจะบินกลับพรุ่งนี้วันอาทิตย์ วันจันทร์การ์ดชุดใหม่จะมาอยู่แทนสามคนนั้นนะ” เฮียเซนบอกผม
“ครับ ผมคุยกับเขาแล้ว แล้วคนอื่นๆ ล่ะ”
“สมาชิกคนอื่นๆ กลับหมดแล้วเขาส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับไปแล้วตั้งแต่ตอนเข้ามืด ” เฮียเซนบอก
“หนึ่งจะตามมาตอนบ่าย พวกพี่เลยจะกะจะพักร้อนกันสักอาทิตย์” พี่แสนเงยหน้าขึ้นจากถ้วยโจ๊กมาบอก
“
อ้าว! ผมไม่รู้ว่าพี่หนึ่งจะมาด้วย” ผมถามทำหน้าประหลาดใจ
“ก็พอดีหนึ่งมันรับงานอารักขาให้ผู้นำประเทศแถบอเมริกากลางไว้ เขาจ้างเราทั้งสามคน ก็จะเริ่มงานอีกสองอาทิตย์ก็เลยถือโอกาสพักร้อนแล้วก็รอแสนรักษาตัวด้วย” พี่ฉานไขข้อข้องใจของผม
“ส่วนพี่เดี๋ยวทานเสร็จก็จะออกเลยนะเว้ย เด็กง๊องแง๊งมาล่ะ” พี่ณิตบอก
“งั้นถ้าพี่หนึ่งจะมาผมให้เอาเด็กมาด้วยดีกว่า ถือโอกาสลาพักร้อนพาเด็กเที่ยว”
“เออๆ เข้าท่านี่หว่า ไม่ได้ฟัดมาหลายวัน อยากอ้อนมันเหมือนกัน คิดถึงเด็กโว้ย” พี่ฉานทำหน้ากรุ่มกริมถึงเด็กผม
“พี่ๆ ข่าวว่านั่นเด็กผมเปล่าวะ” ผมส่งเสียงโวยวาย
“เออๆ รู้แต่มันก็น้องกูนะ กับพี่เชื้อยังหวงไม่เว้น” พี่ฉานทำบ่นแต่หน้ายิ้มๆ เฮียเซนหัวเราะหึๆ ส่ายหน้าระอาความเป็นเด็กของพวกเรา
“เฮียว่าถ้าจะเที่ยวในไทยก็ไปที่กระบี่ดีกว่าที่เที่ยวเยอะดี ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักด้วย เรามีโรงแรมและรีสอร์ทในเครืออยู่สองสามแห่ง อ่าวนางเป็นไงเดี๋ยวโทรสั่งผู้จัดการให้เลย” เฮียเซนรวบรัดตัดความเสร็จสรรพโดยไม่ถามพวกผม ก็เลยต้องเลยตามเลยเอาที่เฮียสบายใจก็แล้วกัน
“
อ้าวเฮ้ย!! แล้วใครจะทำงานวะ พวกมึงหนีเที่ยวกันหมด...” พี่ณิตโวยลั่น
“มึงกับพีก็ทำไปสิได้ยินว่าบริษัทอยู่ในความรับผิดชอบของพวกมึงแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
พี่ฉานพูดสอดขึ้น ขี้เกียจฟังพวกพี่มันทะเลาะกันข้ามหน้าข้ามตาผมเลยล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาพี่พีบอกสิ่งที่ต้องการเสร็จสรรพโดยที่ฝ่ายนั้นยังไม่ได้อ้าปากโต้ตอบกลับมาสักคำ ก่อนจะกดวางสาย หันหน้าไปยกคิ้วเป็นคำถามกับพวกพี่มันสองคน
“เคลียร์จบนะพี่” คนทั้งคู่พยักหน้ารับกับการตัดสินใจของผม
“สิงห์แมร่งเผด็จการ ไม่ถามสักคำว่ากูอยากรึเปล่า” พี่ณิตบ่นพึมพำ ผมยกยิ้มมุมปากทำหน้ารู้ทัน ก่อนจะยกโทรศัพท์กดหาอีกคน เสียงเรียกของโทรศัพท์ดังไม่ถึงสามครั้งด้วยซ้ำฝ่ายนั้นก็กดรับ
//ภูมิมีอะไรเหรอฮะ// “หนูทานข้าวรึยังครับ” พวกพี่ๆ เบ้หน้าเบื่อหน่าย ผมเลยเดินออกมาที่ห้องโถง
//เรียบร้อยแล้วฮะ กำลังทำซิฟฟอนส่งร้านกับยายชื่น// ขยันทำมาหากินจริงเด็กผม ไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์จริงๆ
“งั้นให้ยายชื่นทำต่อนะ แล้วหนูไปบอกให้พี่นิ่มจัดกระเป๋าให้นะมาเที่ยวทะเลกัน”
//เย้! จริงนะฮะ// “ครับ ไม่ต้องเอามาเยอะนะ ค่อยมาซื้อเอาที่นี่” ผมได้ยินเด็กน้อยเรียกหาพี่นิ่มเสียงดังวุ่นวาย บอกพี่สาวคนสวยด้วยความตื่นเต้นว่าจะไปเที่ยวทะเลกับผม
//หนูไปจัดกระเป๋าช่วยพี่นิ่มนะ// “ครับๆ พี่หนึ่งอยู่ตรงนั้นไหม ภูมิขอคุยด้วยหน่อย”
//พี่หนึ่ง ภูมิจะคุยด้วย....// เด็กน้อยเรียกพี่หนึ่งให้มารับสาย ก่อนที่เสียงหวานใสจะค่อยห่างออกไปเจ้าตัวดีคงวิ่งตามพี่นิ่มขึ้นบ้านไปจัดกระเป๋าแล้ว
//ว่าไงสิงห์// “ได้ยินว่าพี่จะพักร้อนสองอาทิตย์ ผมเลยแพลนกับพวกพี่แล้วว่าจะไปกระบี่กัน”
//ก็ว่างั้นแหละ รอพี่แสนรักษาตัวด้วยก่อนจะเริ่มงานใหม่// “พี่ฉานว่างั้นเหมือนกัน พี่เดี๋ยวอีกยี่สิบนาทีพี่พีจะไปรับนะครับ”
//พีไปด้วยเหรอก็ไหนว่าพี่ณิตจะกลับบ่ายนี้// “ก็นี่แหละตาแก่แถวนี่งอแง หาว่าพวกเราหนีเที่ยวก็เลยจะไปกันทั้งหมดให้คุณแม่ทำงานรอไปก่อนสักสองสามวัน ถือโอกาสพักร้อนพาเด็กเที่ยว”
//ถึงว่าทำไมเด็กน้อยถึงยิ้มหน้าบาน อ๊ะ! เหมือนเสียงรถเข้ามา พีคงมาแล้วแหละ ค่อยเจอกันนะ// “ครับพี่” ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารต่อ
รถบีเอ็มดับบลิว เอ็กซ์วัน สีน้ำเงินเมทัลริกเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักตากอากาศในเวลาเกือบเที่ยง ประตูด้านหลังเปิดออกก่อนที่รถจะจอดสนิท เจ้าตัวดีก้าวลงมาจากรถวิ่งถลามาหา ผมเลยย่อตัวกางแขนรับเอาร่างบางที่โถมตัวเข้ามากอดกระชับไว้กับอก ขาเรียวเล็กที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาวเกี่ยวรอบเอวผม น้ำนิ่งผละตัวออกเล็กน้อยหน้าสวยหวานเผยรอยยิ้มเต็มหน้าจนถึงดวงตาหวานส่งมาให้ผม มือเล็กจับหน้าผมให้อยู่นิ่งๆ ก่อนจะก้มลงเอาปากของเราทั้งคู่ทักทายกัน กอดหอมจนพอใจของเขานั่นแหละจึงก้มหน้าซบลงกับซอกคอ ลมร้อนจากปากนิ่มเอ่ยเสียงหวานใส
“คิดถึงจัง”
“คิดถึงหนูเหมือนกันครับ” ผมยื่นหน้าไปหอมหัวคนในอ้อมกอด
“เฮ้ย! โลกนี้ไม่ได้มีอยู่สองคนนะเว้ย ทักพี่รึยังฮึไอ้ตัวดีไหนหันมาให้ฟัดก่อนสิ”
พี่ฉานขัดขึ้นเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือมาแย่งเด็กจากอ้อมกอดผม พี่มันกดจมูกโด่งของตัวเองลงบนแก้มนิ่มสองข้าง หน้าผาก เปลือกตา พี่แสนหมั่นไส้เลยจับหน้าเด็กน้อยหันมาหาตัวเองทับรอยที่พี่ฉานทำไว้ น้ำนิ่งหัวเราะเสียงกังวานใส ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มซ้ายขวาของพวกพี่มันทั้งคู่เป็นการตอบแทน
“คิดถึงเค้าไหม” เสียงหวานใสออดอ้อนพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักละลายใจคนพี่ ทั้งคู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มและกดจูบไปที่แก้มนิ่มคนละข้างอีกครั้ง คนน้องเลยยิ้มกว้างกว่าเดิม พี่ณิตเดินเข้าไปแยกน้องออกมาจากทั้งสอง ก่อนก้มลงหอมเหม่ง แก้มซ้ายขวาจนพอใจ จับหน้าของไอ้ตัวดีผละออกมองให้เต็มตา
“แมร่งกูเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ผู้หญิง (?) อย่าหยุดสวย มันเป็นยังไง ไม่เจอสี่ซ้าห้าวันน่าฟัดมากไปเปล่าวะ ใครติดกิ๊ฟให้แมร่งน่ารัก พวกมึงดูนี่คิดเหมือนกูปะ”
พี่ณิตยกมือขึ้นบีบแก้มน้องเรียกสองคนมาดู แล้วพี่มันก็กรูเข้าหาน้องอีกครั้ง ผมก็เห็นด้วยกับพี่มันครับออร่าความน่ารักวิ๊งกระจายมากขึ้นกว่าหลายวันก่อน ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนนิ่มที่ยาวเคลียไหล่ปลิวตามลม ส่วนของผมด้านหน้าถูกเสยขึ้นติดกิ๊ฟรูปดาวสีฟ้าไว้ ตากลมโตทอประกายของความสุข แก้มเนียนออกสีระเรื่อด้วยไอร้อนของแดดตอนเที่ยงยิ่งทำให้น่าฟัดให้จ่มเขี้ยว ปากสีชมพูสดเกือบแดงน่ากัดแย้มยิ้มไม่หยุด
“อ่อยอะ อ้องเอ๊บ” (ปล่อยนะ น้องเจ็บ) น้ำนิ่งพยายามสะบัดหน้าให้หลุดจากมือพี่ณิตที่บีบแก้มตัวเองอยู่ ผมเลยเข้าไปแยกเด็กออกมา
“อะไรวะยังเล่นไม่เสร็จเลย จะรีบไปไหน” ทั้งสามโวยวายเสียงดังลั่น ผมทำท่าขึงขังคาดโทษที่ทำเด็กน้อยของผมเจ็บ ก่อนจะดึงไอ้ตัวดีแยกเด็กมาหาเฮียเซนที่ยืนมองดูพวกเราหยอกล้อกันด้วยสีหน้ายิ้ม
“หนูครับนี่เฮียเซนเป็นพี่ชายอีกคนของพวกเรา” ผมแนะนำให้น้ำนิ่งรู้จักเฮียเซน
“สวัสดีฮะ ยินดีที่รู้จักฮะ”
น้ำนิ่งยกมือขึ้นไหว้คนอายุมากกว่า เมื่อเงยหน้าขึ้นเด็กน้อยยิ้มกว้างน่ารักที่เกิดจากใจมันส่งไปถึงนัยน์ตาสวยหวานให้เฮีย ฝ่ายนั้นตะลึงไปแล้วครับเดินเหมือนละเมอเข้าหาเด็กผม เฮียเซนคว้าตัวน้ำนิ่งเข้าไปกอดกระชับตอนแรกน้ำนิ่งทำท่าจะขืนตัวออกด้วยความตกใจแต่สุดท้ายก็ยอมยืนนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดของเฮีญเซนนานหลายนาที ก่อนผละตัวออกเฮียกดจูบลงที่หน้าผากของน้ำนิ่งอย่างหลงลืมตัวอีกครั้ง
“สวัสดีครับน้ำนิ่งเจอกันซะทีนะ”
“.....”
เด็กน้อยยังอยู่ในอาการงงงวยจึงส่งยิ้มบางเบาตอบแทนไปแต่แค่นั้นก็ทำให้เฮียเซนยิ้มกว้างได้อย่างพึงพอใจ พี่หนึ่งกับพี่พีเดินเข้ามาผมเลยแนะนำให้รู้จักกับเฮียเอ่ยทักทายกันพอหอมปากหอมคอ พี่พีเดินไปยืนข้างๆ คนของตัวเอง ผมแอบเห็นพี่ณิตก้มลงฉกจมูกผ่านแก้มคนข้างๆ ก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็วพี่พีเงยหน้าแดงระเรื่อขึ้นมองถลึงตาใส่ ส่วนพี่หนึ่งเดินไปหาพี่แสนสำรวจสภาพร่างกายของพี่มันจนทั่วว่าแตกหักตรงไหนบ้างจนพอใจ
“เท่าที่เห็นยังไกลหัวใจ เพราะแก่ใช่เปล่าวะเลยช้า” พี่หนึ่งแซวเล่นหน้ายิ้ม คนเป็นพี่เลยยกนิ้วดีดไปที่หน้าผากมนของคนตรงหน้าดังแป๊ะค่อนข้างแรงขึ้นรอยแดงทันตาเห็น
“โอ้ย!! เจ็บนะดีดมาได้” พี่หนึ่งยกมือคลึงเบาๆ ตรงรอยถูกดีด
“ก็ปากดีไปแหย่ปมแก่มันนี่น่า” พี่ฉานหันไปว่าพี่หนึ่ง
“
ก็แก่จริงเปล่าวะ” พี่หนึ่งหันหน้าไปอีกด้านแอบนินทาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน ก่อนจะหันกลับมายกยิ้มน่ารัก นัยน์ตาสวยมีแววล้อเลียนส่งให้พี่สองคน
“เดี๋ยวเถอะยังจะปากดี”
พี่แสนยกมือเตรียมจะดีดหน้าผากอีกครั้ง แต่พี่หนึ่งไวมากหลบไปอยู่หลังพี่ฉานแล้วครับ เฮียเข้าสงบศึกด้วยการเชิญทุกคนเข้าบ้านเพราะเลยเวลาทานอาหารเที่ยงมาพอสมควรแล้ว
หลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ พวกเราเคลื่อนขบวนออกจากบ้านพักถึงสนามบินเกือบบ่ายสองเพื่อนั่งเครื่องบินส่วนตัวต่อไปยังกระบี่ ภายในห้องโดยสารยังกับโรงแรมหลายดาวแบ่งเป็นโซน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นเก้าอี้โซฟาหรูหราบุหนังเนื้อดีราคาแพงระยับ ห้องรับประทานอาหารจุคนได้ 14 คน เพดานด้านบนติดไฟดาวไลท์ส่องแสงนวลตา ห้องประชุมขนาด 20 ที่นั่ง ผนังมีทีวีจอใหญ่ติดทุกห้อง
นอกจากนี้ยังมีห้องนอนใหญ่ห้าห้อง น้ำนิ่งตื่นตาตื่นใจมองสิ่งแวดล้อมที่ต่างไปจากที่เคยเห็นต้องจูงมือเดินไม่งั้นมีหวังลงไปวัดพื้นทางเดินแน่เพราะมัวแต่หันซ้ายหันขวาไม่มองทาง จะว่าไปผมไม่เคยพาน้ำนิ่งไปเที่ยวไหนไกลกว่าบริเวณบ้านที่อยู่เลยตื่นเต้นมาก เฮียเซนจะไปส่งเราจนถึงกระบี่ก่อนจะกลับมาสะสางเรื่องที่ทำค้างไว้ ส่วนขากลับพวกเราจะกลับกันเองไม่ต้องให้เฮียส่งเครื่องบินมารับ
ผมนั่งเอนตัวตามสบายไปกับโซฟานุ่มโดยมีร่างบางนอนซบอก ในอ้อมแขนคนตัวเล็กมีผ้าวิเศษกอดกระชับไว้หลอม คิดว่าคงจะเพลียเพราะไม่เคยเดินทางไกลต่อเนื่องแบบนี้แถมกินอิ่มตาก็เริ่มปรือปรอยแล้วครับ
“ง่วงเหรอฮืม ไปนอนที่ห้องไหม” ผมก้มหน้าลงถามเด็กในอ้อมกอดน้อย อดไม่ได้ต้องกดจูบไปที่หัวหอมเป็นของแถม
“ฮือเหนื่อย แต่หนูตื่นเต้นจัง” เสียงตอบกลับมาแผ่วเบา
“ภูมิพาไปนอนที่ห้องนะ”
“นอนนี่ ให้ภูมิกอด หนูง่วงจัง...” เด็กน้อยตอบทั้งที่ตาหลับพริ้มอยู่กับอกผม นิ้วมือเรียวเล็กดึงคีบผ้าเน่าของตัวเองตามความเคยชิน
“ง่วงก็นอนเดี๋ยวถึงแล้วภูมิจะปลุก”
ผมกอดกระชับเด็กให้นอนในท่าที่สบายมือตบสะโพกมนอีกมือก็ล่วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตบางสีขาวลูบแผ่นหลังบางกล่อมเบาๆ เฮียเซนซึ่งไม่เคยเห็นส่งสายตามองมาด้วยเอ็นดู ก่อนยกกล้องขึ้นปากขยับพูดโดยไม่มีเสียงว่าขอถ่ายน้องได้ไหม ผมพยักหน้าอนุญาต เท่านั้นแหละเฮียแทบจะกดนิ้วรัวไม่มีพักเอาทุกซ็อต ไม่พอเริ่มอัดวิดีโอแล้วครับ
คนร่างบางในอ้อมกอดก็ไม่ได้สนอะไรแล้วครับ จะไปเฝ้าพระอินทร์อย่างเดียวแต่ยังฝืนขยับตัวขึ้นกดจูบลิ้นหยุ่นชื้นสีชมพูแลบเลียลงบนริมฝีปากผม ด้วยความหลงลืมตัวผมสอดลิ้นตัวเองเข้าไปเกี่ยวกระหวัดมอบจูบอ่อนโยนให้คนในอ้อมกอดจนพอใจก่อนผละออกมีขบเม้มริมฝีปากล่างแถมอีกที น้ำนิ่งเลื่อนตัวลงไปกดจูบที่อกซ้ายของผมขยับตัวไปมาจนพอใจ ปากนุ่มสีชมพูระเรื่อเอ่ยนอนหลับฝันดีกับอก เลิกฝืนตัวอ่อนยวบหลับไปแล้วคงจะง่วงจริงๆ หลับเร็วมาก ผมก้มลงจูบผมหอมกรุ่นกอดกระชับให้อยู่ในท่าสบาย พี่พีเดินเอาผ้าห่มมาคลีห่มให้กลัวว่าน้องโดนแอร์เย็นมากจะไม่สบาย ผมเงยหน้าขึ้นเห็นเฮียอึ้งๆ ถือกล้องค้าง ผมเก้อเล็กน้อยลืมตัวทุกทีสินะเลยพยักหน้ายิ้มๆ ไปให้ เฮียมันหลุดยิ้มอย่างอดไม่ได้
“สิงห์ไม่เอาน้องไปนอนที่ห้องเหรอ” เฮียถามผมด้วยความเป็นห่วงกลัวผมจะเมื่อย
“ไม่ได้หรอกเฮีย ถ้าขยับเปลี่ยนที่แล้วตื่นขึ้นมามีงอนครับ” ผมบอกเฮียพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหยิบกล้องข้างตัวขึ้นมากดดูภาพที่ถ่ายได้ รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นที่มุมปาก สายตาคมที่ทอดมองภาพในกล้องมันส่อแววเอ็นดูรักใคร่อย่างจริงใจ
“เฮียคิดว่าถ้ามีน้องก็คงจะเหมือนเด็กนี่ เฮียไม่แปลกใจเลยทำไมสิงห์ถึงรักน้องนักหนา น้ำนิ่งเหมือนน้องสาวคนเล็กที่คอยอ้อนให้พี่ชายดูแล ช่างฉอเลาะ ปากเล็กจิ้มลิ้มช่างเจรจานั้นอีก...” แววตาของคนตรงหน้าที่ส่งมาให้ผม มันเต็มไปด้วยความรักของพี่ชายเต็มเปี่ยม
“สิงห์..”
“ครับ”
“เฮียขอเป็นพี่ชายอีกคนของน้องได้ไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า สายตาของเฮียวิบวับอบอุ่นเหมือนได้พบกับสิ่งที่สามารถเยียวยาจิตใจที่เหน็บหนาวของตัวเองได้อีกครั้ง
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็เฮียเป็นพี่ผม นิ่งก็เป็นลูกป๋ากับแม่ก็ต้องเป็นน้องของเฮียอยู่แล้วสิครับ เป็นครอบครัวเราครับ” ผมตอบยิ้มๆ ให้กับเฮียเซน
“อ้าวๆ หยุดดราม่า เดี๋ยวน้องนอนไม่พอตื่นมาจะงอแงแล้วงานเข้านะเฮีย” พี่ฉานเดินเข้ามาบริเวณที่เรานั่งอยู่แล้วส่งแก้วเครื่องดื่มมาให้เราทั้งคู่
“เอาจริงๆ เราทุกคนรักน้ำนิ่งครับ เลี้ยงกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนตอนนี้ฝาหอยเล็กกว่าตีนน้องก็ยังรักแต่มันพ่วงด้วยความหวง จะให้โตแค่ไหนน้องยังเป็นเด็กน้อยสำหรับพวกเราตลอด ถ้าเฮียรักชอบพอจะเป็นพี่เป็นน้องก็ได้ ไหนๆ ก็ยกให้เฮียเป็นพี่ใหญ่แล้วกันเพราะน่าจะอายุมากกว่าพวกผมทุกคนในนี้” พี่แสนเดินเข้ามาสมทบในมือถือแก้วเครื่องดื่มมาด้วย
“เฮ้!! บางคนรีบเชียว ดีใจอะดิมีคนแก่กว่าตัวฮา ฮา” พี่หนึ่งยังปากดีครับ ร้องแซวคนเป็นพี่กำลังจะยกนิ้วขึ้นดีดแต่หลบทันได้อย่างหวุดวิด ทุกคนเลยหัวเราะชอบใจ
“เฮียดีใจที่ทุกคนยอมรับเป็นพี่น้อง ถ้ามีอะไรก็บอกเฮียได้เลยพร้อมช่วยเหลือเสมอ” พวกพี่มันนั่งคุยแลกเปลี่ยนสารทุกสุขดิบกันกับเฮียจนได้เวลาเครื่องลง ผมก้มลงกระซิบปลุกคนในอ้อมกอด
“หนูครับ จะถึงแล้วตื่นยังฮึ” ผมก้มหน้าลงสูดความหอมของแก้มใส เฮียเค้าหยุดกิจกรรมที่กำลังทำหันมาสนใจสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อยู่บนอกผมแล้วครับ
“ฮือ...ไม่เอาไม่กวนสิหนูง่วง” คนในอ้อมกอดยังไม่ยอมลืมตา แต่ปรามเสียงเบา ขยับตัวคลอเคลียเหมือนแมวน้อยขี้อ้อนหน้าเล็กซุกซอกคอผมตายังหลับพริ้มเหมือนเดิม เฮียไม่พลาดสักซ็อตกดรัวเก็บภาพน้องตลอด ปากนี่ยิ้มไม่หุบกับความน่ารักของน้อง
“เฮียไม่กลับไปทำงานได้ป่าววะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่สายตาคมฉายแววอ่อนโยนมองการกระทำของเด็กในอ้อมกอดผมอย่างหลงลืมตัวด้วยความฉงนปนอึ้ง เอากับเขาสิคำที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากคนจริงจังรับผิดชอบงานแบบนี้ได้ก็หลุดออกมาแล้ว
“ก็พักสักวันสองวันกับน้องจะเป็นไรไป ธุรกิจเขาไม่ล่มหรอกน่าก็แค่ขาดทุนหลักร้อยซิวมาก” ผมยุส่งแถมหันไปพยักเพยิดกับพวกพี่ๆ มัน ซึ่งแต่ละคนพยักหน้าสนับสนุน
“เอาน่าเฮียพักสักวันสองวัน ก็ให้คุณท่านทำงานรอไปก่อน เหมือนสิงห์มันให้แม่ทำรอไปก่อนนั่นแหละ” พี่ณิตหว่านล้อมอีกคน
“ใช่ ใช่ เนี่ยครั้งแรกของน้องเลยถ้าเฮียไม่อยู่จะเสียใจนะ ถ้ามีทริปครั้งหน้าบรรยากาศความตื่นเต้นมันก็จะไม่เหมือนครั้งแรกเฮียเข้าใจเปล่า” พี่หนึ่งสปอยแหลกแล้วครับ เฮียทำหน้าลังเลกังวลกับงานก็ด้วย
“
นะ” ไม่ใช่เสียงของพวกเราครับ แต่เป็นเสียงหวานใสติดจะออดอ้อนของคนในอ้อมกอดผม นัยน์ตาหวานทอประกายเว้าวอนและรอยยิ้มละลายใจส่งไปให้เฮียเซน
“ครับ..” เอาแล้วเฮียเซนรับปากง่ายๆ ไม่มีลังเลซะงั้น พวกผมพูดอยู่ตั้งนานไม่ตกปากรับคำแต่เด็กพูดแค่
“นะ” คำเดียวเรียบร้อยไร้ข้อกังขา
“เออเฮียแล้วเราจะพักกันที่ไหนเหรอครับ” พี่พีหันมาถามเฮีย
“เฮียสั่งผู้จัดการโรงแรมที่อ่าวนางให้เขาเตรียมห้องพักไว้แล้ว พรุ่งนี้เราจะข้ามฟากไปที่หาดไร่เลย์ไปปีนผากันคิดว่าพวกนายต้องชอบ”
“ข้ามวันนี้เถอะนะฮะไปพักที่รีสอร์ทได้ไหมฮะ”
น้ำนิ่งส่งเสียงหวานถามอย่างกระตือรือร้น รอยยิ้มน่ารักพร้อมกับสายตาเว้าวอนออดอ้อนที่มีให้พี่ชายตัวโตตรงหน้า เท่านั้นแหละ เฮียเซนของผมล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสั่งคนที่รีสอร์ทให้เตรียมเรือนรับรองทันที เด็กน้อยดีใจยกมือไหว้ขอบคุณยกใหญ่ที่พี่ชายตามใจ เฮียยกยิ้มพอใจชะโงกตัวมายกมือใหญ่ขึ้นบีบจมูกเล็กของน้องเบาๆ จับโยกไปมาด้วยความเอ็นดู
“เรานี่น้า..”
เฮียเซนโทรศัพท์ให้คนของโรงแรมเอารถตู้มารอรับ รถเคลื่อนตัวช้าๆ จากสนามบินเข้าสู่แหล่งชุมชนของตัวเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยรถรา จนไปถึงโรงแรมบริเวณอ่าวนางเพื่อขึ้นเรือยอร์ชไปหาดไร่เลย์ ระหว่างที่นั่งรถตู้มาขึ้นเรือผมได้ยินเฮียโทรไปสั่งงานดีเอโก้หลายอย่าง ก่อนจะตัดสายและกดปิดเครื่องเก็บยัดเข้าในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางเร่งรีบราวกับสิ่งที่เป็นอะไรสักอย่างที่ไม่น่าพิสมัย พวกผมหัวเราะหึ หึ ขำๆ กับคนหัดทำตัวเกเร เฮียจิ๊ปากใส่พวกผม แล้วพวกผมสนเหรอ...บอกแล้วว่าไม่
พวกเราเดินทางจากท่าเรืออ่าวนาง ประมาณ 15 นาที ก็มาถึงบริเวณรีสอร์ทแต่ไม่ได้พักกันที่รีสอร์ทเราพักกันที่เรือนรับรองหลังใหญ่ที่อยู่บริเวณใกล้กันกับรีสอร์ท ผมนอนห้องนอนใหญ่กับน้ำนิ่ง เฮียนอนกับพี่ฉาน พี่แสนนอนกับพี่หนึ่ง พี่ณิตแน่นอนว่าต้องนอนกับพี่พีอยู่แล้ว ระหว่างที่กำลังตกลงกันว่าใครจะนอนกับใครเด็กน้อยของผมเปิดประตูห้องโถงนั่งเล่นออกไปยังระเบียง สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้เด็กผมกระโดดโลดเต้นดีใจใหญ่อยากเล่นน้ำ ก็ลงบันไดไปมันเป็นหาดส่วนตัวครับ ทรายขาวสะอาดเม็ดเล็กนุ่มเท้า น้ำนิ่งวิ่งมาเกาะแขนอ้อน สายตาวิบวับอ้อนๆ
“ภูมิหนูเล่นน้ำได้ไหมฮะ”
“แดดยังร้อนอยู่ครับ เย็นๆ เราค่อยเล่นกันนะ ตอนนี้ไปนอนกับภูมิก่อนเร็วเมื่อกี้นอนนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวตอนเย็นไม่มีแรงเล่นน้ำนะ”
“ภูมิเล่นกับหนูด้วยนะ”
“ครับไปนอนก่อนนะ”
เด็กน้อยพยักหน้ามือเล็กกุมกระชับเข้ามาในมือผมดึงให้ขึ้นไปบนห้องด้วยกัน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปโบกมือบอกพวกพี่ว่าไปนอนก่อนเจอกันตอนเย็น ได้ยินเสียงเฮียสั่งให้แม่บ้านของรีสอร์ทที่มาดูแลพวกเรายกเป้ของผมกับเด็กตามขึ้นห้องมา ถึงห้องเราสองคนอาบน้ำให้สบายตัว เสร็จแล้วก็เข้ามาในห้องเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนอนให้เด็กน้อย
ผมแอบทึ่งกับเฮียเซนมาก ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงเฮียเตรียมทุกอย่างได้ครบครันมาก ชุดนอนที่ผมเอามาใส่ให้น้ำนิ่งมันพอดีเป๊ะราวกับวัด จนไม่คิดว่าคนเย็นชาอย่างเฮียเซนจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ แล้วในตู้เสื้อผ้าไม่ว่าจะข้างนอกข้างในทั้งของผมกับของเด็กน้อยมีครบทุกอย่าง ละเอียดรอบคอบจริงเฮียผม...
TBC.ปล. ตอนนี้ก็กลับมาสู่ความเรื่อยเฉื่อยกันอีกครั้ง
ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่