เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กเลี้ยง_EP.38_[ตอนจบ] P.9_1542016 // จบแล้วย้ายได้นะค่ะ  (อ่าน 116743 ครั้ง)

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************








Title ::  เด็กเลี้ยง
Author ::    WiChy

   
Warning  ::

** นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย เนื้อหาบางส่วนมีการใช้ความรุนแรงและใช้คำไม่สุภาพอยู่พอสมควร  สำหรับคนอ่านท่านใดที่รับไม่ได้กับเนื้อหาที่รุนแรง การมโหเวอร์เกินของคนเขียน  คำไม่สุภาพ หรือรำคาญบท ตัวละคร หรือไม่ชอบใจอะไรก็แล้วแต่คุณสามารถกดออกจากหน้านิยายเรื่องนี้ได้ทันทีคะ 

** เนื้อเรื่อง  บุคคล สถานที่ เป็นเพียงสิ่งสมมติ แต่อาจจะมีบางสถานที่ที่อ้างอิงถึงก็เพื่อเพิ่มอรรถรสในการมโนและการอ่าน

** ขอย้ำ   เนื้อหาบางส่วนมีอาจจะมีความรุนแรง เพื่อให้เข้าถึงแก่นของจิตใจมนุษย์ที่ยังคงรัก โลภ โกธร หลง ดังนั้น ขอความกรุณาผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน และเลือกทำในสิ่งที่ทำแล้วสบายใจเพื่อการอยู่ร่วมกับได้อย่างสบายใจ ขอบคุณมากมายค่ะ ^^

** นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนมีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวไม่อนุญาตให้ผู้ใดนำไปโพสที่อื่น ยกเว้นตัวคนเขียนเองเท่านั้น **








1

น้ำสิงห์



      “เรือนชิดชล” 

       บ้านเรือนไทยหลังใหญ่บนพื้นที่กว่ายี่สิบไร่ริมแม่น้ำสายหลักของจังหวัด ส่วนหนึ่งของบริเวณบ้านด้านหลังจำนวนสิบไร่ทำเป็นเรือนสงเคราะห์เด็กที่พ่อแม่ทอดทิ้ง บ้านแห่งนี้อยู่ในความครอบครองดูแลโดยคุณเหมือนวาด และคุณแม้นเหมือน  บุลวัชร บุตรีของเจ้าสัวเส่งและคุณนายส้มจีนซึ่งท่านทั้งสองเสียชีวิตไปนานแล้ว


      “คุณวาดขอรับคุณวาด”  ชายหนุ่มวัยสี่สิบเศษวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบริเวณใต้ถุนเรือนร้องเรียกหาหญิงวัยกลางคนด้วยเสียงตระหนก

      “อะไร แสงมีอะไรรึเสียงดัง...”  หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามผู้เข้ามาใหม่เสียงเรียบ

      “คุณท่านต้องไปกับกระผม ต้องไปเดี๋ยวนี้ เร็วๆ ขอรับ”  แสงเร่งเร้าให้หญิงวัยกลางคนตามตัวเองออกไป

      “อะไรช้าๆ จะรีบไปไปไหน” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามเท้าก็ก้าวตามอย่างเร่งรีบ

      “เร็วๆ ขอรับคุณท่าน ตรงโน้น ใต้ต้นกันเกราเราต้องรีบ ” 



      ตึก!  ตึก!  ตึก!

       คนทั้งคู่เร่งฝีเท้าวิ่งตามกันมาถึงใต้ต้นกันเกราใหญ่สุดแนวรั้วของบ้านชิดชล  นายแสงเดินนำไปยังพงหญ้าที่สูงเกือบถึงเอวมือใหญ่แหวกหญ้าออกพร้อมดึงกระชากซากกิ่งต้นกันเกราขนาดใหญ่พอสมควรที่หักลงมาออกจนหมด  สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคุณวาดคือกระเป๋าแบรนด์เนมใบเขื่อง คุณวาดลากกระเป๋าให้พ้นจากพงหญ้า มือเล็กรีบเปิดอ้ากระเป๋าออก...

      “โอ้!! คุณพระคุณเจ้า…ใครนะช่างทำได้”   คุณวาดคนร้องด้วยความตกใจมือยกขึ้นทาบอก ก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ายกเด็กเพศชายที่หลับอยู่ในกระเป๋าขึ้นมาในอ้อมกอด

      “นั่นสิครับคุณท่าน  น่าสงสารเหลือเกิน ท่าทางจะเป็นลูกคนมีกะตังค์แต่ทำไมเอาลูกมาทิ้งแบบนี้   คนเราทุกวันนี้จิตใจมันทำด้วยอะไรกัน  แต่ว่าก็ว่าเถอะขอรับคุณท่านเด็กคงจะมีบุญโขอยู่กิ่งไม้ตั้งใหญ่หักลงมาไม่ยักกะทับกระเป๋าเฉียดไปตั้งเยอะ นี่ถ้าผมไม่มาตัดกิ่งไม้ที่หักขวางทางก็คงจะไม่เห็น”  นายแสงร่ายยาวให้คุณวาดฟัง

      “เป็นบุญของเด็กจริงๆ แสงดูซิในกระเป๋ามีอะไรรึเปล่าที่จะบอกว่าเด็กนี่เป็นใคร  ฉันว่าอายุน่าจะสักประมาณขวบแหละ”  คุณวาดมองดูหน้าเด็กในอ้อมกอด น่าจะเป็นเด็กที่รู้อยู่ดูสิเธออุ้มตั้งนานไม่มี  ร้องสักแอะ ทำตาใสจ้องตอบเธอแป๋วแหววเลยเชียว

      “ไม่มีอะไรในกระเป๋าเลยขอรับคุณท่าน”  แสงเงยหน้าขึ้นบอกหลังจากควานมือจนทั่วกระเป๋าแล้วไม่เจอหลักฐานอะไรที่จะบอกได้ว่าเด็กเป็นลูกใคร ชื่ออะไร

      “เหรอ งั้นไม่เป็นไรมาเป็นลูกบ้านนี้ก็แล้วกันเนอะ ปะเข้าบ้านเรากันนะครับ” 

       คุณวาดก้มหน้าพูดกับเด็กในอ้อมกอด  ก่อนที่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินหันหลังกลับเข้าเรือนไป…หญิงกลางคนอุ้มเด็กเดินมาจนถึงห้องโถงรับรองของบ้านซึ่งปรากฏผู้หญิงวัยใกล้เคียงกันอีกคนหนึ่งนั่งอยู่

      “แม้นดูสิใครโผล่มาเรือนเราอีกแล้ว”  คุณวาดเดินเข้ามานั่งลงข้างคุณแม้นยื่นเด็กในอ้อมกอดให้อีกคนดู ตาสีแปลกลืมแป๋วแหววมองคนทั้งคู่ไม่กระพริบ

      “ต๊าย!! ใครละนี่แววหล่อเหลาออกตั้งแต่ตอนนี้เชียว สงสัยต่อไปหัวกระไดจะไม่แห้งซะแล้ว ผู้หญิงคงตบตีกันวุ่นวายเพราะลูกชายคนนี้ของเราฮ่า ฮ่า” คุณแม้นเธอเอ่ยด้วยความตื่นเต้นแววตาเจือความอบอุ่นที่ได้ของเล่นใหม่แขนเรียวขาวผ่องยื่นไปรับเด็กมาพิศดูหน้า

      “แสงไปเจออยู่ในกระเป๋าหลังต้นกันเกราข้างรั้วโน้น ดีนะกิ่งไม้ใหญ่ที่หักไม่หล่นลงมาทับ”  คุณวาดบอกผู้เป็นน้องสาว

      “เหรอคนดีเทวดาคุ้มครองนะลูก แต่แม้นว่าลูกชายเราน่าจะเป็นเด็กลูกครึ่งสักสัญชาตินะเนี่ย จมูกโด่งเป็นสัน  ผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวอมชมพู  แต่เอ๊ะ!! วาดดูตาสิสีแปลกมากเลยมันเหลือบเขียว ฟ้า แล้วก็ทองอำพัน  อย่างนี้รึเปล่าที่ เขาเรียกกันว่า Heterochromia  หรือพวก Odd eye น่ะ”  คุณแม้นพิศหน้าเด็กในอ้อมกอดอยู่นาน ก่อนที่สะดุดใจกับนัยน์ตาสีแปลกของเด็กจึงยื่นตัวเด็กให้อีกคนดู

      “ใช่จริงๆ ด้วย เมื่อกี้พี่ก็ไม่ได้สังเกต ดูสิมองเราสองคนตาแป๋วเชียวหิวรึเปล่าลูกฮืม” คุณวาดยื่นนิ้วไปเกลี่ยแก้มใสของเด็ก เธอยิ้มกว้างอบอุ่นทำหน้าตาหยอกล้อกับเด็กน้อย

      “Mom  Mom...” เด็กน้อยส่งเสียงใส แขนอวบกางออกกว้างให้กอด

      “ว้าย!! รู้จักประจบด้วย ไม่งอแงเลยท่าจะรู้อยู่นะเรา รู้จักปรับตัวน่ารักจริง” คุณแม้นอดใจที่จะก้มหน้าลงหอมแก้มยุ้ยของเด็กไม่ได้  เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อคุณแม้นยกตัวเด็กขึ้นฟัดพุงกลมด้วยความหมั่นเขี้ยว

      “พี่จะให้คุณลุงประสิทธิ์ไปแจ้งตำรวจถ้ามีบุญต่อกันก็คงจะได้เลี้ยงดูเป็นลูกชายเราอีกคนแหละเนอะ”



      เช้าที่บรรยากาศมัวซัวครึ้มฝนกลางเดือนสิงหาคมวันนั้น ภายในเรือนชิดชลกลับสว่างไสวอบอุ่นจากเมล็ดพันธุ์ที่ถูกทิ้งขว้างไว้ตรงสุดปลายรั้วไม้ระแนงสีขาวใต้ต้นกันเกราใหญ่ เกือบสองเดือนที่คุณวาดแจ้งความแต่ก็ไม่มีใครมายืนยันว่าเด็กคนนี้เป็นลูก จึงทำเรื่องให้เด็กมาอยู่ในอุปการะและตั้งชื่อให้เมล็ดพันธุ์นี้ว่า “สิงห์”  หรือ “เด็กชายภูมิรพี  บุลวัชร” 



       เด็กชายภูมิรพี อายุแค่ 6 ขวบ ยังไม่ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ แต่สามารถอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเรื่อง I Know Why The Caged Bird Sings : MAYA ANGELOU อย่างคล่องแคล่วทั้งๆ ที่หนังสือเล่มนั้นมันมีความยากของการอ่านอยู่ที่เลเวล 6 ให้เด็กๆ ในบ้านฟัง

       เธอนำเด็กชายเข้าสอบวัดประเมินกับสถาบันพัฒนาศักยภาพการใช้สมองจนรู้ว่าสิงห์มี ไอคิวสูงถึง 190 สามารถพูดได้ 7 ภาษาโดยไม่ได้เข้าเรียนภาษานั้นๆ  อายุ 11 ปี สามารถสอบเทียบและวัดประเมินผลได้ระดับปริญญาตรี อายุ 12 ปี  สอบเทียบและประเมินวัดผลได้ระดับปริญญาเอก  เธอไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่ได้รับรู้ คิดซะด้วยซ้ำว่าพรสวรรค์ที่ได้มานั้นอาจเป็นภัยกับตัวสิงห์เอง  เธอได้แต่กำชับ ให้เด็กชายใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติทั่วไป 

       ณ วันหนึ่ง สิงห์ก็คือสิงห์ต่อให้ห้ามยังไงก็จะทำ เด็กชายประกาศกร้าวจะใช้พรสวรรค์ที่ ได้รับมาหาเงินเลี้ยงเด็กคนสำคัญเอง และทำได้ดีที่สุด

      ความจิตใจดีของสิงห์ไม่ได้หยุดอยู่แค่น้ำนิ่งมันยังเหลือเผื่อแผ่มายังเด็กอื่นๆ ในบ้านให้มีโอกาสได้เรียนดีด้วย  ‘สิ่งที่ดีในโลกคือพลังแห่งการแบ่งปันไม่ใช่พลังแห่งการแก่งแย่ง’

      'โลกนี้ไม่มีอะไรที่เรียกว่าเป็นโชคชะตา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เราเลือกที่จะทำมันเองทั้งนั้น ความดีหรือชั่วก็เช่นกัน เราเป็นคนเลือกที่จะทำทั้งนั้น อย่าโทษคนอื่นชักจูงให้ทำ' คุณแม่สอนพวกเราแบบนั้น
 

       ถึงจะใจดีอย่างนั้นแต่คนอย่างสิงห์ไม่ควรที่ใครจะตอแยหรือทำให้โกธรเพราะพฤติกรรมที่แสดงออก อารมณ์ และความรุนแรงของการ ทำร้ายคนอื่นมันอยู่ที่ว่าของที่ถูกทำให้แตกหักเสียหายนั้นมีความสำคัญมากเท่าไรความโกธรและการเอาคืนจะรุนแรงตามความสำคัญของสิ่งนั้น 

       คนที่รู้จักสิงห์ประจักษ์แจ้งในสิ่งนี้เมื่อครั้งที่น้ำนิ่งเด็กในความดูแลของสิงห์ เรียน ป.2 สิงห์ อายุ 21 ปี  วันนั้นสิงห์ได้รับการไหว้วานจากผู้ใหญ่ให้จัดการธุระสำคัญแทน หลังเสร็จจากธุระก็รีบตรงดิ่งไปที่โรงเรียน เวลานั้นหกโมงเย็นบริเวณหน้าโรงเรียนที่น้ำนิ่งเคยรออยู่ประจำเปล่าร้างผู้คน เด็กน้อยที่ควรอยู่ตรงนั้นกลับ ไม่ปรากกฎในกรอบสายตาของสิงห์

       สิงห์แทบบ้ากังวลร้อนรน เดินตามหาอยู่ตั้งนาน สุดท้ายไปเจอที่บริเวณหลังไซด์งานก่อสร้าง เด็กน้อยดิ้นรนสุดกำลังเพื่อให้หลุดพ้นจากการฉุดกระชากของคนงาน 3 คน พวกมันหวังรุมกระทำชำเรา

       คณิตที่วิ่งตามไปตอนนั้นขนลุกซู่รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับโทสะและสายตาอาฆาตแค้นชิงชังที่ไม่ปิดบังของสิงห์มันแดงฉานยังกับตาปีศาจ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เห็นสิงห์ใช้เหล็กแป๊บท่อนเขื่องกระหน่ำตีพวกมันวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ทั้งคณิต นักการภารโรง และลุงยามแทบจะหยุดยั้งแรงอาฆาตของสิงห์ไม่อยู่

       แขนเรียวเล็กที่สั่นระริกและเสียงสะอึกสะอื้นของน้ำนิ่งที่ร้องเรียกหาสิงห์อย่างขวัญเสีย ฉุดรั้งสติสิงห์ให้คืนกลับมา แขนแกร่งแต่สั่นไหวของสิงห์โอบกอดรัดน้องไว้ทั้งตัว ราวกับว่ากลัวคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไป...พวกเราคิดว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริงสิงห์จะมีชีวิตอยู่อย่างไร.


       เหตุการณ์วันนั้นมันเป็นบทเรียนที่มีค่าและเป็นข้ออ้างที่ชอบธรรมให้สิงห์เฝ้าดูแลน้ำนิ่งอย่างดีไม่ห่างตา




[มีต่อ]

















Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2016 22:12:43 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง
«ตอบ #1 เมื่อ07-10-2015 21:11:20 »

[ต่อ]


แรกพบ




      ตึก!  ตึก!

      เสียงย่ำเท้าหนักและเร่งรีบของสิงห์ทำให้คนงานที่กวาดใบไม้แห้งอยู่บใกล้ๆ รั้วไม้ระแนงหันมาดูด้วยความฉงน ได้ยินเสียงร้องถามแว่วๆ แต่สิงห์ไม่ได้สนใจ รีบมุดตัวออกจากรอยแยกของรั้ว เร่งฝีเท้าตามเสียงที่ได้ยินตอนแรกคิดว่าแมวร้อง แต่เมื่อตั้งใจฟังดีๆ มันเป็นเสียงร้องของทารกที่ทั้งแผ่วเบาและขาดห้วง

       เสียงสะดุดหยุดลงก่อนที่เขาจะไปถึงต้นกันเกราใหญ่แค่ห้าหกก้าว  ร่างสูงใหญ่หยุดนิ่งฟังสรรพเสียงรอบข้าง แต่ทุกอย่างกลับเงียบงัน ไม่มีแม้แต่แรงลมที่พัดใบไม้ สิงห์ยกมือขึ้นปาดเช็ดเหงื่อจากลมร้อนเดือนเมษายนที่ชื้นตามไรผมจนเปียกชุ่ม

       ขณะที่กำลังขยับเสื้อไล่ลมร้อนเสียงร้องแผ่วเบาดังแว่วมาอีกครั้ง ร่างสูงชะงักค้างเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะก้าวขาไปจนถึงใต้ต้นกันเกราใหญ่ มือหนาแหวกพงหญ้าออก....

      ร่างสูงชาวูบราวกับถูกช็อตด้วยไฟฟ้าหลายพันโวลล์ หัวใจกระตุกวูบเหมือนตกหลุมอากาศ ก่อนที่เจ้าก้อนเนื้อเล็กๆ นั้นจะกระหน่ำเต้นแรงจนแทบทะลุ  ร่างสูงทรุดตัวลงข้างห่อผ้าปูที่นอนเกรอะเลือด  ร่างในห่อผ้ากำลังดิ้นรนหนีบางอย่างด้วยความเจ็บปวด

       มือสั่นเทาคลี่ผ้าออกกว้างทำให้เห็นว่าตามตัวของเด็กทารกยังมีเลือดเกรอะกรังและมดแดงกำลังรุมกัดตามผิวอ่อนนั่น สิงห์รีบปัดไล่มดออกจากร่างเล็กจ้อย  มือซ้อนอุ้มประคองตัวเจ้าเด็กนั่นขึ้นแนบอกอย่างทะนุถนอม

      “แอ๊  แอ๊....” 

      “ชูว์...โอ๋ โอ๋ ไม่ร้องนะเด็กดี  พี่อยู่นี่แล้ว เด็กดีของภูมิ”

       ริมฝีปากได้รูปของคนตัวโตปลุกปลอบให้ร่างเล็กจ้อยในอ้อมกอดหยุดร้อง เหมือนเด็กจะรับรู้และสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยที่ได้รับจากอ้อมอกอุ่น  มือเล็กเหี่ยวย่นเปรอะเลือดวางสงบนิ่งบนอกซ้ายของเด็กชาย ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ  ความสุขอุ่นวาบแผ่นซ่านไปทั่วร่างแกร่ง ท่วมท้นจนอธิบายไม่ถูกกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ตัวเองได้รับ รอยยิ้มกว้างขวางระบายเต็มหน้ากับอากัปกริยาของร่างจ้อย เป็นนานกว่าสิงห์จะรู้สึกตัวและหันหลังกลับเดินแกมวิ่งอย่างร้อนรนมุดกลับเข้าไปในรั้วเดิมที่เพิ่งออกมา


      “ลุงแสงรีบไปเตรียมรถ”


      “ครับ ครับ”



       สิงห์ทั้งวิ่งทั้งตะโกนสั่งให้ลุงแสงซึ่งกวาดใบไม้อยู่บริเวณนั้นอย่างร้อนรน  พ้นรั้วไม้ระแนงนั้น  เด็กชายวิ่งมาจนถึงห้องหนึ่งใต้ทุนเรือน ผลักประตูอย่างแรงจนเสียงดังลั่น ทำให้หญิงวัยกลางคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานเงยหน้าขึ้นมองและเตรียมจะตำหนิการกระทำของเด็กชาย แต่เมื่อมองเห็นสีหน้ากังวลใจ และสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดของคนที่เปิดประตูเข้ามา ทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงตำหนิออกมาได้ เธอรีบลุกออกมาจากโต๊ะทำงานตรงมายังเด็กชายก้มมองทารกในอ้อมแขนของเด็กชาย

      “คุณแม่ครับ ชะ.. ช่วยน้องด้วย เลือดเต็มไปหมดเลย ช่วยน้องด้วยครับ น้องจะตายช่วยน้องด้วยนะครับนะครับ น้องเจ็บ...”  เสียงที่ร้อนรนกระวนกระวายใจของเด็กชายทำให้เธอรีบยื่นมือออกไปรับ  ทารกมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง และสั่งให้เด็กชายไปเรียกตาแสงเอารถออกเพื่อพาทารกไปโรงพยาบาล

      “รถอยู่หน้าเรือนแล้วครับ”

      “งั้นก็ไปกัน”

.....................................................





      หน้าห้องฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลประจำจังหวัด เด็กชายรู้สึกว่าเข็มนาฬิกาที่เขานั่งจ้องมันอยู่นี่ทำไมกระดิกช้า แต่ละวินาทีที่ผ่านไปมันเหมือนจะพลอยทำให้เขาอึดอัดหายใจไม่ออก สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ก็เหมือนมันจะไปไม่ถึงปอด มันนานเกินไปจนเริ่มนั่งไม่ติด ต้องผุดลุกนั่งด้วยความกระวนกระวายใจทุกห้านาทีเพื่อชะเง้อมองว่ามีใครสักคนออกมาจากห้องฉุกเฉินนั้นแล้วรึยัง แต่จนแล้วจนรอดประตูห้องก็ยังปิดสนิท

      “คุณแม่น้องจะเป็นอะไรไหม ผมห่วงน้อง” 

       มือใหญ่ของเด็กชายยกขึ้นเขย่าแขนของผู้เป็นแม่   ริมฝีปากเอ่ยถามด้วยความห่วงใยน้องน้อย สายตาสีแปลกทอประกายความกังวลเต็มพื้นที่  หญิงสูงวัยดึงเด็กชายเข้ามานั่งใกล้ๆ ยกมือบอบบางของตัวเองตบลงเบาๆ ที่มือของเด็กชายที่กุมอยู่บนแขนของตัวเอง

      “น้องจะไม่เป็นไรจ๊ะ”

      “แต่ทำไมอาหมอไม่ออกมาสักทีล่ะคุณแม่ อาหมอต้องช่วยน้องได้ใช่ไหมครับ”  เด็กชายทอดสายตาอ้อนวอน ดั่งจะเค้นหาความมั่นใจจากผู้เป็นแม่ว่าน้องจะไม่เป็นอะไร

      “สิงห์ใจเย็นๆ ลูก”   หญิงผู้เป็นแม่ดึงเด็กชายเข้ามาโอบกอดเหมือนจะเป็นการปลอบประโลมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน




      ผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า พร้อมกับมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นจนเจ็บปวดใจของเด็กชาย ในที่สุดประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก คุณอาหมอก้าวเดินออกมาจากหลังบานประตู เด็กชายรีบลูกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติวิ่งถลาเข้าไปหาคุณอาหมอ มือกำชายเสื้อกราวน์ด้วยความกังวัล

       “คุณอาหมอ น้องผม น้องผมเป็นยังไงครับ”  เด็กชายระล่ำระลักถามคุณอาหมอด้วยความร้อนใจอยากรู้อาการของน้อง

      “ไม่เป็นไรแล้วครับ น้องปลอดภัยแล้ว”  คุณอาหมอตอบเสียงเหนื่อยล้าแต่เจือไปด้วยความอ่อนโยน มือใหญ่ยกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มบนหัวทุยเพื่อให้กำลังใจเด็กชาย

      “สวัสดีครับคุณพี่ ถึงเด็กจะปลอดภัย แต่ผมอยากจะให้อยู่ที่นี่สักระยะเพื่อรอดูให้ละเอียดก่อนว่ามีอาการแทรกซ้อนหรือไม่ เด็กคลอดก่อนกำหนดตัวเล็ก มีอาการตัวเหลือง แล้วปอดไม่ค่อยแข็งแรง จำเป็นต้องเข้าตู้อบและดูแลอย่างใกล้ชิด ตามตัวที่มดกัดผมป้ายยาให้แล้วครับ”

      “เอางั้นก็ได้ พี่อยากจะให้หมอดูแลอย่างใกล้ชิด พี่ฝากด้วยนะจ๊ะ”  คุณแม่กล่าวฝากฝังพิเศษกับคุณอาหมอ

      “ครับคุณพี่ เดี๋ยวผมคงจะต้องขอตัวมีเคสพิเศษเข้ามานะครับ สวัสดีครับ” คุณอาหมอรับปาก ก่อนจะเอ่ยขอตัวเพราะพยาบาลเข้ามาตามให้ไปดูเคสด่วน

      “ไปทำงานเถอะ ขอบใจมากที่เป็นธุระให้ทุกอย่างเลย”  คุณวาดยกมือขึ้นตบที่ไหลของคุณอาหมอด้วยความขอบคุณ หมอหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ลาก่อนจะผละตัวเดินตามพยาบาลไป

      “งั้นเราไปดูน้องกันนะครับคุณแม่”  เด็กชายฉุดแขนของผู้เป็นแม่ไปทางห้องเด็ก



      คุณวาดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็ก ตลอดสองสัปดาห์ที่น้องอยู่โรงพยาบาลไม่มีใครมาแจ้งว่าเป็นพ่อแม่  ตำรวจทำสำนวนปิดคดีและสรุปง่ายๆ ว่าน่าจะเด็กสาวใจแตกที่รักสนุกสักรายที่ไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตเล็กๆ นี้ได้  จึงคิดทำแท้งเพื่อฆ่าเด็ก แต่เด็กไม่ตายจึงนำมาทิ้งไว้

      สิงห์ไม่อยากจะคิดหาคำอธิบายให้กับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเด็กน้อย ตั้งแต่ได้เห็นหน้าเล็กๆ นั้น  มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่ยากเกินบรรยาย เด็กชายรับรู้ได้ว่าระหว่างเรามีเส้นใยบางที่ชักนำให้เราเจอกันเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกัน  แล้วกรรมเป็นตัวชักพาให้คนเรามาอยู่ด้วยกันรับใช้กรรมร่วมกัน นี่ยังไม่รวมถึงบริเวณที่ถูกทิ้งก็ที่เดียวกันอีก

      “ขอน้องให้ผมนะครับ” 

      “หืม...!?”  คิ้วเรียวสวยของคนเป็นแม่ยกขึ้นเป็นคำถามไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กชายกล่าวออกมา

       “นะครับขอน้องให้ผม ผมไม่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้หรือเจ็บปวดเพราะเวลาข้างหน้าผมไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ผมสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุดเท่ากับชีวิตผม”


       “แม่เชื่อใจได้ใช่ไหมจ๊ะว่าสิงห์จะดูแลให้ดีที่สุด” 


       ตาสีแปลกคู่นั้นบอกเล่าถึงความรู้สึกพิเศษที่คนๆ หนึ่งจะมีให้อีกคนหนึ่งโดยไม่มีเงื่อนไข กว่านาทีคุณวาดจึงหลุดยิ้มกว้างอ่อนโยน มืออบอุ่นของแม่วางลงบนผมนิ่มของสิงห์ลูบไปมา สิงห์ยิ้มตอบ




      ตั้งแต่วันนั้นน้องน้อยจึงเป็นสมาชิกของเรือนชิดชล เป็นครอบครัว เป็นทั้งชีวิตของเด็กขายภูมิรพี เป็นเด็กเลี้ยงที่เด็กชายภูมิรพีตั้งชื่อให้ว่าว่า “น้ำนิ่ง” และพระคุณเจ้าที่วัดใกล้บ้านที่คุณวาดศรัทธาตั้งชื่อจริงให้ว่า “นภนที บุลวัชร”


      นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสายใยผูกพันเส้นบางๆ  ของคนสองคนที่เป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน...









Credit :  babyphotography1

TBC. :bye2:

ปล.นิยายเรื่องแรกที่อยากจะเขียนเพื่อสนองความต้องการของตัวเองฝากติดตามด้วยนะครับผม :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2016 22:00:46 โดย WiChy »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: เด็กเลี้ยง [7102558]
«ตอบ #2 เมื่อ07-10-2015 21:21:42 »

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง [7102558] EP.2
«ตอบ #3 เมื่อ07-10-2015 22:16:24 »

2.1






      16 ปีที่ผ่านมาหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งสิงห์ 'ตาลุงขี้หวง' คำล้อเลียนจากน้ำนิ่ง ที่ทำเอาผมหน้าหงิกงอแต่ก็ฝืนทนยอมรับมันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง อายุที่เพิ่มขึ้นทุกปีของน้ำนิ่งไปกันได้ดีในระนาบเดียวกันกับอาการหวงแหนเด็กเลี้ยงของผม

      นภนที อายุ 16  ปี กับส่วนสูง 164 ค่อนข้างผอมบางกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แขนขาเรียวเล็ก จับทีแทบจะหัก หน้าสวยหวาน (จนถูกจับแต่งหญิงให้เล่นละครเวทีของโรงเรียนเป็นประจำนั่นแหล่ะ) เจ้าเด็กนี่แอบมีส่วนเว้าส่วนโค้งราวกับผู้หญิงอีก ตากลมโต ขนตางอนยาว ปากสีชมพูอวบอิ่มช่างเจรจาจูบทีมีเคลิ้ม ผิวสีน้ำผึ้งจางเนียนละเอียดเวลาสัมผัสเรียบลื่นราวไหมเนื้อดี ผมหยักศกน้อยๆ สีน้ำตาลอ่อนเวลาลูบนุ่มมือ

       น้ำนิ่งเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดซึ่งเป็นชายล้วน แล้วเจ้าตัวเค้าก็ดังพอตัวรุ่นพี่รุ่นน้องรู้จักทุกคน มดแมลงเยอะก็รู้กันอยู่ เผลอนิดเผลอหน่อยมันคอยจะเข้ามาเจาะไซ้ตลอด อย่าให้ภูมิรพีต้องพูด

      เด็กน้อยไม่เรียกผมว่าสิงห์เหมือนคนอื่นและไม่มีคำว่าพี่นำหน้า เขาเรียกผมว่า “ภูมิ” และแทนตัวเองกับผมว่า “หนู”  วันดีคืนดีมีเรียก “ลุง” ด้วยน้ำเสียงแบบ...เฮ้อ!! ไม่อยากจะพูดของมันขึ้น



      ผมกับน้ำนิ่งเราไม่ได้อยู่เรือนชิดชลแล้ว ผมซื้อที่ดินว่างเปล่าแถบชานเมืองปลูกบ้านเรือนไทยอยู่ด้วยกัน มียายชื่น พี่นิ่ม  แม่บ้านและคนสวนอีก  6  คน ตามมาอยู่ด้วย จุดประสงค์ตอนแรกคืออยากให้น้ำนิ่งมีบ้านที่เป็นบ้านของเราจริงๆ เด็กน้อยบ่นเหมือนกันว่าผมฟุ่มเฟือยเขาไม่อยากจะได้อะไรที่มันอลังการวังเวอร์

      ‘อยู่ตรงไหน ยังไงถ้าอยู่กับภูมิทุกที่เป็นบ้านของเราทั้งหมดนั่นแหละ จะทำให้มันเวอร์ทำไมไม่เข้าใจ’  น่ารักเนอะเด็กผม



      วันเวลาของผมแต่ละวันหมดไปกับการเฝ้าดูการเติบโตของน้ำนิ่ง และทำงานให้ผู้ใหญ่ตามแต่เจ้าตัวเขาจะสั่งมา  แต่โดยปกติผมใช้พรสวรรค์ที่มีสร้างรายได้ แค่พ่อค้าซื้อควายขายหมูทำเล่นๆ รอน้ำนิ่งเรียนจบแล้วจะเกษียณตัวเอง

       ความจริงตอนที่ผมขอน้ำนิ่งจากแม่ก็มีคนเสนอที่จะอุปการะนะ แต่ผมแมร่งหยิ่งไงจะรับเลี้ยงเขาแต่ไม่มีเงินเป็นของตัวเองนี่...มันก็ไม่ใช่ไง  เลยเสนอว่าจะทำแบบนี้ เขาไม่ว่าอะไรบอกแค่ว่า “เชื่อมั่นในตัวเอง” และให้รู้ว่าเขาอยู่ข้างผมเสมอ

       พ่อค้ามือใหม่อย่างผมมันมีแค่พรสวรรค์กับความมั่นใจหลายคนปลอบๆ ว่าไม่ต้องหวังสูงครั้งแรกอาจจะไม่ได้ แต่ใครจะรู้ว่าเป็นความโชคดี ความบังเอิญหรือพรสวรรค์ก็แล้วแต่ เวลาผมเคาะคำสั่งซื้อขายแต่ละครั้งไม่เคยหลุดดอย ภายในเวลาหนึ่งปีผมได้ผลกำไรจำนวนมหาศาล ความสำเร็จนั้นทำให้ผมเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในตลาดต่างประเทศในฐานะพ่อค้ามือใหม่ที่อายุน้อยที่สุด

      หลายปีที่ผันตัวเองเป็นพ่อค้าไม่เคยมีคำว่าบักโกรกในพจนานุกรมของผม  ผลกำไรที่ได้จากการ ซื้อขายผมผลักเข้าบัญชีเด็กน้อยครึ่งหนึ่ง จึงทำให้ตอนนี้เด็กผมมีเงินในบัญชีเกือบสิบหลักเข้าไปแล้ว รวยกว่าผมซึ่งเป็นพ่อค้าซะอีก..  ส่วนที่เหลือผมจัดสรรปันส่วนเก็บเข้ากองกลางส่วนหนึ่ง ค่าใช้จ่ายภายในบ้านส่วนหนึ่ง และมอบให้แม่วาดใช้บริหารจัดการภายในเรือนชิดชลส่วนหนึ่ง

      ของทุกสิ่งในโลกมันจะมีสองด้านและมีค่าความเสียหายเสมอ นั่นคงจะจริง ชื่อเสียงที่ได้มามันก็พ่วงมากับอะไรหลายๆ อย่าง พวกที่ชอบเรากับพวกที่ไม่ชอบเรา พวกได้ประโยชน์กับพวกเสียประโยชน์ ไม่รู้จะดีใจได้รึเปล่านะที่ตัวเองมีชื่อติดแบล็คลิสต์เจ้าพ่อ ไม่อยากจะบอกว่าถูกตามฆ่าหลายครั้งเหมือนกันแต่ผู้ใหญ่ช่วยไว้ทันตลอด เรื่องนี้ไม่ได้บอกให้เด็กรู้เดี๋ยวตกใจ



      วิถีชีวิตของผมกับเด็กน้อยวนลูปอยู่อย่างนั้น จนวันหนึ่งธุรกิจการผลิต นำเข้าและส่งออกสินค้าของครอบครัวบุลวัชรที่มั่นคงมายาวนานกำลังซวนเซ  สินค้าที่ส่งออกถูกปลอมปน เปลี่ยนแปลงคุณภาพจนต้องชดใช้เงินให้แก่บริษัทคู่ค้าเป็นจำนวนมหาศาล ผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมาไม่มีผลกำไรเท่าที่ควรจะเป็น แค่นี้ก็ทำให้ธุรกิจแทบทรุด

       แต่ดูมันจะยังเลวร้ายไม่พอ  แม่เล็กรู้เรื่องก็พยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองไม่อยากให้แม่ใหญ่คิดมาก  บริษัทกำลังจะล้มละลายและจะถูกเทคโอเวอร์จากบรรษัทเงินทุนในเครือ ACE โรงงานที่กำลังสร้างใหม่ต้องชะงักการก่อสร้างเพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียน 

       ความเครียดสะสมจากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาแทบจะทุกทาง  ทำให้แม่เล็กคิดมากจนเส้นเลือดในสมองแตก  แม้จะนำตัวส่งโรงพยาบาลและสามารถช่วยไว้ได้ทันท่วงที แต่ก็อย่างว่าเรายังจ่ายค่าของไม่ครบ คุณแม่เล็กเป็นอัมพาตขยับไม่ได้ครึ่งตัว ทุกคนในบ้านต่างทุกข์ใจ หลายชีวิตในบ้านรอความหวัง  แม่ใหญ่ซึ่งอายุมากแล้วต้องเข้าบริหารทั้งที่บริษัทและดูแลคุณแม่เล็กร่างกายเริ่มทรุดโทรมและส่อเค้าป่วยกระเสาะกระแสะ แต่ก็พยายามทำตัวเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้กับทุกคน

       ผมไม่อาจทนดูต่อไปได้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมผ่ายผอมลงไปมาก ผมบนศีรษะแซมสีดอกเลามากขึ้น แก้มซูบตอบ หางตามีรอยย่นของกาลเวลาชัดเจน  หน้าตาเหนื่อยล้า แต่แววตายังเปล่งแสงของความรักส่งมาให้ผม  ผมคุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิงที่มอบความรักความห่วงใยให้ผมโดยไม่มีเงื่อนไข ดึงร่างผ่ายผอมเข้ามากอดด้วยความรัก แม่ใหญ่ยกมือผ่ายผอมขึ้นมากอดผมไว้แน่น  ผมพึมพำกับอกผู้หญิงที่รักที่สุดว่า  “เชื่อใจผม”

       แม่ใหญ่ผลักตัวผมออกมา มองสบตา ยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ แล้วดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง จูบเบาๆ ลงที่หัวของผม พึมพำแค่ว่า “แม่รักสิงห์ที่สุด”

       ความรักและอ้อมกอดของผู้หญิงคนนี้มันอุ่นวาบกรุ่นกำจายในใจของผม ผู้หญิงที่ไม่ได้อุ้มท้องและไม่ได้คลอดผมออกมา ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงแต่รักผมสุดหัวใจยิ่งกว่าลูกในอุทธรณ์ของตัว ร่ำไห้เงียบๆ กับบ่าของผม น้ำตาที่ไหลจนเปียกชุ่มบ่าบีบรัดใจผมแทบขาด  ผมสัญญากับตัวเองว่าจะเอาคืนคนที่มันทำให้แม่เป็นอย่างนี้ให้ถึงที่สุด



      ผมจำเป็นต้องเรียนหลักสูตรบริหารแบบเร่งรัด โดยความช่วยเหลือจากพี่ณิต พี่พี กับคุณพิสิฐทนายประจำตระกูล  พี่ณิตและพี่พี เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นเด็กกำพร้าที่แม่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย  จึงรักและเทิดทูนแม่ยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด ทั้งคู่จบบริหารธุรกิจเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาลัยดังของรัฐแห่งหนึ่ง และเข้าทำงานกับคุณแม่เล็กทันทีที่เรียนจบ

       ส่วนคุณพิสิฐเป็นลูกชายคุณลุงประสิทธิ์ทนายความเก่าแก่ประจำตระกูลที่ปลดเกษียณตัวเองไปเลี้ยงหลาน และให้คุณพิสิฐมาทำงานแทน ทั้งสามมีความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต และไว้ใจได้ 

       เส้นทางการทำงานของผมมันไม่ได้ปูด้วยพรมแดง เนื่องจากผมปรับเปลี่ยนระบบบริหารจัดการภายในบริษัทหลายอย่าง จึงทำให้มีทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์อย่างที่กล่าวไว้แล้ว สองสามเดือนแรกของการบริหารงานเหมือนมันจะสงบเรียบร้อยดีแต่ผมรู้ว่ามันมีคลื่นใต้น้ำอยู่

      เดือนที่สองผมยอมเสียส่วนลด 3 เปอร์เซ็นต์ที่จะได้จากการส่งออกสินค้าให้กับบริษัทคู่ค้า สินค้าที่พวกเขาจะได้ก็ไม่ได้ลดเกรดหรือคุณภาพแต่อย่างใด พวกเขามีแต่ได้กับได้มันเป็นการให้เพื่อซื้อใจคน  สิ่งที่ผมคิดหรือผมทำมันเหมือนคนโง่ยังไงก็ขาดทุน แต่ในทางกลับกันผลตอบแทนอย่างอื่นที่มันจะกลับคืนมามหาศาลกว่าเงินส่วนลด 3 เปอร์เซ็นต์ที่เสียไปนั่นอีก

      หลังจากคุณคมกิจญาติของคุณแม่และคนเก่าแก่ของเจ้าสัวกู้รู้เงื่อนไขที่ผมต่อรองกับบริษัทคู่ค้าพวกเขาเหล่านั้นได้เข้ามาพบผมในทันทีซึ่งน่าตลกสิ้นดี

      “สวัสดีครับคุณอา มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”  ผมทำความเครารพคุณคมกิจและคนเก่าแก่ของเจ้าสัวเส่ง ก่อนที่จะเชิญทุกคนนั่ง

       “ฉันมาในฐานะผู้ใหญ่ของบริษัทและเป็นคุณอาของแม่เธอแค่อยากจะมาเตือนเด็กเมื่อวานซืนที่มันผยองอวดเก่งทำอะไรข้ามหัวผู้ใหญ่”  คุณคมกิจเปิดประเด็นด้วยคำพูดและสีหน้าค่อนข้างโกธรเกี้ยว

      “คุณอากล่าวหาแรงไปหน่อยนะครับ ผมทำดีที่สุดกับสิ่งที่ผมมี” ผมยกยิ้มพูดสัพยอกคนกลุ่มนั้นออกไป

      “ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเธอ สิ่งที่เธอทำมันเป็นความคิดของเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้อะไรเลย  เธอทำอะไรโดยพละการไม่ปรึกษาคนเก่าแก่อย่างฉันและคุณอาทั้งหลายเลย  แม้นเหมือนก็ยังต้องปรึกษาพวกฉันก่อนจะทำอะไร  ที่สำคัญพวกฉันคงไม่ทนดูเธอบริหารงานจนบริษัทล่มจมหรอกนะ”  คุณคมกิจเอ่ยคำพูดตำหนิเสียงเข้ม

      “เรื่องทำให้บริษัทล่มจมต้องถามคุณอาแล้วละครับ ส่วนที่ผมทำคุณแม่ให้สิทธิ์ขาดการตัดสินใจ ทุกเรื่องในบริษัทกับผม  คุณอาไม่จำเป็นต้องห่วงนะครับ ขอแค่ทำงานของคุณอาให้ดีก็พอแล้วนี่ครับ”  ผมกล่าวเสียงเรียบเหมือนไม่ใส่ใจพร้อมยกยิ้มการค้าให้คนกลุ่มนั้น

      “เธอนี่มัน... ฉันเตือนด้วยความหวังดีบริษัทนี้ไม่ใช่ที่เล่นขายของ ไม่เข้าใจว่าสองคนนั้นไว้ใจให้ เด็กที่เก็บมาเลี้ยงแถมไม่มีความรู้อะไรเลยมาบริหารงานได้ยังไง รั้งแต่จะทำให้บริษัทเสียหาย ฉันคงต้องพูดเรื่องนี้กับเหมือนวาดให้เข้าใจ”  คุณคมกิจยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจ

      “ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับคุณอา อย่างที่ผมได้นำเรียนไปไม่มีอะไรที่คุณอาต้องห่วง ทำงานของคุณอาให้ดีก็พอครับ  อ้อ ผมขอตัวนะครับต้องเข้าประชุมกับฝ่ายผลิต  เชิญครับ” 

       ผมกล่าวกับคนเหล่านั้น ยกยิ้มส่งท้ายก่อนที่คนกลุ่มนั้นจะออกไปจากห้อง  ไม่ได้ใส่ใจนักกับคำพูดของคนกลุ่มนั้น เพราะใจผมมันไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยกับการเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ทิ้งขวาง เพราะคนสำคัญที่อยู่รอบตัวผมเขาเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นให้ผมจนเต็มอยู่เสมอไม่เคยขาด...

      ผมใช้พรสวรรค์ที่ตัวเองมีอยู่ผลักดันให้บริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จในเดือนที่สามได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นหุ้นพื้นฐานที่น่าจับตามองและน่าลงทุนในตลาด บริษัทยังไม่มีผลกำไรจากการประกอบการ  แต่ความเชื่อมั่นความไว้ใจค่อยๆ คืนกลับมา บริษัทเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ มันคุ้มค่ากับที่พวกเราทุ่มเททำงานอย่างหนักจนแทบไม่มีเวลาจะพักผ่อน 

 

       ผมไม่ได้เจอเด็กน้อยเลยตั้งแต่วันนั้น ไม่ได้ละเลยหรือลดความสำคัญของเด็กแต่อย่างใด  ใจผมยังเป็นห่วงหวงอยู่เสมอ ความรักที่มีต่อเด็กมันเพิ่มพูนมากขึ้นตามเวลาที่ผมไม่ได้เจอเค้า อยากเจอใจแทบขาดแต่ไม่ได้เจอ ผมอยากจะเร่งทำงานแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้จบโดยเร็ว จะได้วางมือให้พี่พีเข้ามาบริหารงานแทน  หลังวางมือจากบริษัทผมจะได้ทำสิ่งที่ผมกับเด็กน้อยอยากทำด้วยกันในอนาคตข้างหน้า 

        ‘สวัสดีครับ ยายหนูกลับมาจากโรงเรียนรึยัง’

        // กลับมาสักพักแล้วจ๊ะสิงห์  นี่ก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นบอกว่าจะลงครัวเองวันนี้ นั่นเขาดีใจว่าสิงห์จะกลับมาทานข้าวด้วย หน้างี้บานเป็นจานเชิงแล้วมั้ง ไม่ได้เจอสิงห์นานแล้วนี่เนอะ”

        ‘ช่วงนี้ปลีกตัวไม่ได้จริงๆ ครับยาย บริษัทเข้าขั้นวิกฤตรุนแรงมาก ต้องสะสางปัญหาหลายอย่างเลย แต่นี้ก็ใกล้จบเรื่องแล้วล่ะครับยาย ผมก็หวังอยู่ว่าหนูเขาจะเข้าใจที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้ช่วงนี้ ‘

        // ยายเข้าใจจ๊ะสิงห์ ก็อธิบายให้เขาฟังอยู่ว่ามันจำเป็น น้ำเขาก็ดูไม่พูดอะไรรับฟังนิ่งๆ แต่ยายว่าน้ำเขาเงียบๆ ไม่ค่อยสดใสเท่าไร//

        ‘ผมจะพยายามเร่งให้ปัญหามันจบเร็วๆ ครับยาย แต่วันนี้ยังไงผมก็กลับแน่ครับ ‘

        // อ๊ะน้ำกำลังลงมาพอดีจะคุยกับน้องไหมจ๊ะ//

        ‘ ไม่ดีกว่าครับยาย เดี๋ยวอดใจไม่ไหวบึ่งรถกลับบ้าน ผมถูกตำหนิจากบริษัทคู่ค้าที่กำลังจะเข้าพบอีกสิบนาทีแน่ๆ ’

        // จ๊ะงั้นไปทำงานเถอะ สวัสดีจ๊ะ //

        ‘สวัสดีครับยาย ‘



       นั่นเป็นอีกครั้งที่ผมผิดสัญญา  วันนั้นผมไม่ได้กลับบ้าน ต้องบินด่วนไปฝั่งยุโรปมีเหตุสุดวิสัยคู่ค้าไม่ยอมเจรจากับพี่พีซึ่งเป็นตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจจากผม  เขายืนยันต้องเป็นผมคนเดียว บริษัทเราเพิ่งจะฟื้นตัวความไว้วางใจความน่าเชื่อถือยังเปราะบางมาก  หากผมไม่ไปสิ่งที่เราทุ่มเทกันมาทั้งหมดก็จะไร้ประโยชน์ พอไปถึงว่าจะโทรกลับมาบอกเด็กน้อยปรากฏว่าผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะในห้องทำงานสามวันต่อๆ มาผมแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองต้องเข้าพบคนนั้นคนนี้  แถมผู้ใหญ่ใจดีรู้ว่าผมบินมาทำงานที่สิงคโปร์ก็สั่งให้ไปดูงานให้เขาด้วยคนงานที่นั่นนัดหยุดงานประท้วงเรื่องค่าแรง ยุ่งจนไม่มีเวลาจะหาโทรศัพท์โทรหาเด็กน้อยก็หวังว่าเขาจะไม่งอนผม....
 


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2016 22:06:12 โดย WiChy »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: เด็กเลี้ยง [7102558] EP.2.1
«ตอบ #4 เมื่อ08-10-2015 00:24:56 »

พี่สิงห์กินเด็กสินะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: เด็กเลี้ยง [7102558] EP.2.1
«ตอบ #5 เมื่อ08-10-2015 06:43:06 »

เนื้อเรื่องน่าสนใจ  คำบรรยายให้ความรู้สึกแบบภาษารุ่นเก่าในบางครั้งไม่ทราบว่าคนแต่งตั้งใจหรือเปล่า?   

ตอนที่ 2.1 นั้นเริ่มต้นบรรยายเป็น GEV  แล้วก็กลับมาเป็นการเล่าจากมุมมองของบุรุษที่ 1  ทำให้รู้สึกแปลกๆอาจจะเพราะว่าไม่มีการแยกย่อหน้าที่ชัดเจนก็ได้

มีคำผิดนิดหน่อยค่ะ ลุกขึ้น   กังวล

คำว่าบักโกรกที่ใช้นี่หมายถึงสุขภาพของสิงห์หรือหรือว่าการประสบความสำเร็จในการทำงานของสิงห์คะ?

รออ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง [7102558] EP.2.1
«ตอบ #6 เมื่อ08-10-2015 09:14:49 »

เนื้อเรื่องน่าสนใจ  คำบรรยายให้ความรู้สึกแบบภาษารุ่นเก่าในบางครั้งไม่ทราบว่าคนแต่งตั้งใจหรือเปล่า?   

ตอนที่ 2.1 นั้นเริ่มต้นบรรยายเป็น GEV  แล้วก็กลับมาเป็นการเล่าจากมุมมองของบุรุษที่ 1  ทำให้รู้สึกแปลกๆอาจจะเพราะว่าไม่มีการแยกย่อหน้าที่ชัดเจนก็ได้

มีคำผิดนิดหน่อยค่ะ ลุกขึ้น   กังวล

คำว่าบักโกรกที่ใช้นี่หมายถึงสุขภาพของสิงห์หรือหรือว่าการประสบความสำเร็จในการทำงานของสิงห์คะ?

รออ่านต่อค่ะ


ช่วงแรกของเรื่องจะแต่งโดยใช้ภาษาเก่าสักหน่อยเพราะเป็นสมัยโน้น สมัยคุณวาดกะคุณแม้น (เมื่อสักยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว)

ส่วนการแต่งเนื้อเรื่องเป็นลักษณะของคนแต่งบรรยายเองด้วย  ตัวละครบรรยายความรู้สึกด้วย จึงอาจจะแปลกแปร่งสักหน่อย

ขอบคุณสำหรับการตรวจคำผิดครับผม อ่านหลายครั้ง แก้ไขเนื้อเรื่องหลายครั้ง จนบางทีเบลอๆ เอง (คือเรื่องนี้เขียนไว้ตั้งกะสองปีที่แล้ว)

"บักโกรก" ในที่นี่หมายถึงการทำงานของสิงห์ครับ ออกจะเป็นภาษาวิบัติของเรื่องหุ้นหน่อยๆ

และขอบคุณทุกการติดตามครับผม ^^

ออฟไลน์ aaoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เด็กเลี้ยง [7102558] EP.2.1
«ตอบ #7 เมื่อ08-10-2015 10:04:21 »

น่าสนใจดี  ติดตามจร้า :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
Re: เด็กเลี้ยง [7102558] EP.2.1
«ตอบ #8 เมื่อ08-10-2015 10:04:53 »

การดำเนินเรื่องน่าติดตามมากครับ

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง [8102558] EP.2.2
«ตอบ #9 เมื่อ08-10-2015 11:29:53 »

2.2



     ผมเพิ่งบินกลับมาถึงไทยเมื่อสักชั่วโมงนี้เอง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำตัวยังกับเป็นศิลปินดังออกทัวร์คอนเสริ์ตก็ไม่ปาน  สิงคโปร์เป็นประเทศสุดท้ายที่ผมเข้าพบผู้บริหารของบริษัทลีเทรดดิ้ง จำกัด (มหาชน) คู่ค้ารายใหญ่ของสิงคโปร์ พร้อมกับลงนามทำสัญญาทางธุรกิจ  ตอนแรกคิดว่าจะเซ็นสัญญาเสร็จตั้งแต่วันแรกแต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาดหวัง คุณโซเฟียประธานกรรมการบริหารขอเลื่อนการเซ็นสัญญามาเป็นเมื่อวานจะให้พี่พีอยู่แทนเธอไม่ยอมระบุต้องเป็นผมเท่านั้น เลยต้องให้พี่พีกลับมาดูงานทางนี้ก่อน

        คิดถึงอยากกลับไปหาเด็กมากครับแต่โดนสกัดดาวรุ่งซะก่อน พี่มันโทรเข้าหาคุณพิสิฐให้ผมเข้าบริษัทก่อนมีเรื่องจะคุย ผมเลยต้องเปลี่ยนเส้นทางมาที่บริษัทแทน  เปิดประตูห้องเข้ามาพี่พีกับพี่ณิตนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

        “กว่าจะมาได้นะมึง ติดใจละสิถึงได้ยืดเวลาอยู่ด้วยกันแล้วกลับมาเอาจนปานนี้”  พี่พีพูดเสียงประชดเปิดประเด็น

        “ได้ข่าวว่าเขาสวยมากนี่ ดินเนอร์สุดหรูที่ The Sky on 57 มารีน่า เบย์ แซนด์ส คงจะปริ่มเปรมมากจนถึงกลับต้องเลื่อนเที่ยวบินมาเป็นบ่ายวันนี้เลยเหรอวะไวไฟนะมึง”  พี่ณิตกล่าวน้ำเสียงประชดประชันอีกคน

        “พวกพี่จะประชดผมเพื่อ...??  มันก็แค่งานเปล่าวะ”

        “แค่งานจริงน่ะ แต่ไอ้ที่ควงกันสวีทหวานช๊อปปิ้งห้างดังกลางสิงคโปร์ก็คืองานเหรอวะ” พี่พีถามสีหน้าจริงจัง

        “มันก็น่าจะเป็นยังงั้นไม่ใช่เหรอพี่  ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ใครอยู่ใกล้แล้วไม่หลงรักก็คงจะบ้ามาก  เก่งไปหมดซะทุกอย่างเอาอกเอาใจจนเราเคลิ้ม แต่ส.....” 



   -พลั๊ก-

         ผมยังพูดไม่จบ หมัดไม่มีตาของพี่ณิตชัดเปรี้ยงเข้าหน้าผมเต็มๆ จนสะบัดไปตามแรงเหวี่ยง เสียหลักล้มลงกับพื้นหูอื้อไปชั่วขณะ เท้าเบอร์ 12 (ไซด์ฝรั่ง) อัดกระแทกเข้าสะบักเอวค่อนข้างแรง ผมนอนจุกตัวงอ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มปากจนต้องบ้วนทิ้งสะบัดหัวไล่ความมึนงง 

         “แมร๊งเอ้ย!!... กูสงสารน้องจริงๆ โง่ทนนั่งรอจนตัวเองจะตายห่า  แต่อีกคนกลับระเริงมีความสุขอยู่กับหญิงอื่น กูอยากให้มันตายไปจริงๆ จะได้ไม่ต้องทนเจอเรื่องเจ็บปวดห่าเหวนี่”  พี่ณิตสบถดังลั่นด้วยความโมโหกำลังจะเข้ามาซ้ำผมอีกรอบ แต่พี่พีเข้ามาดึงตัวออกไปก่อน

         “เฮ้ย พอ พอ ใจเย็นๆ ณิต”

         “มึงจะให้กูใจเย็นได้ยังไงวะ! ดูที่มันทำตอนนี้น้องเป็นยังไงมึงก็เห็น ยังจะให้ใจเย็นอีกเหรอ” พี่ณิตด่าเสียงดังลั่นฮึดฮัดพยายามฝืนตัวออกจากแรงกอดรัดของพี่พีให้ได้

         “ว่าอะไรนะ พี่ว่าหนูเป็นอะไร”  ผมรีบลุกขึ้นเดินไปดึงแขนพี่มันมาถามด้วยความร้อนใจ

         “จะอยากรู้ไปทำไม มึงสนใจด้วยเหรอว่ามันจะเป็นจะตายยังไง”  พี่ณิตตอบเสียงเข้มสะบัดดึงดันจะชกผมให้ได้

         “ไม่เอาน่าพอแล้ว” พี่พีห้ามปราม

         “แล้วหนูเป็นอะไร” ผมถามซ้ำด้วยน้ำเสียงร้อนรนห่วงใยอีกคน

         “น้องเป็นไข้หวัดใหญ่ขั้นรุนแรง มีภาวะปอดบวมแทรกซ้อน ถ้าส่งโรงพยาบาลช้าอีกนิดเดียวก็คงได้เผาผีกันแล้ว” พี่พีตอบผม

       “ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยทำไมไม่มีใครบอกผม”  ผมถึงกับเข่าอ่อนจนต้องนั่งลงตรงโชฟาใกล้ๆ อย่างหมดแรงเพียงแค่คิดว่าถ้าไม่มีนิ่งอยู่ต่อไปชีวิตผมจะอยู่ยังไง

       “หมามันก็คงจะตามตัวได้หรอก เล่นปิดโทรศัพท์ตลอด กูถามจริงๆ ตั้งแต่เข้าทำงานมึงกลับบ้านหาน้องมันบ้างรึเปล่า ทำอะไรเคยคิดถึงใจคนที่เขารักมึงบ้างไหม  เรื่องระยำที่มึงทำอยู่ตอนนี้ถ้าคิดว่ามันเป็นความสุขของมึงก็ทำไป แต่ขอร้องมึงปล่อยน้องกูไปเถอะ ปล่อยให้มันไปมีชีวิตของมันเอง อย่าให้มันรอโดยไม่มีจุดสิ้นสุดเห็นใจกันบ้างเหอะนะ”  พี่ณิตพูดระบายยืดยาว

          “พวกพี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น” 

          “ก็เห็นๆ กันอยู่..”

          “ฟังก่อนได้ไหมล่ะ พูดยังไม่จบก็ซัดเปรี้ยงเข้ามาเต็มๆ เจ็บนะเว้ย..ที่ผมบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นใครอยู่ใกล้แล้วไม่หลงรักก็คงจะบ้ามาก เก่งไปหมดซะทุกอย่าง เอาอกเอาใจจนเราเคลิ้มน่ะมันก็จริง แต่สำหรับผู้ชายคนอื่น ขอย้ำว่าสำหรับชายอื่น มารยาหญิงแบบนั้นมันใช้ไม่ได้กับผมหรอกที่ทำมันก็แค่ยิ้มการค้า“  ผมชี้แจงแถลงไขให้พวกพี่มันเข้าใจ

           “กูจะรู้เหรอ แมร่งแสดงออกซะขนาดนั้น”  พี่ณิตแย้ง

           >// ผมตายด้านกับผู้หญิงวะ แต่ดันขึ้นกับเด็กนั่นเพียงคนเดียวทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำห่าอะไรเลย //<   

          ผมหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะคิดว่าหน้าคงแดงด้วยความอาย พึมพำในลำคอแผ่วเบาไม่อยากให้พี่มันรู้ว่าตั้งแต่เริ่มรู้สึกถึงความต้องการตามธรรมชาติของผู้ชายที่โตเต็มตัวยังไม่เคยปลดปล่อยกับใครเลยสักคนนอกจากมือของตัวเอง ก็เดี๋ยวมันจะว่าผมอ่อนจริงๆ เวลาผมไปทำงานก็มีเด็กมาเสนอตัวให้หลายคนอยู่จะทำก็ได้  แต่จะหยิบก้อนกรวดพวกนั้นมาเชยชมทำไมในเมื่อมีเพชรอยู่ในมือ (ถึงแม้เพชรนั้นผมจะยังไม่เจียระไนก็ตาม)

          “มึงบ่นอะไรนะกูไม่ได้ยิน นินทากู??”  พี่ณิตเอ่ยถามเสียงเข้ม กำปั้นยกขึ้นเตรียมชัดหน้าผมอีกรอบ

          “โว้ย!!  พี่แมร๊งไม่มีอะไรก็แค่คิดถึงเด็กตามประสาผมนั่นแหละ”

           “แต่กูได้ยินอะไรด้านๆ  คือด่ากู?”  พี่ณิตแมร่งตาจ้องเขม็งคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้

            “มึงจะบอกไม่บอก ถ้าไม่บอกกูจะยุให้น้องงอนแมร่งยาวเลยคอยดู”

            “โธ่ ไม่ทำงั้นดิพี่...”

            “งั้นเมื่อกี้มึงบ่นอะไร”

            “โว้ย!! ไรนักหนาวะเนี่ย ผมก็แค่บอกว่า ผมไม่ขึ้น พี่แมร่ง”  ผมพูดเบาๆ ในลำคอ

          “อะไรนะกูไม่ได้ยินมึงพูดดังๆ หน่อย”  พี่ณิตมันยังไม่ยอม

            “ผมไม่ขึ้นกับผู้หญิงพวกนั้น!! จะถามเพื่อ...”   ผมตอบเสียงดังตอนแรก แต่แผ่วเบาลงในตอนท้าย  หน้าคงแดงเห่อแล้วตอนนี้ เพราะร้อนๆ ยังไงไม่รู้ พวกพี่มันปล่อยก๊ากหัวเราะดังลั่นพอใจกับคำตอบ

           “ห๊ะ!! มึงจะบอกว่าตั้งแต่มึงรู้ความมานี่มึงมีเมียเป็นนางทั้งห้าเหรอวะฮ่า ฮ่า”  พี่ณิตตาโต อ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ  แล้วสักพักก็หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง

           “สิงห์น่ารักวะ พี่ดีใจแทนน้องมันนะนี่ ไม่เหมือนใครบางคนกว่าจะมาถึงเราผ่านใครมามั่งก็ไม่รู้”   พี่พีแซวดังลั่นยกมือขึ้นบีบแก้มผม เจ็บจนต้องซี๊ดปากก็ดันบีบมาตรงรอยโดนชกเต็ม

           “โอ๊ะ โทษทีลืม ๆ ฮะ ฮ่าๆ”  ดูพี่มันทั้งผัวทั้งเมียแก้แค้นให้น้องมันเต็ม ฟังไม่ผิดหรอกครับ สองคนนี้เป็นเช่นนั้นแล

           “เดี๋ยวๆ พีครับกูว่าตอนท้ายมันทะแม่งไงไม่รู้คือจะสื่ออะไรรึเปล่าวะ ขอใช้สิทธิชี้แจงเหตุผลว่าถ้ากูไม่มีประสบการณ์มาโชกโชนจะทำคุณมึงครางลั่นขอแรงๆ ลึกๆ จนนับแต้มไม่ทันเหรอครับคุณมึง”

           พี่ณิตยกมือชี้แจง แล้วก็เต็มๆ ครับ หมัดฮุกจุกนั่งตัวงอไปแล้ว เห็นหน้าสวยแบบนั้นพี่แกโหดครับ พี่ณิตบางทีหยาบและหื่นก็สมควรโดนครับ

           “ใช่เรื่องเหรอวะณิต เดี๋ยวเย็นนี้มีเคลียร์กะกูตัวต่อตัว”   พี่พีชี้นิ้วคาดโทษ

           “ตัวต่อตัวนี่เสื้อผ้าเกี่ยวเปล่าครับคุณมึง พร้อมเมื่อไรบอก จะเอากี่ท่ากี่ยกพี่จัดเต็มจะได้รู้ว่าคนอย่างไอ้ณิตไม่ใช่มีแค่คำคุยครับ”  พี่ณิตยังปากดีทำหน้าตาท้าทายกลับ

           ”ชริ!!  แล้วที่คุณโซเฟียเค้าให้สัมภาษณ์นั่นล่ะ” พี่พีจิปากด้วยความขัดใจ เปลี่ยนเรื่องชะงั้นพูดกับคนหน้ามึนไปก็ไม่จบ  ก่อนจะหันมาถามผม

           “ผมขอไล่เคลียร์ทีละประเด็นเลยก็แล้วกัน เรื่องดินเนอร์ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะทำเซอร์ไพรส์ขนาดลงทุนเหมาทั้งภัตตาคารเพื่อกินข้าวกับผมสองคนเท่านั้น ตอนเข้าไปถึงกับอึ้งแดกทั้งภัตตาคารมีแค่โต๊ะเดียว  เธอพยายามมากเอาอกเอาใจสารพัดแต่ผมอึดอัดมากรีบกินพอเป็นพิธีสบโอกาสเหมาะขอตัวชิ่งออกมาเลย เธอชักสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไรแต่ก็เก็บอารมณ์ได้ดี แล้วใครจะสนคือถ้าจะทำแบบนี้ผมก็รับไม่ไหวเหมือนกัน แล้วที่เห็นพยุงลงจากรถมันก็แค่มารยาททางสังคมไม่มีอะไร ยอมรับแบบหน้ามึนๆ เลยว่า เธอเอาอกตูมอวบอูมมาถูจนเกือบจะหกใส่หน้าผม ไอ้น้องชายตัวดีของผมก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรอกนอนเหี่ยวเป็นมะเขือเผาพี่วางใจเหอะ”

            “โอ๊ย!! ไอ้น้องบ้าเชี๊ย ช่างเปรียบเทียบจนกูเห็นภาพเลยฮ่า ฮ่า” 

           พี่ณิตแมร่งหัวเราะดังลั่นกั้นขำจนหน้าดำหน้าแดงที่รู้ความจริงว่าผมเป็นยังไง แต่ผมไม่แคร์หรอกให้รู้กันไป ผมไม่ได้นอกใจเด็กผม อาจจะนอกกายบ้างเพราะฝ่ายหญิงเอาสินค้าเขามาให้ผมลองสัมผัส   แต่ผมไม่ได้ลองใช้ถือว่าไม่ได้นอกใจนอกกาย

           “ เรื่องช็อปปิ้งห้างดังฝ่ายนั้นเขาว่าผมเป็นผู้ชายน่าจะเข้าใจผู้ชายด้วยกันดี สัปดาห์หน้าที่บ้านเธอจะมีงานแซยิดของพ่อเลยอยากจะได้ของขวัญไปเซอร์ไพรส์  จึงขอให้ผมไปช่วยเลือกของขวัญ และจะได้ทำความรู้จักแลกเปลี่ยนแนวคิดการดำเนินธุรกิจด้วย ผมก็เลยตกลงเผื่อจะได้อะไรดีๆ มาปรับใช้กับธุรกิจของเรา  ไอ้ที่เห็นควงกันนั้นก็เพราะเขาสะดุดล้มขาเจ็บก็เลยต้องพยุง แต่การเดินห้างจบลงแค่นั้นบอดี้การ์ดส่วนตัวของฝ่ายนั้นเข้ามารับตัวไป ส่วนผมก็กลับโรงแรม

            ตอนเช้ากำลังจะขึ้นเครื่องดันมาเจอสัมภาษณ์ห่าเหวนั่น ผมแมร่งโคตรจะหงุดหงิดเลื่อนเที่ยวบิน แล้วตรงไปที่พบเธอที่ออฟฟิตเดี๋ยวนั้น  ผมบอกเขาตรงๆ เลยว่า ผมมีแฟนแล้วเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผมรักเขามากชีวิตนี้คงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว เขาถามผมว่าเป็นเกย์เหรอ  ผมเลยตอบว่าถ้าการที่ผมรักผู้ชายคนนี้แล้วทำให้คนอื่นคิดว่าผมเป็นเกย์งั้นก็คงจะเป็นเกย์ ถ้ารับตรงนี้ไม่ได้จะยกเลิกสัญญาผมก็ไม่ว่าเธอหน้าเสียนิดหน่อยแต่ก็ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็วบอกว่าผมตรงและเด็ดขาดดี  ขอโทษที่ให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้น หวังว่าจะได้ร่วมงานกันต่อไป ช่วงบ่ายเธอจัดแถลงข่าว ผมไม่ได้อยู่ดูเพราะต้องรีบขึ้นเครื่องกลับ ผมว่าเธอเป็นนักเลงพอตัวเลยหละ เข้าใจตรงกันนะ”  ผมอธิบายร่ายยาวถึงเหตุผลที่เลื่อนเที่ยวบิน

            “กูจบ แต่น้องมันไม่รู้ ความหึงหวงไม่เข้าใครออกใครมึงเข้าใจรึเปล่า อีกย่างที่มึงไม่ค่อยกลับบ้านอีกล่ะทำให้น้องมันคิดมากเป็นห่วงมาก แล้วมันมีความจำเป็นอะไรวะที่ไม่กลับบ้านพวกกูข้องใจ” พี่ณิตถามเสียงเข้ม

            “พี่ก็รู้ผมสงสารแม่ไม่อยากให้ท่านเสียใจ อีกอย่างผมซีเรียสนะช่วงนั้นเราวางใจอะไรไมได้เลยสถานการณ์มันเปราะบางแค่ไหนผมอยากจะเคลียร์ทุกปัญหาที่เกิดตอนนี้ให้มันตัดจบเร็วๆ  ก็เลยเอาเวลาทั้งหมดทุ่มเททำงาน ถ้างานไปได้สวยก็จะวางมือให้พวกพี่ทำแทน ผมอยากจะออกไปเปิดร้านอาหารหรือร้านขนมเล็กๆ กับเด็กน้อย เขาเปรยหลายทีแล้วว่าอยากจะทำแบบนั้นด้วยกัน  ผมเองก็อยากจะมีเวลาดูแลเขาให้เต็มที่”  ผมแก้ข้อสงสัย

           “เออพวกกูเข้าใจ แต่มึงไม่เคยบอกหรืออธิบายให้น้องมันฟังไง มันก็ไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ เมื่อไม่รู้อะไรเลยแล้วมันถูกปล่อยไว้อย่างนั้นก็ต้องคิดเองเออเองว่ามึงเบื่อมันไม่รักมัน ทีหลังมีอะไรก็พูดออกมาสิวะ ถึงมันจะมีความคิดหลายอย่างเหมือนผู้ใหญ่ แต่มึงเข้าใจเปล่าว่าน้องมันก็แค่เด็กอายุสิบหกมีวุฒิภาวะแค่นั้น ไม่ได้เข้าใจความคิดซับซ้อนห่าเหวแบบผู้ใหญ่หรอกนะเว้ย”

            พี่ณิตพูดมามันก็ถูก ผมคิดผิดไปจริงๆ การที่คนสองคนจะรักและเข้าใจกันได้ บางทีเวลายาวนานมันก็ไม่ได้ช่วยให้เรารู้จักกันได้ลึกซึ้ง มันมีอะไรให้เราต้องเรียนรู้กันและกันอยู่ตลอดเวลา การกระทำอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ช่วยให้อีกคนรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่

           “กูสงสารน้องมันจริงๆ วะ ใจกูแปลบเลยนะตอนที่รู้ว่ามันนั่งรอมึงจนถึงเช้า แล้วตัวเองก็ต้องมาป่วยจนเกือบช็อกตาย  สมมติว่าถ้ามันตายจริงๆ กูไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นยังไง มันไม่อยากให้มึงเหนื่อย ถึงขนาดทำขนมขายเก็บเงินให้ได้เยอะๆ อยากจะดูแลมึงเอง กูนี่น้ำตาซึมเลยช่างคิดอะไรเยอะเกิน  มึงสองคนยังกับความคิดสื่อถึงกันได้ ต่างคนต่างคิดแทนกันแต่ไม่พูดกันแล้วเมื่อไรจะเข้าใจกันวะ”  เสียงพี่ณิตที่พูดถึงเด็กน้อยมันยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

            “ผมรักเด็กนั่นพี่  รักมากหวงมากด้วย ผมไม่สัญญาหรอกนะว่าจะไม่ทำให้เขาเสียใจ อนาคตข้างหน้ายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางทีมันอาจจะเหนือการควบคุมของผม แต่ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดและก้าวผ่านมันไปพร้อมๆ กัน”  ผมให้คำสัญญาอย่างหนักแน่น

          “เออรู้กลับไปไป๊ง้อน้องมันหน่อย มันน้อยใจมึงฉิบหายแล้วป่านนี้ หนักนิดก็อภัยให้น้องมัน มึงเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจากันนะ น้องมันยังเด็ก อย่าแกล้งมันมากนักถึงแม้ว่าเวลาแกล้งแล้วมันน้ำตาเล็ดเป็นอะไรที่น่ารักมาก แต่ให้มันร้องๆ มากมึงไม่ปวดใจมั้งเหรอวะ”  พี่ณิตสั่งสอนกลัวผมจะรุนแรงกับเด็ก ใครจะกล้าดวงใจผมเลยนะนั่นน่ะ

           “ผมเคยกล้าทำรุนแรงสักครั้งเหรอ ก็รู้ว่าผมยอมตลอดแหละ”

           “เออ เออ ก็ให้มันจริงตลอดไป รีบกลับไปได้แหละ กูก็จะกลับแล้ว มีเคลียร์กับเด็กเหมือนกัน”  พี่ณิตรีบไล่

           “เออลืมไป ไอ้ที่กูลงมือกับมึงนั่นไม่ขอโทษนะเว้ย  มันสมควรโดนชดเชยกับความเสียใจของน้องมัน แต่คิดๆ แล้วกูว่ามันยังน้อยไปนะนั่น น้องเกือบตายก็เพราะมึงคนเดียวเลย อย่าให้มีอีกครั้งนะทีนี้กูเอามึงตายแทนน้องเลย”  พี่ณิตบอกเสียงจริงจังเข้มดุ
 
           “รู้แล้วน่าไม่กล้าแล้วไปละพี่”  ผมเอ่ยโบกมือลาสองคนนั่น ยิ่งรู้อย่างนี้ยิ่งอยากจะรีบกลับไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง






TBC.


ปล.  1.เรื่องก็ยังเรื่อยๆ ไม่มีปมอะไรมากมายหรอกนะคะ เพราะชีวิตจริงก็ยุ่งเหยิง ก็เลยเขียนเพื่อจรรโลงใจเท่านั้นเอง
       2. ขอบคุณสำหรับการติดตาม และคอมเม้นส์ดีเป็นกำลังใจทำงานออกมาดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เด็กเลี้ยง [8102558] EP.2.2
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-10-2015 11:29:53 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: เด็กเลี้ยง__EP.2.2 [8_10_2558]
«ตอบ #10 เมื่อ08-10-2015 12:03:01 »

พี่สิงห์รีบกลับไปดูแลน้องเลยนะ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: เด็กเลี้ยง__EP.2.2 [8_10_2558]
«ตอบ #11 เมื่อ08-10-2015 12:34:58 »

ดีใจตรงที่คนเขียนบอกว่าไม่มีปม แทบวิ่งไปกอด
ติดตามค่าา

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: เด็กเลี้ยง__EP.2.2 [8_10_2558]
«ตอบ #12 เมื่อ08-10-2015 13:30:20 »

ติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: เด็กเลี้ยง__EP.2.2 [8_10_2558]
«ตอบ #13 เมื่อ08-10-2015 13:31:15 »

เล่าเรื่องดีมาก โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ><

จนถึงตอนนี้น้ำนิ่งค่าตัวแพงเหลือเกิน ออกมาได้ 3 นาที TvT


รอน้องมาเปิดตัวนะคะ  :pig2:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: เด็กเลี้ยง__EP.2.2 [8_10_2558]
«ตอบ #14 เมื่อ08-10-2015 13:50:00 »

รอน้องมาเปิดตัวด้วยคนค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
3.1

ขอน้ำนิ่งเล่าบ้างนะ











           “เด็กดื้อของภูมิ ตื่นรึยังน้า..”  เสียงตาลุงแก่ฮะเป็นปกติเวลานี้ประจำ

           “ฮือ”  หนูขานรับนะแต่ยังไม่อยากตื่นไง เลยกลิ้งตัวหนีตาลุงไปอีกด้านยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงด้วย

           “ตื่นแล้วทำไมยังไม่ลุกละหึ  สายแล้วนะครับ” 

            ลุงยังไม่ละความพยายามดึงผ้าห่มออก พลิกตัวหนูเข้าไปในอ้อมกอดของลุงเอาจมูกปากซุกไซร้ไปตามซอกคอ ร่นเสื้อนอนขึ้นมาจนถึงอกเลื่อนปากลงไปฟัดพุงตอหนวดเคราเสียดสีละไปตามหน้าท้องทำให้หนูต้องบิดตัวให้หลุดพ้นออกจากใบหน้านั้น

            “ฮื้อ...ฮะ ฮ่า....พ พอ ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว ลุงงงง...”  อุ๊ย!! *0* ลืมตัวเรียกปมด้อยของตาลุงเค้า หนูรีบยกมือเล็กของตัวเองปิดปากเร็วพลัน โดนฟัดจนตายแน่

            “ห๊ะ!! ลุงเหรอ ลุงใช่มั้ย”  ลุงทำหน้าเหมือนโกธรเสียงเข้ม ก้มลงฟัดพุงหนูแรงกว่าเดิมอีกครั้ง ดิ้นหนีสิจั๊กกะจี้จะตายหัวเราะแทบขาดใจอยู่แล้ว

            “ฮะ ฮ่า...ภูมิไม่  ไม่เอาแล้ววว ฮะ ฮ่า..”  หนูเงยหน้าขึ้น ดวงตาสวยสีแปลกยังคงทอประกายความรักที่มีต่อหนูอยู่เต็มเปี่ยม อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นคล้องคอโน้นหน้าลงมาให้ปากเราแตะกันขบกัดริมผีปากล่างลุงเขาเบาๆ ก่อนจะผละปากออก

            “อยู่ด้วยกันอีกนะวันนี้” 

             “รักหนูเหมือนกันเด็กดีของภูมิ”  ลุงก้มลงเอาปากมาแตะปากนิ่มอีกครั้ง

             “ลุกได้ละเด็กดื้อ พระจะมาแล้วนะ”

              “อุ้ม”  ลุงยกยิ้มก่อนที่จะซ้อนตัวหนูขึ้นจากที่นอน อุ้มไปวางที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า โน้มหน้ากดจมูกสูดดมไปตามหน้าผาก ตาสองข้าง แก้มสองข้าง จบลงที่ปาก ก่อนหยิบแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันไว้แล้วส่งมาให้ แล้วตาลุงก็เดินออกไปเตรียมเสื้อผ้าให้ตามปกติ



              อ๊ะ! ขอโทษฮะเสียมารยาทจังเลยผ่านมาตั้งหลายบรรทัดหนูยังไม่ได้แนะนำตัวเลย  สวัสดีครับ ชื่อ นายนภนที  บุลวัชร  หรือน้ำนิ่ง นะครับ ปีนี้เป็นหนุ่มน้อยอายุ  16  ปี แล้ว เย้! โตไวเหมือนโกหกเลย (แต่เชื่อเถอะตาลุงนั่นยังเห็นหนูเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ) คงจะรู้จักหนูบ้างแล้วจากที่ตาลุงเขาเล่าไป ระหว่างที่ลุงเขาไปจัดการนั่นนู้นนี่ให้เดี๋ยวหนูเล่าไปก่อนแล้วกันนะฮะ

             เรื่องของหนูก็ไม่มีอะไรมากเท่าที่จำความได้ก็อยู่กับลุงเขามาตลอด  คนนี้บอกว่าดีใจที่หาเจอ เขารักและดูแลหนูดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ลุงเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตหนูเลยนะนั่น รักทุกสิ่งที่เป็นตัวตนของตาลุงคนนี้  พวกเราอยู่เรือนชิดชลจนหนูอายุได้ 7  ปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่บ้านเราเอง จำได้ว่ามันเป็นวันเกิดของหนูตาลุงเข้าเดินเข้ามาบอกหน้านิ่งๆ (ลุงเขาถือเอาวันที่เจอหนูครั้งแรกเป็นวันเกิด)

              “กลับบ้านเรากัน”

              วันนั้นก็มองหน้าตาลุงแบบล้อเล่นเหรอ?? ก็นี่อยู่บ้านแล้วจะมีบ้านที่ไหนอีก แล้วก็สะบัดบ๊อบไปลงครัวกับคุณแม่ใหญ่ ไม่เข้าใจไม่สนใจเพราะคิดว่าตาลุงเขาพูดเล่น จะมีบ้านเราที่ไหนอีก ก็ไม่รู้นี่ว่าเขาแอบไปสร้างบ้านไว้ข้างนอก คนแก่ขี้งอนน้อยใจยกใหญ่ร้อนถึงคุณแม่ต้องมาไกล่เกลี่ยอยู่นานกว่าตาลุงจะยิ้มได้

              แต่คำว่า “บ้านเรา” ที่ตาลุงเอ่ยออกมาวันนั้นมันทุ่มนุ่มอุ่นไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ  เราทั้งคู่จะได้กลับบ้าน ใจก็พลันเต้นแรงมากจนคิดว่าลุงจะต้องได้ยินมันแน่ๆ  ดีใจที่มีคำว่า “เรา”  ดีใจที่ทุกวันมี  “ลุง”

              ตอนที่ลุงบอกว่า “อยู่ด้วยกันไปนานๆ” หนูไม่ได้หวังว่ามันจะไปถึงวันไหน  แค่ทุกวันที่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นลุงยังอยู่ข้างๆ หนูก็ดีใจที่สุดแล้ว...”

             โอ้ย! ยังเม้าส์มอยไม่จบเลย เดี๋ยวเอาไว้แอบนินทาใหม่นะฮะ  ตาลุงเดินเข้ามาแล้วถ้ายังไม่เสร็จเดี๋ยวคนแก่ตรงนี้จะบ่นหูชา เขาไม่อยากให้เล่นน้ำนานหนูไม่สบายง่าย  (อ๊ะ!! เดี๋ยวสัญญากันก่อนนะห้ามบอกลุงว่าหนูแอบเรียกภูมิว่า “ลุง” เดี๋ยวคนแก่งอน)

             “เสร็จยังครับ มาภูมิถอดเสื้อให้”

             ลุงเขาจะน่ารักเสมอแหละ ดูแลหนูทุ๊ก..อย่าง ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าตื่นหรือหลับ เมื่อเสร็จครบถ้วนกระบวนความทุกอย่างเขาก็จะคิดค่าบริการเป็นจูบบ้าง หอมบ้าง ขบเม้มบ้างตามความหื่น  ณ เวลานั้น สมใจอยากเขาก็ไปจัดการกับตัวเอง??

              “เฮ้อ!! ละเหี่ยใจกะตัวเองฮะหลงรักตาลุงคนนี้มากเกินไป”

              “ไปตักบาตรกัน ยายชื่นรอแล้วมั้งปานนี้” 

              “อุ้ม”  หนูยืดตัวกางแขนออกให้ลุงเขายกตัวอุ้มเข้าเอว ตัวลุงหอมมากจนอยากจะเคลิ้มหลับอีกครั้งจริงๆ การันตีเลย


               การตักบาตรเป็นกิจวัตรประจำวันที่เราทำด้วยกันก่อนลุงจะไปส่งที่วิทยาลัยการอาชีพประจำจังหวัด ยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าเรียนเอกคหกรรม ก็กะเพิ่มเสน่ห์ปลายจวักผัวรักผัวหลงอะไรประมาณนี้ เอ๊ย!!  ไม่ใช่ล่ะก็รู้ตัวว่าเรียนไม่เก่งแต่ชอบทำอาหารขนมอะไรแบบนี้มากกว่า แค่ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ใจแตกก่อนวัยอันควร ลุงเขาตามใจอยากจะเรียนอะไรก็เรียนสนับสนุนเต็มที่เขาว่างั้นนะ

              ตอนที่มาถึงหน้าบ้านยายชื่นกับพี่นิ่มรออยู่แล้ว ถอดรองเท้าก่อนเข้าประจำที่ไม่นานหลวงปู่ก็เดินมาถึงลุงนิมนต์ให้หลวงปู่รับบาตรจนครบ รับศีลรับพร กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้คนที่เรารักและเจ้ากรรมนายเวร 

              ตักบาตรเสร็จก็ประมาณหกโมงครึ่ง กลับเข้าบ้านทานข้าวเช้าพร้อมกัน ประมาณเจ็ดถึงเจ็ดโมงครึ่ง ลุงขับรถไปส่งที่วิทยาลัย มารับอีกทีก็สี่โมงเย็นไม่เกินนี้ กิจวัตรประจำวันก็จะวนลูปอยู่แค่นี้นะฮะ แต่น้ำนิ่งก็คิดว่ามันไม่สำคัญว่าสิ่งที่ทำนั่นจะซ้ำ แต่มันสำคัญที่ว่าเรื่องซ้ำๆ ที่เราทำนั้นเราทำกับใคร ความสุขมันก็อยู่แค่นี้เอง  “แค่มีภูมิ”

              กระทั่งวันหนึ่งลุงกลับบ้านด้วยสีหน้าอิดโรยวิตกกังวล ลุงไม่ได้ไปรับเพราะคุณแม่ใหญ่เรียกหากระทันหันแต่ให้พี่ณิตไปรับแทนลุงเล่าให้ฟังว่าแม่เล็กป่วยเป็นอัมพาต  แม่ใหญ่ก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ลุงจะต้องเข้าทำงานที่บริษัทแทนแม่เล็กเพราะบริษัทโดนโกงและกำลังล้มละลาย

              ลุงทำงานอย่างหนักทุ่มเทเพื่อกอบกู้สถานะและความเชื่อมั่นของบริษัทให้คืนกลับมา  ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากในช่วงสามเดือนแรกจนไม่ได้กลับบ้าน  วิถีชีวิตที่วนลูปแบบเดิมจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป


             หนูเข้าใจนะว่าลุงต้องทำงานช่วยแม่ ทุกคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง  แต่ความเหงามันไม่เคยเข้าใจอะไรเลย..มันค่อยๆ เข้ามาแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างเรา กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิทที่ไม่เคยห่างหายไปไหน ทุกค่ำคืนเจ้านี่จะนอนกอดหนูแทนที่ที่ตาลุงเคยนอน อ้อมกอดของมันไม่ได้อบอุ่นอ่อนโยนหรืออบอวลไปด้วยความรัก มันมีแต่ความว่างเปล่าและเหน็บหนาว....


              หนูย้ายตัวเองไปนอนกับยายชื่นที่ตรงนั้นถึงจะไม่ใหญ่เท่าที่ห้องเราแต่มันมีคนอยู่ ยายชื่นรู้ว่าหนูเหงา จึงพยายามอยู่เป็นเพื่อน หนูไม่อยากจะให้ยายหรือคนอื่นๆ เป็นห่วง จึงต้องแอบซ่อนมันไว้ให้ในซอกหลืบลึกสุดในก้นบึงของหัวใจ พยายามยิ้มทั้งที่ไม่อยากจะยิ้ม  หนูเรียนทำอาหารขนมทุกชนิดจากจากยายชื่นเพื่อใหม่ตัวเองมีเวลาว่างมาคิดฟุ้งซ่าน

              ยายชื่นเล่าให้ฟังว่าเคยเป็นคุณข้าหลวงในวังมีชื่อด้านทำอาหารและขนม แทบทุกชนิด ตอนนี้ดีใจเหลือเกินที่มีคนสืบทอดความรู้ที่เก่งและมีพรสวรรค์ ความรู้ไม่ตายไปพร้อมกับยายแล้ว พูดไปน้ำตายายชื่นก็ซึมออกหางตาหนูกอดปลอบยายชื่นเพื่อให้อ้อมกอดนั้นมันสะท้อนให้ตัวเองอบอุ่นในเวลาชั่วเสี้ยว   



              เย็นนี้ลุงจะกลับมากินข้าวที่บ้าน  หนูดีใจมากก็เราไม่ได้เจอกันจะสามเดือนแล้ว จึงบอกยายชื่นกับคนอื่นๆ ให้ไปพักผ่อน ไม่ต้องห่วงหนูจะดูแลลุงเอง

              ผ่านไปสามชั่วโมงลุงก็ยังไม่มา อาหารที่ตั้งโต๊ะรอตั้งแต่ทุ่มครึ่งเย็นชืด ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าลุงคงจะยังไม่เสร็จงานเดี๋ยวก็คงกลับแล้วแหละ อาหารนำไปอุ่นแล้วอุ่นอีกให้ร้อนเมื่อคิดว่าอีกเดี๋ยวลุงก็จะมาถึง แต่ก็ไม่เห็น ...


            เสียงหยดน้ำฝนจากชายคาตกกระทบพื้นดังเปาะ แปะ ลมเย็นพัดหอบเอาละอองฝนเม็ดเล็กมากระทบผิวจนตอนนี้เริ่มเย็นซีด สายตาเฝ้าเหลือบแลถนนหน้าบ้าน เพียงเพื่อจะพบว่า มันเงียบงันไร้เสียงตอบรับ...อาหารจากความตั้งใจยังอยู่ที่เดิมมันคงจะเย็นชืดและถูกวางทิ้งไว้อย่างนั้น..ไร้การเหลียวแล…. 

              กี่ชั่วโมงที่คอยผุดลุกนั่งทุกครั้งที่คิดว่าใช่  แต่มันไม่เคยใช่ ...

              กี่ชั่วโมงที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน...

              กี่ชั่วโมงที่ไม่เคยมีใครบอกให้ต้องรอ และก็ไม่เคยมีใครอีกเหมือนกันที่บอกให้เลิกรอ

              การรอคอยมีจุดเริ่มต้นแต่ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดว่ามันจะอยู่ตรงไหน...

              กี่ชั่วโมงที่ความสุขนั้นอยู่กับเรา...ก่อนที่จะลับหายเพียงแค่ชั่วกระพริบตา...

              กี่ชั่วโมงที่รอยยิ้มแตะแต้มบนใบหน้าจะเลือนหาย...

              แต่...ทว่าความเหงาและรอยน้ำตาอยู่เป็นเพื่อนเราเสมอไม่เคยไปไหน...

              จะรู้ไหมว่าตรงนี้มีใครรออยู่...



TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2015 23:04:48 โดย WiChy »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling3:

น้องนิ่ง เด๋ยวลุงจะมาหาแล้วนะ รออีกนิดนึง  :กอด1:

(แอบสงสัยว่าที่บ้าน ผู้ปกครองรับรู้กันแล้วสินะว่าลูกๆตัวเองรักกัน :D น่าจะรับได้อยู่ อิอิ)

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

3.2

ขอน้ำนิ่งเล่าบ้างนะ (2)








05.30 น. เช้าวัดถัดมา

         “ว้าย!!  ตายแล้ว คุณน้ำทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ คุณน้ำคะ คุณน้ำ  ตายจริงๆ ตัวร้อนจี๋เลย” 

          //เสียงใครกันอื้ออึงน่ารำคาญ อย่าเขย่าตัวได้ไหม ปวดตัวจะตายอยู่แล้ว เวียนหัวอยากจะอาเจียน จะเขย่าทำไม หิวน้ำ..ขอน้ำกินหน่อยได้ไหม// น้ำนิ่งขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ลืมตา เปล่งเสียงที่แหบพร่าขอน้ำเพื่อดับความระคายคอ เสียงเหมือนจะดังแต่มันกลับแผ่วเบาแค่ในลำคอเหมือนคนละเมอ

          “ป้า...ป้า  ป้าชื่น.... คุณน้ำไม่สบาย” 

           // พี่นิ่มใช่ไหม ตะโกนทำไม น่ารำคาญจริงๆ  ขอน้ำกินหน่อย ปวดหัวเหมือนจะระเบิด พื้นโคลงเคลงจะไปไหนเวียนหัวไม่เอาไม่ไปเดี๋ยวภูมิกลับมาไม่เห็น...//  น้ำนิ่งคิดว่าตัวเองพูดแย้งผู้หญิงคนที่เขย่าตัวเองออกไป แต่มันกลับเป็นเพียงเสียงละเมอแผ่วเบาในลำคอ

           "ภูมิ นะ น้ำ น้ำ ขะ ขอน้ำ”  น้ำนิ่งพยายามเค้นเสียดังขึ้นมาอีกนิดในความรู้สึก เมื่อขอจากพี่นิ่มไม่ได้ น้ำนิ่งขอภูมิก็น่าได้

           “นิ่มจะตะโกนเสียงดังทำไม  มีอะไรแล้ว....อะ น้ำของยายทำไมมาอยู่ตรงนี้”  ยายชื่นร้องด้วยความตกใจ รีบถลาเข้ามาโอบประคองน้ำนิ่งไว้

            “น้ำ ขอน้ำ...”  น้ำนิ่งพยายามเปล่งเสียงขอน้ำออกไป ระคายคอ เจ็บจนกลืนน้ำลายยังลำบาก

          “ไปเอาน้ำมาให้คุณน้ำก่อน  แดง!  แดงไปเรียกเรืองเอารถออกเร็วพาคุณน้ำไปโรงหมอเดี๋ยวนี้”

            ยายชื่นรับน้ำมาจากพี่นิ่มก่อนจะจ่อแก้วน้ำมาที่ริมฝีปากบาง น้ำนิ่งดื่มมันเข้าไปอึกใหญ่ แต่เมื่อกลืนไปมันกลับเกิดอาการปั่นป่วนมวนในช่องท้องแล้วตีกลับขึ้นมาจนต้องพยุงตัวที่เจ็บร้าวลุกขึ้นโก่งคออาเจียน น้ำใสและลมจนสิ้นไส้สิ้นพุง ยายชื่นยกมือขึ้นลูบหลังให้หายจากอาการอาเจียน  เอาน้ำให้บ้วนปาก น้ำนิ่งหลับตานิ่งพยายามลืมเลือนอาการวิงเวียนและปวดหัวที่รุมเร้ามาเป็นระลอก

            “ฮึก..ฮืออออ..ภูมิ ยะ..อยู่ไหน จะหาภูมิ ฮึก ฮืออออ...” 

            ความเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจทำให้อารมณ์ของน้ำนิ่งอ่อนไหวน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้พังทลายอาบเต็มสองแก้มที่แดงระเรื่อจากความร้อนของพิษไข้ร้องเรียกหาภูมิรพีหวังเพียงอ้อมกอดของคนนั้นจะช่วยเยี่ยวยาความเจ็บป่วยได้

             “จะหาภูมิ...ภูมิ...ปวดหัวฮือออออ...”

             “โธ่..น้ำของยายชื่น อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ ตัวร้อนจี๋เลย นิ่มไปเอากะละมังกับผ้ามา ฉันจะเช็ดตัวลดไข้ให้คุณหนู” 

              ยายชื่นสั่งระรัว พี่นิ่มหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับกะละมังใส่น้ำและผ้าขนหนูนุ่มมาให้ยายชื่นเช็ดตัวให้น้ำนิ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้น้ำนิ่งแทนตัวเดิมที่ชื้นละอองฝน

              “ภูมิ อยู่ไหน  หนูเวียนหัวฮือออออ”

              “รถมารึยังนี่ ทำไมเรืองช้าจริงๆ นิ่มไปตามอีกสิ” ยายชื่นบ่นด้วยความร้อนใจกลัวว่าน้ำนิ่งจะเป็นอะไรมากกว่านี้

              “ฉันจอรถรอตรงบันไดจ๊ะป้าชื่น”  เรืองวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบอก

              “งั้นเอ็งมาอุ้มคุณน้ำไปใส่รถเร็วๆ ตัวร้อนไม่ลดลงเลย  นิ่มโทรหาคุณสิงห์หรือยัง” ยายชื่นร้องสั่งเรืองและหันมาถามพี่นิ่ม

              “ยังติดต่อไม่ได้เลยจ๊ะป้า แม้แต่คุณพี คุณณิตก็ติดต่อไม่ได้” พี่นิ่มตอบ

              “จะไปไหน ไม่ไปเดี๋ยวภูมิมา  จะหาภูมิ..ฮือ ฮือ.. หาภูมิ...เวียนหัวฮือ...” 

              “ไปหาหมอนะคะหนูของยาย  คนดีของยายชื่น”

              น้ำนิ่งขืนตัวไว้ไม่อยากไปไหน เพราะถ้าภูมิรพีมาจะไม่เจอกัน ยายชื่นอ้อนวอนด้วยสีหน้าเป็นกังวลเพราะตัวของน้ำนิ่งร้อนจี๋ ตาสวยแดงก่ำ แก้มแดงระเรื่อเพราะพิษไข เสียงหอบหายใจฟืดฟาดเหนื่อยอ่อนราวจะขาดห้วงทุกครั้ง
              “ภูมิอยู่ไหน..ฮือออ...ไม่รักหนูแล้วเหรอฮือ..ปวดหัว ฮึกฮืออออ...” 

              “ไปหาหมอกับยายชื่นก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณพี่จะเป็นห่วงเอานะคะคนดีของยายนะคะ”

               “...”   น้ำนิ่งพยักหน้าและยอมให้เรืองอุ้มไปที่รถ  เพียงเพราะกลัวว่าภูมิจะเป็นห่วงและไม่สบายใจที่น้ำนิ่งไม่ยอมดูแลตัวเองจนป่วย

               สรุปว่าน้ำนิ่งเป็นไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมต้องพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเกือบสัปดาห์ คุณบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้อาจช๊อกและเสียชีวิตได้  ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาลน้ำนิ่งเฝ้ารอว่าเมื่อไรภูมิรพีจะมาหาสักที ชำเลืองมองประตูห้องที่เปิดเข้ามาที่ครั้งอย่างคาดหวังว่าคนที่เข้ามาต้องเป็นภูมิรพี...แต่ภูมิรพีก็ ไม่เคยอยู่ตรงนี้..



   - แกร๊ก -

              น้ำนิ่งหันขวับมองไปทางประตูที่เปิดเข้ามา  ความหวังถูกจุดขึ้นมาในหัวใจที่อ่อนล้าอีกครั้ง แต่แล้วต้องดับวูบลงเมื่อคนที่ปรากฏตัว..ไม่ใช่คนที่รอคอย รอยยิ้มน่ารักฝาดเฝื่อนและค่อยๆ จางหาย แววตาเหงาแลสบกับคนมาใหม่เพียงชั่วครู่ก่อนจะกลบเกลื่อนแทนที่ด้วยความสดใสที่ฝืดฝืน  คณิตสืบเท้าเข้ามายืนข้างเตียง ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มปัดเกลี่ยส่วนที่ตกลงปิดหน้าขึ้นทัดหูให้ ก่อนจะดึงตัวน้ำนิ่งเข้าไปกอดปลอบสักพักก็ปล่อยตัวออก

             “เป็นไงคนเก่ง”  พี่ณิตถามเสียงอ่อนโยน

             “หายแล้วครับ  พี่ณิตภูมิอยู่ไหน น้ำอยากหาภูมิ”  น้ำนิ่งเอ่ยเสียงเว้าวอน

             “สิงห์ไปติดต่อธุรกิจต่างประเทศครับก็ไปกับพี่นี่ล่ะ แต่พอดีว่ามีเรื่องด่วนที่โรงงานพี่เลยต้องกับมาก่อน ส่วนสิงห์มันต้องบินต่อมาที่สิงคโปร์ครับ ไปติดต่อบริษัทนี้หลายครั้งแล้วล่ะทางนั้นเพิ่งจะตกลงรับข้อเสนอของเราแล้ว จึงให้ไปเซ็นสัญญามันจะให้พีไปแทนแล้วนะ  แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมต้องเป็นสิงห์คนเดียวมันเลยต้องไปเอง” 

             คณิตอธิบายเหตุผลให้ฟัง น้ำนิ่งพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่จะก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่กุมแน่นอยู่บนตัก ความเหงาแผ่กระจายทั่วดวงตาคู่สวยให้คณิตเห็นเต็มอยู่ทุกพื้นที่ น้องเสหน้าไปทางอื่นไม่อยากจะให้เขาเห็นว่ากำลังกลั้นน้ำตา

             ‘หนูเข้าใจนะว่าภูมิต้องทำงาน แต่ความน้อยใจที่หนูไม่เคยจะห้ามมันได้สักครั้ง จะว่างี่เง่าก็ได้แต่ถ้าไม่ตั้งใจจะมาตั้งแต่แรกก็อย่ามานัด ให้คอยทำไม ให้หนูอยู่อันดับสุดท้ายก็ได้ถ้าพอจะเจียดเวลาน้อยนิดได้ค่อยมาหาก็ไม่ว่า แต่ถึงขั้นที่ไม่มีแม้อันดับหรือตัวตนเลยมันก็เกินไป...’

              น้ำตาอุ่นๆ ล้นขอบตา น้ำนิ่งยกมือปาดน้ำตา พี่ณิตดึงน้องเข้ามากอดปลอบลูบหลังไปมาเบาๆ ยายชื่นเดินเอายาหลังอาหารมาให้กินไม่กี่นาทีต่อมาน้ำนิ่งก็ตาปรือปรอยและหลับไปเพราะฤทธิ์ยา

             “ตกลงน้ำเป็นอะไรครับยายชื่น”  คณิตถามยายชื่นซึ่งกำลังดึงผ้าขึ้นมาห่มให้น้ำนิ่ง

             “เป็นไข้หวัดใหญ่ อย่างที่รู้ๆ น้ำมีภูมิคุ้มกันบกพร่องอยู่แล้ว มันก็เลยรุนแรงมีภาวะอาการปอดบวม แทรกซ้อนอีก ถ้ามาช้ากว่านี้อาจช็อกถึงเสียชีวิตได้”  ยายชื่นบอกเสียงเบาไม่ให้รบกวนคนป่วย สายตามองดูน้ำนิ่งด้วยความรัก มือเหี่ยวของยายชื่นยื่นเข้าไปจับมือของน้ำนิ่งกุมไว้ในมือของตนเอง

           “ตั้งแต่เมื่อไรกันครับยาย”

             “ก็ตั้งแต่วันที่คุณสิงห์บอกว่าจะกลับมาทานข้าวที่บ้านนั่นแหละ ทางนี้ก็ดีใจใหญ่ว่าคุณพี่จะกลับมาทานข้าวด้วย ยิ้มตลอดตั้งกะบ่าย ลงมือทำอาหารเองรอคุณพี่ทำไปฮัมเพลงไปดูมาความสุขที่สุดในรอบสามเดือน  เสร็จแล้วก็บอกให้พี่นิ่มจัดโต๊ะส่วนตัวเองก็รีบขึ้นไปอาบน้ำ เวลาคุณพี่กอดจะได้หอมๆ  ลงมาก็ให้ พวกเราไปพักผ่อน เขาจะดูแลของเขาเอง ก็นั่งรอคุณพี่ที่โซฟาตรงใต้ถุนเรือนหน้านั่นแหละ ยายคิดว่าถึงเวลาเดี๋ยวคุณสิงห์ก็คงจะมายายเลยไปพักผ่อนกัน จนเช้านั่นแหละเจ้านิ่มเขาถึงมาเห็นน้ำนอนไม่ได้สติอยู่ที่เดิม”  ยายชื่นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตรงหางตาหลังจากจบคำอธิบายยาว

             “วันนั้นพวกผมต้องบินด่วนทางเจ้าของบริษัทที่เราติดต่อด้วยเค้าไม่ยอมให้พีเซ็นสัญญาเค้าระบุมาต้องเป็นสิงห์เท่านั้น ก็เลยต้องบินด่วนภายในคืนนั้น ผมก็นึกว่ามันจะโทรบอกน้อง” คณิตอธิบายถึงสาเหตุที่ ภูมิไม่ได้กลับบ้านในวันนั้น

             “ยายว่าสิงห์คงจะรีบเลยลืม  ทางนี้ไม่รู้ก็นั่งรอไปสิ...คิดว่าจะรู้เองรึอย่างไร”   ยายชื่นพูดตำหนิเชิงประชดประชันกลายๆ  ก็อีกแหละน้ำนิ่งคนโปรดของยายชื่นสุดรักสุดหวงเหมือนกัน

             “ที่ว่าทำกับข้าวเองนี่คือน้องทำเป็นเหรอยาย” คณิตยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะเฉไฉไปเรื่องอื่น

             “ก็เขาเรียนด้านอาหารและโภขนาการอยู่ ยายก็สอนทำอาหารให้เขาไม่อยากจะให้ความรู้ที่มีมันตายไปกับตัว น้ำเค้ามีพรสวรรค์รู้จักดัดแปลงพลิกแพลงสูตรจากอาหารธรรมดาหน้าตาบ้านๆ ก็กลายเป็นอาหารภัตตาคารหรูไปซะได้ ช่างคิดจริงๆ 
อีกอย่างตั้งแต่คุณสิงห์ต้องทำงานแล้วไม่ได้กลับบ้าน  น้ำของยายดูเหงาๆ เวลาอยู่คนเดียวก็เหม่อๆ พวกเราพูดด้วยก็ยิ้มนะแต่เป็นรอยยิ้มแกนๆ ฝืนๆ  คงรู้ว่าพวกเราห่วงก็พยายามทำร่าเริง ข้าวก็ทานเหมือน แมวดมก็อย่างที่ณิตเห็นน้ำเค้าตัวเล็กบางอยู่แล้วนี่ยิ่งบางลงกว่าเดิมเลยหาอะไรให้ทำ

              ตอนแรกก็ทำเล่นๆ หลังๆ ชักสนุกทำมากขึ้นทีนี้กินไม่ทันก็เอาไปแจกคนแถวบ้าน  แล้วเกิดมีคนติดใจน้ำมือก็เลยมาขอให้เค้าทำส่งที่ร้านทีนี้ยิ่งสนุกกว่าเดิมเพราะทำแล้วได้สตังค์ดีใจยกใหญ่เก็บใส่กระปุกบอกจะหาเงินเลี้ยงคุณพี่  โตแล้วอยากจะหาเงินเลี้ยงคุณพี่ไม่อยากให้เหนื่อยแล้ว ยายได้ฟังน้ำตาซึมเลย” 

              ยายชื่นเอ่ยถึงเด็กในความดูแลด้วยสีหน้าชื่นชมเอ็นดูทำให้คณิตยิ้มตามไปด้วย  ถึงหน้าจะยิ้มแต่เขาโมโหเจ้าสิงห์มากกว่ามันทิ้งเด็กที่มันรักนักรักหนาไว้แบบนี้ได้ยังไง แมร่งเอ๊ย!!  ถ้าไม่มีคนไปพบแล้วส่งโรงพยาบาล ไม่ทันน้องมิตายเหรอ

             ผมผละจากเตียงเดินออกไปที่ระเบียงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดโทรหาเจ้าสิงห์ แต่เสียงปลายสายที่ตอบกลับมากลับบอกว่าไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้  จึงกดวางสายแล้วโทรออกไปหาอีกคนรอสายอยู่ไม่นานปลายสายก็กดรับ

             “พี เจ้าสิงห์มันนัดเซ็นสัญญากับบริษัทที่สิงคโปร์เมื่อไร”

             // เสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะพี่ณิต มีอะไรกับน้อง//

             “เสร็จแล้วมันจะกลับเลยใช่มั้ย”

             // สิฐเขาโทรมาบอกผมว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้าวันนี้สิงห์ต้องไปดูงานให้ผู้ใหญ่ แล้วตกลงมีอะไร//

             “น้องไม่สบาย ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล...”

             // ห๊ะ!!  เป็นอะไร  ทำไมไม่มีใครโทรมาบอก แล้วงานจะเข้าบริษัทไหม//

            “เพิ่งรู้เหมือนกัน พี่นิ่มโทรบอก น้องเป็นไข้หวัดใหญ่หวิดช็อกตายจากอาการปอดบวม  ตอนนี้อาการดีแล้ว งานเสร็จแล้วไม่ต้องห่วงแต่ไม่เข้าบริษัทนะพี่จะเฝ้าน้องเองให้ยายชื่นกลับไปพัก”

             // โล่งใจไป เดี๋ยวผมจะเข้าไป //

             “เออ เออ เลิกงานแล้วค่อยมา ซื้อข้าวเข้ามาด้วยนะ”
             // โอเคครับ เย็นนี้นอนเฝ้าน้องด้วยกัน //

              “ครับๆ จะรอครับ”  หลังจากที่คุยกับคนปลายสายเสร็จผมเดินกลับเข้ามาให้ห้อง

              “เจ้าสิงห์มันจะบินกลับถึงพรุ่งนี้เช้า  แล้วหมอจะให้น้องออกได้ตอนไหนครับ”

              “ถ้าไม่มีอะไรก็คงจะมะรืนนี้”

              “คืนนี้ยายชื่นไปพักผ่อนนะครับ เดี๋ยวผมกับเจ้าพีจะดูน้องเอง พรุ่งนี้สายๆ สิงห์มันก็กลับมาดูเด็กของมันเองแล้ว”

              “เอาแบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวยายจะกลับเลยแล้วกัน ดูแลน้องดีๆ นะณิต” 

              “ครับ”

              คณิตนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงเอื้อมจับมือเล็กผอมบางมากุมไว้ในมือของตัวเอง คณิตรักน้ำนิ่งเหมือนน้องแท้ๆ ของตัวเอง  เป็นเหมือนน้องคนเล็กที่พวกเราต้องดูแลอย่างดี  ยิ่งสิงห์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กนี่เป็นยิ่งกว่าชีวิตของผู้ชายคนนั้น  รักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดหวงยังกับจงอางหวงไข่ แต่ตอนนี้คณิตไม่เข้าใจความคิดของเจ้านั่น...รักแต่ทิ้งขวาง
   
              พี่ณิตบอกว่าภูมิจะกลับมาถึงตอนสายๆ  หนูฝืนไม่ยอมนอนแม้จะกินยาหลังอาหารแล้ว  จนบ่ายสามก็ยังรอด้วยตาปรือปรอยแต่หลับไปตอนไหนไม่รู้  ตื่นมาอีกทีตอนห้าโมงเย็นแล้ว  ถามพี่ณิตว่า ภูมิมารึยัง     พี่ณิตไม่ตอบแต่ดึงตัวเข้าไปกอดปลอบว่าภูมิคงยังไม่เสร็จงาน เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็กลับแล้ว วันนี้อยู่กับพวกพี่ อีกวันแล้วกัน

              วันนี้คุณลุงหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ หนูเปิดโทรทัศน์ดูระหว่างรอพี่ณิตไปจัดการชำระค่ารักษา พยาบาลกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยไม่ได้เจาะจงดูช่องใดช่องหนึ่ง 

              จนกระทั่งมาสะดุดช่องข่าวสังคมเศรษฐกิจที่ทำให้ใจหนูเจ็บแปลบเหมือนโดนค้อนทุบเข้าอย่างจัง ภาพข่าวที่ฉายตรงหน้ามันเป็นภาพเมื่อคืนวานของภูมิที่ดูหล่อสมาร์ทในสูทพอดีตัวราคาแพงแสนแพงควงคู่ กับไฮโซสาวสวยนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ทั้งคู่ไปดินเนอร์กันที่ The Sky on 57 มารีน่า เบย์ แซนด์ส  ภูมิยิ้มหวานทรงเสน่ห์ให้ผู้หญิงคนนั้น ตอนที่เดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้เธอ  มือใหญ่เอื้อมไปรับมือเล็กเรียวตอนเธอคนนั้นลงจากรถ ก่อนที่เลื่อนมาแตะลงที่ข้อศอกเดินคู่กันขึ้นบันไดมารีน่าเบย์ แซนด์ส ด้วยกัน ทั้งคู่ยิ้มและส่งสายตาฉ่ำหวานให้กันราวกับว่าเป็นคู่รักที่รักกันมาก ภูมิดูเป็นสุภาพบุรุษที่อบอุ่นต่างจากที่เคยปฏิบัติกับหนูอย่างสิ้นเชิง 

นี่สินะสาเหตุที่ภูมิไม่ได้กลับมาเมื่อวาน

            เนื้อหาของข่าวเป็นการสัมภาษณ์กระเซ้าเย้าแหย่ไฮโซสาวถึงดินเนอร์ที่แสนโรแมนติกในค่ำคืนที่ผ่านมา ฝ่ายไฮโซสาวมีท่าทีเขินอายพองามกล่าวตอบนักข่าวอย่างมั่นใจว่า
 
            “เคยเห็นและรู้จักคุณภูมิรพีผ่านสื่อต่างประเทศมานานตั้งแต่ตัวเองเข้าบริหารงานช่วยคุณพ่อใหม่ๆ  ตอนนั้นคุณภูมิรพีเป็นที่รู้จักในฐานะพ่อค้าในตลาดที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดตั้งแต่ยังเด็กๆ พอได้มาเจอตัวจริงและมีโอกาสได้ร่วมธุรกิจกันยิ่งทำให้ปลื้มไปใหญ่ ก็เป็นการรับประทานอาหารร่วมกันธรรมดาไม่ได้โรแมนติกอะไร...”   

              นักข่าวอีกคนถามว่านอกจากจะร่วมธุรกิจกันแล้ว คาดว่าจะมีการสานสัมพันธ์กันด้านอื่นหรือไม่     นักธุรกิจสาวไฮโซตอบอย่างเขินอายว่า
              “อันนี้โซว์ก็ตอบไม่ได้ มันเป็นเรื่องของอนาคต ก็คงจะแล้วแต่คุณภูมิรพีว่าอยากจะขยับฐานะเป็นอย่างอื่นรึเปล่านะคะ แต่คุณพ่อโชว์ชอบคุณภูมิรพีมากพูดถึงตลอด  ยังไงขอตัวนะคะโซว์มีประชุมต่อนะค่ะ”

              ภาพตัดมาที่ห้องข่าว ฝ่ายผู้ประกาศข่าวยังมีเนื้อหาของข่าวเพิ่มเติมอีกว่าในบ่ายวันเดียวกันก่อนมีดินเนอร์สุดหรู บังเอิญมีปาปารัซซี่มือดีเก็บภาพที่ทั้งคู่ควงกันเดินช๊อปปิ้งห้างดังของสิงคโปร์ ผู้ประกาศข่าว แซวว่า เห็นอย่างนี้ก็คงไม่แคล้วกันแล้ว เป็นคู่ที่มีความเหมาะสมกันมาก...

             หลังจากนั้นเนื้อหาของข่าวอื่นๆ ก็ไม่ได้ผ่านเข้าหูของหนูแล้ว น้ำตาเอ่อล้นออกมาโดยอัตโนมัติ เหมือนหัวใจถูกบีบรัด สิ่งที่วิ่งวนอยู่ในหัวคือ “ความว่างเปล่า”  ก่อนที่มันจะก่อตัวเป็นคำถามที่ไม่รู้ว่าคำตอบอยู่ตรงไหน

             ‘เหตุผลนี่รึเปล่าที่ทำให้อีกคนลืมไปว่า...ตรงนี้ยังมีอีกคนรออยู่’

             “น้ำ น้ำนิ่ง เป็นอะไรรึเปล่าฮึ”  พี่ณิตเขย่าตัวเรียกเบาๆ  หนูรีบยกมือขึ้นป้ายเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอ ก่อนจะฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า
             “ไม่เป็นไร  ยังมีพวกพี่อยู่ข้างๆ เสมอนะ”  พี่ณิตดึงตัวหนูเข้าไปกอดลูบปลอบเบาๆ สักพักหนูจึงผละออกจากอ้อมกอดของพี่ณิต

             “เปล่าซะหน่อย ไม่ได้เป็นอะไร  นั่งดูทีวีอยู่ดีๆ มันเหมือนมีผงฝุ่นปลิวเข้าตา แล้วมันระคายไง น้ำเลยขยี้จนเจ็บตาแล้วนี่  อ๊ะ! เสร็จแล้วเหรอฮะ  เราจะกลับกันรึยังน้ำอยากนอนพักจังพี่ณิต...” 

             “ไอ้ผงนั้นมันน่าฆ่าให้ตายจริงๆ ทำให้น้องพี่ตาบวมแดงหมดแล้ว เดี๋ยวพี่จัดการให้ทุกอย่างเลย ไม่ร้องนะ”  พี่ณิตพูดยังกับรู้เหตุผลว่าทำไมหนูถึงร้องไห้

             “อะไรเล่าพี่ณิตก็...เราลงไปกันเลยไหมฮะ น้ำอยากกลับแล้ว”  หนูทำหน้ากระเง้ากระงอดเบี่ยงเบนประเด็นฉุดรั้งให้คนพี่กลับบ้าน

             “เอางั้นก็ได้ ถ้าไม่อยากจะบอกพี่ว่าร้องทำไม ก็กลับกันเลยลืมอะไรรึเปล่าหืม เก็บหมดรึยัง”

          “ไม่มีอะไรซะหน่อย ก็ผงมันเข้าตาจริง”

            “เออๆ ผงก็ผง แต่สัญญาว่าจะจัดการให้”

          “...”  พี่ณิตเดินไปหิ้วเอากระเป๋าที่วางอยู่บนเตียงให้ และดูอีกครั้งว่าลืมอะไรรึเปล่า มือสากแต่อบอุ่นของพี่ชายกุมกระชับมือหนูเดินออกจากห้องมาด้วยกันเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร  ถึงบ้านพี่ณิตจะอุ้มไปส่งห้อง  แต่หนูบอกให้ปล่อยหนูลงที่หอนั่ง หนูบอกพี่นิ่มที่หิ้วกระเป๋าตามมาให้จัดห้องรับรองแขกที่เรือนทิศให้หนูจะไปนอนที่นั่นแทนห้องภูมิ

          “อ้าว แล้วไม่นอนที่ห้องหละ” คณิตถามน้ำนิ่งด้วยความแปลกใจ

            “นั่นห้องพี่สิงห์ไม่ใช่ห้องของน้ำซะหน่อย” น้องตอบผม

            “ก็ทุกทีเห็นนอนด้วยกันตลอด ห่างกันได้ที่ไหน” 

            “ก็ตอนนั้น มันใช่ตอนนี้เหรอ พี่สิงห์ก็คงอยากจะมีความเป็นส่วนตัว”

            “ไอ้สิงห์มันคงยอมหรอก เดี๋ยวกลับมาคงได้อาละวาดบ้านแตก” คณิตพยายามไกล่เกลี่ยเพราะไม่อยากให้น้องทะเลาะกัน

            “พี่สิงห์ไม่สนใจหรอกว่าน้ำจะนอนตรงไหน ดีเสียอีกที่ไม่มีน้ำไปเกะกะ”  น้ำนิ่งยังให้เหตุผลข้างๆ คู

           ‘ ถ้าสนใจ ถ้ายังรักอยู่ ก็คงไม่ทำอย่างนั้น

             น้ำนิ่งก้มหน้าลงพึมพำเสียงแผ่วเบา เพราะคิดว่าคณิตจะไม่ได้ยิน แต่พี่ชายก็ได้ยินมันชัดเจน คนตัวโตมองน้องด้วยความฉงน  สรรพนามที่เรียกสิงห์ก็เหินห่าง  เคยที่ไหนที่น้ำนิ่งจะเรียกคนของตัวเองว่า “พี่สิงห์”  มันชัดเจนแล้วว่าน้ำนิ่งเห็นข่าวห่าเหวนั่นแล้ว แม้อยากจะเชื่อใจคนของตัวเองสักเท่าใดแต่สิ่งที่เห็นมันก็ชวนให้คิดคล้อยตามข่าวจริงๆ  คณิตอยากจะรู้นักภูมิ
รพีกำลังทำบ้าอะไรอยู่ 

            “น้ำโตแล้ว ควรจะแยกห้องมานอนเองสักที จะอยู่ให้พี่ดูแล ตลอดไป ได้ยังไง สักวันหนึ่งพี่สิงห์ก็ต้องมีครอบครัวของตัวเอง ก็คงจะไม่มีเวลามาดูแลน้องอย่างน้ำเท่าไร  ขอให้น้ำหัดยืนให้ได้ด้วยขาของตัวเองซะบ้างเวลาพวกพี่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันจะได้ทำอะไรเองได้  จะหวังพึ่งพาคนอื่นไปตลอดไปได้ยังไง น้ำพูดถูกมั้ย” 

             น้ำนิ่งอ้างเหตุผลโน้มน้าวให้พี่ชายคล้อยตาม ซึ่งคณิตคิดว่าถ้าสิงห์มันจะเลือกอย่างนั้นจริงๆ เหตุผลที่ น้องให้มามันก็ถูกต้อง แต่จะคิดเองเออเองจะใช่เหรอต้องให้ความยุติธรรมกับไอ้ตัวต้นเหตุด้วย คณิตว่าสิงห์มันคงจะมีเหตุผลที่ทำไปอย่างนั้น  และเชื่อว่าสิงห์มันไม่มีวันทิ้งน้องได้หรอก ชีวิตทั้งชีวิตของมันเลยนะคนนี้ รักน้ำนิ่งจนจะคลั่งตายแล้วตอนนี้

           “ตกลงคือจะแยกห้องให้ได้ใช่ไหม งั้นก็เอาที่น้องสบายใจเลย ถ้ามันโกธรก็อย่ามาง๊องแง๊งกับพวกพี่ก็แล้วกัน”

             น้ำนิ่งพยักหน้า แต่ความมั่นใจหายไปเกินครึ่งตอนนี้คิ้วเรียวสวยของเด็กตรงหน้าเริ่มขมวดยุ่ง  ก็เคยเห็นฤทธิ์กันอยู่ว่าเวลาสิงห์มันโกธรแล้วเป็นยังไง  แต่ด้วยทิฐิบวกกับความน้อยเนื้อต่ำใจมันบังตาทำให้เด็กน้อยของเราใจฮึกเหิมบ้าบิ่นยืนยันที่จะแยกห้องให้ได้  ก็ตามใจสิงห์มันคงไม่ทำอะไรน้องแรงหรอกม้าง...นะ

             “น้ำพี่จัดห้องให้เสร็จแล้วนะคะ” พี่นิ่มเดินมาบอก  ผมพยักหน้ารับทราบพี่นิ่มขอตัวลงไปช่วยยายชื่นเตรียมอาหารเย็น
   น้ำนิ่งเดินมาที่ห้องนอนใหญ่เก็บที่เป็นของตัวเองใช้เวลาไม่นานเพราะเลือกเอาแต่ของที่จำเป็นมาที่ห้องรับรองซึ่งต่อไปมันคงจะเป็นห้องที่เขาใช้นอนประจำ หัวเริ่มมึนๆ พี่ณิตคงจะดูออกเขาตวัดตัวหนูออกจาก ตู้เสื้อผ้าไปวางที่เตียง

            “พอเถอะเดี๋ยวจะให้พี่นิ่มมาทำต่อให้ กินยาแล้วนอนพักตัวรุมๆ อยู่นะ”

         หลังจากที่หนูกินยาเรียบร้อยแล้ว พี่ณิตขยับตัวให้นอนในท่าสบาย  หยิบผ้าเน่าประจำตัวมาให้กอดก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้อีกทีจนถึงคอ นั่งเป็นเพื่อนสักพัก หนูแกล้งหลับสนิท พี่ณิตกันผ้าไม่ให้หลุดก่อนจะลุกขึ้นไปปรับเครื่องปรับอากาศให้อุณหภูมิพอเหมาะหรี่ไฟให้มีแสงสลัว รูดม่านหน้าต่างให้ปิดสนิท ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

           พอคล้อยหลังพี่ณิต ยาที่กินเข้าไปไม่ได้ทำให้น้ำนิ่งง่วง กลับลืมตาโพล่ง ครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ จากที่เห็นยิ่งคิดถึงท่าทีที่ภูมิแสดงต่อผู้หญิงคนนั้นมันยิ่งชัดเจนว่า ที่ตรงข้างๆ ภูมิคงไม่ใช่ที่ของหนูอีกแล้ว ใจมันเจ็บแปลบทุกครั้งเหมือนเข็มสักพัน สักหมื่นเล่ม ที่ทิ่มแทงในใจ 

           บาทีตอนนี้คำว่า “ตลอดไป” มันคงเดินทางมาถึงสุดสายปลายทางแล้ว...

         สักวันภูมิคงจะมีครอบครัวเป็นของตัวเอง...ทำในสิ่งที่อยากทำกับคนที่รักโดยที่ไม่มีหนูอยู่ตรงนั้น...

         สิ่งที่หนูต้องพยายามทำให้ได้คือ “เข้มแข็ง”

           คงต้องหัดอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง ก้าวเดินช้าๆ อย่างมั่นใจด้วยขาของตัวเอง...อยู่ในที่ๆ เป็นของตัวเองเลือกอย่างมีความสุขเท่าที่จะทำได้ในวันที่ไม่มีภูมิ…

           หนูไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ไปมากแค่ไหน...น้ำตาที่ไหลออกมามันเปียกหมอนจนชุ่มหรือไม่..ความอ่อนเพลียและฤทธิ์ยาทำให้หลับไปทั้งที่น้ำตายังอาบแก้มใส....





TBC.

ปล. ลักษณะการเขียนของอิฉันหลายคนอาจจะงง เพราะในแต่ละตอนจะมีทั้งคนเขียนอธิบายแทนตัวละคร และตัวละคร
บรรยาความรู้สึกเอง ภาษาบางทีก็เก่า ขอบคุณมากมายที่แวะเข้ามา :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2016 23:08:02 โดย WiChy »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :monkeysad:

น้องนิ่งเห็นข่าวแล้วเข้าใจผิดซะแล้ว



งานนี้สิงห์ต้องมาง้ออีกยาว

แต่คงจะระเบิดก่อนเพราะน้องแยกห้องนี่ล่ะ  :serius2:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ม่ายยยย หนูน้อย สิงห์ไม่ใช่แบบนั้นน สิงห์มีอารมณ์กับหนูคนเดียวลูกก (เกี่ยว?) สงสาร มากอดทีมาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: เด็กเลี้ยง__EP.4 วางมัดจำ [9_10_2558]
«ตอบ #20 เมื่อ09-10-2015 22:18:50 »

4

วางมัดจำ






   “สวัสดีครับยาย”    

   “อ้อ กลับมาแล้วรึพ่อ แล้วนั่นหน้าไปโดนอะไรมาล่ะ”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ มีเรื่องเข้าใจผิดกับพี่ๆ เขานิดหน่อย”

   “ทำไมไม่พูดกันดีๆ พี่น้องกันทำไมต้องใช้กำลังด้วยก็ไม่รู้ รอตรงนี้เดี๋ยวยายทำแผลให้”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมก็สมควรจะโดนซะบ้าง แล้วหนูอยู่ไหนครับ” ผมถามชะเง้อมองหาเด็กซึ่งน่าจะนั่งประจำอยู่แถวนี้

   “รายนั้นไม่สบาย เลยให้นอนพักอยู่ในห้อง ยายพยายามติดต่อพ่อแล้วแต่ติดต่อไม่ได้”

   “ขอโทษครับ บังเอิญผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะทำงานไม่ได้เอาไปด้วย ก็พอดีกับงานยุ่งจนขยับตัวทำอะไรไม่ได้เลยครับ”

   “ก็เหตุสุดวิสัยแหละนะ งั้นไปเถอะ อยู่ในห้องนั่นแหละ”  ยายชื่นบอก ก่อนจะนั่งทำงานที่อยู่ตรงหน้าต่อด้วยความหมางเมิน


   ผมเปิดประตูเข้าไปคิดว่าจะเจอคนที่ต้องการ แต่บริเวณกรอบสายตากลับว่างเปล่า ห้องน้ำ ห้องแต่งตัวก็ไม่เห็น ข้าวของส่วนตัวของเด็กหายไปจากที่ที่มันเคยอยู่ ผมกำลังจะเดินออกมาจะถามป้าชื่นพอดีเจอพี่นิ่มที่กำลังจะเอาตะกร้าผ้าลงไปข้างล่าง

   “เค้าไปไหนครับพี่นิ่ม”  ผมเริ่มจะมีอารมณ์กรุ่นโกธรเสียงที่ถามพี่นิ่มออกจากจึงค่อนข้างแข็งกร้าวพอสมควร เด็กน้อยชักจะเอาใหญ่

   “เออ อยู่ห้องรับรองเรือนใต้จ๊ะ”  พี่นิ่มคงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เริ่มกรุ่นโกธรของผมจึงตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ก้มหน้านิ่ง

   “แล้วเค้าไปทำบ้าอะไรที่นั่น ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ”  ผมตวาดลั่นใส่พี่นิ่มทั้งที่ไม่ควร จึงรีบปรับอารมณ์ของตัวเอง แล้วหันไปขอโทษพี่นิ่ม

   “ขอโทษครับพี่นิ่ม”

   “เออ น้องย้ายไปนอนห้องนั่นตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล พี่ก็ไม่รู้เหตุผล ภูมิก็ไปคุยกับน้องดีๆ นะ” 

   พี่นิ่มพูดเสียงอ่อน ก่อนจะขอตัวลงจากเรือนไป ผมยืนนิ่งระงับอารมณ์ที่กำลังปะทุ ไม่อยากจะโมโหนะ แต่มาเจอแบบนี้ก็อดไม่ได้ เขาน่าจะรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน ไม่มีวันที่จะทิ้งอยู่แล้ว ชอบคิดเองเออเองไม่รอถามความจริงจากผมก่อนแล้วก็งอน เมื่อความโมโหเริ่มคลายตัวผมจึงเดินไปยังห้องรับรองแขกซึ่งอยู่ฝั่งทิศใต้




   - แกร๊ก –

   ผมเปิดประตูเข้าไปเด็กอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนลายแมวสีฟ้านั่งอยู่ตรงโซฟาริมหน้าต่างบนตักมีหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่ แต่สายตาของเขามันไม่ได้จดจ่ออยู่ที่หนังสือเล่มนั้น กลับเสมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยและไร้จุดหมาย

   น้ำนิ่งสะดุ้งน้อยๆ หันมามองด้วยความตกใจ ดวงตาคู่สวยหม่นหมองมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อเห็นว่าเป็นผมเขาหันหน้ากลับไปรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ใจผมมันเจ็บแปลบเหมือนมีเข็มทิ่มแทง ผมทำให้เด็กน้อยเสียใจอีกแล้ว

   เด็กหันกลับมาส่งยิ้มให้ แต่รอยยิ้มนั่นมันช่างฝืนปากบางที่ยกยิ้มสั่นน้อยๆ แววตาหวานมีรอยหม่นเศร้าที่กลบไม่มิด  ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ ยกตัวเด็กขึ้นนั่งตัก ตัวเขาเบาและผอมบางลงกว่าเดิมมากนั่งบนตักแทบจะไม่รู้สึกว่าหนัก  น้ำนิ่งพยายามฝืนตัวลงจากตัก แต่ผมกระชับวงแขนแน่นขึ้น

   ก้มลงจรดปากร้อนของตัวเองที่หน้าผาก เปลือกตาบวมเบ่งจากการร้องไห้  แก้มนิ่มสองข้าง จูบเบาที่ปลายจมูกงอน ละลงมาที่ปากนิ่มที่ขบเม้มไม่ให้ผมล้วงล้ำ  ผมใช้ลิ้นร้อนเลียดูดดึงค่อนข้างแรงแต่ น้ำนิ่งก็ไม่ปล่อยปาก  พยายามดิ้นรนออกจากการสัมผัสของผม มือเล็กแกะมือผมออกจากเอวบาง ผมกอดกระชับวงแขนแน่นกว่าเดิม  เมื่อไม่สามารถลงจากตักผมได้เขายอมอยู่นิ่งๆ  ไม่คลอเคลียเหมือนเคย ผมเริ่มใจเสีย จึงผละหน้าออกมามองคนบนตักให้เต็มตา เด็กน้อยก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตา

   “พะ พี่สิงห์เพิ่งกลับมาไปอาบน้ำก่อนไหมครับจะได้สบายตัว ผมจะไปบอกพี่นิ่มตั้งโต๊ะให้”  ผมนั่งจ้องกดดันเขาอยู่นาน เด็กน้อยคงจะอึดอัดเขายอมเปิดปากถามน้ำเสียงสั่นแต่ก็พยายามให้เรียบเฉยเหินห่างจนชักจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว

   “เรื่องนั้นช่างมัน  ที่ทำอยู่นี่คืออะไร  แล้วมาทำบ้าอะไรที่ห้องนี้ห๊ะ”  ผมถามเสียงเย็น พยายามข่มความไม่พอใจกับคำพูดและท่าทางเย็นชาเหินห่างของคนบนตัก เข้ายังก้มหน้าไม่มองสบตาผม

   “ผมนอนที่นี่ครับ” 

   “ใครอนุญาต“   ผมกดเสียงเย็นต่ำถามคนตรงหน้า

   “ม..ไม่มีครับ ผมก็แค่..” 

   “แค่อะไร...บอกแล้วเหรอให้ทำแบบนี้ห๊ะ!

    เขายังไม่ได้ตอบผมก็ตะคอกถามเสียงดังเสียก่อน เด็กตรงหน้าตาเริ่มแดง น้ำตาปริ่มๆ จะหยดมิหยดแหล่ ริมฝีปากนุ่มขบกัดกันแน่นจนเริ่มจะห้อเลือด ก้มหน้าจนคางแทบจะชิดหน้าอกไม่กล้าสบตา คงจะรู้แล้วว่าอารมณ์ผมเริ่มคุกกรุ่น ข่มกั้นน้ำตาก่อนจะตอบผมเสียงเบาตะกุกตะกัก

   “กะ แค่อยากจะให้พี่มีเวลาส่วนตัวบ้าง จ..จะได้ไม่อึดอัดเสียเวลาดูแลผม เผื่อบางที..” 

   “อะไร!  บอกแล้วเหรอว่าอยากมีเวลาส่วนตัว  เคยบอกว่าเป็นภาระเหรอ หา!! บอกหรือยัง  ตอบ!

   ผมถามเสียงดังกว่าเดิม ไหล่บางเริ่มสั่นๆ น้อย น้ำตาไหลอาบแก้มใสเลยทีนี่  ใจผมแทบขาดไม่เคยตะคอกใส่ซักที  เขาไม่รู้เลยหรือไงว่าตัวเองมีความสำคัญกับผมแค่ไหน มีอะไรทำไมไม่พูดกัน เขาน่าจะเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุด ไม่ใช่ตัดสินใจเอาเองจากสิ่งที่เห็นโดยไม่ฟังผม

   “แล้วคำพูดนี่อีก ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้”

   “....”  เขายกมือของตัวเองปิดปากไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา  น้ำไหลอาบแก้มเป็นทางยาวหยดลงเปียกกางเป็นดวงๆ

   “พูด!!  ไม่ได้ให้เงียบ” 

   เสียงตอบคำถามของผมกลับมามีเพียงเสียงสะอึกสะอื้น กับน้ำตาเม็ดโตที่ร่วงพรู  มือเล็กผละออกจากปาก หยิกครูดเนื้อตามหน้าขาตัวเองจนเกิดรอยเล็บแดงด้วยอารมณ์ที่แปรปรวนเพราะเกิดจากความหวาดกลัวหรือตกใจมากๆ  การกระทำของคนบนตักบีบคั้นจิตใจผมแทบขาด

   “หยุด!! ไม่ต้องร้อง.. ตอบมาเคยบอกรำราญเหรอ เคยอยากมีเวลาส่วนตัวเหรอ”  ผมตะคอกเขาเสียงดังไม่เคยจะต้องทำอย่างนี้กับคนตรงหน้าสักที  ดึงมือเล็กที่กดหยิกหน้าขามากุมไว้ในมือตัวเอง

   “...”   น้ำนิ่งไม่ตอบแต่สั่นหน้า

   “พูดมา  ทั้งหมดที่คิดเองนั่นเคยพูดเหรอห๊ะ!! ”  ผมยังพูดเสียงดัง

   “ม...ไม่เคย ภูมิไม่เคยพูด..แต่ที่ทำมันก็คือคำตอบแล้วไม่ใช่เหรอ..ฮึกฮือออ....” 

   น้ำนิ่งร้องไห้โฮเสียงดังเลยตอนนี้  แขนเรียวเล็กโผเข้ากอดเอวผมแน่น  พอแล้วใจจะขาดกับเสียงสะอื้นน้ำตาเม็ดโตที่อาบแก้ม  อารมณ์ที่แปรปรวนเพราะความกลัว  ผมยกแขนขึ้นกอดกระชับเด็กน้อยเข้าแนบอก มือลูบหลังปลอบ กดจมูกดมกลุ่มผมหอมไปหลายที ดึงตัวเขาออกจากอ้อมกอดน้ำนิ่งขืนตัวไว้ แต่ผมก็ดันจนสามารถจ้องมองดวงตาสวยที่ยังมีน้ำใสคลอครอง พูดย้ำให้เขารู้ว่าผมคิดยังไงกับเรื่องของเรา

   “ในเมื่อภูมิไม่เคยพูด ก็อย่าทำอย่างนี้อีก อยากรู้อะไรให้ถาม  ถ้าภูมิไม่ได้บอกด้วยตัวเองก็ไม่ต้องไปเชื่อ เข้าใจที่พูดไหม ตอบภูมิให้ชื่นใจหน่อย” 

   “.....”  เด็กน้อยไม่ตอบเพราะมัวแต่กลั้นสะอื้น แต่พยักหน้าว่าเข้าใจ

   ผมดึงร่างบางของเด็กเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง มือลูบปลอบประโลมไปตามแผ่นหลังบาง อีกข้างบีบคลึงกลางผ่าเท้าเล็กที่เกร็งให้คลายออก เสียงสะอื้นค่อยคลายลง ผมกดจูบอ่อนโยนไปตามหัวหอม ขมับ แก้มนิ่มคนร่างบางที่ซบอยู่กับอกผม

   “รักหนูคนเดียวก็รู้อยู่”

   “หนูก็รักภูมิคนเดียวเหมือนกัน”

   “อย่าทำอย่างนี้อีก  ใจภูมิจะขาด เสียใจนะที่หนูไม่เชื่อใจ  หนูน่าจะรู้ว่าภูมิรู้สึกยังไง  ทำไมต้องให้อารมณ์เพียงชั่ววูบอยู่เหนือความเชื่อใจที่เคยมีมาตลอดของเรา  ใจภูมิยกให้หนูไปแล้วไม่เคยจะขอคืนเพื่อไปยกให้คนอื่น แล้วทำกับภูมิแบบนั้นได้ยังไง” 

    ผมเอ่ยเสียงเหนื่อยล้าเจ็บปวดที่น้ำนิ่งทิ้งขวางความเชื่อใจของผมอย่างไม่แยแส  แต่ผมจะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ผมผิดที่ไม่มีเวลาให้เขา ทำตัวเหมือนพ่อแม่ที่เอาแต่ทำมาหากินแล้วละเลยความห่วงใยใส่ใจลูก ทิ้งเงินให้ลูกใช้เต็มที่แต่ไม่ทิ้งความรักของพ่อแม่ไว้ให้ด้วย เด็กวัยรุ่นจึงไขว้เขวคล้อยตามสิ่งที่เห็นและทำตามได้ง่ายๆ โดยไม่ไตร่ตรองด้วยเหตุผล

   “หนูขอโทษ”  น้ำนิ่งเอ่ยปากขอโทษแผ่วเบาสีหน้าสำนึกผิดและเสียใจแค่ไหนผมสัมผัสได้  เขากดปากนิ่มจูบลงตรงหัวใจของผมที่ตอนนี้มันเต้นตึกตักด้วยความรักท่วมท้นต่อคนตรงหน้า

    “ผู้หญิงคนนั้น..”   เรานั่งกอดกันเงียบๆ อยู่สักพักเด็กน้อยก็เอ่ยถามเสียงเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ   กับอกผม เรื่องนี้มันคงรบกวนจิตใจเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา

   “มันไม่มีอะไรเลย ภูมิไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น มันก็แค่....”   ผมเล่าเรื่องที่เป็นข่าวกับผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งเหตุผลว่าทำไมผมไม่ได้กลับบ้านตลอดเวลาเกือบสามเดือน

   “เข้าใจแล้วนะว่าเรื่องมันเป็นยังไง  ภูมิไม่เคยเบื่อที่จะดูแลหนู มันไม่ใช่ภาระ ไม่เคยคิดจะเลิกรักเลยสักครั้ง ยิ่งนานวันยิ่งหวงมาก  ไม่คิดจะทิ้งไปไหน  ดีใจทุกวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหนูยังอยู่ในอ้อมกอด...เข้าใจภูมิรึเปล่า”

   “เข้าใจแล้วครับ” เด็กยิ้มกว้างเต็มหน้า แก้มขึ้นสีระเรื่อเขินอายที่ผมบอกรักแค่ไหน

   “ถ้าเข้าใจแล้ว ยังจะทิ้งภูมิอีกเหรอหืม  รับผิดชอบกับความรู้สึกที่เสียไปหน่อยดีไหม ได้ไหมนะ”  ผมแกล้งทำหน้าโกธรๆ งอนๆ ตบท้ายด้วยเสียงอ้อนออดเอาแต่ใจตัวเองกดดันให้อีกฝ่ายยินยอม

   “โอ๋..ไม่ ไม่ใครว่าจะทิ้ง”  เด็กน้อยรีบปฏิเสธ

   “ไม่ทิ้ง แล้วทำไมหอบผ้าหอบผ่อนมานอนที่นี่อีก”

   “ก็รอภูมิอุ้มอยู่ไง เมื่อไรจะกลับห้องซักทีละ คิดถึงนะรู้ไหม”

   เด็กน้อยทำหน้าอ้อนๆ เหมือนเหมียวน้อย เอาหัวมามาคลอเคลียกับอกผม แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอ  ผมยกยิ้มพอใจน่ารักจริงเด็กอะไรวะ  ผมอุ้มเด็กกลับมาที่ห้องวางลงบนเตียง แล้วตัวเองก็ขยับตัวขึ้นนอนลงทาบทับตัวเด็กไว้ คิ้วเด็กน้อยขมวดแน่น ยกมือเล็กขึ้นแตะตรงมุมปากผมที่โดนต่อย

   “ใครทำ เจ็บไหม”

   “ไม่มีอะไรครับ ภูมิสมควรโดนแล้ว”

   “เจ็บไหม” นิ้วยังเกลี่ยบนรอยชก ตาสวยหวานทอประกายของความห่วงใยส่งมาให้ผม

   “ไม่เจ็บแล้วครับ ถ้ามันจะแลกมาด้วยการที่เราเข้าใจกัน”  ผมส่งยิ้มอบอุ่นให้คนตรงหน้า

   “หนูขอโทษ หายเจ็บนะ”  เด็กน้อยยื่นปากแตะจูบเบาๆ ไปทั่วรอยชกและแผลปากแตก แล้วทำราวกับผมยังเป็นเด็กเล็ก

   “ขอบคุณครับ ภูมิหายเจ็บแล้ว”  นัยน์ตาสีอ่อนเชื่อมส่งให้คนใต้ร่าง ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันแทบระเบิดกับการแตะนิดแตะหน่อยของเด็กน้อย

   “แล้วภูมิจะให้หนูทำอะไรที่พอจะชดเชยความรู้สึกที่เสียไปได้บ้างไหม”  เด็กน้อยถามด้วยความเขินอาย เพราะสายตาของภูมิรพีมันแทบจะกลืนกินเด็กน้อยได้ทั้งตัวแล้วนี่สิ  ใช่ว่าน้ำนิ่งจะไม่รู้เรื่องพวกนี้นะแค่ไม่เคยมีประสบการณ์ตรงเท่านั้นเอง

   “ได้จริงๆ เหรอ”

   “ก..ก็แล้วแต่สิ หนูไม่รู้”  น้ำนิ่งเขินอาย หน้าแดงจนไม่กล้าจะสบสายตาวิบวับของคนบนร่างได้ จึงหันหน้าหนีไปอีกทาง

   “เด็กดีภูมิวางมัดจำไว้ก่อนได้ไหมละครับ”

   “ก็ไม่รู้ไง...”

   เด็กน้อยเขินอายหน้าแดงระเรื่อจนถึงหูแล้วตอนนี้  น่ารักเนอะ  ผมอดไม่ได้เลยนาบริมฝีปากอุ่นร้อนลงที่แก้มใส บรรจงจูบละไปตั้งแต่หน้าผาก ปลายจมูก คาง แล้วสุดท้ายผมอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากบางเนิบช้า ลิ้นเล็กของคนใต้ร่างที่ไม่ประสาให้ความรู้สึกหวานปานน้ำผึ้ง จูบหวานเนิ่นนานจนคนใต้ร่างเคลิ้มลอยแทบลืมหายใจผมต้องผละปากออกให้เขากอบโกยอากาศเข้าปอด แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบคอของผม ร่างกายของเราทั้งคู่ร้อนขึ้นจากการสัมผัสของกันและกัน

   ภูมิรพีเลื่อนใบหน้าลงฝังอยู่กับซอกคอหอมกรุ่นของเด็กน้อย งับเบาๆ หยอกเย้าก่อนที่จะเลียชิมด้วยลิ้นร้อน เด็กน้อยครางครือกับความแปลกใหม่ที่ภูมิรพีมอบให้  มือสากหนาแกะกระดุมเสื้อนอนออก สองสามเม็ดริมฝีปากหนาดึงสาบเสื้อแยกออก เผยให้เห็นยอดอกประดับด้วยเม็ดทับทิมเล็กๆ มันล่อตาล่อใจให้ใช้ลิ้นอุ่นเลียหยอกเย้ากับเม็ดทับทิมหวานสลับกับการขบเม้มดูดดึง เด็กน้อยคงเจ็บส่งเสียงประท้วง  แต่ก็ยังแอ่นอกของตัวเองให้ภูมิรพีถึงปาก

   ความซาบซ่านแผ่กระจายไปทั้งตัวโดยเฉพาะแก่นกายของเด็กเริ่มแข็งขืนส่วนปลายมีน้ำซึมออกมาจนเปียกกางเกงนอนเนื้อบาง  ภูมิรพีดึงทั้งกางเกงนอกและในของเด็กออกพ้นจากขาเรียวสวย เสร็จแล้ว  จึงคลายหัวเข็มขัดปลดตะขอดึงรูดซิปพร้อมกับการรูดรั้งกางเกงของตัวเองโยนทิ้งไปข้างเตียง ภูมิรพีกอบกุมแก่นกายของตัวเองกับเด็กน้อยไว้ด้วยมือข้างเดียวเริ่มรูดขึ้นลงเบาบ้างเร็วบ้างสลับกัน

   คนตัวโตเลื่อนปากขึ้นไปกดจูบดุดันหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม ลิ้นสอดลึกเข้าไปในโพรงปากหอมหวานของเด็กน้อยที่กำลังอ้าประท้วงทักทายและหลอกล่อให้คล้อยตามก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและวาบหวามจนพอใจจึงละปากออกมาดูดเม้มที่ซอกคอหอม  เราทั้งคู่หอบสะท้านเมื่อภูมิรพีเร่งขยับมือรูดรั้งรัวเร็วขึ้น เด็กน้อยทั้งจิกทั้งกัดเพื่อระบายความซ่านเสียวที่ไม่เคยพานพบ

   “ภ ภูมิ  หยุดก่อนหนูเหมือนจะปวดฉี่ อ๊ะ...”

   ผมไม่ได้หยุดให้เด็กน้อยแต่กลับยกตัวขึ้น มือหนึ่งค้ำยันไว้กับที่นอน  มือที่กอบกุมแก่นกายกลับเร่งขยับมือรัวเร็วขึ้น  เมื่อถึงระดับหนึ่งที่เราเกือบจะแตะขอบความสุขอยู่แล้ว ผมผ่อนแรงขยับลงเหลือเพียงเนิบนาบเด็กน้อยใต้ร่างมองค้อนอย่างขัดใจที่ผมไม่ยอมให้เขาได้แตะขอบสวรรค์ ผมยกยิ้มร้าย

   “บอกภูมิก่อนว่าอยากได้อะไร”

   “....”   เด็กน้อยไม่ตอบก็ไม่รู้จะตอบอะไร น้ำนิ่งไม่รู้ว่าอยากได้อะไร แต่ความรู้สึกมันบอกว่ายังไปไม่ถึงจุดหมาย หน้าเล็กๆ ของน้ำนิ่งแดงระเรื่อ ปากบวมเบ่งจากจูบเผยออ้าน้อยอย่างขัดใจ ภูมิรพีก้มลง ดูดดึงอ้อยอิ่ง เว้าวอนอยู่กับปากนั้นจนพอใจโดยไม่ได้สอดลิ้น ปากร้อนละไปนาบคลอเคลียกับแก้มนิ่ม มือยังขยับรูดรั้งแก่นกายทั้งสองอันเนิบนาบน้ำใสจากส่วนปลายไหลทะลักจนเปรอะมือใหญ่

   “อยากได้อะไรครับ”

   “นะ หนูไม่รู้.............ตะ แต่ภูมิทำแบบนั้นแรงๆ ได้ไหมหนูชอบ” 

   เด็กน้อยตอบตะกุกตะกักแต่ได้ใจความ น้ำนิ่งหันหน้าที่แดงระเรื่อของตัวเองไปอีกทาง อายก็อาย แต่จะให้ทำยังไงความอยากที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรยังไม่ได้รับการสนองตอบก็จำเป็นต้องเอ่ยปากขอกับคนตัวโตก็ถูกแล้ว 

   “ยินดีครับ” 

   ภูมิรพีกดจูบอ่อนโยนวาบหวามให้เด็กน้อยอีกครั้ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วเริ่มขยับมือรัวเร็ว เด็กน้อยคงจะทนไม่ไหวขยับสะโพกตามแรงรูดรั้งของภูมิรพี แก่นกายของคนทั้งคู่เสียดสีกัน มันเสียวซ่านจนเกินฉุดรั้งคนตัวโตเร่งขยับมือระรัวเร็ว จนในที่สุดความรู้สึกของทั้งคู่ไต่ขึ้นไปจุดสูงสุดและทะยานออกไปสู่ห้วงความรู้สึกที่ไร้แรงดึงดูด หัวสมองขาวโพลน  น้ำนิ่งทิ้งร่างลงนอนราบกับเตียง ภูมิรพีเลื่อนตัวลงไปจนหน้าเสมอกับแก่นกายของเด็กน้อย มันยังแข็งขืนส่วนปลายพ่นน้ำออกมาไม่หมดภูมิรพีครอบปากลงดูดดื่มกินน้ำรักของน้ำนิ่งจนหมดทุกหยาดหยดก่อนจะปล่อยปากออกใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดทั่วทั้งลำเลยไปจนถึงหน้าท้องแบนที่มีหยาดหยดความรักของคนทั้งคู่เปรอะเลอะอยู่เต็ม

   “อ๊ะ!  ลุงไม่เอามันสกปรก”  มือเล็กดันหัวคนตัวโตออกจากแก่นกายของตัวเอง

   “ใช่ที่ไหน มันหอมหวานต่างหากจนภูมิอยากจะกินอีก” 

  ภูมิรพีทำเสียงอ้อนเอาแต่ใจตรงหน้าท้องแบนราบกดจูบทำรอยระเรื่อสีกุหลาบเกือบเต็มพื้นที่ที่ปากนาบไป  คนตัวโตเลื่อนตัวขึ้นเมื่อไล้เลียดื่มกินน้ำรักที่เปรอะเปื้อนบริเวณนั้นหมด กดจูบลงที่ปากบวมเจ่อของคนใต้ร่าง ปากเล็กเผยออ้าให้ภูมิรพีสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากได้เต็มที่  ลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดพันกันจนวาบหวาม เด็กน้อยชักจะเริ่มเป็นงานรู้จักจูบตอบคนตัวโต แม้จูบนั้นจะยังเงอะงะอยู่บ้างแต่ก็สร้างความพึงพอใจให้ภูมิรพีได้อย่างยิ่งยวด คนตัวโตถอนปากออกแต่ยังอ้อยอิ่งเนิบนาบอยู่กับริมฝีปากบางขบเม้มเบาบ้าง แตะนิ่งๆ บ้าง กดจูบที่มุมปากบ้าง

   “วางมัดจำแล้วนะ ห้ามบอกต่อด้วย ห้ามใครแตะต้องของของภูมิเด็ดขาด หวงมากเข้าใจนะ”

   “ครับ” น้ำนิ่งกัดริมฝีปากล่างของภูมิรพีเบาๆ เป็นการตอบรับการจอง คนตัวโตส่งยิ้มอ่อนโยนอบอุ่นไปให้ก้มลงหอมแก้มนิ่มอีกครั้ง

   “หิวข้าวรึยังฮึ”

   “ชักจะรู้สึกนิดแล้ว”

   “งั้นไปอาบน้ำกันเนอะ”  เด็กน้อยพยักหน้ารับ ภูมิรพีเลยลุกขึ้นอุ้มเด็กในวงแขนเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ยังอุ้มเด็กน้อยออกมาจากห้องเดินลงบันไดมายังห้องอาหารด้วยกัน





   “แล้ววันนี้ยายชื่นทำอะไรทานครับ”

   “วันนี้มีต้มจืดหมูใส่หน่อไม้  ปลาทับทิมทอดน้ำปลา แล้วก็ผัดฉ่าปลาคัง  รับประกันโดยเซฟคนนี้นี่เอง”  น้ำนิ่งยกนิ้วโป้งจิ้มที่อกตัวเองอย่างมั่นใจ

   “เชื่อครับ ว่าเด็กภูมิสุดยอด ได้ข่าวว่าเก่งกว่ายายชื่นแล้วตอนนี้”  ผมเอ่ยชมเด็กในอ้อมกอด ให้รางวัลเป็นหอมแก้มหนึ่งที  เขายิ้มกว้างด้วยความพอใจ

   “ยายชื่นสอนเก่ง แล้วก็สนุกด้วยเวลายายสอน หนูมีความสุขทุกครั้งเลยเวลาทำอาหาร ทำขนม”  เด็กบอกความรู้สึกของเขา นัยน์ตาสวยวาววับพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำ  ผมไม่ได้ตอบแต่ยิ้มกว้างไปกับสิ่งที่น้ำนิ่งชอบ

   เราทั้งคู่เดินจนถึงห้องอาหารซึ่งป้าชื่นจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว  ภูมิรพีวางเด็กน้อยลงบนเก้าอี้ฝั่งขวามือก่อนที่ตัวเองจะเดินมานั่งที่หัวโต๊ะ พอชายหนุ่มนั่งเรียบร้อยเด็กน้อยตักปลาทับทิมทอดน้ำปลามาวางในจานภูมิรพีๆ ยิ้มขอบใจก่อนจะตักเข้าปาก เด็กมองอย่างลุ้นๆ ว่ารสชาติจะถูกปากภูมิรพีหรือเปล่า เนื้อปลาสดหวานกรอบนอกนุ่มใน น้ำปลาที่ราดบนตัวปลามันหวานประแล่มกลมกล่อมมาก

   “อร่อยไหมภูมิ” 

   เด็กถามเมื่อเห็นชายหนุ่มกลืนข้าวเรียบร้อยแล้ว เขาไม่ตอบแต่ตักต้มหน่อไม้กระดูกหมูอ่อนมากินแทน  น้ำซุปมีความนุ่มละมุนลิ้น หอมเข้มข้น รสชาดหวานกลมกล่อมที่เกิดจากการเคี่ยวกระดูกหมู หน่อไม้ไผ่หวานต้มจนไม่เหลือความขมมันสดหวานเพราะเก็บมาใหม่ๆ  (ไผ่หวานปลูกเองแถวสวนหลังบ้านครับ)  เนื้อหมูแทบจะละลายในปาก คือมันอร่อยมาก เด็กยังไม่ลงมือทานข้าวแต่มองอย่างลุ้นๆ รอคำตัดสิน คนตัวโตเปิดยิ้มกว้างส่งไปให้เด็กน้อย

   “อร่อยมากกกกกครับ เก่งจริงตัวแค่เนี่ย”  ภูมิรพียกยิ้มเต็มหน้า ยกนิ้วเกลี่ยแก้มนิ่ม เด็กยิ้มกว้างด้วยความดีใจ  แค่นี้ก็ทำให้ใจภูมิรพีเป็นสุขแล้ว

   “ไม่เสียแรงที่ตั้งใจเรียน...เสน่ห์ปรายจวักของเค้าพอจะออกเรือนได้ใช้มะ” เด็กน้อยหัวเราะพูดติดตลกในตอนท้าย

   “ยังไม่เข้าใจคำว่าหวงมากของภูมิใช่ไหม อยากให้มันตายคาตีนก็เสนอมาสักคนดูสิ”  ภูมิรพีทำหน้าหงิกพูดเสียงจริงจังแกล้งเด็ก ก็รู้อยู่แก่ใจอยู่หรอกว่าเด็กพูดเล่น แต่ก็นิดหนึ่งนะ

   “ภูมิน่ะ ไม่มีซะหน่อย”  เด็กทำหน้างอนๆ แล้ว

   “ไม่มีก็แล้วไป  อย่าให้รู้ว่าไปอ่อยใครจะเอาให้ตายทั้งคู่เลย  แล้วรู้ไว้อย่างนะว่า ถึงภูมิจะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยก็ไม่ยกให้ใครหรอกนะ”  ภูมิรพีพูดจริงจัง

   “รู้แล้วน่า...หนูว่าไหนๆ ตัวเองก็เรียนด้านอาหารและโภชนาการมา แถมมีครูดีอย่างยาย  หนูกะว่าจะทำร้านอาหารเล็กๆ ขายพวกอาหารขนมภูมิว่าดีไหม”  เด็กน้อยบอกถึงสิ่งที่อยากจะทำมีทำเสียงอ้อนๆ ตอนท้ายด้วยน่ารักวะ

   “ก็ถ้าหนูชอบ อยากทำก็ทำเลยจ๊ะ ภูมิก็จะยืนอยู่ข้างๆ คอยสนับสนุน ช่วยเหลือ แล้วก็เป็นกำลังใจให้ดีรึเปล่า”

   “เย้! หนูจะทำ”

   “งั้นไว้ถ้าเรื่องต่างๆ มันเรียบร้อย ภูมิจะให้พี่พีเข้าบริหารงานที่บริษัทแทน แล้วถึงตอนนั้นเราทำสิ่งที่อยากทำด้วยกันนะ”

   “สัญญาแล้วนะ”  เด็กน้อยยกนิ้วก้อยขึ้นมา

   “ครับ”  คนตัวโตเอานิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวเข้าที่นิ้วของเด็ก

   “ที่หนูพยายามทุกวันนี้ เพราะเห็นภูมิเหนื่อยก็อยากจะดูแลคนสำคัญของหนูให้ดีที่สุดแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตามรู้ไหมนี่ว่าห่วงภูมิแค่ไหน” 

   คำพูดของเด็กพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายของความรักความไว้ใจที่ส่งมาทำให้ใจภูมิรพีอุ่นซ่าน ตกหลุมรักคนตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อยากจะปืนหนีไปไหนอยากจะให้คนตรงหน้าฝังกลบเลยด้วยซ้ำ

   “แล้วจะทำให้ผมหลงรักคุณไปถึงไหนครับคุณนภนทีที่รักของกระผม นี่ก็รักคุณจนไม่รู้จะรักยังไงแล้วนะเด็กขี้งอนของภูมิ” 

   ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนติดเว้าวอนกลับไปให้คนตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วมือขึ้นเกลี่ยแก้มนิ่มนั่น เด็กน้อยส่งยิ้มอบอุ่นจริงใจคืนให้ภูมิรพี

   “มันเป็นแผนการตลาดระยะยาวที่จะทำให้คุณหลงรักและจงรักภักดีเชื่อมั่นในสินค้าของผมจนคุณไม่เปลี่ยนใจหันไปสนใจใช้สินค้าของที่อื่นตลอดไปไงครับคุณภูมิรพี”  เด็กน้อยพึมพำแผ่วเบาด้วยความ เขินอาย แก้มขึ้นสีระเรื่อยน่าฟัดจริงๆ เด็กน้อยของภูมิ

   “ถึงคุณไม่มีแผนโปรโมทสินค้าอะไรเลย ผมก็ตัดสินใจแต่แรกแล้วว่าจะใช้แต่สินค้าของคุณคนเดียวตลอดไป...นอกจากนี้ผมยังมีแผนจะเทคโอเวอร์แล้วจดทะเบียนเป็นสินค้าลิขสิทธิ์ส่วนตัวในเร็ววันครับคุณนภนที”  เด็กน้อยเขินแก้มใสหูเห่อแดงระเรื่อแทบแตกไปไม่เป็นแล้วเลยเฉไฉไปเรื่องอื่นเอากะเขาสิ

   “กินข้าวได้แล้วพูดมากแล้วอิ่มเหรอฮึ”

   “ไม่อิ่มท้อง  แต่อิ่มใจที่จะโดนเทคโอเวอร์ หึ หึ”








TBC. 




ปล. ขอบคุณมากมายสำหรับการติดตามเรื่อยมา ตอนนี้ NC นิดหน่อยไม่มากไม่น้อย สนองความอยากรู้อยากเห็นของเด็กไปเล็กๆ น้อยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2015 22:58:10 โดย WiChy »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: เด็กเลี้ยง__EP.4_วางมัดจำ [9_10_2558]
«ตอบ #21 เมื่อ09-10-2015 22:35:37 »

น้องนิ่งน่ารักมาก ฟังเหตุผลนะ ไม่ใช่โวยวายคิดเองอย่างเดียว :)

พอพี่สิงห์อธิบายก็เข้าใจ

nc เล็กๆ ต้องค่อยๆสอนน้องโน๊ะ  :laugh:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: เด็กเลี้ยง__EP.4_วางมัดจำ [9_10_2558]
«ตอบ #22 เมื่อ09-10-2015 22:47:56 »

น่ารัก ไม่โวยวาย นี่แหละนายเอกที่น่ารัก

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl
Re: เด็กเลี้ยง__EP.4_วางมัดจำ [9_10_2558]
«ตอบ #23 เมื่อ09-10-2015 23:16:29 »

งั้นพี่ภูมิก็ช่วยเทคโอเวอร์แรงๆนะฮะ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: เด็กเลี้ยง__EP.4_วางมัดจำ [9_10_2558]
«ตอบ #24 เมื่อ10-10-2015 18:17:22 »

ตอนที่น้ำนิ่งเศร้านี่ปวดใจตามเลย  :hao5:

แต่พอเข้าใจกันแล้ว โอโฮ้มดเต็มคอมฯเลย :-[

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: เด็กเลี้ยง__EP.4_วางมัดจำ [9_10_2558]
«ตอบ #25 เมื่อ10-10-2015 18:22:19 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
5


เด็กผมโดนเล่น





   “พี่พีมาดูนี้เดี๋ยว ตรงที่ผมวงไว้ตัวเลขมันผิดไปไม่ตรงกับใบส่งสินค้าและการโอนเงินเข้าบัญชี แล้วดูบัญชีรายรับ-รายจ่าย ในห้วงเดียวกันมีการลงตัวเลขชุดเดียวกันแต่สลับที่กันอยู่ทั้งๆ  ที่เป็นการซื้อขายจากคนละบริษัท”  ภูมิรพีชี้จุดบกพร่องที่เขาตรวจเจอให้พีระณัฐดู

   “จริงอย่างเอ็งว่า พี่มองข้ามมันไปได้ยังไงว่ะ”  พีระณัฐก้มดูรายการที่ภูมิรพีขีดไว้อย่างพินิจพิจารณาอีกครั้งก็เห็นว่ามันตกแต่งบัญชีจริงๆ

    “แล้วดูนี่อินซอลล์สั่งซื้อทางเราส่งของเรียบร้อย เขาชำระค่าสินค้าครบถ้วนตามใบโอนเงิน  แต่พอมาดูรายการโอนในบัญชีบริษัทกลับไม่มี แล้วดูนี่มีรายการตามใบโอนเงิน แต่กลับเป็นยอดเดียวกันกับตรงนี้ ไม่พอพวกนั้นยังปลอมแปลงใบเสร็จรับเงินในห้วงเดียวกัน” ภูมรพีอธิบายสิ่งที่เจอ

         “มีความเก่งแต่ใช้ในทางที่ผิด  เงินตัวเดียวที่ทำให้คนยอมทำอะไรก็ได้ เราไว้ใจคนพวกนั้นเพราะเห็นเป็นคนเก่าแก่จนไม่คิดจะตรวจสอบการทำงานเลยสักครั้ง  กรรมการผู้จัดการฝ่ายโรงงาน 2 คน สั่งเปลี่ยนวัตถุดิบกับบริษัทใหม่ซึ่งมีคุณภาพต่ำแต่ราคาสูงฉิบหายโดยไม่ผ่านการอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูง อ้างเหตุผลความจำเป็นในการผลิตเร่งด่วน  คุณภาพของสินค้าไม่ผ่านคิวซีจากบริษัทคู่ค้า ฝ่ายนั้นเลยยกเลิกสัญญาและให้เราชดใช้ค่าเสียหาย”  พีระณัฐมีสีหน้าหนักใจระหว่างที่ชี้จุดผิดปกติที่ตัวเองค้นเจอให้ภูมิรพีดู


----------------------------------




   “เอ้านี่ เด็กมึงฝากมาให้ห่วงกันออกหน้าออกตาไปเปล่าวะ กูอิจฉาแล้วนี่”  คณิตยื่นถุงผ้าที่บรรจุกล่องอาหารพร้อมกับกระติกน้ำเก็บความร้อนมาตรงหน้าภูมิรพี หน้าตาท่าทางคณิตบ่งบอกว่าอิจฉาจริงๆ ก็เด็กมันน่ารักไง

   “อะไรพี่”

   “เมื่อเย็นแวะเข้าไปดูน้องมัน  เขาห่วงว่ามึงจะได้กินได้นอนรึเปล่า เลยฝากนี่มาให้ไง น้องมันทำอาหารอร่อยมากสู้เชฟมืออาชีพได้เลย” 

   คณิตไขข้อข้องใจ  ภูมิรพีหยิบกล่องออกมาจากถุงผ้าเปิดออกดูมันเป็นเส้นหมี่ เป็ดพะโล้หน้าตาน่ากินสองกล่องภายในกล่องแยกเป็นสองชุด อีกกล่องเป็นพุดดิ้งนมสดกล้วยหอมสี่ชิ้น ส่วนในกระติกเก็บความร้อนเป็นชาเขียวมะลิกลิ่นหอมชื่นใจ

   “สิงห์กูอยากจะได้บ้างทำไงวะ” คณิตพูดเฟ้อๆ แต่ภูมิรพีแอบเห็นว่าคณิตชำเลืองตาเจ้าเล่ห์มอง อีกคนด้วย

   “พี่พีกินตอนนี้เลยไหมกำลังร้อนๆ”  ภูมิรพีหันไปถามพีระณัฐซึ่งยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหมือนกัน

   “เออเอาสิหิวพอดี”   พีระณัฐพยักหน้าเห็นด้วย เขายื่นมือมารับกล่องอาหารที่ภูมิรพียื่นให้ก้มลง ดมกลิ่นที่ชวนน้ำลายสอทำหน้ามีความสุขทั้งที่ยังไม่ได้ลิ้มรสชาด

   “แล้วพี่ละเอาเปล่า” ภูมิรพีหันไปถามอีกคน

   “พวกมึงกินเถอะ กูกินกับน้องมันมาอร่อยและอิ่มมาก ดูปากกูนะอิ่มมากกกกกกกก”   คณิตเดินมาหยิบพุดดิ้งไปกิน  น้องสองคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าไม่เข้าใจคำว่าอิ่มมากแต่ยังหยิบพุดดิ้งไปกินได้ของคณิต

   “กูอยากได้แบบน้องวะมึง”  คณิตกระเซ้าเย้าแหย่สายตาแอบชำเลืองรอดูปฏิกริยาอีกคนจะว่ายังไง แต่คิดว่าจะได้ผลเหรอ ไม่มีหรอกพีระณัฐยังโซ่ยบะหมี่สบายใจเฉิบเหมือนเดิม

   “อร่อยจริงๆ วะสิงห์ น้ำซุปกลมกล่อม เส้นเหนียวนุ่ม เนื้อเป็ดนี่แทบจะละลายในปาก หอมกลิ่นเครื่องเทศจางๆ อร่อยกว่าซื้อจากร้านอีกพี่ว่า”  พีระณัฐเอ่ยชมไม่ขาดปาก

   “ไม่ยักกะรู้ว่าน้ำจะทำอาหารเก่งขนาดนี้ ฉันตกข่าวไปหลายชอตป่าววะ”  พีระณัฐพูดต่อหลังจากกลืนอาหารแล้ว

   “ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันแหละ ตอนแรกที่รู้ทำเอาผมยิ้มแก้มแทบแตก เจ้าเด็กนี่บอกว่าที่ตั้งใจทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพราะอยากจะดูแลผม อยากให้ผมได้พักบ้าง”  ภูมิรพีบอกคนพี่ด้วยสีหน้ายิ้มภูมิใจกับความคิดของคนที่กล่าวถึง

   “น้องกูอายุแค่นี้จะรีบเตรียมตัวออกเรือนมากไปรึเปล่า แต่ก็ว่านะน้ำมันห่วงมึงมาก  วันนี้นั่งกินข้าวด้วยกันถามถึงมึงแทบจะไม่หยุดปาก ไม่เหมือน... กูอิจฉาโว้ย ภูมิกูอยากได้แบบมึงอะ..”

   คณิตพูดถึงน้ำนิ่งด้วยสายตาเคลิ้มลอย ตอนท้ายยังเล่นไม่เลิกตาชำเลืองอีกคนว่าจะมีปฏิกิริยายังไง คณิตชอบแกล้งให้อีกคนงอนเพราะถ้างอนมากๆ ก็แสดงความตัวเองยังอยู่ในความสนใจอยู่

   “ที่พูดนี่เพื่อ...  ไอ้ที่ผมทำทุกวันนี้ไม่เรียกว่าห่วงแล้วจะเรียกว่าอะไรเหรอครับคุณคณิต ถ้าคุณไม่พอใจก็บอกผมมาเอาให้เคลียร์  ผมยินดีออกไปจากตรงนี้” 

   กระแสเสียงน้อยเนื้อต่ำใจของพีระณัฐตอบกลับไปชัดถ้อยชัดคำ มือปิดกล่องอาหารที่ยังกินไม่เสร็จ สะบัดหน้าเสหน้ามองไปอีกทาง ไหล่บางเริ่มสั่นน้อยๆ คณิตยกยิ้มพอใจส่งสายตาเจ้าเล่ห์กับภูมิรพีโดยอีกคนไม่เห็น ชอบใจที่แกล้งเมียให้ร้องไห้ได้ ภูมิรพีคิดว่าถ้าเขาซื้อหวยก็คงถูก พีระณัฐคนขี้ใจน้อยชอบคิดเองเออเองถ้าเรื่องนั้นเกี่ยวกับคณิต

    ‘ พี่ณิตคุณมึงชั่วมาก มีความสุขเหรอที่ทำเขาร้องไห้ได้ ’  ภูมิรพีส่งสายตาถามคาดคั้น

    ‘ มันรักกูมากไงมันถึงเป็นแบบนี้ กูอยากให้แมร่งรักตัวเองให้มากๆ ’  เหตุแค่นี้เองที่คณิตทำให้อีกคนมีน้ำตา ท่าทางเหมือนไม่สนใจกัน แต่รักและห่วงกันมาก มันมีประเด็นถ้ามีเวลาคิดว่าคณิตคงจะเล่าให้พัง

   “ไม่เอาน่ากูล้อเล่น หยุดร้องเถอะกูปลอบไม่เป็นนะเว้ย ก็รู้อยู่ว่ามึงเป็นอะไรสำหรับกูแล้วจะร้องทำไมวะ”

   “ผมเพื่อนเล่นพี่เหรอ”

   “ก็ไม่ใช่ไง รู้อยู่แก่ใจน่า”

   คณิตรีบเข้าไปออดอ้อนงอนง้อเปิดฝากล่องอาหารคีบเนื้อเป็ดไปจ่อที่ปาก แต่อีกคนยังนิ่งเฉยไม่มองหน้ายกมือขึ้นเช็ดน้ำตา คณิตเลยก้มลงหอมแก้มอีกคนดังฟอด พีระณัฐหันหน้ากลับมาเตรียมจะด่า เป็นจังหวะเดียวที่คนพี่ป้อนเนื้อเป็ดเข้าไปในปากหมดโอกาสด่าจำเป็นต้องเคี้ยวอาหารแทน

   “กินอีกนะยังไม่อิ่มไม่ใช่เหรอ ตัวแค่นี้เดี๋ยวไม่มีแรงทำกับพี่ เอ๊ย!! ทำงาน”

   คณิตออดอ้อนสายตาเจ้าเล่ห์ พีระณัฐคิดตามหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่อเลยยกกำปั้นทุบไปที่ไหล่หนา   ไม่แรงนัก คณิตนิ่วหน้าเอามือลูบตรงที่ถูกชกไปมาแต่ไม่พูดอะไรยกยิ้มพอใจ

   “พี่แมร่ง..”  พีระณัฐพูดได้แค่นั้น ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

   “กูรักมึงคนเดียว เด็กโง่อย่ารักกูให้มากนักรักตัวเองห่วงตัวเองให้มากทำได้รึเปล่า อย่าทำร้ายคนที่กูรักอีกเลยขอร้อง” 

   คณิตโน้มหน้าไปกระซิบข้างหูของอีกคน กัดเม้มที่ติ่งหูเบาๆ ก่อนจะผละหน้าออก พีระณัฐหน้าแดงระเรื่อขึ้นสีชัดกว่าเดิม รีบก้มลงจ้วงอาหารในกล่องอย่างลืมตายหนีความอายแอบชำเลืองมามองว่าภูมิรพีมองอยู่หรือเปล่า ภูมิรพีกลัวคนพี่อายทำเนียนก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าง่วน คนต้นเรื่องเดินไปนั่งทำงานด้วยสีหน้าเบิกบานใจที่แกล้งเด็กให้งอนสำเร็จอยู่อีกฝั่งแล้ว ทั้งคู่ค่อนข้างจะระวังตัวไม่ค่อยแสดงความรักต่อหน้าคนอื่น  ภูมิรพีส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจต่อคนทั้งคู่


    หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งหมดลุยงานกันต่อ จนเกือบห้าทุ่มคณิตยื่นกระดาษบางอย่างให้ภูมิรพีมันเป็นสำเนาใบสั่งซื้อกับใบส่งของฉบับของจริงก่อนที่จะตกแต่งตัวเลข

   “สิงห์จะเอายังไง ถึงเราจะเจอหลักฐานหลายอย่าง รู้ว่าใครมีส่วนร่วมในการโกง  แต่มันก็ยังเอาผิดไม่ได้เพราะมันยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเขาทำจริง”  พีระณัฐออกความเห็น

   “ผมก็คิดเหมือนพี่หลักฐานมันยังอ่อน  รู้อยู่เต็มอกว่าจุดบกพร่องมันอยู่ตรงไหน แต่ก็ระบุตัวเอาผิดใครไม่ได้ เราคงต้องช่วยกันรวบรวมหลักฐานอีกสักนิด แล้วช่วงนี้คงจับตาดูไปก่อน  ผมอยากให้มีทีมสอบสวนบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  หากพบว่าใครที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดไม่เว้นว่าเป็นใคร พี่สองคนคิดว่าไง”

   “ก็ดีเหมือนกัน ระหว่างนี้กูอาจจะไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยนะ จะไปเฝ้าโรงงานสักหน่อยกลิ่นไม่ค่อยดีวะ” คณิตบอกน้องสองคน

   “ระวังตัวด้วยนะ” 

   พีระณัฐไปบอกคณิต อีกคนพยักหน้ารับดึงมือซ้ายเข้าไปกุมไว้นิ้วโป้งเกลี่ยไปที่แหวนทองคำขาวเกลี้ยงบนนิ้วนางของพีระณัฐ อีกคนรีบดึงมือออกมาแก้มขาวขึ้นสีอีกครั้งด้วยเขินอาย  ภูมิรพีทำ เป็นไม่สนใจเขาสองคน แต่จะรู้ไหมว่าอีกคนอิจฉา

----------------------------------------






   “สวัสดีคะเจ้านาย  ดิฉันสุนีย์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีคะ” 

   หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมกล่าวรายงานตัว ดวงตาของเธอแดงกร่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก  มือที่ประสานกันอยู่ข้างหน้าสั่นเล็กน้อย

   “เชิญนั่งครับ”  เธอดึงเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะของผมออกพอประมาณก่อนที่จะนั่งลง

   “เลขาบอกว่าคุณมีเรื่องจะคุยกับผม”  ผมพูดได้เท่านั้นเธอก็ปล่อยโฮออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ เธอยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา นั่งรอสักพักกว่าเธอจะหยุดร้องไห้

   “ดะ ดิฉันขอโทษ ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครอีกแล้ว  ฮือ..ขอความเมตตาจากเจ้านายอย่าเอาความผิดดิฉันเลยนะคะดิฉันจำเป็นต้องทำ ฮือ...”  เธอพูดไปร้องไห้ไป

   “เดี๋ยวๆ ใจเย็นค่อยๆ พูด ถ้ามีอะไรผมยินดีให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย” ผมบอกคนตรงหน้า เธอกลั้นสะอื้นก่อนจะเริ่มเล่าให้ผมฟัง

   “ดะ  ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะท่าน ดิฉันเข้าทำงานที่นี่ครั้งแรกในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้างานบัญชี คุณคมกิจรู้ว่าดิฉันต้องการเงินก้อนใหญ่เพื่อไปรักษาแม่ที่เป็นมะเร็งและใช้หนี้ของที่บ้าน จึงยื่นข้อเสนอว่าจะชดหนี้แทนและให้เงินดิฉันไปรักษาแม่ แค่ให้ดิฉันตกแต่งบัญชีและทำเอกสารปลอม

    เขาให้ดิฉันหักร้อยละ 20 ของราคาสินค้าเมื่อมีการโอนเงินค่าสินค้า โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา  หากไม่ทำก็จะไล่ดิฉันออกจากงานและแจ้งความว่าดิฉันโกงบริษัท ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำอย่างนั้น แต่ต้องทำ.. มันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ เมื่อปีที่แล้วคุณคมกิจผลักดันให้ดิฉันเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี  ดิฉันไม่ได้ตั้งใจคะท่านเมตตาด้วยนะค่ะ อึกฮือ...ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”  เธอสะอึกสะอื้นเบาๆ อีกครั้งดวงตาแดงกร่ำที่คลอน้ำตาใสส่งประกายอ้อนวอนสำนึกผิดและขอความเห็นใจมายังผม

   “แล้วคุณมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าคุณคมกิจเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด” ผมเอ่ยถามยังไม่อยากฟันธงว่าบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างนั้นผิดจริง

   “ดิฉันเคยสำเนาเอกสารคำสั่งของคุณคมกิจ พวกใบสำคัญสั่งซื้อ ใบเสร็จรับเงิน ใบโอนเงินไว้ แต่มันหายไปจากลิ้นชักโต๊ะ ดิฉันพยายามรื้อค้นมาหลายวันแล้วแต่ยังไม่เจอเลยคะ ตะ...แต่ที่ดินฉันพูดเป็นความจริงนะคะ เชื่อดิฉัน”  เธอมีสีหน้าครุ่นคิดและกังวล ก็คงจะเป็นกระดาษแผ่นที่พี่พีค้นเจอนั่นแหละ

   “ผมจะรับไว้พิจารณา ตอนนี้คุณอย่าแสดงท่าทีพิรุธอะไร ขอให้ทำงานไปตามปกติ ไม่ต้องบอกใครว่าผมรู้เรื่องนี้แล้ว คุณกลับไปทำงานเถอะ แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้าให้รีบรายงานผมหรือคุณพีระณัฐโดยด่วนได้เลยครับ” คุณสุนีย์ลุกขึ้นโค้งหัว และหันหลังเดินออกไปจากห้อง

   คำกล่าวอ้างของคุณสุนีย์หลายอย่างตรงกับเอกสารที่พวกเราค้นเจอ แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดหรือเอาผิดคุณคมกิจได้ อย่างที่บอกเอกสารของเรายังอ่อนเกินไป อีกอย่างภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกต่อหน้าคุณแม่ราวกับว่าเขาห่วงใยและมีความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อบริษัทเสียเหลือเกินจนคุณแม่ไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนทำ ผมกดเครื่องติดต่อเรียกคนข้างนอกเข้ามาหา

   “พี่พีเข้ามาหาผมหน่อย”  ไม่ถึงนาทีคนที่ผมเรียกหาก็มานั่งลงตรงหน้า

   “เมื่อกี้คุณสุนีย์เขามาสารภาพว่าคุณคมกิจเป็นคนอยู่เบื้องหลังการโกงบริษัททั้งหมด แล้วก็ผลักดันให้เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดฝ่ายบัญชีทั้งๆ ที่ทำงานมาแค่สี่ปีข้ามหัวผู้อาวุโสไปหลายคน  เพื่อให้เป็นมือเป็นเท้าให้” ผมสรุปคราวๆ ให้พี่พีฟัง

   “มันจะเป็นไปได้เหรอ ท่าทางคุณคมกิจก็ไม่น่าจะทำอย่างนั้น ฐานะทางบ้านใช่ย่อย นั่นนะเศรษฐี มีอันดับของประเทศก๊กผู้ดีเก่ากันทั้งนั้น  แต่อย่างว่าฉากหน้ากับความเป็นจริงมันคนละเรื่องกัน  ถึงยังงั้นเราก็ชี้ชัดไม่ได้หรอกนะสิงห์  มันเป็นแค่คำพูดไม่ได้มีเอกสารหลักฐานอะไรรับรองว่าสิ่งที่พูดนั้นจริง เขาสองคนอาจใส่ร้ายป้ายสีกันก็ได้”

   “ก็ไม่รู้สิพี่ แต่ผมว่าหลายๆ อย่างมันมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้ เค้าไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ผมเข้ามาบริหารงานแทนแม่เล็ก ตอนนี้เราไว้ใจใครไม่ได้ผมจะส่งคนได้เฝ้าติดตามคุณคมกิจและคนเก่าแก่ของเจ้าสัวอย่างใกล้ชิด”

   “พี่เห็นด้วย  อ้อพี่ณิตโทรขึ้นมาบอกว่าถ้าสิงห์จะออกไปโรงงานด้วยกันรถพร้อมแล้ว”

   “บอกพี่ณิตอีกสิบนาทีครับ ขอผมดูแฟ้มอีกนิดเดียว แล้วตอนบ่ายมีอะไรที่สำคัญรึเปล่า ผมว่าจะไปรับเด็กนะครับ คิดถึง”  คำว่าคิดถึงผมกล่าวมันเพียงเบาๆ  แต่พี่พีกลับได้ยินและทำเสียงอะไรสักอย่างล้อเลียนผม

   “ไม่มีแล้วครับ ถ้ามีอะไรเข้ามาด่วนเดี๋ยวพี่จัดการเองก็แล้วกัน  นี่หละน่า...” 

   พี่พีทำน้ำเสียงล้อเลียนในตอนท้าย จึงเงยหน้าขึ้นจะต่อว่าคนรู้ทัน แต่เขาก็เดินไปถึงประตูกำลังจะเปิดออกไป หันมานิดๆ พร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ผมก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป

   “ชริ พี่แมร่งพอกันทั้งคู่เลย” ผมพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะก้มหน้าลงทำงานต่อไป






[มีต่อด้านล่างนะครับ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2016 14:44:43 โดย WiChy »

ออฟไลน์ WiChy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
[ต่อจากด้านบน]


   เกือบห้าโมงเย็น  ผมขับรถมาถึงวิทยาลัยของเด็ก ขณะนี้ยังเหลือนักศึกษาอยู่บ้างประปราย กวาดสายตามองหาเด็กเห็นนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้สนามบริเวณลานจอนรถข้างภาควิชาคหกรรม  จึงเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหา

   “หนูครับ”

   เด็กเงยหน้าขึ้นและหันมาตามเสียงเรียก หน้าตาน่ารักนั้นแดงระเรื่อเหมือนคนเป็นไข้ เม็ดเหงื่อซึมตามไรผม ปากเผยอน้อย

   “ภูมิ”

   น้ำเสียงแหบโหยแผ่วเบา ร่างบางสะท้านไหว น้ำนิ่งหยุดชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้ามาหาผม ตัวบิดเกร็งสะท้าน อากัปกิริยาของน้ำนิ่งทำให้ผมระคนสงสัยแปลกใจอยู่ในที  รีบสาวเท้าเข้าไปโอบกอดคนตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นสั่นระริกตัวร้อนผะผ่าว

   “ห หนูไม่รู้เป็นอะไร ร้อน..อึกฮื่อ...”

   “ชู่ว์ๆ ไม่เอาไม่ร้องนะภูมิอยู่นี่แล้ว ชูว์ๆ  เด็กดีของภูมิไม่ร้องนะครับ”

   ผมกอดกระชับเด็กในอ้อมกอดแน่นขึ้น มือตบหลังเล็กเบาๆ ปลอบให้หยุดร้อง รู้สึกได้ถึงเสียงเต้นตึกตักของหัวใจที่หอบสะท้อนขึ้นลงอย่างแรง ก้มลงจูบที่ขมับ น้ำนิ่งยกแขนเรียวเล็กโอบไปรอบคอของผม คลายสะอื้น ยกตัวขึ้นเอาปากนิ่มกดลงที่ปากผมกัดเบาๆ ก่อนจะผละออกแล้วซบหน้าลงกับบ่าผมอีกครั้ง

   “อ๊ะ..ฮือ..คิดถึง”   เด็กพูดเสียงแหบโหยชิดคอ ผมคลียิ้มเต็มหน้า

   “คิดถึงเหมือนกัน” กดปากจูบลงเน้นๆ ที่แก้มนิ่ม

         “...” 

   น้ำนิ่งไม่พูด ร่างบางยังสั่นระริกเหมือนข่มกลั้นแรงอารมณ์บางอย่าง  ปากร้อนผ่าวของเด็กน้อยงับลงที่คอผมเต็มแรงจนสะดุ้งเกร็งบดกรามแน่นรับแรงกัดนั้น สักพักก็ผละปากออกมองดูสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วก็หน้าเสียเมื่อเห็นเลือดซึมออกจากรอยกัด เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ลิ้นร้อนเล็กๆ เลียที่รอยกัดจนเลือดหยุดไหลแล้วจึงซบหน้าลงกับบ่าผมเหมือนเดิม ร่างบางเกร็งสะท้านแรงขึ้น

   ท่าทางที่แปลกไปของน้ำนิ่งทำให้ผมอุ่นวาบที่กลางกาย อยากจะตีก้นเด็กนี่นักใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้กัน แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ไม่เจอกันแมวน้อยน่ารักหยิบหนังแมวยั่วสวาทมาห่มซะงั้น   

   “เป็นอะไรครับ” 

   “....” 

   ร่างบางครางเครือฮือ อา ฟังไม่ได้ศัพท์  ยกหัวขึ้นจากบ่ากดปากนิ่มจูบลงบนรอยกัดที่คอผม ก่อนจะกระชับแขนเล็กๆ ให้แน่นขึ้น ร่างเล็กสะท้านเกร็งอีกครั้ง ตรงกลางกายของน้ำนิ่งพองตัวแข็งขืนเสียดสีไปกับหน้าท้องผมจนรู้สึกได้   

   “รอนานไหมครับ”

   “...”  น้ำนิ่งไม่ตอบแต่สั่นหน้าน้อยอยู่บนบ่า  ผมยกยิ้มเด็กหนอเด็กคงงอนจริงๆ ใช่ไหมอาการ แบบนี้

   “เรากลับกันนะ”  ผมกระซิบริมหูเล็กคนในอ้อมกอดพยักหน้า ผมอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงสูดดมความหอมจากแก้มนิ่มนั่นอีกครั้ง

   “ระ รักภูมิ”  น้ำนิ่งพึมพำเสียงหวานเว้าวอน แรงผลักดันที่ทำให้ผมมีกำลังฮึดสู้ต่อ ความเหน็ดเหนื่อยที่เจอมาทั้งวันมลายหายไปเพียงคำพูดที่เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจนั้น

   ผมก้มลงหยิบเป้ของน้ำนิ่งขึ้นสะพายไหล่ แต่ก่อนจะเดินไปที่รถหางตาผมเหลือบเห็นเงาของใครบางคนที่หลบวูบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ห่างจากบริเวณที่เด็กนั่งประมาณห้าสิบเมตร  อยากจะตามไปดูแต่ตอนนี้อาการของ  เด็กผมชักจะแปลกๆ จึงละความสนใจเดินมาที่รถแทน

   มาถึงรถน้ำนิ่งไม่ยอมนั่งเอง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาคนตัวเล็กนั่งบนตักหันหน้าซุกซบแนบอก รู้สึกถึงแรงจากแขนเรียวเล็กโอบกระชับแน่นรอบลำคอผม  เสียงครางอือ อา แผ่วเบา ปากร้อนนาบจูบลงบนคอดูดเม้มตามรอยกัด คาง เรื่อยไปจนถึงติ่งหู ก้นงอนขยับบดเบียดเสียดสีไปกับกลางกายผม นี่มันชักจะไม่ธรรมดาแล้ว  จึงนำรถเข้าจอดข้างทางหลังจากขับออกมาจากวิทยาลัยไม่ไกลนัก

   “ระ ร้อน  ลุงร้อน ชะ ช่วยหน่อย” 

   เด็กผละออกจากตัวผม แผ่นหลังบางเอนไปกับพวงมาลัยรถ ตาฉ่ำหวาน  ลิ้นเล็กสีชมพูแลบเลียตามริมฝีปากของตัวเองอย่างกระหายยั่วยวน  มือเล็กยกขึ้นบดบี้ที่ยอดอกของตัวเองผ่านเสื้อนักศึกษา     อีกข้างลดลงไปคลายเข็มชัดปลดตะขอล้วงมือเข้าไปในกางเกงจับรูดรั้งแก่นกายที่แข็งขืนของตัวเองอย่างแรง ก้นงอนยังคงส่ายบดเบียดลงกับแก่นกายของผมซึ่งตอนนี้มันเริ่มจะแข็งขืนจนแทบระเบิด 

   เด็กบนตักตัวเกร็งก้นงอนยกลอยมือเล็กเร่งขยับรูดรั้งแก่นกลางของตัวเองเร็วขึ้น เสียงครางหวานดังยาวนานเมื่อความกระสันเสียวถึงขีดสุดน้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาเลอะไปตามเสื้อผ้าของเราทั้งคู่ เด็กตัวอ่อนซวนซบร่างลงกับอกผม แต่พักเดียวร่างนั้นก็สั่นสะท้านอีกครั้ง

   “อือ..อา..ละ ลุง ชะช่วยหน่อย หนูเป็นไรไม่รู้ ฮึก..อา..” 

   เสียงครางสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารของคนบนอก บอกว่าสับสนแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความโกรธแล่นริ้วผมอยากจะฆ่าคนที่ทำแบบนี้กับน้ำนิ่ง กรามบดแน่นขึ้นข่มเก็บความโกรธก่อนเปล่งเสียงทุ่มนุ่มปลอบเด็กบนตัก

   “ทนนิดนะเด็กดี เดี๋ยวถึงบ้านเราแล้ว”  ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแผ่วเบา ร่างบางสั่นไหวระริกอีกครั้ง เหนียบขาเข้ากับลำตัวผมแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติ

   “ภะ ภูมิ มะมันรู้สึก อะอีกแล้วฮึก ฮือ...”  น้ำตาไหลอาบแก้มใส  ผมดึงตัวเข้ามากอด ปากนิ่มกัดที่บ่าผมเพื่อข่มอารมณ์ปรารถนา แต่กระนั้นก็มิอาจทนแรงเร้าตามกลไกธรรมชาติของร่างกายได้ ก้นงอนกลับบดเบียดไปกับกลางกายผม 

   “ลุง ม..ไม่ไหว ล..แล้ว  ช่วยหนูก่อน ฮึก.. อ๊ะ...ฮือ..”  เด็กพูดอ้อนวอนปนสะอื้นอย่างน่าสงสาร

   “ภูมิ...” เสียงหวานเว้าวอนกระซิบข้างหู ก่อนที่ลิ้นร้อนเล็กจะเม้มดูดติ่งหูจนผมรู้สึกหวามไหวในกาย

   “ชู่ว.. เด็กดีของภูมิ...อดทนนะครับ”

   “ไม่..ไม่ไหวแล้ว...ฮือออ.”  มือบางไขว่คว้ามือผมไปจับร่างกายของเขาพัลวันไปหมด

   ผมจับตัวเด็กให้เอนหลังพิงไปกับพวงมาลัยรถ ดึงเข็มขัดนักศึกษาออกจนหมด ล้วงมือเข้าไปจับแก่นกายเล็กที่แข็งขืนให้พ้นจากกางเกง

   “อา.. อ๊า...ลุงอื้อ...” 

      ผมเริ่มรูดแก่นกายน่ารักของร่างบางขึ้นลงช้าๆ อีกข้างสอดเข้าไปในเสื้อนักศึกษาดึงร่นขึ้นไปก่อนจะครอบปากลงดูดดุนเลียวนเม้มแรงๆ ที่ยอดอกเล็กสีชมพู

   “ลุง  ซี๊ด...อา อา..” 

   ร่างบางบิดเร่าเสียงครางเครือด้วยความซ่าน อกเล็กยกแอ่นรับการครอบครองจากปากผม  มือเล็กยกขึ้นสอดนิ้วเข้าไปในเรือนผมกดหัวของผมให้ปากแนบไปกับยอดอกของตัวเองมากขึ้น

   “ลุง  อะ อา เร็วๆ  อื้อ...” 

   ผมขยับมือที่กอบกุมตัวตนแข็งขืนของร่างบางให้เร็วขึ้น ผละปากจากยอดอกเล็กขึ้นไปขบเม้นริมฝีปากนิ่ม ดูดกลืนลิ้นเล็กแรงๆ คนตัวเล็กหวี๊ดร้องด้วยความซ่าน  ไขว่คว้าความสุขตรงสุดปลายทางร่างบางเกร็งตัวปลดปล่อยน้ำขุ่นขาวออกมาเต็มมือผมอีกรอบ ผมยกตัวเด็กขึ้นครอบปากลงดูดกลืนไล้เลียน้ำหวานที่ทะลักจากส่วนปลายทำความสะอาดจนหมด จัดเสื้อให้เรียบร้อยโอบกอดร่างอ่อนระทวยเข้ามาซบพิงกับอกผม  แต่ขณะนี้กำลังจะสตาร์ทรถเพื่อกลับบ้าน คนในอ้อมดอกสั่นสะท้านขึ้นมากอีกครั้ง 

   “ภูมิ อะ...อีกแล้ว อึก..ฮือ..ภูมิ”  น้ำนิ่งสะอื้นไห้สับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างบางพยายามข่มความต้องการตัวบิดเร่าด้วยความทรมาน

   “ชูว์..เด็กดีของภูมิ ทนนิดนะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้ว”  ผมสตาร์ทรถก่อนจะรีบขับออกไปด้วยความเร็ว


   ผมขับรถถึงบ้านในเวลาไม่ถึงห้านาที  จอดรถแทบจะเกยบันไดบ้าน  พี่นิ่มมองด้วยความฉงนผมไม่ได้สนใจอธิบายความ  รีบอุ้มร่างบางขึ้นบ้านอย่างรวดเร็ว น้ำนิ่งตัวบิดเร่าด้วยความต้องการ มือเล็กรูดกางเกงลงไปถึงแค่หน้าขาก่อนจะรูดรั้งแก่นกายที่แข็งขืนรัวเร็วเพื่อบรรเทาความต้องการ 

   “ภูมิ ไม่ไหว ละแล้ว..ฮืออ..”  เด็กครางกระเส่าอย่างน่าสงสาร

   “ไม่เป็นไรนะคนดี”  ผมก้มลงปลอบ มือลูบผมยาวให้พ้นจากหน้าตา

   “ชะ ช่วย หนูนะ..มันอะอีกแล้ว ฮึก ฮือ...”  เด็กน้ำตาไหลพราก เมื่อความต้องการมันวนกลับมาระลอกใหญ่อีกครั้ง

   “ชูว์ ๆ คนดีไม่เป็นไร” 

   ผมยืนขึ้นกำลังจะอุ่นร่างบางที่บิดเร้าเข้าไปอาบน้ำเย็น คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธระรัวจับมือผมไปกอบกุมแก่นกายของตัวเอง มือเล็กซ้อนทับมือผมให้ช่วยรูดรั้ง  ถ้าผ่านวันนี้ไปได้ผมสัญญาว่าจะฆ่ามันจริงๆ 

   ชายหนุ่มตัดสินใจนั่งคุกเข่าลงที่พื้นข้างเตียง เอื้อมมือดึงร่างบางมาจนถึงริมเตียงถอดกางเกงออกโยนไว้แถวๆ นั้น  แก่นกายสีชมพูระเรื่อขนาดน่ารักสมตัวผงกหัวทักทาย มือแกร่งจับขาเรียวเล็กยกขึ้นเหยียบไว้บนบ่าตัวเอง  จับแก่นกายน่ารักรูดขึ้นลงเนิบนาบ ใช้ลิ้นดุนดันก่อนจะครอบปากลงเต็มความยาวจนถึงโค่น  รูดขึ้นลงช้าเร็วสลับกับเลียวนก้นงอนยกลอยตามจังหวะดูดดึงของผม  คนตัวเล็กครางเสียงหวานด้วยความพอใจ   

   ผมผละปากออกมาดูดบอลแฝดน่ารักโดยเฉพาะตรงเส้นแบ่งของบอลทั้งสองลูกนั่นแรงๆ  เด็กน้อยถึงหวี๊ดร้องครางกระเส่าฟังไม่ได้ศัพท์ปลายเท้าจิกแน่นลงบนบ่า  จึงใช้มือดันก้นนิ่มขึ้นจนเผยให้เห็นช่องทางรักจีบพับสีขมพูอ่อนยังปิดสนิทแน่นมันขมิบแผ่วเบาเหมือนเชิญชวนให้เข้าไปสำรวจ ผมยอมสละบอลแฝดกดปากจูบเน้นๆ ลงไปที่ช่องทางรักแทน ใช้ลิ้นเลียวนรอยจีบพับสลับกับแยงลิ้นเข้าไปข้างใน  เสียงครางหวานดังขึ้นตามระดับของความเสียวซ่าน ตัวบิดเร่าก้นยกลอยตามจังหวะที่แยงลิ้น

   ร่างบางครางกระเส่าตอนปลายสุดของเส้นทางสวรรค์ ผมผละจากช่องทางรัก ครอบปากลงที่แก่นกายเล็กอีกครั้ง ดูดส่วนปลายบานแรงๆ จนแก้มตอบก่อนจะเริ่มขยับปากขึ้นลงอย่างรวดเร็ว นิ้วโป้งกดไล้วนจีบพับไปพร้อมกัน

   “ปะ ปล่อยหนูเถอะนะลุง  จะ จะไปแล้ว”

   เสียงครางฟังได้ประมาณนี้ผมจึงยิ่งขยับปากรูดขึ้นลงรวดเร็วยิ่งขึ้น เด็กยกก้นสอดใส่ตามจังหวะรูดรั้งของผม  สักพักเขาเกร็งตัวฉีดน้ำหวานไหลลงสู่ลำคอ ผมกลืนกินมันทั้งหมดอย่างไม่รังเกียจ

   “อะ อ๊า  ฮึก อื้อ....” 

   เสียงหวานครางแผ่วเบาแหบพร่า ทิ้งตัวอย่างอ่อนแรงลงไปกับเตียงนุ่ม  ผมดูดกลืนน้ำหวานเลียทำความสะอาดจนหมดจด จึงปล่อยตัวตนน่ารักที่เริ่มอ่อนตัวออกจากปากของตัวเอง

     ชายหนุ่มก้มลงดูดเม้นไปตามริมฝีปากบนและล่าง เสียงครางแหบพร่าเรียกผมว่า “ลุง” ช่างเรียกร้องเชิญชวนกระตุ้นความต้องการของผมให้มากยิ่งขึ้นจนแทบระเบิด อารมณ์มันเหมือนตาแก่หื่นกามยังไงยังงั้น ผมผละลุกขึ้นถอดกางเกงของตัวเองออก สายตาฉ่ำหวานปรือปรอยระคนแปลกใจแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ผมนอนลงข้างกันจับเด็กนอนตะแคงในอ้อมกอดโดยผมนอนซ้อนข้างหลัง 

   “ไม่ไหวแล้ว  ช่วยภูมิหน่อยนะเด็กดี”

   ผมกระซิบเสียงแหบพร่าเว้าวอนชิดหูหอม เด็กหันหน้ามาจูบคาง ผมเอื้อมมือลงไปรูดรั้งแก่นกายแข็งตัวเต็มที่ของตัวเอง เสียดสีไปตามร่องก้นงอนงามของคนตรงหน้าจงใจให้ส่วนปลายถูไถกับช่องทางรัก เด็กครางแผ่วเบาอย่างเสียวซ่านพึงพอใจ  อยากจะฝากฝังตัวตนเข้าไปในร่างเล็กใจแทบขาด แต่คงทำเช่นนั้นไม่ได้ผมไม่อยากฉวยโอกาสที่ได้มาเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของน้ำนิ่ง อีกอย่างน้ำนิ่งยังไม่พร้อมร่างบางนั่นคงรับผมไหวถ้าจะโถมใส่อย่างแรง ผมสอดใส่ความแข็งขืนนั้นเข้าที่กลางหว่างขาเรียวแทน

   “เด็กดีหนีบขาแน่นๆ นะครับ” 

   เด็กพยักหน้ารับอารมณ์หวามไหวเจืออยู่เต็มหน้า  ผมขยับช่วงล่างเนิบช้ามือซ้ายกอบกุมรูดรั้งตัวตนของเด็กน้อยที่เริ่มแข็งตัวอีกครั้ง มือขวาสอดเข้าไปในสาบเสื้อที่เปิดอ้าบดบี้ปลายนิ้วลงกับยอดอกของเด็กมันคงจะทั้งเจ็บทั้งเสียวซ่านมากจนครางลั่น

   “ซี๊ดดด... อา...ลุง”

   “หนู....”

   ผมกดปากจูบเม้มไปตามลาดไหล่เนียนจนถึงซอกคอหอม  การเคลื่อนไหวรุนแรงตรงหว่างขากับกลิ่นหอมที่แสนพิสุทธิ์เป็นแรงขับเคลื่อนพาความเสียวกระสันให้ทะยานสูงอย่างระงับไม่อยู่ ผมกระแทกสอดใส่คนตรงหน้าอย่างแรงและเร็วขึ้น แรงข้อมือขยับแก่นกายน่ารักระรัวเพื่อเร่งให้เราทั้งคู่ถึงปลายทางพร้อมกัน  ในที่สุดร่างบางก็ปลดปล่อยน้ำหวานออกมาจนร่างกระตุกเกร็ง

   “อีกนิดนะเด็กดี”

   ผมกระซิบบอก ขยับมือมายึดสะโพกมนไว้แน่น กระแทกตัวสวนกายเข้าแรงเร็วอยู่สองสามที ความบิดมวนในช่องท้องมันอัดแน่นจนทนไม่ไหวผมเกร็งตัววาดวงแขนกอดกระชับร่างบางแน่น และปลดปล่อยออกมาในที่สุด

   “หนู....อา อ้า...”

   ผมกดจมูกสูดดมกลุ่มผมหอม ดึงมือของเด็กไปจับที่ส่วนปลายบานที่น้ำรักยังไหลทะลักออกมาไม่หมด มือนิ่มที่แตะลูบวนตรงส่วนปลายมันทำให้ตัวผมสั่นสะท้านจนต้องกอดกระชับเด็กน้อยแน่นขึ้น กระแทกตัวตนให้ส่วนปลายชนกับมือนิ่มของเด็กกระตุ้นให้น้ำรักปลดปล่อยออกมาจนหมด เด็กในอ้อมกอดตัวอ่อนระทวยแนบร่างไปกับอก  ผมยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่ระหน้ามาทัดไว้ที่หูเล็ก ปากร้อนจูบไล้ไปตามไรผมที่ชื้นเหงื่อของคนตัวเล็ก เด็กในอ้อมกอดนอนนิ่งหลับตาพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนแต่คิ้วเรียวขมวดแน่นเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง

   “คิดอะไรอยู่หืม” 

   “มะ ไม่มีอะไร” 

   เด็กน้อยตอบกลับผมด้วยเสียงหวานแผ่วเบา  ฤทธิ์ยาคงจะคลายตัวลงมากแล้ว  ผมก้มลงจูบที่ไหล่มนอีกครั้งก่อนจะผละตัวลุกขึ้น เดินไปเปิดน้ำอุ่นรอจนน้ำเต็มอ่าง จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเอง เสร็จแล้วจึงเดินมาอุ้มเด็กไปอาบน้ำด้วยกัน  เขาสะดุ้งเมื่อถูกอุ้มลงนั่งในอ่างอาบน้ำที่อุ่นเกือบร้อนเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เค้าลืมตาปรือปรอยเตรียมจะประท้วง

   “ชู่ว์ ๆ ภูมิอาบน้ำให้นะ  หลับไปก่อนเลยครับ”

   “ฮือ” 

   เด็กขานรับตัวเขาเอนลงพิงกับอกผมหลับไปอีกครั้ง  เรานั่งแช่น้ำอุ่นจนน้ำเกือบเย็น ผมอุ้มร่างบางขึ้นจากน้ำเช็ดตัวให้แห้งทาครีมบำรุงผิวให้ทั่วตัวก่อนจะหาชุดนอนมาใส่ให้ อุ้มตัวไปวางไว้ที่ตั่งข้างหน้าต่างเอาผ้าเน่าให้กอดรอไปก่อน  รีบเดินกลับมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่เค้าจะได้นอนสบายตัว เสร็จแล้วจึงเดินไปอุ้มเด็กมานอน คงจะต้องให้นอนสักพักตัวเค้าร้อนรุมๆ  ผมเดินลงไปบอกให้ป้าชื่นเตรียมโจ๊กให้เด็กตื่นมาจะได้กินข้าวและกินยาดักไว้ก่อน ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดไม่ต้องไปโรงเรียน



TBC.

แต่งนิยายชายรักชายครั้งแรกแล้วเป็นเรื่องแรกไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมียอดวิวถึงพัน ปริ่มเปรมและดีใจมากนะครับ :impress2: [ปกติอ่านนิยายชายหญิงมาตลอดครับ] อาจจะผิดพลาดบ้างอะไรบ้างก็แนะนำกันได้ครับผม ^^

ขอบคุณมากมายสำหรับการติดตามและเม้นท์ให้กำลังใจ   ขอบคุณพิเศษสำหรับ magarons  sirin_chadada BlueCherries ที่ติดตามและเม้นท้ให้กำลังใจตั้งกะตอนแรกจนถึงตอนนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2016 16:38:57 โดย WiChy »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 o22


ใครบังอาจทำน้องนิ่ง น่าจับเจี๋ยนให้ตายเลย พี่ภูมิต้องสอบปากคำมาให้ได้นะ !!!

(ส่วนแม่นางบัญชีคนนั้น.......มาสารภาพบาปใช่ไหม ไม่ใช่เป็นนางล่อให้ฝ่ายนั้นหรอกนะ?)

ออฟไลน์ imyours8888

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao3:น่าร๊ากกกกกกกทั้งน้ำนิ่งและพี่ภูมิเลย รอติดตามนะคะ สู้ๆค่ะ :z2: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด