ผมขยับตัวเข้าหาสมุทรอย่างเนิบช้า รอดูปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใจเย็น ไม่โจ่งแจ้ง ก่อนวางฝ่ามือข้างขวาปิดดวงตาของเขาไว้ สมุทรยังคงนั่งนิ่ง ผมกวาดตามองใบหน้าของเขาที่ถูกปิดไว้จนเหลือให้เห็นเพียงจมูกและริมฝีปากเท่านั้น ความใกล้ของร่างกายเราทั้งคู่เริ่มประชิดมากขึ้น ทันทีนั้นชื่อของผมก็ถูกเรียกขึ้นในลำคอ... “...คุณไฟ”
“ว่าไง ?” ผมขานรับในลำคอเช่นกัน
ซ่า !!! ฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ต้นไม้ใหญ่ที่ด้านนอกเคลื่อนไหวไปตามแรงลมเสียงดังมากทีเดียว อย่างน้อยก็ช่วยทำลายความเงียบระหว่างเราไปได้บ้าง ปลายจมูกของผมแตะถูกปลายจมูกของสมุทรพลางเขี่ยอย่างแผ่วเบา ไม่ใช่การถูกเนื้อต้องตัวอย่างทันทีโดยตรง หยั่งเชิง
เพื่อไล่ให้คืบคลานไปด้วยกัน...
ฝ่ามือของผมขยับเลื่อนออกจากดวงตาของสมุทรช้า ๆ ก่อนประคองไว้ระหว่างหัวใกล้กับใบหู สมุทรที่เหมองต่ำอยู่ ช้อนตาขึ้นมองมาที่ผมไม่กะพริบ เมื่อผมขยับเข้าใกล้มากขึ้น อีกฝ่ายเลือกที่จะเบือนหน้าหนีเพื่อหลบเลี่ยงการเอ่ยปากปฏิเสธซ้ำอีก ผมหยุดนิ่ง เว้นระยะการเข้าหาไว้ครู่ ลมแรงซัดกระหน่ำเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ทันทีนี้ผมจึงเข้าประชิดจนปลายจมูกเกลี่ยไปตามข้างแก้มของเขา ในหัวไม่มีแม้แต่คำเตือนว่า
“ควรหยุด” ขณะที่คิดว่าถ้าครั้งหน้าจะไม่มีโอกาสอีก นิ้วก็กดปิดสวิตซ์โคมไฟที่หัวเตียงฝั่งของสมุทรไปเสียแล้ว
แป้ก !อีกฝ่ายเหล่มองมาในทันที และแล้ว..
ความยียวนต่อกันและกันเพื่อหยั่งเชิงก็เริ่มจางหายไปจากสายตาของเราทั้งคู่ในคราวนี้ จู่ ๆ สมุทรก็นำหนังสือที่ตนยังคงถืออยู่นำขึ้นมาปิดระหว่างดวงตาของผมไว้ ผมนิ่งเฉย ได้เพียงแต่หลุดหัวเราะเล็กน้อยเท่านั้น
“เอาปิดไว้ทั้งหน้านั่นแหละครับ” อีกฝ่ายพูดคล้ายต่อว่า พลิกหนังสือให้เป็นแนวตั้งเพื่อขนานไปกับใบหน้าของผม
“ทำไม ?” ผมตั้งคำถามและยังไม่คิดที่จะปัดหนังสือออก
“...อย่าทำแบบนี้เลยครับ” สมุทรบอก น้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดเป็นพิเศษ อีกทั้งไม่ใช่การตักเตือนหรือขู่อย่างเช่นก่อนหน้า ผมชั่งใจคิดถึงมุมของอีกฝ่ายบ้างแต่กลับไม่สามารถทำตามคำขอได้จึงจับข้อมือของเขาที่ถือหนังสือออกห่าง เราได้สบตากันอีกครั้ง
“ถ้ารังเกียจก็ผลักฉันออกได้เลย” ผมพูดแทบกระซิบ แม้จะกังวลปฏิกิริยาตอบรับแต่เพราะไม่มีหนทางอื่นแล้ว
การหยิบความเห็นแก่ตัวในรูปแบบนี้มาใช้เป็นครั้งแรกในชีวิต เสียงกระซิบแผ่วเบาทั้งพะวงและมีนัยยะขอร้องแฝงอยู่ กระทั่งอย่างนั้นก็ยังอดกังวลความนึกคิดของคนตรงหน้าไม่ได้ ถ้าเขาไม่ยอม ผมจะหยุดรึเปล่านะ จะถึงขั้นต่อสู้จนมองหน้ากันไม่ติดรึเปล่า ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน
ไม่ว่าคู่นอนคนไหนที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่ความ(ต้องการ)ทรมานที่ถูกร้องขอเพื่อให้ร่วมเล่นบทพิสดารบนเตียง หรือออกปากปฏิเสธเพื่อแสร้งทำให้ตัวเองดูมีค่าขึ้น หากถูกปฏิเสธแม้เล็กน้อยจะหยุดทันที ไม่มีเหตุผลเพื่อไปต่อ ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองควรมีเหตุผลอื่นนอกจากความกระหายส่วนตัวเพื่อสานต่อเรื่องบนเตียงกับคน ๆ นั้น ถือตัวตนของตัวเอง เคารพความคิดของอีกฝ่าย จึงไม่เคยคิดหยิบยกประโยคเด็ดที่ลึก ๆ แล้วมีความหมายของคนเห็นแก่ตัวฝังอยู่นี้ขึ้นมาใช้เพื่อบังคับให้ใครหลับนอนด้วยเพียงเพราะต้องการสบายตัวชั่วคราว
เมื่อไม่ถูกเจ้าของร่างกายเอ่ยปากห้ามอีก หรือเขาอาจจะกำลังปฏิเสธผมอยู่ก็ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมมองหน้าผม สมุทรเบือนหน้าหนีเหมือนทีแรกที่ทำ ผมแตะปากลงที่แก้มเขาเบา ๆ อีกครั้ง ทั้งปลายจมูกและริมฝีปากเกลี่ยหอมและสูดดมอยู่เช่นนั้นคล้ายหยอกเอิน วนเวียนอยู่ที่เดิมซ้ำไปมาจนสมุทรยอมหันหน้ากลับมาทางผมอีกครั้งหนึ่ง ผมจึงหยุด สบตาเขาตรง ๆ มือขวาที่กุมหัวของเขาอยู่เลื่อนต่ำลงมาที่ข้างแก้มและลำคอ ครั้งนี้อีกฝ่ายหลบสายตามองต่ำ เขาคงกำลังคิดอะไร มือข้างที่เขาถือหนังสือเปลี่ยนมาจับข้อมือผมข้างที่จับใบหน้าของเขาอยู่ เสียงกระซิบพูดขอแผ่วเบาซ้ำอีกครั้งว่า “อย่าเลยครับ”
ไม่คิดยอมทำตามคำร้องขอนั้น ผมเพียงหลบตา ซบหน้าผากลงที่หน้าผากของอีกฝ่าย ครู่หนึ่ง เมื่อแอบหรี่ตามอง ฝ่ายตรงข้ามก็กำลังหลับตาอยู่เช่นกัน การเคลื่อนไหวของเราทั้งคู่ต่างชะงักงัน เราสบตามองกันอีกครั้งอยู่ในท่าเดิมพักใหญ่ นิ้วโป้งข้างขวาขยับเกลี่ยอยู่ที่ข้างแก้มของสมุทรไปพลาง เรากำลังอ่านกันอยู่รึเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมสมองผมมันถึงได้ว่างเปล่าแบบนี้ สมุทรใจเย็นเป็นน้ำเลย
ผมเอียงใบหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากเผยออกโดยอัตโนมัติก่อนแตะลงที่ปากของคนตรงหน้า มันเบาบางขนาดที่ผมเองยังตกใจ อย่างนั้น ดวงตาของเราทั้งคู่กลับไม่ละไปไหน ผมขยับใบหน้าออกเพื่อเว้นช่วง ขณะเดียวกันที่สมุทรเป็นฝ่ายหลบสายตาลง ผมจึงช้อนจูบเข้าไปอีกครั้ง และผ่อนแรงลงในตอนท้าย ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาลองเครื่องยนต์ก่อนลงแข่งรถเลย ไหงถึงนึกถึงเวลานั้นเสียได้..
.
การไม่ถูกผลักออกอย่างรังเกียจโดยทันทีเป็นปฏิกิริยาที่โชคดี อุณหภูมิในร่างกายเร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำหนักของริมฝีปากหนักแน่นมากขึ้นแต่ก็ไม่ลืมความนุ่มนวลที่ควร บรรยากาศในตอนนี้เป็นใจเสียจริง กลับกันก็รู้ดีอยู่ว่าไม่ควรเกินเลยมากนัก เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือผมไม่ต้องการยัดเยียดความผิดแปลกนี้ให้กับความสัมพันธ์ที่ผมยังเป็นฝ่ายต้องการอยู่ฝ่ายเดียว
ครู่หนึ่ง.. เสียงจูบที่แว่วสวนเข้ามาในโสตประสาทไม่ใช่การเริ่มจากฝ่ายเดียว ฝ่ามือของสมุทรข้างหนึ่งประคองมาที่ต้นคอผม ผมหยุดทันทีที่ถูกแตะเนื้อตัวตอบในจุดสำคัญ จับจ้องเขาไม่กะพริบ อีกฝ่ายเองก็ทำอย่างเดียวกัน กำลังถูกมองอย่างสำรวจตรวจสอบจนขณะหนึ่งสามารถทำให้คิดเข้าข้างตัวเองได้ไม่มากก็น้อย ม่านตาของเรากะพริบไม่บ่อยนัก ผมขยับใบหน้าเข้าหาฝ่ามือของสมุทรที่จับอยู่ระหว่างลำคอและใบหน้าของผม สูดหอมและหลับตาลง ริมฝีปากที่แตะลงตรงกลางฝ่ามือของสมุทรพอดีทำให้มือของเขากระตุกเล็กน้อย ผมเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนยิ้มให้อย่างอดไม่ได้
ทันทีนั้นต้นคอก็ถูกดึงเข้าหาอย่างรวดเร็ว.. ลิ้นของผมสอดเข้าแทรกทันทีที่สมุทรเผยอปากออกเพียงเล็กน้อย คล้ายกลัวว่าตนเองจะเสียโอกาสนี้ไป รสจูบของเราเหมือนกับการจิบวิสกี้ไม่มีผิด ละเลียดเล็กน้อยในทีแรกเพื่อเรียนรู้รสชาติก่อนยกดื่มจนหมดในทีเดียว ปากบดจูบเนินนานจนเสียงหายใจเริ่มปะทะหนักขึ้นเนือง ๆ
ที่ผ่านมาเคยจูบใครแบบนี้บ้างไหมนะ ? รสจูบที่มีความต้องการอย่างเต็มเปี่ยมแต่ก็เป็นห่วง ทั้งที่เคยถูกคนอื่นมองด้วยสายตาที่มีความหมายคล้ายกับสมุทร บ้างเคยถูกมอบความรักมาให้อย่างตรงไปตรงมา ทั้งที่เคยกังวลในความคิดของฝ่ายที่หลับนอนด้วย ทั้งที่เคยกังวลความผิดของตัวเองที่ถูกร้องขอให้หลับนอนด้วยสักครั้ง ทั้งที่รู้ว่าจะผิดไปหากมอบจูบเช่นนี้ไปให้ แต่ไม่ใช่กับคนตรงหน้าในตอนนี้ ไม่มีความสังเลหรือกังวลแบบนั้น
ตรงกันข้าม ทั้งที่ถูกมองในลักษณะคล้ายกันแต่ผมกลับไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้สึกนึกคิดแบบเดียวกันกับผม คนที่เคยบอกรักผมคงเหมือนผมในตอนนี้สินะ น่าขำซะจริง
แต่ไม่หยุดหรอก ! จะหยุดให้ก็ต่อเมื่อ ถ้าหากท่อนล่างของอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ผมถึงจะหยุด เพราะนั่นมันคือหายนะทางจิตใจอย่างหนึ่ง หากเป็นคนอื่นคงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อผมและผมคงไม่มีความคิดแบบนี้ด้วย แม้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เคยผ่านมือมามักจะมีการตอบสนองอย่างรุนแรงแต่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ตอบสนองในทันใดเลยก็มี แต่นั่นก็ไม่เคยสร้างปัญหาต่อความมั่นใจเพราะเหตุผลในสถานการณ์นั้น ๆ มันประกอบไปด้วยปัจจัยหลากหลาย
“เดี๋ยวครับ” สมุทรเริ่มออกปากทักท้วงเมื่อผมรุกหนักมากขื้น เขาคงได้สติบ้างแล้ว ผมหยุด ก้มลงมองรูปร่างที่กำลังคร่อมอยู่ ถึงแม้อยากที่จะลูบคลำเนื้อตัวอย่างถึงที่สุดแต่ก็ไม่แตะต้อง ได้เพียงหักห้ามใจเอาไว้ ผมลังเลในตัวเขาและคิดว่าเขาเองก็คงมีความลังเลในตัวผมอยู่เช่นกัน ความสัมพันธ์ที่ไม่แยบคายนี้ทำให้เราทั้งคู่ต่างจำเป็นต้องขีดเขตแดน
ผมก้มหน้าเข้าหาสมุทรอีกครั้ง เขาหันหน้าหนีทันที ทำให้ผมที่ตั้งใจจะเข้าจูบเปลี่ยนเป็นหอมแก้มเขาแทน อีกฝ่ายออกปากบ่นเบา ๆ ในลำคอว่า
“ผมพูดอะไรคุณเคยฟังบ้างไหม” น้ำเสียงพึมพำคล้ายกับไม่ต้องการคำตอบ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กระซิบตอบเขากลับไป
“ขอโทษ” สมุทรยอมหันกลับมามอง ดวงตานิ่งเฉยไม่ได้เป็นไปในเชิงหงุดหงิด ผมก้มลงจูบเขาอีกครั้ง ครั้งนี้อีกฝ่ายยอมเผยปากออกมากขึ้น ลิ้นของผมที่สอดเข้าไปถูกเกลี่ยตอบกลับมายิ่งทำให้ร่างกายขยับทุกส่วนไปพร้อมกันโดยธรรมชาติ ฝนลงเม็ดหนักจนแทบไม่ได้ยินสติด้านดีพูดเตือน ผมผละปากออก ซุกไซ้ไปทั่วลำคอและใบหู สมุทรพยายามขยับตัวเองให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างเดิม เดาเอาว่าเขาคงต้องการปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกรุกหนักไปกว่านี้
.
ขณะที่กำลังจูบจนอีกฝ่ายเผลอ มือควานหาลงไปยังเป้าหมายที่จุดสำคัญของร่างกายโดยไม่คิดแม้แต่จะลูบไปที่ร่างกายท่อนบนเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ทาง ทันทีที่มือของผมแตะโดนของของสมุทร ดวงตาของเขาก็เบิกโต ใจผมเต้นแรงโครมคราม จับจ้องสมุทรไม่วางตา มือสัมผัสได้ถึงท่อนลำอุ่น ๆ ที่กำลังมีปฏิกิริยาอยู่เหมือนกัน สมุทรผละมือข้างหนึ่งออกจากลำคอของผมก่อนคว้าเข้าไปจับข้อมือของผมแล้วล็อกไว้ในทันที เขาพยายามที่จะดึงมือผมออกจากตรงนั้น แต่ผมยังดึงดัน ยิ่งเราสู้แรงกันมากเท่าไหร่ ฝ่ามือของผมก็ยิ่งแนบไปกับเนื้อกางเกงของเจ้าตัวมากขึ้น สมุทรขมวดคิ้วเป็นปม ตัวเกร็ง สันกรามที่ปูดนูนทำให้เห็นว่าเขากำลังบดกัดฟันเอาไว้แน่น ผมกำของของสมุทรหนักมากขึ้นพร้อมขยับมือไปด้วยจนอีกฝ่ายเล็ดลอดเสียงครางออกมาตามไรฟัน
“อะ !” ร่างกายผมร้อนวูบตั้งแต่หัวจรดเท้า สิ่งที่ได้ยินมันกะทันหันเกินไป สมุทรเริ่มทำสีหน้าไม่พอใจ ครั้งนี้เขาออกแรงกระชากแขนผมออกอย่างไม่สนความเกรงใจ ผมเกือบเสียหลักจึงรีบเท้ามือข้างที่ผละออกมาไว้บนเตียงในท่าเดิมก่อนจู่โจมเข้าจูบอีกครั้งไม่ให้เสียจังหวะ ลำตัวทิ้งลงแนบขนานไปกับลำตัวของสมุทรโดยทันที ลิ้นลากพรมซุกไซ้จากใบหูมาถึงปลายคาง สมุทรหอบหายใจแรง หลับตาพริ้ม ใบหน้าหันข้างออกนิดหน่อย ผมเองก็เหมือนคนเสียสติ เห็นอย่างนั้นยิ่งได้ใจหนักกว่าเดิม
ท่อนล่างของเราทั้งคู่มีปฏิกิริยาขนาดที่ว่าไม่ต้องมีการสัมผัสด้วยมือของกันและกันก็ยังรับรู้ได้ เพียงกางเกงนอนขาสั้นบาง ๆ กั้นระหว่าง จากที่จับดูเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใส่กางเกงในด้วย ส่วนผมใส่แค่กางเกงขาสั้น ไม่แก้ผ้านอนให้ก็ดีนักหนาแล้ว สมุทรเคยขอเอาไว้
ผมจับปลายคางสมุทรเพื่อให้เขาหันมามองกันตรง ๆ อีกฝ่ายเหลือบมา
ความหมายของแววตานี้นั้นคมกริบ แต่ไม่ใช่ความหมายที่ว่างเปล่าอย่างที่คิดระแวง ขณะหนึ่งที่เรากวาดตามองดวงตาของกันและกัน ผมถึงได้แน่ใจว่าผมติดกับดักของคน ๆ นี้เข้าให้แล้วจริง ๆ ริมฝีปากของเราทั้งคู่เผยอออกพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายก่อนประกบจูบอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ผมทิ้งน้ำหนักตัวไว้ที่ท่อนล่างจนรู้สึกว่าร่างกายที่เคยได้รับบาดเจ็บเริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้าน มันไม่รักดี ดันจะมาประท้วงกันในเวลาแบบนี้ ผมจับขาข้างขวาของสมุทรแบะออกเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนที่สำคัญที่สุดของเราทั้งคู่เสียดดีกันได้ตรง ๆ มากขึ้น มันแทบจะระเบิดแล้ว เสียงหอบรุนแรงกว่าเดิม รอบบริเวณแผลที่เคยทำท่าว่าจะหายดีแล้วเริ่มร้อนขึ้นเหมือนต้องการส่งสัญญาณบอกกับผมว่า
กูยังไม่หายดี ! เมื่อเห็นท่าไม่ดีผมจึงลดระดับการวางแขนลง การทำแบบนี้ยิ่งทำให้ตัวผมกับสมุทรแนบสนิทมากกว่าเดิม
.
ไม่มีคำพูดระหว่างเราหลุดออกมาเลยสักคำ มีเพียงสายตาที่ทำหน้าที่พูดแทนได้ เสื้อยืดสีขาวบาง ๆ ของสมุทรย่นไม่ได้รูปเสียแล้ว กล้ามเนื้อใต้ผ้านี้จะเป็นอย่างไร ผมได้แต่นึกสงสัยในใจ ทำได้แค่พรมจูบและสูดดมไปทั่วบริเวณไหล่ภายนอกเนื้อผ้า มือไม้ลูบร่างกายไปทั่วโดยไม่ได้เจาะจงที่ใดในส่วนที่หลงใหลเป็นพิเศษ เกรงว่าเจ้าของร่างกายจะตกใจ
ครู่หนึ่ง เหมือนจิตใต้สำนึกมันต้องการ นิ้วเกี่ยวชายเสื้อขึ้นเล็กน้อยจนเห็นกล้ามหน้าท้องส่วนล่างของอีกฝ่าย สมุทรรีบจับใบหน้าของผมช้อนขึ้นให้ไปมองเขาอย่างกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ อีกทั้งยังส่งสายตาดุปรามมาให้ ผมจึงหยุดมือก่อนเข้าไปจูบอีกครั้ง
ในเมื่อไม่ให้รุกล้ำที่ตรงนั้นก็จะทำอย่างอื่นแทน เอวเริ่มขยับโดยธรรมชาติ ของแข็งเสียดสีกันผ่านเนื้อผ้าจนร้อน เราต่างกดน้ำเสียงไว้ในลำคออย่างอดกลั้นอารมณ์ที่แท้จริง ปฏิกิริยาตอบสนองทำให้การจูบเกิดเสียงแหบพร่า ฝนตกหนักมากจริง ๆ แต่น้ำเสียงที่ได้ยินชัดเจนกลับเป็นเสียงของคนตรงหน้านี้เท่านั้น
อุณหภูมิอุ่น ๆ จากอีกฝ่ายทำให้รู้สึกดีในอากาศเช่นนี้ ผมหยุดขยับ ค้างตัวไว้ครู่หนึ่ง เราต่างสบตากันนิ่ง ๆ ไม่อยากให้จบเลย แต่อวัยวะแข็งอุ่นใต้กางเกงของผมกำลังเต้นเร่า ๆ เรียกร้องความสนใจ ลิ้นเกลี่ยไปตามไรฟันอย่างเคยชิน เมื่อเล็งท่อนล่างได้ในระดับที่อยู่เสมอกับสมุทรแล้ว ผมจึงเชิดปลายจมูกขึ้นเกลี่ยปลายคางของเขาอีกครั้งอย่างหยอกเอิน และไม่ลืมที่จะขยับสะโพกไปพร้อมกัน ความแนบแน่นที่กระทบถูกของของอีกฝ่ายมันพอดิบพอดีจนทำเอาสมองพร่าเบลอ เสียงครางพร้อมใจกันหลุดออกมา
ฟันกรามที่ถูกผมกัดเอาไว้เกร็งไปหมด ผมออกแรงขยับเอวอย่างไม่เว้นช่วงจนลืมความเจ็บปวดของแผลที่ยังไม่หายสนิท สมุทรเองก็กัดฟันไว้แน่นเช่นกัน จังหวะการหายใจและอารมณ์ของคนตรงหน้า ไม่ใช่ผมที่หน้ามืดตามัวตั้งหน้าตาตาอยากมันอยู่ฝ่ายเดียว ผมเท้าแขนขึ้นทั้งสองข้างอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ว่าเราใกล้จะไปเต็มแก่แล้ว หน้าที่รับน้ำหนักอยู่ที่ลำตัวท่อนบนและกล้ามเนื้อแขน สมุทรมองต่ำลงไปที่ท่อนล่างของเราทั้งคู่ก่อนไล่ระดับสายตาจ้องมาที่แผลของผมที่มีผ้าปิดแผลปิดไว้ ผมไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นความกังวลในแววตาอีกฝ่าย ผมจึงรีบจับใบหน้าเขาช้อนขึ้นเพื่อให้เขาเลิกมองอยู่ที่ตรงนั้นพร้อมก้มลงจูบโดยทันที ลิ้นแตะเข้าหากันจนเปียกชุ่ม กางเกงเองก็คงเป็นเหมือนกัน
“อ้า !” ผมร้อง ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บแปล๊บที่แผลที่ได้รับอย่างกะทันหันแต่ก็รู้สึกดีในคราวเดียวกัน
“คุณไฟ พอ...” สมุทรออกปากปราม ผมจับข้อมือข้างหนึ่งของเขาล็อกไว้เพราะอีกฝ่ายทำท่าจะขืน เอวขยับทำหน้าที่ไม่หยุด ครั้งนี้สมุทรยอมโอนอ่อนตามน้ำ เราทั้งคู่หอบกันไม่ได้สติ ปากสลับจูบเป็นครั้งคราว
“สมุทร.. เรียกอีกสิ” ผมกระซิบขอที่ข้างหู อีกฝ่ายพ่นลมออกทางปาก เขาไม่ได้เรียกชื่อผมอีก มือข้างหนึ่งของเขาประกบอยู่ที่เอวของผม เสียงของกางเกงเสียดสีกันไปมาดังถนัดหูขึ้นเรื่อย ๆ เราจูบกันอีกครั้งก่อนผละริมฝีปากออก พยายามตั้งใจฟังอารมณ์ของเราทั้งคู่ แต่หูมันอื้อไปหมดจนแทบไม่ได้ยินอะไรแล้ว ครู่หนึ่งเสียงหอบครางก็หายไปเพราะต่างพากลั้นกันแม้กระทั่งการหอบที่ควรออกมาโดยธรรมชาติ สะโพกของผมขยับเร็วมากกว่าเดิมก่อนกระตุกครั้งสุดท้ายพร้อมกับปล่อยน้ำอุ่น ๆ ออกมา สมุทรเองก็เช่นกัน ตัวของเราทั้งคู่เกร็งค้างหยุดอยู่กับที่อย่างกับมีใครมากดหยุดเอาไว้ ต่างครางในลำคอแล้วพ่นลมหายใจออกมาให้เป็นปกติ
“อา !!!” ขณะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอหลับตา ผมคว้ามือลงไปที่ของของเขาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาปล่อยออกมาเรียบร้อย ทันทีที่มือแตะสัมผัสกางเกงที่แฉะเจ้าตัวก็สะดุ้งโหยง
“ฮะ ! คุณ...” สมุทรหลุดครางออกมาเสียงแหบพร่า ขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมดึงแขนผมกลับออกมาอย่างแรง ผมยิ้มให้ถึงแม้อีกฝ่ายไม่ยอมให้แตะต้องแต่กลับเป็นปฏิกิริยาที่พอใจ ก้มลงหอบไปทั่วแก้มและข้างหูของเขาอีกครั้ง เอวขยับโดนตรงนั้นซ้ำอีกอย่างอดไม่ได้ ทำอยู่อย่างนั้นจนทุกอย่างเบาลง
ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงหายใจของเราทั้งคู่เริ่มสม่ำเสมอ ผมซบหน้าลงที่ไหล่อีกฝ่าย ทุกอย่างสงบลงทำให้สติหวนกลับมา ความเจ็บปวดที่เอวพุ่งเข้าแทรกอย่างไม่รีรอ
“ขอเวลานอก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สมุทรนอนนิ่งไม่ขยับ
“ผมจะไปตามคุณหงส์” อีกฝ่ายพูดอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้อง” ผมแทบสบถ ดันหงุดหงิดที่ร่างกายไม่ได้ดั่งใจ สมุทรเงียบลง
“พักแป๊บเดียวก็หาย” ผมบอก
มือของสมุทรทั้งสองข้างประคองอยู่ที่เอวของผมก่อนขยับเลื่อนอย่างแผ่วเบาไปที่ลำตัวคล้ายกับกำลังปลอบประโลมอยู่อย่างนั้น มันทำให้แอบหลุดยิ้มได้เหมือนกัน คำพูดต่าง ๆ มีเข้ามาในหัว รวมไปถึงความรู้สึกกังวลต่อคนตรงหน้าก็ด้วย ไอ้ความคิดก่อนหน้าที่ว่าขอเข้าข้างตัวเองหน่อยเถอะก็หดห่างออกไปทีละนิด ไม่เชิงกลับไปยังจุด ๆ เดิม อาจจะก้าวข้ามขั้นมาหน่อยแต่ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องการอยู่ดี เรานอนกันอยู่ในท่าเดิมนี้จนผมเริ่มมีอาการง่วงเพราะฤทธิ์ยาที่เพิ่งกินไปหลังอาหาร สมุทรคงมองออก เขาเอ่ยปากให้ผมกลับไปนอนดี ๆ ผมยอมทำตามเพราะคิดว่าเขาคงอยากใช้ห้องน้ำ
สมุทรหายเข้าไปในห้องน้ำนานหลายนาที ผมนอนฟังเสียงน้ำไหลอยู่บนเตียง เขาคงกำลังทำความสะอาดร่างกาย โทรทัศน์ยังคงฉายละครเรื่องเดิม สมุทรเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับกางเกงนอนตัวใหม่ ผมนอนหายใจทิ้งโดยไม่คิดขยับตัว จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เดินมานั่งลงข้าง ๆ เตียงพร้อมกับกล่องกระดาษทิชชู่ ผมเหลือบมองอย่างสงสัยที่เห็นเขาดึงกระดาษทิชชู่ออกแล้วทำท่าจะเข้ามาทำความสะอาดใต้กางเกงให้
เอาจริงดิ ?! ผมแอบสบถในใจ หมอนี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ
“ผมจะเช็ดให้ครับ” สมุทรบอกจุดประสงค์
“ฉันทำเอง” ผมปฏิเสธ ไม่ได้อาย แต่ไม่คิดว่าในใจของเขาต้องการจะทำตามหน้าที่ไปซะทุกอย่างเช่นกรณีนี้ สมุทรมองเก้ ๆ กัง ๆ ผมรับกระดาษทิชชู่จากเขามาพร้อมดึงขอบกางเกงออกทำให้อีกฝ่ายรีบหันตัวกลับหลังหนีด้วยความรวดเร็ว
“หึ” ผมหลุดหัวเราะ
“นายก็ตั้งใจจะเช็ดให้ฉันอยู่แล้วนี่ จะหันหลังทำไม” ผมพูดยิ้ม ๆ ไอ้ลูกชายไม่รักดียังคงมีปฏิกิริยาอยู่เลย น้ำออกมาโคตรเยอะ ไอ้ห่า ! นึกว่าเขื่อนแตก จำไม่ได้แล้วว่าเอาออกไปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ อยู่ป่าจนเกือบลืมตัวตนที่แท้จริง
“ก็คุณจะเช็ดเองนี่ครับ จำเป็นอะไรที่ผมต้องนั่งดูคุณเช็ดตัวเองด้วยล่ะ” สมุทรตอบเรียบ ๆ ผมยิ้มกว้าง ไม่คิดตอบโต้อีก
“จะเข้าห้องน้ำ เตรียมกางเกงตัวใหม่ไว้ให้ด้วย” ผมลุกขึ้นนั่งเมื่อเช็ดเสร็จเรียบร้อย
“...นะครับ” ผมเข้าไปกระซิบบอกจากด้านหลัง อีกฝ่ายไม่ยอมหันกลับมามองแม้แต่น้อย ผมหยิบกระดาษทิชชู่ที่ทำความสะอาดตัวเองติดมือมาเพื่อนำไปทิ้งถังขยะในห้องน้ำ จัดการล้างไม้ล้างมือ สมุทรนำกางเกงตัวใหม่มาให้ผมที่หน้าห้องน้ำ เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วเดินออกมาก็พบว่าโทรทัศน์ถูกปิดลง โคมไฟตรงโทรทัศน์ก็ด้วย
สมุทรยืนรออยู่เพื่อให้ผมได้ขึ้นเตียงก่อน มันเป็นมารยาทที่เขาทำอยู่ทุกคืน ผมหยิบยาก่อนนอนที่อีกฝ่ายเตรียมวางไว้ให้ตรงหัวเตียงขึ้นกินก่อนล้มตัวลงนอน สมุทรเอ่ยปากขออนุญาต ล้มตัวลงนอนพร้อมปิดโคมไฟฝั่งของเขา ตอนนี้จึงเหลือแสงสว่างจากไฟตรงหน้าห้องน้ำเท่านั้น
เราต่างนอนหงายทั้งคู่ ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกขอบคุณฟ้าดินที่ทำให้ฝนตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว มันช่วยพวกผมได้มากทีเดียว มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มกำลังคืบคลานเข้าหาคนข้าง ๆ ไม่ว่าจะเขาหรือผมก็พูดไม่ออก
หมดคำพูดเสียแล้ว ไม่รู้แม้กระทั่งจะเอ่ยอะไรที่เหมาะควร ผมแตะมือลงที่มือของสมุทรที่อยู่ใต้ผ้าห่มและกุมไว้หลวม ๆ เจ้าตัวไม่ได้ชักหนีหรือทักท้วง และผมก็หลับไปทั้งอย่างนั้น...
..............(ไฟ)............
ผู้เขียน:ต้องขออภัยด้วยกับเรื่องบัดสีบัดเถ-ลิงเช่นนี้ ครั้งหน้าจะระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก
55555++