The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446099 ครั้ง)

ออฟไลน์ fahtallll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดถึงจังเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้ววววว ว ว
สงสารคุณไฟ  สมุทรคนบ้าๆๆๆ :z6:

ออฟไลน์ PWSR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไฟเวลาคิดเรื่องสมุทรคือนางเหมือนไปตามความรู้สึกเลยนะ มันเรียลมาก  :man1:อีกอย่างตอนที่รู้ว่าพลอยอยู่กับสมุทรคือหัวร้อน!   :katai1: มันหวง สมุทรของไฟนะ!! แต่ทำไมในความคิดเรา เราคิดว่าสมุทรเหมือนเคลียอะไรกับพลอยมากกว่า แต่ด้วยความโมโหของไฟทำให้นางคิดไปต่างๆนานา
ฉากจูบเขินมากกกกก โอ้ยคุณแม่ขาา เดี๊ยนจะแดดิ้น  :o8: สมุทรอย่างที่เบบี้บอกว่าเขาความสัมพันธ์คืบมาตั้งแต่ตอนที่ 30 ถึงตอนนี้เราเห็นพัฒนาการความรักของทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ว่ามีเรื่องงานปะปนมา เราอยากเห็นความชัดเจนของสมุทรมากกว่านี้นะแต่ว่าบรรยายแค่มุมไฟมันดูน่าค้นหากว่าจริงๆ พี่ธานช่วยนายน้อย แต่ไฟบางทีคงอาจไม่ต้องการ แต่ก็คนเราหวังดีต่อคนที่รัก เราขอคิดเข้าข้างไฟหน่อยแล้วกัน ฮ่าาาๆ ว่าคำตอบของสมุทรอาจจะเบี่ยงมาทางไฟแต่แค่นางลังเลที่จะตอบ ชอบๆๆ เนื้อหากำลังเข้มข้น รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ เรารอน้าาาาาา เบบี้สู้ๆค่ะ!!  :katai2-1:

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
รู้สึกโกรธสมุทรเลยอ่ะ ระหว่างสมุทรกับพลอยคือไรหา  :katai1:

สงสารไฟ ความรู้สึกมันคงชาเลยอ่ะ แง โกรธสมุทรมากกว่าเดิมอีก

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้




:กอด1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2017 17:19:57 โดย PP_annann »

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1043
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
สงสารไฟมากๆค่ะ

หน้าชาไปเลยอะ ฮืออออออออออออออออออ

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้




:กอด1: :mew1:



ขอบคุณคุณ PP_annann มาก ๆ นะคะที่สละเวลามาทำให้ ^ - ^  :L1:

เบบี้

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
คิดถึงไฟกับเบบี้จังเลยค่ะ   :hao7:

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:

หูยยยยยย ดีงาม ขอบคุณค่ะ  o13


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้




:กอด1: :mew1:

ออฟไลน์ pwaruntorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :z3:  :z6:  ไฟขาของบ่าว ฟงัจากบทสนทนาแล้ว
สมุทรเค้าเรียนรู้และเข้าใจไฟไปเยอะแล้วนะ ถึงจะมีพี่ใหญ่คอยหนุนคอยพลักก็เอาน๊า
ไม่เสียฟอร์มนะไฟขา
คิดถึงไฟ  :mew1:
คิดถึงเบบี้มากกว่า  :call: มาม๊ะๆๆ

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
น้องมารอคุณไฟที่ท่าน้ำ
 
คุณไฟของน้อง ป่านฉะนี้จะเป็นเช่นไร ~~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nang_nang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ฮืออออ คิดถึงสมุทรกับคุณไฟแล้วค่า
นี่เข้ามาอ่านฉากจูบตอบของสมุทร แก้คิดถึงพลางๆ

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
นี่เข้ามาอ่านฉากจูบตอบของสมุทร แก้คิดถึงพลางๆ

 
เราด้วย ฉากจูบสองคนนี้นี่เป็นอะไรที่กระชากใจมาก   
ในความเถื่อนมีความละมุนอยู่ อร๊ายย >//////<

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ พฤหัสที่ 16 ก.พ 60 ]  ตอนที่ 40  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1500


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _

ตอนที่ 41
..ไฟ..




12:30 น. บ้านเลิศประสงค์

“ถึงกับต้องมาในเครื่องแบบเลยเหรอครับสารวัตร” ผมอมยิ้มแซว  ห้องทำงานของผมจำเป็นต้องต้อนรับแขกอย่างกะทันหันก่อนที่จะได้กินอาหารกลางวันเสียอีก

“หน้าไปโดนอะไรมา” พี่ทัพทัก  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  ยังไม่ทันพ้นครึ่งวันก็ถูกถามคำถามเดียวกันจนชักเริ่มรำคาญขึ้นมา

“รึต้องแขวนคำตอบคล้องคอไว้เลยดี” ผมปรึกษากับตัวเอง

“หะ ?” อีกฝ่ายอุทาน ได้ยินไม่ถนัด

“เปล่า” ผมปัด  ผายมือเชิญให้พี่ผานั่งตามสบาย

“นี่คงไปทำปากหมาบังคับขืนใจใครมาล่ะสิ ถ้าเดาไม่ผิด” พี่ทัพส่งสายตาเจ้าเล่ห์

“หึ ขืนใจ พูดเป็นเล่น” ผมแสยะยิ้ม  เอนหลังพิงพนักโซฟา

“อั๊วบอกทางนั้นว่ามาสืบคดีที่คุณยูถูกยิง” พี่ทัพพูดขึ้น

“พุงใหญ่ขึ้นนะ เตรียมตัวเป็นเสี่ยว่างั้น” ผมตอบกลับคนละเรื่อง  ตาเหล่มองไปยังพุงเฮียแก

“สมควรละที่ปากมึงมีแผล” อีกฝ่ายกัดฟันด่าเข้าให้  พี่ผายิ้มเล็กน้อย  แม่บ้านขออนุญาตแทรกเข้ากลางวง  น้ำถูกวางเสิร์ฟจนครบก่อนที่เธอจะออกไป  พี่ธานจัดการปิดประตูห้องและสำรวจว่ามันสนิทดี  คนอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการสนทนานี้ด้วย

“ได้ข่าวว่าเมื่อคืนคุณเข้าไปใน Blackfoot มาหรือครับ” พี่ผาพูด  ผมพยักหน้า

“ลื้อจะให้อั๊วพูดของอั๊วก่อน รึลื้อจะเข้าเรื่องก่อน” พี่ทัพถาม

“เชิญพี่ก่อนเลย” ผมตอบปัด  ยกน้ำขึ้นดื่มจวนครึ่งแล้ว  สีหน้าเคร่งเครียดของพี่ทัพจึงปรากฏขึ้น

“ลื้อส่งคุณยูไปต่างประเทศ เขารู้อะไรรึเปล่า” การเอ่ยถามเป็นมากกว่าจะจับผิด  ผมไม่ตอบ  เท้าข้อศอกลงบนพนักวางแขน  มือเทินใบหน้าเพื่อหันไปมองกับคนที่คุยอยู่ด้วยได้ถนัด  พี่ทัพถอนหายใจออกทางจมูกซะดังลั่นห้องกับทีท่าของผม

“ถึงคน ๆ นั้นรู้อะไร จ้างให้เขาก็ไม่บอกพี่หรอก” ผมผลิยิ้ม

“เฮ้อ! ลื้อนี่มัน” อีกฝ่ายยิงฟัน เบือนหน้าหนีท่าทางเคืองนิดหน่อย 

“ลื้อก็พิจารณาเอาเองแล้วกัน” พี่ทัพตัดบทคล้ายประชด

“ครับ ผมได้พิจารณาเอาเองแล้ว” ผมยิ้มรับตาใส

“มีคนส่งข่าวมาทางกูว่า..อีกไม่กี่วัน ใกล้กับรีสอร์ตของเสี่ยปรีดาที่สมุทรสาครจะมีการเคลื่อนไหวสินค้า คนที่จะตรวจสินค้าคือลูกน้องคนสนิทของกาย ไอ้เอก” พี่ทัพกางกระดาษเอสี่ลงบนโต๊ะ  ปากกาสีดำถูกขีดเขียนลงเป็นรูปสถานที่อย่างคร่าว ๆ ขนาดเบ้อเริ่มเทิ่ม

“ใคร ? ใครคือคนส่งข่าวที่ว่า..” ผมถาม  พี่ทัพกับพี่ผามองหน้ากัน

“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน” พี่ผาให้คำตอบ

“หมายความไง” ผมพ่นหัวเราะ

“ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่มีคนส่งข่าวให้อั๊ว” พี่ทัพเปรย ทำให้ในห้องเงียบสงัดลง

“...แค่อั๊ว” พี่เขาขยายความแทบกระซิบ

“สองครั้งแรก อั๊วเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในทีมก่อนบุกเข้าตรวจค้น อั๊วพลาด พวกมันไหวตัวทัน”
 
“เป็นเหตุผลว่าทำไมบอสถึงสั่งให้อั๊วหยุดมาพักผ่อน บอกว่าอั๊วหลอน คิดเองเออเอง แถมให้เบอร์จิตแพทย์มาอีก” อีกฝ่ายบ่นอิดออดติดตลกด้วยใบหน้าเอือมเต็มทน

“ฮึ!” ผมขำ

“ทีแรกพวกเราก็คิดอยู่ว่า ใครสักคนต้องการจะปั่นหัวพวกเรารึเปล่าน่ะครับ” พี่ผาบอก

“แต่ตอนนี้อั๊วไม่มีอะไรจะเสีย เลยอยากจะลองเชื่ออีกสักครั้ง แล้วก็ประจวบตรงกับข้อมูลที่อั๊วสืบอยู่ด้วย”

“ถ้าสมมุตินะครับว่าครั้งนี้เป็นเรื่องจริง” พี่ธานเอ่ย

“การที่ฝั่งนั้นรู้เรื่องแสดงว่าต้องเป็นคนใน แล้วทางนั้นต้องการอะไรกับการที่นำข่าวมาบอกให้คุณทราบ ผมหมายถึง..เฉพาะคุณ” พี่ธานจ้องหน้าพี่ทัพไม่วางตา

“นั่นน่ะสิ” คนตรงข้ามพยักหน้าสมทบกับข้อที่ควรคิด 

“ลื้อก็รู้ว่าอั๊วขยับตัวไม่ได้” พี่ทัพจ้องมองไปที่กระดาษ  คำพูดลอย ๆ คล้ายส่งตรงถึงผมโดยเฉพาะ

“ผีอำว่างั้น ?” ผมไม่เลิกกวนตีนทั้งที่รู้ดีว่าพี่แกกำลังหมายความว่าอย่างไร

“เออ!” อีกฝ่ายกระแทกเสียงอย่างสุดทน ทำเอาผมหลุดหัวเราะได้อีกครั้ง

“มึงนี่มันน่าถีบจริง ๆ”

“.........” สิ้นเสียงบ่นจากพี่ทัพ  ผมยังคงนั่งเมินเฉยท่ามกลางทุกคนที่ต่างเงียบลง  ทั้งคู่มาเพื่อจุดประสงค์ต่อผมอยู่แล้ว  ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะออกตัวเพื่อการกระทำที่ไม่ค่อยเต็มใจนี้

“พูดได้ตามสบายครับสารวัตร” ผมเสนอ

“อั๊วอยากขอให้ลื้อไปแทน” พี่ทัพมองมา  ผมนิ่ง  จับจ้องใบหน้าของพี่เขาอยู่พักใหญ่อย่างไม่มีใครคิดแทรกกลาง

“เสี่ยงตายแทนสารวัตรและผองเพื่อน ?” ปากผมขยุ้มย่นเข้าหากันติดตลก  คิ้วชนประกอบการเอ่ยอย่างจิกกัด  พวกเราต่างไม่สามารถเชื่อข่าวลอยจากสายที่ไม่รู้ตัวตนนั้นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์  หรือสุดท้ายอาจจะคว้าน้ำเหลว  ฝ่ายที่พุ่งชนเข้าไปแล้วไม่เจ็บคงเป็นผมมากกว่าพี่เขา

“ได้” ผมตอบรับ  ผมก็มีจุดประสงค์ของผมที่จะไปในครั้งนี้  จุดประสงค์ที่คนตรงหน้าไม่ทราบได้

“อั๊วจะเข้าตรวจค้นที่รีสอร์ตของเสี่ยปรีดาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ อั๊วพลาดหลายครั้งแล้ว ป่านนี้พวกมันคงกำลังนั่งขำกันท้องแข็ง ไม่มีใครในทีมของอั๊วนอกจากผากับไอ้เต้รู้ว่าอั๊วส่งลื้อไปที่นั่น” พี่ทัพพูดด้วยโทนเสียงหนักแน่นเชิงสั่งการถึงเรื่องคอขาดบาดตายที่ผมควรรับมือให้พร้อม

“คนของผมจะต้องทำตามแผนของผมเท่านั้น” ผมพูดต่อ  นัยยะเชิงบอกว่าผมจะไม่ทำตามแผนของใครหน้าไหนที่นั่งอยู่ตรงนี้ 

“ได้” พี่ทัพรับปากทันทีเช่นกัน

“นี่เป็นรูปของแกนทอส ชื่อในวงการมาเฟีย” พี่ทัพยื่นซองเอกสารมาให้  ผมรับมาเปิดดู  รูปภาพของชาวต่างชาติ  ผมสีทอง คิ้วสีทอง มีลักษณะใบหน้านิ่งขรึมน่าเกรงขามและแต่งตัวดูดีภูมิฐาน

“ข้อมูลจากสายสืบต่างประเทศที่กำลังตามสืบคดีนี้อยู่ ให้ข้อมูลว่าเป็นชาวรัสเซีย ตำรวจนานาชาติรู้กันว่ามันเป็นมาเฟียรายใหญ่ สามปีให้หลังมานี้มันเริ่มวางแผนทำธุรกิจสร้างตลาดในเอเชีย เดิมที..เริ่มที่ชิคาโก โดยเริ่มจากการค้ายาก่อนเป็นอันดับแรก ส่งให้รายเล็ก ๆ จนประสบความสำเร็จมันก็เริ่มผลิตเอง ส่งต่อให้มาเฟียในพื้นที่ เส้นมันบิ๊กบึ้มยันนักการเมือง เข้านอกออกในประเทศโน้นประเทศนี้อย่างกับไม่ได้มีอาชีพผิดกฏหมาย บอดี้การ์ดมีฝีมือ แทบไม่มีใครกล้าแตะ จับตัวไม่ได้” พี่ทัพให้ข้อมูลขณะที่เรากำลังดูภาพถ่าย
 
“รวยน่าดู” ผมชมถึงเครื่องประดับและข้าวของเครื่องใช้สุดหรูที่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับ Brand High-End ทั้งสิ้น

“อั๊วยังไม่มุ่งประเด็นไปที่มันหรอกนะ ที่น่าสนใจคือมันทำธุรกิจกับใครที่ไทย”

“เส้นอุด้งที่พี่ว่า ?” ผมแสยะมุมปาก

“อืม” พี่ทัพผงกหัว

“ไม่ใช่แค่ไอ้กาย ไอ้กายยังไม่ใช่” พี่เขาพึมพำแน่ใจในคำพูดของตน  ผมเงียบ  คำบอกเล่าของยูที่พูดถึงดำริหรือทีสมิธผุดขึ้นในหัวผมเรียงลำดับเป็นฉากตอน

“ยา อาวุธ ฟอกเงิน บ่อน ผู้หญิง เด็ก อวัยวะ บ่อนคาสิโน มันกวาดเรียบหมดทุกอย่าง” พี่ทัพขยายความ

“เป็นระบบ” ผมว่า

“เป็นระบบ” พี่ทัพพยักหน้าย้ำ

“เสี่ยงจังนะ” ผมบ่นปนหัวเราะพลางช้อนตาขึ้นมอง

“ไม่แน่ เราอาจจะตายห่าก่อนแล้วพวกมันก็ทำงานกันสบายใจเฉิบก็ได้” พี่ทัพขยายความด้วยแววตาไม่มีหวังนัก  เราเว้นช่วงทิ้งความเงียบลง  ผมยัดรูปลงซองก่อนพี่ธานมารับไปเก็บ

“แล้วเรื่องที่ลื้อรู้ล่ะ” พี่ทัพถาม

“พี่รู้อะไรเกี่ยวกับโรงแรม Tsmith บ้าง” ผมย้อนกลับ

“พวกเราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเข้าตรวจค้นได้ครับ รู้แค่ว่าเป็นโรงแรมของกาย ชั้นสิบของโรงแรมมีบาร์ร้านอาหารระดับหรู คนที่เข้าใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะ พวกเราเข้าไม่ถึง พวกมันคัดลูกค้าอย่างกับสอบเข้า Cambridge อย่างนั้น” พี่ผาขยายความกึ่งประชด

“สายบอกว่ามันใช้ที่นั่นส่งค้าบริการด้วย มีหมดตั้งแต่เกย์ ไบ ผู้หญิง สินค้าระดับ Premium” พี่ทัพพูด

“หึ..อะไรล่ะนั่น” ผมอุทาน

“ทีเรื่องนี้ตาวาวเลยนะไอ้เวร!” พี่ทัพด่าเสียงหลง  คลายเครียดทุกคนลงได้

“นั่นมันธุรกิจแบบยั่งยืนสู่โลกอนาคตเลยนะ ฉลาดฉิบเป๋ง” ผมยิ้มชม

“เอาเป็นว่า ผมอยากรู้ว่าโรงแรมนี้ได้มายังไง เจ้าของคนเดิมคือใคร สร้างเมื่อไหร่ ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโรงแรมนี้ แล้วก็มันส่งเด็กกันยังไงด้วย ลูกค้า..ที่น่าจะมีเอี่ยวใช้บริการบ่อย” ผมพูด

“ได้..เดี๋ยวให้คนสืบมาให้”

“เงียบที่สุด” ผมดักคอ

“เงียบที่สุด” พี่ทัพย้ำคำรับทราบ

“แม้แต่ลูกน้องพันธุ์บางแก้วของเฮียก็ไม่ควรรู้” ผมเอ่ย  นิ้วชี้ไปที่ประตูห้องที่ด้านนอกซึ่งมีไอ้เต้ยืนเฝ้าคอยอยู่  พี่ผาปิดปากหัวเราะชอบใจกับคำเปรียบที่ได้ยิน

“ถ้าพี่ได้ข้อมูลตรงนี้มาให้ผมได้ ผมจะบอกว่าทำไม”

“โอเค” พี่ทัพพยักหน้า

“ส่วนเรื่องวันมะรืนอั๊วจะส่งข่าวอีกที เตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่ะ”

“ได้ครับ” 

“ถ้าต้องลงมือ ผมไม่เกรงใจนะ” ผมบอกไว้ก่อน  พี่ทัพอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ  เราลุกขึ้นรวบรวมเอกสาร  พี่ธานเปิดประตูห้อง  ผมเดินออกมาก่อนคนแรกและก็พบกับบรรยากาศไม่น่าสบอารมณ์  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นหน้าเครียดดูฟึดฟัด  ระหว่างกลางของฝั่งลูกน้องผมและลูกน้องของพี่ทัพมีสมุทรขวางกลางอยู่  เขาชะงัก  เบี่ยงตัวไปยืนอยู่ทางฝั่งของไอ้เข้มทันทีเพื่อหลบทางเดินให้แก่ผม 


“มีอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“มันคอยแต่จะแอบฟังครับนาย” ไอ้เด่นตอบทันทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ  ไอ้นี่มันโผงผางกว่าสมุทรและไอ้เข้มละนะ

“หึ” ผมหัวเราะ  คำตอบไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่  ไอ้เต้ฟึดฟัดสะบัดหน้าหนีความจริง

“อยากรู้อะไรล่ะ ? ฉันจะบอกให้” ผมถามและเดินตรงเข้าหา  มือเขี่ยไปที่ปลายคางของมันอย่างหยอกเอิน  เจ้าตัวปัดมือออกอย่างแรง

“ไอ้เต้!” พี่ทัพขึ้นเสียงปรามการกระทำลูกน้อง 

“หึ..แอบฟังคนอื่น ทำอย่างกับมีศักดิ์ศรี ชอบเสือกแบบนี้ ควรทำท่าไม่พอใจได้ด้วยงั้นเหรอ” ผมแสยะปากเลิกตายิ้มถามคนตรงหน้า

“ฉันก็ไม่ได้อยากฟังนักหรอก ไม่ได้อยากให้นายช่วยน่ะนะ” ไอ้ต้ข่มเสียงพร้อมยื่นใบหน้าเข้าสู้  มือขวาผมคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายกระชากมา  เสียงกระชากดังจนทำให้เจ้านายของไอ้เต้ขยับตัวตกใจตามลูกน้อง
 
“อึก!” มันขืนตัวสู้  คอเสื้อถูกรั้งไปทางด้านหลังจนลูกกระเดือกขยับลำบาก

“ถ้ามีทางเลือกอื่น ค่อยมาพูดแบบนี้กับฉัน” ผมว่า

“คนของฉันจะเคารพนาย ถ้านายเคารพกฏของเรา หุบปากซะบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันจะช่วยเอาอย่างอื่นยัดปากแทน” ผมกระซิบ

“..หรือจริง ๆ แล้วอยากโดนยัดสักที” ผมกวาดตาเจ้าเล่ห์  ยื่นหน้าเข้าประชิดจนปากจวนแนบเข้ากับปากของมัน  ไอ้เต้เงียบปากอย่างที่ต้องการ  ยืนนิ่งไม่ขยับ  เมื่อพอใจแล้วจึงปล่อยคอเสื้อออกและขยับจัดคอเสื้อให้มันอย่างเดิมจนเป็นระเบียบด้วย 

“ฝากบอกลูกน้องพี่ด้วยนะว่าผมชอบอะไรแบบนี้” ผมหันไปยิ้มกว้างให้พี่ทัพที่กำลังส่งสายตาจ้องไปทางไอ้เต้อย่างโมโห  ก่อนที่พี่แกจะถอนหายใจออกมาชุดใหญ่  ไม่รู้ว่าเอือมระอาใครกันแน่

“ส่งแขกด้วยครับ!” ผมตัดบทขึ้นกลางอากาศ  เดินหนีออกมาจากกลุ่ม  ได้ยินเสียงสมุทรพูดตามหลังว่า “เชิญครับ”  แขกระดับ Premium ของผมจึงทยอยแยกย้ายกันไป  ผมกลับมาที่ห้องนั่งเล่น  โทรทัศน์ถูกเปลี่ยนช่องไปเรื่อย  จากช่องข่าวบันเทิงที่ไร้ความหมายที่สุดสำหรับผมเวียนไปจนพบช่องสารคดีสัตว์โลก  ช่องที่พอใจทำให้รีโมทถูกวางทิ้งลงข้างกาย  เสียงทักทายระหว่างพี่ธานและพายุแว่วอยู่ด้านนอก  สงสัยพายุคงเพิ่งกลับมาจากออกไปซื้ออาหารสด


ก๊อก  ๆ  ๆ

“อะไร” ผมขานรับโดยไม่หันหน้าไปมองว่าใครเป็นคนเคาะ  ลักษณะรูปร่างที่เห็นด้วยหางตาทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร  พี่ธานตรงเข้ามายืนเงียบจังงังอยู่ข้างโซฟา  ผมจึงเงยหน้าขึ้นมอง  สายตาอีกฝ่ายเหลือบตกลงไม่สบตามากนัก  ตั้งแต่ที่พี่ทัพมาที่บ้านก็ขัดสถานการณ์ที่จะทำให้พี่ใหญ่ได้มีโอกาสอธิบายเรื่องหลังครัวต่อผม

“ผมถามว่ามีอะไร”

“ผมอยากอธิบายเรื่องที่ครัวน่ะครับ” พี่เขาตอบ  ผมยังคงเงียบเฉย  ไม่เอ่ยปากเชิญให้นั่งอย่างทุกครั้ง 

“คุณไฟกำลังเข้าใจผิดนะครับ”

“คือ.. ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ที่พวกเราพักด้วยกันที่พัทยา สมุทรเขาเข้ามาปรึกษาผมเรื่องคุณ” พี่ธานพูดเข้าประเด็น  ผมกดปิดเสียงโทรทัศน์เพื่อบอกให้อีกฝ่ายทราบว่าผมฟังอยู่

“อย่างที่คุณบอกผมว่าคุณบอกชอบเขา อีกฝ่ายเขาสับสนน่ะครับ ผมแค่แนะนำไปว่าให้เขาลองเปิดใจเชื่อคุณดู”

“ส่วนเรื่องที่คุณออกไปข้างนอกกันสองคน..”

“ครับ ผมผิดเอง” พี่ธานทิ้งน้ำเสียงเบาลง

“ผมบอกกับเขาไปว่าหากอะไรที่คุณขอนั้นไม่เกินที่เขาจะรับมือ ก็อยากให้เขาลองคิดดูน่ะครับ”

“อย่าทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองไปมากกว่านี้เพราะต้องโกรธพี่เลย ผมไม่ได้โกรธพี่สักนิด” ผมพูดตามที่รู้สึก

“........” พี่ธานก้มหน้าลง

“ผมไม่คิดว่าสมุทรจะออกไปเพราะผมพูดหรอกนะครับ” พี่ธานเงยหน้า

“แต่มันก็มีส่วนนะพี่ใหญ่” ผมตัดบท

“สั่งงานพวกนั้นให้ผมหน่อย เปลี่ยนคนตามไอ้เอกให้ไอ้เข้ม พรุ่งนี้เช้าเข้าซ้อมที่ค่าย เสร็จแล้วจะวางแผนเรื่องพี่ทัพ ผมคิดว่าวันมะรืนเราคงได้เรื่อง เย็นนี้พี่ไปเอาบัญชีที่ตลาดกับที่ห้างมาให้ผมด้วย ผมต้องการเคลียร์ให้เสร็จภายในพรุ่งนี้เช้า” ผมสั่งรวดเดียว

“ได้ครับ” พี่ธานผงกหัวรับ

“ไปเถอะ แล้วมาให้ทันข้าวเย็นน้องชายด้วยล่ะ” ผมพูดติดตลก

“ครับ” พี่ธานยิ้มรับเล็กน้อยก่อนออกจากห้องไป  ลมหายใจพ่นทิ้งทางจมูกก่อนเอนตัวพิงโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย  เท้าพาดขึ้นวางบนโต๊ะตรงหน้าขนาบไปกับแจกันดอกไม้  หน้าจอโทรทัศน์ฉายภาพแม่สิงโตกำลังหาอาหารให้ลูกน้อยอย่างเอาเป็นเอาตาย  ไร้ความช่วยเหลือจากตัวผู้ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2017 16:33:51 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“ขอโทษนะครับ” สมุทรทักขึ้น  เขาสวนเข้ามาหลังจากพี่ธานออกไปได้ไม่ถึงห้านาที  เจ้าตัวเข้ามาหยุดอยู่ใกล้พร้อมกับถาดอาหารที่มีถ้วยไอศกรีมวางอยู่บนนั้น

“ไอติมกะทิน่ะครับ ผม..ทำเสร็จเมื่อกี้” เขาบอก  ไอศกรีมสีขาวสะอาดตาถูกนำเสิร์ฟลงตรงหน้าข้าง ๆ กับขาที่พาดอยู่

“ขอบใจ” ผมยังคงไม่ขยับร่างกาย  คนร่วมห้องเอาแต่เงียบโดยยังไม่ออกจากห้องไปเสียที

“มีอะไรอีก” ผมเหลือบมอง

“คือ ผม”

“ถ้าจะพูดเรื่องเมื่อกี้ละก็ไม่ต้อง พี่ธานบอกหมดแล้ว” ผมอดถอนหายใจไปด้วยไม่ได้

“ขอโทษครับ” เขาพูดแทรก

“ขอโทษ ขอโทษทำไม ?” ผมย้อน  อยู่ ๆ ก็รู้สึกรำคาญที่จะคุยด้วยเหมือนมีใครเอาเล็บยาว ๆ มาสะกิดโดนแขนตอนที่กำลังอยากอยู่คนเดียว

“คิดว่ามันคือความผิดงั้นเหรอ” ผมผลิยิ้มมุมปาก  คิ้วขมวดเข้าหากัน

“นายไปเพราะคิดว่าฉันแค่เล่นสนุกไว้คลายเครียดงั้นสินะ ตามจริงนายคิดอย่างนั้น”

“สิ่งที่พี่ธานพูดก็ไม่มีอะไรเสียหาย ในฐานะลูกน้องก็ทำ ๆ ไปก่อน อะไรทำนองนั้นใช่ไหม” ผมพูดเชิงบ่นให้ฟัง  ตามองกลับไปยังจุด ๆ เดิมคือโทรทัศน์

“ใช่..ที่พัทยาฉันเป็นคนบังคับให้นายให้โอกาสฉัน ฉันผิดเอง”

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายเอ่ยแทรก

“คำถาม” ผมกระแทกเสียงห้วนเป็นการบอกเตือนว่าห้ามเขาพูดแทรกผมอีก

“ฉันเหมือนเล่นสนุกมากขนาดนั้นเหรอ ?” ผมจ้องคนตรงหน้าเขม็ง 

“ในขณะที่ฉันเป็นตัวฉันเอง แต่ไหงไม่เห็นรู้สึกสนุกด้วยสักนิด” ผมหัวเราะพร้อมลุกขึ้นยืน

“ผมไม่ได้ไปเพราะพี่ธานพูดซะทีเดียวหรอกนะครับ” สมุทรสวนกลับเสียงแข็ง  เราต่างจ้องกันเขม็ง

“เหรอ..? งั้นพูดมาสิ บอกฉันมาว่าถ้าไม่ใช่เพราะพี่ธานพูดซะทีเดียวแล้วมันเพราะอะไรบ้าง” ผมได้ทางต้อน  ขณะเดียวกันก็เดินปรี่เข้าหาอีกฝ่ายจนห่างกันไม่เท่าไหร่  น้ำเสียงเข้มกดต่ำเข้าไปในลำคอจนรู้สึกแน่นหน้าอก 

“คุณอย่าต้อนผมให้มากนักได้ไหม” สมุทรว่ากล่าว  น้ำเสียงเรียบประกอบใบหน้านิ่งขรึม  เสียงนี้มีความหมายคุ้นหูคล้ายกับเมื่อคืนไม่มีผิด  เป็นความนุ่มนวลที่ยังคงรักษาสัมมาคารวะแต่ขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความแน่วแน่ต่อตนเองว่าพร้อมที่จะไม่เกรงใจอย่างไร้เยื่อใย  นี่เป็นสิ่งที่เขาต่างจากคนอื่นรอบตัวผม

“ถ้าไม่ให้ต้อนแล้วฉันควรทำยังไง” ผมถามตรง ๆ     

“ทำไมพลอยพูดกับฉันแบบนั้น นายเปิดใจให้ฉันแล้วงั้นเหรอ ?” ผมยียวนด้วยโทนเสียงปกติ  สมุทรที่ยังคงยืนนิ่งกับที่มีสีหน้าลังเลเกรงว่าผมจะทำอะไร  ผมเอียงใบหน้าก้มเข้าไปใกล้จนขนาบแนบตรงกับหน้าอกของเขา  รับรู้ได้ถึงแรงของลมหายใจของเจ้าตัวได้ชัดเจน 

“ยัง.. นายยังไม่คิดที่จะเอากลอนออกเลยด้วยซ้ำ” ผมพูดแทบกระซิบ  ขยับใบหน้าเชิดปลายจมูกขึ้นจนถูกกับปลายคางของสมุทร  อีกฝ่ายเบือนหน้าหนี  ถึงอย่างนั้นเขากลับจับจ้องผมไม่ละสายตาสักเสี้ยวนาที

“ถ้าฉันแค่อยากได้นายจนตัวสั่นละก็ ฉันไม่รอให้เมื่อยหรอกสมุทร” ตามจริงแล้วผมกำลังอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ จนไม่รู้ว่าควรจะพูดคำไหนที่มันดีกว่านี้และทำให้สถานการณ์ระหว่างเรามันพอดีลงตัว

“แต่ก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นน่ะนะ หึ” ผมเบ้ยิ้ม ๆ  อีกฝ่ายนิ่งไปเสียแล้ว   

“นายคร..” ไอ้เด่นแทรกเข้ามากะทันหัน  มันหยุดเท้าไว้ที่หน้าประตูห้องเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี

“ออกไปซะ” ผมเอ่ยปากไล่ทุกคน  แต่กลับไม่มีใครขยับ

“ออกไป!” ผมแทบตวาด  ไอ้เด่นผงกหัวและรีบออกจากห้องไปก่อนใคร  ผมนั่งลงที่เดิมโดยไม่มองคนที่ยังยืนอยู่ในห้องอีก  การมองเขานานกว่านี้อาจยิ่งทำให้หงุดหงิดเสียเปล่า  ท่าทีอ้ำอึ้งจากสมุทรคล้ายกับมีสิ่งที่อยากพูด หนักใจ  เขาพอมีโอกาสอยู่บ้างจากการที่ผมเงียบแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำ  เจ้าตัวออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่ได้พูดใด ๆ  ผมเหลือบมองไอศกรีมที่เริ่มละลายกลับกลายเป็นน้ำทีละนิด  อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาทำอย่างไรมันถึงได้ออกมาเป็นไอศกรีมเหมือนของร้านแบบนี้


- - - - - - - - - - - - - - -


เวลาตี 02:40 น. : สมุทรสาคร

การเฝ้าอยู่ที่สมุทรสาครวันนี้เป็นวันที่สองแล้ว  ผม พายุ พี่ธาน สมุทรและลูกน้องคนสนิทคนอื่น ๆ เดินทางมาสังเกตการณ์ล่วงหน้าเป็นไปอย่างสงบเงียบ  ไม่มีการบอกข่าวใดแม้กระทั่งกับพี่ทัพ  แม้การวางแผนระหว่างผมกับพี่เขาจะแบ่งวางหน้าที่ไว้ชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยดี  แต่ในส่วนงานของผมพี่เขาไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างที่รับปากไว้  ลูกน้องของผมคือของ ๆ ผม  ดังนั้นเราจึงเคารพตามกฏนี้มาเสมอ

การมาครั้งนี้ต่างชวนให้พวกเราฉงนมากขึ้น  เมื่ออยู่ ๆ พี่ทัพก็ได้ข่าวเพิ่มมาว่าจะมีการนัดส่งผู้หญิงในงานปาร์ตี้ที่จะจัดขึ้นที่รีสอร์ตแสนดี  ปาร์ตี้นั้นเป็นปาร์ตี้ของบริษัทส่งออกมีชื่อแห่งหนึ่งในสมุทรสาคร  เป็นที่รู้กันดีในวงการมวยว่ารีสอร์ตแสนดีแห่งนี้มีเจ้าของเป็นนักมวยมีชื่ออย่าง “แสนดี” ที่แขวนนวมลาวงการไปได้พักใหญ่  แต่เขายังคงโลดแล่นอยู่ในวงการมวยในฐานะนักวิจารณ์  ที่ไม่น่าแปลกใจสำหรับผมคือมันเป็นนักมวยเก่าของค่ายเสี่ยปรีดาและสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก  พี่ทัพวิเคราะห์ว่ารีสอร์ตแห่งนี้อาจไม่ใช่ของนายแสนดีโดยตรง  ถ้าหากเราจะคาดกันไม่ผิดคนอยู่เบื้องหลังอาจเป็นเสี่ยปรีดาก็เป็นไปได้


ที่ดินรกร้างเลียบริมแม่น้ำเป็นอีกที่หนึ่งที่ใช้เคลื่อนย้ายสินค้า  พี่ทัพแบ่งงานนี้มาให้ผมเนื่องจากสาเหตุหลายประการที่พี่เขาไม่สามารถลงมือได้ด้วยตนเอง  เพราะหากพี่เขาพลาดอีกครั้งหนึ่งอาจจะส่งผลต่อการออกจากทีมสืบคดีนี้ทั้งหมด  เราไม่สามารถปักใจในข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งจากฝั่งไหนได้  ตามเวลาในที่ ๆ ผมและพวกกำลังเฝ้าอยู่ในขณะนี้ยังไม่พบแม้แต่สิ่งมีชีวิตมาร่วมชั่วโมงแล้ว  พี่ทัพแยกทีมออกไปตรวจค้นที่รีสอร์ตแสนดี  มีการออกหมายค้นพื้นที่โดยผู้กองมาดเป็นคนรับหน้าที่  ดูเหมือนพี่ชายผมมันจะขาดประสิทธิภาพอยู่ในช่วงนี้น่ะนะ

ผมแบ่งหน้าที่ออกทั้งหมดสามทีม  ทีมที่หนึ่งคือไอ้รุ่งและไอ้หินที่อยู่ประจำที่รถยนต์เพื่อเตรียมหลบหลีกทางถนน  รถจอดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ  ห่างออกไปสิบกิโลเมตรโดยประมาณ  ทีมที่สองคือพายุและสมุทรที่อยู่ประจำ Speed Boat และชายฝั่ง  เราจำเป็นต้องใช้ Speed Boat ในการเคลื่อนหนีอย่างเร็วที่สุด  ทีมสุดท้ายคือผม พี่ธาน ไอ้เข้มและไอ้เด่นที่แยกตัวอยู่คนละทิศตั้งแต่ทิศเหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก  ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบชัดเจน  พี่ธานและไอ้เข้มรับหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์เพื่อยิงเป้าระยะไกล  ผมและไอ้เด่นเตรียมบุกระยะประชิดหากมีเหตุฉุกเฉิน  ข้อมูลที่พวกเราได้รับมานั้นบอกเวลาชัดเจนว่าจะเริ่มงานในเวลาตีสาม  พี่ทัพจะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุในทันทีหากทางผมยืนยันแน่นอนว่ามีการเคลื่อนไหวการส่งของจริง  จนถึง ณ เวลานี้แล้วผมยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จากพี่แกสักสายเดียว  ส่วนตัวเองยังอดทนรอได้  ไม่คิดที่จะโทรไปจนกว่าจะจวนเวลานัดหมาย

“It’s doesn’t matter, what you create~ If you have no fun.” ผมฮึมฮัมร้องเพลงฆ่าเวลาใส่วิทยุ  เสียงทุ้มใช้เพียงในลำคอ  ความเงียบสงัดรอบตัวทำให้ได้ยินเสียงตัวเองชัดหูทีเดียว  รอบทิศมืดสนิท  แม้แต่แสงจันทร์คืนนี้ก็ไม่เป็นใจ  พื้นที่เต็มไปด้วยป่าหญ้าและต้นไม้ขนาดใหญ่เหมาะแก่การพรางตัว

“Pretty girl, put down your pen. Come over here, I’ll show you how it’s done.”

“เพราะไหม ?” ผมถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่กันคนละทิศทาง

“หึ..” เสียงพี่ธานหัวเราะในลำคอตอบกลับมา  ไร้คำตอบจากลูกน้องผมแม้สักคน  ไอ้เราก็อุตส่าห์เอ็นเตอร์เทนกะว่าให้ผ่อนคลายลงเสียหน่อย  ถึงอย่างนั้นผมกลับหยุดตัวเองให้ร้องต่อไม่ได้  ทำนองยังวนในหัว จึงฮัมเนื้อเพลงโปรดนี้ต่ออย่างไม่ค่อยตั้งใจไปเรื่อย ๆ “I can dance. I can drink~”

“In the dark, it’s all a …trick.” ผมทิ้งเสียงเบาลงทันทีที่กล้องส่องทางไกลจับเห็นความเคลื่อนไหวระยะไกล  แสงไฟสาดส่องมาใกล้บริเวณ   

“แจ็คพอตแฮะคุณสารวัตร” ผมแสยะปาก  รถยนต์บิ๊กอัพหลายคันขับเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ  ไม่รีบร้อน  รถยี่ห้อดังทำให้เสียงเครื่องยนต์เงียบเบาหูเป็นอย่างยิ่ง   

“เหมือนดวงกูจะมีไว้เพื่อหย่อนเชื้อ” ผมพ่นลมหายใจบ่นกับตัวเอง

หญ้าที่อยู่อย่างนิ่งสงบมาร่วมชั่วโมงเริ่มขยับพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่ถูกบุกรุก  เสียงซอกแซกจากการถูกกดทับของล้อรถได้ยินถนัดหูขึ้นเนือง ๆ  นาฬิกาข้อมือบอกเวลาตีสองสี่สิบเจ็ดนาที  ผมแกะเปลือกลูกอมเม็ดที่สองซึ่งเป็นเม็ดสุดท้ายสำหรับวันนี้เข้าปากดับกระหาย  ลูกอมทำจากผลไม้ในฤดูร้อนของญี่ปุ่นซึ่งขโมยมาจากห้องนอนของไอ้ดิน  ดูเหมือนจะมีสาวเอามาให้มัน  รสชาติไม่ได้โดดเด่นจนทำให้หลงรัก  ผมคงหัวโบราณไปหน่อยเพราะยังคงติดใจรสมะขามไทยบ้าน ๆ มากกว่า  รถตู้สองคันจอดเทียบไล่เลี่ยกับรถกระบะสามคันที่มาด้วยกัน  พวกมันทยอยลงจากรถทีละคนพร้อมอาวุธครบมือ  ให้หลังไม่ถึงสองนาทีก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับนำเข้ามาพร้อมกับรถตู้ตามหลังอีกหนึ่งคัน  แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปทั่วบริเวณจนสังเกตเห็นหน้าตาของบางคนได้ถนัด  รถสองคันดังกล่าวหยุดจอดเทียบข้างคนที่มาถึงก่อน 

“ทิศใต้สามคน เปลี่ยน” ผมส่งสาร

“ทิศเหนือหกคน เปลี่ยน” พี่ธานสวนกลับ

“ทิศตะวันตกสองคน เปลี่ยน” ไอ้เข้มพูด

“ทิศตะวันออก..สี่คน หน้าสอง หลังสอง เปลี่ยน” ไอ้เด่นรายงาน  ผมตรวจสอบโทรศัพท์มือถืออีกครั้งว่าปิดทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่ก่อนที่จะกดโทรออกหาพี่ทัพ  ปลายสายกดรับแทบจะทันทีอย่างกับอยู่หน้าจอรออยู่แล้วอย่างนั้น

“พวกมันถึงแล้ว มาก่อนเวลา” ผมรายงาน  ปลายเสียงเงียบไปครู่ผิดปกติ

“พี่กำลังทำงานอยู่” พี่ทัพกระซิบกระซาบ  เปลี่ยนการใช้สรรพนามชัดเจนสื่อให้ผมรู้ถึงความพิกล

“กูคงโดนเล่นเขาให้แล้ว..” อีกฝ่ายบอก  เสียงรอบตัวของพี่เขาเริ่มชุลมุนขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่ต้องมาแล้ว ผมจะออก” ผมตัดบท  ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเงียบไป 

“รอหน่อย เดี๋ยวส่งทีมเข้าไป แล้วเดี๋ยวโทรกลับ” ปลายสายตัดบททันทีเช่นกัน  ใครสักคนเรียกชื่อพี่ทัพก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร  สายที่ตัดห้วนคล้ายกับว่าให้ผมจัดการเรื่องไปก่อน

“รอหน่อย สั่งกูเหรอวะ”

"รอหน่อย ‘ครับ’ สิ” ผมจิปากเซ็ง ๆ  ขณะเดียวกันนั้นคนสำคัญที่สุดสำหรับผมในคืนนี้ก็ปรากฏตัวออกมาจากรถเป็นคนสุดท้าย “ไอ้เอก” กรามเหลี่ยมหักมุมของมันสะท้อนเห็นรูปหน้าชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกันไม่ผิดแน่  ภาพตรงหน้าไม่น่าแปลกใจเท่ากับคนที่ลงจากรถอีกคันหนึ่ง “ไอ้แสนดี” 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2017 14:04:46 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

เปลือกลูกอมถูกยัดเก็บใส่กระเป๋ากางเกง  ของสำคัญนำลงกระเป๋าเป้ขนาดพกพาที่สะพายติดตัวมาด้วยเรียบร้อยแล้ว  เสียงร้องแปลกหูดังลอดออกมาจากบ้านกลางป่าที่ถูกโบกปูนไว้หนาทึบ  ไม่มีแม้แต่หน้าต่าง  ก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวยังเป็นเพียงบ้านเปล่าโง่ ๆ หลังหนึ่งเท่านั้น  ถึงอย่างนั้นมันก็แปลกอยู่ดีที่มีสิ่งนี้อยู่กลางป่าแบบนี้  ผมเพ่งมองไปยังไอ้เอกและไอ้แสนดีที่กำลังพูดคุยเพียงสองคน  ลูกน้องของพวกมันทิ้งระยะห่าง  ธุรกิจเริ่มเจรจาเมื่อไอ้เอกพยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตนเข้าไปตรวจสินค้าในบ้านหลังดังกล่าว  กระเป๋าสีดำสองใบขนาดกลางถูกถือไว้โดยคนของฝั่งไอ้เอกสองคนและคนคุ้มกันอีกสองคน   

“เรียบร้อยครับ ทุกอย่างครบตามจำนวน” คนของมันรายงาน  ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงอ่านความหมายออกได้ไม่ยาก  รถตู้ฝั่งของไอ้แสนดีถูกเปิดออก  ไอ้เอกเดินตรงไปหยุดอยู่ที่ประตู  ลูกน้องของมันชูไฟฉายขึ้นนำทางส่องเข้าไปในตัวรถ  เสียงผู้หญิงร้องอู้อี้ประท้วงแต่คนมองกลับอมยิ้มชอบใจพลางปัดมือสั่งให้ปิดประตู  ไอ้เอกหันกลับไปพยักหน้าให้ลูกน้องของมันที่ยืนอยู่หน้าประตูรถตู้คันของมัน  ประตูรถถูกเปิดออกตามที่สั่ง  ผู้หญิงเดินลงมาจากรถยืนเรียงตัวเป็นรายบุคคลอย่างสมัครใจ  ไอ้แสนดีประชิดเข้าใกล้พวกเธออย่างพิจารณา  การลงมาเป็นไปอย่างไม่มีการฝืนใจ  อีกทั้งการแต่งตัวของพวกเธอก็จัดว่าดีในระดับหนึ่ง  ทีท่าตรงกันข้ามจากกรณีของผู้หญิงที่อยู่ในรถคันของไอ้แสนดี  ปลายกระบอกปืนที่ไอ้แสนดีถืออยู่นำเกลี่ยไปตามท้องน้อยของพวกเธออย่างหยอกเอิน ใจเย็น  แต่นั่นกลับทำให้สีหน้าของพวกเธอเริ่มเปลี่ยนไป


ดูเหมือนสิ่งที่พี่ทัพคาดการณ์ไว้จะใกล้เคียงแต่ก็ถูกไม่หมดเสียทีเดียว  ขณะปรับเลนส์กล้อง  หางตาสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติมุมทางทิศตะวันออก  ผมจึงเบี่ยงความสนใจไปยังจุดดังกล่าว  กล้องปรับซูมใกล้มากขึ้นและสิ่งที่พบตรงหน้าทำให้ผมต้องเพ่งมองซ้ำ ๆ ให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดไป  นั่นมัน “ไอ้บูรณ์” ไม่ผิดแน่  มันทำลับ ๆ ล่อ ๆ แอบมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ไกล ๆ  ผู้หญิงกลุ่มดังกล่าวเริ่มทยอยกลับขึ้นรถไปอีกครั้ง  เข็มนาฬิกาชี้ตรงเวลาตามที่สายข่าวของพี่ทัพได้บอกพวกเรามา  ผมเปิดหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งหนึ่งเพื่อรอการติดต่อกลับ  ถึงอย่างนั้นสัญชาตญาณก็รับรู้ได้ว่าจะไม่มีการติดต่อมา  เมื่อสถานการณ์ไม่ตรงไปตามแผนที่พวกเราวางไว้ก่อนหน้าและเพื่อจะไม่ให้มันผิดแผนสุดโต่ง  ผมจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายโทรไปหาแทน  ครั้งนี้ปลายสายกลับเงียบสนิท..

“ไอ้พี่เวร” ผมสบถ

“เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว สั่งการด้วยครับ” พี่ธานพูดขึ้น  ผมนิ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ครู่ก่อนจะทำการใด

“เตรียมพร้อม” ผมตัดสินใจสั่งออกไป  นอกเหนือจากมาเฝ้างานให้พี่ทัพในครั้งนี้แล้ว  วันนี้ผมมีเป้าหมายพิเศษของผม  อย่างไรก็แล้วแต่ วันนี้ผมต้องการพบหน้า “คุณเอก” อย่างจับเข่าคุยสักครั้งหนึ่ง

“เราจำเป็นต้องถ่วงเวลา เตรียมปล่อยตัวประกัน ทีมดีเข้าประชิด เตรียมคุ้มกันด้วย”

“รับทราบ เปลี่ยน” ไอ้เด่นขานรับคำสั่ง  ผมยังคงไม่ให้สัญญาณกับพี่ธานที่เป็นมือหลัก  หากผมเดาไม่ผิด รถตู้คันของไอ้เอกและรถตู้คันของไอ้แสนดีจะถูกนำสลับเปลี่ยนไปโดยเจ้าของคนใหม่เป็นแน่  หากมันเคลื่อนย้ายคนในบ้านหลังนั้นจนหมด  ทุกอย่างจะใช้เวลาเสร็จสรรพเพียงไม่กี่นาที

“มีเรือเข้าเทียมแล้ว ย้ำ..มีเรือเข้าเทียบแล้วครับ” สมุทรพูดแทรกเข้ามา  มันทำให้ผมอมยิ้ม  กระทั่งเวลาอย่างนี้เขาก็ยังไม่ลืมคำว่า “ครับ”  กูนี่ท่าจะเพี้ยนไปใหญ่  เคืองเขาอยู่แท้ ๆ แต่กลับอยากได้ยินเสียงซะอย่างนั้น  ลึก ๆ แล้วผมปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า สถานการณ์แบบนี้ขอแค่ให้ได้ยินเสียงก็พอละมัง

“.........” อยู่ ๆ ลูกน้องของไอ้เอกก็วิ่งเข้าขัดระหว่างบทสนทนาของพวกมัน  การกระซิบกระซาบทำให้ผมมองปากพวกมันไม่ถนัด  อ่านไม่ออก  ลูกน้องคนดังกล่าวได้วิ่งกลับเข้าไปในเส้นทางเดิมทางทิศเหนือ   

“ทีมเอ..” ผมเอ่ยถึงพี่ธาน

“เตรียมยิง ขอแค่หูก็พอนะครับ”

“ครับ แค่หู” เจ้าตัวทวนคำสั่ง

“It’s showtime.” ผมพ่นลมออก ปากขยับจู๋  มันคงน่าเกลียดไม่น้อย

“ล็อกเป้าหมาย รอคำสั่ง พร้อมยิง..เปลี่ยน” พี่ธานพูดบอก  น้ำเสียงนุ่มทุ้มเต็มไปด้วยความเด็ดขาด  คาดเดาอย่างไม่ผิดพลาดแน่ว่าพี่ใหญ่คงกำลังอมยิ้มอยู่ด้วยเป็นแน่ 

กระบอกลดเสียงที่เตรียมไว้แต่แรกถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต  จมูกสูดดมกลิ่นไปตามลำปืนอย่างไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานาน  แม็กกาซีนถูกตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนเสียบกระบอกลดเสียงเข้าต่อกับปากกระบอก  ทันทีนั้นความเงียบสงบอย่างผิดแปลกก็เริ่มบรรเลงขึ้น  การ์ดที่หน้าประตูบ้านหลังดังกล่าวสองคนยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างกับหมาที่รอเพียงคำสั่งจากเจ้านายเท่านั้น  ความเงียบสงบทำให้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของผิวน้ำได้ถนัดหู  แม้กระทั่งผมและคนของผมทุกคนต่างก็หุบปากสนิท  ความรู้สึกเป็นหนึ่งพุ่งไปยังจุด ๆ เดียวกันตรงหน้า  กระเป๋าถือสีดำขนาดกลางที่ลูกน้องของไอ้เอกถืออยู่ทำท่าจะเปลี่ยนเจ้าของเร็ว ๆ นี้

“ยิง!” ผมลั่นคำ


เพี้ยว !!!!!!    .. กระสุนที่ปล่อยออกทันทีที่ได้รับคำสั่งไม่ทันตั้งตัวเป็นการยืนยันว่าคนลั่นไกมีสมาธิหนักแน่นแค่ไหน  วิถีกระสุนผ่านไปในความมืดด้วยความเร็วสูง  ลิ้นนำแลบออกมากัดด้วยนึกหมันเขี้ยวกับภาพที่เห็น  สไนเปอร์แบบที่ไม่พบกับตามานาน  กระสุนเฉียดเป้าหมายไปเพียงเสี้ยววินาที  มันคือความจงใจของการรักษาคำสั่ง

“เซ็กซี่จังนะพี่ใหญ่ เอาซะมีอารมณ์เลย” ผมชมกระเส่า  ไอ้แสนดีถลึงตาโต  มันยังคงไม่ได้สติว่ามีอะไรเกิดขึ้น  มือของมันขยับขึ้นแตะที่หูของตนอย่างระมัดระวัง “หูกู!!!”  เสียงกรีดร้องระงมไปทั่วทุกทิศ  เหมือนหูมันจะหายไปทั้งดุ้น  ทันทีที่เกิดความวุ่นวายปืนก็ยิงขึ้นอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่  ไอ้เด่นใช้โอกาสนี้กระโดดจากต้นไม้เพื่อไปสะสางหน้าที่ของตน

“เป็นเหี้ยอะไรวะ!” ไอ้เอกตะคอกไอ้แสนดีเมื่อตนถูกเล่งปืนใส่  มันทั้งคู่ต่างจ่อปืนใส่กันและกัน

“มึงจะหักหลังเสี่ยเหรอวะ!” ไอ้แสนดีต่อว่า

“ไปเอาเงินมา! ไปเอามา!!” ไอ้เอกทุบหลังคนของมันหลายทีเป็นการกระตุ้น  กระเป๋าเงินหนึ่งใบตกอยู่ท่ามกลางระหว่างมันทั้งคู่  พี่ธานยังคงทำหน้าที่ปั่นหัวให้พวกมันต่อสู้กันเอง  การ์ดสองคนยิงสวนกลับให้มั่วไปมาในความมืด  พวกมันตื่นตระหนกและบางครั้งก็ยิงกันเอง  ผมส่องดูไอ้เด่นในขณะเดียวกัน  มันวิ่งใกล้จะถึงจุดหมายเต็มทีแล้วและผมต้องรีบเคลียร์พื้นที่ให้ก่อนที่มันจะไปถึง  ยิ่งเสียงปืนดังเท่าไหร่  เสียงกรีดร้องของคนในบ้านก็ดังขึ้นเท่านั้น  มันชัดเจนจนไม่ต้องเดาว่าเป็นอะไร  ผมเล็งปืนไปที่เป้าหมาย  สองนัดแบ่งให้คนที่เฝ้าหน้าอยู่ประตูคนละนัดจนแน่นิ่งลง 

“ประตูเคลียร์” ผมบอก

“รับทราบ” ไอ้เด่นขานรับ  เสียงปืนที่แทรกรบกวนทำให้พวกเราได้ยินกันไม่ถนัดนัก  ผู้หญิงที่อยู่ในรถตู้ของไอ้แสนดีพยายามที่จะทยอยหนีออกจากรถ  พวกเธอช่วยกันต่อสู้ยิ่งก่อความชุลมุนขึ้นกว่าเดิมและดูเหมือนนั่นจะเป็นการกระทำที่ทำให้พวกมันไม่พอใจสักเท่าไหร่  จึงทำให้มีการเชือดไก่ให้ลิงดูเกิดขึ้น  ศพแรกนอนล้มลง  เป็นผู้หญิงผมยาวถูกมัดทั้งมือและเท้า  เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวโหยหวนไม่เพราะหู

“ใครหนีต้องตายเหมือนอีนี่!”  

“มีเด็ก มีเด็กอยู่ด้วย! ปล่อยไหมครับ!” ไอ้เด่นส่งเสียงตะโกนบอกสู้กับเสียงปืน  ผมชะงัก  หันขวับกลับไปมองมันที่นอนราบกับพื้นหน้าประตูบ้านเพื่อรอคำสั่ง

“อย่ายิงสินค้า ไอ้ควายเอ๊ย!” ไอ้เอกตะโกนหน้าเสีย  มันร้อนรนเป็นหนูติดจั่นทีเดียว   

“ทีมซี เตรียมยิงคุ้มกันเด็กด้วย” ผมพูด

“รับทราบ” ไอ้เข้มที่อยู่เฝ้ายิงระยะไกลขานรับ

“ปล่อยเลย” ผมสั่ง  มือดึงผ้าปิดหน้าที่เทินอยู่บนปลายจมูกลงปิดใบหน้าจนมิด  เมื่อไอ้เด่นได้รับคำสั่งเช่นนั้น  ประตูที่ถูกล็อคไว้แน่นหนาก็ถูกถล่มควันตลบ  เด็กและผู้หญิงวิ่งออกมาเป็นพรวนอย่างกับผึ้งแตกรัง  นั่นยิ่งทำให้การยิงเพื่อขู่จากไอ้เอกเป็นไปอย่างร้อนรน  ผู้หญิงกึ่งวิ่งกึ่งงอตัวหลบหลีกออกมาตามสัญชาตญาณ  บางคนได้รับปาดเจ็บ  บางคนถูกจับเป็นตัวประกันต่อ  “ดูอีนี่ไว้!” ชายหนึ่งในนั้นกระชากหัวผู้หญิงไปอย่างแรง  ตะโกนบอกด้วยท่าทางองอาจ  ปืนจ่อศีรษะของเธอที่ร้องไห้จนดูเปรอะเปื้อน  ไม่ทันให้มันได้นำเสนอผลงานต่อหน้าทุกคนตามที่ปากว่า  กระสุนจากไอ้เข้มก็เจาะเข้ากลางกระบาลอย่างกับหยิบไปเสียบไว้ให้กับมือ  ไอ้เอกถลึงตาโตกับสิ่งที่เห็น  มือสั่นเมื่อได้รับโทรศัพท์  ทันทีที่มันวางสายสีหน้ามันก็ฮึดฮัดเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวโกรธแสดงให้เห็น

“แม่งเอ๊ย! มีสายในนี้! ไปจับมันมาให้ได้!!” ไอ้เอกตะคอกสั่งดังลั่น

“.........” ผมยังคงนั่งอยู่บนต้นไม้ที่เดิม  รู้อยู่หรอกว่ามันต้องรู้  โทรศัพท์สั่นเตือน  ได้รับข้อความจากพี่ทัพว่า “กำลังไป” สั้น ๆ เท่านี้  พอได้สตินึกขึ้นได้ผมจึงหันกล้องไปยังจุดเดิมทางทิศตะวันออกอีกครั้ง  ไอ้บูรณ์หายตัวไปแล้ว

“เตรียมเคลื่อนย้ายภายในห้านาที ย้ำ..เตรียมเคลื่อนย้ายภายในห้านาที รับทราบด้วย” ผมสั่งงานเป็นครั้งสุดท้าย  สิ้นเสียงที่ทุกฝ่ายรับคำสั่งจึงรีบจ้ำฝีเท้าไปยั่งฝั่งที่ไอ้บูรณ์ได้หลบซ่อนอยู่ก่อนหน้า  หลังใครสักคนไว ๆ กลางพุ่มไม้  ผมคาดว่ามันวิ่งออกมาไม่ได้นานนัก  ทีท่าเหมือนจะหนีไปให้ไกลแต่กลับลังเลที่จะอยู่ต่อ  ผู้หญิงสองสามคนที่วิ่งหนีผ่านไปอีกฝั่งถนนหนึ่งทำให้ไอ้บูรณ์ชะงักชะเง้อมองตามพวกเธอ  เสียงปืนดังขึ้นติด ๆ กันหลายนัดทำให้ผู้หญิงพวกนั้นสะดุดล้มลง  ไอ้บูรณ์ก็หมอบหลบลงเช่นกัน

“ไอ้เปรตกำลังไปทางทิศตะวันตก ย้ำ..ระวังตัวด้วย มีไอ้เปรตกำลังไปทางทิศตะวันตก เปลี่ยน” เสียงพี่ธานลอดเตือนเข้ามา  สรรพนามการเรียกของพี่ใหญ่ที่ดูเหมือนลูกน้องคนอื่นของผมคงจะไม่กล้าใช้ตาม  ทางทิศดังกล่าวอาจจะเป็นไปได้ที่จะทำให้พวกมันพบกับพายุหรือสมุทร  ผมจึงตามไอ้บูรณ์ต่อไปไม่ได้  ผมรีบขานรับพร้อมเปลี่ยนทิศทางหน้าที่  เสียงรถตำรวจได้ยินแว่วไกลห่างออกไปหลายสิบกิโล  นั่นยิ่งทำให้พวกมันแตกฮือ  เสียงคนต่อสู้ดังมาจากทางฝั่งของแม่น้ำทางทิศที่สมุทรควรอยู่  ซึ่งจะเป็นทางที่พวกเราจะใช้ในการหลบหนี  ผมจึงรีบจ้ำเท้าไปในทันที



ปัง!!!   

เสียงปืนที่ลั่นไกดึงความสนใจให้หยุดชะงัก  กระบอกปืนกระเด็นผ่านหน้าผมห่างไม่เท่าไหร่  มันถูกเตะออกจากเป้าหมายที่หลบเลี่ยงได้ทัน  สมุทรต่อสู้กับคนของพวกไอ้เอก  ชายร่างสูงใหญ่พอกัน  การสู้เป็นไปอย่างดุเดือด  ฝ่ายหนึ่งเพื่อเอาชีวิตรอด  อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจับเป้าหมายส่งให้นายของตนให้ได้  ไม่รู้ว่าอุบัติเหตุอีท่าไหนเขาถึงถูกถอดหมวกไอ้โม่งออกซะแล้ว  ผมยืนมองเว้นระยะรักษาความเงียบเอาไว้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น  คำพูดของพี่ธานวนเข้ามาในหัว “คุณจะให้เขาเข้ามารับรู้งานนี้จริง ๆ เหรอครับ ผมว่าเขารับไม่ไหวหรอก”  สติถูกตัดฉับจากการถีบเต็มกำลังของสมุทรที่ทำให้คู่ต่อสู้กระเด็นไปไกลหลายเมตร  หลังกระแทกกับต้นไม้เสียงดังลั่น  สมุทรไม่ปล่อยให้เสียเปล่า  เขาเดินจ้ำเข้าซ้ำทันที

.. เจ้าตัวไม่ยอมใช้ปืน  ผมทราบดีอยู่แล้วว่าเขาจะไม่มีทางใช้มัน  ก่อนที่จะเริ่มงานผมจึงไม่เคยคิดเอ่ยปากพูดซ้ำเรื่องนี้  ไม่ถามว่าต้องการไหม เพราะมันน่าเบื่อออก  ถ้าในเมื่อเขาเคยปฏิเสธแสดงว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเผชิญเรื่องแบบนี้

“ฮื่อ~ ชะ ..ช่วยด้วย!” เสียงเด็กร้องขอวิ่งสะเปะสะปะมาทางผม  ผมหันไปมองพร้อมปรี่เข้าหาเด็กผู้ชายสองคนที่วิ่งมาทั้งน้ำตา  ออกแรงคว้าเอวทั้งคู่สะกัดไว้ไม่ให้เข้าไปในวงต่อสู้ก่อนอุ้มพาวิ่งลัดไปอีกทาง 

“อย่า อือ” ทั้งคู่ร้องดิ้นด้วยความหวาดกลัว

“หุบปาก” ผมว่า  ป่าที่มืดมิดทำให้เห็นแสงไฟหน้ารถของพวกไอ้เอกเลืองราง  พุ่มไม้สูงกว่าความสูงของเด็กทั้งสองจึงทำให้พ้นสายตาที่ใครจะสังเกตเห็นได้

“หลบอยู่นี่” ผมวางทั้งคู่ลงบนพื้นพร้อมกดหัวมันแนบต่ำลงไปอย่างแรง  ทั้งสองมองผมกะหลับกะเหลือก  หน้าเปื้อนมอมแมม เนื้อตัวสั่นเทิ้ม

“อย่าไป หนู อึ..กลัว~” หนึ่งในนั้นคว้าแขนผมไว้

“..อยู่ตรงนี้” ผมพูดพร้อมจับมือมันออก  ส่งสายตาเขม็งว่าผมไม่สามารถทำตามที่มันขอได้  ขาก้าวกลับไปยังจุด ๆ เดิม  สมุทรจวนจะจัดการทุกอย่างได้แล้วถ้าหนึ่งในนั้นไม่มีโอกาสเอาปืนจ่อหัวเขาในขณะนี้

“หึ! กูนึกว่าจะแน่” ฝั่งหนึ่งแสยะยิ้ม  คนถูกปืนจ่อยังคงสงบอยู่อย่างนั้น

“ถ้ามึงไม่มีปืน คนอย่างมึงก็ไม่มีเหี้ยอะไรเลย” สมุทรตอกกลับ  น้ำเสียงเรียบเฉยของเขากลับส่อเสียดบาดลึกถูกใจจนผมแทบจะพ่นหัวเราะออกมา  คนที่ถือปืนอยู่ถึงกับย้อนไม่เป็น

“ดูเหมือน ที่นี่จะมีหนูป้วนเปี้ยนเต็มไปหมด” น้ำเสียงเย้ยหยันที่แทรกเข้ามาทำให้ทุกคนหยุดชะงัก  สมุทรหันขวับมาทางเสียงที่อยู่ทางผม  ตาของเขาเบิกตกใจ  ใครสักคนหยุดอยู่ด้านข้างผมในตอนนี้คงกำลังเอาปืนจ่อหัวผมอยู่ไม่ต่างจากเขา  เราพลางสบตากัน  แม้จะมืดสนิทแต่กลับเห็นดวงตาของเขาชัดเจน  ผมเผยอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกคนตรงหน้าว่าไม่เป็นไร  ทำอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้ว่าหมวกไอ้โม่งปิดปากไว้มิดชิด 

“นั่นหนูสกปรกตัวแรก..” กระบอกปืนชี้ไปทางสมุทรที่ไม่ได้สวมสิ่งใดปกปิดใบหน้า 

“แล้วนี่ ก็คงเป็นหนูสกปรกตัวที่สอง หึ ๆ ๆ” มันหันปืนกลับมาที่ผมอย่างเก่า

“ไหน.. ขอกูดูหน้าหนูสกปรกหน่อยซิ” อีกฝ่ายพูด  ผมเหสายตามองกลับไปยังคนที่เอ่ยปากขอ

“...ให้” ผมออกปากอนุญาต  ไอ้เอกนิ่งไปครู่  ดวงตาเพ่งมองมาที่ผมคล้ายแปลกใจ ..ลังเล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2017 14:10:53 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ผมยืนนิ่งรอให้มันมาจัดการถอดสิ่งที่ควรถอด  อีกฝ่ายกำลังสำรวจบางสิ่งบางอย่างบนใบหน้าที่ถูกปกปิด  แม้เสี้ยววินาทีก็ไม่ควรเผลอ  ข้อมือของมันถูกล็อคกะทันหัน  กระบอกปืนร่วงหล่นลงพื้นด้วยความไว  เสียงสบถด้วยความไม่พอใจจากฝั่งตรงข้ามดังพร้อมกับเสียงถีบยอดอกจากผม  ไอ้เอกกระเด็นไกลออกไปหลายเมตร  สันกรามบดขยี้อยู่ในปากแน่นพร้อมกับเลือดลมที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย  กระเป๋าเป้ที่สะพายหลังปลดออกอย่างรำคาญ  ปืนสั้นถูกทิ้งลงบนนั้นเช่นกัน  เมื่อคนตรงหน้าเห็นว่าผมโยนทุกอย่างลงพื้นอย่างไม่ไยดี  มันก็แสยะยิ้มด้วยใบหน้าพอใจทำอย่างกับว่านี่คือโอกาสแล้ว  เราต่างพุ่งเข้าหากันปลดปล่อยสิ่งที่ตนเองมี  มือขวาตั้งฉากสับเข้าที่ต้นคอของไอ้เอกเพื่อตัดกำลัง  กำลังแรงมากจนเจ้าตัวขาอ่อนทรุดลง

“เฮือก!” คนตรงหน้ากัดฟันคำรามด้วยสายตาเคียดแค้น  ผมกระชากหัวมันขึ้นเพื่อให้มันเงยหน้ามองมาที่ผมได้ถนัด  รองเท้าหนังสำหรับเดินป่าพื้นหนามาตรฐานสั่งทำจากร้านดังในเทนเนสซีบดขยี้ลงที่น่องของไอ้เอกจนเสียงดัง “กรอบ แกรบ~”  ไม่รู้ว่าเสียงร้องของมันหรือเสียงกระดูกดังกว่ากันกันแน่

“อยากดูหน้า ‘หนู’ ไม่ใช่เหรอ” ผมถาม

“เอาเลย...” ผมท้าทาย  ปล่อยมือออกจากศีรษะของมันให้เป็นอิสระ  ไอ้เอกพยายามรวบรวมกำลังที่มีลุกขึ้นฮึดสู้อีกครั้ง  ขาของมันไม่สมประกอบแล้ว  ในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีมันกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากปล่อยให้หน้าตัวเองมีแต่เลือดเต็มคราบ  ในทุก ๆ ครั้งที่มันลุกมันจะถูกซัด 

“ตำรวจมา!” ใครสักคนตะโกนส่งข่าว  ผู้คนแตกตื่น  ไอ้เอกเหลอหลาหาทางออก 

“พี่! หนีเร็ว!” อีกเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นดังลั่นมาทางด้านหลังของไอ้เอก  ผมหันไปมองตาม ทันทีนั้นปืนจากคนแปลกหน้าก็จ่อเล็งมาทางผมเป็นเป้าหมายแรกเพื่อช่วยคนของตน  สมุทรเตะข้อมือของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา  กระบอกปืนกระเด็นสู่พื้น  การต่อสู้ชุลมุนอีกครั้ง  คนที่เฝ้าเล็งอยู่จึงเบี่ยงเป้าหมายไปเป็นสมุทรแทน  ผมถีบไอ้เอกจนมันเสียท่าล้มลงแล้ววิ่งพุ่งตรงเข้าหาสมุทรที่กำลังจะก้มลงคว้าปืนที่ตกอยู่  เขาทำตามไปโดยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ผมเองก็เช่นกัน  ปืนดังขึ้นหนึ่งนัด  เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแก้ไขให้เป็นไปตามที่ต้องการไม่ได้  ตัวผมกับสมุทรกระแทกลงพื้นจนรู้สึกจุกไปทั่วร่าง  มือของเขายังไม่ปล่อยปืนที่คว้าได้มา 

“อย่า” ผมกระซิบปราม  รู้ว่าเขาต้องการอะไร  นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้นอนหลับได้หรอกหากได้ทำมันลงไป 

ผมคว้าปืนออกจากสมุทรเพื่อบอกว่าปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของผม  การที่เราล้มลงเช่นนี้ทำให้ได้เปรียบที่จะเล็งเป้าหมายให้แม่นยำแต่เสียเปรียบสำหรับปืนที่ยังไม่ได้ขึ้นลำ  มือซ้ายที่ว่างอยู่นำขึ้นปิดตาสมุทร  เขาว่าง่ายรู้สถานการณ์  ผมออกกำลังแขนขวาที่มีกระชากขึ้นลำปืนมือเดียวพร้อมเหนี่ยวไกออกไป  เสียงปืนดังสนั่นทำให้คนที่ผมนอนทับตัวอยู่สะดุ้งโหยง  ชายแปลกหน้าคนนั้นทรุดลง  ผมลุกขึ้นนั่ง  อีกนัดยิงให้เจ้าของปืนก่อนหน้าอย่างไม่รีรอก่อนนั่งมองไปยังไอ้เอกที่ไร้ความหวัง  ความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะมีกลิ่นบางอย่างบนร่างกายผมผิดแปลก  ทันทีที่รับรู้ได้ถึงความผิดแปลกที่เคยคุ้นเคยนี้จึงหันกลับไปมองคนข้าง ๆ  ดวงตาของเจ้าตัวเบิกกว้างมองตามมาที่เสื้อของตนที่เปื้อนไปด้วยสีไม่พึงประสงค์

“คุณ..” สมุทรอุทานหน้าถอดสี   

“เป็นไรไหม ?” ผมถาม  เขาไม่ตอบ  ใบหน้าเริ่มซีดเผือดอย่างกับโดนเองอย่างนั้น

“นายถูกยิง” สมุทรรายงานเสียงสั่นติดปลายหางจนสังเกตได้  ผมมองไปยังไอ้เอกที่พยายามอย่างทุลักทุเลที่จะลุกขึ้นเพื่อไปหยิบปืนของตนเองให้ได้



ฟิ้ววว!!! 

“อั๊ก!” เจ้าตัวร้องลั่นล้มลงหมดท่าอีกครั้ง  แขนที่ถูกผมเหนี่ยวไกกระเด็นเหวี่ยงไปทางด้านหลัง  เลือดสาดกระจายเห็นได้ชัดในความมืด  ผมลุกขึ้นยืนแล้วตรงเข้าหา 

“ฮื่อออ อึก” ไอ้เอกกัดฟันร้อง  มือข้างที่ยังสบายดีอยู่จับแขนข้างที่ถูกยิงประคองไว้  เงยหน้าขึ้นมองผมช้า ๆ ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว

“แม่นเนอะ” ผมทักชมตัวเอง

“หายหัวไปไหนหมดวะ ช่วยกูด้วย!” มันตะโกน  ผมจ่อปืนไปที่กกหูของมันจึงทำให้เจ้าตัวหุบปากนิ่งสนิทลงได้อย่างที่ต้องการ

“พ่อแม่มึงไม่ได้สอนเหรอว่าเวลาจะขอให้คนอื่นช่วยเหลืออะไรให้พูดเพราะ ๆ น่ะ” ผมกระซิบ  นำหน้าขยับเข้าหา
 
“มึง.. มึงทำงานให้ใคร! มึงรู้ไหมว่ามึงกำลังเล่นอยู่กับใคร ไอ้ระยำเอ๊ย! ไอ้สัส! แขนกู อึก” คำถามที่แทบตะคอกฟังดูตะกุกตะกักร้อนรนปนกวนส้นตีน  ดูเหมือนมันจะงุนงงมากกว่าจะแค้นเคืองเสียอีก
 
“จะจ้างเหรอ ?” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ถามนายใหญ่ของพวกมึงให้กูหน่อยได้ไหมว่าจะจ้างกูรึเปล่า แต่...” ผมทิ้งช่วงลง  กวาดตามอง

“แพงหน่อยนะ”

“ใช้ใจซื้อน่ะ ฮิ ๆ ๆ ๆ ๆ” ผมตบมุขตลกด้วยตัวเอง

“ไอ้สัส!” มันด่า  ตาขาวเพิ่มพื้นที่กว้างออกจนเห็นชัดเจนในความมืด

“ฮึ!” ผมหัวเราะ  เสียงรถตำรวจได้ยินชัดถนัดหูขึ้นเรื่อย ๆ  เป็นนัยยะบอกว่าให้ผมรีบเสียที  นิ้วมือเกี่ยวผ้าที่ปิดใบหน้าออกอย่างเนิบช้า  ดวงตาของไอ้เอกเบิกกว้างทีละนิด  ผมจึงทำดวงตาแบบเดียวกันกับมันนั้นกลับไปให้  ปากเผยอ ลิ้นแสยะแลบออกมาทักทายเพื่อใหม่

“ไง ?” ผมทักทาย  คิ้วเลิกขึ้นข้างหนึ่งโดยอัติโนมัติอย่างเคยชิน

“ครับ ผมไฟ เลิศประสงค์ ดูเหมือนจะรู้จักด้วย เป็นเกียรติจัง” ผมยิ้มกว้าง  กระบอกปืนในมือสั่นระริก  เหตุเพราะร่างกายที่กำลังจ่ออยู่มันสั่นแรงเกินไปจนสะเทือนมาถึงกัน  น่ารำคาญฉิบหาย

“พูดซะใหม่ด้วย ฉันแค่มาที่นี่ก็เพื่อนายโดยเฉพาะ”

“อยากถามมานานแล้ว นายพอรู้เบอร์ช่างซ่อมประปาเก่ง ๆ บ้างไหม ? พอดี มีคนทำท่อประปาที่ตลาดฉันแตก เลยวุ่นกันไปหมด”

“มึงพูดเรื่องเหี้ยอะไรวะ!?” ไอ้เอกตะคอก 

“ค่าตัวนักมวยกู ห้าสิบล้าน เอามาวางให้กูตรงหน้าภายในสองนาที..มึงรอด” ผมเสนอ

“กูไม่ได้ทำ!” มันย้อนเสียงสั่น  น้ำลายไหลออกมาพร้อมกับเลือดในปากที่บังคับไม่อยู่

“ได้..ถือว่าคนกันเอง ลดให้ เหลือสามสิบล้าน”

“หนึ่ง ค่าเสียหายที่ป้ามึงกับเด็กที่ส่งยาของนายมึงมาดิสเครดิตตลาดกู สอง ค่าน้ำใจที่กูยังให้ป้าที่แสนตอแหลหน้าด้านของมึงได้มีที่ทำมาหากินโดยที่กูไม่เอาอีนรกนั่นเข้าตาราง รู้ไหมว่ากูต้องใช้ความอดทนแค่ไหนที่ต้องมองความตอแหลซ้ำซากของป้ามึง สาม ค่ารักษาพยาบาลที่กูต้องจ่ายให้นักมวยของกูเอง อ้อ! นี่ยังไม่รวมค่าตัวกูอีกยี่สิบล้านที่ขึ้นชกแทนด้วยหรอกนะ” ผมแจงอย่างใจเย็น 

“ฮึก!” ไอ้เอกสะอึก  ปืนถูกเลื่อนอย่างเนิบช้าจากกกหูไปจ่อที่ริมฝีปากของเจ้าตัว   

“แล้วก็...” ลิ้นที่แลบออกมาเกลี่ยไรฟันและริมฝีปากผมจนเปียกแฉะกว่าปกติ

“ค่ารักษาพยาบาลซิกแพคอันแสนสวยงามของกูที่คนของมึงทำตำหนิไว้ให้นี่ก็ด้วย” ผมฉีกยิ้ม

“บ้าจัง กูรู้หมดทุกอย่างเลย กร๊าก! มึงจะปรบมือหน่อยก็ได้นะ” ผมอ้าปากกว้างหัวเราะลั่น  ไอ้เอกหายใจแรงตาแทบถลน  ไม่รู้ว่านั่นโกรธหรืออะไรกันแน่

“แล้วไง มึงจะจัดการพวกกูงั้นเหรอ เฮอะ มึงนึกว่ามันง่ายขนาดนั้นเหรอวะ!” มันตะคอกใส่

“ใครฆ่าไอ้มงคล ?” ผมพูดเชิงถาม

“ชู่~ ..ใครกันนะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางกระซิบกระซาบแผ่วเบาจนไอ้เอกได้สติ

“ปะ ปล่อยผมไปเถอะครับ คุณไฟ ผม..ไม่รู้เรื่อง นายผมสั่งให้ทำ ผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ผมจะไม่ทำอีกแล้ว” มันร้องขอ
 
“จากประสบการณ์ที่เลี้ยงดูน้องชายมา เมื่อไหร่ที่ได้ยินคำว่า ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ แปลว่ามันจะทำว่ะ” ผมพ่นขำให้กับความจริง  จ้องตาตามดวงตาและใบหน้าที่พยายามจะหลบหลีกการมองตอบจากผม

“คุณเอก มองหน้าผมสิ” ผมเอ่ยขออย่างสุภาพ  ไอ้เอกทำตามที่ขออย่างว่าง่าย  เรามองตากันเสี้ยววินาทีและปากของไอ้เอกกลับสั่นแรงขึ้นอีกครั้ง

“หน้ากูเหมือนพ่อมึงรึเปล่าครับ ?”

“ไม่น่าถาม ก็กูหล่อ” ผมกลั้นหัวเราะให้กับมุขตัวเองอีกรอบ

“ไอ้.. ไอ้ มึงคิดว่ามึงจะรอดเหรอวะ สัส! ไอ้เหี้ยเอ๊ย! เดี๋ยวมึงจะตายห่าเหมือนหมา!!

“มึงนึกว่ามึงเป็นใคร ถุย!” มันสบถ  ทุกอย่างเต็มไปด้วยหมดความอดทน  พอได้ยินดังนั้นกระพุ้งแก้มก็ถูกลิ้นดุนนูนขึ้นจนจวนแทบจะทะลักออกมา

“เชิญมึงเป็นหมารุ่นพี่นำไปก่อนก็แล้วกัน” ผมขานรับข้อหาอย่างไม่ปฏิเสธ  หางตาเห็นแขนของอีกฝ่ายที่ยังใช้งานได้อยู่ขยับเนิบช้า จังไรจริง ๆ

“ไม่ต้องห่วง กูจะช่วยเจ้านายมึงเอง แล้วก็งงไปหมด.. ว่าไอ้เหี้ยตัวไหนมันทำ” ผมพูด  น้ำเสียงยังคงนิ่งเรียบไม่คิดจะแสดงอารมณ์ใด ๆ  นอกจากความหนักแน่นของความหมายที่ให้ได้  พวกมันไม่ควรเข้ามายุ่งวุ่นวายกับพื้นที่ของผมแต่แรกแล้ว  ไม่ควรแตะต้องกันตั้งแต่แรก..

“ฮื้อ ๆ  สัส!” ไอ้เอกฮึดฮัดพุ่งเข้าหาพร้อมกับมีดขนาดพกพาที่เสียบตรงเข้ามา  เสียงหักข้อมือดังกราว “กร๊อบ!” อย่างกับขนมทอดกรอบในเตาอบ  เจ้าของร่างกายร้องลั่นป่าดังกว่าทุกครั้ง  ปลายมีดเรียวแหลมหันกลับไปจ่ออยู่ที่หน้าท้องของเจ้าของเสียเอง  ไอ้เอกที่นอนหงายมือออกแรงเกร็งสุดกำลังเพื่อสู้แรงผมที่พยายามกดมือของมันให้มันเสียบตัวเอง

“ขอร้องดูไหม ฉันชอบคนพูดเพราะอยู่นะ” 

“ขอ ขอร้อง..ปะ อึก” อีกฝ่ายละสายตาจากปลายมีดขึ้นมองมา

“ได้..” ผมผลิยิ้มรับปาก

“สิทธิ์นี้จะเก็บไว้ให้ได้ใช้ชาติหน้า” หมดคำรับปาก  อีกฝ่ายก็ฮึดฮัดโกรธขึ้นอีกครั้ง 

“จำทุกอย่างของกูไว้ เจอกันใหม่ อย่าล้ำเส้น


ฉึก !!!!!   

กระสุน 9 มม. เจาะเข้ากลางขมับหนึ่งนัดไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ทนสู้กับความเจ็บจากปลายมีด  เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันที่เห็นหน้าผมกับสมุทรแล้วจะต้องไม่มีชีวิตรอด  เลือดกระเด็นสาดโดนใบหน้าผมจนเปื้อนเข้าหางตา  ผมนั่งยองลง  ร่างกายเริ่มเคลื่อนไหวลำบาก  มือควานหาของที่ควร  โทรศัพท์มือถือของไอ้เอกอยู่ในกระเป๋ากางเกงของมัน  ผมหยิบออกมาและมองร่างตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง

“กูฟรีแลนซ์” ผมตอบ  ตอบคำถามที่ไม่ได้ถูกให้คำตอบก่อนหน้า  นำโทรศัพท์มือถือตบไปที่หน้าขาของเจ้าของเพื่อบอกลา  ไอ้เด่นวิ่งมา  มันตรงปรี่เข้ามาหาผมพร้อมช้อนแขนผมขึ้นพาดบ่าอย่างไม่รีรอ

“ได้ตัวนายแล้ว ถึงเรือภายในสามสิบวิ เปลี่ยน!” มันบอกเพื่อนร่วมทีมด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบ 

ผมหันตัวกลับไปก็พบสมุทรยืนเอนหลังพิงต้นไม้อยู่  ตาจับจ้องไปที่ทุก ๆ ร่างเบื้องหน้าคล้ายหมดแรงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  พออีกฝ่ายได้สติ  แววตาที่ว่างเปล่าก็มองมาที่ผมก่อนจะขาก้าวเดินไปก้มลงหยิบกระเป๋าเป้และปืนของผมอย่างไม่ลืมหน้าที่ตน  ผมแตะมือลงที่แก้มอีกฝ่าย  ฝ่ามือที่ไม่สะอาดทั้งข้างนอกและข้างในแนบไปกับโครงหน้านั้นก่อนผละออก  ก่อนกระซิบบอก “ไปเถอะ” เรียกสติเขาให้กลับมา 


คนที่ฝั่งแม่น้ำส่งสัญญาณนัดหมาย  ผมกับไอ้เด่นกึ่งเดินกึ่งวิ่งถึงริมตลิ่ง  พายุที่รออยู่บน Speed Boat เห็นผมสีหน้าของมันก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างง่ายดาย  เราไม่มีเวลาพูดกันแม้สักคำเดียว  ไอ้เด่นออกแรงดึงเรือเข้าฝั่งให้ระยะสั้นที่สุดเพื่อให้ผมขึ้นได้ง่าย  สมุทรนำกระเป๋าของผมสะพายหลังแล้วเข้ามาพยุงผมไว้แทน  แอบสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเหลือบมองมาที่หน้าท้องของผมแทบตลอดเวลา

“โทษนะครับ” สมุทรเอ่ยปากขออนุญาต  ผมไม่ตอบเพราะไม่เข้าใจว่าอยู่ ๆ พูดทำไม  เขาก้มตัวลงออกแรงอุ้มผมขึ้นไม่รีรอ  แม้มันจะค่อนข้างทุลักทุเลในการทรงตัวเพราะไม่ได้สะดวกเหมือนยืนอยู่บนพื้นดินและตัวผมก็ไม่ได้เล็กแบบมาตรฐานชายไทย  แต่เขากลับยังสามารถยกตัวผมขึ้นได้

“อู้~ ถูกอุ้มด้วยแฮะ” ผมยิ้มกว้างแซว  นำแขนขวากอดไหล่อีกฝ่ายเพื่อตอบรับการช่วยเหลือ  ที่จริงการทำแบบนี้จะช่วยให้เขาทรงตัวได้ถนัดขึ้น

“ยังจะเล่นอีกนะครับ” สมุทรขมวดคิ้ว  ทำท่าจะว่าปราบต่อแต่ก็หุบปากเงียบไปเฉย  กลิ่นเลือดโชยเตะจมูกเราทั้งคู่คละคลุ้งไปหมด

“ปกติคนที่อุ้มฉันไหวมีแต่พี่ธานกับนักมวยรุ่นเดียวกันเท่านั้นนะ ปลื้มใจจัง” ผมบอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสมุทรที่เอาแต่พะวงมองอยู่ที่ท้อง  เขาหันหน้ามาผมจึงยักคิ้วหยอกกวนให้  ลูกทีมวิ่งตามหลังมาไม่นาน  พี่ธานเห็นสมุทรกำลังอุ้มผมจะขึ้นเรือ  พี่เขาก็กระโดดขึ้นเรือไปก่อนเพื่อช่วยรับตัวผมขึ้นไปได้สะดวก  เรือถูกดันออกจากฝั่งโดยไอ้เข้มและไอ้เด่นทันที  พอปลอดภัยพ้นตลิ่งแล้วพวกมันจึงกระโจนขึ้นมา  ขณะเดียวกันพายุก็เร่งเครื่องขับออกด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง   

“ทุกคนปลอดภัยไหม” พี่ใหญ่ถาม  ผมเอนหลังพิงเบาะ  นั่งมองลูกน้องที่พยักหน้ายืนยันว่าตนปลอดภัย  Speed Boat ขับท้าลมด้วยความเร็วจนแทบบินเหนือน้ำทำให้พวกเราลำบากที่จะขยับทำอะไรได้ดั่งใจ  พี่ธานเปิดกล่องปฐมพยาบาลจัดการห้ามเลือดเบื้องต้นให้ผม  สมุทรนำผ้าขาวมาเช็ดทำความสะอาดเลือดที่เปื้อนหน้าผมออกอย่างเบามือ  มือเขาสั่น ไม่รู้ว่ารู้ตัวรึเปล่า  ผมมองลงไปยังเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดอย่างกับมีใครมาเปิดก๊อกน้ำที่ท้องเอาไว้  แผ่นหลังของน้องชายเริ่มพร่าเบลอ  หึ.. เสียแผนไปหมด

“พี่ทัพ” ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของผมที่สั่นเตือนโยนให้กับพี่ธานรับหน้าที่แทน   

“ครับ พวกเราออกมาแล้ว” พี่ธานกดรับ  น้ำเสียงทุ้มต่ำกดลงในลำคอ  ฟังแล้วคล้ายปกติแต่กลับเห็นเส้นเลือดที่ต้นคอได้ชัดเจนว่าผู้พูดกำลังเดือดดาล

“เรารอแล้ว!” พี่ธานตะคอก  มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์อยู่ยังคงทำหน้าที่กดแผลของผมไว้ไม่ปล่อยคล้ายกับไม่อนุญาตให้ใครทำแทน 

“ใจเย็นน่า” ผมพูด

“ไม่มีทีมของคุณโผล่หัวมาตามเวลาสักคน! คุณเข้าใจคำว่าสักคนไหม บัดซบเอ๊ย!” สิ้นเสียงตวาด นิ้วโป้งก็กดวางสายอย่างรุนแรงจนหน้าจอแทบทะลุ

“เปลืองน้ำลายฉิบหาย เลาะลิ้นพวกแม่งออกมาให้หมามันยังไม่กินเลย อืดอาดยืดยาดแล้วมาโทษคนอื่น ระยำ!” พี่ธานกัดฟันบ่นไม่ได้ศัพท์  ลมหายใจแรงดังฟึดฟัดนานทีจะได้เห็นพี่เขาหลุดเผยอะไรเช่นนี้  พายุหันกลับมาสบตาผมเป็นระยะ  หน้ามันยังซื่อบื้อเหมือนเคย  ผมจึงเผยยิ้มให้

“เปลี่ยนแผน...” ผมจับข้อมือพี่ธานเพื่อให้พี่เขาหยุดมาฟังผมอย่างตั้งใจก่อนจะเงียบลำดับความคิดครู่หนึ่ง     

“พี่พาพายุกลับไปพร้อมไอ้หิน ให้ไอ้รุ่งขับคันของผมไปส่งพวกผมทิ้งไว้ที่สามแยกออกไปราชบุรี..ที่เดิม โทรบอกให้หงส์มารับผมที่นั่น” ผมสั่ง

“แต่ว่า..” พี่ธานอ้ำอึ้งด้วยสีหน้าจะไม่ยอมรับฟังให้ได้

“ผมไหว แค่เอาพายุกลับไปก่อน ห้ามให้ใครรู้ว่าผมอยู่กับหงส์” ผมพูด  นำโทรศัพท์ของไอ้เอกยัดใส่มือพี่ธานด้วย “นี่ของไอ้เอก ผมว่าทีมของพี่ทัพมีหนอน พี่จัดการแล้วกัน” ผมสั่งคำสุดท้าย  พี่ธานเป็นเพียงคนเดียวที่ผมไว้ใจว่าจะทำให้พายุปลอดภัยดีหากผมจะถูกจับผิดท้ายที่สุด 

“ครับ” สันกรามของพี่เขากัดแน่นพร้อมผงกหัวรับปากโดยดี

“ไอ้เหี้ยนี่ ทำหน้าอย่างกับกูตายแล้ว” ผมตบหัวไอ้เด่นด้วยรำคาญลูกตากับสีหน้าท่าทางของมัน

“นายครับ..” 

“เลือดไม่ยอมหยุดเลยพี่ใหญ่” มันหน้าเจื่อนหดลงหนักกว่าเดิม

“อยากเอาแบ่งไว้ทำเส้นเล็กน้ำตกบ้างไหมละ” ผมถาม  ไอ้เด่นบ่นอิดออด “นายครับ” ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น  จุดหมายปลายทางที่รถยนต์ของพวกเราจอดอยู่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเกือบสิบกิโล  แน่นอนว่าการถูกยิงเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในแผน  ระยะทางยาวเช่นนี้จึงยิ่งทำให้คนของผมร้อนใจได้ไม่น้อย

“พี่ธาน ผม..” สมุทรที่เงียบมานานอ้ำอึ้งทำท่าคล้ายจะเอ่ยบอกความจริง 

“ถึงแล้ว” ผมพูดเข้าแทรกเพื่อหยุดความคิดของเขาเพียงเท่านี้  สมุทรจ้องหน้าพี่ธานและริมฝีปากก็หยุดขยับไป

“เคลียร์เรือ!” พายุตะโกนสั่ง  ไอ้เด่นกระโดดขึ้นฝั่งพร้อมดึงเชือกเข้าหาฝั่งด้วยกำลังที่มี  ส่วนไอ้เข้มเป็นฝ่ายเคลียร์ข้าวของสำคัญบนเรือ   

“สมุทร ฟังนะ” มือที่เปื้อนเลือดของพี่ธานจับหน้าของสมุทรล็อกไปเพื่อให้มองพี่เขาตรง ๆ

“ผ้าสะอาดอยู่ในรถ รับน้ำหนักตัวให้คุณไฟนั่งแล้วกดแผลไว้ กดไว้ให้แน่น ถ้าผ้ารับไม่ไหวให้เปลี่ยนผืน เข้าใจไหม”

“ครับ” สมุทรพยักหน้า

“ฝากด้วยนะ” พี่ธานพูด

“ครับ พี่ไม่ต้องห่วง” สมุทรรับคำ  ทั้งคู่ช่วยให้ผมขึ้นฝั่งได้ง่ายขึ้น  ทางขึ้นลาดชันยิ่งกว่าก่อนหน้าจึงทำให้เป็นไปอย่างยากลำบากต่อทุกคน  รถถูกสตาร์ทเครื่องรอไว้ก่อนแล้ว  ไอ้รุ่งที่อยู่ประจำตำแหน่งคนขับรถต้องเปลี่ยนให้ไอ้เด่นที่เป็นคนเชี่ยวชำนาญทางลัดมากกว่ามาขับแทน  ไอ้เข้มนั่งด้านหน้าข้างคนขับ  ผม สมุทรและไอ้รุ่งนั่งเบาะหลังโดยผมต้องเอนตัวพิงสมุทรไว้ ไม่ใช่การนอนไปโดยราบ  ผมมองพายุที่ยืนมองผมอยู่อย่างไม่ยอมขึ้นรถจนคันของเราขับออกมาลับตา  ผมไม่คิดพูดใด ๆ กับมันสักคำเพราะไม่มีอะไรจะพูด  ผมคิดว่ามันเองก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน  แม้สถานการณ์เช่นนี้เราจะห่างหายกันมานานและคงเป็นที่น่าแปลกใจแม้กระทั่งกับน้องชายและพี่ธานที่ผมถูกยิงทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น  แต่ผมก็ไม่คิดที่จะลาตายวันนี้หรอกนะครับ

“ไปเส้นราชบุรี เราจะไปเจอคุณหงส์ที่นั่น เสร็จจากนั้นรุ่งขับรถกลับไปเลยนะ ตามแผนเดิม” ไอ้เข้มสั่งงานแทนพี่ใหญ่

“ครับ” ไอ้รุ่งผงกหัวรับทราบ  มันช้อนตามองมาที่ผมเป็นระยะอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  ปลายเท้าของผมเทินอยู่บนตักของมันโดยมันนำแขนทั้งสองข้างกอดขาผมไว้ทั้งสองมือ  พอมันสบตาผมมันก็หลบตาลงด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ 

“เย็นนี้เวรใครไปรับไอ้ดิน มึงตามไปด้วยนะ แล้วอย่าพูดอะไรล่ะ ฝากด้วย” ผมบอก

“ครับนาย” ไอ้รุ่งผงกหัว  แผ่นหลังที่แนบเข้ากับตัวสมุทรรับรู้ถึงความอุ่นจนแทบร้อน  เขาต้องอ้าขาออกเพื่อให้ผมนั่งได้สบาย  แขนข้างขวาโอบตัวผมไว้เพื่อทำหน้าที่กดแผลได้ถนัด  เขาจับจ้องมันตลอดเวลาคล้ายกับสังเกตการณ์

“ใจเต้นแรงเกินไปแล้ว” ผมแซวคนที่อยู่ด้านหลัง  มันสะเทือนถึงกันชัดเจนเลย  ไอ้รุ่งสบตาผมอย่างสงสัย  ผมส่งสายตาตกลงพื้นหนึ่งครั้งเพื่อบอกให้อีกฝ่ายทราบว่าให้ก้มหน้าก้มตาลงไปซะ  อีกฝ่ายทำตามคำสั่งทันที

“มองหน้าฉันสิ ไม่เป็นไร” ผมเบือนใบหน้ากลับไปหา  สมุทรละสายตาจากร่างกายผมกลับมามองหน้าผม  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและร้อนรนจนแปลกตา

“นายมองแบบนี้ฉันก็อยากจูบขึ้นมาน่ะสิ” ผมอมยิ้มมุมปาก  คิ้วของสมุทรขมวดเข้าหากันเหมือนกับจะเตือนว่าให้ผมเลิกยียวนอย่างทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความหมายนั้นซะทีเดียว  ผมวิเคราะห์ไม่ออกเหมือนกันว่ามันคือความหมายใดแน่

“.........” ความเงียบในรถถูกช่วยเหลือจากเสียงแอร์จาง ๆ  สมุทรเอาแต่มองหน้าผมและผมก็ทำเช่นกัน  มันลำบากนิดหน่อยจากท่านั่ง  ตาดำของเราเริ่มแกว่งกันไปมาเมื่อสถานการณ์และความต้องการกระตุกดึงทีละน้อย  ผมขยับมือขวาที่พอมีแรงขึ้นจับต้นคอของสมุทรอย่างเบามือ  ทันทีนั้นอีกฝ่ายก็ก้มลงจูบอย่างไม่มีการบอกกล่าวเมื่อผมตัดใจจะขยับใบหน้ากลับ  เสียงปากที่ถูกประกบอย่างกะทันหันคงสร้างความสงสัยต่อคนในรถไม่น้อย  ความเงียบคงทำให้ได้ยินชัดเจนอย่างไม่ผิดเพี้ยนว่าเสียงเช่นนี้นั้นเกิดจากอะไร  ไม่มีใครสักคนขยับตัว  การทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเป็นสิ่งที่พวกมันควรทำแล้ว  ผมสอดลิ้นเข้าหา  คิ้วขมวดกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย  คู่ขนานไปกับความต้องการที่ชนเข้ามา  สมองกำลังตายห่าไปเสียแล้ว  ทุกอย่างไม่ประกอบไปด้วยเหตุผล  สมุทรใช้มือซ้ายประคองใบหน้าผมเอาไว้  สอดลิ้นเข้ามาหาอย่างนุ่มนวล  ครั้งหนึ่งถูกย้ำหนักแน่นทำให้ต้องพ่นหายใจดังขึ้น  ริมฝีปากของอีกฝ่ายเกลี่ยขยับเข้าออกหาผมซ้ำ ๆ จนเกือบจะเป็นเสียงก่อกวนคนในรถเอาได้  ผมที่ไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้มากกว่านี้ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนนำทำอยู่อย่างนั้น

“เอาซะไม่อยากตายเลยแฮะ” ผมเผยยิ้มมุมปากกระซิบ  อ้า.. อยากมีเซ็กส์ฉิบหาย


เราใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทาง  ทางลัดปลอดรถที่ไอ้เด่นเชี่ยวชำนาญเป็นอย่างดี  เรามักใช้เส้นนี้กันบ่อยครั้ง  จุดนัดพบคือที่ประจำระหว่างผมกับคนที่กำลังจะมารับหน้าที่ต่อ  เปลรถพยาบาลถูกนำเตรียมไว้พร้อมสรรพเพื่อช่วยเคลื่อนย้ายทำให้เบาแรงลูกน้องของผมไปได้   

“ไง ? ไอ้หื่นกามเก้าชีวิต” น้ำเสียงใส ๆ ทักทายยียวนเหมือนเคย

“ว่าไง คุณหมอเถื่อน” ผมยิ้มทักมองเพื่อนสนิทสมัยเด็ก  แสงสว่างในเวลาเช้ามืดสะท้อนให้เห็นภาพคนตรงหน้าที่ไม่ได้เจอกันนานได้ชัดขึ้น  ผู้หญิงรวบผมตึง ท่าทางมั่นใจในตัวเอง  อีกทั้งยังสวยไม่สร่างแม้ไม่ได้แต่งหน้าคนนี้ “หงส์”  เธอแสยะยิ้มมุมปากทะเล้น  ผมกำมือชูขึ้นทักทาย  เธอจึงกำมือมาชนตอบ 

“อกมึงยังตึง หุ่นน่าอึ๊บไม่เปลี่ยนเลยนะ” ผมเหลือบมองไปยังหน้าอกนูนผ่านชุดกาวน์สีขาวของเธอ

“มึงก็ยังอัปปรีย์ไม่เปลี่ยนเหมือนกัน”

“เอาขึ้นรถเลย” หงส์สั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด  ชายรฉกรรจ์สองคนยกเปลขึ้นรถพยาบาลทำให้ผมได้พบกับพยาบาลตัวจริงนั่งประจำอยู่ด้านใน 

“พวกนายแยกไปสอง ๆ ประกบหลัง” ผมนอนมองมือของหงส์ปัดป่ายสั่งลูกน้อง  ความแมนนั่นแทบกลบใบหน้าสวยคมของเธอเสียมิด

“ส่วนพวกนาย ใครจะตามคุณท่านเขาไป ? ได้แค่คนเดียว” เธอเท้าเอวมองหน้าคนของผมเรียงตัว 

“ผมไปครับ” สมุทรตอบทำเอาหงส์ชะงัก  กวาดตามองสมุทรตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบกันมาก่อน

“เด็กใหม่งั้นเหรอ ? ฉันหงส์” เธอพูดส่ง ๆ คล้ายไม่ต้องการคำตอบ

“สมุทรครับ” แต่สมุทรก็ตอบน่ะนะ

“เตือนไว้อย่าง ว่าถ้านายทำตารุ่มร่ามกับหน้าอกของฉันเหมือนกับเจ้านายของนายแม้แต่นิดเดียว ฉันจะควักตานายไปเป็นอาหารหวานให้ไอ้เข้บ้านฉัน เข้าใจไหม”

“เชิญ!” เธอเบ้ปากมาทางรถพยาบาลเชิงอนุญาต  สมุทรรีบขึ้นมานั่งสงบเสงี่ยม  ไอ้เข้มกับไอ้เด่นแยกย้ายขึ้นรถของลูกน้องหงส์ไปคนละคัน  ส่วนไอ้รุ่งขับกลับไปนานแล้ว  คนขับรถพยาบาลยืนรอท้ายรถประจำหน้าที่  เมื่อหงส์ขึ้นมาประตูรถจึงถูกปิดลง
 
“กระสุนฝังลึกมากค่ะหมอ”

“ไหนดูหน่อยซิ” หงส์พูดคล้ายฮัมกับตัวเธอเอง  รถที่เคลื่อนตัวออกถนนค่อนข้างขรุขระทำให้พวกเราโคลงเคลงไปมา

“ฮ้า~ เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เธอบ่นทันทีเมื่อสำรวจแผลบนตัวผม  สีหน้าเคร่งเครียดปนไปด้วยความแปลกใจมากกว่าสงสัยว่าผมไปทำอะไรมาซะอีก  ผมไม่ตอบ 

“ฝีมือตกเหรอคะคุณ หึ” อีกฝ่ายเอ่ยปากยิ้มแซว  เบี่ยงประเด็นที่เห็นว่าผมจริงจังกับสิ่งที่เธอตั้งคำถาม

“ปกติมึงใช้ปากทำงานรึไง” ผมถอนหายใจ  สมองเริ่มพร่าเบลอลงเรื่อย ๆ จนคิดตามแต่ละอย่างไม่ทัน  มันเริ่มเชื่องช้าไม่ได้ดั่งใจ  เห็นเพียงสีหน้าของพยาบาลที่อมยิ้มน้อย ๆ  กับสมุทรที่เต็มไปด้วยความกังวล   

“โดนจัง ๆ แบบนี้รู้สึกเป็นไง ? เหมือนเสียซิงครั้งแรกปะ” หงส์ยิ้ม  มือไม่หยุดทำหน้างานไปด้วย
 
“เสียวใช้ได้” ผมตอบเสียงแหบในลำคอ  รับรู้ได้ถึงหน้าท้องที่กระเพื่อมแรง

“แต่ไหง กูไม่เห็นรู้สึกดีเหมือนตอนหลั่งสักนิด” ผมแสยะยิ้มกลับ  แม้แต่หัวเราะก็ยังไม่ไหว 

“ไอ้เวร” หงส์ต่อว่า

“ฮึก!” ลมหายใจติดขัดจนรู้สึกอึดอัดขึ้นอย่างกะทันหัน  สติจวนจะเลือนหาย  แทบรับรู้ความรู้สึกไม่ทันถึงร่างกายของตัวเองว่าส่วนไหนกันแน่ที่กำลังทรมานที่สุด  มันดันเจ็บปวดขึ้นเรื่อย ๆ กว่าก่อนหน้าเมื่อวางใจว่าถึงมือของคนที่ไว้ใจ  ฟันที่ขบกัดแน่นเต็มไปด้วยความอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  ตัวกระตุกขึ้นพยายามนอนนิ่งลงเพื่อให้เพื่อนทำงานได้ถนัด 
 
“ไฟ ครั้งนี้เจ็บหน่อยนะ” หงส์พูด  น้ำเสียงจริงจังเหมือนกับเป็นการบอกเตือนไว้ล่วงหน้าว่าให้ “ทำใจ” ไว้แต่เนิ่น ๆ

“อดทนไว้ หายใจไว้เพื่อน” เสียงของหงส์เริ่มเบาและจางลงทีละนิดจนผมได้ยินไม่ถนัด  รู้เพียงว่าสมองคิดถึงคำพูดสุดท้ายของเธอซ้ำ ๆ วนเวียนอยู่อย่างนั้นและแล้วเสียงก็สะท้อนจางหายไป.. หายใจไว้งั้นเหรอ  อีบ้านี่พูดมาได้  ใครไม่อยากหายใจกันเล่า



...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:
สำหรับตอนนี้ใช้เวลาทำงานสาหัสอีกตอน  ตอนต่อไปจึงยังไม่สามารถรับปากได้จริง ๆ ว่าเร็วที่สุดได้เมื่อไหร่ค่ะ :o12: เลยตัดจบตอนไว้ให้แบบคิดว่าไม่น่าจะทำให้รู้สึกค้างเท่าไหร่  แต่รับรองว่าเนื้อหาจะนุ่มลงสักระยะหนึ่งหลังจากที่ตึงเครียดกับเรื่องชีวิต/งานมายาว  ถ้าตอนนี้ทำให้รู้สึกไม่รื่นรมย์นักก็ขออภัยด้วยนะคะ( ขนาดเขียนเองก็เครียดไปหลายตลบ 555++ เหนื่อยมากมาย  :mew5: )

หมายเหตุ:  สำหรับคนที่จำไม่ได้ว่า "บูรณ์" คือใคร ?  แนะนำให้กลับไปอ่านตอนที่ 28 - 29 นะคะ น่าจะอยู่ประมาณนั้น  ตัวละครที่กล่าวขึ้นบ่อย ส่วนใหญ่จะมีที่มาที่ไปเชื่อมโยงกับตัวละครหลักในอนาคตค่ะ


ขอบคุณค่ะ ..เบบี้  :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2017 20:12:17 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ขอบคุณสำหรับสารบัญค่ะ  :impress3:


และระหว่างที่รอคุณไฟ เอ้ยยยย คุณเบบี้  ..  :katai4: :katai4:


สารบัญ
The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก By เบบี้




:กอด1: :mew1:

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ติดตามลุ้นกันต่อไป

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
ต้องใช้สมาธิในการอ่านมากๆ
มันดีมากและสนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ PWSR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ยยยยยยยย คือตอนนี้มันสุดจริงๆค่ะ พี่ทัพกับพี่ผาเขาออกจะเครียดแกก็ยังจะมีอารมณ์ไปกวนเขาอีกนะไฟ แก่นจริงๆเลยเรา

ตอนที่ไฟพูดกับเต้นี่ทำเราแอบเสียวสันหลังแทนนะ ฮ่าๆ ไฟนางสุดเหวี่ยงโลกจริงๆลูก เต้หนูต้องเข้าใจ

สมุทนพูดออกมาแล้ววว ว่าไม่ได้ยอมเดทกับไฟเพราะพี่ธานเพียงเหตุผลเดียว ให้เราเดามันต้องมีส่วนของความรุ้สึกในจิตใจของสมุทรด้วย แต่ไฟก็ยังเคืองๆอยู่อะนะ ไม่เป็นไรว่างๆค่อยคุยกัน (บนเตียงดีไหม) ฮ่าๆๆ เหมือนสมุทรจะง้อไฟนะ มีอะไรอยากพูดด้วยหลายอย่างอต่ไม่ยอมพูดออกไป หนูต้องออกตัวนะลูก ความรักต้องออกเดิน! ถึงไฟจะบอกว่าสมุทรยังไม่คิดจะปลดกลอนในใจ แต่ในความรู้สึกเรา สมุทรยอมเปิดให้ไฟเข้าไปแล้วนะ แต่ไฟนอยไง งอแงไปได้ ฮ่าๆๆ

อารมณ์ตอนปฏิบัติงาน ถึงไม่ได้อยู่เห็นหน้ากันแต่ขอแค่ได้ยินเสียงก็พอ แหมคุณไฟ ไม่ค่อยเลยนะเราอะ ฉากแต่ละฉากแต่ละการต่อสู้บาดลึกถึงใจจริงๆค่ะ แอบกลั้ยหายใจอ่านตามเพราะความลุ้นสุดขีด

สมุทรเหมือนยอมทำเพื่อปกป้องไฟ แต่ไฟก็เหมือนอยากให้สมุทรบริสุทธิ์เหมือนเดิม คือมันโรแมนติกมากในดงปืน ที่ไฟวิ่งไปหาสมุทรล้มลง แล้วเอามือปิดตายิงลั่นไก โอ้ยชอบมาก อ้ากกกกกกก สมุทรพอเห็นไฟโดนยิงก็เหมือนจะช้อคน่าดู คือนี่คือการแสดงความรู้สึกเป็นห่วงของนางแบบสุดๆเลยอะ ถ้าไฟไม่เจ็บตัวอาจจะไม่รู้ว่าสมุทรเป็นห่วงไฟขนาดไหน คนอื่นๆก็เหมือนกัน โดยเฉพาะพี่ธาน ถึงกับขึ้นจนสบถคำหยาบออกมา เอกก็รับกรรมไปนะ เธอเลี้ยงไม่เชื่องเอง!
ฉากที่สมุทรจูบไฟก่อนมันเขินมากอะ ส่งความรู้สึกความเป็นห่วง ความอ่อนโยนของสมุทรทำให้เราอิจฉาไฟขึ้นมาเลย ไฟก็ยังจะเล่นอีกทั้งๆที่ตัวเองก็เจ็บอยู่

หงส์โหดมาก เป็นสาวมั่นที่เยี่ยมสุดๆ! ชอบ

สุดท้ายนี้ขอให้กำลังใจเบบี้ เบบี้แต่งเรื่องนี้ได้ลึกซึ้งและความรู้สึกกรีดลึกลงจริงๆ คสามตื้นลึกหนาบางของเรื่องทำให้เราเห็นสเน่ห์ของทุกตัวละคร ทุกบทบาท ไม่ว่าจะมาต่อช้าหรือเร็วก็ยังรออ่านเสมออย่างจดจ่อค่ะ สู้ๆนะเบบี้ ดูแลสุขภาพแล้วก็พักผ่อนด้วยน้าาา

 :katai2-1:  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ มะม่วงแรด

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ NOPKAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-1
เครียดดดดด เป็นนิยายที่เครียดดี 5555 ใช้พลังและสมาธิในการอ่านสูงมากกกกก 55555

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยยยยย ฉันเกร็ง ฉันลุ้น ฉันปรับอารมณ์ตามไม่ทัน กำลังคิดว่าจะได้เห็นอิไฟงอนพี่ใหญ่กะสมุทร ทำหน้เบ้ ปากยื่น ค้อนขวับ อะไรยังงั้น 555555  #คิดตามนะคิดตาม  กลับมาตัดฉับ กระชากอารมณ์เข้าสู่โหมด CIA หูยยยยยยย มันส์ เวร่ออออ่ะ   :katai2-1:  จนถึงตอนไฟโดนยิง คนบร้าาา ทั้งพูดทั้งซักทั้งขู่เอก อยู่ได้ตั้งนานจนฉันลืมไปเลยว่าแกโดนยิงอิไฟฟฟฟ  จะถึกไปไหน 555555 ??

ครืออออออ ทั้งหมดทั้งปวง ฉันรู้สึกจากมโนอันแรงกล้า "สมุทรเริ่มหวั่นไหวและเก็บอาการไม่ค่อยมิด ใช่แล้ว มันใช่ ใช่ไหม??? "  แอร๊ยยยยย   :-[  มีจูบ มีมองแบบห่วงใย ลูกน้องเจ้านายเขาไม่จูบกันนะแกรรรร ถถถถถถถถ

#ทีมเจ้หงส์  ไฟชั่งได้เพื่อนแบบสปีชีส์เดียวกันจริงๆ 55555 รักเธอนะหงส์  :mew1:

ขอบคุณนะเบบี้ คุ้มค่าการรอคอยมากตอนนี้ สุดยอดดดดด  //  เด่วจะตามไปอัพเดตสารบัญให้นะจ๊ะ  :L2:

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
อ่านจบ รู้สึกได้ถึงเสียงบานประตูของใครบางคนกำลังเปิดออก
แบบว่าดังแอ๊ดดดดดชัดเจนเลยทีเดียวอะ ฮ่าๆ
เห็นมั้ยล่ะ เห็นความดีความจริงจังจริงใจของไฟขาแล้วรึยัง
ไม่อยากจะบ่นมากหรอกนะ แต่ตอนนี้นายสมุทรทำดี๊ดีย์ >///<

บู๊สนั่นมันส์มากเลยค่ะเบบี้ ทั้งๆที่บู๊ขนาดนี้และไฟขายังโดนยิงอีก
แต่เรากลับฟิ๊นฟินบอกไม่ถูก >.< ดูท่าจากตอนนี้คงมีคนต้องยอมรับความจริงซักที
ไฟขาน่ะไม่เป็นไรหรอก ห่วงนะ เเต่เชื่อว่าปลอดภัยแน่นอนนนนน
รีบฟื้นขึ้นมานะคะ มันถึงเวลาเอาคืนใครบางคนที่ปั่นเราหัวหมุนแล้วค่ะ 555

ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ยิ่งอ่านยิ่งไม่พอ เสพย์ติดขั้นหนัก
แต่เราจะไม่กดดันเบบี้ค่ะ หมายถึงแค่ช่วงนี้นะคะ
2-3อาทิตย์ข้างหน้าขอไม่นับ ฮ่าาาา ล้อเล่นค่ะ
เอาตามที่เบบี้สะดวกค่ะ ว่างค่อยมา เราแค่อยากให้รู้ว่ารอเสมอ อิอิ
ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายค่ะเบบี้

ปล.อ่านตอนนี้อารมณ์ช่างต่างกับตอนก่อนหน้าลิบลับเลยค่ะ
ตอนก่อนแทบพ่นไฟ เคืองมากมาย มาตอนนี้อารมณ์เราดีมากเลยอะ ฟิน 555
หมั่นไส้สมุทรก็หมั่นไส้ ห่วงไฟก็ห่วง แต่คนมันฟินช่วยไม่ได้อะนะ
ขอซักตอนเถอะ กว่าจะรู้สึกฟินแบบนี้ได้จวนเจียนจะจบอยู่ล่ะ ฮ่าาา

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
เหมือนดูซีรี่ม้นส์มันส์ตอนนึง สมุทรมีอุ้มด้วย กำลังใจไฟมาเพียบ ตายยาก :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
จูบกันต่อหน้าลูกน้องคนอื่น!! วิ๊ดดดดดดด  :hao7: แบบนี้สมุทรมีใจแล้วหละ ซะขนาดนี้ คงจะรู้ใจตัวเองชัดเจนขึ้น คิดว่าตอนหน้าคงจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นแน่ๆ อิอิ :katai5: เข้ม เด่น รุ่งต่างอึ้ง :laugh:

แต่ไฟก็ยังเป็นไฟ ขนาดใกล้ตายก็ยังจะกวนทีนนะ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2017 19:00:37 โดย Sadistic_seme »

ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
โอยยยย จะเขินหรือจะสงสารพี่ไฟดีเนี่ย โดนยิงแต่ได้จูบ อร๊ายยยยยยยยยย

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ไม่ว่าจะตึงเครียดขนาดไหน ไฟก็ยังกวนตีนได้ตลอดเวลา 5555555
โดนยิงคราวนี้แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้จูบจากสมุทร เขิลลลลลลลลลล :impress2: :กอด1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
เป็นตอนที่ตั้งใจอ่านมากๆๆๆๆๆ ไม่อยากพลาดซักตัวเลย  :impress: :impress: :impress:

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
ไฟคือพระเอกมากกก ไม่ยอมให้สมุทรมือเปื้อน กลอนน่าจะโดนสะเดาะแล้วนะ ดูจากฉากจูบบนรถ สงสัยสมุทรจะเริ่มสั่นไหวเพราะฉากพระเอกนั้นแน่ๆ  :hao7:  :m20:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด