The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 446364 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15
สมุทรนอนอยู่กับเค้าเนี่ยแหละ  เลยไม่ได้ไปออกซักฉาก

แร๊งงงงงงงง !!!!! 5555++

 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ pukpra

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-0
สมเป็นไฟ ร้ายยยย 55555 เบบี้ป่วยหายหรือยังคะ  รักษาสุขภาพด้วยจ้าาาาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
          ชื่อก็บอกว่าไฟร้อนที่สุด               แต่สมุทรเย็นฉ่ำนั้นดับได้
ไฟจะร้อนแผดเผาสักปานใด                    สมุทรไงผ่อนร้อนให้เป็นเย็น

                                                        :L1: :L1: :L1:
                                                  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2017 17:50:42 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ สาว801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
นอกจากเจ้าของค่ายคนปัจจุบันจะจังไรแล้วยังขี้อ่อยอีก
อ่อยเรี่ยราดละเกินนนน
หมั่นไส้จิงงงง

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
คุณไฟกวนตีนเสมอต้นเสมอปลาย55555555555

ออฟไลน์ NINNILL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ในที่สุดก็ตามอ่านทัน  เสียใจที่เจอเรื่องนี้ช้าไป ไม่รู้ว่าตัวเองไปหลบอยุ่มุมไหนของโลกมา  ขอบคุณมากๆนะคะ  :mew1:

ว่าแต่คุณไฟน่ารัก(?)จังเลย

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ B Beast

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
พี่เบเบี้หายไปไหน
รีบๆมาต่อเร็วๆเลย :m16:
คิดถึงแล้ววววว :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เพลียกับไฟ ไปไหนก็กวนประสาท
แถมชอบไปหัวเราะคิกคัก แสยะยิ้มแหย่เค้าไปอีก 55555

บูรณ์ถือว่าอดทนได้ดี โดนยั่วขนาดนี้

ไฟแกล้งน้องคืองานหลักเลยนะ
ดินถึงกับทนไม่ไหว 5555

อยากเห็นตอนไฟถูกสยบจริงๆ เลย
สมุทรรีบมาทำหน้าที่ค่ะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
มาชวนไฟไปวันเด็ก

ออฟไลน์ NINNILL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขออนุญาติขำ ไฟขี้อ่อยถ่อยไม่เลือก 55555555

รอนะคะ รอวันที่สมุทรเป็นของไฟ //กร้ากกกกก

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
แวะซื้อมะม่วงมันกับฝรั่งกิมจูของโปรดคุณไฟมาฝากไว้ให้ที่ค่ายมวยนะคะ  เผื่อคุณไฟจะพาสมุทรแวะมาแทะเล็มกันให้คนรอได้ชื่นนนนใจสักเล็กสักน้อย  :mew3:   :กอด1:

ออฟไลน์ sexysunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
ฮืออออ เบบี้ เค้าคิดถึงสมุทร   คิดถุงๆๆ  :katai1:

ออฟไลน์ rosekiller

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คิดถึงคุณไฟและสมุทรมากเหลือเกิน  :กอด1:

ในตอนนี้นั้น ดูคุณไฟจะถูกอกถูกใจบูรณ์เสียมากมาย (อันที่จริงก็แอบมันใส้อยู่เล็กน้อย) แต่ยังคงเชื่อว่าคนที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงต่อกรกับคุณไฟได้ชนิดมันส์หยดนั้นเห็นทีจะมีแต่สมุทรเขาล่ะค่ะ (แน่สิ ก็เรื่องนี้เขาคู่กันนี่หน่า ฮ่าๆๆๆ)
    ยังคงชื่นชมในการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของคุณเบบี้มาก  :katai2-1: อีกทั้งยังหาข้อมูลมาดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นมนต์เสน่ของนิยายเรื่องนี้จริงๆ .... ส่วนตัวนี่แอบนึกอยู่ตลอดว่าคุณเบบี้จะเหนื่อยมากไหม กับการเข็นนิยายเรื่องนี้ในแต่ละตอน เราว่ามันต้องเหนื่อยมากแน่ๆ .. เป็นกำลังใจให้มากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ

   พูดไปจิหาว่าเว่อ หลังจากตึงเครียดและหมดพลังชีวิตไปกับการปั่นงาน  :katai4: ก็ได้นิยายเรื่องนี้มาชาร์จพลังให้ เป็นอีกหนึ่งใน MY Energy ของเราเลย

ขอบคุณคุณไฟ-สมุทรและทุกๆตัวละครมา ณ ที่นี้ สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะคุณเบบี้ ขอให้เจอวันดีๆตลอดไป

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

[ อังคารที่ 12 ธ.ค 60 ] ตอนที่ 47 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1920


_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ตอนที่ 48
..ไฟ..




“อย่าดื้อกับพี่เขาล่ะ” ผมสั่งเสีย

“ครับ” ไอ้ดินพยักหน้า

“ดูแลตัวเองด้วย” ผมวางมือลงบนศีรษะของมันทั้งคู่ก่อนดึงเข้ามาหอมหน้าผากอีกครั้งเพื่อบอกลา 
.
.
.
พายุกับดินเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา  ผมไปส่งที่สนามบิน  โดยก่อนหน้านี้ได้ติดต่อกับเฮียกานต์กับยูไว้เรียบร้อยแล้วว่าฝากให้ดูแลด้วย  ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครต้องไปดูแลใครกันแน่  พายุมีส่วนที่เป็นผู้ใหญ่และมีส่วนที่เป็นเด็กอยู่ในตัวของมัน  แต่ไอ้ผู้ใหญ่สองคนที่รออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ก็มีส่วนที่เป็นเด็กอยู่ไม่น้อย

ที่สนามแข่ง BMX ในวันนั้น ผมได้เจอทั้งไอ้กริดและน้องชายของมันที่ลงแข่งเหมือนกัน  แต่คนละทีมกับไอ้ดิน  มาแปลก ครั้งนี้ไอ้กริดเลือกที่จะไม่ปากหมาอย่างทุกที  เราต่างเพิกเฉยทำเป็นไม่รู้จักกัน  ผมรู้สึกขอบคุณอยู่มากที่ถูกมันปฏิบัติอย่างนั้นด้วย  ปกติแล้วผมก็เป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงที่จะสนทนากับมันมาโดยตลอด  ไม่อยากสนทนาด้วย

ไอ้ดินและทีมชนะการแข่งขันตามที่ตั้งใจ  มันเอ่ยปากทวงของรางวัลจากผมเพิ่มในทันที  นั่นก็คือการให้ผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเย็นในวันนั้นกับเพื่อนในทีมของมันทั้งทีมเพื่อเป็นการบอกลาก่อนเดินทาง  ไอ้คำว่า “ทั้งทีม” น่ะ  หมายรวมไปถึงพวกรุ่นพี่ที่ฝึกมัน  ทีมปฐมพยาบาล  ทีมนักออกแบบ ฯลฯ  จำนวนชีวิตเลยครึ่งร้อย  ไอ้ดินอ้างว่าตนจะไม่ได้อยู่เล่นน้ำสงกรานต์ที่จะมาถึงในเร็ววันนี้  ถึงแม้ผมจะบ่นกับมันว่าไม่ได้ส่งให้ไปตายที่เซี่ยงไฮ้สักหน่อย  แต่สุดท้ายก็เต็มใจจ่ายน่ะนะ  สำหรับพวกกระเพาะควายอย่างเพื่อนไอ้ดิน  ผมจึงเลือกบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่มีอาหารญี่ปุ่นพร้อม  ถือว่าเป็นกรณีการเอาตัวรอดที่ปลอดภัยต่อกระเป๋าสตางค์ที่สุด

บ้านเงียบสงบผิดปกติหลังจากที่ไอ้สองตัวเดินทางไป  กลิ่นอายบางอย่างขาดหายไปด้วยเช่นกัน  บางอย่างที่ใครก็มาแทนที่กันไม่ได้  ได้เพียงแต่หวังว่าขอให้เรื่องจบลงเร็ววันเสียที 

“สวัสดีครับ”

ผมหลุดออกจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงสุภาพเอ่ยทัก  สมุทรยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเมฆที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน  วันนี้วันศุกร์  เป็นวันที่โรงเรียนใหม่ของเมฆนัดผู้ปกครองให้มาชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ที่จริงเขาเปิดรับวันเสาร์และวันอาทิตย์ด้วย  แต่ผมต้องการจัดการให้เสร็จเร็วที่สุดจึงนัดสมุทรมาในวันนี้  เจ้าตัวออกปากว่าไม่ต้องการให้ผมไปรับที่บ้าน  คงเพราะเกรงใจ  ผมต้องเสียเวลาวนรถกลับไปมา  เราจึงนัดกันให้มาเจอที่โรงเรียนในเวลาแปดโมงเช้า 

“สวัสดีฮะ” เมฆยกมือไหว้

“หวัดดี” ผมทักตอบ  วางมือลงบนหัวอีกฝ่ายเบา ๆ
 
“มาถึงนานแล้วรึเปล่าครับ” สีหน้าของสมุทรเป็นกังวล

“สิบนาทีมั้ง” ผมตอบ  พลิกนาฬิกาข้อมือดู

“โทษทีครับ พอดีผมไปส่งดาวมาด้วย คิดว่าคำนวณเวลาไว้ดีแล้ว แต่ก็ช้าจนได้”

“ช่างเถอะ ไม่ได้ช้าขนาดนั้น” ผมปัด

“ไปเถอะ” ผมตัดบท 

การส่งเด็กเข้าโรงเรียน(ใหม่)ยังคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเหมือนเคย  หมดเวลาครึ่งค่อนวัน  พวกเราเข้าห้องประชุมที่จัดไว้สำหรับต้อนรับผู้ปกครองโดยเฉพาะ  ผมต้องการชำระทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้  ไม่ว่าจะค่าแรกเข้า  ค่าเทอม  ค่าปรับพื้นฐาน  ค่าอาหารกลางวัน  ค่าประกัน  ค่าชุดนักเรียนและค่าข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมด ฯ  เพื่อไม่ให้ภาระไปตกอยู่กับสมุทรที่เป็นฝ่ายจำใจต้องย้ายโรงเรียนของน้องเพราะความต้องการของผม  เลี้ยงเด็กให้โตโดยปูพื้นฐานการใช้ชีวิตที่ดีไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะครับ  ถ้าได้สัมผัสและเลี้ยงด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่าทั้งคำว่า “รับผิดชอบ” และคำว่า “ค่าใช้จ่าย” มันค่อนข้างหนักหนาสาหัส  ถึงเป็นครอบครัวชั้นกลางค่าใช้จ่ายก็ยังเยอะอยู่ดี  เพื่อให้ “ลูก” ใช้ชีวิตอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยจากทุกอย่าง  ในเมื่อไม่มีพ่อแม่แล้ว  คำว่ารับผิดชอบอย่างถึงที่สุดจึงตกลงมาอยู่ที่คนเป็นพี่แทน 

จำนวนเงินที่ผมจ่ายไปวันนี้เป็นตัวเลขหกหลักที่ทำให้คนที่มาด้วยกันมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด  ชัดขนาดที่ว่า  คนไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าอย่างเขา  ผมกลับมองเห็นปฏิกิริยาได้ชัดเจนกว่าทุกที  เขาเริ่มพูดน้อยลงทีละนิดตั้งแต่ที่ผมเซ็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดลงบนเช็ค  บางส่วนจำเป็นต้องหักบัตรเครดิตทันทีด้วย

เสร็จจากนั้นก็ร่ำลาคุณครูแล้วตรงกลับมาที่ลานจอดรถ 

“หิวรึเปล่า” ผมถาม  สมุทรวางของใช้ของเมฆหลายสิบถุงใส่ท้ายรถพร้อมปิดมันลง  เขายืนนิ่ง  ไม่ยอมให้คำตอบ  สีหน้าเกรงใจและคิดหนักปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“วันนี้นายหยุดนี่ มีธุระจะไปไหนต่อไหม” ผมถาม  ไม่สนใจสอบถามถึงความไม่สบายใจของเขาว่าเพราะอะไร  ก็รู้ ๆ คำตอบอยู่แล้วนี่ครับ

“ไม่ครับ” สมุทรตอบ

“งั้นไปกินข้าวกัน ฉันหิว” ผมสรุป  ตอนนี้เกือบเที่ยงครึ่งแล้ว  อาหารที่กินมาเมื่อเช้ามีแค่สลัดกับผลไม้เท่านั้น  หิวทั้งของคาวและอยากของหวานด้วย  ร้านอาหารไทยมีชื่อย่านบางรักจึงเป็นร้านที่ผมเลือกจะขับไป  ถึงแม้จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อสู้กับการจราจรที่ติดขัด 

“ยำส้มโอกุ้งสดร้านนี้อร่อยนะ” ผมพูดระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ  จัดการสั่งอาหารไปเรียบร้อยแล้ว

“คุณไฟครับ...” สมุทรเรียก  โทนเสียงฟังดูก็รู้แล้วว่าเขาเตรียมที่จะเปิดประเด็น  ผมจึงเงียบลง  จับจ้องแก้วน้ำเปล่าของตัวเองโดยไม่ขานรับ  รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร  ถ้าเป็นหวยละก็  รางวัลที่หนึ่งแน่นอน 

“ค่าใช้จ่ายของเมฆ ผมจะใช้คืนทั้งหมด”

“ไม่จำเป็น” ผมปัดทันควัน  ช้อนตาขึ้นมองสมุทรที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือ

“ฉันเป็นคนบอกให้นายเปลี่ยนโรงเรียนให้น้องนาย ดังนั้นฉันก็จะรับผิดชอบมันเอง”

“แต่ว่านี่มันมากเกินไปครับ แล้วผมก็ไม่สบายใจด้วย” น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกร้าว

“งั้นเอามาวางตรงนี้เลยสิ ทั้งหมดนั่นน่ะ” ผมอดหาเรื่องไม่ได้ 

“........” สมุทรนิ่งลง  เราจ้องกันไม่กะพริบตา  ก่อนที่จะดึงดันจนมีปากเสียงกันมากไปกว่านี้  ผมจึงเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีลงก่อน
 
“คิดว่าฉันให้ทุนการศึกษาก็แล้วกัน” ผมพูดขึ้น

“ส่วนนายมีหน้าที่หาเลี้ยงดูเขาก็ทำไป เมื่อไหร่ที่นายพร้อมจะส่งให้เรียนโรงเรียนที่มันดีกว่าโรงเรียนเก่าด้วยตัวของนายเอง นายก็มารับช่วงต่อไปซะ จะย้ายที่เรียนก็ไม่ว่า เลือกโรงเรียนที่มันเหมาะสมกับฐานะของนาย” ผมพูด

“แบบนี้ดีกว่าไหม ?” ผมย้ำ  ไม่ได้ขอความคิดเห็น  เพียงแต่ต้องการตัดบทและย้ำถึงสถานการณ์ในตอนนี้ว่ามันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการเรียนอยู่ที่เดิม     

“น้ำสตรอว์เบอร์รีโซดาค่ะ” พนักงานเสิร์ฟเข้ามาแทรกได้จังหวะ  ผมชี้นิ้วไปทางเมฆที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อบอกเธอว่าไอ้เด็กซึมกะทือนั่นเป็นเจ้าของเครื่องดื่มแก้วนี้  พนักงานผงกหัวยิ้มรับ  วางแก้วสตรอว์เบอร์รีโซดาให้กับเมฆ  เจ้าตัวผงกหัวน้อย ๆ
 เคอะเขินให้พนักงาน

“ขอบคุณครับ” สมุทรบอกพนักงานเสิร์ฟแทนน้องชาย  เธอยิ้มกว้าง  โค้งตัวเล็กน้อยก่อนเดินจากไป   

“อยากได้เบียร์สักแก้วเหมือนกันนะ” ผมถอนหายใจ  นำมือทั้งสองข้างประสานกุมไว้ที่หน้าท้อง  เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างรู้สึกเซ็งขึ้นมา  สัญชาตญาณกำลังรับรู้ได้ถึงเรื่องบางอย่าง

“พูดอะไรครับ ฟ้าสว่างขนาดนี้” สมุทรพูดปรามโดยไม่มองหน้าผม  ผมแอบยิ้มในใจ  หลายครั้งที่ปฏิกิริยาของเขาไม่เหมือนคนเป็นลูกน้องของผมสักนิด  ไม่มีใครกล้าพูดกับผมแบบนี้หรอกครับ  กระทั่งพี่ธานก็ยังต้องรู้จังหวะในการพูดปรามกับผมในบางครั้ง  ผมว่าหมอนี่คงไม่รู้ตัวว่าเขาทำตัวแบบไหนอยู่น่ะนะ

“ทฤษฎีของใครที่ว่าต้องดื่มตอนค่ำเท่านั้นน่ะ ฉันอยากจะรู้เหมือนกัน” ผมลอยหน้าลอยตา
 
“นายก็ดื่มด้วยสิ” ผมชักชวน  แค่อยากลองใจดูเท่านั้น

“ไม่ครับ ขอบคุณ” สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“พี่สมุทร.. ไม่ กินเหล้า” เมฆพึมพำ ๆ ขึ้นมากลางวง  แทนที่มันจะมองมาทางผมแต่กลับเอาแต่จ้องแก้วเครื่องดื่มของตนเขม็ง  ทำอย่างกับว่าหน้าผมอยู่บนแก้วสตรอว์เบอร์รีโซดาของมันอย่างนั้น

“งึมงำกับใครวะ ?” ผมถามเสียงห้วนจงใจกวน  แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าถูกอีกฝ่ายพูดด้วยอยู่ 

“นายเลี้ยงกุมารเหรอ ไม่ยักรู้” ผมเบิกตาถามสมุทร  อีกฝ่ายเกือบหลุดยิ้ม  เขาใช้สายตาเหล่ปรามผมที่ทำแบบนี้กับน้องชายของเขา

“พูดกับผู้ใหญ่น่ะ มองมาตรง ๆ สิวะ ไอ้เด็กนี่” ผมบ่น  เมฆกลอกตามองมากะหลับกะเหลือก  หน้าถอดสีหันไปทางพี่ชายคล้ายร้องขอความช่วยเหลือ

“ทำไม ไม่ชอบให้พี่ดื่ม ?” ผมถามดี ๆ  เมฆส่ายหัวแทนคำตอบ

“หึ” ผมพ่นหัวเราะครั้งหนึ่ง  ตามองไปยังแก้วน้ำของตัวเอง  จู่ ๆ ไอ้เด็กเวรนี่ก็ทำให้นึกถึงพายุขึ้นมา

เมฆยังคงแอบมองผมอยู่ตลอดเวลา  พอผมหันไปสบตาตรง ๆ  มันก็หลบสายตาหนีบ้าง  รีบหยิบหลอดยัดใส่ปากแล้วดูดน้ำสตรอว์เบอร์รีโซดาของมันอย่างเอาเป็นเอาตายบ้าง  ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นี่...พ่อมืดมน” ผมเรียก  เมฆละสายตาที่จดจ้องแก้วน้ำของตนขึ้นสบตาผม  ขณะเดียวกันก็ได้ยินสมุทรถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่งที่น้องชายถูกเรียกอย่างนี้อีกแล้ว  เขาพยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ด้วย   

“หลังจากนี้ไปไหนต่อดี” ผมชวน  หาเรื่องยืดเวลาออกไปอีก  เมฆกะพริบตาเนิบช้าใช้ความคิด  ผมเท้าศอกลงบนโต๊ะ  เอียงใบหน้านำเทินไว้บนกำมือ  กำลังใช้ความคิดอยู่เช่นกัน

“ไปนอกโลกกันไหมล่ะ” ผมเสนอ

“หึ ๆ ๆ” สมุทรหัวเราะในลำคอ



ตืด  ๆ  ๆ

โทรศัพท์มือถือส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นทำลายโลกแห่งความเพ้อฝันของผมกับเมฆลงทันตาเห็น  คิดว่าคงไม่น่าใช่เรื่องดีแน่  เพราะผมได้สั่งคนของผมไว้แล้วว่าถ้าวันนี้ไม่มีธุระคอขาดบาดตายไม่ต้องติดต่อมา 

สงสัยว่าคงมีใครตาย...

“ฮัลโหล” ผมพูด  ปลายสายจากพี่ทัพ 

“กูเองนะ มาเจอกันหน่อยได้ไหม”


- - - - - - - - - - - - - - -


16:35 น. : The Prim (Safe house)

เสี่ยปรีดาจากโลกนี้ไป  ทิ้งคำสุดท้ายไว้เป็นปริศนาก่อนสิ้นใจในคุก... “ดำริ”

ก็ยังดี  อย่างน้อย ๆ คนอย่างมันก็ยังทำประโยชน์ทิ้งไว้บนโลกนี้บ้าง


บรรยากาศในห้องพักมีอยู่สามชีวิต  ผม  พี่ธานและพี่ทัพต่างอยู่ในความเงียบมาพักใหญ่  แผนการทำงานถูกแปะติดไว้บนกำแพงห้องฝั่งโซนทำงาน  ความกว้างขนาดสองเมตรคูณห้าเมตรเต็มไปด้วยรูปภาพของเป้าหมายเต็มพื้นที่

“ตอนที่มันตาย มีใครอยู่บ้าง”

“กู ไอ้เต้ จ่าทิว แล้วก็ไอ้มาด แต่มีแค่กูคนเดียวที่ได้ยิน” 

“ส่วนนี่เป็นข้อมูลของโรงแรม T-smith ที่มึงอยากได้ มึงดูนี่สิ...” พี่ทัพกางเอกสารลงบนโต๊ะ   

“โรงแรมนี้ดำริซื้อต่อจากคุณสิริรักษ์ นักธุรกิจโรงแรม เธอขายตอนขาลง ขาดทุนติดต่อกันหลายปี ห้าปีก่อนดำริซื้อมาปรับปรุงใหม่ รวมถึงวางระบบการบริหารใหม่ด้วย มันจ้างคนมาบริหารแทนทั้งหมดเลยจนโรงแรมกลับมามีชื่อเสียงอีก สามปีต่อมาก็มีข่าวว่ากายซื้อต่อ แต่แว่วมาว่าไม่ได้ซื้อ ดำริโอนทุกอย่างให้เป็นชื่อของกาย”

“พี่ก็รู้หมดแล้วนี่...” ผมเบิกตา  คำพูดของผมทำเอาผู้ฟังชะงักงัน  ดูเหมือนคนตรงหน้าจะเข้าใจยากเสียจริง

“ลื้อกำลังจะบอกอั๊วว่านักการเมืองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้เหรอวะ” พี่ทัพวิเคราะห์ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ  น้ำเสียงถูกลดระดับลงเรื่อย ๆ คล้ายเกรงว่าใครจะมาได้ยินเข้า  ผมนั่งเฉย  ไม่ยืนยันในคำตอบ  อีกทั้งไม่บอกข้อมูลที่ได้ทราบมาจากยูและไอ้บูรณ์ด้วย 

“ไม่คิดว่าตัวเองควรเลิกเป็นตำรวจดูเหรอ” ผมเสนอทางออกที่ดีกว่า  ตั้งใจกวนตีนอีกฝ่ายที่กำลังใจลอยไปไกล 

“เฮ้อ !” พี่ทัพถอนหายใจแรง  ดูก็รู้ว่าไม่พอใจที่ผมพูดอย่างนั้น

“พี่จะพูดกับผมเหรอ ว่าทุกกรมบนโลกนี้มันขาวน่ะ ?” ผมเปิดประเด็นด้วยใบหน้าเรียบเฉย  พี่ทัพไม่ตอบ  การไม่ตอบเป็นการยืนยันว่ายกคำพูดมาถกเถียงไม่ได้  น้ำเปล่าถูกผมยกดื่มจนหมดแก้ว  ทำให้พี่ธานต้องขยับตัวเข้ามาเพื่อรินน้ำเติมให้อีกครั้ง
 
“ถ้ามันขาวขนาดนั้นล่ะก็ พี่คงไม่ถูกหัวหน้าสั่งให้พอก่อนหรอก ผู้ใหญ่น่ะ มีแต่กลิ่นไหม้เหมือนเถ้าถ่านเต็มไปหมด” ผมบ่นปนหัวเราะ

“........” พี่ทัพนั่งก้มหน้า  กุมมือทั้งสองข้างเข้าหากันโดยไม่ขยับเขยื้อน

“ชีวิตพี่เกือบตายเหมือนหมาข้างถนนกับคดีเจ้าพ่อโคเคนเมื่อหลายปีก่อน พูดตามตรงนะ น่าเบื่อว่ะ” ผมเดาะลิ้น  ขมวดคิ้วเป็นปม  พออายุมากขึ้นผมก็เริ่มจะเบื่อโลกนี้ลงเรื่อย ๆ  ยิ่งคนในครอบครัวหายไปจากชีวิตทีละคนสองคน  ความเบื่อหน่ายก็ทวีคูณขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดความรู้สึกแบบนี้กับผม

“แก๊งมาเฟียใหญ่ระดับนั้น จะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศได้ยังไง พี่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนที่จะมาขอคำตอบจากผม” ผมมองอย่างไม่ไยดี

“และเวลาที่....” ผมเอ่ย  สีหน้าท่าทางของคนตรงหน้าทำให้จำเป็นต้องทิ้งเสียงลงเพื่อเว้นช่วงให้ตัวเองมีสติคิดไตร่ตรองให้รอบคอบว่าคำพูดที่กำลังจะพูดออกไปนี้  เป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังหรือไม่  และถ้าเป็นประโยชน์  ควรจะพูดอย่างไรเพื่อลดความเจ็บปวดของผู้ฟังได้ไม่มากก็น้อย   

“มีคนบอกว่าในทีมพี่หมีหนอน พี่ต้องพร้อมจะรับฟังมากกว่านี้” 

พี่ทัพไม่ตอบใด ๆ กลับมา  เราทิ้งประเด็นนั้นไว้  ผมทิ้งช่วงให้พี่เขาได้คิด  แผนที่ที่ดินที่ปราจีนบุรีของไอ้กริดถูกส่งต่อ  ข้อมูลถูกแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน  ผมจะไม่เอ่ยปากห้ามคน ๆ นี้ว่าข้อมูลที่ได้จากผมต่อไปนี้จะถูกนำส่งต่อไปที่ไหน  ผมถือว่าหน้าที่ผมมันจบเป็นขั้นเป็นตอน  ส่วนสิ่งที่ผมให้พี่ทัพ  นั่นเป็นงานของพี่เขาที่เจ้าตัวต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจเองว่าต่อไปนี้อะไรควรทำหรือไม่ควร

“ตกลงว่าได้อะไรจากมือถือของไอ้เอกบ้าง” ผมถามถึง

“นอกจากเบอร์ป้ามัน นอกนั้นก็ปิดหนีไปหมด เอกสารเถื่อนทั้งหมดมาตั้งแต่เปิดเบอร์แล้ว” พี่ทัพแทบสบถ  ตามจริงก็ไม่แปลก

“นอกจากคุณผาแล้ว ทีมของคุณที่ตามสืบคดีนี้มีแต่คนเก่าที่เคยทำงานร่วมกันมาทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ” พี่ธานถาม

“ใช่” พี่ทัพผงกหัว

“คิดว่าใครน่าจะมีปัญหาที่สุดล่ะครับ” พี่ธานเสนอ  พี่ทัพนิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมถอนหายใจออกมา

“ไอ้ผาเป็นคนเงียบ ๆ นะ ค่อนข้างสมถะอยู่หรอก ประวัติที่ผ่านมาก็ดี แต่ก็เคยมีประวัติเสียอยู่ครั้งนึงเมื่อหลายปีก่อน มันเผลอซ้อมเด็กที่เป็นสายให้ ที่หัวหน้าเลือกมันมาทำคดีนี้ด้วยเพราะเป็นคนเถรตรง สงสารนั่นแหละ อยากให้พิสูจน์ตัวเอง เฮ้อ.. แต่ที่ซ้อมก็เพราะไอ้เด็กพวกนี้พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องละนะ มีแต่พวกกวนส้นตีนทั้งนั้น”

“ส่วนไอ้เต้ ก็หัวรุนแรงอย่างที่มึงเห็น มันดื้อ หัวสูงบางเรื่อง เสียก็ตรงรักอาชีพเกินไปเลยเลือดร้อนไปหน่อย ชอบใช้อารมณ์ ยึดมั่นมองตรง ๆ ท่าเดียว ปากมันน่ะ จะโดนคนเกลียดทั้งกรมอยู่แล้ว ไม่เหมาะจะเป็นตำรวจมากกว่ากูซะอีก” พี่ทัพได้ทีออกปากบ่น 

“หึ ๆ” ผมหัวเราะขึ้นจมูก

“แต่มันเก่งนะ สอบเหี้ยอะไรก็แล้วแต่มันติดหนึ่งในสามตลอด” พี่ทัพอมยิ้มชมลูกน้องตน

“เก่งแค่ไหนก็ฉิบหายได้ คนแบบไอ้บางแก้วของพี่น่ะนะ จะไม่ได้ทำงานกับผม” ผมแสยะปากบ่น  พี่ทัพหลุดหัวเราะคล้ายรู้ว่าผมหมายถึงอะไร  ดูแล้วไอ้เต้มันเลือดร้อนทุกเรื่อง  ซึ่งผมไม่ชอบ  เพราะมันจะทำให้ทำงานลำบาก 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2018 23:54:58 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

“ผมมีเรื่องให้ช่วยหน่อย” ผมพูดแทรก  กลัวว่าจะลืมเรื่องสำคัญ

“มีประวัติของผู้หญิงที่สมุทรสาครวันนั้นไหม ผมอยากดู”

“มี” พี่ทัพตอบ  ลุกขึ้นเดินไปเปิดลิ้นชักในตู้เก็บเอกสารที่ปิดใส่กุญแจไว้อย่างมิดชิด  แฟ้มเอกสารขนาดใหญ่ถูกนำมาวางลงตรงหน้า 

“เช็กให้ผมหน่อย” ผมสั่งพี่ธานพร้อมส่งรูปของ “บัว” น้องสาวของไอ้บูรณ์และ “แก้ม” คนรู้จักของสมุทรไปให้ 

“มีอะไรวะ” พี่ทัพถามด้วยสีหน้าสนใจ
 
“นั่นน้องสาวของลูกน้องเก่าไอ้เสี่ยปรีดา” ผมตอบ

“แล้วมึงไปรู้จักมันได้ไง” พี่ทัพสงสัยในตัวผม

“เรื่องของผมน่า” ผมปัด  ขี้เกียจจะเล่า

“แล้วอีกคนนึงล่ะ” พี่เขาซักต่อ  เหลือบมองไปยังรูปของแก้มที่พี่ธานวางไว้บนโต๊ะใกล้กับแฟ้มเอกสาร

“เป็นคนรู้จักของสมุทร เขาอยากให้ผมช่วยเอาเธอออกจากมาไอ้กาย”

จู่ ๆ พี่ทัพก็นิ่งไป  ผมเหลือบมองสีหน้าแปลกพิลึกที่ชวนให้น่าสงสัยนั่น 

“มีอะไร ?” ผมซักทันที  พี่ทัพหลบตา  คว้าแก้วเบียร์ของตนยกดื่ม

“ผมถามว่ามีอะไร” ผมย้ำ  ข่มน้ำเสียงลงต่ำเล็กน้อยเพื่อสะกัดที่ตนเริ่มไม่สบอารมณ์ 

“เธอส่งข่าวให้กู” พี่ทัพตอบโดยไม่สบตา  ผมเบือนหน้าหนีทันทีที่ได้ยิน  พี่ธานหยุดนิ่ง  ช้อนตาขึ้นมองหน้าพี่ทัพเช่นกัน  ฝ่ายที่ถูกจ้องผายมือออกทั้งสองข้างกลางอากาศพร้อมมองมายังเราทั้งคู่

“กูสืบมาว่าเธอประวัติดี ก็เลยขอให้เธอส่งข่าวให้กูถ้ามีโอกาส ไอ้กริดชอบเธอมาก” พี่ทัพขยายความ

“พี่ใช้ผู้หญิงประวัติดีส่งข่าว พี่ปัญญาอ่อนเหรอ” ผมพูด

“กูพยายามที่จะช่วยเธออยู่ แต่มึงก็เห็นว่าช่วงนี้อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ส่วนไอ้กายก็ไม่มีรูโหว่เลย แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” พี่ทัพขึ้นเสียง  คาดคั้นมาทางผม

“ใครรู้เรื่องนี้บ้าง” ผมเหหน้าหนีพลางถอนหายใจ

“มีแค่กู.. กูบอกใครไม่ได้ กลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย กูเองก็จนปัญญาเหมือนกัน”

“นานแค่ไหน” ผมซักอีก

“สักห้าหกเดือนได้แล้ว เธอบอกกับกูว่าต้องมีร้านที่ร่วมธุรกิจอยู่ในกลุ่มของลูกค้าของไอ้กายมาซื้อต่อเท่านั้นเธอถึงจะหลุด”
 
“ส่งประวัติลูกค้าที่ไอ้กายติดต่อด้วยที่พี่มีมาให้ผม” ผมสั่ง  พี่ทัพถอนหายใจแรง  เบือนหน้าหนีเล็กน้อยคล้ายไม่ต้องการจะทำตาม  ผมจ้องเขม็งจนอีกฝ่ายยอมหันกลับมาสบตา  เสียงพลิกหน้ากระดาษตรงพี่ธานเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง

“ได้” อีกฝ่ายรับปากเสียงห้วน 

“........” บทสนทนาคล้ายว่าจะไม่จบลงด้วยดีถึงแม้จะเกิดความเงียบคั่นกลาง  ความเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้รับทราบทำให้อดไม่ได้ที่จะใช้สายตาไม่เข้าใจมองไปที่อีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง 

“กูพยายามอยู่ !” พี่ทัพกระแทกเสียงใส่คล้ายอึดอัดต่อการกระทำของผม

“พยายามเหรอ พี่ที่กระเตงลูกน้องมาที่บ้านผม ให้ลูกน้องเอาปืนมาจ่อหัวผมโดนที่มันไม่รู้ส้นตีนอะไรระหว่างเราเลย แล้วผมที่ต้องมานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่ใช่ธุระ ทำไม ? หรือพี่จะกอดคอผมแล้วพาเดินเข้าไปหาไอ้กายแล้วบอกว่า อั๊วถูกเมียทิ้งเลยอยากได้ผู้หญิงไปเป็นแม่บ้านสักคน แบบนั้นรึไง เออ แบบนั้นก็ท่าจะตลกดี” ผมถลึงตา  การพูดใส่อย่างไม่เกรงใจเป็นไปในโทนเสียงระดับเดียวกัน

“มึงเลิกดูถูกความพยายามของกูได้ไหมวะ” พี่ทัพขมวดคิ้วต่อว่า

“แล้วผมจะเอาหน้าที่ไหนไปบอกหมอนั่น อ้อ...เรียบร้อยแล้วล่ะ น้องสาวนายที่ทำงานให้ไอ้กายอยู่ได้เป็นสายให้ตำรวจไปในตัวด้วย แต่ไว้ใจเถอะ ตำรวจที่ว่านั่นมันเป็นไอ้รุ่นพี่เฮงซวยของฉันเอง” ผมประชด 

“ไหงมึงแคร์มันจังวะ” พี่ทัพอ้าปากหวอ  ผายมือออกด้วยท่าทางรับไม่ได้  ผมส่ายหัว  เลิกจะที่ตอบ  เอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมหงายศีรษะไปด้านหลัง  เหนื่อยหน่ายฉิบหาย

“นี่อย่าบอกกูนะ ว่าคนที่มึงถูกใจอยู่คือสมุทรอะไรนี่” น้ำเสียงของพี่ทัพเต็มไปด้วยความแปลกใจ

“ทำไม ? หรือจะให้ผมจีบไอ้คินงั้นรึไง ตูดมันทั้งแบนทั้งนิ่ม แถมไม่มีกลิ่นชวนอึ๊บสักนิด จะอ้วกว่ะ” ผมสบถ

“พรืดดด !” จู่ ๆ พี่ธานที่นั่งเงียบอยู่นานก็ก้มหน้ากลั้นหัวเราะซะโจ่งแจ้ง

“เฮ้อ เย-ดแม่ง” พี่ทัพส่ายหัว

“กูน่ะ เมื่อไหร่จะชินกับพวกมึงสักทีนะ” อีกฝ่ายพึมพำกับตัวเอง 

“เปิดอกเลยนะ...”

อยู่ดี ๆ ผมก็ถูกจ้องมาด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง

“มึงจริงจังแค่ไหนวะ ?” พี่ทัพถาม

“........” ผมไม่ตอบ  รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายคงแปลกใจและไม่เชื่อในอะไรหลายอย่าง  วันนี้ผมถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วไม่ทราบ  ทำไมถึงได้มีแต่คนชอบถามคำถามงี่เง่าทำนองนี้บ่อยนัก  การนิ่งเฉยของผมทำให้พี่ทัพเป็นฝ่ายขยับตัวก่อน  ยกเบียร์ซดซ้ำอีกครั้งคล้ายทนรอกับความเงียบจากผมไม่ไหว  อีกฝ่ายชี้นิ้วมา  นิ้วกระดิกอยู่ตรงหน้าผมกลางอากาศ 

“พ่อพี่ไม่เคยสอนเหรอ ว่าอย่าชี้นิ้วใส่หน้าคนอื่นน่ะ” ผมช้อนตาถาม  เห็นแล้วไม่สบอารมณ์

“เออ !” พี่ทัพกระแทกเสียง  ปากเบี้ยวไปซ้ายทีขวาทีก่อนเก็บนิ้วกลับไปเหมือนเดิม

“แล้วทำไมกูต้องทำตามคำสั่งมึงด้วยเนี่ย” เจ้าตัวบ่นหัวฟัดหัวเหวี่ยง  ปฏิกิริยาประหลาดจากพี่ทัพทำให้พี่ธานอมยิ้มมองไม่กะพริบตา

“โอเค เอาใหม่ กูจะวัดระดับความจริงจังของมึงด้วยตัวกูเองก็ได้ ดังนั้นกูจะถามใหม่” พี่ทัพเรียบเรียงสติ

“มึงเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนรึเปล่า” พี่ทัพจ้องเขม็ง

“........” ผมมองเฉย  ไอ้คำถามประหลาดนี้มีแต่ความเรียบเฉยในใจผม

“มึงอยากนอนกับลูกน้องมึงเกินสามครั้งใช่ไหม” น้ำหนักการใช้เสียงเริ่มกระแทกมากขึ้นเมื่อตนเองไม่ได้รับคำตอบในคำถามแรก  ผมเบือนใบหน้ากลับมาตั้งตรง ๆ นิ่ง ๆ  ไอ้ผู้ชายตรงหน้าคนนี้มันเป็นเจ้าคนนายคนแน่เหรอครับ  ขนาดคำถามยังปัญญาอ่อนขนาดนี้  เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเมียมันทิ้ง...

“มึงนึกในใจดังมาก นี่มึงกำลังด่ากูอยู่สินะ” พี่ทัพถลึงตา

“เออ นี่ใช่คำถามไหม น่าตอบว่ะ หึ ๆ ๆ” ผมยิ้มชม

“ว่าแต่ ครั้งนึงมันเสร็จได้กี่ครั้งล่ะ นับด้วยไหม” ผมหันไปคุยกับพี่ธานแทนที่จะจริงจังในคำถามของพี่ทัพ 

“มึงสองคนนี่มัน...” พี่ทัพกลอกตาขึ้นคุยกับเพดานห้องซะงั้น

“นี่มึงไปบ้านมันแล้วใช่ไหม” พี่ทัพถามคำถามรู้ใจ  คิ้วขมวดเป็นปมทีเดียว  พี่ธานถึงกับอมยิ้มกรุ้มกริ่ม  คนสนิทมักรู้ดีว่าผมไม่ค่อยชอบไปบ้านใคร   

“ช่วยปฏิเสธหน่อยได้ไหม ! ถ้าที่กูพูดมาทั้งหมดนี่มึงไม่ได้เป็น ปฏิเสธมาเลย” อีกฝ่ายตบโต๊ะ  สงสัยว่าไอ้พี่ชายผมคงทำคดีจนเพี้ยนไปซะแล้ว

“ปฏิเสธแล้วได้เหี้ยอะไร” ผมถามกลับ 

“แบบนี้ก็ลำบากสิวะ” พี่ทัพหลับตา  ถอนหายใจอย่างแรง

“อะไร ?” ผมสวนถาม  ฟังดูไม่เข้าหูสักอย่าง

“ก็มึงเล่นชอบลูกน้องตัวเองแบบนี้ !” พี่ทัพต่อว่าเสียงห้วน

“มึงไว้ใจมันได้ยังไง ถ้าเกิดมันหักหลังมึงขึ้นมา มึงจะเอาปืนจ่อหัวมันไหม”

“ถ้าผมต้องเอาตะกั่วจ่อหัวพี่ ผมก็จะจ่อหัวมันด้วย นี่ใช่คำตอบที่อยากได้รึเปล่า” ผมถามกลับด้วยนึกรำคาญขึ้นมา  แน่นอนว่ากำลังพูดถึงเรื่องงานกันอยู่  พี่ทัพนิ่งลงก่อนพ่นถอนหายใจออกมาคล้ายยอมความในที่สุด 

“อย่าเอามาปนกันได้ไหม ไม่งั้นพี่กับผมก็ไม่ได้ต่างกันหรอก” ผมเท้าแขนลงบนหน้าขา  หยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่มอีกครั้ง 

“ไม่ปนได้ไง ก็มึงหงุดหงิดอยู่เห็น ๆ” พี่ทัพบ่นงึมงำในลำคอ  คว้าเหยือกน้ำเปล่ามารินเติมให้ผมแทนพี่ธาน

“เลิกพูดเรื่องนี้สักที” ผมตัดบท 

“เฮ้อ แม่งเอ๊ย” พี่ทัพเหล่มองมาคล้ายยังไม่ยอมจบง่าย ๆ ในประเด็นเดิม

“คนอย่างมึงไม่น่าคบใครได้หรอก” อีกฝ่ายต่อว่า  ทำปากยื่นปากยาวใส่ผมด้วย

“คนอย่างหมอนั่นก็ไม่น่าคบใครได้เหมือนกัน พอคิดได้อย่างนั้น ก็ดันอยากได้ขึ้นมา” ผมเลิกคิ้ว  แสยะริมฝีปากล่างออก  พอนึกถึงแล้วร่างกายก็สูบฉีดขึ้นทันที 

“หึ ๆ ๆ” พี่ธานหลุดหัวเราะอีกครั้ง 

“เตือนลูกพี่มึงบ้าง” พี่ทัพต่อว่าพี่ธาน  อีกฝ่ายไม่โต้ตอบ  เพียงแต่ยิ้มกว้างขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาหาข้อมูลในเอกสาร

“ตกลงว่ากูควรจะสงสารใครดี” พี่ทัพเงยหน้าขึ้นปรึกษากับเพดานห้องอีกครั้ง

“สงสารตัวมึงเองก่อนเถอะ” ผมตอบให้

“สัส” พี่ทัพสบถยิ้ม ๆ

“ไม่มีผู้หญิงที่ชื่อบัวเลยครับคุณไฟ แก้มก็ไม่มี...” พี่ธานพูดขึ้น  ปิดแฟ้มเอกสารลง  ผมถอนหายใจ  กางแขนออกทั้งสองข้างอย่างใช้ความคิด

“เรื่องผู้หญิงผมจะจัดการเอง อย่าเข้ามายุ่งล่ะ” ผมพูดกึ่งออกคำสั่ง

“จะทำอะไร” พี่ทัพถาม  สีหน้าหวาดระแวง 

“ช่างผมเถอะน่า”

“แต่ว่า ไฟ...” พี่ทัพอ้ำอึ้งคล้ายกับไม่อยากให้ผมทำเรื่องตามใจในตอนนี้

“พี่จะรอให้ปิดคดีก่อนแล้วค่อยเอาศพเธอออกมาเหรอ มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ” ผมอดว่าไม่ได้  พี่ทัพชะงัก  ถอนหายใจเบา ๆ  ไม่ปฏิเสธว่าตนไม่สามารถทำได้

“ผมมีวิธีของผม ไม่ต้องกลัวเดือดร้อนหรอกน่าคุณตำรวจ”


- - - - - - - - - - - - - - -


วันอาทิตย์ : บ้านเลิศประสงค์

“นี่เป็นรูปถ่ายของคนที่เข้าออกโรงแรม T-smith เมื่อวานกับวันนี้ครับ” สมุทรวางซองเอกสารลงบนโต๊ะ  เมื่อวานและวันนี้ทั้งวันเราไม่ได้พบหน้ากันจนเวลานี้  ผมสั่งให้สมุทรกับไอ้เข้มออกไปเฝ้าดูสถานการณ์ที่โรงแรม T-smith ตั้งแต่หลังฝึกมวยเสร็จในรอบเช้า  อีกอย่างหนึ่ง เขาจะได้รู้ด้วยว่าไอ้เข้มทำงานอย่างไรเมื่อไม่มีพวกผม   

พี่ธานนั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง  เป็นฝ่ายเปิดซองเอกสารออก  นำรูปถ่ายทั้งหมดยื่นมาให้  ผมรับรูปถ่ายปึกใหญ่มาดู  การเข้าออกของลูกค้าในโรงแรม T-smith ล้วนแล้วเป็นคนมีชื่อเสียงที่เราต่างรู้จักเป็นอย่างดี...

“กายเข้าออกทั้งหมดสามครั้ง มีผู้หญิงคนในรูปไปไหนมาไหนด้วยตลอดครับ” สมุทรพูด  ผมวางรูปของไอ้กายลงบนโต๊ะ  ไม่มีอะไรน่าแปลกใจกับสิ่งที่เห็น  เมื่อพบว่าผู้หญิงในรูปเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่พยายามจะยิงไอ้เต้ที่หน้าร้านของยูในวันนั้น
 
“เมียมันเหรอ” ผมถามห้วน ๆ  จ้องมองรูปเธอ

“ครับ เห็นว่าคบหากันอยู่” สมุทรตอบ

“มีอะไรเหรอครับ” พี่ธานถาม

“มือปืนที่ยิงยู” ผมตอบ

“ชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน” ผมถาม

“เธอชื่อวีครับ ลูกครึ่งไทย-เวียนนาม ครอบครัวเคยค้าอาวุธสงคราม แต่ถูกมาเฟียที่ฟิลิปปินส์ฆ่าปิดปากเมื่อสามปีก่อน ระหว่างนั้นก็ไม่มีข้อมูลเลยครับ จนมาอยู่ที่ไทย” ไอ้เข้มตอบ

“แล้วก็... ผมเห็นชุนด้วยครับนาย” ไอ้เข้มพูดขึ้น  ขณะเดียวกันก็เจอรูปภาพของชุนตามที่บอก  ผมเหวี่ยงรูปทั้งหมดลงบนโต๊ะ  เอนหลังพิงพนักโซฟา  ขยับขาขวาขึ้นไขว่ห้าง

“ผมสังเกตว่า ลูกค้าทุกคนที่มาพบกาย มักใช้เวลาในการเข้าพบไม่เกินยี่สิบนาที ชุนเองก็เหมือนกันครับ เขากลับออกมาจากโรงแรมพร้อมกับกายหลังจากยี่สิบนาที ไม่เหมือนลูกค้าคนอื่นที่มาเจรจาเรื่องงานทั่วไป”

“มีอะไรอีกไหม” ผมรอรับฟัง

“ชุนกลับไปทำงานให้เจ๊ลิลลี่ครับ เขา…มีลูกน้องด้วยครับนาย” ไอ้เข้มก้มหัวลงเล็กน้อยหลังจากที่พูดประโยคนี้ ...


- - - - - - - - - - - - - - -


05:45 น. : ปทุมธานี

“สายจากสมุทรครับ” พี่ธานยื่นโทรศัพท์มือถือของผมที่ตนรับหน้าที่ดูแลมาให้ 

“ฮัลโหล” ผมกดรับ  น่าแปลกที่เป็นฝ่ายได้รับสายจากเขาก่อนโดยไม่มีเหตุนัดแนะเอาไว้  แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องงานเพราะเขาเลือกที่จะไม่โทรเข้าเบอร์ส่วนตัวของผม 

“สวัสดีครับ” ปลายสายทัก

“ฉันพูด มีอะไร”

“คือว่า วันนี้ผมอยากจะขอลาครึ่งวันได้รึเปล่าครับ พอดีเมื่อวานยายไม่ค่อยดี เมื่อเช้ามืดตื่นมาก็หน้ามืดอีก ผมเลยอยากจะพายายไปตรวจที่โรงพยาบาลน่ะครับ” สมุทรเข้าประเด็น 

“ได้” ผมตอบ

“........” ปลายสายเงียบสนิท  ผมรอฟัง  การเดินทางมาปทุมธานีในเช้าวันนี้มาโดยไม่ได้บอกอีกฝ่ายไว้ก่อน  เพราะคิดว่าน่าจะกลับถึงบ้านทันเวลาที่เขาจะเข้างาน

“ทำธุระให้เสร็จ แล้วกินข้าวให้เรียบร้อยก็เข้าซ้อมที่ค่ายเลยแล้วกัน ไม่ต้องมาที่บ้าน” ผมพูด

“ครับ ขอบคุณครับ” สมุทรขานรับ

“เท่านี้นะครับ”

“อืม” ผมขานรับ  ตัดสายลงแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือกลับคืนให้พี่ธาน 

“วันนี้หมอนั่นจะตรงไปซ้อมมวยเลยนะ เห็นว่าจะพายายไปโรงพยาบาล ถามเรื่องค่ารักษาแทนผมด้วยแล้วกัน” ผมสั่ง

“ได้ครับ” พี่ธานตอบ 

เวลานี้ควรเป็นเวลากินกล้วยสักลูกก่อนฝึกซ้อม  แต่ไม่ใช่  รถตู้ของผมจอดสนิทอยู่ที่ริมถนนเส้นหนึ่งแถวลำลูกกา  ไม่ใช่เขตชุมชน  เต็มไปด้วยป่ารก  ที่สำคัญอากาศด้านนอกค่อนข้างอบอ้าวทีเดียว  คนขับรถคือไอ้เด่น  คู่หูของมันในวันนี้คือพี่ชายมันเอง  ทั้งคู่ยืนอยู่นอกตัวรถ  มีเพียงพี่ธานและผมที่นั่งอยู่ด้านใน  ไม่บ่อยครั้งนักที่พวกเราเดินทางกันด้วยรถยนต์อเนกประสงค์หกที่นั่งแบบนี้

“คุณไฟครับ” พี่ธานที่นั่งขนาบข้างอยู่ด้านซ้ายมือเรียกด้วยน้ำเสียงที่บ่งชัดว่ามีเรื่องจะสอบถาม  ผมนั่งเฉย  ตามองไปยังประตูรั้วรกร้างของเขตบ้านใครสักคน

“คุณไฟ จะหยุดเมื่อไหร่เหรอครับ ขอโทษครับที่ถาม” พี่ธานพูดอย่างระมัดระวัง  ทั้งคำถามและคำกล่าวขอโทษมาพร้อมกันเสร็จสรรพ 

“ไอ้ยุให้ถามเหรอ” ผมอมยิ้ม  เบือนหน้าหันกลับไปมองอีกฝ่าย  พี่ธานหลบตาลง

“นั่นสิ...” ผมตอบ  ลืมถามตัวเองไปเหมือนกัน

“พี่ใหญ่คิดว่าเราควรหยุดเมื่อไหร่ดีล่ะ” ผมถามกลับ 

“แผลผมหายแล้ว แต่ผมยังถือไม้เท้าอยู่เลย แถมช่วงนี้...ลูกหนี้ก็จ่ายเงินตรงเวลาซะด้วย อะไรจะเป็นใจขนาดนั้น” ผมพูดแฝงนัยยะประชดประชันมากมายและหวังว่าคนสนิทจะวิเคราะห์ได้  พี่ธานอมยิ้มมุมปาก 

“เดี๋ยวก็คงหยุดได้ล่ะมั้ง” ผมสรุปโดยการปัดไปที  พี่ธานนั่งนิ่ง  แน่นอนว่าผมหมายรวมไปถึงการทำตามที่ได้รับปากสมุทรกับไอ้บูรณ์ไว้ด้วย

“ถ้าพวกนั้นรู้ว่าไอ้บูรณ์รู้รายชื่อลูกค้ากลุ่มนักการเมือง คุณจะแย่เอานะครับ”

ผมไม่ตอบพี่ธานอีก  รู้อยู่แล้ว มันมีความเสี่ยง 50/50 ที่ไอ้บูรณ์จะถูกปิดปาก  โชคดีที่มันออกจากค่ายมาก่อนถึงได้ไม่โดนเพ่งเล็งจากพวกไอ้กายเท่าไหร่  การถูกพี่ธานเตือนในเรื่องที่ทำลงไปแล้วมันก็เท่านั้นแหละ  มีแต่จะยิ่งทำให้ปวดหัวซะเปล่า

“ชุนออกมาแล้วครับนาย” ไอ้เด่นบอก  มันสองคนกลับมาขึ้นรถพร้อมเคลื่อนตัวรถไปยังเป้าหมายโดยทันที  รถยุโรปสีดำมีราคาขับผ่านพวกผมไป  ทันทีนั้นไอ้เด่นก็เร่งคันเร่งขึ้นแซง  พื้นที่ของถนนที่ค่อนข้างแคบเป็นอุปสรรคต่อการขับคู่ขนาน  อีกคันคงรู้ตัวแล้วแน่นอนว่านี่ไม่ใช่การขับแซงปกติ   


ปี๊มมม !
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 00:09:48 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

เสียงแตรถูกบีบเตือนอย่างรุนแรงคล้ายไม่สบอารมณ์ที่รถของตนถูกเบียด  ไอ้เด่นไม่ได้บีบตอบกลับไป  แต่เร่งคันเร่งมากกว่าเดิมจนขึ้นนำอีกฝ่ายได้และไม่เปิดโอกาสให้แซงกลับ  คันของผมจอดตัดหน้าทันควัน  เสียงเบรกเสียดสีกับพื้นถนนดังไปทั่วพื้นที่  ถนนถูกปิดเรียบร้อย  ไอ้เข้มที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับลงจากรถคนแรก  พี่ธานหยิบปืนสั้นที่สอดอยู่ในที่เก็บปืนตรงหน้าก่อนลงจากรถไปพร้อมปิดประตูทันที   

ไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ จากด้านนอก  ผมได้ยินเพียงเสียงเคาะกระจกรถสองสามที  ให้หลังครู่หนึ่งประตูรถของอีกฝ่ายก็เปิดออกและปิดลง  ฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้  พี่ธานเป็นคนเปิดประตูออก  ผมจึงหันไปมอง  พบคนคุ้นตายืนปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเป็นที่เรียบร้อยดี

“คุณ...ไฟ” อีกฝ่ายชะงักงันทันทีที่สบตา

“ขึ้นไป” พี่ธานสั่ง  ชุนก้มหน้าลงเล็กน้อย  ยอมก้าวขาขึ้นมานั่งข้างผมโดยดี  ประตูรถจึงถูกปิดลงอีกครั้ง

“สวัสดีครับ” ชุนยกมือไหว้  ผมกวาดตามองคนที่ไม่ได้พบมานานและเห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

“หล่อขึ้นนี่” ผมทัก  ชุนยังไม่ยอมสบตา  ความเงียบสงบในรถทำให้ได้ยินเสียงแอร์และเสียงเครื่องยนต์ที่ติดอยู่เบาบางอย่างชัดเจน  ตาเหลือบไปเห็นเหงื่อที่ซึมอยู่ตรงลำคอจึงเป็นฝ่ายเอื้อมมือปรับแอร์ให้เขา

.
คนที่นั่งตรงหน้าผมนี้อายุเท่ากับพายุ  เรียนวิศวกรรมเครื่องกล  มหาวิทยาลัยเดียวกันกับพายุ  พายุไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวก่อนหน้าหรอก  เรารู้จักกันโดยบังเอิญ  ชุนอยู่ทีมวอลเลย์บอลชายของมหาวิทยาลัย  ผมไปพบหมอนี่เข้าตอนที่กำลังมีเรื่องกับรุ่นพี่ร่วมสถาบันจากทีมฟุตบอล  ไม่ได้เข้าไปช่วย  แค่กำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ใต้ต้นไม้แล้วดันไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าพอดี  วัยรุ่นสมัยนี้นี่เตะต่อยกันบ่อยซะจริง  แถมไม่เป็นศิลปะการต่อสู้เลยสักนิด  พวกมันก็แค่เหวี่ยงทุกอย่างที่ร่างกายมีออกไปกลางอากาศ  พอส่วนที่แข็งแรงของร่างกายตนเองไปกระทบเข้ากับส่วนที่อ่อนแอบนร่างกายของคนอื่นจนทำให้เกิดบาดแผล  ก็เกิดความทะนงตัวโดยทันที  แต่นั่นแหละ ผมเองก็เพลิดเพลินดูมวยของพวกนักศึกษาตั้งแต่ต้นจนจบ  พี่ธานกับลูกน้องผมก็สนุกด้วยน่ะนะ

เราพากันขึ้นเตียงถัดไปสามวันหลังจากที่ได้รู้จักกันครั้งแรก  ความง่ายดายเกิดขึ้นเพราะเด็กวัยรุ่นคนนี้ที่เที่ยวขายด้านหน้าให้กับทั้งหญิงและชาย  เขาตรงเข้าหาผมด้วยข้อเสนอที่ว่า  จะให้ข้างหลังของตัวเองกับผมโดยแลกกับเงินก้อนหนึ่ง  มายืดอกบอกด้วยความภาคภูมิใจกับครั้งแรกของประตูหลังที่ตัวเองมี  ไอ้เรื่อง “ครั้งแรก” หรือครั้งที่สองห่าเหวอะไรนั่นไม่ใช่ประเด็นสำหรับผม  ประเด็นคือ ครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กผู้ชายคนนี้คือความเย็นชาในดวงตาและพร้อมประชดประชันชีวิตกับทุกอย่าง  ใบหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยากระทั่งกำลังเอาน้องชายของตัวเองยัดเข้ารูคนอื่น  แต่กลับมองมาทางผมที่นั่งดูกิจกรรมที่เขาทำและแสดงใบหน้าน่าสนใจ  แต่ก็นั่นล่ะ... ไม่ว่าเหตุผลอะไร  ไอ้ครั้งแรกที่เขาอวดอ้างฟังแล้วชวนรำคาญหู  ผมก็ทำลงไปแล้ว 

“งานที่ฉันแนะนำไว้ให้ ได้เงินน้อยไปงั้นเหรอ” ผมถาม  ชุนไม่ตอบ  เขากลืนน้ำลายลงคอจนเห็นลูกกระเดือกที่ขยับทำงานชัดเจน 

มนุษย์เรามีอยู่หลายประเภท  หนึ่งในประเภทที่ผมเกลียดคือประเภทที่ถูกมอบความหวังดีและหยิบยื่นโอกาสดี ๆ ให้แต่คอยที่จะกลับไปทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ  ตามจริงมันก็คงเป็นเรื่องที่แก้ไม่หาย  ถ้าหากเขาได้พกนิสัยเช่นนั้นติดตัวมาด้วยแต่กำเนิด   
“ผม...ผมถูกใช้ให้ทำน่ะครับ” ชุนขยับปากพูดเป็นครั้งแรกหลังจากที่นั่งเงียบมานาน

“รู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม” ผมถาม  พลิกรูปของแก้มที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์วางของด้านหน้าให้อีกฝ่ายดู  ชุนเหลือบมองก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ 

“สบายดีรึเปล่า” ผมถาม   

“...ไม่เชิงครับ” ชุนสบตาด้วยแววตาสงสัย

“ฉันอยากได้” ผมเข้าเรื่อง

“คุณไฟ คือว่า..” ชุนอึกอัก

“ฉันอยากได้” ผมย้ำอีกครั้ง  คนตรงหน้าเงียบลง 

“ผม...” ชุนอ้ำอึ้ง  มือข้างขวาขยับกำแน่นและนิ่งไป 

“ผมแค่รับคำสั่งมาอีกทีนึงน่ะครับ ไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ” 

“เอาตัวเธอออกมาจากไอ้กายให้ได้ แบบการค้าน่ะ” ผมเอ่ยแทรก  ชุนหน้าเสีย 

“เจ๊เขาอยากเลิกครับคุณไฟ แต่...แต่เพราะรับคนจากคุณกายมานาน มันเลยลำบาก” เขาพยายามที่จะอธิบาย

“แล้วตอนนี้ก็มีคนมาถือหุ้นที่ร้านเพิ่มด้วย”

“ใคร” ผมถาม

“คุณเดี่ยวครับ ลูกชายเจ้าของบริษัท 99SEA” ชุนตอบ  คนในวงการรถยนต์คงไม่มีใครไม่รู้จักบริษัท 99SEA ตัวแทนผู้นำรถยนต์นำเข้าจากฝั่งยุโรปที่เพิ่งมามีอิทธิพลในตลาดรถเมื่อห้าปีที่ผ่านมา   

“เจ๊ก็แค่ดึงเวลารอที่จะขายร้านให้กับคุณเดี่ยวไปเลย แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้น่ะครับ กลัวว่าจะกระโตกกระตาก”

“ปกติรับคนเข้าร้านวันไหน” ผมเปลี่ยนคำถาม

“ดูสินค้าทุกสองอาทิตย์ของวันพุธครับ ส่วนจะรับเข้ามาเพิ่มไหมก็ขึ้นอยู่ที่เจ๊กับคุณเดี่ยว” ชุนตอบ

“นายเป็นคนเลือกใช่ไหม”

“ครับ” ชุนผงกหัว  ลดเสียงลงคล้ายเกรงว่าผมจะขออะไรมากกว่านี้

“เอาผู้หญิงคนนี้เข้าร้านเจ๊ให้ได้ หลังจากนั้นฉันจะจัดการเอง” ผมบอก

“แต่เธอ...เธอเป็นคนโปรดของ Blackfoot น่ะครับ ทำรายได้ให้ไม่น้อย ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้ เราไม่อยากมีปัญหากับทางฝั่ง Blackfoot ครับคุณไฟ” ชุนร้อนรน 

“ฉันอยากได้ชื่อของพวกไอ้กายที่นายติดต่อด้วย เฉพาะคนที่นายกับเจ๊ติดต่อด้วยน่ะ” ผมพูด  ไม่รับฟังสิ่งที่เขาพยายามบอก

“เร็วที่สุดเมื่อไหร่ดี ?” ผมตัดบท

“คุณไฟ...” ชุนลดเสียงลงอย่างตัดพ้อและเงียบไป  ทั้งหลับตาและก้มหน้าคล้ายหมดอาลัยตายอยาก  นิ้วมือสั่นระริกจนเห็นได้ชัดถึงความหวาดกลัวที่เขามี 

“ชุน” ผมเอ่ยขึ้นในรถที่เงียบกริบ 

“นายดึงตัวนายให้เข้ามาในวงการนี้เอง” ผมย้ำโทษ  อีกฝ่ายสะอึกในลำคอ  น้ำตาหยดลงเปื้อนกางเกงของเขา

“อยากเข้ามา จะมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้ รับปากฉันมาสิว่าจะเสนอเธอเข้าร้านของเจ๊ให้ได้” ผมพูด

“.........” อีกฝ่ายแน่นิ่งไร้ปฏิกิริยาตอบรับ  ท่าทางของเขาทำให้ความอดทนของผมกำลังจะหมดลง  ไม่ชอบเวลาที่ไม่ถูกขานตอบ  เสียงของไม้เท้าที่กุมอยู่ถูกเคลื่อนที่ไปด้านหน้า  เป็นเสียงของหนักที่ขูดสีไปกับพื้นรถ  ชุนเริ่มขยับตัวออกห่าง  ผมวางไม้เท้าพิงไว้กับที่พักด้านหน้า  มือทั้งสองข้างจึงว่างแล้ว 

“คุณไฟ” เสียงของเขาสั่นเครือในลำคอ 



ปึก !

ตัวชุนเหวี่ยงกระเด็น  หลังติดเข้ากับเบาะที่นั่งรุนแรง  ฝ่ามือที่ฟาดสับลงที่คอหอยทำให้เขาสำลักจนตาเหลือก  เจ้าตัวทำท่าจะหลบเลี่ยง  ผมจึงคว้าคอเสื้อกระชากให้เขาเข้ามาใกล้เพราะขี้เกียจที่จะขยับร่างกายตัวเองที่กำลังนั่งอยู่ในท่าที่สบาย  มือเลื่อนจากคอเสื้อขึ้นไปที่ลำคอเพื่อล็อกไว้

“แคะ” อีกฝ่ายหน้าแดงเหยเก  เขาฉลาดที่ไม่ดิ้นสู้ไปมากกว่านี้

“พี่.. ไฟ” ชุนร้องตะกุกตะกัก  น้ำตาไหลอาบแก้ม  มือทั้งสองข้างจับข้อมือผมไว้หลวม ๆ  บ่งบอกถึงความทรมาน

“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้ !” ผมตวาด  ออกแรงบีบคอเขาแน่นกว่าเดิม

“อึก...” เสียงฟันกระทบกัดกันแน่น  เขากำลังกัดฟันอดทนสู้กับตัวเองเพื่อยอมผม
   
“กลัวตายเหรอ กลัวตายแล้วทำทำไม” ผมถามเสียงเย็น  สะบัดมือปล่อยออก  ชุนตัวเซ  อารมณ์ที่ยังไม่คงที่ทำให้มือง้างออกกว้างและฟาดเข้าที่หน้าอีกฝ่ายเต็มที่อย่างไม่รีรอ


เพียะ !

“อึก ฮือออ แคก ๆ” ชุนก้มหน้าลงไม่ได้สติ  ตัวสั่น  ปาดเลือดที่จมูกออกลวก ๆ  เสียงฟันกระทบคล้ายกับพยายามอดกลั้นที่จะไม่ร้องออกมา

“มานี่” ผมกัดฟัน  กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นอีกครั้ง  ชุนเงยหน้าขึ้น  ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและเลือดตรงจมูกที่ยังไม่หยุดไหล  สภาพดูไม่ได้  ความขาวของผิวเนื้อทำให้แก้มเห็นรอยแดงชัดเจน 

“ขอโทษ ครับ อึก” ชุนพูดตะกุกตะกัก

“ผมรู้ที่รับส่งสินค้า กาย..มันจะฆ่าทุกคน ที่รู้เรื่องนี้ ผมเลิกไม่ได้” ชุนพูดบอกทั้งน้ำตา  สายตาที่มองตรงมายังผมไม่แม้แต่จะละไปด้วยความกลัวเช่นก่อนหน้า

“ผมทำไปแล้ว ผมเลือกเอง ผมรู้ อึก...” ชุนก้มหน้าร้องไห้  ผมปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายออก  หันกลับมานั่งเฉยปล่อยให้เขาได้ร้องอย่างที่อยากร้อง  พักหนึ่งเสียงร้องไห้ถึงได้เบาลง  ทั้งที่กล่องกระดาษทิชชู่วางอยู่ตรงหน้า  แต่เขาก็เลือกที่จะใช้แขนเสื้อเช็ดทุกอย่างที่เปื้อนหน้าอยู่   

“ทำเป็นปกติอย่างที่นายเคยทำ เอาผู้หญิงที่ชื่อแก้มมาที่ร้านให้ได้ภายในวันพุธนี้ นอกนั้นฉันจะจัดการเอง อย่าบอกใครว่าติดต่อกับฉันเป็นการส่วนตัว กับเจ๊ก็ห้ามบอก” ผมพูดขึ้น  อารมณ์ของเราทั้งคู่คงที่ลงมากแล้ว
 
“นายจะไม่เดือดร้อนฉันรับรอง” ผมตัดบท 

“รับรองเหรอ ทั้ง...” ชุนเอ่ยเสียงสั่นเครือก่อนทิ้งเสียงเว้นลงครู่หนึ่ง 

“ทั้ง ๆ ที่ ผมไม่มีเบอร์ติดต่อคุณด้วยซ้ำ” ชุนพูดกึ่งต่อว่าถึงเรื่องที่ผ่านมา

“...ทั้งที่ ผมได้แต่มองเห็นคุณ ผ่านพายุ หึ...แล้วจู่ ๆ คุณนึกจะมาก็มา” อีกฝ่ายแสยะยิ้มต่อว่า

“นั่นคือสิ่งที่เคืองฉันรึไง” ผมพูด

“ผมมีสิทธิ์เคืองคนอย่างคุณได้ด้วยเหรอครับ ผมเป็นแค่ไอ้โง่ที่นั่งรอคุณอยู่ที่สนามแบบไร้จุดหมาย” ชุนหันขวับมา  รอยยิ้มกว้าง ๆ เต็มไปด้วยความประชดประชัน

“ฉันไม่เคยบอกให้นายรออยู่แล้ว”

“........” ชุนเงียบสนิท  ความนิ่งเฉยระหว่างเราที่เกิดขึ้นชั่วพริบตายืนยันว่าต่างฝ่ายต่างพูดความจริง 

“รับปากมาซะ” ผมเอ่ยเรื่องเดิม 

“ครับ ผมจะจัดการให้” ครั้งนี้ชุนตอบรับหนักแน่น  คงต้องการให้หมดประเด็นนี้ลงเสียที 

“ไปซะ” ผมพูด  ชุนนั่งนิ่ง  ไม่ยอมขยับอยู่พักหนึ่ง  ผมไม่ว่าอะไร  เขาปาดน้ำตาออกจากแก้มลวก ๆ อีกครั้ง  คิดว่าคงได้สติแล้ว  แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ขยับตัวโน้มเข้ามาหาพร้อมช้อนใบหน้าขึ้น  แตะปากลงที่ริมฝีปากผมเบาบาง  ผมนั่งเฉย  มองตอบเขาที่สายตากำลังแสดงออกถึงความลังเลหลังจากที่เป็นฝ่ายจู่โจ่มเข้ามาหาผมด้วยตัวเองก่อน  ดวงตาที่จับจ้องมาเหมือนเด็กที่ว่างเปล่าในจุดหมายปลายทางของการใช้ชีวิตต่อไป...

“ฉันเคยพูดกับนายแล้วใช่ไหม ว่าฉันไม่ชอบคนไร้สาระ” ผมพูด 

“ผมรู้อยู่แล้วครับ” ชุนสวนทันที

“รู้อยู่แล้วว่าผมไม่เคยอยู่ในสายตาของคุณ รู้ตั้งแต่นั่งรออยู่ที่เดิมแต่คุณไม่เคยกลับมา” อีกฝ่ายหลบตา  ใบหน้าที่พยายามจะฉีกยิ้มและทำท่าจะหลีกออก  ผมคว้าคอเสื้อพร้อมดึงเข้าหา  ยังคงขี้เกียจที่จะขยับตัว  ลิ้นสอดเข้าปากของเขาทันทีอย่างไม่แยแสว่าคนตรงหน้าจะตั้งรับได้ทันหรือไม่  ปากถูกบดแน่น  ต่างค้างไว้ในท่านั้นนานพอควร  เสี้ยวนาทีที่เห็นว่าชุนหลับตาลงผมจึงผละปากออกช้า ๆ  ชุนลืมตาขึ้นมองก่อนหลบตาลงอีกครั้ง  ผมปล่อยคอเสื้อเขาออก  เปลี่ยนเป็นดึงต้นคอให้เข้าหาจนชุนประชิดตัวเข้ามา  อีกฝ่ายรีบเท้ามือข้างหนึ่งลงบนเบาะ  มืออีกข้างวางลงบนบ่าผมเพื่อประคองไม่ให้ตนเองล้มทับลงมาที่ผมทั้งตัว  ไม่มีเสียงทักท้วงเกิดขึ้น  รสจูบเป็นไปอย่างคุ้นเคย  ก็ไม่ใช่ไม่ประสีประสาที่จะมาทำเรื่องบริสุทธิ์นี่นะ  แต่ก็ไม่ได้ขาดความปราณีเสียทีเดียว  ในเมื่อนัยน์ตาที่ดื้อดึงของเขากำลังแฝงไปด้วยความต้องการความอ่อนโยน  ผมก็ตอบสนองอย่างนั้น

“ผมนอนกับคุณเดี่ยวด้วย แล้วคุณคิดว่าผมจะหักหลังเขาได้เหรอครับ” ชุนพูด  ใบหน้าที่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตรทำให้สัมผัสได้ถึงการอยากลองดี

“งั้นนายคงต้องเลือกแล้วล่ะมั้ง ว่าถูกใจเซ็กส์ของฉัน...หรือของมันมากกว่ากัน” ผมจ้องตอบ 
 
“เดี๋ยวคนของฉันจะติดต่อไป” ผมตัดบท  ชุนลดสายตาลง  หลุดอมยิ้มมุมปากออกมานิดหน่อย   

“หึ คุณนี่ยังนิสัยแย่เหมือนเดิม” เขาบ่นพร้อมผละตัวออก

“ระวังตัวด้วยล่ะ” ผมพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะลงจากรถ  ชุนชะงัก  ทำท่าคล้ายจะหันกลับมาแต่ก็ไม่  เขาลงจากรถไปทั้งอย่างนั้น  พี่ธานที่ยืนประกบอยู่ตรงประตูรถมองหน้าชุนที่เดินจากไปก่อนหันมาทางผม 

“แปลกจังนะครับที่เขาร้องไห้” พี่ธานพูด  กลับขึ้นมานั่งที่เดิมก่อนที่ไอ้เด่นจะปิดประตูรถลง

บุคลิกที่แข็งกร้าวไม่สนโลกของชุนที่คงผ่านเรื่องร้ายมามาก  ทำให้เข้ากับเพื่อนที่คณะไม่ได้  กระทั่งกลิ่นอายที่ไม่แยแสโลกก็รุนแรงจนเพื่อนไม่กล้าที่จะมีปัญหากับเขาไปโดยปริยาย  คนเดียวที่ชุนยอมพูดด้วยดี ๆ ทั้งที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมคณะคือพายุ

.
ครั้งที่สองที่ผมเห็นชุน  สายตาที่ส่งมาให้ผมมันตรงไปตรงมายียวนว่า “มึงจะทำให้กูครางได้งั้นเหรอ เก่งขนาดนั้นเชียว”  เป็นความท้าทายอย่างถึงที่สุด  เส้นแบ่งเรื่องเพศของเด็กคนนี้ขาดหลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี  เขาไม่สนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะเป็นใคร  ใครก็ได้  คล้ายกับชิงชังว่าสุดท้ายแล้วก็แค่ทำให้เสร็จ ๆ ไป ... สิ่งที่ผมตอบสนองกลับไปคือการเตือนความคิดโง่ ๆ ที่เขามีในตอนนั้น “ฉันไม่ทำกับท่อนไม้หรอก”  สิ่งที่ทำส่ง ๆ เพื่อให้เสร็จไปที  สำหรับผมนั่นไม่เรียกว่าเซ็กส์  ไม่ว่าจะกับใคร  ที่มีรสนิยมแบบไหน  ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความพึงพอใจอยู่ฝ่ายเดียว  นั่นคือเรื่องสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์  ผมก็แค่ทำให้เขาเห็นว่าความคิดที่เขามีก่อนหน้านั้น  มันใช้ไม่ได้กับผม...

“ไว้ใจได้แน่เหรอครับ” พี่ธานพูด 

“ไม่มีทางเลือกอื่นนี่ครับ” ผมตอบ   

“หรือว่า...” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มองมาด้วยสายตาสงสัย

“อะไรครับ” ผมตวัดหางตาโต้ตอบ  สั่งเสียว่าให้หุบปากลงเสียที  อีกฝ่ายก้มหน้าลง  เอ่ยปากขอโทษก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออก  หลายวันมานี้มีแต่เรื่องไม่เข้าหูทั้งนั้น


- - - - - - - - - - - - - - -


THE 11 CONCEPTS, PATTAYA

“ไอ้บูรณ์ไม่รับโทรศัพท์เลยครับนาย” ไอ้เด่นรายงาน 

“คนของเรารายงานมาว่ามันไม่กลับที่พักมาสองวันแล้วครับ” พี่ธานพูด   

“........” ผมเงียบฟัง  มือยังคงล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง  ตามองไปยังวิวชายหาดจากระเบียงห้อง  มีกลิ่นผิดปกติอยู่  ไอ้บูรณ์ย้ายที่พักใหม่แล้ว  เมื่อวานนี้ผมได้ข้อมูลจากมันมามากพอให้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้  แต่แล้วมันก็ขาดการติดต่อไปดื้อ ๆ

“ไม่ใช่ว่าไปหาเรื่องมาให้นายหรอกนะครับ” ไอ้เด่นบ่น 

“ปากมากจริง” พี่ธานปรามอย่างหัวเสีย

“ขอโทษครับ” ไอ้เด่นเสียงหงอย   

“เอาเรื่องที่นี่ให้จบก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ผมพูด  ทุกคนขานรับ

“แล้ว...คุณไฟจะให้ผมเอายังไงกับคุณตำรวจคนนั้นดีครับ” พี่ธานถามแฝงความประชดอยู่นิดหน่อย  ไอ้เต้แอบสะกดรอยตามพวกผมมาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ แล้ว

“มันอยากตามก็ให้มันตามไป” ผมตอบ

“ครับ” พี่ธานรับทราบ 

การเดินทางมาพัทยาในวันนี้เป็นไปอย่างเร่งด่วน  เหตุจากที่ชุนแจ้งมาว่าเดี่ยวจะกลับจากต่างประเทศและตรงมาที่ร้าน NO WALL ซึ่งเป็นผับของเจ๊ลิลลี่ที่พัทยาในวันนี้เพื่อตรวจดูสินค้าเข้าใหม่ที่ชุนเพิ่งรับมาส่ง  แน่นอนว่าในนั้นมีแก้มอยู่ด้วย  ข้อมูลตรงกับที่ไอ้บูรณ์ให้ไว้ว่าคนของไอ้กายจะนำสินค้ามากระจายให้ร้านที่เป็นสมาชิกของมันที่พัทยาภายในอาทิตย์นี้  โดยมักใช้ช่วงเทศกาลเป็นตัวเบิกทาง  ถ้าหากให้พี่ทัพจัดการและเกิดพลาดท่าขึ้นมาอีกอาจเป็นอันตรายกับฝ่ายผู้หญิงได้  หรือเรื่องอาจไปกันใหญ่ 

สมุทรเดินทางมาด้วยกัน  วันนี้ลูกน้องคนสนิทของผมเดินทางมาครบทุกคน  ทั้งไอ้รุ่งและไอ้หินก็ด้วย  มีเพียงสมุทรคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนพัทยาในครั้งนี้คืออะไร  เขาเองก็ไม่ได้ถาม  และผมเลือกที่จะไม่พูดก่อน  ยังไม่ไว้ใจในอารมณ์ของเขาในหลาย ๆ เรื่อง  การมาด้วยกันแบบนี้ให้คิดเสียว่าเป็นงานสำคัญเท่านั้นก็พอ..

“เดี๋ยวผมไปสั่งอาหารให้นะครับ” พี่ธานพูดขึ้นหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ผมพยักหน้า  ทุกคนพากันทยอยออกจากบริเวณห้องนั่งเล่นจนห้องสงบลงในที่สุด 

“คุณไฟครับ” สมุทรเรียก  ผมหันกลับไป  เห็นเขาถือถาดเสิร์ฟยืนอยู่  บนนั้นมีโถกับแก้วชาขนาดเล็กลวดลายจีนวางอยู่ด้วย

“น้ำสมุนไพรน่ะครับ แม่บ้านฝากให้เอามาให้คุณทานที่นี่ด้วย” สมุทรยิ้มน้อย ๆ  วางถาดลงบนโต๊ะตรงกลาง  ผมจึงเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวยาว 

“นั่งสิ” ผมพูด  อีกฝ่ายยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนทำท่าจะเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัว  ผมคว้าข้อมือเขาไว้  ออกแรงดึงเพื่อบังคับให้เขานั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกันกับของผม  สมุทรยอมนั่งลงโดยดี  เอื้อมตัวรินน้ำสมุนไพรใส่แก้วให้เงียบ ๆ  ผมยกขึ้นดื่มหมดแก้วภายในครั้งเดียว  คนข้าง ๆ นั่งจ้องผมอยู่แต่แรกแล้ว  แม้จะไม่หันไปมองแต่ก็รู้สึกได้

การเคลื่อนไหวอยู่ในความเงียบ  แก้วหนึ่งหมดลง  สมุทรจึงรินเติมให้อีก  ผมหันไปมอง  อีกฝ่ายเลยพูดขึ้นว่า “ดื่มอีกสิครับ” ด้วยโทนเสียงนุ่มทุ้มและสงบนิ่ง  ผมไม่ทำตาม  จดจ้องหน้าเขาอย่างนึกสงสัยในความรู้สึกของตนเองที่มีในตอนนี้  ผมจับแขนของสมุทรขึ้นข้างหนึ่งพร้อมเอนตัวลงนอนโดยทันที  พอเงยหน้าขึ้น  สมุทรก็ก้มลงมองผมที่นอนหนุนตักเขาอยู่ด้วยใบหน้านิ่งเฉย  ไร้ปฏิกิริยาของความตกใจ  ผมนำแขนของเขาวางลงบนอกตัวเอง  การที่เขาไม่เอ่ยปากใด ๆ ก็ดีเหมือนกัน  ตอนนี้ ผมก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากพูดเท่าไหร่นัก 

.
ตักของเขาไม่นุ่ม  ค่อนข้างแข็ง  แต่กลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัว  เปลือกตาลดระดับลงเล็กน้อย  ทอดมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ด้านนอก  พักหนึ่ง แดดจ้าจนสายตาสู้ไม่ไหวและจำเป็นต้องหลับตาลงในที่สุด  ความสงบเงียบทำให้ได้ยินจังหวะการหายใจของตัวเองชัดเจน  สมุทรไม่ขยับตัวเลย  หมอนี่แอบนั่งสมาธิอยู่รึเปล่านะ  เขาเหมือนคนที่มีบุคลิกลักษณะอย่างนั้น  กระทั่งแขนของเขาที่วางอยู่บนตัวผมก็แน่นิ่ง  ความเมื่อยล้าทำให้ไม่อยากลุกหรือลืมตาในตอนนี้  เวลาผ่านไปพักใหญ่ที่ผมนอนหลับตาและหายใจสม่ำเสมออยู่อย่างนั้น  แขนของสมุทรก็เริ่มเคลื่อนไหว  การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ผมเกิดความสงสัย  มันขยับเบา ๆ คล้ายกลัวว่าจะรบกวน  ผมแกล้งหลับตาอย่างนั้นต่อไป  ฝ่ามือที่หาความนุ่มไม่ได้ที่เจ้าตัวเคยออกปากบ่นถึงมือตัวเองให้ผมได้ฟังว่า “มือด้าน ๆ แบบนี้”  กำลังโอบอยู่ที่ปลายคางระหว่างข้างแก้มของผม  มันแช่อยู่อย่างนั้น  เป็นครั้งแรกที่กังวลว่าการแสร้งหลับในครั้งนี้จะถูกใครจับได้  สิ่งที่รับรู้ต่อมานอกจากการกระทำเกินคาดของอีกฝ่าย  คือหัวใจผมที่กำลังเต้นผิดจังหวะ  มันดังเหมือนจวนจะระเบิด  เมื่อสมุทรเกลี่ยนิ้วโป้งลงที่ข้างแก้มของผมอย่างเบาบาง ... 


...............(ไฟ)..............


ผู้เขียน:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ  :impress3:  แล้วก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังด้วยค่ะ  :mew3:

กุก ๆ กุก ๆ (เสียงใจเต้นแบบใหม่)  :laugh:


..เบบี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2020 11:32:39 โดย เบบี้ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

สมเป็นไฟ ร้ายยยย 55555 เบบี้ป่วยหายหรือยังคะ  รักษาสุขภาพด้วยจ้าาาาา

ขอบคุณค่ะ  :o8:

.
.
          ชื่อก็บอกว่าไฟร้อนที่สุด               แต่สมุทรเย็นฉ่ำนั้นดับได้
ไฟจะร้อนแผดเผาสักปานใด                    สมุทรไงผ่อนร้อนให้เป็นเย็น

                                                        :L1: :L1: :L1:
                                                  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

มาเป็นกลอนกันเลยทีเดียว ...คุณทำให้โลกสดใสสส 5555++   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

.
.
พี่เบเบี้หายไปไหน
รีบๆมาต่อเร็วๆเลย :m16:
คิดถึงแล้ววววว :mew1:

ขอบคุณสำหรับชื่อใหม่ค่ะ กร๊ากกกก เบเบี้   :m20:

.
.
แวะซื้อมะม่วงมันกับฝรั่งกิมจูของโปรดคุณไฟมาฝากไว้ให้ที่ค่ายมวยนะคะ  เผื่อคุณไฟจะพาสมุทรแวะมาแทะเล็มกันให้คนรอได้ชื่นนนนใจสักเล็กสักน้อย  :mew3:   :กอด1:

ฝรั่งกิมจู ดี ~~~~  :hao6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2018 23:43:31 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ฮืออออ เบบี้ เค้าคิดถึงสมุทร   คิดถุงๆๆ  :katai1:

ใจเย็น อย่ากรีดหน้าตัวเองสิ  :laugh:

.
.
คิดถึงคุณไฟและสมุทรมากเหลือเกิน  :กอด1:

ในตอนนี้นั้น ดูคุณไฟจะถูกอกถูกใจบูรณ์เสียมากมาย (อันที่จริงก็แอบมันใส้อยู่เล็กน้อย) แต่ยังคงเชื่อว่าคนที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงต่อกรกับคุณไฟได้ชนิดมันส์หยดนั้นเห็นทีจะมีแต่สมุทรเขาล่ะค่ะ (แน่สิ ก็เรื่องนี้เขาคู่กันนี่หน่า ฮ่าๆๆๆ)
    ยังคงชื่นชมในการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของคุณเบบี้มาก  :katai2-1: อีกทั้งยังหาข้อมูลมาดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นมนต์เสน่ของนิยายเรื่องนี้จริงๆ .... ส่วนตัวนี่แอบนึกอยู่ตลอดว่าคุณเบบี้จะเหนื่อยมากไหม กับการเข็นนิยายเรื่องนี้ในแต่ละตอน เราว่ามันต้องเหนื่อยมากแน่ๆ .. เป็นกำลังใจให้มากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ

   พูดไปจิหาว่าเว่อ หลังจากตึงเครียดและหมดพลังชีวิตไปกับการปั่นงาน  :katai4: ก็ได้นิยายเรื่องนี้มาชาร์จพลังให้ เป็นอีกหนึ่งใน MY Energy ของเราเลย

ขอบคุณคุณไฟ-สมุทรและทุกๆตัวละครมา ณ ที่นี้ สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะคุณเบบี้ ขอให้เจอวันดีๆตลอดไป

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ยาว ๆ นะคะ ชอบอ่าน อ่านเพลินเลย แฮะ ๆ > < สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2018 23:46:04 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ sexysunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
สวัสดีปีใหม่ครับคุณเบบี้   งื้อออออ ค้างงงง   สมุทรลักหลับเลยยนยยย

ออฟไลน์ namaquaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
แค่ลูบแก้มกันเฉยๆ เราก็เขินหนักมากแล้วเด้อ
มาถึงตอนนี้ก็ยังชอบคุณไฟอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ชอบความร้ายๆ ชอบความสีเทา หลงรักกกกกก

//เป็นกำลังให้คุณเบบี้นะคะ

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เขินเป็นที่สุดค่ะพี่ไฟ กริ๊ดดดดดดดด
อ่อนโยนเป็นบ้าเลยอ่ะสมุทร

น้องมืดมนลูกแม่ มีความพึมพำ "พี่สมุทรไม่ดื่มเหล้า" เอ็นดูนาง  พี่ไฟก็แกล้งหยอกน้องอีก ขำปนเอ็นดู อิอิ

ตอนนี้ดูเหมือนจะดูยุ่ง วุ่นวายไปหมด ไว้ใจใครไม่ได้เลย ระวังตัวด้วยนะคะพี่ไฟ

สวัสดีปีใหม่เบบี้ คิดถึง :)
สนุกมากกกกก ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มาแบบซอฟ ๆ นอนหนุนตัก คงจะฟินน่าดูนิ  :hao3:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ขอบคุณที่มาลงตอนใหม่ค่ะ..ขำไฟกับเมฆทำไมชอบแกล้งน้อง5555

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
มันมาพีคเอาบรรทัดใกล้ๆจะจบเนี่ยแหละ อร๊ายยยยยยยยยยยย นิ้วเกลี่ยแก้มเบาๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2018 09:01:24 โดย rujaya »

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
คนอ่านใจเต้นแรงกว่า ลุ้นสมุทร ลุ้นอย่าเพิ่งจบนะ ลุ้นต่อจะยังไง  :impress2: :impress2: :mew1: :mew1:  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
เป็นนิยายที่ใช้เวลาอ่านนานมากกกกกก สนุกตื่นเต้นลุ้นไปกับทุกๆตอนจริงๆ
ไฟปากร้ายแต่ใจแอบดีนะ ขอบคุณค่ะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด