หลังจากไล่เตะใครบางคนได้สำเร็จ ผมก็เร่งเท้าให้เร็วขึ้นจนแทบวิ่ง วิ่งหนีจากไอ้เวรวินที่แม่งกัดไม่ปล่อย ตามมันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะตามไปถึงไหน ดีหน่อยที่เพื่อนมันโทรพอดี มันเลยต้องหยุดคุย ส่วนผมนี่แทบจะกระโดดตบด้วยความดีใจสุดซึ้งโกยเท้าหนีเลย
เดินไปทางด้านหลังตึกคณะที่มีห้องว่างนับสิบที่ไม่ได้ใช้งาน มันเลยเป็นสวรรค์ของเหล่านิสิตนักศึกษคณะสถาปัตย์ให้มานอนกลิ้งเล่นเวลางานโปรเจคเร่งส่งก็ทำกันห่ามรุ่งห่ามค่ำข้าวไม่ต้องแดกอาบไม่ต้องน้ำกันเลยทีเดียว
ปัง!
ผมผลักประตูบานที่สามซึ่งเป็นห้องประจำของกลุ่มผมตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ปกติห้องว่างพวกนี้จะถูกจับจองด้วยพี่ปีสามและสี่ แต่นี่ใครครับ ธารา เดือนสถาปัตย์นะครับ มีพี่รหัสเป็นประธานรุ่นปีสาม อย่าไปรู้จักมันเลยครับ ถ้ารู้จักแล้วจะตะลึงตึ๊งตึ่ง แถมผมยังมีลุงรหัสเป็นถึงประธานสโมสรสถาปัตย์ ที่แม่งพนันได้เลยว่ามันต้องซื้อเสียง ซื้อคะแนนชัวร์ถึงได้ตำแหน่งมาครองง่ายๆ ประธานสโมสรจะใครถ้าไม่ใช่ไอ้พี่ปาย คนไม่สมประกอบทางแฟชั่นนั่นเอง แค่ห้องห้องเดียวไอ้พวกพี่ๆลุงๆป้าๆไม่ให้ผมก็เกินไป
“ มาช้าชิบหาย มาพรุ่งนี้เลยมั้ยมึง ” แค่ย่างกายเข้าห้องก็เจอกับตัวอะไรก็ไม่รู้อีกแล้วกำลังนั่งหน้าบูดต่อโมเดล
ไหวไหล่แล้ววางเป้ลงบนโต๊ะ เดินไปเปิดตู้เย็นในห้องเอาน้ำมาดื่ม “ ได้นะ เดี๋ยวกูกลับ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมา ”
“ กวนประสาท ”
ไอ้ไผ่ทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะวางโมเดลลงแล้วควานมือไปตามกางเกงม่อฮ่อมสีหม่นล้วงหยิบจูปาจุ๊บสีส้มขึ้นมาแกะแกะแล้วยัดเข้าปาก...
“ แล้วมึงจะพรีเซ้นด้วยชุดนี้? ” มองไล่ไปตามตัวมันแล้วส่ายหน้า... มหาลัยของผมเป็นมหาลัยรัฐบาลแต่ทุกอย่างกลับเป็นแบบอินเตอร์ ยูนิฟอร์มแทบจะไม่ได้ใส่ ใส่เฉพาะพรีเซ้นงาน งานใหญ่ๆด้วยซ้ำ บางวันอาจารย์ยังใส่ชุดนอนมาสอนก็มี
ไอ้ไผ่พยักหน้าแล้วมองลงมาที่ชุดตัวเอง...
“ ทำไม กูแต่งตัวไม่เรียบร้อยเหรอ ” มองดูชุดม่อฮ่อมที่ผมจำได้ว่ามันใส่ตัวนี้ซ้ำกันมาสองอาทิตย์แล้ว ซักยังวะนั่น
ไอ้ไผ่เป็นคนภาคเหนือครับ มันเลยชอบแต่งตัวพื้นบ้านพื้นเพตามบ้านเกิดมัน วันไหนอินดี้จัดก็ใส่ชุดแม้วกะเหรี่ยงบวกพร้อมด้วยเครื่องเงินห้อยมาเต็มคอ...
“ กูไม่อยากโดนตัดคะแนน เพราะฉะนั้นมึงกลับไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ ”
“ ไอ้คิมยังไม่มา เดี๋ยวยืมมันก่อนก็ได้เว้ย ” มันโคลงหัวอย่างอารมณ์ดีดึงอมยิ้มออกจากปากแล้วสไลด์ตัวไปหาไอโฟนในเคสมินเนี่ยนสีเหลืองจี๊ดปวดตับโทรคุยกับไอ้คิม เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันที่อยู่กลุ่มเดียวกันซึ่งมันก็บ้าบอไม่ต่างกัน
ผมเหล่มองมันนิดหน่อยแล้วทรุดตัวนั่งลงที่พื้นแล้วหยิบคัตเตอร์มาตัดกระดาษต่อ... อืม ผมว่า บ้านสีครีมมันธรรมดาไป สีเทาอ่อนๆน่าจะสวย เดี๋ยวค่อยไปซื้อเย็นนี้แล้วกัน
“ เออ มึงว่าต้องแก้สีมั้ย ” ไอ้ไผ่คุยเสร็จก็มานั่งจ่อมคุยงานกับผม “ กูว่ามันเบๆ ไม่ประทับใจกูสักเท่าไรวะ ”
“ กูก็ว่างั้น ” ผมถอนหายใจแล้วหยิบกระดาษเฉดสีขึ้นมาเลือก “ กูว่าจะเอาสีนี้ ”
มือสวยขาวกระจ่างของไอ้ห่าไผ่รับไปแล้วเทียบๆดูกับบ้านก็พยักหน้าเป็นการโอเค “ เดี๋ยวให้ไอ้เหี้ยคิมดูอีกที ”
“ เออ แล้วสคริปต์ล่ะ ” นึกขึ้นได้ ยังไม่ได้ท่องบทพรีเซ้นต์
ไอ้ไผ่ทำหน้างงๆ “ มึงทำไม่ใช่เหรอ ห่าธารา ”
ผมส่ายหน้าช้าๆ... “ มึงกับไอ้คิมทำไม่ใช่เหรอ ”
ไอ้ไผ่ส่ายหน้าพรืด “ กูทำโมเดลไอ้สัด แล้วไอ้เหี้ยคิมมันเขียนเกร็งคำถามของอาจารย์ต่างหาก ”
“ กูทำพาวเวอร์พ้อยท์กับแบบสามมิติ ไอ้คิมเกร็งคำถาม มึงทำโมเดล ”
ผมมองหน้าไอ้ไผ่ และไอ้ไผ่มองหน้าผม ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบ...
“ ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย!!! ”
ห้องแทบแตกเมื่อรู้ความจริงที่ว่า...
ไอ้ไผ่...ไม่ได้ทำ
ไอ้คิม... ไม่ได้ทำ
และ...ผมไม่ได้ทำ
สรุปคือ ไม่มีใครทำสคริปต์พูด ไอ้เหี้ยยยยยย
“ แล้วเอาไงดีวะ!! ”ไอ้ไผ่สบถอีกหลายคำยกมือขยี้หัวตัวเองอย่างร้อนใจ “ เหลืออีก 5 ชั่วโมงเอง เวรเอ๊ย! ความจำกูยิ่งยอดแย่อยู่ ท่องไม่ทันแน่ ”
“ รู้แล้วเว้ย! มึงจะย้ำเวลาทำเตี่ยไร! ” ผมหันไปหยิบเป้ตัวเองแล้วหยิบโน๊ตบุ๊คออกมาเปิดเตรียมดูเนื้อหา แล้วจะรีบเขียนสคริปต์แล้วรีบท่อง ขืนให้พูดสดยังผ่านยากชัวร์ ใครมันจะไปจำได้หมดวะ ว่าหน้าต่างย่อส่วนเท่าไร ประตูกี่บาน แล้วสูงเท่าไร ใครมันจะไปทำได้วะ
ไอ้ไผ่ก็กุลีกุจอหยิบข้อมูลอื่นๆ หยิบกระดาษเปล่ามาเตรียมเขียน แต่...
“ โย่วววววววว ”
เสียงอารมณ์ดีผิดกับจังหวะอารมณ์ของผมกับไผ่สุดๆโผล่มาหน้าระรื่นพร้อมกระดาษแปลนเต้มมือ “ ทำไรกันอยู่วะ หน้าเคร่งเครียดเชียว ”
“ ไอ้เชี่ยอุ่นมันลืมเขียนสคริปต์อ่ะดิ! ” อ้าว เพื่อนชั่ว มึงโบยมาแบบนี้เลยเหรอวะ!
“ มึงต่างหากที่ต้องเขียน! ”
“ มึง! ”
“ มึง! ”
“ น่าๆ อย่าเพิ่งตีกัน ”
ไอ้คิมมันอารมณ์ดีอยู่แล้วเลยทำทีสบายๆห้ามทัพอย่างไม่ร้อนใจนัก
“ เนี่ย...พอดีเลยๆ ให้คนนี้เขียนให้ดิ จากนิเทศเลยนะ กูเจอเมื่อกี้อ่ะ เพื่อนมึงไม่ใช่เหรออุ่น ตามหามึงทั่วคณะเลย ”
ห่ะ?
อะไรนะ
นิเทศ...
หันคอเอี้ยวตัวไปด้านหลัง “ ไอ้วิน!!! ”
“ คิดถึงเค้าเปล่า ” หน้าตอแหลทะเล้นมีคนเดียวเท่านั้น “ หนีเค้ามา เค้าเสียใจนะตัว ”
“ คิดถึงพ่อมึงสิ ไปไกลๆ! จะทำงาน! ” อะไรใกล้มือเตรียมขวางเลย แต่ดันมีไอ้คิมห้ามเอาตัวหมีควายของมันบังไอ้วินซะเกือบมิด
“ หยุดๆๆ ไอ้อุ่น มึงหยู้ดดดดด เดี๋ยวไม่มีคนเขียนสคริปต์ให้เว้ย! ”
มือชะงัก... จริงสิ... ไอ้วินมันเรียนนิเทศอย่างน้อยมันก็ต้องเขียนบทเขียนเรื่องได้บ้างล่ะว่ะ!
“ เออ งั้นกูหยุด ” ผมวางปากกาสีในมือลงแล้วยักคิ้วให้ไอ้วิน “ มึงมาเขียนสคริปต์ให้กูดิ๊ ”
เครื่องหมายคำถามปรากฏบนหน้าของไอ้วินทันที ไอ้คิมก็ได้แต่กลั้วหัวเราะอย่างขำๆ ชินกับท่าทางของคนอื่นที่เจอผมอารมณ์ขึ้นๆลงๆแล้ว
“ มีรางวัลปะ! ” หูหางตั้งมาเลยมึง ถลาตัวมาตรงหน้าผมท่ามกลางความสงสัยและเสือกของเพื่อนทั้งสอง
ผมพยักหน้าและ...
ผัวะ!
“นี่ไง รางวัล ”
“ ตบหัว เดี๋ยวก็จูบเลยนี่! ” ไอ้วินเบ้ปากแล้วคลำหัวตัวเองด้วยหน้าเซ็งๆก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้ไผ่ที่จ้องหน้าไม่หยุด จ้องจนจะทะลุแล้วนั่น “ น้องมีปัญหากับหน้าพี่ปะครับ ”
“ ก็...กำลังสงสัย ” ไผ่ครางงึมงำแล้วเหลือบซ้ายมองบนเหล่ขวาอย่างใช้ความคิด “ นี่ใช่พี่วิน รองเดือนมหาลัยปีสามป่ะ!! ”
“ อ่า... ครับ ” มันยิ้มตอบนิดๆ
รองเดือนมหาลัย... ถึงว่าทำไมเบ้าหน้ามันถึงหล่อลากกระชากไตขนาดนี้ ส่วนไอ้เดือนมหาลัยปีสามเหรอ... ได้ข่าวว่าเป็นคนคณะอักษร เป็นคณะที่คาดไม่ถึงจริงๆ...
“ พี่แม่งอย่างหล่ออ่ะ หล่อกว่าปีที่แล้วอีก ผมจำแทบไม่ได้เลย ” ไอ้ไผ่ทำหน้าระริกระรี้ “ ผมชื่อไผ่นะพี่ พี่แม่งโคตรเจ๋ง เต้นบีบอยโชว์อ่ะ ถามจริง พี่เรียนจากไหนวะ! ”
“ เฮียพี่เป็นคนสอนน่ะ ตอนนี้ก็เป็นครูออกแบบท่าเต้นให้กับพวกศิลปิน อยู่ต่างประเทศน่ะ ”
“ เจ๋งโคตร! ”
ไอ้คิมเดินมาผลักหันคนพูดมากทีหนึ่ง “ มึงอย่าเพิ่งชวนพี่เขาคุยดิ ให้เขาเขียนสคริปต์ให้พวกเราก่อน ” หันไปหาวิน “ พี่คร้าบ รบกวนหน่อยนะคร้าบ ”
“ ตามที่ตกลง โอเคมั้ย ” ไอ้พี่วินหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ไอ้คิมก่อนมันจะพยักหน้าตกลง... ตกลงอะไรกันวะ
“ ได้ตามที่ขอคร้าบ ”
ไอ้วินยิ้มพอใจยิ่งก่อนจะหันมาคุยกับผม “ ไหนๆ ให้เค้าช่วยตรงไหนครัชฮันนี่ ”
“ ฮันนี่พ่อง เลิกเล่นได้แล้ว กูจริงจัง ” ไม่อยากจะไว้ใจไอ้ท่าทางเล่นๆของมันเลยจริงๆ
ไอ้วินเอียงคอมายิ้มหล่อกระแทกเรตินาก่อนจะพูดอะไรให้ชวนอ้วก...“ พี่ก็จริงจังน่ะครับ ไม่ได้เล่นๆกับเราสักหน่อย ”
กูหมายถึงงาน มึงมองงานดี๊!
มองหน้ากูทำไม!
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที... ผมมองหน้ามันเอือมๆแล้วถอนหายใจเบือนหน้าไปอีกทาง บ้าบอชะมัด
“ มึงคิดเหมือนกูมั้ย ไอ้คิม ” เสียงไอ้ไผ่กระซิบที่โคตรจะดังลั่นห้อง
“ เออ กูก็คิดแบบมึงนั่นแหละ ” ไอ้คิมยิ้มล้อๆมองผมกับไอ้วินสลับกัน พอผมจ้องหน้าเหี้ยมกลับมันก็ทำเป็นมองนกมองไม้ไม่รู้ไม่ชี้...“ วันนี้อากาศดีจังเนอะ ไอ้ไผ่ ”
“ อืม วันนี้กูกินข้าวผัดกะเพรามา โคตรอร่อยเลย ”
จะเนียนก็ขอให้ตกลงกันก่อนนะ...
ปากอ้าจะด่าใส่แต่ความอุ่นร้อนกลับวางลงบนฝ่ามือผมให้หันไปสนใจ...
“ ทำงานเถอะ เดี๋ยวจะช้าไปใหญ่ ” เสียงทุ้มของไอ้วินว่าก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากดึงมือตัวเองที่วางบนมือผมไปหยิบปากกาสีกับกระดาษมาเตรียมเขียน
ผมเลยเบนความสนใจมาที่คอมแล้วเปิดแผ่นสไลด์ให้มันดู อธิบายคร่าวๆแล้วหยิบข้อมูลในมือของไอ้ไผ่มาให้มันดู จากตอนแรกที่มันทำหน้าทะเล้นก็ค่อยๆหุบยิ้มแล้วแววตาก็จริงจังขึ้น... ผมอธิบายไปพลางแอบมองตามันไปด้วยโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิด...
“ อ่าฮะ พี่จะเขียนให้ดูกระชับแล้วกัน เพราะข้อมูลเราค่อนข้างเยอะ ” วินว่าแต่ยังคงก้มหน้าก้มตาเขียนไม่หยุด เงยหน้าขึ้นโยกหัวเหมือนให้ผมหลบทางเพราะมันจะใช้คอม ผมทำตามมันอย่างว่าง่าย ลุกจากพื้นไปนั่งที่โซฟาที่มีไอ้เพื่อนสองตัวนั่งอยู่มองดูไอ้วินไม่กะพริบ...
“ มึง พี่เขาจีบมึงเหรอวะ ” ไอ้ไผ่ทำหน้าเสือก พูดเสียงเบา “ กูเห็นซัมติงในเฟส หวานเว่อร์ ”
ผมพยักหน้า “ เออ ”
ไอ้เพื่อนสองคนมันจิ๊ปากทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ “ มึงนี่มัน! ปฏิเสธให้พวกกูตามเสือกหน่อยเถอะ เล่นบอกงี้ อารมณ์เสือกกูก็หมดพอดี ”
“ แล้วมึงคิดไงยอมให้เขาจีบ ” ไอ้คิมถามต่อ
ผมนิ่งคิดก่อนจะแสยะยิ้ม “ ก็ไม่ไง มีคนคอยมาให้จิกใช้ กูก็สบาย ”
“ ตามใจมึงเลยครับ ” ไผ่ล้วงหยิบจูปาจุ๊บอีกอันขึ้นมาแกะกิน “ เออ พ่อคนอาร์ตแล้วตกลงว่าไง ทริปเพชรบูรณ์ เอาไง ”
“ ปั่นจักรยาน ”
“ ปั่นจักรยาน!!! ”สองเพื่อนเบิกตาโพล่งอย่างตกใจ
“ เออ ทำไม ” ผมเลิกคิ้วอย่างงงๆ มันแปลกตรงไหนวะ ปั่นจักรยานจากกรุงเทพไปเพชรบูรณ์ ชิวๆ ลดโลกร้อนประหยัดน้ำมันครับ
“ มึงบ้าเปล่า ใครจะไปปั่นกับมึง! ”
“ มีเว้ย ” แย้งครับ ทริปปั่นจักรยานครั้งใหญ่ใครว่าผมเป็นคนคิด “ พี่ไทม์เป็นคนคิด แล้วเฮียปายก็เห็นด้วย ”
“ สายรหัสมึงมีใครปกติบ้าง ไอ้เหี้ย! ” ไอ้ไผ่ปาก้านจูปาจุ๊บใส่ผมอย่างหงุดหงิด ดีนะ หลบทัน “ กูไม่ไปแล้วเว้ย! ”
“ ไม่ได้! มึงต้องไป ” ไอ้คิมที่แบกรับชะตาเดียวกันก็ไม่ยอม “ ชวนพี่เขาไปมั้ย ” พยักเพยิดไปทางไปไอ้วินที่ยังคงนั่งคร่ำเคร่งเขียนสคริปต์อยู่
“ ไม่รู้จะชวนทำไม ไม่ได้สนิท ” หน้าตายครับ
“ ว่าที่ผัวมึงเลยนะ คนใจกล้าบ้าบิ่นมาจีบมึงนี่กูสนับสนุน เพราะงั้นกูชวนเอง! ” ไอ้ไผ่แลจะปลื้มไอ้วินซะเหลือเกินนะ ถลาร่างไปหาทันทีแล้วก็พูดๆๆ
ไอ้วินเงยหน้ามามองผมหน่อยแล้วพยักหน้าตอบไป แล้วก้มขีดๆเขียนๆลงบนกระดาษอีกหน่อยเป็นอันเสร็จ
“ เสร็จแล้ว ” พี่มันเดินมายื่นกระดาษมาให้พวกผมคนละใบ ซึ่งแน่นเอี๊ยดไปด้วยเนื้อหา
“ ขอบใจ ”
ผมตอบรับห้วนๆรีบรับมาอ่านทันทีมือกร้านนิดๆเสยผมที่บังหน้าบังตาขึ้นและมันก็ตกลงมาอีก ปกติผมจะใช้ยางรัดแต่วันนี้รีบเลยไม่มีติดตัวมาสักเส้น
“ เดี๋ยวพวกกูไปซื้อน้ำก่อนนะ มึงนมเย็นปั่นเหมือนเดิมใช่ปะ โอเค ” ไอ้คิมรวบรัดเสร็จก็คว้าต้นแขนไอ้ไผ่ลากออกจากห้องให้เหลือเพียงแค่ผมกับไอ้วินคนประสาทที่แปลงร่างมาเป็นคนทะเล้นตามเดิมแล้ว
“ รางวัลอ่ะ ” ไอ้วินยกขึ้นมานั่งเบียดผมในโซฟาตัวเดียวกัน ซึ่งแม่งในห้องก็มีตั้งสามตัวมานั่งเบียดอะไรกับผม ห่ะ! “ จุ๊บข้างหนึ่งดิ เขียนสคริปต์ยากนะเฮ้ย ขอรางวัลชื่นใจหน่อยดิ ”
ยื่นแก้มมาให้...
เพี๊ยะ!
“ ปัญญาอ่อน ” ผมว่าเบาๆน้ำเสียงระอาสุดๆตีแก้มข้างที่มันยื่นมาแรงๆไปทีนึง “ เยอะไปแหละเมีย ”
“ บอกว่าผัวไงครับ ” ไอ้วินว่าเสียงขุ่นมัวแล้วยื่นหน้ามาแทบชิด “ เมียนี่ความจำไม่ดีเลยจริงๆ เดี๋ยวผัวทบทวนให้มั้ย ”
แล้วนิ้วยาวๆของมันก็มาทำปูไต่กับแขนผมที่ทำเอาขนลุกขนพองสยอง มือหยาบนิดๆของผมโบกหัวมันไปทีก่อนจะลุกขึ้นหนีไอ้ฉวยโอกาสมานั่งอีกโซฟา มันทำท่าจะตามมาแต่ผมยกเท้าเตรียมถีบมันเลยทรุดลงนั่งโซฟาตามเดิม...
“ จะไปเพชรบูรณ์เหรอมึง ” ไอ้วินดูจะไม่อยากตายดี มารบกวนไม่เลิก
“ เออ ” ผมก้มหน้าอ่านและท่องสคริปต์ในมือ “ ไปมั้ยมึง ”
ไม่ได้ชวน แค่ถามเฉยๆ อย่าเข้าใจผิด
“ เมียไป ผัวก็ต้องไปสิครับ ” มันยิ้มทะเล้นแล้วทำหน้าเพ้อ “ เหมือนเราไปซ้อมฮันนีมูนกันเลยที่รัก เค้าล่ะดีใจจนน้ำตาแทบไหล ” ทำหน้าทำตาซึ้งปาดน้ำตาหลอกๆแล้วอยากจะหัวเราะอยากจะยิ้มนิดๆ แต่ทำไงได้ ฟอร์มผมเยอะ หน้าตายตามเดิม
“ ฮันนีมูนบ้านป้าสิ ” หยิบหมอนอิงขว้างใส่มันแล้วขู่เสียงเข้ม “ อยู่เงียบๆไป กูจะอ่านสคริปต์ ”
และก็เงียบจริงๆ ไอ้วินทำตามที่ผมขอแต่โดยดีจนผมรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดๆ ก้มหน้าอ่านไปเรื่อยๆพลางเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นตลอดๆจนรำคาญ พอจะเสยครั้งที่ยี่สิบแปดก็มีมืออุ่นคู่เดิมวางลงบนหัวของผมเงียบๆแล้วรวบผมยาวๆขึ้นมัดเป็นจุกให้อย่างเบามือ...
สายตาเหม่อมองมันนิดๆก็เห็นมันยืนค้ำหัวยิ้มให้แล้วรู้สึกคันยิบๆในอก เลยเลือกที่จะเงียบแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านสคริปต์ต่อโดยที่ไม่พูดอะไร... แต่อ่านไปได้สองนาทีอะไรดลใจให้เงยหน้ามองไอ้วินที่นั่งข้างๆก็ไม่รู้
ไอ้วินกำลังนั่งนวดข้อมือขวาอยู่โดยที่สายตายังคงมองไปรอบๆห้องที่เต็มไปด้วยภาพวาดของพวกผมสามคน...
...มันไม่ใช่ตัวผมเลยสักนิด
“ หือ ” เสียงทุ้มครางตกใจนิดๆเพราะจู่ๆผมก็เอื้อมือไปดึงข้อมือมันมาเงียบๆ “ ทำอะไร ”
“ เงียบ ” ผมกดเสียงต่ำแล้วหยิบกระดาษเอสี่สคริปต์ให้มือซ้ายมันถือ “ ถือ จะอ่าน ”
ส่วนมือขวามันผมก็วางบนตักผมและเริ่มนวดให้มันเงียบๆ สายตาพยายามเพ่งเล็งที่ตัวอักษรยุกยิกแต่อ่านง่ายเพื่อหลบรอยยิ้มกริ่มที่ส่งมา...
คิดอะไรมาก
มันเคยนวดข้อเท้าให้ผม
ผมก็นวดข้อมือให้มัน
ถือว่า เจ๊ากัน ก็แค่นั้น!
แอบเหลือบเห็นมันยังคงยิ้มตาหยีจ้องผมไม่เลิก... ช่างแม่ง! จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ กูแม่ง...สตรอง กูสตรอง สตรองจนเพชรยังอาย ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้น
...แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว
ปากกูบอกสตรอง แต่ใจกูนี่เริ่มสั่นสตรองแล้ว
อย่าไปบอกมันนะ เดี๋ยวมันได้ใจ
ธาราขอตัวไปท่องสคริปต์เตรียมพรีเซ้นต์งานสักสามสี่ชั่วโมง
ต่อโพสล่างนะคะ