☆นิเทศตัวร้ายกับสถาปัตย์อาร์ตตัวพ่อ☆ Ch.10 หน้า 6 [13/7/59] UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆นิเทศตัวร้ายกับสถาปัตย์อาร์ตตัวพ่อ☆ Ch.10 หน้า 6 [13/7/59] UP!!  (อ่าน 39940 ครั้ง)

ออฟไลน์ brave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :pig4: :o8: :o8: อุ่นวิน อุ่นวิน

ออฟไลน์ Pomayaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮือออออออออ น่ารักอ่า
วิน + อุ่น = อิน

โอ๊ยยยยย จะน่ารักไปไหนคะ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ไม่มาต่อแล้วเหรอ...รอออออออ  :sad4:

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
****หายไปนานไปนั่งงมรหัสไปกู้เมลอยู่ค่ะ T^T ไปล้างคอมเเล้วหาย จำรหัสไม่ได้


นิเทศตัวร้ายกับสถาปัตย์อาร์ตตัวพ่อ 9

ตอน ทริปรวมพลคนประสาท 1




 

                “ เอาไปคืน! ”



                “ ไม่ให้คืนเว้ย! ”



                “ เอามา! ”



                “ เข้ามาใกล้ กูต่อย!! ”



                “ อุ่น!! ”



                “ ไม่เคยเรียกชื่อกูรึไงวะ! ”



                ผมตวาดใส่คนตรงหน้าที่ยังไม่เลิกบ้าเรื่องชื่อหมา บ้าขั้นที่จะเอาหมาไปคืนร้านเพราะผมตั้งชื่อหมาที่มีความหมายอะไรก็ไม่รู้(สำหรับมัน) แล้วถามหน่อยหมาตัวเมียบ้านไหนมันชื่อธาวินห่ะ!



                ตอนนี้ผมกับไอ้วินอยู่ที่สวนสาธารณะ A ข้างๆหอ ถามว่าทำไมมาอยู่นี่ ไอ้พี่ปายมันทักเฟสไอ้คนโง่ๆนี่ไง จะคุยเรื่องทริปอีกไม่กี่วันหรือก็คือมะรืนนี้ เห็นไอ้วินมันคุยกับเจ้าของทริปด้วยมั้งว่าจะให้เพื่อนไปด้วยอีกสองสามคน ผมที่ไม่มีมือถือติดตัวมาก็ต้องยืมไอ้วินโทรตามเพื่อนสองหน่อ พอจัดการเรื่องนี้เสร็จ มันก็หาเรื่องต่อ



                เหนื่อยใจกับคนโง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่จริงๆ...



                “ ไม่รู้ กูจะเอาไปคืน! ”



                ผมส่ายหน้า “ มึงโง่ให้มีขอบเขตหน่อยได้มั้ยสัด! ชื่อที่กูคิดนี่มันคิดหาความหมายยากรึไงวะ! ”



                “ ยาก!! ” ตอบพร้อมสีหน้าหงุดหงิดแล้วก็กระแทกตัวลงนั่งข้างๆผม สงบจิตคุมสติได้ห้านาทีก็เปิดปากขึ้นใหม่  “ แต่ช่างเถอะ ชื่อใครก็ช่างแม่ง มึงลืมมันไม่ได้ เออ เดี๋ยวกูทำให้ลืมเอง แล้วมึงจะต้องเปลี่ยนชื่อหมาใหม่เป็นธาวิน หึหึ ”



                กูล่ะอยากโดดสระเอาหัวมึงโขดกับหินจริงๆ



               “ เอาที่มึงสบายใจนะ ”



                เลิกสนใจมัน... ผมเอาโทรศัพท์ไอ้วินขึ้นมาเปิดเล่นเกมส์รอ ซึ่งมันก็ไม่ได้ห้ามอะไร ออกจะระริกระรี้ที่ผมเล่นโทรศัพท์มันด้วยซ้ำ มีการชี้ๆให้ดูแชทของมันอีก แบบหึงสิหึงสิอยู่นาน พอผมไม่สนใจมันก็ยู่หน้าถอยทัพไปเล่นกับหมาแทน



ผมทำเมินไปงั้น เห็นว่ามันเลิกสนใจแล้วเลย...เหลือบสายตามองแอพพลิเคชั่นตัวเอฟสีฟ้า... Facebook



                อ๊ะๆ ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ... อันนี้ต่างหาก



               Messenger



                มองบนแล้วจิ้มลงไป... โอ๊ะ มือลั่น



                ผมเลื่อนลูกตาดำลงมาจับจ้องที่ช่องแชทที่มีแชทของใครคนหนึ่งเด่นหราบนสุด เห็นรูปโปรแล้วคันไม้คันมืออยากจะกดเข้าไปดู...   



                ZEEzee V



                แต่ตาก็ต้องเหลือบมองไอ้คนข้างๆเป็นระยะๆ เหมือนผมกำลังจะจับกิ๊กมันไม่ปาน



                แชทของซีอยู่บนสุดแถมยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความอีกด้วย ผมกดเข้าไปดูเลย ไม่คิดจะสนใจเท่าไหร่เรื่องอ่านไม่ตอบ ข้อความล่าสุดเป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้เจ้าของมือถือลากผมออกจากห้อง... อืม ถ้าให้คิดเล่นๆ พอคนข้างๆผมไม่ตอบ มันเลยต้องโทรหาแทนสินะ...



                รู้สึกคันยิบๆในอกชะมัด



                เลื่อนอ่านข้อความดูแล้วก็...ปกติ เหมือนคนจีบกัน แต่ซีดูจะตื๊อมากกว่า เอาแบบกลางไม่ผสมความรู้สึกใดๆ อ่านดูแล้วแม่งเด็ก งี่เง่าว่ะ คุยไปได้ไงวะ อ้อ ลืมไปน้องนางเขาน่ารัก ผิดกับกูที่... สารร่างพอๆกับมัน



                ไหนๆก็ไหนแล้ว ขออ่านหน่อยดิ๊



                กินข้าวยังพี่วิน?



                วันนี้น่ะ ผม...$#%#^$%^$



                พรุ่งนี้เราไปกินเค้กกันนะ



                พี่ไต้ฝุ่นบอกว่าให้พี่วินมาหาที่คณะด้วย พี่เขาจะชวนไปกินข้าว



                ฝันดีนะครับ



                วันนี้เจอพี่วินที่โรงอาหารด้วย ไม่เห็นทักผมเลย งอน L



                หน้าพี่ไปโดนอะไรมา ใครต่อยพี่ มีไปมีเรื่องมาเหรอ ผมเป็นห่วงนะ...



                ...



                แค่อ่านแบบผ่านลวกๆ ยังรู้สึกจุกอก ถ้าอ่านละเอียดทุกตัวอักษรคงรู้สึกระเบิดไปเลย... ผมหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเผื่อเก็บความรู้สึกปั่นป่วนกลางอก...พยายามคิดหาคำตอบให้สภาพอารมณ์แล้วก็ได้ในที่สุด...



                กูจะอ้วก... ถังขยะอยู่ไหนวะ



                ส่ายหน้าอย่างสุดจะทนแล้วเลิกสนใจแชทชวนอ้วกนี่ กดออกเพื่อเล่นเกมส์ต่อ แต่แชทใครบางคนกลับเด้งกระแทกตาเข้า...



                ZEEzee V : อ่านแล้วทำไมตอบล่ะพี่วิน



                เอ้า ก็กูไม่ใช่พี่วินจะตอบทำไม



                ผมยังคงมองข้อความนั่นนิ่งไม่ตอบเหมือนเดิม ไหวไหล่แล้วทำท่าจะกดเข้าเกมส์ แต่ข้อความต่อมาก็เด้งมาอีก



                ZEEzee V : พี่วิน ผมอยู่สวนสาธารณะ A อ่ะ รถผมเสีย ใกล้หอพี่ พี่มารับผมหน่อยได้มั้ย



                คิ้วเข้มเลิกขึ้นในทันที... แววตานิ่งๆของผมเริ่มสั่นขึ้นมาบ้าง... อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ



                แชทเงียบไปอีกครั้งก่อนเสียงโทรศัพท์จะแผดร้องแทน... เจ้าของโทรศัพท์หันควับมามองด้วยความมึนๆ ผมส่งโทรศัพท์คืนมันไปแล้วก็เอาอินอินมาอุ้มเล่นแทน



                “ ฮัลโหล ว่าไงซี ” เสียงทุ้มกรอกลงไป



                ผมแอบเบ้ปากใส่แล้วพยายามเทความสนใจทั้งหมดไปให้ไอ้หมาน้อยของผม



                “ พี่อยู่สวนสาธารณะ A เหมือนกัน บังเอิญชะมัด ” นี่โง่เหรือควาย ความบังเอิญมันมีในโลกด้วยรึไง ผมย่นจมูกใส่อินอินอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “ พี่นั่งอยู่ตรง... ”



                อธิบายแทบจะบอกก้าวไปขวากี่ก้าวตรงไปกี่ก้าว ห่วงขนาดนี้ลุกไปรับเองเลยมั้ย!!



                ไม่รู้ว่าสติหลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เสียงร้องครางจับของอินอิน ผมหน้าตื่นรีบผ่อนแรงที่เผลอบีบขามาลงทันที ต้องโอ๋กันอยู่นานกว่าอินอินจะหายตื่นกลัวผม



                เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เจอเข้ากับร่างของคนมาใหม่ทันที...



                “ เฮ้อ! เจอพี่สักที สวนสาธารณะกว้างสุดๆ นึกว่าจะหาพี่ไม่เจอซะแล้ว ” ใบหน้ายิ้มแย้มว่าไปอย่างเป็นธรรมชาติแล้วก็ชวนมอง



                สวนสาธารณะนี้มันกว้างตรงไหนฟะ พูดซะเว่อร์ แล้วทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วยล่ะว่ะ!!



                “ เราก็หลงทางง่ายจริงๆ เมื่อกี้พี่บอกให้มาทางขวา ยังจะไปซ้ายอีก รู้จักซ้ายขวามั้ย หือ? ” ไอ้วินส่ายหน้าพลางกลั้วหัวเราะไปด้วย ไอ้คนฟังก็ยกมือขึ้นเกาแก้มหน้าแดงระเรื่อ



                ไม่รู้จักซ้ายขวานี่ ปัญญาอ่อนปะวะ.. แล้วเมื่อไหร่กูจะเลิกพาลวะ!



                คนตัวเล็กเกาแก้มไป “ พี่ก็รู้ ผมไม่ค่อยรู้ทิศรู้ทาง หลงทางง่ายจะตาย ”



                “ แล้วมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ ” คนโง่ถามด้วยความซื่อ แอบเห็นซีมันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มใสๆ ผมแสยะยิ้มเล็กน้อยเป็นไปอย่างที่ไอ้ไผ่บอก...



                แอ๊บใส...



                “ พอดีผมมาหาเพื่อนนะครับ อยู่แถวๆนี้ แต่อยู่ๆรถเป็นอะไรไม่รู้ ดับเฉยเลย ” ไอ้วินพยักหน้าหงึกหงักเชื่อสนิทใจ จนผมอยากจะถีบ...



                ซีหันตาใสๆมาจ้องลูกหมาในมือผม ตรงดิ่งมานั่งย่อลูบหัวมัน ผมก็นิ่งค้างมองการกระทำอุกอาจแล้วอยากจะ...ฮึ่ย! “ หมาใคร น่ารักจัง ”



                “ หมากู / หมาพี่เอง ” ตอบพร้อมกันทำเอาคนฟังงงไปเลย



                ผมเปิดปากด่าก่อนเลย “ หมากู ไอ้สัด อย่ามามั่ว ”



                “ ของกูปะ ตังค์กูมั้ย ”



                “ ตังค์มึง แต่ของกู ” ผมไม่ยอมจริงๆ แอบเนียนยกอินอินหนีฝ่ามือเล็กขาวชมพูของซี หมาข้า ใครอย่าแตะ!



                “ ของเราสองคน คนละครึ่ง จบนะมึง ” ไอ้วินส่ายหน้าปลงๆกับความเอาแต่ใจและไม่ยอมลงของผม เลยต้องคนละครึ่งทาง...



                ไอ้ตัวประกอบนี้ก็ไม่เลิก “ น้องหมาชื่ออะไรอะไรเหรอครับ ”



                พร้อมกันอีกครา “ อินอิน / ธาวิน ”



                ผมผุดลุกยืนขึ้นอย่างมีอารมณ์... อารมณ์โมโห



               “ มึงจะเอาใช่ปะ! ”



              “ เออ ถ้ามึงให้ กูก็เอา ” ตบท้ายด้วยยิ้มหื่นแล้วแกล้งใช้สายตาแปลกๆมองผมตั้งแต่หัวจรดตีน ผมถลึงตาใส่อยากจะกระโจนไปขย้ำคอแต่ก็ไม่ทำได้แต่ส่งนิ้วกลางให้มันไป...



               “ กวนตีน ไปตายไหนก็ไปเลยสัด ”



              “ ตายแล้วเดี๋ยวมีคนเป็นม่าย ” มันหยอกแค่นั้นเมื่อเจอสายตาดุดันของผม ไอ้วินเลยจำยอมถอยทัพ           “ ซี กลับเลยเนอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ”



               หยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับใบหน้าเหวอๆของผม...



                นี่มึงลากกูออกมาไม่พอ ยังจะมีหน้ามาถึงกูไว้นี่อีกเหรอ! พลันความเดือดดาลปะทุวาบขึ้นมาในใจ



                ความหงุดหงิดของผมมันแผ่ซ่านมากขนาดไหนไม่รู้ แต่ไอ้วินก็รีบหันมามองผมด้วยความเป็นห่วง เออ ให้มันรู้บ้างว่ากูนั่งอยู่... สนใจกูสิว่ะ พากูมาทิ้งเหรอสัด



                “ เป็นไรเมีย ” โง่ให้มีลิมิตดิไอ้สัด เป็นเมียมึงไงห่า! เอ๊ย ไม่ใช่! มึงเป็นขี้ข้ากู!



                ผมหันหน้าหนี “ ... ”



                “ เดี๋ยวมานะเมีย ไปส่งน้องก่อน ” มันพูดซ้ำอีกรอบพลางวางมีลงบนหัวผมแล้วโยกไปมา “ อย่าเพิ่งร้องไห้ดิว่ะ ผู้ชายของมึงไม่ได้จะไปรบนะสัด ”



                “ ร้องไห้พ่อง ของกูพ่อง สมองกลับเหรอห่า ” ผมหันไปมองตาขวางถลึงตาใส่ แต่อีกฝ่ายกลับส่งยิ้มกลับมาแทน “ ทิ้งกู ไอ้เชี่ย ”



                “ กูแค่จะเดินไปเรียกแท็กซี่ตรงถนนเนี่ยเมีย  มึงจะไปด้วยมั้ยครับ ” มีชี้ไปที่ถนนอันมีรถผ่านไปมาให้ควั่ก “ แล้วกูก็จะเดินไปซื้ออะไรมาให้มึงกินด้วย จะได้เลิกโมโหหิวสักที ” เสียงลมหายใจระบายพรืดออกมา



                รู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้ากะทันหัน... ไอ้วินมันพูดมาแบบนั้นแล้วก็ชะงัก พึมพำกับตัวเองสองสามคำแล้วคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์... ดวงตาวิบวับเป็นประกายจ้า



                “ เอ๊ะ... หรือว่า...หึง? ” น้ำเสียงดี๊ด๊าเป็นพิเศษจนผมแทบประทับรอยเท้าบนหน้ามัน ไอ้วินหัวเราะชอบใจจากนั้นก็หันไปหาซีที่ยืนค้างนิ่งงันไป... “ เป็นอะไรซี ”



                ซีกะพริบตาตั้งสติใหม่ก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วกลับไปมองหน้าไอ้วิน “ ลืมถามเลย นี่ใครเหรอพี่วิน ”



                มึงไม่ถามตอนกลับไปแล้วเลยล่ะ แหม



                “ อ้อ ” มันครางรับ



                “ เพื่อนพี่เหรอ ” ดวงตากลมทอประกายความคาดหวังอยู่ในนั้น... คนโดนถามหันมามองผมแล้วผมให้น้อยๆด้วยความรู้สึกอะไรของมันก็ไม่รู้ รู้แต่เป็นรอยยิ้มที่แตกต่างกว่าทุกที



                “ ใช่... ลืมแนะนำเลย นี่...อุ่น เป็นเพื่อนพี่ ”



                นัยน์ตาใสสว่างวาบเหมือนแสงสว่างก่อนจะดับลงเหวลึก...



                “ เป็นเพื่อนแล้วก็เป็นแฟนพี่ด้วย ” เอียงคอมาทางผม “ บางครั้งทั้งแฟนทั้งเพื่อนไปด้วยมันก็รู้สึกดีกว่าเป็นแฟนอย่างเดียว...มีเพื่อนคอยปรึกษาปัญหาชีวิต มีแฟนไว้คอยรักษาปัญหาหัวใจ ” 



                “ !! ”



                “ สำหรับอุ่นแล้ว...นอกจากฐานะแฟน พี่ก็อยากให้เขาไว้ใจวางใจกับพี่ในทุกๆเรื่อง ” แล้วก็หันมาทางซี “ สรุปง่ายๆตอนนี้ก็คือ... พี่กำลังจีบมันอยู่  และจะเอาเป็นแฟนให้ได้ ”



                ซียิ้มขื่นๆ “ อ้อ... คนนี้เหรอที่พี่วินชอบพูดถึงกับพี่ไต้ฝุ่น ” และก็เงียบไปพร้อมสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่... ไอ้วินก็หันกลับมาสนใจผมต่อ



                ผมเลี่ยงสายตาเลี่ยงหน้าหลบมัน...



                รอยยิ้มพิมพ์ใจส่งมาให้ ยกนิ้วโป้งอีก “ ซึ้งล่ะสิ มุกนี้ผ่าน ” มันดูอารมณ์ดีสุดๆ “ เดี๋ยวมานะ แล้วจะซื้อขนมมาฝากนะเด็กปากแข็ง ”



                “ จะไปไหนก็ไป เรื่องของมึง ” ผมพูดระรัวทอดสายตาไปมองบึงน้ำสระน้ำใหญ่แทน



                ตัวป่วนนี่ก็ไม่เลิก... “ อย่าเพิ่งร้องไห้คิดถึงกันล่ะที่รัก ”



                “ รักพ่อง!!! ”



                และก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอด้วยความสนุกที่แกล้งผมได้ก่อนจะไปยังโน้มหน้ามากระซิบอีก



                “ หน้าแดงนะเมียเผื่อไม่รู้ตัว หึหึ ”



                ผมเบิกตาโพล่งอ้าปากพะงาบๆ จะด่า มันก็เดินลิ่วหนีไปแล้ว...



 



                หน้าแดงก็ดีกว่ากิ๊กมึงหน้าซีดยิ่งกว่าศพแล้วกันไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



 



                ผมนั่งอยู่แล้วนั่นเดี๋ยวหน้าบึ้งเดี๋ยวหลุดยิ้ม พอยิ้มก็กลับไปหน้าบึ้ง... กูเป็นเชี่ยอะไรวะ



               แทนที่จะรู้สึกโกรธเหมือนทุกครั้ง...



                อารมณ์ดีจัดเลยต้อง...ก้มมองหน้าอินอินที่จ้องตากลับมาจากนั้นก็ค่อยๆคลี่ยิ้มร้ายให้สิ่งมีชีวิตตัวเล็กตรงหน้า...



                “ แม่ของมึง มีได้แค่คนเดียว ”



                “ โฮ่ง! ”



                “ ก็คือ กู ไม่ใช่ มัน ”



                “ โฮ่ง! ”



                “ แล้วก็อย่าทำตัวโง่แบบพ่อมึงล่ะ ” ถอนหายใจอย่างปลงตก “ ไอ้เชี่ยวินแม่ง โง่ โง่ โง่! ชื่อมึงก็ยังไม่รู้เลย ไอ้เด็กแอ๊บใส เเม่งก็ดูไม่ออก ถามจริงเเม่งเรียนนิเทศปะ! โคตรโง่!! ”



               แล้วกูเกิดเฮี้ยนอะไรมาบ่นกับหมาวะ!



                เลิกคุยกับหมาได้ครู่...แววตาผมเริ่มอ่อนแสงลงแล้วเผลอหัวเราะขมๆเบาๆ... หลังจากนั้นค่อยสายตาเลื่อนลอยไปจ้องสระน้ำกว้างด้วยความรู้สึกว่างเปล่า...



 



                ฉลาดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องมันกลับโง่...




               โง่จนไม่น่าให้อภัยจริงๆ




                และผมก็โง่... โง่ที่แม่งยอม.....




               ยอมอะไรก็ไม่รู้... ความลับครับ :)







ต่อโพสล่างเน้อ

 

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0




                “ สรุป... เราจะไปไหนกันนะ ”




                เสียงจากเจ้าของความคิดเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนมาครบแล้ว... ไอ้พี่ปายเกาหัวแล้วสางผมยาวๆของตัวเองด้วยความมึนสับสน นั่งพิงอกดินที่ทำหน้าจะร้องไห้ไม่ห่าง...




                “ กูไม่น่ามีพี่รหัสแบบมึงเลยจริงๆ ” เสียงทุ้มเข้มบ่นอย่างระอาสุดหัวใจ ใบหน้าคมเข้มผิวสีน้ำผึ้งไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูแย่ กลับเซ็กซี่บาดใจสาวๆค่อนมหา’ลัย บุรุษผู้มาใหม่ชื่อ ไทม์...หรือก็คือ พี่รหัสที่ปกติที่สุดของผมแล้ว




                เฮียแกหยิบแผนที่...เอิ่ม แผนที่ประเทศไทยขนาดเท่าบ้านออกมากางบนพื้นอิฐของสวนสาธารณะ... เอาจริงๆ ผมไม่ควรบอกว่าใครปกติ...




                “ นี่... เราจะปั่นกันตั้งแต่หอ S ไป ” ก้านนิ้วยาวชี้ลงที่กรุงเทพ... ประทานโทษ ไหนหอครับ... พวกผมที่เหลือพากันถอนหายใจเฮือกก่อนที่เพื่อนผมจะเริ่มต้นบ่น




                “ กูไม่ไปตอนนี้ทันมั้ย ” เสียงของไผ่ว่าขึ้น แค่นั้นแหละไอ้ตัวต้นคิดหันขวับไปจ้องเขม็งแทบฆ่า




                “ มึงว่าไงนะไอ้ไผ่ ” เสียงคุกคาม ลุกจากตักของพี่ผมตั้งท่าจะเขย่าคอเด็ก ไอ้ดินก็รีบฉวยโอกาสทองลุกพรวดมาผลักไอ้วินแล้วเอาตัวมันมาเบียดผมอย่างแนบแน่น




                “ โฮ อุ่น ฮือ เฮียกลัว ช่วยเฮียด้วย ” ว่าที่หมอเถื่อนของกู...หมดสภาพ ดูจากลักษณะแล้วคงโดนลากออกมาจากคลาสวิชาเรียนพอดี... มาทั้งเสื้อกาวน์เลยมึง แว่นก็ยังไม่ได้ถอด ไอ้พี่ปายนี่เจ๋งจริงๆ




                ผมเมินมัน “ ไอ้วิน เอาขนมมากินหน่อยดิ ”




                “ อุ่นนนน ” เสียงอะไรข้างหู รำคาญจริงๆ




                “ อ๊ะ ” ซองเลย์ถุงใหญ่รสโปรดถูกยื่นมา ผมเอื้อมมือจะไปรับแต่มีมือมารเอาไปซะก่อน...




                คนแย่งขนมไปไม่ใช่คนอื่นคนไกล...




                “ มึงกล้าดียังไง เอาขนมขยะมาให้น้องกู ” ดินว่าสีหน้าเหี้ยม




                “ มึงคิดจะทำร้ายน้องกูทางอ้อมใช่มั้ยสัด! ” เมื่อหาทางกัดได้ พวกมันก็ไม่รี่รอจะผนึกกำลังฆ่าไอ้วินเลยครับ...




                ไฟที่กำลังอ่านหนังสือกฎหมายอยู่ก็หันมาฉีกยิ้มกว้าง “มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิ... ”




                “ หุบปากไปดิไอ้ทนายกาก รำคาญ ” ไอ้ลมชักสีหน้าสุดจะทนใส่ “ วิชาการทำเหวไร อวดเหรอ ”




                “ เออ มีความรู้ไง ไอ้วิดวะเหี้ย ” น้องรักของบ้านแสยะยิ้มปิดหนังสือเล่มหนาลง “ ไม่เหมือนใครแถวนี้ สร้างห่าอะไรก็พัง ปราสาททรายง่ายๆ มึงยังทำพังเลย จะสร้างอะไรได้ ”




                คนโดนกล่าวหาหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห “ กูจะฟ้องมึง! ข้อหาหมิ่นประสาทกูต่อหน้าบุคคลที่สาม! ”




                คนโดนตอกกลับถึงกับเหวอ “ มึงเล่นกฎหมายกลับใส่กูเหรอ!! ”




                “ เออไง! เจอกันที่ศาลเลย พรุ่งนี้! ” ไอ้ลมชี้หน้าน้องชายตัวเองอย่างไม่ยอม




                หันไปมองทางไอ้ดิน รายนี้ก็กัดพ่อนิเทศตัวร้ายไม่หยุด...




                “ ไอ้เหี้ย มึงจ้องจะฆ่าน้องกูใช่มั้ย ”




                วินถอนหายใจเฮือก “ พี่อย่าประสาทได้มั้ยครับ ”




                “ กูมีน้องสองคน!! ”




                มุมปากคนโดนตวาดยกยิ้ม “ ครับ เราอยู่ปีเดียวกัน งั้นไม่ต้องเกรงใจ โอเคนะ ไอ้เหี้ยดิน ”




                “ มึง... ” ว่าที่หมออ้าปากพะงาบๆด้วยความอึ้ง ส่วนผมก็เพิ่งนึกได้ว่าไอ้วินมันแก่กว่าผมแล้วก็อยู่ปีสามเท่ากับไอ้ดินด้วย  “ กูพี่อุ่นนะเว้ย! ”




                “ รู้ครับ ” ไอ้นี่บทจะกวนประสาทก็กวนจริงๆ สงสัยเก็บกดมานาน “ ผมก็ผัวอุ่นครับ ”




                ลมกับไฟหันขวับหยุดตีกันเองทันที พาสายตามุ่งร้ายมาทันที...




                “ มึงอยากตายใช่มั้ย!! ” เริ่มคลั่งแล้วสิให้ตาย




                “ ไอ้เฮียลม ต่อยมันสิว่ะ! ” ไฟ... เมื่อกี้มึงยังตีกับมันอยู่เลยนะ




                “ มึงอย่าอยู่เลย! ”




                คนอื่นก็ได้แต่มองสามเหล่าหมาคลั่งกันอย่างอึนๆ... ผมมองพวกมันแล้วรู้สึกสงสารพ่อแม่จับใจ คลอดพวกมันมาได้ยังไงเนี่ย




                ตัดสินใจลุกขึ้นและ...




                ผัวะ ผัวะ ผัวะ!




                ตบกะโหลกเรียงตัวเผื่อจะมีสติขึ้นบ้าง...  ก่อนที่มันจะกระโจนกัดไอ้วิน ที่กำลังยืนกวนอารมณ์ไม่เลิก แหม่ตั้งแต่กูโอ๋มึงนี่ แลจะไม่กลัวพี่น้องกูเลยนะสัด




                “ เงียบ ถ้าไม่เงียบ ไม่ต้องไป ” ผมว่าเสียงเอื่อยๆแค่นั้น ก่อนที่สามหมาจะเลิกบ้าทันที ยอมไปนั่งสงบเสงี่ยม ผมคว้าตัวไอ้หมอเถื่อนไว้ก่อนแล้วแบมือกลางอากาศ




                “ อะไรเหรออุ่น ” ถามงงๆ




                “ ขนม ” เหล่ไปที่ซองเลย์ “ เอามา ”




                “ แต่มันจะทำให้... ”




                “ หุบปาก! ” ผมขึ้นเสียงหนักก่อนจะกระชากถุงขนมมาแกะๆแล้วยัดเข้าปากทันที โดยมีสายตาคลอน้ำตาของไอ้ดินส่งมา




                “ ใช่สิ ความห่วงใยของเฮียมันไร้ค่าแล้วนี่ ” ดราม่าเพื่อ




                หันไปหาลม “ เฮีย... เอามันไปเก็บได้ ผมจะซื้อเสื้อให้เฮียตัว ”




                คนโดนใช้ตาวาววับแสยะยิ้มชัยชนะทันที รีบมากระชากตัวไอ้ดินออกไป และไอ้ไฟก็มีเสนอหน้ามาช่วยลากแถมยังเอามือปิดปากหยุดเสียงดราม่าน่ารำคาญให้ด้วย




                ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันมามองหน้าคนอื่นๆ “ เฮียไทม์ ว่าต่อ เรื่องเส้นทาง ”




                “ กูกำหนดได้แหละ เดี๋ยวกูปั่นนำเอง ” ไอ้พี่มันว่างั้นผมก็เบาใจ ยังไงไอ้เฮียไทม์มันก็ดูมีสติกว่าไอ้พี่ปาย “ อุ่น แฝดฟ้าไปด้วยใช่มั้ย ”




                “ อืม ผมไลน์ไปคุยแล้ว พวกมันบอกปั่นไม่ไหว คงจะขับรถไปแล้วสัมภาระกับเต็นท์ก็ยัดรถพวกมันไปแล้วกัน ” ผมครางรับไปก่อนจะนึกถึงฝาแฝดลูกพี่ลูกน้องของผม จะอ้าปากคุยต่อก็รู้ถึงแรงสะกิดจากด้านซ้าย




                เจอไอ้คุณผัวทำหน้าไม่พอใจ “ อะไรของมึง ”




                “ ทำไมเค้าไม่มีไลน์ตัวเองอ่ะ ” เสียงเล็กเสียงน้อยด้วยความน้อยใจ




                “ คนนอก ” ลม




                “ ไม่สำคัญ ” ไฟ




                “ คนเขาไม่อยากคุยไง ถึงไม่ให้ หึ! ” ดิน ...ได้ฟังแบบนั้นไอ้วินยิ่งหน้าเสีย ผมส่ายหน้ากับไอ้พวกบ้านี่ที่เกินจะเยียวยาจริงๆ




                “ ได้ข่าว... กูบล็อกไลน์พวกมึงนี่ ” ว่าขัด




                “ อุ่นจะบอกมันทำมายยยยยย ” เสียงร้องประสานขึ้นอย่างโหยหวน เหลือบเห็นพ่อนักแสดงยิ้มขำ มันน่าเสยให้ร่วงจริงๆ




                เมินหมา “ เฮีย ตกลงเราจะไปไหนบ้าง ”




                “ สรุปคือจุดหลักที่เราจะไปกันก็คือ ไปวาดรูปที่เขาค้อ เพชรบูรณ์ แต่เราก็ผ่านหลายจังหวัด เรามีเวลาตั้ง 1 อาทิตย์ที่มหาลัยหยุดให้ เพราะงั้นก็หยุดตั้งแคมป์วันแรกที่สระบุรี ”




                “ อ่าฮะ ” ผมครางรับ “ เรื่องอาหาร จะซื้อกินหรือทำเอง ”




                สีหน้าพี่รหัสผมคล้ายจะโมโห “ มึงนี่... บ้านกูทำร้านอาหาร กูได้รับการถ่ายทอดจากคุณนายของร้านมาแล้วนะเว้ย! มึงไม่เชื่อใจฝีมือกูรึไง! ”




                “ กูไม่เชื่อ ” พี่ปายแทรกขึ้นแล้วทำหน้าหน่ายใส่ “ ไอ้ไทม์ คราวก่อนมึงทำสุกี้ เป็นไง ท้องเสียทั้งสายรหัส ”




                “ วิน ” ผมหันไปเรียกอีกคน “ มึงทำอาหารได้ใช่มั้ย ”




                “ ได้ ” ผัวผมมีประโยชน์จริงๆ ซึ้งใจ “ กูจะพาไอ้ฟรานไอ้ไต้ฝุ่นและไอ้เหี้ยเวียร์ไปด้วย มึงโอเคมั้ย สามคนนี้ทำอาหารได้ ”




                “ ดีๆๆๆๆ ” ไอ้คนไร้มารยาทผมสีเพลิงว่าระริกระรี้ขึ้นมา “ ดีใจชะมัด มีแต่คนอยากได้ทริปฮันนีมูนของเราอ่ะดิน ”




                “ ฮันนีมูนบ้านพี่สิว่ะ! ไปไกลๆ! ”




                ไอ้พี่ปายก็แลจะสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งพี่ชายผมให้สติแตกจริงๆ หันเหเทความสนใจกลับมาที่พี่รหัสอีกรอบ




                “ ขากลับกูไม่ปั่นแล้วนะ นั่งรถกลับ ” ว่าเสียงหน่าย “ เรื่องเต็นท์ที่นอนก็ของใครของมันแล้วกัน ”




                พอพูดถึงเรื่องเต็นท์ปุ๊บ ไอ้สามบ้านี่หูผึ่งหางกระดิกเลยครับ... ถลามาจับตัวผมให้จ้าละหวั่น แอบเห็นไอ้ลมแกล้งเนียนผลักไอ้วินเหมือนกัน




                ...แล้วทำไมผมต้องสังเกตมันตลอดด้วยวะ!




                “ นอนกับลมนะ! / นอนกับดินนะ! / นอนกับไฟนะ! ”




                “ กูจะนอนกับผัวกู ” ผลักหัวพวกมันออกไปอย่างหงุดหงิดใจแล้วหันไปส่งซิกให้ไอ้วินที่มันพอจะรู้อยู่แล้วว่าผมใช้มันเป็นตัวกันความวุ่นวาย เลยไม่ได้ว่าอะไร ออกจะพอใจด้วยซ้ำ




                ไอ้สามศรีหมาบ้าก็ทำหน้าทำตาน่าสงสาร... “ เมื่อก่อนนะ อะไรๆ อุ่นก็พี่ลม จะนอนกับพี่ จะอาบน้ำกับพี่ ”




                “ ลม อย่ามโน ”




                “ ! ”




                “ เมื่อก่อน ก็ดินอย่างนั่นอย่างนี้ อยู่กับอุ่นนะ ไม่ไปเรียนได้มั้ย เล่นกับอุ่น ”




                “ ตื่นนะดิน ”




                “ !! ”




                “ เมื่อก่อนก็น้องไฟ เล่นกับพี่อุ่นนะ ไปกินขนมกับพี่นะ ไปดูหนังกับพี่ ”




                “ นอนฝันอยู่เหรอ ไอ้ไฟ ”




                “ !!! ”




                1 2 3




                “ ฮือออออออ อุ่นใจร้าย!!! ” แล้วพากันวิ่งไปคนละทิศละทาง ราวกับตัวเองเป็นสาวน้อยถูกปฏิเสธรักในการ์ตูนญี่ปุ่นไปได้




                ผมว่าตามหลังไป “ เออ เพิ่งรู้เหรอ ” และกลับมาคุยเรื่องทริปที่วันนี้จะสรุปจบมั้ย จะอ้าปากพูดต่อก็มีคนขัด




                “ เอาง่ายๆคือ ทุกคนต้องมีจักรยาน เตรียมร่างกายให้พร้อม แล้วก็เต็นท์ เพราะทริปเรามันอินดี้ รากหญ้า ไม่นอนโรงแรม เจอกันมะรืนหน้าหอ S ตี 3 จบแยกย้าย! ”




                ไอ้เฮียไทม์รีบสรุปเออเองจบก็เก็บแผนที่เท่าบ้านของแกไป ลุกพรวดไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเอ๋อของทุกคน เมื่อกี้มันสั่งว่าอะไรบ้างวะ...




                “ งั้นกูกับไอ้ไผ่ไปซื้อของเตรียมตัวก่อนนะ ” ไอ้คิมได้สติก่อนใครเพื่อนก็ลากไอ้ไผ่ออกไป ไม่ลืมจะบอกลาคนอื่นๆด้วย




                “ งั้นกูไปตามหาสามีของกูก่อนนะ ” ไอ้พี่ปายฉีกยิ้มให้แล้วพุ่งตัวออกไปทันที...




                สุดท้ายก็เหลือผมกับไอ้วินแค่สองคนเหมือนเดิม... ไม่ มีอินอินด้วยอีกตัว... มือแกร่งลูบหัวเจ้าตัวน้อยไว้แล้วมีสีหน้าเคร่งเครียด... ส่วนผมก็นั่งถือห่อเลย์กินเงียบๆ...




                “ อุ่น ” ผมหันไปจิกตาใส่ “ เออ ธารา ” มันกระแทกเสียงใส่ชื่อผมอีก




                กูยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ... มึงจะหงุดหงิดห่าไร




                “ แฝดฟ้านี่ใคร ”




                “ อ้อ ” ผมพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าเดือดดาล




                “ ทำไม สำคัญรึไง ”




                พยักหน้าตอบไปอีกที “ สำคัญดิ ” เป็นญาติกูไม่สำคัญสิแปลก




                “ อย่าบอกนะว่า... ” มือหนึ่งประคองอุ้มอินอินไว้ แล้วอีกมือก็ชี้หน้าผม...




                “ อะไร ” ผมขมวดคิ้วใส่มัน เกิดเพี้ยนไรขึ้นมาอีก แต่เลย์รสนี้มันอร่อยจริงๆว่ะ


                “ แฝดฟ้าอะไรนั่น ”


                กูรอฟังอยู่ “ ... ”


                “ เป็นแฟนเก่ามึงใช่มั้ย!! ”



                หา?




                “ มึงเอาชื่อฟ้าอะไรนั่นกับชื่อมึงมารวมเป็นอินใช่มั้ย!! ”




              ฟ้า กับ อุ่นนี่ รวมกันได้ อิน... ขอบคุณมากที่สมองมึงคิดได้แค่นี้...



                นี่ผมมีผัวเป็นคน หรือควายผสมลาวะ



                อย่าไปสนใจมัน กลับหอนอนดีกว่า




                “ เฮ้ย มึงกลับมาอธิบายนะเว้ย!! มึงปล่อยให้ผู้ชายของมึงสติแตกไม่ได้น่ะเว้ย!! ”




                เสียงแมงเม่าที่ไหนวะ รำคาญจริงๆ ไปดีกว่า




                อะไรเอ่ย ไร้เยื่อใย





ต่อโพสล่างเน้อ

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0



และแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนรอคอย...




 




                ความมืดมิดรอบด้านบ่งบอกว่ายังไม่เช้า มันควรเป็นเวลาที่ทุกคนกำลังนอนหลับสบายใจแต่กลับมีชายหนุ่มกลุ่มใหญ่กำลังยืนรวมตัวกันอย่างคึกคักตาสว่างหน้าหอพักชาย S




                ใช่... ตาสว่าง




                “ หาวววว ใครมันนัดตีสามแล้วยังไม่เสนอหน้ามาวะ ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากตรงบันไดหน้าหอกำลังนอนซบกระเป๋าจากสำเพ็งใบใหญ่ “ ไอ้อุ่นนน แล้วดินของกูอยู่ไหนนนน ”




                “ กำลังออกจากบ้านใหญ่ ” ผมพูดไปพลางหาววอดๆ ปาดน้ำตาที่คลออยู่ออก หัวผมโงนเงนไปมาเพราะความง่วง ไม่มีแรงจะทรงหัวแล้ว คิดว่าคงเอาหัวไปกระแทกกับพื้นปูนแข็งๆ แต่ที่ไหนได้... อะไรบางอย่างที่แข็งเหมือนกัน แต่ก็นิ่มกว่าพื้น แล้วก็อุ่นกว่า




                เป็นแค่พื้นทำไมมีปาก “ บอกให้นอน แล้วพี่จะจัดกระเป๋าให้ก็ไม่เอา ”




                “ ยุ่งน่า ” ผมบ่นแล้วทิ้งน้ำหนักหัวซบมันไปเลย “ มึงนี่ก็บ้า เคืองกูเรื่องหมา แต่ก็ยังไม่เลิกยุ่งกับกู ”




                “ เรื่องแค่นั้น กูคิดมากไป กูก็เสียมึงไง กูพยายามจีบมึงให้ลืมไม่ดีกว่ารึไง ” ไอ้นี่แลจะเครียดจริงจังเรื่องชื่อหมา แต่ผมไม่มีทางพูดเรื่องน่าอายพรรค์นั้นออกมาหรอกน่า




                “ พูดหล่อดี ไม่เหมือนหน้ามึงเลย ” ส่งเสียงหัวเราะหึไปที




                ไอ้วินโอบไหล่ผมไว้หลวมๆ “ เงียบแล้วหลับไปเลยเมีย ปากดีเดี๋ยวจับจูบเลย ”




                “ ก็ไม่ได้ห้าม ” ผมเงยหน้าขึ้นไปแล้วประกบปากมันทันทีไม่ทันให้มันได้ตั้งตัว... บดจูบเบาๆละเลียดละไมไปตามปากสวยก่อนจะผละออก “ เลิกคิดเรื่องชื่อหมาได้แหละ ไม่ใช่ชื่อใครทั้งนั้น จบ ”




                “ อ่อยพี่ขนาดนี้ เดี๋ยวปล้ำตรงนี้ซะเลย ” วินร้องโอดโอยก่อนจะทำท่าจะจูบผมอีกรอบ ดีที่เอามือยันไว้ทัน “ ไรวะ นี่เสียเปรียบนะ มึงจูบกูอยู่ฝ่ายเดียว ”




                “ แต่ก็ได้จูบมั้ย ”




                “ เออว่ะ ” มันว่าเอ๋อๆ ผมส่ายหน้าแล้วถอนหายใจพรืด ทิ้งหนักตัวซบมันต่อแล้วปิดตาลง แต่หูยังคงได้ยินมันพึมพำ “ จูบแบบไม่รู้สึกอะไร ไม่ต้องจูบก็ได้นะมึง ให้ความหวังคน รู้มั้ย ” มันบีบจมูกผมเบาๆ




                โง่ๆอย่างมึง เดาไม่ออกหรอก กูคิดหรือไม่คิด ต่อให้กูคิด มึงก็เสือกโง่ไม่รู้...




                ยังไม่เลิก “ จับปล้ำจริงๆเลยดีมั้ยวะ อ่อยเค้าขนาดนี้ ”




                “ ตีนสิ หุบปาก จะนอน ”




                แล้วก็เงียบอีกครั้ง... ผมเริ่มทิ้งตัวลงเข้าสู่นิทรา แต่สักพักก็รู้สึกถึงแรงขยับเขยื้อนตัว ลำตัวผมสัมผัสพื้นเย้นๆก่อนหัวจะถูกวางลงบนตัก... ไม่นานผ้าหรือเสื้อใครสักคนถูกเอามาคลุมให้ผม...




                ...ใครสักคนที่ทำแบบนี้นอกจากไอ้หมาบ้าสามตัว




                ในเวลานี้ก็คงเป็นมัน... ไอ้เชี่ยวิน




                ไหนๆก็มืด มองไม่เห็น กูขอหน้าแดงหน่อยแล้วกัน




                “ อุ่น ขอถ่ายรูปหน่อยนะ ”




                กูหลับ กูไม่รู้




                “ ไอ้ฟราน มาถ่ายกูกับเมียให้หน่อยดิ! ”




                ผมพยายามมุดหน้าลงเสื้อแล้วหลับพยายามบังคับให้จิตใจสงบ แต่ที่ไม่สงบเลบยก็คงเป็นก้อนเนื้อในตัว... ที่เต้นร้องส่งเสียงไม่หยุด...




                เฮ้อ... กระเพาะนี่แหละ ร้องโหยหวนด้วยความหิว...




                .




                .




                เวลาผ่านไปเรื่อยๆไม่รู้นานเท่าไหร่ที่ผมหลับ ก่อนจะตื่นขึ้นเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวายตัวถูกกระชากออกจากที่นอนแล้วถูกกอดรัดแน่น




                “ หือ.. อะไรวะ ” ผมถามอย่างงัวเงีย ปรือตาลืมขึ้นอย่างมึนๆ ปรับสายตาให้ชินกับความมืดสักหน่อยก่อนจะประเมินสถานการณ์ได้ว่าตอนนี้มากันครบแล้ว




                “ อุ่น อุ่นเป็นอะไรมั้ย มันวางยาอุ่นใช่มั้ย ” เสียงคุ้นๆเหมือนจะเป็นไอ้ลม ผมไม่ตอบเพราะง่วงและมึนอยู่ “ ไอ้เชี่ยดิน มึงมาดูน้องดิ! โดนไอ้เชี่ยนี่วางยาแน่ๆ ถึงมึนขนาดนี้ ”




                “ ไอ้เหี้ย มึงทำพี่กูเหรอ! ”




                “ ไอ้พี่ปาย มึงปล่อยกูดิว่ะ! กูจะดูน้อง! ”




                “ ดินนน สนใจชุดเค้าก่อนนน น่ารักเปล่า! ”




                “ ไม่น่ารักเว้ยยยยยยย ปล่อยยยยยย ” แม้สภาพตัวเองยังเอาไม่รอดแต่ก็ยังห่วงผม “ ไอ้เชี่ยวิน มึงออกห่างจากน้องกูเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยย ”




                มีรางวัลพี่ดีเด่นแห่งชาติมั้ย




                ผมสะบัดหัวไล่ความง่วงก่อนจะเห็นเหตุการณ์ชัดๆ ผมลุกพรวดสลัดตัวออกจากมือไอ้ลม ตรงไปหาไอ้ไฟกับไอ้คุณผัวก่อนที่เริ่มจะฟัดกันแล้ว




                “ แยกๆ ” เดินเข้าไปคั่นกลางดันให้ห่างกัน “ ไม่แยกกูกระทืบ! ”




                รีบหลบกันไปคนละทิศเลยทีนี้ ไอ้ไฟเดินไปรวมกับลมที่ยังทำหน้าฟึดฟัดไม่เลิก เอาจริงๆพวกมันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่แค่พยายามหาความผิดมายัดเยียดให้เพื่อจะได้กระทืบอย่างมีเหตุผล คิดว่าจะมีใครบ้าแบบนี้มั้ยล่ะ ส่วนวินก็เดินไปหาน้องตัวเองที่มองอย่างเป็นห่วง แล้วก็มีผู้ชายอีกสองคนที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้า




                “ ไอ้คิม ไอ้เหี้ย มึงแย่งข้าวกูไม่พอ ยังเอาขวดน้ำกูไปอีกเหรอ! ”




                “ ไรวะ กูกินหน่อยเดียวเอง ”




                “ หน่อยพ่อง! ”




หันไปอีกทางก็เห็นไอ้คิมไอ้ไผ่กำลังแย่งข้าวกล่องกันแดก เอิ่ม เพิ่งตีสามจะตีสี่ มึงหิวกันแล้วเหรอ




 พอมองไปอีกด้านก็เห็นพี่ปายกำลังตบตีกับดิน มองเลยไปอีกหน่อยก็เห็นแฝดญาติของผมกำลังนั่งแกว่งขาอยู่บนรถกระบะให้ฟีลลิ่งกุมารทองมากมาย




                “ เฮียไทม์อยู่ไหน ” ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด นี่ก็ส่ายแล้วนะ “ พี่ปาย โทรตามเฮียให้หน่อยดิ ”




                คนโดนใช้ชะงักการกลั่นแกล้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับแล้วควานหน้าโทรศัพท์ที่สวมด้วยเคส...เคสเหี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ต่อสายหาคนนำทันที




                ส่วนผมก็บอกให้คนอื่นๆขนของขึ้นรถ เราทั้งหมดจะนั่งรถไปก่อนแล้วเดี๋ยวเช้าค่อยเริ่มปั่น ปั่นตั้งแต่ตีสาม มีตายสิครับ มองไม่เห็นทาง




                พอขนของขึ้นรถหมดเราก็มายืนรอไอ้เฮียไทม์ผู้นัดเวลา ระหว่างรอก็ชวนกันคุยเล่นไปพลางๆ...




                “ วิน ไม่แนะนำน้องกับเพื่อนมึงหน่อยเหรอ ” ไอ้พี่ปายผู้เป็นมิตรกับทุกคนว่า ก่อนจะเพ่งสายตาไปที่น้องเวียร์ “ เฮ้ย ทำไมมองชุดกูงั้นวะน้อง มึงจะแย่งเหรอวะ! ดินดิน มาปกป้องชุดเขาหน่อย ”




                ได้ทีก็หาทางเอาตัวไปกระแซะกับพี่หมอเถื่อนไม่ให้เสียโอกาส ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ขอพูดถึงชุดมันหน่อยแล้วกัน... จะเรียกว่าชุดอะไรดีล่ะ ผมก็อธิบายไม่ถูก เอาง่ายๆ เคยเห็นชุดประดาน้ำป่ะที่แนบเนื้อแขนขาขายาวมิดชิด ถูกสวมทับด้วยกางเกงลายดอกสีพื้นเป็นสีแดงกับลายดอกสีพาสเทลที่ดูแล้วมันน่าจะทำเองเลย  ส่วนเสื้อก็ใส่ทับด้วยเสื้อยืดสกรีนตัวโดเรมอนนั่งแดกโดรายากิ หัวก็มีงอบใส่ ไม่รู้มันไปขโมยชาวบ้านที่ไหนมา




                จบเพียงเท่านี้กับชุดของมัน




                น้องเวียร์ทำหน้าเหวอ “ เอ่อ... ”




                “ ใครมันจะไปสนใจชุดประหลาดของมึงวะพี่! ”ดิน สะบัดตัวสลัดผลักออกจากอย่างแรง




ผมว่าเสียงเรียบก่อนจะยกน้ำเปล่าขึ้นกระดก




                “ ทำใจน้อง มันบ้า ” ชี้ไปสองคนข้างหลัง “ แล้วนั่นใคร ”




                “ คนนี้ไอ้ฟราน มึงน่าจะเคยเห็นหน้านะ อยู่หอเดียวกัน ” วินชี้ไปคนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดูก็รู้ว่าโดนหลอกมา “ ส่วนคนนี้เพื่อนสนิทพี่เอง ชื่อ ไต้ฝุ่น อยู่อักษร ”




                อ้อ... คณะเดียวกับไอ้น้องซีแอ๊บใสน่ะเหรอ




                “ เฮ้ยยย งั้นพี่ก็คือเดือนมหาลัยปี 3 อ่ะดิ!! ”ไอ้ไผ่ร้องขึ้นรีบถลาไปประชิดตัวแล้วเขย่าๆ “ วันนั้นพี่หล่อโคตร ร้องเพลงเพราะชิบหาย ”




                “ ขอบคุณครับ ” รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้จนไอ้ไผ่หน้าร้อนแดงวูบวาบ




                ไอ้คิมหน้างออย่างเห็นได้ชัด “ มึงมานี้เลยไอ้ไผ่ ”




                “ อะไรของมึงวะ! ”




                “ เรื่องของกู! ”




                ไต้ฝุ่นมองเพื่อนคู่นี้ด้วยสายตาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากยิ้มเรี่ยราดกระจายความหล่อไปเรื่อย จะว่าไปเรื่องคืนวันเฟรชชี่ไนท์ของที่นี่ เขาค่อนข้างฟรี เด็กนอกก็เข้ามาได้ แต่ก็ต้องแบบมีรุ่นพี่เป็นคนพาเข้ามา ไอ้ผมก็โดนไอ้เหี้ยดินลากมาดูมันประกวด แต่แน่นอน แพ้... สมน้ำหน้า




                “ คนนี้ชื่อ ปาย ปีสี่ ” ผมไล่แนะนำบ้าง “ แต่ไม่ต้องเคารพมันหรอก มันบ้า ”




                “ อ้าว ไอ้หลานรหัสเชี่ย ”




                “ สองคนนั่น คนผมยาวชื่อ ไผ่ ผมสั้นชื่อ คิม ” ชี้ไปที่ไอ้เพื่อนสองคนกำลังกัดกันได้ที่ “ อย่าไปสนใจ มันไม่ปกติ ”




                “ อ้าว ไอ้เพื่อนเหี้ย ” นิ่งค้างหยุดการหยอกกันทันที




                “ สามตัวนั่น เป็นพี่น้องกูเอง ” ผมกวาดตามองไปแล้วถอนหายใจ “ อย่าไปสน ไม่สำคัญ ”




                “ อุ่นอ่า (T^T) (TOT) (Y_Y) ”




                “ ส่วนสองคนนั้น ” ชี้ไปที่ฝาแฝดโคตรจะหล่อบรรลัย “ เป็นญาติกู ชื่อท้องฟ้า กับฟ้าคราม หน้ามันคล้ายกัน เรียกๆไปเถอะ ”




                “ แนะนำเฮียได้แย่จริงๆนะ ” ท้องฟ้าว่าเสียงเอ็นดูก่อนจะก้มลงมาคล้องคอผมแล้วกวาดตามองคนอื่นๆ “ คนไหนชื่อวินวะ ”




                “ ผมครับ ” ไอ้วินมันทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจบางอย่าง คงตรัสรู้แล้วมั้งว่าไอ้แฝดฟ้านี่พี่กู




                ฟ้าครามพยักหน้ารับแล้วมุ่ยปากไปทางสามหมา “ เออ ดูแลน้องกูด้วยล่ะ กูไม่กัดเหมือนไอ้สามหน่อนั่น ”




                “ ครับ ” อมยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยนะมึง แล้วมันก็หันมามองผม




                เสียงขุ่นมัว “ มองห่าไร ”




                “ มองเมีย ”




                “ ไม่อยากแดกข้าวแบบอร่อยๆแล้วใช่มั้ย ” ท่าทางผมคือจะเข้าไปตะครุบแล้วขย้ำหัวมันแล้ว แต่ติดที่ไอ้ไฟมาดึงตัวไว้ก่อน




               “ พี่อุ่น พี่มากับไฟดีกว่า อย่าไปสนใจมัน มาทาครีมกันแดดก่อน ถึงตอนนี้จะตีสี่ แต่แสงไฟก็มีผลต่อผิวสวยๆ เฮ้ย! ไอ้เชี่ยวิดวะ มึงนี่ไม่เลิกนะ มึงตัดหน้ากู! เอาครีมมา!”




                “ ตังค์กู ไอ้น้องเหี้ย ครีมก็ของกู มึงขโมยจากห้องกูมา อย่าคิดว่าไม่รู้ ”




                “ มึงได้แปะชื่อไว้มั้ยล่ะ ห่า! ”




                “ นี่กูพี่มึงนะ ”




                “ กูน้องมึงนะ เคารพกูดิ! ”




                ผมคิดว่าบ้านผมกำลังมีสมองที่ไม่ค่อยจะปกติกันสักเท่าไหร่ ผมเลยคว้าแขนทุกคนลากตัวแยกออกมาจากสามหน่อสี่หน่อบ้าบอ




                หยุดเมื่อไกลพอจากคนบ้า ผมเลยจับหัวเวียร์แล้วโยกเล่นด้วยความเอ็นดู ไอ้เวียร์มันน่ารักนะ ตัวเล็กๆ แต่ไม่ได้เตี้ยก็แคระ คือผมสูงไง “ คนพวกนี้ประสาทหน่อยนะ ทางที่ดีอย่าไปใกล้ เดี๋ยวติดเชื้อ ” ว่าไปพลางเหลือบไปทางไต้ฝุ่นกับฟรานด้วยเหมือนจะเตือนกลายๆ




                เวียร์ส่ายหน้าแล้วคลี่ยิ้ม “ ไม่ประสาทนะครับ ทุกคนดูรักใคร่สนิทกันดีนะครับ น่ารักจะตาย ”




                ...ผมว่าเวียร์มีความผิดปกติทางสายตาอยู่มากนะ...




                “ แล้วพวกมึงโอเคมั้ย ” เงยหน้าไปถามสองคนที่ดูเงียบๆ




                ไต้ฝุ่นพยักหน้า“ เป็นทริปที่น่าสนุกดีนะ ” เหลือบไปทางหมาบ้าสามตัวที่มีไอ้พี่ปายผนวกผนึกความบ้าเข้าไปอีกแล้วค่อยๆขยับมุมปากยิ้ม คนบ้าอะไร ทำห่าอะไรก็ดูดีไปหมด ไอ้วินนี่แทบไม่ได้ครึ่ง




                ไอ้ฟรานทำหน้าทำตาเหมือนจะกัดลิ้นตาย ชกไปที่ไหล่ไอ้วินดังปั้ก “ มึงมันเชี่ย หลอกกู มึงจะพากูมาทำเหี้ยอะไร กูไม่อยากปั่นนนนนนนนนน ไอ้เชี่ยยยย ”




                เสียงร้องโหยหวนดังเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดีก่อนจะชะงักเมื่อมีอีกเสียงแทรกมา... และคนที่เรารอคอยก็มาถึงสักที




                “ เฮ้ยยยยยยยย ขอโทดดดดดเว้ยยยย รถติด!! ”




                ผมสวนกลับทันที “ รถติดบ้านป้าสิไอ้เฮีย! ”




                “ ชะอุ๊ย แก้ตัวไม่ผ่าน แย่จัง ” หน้าตาหงอยซึมลงทันควัน ใบหน้าเข้มคมเต็มไปด้วยเหงื่อ คงรีบปั่นจักรยานมาสุดฤทธิ์ มันลงจากจักรยานแล้วทิ้งตัวโยนกระเป๋าใบเท่าช้างออก “ เหนื่อยชิบหาย ”




                “ ทำไมสาย ”




                ทำหน้าอึกอัก “ เอ่อ คือ แบบว่า ” เหลือกตาไปมา “ กูหลงทางว่ะมึง แหะๆ ”




                ...กูจะไปถึงเพชรบูรณ์มั้ย ไหนตอบ




                “ เดี๋ยวเอาของเก็บให้น่ะครับ ” ไอ้วินว่าขึ้นแผ่ซ่านความใจดีไปทั่ว




                “ ทำดีมาก ว่าที่น้องเขยของน้องรหัสกู ”ไอ้เฮียไทม์ยกนิ้วให้ แสร้งทำอารมณ์ดีหลบสายตาจ้องจะต่อยของผม 




                ช่างแม่ง หลงไหนก็พักนั่นแหละ




                ส่วนไอ้คนถูกชมเช่นไอ้วินก็หัวเราะอย่างชอบใจ ยกกระเป๋าไปเก็บท้ายรถ ส่วนจักรยาน ไต้ฝุ่นเป็นคนยกไปขึ้นรถให้... สรุปรวมทริปหรรษาของเรามีกัน... สิบสี่คนถ้วน 




                คนปั่นนำทริปพักหายใจก่อนจะมองกวาดสายตาสาดส่องดูทุกคนแล้วเห็นสี่คนที่ยังกัดตีกันไม่เลิกก็ขยับคิ้วมองดูด้วยความสนใจ




                “ เฮ้ย พี่น้องมึงปะอุ่น น่ารักดีว่ะ ”




                ควรพาพวกมันไปตัดแว่นเช็คประสาทใหม่เนอะ...




                สามหน่อหมาเถื่อนหยุดง้องแง้งใส่ไอ้พี่ปายหันควับมามองทางต้นเสียงแล้วถลามาจะต่อย




                “ มึงว่าใครน่ารัก พูดอีกทีดิ!! ”




                “ พวกมึงไง ” ตีหน้าอึนกลับ กระตุกต่อมบ้าไอ้ลมให้หนัก




                “ อย่างกูเขาเรียกหล่อเว้ย ไอ้หน้าแป๊ะ!! ”




                “ อ้าวพี่ ไหงว่ากันงี้วะ ”




                ผมถอนหายใจครั้งที่เจ็ดร้อยแปดสิบเอ็ดแล้วยกมือไล่ๆต้อนๆทุกคนที่ยังมีสติครบให้ขึ้นรถ บ้างก็นั่งท้ายรถ บ้างก็นั่งในรถ... ผมเลือกขึ้นรถของไอ้เฮียฟ้าคราม นั่งหลังกับไอ้วินสองคน มองลงไปก็ยังเห็นไอ้พี่รหัสกับพี่คนโตของบ้านกำลังวางมวยไม่เลิก




                “ จะไม่ไปใช่มั้ย!! ”



                ตะโกนลงไปให้สองคนนั้นหยุดใช้สายตาฟาดฟันกัน




                พี่รหัสผมก็เปรี้ยว “ ระวังตัวไว้เถอะมึง ” ก่อนจะสะบัดก้นขึ้นไปนั่งในรถของไอ้พี่ท้องฟ้า




                “ มึงนั่นแหละระวังไว้ เดี๋ยวตายไม่รู้ตัว ” ไม่วายชูของดีให้อีก ก่อนที่ไอ้ลมจะผละไปนั่งบนหลังกระบะอีกคนสุมหัวกับสองหมาที่เหลือ มันซุบซิบกันแล้วหันมามองหน้าไอ้วินจากนั้นก็ขยับยิ้มชั่ว พอผมมองจ้องกลับ รีบหันไปมองนกมองไม้ทันที... ไอ้พวกเสแร้ง




                “ กูว่าทริปนี้กูคงต้องระวังตัวสุดๆ ” เสียงข้างๆเรียกสติผมให้หันไปมอง “ เผลอที กูคงไปนอนอยู่วัด ”




                “ เออ...แต่แม่ง..."



                แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว...


             “ มันคงเป็นทริปที่วุ่นวายสัดๆแน่ๆ ”




                กลิ้งตาไปมาแล้วเงยหน้ามองพระจันทร์และส่ายหัว...



                เช้าเมื่อไหร่... ความชุลมุนบังเกิดชัวร์ 


                พาราสามโหลที่เอามา... จะพอมั้ยวะ เฮ้อ







**************************
ก่อนอื่นกราบขอโทาที่หายไปเนิ่นนาน ส่วนหนึ่งที่หายไปเพราะงมหารหัสไม่เจอ
เมลก็ตายดับ งมหารหัสอยู่เหมือนกัน
มาได้ก็ครบรอบ 3 เดือนพอดี ฮือ ขอโทษค่า

เว็บนี้ลงช้าที่สุดก็ขอโทษด้วยค่า ตอนนี้เขียนถึงตอนที่ 19 แล้ว จะรีบทยอยลงนะคะ
ขอโทษด้วยค่ะ
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รีบๆๆมาลงเลยน่ะ อิอิ
เราตามไปอ่านอีกเวปตามทันแล้วแระ คิกๆๆ

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
รอๆจ้า ต้องกลับไปอ่านเนื้อเรื่อใหม่
ลืมหมดแล้ว เพื่อความฟิน

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
เริ่มทริปแล้ว
มีคู่ใหม่กี่คู่เนี่ยยย
ที่แน่ๆ ไทม์ลม ชิมิ 55555
ไต้ฝุ่นกับใครดีอ่า

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

นิเทศตัวร้าย กับ สถาปัตย์อาร์ตตัวพ่อ 10
ตอน ทริปรวมพลคนประสาท 2
 







   “ จอดดดดดดด ”   
   
   สุรเสียงตะโกนขึ้นสนั่นปฐพีปลุกผมคืนสติตื่นขึ้นเผลอลืมตาเร็วไปเลยจำต้องหลับตาลงเพราะแสงมันแยงเข้าตาเต็มๆ ...นี่เช้าแล้วเหรอวะ... คิ้วขมวดขดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความปวดตาเมื่อครู่

   “ เสียงใคร ” ผมถามคนข้างๆที่เอาแต่ถือกล้องถ่ายรูป สะดุ้งตื่นกี่รอบๆ ก็เห็นมันถ่ายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี จนตอนนี้สว่างจนแสบตาแล้วมันก็ยังไม่เลิก

   วินชะงักนิ้วกดชัตเตอร์หันมามองผมก่อนแล้วชะเง้อคอไปมองอีกรถ “ น่าจะเสียงพี่ปาย ” และมันก็หันกลับไปถ่ายรูปต่อ...
   
   เมียเช่นกูดูไร้ค่าขึ้นมาทันที...
   
   หลายคนคงคิดงั้น แต่สำหรับผม มันจะทำห่าอะไรก็ไม่สะเทือนความรู้สึกหรอก อย่าลืมใจนายธาราโคตรสตรองจนเพชรยังอาย
   
   หลังจากเสียงสนั่นถนนเมื่อครู่เลยทำให้รถของไอ้พี่ท้องฟ้าที่พวกมันนั่งจอดลง และรถของพวกผมก็ต้องจอดตามด้วยความมึนงง ไอ้พี่ปายคนประหลาดโดดลงจากรถแล้วเดินไปคุยกับพี่ท้องฟ้า จากนั้นก็เดินมาคุยกับพี่ฟ้าคราม สุดท้ายก็หันมาบอกผม
   
   “ เดี๋ยวแวะปั๊ม แดกข้าวก่อน แล้วค่อยปั่น ตอนนี้อยู่ปทุม หลงอยู่นนท์มาสามชั่วโมง ถามจริง พี่มึงไม่เคยออกนอกกรุงเทพรึไงสัด ” มีบ่นผสมด่าแล้วเดินกลับขึ้นรถตัวเองอย่างมีน้ำโห...
   
   ผมจับประเด็นของมันได้แค่ไอ้เฮียคนขับพาหลงทาง... ทริปนี้กูพึ่งใครได้บ้าง...
   
   พอตกลงกันได้พี่ปายขึ้นรถแล้วก็เคลื่อนรถต่อ... ไม่นานก็เจอปั๊มน้ำมัน ไม่รีรอใดๆ เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าเซเว่นทันที... ผมลงจากรถได้ก็บิดตัวไล่ความเมื่อยขบออกไปก่อนจะช่วยไอ้วินยกจักรยานห้าคันลงจากรถ ซึ่งมีของผม ไอ้วิน ไต้ฝุ่น ฟรานแล้วก็น้องเวียร์
   
   แต่มือยังไม่ทันได้แตะจักรยานที่ไอ้วินส่งมาให้..
   
   “ อุ่นนนน อย่าจับ มันหนัก เดี๋ยวมือสวยๆจะเปื้อน มาๆเฮียยกเอง ” ไอ้ลมถลาร่างมาอย่างไว ฉีกยิ้มให้ไอ้วินที่ยืนอยู่บนกระบะได้เหงื่อตกเล่น “ น้องเขย ส่งมาสิ ”
   
   “ เอ่อ... ครับ ” คนโดนเรียกแบบนั้นเผลออ้าปากค้างรีบตั้งสติรีบส่งจักรยานให้ไอ้ลมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อารมณ์ประมาณว่า มึงจะมาไม้ไหนครับ...  เอาตามตรง ไอ้เหี้ยนี่ต้องการเอาใจผมแซงหน้าคนอื่นก็แค่นั้น
   
   “ วินลงมา ไปแดกข้าวกับกู ” ยืนตีหน้านิ่งใส่ทำเอาค้างทั้งคู่ มือแกร่งถือจักรยานค้างด้วยอารมณ์ตัดสินใจไม่ถูก “ มึงวางจักรยานลง และลงมา ”
   
   ลมหันมา “ เดี๋ยวดิ... ”
   
   “ ส่วนมึงขึ้นไปยกเองคนเดียว ”ก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มหวานให้พี่ชายตัวเอง... “ เอ้า อยากเอาหน้าไม่ใช่เหรอ ทำสิ ”
   
   ได้ยินเสียงหัวเราะสะใจจากข้างหลังไม่วายคงเป็นไอ้สองศรีหมาบ้าที่เหลือ ไอ้วินมันวางจักรยานลงตามเดิมแล้วกระโดดลงจากรถมาหาผม
   
   “ ปะ กินข้าวกัน ” ยิ้มร่าเหมือนหมาได้ขนมไม่มีผิด ผมเหลือบไปมองพี่ตัวเองแล้วขำ ยกจักรยานเองด้วยความลำบากลำบน รู้สึกดีที่ได้แกล้งพี่ตัวเอง เป็นการแสดงออกถึงความรักของผมอย่างหนี่งเลยนะ
   
   ไอ้ลมยกลงมาได้สองคัน พ่อคนดีไม่ทิ้งแถวอย่างไต้ฝุ่นเพื่อนไอ้คนข้างๆเดินหน้าหล่อพร้อมรอยยิ้มใจดีเรี่ยราดมาช่วยไอ้ลมยกลง
   
   “ ไปไกลๆไอ้หน้าอ่อน กูยกเองได้ ”
   
   แหนะ... ยังจะทำเก่ง
   
   ได้แต่ส่ายหน้าเอือมๆก่อนจะแตะไหล่ให้ไอ้วินเดินตามไปร้านข้าวที่บัดนี้ไอ้แฝดฟ้าได้จองโต๊ะยาวไว้แล้ว เวียร์กับ ฟรานนี่ไวเกินก้มหน้าก้มตาจ้วงข้าวไม่หยุด ผมเดินไปซื้อข้าวราดแกงง่ายๆแล้วเดินกลับมานั่งท้ายๆโต๊ะ ไอ้วินได้ข้าวหลังผมตามมานั่งลงข้างๆผมอย่างรู้งาน... ถ้ามันไม่นั่งข้างผม เดี๋ยวได้มีสงครามแข่งที่จากคนที่คุณรู้ว่าใคร
   
   ระหว่างทานข้าวผมกับมันไม่ได้คุยกันเลย มีมันนี่แหละยกกล้องถ่ายรูปชาวบ้านไม่หยุดจนผมเผลอชักสีหน้ารำคาญ เอาช้อนตัวเองกระแทกไปชามก๋วยเตี๋ยวมัน
   
   “ แดก! ”
   
   ไอ้วินตกใจเล็กน้อยหยุดการถ่ายรูปก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาไม่เข้าใจจากนั้นค่อยเป็นสายตาทะเล้น “ ฮั่นแน่ กลัวเค้าหิวระหว่างทางเหรอ ”
   
   “ เส้นอืด เสียดายของ จะแดกไม่แดก ไม่แดก กูแดก ” ผมทำท่าจะหยิบตะเกียบบนชามมัน แต่มันไวกว่ารีบคว้าตะเกียบลงมือกินทันที...
   
   ...เลิกเรียนสถาปัตย์แล้วไปเปิดบ้านเลี้ยงเด็กดีมั้ย ถ้าจะรุ่ง
   
   หมุนหัวเอาความสนใจกลับมาที่เดิม หน้าข้าวตัวเอง ตักยัดเข้าปากแล้วกวาดมองรอบโต๊ะ เห็นไอ้คิมกับไผ่นั่งคุยหัวเราะกันไม่รู้คุยห่าอะไรกัน ขี้เกียจเสือก มองตรงข้ามก็เห็นหมาสองแย่งที่นั่งไม่เลือกมาสิบนาทีได้ ที่ไม่มีไอ้ดินคงเพราะโดนพี่ปายยึดตัวไว้...
   
   บางทีผมควรหาใครมารั้งไอ้สองตัวที่เหลือ... ใครดีวะ
   
   ทำเนียนกวาดสายตาหา... ให้เนียนมากขึ้นก็เคี้ยวข้าวไปด้วย อืม... แฝดฟ้าตัดไป ญาติกัน ไม่เอาผิดศีลธรรม แอบเห็นสายตาพวกมัน... แล้วคงจะถูกใจใครสักคนในทริปซะแล้ว มองไอ้พี่รหัส ไอ้นี่แอบได้ข่าวมีเมียแล้วเป็นผู้หญิง  งั้นก็เหลือแต่ฟราน ไต้ฝุ่น เวียร์...เวียร์นี่ตัดทิ้งเถอะ ไม่อยากให้บ้าตาม
   
   อืม... แต่ดูแล้วในสามคนนั่นเหมือนจะมีคนเล็งไว้แล้วสิ
   
   สายตาผมไม่เคยพลาดอยู่แล้ว แอบเบ้ปากนิดๆ กับความฉลาดตัวเองที่โคตรอยากจะแบ่งให้ไอ้คนบ้ากล้องจริงๆ ยังโง่งมกับชื่อหมาไม่เลิก
   
   “ เออ อุ่น พี่ว่าจะถามอยู่ ” วินทักขึ้นหลังจากคีบเส้นเตี๋ยวเข้าปากได้ไม่นาน 
   
   ผมขมวดคิ้วแล้วตักข้าวกินต่อ “ ถามอะไร ”
   
   ดูจากสีหน้ามันแล้วคงจริงจังน่าดู
   
   “ เบอร์โทรศัพท์มึงเบอร์ไรวะ ”
   
   จะมึงจะพี่จะกู มึงเลือกสักอย่างดิ๊ เวลาอยากกวนประสาทก็พี่กับมึง อารมณ์ดี๊ดีก็พี่กับอุ่น อารมณ์คุยปกติชวนตีกันก็กูกับมึง...
   
   “ เบอร์? ” ทวนกลับอย่างไม่เข้าใจ “ เบอร์โทรศัพท์กูอะนะ เอาไปทำไม ”
   
   “ ไว้ไปแทงหวยมั้งห่า ” สายตาคมมองผมประมาณว่านี่โง่หรือควาย ถุย มึงฉลาดมากเลยพ่อ “ ไว้โทรคุยไง เผื่อไม่เจอกัน ”
   
   “ มึงทำตัวติดกูขนาดนี้ ตารางเรียนกูก็มี ห้องกูมึงแอบไปขอกุญแจเจ้าของหอมาแล้ว ยังจะเอาเบอร์ไปทำห่าอะไรอีก เยอะจริงๆนะมึง กลัวหากูไม่เจอขนาดนั้นเลย ”
   
   “ แล้วถ้ากูบอกว่ากลัวล่ะ ” เสียงจริงจังจนปากที่กำลังบ่นของผมจำต้องยอมหยุดพูด “ ถ้ากูกลัว มึงจะว่าไง ทำอย่างกับมึงอยู่สถิตเป็นที่นักนี่ เมื่อก่อนนะ...  ”
   
   หุบปากฉับเหมือนจะหลุดปากบางอย่างออกมา
   
   ผมทำเป็นไม่ได้ยินพลางยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ เรื่องของมึง กูสนรึไง ”
   
   “ สนหน่อยเถิด นี่ผู้ชายของมึงนะ ”
   
   “ ขี้ข้ากูต่างหาก ”

ว่าไปอย่างเย็นชาแต่ลอบถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปโทรศัพท์มันที่วางไว้บนโต๊ะมาปลดล็อค ไอ้เวรนี่ก็โทรศัพท์สาธารณะจริงๆ ไม่มีรหัส ปลายนิ้วไล่หาไอคอนการโทร กดเลขลงไปสิบตัว และบันทึก
   
   ‘ผัวสุดหล่อ’
   
   แล้วค่อยยื่นโทรศัพท์คืนให้มัน ตอนแรกนี่หูหางกระดิกด้วยความดีใจจนเนื้อเต้น แต่พอเห็นชื่อที่เมมไว้เท่านั้นแหละ หุบยิ้มตาขวางทันที
   
   “ เมมเหี้ยอะไรเนี่ยเมีย ”

   “ ทำไม มีปัญหาเหรอ ” เคี้ยวข้าวแล้วหยิบแก้วน้ำไอ้วินมาดื่ม เพราะแก้วตัวเองหมดแล้ว “ โทรมาดิ๊ จะเมมเข้าเครื่อง ”
   
   ไอ้วินทำท่าจะบีบคอผมเสียให้ได้ มันก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ยิกๆ เหมือนจะเปลี่ยนชื่อที่ผมเมมไว้แล้วค่อยกดโทรหาผม ห้าวิต่อมารู้สึกแรงสั่นในกระเป๋าเสื้อคลุม ผมล้วงขึ้นมาตัดสายแล้วเมมไว้

‘ เมียโง่ ’

   แกล้งชูให้ไอ้วินดู มันรีบฉวยไปแล้วเปลี่ยนอย่างไร้มารยาท ก่อนจะยิ้มกว้างยื่นโทรศัพท์ให้ดูทั้งสองเครื่อง...
   
   ‘ เมียโหดที่รัก ’ กับ ‘ ผัวโง่สุดหล่อ ’
   
   พยายามกดมุมปากตัวเองไม่ให้ยกยิ้ม ทำทีเมินสิ่งที่มันทำ โยนโทรศัพท์ใส่มันไม่สนว่ามันจะรับได้ไม่ได้ ส่วนของตัวเองผมก็รีบเก็บลง แสร้งกินข้าวที่เหลือต่อ ไอ้วินมันก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไง ทำเนียนกินก๋วยเตี๋ยวอืดๆต่อ

   “ อ่า ทำไมก๋วยเตี๋ยวมันหวานจังวะ ”
   
   มองต้นไม้เคี้ยวข้าว กลืน “ ...”
   
   “ สงสัยเพราะคนข้างๆ มาเติมความหวานให้แน่เลย  ”
   
   “ แดกเงียบๆ เป็นมั้ยสัด!! ”
   
   ผมตวาดเสียงดังโยนช้อนโยนส้อมทิ้งลงจาน ลุกพรวดพราดท่ามกลางคนร่วมทริปที่สะดุ้งตกใจหันมามองถ้วนหน้า ผมไม่สนอะไรนอกจากเดินออกมาให้ไวที่สุดก่อนใครจะเห็นหน้าผม ส่วนไอ้คนที่เห็นหน้าผมแล้วก็...
   
   “ หึหึหึ ”
   
   กูอยากกระทืบมึง ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย!!!
 
   
   
   
   ผมหนีมานั่งอเมซอน สั่งกาแฟเข้มๆให้ตัวเองสักหน่อย เติมกาแฟอีนสักหน่อยจะได้ตื่น ระหว่างรอก็ก้มมองนาฬิกาไปด้วย เพิ่งจะ 8 โมงเช้า ไอ้พี่ปายคงเริ่มปั่นเกือบๆ 9 โมงนั่นแหละ
   
   ว่างแล้วก็ขอสไลด์โทรศัพท์เช็คเรทติ้งในเฟสบุ๊คสักครู่... เป็นเหมือนทุกครั้งที่เปิดเน็ต เสียงแจ้งเตือนดังจนเครื่องแทบรวนเกือบจะพัง
   
   กดเข้าไปดูแจ้งเตือนพบว่ามีรูปที่ไอ้วินแท็กผมไว้ตั้งแต่ตีสอง
 
   
   Kornkavin : เด็กน้อยหลับปุ๋ยเลย กับ – Thara Siriunchai
   พร้อมรูปถ่ายลางๆมืดๆมีแสงแฟลชช่วยให้เห็นว่าผมกำลังหลับพริ้มหนุนตักมันห่มเสื้อมันอีกแล้วไอ้วินก็ทำท่ากำลังก้มมองผมอยู่...
 
   603 likes and 105 comments
   
   
   ขอไม่อ่านคอมเม้นท์แล้วกัน...

   ผมปิดโทรศัพท์ลงตอนที่กาแฟร้อนมาเสิร์ฟ...
   
   สักพัก...กระดิ่งตรงประตูส่งเสียงร้องเมื่อมีลูกค้าเข้ามา ผมเงยหน้ามองก่อนจะพบว่าเป็นคนร่วมทริปประหลาด
   
   เจ้าตัวยิ้มน้อยให้ผมก่อนจะเดินไปสั่งเครื่องดื่มจากนั้นค่อยกลับมานั่งลงตรงข้ามผม “ นั่งด้วยคนสิครับ ”
   
   “ ตามสบาย ” เพราะน้ำเสียงผมค่อนข้างจะแข็งๆไม่มีความละมุน อีกฝ่ายเลยได้แต่ยิ้มแห้งผงกหัวตอบรับมาด้วยความเกร็งๆ “ ไม่ต้องกลัว กูไม่กัด ”
   
   “ ฮ่าๆๆ โอเคๆ ” เจ้าตัวพยักหน้าแล้วทำมือโอเคตกลง “ กาแฟอร่อยมั้ย อุ่น ”
   
   ส่งสายตาเหี้ยมเกรียมทันที  “ เรียก ธารา เถอะ ”
   
   “ ธาราก็ธารา เขาชอบธารามากนะครับ ไม่สิ คลั่งเลย ” ว่าไปเหมือนเล่าเรื่องปกติ ยื่นมือไปรับกาแฟของตัวเอง “ ธาราชอบเขาบ้างมั้ย ถามจริง ”
   
   “ ... ” ผมใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องพูด “ คิดไงถึงมาทริปนี้ ”
   
   “ ชวนมา บังคับมา ” ดูจะมึนอึนกับการเลี่ยงตอบคำถามเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจไม่ยุ่งต่อ แต่ก็เตือน  “ ถ้าไม่คิดอะไรก็อย่าให้ความหวังนะ อย่าทำให้เจ็บมากล่ะครับ  ”
   
   “ ...หึ ” ครางหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างไร้สาเหตุ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แค่รู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาดื้อๆ “ มันไม่มีอะไรแน่นอน รับปากไม่ได้ทั้งนั้น ”
   
   แล้วความเงียบค่อยๆคลานเข้ามา ก้านนิ้วคล้องสอดเกี่ยวหูถ้วยกาแฟร้อนขึ้นจิบนิดๆ ให้สมองรู้สึกผ่อนคลาย... ตลอดเวลาที่นั่งดื่มกาแฟ ผมกับคนตรงข้ามไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะอีกฝ่ายยังคงไม่เลิกกลัวเกรงผม ก่อนออกจากร้านก็เดินสั่งกาแฟเย็นมาอีกสองแก้ว
   
   “ ซื้อให้ใคร ” ผมถามด้วยความใคร่รู้
   
   ตอบไปแบบไม่ยี่หร่ะ “ อ้อ พี่ท้องฟ้ากับฟ้าครามเขาฝากซื้อน่ะครับ ”
   
   “ อ่าฮะ ” แสยะยิ้มแล้วยกมือขึ้นตบไหล่ “ ระวังตัวด้วยแล้วกัน ”
   
   “ เห? ” เอียงคอใส่ผมพร้อมแววตาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร คงคิดว่าผมคงเตือนเรื่องการปั่นจักรยานเลยไม่ทันได้ฉุกคิดอะไร
   
   แค่เท้าพ้นบันไดขั้นสุดท้ายของอเมซอนก็เจอเข้ากับใบหน้าหล่อๆของสองแฝดคลี่ยิ้มหวานให้ผม... แววตาดูไม่น่าไว้ใจทั้งคู่เลยจริงๆ...
   
   “ คิดอะไรอยู่  ” ถามตรงๆ
   
   ฟ้าครามยืนสบายเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง “ อืม น่ารักดี ”
   
   “ แล้วมึง ” หันไปถามอีกคน
   
   ท้องฟ้ามองทะลุไปด้านหลังผมแล้วจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ ก็...น่ากินดี ”
   
   “ อย่าทำอะไรน่าปวดหัวก็พอ แค่นี้กูก็ปวดหัวจะตายห่าแล้ว ” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง “ ไม่อยากมีเรื่องกับไอ้วินนักหรอก ”
   
   ฟ้าครามหัวเราะแล้วเดินมาพาดแขนโอบไหล่ผมพาเดินไปที่รถ ท้องฟ้าเองก็เดินขนาบข้างมา
   
   “ เห็นพวกเฮียร้ายขนาดนั้นเลย ”

   “ ก็น่าจะรู้ตัว ”

แล้วก็พากันหัวเราะชอบใจ...ผมเหลือบตามองมันทั้งคู่อย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่ ไอ้แฝดสองตัวนี่มันไม่ได้เทพบุตรขนาดนั้นหรอก...
   
                  พอเดินมาถึงรถก็พบว่าทุกคนกำลังวอร์มร่างกายเช็คจักรยานกันอยู่ มือค่อยๆดึงแขนหนักๆของไอ้เฮียฟ้าครามออกแล้วตรงไปรื้อค้นกระเป๋า เอาปลอกแขนปลอกขา หมวก ขวดน้ำออกมาลงนอกกระเป๋าแล้วกลับมาสนใจจักรยานตัวเองที่มีไอ้เชี่ยวินนั่งยองๆ ดูสภาพยางรถอยู่
   
   มันเงยหน้าขึ้นมา “ เติมลมเพิ่มให้แล้ว ตอนแรกยางมันนิ่มไป ” ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อย

    พยักหน้าตอบรับสาวเท้าไปใกล้จักรยานเอาขวดน้ำใส่แล้วล็อคไว้กับตัวรถ จากนั้นทดลองขึ้นคร่อมนั่งๆให้ชิน เพราะไม่ได้ปั่นจักรยานนานมากแล้ว นั่งค้างบนจักรยานได้แปบก็ลุกออก เดินกลับไปท้ายกระบะเพื่อนั่งใส่สนับเข่า
   
   “ แดดวันนี้น่าจะร้อน ” เสียงอ่อนโยนว่าขึ้นเบาๆเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาของไอ้วิน มันนั่งอยู่ท้ายกระบะรออยู่แล้ว ผมกระโดดขึ้นไปนั่งข้างๆมันหลังจากนั้นค่อยเอื้อมมือไปหยิบปลอกแขนขามาใส่
   
   ปล่อยผ่านไปหลายนาทีถึงจะตอบรับบทสนทนาของมัน “ แดดประเทศไทยมึงเคยเห็นมันเย็นมั้ยละ ”
   
   เสียงขบขันดังในลำคอ “ อย่าเป็นลมกลางทางล่ะเมีย ”
   
   “ บอกตัวเองเถอะมึง ” หันไปจ้องหน้ามันก่อนจะยกมุมปากขึ้นแย้มแสยะยิ้มหยัน “ หน้าอ่อนแบบนี้ โดนแดดนิดเดียวก็เป็นลมแล้วมั้ง ”
   
   “ ดูถูกกันไปเปล่า ”
   
   พยักหน้าลง “ ก็ดูถูกไง พนันกันมั้ยล่ะ  ”
   
   “ ไม่เอา ไม่อยากรังแกเด็ก ” ยักคิ้วให้ด้วยอารมณ์กวนตีน “ แต่ถ้าเด็กอยากให้รังแก ก็รับคำท้า ”
   
   “ ได้ งั้นถ้าใครร่วงก่อน แพ้ ” ผมว่าอย่างมั่นใจ เพราะยังไงผมก็ถึก ทน ไม่เหมือนไอ้วินที่ดูจะไม่ค่อยได้ออกแดด ทำงานหนัก ร่อนแดดร่อนลมสักเท่าไหร่
   
   วินพยักหน้าเป็นการตกลงแล้วถามต่อ “ ถ้าชนะ เราจะให้อะไรพี่ ”
   
   “ แล้วแต่มึงเลย เพราะยังไงมึงก็แพ้! ” มั่นใจยิ่งกว่าจะได้เกรด A บอกเลย
   
   “ หึ งั้นเตรียมตัวแพ้ได้เลยนะครับเมีย ” เอียงคอมาส่งยิ้มหวานกวนประสาทเสีย ผมหมั่นไส้หน้ามันจนอยากจะชกเลยจำต้องเบือนหน้าหนีหันไปมองท้องฟ้าบ้างมองเด็กปั๊มเติมน้ำมันรถบ้างเพื่อเมินมันอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วได้สติอีกทีตอนเสียง แชะ...
   
   หันไปแยกเขี้ยวใส่ “ ถ่ายทำห่าไรเยอะแยะ ”
   
   “ เอ้า ไม่ถ่ายรูปเมีย แล้วจะให้ไปถ่ายรูปกิ๊กที่ไหน ” มันแหวใส่บ้าง
   
   “ รูปซีไง ถ่ายไปดิ ” ผมสวนกลับทันที “ น่ารักแบบนั้นมึงไม่ชอบรึไง ”
   
   “ ซีเกี่ยวไร ” มันขมวดคิ้วนิดๆ ย่นจมูกอย่างใช้ความคิด “ ซีเป็นน้องรหัสไอ้ฝุ่น พี่ก็เอ็นดูเหมือนน้อง ”

    ผมแอบส่งเสียงเบาๆ ‘เหอะ’
   
   “ หึงก็บอกมาสิครับ ” น้ำเสียงเริงร่ามาเต็มจนน่าหมั่นไส้
   
   “ หึงมึง กูยอมไปไถนาดีกว่า ” มันเป็นเรื่องโคตรสิ้นคิดจริงๆที่จะหึงไอ้โง่นี่ “ มึงเลิกจีบกูได้ก็ดีนะ กูจะได้สบาย ”
   
   ไอ้วินอมยิ้มแล้วมองผมด้วยแววตามั่นใจสุดๆ “ กูหายไป มึงนั่นแหละจะร้องไห้ ”
   
   “ เพ้อว่ะ ” ผมบ่นแล้วทำท่าจะลุกไปไกลๆจากมัน “ ไปนอนไป ”
   
   ความร้อนจากฝ่ามือแผ่ออกมาสัมผัสกับต้นแขนรั้งตัวผมไว้ ก่อนจะถูกดึงด้วยแรงที่ไม่มากนักให้กลับมานั่งตามเดิม มือหนาเลื่อนจากต้นแขนมาวางที่มือผม ก่อนจะหยิบบางอย่างมาใส่ให้
   
   “ รู้อยู่แล้วว่ามึงต้องไม่เอามา ” บ่นเหมือนผมเป็นเด็กยังไงยังงั้น เริ่มต้นเรื่องใหม่จนผมปรับอารมณ์ตามเกือบไม่ทัน “ เดี๋ยวจะจับแฮนด์ไม่ถนัด ใส่ไว้ ”
   
   “ เสือกจริงๆ กับชีวิตกูเนี่ย ” ผมปล่อยให้มันสาละวนวุ่นวายกับการใส่ถุงมือหนังให้ ใส่เสร็จข้าง ผมก็ยื่นอีกข้างให้มันใส่
   
   “ เออ ถ้าไม่เสือกกับชีวิตมึง กูคงไม่ได้เข้ามาในชีวิตมึงเหมือนกัน ”
   
   “ !!! ”

   นัยน์ตาเข้มของผมเผลอเบิกค้างอย่างตะลึงกับคำพูดตรงๆไร้ความหวานของมัน... ไม่รู้ว่าเผลอหยุดกลั้นหายใจไปกี่วินาที ผมกะพริบตาปรับสติให้เข้าที่แล้วเบนสายตาเบนหน้าไปมองที่คนอื่นๆ ทำราวกับสิ่งที่มันพูดไม่ได้มีผลต่อจิตใจ... ทั้งที่จริงๆแล้ว...
   
   ตึกตัก! ตึกตัก!
 
   บ้าเอ๊ย!!!
 
   พอมันใส่ให้เสร็จผมก็รีบสะบัดมือออกแล้วขยับตัวไปนั่งห่างมันเกือบตกรถ... เชี่ยแม่ง... ยกมือลูบแก้มตัวเองแล้วรู้สึกถึงความร้อนผะแผ่วพอรู้ก็ยิ่งทวีคูณความร้อนเพิ่มไปอีก เหลือบเห็นไอ้ตัวต้นเหตุก็อมยิ้มกลิ่วตากวนอารมณ์ไม่เลิกจนน่าเตะเสยหน้าสักรอบสองรอบ...
   
   “ ไอ้เหี้ยวิน!!! ”

ทั้งผมและมันต่างหันไปหาต้นเสียงก็พบเข้ากับไอ้ไฟที่ตีหน้ายักษ์รออยู่ “ มึงทำอะไรพี่กู! ”
   
   “ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ” เออ นั่นสิ
   
   “ ไม่ทำห่าไรล่ะ! มึงทำพี่กูหน้าแดง!! ”
   
   “ !! ”
   
   “ มึงตบหน้าพี่กูเหรอ! ”

 
          มึงจะโดนกูตบนี่แหละ
 
          ไอ้น้องเวรรรรรร!!


ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

              “ ไหวปะเมีย ”
   ประโยคนี้ดังมาจะเป็นรอบที่สามร้อยยี่สิบเอ็ดจุดสามศูนย์ห้าได้แล้ว หยดน้ำเม็ดเบ้งหรือก็คือเหงื่อไหลเข้าตารอบที่สามร้อยกว่าเช่นกัน
   เสียงทุ้มที่ฟังดูเหมือนเป็นห่วงคือมันกำลังรอให้ผมร่วงนั้นเอง พวกเราปั่นมาเกือบๆสี่ชั่วโมงได้จนตะวันตรงหัวจวนจะเลยไปแล้วบ่งบอกถึงเวลาบ่ายกว่า
   ตอนปั่นแรกๆ ไอ้วินนี่โดนสามหมาบ้ากลั่นแกล้งหนักกระแทกบ้างชนบ้าง สุดท้ายเลยทุกคนต้องมาช่วยกันสกัดกั้นกันพวกมันออก ไอ้พี่ปายปั่นประกบดินไม่ห่างจนไอ้หมอเถื่อนมันหัวฟัดหัวเหวี่ยงหนักขึ้น ส่วนไอ้ลมก็โดนพ่อคนหล่อกระชากตับอย่างไต้ฝุ่นปั่นประกบกันออกจากไอ้วิน ไอ้ไฟรายนั้นโดนเวียร์ว้ากไปรอบด้วยความเหลืออดเพราะเกือบทำพี่ชายตัวเองล้ม ผมก็ด่าซ้ำกับความไร้สมองเล่นอะไรไม่ถูกสถานที่ของพวกมัน เลยลดสถานะจากหมาบ้าไปเป็นหมาหงอยซึมเศร้าทันที
   แต่คิดเหรอว่าแค่นี้มันจะสิ้นฤทธิ์...
   “ ไอ้เชี่ยหน้าอ่อน! มึงคุยอะไรกับน้องกู! ”
   “ มึงปั่นไกลๆกูได้มั้ยไอ้พี่ปาย! กูจะไปปั่นข้างน้องกู! ”
   “ ไอ้เตี้ย กูไม่ทำอะไรพี่มึงแล้ว ไปไกลๆ! ”
   โดนกันออกแล้วก็ยังแหกปากตลอดทาง... ผมถอนหายใจแล้วมองไปข้างหน้าก็เห็นผู้นำทริปกำลังจับแฮนด์ข้าง อีกข้างกำลังถือโทรศัพท์...
   “ เดี๋ยวพักศาลาข้างหน้านะ!! ” ตะโกนขึ้นพลางเก็บโทรศัพท์แล้วปั่นเร่งไปอีก
   ผมกับไอ้วินที่ปั่นตามหลังมันก็เร่งปั่นตาม ข้างหลังผมเป็นฟราน ไอ้คิมกับไอ้เชี่ยไผ่ ตามด้วยพี่ปายกับดิน ไฟกับเวียร์ ลมกับไต้ฝุ่น ข้างหลังไปไม่ไกลก็เป็นรถกระบะสองคันของแฝดนรก
   เมื่อใกล้ถึงศาลาเก่าๆ ค่อยๆทยอยลดความเร็วลงแล้วจอดพักไว้ที่ร่มไม้ใหญ่ ผมพาสารร่างพังๆลงจากรถแล้วไปนั่งในศาลาไม้เก่าหนีร้อน
   “ เหนื่อยเว้ยยยย ” มาถึงก็แหกปากเลยไอ้ไผ่  แล้วทิ้งตัวลงพื้นนอนแผ่หลาอย่างหมดสภาพ ไม่เกรงใจพื้นสกปรกสักนิด
   ไอ้คิมเดินเข้ามาในสภาพเปลือยท่อนบน เอาเสื้อชุ่มเหงื่อพาดไว้บนไหล่ “ ไอ้กะเหรี่ยง แดกน้ำมั้ย ”
   “ กะเหรี่ยงพ่อง! ” หันไปจิกสายตาดุดันจากนั้นก็กระชากขวดน้ำมาดื่มอึกใหญ่ “ ร้อน ไปนั่งไกลๆไป! ”
   ผมละสายตาจากพวกเพื่อนประสาทมาดูตรงหน้าที่มีน้ำกับขนมปังยื่นมาให้... ไล่สายตาไปมองหน้าคนให้
   “ กินเข้าไปเดี๋ยวบ่ายจะร่วง ” ยักคิ้วน่ากระทืบมาอีก
   ผมส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะรับมา แต่ยังไม่ทันได้แกะ มือมืดก็มาฉกไปอย่างหน้าด้านๆ
   “ เอาขนมสุ่มสี่สุ่มห้ามาให้น้องกูแดกได้ไง เกิดน้องน้อยของกูท้องเสีย ใครจะรับผิดชอบ! ” ไอ้ดินมาจัดเต็มคงเพราะเก็บกดมาทั้งวัน “ ไอ้ไฟ แดกเข้าไปดิ๊! ”
   น้องน้อยเหรอ เดี๋ยวกูยันโครมเลยห่า
   “ หะ หา? ” คนที่กำลังดื่มน้ำชะงักไปเลย  “ ให้ไอ้ลมกินดิว่ะ กูไม่กิน  ”
   ไฟดูสงบเสงี่ยมขึ้นหลังจากโดนฝ่าเท้าผมประทับหลังเต็มๆหลังจากมันทักไม่ดูตาม้าตาเรือ
   “ มึงมันน้องอกตัญญู ” ได้ที่ไอ้วิดวะสร้างห่าอะไรก็พังรีบแขวะ เอื้อมมือไปแย่งขนมในมือคุณหมอมาครึ่งหนึ่งแล้วยัดเข้าปาก ส่วนไอ้ดินก็แบ่งอีกครึ่งยัดๆใส่น้องชาย ที่เหลือตัวเองก็ยัดเข้าปาก
   “ อ่า... แย่จัง ” วินโพล่งขึ้นด้วยสีหน้ากังวล เรียกความสนใจให้ทุกคนหันไปมอง “ กูหยิบขนมปังผิด นั่นมันรสวาซาบินี่หน่า ”
   แต่กูคิดว่ามึงจงใจ ไอ้นิเทศ!
   “ มึงว่าไงนะ!!! ” แก้วหูแทบแตก หันไปมองหน้าพวกมันนิ่งที่ตอนนี้เริ่มแลบลิ้นหน้าแดงก่ำ ตาเริ่มมีน้ำคลอ ผมหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ
   “ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะพี่เมียน้องเมีย ” ทำหน้าตาโศกเศร้าสำนึกผิด “ นี่น้ำครับ ”
   มือสามคู่รีบคว้าแต่ไอ้วินเสือกปล่อยก่อน “ โอ๊ะ มือลื่น ”
   “ ไอ้เชี่ยยยยยยยย  ฝากไว้ก่อนเถอะมึง! ” วิ่งพล่านเป็นหมาโดดนน้ำร้อนลวกทันที “เผ็ด!! น้ำๆๆ!! ”
   ไอ้วินมองตามหลังแล้วยิ้มกว้างอย่างพอใจในผลงาน ล้วงมือเข้าไปหยิบขนมปังอีกชิ้นในเป้ใบเล็กและส่งมาให้ผม
   “ อันนี้แม่พี่ทำเอง ไส้สังขยา ส่วนอันเมื่อกี้เป็นกรณีพิเศษ ” หัวเราะอย่างภูมิใจก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม
   ผมดื่มน้ำดับกระหายไปหน่อยก่อนจะรับขนมปังมาแกะกิน “ มึงรู้ได้ไงว่พวกมันจะต้องกิน ”
   “ พี่น้องมึงจ้องขัดกูทุกอย่างอยู่แล้ว ดูออกง่ายจะตาย ” ว่าไปแล้วหาขนมปังในกระเป๋ามาแกะกินบ้าง ไม่ลืมที่จะส่งให้เวียร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ “ ที่สำคัญ...กูฉลาด ”
   ...เรื่องยากๆ มึงนี่ฉลาด เรื่องง่ายๆมึงเสือกโง่ กูอยากจะบ้าตาย
   “ ฉลาดให้ได้ตลอดเถอะมึง ” ว่าไปแล้วขนมปังอร่อยดีว่ะ ไส้ก็หวานพอดีไม่เอียน
   “ พูดเหมือนกูโง่มาก ”
   เออไง!!!
   ผมเลือกที่จะไม่ตอบนั่งพักเหนื่อยไป หันไปถามไอ้พี่รหัสที่นั่งหน้าตึงหน้าเครียด... “ เฮีย เป็นไรวะ แล้วนี่อยู่ส่วนไหนของอยุธยา ”
   “ ถ้าออกจากปทุมก็ต้องไปอยุธยาใช่มั้ย อยุธยาแล้วก็ไปสระบุรี เรากำหนดเส้นทางไว้แบบนี้ใช่มั้ยอุ่น ” มันว่าโดยไม่เงยหน้าจากโทรศัพท์
   กลืนขนมปังลงคอไปก่อน “ เออ ”
“ แล้วทำไมเรามาโผล่นครนายกได้วะ!!! ”
   ทุกคนหยุดชะงักกิจกรรมที่กำลังทำ “ อ้าว ”
   “ เหี้ย!! ” ไอ้พี่ไทม์สบถออกมา แล้วเงยหน้ามาจ้องหน้าคนร่วมทริปเรียงตัว “ ใครมันนำทางไอ้สัด! หลงเลยเห็นมั้ย!! ”
   “ มึงนั่นแหละนำทาง!! ไอ้ห่า! ”
   ไทม์หยุดความโมโห “ อุ๊ย เค้านำทางเหรอ ”
   “ เออ!!! ”
   “ ว้า แย่จัง ” ทำเสียงแอ๊บแบ๊วอีก “ เออ! นี่ไง จำแยกเมื่อสองชั่วโมงสามสิบเจ็ดนาทีสี่สิบสองวิได้ปะ ”
   ใครมันจะจำได้วะ
   “ มันต้องเลี้ยวขวา แต่กูเสือกตรง ” ไอ้เฮียไทม์ว่าไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ ไหนจะแยกต่อมาที่ต้องเลี้ยวซ้าย กูเสือกไปขวา แล้วก็... ”
ไอ้พี่ปายคงสุดจะทนเลยจัดการตบคว่ำไปทีหนึ่ง  “ ไอ้น้องรหัสโง่! ”
“ ไอ้พี่รหัสประสาท! ” แว้ดใส่บางแล้วหยิบแผนที่เท่าผนังบ้านปาใส่ “ เอาไปดูเองเลยห่า! ”
พี่ปายหยิบแผนที่ออกจากหน้าแล้วมากางดู...
   “ และกูอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยวะ!! แผนที่ห่าไรวะใหญ่เอาโล่เหรอ ซื้อที่ไหนกูจะไปเผาทิ้ง! แล้ววันนี้จะถึงมั้ยห่า สระบุรี!! ” ใบหน้าน่ารักหงิกลงขบเม้มปากแล้วโพล่งขึ้น มองแล้วก็คิด คิด “ เดี๋ยวกูปั่นนำเอง ”
   “ อย่า!! ” ประสานเสียงห้าม ก่อนจะได้รับสายตาคมกริบกลับมา
   น้ำเสียงไม่พอใจหนัก “ ไม่เชื่อในฝีมือกูรึไง! ”
   “ ไม่เชื่อ!! ”
   “ ไอ้พวกเหี้ย!! ” เจ้าของทริปว้ากอย่างน้อยใจสะบัดก้นเดินไปหาดินที่ซัดน้ำไปเป็นแกลลอนแล้ว “ ดิน ดินว่าเค้าปั่นนำจะดีมั้ยอ่ะ ”
   “ ไม่ดี เดี๋ยวมึงพากูหลงทะลุมิติ ” ตอบกลับแบบไม่มีรักษาน้ำใจ
   “ ไอ้ผัวเหี้ย!! ”
   “ ผัวบ้านพี่สิว่ะ! ”
   แล้วมันก็ตีกันเอง... เฮ้อ
   ผมกับทุกคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อยพลางปวดใจอยู่ไม่น้อย ต่างคนต่างนั่งกินเติมพลังกันไปเงียบ มีแค่เสียงทะเลาะของไอ้คู่ประสาทที่เถียงไม่เลิก บทสรุปคือไอ้พี่ปายมันกระชากขวดน้ำเปล่าๆมาฟาดหัวหมอหล่อดังเปรี้ยงก่อนจะเดินฮึดฮัดกลับ
   “ กูจะปั่นนำ ใครขัดกูจะจับใส่ชุดของกู! ”
   มองหน้ากันอย่างสยดสยองเลยทันที ตอนแรกจะมีคนหือกับพี่แกแต่ก็ต้องหยุดชะงัก ใดๆล้วนกลัวชุดพี่แก ส่วนผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว ผมกับพี่ปายบางครั้งก็แลกชุดกันใส่แต่แค่เสื้อผ้าผมยังมีแนวธีมของมัน แต่ของพี่ปายล่อหลุดสติไง
   “ ผมปั่นไม่ไหวแล้ว ขอพักแล้วกันนะครับ ” หนึ่งคนร่วมทริปยกมือขึ้นพร้อมสีหน้าซีด แต่ไม่วายหันไปด่าเพื่อน “ เชี่ยวิน... มึงเอากูมาทรมานทำมายยย ไอ้เลว ” ไอ้วินหันไปมองด้วยความเป็นห่วงก่อนจะพยักหน้า
   “ มึงไม่ต้องปั่นแล้วไปนอนพักบนรถพี่ฟ้าครามก่อน ” วินสั่งเสียงเรียบ คนฟังพยักหน้ารับ เห็นหน้าซีดเซียวแล้วรู้สึกสงสาร แดดมันแรงเกินทนนี่ครับ “ เฮีย ฝากเพื่อนผมหน่อยครับ ”
   ฟ้าครามรีบถลามารับร่างคนเพลีย “ มาๆ เดี๋ยวพี่ไปสตาร์ทรถเปิดแอร์เย็นๆให้ ”
   “ ผม...เดินเองได้ครับ ” ใบหน้าซีดเหงื่อแตกพลั่ก
   “ อย่าเพิ่งดื้อสิน้องฟราน หน้าซ๊ดหมดแล้ว ไปๆ ” ไม่ฟังเลย มองข้ามสายตาเกรงๆ แล้วก็โดนประคองไป โดยมีสายตาแฝดคนน้องมองจิกตามไป...
   “ เอาหน้าจริงๆไอ้ห่าคราม ”
ท้องฟ้าบ่นพึมพำก่อนจะลุกยืนไปจัดการเก็บจักรยานผู้ป่วยขึ้นรถเก็บดีๆ ไม่ได้พูดอะไรนักเพราะดูแล้วไอ้คนข้างๆก็พอจะเดาอะไรๆออกแล้ว ถึงได้มีสีหน้ากังวลซะขนาดนี้
“ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ” ผมเอ่ยขึ้นขณะเคี้ยวขนมปังที่เหลืออยู่ไปด้วย
วินขมวดคิ้วไม่ปล่อยวาง “ แต่ยังไงกูก็ห่วงอยู่ดี ฟรานมันเพื่อนกูเลยนะ ”
“ แฝดมันก็พี่กู กูรู้จักมันดี ไม่ทำอะไรบ้าๆหรอก ” ยัดขนมปังคำสุดท้ายเข้าปากไปก่อนจะลุกขึ้น “ ไปกันต่อเถอะ ”
พักมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วน่าจะมีแรงกันขึ้นมาหน่อย ทุกคนเก็บขยะใส่กระเป๋ากันไปก่อนแล้วจัดตัวเองให้เรียบร้อยและเดินไปหาจักรยานตัวเอง
   คนนำทริปคนใหม่เดินยิ้มแป้นมา “ ฮา เชื่อมือไอ้ปายคนนี้ได้เลย ไม่มีหลง!! ”
   ไม่มีหลง หรือ หลงจนหาทางกลับไม่ได้เจอกันแน่
   “ จะไม่ร่วงใช่มั้ยเมีย บ่ายแล้วแดดร้อนนะเว้ย ” ผมที่กำลังใส่ถุงมือหนังอยู่ก็หยุดการกระทำหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนข้างๆที่เคลื่อนจักรยานมาจอดข้างๆแล้วตั้งศอกกับแฮนด์จักรยานวางคางบนมือมองดูผมนิ่งๆ “ ถ้าไม่ไหวมาซบอกพี่ได้นะครับ ”
   “ เมื่อกี้ยังเครียดอยู่ไม่ใช่รึไงมึง ” ถามมัน “ อยู่ๆก็อารมณ์ดี ”
   “ ช่างแม่งเถอะ กวนตีนกูไว้เยอะ ปล่อยไป ” นึกว่าจะทำตัวเป็นคนดีต่อซะอีก ผมระบายลมหายใจออกมาแล้วใส่ถุงมือให้ดี “ มึงปวดหัวเยอะแล้ว กูจะทำให้มึงอารมณ์เสียเพิ่มทำไม ”
   “ เห็นหน้ามึงกูก็อารมณ์เสียล่ะ ไปไกลๆ เหม็นหน้าสัด ”
   “ เหรอ เหม็นหน้า แต่ปากพี่หวานน่ะครับ ” ยิ้มเจ้าเล่ห์ชวนสยิว ผมเบะปากใส่คนหลงตัวเอง
   “ ก็งั้นๆ ไม่หวานสักนิด จูบก็ไม่เป็น ”
   คนโดนสบประมาทหน้าเหวอเลยก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธ “ มึงจูบกูที กูได้ตั้งตัวมั้ยห่า ”
“ งี้แหละคนเป็นเมีย จูบไม่เป็นดีล่ะ เดี๋ยวผัวสอนเอง ” แสยะยิ้มเหยียดให้โดยไม่มองหน้ามัน ไม่ทันได้ตั้งตัวผมก็โดยมันกระชากคอไป
“ แล้วมึงเคยโดนกูจูบบ้างยังล่ะเมีย ” น้ำเสียงจริงจังขัดกับใบหน้ายิ้มทะเล้นทำเอาแอบขนลุกอยู่ไม่น้อย “ ลองมั้ย จะได้รู้ว่าจูบเป็นไม่เป็น ”
“ จูบกูตอนนี้ มึงเจ็บแน่ ” กดเสียงเข้ม ใบหน้าของผมกับมันใกล้กันมากชนิดได้ยินลมหายใจกันแล้ว แถมมันยิ่งให้ความรู้สึกชัดเจนขึ้น...
เหี้ย!! ร้อน!
“ หึ ” ไอ้วินมองตาผมเล็กน้อยแล้วผละออกทั้งหน้าและมือ “ เดี๋ยวคืนนี้จะสอนเองนะ... จูบของจริง มันเป็นยังไง ”
   ผมส่งยิ้มกลับไป “ อย่าอ่อนแล้วกัน ”
   “ เตือนตัวเองเถอะ ” ถ้ามีกระแสไฟออกจากตาได้คงมี ผมสองคนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนต้องมีเสียงหนึ่งขึ้นขัด
   “ พี่สองคนจะมองให้ท้องก่อนเลยมั้ยครับ ” เสียงสดใสแต่กวนประสาทเอาเรื่องไม่ต่างจากพี่มันดังมาจากด้านหลังหยุดการฟาดฟันทางสายตา
   ผมเอี้ยวคอไปหาเวียร์แล้วยิ้มให้ “ เออ มองให้พี่มึงท้องเลย ”
   เวียร์ตาโตหันไปมองพี่ตัวเอง “ นี่พี่เป็นเมียเหรอ ก็...ได้อยู่นะ หน้าพี่ดูไก่อ่อนกว่าเยอะ ”
   “ ไอ้เหี้ยเวียร์มึงหุบปากไปเลย! มึงเป็นน้องกูนะ! ” แว้ดใส่น้องไปด้วยสีหน้ายักษ์แล้วส่งสายตากินเลือดกินไตกินไส้มาที่ผม “ มึงก็อีกคนเมีย เลิกได้แหละ เป็นเมียก็บอกว่าเมียสิว่ะ ”
   “ แล้วแต่อารมณ์ เดี๋ยวอีกสักพักกูก็อยากเป็นเมียเองแหละ ”
   “ มีเปลี่ยนตามอารมณ์ด้วย ” พ่อนิเทศว่าและถอนพ่นระบายลมหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยกับการต่อปากต่อคำกับผม
   “ เออ ”
   เป็นประโยคสุดท้ายที่ตอบรับออกไปก่อนขาทั้งสองจะเริ่มปั่นออกตัวทะยานไปข้างหน้าออกสู่แดดเมืองไทยที่ฆ่าคนได้ ถ้าคุณคิดว่าผมจะหน้าซีดเป็นลมทำตัวอ่อนแอแบบในหนัง บอกเลย... ฝัน!!
    พวกเราปั่นตามผู้นำทริปคนใหม่ที่ไม่ได้มีความน่าไว้ใจพอๆกับคนเก่า พอเจอป้ายแรก...

   ซ้าย ไป อ.โลงสามศพ
   ขวา ไป อ. เตรียมเผาเลย

   
   “ โห... ทางน่าไปทั้งนั้นเลย ” เสียงงึมงำจากคนข้างตัวผมว่า ซึ่งมันก็โคตรจะตรงกับที่ผมคิดเลย
   คิมตะโกนถามคนนำ “ ไปทางไหน! ”
   หยุดปั่นทั้งขบวนมองซ้ายมองขวามองล่างมองบน... คนผมสีเพลิงแสบตานิ่งงันแล้วทำสิ่งที่พวกผมไม่คาดฝัน
   “ เอาวิธีนี้นี้แล้วกัน มันช่วยกูมาหลายครั้งแล้ว ” ใบหน้าจริงจังแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
   ไต้ฝุ่นถามขึ้นบ้าง “ วิธีนี้ไหนครับ ”
   ไอ้พี่ปายสูดลมหายใจเข้าไปแล้วลืมตามาพร้อมแววจริงจังไรการเล่น มือยกขึ้น และ...
   “จ้ำจี้มะเขือเปราะ  กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น  กะแท่นต้นกุ่ม สาวสาวหนุ่มหนุ่ม ” ชี้นิ้วสลับกันทีละพยางค์ “ อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด...”
เงียบกริบไร้สิ่งมีชีวิต...
“ ... ” ทุกคนรู้สึกถึงความบ้าเกินจะกู่กลับ
“ เอาแป้งที่ไหนผัด เอากระจกที่ไหนส่อง ” ยัง มันยังคงหน้าด้านนับต่อ“ เยี่ยมเยี่ยมมองมอง นกขุนทองร้องกรู๊!!  ”
และปลายนิ้วก็ชี้ไปที่ อ.โลงสามศพ...
ยกยิ้มภูมิใจในฝีมือ “ โอเค! ไปกัน!! ”
“ ไปกับผีสิว่ะ!!! ” ประสานคอตวาดใส่ไอ้พี่ปายทันที บ้านไหนมันสอนให้ทำแบบนี้กัน หา!
   “ ไม่ไป กูให้ใส่ชุดเอลซ่า! ”
   “ โอเค! ไป!! ”
   เป็นอันรู้เรื่อง... ผมเห็นไอ้วินหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปหยิบไอโฟนมาสไลด์ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ พ่อคนนี้มันกะจะถ่ายให้เมมเต็มเลยสินะ
   พี่ปายยกยิ้มพอใจแล้วปั่นนำไปทาง อ.โลงสามศพ... อืมถ้าไปแล้วเป็นศพ เขาระบุมาแล้วว่าสามคน แสดงให้เห็นว่ามันจะต้องเป็นหมาบ้าสามตัวของผมแน่ๆ
   เราปั่นกันต่อไปเรื่อยๆตามวิธีการสุ่มจ้ำจี้ของไอ้คนประสาท คราวนี้มึงได้หลงไปพม่าเวียดนามแน่ๆ!

   ท่ามกลางอากาศร้อนระอุแทบแผดเผาทุกสิ่งมีชีวิตให้มอดไหม้ ไอร้อนจากพื้นยางมะตอยแทบจะกัดกร่อนหลอมละลายยางจักรยานให้ไหลไปตามพื้น อากาศร้อนจนต้องร้องขอชีวิตกลับมีชายหนุ่มสิบเอ็ดคนปั่นจักรยานท้าแดดไม่เกรงกลัวสภาพฝนฟ้าอากาศของเมืองไทยด้วยความกระตือรือร้น เวลาเกือบบ่ายแก่จวนจะเย็นยังคงปั่นจักรยานกันไม่เลิก สายทางที่เคยเต็มไปด้วยบ้านเรือนเริ่มหืดหาย เข้าสู่ป่าเขาสำเนาไพร ไปทางซ้ายก็เห็นภูเขา มองไปขวาก็เจอต้นไม้เขียวชอุ่มแน่นขนัด อากาศร้อนๆเริ่มหายไปแทนที่ด้วยอากาศเย็นๆจากป่า...
   ผมหันมองรอบตัวแล้วรู้สึกว่ามันจะแปลกๆแล้วสิ มาทางไหนของมัน มาพม่าเวียดแล้วปะ! เลยจำต้องเหยียดตัวขึ้นเล็กน้อยออกแรงปั่นเร็วขึ้นเพื่อขึ้นไปนำหน้าพี่ปาย คนนำตอนแรกชะงักแล้วโวยวายทันที
   “ ไอ้อุ่น มึงขึ้นมาทำไม หลบไป กูจะนำ!! ”
   “ พอแล้วพี่ ผมนำเอง ” ว่าเสียงเรียบที่บ่งบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดอารมณ์ไม่ทนแล้ว ไอ้คนโวยวายชะงักปากรีบหุบฉับไป
   ขาทั้งสองเร่งปั่นขึ้นไปทิ้งระยะให้ห่างแล้วยกมือขึ้นบ่งบอกว่าหยุด ผมใช้รถขวางไว้กลางถนนที่ไม่มีรถผ่าน ทำให้จักรยานทุกคนต้องหยุดลงตาม
   ผมตั้งจักรยานดีๆแล้วลงจากรถ...
   “ เอาโทรศัพท์มาเปิด GPS ดิ ” ผมสั่งทุกคน เพราะตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าอยู่ส่วนไหนของไทย ทุกคนรีบหยิบโทรศัพท์มาเช็ค “ เช็คดิว่าตอนนี้อยู่ไหน ”
   “ อยู่ไทย! ” ไอ้ไผ่ตอบกว่าเลย
   “ ไอ้เหี้ย! อันนั้นกูก็รู้มั้ย! ”สะบัดเสียงใส่อย่างเหลืออด ความอดทนเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ “ แต่ก็ขอบคุณที่กูยังอยู่ในไทย ไม่ไปเวียดนามกัมพูชา! ” ท้ายประโยคประชดกัดไอ้ผู้นำทริปสองคนก่อนแหลก
   “ อยู่จันทบุรี! ” ไอ้คิมว่าต่อ
   “ ...ห่ะ จัน... ” ยังไม่ทันได้ว่าอะไร
   “ อยู่สุพรรณ! ” ไอ้ดินแทรกมา เดี๋ยวๆ สุพรรณนี่มันคนละโยชน์เลยมั้ย
   “ อยู่ป่าอเมซอน!! ” ไอ้เฮียไทม์มึงไปไกลๆเลย
   พี่ปายแทรก “ อยู่เชียงใหม่! ”
   มึงอยากดูหลินปิงก็บอกมา...
   “ เชียงใหม่บ้านม๊ามึงสิ ” ไฟหันไปแหวใส่ “ อยู่โคราชต่างหาก! ”
   กูขอเวลานอก ซัดพาราแปบ...
   “ โคราชเหี้ยไรมึงไอ้ทนาย ” พ่อวิดวะด่ากลับแล้วหันมาสนใจโทรศัพท์ตัวเอง “ เหี้ย! ทำไมไม่มีสัญญาณโทรศัพท์! ”
   “ โทรศัพท์มึงกากไง! ”
   ผมกุมขมับแน่น เดินไปหากลุ่มที่พึ่งพาได้อย่างผัวกู(อวดผัว) ไต้ฝุ่น แล้วก็เวียร์ที่ส่งยิ้มแห้งมาให้ผม
   “ พารามั้ยเวียร์ ” ตอนนี้อยากได้สักสิบโหล
   “ ไม่เป็นไรครับ ฮ่าๆ ผมว่าพี่น่าจะต้องการที่สุด ” ยังอุตส่าห์จะหัวเราะได้แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผม “ ที่นี่สัญญาณโทรศัพท์แทบไม่มี เน็ตช้าหน่อยนะพี่ ”
   พยักหน้ารับก่อนจะกดเข้า Google map เปิด GPS รอสามชาติสี่เศษได้กว่าจะรู้พิกัดว่าพวกผมยังคงอยู่ในนครนายกไม่ได้ไปไหนไกลเลย จะไกลได้ไง ไอ้พี่ปายพาวนทั่วสารทิศไง
   ถามหาว่าโทรศัพท์ผมไปไหน นอนตายอยู่ในรถไอ้ฟ้าครามนานล่ะ
   “ นี่ก็จะเย็นแล้วนะ เอาไงดี ” วินถามด้วยความความเป็นห่วง “ วันนี้คงต้องพักที่นครนายกนี่แหละ ”
   “ คงงั้น ” ผมพยักหน้าส่งๆไปแล้วก้มหน้าหาที่ตั้งแคมป์
   “ กูว่าต้องหาที่ตั้งแคมป์แล้วล่ะ ” ไต้ฝุ่นว่าพลางกดไอโฟนไปด้วย “ ไปพักที่อุทยานน้ำตกกันมั้ย ตั้งแคมป์ที่นั่นกัน ” ประโยคท้ายหันมาถามความเห็นผม
   “ ตามนั่น นำได้มั้ย ” ผมถามกลับ ดูมันน่าจะมีความน่าเชื่อถือสุดแล้ว
   “ ได้ ” ไต้ฝุ่นว่าพร้อมรอยยิ้มน่ามองก่อนจะกดอะไรอีกสักพัก แล้วมันปั่นขึ้นไปนำ ไม่วายมีเสียงโวยวาย
   ลมมันก็กัดจิกได้ทุกคนจริงๆ“ ไอ้หน้าอ่อน มึงนำ มึงคงไม่ได้พาไปตายใช่มั้ย ”
   ไต้ฝุ่นหยุดรถแล้วส่งยิ้มให้มัน “ พาตายน่ะได้ และอาจจะพาพี่ไปตายแค่คนเดียวครับ ”
   “ ไอ้นี่! ”
   “ ลม หุบปาก รำคาญ ” ว่าเสียงหน่ายจิตก่อนจะเดินกลับไปหาจักรยานตัวเอง หายใจเข้าออกสองนาทีแล้วส่งสายตาบอกให้ไต้ฝุ่นปั่นนำไป
   ผมปั่นตามหลังไต้ฝุ่นได้พักใหญ่ก็เริ่มหิวน้ำ พอหยิบขวดน้ำตัวเองก็พบว่ามันว่างเปล่า กลอกตามองขึ้นบนแล้วถอนหายใจ กลั้นใจปั่นต่อ กินน้ำลายเล่นไปก่อนแล้วกันไอ้อุ่น
   “ จะร่วงแล้วเหรอเมีย ”
   มองบนเลยทีนี้ คนยิ่งหิวน้ำอยู่ เดี๋ยวแดกหัวเลยมึงไอ้นี่
   “ แหนะ ไม่ตอบ ไหวป่าวว ” ปั่นมากระแซะข้างๆไม่พอมาทำเสียงกวนตีนอีก “ หิวน้ำเหรอเมีย เอาน้ำเค้าเปล่า ”
   “ ไปไกลๆ ร้อน! ” กระแทกกระทันเสียงอย่างมีน้ำโห ไม่ไหวจะพูด หงุดหงิด!
   มันก็ยังคงความหน้าด้าน “ อ้อนเค้าก่อน เดี๋ยวให้น้ำ ”
   “ เหี้ยวิน ขอน้ำ ”
   “ พูดขนาดนี้ ให้หมามันกินแล้วกันเถอะเมีย ” เสียงขุ่นมาเลย มันก็น่าจะรู้ว่าผมอ้อนไม่เป็น! และไม่มีวันทำ! “ อ๊ะๆ เอาไปกิน ไปต้องส่งสายตาจะฆ่ากันก็ได้ ไม่แกล้งแล้ว ”
   มันก็งี้แหละ ขอให้ได้ยั่วอารมณ์ผมเล็กน้อย ห้าบาทสองบาทหนึ่งสลึงมันก็เอา เอาทุกเม็ดจริงๆ ผมรับน้ำจากมันแล้วกระดกดื่มดับกระหาย
   อึก อึก ฮ่า ค่อยยิ่งชั่ว
   ผมบีบแฮนด์แน่นประคองรถด้วยมือข้างเดียว มือที่ถือขวดน้ำอยู่ก็ยกใส่แขนเสื้อเช็ดๆหน้า แค่วันแรกยังปั่นป่วนหาทางไปจุดหมายไม่ได้ แล้วไอ้ที่ผมจะไปวาดรูปมันจะสำเร็จมั้ยวะ!
   ผมส่งขวดน้ำคืนให้ไอ้วินแล้วตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานต่อ
   พวกเราปั่นไปตามถนนเลี้ยวซ้ายบ้างขวาบ้างขึ้นเนินผ่านป่าไม้จนลึกเข้ามาเรื่อย และสุดท้ายก็จอดลงที่หน้าอุทยานน้ำตก...


ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
   เอี๊ยดดดด


   เสียงล้อรถเสียดหูเมื่อยางขูดไปกับก้อนหินก้อนดิน... ผมหยุดรถแล้วเหยียดตัวลุกจากเบาะนั่งยืนขึ้น ทำเอาขาชาแทบไม่รู้สึกเลย ผมยืนค้างไว้แบบนั้นจนอาการเหน็บชาจางลง แล้วค่อยตวัดขาออกตั้งจักรยานให้ดี
   “ วันนี้พักที่นี้ก่อน ” ว่าไปแล้วถอดหมวกออก... รู้สึกลมเย็นๆกระแทกหัวกระแทกผมทันที คนอื่นๆก็เริ่มถอดหมวกถอดถุงมือบ้างก็กระโดดๆไล่ความปวดเมื่อย บ้างก็นั่งแผ่หลานวดขา
   พี่ปายถามขึ้น “ แล้วเย็นนี้จะกินไรวะ ”
   เรื่องกินพากันหันควับมามองผมทันที ทำเหมือนกูเป็นพี่เลี้ยงพวกมึงไปได้... ผมไปต่อไม่ถูกก่อนจะเอ่อ... มองซ้ายมองขวาและรอบตัว แล้วรีบเดินไปทางสำนักงานอุทยานทันทีเมื่อเจอ
   ปิดเทอมหน้า ผมจะเดินไปสมัครเป็นพี่เลี้ยงเด็ก... โคตรจะรุ่ง พนันได้เลย
   ผลักประตูเข้าไปหาเจ้าหน้าที่สักคน กวาดตามองก็เห็นผู้หญิงสูงวัยแต่ดูดีคนหนึ่งกำลังคีย์ข้อมูลหน้าคอมพิวเตอร์พอดี
   “ ขอโทษนะครับ ” ถึงจะเถื่อนแต่ผมก็รู้จักมารยาทนะครับ เจ้าหน้าที่สาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะมองลอดใต้แว่นมาทางผม
   “ สวัสดีค่ะ ต้องการให้ช่วยอะไรคะ ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงต้อนรับ ลุกขึ้นเต็มความสูง ผมแอบผงะเมื่อเห็นว่าเธอแทบจะสูงเท่าผมเลย สูงชะมัด “ ต้องการตั้งแคมป์ใช่มั้ยคะ ” ไล่สายตามองชุดจักรยานของผม
   ผงกหัวตอบ “ ครับ ”
   “ งั้นต้องเสียค่าเข้ากับค่าบำรุงรักษาหน่อยนะคะ ” เธอว่าก่อนจะหยิบสมุดเล่มใหญ่ขึ้นมาเขียน “ กี่ท่านคะ ”
   “ สิบสี่คนครับ ”
   “ แล้วจะใช้เต็นท์ของทางเรา หรือ... ”
   “ พวกผมเอามาเองครับ ” ผมบอกไปก่อนเธอจะเขียนๆแล้วคำนวณตัวเลข ผมเอาเงินตัวเองออกก่อนเพราะมันไม่ได้มากมายนัก
   “ ที่นี่มีน้ำตกหลายชั้น ทุกชั้นจะมีลานตั้งแคมป์ มีห้องน้ำพร้อม กรุณารักษาความสะอาดด้วยนะคะ ” รอยยิ้มสวยมอบให้ “ จะทำอาหาร ใช้ไฟ ก็ระวังด้วยนะ ”
   “ แล้วแถวนี้มีแบบ เอ่อ ขายของสดมั้ยครับ ถ้าจะทำอาหาร ” ผมถามพลางรับเงินทอนจากเธอ
   “ ออกจากอุทยานเลี้ยวไปทางซ้ายเล็กน้อยจะพบตลาดของชาวบ้านละแวกนี้ค่ะ แนะนำให้ไปซื้อก่อนนะคะ เดี๋ยวมืดจะเดินขึ้นลานตั้งแคมป์ลำบาก ” สาวเจ้าว่าก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาบ่งบอกเวลาตอนนี้สี่โมงเย็นสิบนาทีแล้ว
   “ ขอบคุณครับ ”
   “ ยินดีค่ะ ขอให้สนุกกับการตั้งแคมป์นะคะ ”
   แค่กูมาทริปนี้ กูก็สนุกมากพอแล้ว!!
   สนุกกับการปวดหัวเนี้ย!
   ผมยิ้มแสดงความมารยาทดีแล้วเดินออกมา พบว่ายังไม่เห็นรถของสองแฝด ไปตายไหนเนี่ย หลงทางรึไง เลยเดินตรงไปหาไฟที่นั่งกลิ้งอยู่กับพื้นดินไม่รักษามาดเลย
   “ ไฟ โทรหาไอ้เฮียครามดิ๊ ”
   คนโดนใช้ดีดตัวขึ้นนั่งควานหาโทรศัพท์ทันที เพราะโดนผมกระทืบมาเลยต้องทำตัวสงบเสงี่ยมว่าง่าย  แต่รออีกสองวิ.. 1 2
   “ ทำไมไม่ใช้เฮีย!! ” สองหน่อดินลมหันมาพูดอย่างน้อยใจทันที
   “ เบื่อพวกมึง ” ตอบไปพลางหมุนคอไปด้วย มองไอ้ไฟที่ส่งสายตามาว่าโทรติดรับสายแล้ว “ บอกมันให้ขับเลยอุทยานไปหน่อย ไปตลาด ซื้อของสดมาทำกิน ”
   ดินแทรก “ อุ่น อย่าลืม ไอ้แฝดมันซื้อของไม่เป็น  ”   
   เออว่ะ เวรแล้วมึง
   “ แต่ไอ้ฟรานไปด้วย มันซื้อเป็น ” วินแทรกขึ้นมาบ้างเรียกสายตาทิ่มแทงจากดินได้อย่างดี “ แค่บอกมันไปว่าจะทำอะไรกิน เดี๋ยวมันจัดให้ ”
   “ อ่าฮะ ” ผมครางรับแล้วขอโทรศัพท์จากไอ้ไฟ “ เฮีย นี่อุ่น ”
   ( ว่าไงอุ่น จะทำอะไรกินดี )
   “ เห็นเครื่องครัวที่มึงเอามาแล้ว คงไม่พ้นบาร์บีคิวกับหมูกระทะ ” ผมบ่นแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง พาให้พี่น้องรวมถึงไอ้วินตกใจยกใหญ่นึกว่าผมจะเป็นลมเตรียมพุ่งมารับตัว
   ยกมือขึ้นเบรกพวกมัน
   ( ฟราน เดี๋ยวแวะตลาดซื้อของทำอาหารเย้นหน่อย เลือกเป็นมั้ยครับ )
   กูขอกระโถน จะอ้วก
   ( ได้ครับ )
   “ งั้นก็ให้ไว รออยู่หน้าอุทยาน ” กดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์คืนเจ้าของ “ นั่งรอพวกนั้นก่อน จะได้ขึ้นไปพร้อมกัน ”
   ทุกคนพยักหน้ารับ แล้วแยกย้ายกันไปพักไม่ไกลมากนัก แต่ก่อนจะแยกย้ายก็ต้องมีความวุ่นวายก่อน
   “ อุ่น ไปตรงนู้นกัน เฮียว่าตรงนั้นต้องมีวิวสวยๆ ” ลมคว้าต้นแขนข้างขวา
   ดินคว้าแขนข้างซ้าย “ ไปตรงนั่นกับเฮียดีกว่า มีผีเสื้อด้วย ”
   กูไม่ใช่ผู้หญิงครับมึง...
   ไฟคว้าเอวผมจากข้างหลัง “ พี่อุ่นต้องไปกับไฟต่างหาก ไปดูน้ำตกชั้นแรกกัน พวกมึงน่ะปล่อยเลย! ”
   “ มึงต่างหาก ปล่อย!! ”
   ตอนนี้ตัวผมไม่ต่างจากแม่ที่มีลูกสามคนป้วนเปี้ยนไม่ห่างเกาะแขนเกาะขาขี่คอ แยกเขี้ยวใส่กันอีก ผมทำหน้าเนือยหมดแรงจะสะบัดแหละ
   “ เอ่อ ผมว่าพี่ๆน้องๆออกจากอุ่นก่อนดีมั้ยครับ เดี๋ยวจะเป็นลม ” เสียงทุ้มว่าขึ้นแทรกอย่างเกรงๆ
   ไอ้ลมหันไป “ มึงยังมีบัญชีแค้นกับกูไอ้วิน! ไปไกลๆตีน! ”
   “ พี่น้องเขาจะแสดงความรักกัน มึงไปไกลๆ! ” ดิน
   ไฟ “ คนนอกอย่าเสือก ”
   “ วิน เอาพวกมันออกไปดิ ” ผมสั่งไม่ฟังที่พวกมันพูด เพราะตอนนี้ขี้เกียจจะลุกมาถีบพวกมันแล้ว ปวดขา “ เร็วๆ ”
   วินทำหน้าคิดไม่ตกเพราะตอนนี้สภาพมันเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับร็อตไวเลอร์สามตัวไม่ปาน พอทำใจจะอ้าปากแย้งแล้วเดินเข้ามา กลับมีคนใจกล้ากว่านั่นพุ่งมาแทรก
   “ ดินนนนนนนนนนนนนนน ”
   คนโดนเรียกสะบัดตัวออกจากผมแล้วกระโดดหลบ “ มึงอย่าเข้ามานะเว้ยไอ้พี่ปาย มึง มึงถอยป๊ายยย  ”
   “ ดินดินไปดูตรงนู้นกัน! มีนกด้วย ”
   “ มีไม่เคยเห็นนกรึไงห่า! ไม่ต้องมาจับ! ” แล้วมันก็วิ่งหนี แน่นอนว่า พี่ปายเป้นคนที่ไฮเปอร์พลังงานล้นหลามก็วิ่งตามไปอย่างสบายๆ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างสนุก
   เสร็จไปหนึ่ง...
   “ เดี๋ยวกูช่วย ” ไต้ฝุ่นแตะไหล่เพื่อนมันแล้วตรงมาหิ้ว ย้ำว่า หิ้วไอ้ลมที่ตัวอย่างควายออกไปอย่างง่ายดาย
   คนโดนหิ้วเพิ่งได้สติจากอาการเหวอกินก็โวยวาย “ ไอ้หน้าอ่อน! มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย! ปล่อบกู๊! ”
   “ พี่ไปกับผมดีกว่า ให้ผัวเมียเขาอยู่ด้วยกัน ”
   “ ใครผัวเมีย น้องกูโสด!” สะบัดให้ออกก่อนเถอะมึง “ ไอ้หน้าขาว มึงจะเอาใช่มั้ย มึงช่วยเพื่อนมึงใช่มั้ย เดี๋ยวมึงโดน!! ”
   ไต้ฝุ่นยิ้มตาปิด “ งั้นก็สะบัดให้ได้ก่อนนะครับพี่ ”
   “ ไอ้เด็กเวร มึง! ”
และลมก็โดนไต้ฝุ่นที่เห็นนิ่งๆหงิมๆแต่แรงช้างผสมม้ายกหิ้วไปได้อย่างง่ายดาย
   เสร็จไปอีกหนึ่ง...
   “ ไงมึง จะออกไปได้ยัง ” เอี้ยวคอไปหาตัวปัญหาอีกหนึ่ง มันแสยะยิ้มกลับมา
   “ ไม่มีใครมาลากผมได้หรอก ” หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
   เสียงเล็กว่าขึ้น “ จะแน่เหรอ ”
   ชะงักเสียงหัวเราะกลางอากาศ หันขวับไปมองต้นเสียง “ ไอ้เตี้ยอย่างมึงทำไรได้ ”
   “ กูอยากเข้าห้องน้ำพอดี ไปเป็นเพื่อนกันหน่อย ” ตรงมากระชากผมสวยๆของไอ้ไฟแล้วลาก
   “ โอ๊ยยยยย เชี่ยเตี้ยมึงปล่อย!! ” น้ำตาเล็ดเลยทีเดียว รีบลุกไปตามแรงกระชากหัว  ผมหัวเราะน้อยๆ
   เวียร์ทำหน้านิ่งเย็นชาไม่ฟัง แต่ก็หันมายิ้มให้ผม “ เชิญพี่ชายกับพี่สะใภ้สวีทกันตามสบายนะครับ ”
   “ ไอ้เตี้ยยยยยยยยยยย กูเจ็บ!! กูจะฟ้องมึง ข้อหา... โอ๊ย! อย่ากระชากเด๊!! TOT  ”
   และเวียร์ก็ลากออกไปได้อย่างง่ายเดาย... เหอ เหอ ถ้าไอ้ไฟไม่มีเมีย จะยุให้จีบเวียร์ แต่มันเสือกมี แต่ใช่จะไม่มีวันเลิก หึหึ
   หันกลับมาก็พบว่าตอนนี้เหลือเพียงผม ไอ้วินแล้วก็เฮียไทม์ที่เดินไปเดินมาหาสัญญาณโทรศัพท์หน้าเครียด
   “ เฮีย เป็นไรวะ ”
   “ นี่มันจะถึงเวลาโทรไปรายงานเมียแล้วอ่ะดิ แม่งไม่มีสัญญาณ ” ยีหัวอย่างสุดๆด้วยความเครียด “ ไอ้กิ่งมันเผาลูกกูแน่ๆ ”
   ลูกที่ว่าก็คือ ลูกบอลสะสมของมันที่ไปกวาดมาทุกสารทิศทั่วโลก...
   “ เดี๋ยวกูไปขอให้โทรศัพท์เจ้าหน้าที่ดีกว่า ” วิ่งสี่คูณร้อยทันที ด้วยความห่วงหาถึงเมีย ผิด! มันกลัวลูกมันถูกเผาเป็นตอตะโกซะมากกว่า
   ตอนแรกก็ถามมันว่าทำไมไม่ลากเมียมาด้วย มันก็บอกไม่อยากให้มาลำบาก ห่วง หวงเมียที่หนึ่งเช่นกัน... ถึงตัวมันมานี่มันก็ฝากพี่สาวตัวเองไว้ให้ดูแลด้วย
   ส่วนไอ้เพื่อนทั้งสองของผมก็หายหน้าหายตาไปก่อนพวก สุดท้ายก็เหลือแค่ผมกับไอ้โง่นี่จนได้
   “ ไม่ไหวแล้วสินะ ” ยิ้มกระหยิ่มกระหย่องถูกใจ นั่งลงบนพื้นทิ้งช่วงห่างจากผมเล็กน้อยไม่ให้น่าอึดอัดไป “ แล้วแบบนี้จะทำอะไรดีน้า ”
   “ ใครแพ้ ละเมออยู่เหรอ ”
   “ ก็ร่วงแบบนี้ จะยังไม่ยอมรับอีกเหรอ ” เอียงคอมาเลิกคิ้วกวนติ่ง
   ผมขึ้นเสียง “ กูแค่เมื่อย! ไม่ได้แพ้เว้ย! ”
   “ เออๆ รู้แล้วครับเมีย ไม่แพ้ครับไม่แพ้ ” ยกมือขึ้นยอม แล้วส่ายหัวปลงๆ ทำตาส่งสายตาอีกว่า จะปากหนักไปไหน
   ผมปากหนักตรงไหน!
   “ ไหน เมื่อยตรงไหน ” มองสำรวจร่างกายผมอย่างไร้มารยาท
   กวนตีนกลับไป “ ปั่นจักรยาน ใช้ไส้ติ่งปั่นมั้ง ปวดไส้ติ่งมั้ง ”
   “ เฮ้ย ไส้ติ่งจะแตกเหรอ! ” ทำตาโตเบิกกว้างพาซื่อเล่นตามน้ำอีก “ ไหนดูดิ ”
   ร่างสูงแกล้งพุ่งมานั่งเกยทับขาผม ไอ้สัด! หนักเชี่ยๆ! แล้วเลิกเสื้อผมดูทันที ไม่ค่อยจะฉวยโอกาสเลยมึง วางมือใหม่ลงที่ท้องข้างซ้ายของผมแล้วขมวดคิ้วและกดๆ
   “ เจ็บเปล่า ”
   “ ไม่ แต่มึงลุกออกไปดิ๊ หนัก! ”
   “ อ้าว ก็ปวดไส้ติ่งไม่ใช่เหรอ ” จิ้มลงตำแหน่งเดิม ผมเลยจัดการฟาดกะโหลกไปสองที
   “ ไส้ติ่งบ้านมึงอยู่ข้างซ้ายเหรอ เคยเรียนวิทย์มั้ย! ” เชื่อมันเถอะ มันโง่จริงๆ
   ทำหน้ามึนอึน “ อ้าวเหรอ แล้วอยู่ตรงไหน ”
   “ มึงลุกไปเดี๋ยวนี้ เอามือออกด้วยห่า ”
   มันขยับตัวลงจากตักผมแต่มือยังวางที่เดิม คือต้องการกวนประสาทกันก็บอกมา ผมปัดออกและมันก็เอามาวางใหม่
   “ ไหน... เมื่อยตรงไหนครับ ”
   “ เอามือออกไป ไอ้วิน!  ” กลางแจ้งแล้วอากาศร้อนๆแบบนี้มึงยังมีอารมณ์มาหื่นกับกูเนี่ยนะ กูเชื่อมึงเลย! ใบหน้าเริ่มบูดเบี้ยวตามความโมโห อีกคนกลับตีความเป็นอีกอย่าง
   “ ปวดท้องเหรอไหนดูสิ ” มึงอย่าพูดเองมโนเองได้มั้ย!
   ว่าหน้าซื่อพลางขยับมือใหม่ลูบแผ่วแกล้งลากวนไปมาอยู่ที่หน้าท้องผมที่มีซิคแพคพอเหมาะ ผมเผลอกลั้นหายใจไปรอบเมื่อฝ่ามือค่อยๆลากผ่านใต้สะดือ... ร้อนวูบวาบเลยมึง
   ผมพูดอะไรไม่ออก มันก็ยิ่งได้ใจ ลากวนลูบท้องผมเล่น...
   “ หืม... ไปเล่นกันในเต็นท์ตอนดึกๆดีกว่ามั้ย ”
   ทั้งผมและไอ้คนเจ้าเล่ห์หยุดชะงักหันไปมองเหนือหัวก็เจอกับไอ้ฟ้าครามยืนถือถุงอาหารข้าวเย็นของสดเต็มมือใบหน้าหล่อแย้มยิ้มสายตามองไอ้วินหยอกๆ
   “ นี่ๆ ในรถมีเจล แล้วก็มีถะ... ”
   “ ไอ้ฟ้าคราม! ” นัยน์ตาเรียวแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เสียงเกรี้ยวแทบจะกัดคอไอ้พี่ พี่บ้านไหนมันแนะนำให้น้องมันเสียตัวห่ะ!
   “ เอ้า! เรียกแบบนี้มันปกติ นอทซีเรียส โอเค๊? เด็กสมัยนี้ยิ่งห้ามคือยิ่งยุ เพราะงั้นเฮียเป็นผู้ใหญ่ต้องชี้นำสิ่งดี ” ทำหน้างอเหมือนตัวเองไม่ผิด “ จะทำอะไรกันก็ป้องกันไว้หน่อย ”
   “ มึงหุบปากไปเลย ไอ้พี่เหี้ย!! ” ลุกเตรียมยันตีนใส่มันแต่เสือกหลบทันอีก แล้วมีหน้ามีแลบลิ้นใส่ มันน่าโดนกระทืบจริงๆ
   หันไปทางวิน “ มึงก็ไปไกลๆเลยสัด!! ”
   “ อ้าว กูผิดไรวะ ”
   มึงผิดทุกอย่าง!! ผิดไม่ผิดไม่สน มึงต้องผิด!
   ผมทำหน้ากระฟัดกระเฟียดเหวี่ยงหันไปทางไหนก็หงุดหงิด ก่อนจะไล่ไอ้วินก็ไล่มันให้ไปตามคนอื่น เพราะเห็นหน้าไอ้แป๊ะนี่ก็อยากถีบ ตอนนี้เห็นหน้าใครก็พาลทั้งนั้น ยืนทำอารมณ์ให้เย็นเสียก่อนหลังจากนั้นก็ลากจักรยานไปเก็บท้ายกระบะ หยิบโซ่ล็อคออกจากกระเป๋าเป้มาล็อคไว้เรียบร้อยก็หยิบของจำเป็น และก็เต็นท์นอนลงมา คนอื่นๆก็เริ่มทยอยมาหยิบจับแบกของตัวเอง
   วินมันเดินมากระแซะมาหยอกผมเล่นต่อระหว่างเดินขึ้นลานตั้งแคมป์ ผมก็ไม่มีอารมณ์จะกัดกับมันเลยนิ่งๆไป  ไอ้หมาบ้าก็พยายามจะปลีกตัวมาจิกกัดแทะไอ้วินก็ทำไม่ได้ มองไปข้างหน้าก็เห็นไอ้สองฟ้าแบกทั้งกระเป๋าตัวทั้งเตาบาร์บีคิวทั้งเต็นท์ ดี ต้องใช้พวกมันหนักๆ พวกมันสบายกว่าคนอื่น
   เราเลือกตั้งแคมป์ที่น้ำตกชั้นห้า บริเวณตั้งแคมป์มันติดกับน้ำตก เป็นแอ่งกว้าง ประเมินทางสายตาคือไปนั่งหย่อนขาแช่น้ำกลางคืนได้สบาย เริ่มจากการกางเต็นท์ก่อนเลย มีสิบสี่คน กับเจ็ดเต็นท์
   “ อุ่น จะไม่นอนกับเฮียจริงๆเหรอ ” หน้าตาจะร้องไห้มาทันที
   ผมยิ้ม “ ไม่ ” ส่งถุงอุปกรณ์ตั้งเต็นท์ให้ไอ้วิน
   “ ใช่ซี้... ” ไฟเริ่มก่อนพวก
เอาอีกล่ะ ขอซื้อได้มั้ยคำนี้
“ เรามันน่ารำคาญ ” ลมต่อ
“ เรามันก้างขวางคอนี่ ” ดินเสริม
“ เราทำอะไรก็ผิด ” ไฟเพิ่ม
ทั้งสาม “ ใครมันจะไปดีเท่าไอ้วิน ”
ผมรับน้ำจากไอ้ตัวต้นเหตุที่พวกมันว่าแล้วมาดื่มดับร้อน แล้วหันไปคุยกับฟราน “ เออ มึงซื้ออะไรมาบ้างวะ ”
“ นี่ไม่ได้ฟังเลยใช่มั้ย!! ” เสียงสามหมาบ้าตวาดลั่นด้วยความน้อยใจ ผมหันไปมองเล็กน้อย พวกมันก็ทำท่าจะเมินไม่สนใจบ้างให้ผมง้อ ผมก็หันกลับมา
“ ทำอะไรกินดีวะ ”
เมินของจริง...
“ ฮือออออ ทำไมอุ่นทำกับพวกเราแบบเน้!!! ” ลมร่ำไห้กอดคอพี่น้องอย่างเศร้าโศกโลกจะพัง
ดินยกชายเสื้อขึ้นซับน้ำตา “ โดดน้ำตายแม่ง ฮือ ”
“ ฮืก งั้นมึงก็โดดไป ” ไฟว่าแล้ว...
ตู้ม!!!
ดึงหมอเถื่อนที่ยังงงๆไปริมน้ำตกแล้วถีบตกน้ำทันที...
“ แค่กๆ!! ใครถีบกู! ” ดินเสยผมเปียกขึ้นกวาดมองยิงกราดเลย
ไฟทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และชี้ไปทางไอ้ลม
“ ไอ้น้องตอแหล!! ” ลมด่าไม่ยั้งจัดการถีบส่งน้องรักลงน้ำ แต่พื้นลื่นเลยกลิ้งตกน้ำไปเอง ไม่วายคว้าคอไอ้ไฟลงไปด้วย
“ แค่กๆๆ! วิดวะเวร! ” น้องเล็กลูบหน้าตัวเองแล้วไอใส่คนคว้าคอ
“ ไหนๆก็ลงมาแล้ว มึงตายให้หมดเลย!! ” หมอเถื่อนกระโจนใส่จับหัวสองพี่น้องกดน้ำ
ลงกับใครไม่ได้ก็ลงกันเอง ดี๊ดี
ผมกับแฝดฟ้าถอนหายใจแรงๆกับภาพชินตาที่สามคนนี้มันทะเลาะกัน อยู่บ้านถ้าวันไหนมันไม่ตีกัน มันนอนไม่หลับหรอกครับ ตีกันเรื่องผมเสร็จมันก็ตีกันเอง ตบตีต่อยกันมาตั้งแต่เล็กแล้ว ชิงดีชิงเด่นมาตั้งแต่อนุบาล ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นพวกมันตีกันมาตลอด จะดีกันก็ตอนจะไปรุมกระทืบชาวบ้าน
“ ปล่อยพวกมันไป ดินของมึงไม่ตายหรอกน่า ” บอกไอ้พี่ปาย มันจะได้ไม่เป็นห่วง พี่ปายพยักหน้าพยายามจะเข้าใจแล้วลุกไปตั้งเต็นท์ของตัวเอง
ผมบอกให้ฟรานกับเวียร์ไปเตรียมอาหารตั้งโต๊ะยาวที่มีอยู่แล้ว และให้ไต้ฝุ่นมันเดินไปก่อไฟก่อถ่าน แล้วเดี๋ยวผมจะกางเต็นท์ให้ พอวินเห็นว่าผมจะทำเต็นท์ของน้องกับเพื่อนมันก่อน เลยมาช่วยกางก่อน
“ ตกลงจะนอนกับพี่? ”
“ เออ ” ตอบไปแล้วเอาก้อนหินใหญ่ตอกตัวตะปูลงดิน “ นอนกับมึงก็ดีกว่าไอ้สามหมาแล้วกัน ”
น้ำเสียงขรึมจริงจัง “ ไม่กลัวพี่เหรอครับ ”
“ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว ” ว่าไปโดยไม่คิดอะไรแล้วเอาเชือกเต็นท์มาตรึงจัดให้เข้าที่เข้าทาง ปัดมือเล็กน้อยเมื่อเสร็จ เดินไปหยิบเต็นท์ตัวเองหามุมห่างไกลสักหน่อยเพราะผมชอบความเงียบสงบ
“ เฮ้อ กลัวบ้างก็ดีนะ ”
ผมสะดุ้งเบิกตาโพล่งขณะกำลังผูกเชือกเต็นท์มุมสุดท้าย ไอร้อนจากอีกฝ่ายแผ่ออกมาในระยะประชิด มือแกร่งวางซ้อนมือผมแล้วจับมือผมผูกปมเชือกให้แน่นขึ้น
“ มึงจะทำเหี้ยอะไร ” ผมว่าตะกุกตะกัก มือก็สั่นผูกเชือกไม่เสร็จสักที “ ขยับไปดิ หะ เหี้ย กูร้อน ”
“ อืม... นอนกันมาตั้งหลายคืนแล้วไม่รู้เหรอว่า กูชอบทำอะไร ” จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้างแก้มผมแบบที่มันชอบทำเวลามีโอกาส
“ สัด กูไม่รู้ กูมะ ไม่เห็น! ”
“ เหรอครับ ” เลื่อนริมฝีปากไปข้างหูแล้วกัดงับเต็มๆ ขนแขนผมลุกชันแทบจะทันที แข้งขาเริ่มอ่อน มันรู้ว่าจุดอ่อนผมอยู่ที่หูก็เล่นไม่เลิก “ มันเป็นเรื่องธรรมชาตินี่ครับ ”
“ ธรรมชาติของมึงคนเดียวอ่ะดิ! ” ผมเอาเสียงเข้าข่ม แล้วเมื่อไหร่จะผูกเสร็จ ไอ้สัด!  เพราะเต็นท์ของผมมันใหญ่เลยบังผมมิด ไม่มีใครเห็นว่าไอ้ห่านี่มันเริ่มหื่นอีกแล้ว
“ มีผู้ชายหล่อๆมานอนบนเตียงขนาดนี้ ยังไม่รู้สึกอะไร ” วินถามหน้าเครียดแต่แววตากลับเป็นประกาย  “หรือเราตายด้าน”
   ว่าจบก็พุ่งมาจับกลางกายเป้ากางเกงผมอย่างแรง ผมเบิกตาโพล่งอย่างตกใจแล้วรีบสะบัดตัวมันออกอย่างแรง
   “ ไอ้เหี้ยวิน!! อะ ไอ้ ” ปากแทบจะไม่ขยับ
   “ ไอ้ ไอ้ ไอ้คุณผัวเหรอครับ ” ถึงมันจะล้มก้นจ้ำเบ้าแต่ก็ยังปากดีไม่เลิก “ หน้าแดงใหญ่แล้ว โดนจับแค่นี้ถึงกับหน้าแดง หรือว่ามีอารมณ์แล้ว ” ยิ้มพรายแพรวระยับทั้งปากและตา
   “ ไอ้หื่นเอ๊ย!!! ”
   ผมตวาดลั่นหน้าดำหน้าแดงด้วยความอายถอดรองเท้าผ้าใบตัวเองแล้วขว้างให้หัวมัน มันก็นั่งหัวเราะรับมือกับรองเท้าอย่างสุขใจ
   ปาเสร็จผมก็ตรงดิ่งไปริมน้ำกระโดดใส่ตู้มใหญ่เพื่อดับความร้อนบนหน้าในตัวในหัวท่ามกลางความงงงวยของคนอื่นๆในทริป ยกเว้นไอ้เวรตะไลนี่...
   “ อ้าว อยากเล่นน้ำเย็นๆก็ไม่บอก  ”
   “ ... ” ก้มหน้าก้มตาเล่นน้ำ ไม่ได้ยินเสียงมัน ใจเย็นไว้อุ่น ใจเย็น
   “ แต่ถ้าอยากเล่นน้ำอุ่นๆร้อนๆ มาหาพี่ได้เสมอนะครับ ”
   
   ใครก็ได้ ...เอาไอ้หื่นนี่ไปเก็บที!!!!
 




 
   “ รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ว่ามั้ยบีหนึ่ง ” ไผ่
   “ ฉันก็คิดแบบนายนะบีสอง แล้วนายว่าไงบีสาม ” คิม
   “ ผมก็ว่าแปลกจริงๆนั่นแหละบีสอง บีสี่ พี่ว่าไง ” เวียร์
   “ พี่ว่าหมูเราหมักน้อยไปนะบีสาม ”
   “ พี่ฝุ่น!!! ”
   สามหน่อ คิม ไผ่ เวียร์หันไปโวยใส่ไต้ฝุ่นที่เพิ่งคีบหมูย่างเข้าปาก ผู้ทำการเล่นหยุดชะงักขึ้นมากะทันหัน คนโดนโวยทำหน้าไม่รู้ร้อน ตักคีบหมูโยนถ้วยแต่ละคนเพื่อกลบความผิด
   “ แต่บรรยากาศมันแปลกๆจริงๆนั่นแหละ ” ฟรานเดินมาพร้อมบาร์บีคิวสิบไม้มายื่นให้ทุกคน “ พี่สองคนเอามั้ย เห็นมองนานแล้ว ”
   “ ‘เอา’ สิครับ ถ้าน้องฟรานให้  ” ฟ้าคราม “ เอาบาร์บีคิวสามไม้นะครับ ”
   ท้องฟ้า “ ก็มัน ‘น่ากิน’ เลยต้องมอง เนอะ” และหันไปเออออกับแฝดพี่
   “ นะ นี่ครับ ” ฟรานทำหน้าแปลกแต่ไม่ได้อะไร ส่งบาร์บีคิวที่เหลือให้ แล้วเดินกลับไปนั่งวงหมูกระทะ
   ผมเคี้ยวหมูบาร์บีคิวเสียงหนักกัดฉีกหมูกินด้วยอารมณ์ขุ่นมัวแผ่ความโมโหไปทั่วจนทุกคนไม่กล้ายุ่ง ส่วนหมาบ้าได้แต่นั่งครางหงิงๆไม่กล้าเข้ามายุ่ง
   “ พี่วิน พี่ดูอารมณ์ดีไปเปล่า ” เวียร์ถามเสียงดังเพราะสัมผัสมาได้ว่าพี่ตัวเองต้องมาแกล้งอะไรผมสักอย่างแน่ๆ ถึงหน้าบานเป็นจานขนาดนี้ ผิดกับผมที่ตีหน้ายักษ์วัดแจ้ง
   ก้มหน้าตักหมูเข้าปาก “ เปล๊า ”
   “ เสียงสูงเนอะบีหนึ่ง ” ไผ่
   “ ฉันก็ว่างั้น บีสอง อ้าปากดิ เป่าหมูให้แล้ว ” คิม    
   “ หุบปากได้ยังไอ้กล้วยทั้งสอง ก่อนกูจะโยนตกน้ำ ” ผมกระแทกเสียงเขียวตาเขม็งเอาซะเงียบกริบทั้งวง ผมฮึดฮัดแล้วก้มหน้ากินต่อ โมโหเว้ย!
   “ สงสัยเมนส์มันมาแน่ๆเลยมึง ” ไผ่ป้องปากกระซิบ
   คิมเตือนเริ่มเหงื่อตก “ พอก่อนไอ้ไผ่ เดี๋ยวมึงโดนฆ่า  ”
   กลืนหมูชิ้นที่สองร้อยเจ็ดสิบห้าลงท้องไปแล้ว ผมก็เดินเอาซากขยะจานพลาสติกไม้บาร์บีคิวไปทิ้งถังขยะให้เรียบร้อย  ไม่รู้หัวคิดอะไรอยู่ถึงได้เดินไปหยิบเบียร์กระป๋องที่ไอ้แฝดมันซื้อมาในถังน้ำแข็งมาสามกระป๋อง จากนั้นสาวเท้าไปหาที่หย่อนขาแช่น้ำ ซึ่งห่างจากวงพวกมันแค่ยี่สิบเมตรกว่าๆเอง
   “ หงุดหงิดชิบหาย ” ผมพึมพำพลางกระดกเบียร์เข้าปากไปสามอึกรวด
   ความเย็นของน้ำที่สัมผัสกับขาพาให้ผมสบายใจขึ้น มองท้องฟ้าที่เริ่มมืดก็ยิ่งรู้สึกดี ผมชอบมองท้องฟ้าตอนกลางคืนที่สุดแล้ว  ดาวมันสวย แต่ในกรุงเทพแทบจะมองไม่เห็นสักดวง เสียงรอบข้างก็เริ่มดังจักจั่นจิ้งหรีดก็มา ทุกอย่างช่วยชำระล้างความโมโหและเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี
   ทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในวันนี้...

   ‘ถ้ากูหายไป มึงนั่นแหละที่จะร้องไห้’
   
   ผมเหยียดยิ้ม “ ไม่มีทาง ” แล้วซัดเบียร์ไปรวดเดียวหมดกระป่อง จากนั้นก็เปิดกระป๋องใหม่...
   นั่งมองนกมองไม้ไปเรื่อย สายตาอ่อนๆพาให้รู้สึกดี...
   ยิ่งสงบเท่าไหร่ ในหัวผมก็เริ่มปั่นป่วนควบคุมไม่ได้เพราะเบียร์หมดไปแล้วสอง...
   
   เกือบไปแล้ว ไอ้อุ่น วันนี้มึงเกือบไปแล้ว...
   
   ผมตำหนิตัวเองดังๆในหัว ก่อนจะหยิบกระป๋องที่สามมาเปิด แต่กลับถูกใครบางคนแย่งไป... หันหน้าไปจ้องมองในความมืด
   “ ใคร ” ผมถามเสียงเข้มเจือความมึนงงอยู่ไม่น้อย
   เบียร์ยี่ห้ออะไร แรงชิบหาย ปกติไม่เมาตั้งแต่สองกระป๋องแรกน่ะเว้ย
    “ กินเยอะไปแล้วเมีย ” เสียงเข้มและดุดันมากกว่าปกติ ผมคลี่ยิ้มหัวโงนเงน
   “ ไอ้วินเหรอ ” ผมครางถามไป แล้วมาคิดๆ วินไหนวะ
   “ เออ ” มันตอบแล้วนั่งลงข้างๆผม “ แดกห่าอะไรเยอะขนาดนี้ ไม่รู้รึไงว่ามันเป็นเบียร์เถื่อน ”
   กูจะไปรู้ได้ไงวะ
   แต่ทำไมหน้ามันคุ้นๆเหมือนใครสักคนเลยวะ คุ้นๆว่าเป็นไอ้โง่ตัวหนึ่งที่หลงมาจีบผมนั่นเอง ผมสะบัดหน้าไปมาอย่างมึนๆ สติจงมา สติหายเดี๋ยวกูโดนปล้ำ 
   “ โดนกูจับไข่นิดเดียว มึงเครียดขนาดนี้เลยเหรอวะ ”
   ผมว่าตอนนี้ผมต้องหน้าแดงมากชัวร์ “ ให้กูจับบ้างเอามั้ย  ”
   “ เอาดิ ” สีหน้ากระตือรือร้นมากแถมจับมือผมจะไปจับของมันเองอีก
   “ สัด ” ผมด่าเสียงระอา ถึงกูเมาแต่กูมีสตินะเว้ย ยังรับรู้ กระชากมือกลับอย่างอ่อนแรง
   “ เมาแล้วทำไมยังด่าได้อีกนะเมีย ” มันทำหน้าเสียใจอยู่มากก่อนจะพูดขึ้นใหม่ด้วยสีหน้าเครียดยามมองหน้าแดงๆของผม  “ ลุกไปนอนได้แล้วเมีย เมามากแล้ว ”
   “ ไม่ไปเว้ย เดี๋ยวมึงปล้ำกู ” ผมเถียงแล้วปรือตทอดมองกระแสน้ำเย็นๆ
   “ กูไม่ปล้ำคนเมาน่า ไม่ได้อารมณ์ ” ดูมัน ยังจะมีจิตใจจะมีคิดอีก มันเก็บกระป๋องเบียร์ไว้มือหนึ่งแล้วอีกมือฉุดแขนผมที่ตอนนี้ตัวปวกเปียกไปหมดให้ลุกขึ้น
   เอ๋... ทำไม ไอ้วินมีสองคนหว่า
   ไม่ๆ กูจะไม่เมา
   “ คนห่าอะไรหนักชิบหาย ” เสียงจักจั่นที่ไหนวะ ผมสะบัดหน้าไล่ความมึนแล้วตั้งสติก็เห็นไอ้วินประคองตัวผมไว้มั่นมือโอบเอวไว้แล้วพาผมเดิน แต่โคตรจะไม่ตรงเลย นี่ไอ้วินมันเมาใช่มั้ย!
   “ เดินตรงๆสิว่ะเมีย! ”
   “ หนวกหูน่า ” ผมบ่นพึมพำแล้วพยายามทรงตัวดีๆอีกครั้ง เหมือนจะได้ยินเสียงหมาเห่าสักสามตัวได้ แต่แถวนี้มีหมาด้วยเหรอวะ
   ผมหลับตาลงเพื่อพักสายตาสักครู่แต่ดันมารู้สึกตัวอีกที่ก็ตอนตัวสัมผัสกับผ้านุ่มที่จำได้ว่าเป็นถุงนอนชนิดหนาพิเศษเลยทำให้รู้สึกนุ่มเหมือนนอนเตียง...
   มองเพ่งตามองดูการกระทำของไอ้วินว่ามันจะทำอะไรต่อ...  มันนั่งพักหายใจอยู่พักใหญ่ โอ้โห นี่ตัวกูหนักมากว่างั้น กะพริบตาทีแล้วรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง หัวก็หมุนติ้ว... นี่ผมเมาจริงๆเหรอ
   “ ตัวแม่งหนักชิบหาย แดกช้างไปเหรอมึง ”
   “ กูได้ยินนะ ” ผมบ่นแล้วตั้งศอกยันตัวลุกขึ้นนั่งแต่ตัวก็โอนเอียงไปมา รู้สึกร้อนชะมัด คิดแล้วก็ถอดเสื้อเปลือยบนเหลือแค่กางเกงขาสั้น และนอน...
   “ นี่เมา หรือ แกล้งเมา ” มันถามนิ่งๆ
   “ กูพูดรู้เรื่อง แปลว่า ยังไม่เมา ” ว่าไปแล้วยกมือขึ้นก่ายหน้าผากปิดตา แต่หูยังได้ยินเสียงกุกกัก และแสงจากไฟฉายเหมือนไอ้สิ่งมีชีวิตร่วมเต็นท์กำลังหาของ
   ผมนอนเงียบๆ แล้วจู่ๆก็รู้สึกเหมือนใครมาดึงขาให้ยกขึ้น ตามด้วยไอน้ำเย็นๆแสบๆ ไหนจะกลิ่นฉุนยาตามมา ไม่ทิ้งไว้นานแรงบีบนวดก็กดลงมาตามขาตามน่องให้รู้สึกสบาย
   ความสบายเริ่มพาให้ผมสติเริ่มเลือนรางเพราะความเมา... เมาจริงๆ คนเมาไม่รู้ตัวว่าพูดอะไร
   “ มึง มึงจะอยู่กับกูตลอดได้เหรอวะ  ” ผมกำลังพูดอะไร...
   แรงกดที่ขาชะงักลง
   “ พูดอะไร ” เสียงทุ้มดูจะแปลกๆ แล้วขยับมือต่อ...
   “ มึงจะหายไปเหรอวะ ” กูเมา กูไม่รู้กูพูดอะไร เหมือนจะเห็นดาววิ้งๆบนหัว...
   “ พูดไม่รู้เรื่องแล้ว ”
   “ ...มั้ง ”
   ภายในเต็นท์เงียบลงแทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่... ผมเอามือปิดหน้าไว้เลยไม่เห็นอะไร และไม่รู้สึกอะไร เพราะ...ผมเมา
   เงียบไปนานกว่าจะได้ยินเสียงอีกครั้ง...
   “ ที่กินเบียร์เพราะมึงเครียดเรื่องที่กูพูดเหรอ ” น้ำเสียงดูจะอ่อนโยนขึ้น... “ ทำไมมึงน่ารักแบบนี้วะ ”
   รู้สึกหน้าร้อนฉ่าเลยทีเดียว
   “ กูไม่ไปไหนหรอก อย่าคิดมาก ” เสียงอ่อนโยนเป็นบ้า...
   “ ...นี่ ” ผมลดมือที่ปิดครึ่งหน้าไว้ลง สบตามันในความมืด
   “ อะไร ”
   “ กูอยากจูบมึงว่ะ ”
   !!!
   นัยน์ตาคมเบิกกว้างนิ่งค้างไปหลายวิแล้วพอได้สติคืนก็ส่งยิ้มเบาบางให้ผม... นวดขาให้ผมต่ออย่างเบามือ
   “ มึงเมามากแล้วอุ่น ”
   “ แต่... ”
   “ นอนเถอะ ” วินไม่มองหน้าผมสักนิด “ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก นอนๆ พรุ่งนี้ต้องปั่นจักรยานต่อ ” และยิ้มให้ส่งมือมาโยกหัวผมเล็กน้อย ก่อนจะนวดขาให้ผมต่อ...
   ผมกัดปากตัวเองเล็กน้อยแล้วพูดออกไป “ เออ กูคงเมามากแล้วจริงๆ ” จากนั้นค่อยๆหลับตาลงปล่อยให้ความรู้สึกร้อนในอกดับไหม้ไปเอง ตอนที่จะเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้วหลับยาว เสือกหูดีได้ยินอีก...

   “ ทำหน้าน่าฟัดขนาดนี้ ใครมันจะอดใจไหวว่ะ ”
 “ ขืนจูบมึงตอนนี้ กูกลัวว่าจะไม่หยุดที่จูบน่ะสิ เมียโง่เอ๊ย ”
   
   
   ห่า กับคนเมามึงยังจะหื่นได้อีก
   แต่พอได้ยินคำพูดหื่นกามของมันแล้ว พลันในตัวก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาพร้อมเสียงในอกที่ดังก้อง
ตึกตัก! ตึกตัก!!
 

   เพราะเบียร์สองกระป๋องแน่ๆ
 ...ใจเลยเต้นแรงเลย


ออฟไลน์ FusayaZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
******************
ค่อนข้างยาวยืดมหากาพย์จริงๆ ตอนต่อไปจะยาวประมาณเเละมากนี้นะคะ
ติชมได้น่าาาา

จะทยอยลงในทันตามเว็บอื่นๆน่าาา เนื้อหาค่อนข้างยาวนิดนึง (ไม่นิดล่ะ)

ขอบคุณค่าาาาา :mew1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ยาวโลดดดดดด ชอบบบบบบ

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
อุ่นนนนหวั่นไหวมากแล้วซินะ

แต่ทริปนี้พี่วินไม่ทำอะไรหรอกก เด๋วน้องอุ่นปั่นจักรยานไม่หวายยย
อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบ มาลงยาวววว ดีดี ดี :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อุ่น นี่ดีนะ ดิน ลม ไฟ และวิน รุมรัก
อุ่น หวั่นไหวกับวินแล้ว ยอมรับสถานะ ของวิน - ผัวแล้ว
มียั่ววินด้วย น่ารักกกก
ปาย ดิน / ไต้ฝุ่น ลม / ไฟ เวียร์ /แฝด ฟราน
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lazysheep

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-2
โอ้ยยยยยยยยย หวั่นไหวมาก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
บอกเลยปวดหัวแทนอุ่นจริงๆๆๆ555

ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังรออยู่กงนี้นะจ้ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Nobodylove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
 :hao5: :hao5: มาลงที่เล้าเถอะ!!!

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด