...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 744671 ครั้ง)

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
รอตอนที่เค้าเจอกันสองคน

 :กอด1: :L2: :pig4:


ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
ตอนหน้าเจอปุ๊ปปิ้งปั๊บเลยได้มั้ยคะ
55555
 :mew3:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
พระเอกต้องเป็นคุณหมอภวัตแน่เลย เชียร์สุดใจ

ส่วนคุณพิมอยากให้คู่กับพี่อาทิตย์นะ

น้องคุณหมอภวัตที่ชื่อเภาก็อาจจะคู่กับดารารัศมีแทน

ปล.เรื่องนี้ให้ความรู้สึกคล้ายๆจอมร้ายเลยอ่ะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ชื่นชอบอีกเรื่องหนึ่ง

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
คลาดกันอีกแล้ว 555 ชะตาไม่สมพงศ์เลย แต่รู้จักกันคร่าว ๆ อย่างดี

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
รอเจอกันอาทิตย์หน้าๆๆ

 :z2:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คลาดกันไป




คลาดกันมา





(ไม่ดราม่าแน่ใช่ใหม ด้วยยุคสมัย กับ ฐานะครอบครัว วงค์ตระกูล อิฉันก็กลัวเหลือเกินละคุณ ว่า น้ำจะเดือด)

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ชอบเนื้อเรื่องแบบนี้คะ ดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ เย็นๆ แลดูอบอุ่นดีคะ o13

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ชอบมากกกก :mew1:
ชอบภาษา เป็นเรื่องย้อนยุค แต่ใช้ภาษาอ่านเข้าใจง่าย ไหลลื่นดีค่ะ o13

คุณจันทร์เจ้าคะ จีบสาวมาทั้งเมือง ทำท่าจะได้แฟนหนุ่มแทนนะเจ้าค่ะ  :hao7:
ก็คุณภวัตน่ะสิ ดูท่าจะแอบปิ๊งแบบไม่รู้ตัวอ่ะเปล่า :laugh:
ลุ้นตอนต่อไป

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
คลาดกันอีกแล้ว
หวังว่าตอนหน้าคงได้รู้จักกันนะ :)

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ลุ้นให้เจอหน้ากันจริงๆสักที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
  “พ่อจันทร์สัญญากับแม่แล้วนะ ว่าจะไม่หาสะใภ้มาให้แม่”

ชัวร์ค่ะคุณหญิงแม่ เงาลูกเขยมาราง ๆ แล้วค่ะ
ท่าทางคุณหมอจะตกหลุมลักยิ้มลูกชายคุณหญิงแม่เข้าแล้วค่ะ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คลาดกันจนได้ รอตอนต่อไป :mew1:

ออฟไลน์ jungjiyoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
กัน ต้องมี เกลอ ด้วยนะคะ5555 จันทร์จ้าวน่ารักจังมีลักยิ้มด้วย

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
ชอบอ่ะ เสียดายไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ไม่เอาสะใภ้แล้วสนใจลูกเขยมั้ยคะคุณแม่ 555555
ชอบภาษามากๆ
รอน้า

ออฟไลน์ 4life

  • R.I.P KT 5-5-13
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 995
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
คนเขียนบอกไม่มีดราม่า เราสบายใจนักเเล 555555  :katai2-1:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
คุณจันทร์นี่ชายในฝันของเราเลยน้า
ตาโต ขาว จมูกโด่ง ที่สำคัญคือมีลักยิ้ม
ไม่มีดราม่าเรานี่โล่งใจเลย55555 ไม่อยากอ่านเรื่องดราม่า
ชอบมากๆกับหวานจนมดขึ้น คึคึ
รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
โอ้ย น่าติดตามมากค่ะ สนุกๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
แล้วเมื่อไหร่คุณจันทร์กับคุณหมอจะได้เจอกันซะที

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มีแต่คนมั่นใจในตัวคุณจันทร์ทั้งนั้นเลย ว่าจะสามารถทำตามคำสัญญาที่มีต่อคุณหญิงแม่ได้อย่างแน่นอน :laugh:
เพราะฉะนั้น เอาลูกเขยไปแทนนะคะคุณหญิงแม่ น้องจันทร์จัดให้ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SoulFighter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ตอนหน้าจะได้พบกันจริง ๆ แล้วซินะ

 :hao7:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
ติดตามค่ะ...

รอดูเลยว่าคุณจันทร์สุดหล่อทรงเสน่ห์ จะโคจรมาเจอกับคุณหมอได้อย่างไร
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ไม่ได้รู้จักกันสักทีนะ   :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….
บทที่ ๔



   ย้ายมาอยู่บ้านใหม่เพียงลำพังได้ไม่กี่วันก็ถึงกำหนดกลับไปนอนบ้านเรือนไทยรักษพิพัฒน์ให้บิดามารดาได้เห็นหน้าตามสัญญา แต่ก่อนจะกลับ จันทร์จ้าวต้องทำตามแผนการที่ตนเองวางเอาไว้ให้เรียบร้อยเสียก่อน



ตอนก่อนเที่ยงเล็กน้อย เขาก็จัดการโทรศัพท์จากสำนักงานของเขาไปบอกพี่ชายที่กรมว่าจะเลิกงานเร็วและจะไปนั่งเล่นรอที่วังฉัตร ให้อาทิตย์ไปรับเขาที่นั่น ชายหนุ่มมั่นใจว่านี่จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้อาทิตย์ได้พบหน้าหม่อมหลวงพิมพัชราบ่อยขึ้น



   “วันนี้แปลก นึกอย่างไรชวนกันตีเทนนิสที่วัง” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้เป็นทายาทวังฉัตรเอ่ยปากถามขณะถือแรกเก็ตลงไปในคอร์ดของวัง ปกติแล้วเขาและจันทร์จ้าวมักจะนิยมตีเทนนิสในสโมสรมากกว่า เพราะได้พบปะผู้คนมากมาย แต่หากตีที่นี่ ก็จะมีคนตีแค่เขา ๒ คนเท่านั้น



   “ก็ผมอยากตีกับคุณพงศ์บ้างนี่ ไปสโมสรทีไรก็มีคนนั้นคนนี้เข้ามาวุ่นวายทุกทีไป” ราชนิกูลหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะโยนลูกขึ้นกลางอากาศแล้วตีไปหาเพื่อนรักที่อยู่อีกฝั่งของคอร์ด



   “แล้ววันนี้แกไม่ต้องกลับไปหาพ่อแม่แกหรือ”



   “กลับสิ นัดพี่อาทิตย์แล้วว่าให้มารับที่นี่ อ่า...ขอโทษด้วยที่ใช้วังคุณพงศ์เป็นที่นัดพบเสียแล้ว” จันทร์จ้าวตอบกลับเสียงเรียบเรื่อยแล้วตีโต้กลับไป หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหัวเราะร่า



   “จะมาขอโทษอะไร้! ให้คุณอาทิตย์มารับที่นี่ทุกสัปดาห์ก็ไม่มีใครว่าหรอก ดีกว่าให้แกนั่งรถรางระหกระเหินไปหาคุณอาทิตย์ ไม่รู้จะไถลลงข้างทางเมื่อไร” คำว่า ‘ไถลลงข้างทาง’ นั้นไม่ได้หมายถึงรถรางแน่อยู่แล้ว จันทร์จ้าวได้แต่ส่ายศีรษะไปมา



   “ถึงจะไถล แต่ผมก็หาทางกลับถูกล่ะหน่า”



   พวกเขาตีโต้กันได้ครู่ใหญ่ก็มานั่งพักอยู่ข้างสนาม อากาศในวังฉัตรร่มรื่นทีเดียว แต่ติดที่ว่าสนามเทนนิสนั้นอยู่ด้านหลังตึก ทำให้จันทร์จ้าวไม่รู้ว่าคนที่เขาอยากให้มาเจอกับพี่ชายของเขาจะกลับมารึยัง



   “แล้วนี่...ถ้าผมไม่มา หรือว่าคุณพงศ์ไม่ต้องไปสโมสร คุณพงศ์ก็อยู่เงียบๆคนเดียวในวังอย่างนี้น่ะหรือ” เขาตั้งคำถามอย่างอ้อมค้อมเพราะไม่อยากให้เพื่อนรักรู้ตัวเสียก่อนว่ากำลังอยากรู้ความเป็นไปในวังนี้



   “ใช่ ถ้าไม่ต้องตามคุณพ่อไปดูที่ดิน ไม่ต้องไปทำงานที่สำนักงาน ก็จะอยู่ที่นี่เล่นกับอ้ายดำบ้าง อ่านหนังสือบ้าง” อ้ายดำคือหมาที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเลี้ยงเอาไว้ ส่วนคนเก็บมาให้เขาเลี้ยงและคนตั้งชื่อไม่ใช่ใครที่ไหน จันทร์จ้าวนั่นเอง จริงๆแล้วชื่อมันเต็มๆคือ ‘ดำลม’ ไม่มีความหมายในภาษาไทย แต่มาจากการผสมคำ ‘ดำ’ มาจากสีดำบนตัวของมัน ส่วน ‘ลม’ มาจาก ‘สีลม’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่จันทร์จ้าวไปเจอมันเข้า ครั้นจะนำกลับไปเลี้ยงที่บ้าน คุณหญิงผกาก็ไม่ชอบสัตว์ วังฉัตรจึงกลายเป็นบ้านของมันไป



   “แล้ว...ไม่เล่นกับคุณพิมหรือ สมัยเด็กๆก็เคยเล่นขายของนี่” จันทร์จ้าวถามอีก คราวนี้อีกคนหัวเราะเสียงดัง



   “ไม่ใช่เด็กๆเสียหน่อย! จะให้เล่นขายของ แล้วยายพิมก็กลับเย็นนู่น บางวันก็ค่ำด้วยซ้ำ ไม่รู้งานครูจะหนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้น”



   “กลับค่ำเชียวหรือ” จันทร์จ้าวทวนอย่างคาดไม่ถึง ถ้าหากหม่อมหลวงพิมพัชรากลับค่ำ แล้วอาทิตย์มารับเขาก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้น ๒ คนนี้ก็คลาดกันน่ะซี



   คิดกังวลยังไม่ทันจะข้ามวินาที คนรับใช้ของวังฉัตรก็เข้ามารายงานอย่างนอบน้อม



   “คุณอาทิตย์มาแล้วขอรับ”


น้องชายของ ‘คุณอาทิตย์’ ทำหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาในทันที หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเห็นสีหน้าเพื่อนรักแล้วก็ได้แต่หัวเราะก่อนจะหยอกเย้าอย่างไม่รู้เรื่อง



   “ผู้ปกครองมารับกลับบ้านแล้ว หมดเวลาตีเทนนิสแล้วซี”   



   ...ไม่ใช่หมดเวลาตีเทนนิสหรอก แต่นี่ยังไม่ถึงเวลาที่อาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราจะได้เจอกันด้วยซ้ำ!!!!!...


.....................................   



   เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ ถึงแม้คุณหญิงผกาจะตรอมตรมมาหลายวันเนื่องจากบุตรชายคนรองขอย้ายไปอยู่ข้างนอก แต่พอตระหนักได้ว่าวันนี้ บุตรชายสุดที่รักจะกลับมา หล่อนก็ทำตัวกระฉับกระเฉง ลุกขึ้นสั่งการทุกสิ่งอย่างในเรือนไทยราวกับช่วงก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความทุกข์ใจเลยแม้แต่น้อย



   “คุณแม่พักบ้างเถอะค่ะ ให้ป้าจรวยแกดูแลเองก็ได้ ดาราเห็นคุณแม่ตื่นตั้งแต่เช้า แล้วจนเย็นย่ำปานนี้ ก็ยังไม่พัก ป้าจรวย...วันนี้คุณแม่นอนพักบ้างหรือเปล่า” ดารารัษมีที่กลับมาจากการสอนที่โรงเรียนยังคงเห็นมารดาวิ่งวุ่นสั่งการตั้งแต่เรื่องทำความสะอาดห้องหับให้จันทร์จ้าวไปจนถึงเรื่องกับข้าวกับปลาก็อดไม่ได้ต้องออกปาก



   “ไม่ได้พักเลยค่ะ คุณดารา” คำตอบของคนรับใช้เก่าแก่ทำเอาดารารัษมีหันมามองมารดา



   “โธ่ ดารา...ก็วันนี้พี่เขาจะกลับมา แม่ก็อยากให้ทุกอย่างในบ้านเรียบร้อย ดาราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะไป แม่จะลงไปดูในครัวหน่อย”



   “คุณแม่...” ธิดากำลังจะห้ามปราม แต่คุณหญิงผกายกมือห้ามเสียก่อน



   “ดาราให้แม่ทำเถอะ อย่าห้ามแม่เลย” พอมารดายืนยันอย่างนั้น ดารารัษมีก็หมดใจจะห้าม ได้แต่ปล่อยให้มารดาลงไปดูแลในครัวตามที่ต้องการ หล่อนได้แต่มองตามแล้วอดไม่ได้ที่จะพึมพำคาดโทษพี่ชายตัวดี



   “พี่จันทร์นะพี่จันทร์ ถ้าทำให้พี่อาทิตย์สมหวังไม่ได้ ดาราจะโกรธจริงๆ” ว่าแล้วก็ถอนหายใจ กำลังจะหมุนตัวเดินเข้าห้องส่วนตัวแต่คนรับใช้จากข้างล่างวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาเรียกหล่อนเสียงตื่น



   “คุณดาราคะ!! คุณหญิงเป็นลมค่ะ!!!”



ดารารัษมีเบิกตาโต แล้วรีบผลุนผลันวิ่งตามคนรับใช้ลงไปยังใต้ถุนเรือนทันที



................................


   ความอลหม่านเกิดขึ้นที่ใต้ถุนเรือนนั้นเอง ร่างอวบของคุณหญิงผกาถูกคนรับใช้ประคองมานั่งพักที่ตั่งไม้ซึ่งใช้สำหรับนั่งเล่นรับลมที่ใต้ถุน แต่บัดนี้ถูกใช้เป็นที่พยาบาลคนป่วยไปเสียแล้ว พวกคนรับใช้พากันหาพัดหากระดาษมาพัดกันชุลมุนไปหมด



   “ให้ใครไปตามคุณสมฤดีมาที! บอกเธอว่าคุณแม่เป็นลม!!” ดารารัษมีออกคำสั่ง เพราะบัดนี้ในบ้านรักษพิพัฒน์มีหล่อนเพียงคนเดียวที่เป็นนาย คนรับใช้วิ่งไปยังบ้านที่อยู่ติดกัน อันเป็นบ้านของสมฤดีเพื่อนของ ๒ แฝดที่เรียนจบพยาบาล หญิงสาวจึงหันไปสั่งคนอื่นๆ



   “แล้วใครไปต้มยาหอมมาหรือยัง?!”



   “ต้มแล้วค่ะ” มีเสียงตอบกลับมา ดารารัษมีจึงหันมาทางมารดา หมายจะบีบเนื้อบีบตัวให้คุณหญิงผการู้สติ ก็พอดีกับที่รถโฟล์คสีดำของอาทิตย์เลี้ยวเข้ามาจอด



   “มีอะไรกันน่ะ” คนที่ลงมาถามคนแรกคือจันทร์จ้าว ชายหนุ่มมองเห็นจากในรถว่าคนรับใช้มุงกันอยู่ที่ใต้ถุน



   “คุณหญิงเป็นลมขอรับ!” คนรับใช้ชายคนหนึ่งตอบ เพียงเท่านั้นจันทร์จ้าวก็ถึงกับตาเหลือกรีบวิ่งเข้าไปดูอาการ ตามมาด้วยอาทิตย์ที่รีบดับเครื่องลงมาดูเช่นกัน



   “คุณแม่! คุณแม่!!” จันทร์จ้าวพยายามเขย่าร่างของมารดา แต่คุณหญิงผกาไม่รู้สติเลยแม้แต่น้อย จนคนเป็นลูกเริ่มใจคอไม่ดี



   “พาคุณแม่ไปโรงพยาบาลเถอะพี่อาทิตย์!” เขาหันไปบอกพี่ชาย อาทิตย์พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย บุตรชายทั้ง ๒ กำลังจะอุ้มมารดาไปที่รถ แต่คนรับใช้ที่ดารารัษมีให้ไปตามสมฤดีจากบ้านข้างๆวิ่งกลับมาเสียก่อน



   “คุณสมฤดีกับคุณหมอมาแล้วค่ะ!!”



   “คุณหมอหรือ?!” อาทิตย์ร้องถามด้วยสงสัยและดีใจไปในคราวเดียวกัน หากว่ามีหมออยู่ที่นี่ในตอนนี้ คงดีกว่าการพามารดาออกไปโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะไม่ไกลจากที่นี่มากก็ตามที



   “ค่ะ! คุณหมอภวัตอยู่ที่บ้านคุณสมฤดีพอดีค่ะ!!” คนรับใช้รายงาน ทำเอาจันทร์จ้าวชะงัก เขากำลังจะหันกลับไปถามชื่อของหมออีกครั้ง แต่ร่างสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในอาณาเขตบ้านรักษพิพัฒน์พร้อมด้วยกระเป๋าหนังสีดำทรงสี่เหลี่ยม ตามติดมาด้วยหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ก็ทำเอาเขานิ่งไป



   “คุณหมอ!” เสียงของดารารัษมีดังขึ้นด้วยความดีใจแค่ไหนไม่ต้องบอก เพียงอึดใจเดียว ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวมาถึงตั่งที่มีร่างของคุณหญิงผกานอนหมดสติอยู่



   “คุณหญิงเป็นลมหรือครับ ถอยออกไปก่อน อย่ามุงครับ” คนเป็นหมอทั้งถามและสั่งในคราวเดียว พวกคนรับใช้ก็ถอยกรูดออกไปหมด ที่อยู่รอบตัวคุณหญิงผกาจึงมีเพียงแค่บุตรธิดาทั้ง ๓ คน และมีจรวยคนรับใช้ใกล้ชิดที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นห่างออกไปหน่อย



   ชายหนุ่มร่างสูงทรุดกายลงใกล้ร่างของคุณหญิงผกา มีสมฤดีพยาบาลสาวอยู่ข้างเขา นายแพทย์หนุ่มเปิดกล่องสีดำทรงสี่เหลี่ยมที่เตรียมมาด้วยแล้วหยิบเครื่องวัดชีพจรออกมา รอบกายมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรสักคน แม้แต่จันทร์จ้าวก็ยังยืนนิ่ง เขามองร่างมารดาทีหนึ่ง มองแผ่นหลังของนายแพทย์หนุ่มทีหนึ่ง เขามองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำอะไรอีกบ้าง แต่อึดใจต่อมาคุณหญิงผกาก็เริ่มขยับตัว



   “คุณแม่!!” ดารารัษมีร้องด้วยความดีใจ หล่อนรีบทรุดกายลงนั่งบนพื้นแล้วบีบมืออวบของคุณหญิงแรงๆ



   “คุณแม่ได้ยินดาราไหมคะ”



คุณหญิงผกาค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปรอบกายอย่างงุนงง



   “คุณหมอ?...นี่เกิดอะไรขึ้น...ทำไมแม่มานอนตรงนี้ ดารา”



   “คุณแม่เป็นลมค่ะ ดาราตกใจแทบแย่ นี่พี่จันทร์กับพี่อาทิตย์กำลังจะพาไปส่งโรงพยาบาล แต่พอดีคุณหมออยู่แถวนี้เสียก่อน” ดารารัษมีตอบ ยังคงไม่หายตกใจดี คุณหญิงผกาทำท่าจะลุกขึ้นนั่งเพื่อขอบคุณนายแพทย์หนุ่ม แต่ยังโงนเงนเสียจนธิดาต้องรั้งร่างมารดาให้นอนลงตามเดิม



   “คุณหญิงอย่าเพิ่งลุกเลยครับ นอนพักเสียก่อน”



“ค่ะคุณหมอ...” อาการวิงเวียนยังคงอยู่ คุณหญิงจึงได้แต่นอนเฉยๆให้ธิดาปรนนิบัติ



“ช่วงนี้นอนหลับดีไหมครับ รับประทานอาหารทุกมื้อหรือไม่” คนเป็นหมอยังคงห่วงใย เขาตั้งคำถามเพื่อจะได้ตรวจให้แน่ใจว่าที่คุณหญิงผกาเป็นลม เป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้น



   “วันนี้คุณแม่ตื่นแต่เช้าค่ะคุณหมอ เห็นป้าจรวยว่าทำนั่นทำนี่ทั้งวัน” คนตอบคือดารารัษมีนั่นเอง



   “พักนี้อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน บางวันอบอ้าว คุณหญิงต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก และรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อนะครับ แต่ถ้าหากรู้สึกไม่ดีหรือเป็นกังวล ก็ไปโรงพยาบาล ผมจะตรวจให้อย่างละเอียดอีกที”



   “ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ ขอบใจหนูสมด้วยนะจ้ะ” คุณหญิงผกาขอบคุณทั้งนายแพทย์หนุ่มและพยาบาลสาว สมฤดียิ้มก่อนจะเล่า



   “โชคดีคุณหมอไปหาสมที่บ้าน ตอนที่มีคนวิ่งไปตามสม คุณหมอก็เลยรีบมาด้วย”



   “โชคดีของป้าแท้ๆนะหนูสม” คุณหญิงผกายังไม่วายเยินยอ จันทร์จ้าวเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจกับความดีความชอบของคนเป็นหมอมากขึ้นทุกที



   “จริงๆแล้วถ้าหมอไม่อยู่พอดี ผมกับพี่อาทิตย์ก็จะพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลนะครับ!!”



เขาโพลงออกมา ทำเอาทุกคนหันมองเป็นตาเดียว ดารารัษมีถึงกับถลึงตาใส่เขาที่พูดจาไร้มารยาท แต่คุณหญิงผการักบุตรชายคนรองมากเกินกว่าจะว่ากล่าว เลยทำได้แค่ปราม



   “พ่อจันทร์พูดอะไรอย่างนั้น จริงสิ...นี่คุณหมอรู้จักพ่อจันทร์หรือยังคะ พ่อจันทร์เป็นลูกชายคนรองของดิฉัน เพิ่งกลับจากอเมริกาเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง” ว่าแล้วคุณหญิงก็เปลี่ยนเรื่องพูดเป็นการแนะนำอย่างเป็นทางการ แม้จะยังมีอาการที่สืบเนื่องมาจากการหมดสติเมื่อครู่ แต่ก็ยังสามารถอวดบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนได้



นายแพทย์หนุ่มหันไปมองคนถูกแนะนำที่ยืนหน้าตึงมองเขาด้วยสายตาอวดดี



   ...สายตาอย่างนี้...มีหรือเขาจะไม่รู้จัก...



เขาเห็นสายตาแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งที่ภัตตาคารจีน นอกจากนั้นเขายังได้เจอคนตรงหน้ามา ๓ ครั้งแล้ว ครั้งแรกคือเจออย่างผิวเผินที่วังฉัตร ครั้งที่สองคือที่ภัตตาคารจีน ส่วนครั้งที่สามก็ที่วังฉัตรอีกครั้ง แต่ครั้งนั้นเขาเห็นอีกฝ่ายในเรือติดเครื่องยนตร์ที่อยู่ไกลลิบๆ...ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ และเป็นครั้งที่สี่ที่ได้รู้จักกันอย่างป็นทางการ



   ภวัต วิชาญโยธินลุกขึ้นจากตั่ง ทำให้ความสูงของเขาเกินความสูงของจันทร์จ้าวไปเล็กน้อย



   “ยินดีที่ได้รู้จัก คุณจันทร์...” เขาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงทุ้มสุภาพและรอยยิ้มจางบนใบหน้า ดวงตาคมดุที่ส่อประกายสุภาพนั้นจับจ้องเข้าไปในดวงตากลมใหญ่ที่มองขวาง



   “...ผมชื่อภวัต” ชายหนุ่มแนะนำตัวเอง รอยยิ้มยังไม่จางไปจากใบหน้าเลยแม้แต่นิด และนั่นยิ่งทำให้จันทร์จ้าวยิ่งนึกขุ่นกว่าเดิม



   ระหว่างคนทั้งคู่คือความเงียบ ฝ่ายหนึ่งยิ้มจาง ฝ่ายหนึ่งบึ้ง ฝ่ายหนึ่งมีดวงตาที่แสนสุภาพ อีกฝ่ายสายตาทั้งขวางทั้งเคือง เป็นการพบกันครั้งที่สี่ และเป็นการทำความรู้จักกันครั้งแรกที่ไม่ว่าอย่างไรจันทร์จ้าวก็ยังไม่ชอบใจคนตรงหน้าเช่นเดิม



   และแน่นอน...สำหรับคนที่จันทร์จ้าวไม่ชอบหน้า ก็ต้องมีประโยคทักทายที่วิเศษกว่าคนทั่วๆไปเป็นธรรมดา



   “ประตูอยู่ทางนั้น คุณแม่ผมอาการดีขึ้นแล้ว เชิญหมอกลับได้เลย!!”



และนั่นคือประโยคแรกที่จันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์มีให้ภวัต วิชาญโยธิน!!!



..................................



   “ไร้มารยาทที่สุดน่ะพี่จันทร์!! คุณหมอเธออุตส่าห์รีบมาดูอาการคุณแม่ พี่ก็ยังกล้าพูดอย่างนั้นกับเธอ!!” ดารารัษมีบ่นพี่ชายไม่หยุด แม้คุณหมอภวัตและสมฤดีจะกลับไปแล้ว และคุณหญิงผกาอาการดีขึ้นมากจนสามารถนั่งร่วมรับประทานอาหารเย็นกับสมาชิกครอบครัวรักษพิพัฒน์ทุกคนที่กลับมาพร้อมหน้า เมื่อทุกคนพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารเย็น ดารารัษมีก็ทำตัวเป็นโทรโข่งเล่าเรื่องมารดาเป็นลม การช่วยเหลือของคุณหมอและความไร้มารยาทของพี่ชายให้บิดาและพี่สาวแฝดที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ได้รับรู้



   “นั่นสิ จันทร์ ทำไมไปพูดแบบนั้นกับคุณหมอนะ” คุณหญิงผกาดุได้เพียงเท่านั้น เพราะจันทร์จ้าวเป็นลูกคนโปรด



   “จันทร์ควรจะไปขอโทษคุณหมอ” ท่านนายพลแนะนำอย่างจริงจัง ซึ่งนภาสรวงก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย



   จันทร์จ้าวทำหน้าหน่าย นึกในใจว่าหากทุกคนรู้ความรู้สึกของอาทิตย์ที่มีต่อหม่อมหลวงพิมพัชรา และรู้ว่าคนที่คุณชายฉัตรหมายมั่นจะให้สมรสกับคุณพิมคือหมอภวัตคนนั้น ทุกคนที่นี่ก็คงไม่มีใครกดดันเขาให้ไปขอโทษเป็นอันขาด



   “พี่ก็ว่าจันทร์ทำไม่ถูก หมอภวัตเขาตั้งใจมาช่วยคุณแม่ แล้วเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่าจันทร์ เขาอายุมากกว่า เขาเป็นลูกท่านนายพลศักดิ์ นายของพี่ด้วย แล้วสมฤดีที่อยู่ข้างบ้านเราก็ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกับเขา” อาทิตย์อธิบายความเกี่ยวข้องเป็นฉาก และนั่นถึงทำให้จันทร์จ้าวตาโต



   “อะไรนะ?!! หมอภวัตอะไรนั่นเป็นลูกของนายของพี่หรือ?! แล้วยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกับสมฤดีด้วย?!!”



   “ไม่ใช่เท่านั้นนะคะ น้องชายของคุณหมอเป็นเจ้าของบริษัทที่นภาทำงานอยู่ค่ะ” นภาสรวงสำทับ



   “เห็นไหมล่ะ! เกิดคุณหมอเขาโกรธที่พี่ไปพูดแบบนั้นกับเขา แล้วเขาสั่งให้น้องเขาเลิกจ้างนภาจะทำอย่างไร” ดารารัษมีพูดต่อ จันทร์จ้าวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนแปลกแยกจากพี่น้อง คนอื่นๆดูจะนิยมชมชอบหมอภวัตกันหมด ทำไมมีแต่เขาคนเดียวที่เหม็นน้ำหน้าเสียเหลือเกิน



   “ก็ได้ๆ!! จะไปขอโทษก็แล้วกัน!!!” เพราะถูกพี่น้องขู่เข้าแบบนั้น ชายหนุ่มเลยตัดรำคาญรับปากไปก่อน แต่จะทำเมื่อไร นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง



   ท่านนายพลเห็นว่าบุตรชายคนรองยอมอ่อนข้อจะไปขอโทษคุณหมอแล้ว จึงหันมาสนใจภรรยาของตนเองแทน



   “แล้วคุณหญิงไม่เป็นอะไรแน่หรือ นี่ครั้งที่สองแล้วใช่ไหมที่ลมจับ”



   “คุณหมอว่าช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดี ดิฉันไม่อยากอาหารเท่าไร นอนหลับไม่สนิทด้วย ร่างกายก็เลยทนไม่ไหว” คุณหญิงผกายอมรับตามตรง นอกจากเรื่องอากาศอบอ้าวแล้ว ยังกลุ้มใจเรื่องบุตรชายคนรองด้วย ก็เลยพาลเป็นทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ



   “ผมว่า น่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาลอย่างที่คุณหมอเธอว่า หรือถ้าคุณแม่ไม่อยากไปที่โรงพยาบาล ผมจะนัดคุณหมอให้มาที่นี่ดีไหมครับ” อาทิตย์ออกความเห็น



   “ไม่ต้องหรอกลูก แม่ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว อย่าไปรบกวนคุณหมอเธอเลย” ประโยคท้ายทำเอาจันทร์จ้าวทำเสียงขึ้นจมูกอย่างนึกพาล แต่ไม่มีใครทันสังเกต เพราะทุกคนมัวแต่ห่วงคุณหญิงผกา



   “จากนี้ คุณแม่ต้องดูแลตัวเองให้มากๆนะคะ เรื่องงานบ้านก็ให้ป้าจรวยดูแล ส่วนเรื่องอาหาร นภาจะจัดการแทนเองค่ะ” นภาสรวงเสนอ เพราะหากให้ดารารัษมีไปยุ่งกับครัวเข้า ก็เกรงว่าคนทั้งบ้านคงต้องออกไปหาอะไรรับประทานนอกบ้านกันทุกมื้อ



   “ดาราสอนหนังสือเสร็จแล้วก็จะรีบกลับมาอยู่กับคุณแม่ แล้วจะสั่งคนรับใช้เอาไว้ว่าถ้ามีอะไร ให้ไปเรียกดาราที่โรงเรียนได้ทันที”



   “ขอบใจนะลูก” คุณหญิงผกายิ้มอย่างตื้นตันกับความห่วงใยที่ธิดามีให้หล่อน ดวงตาเหี่ยวย่นเหลือบมามองบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน เผื่อว่าเขาจะมีคำพูดอะไรที่ห่วงหาหล่อนบ้าง จันทร์จ้าวนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก



   “ผมจะกลับมาทุกสัปดาห์ แล้วจะหาของอร่อยมาฝากคุณแม่บ่อยๆ” เป็นว่าอย่างไรเขาก็ไม่กลับมาอยู่ที่นี่เป็นการถาวร แม้จะอ่อนใจที่บุตรชายออกไปอยู่ข้างนอก แต่เมื่อสัญญาว่าจะกลับมาทุกศุกร์ คุณหญิงผกาก็ใจชื้นแต่ไม่วายกำชับ



   “แล้วอย่าลืมไปขอโทษคุณหมอด้วยนะจ๊ะ” จันทร์จ้าวเหลือบตามองมารดาแล้วก็ทำเป็นพยักหน้าส่งๆไปอย่างนั้น



   ท่านนายพลและคุณหญิงผกามองหน้ากันอย่างนึกห่วง ถึงแม้บุตรชายคนรองจะติดเอาแต่ใจอยู่สักหน่อย แต่ก็เป็นมิตรกับคนรอบข้าง เจ้าตัวมีเพื่อนฝูงมากมาย แต่แล้วทำไม...ทำไมกับคุณหมอภวัตถึง...



   “ไม่ชอบคุณหมอภวัตหรือ จันทร์” ท่านนายพลเป็นฝ่ายถาม ภวัตก็ถือว่าเป็นคนใกล้ตัวไม่น้อย ถึงจะไม่ได้สนิทสนมไปมาหาสู่กันเท่าไร แต่ก็นับว่าเป็นคนคุ้นเคย เพราะท่านกับพลโทศักดิ์ วิชาญโยธินบิดาของภวัตก็เป็นเพื่อนตีกอล์ฟด้วยกันออกบ่อยไป แม้จะอยู่กันคนละสังกัดก็ตาม



   “ก็...ไม่เชิงครับ” จันทร์จ้าวตอบไม่เต็มเสียง จะว่าไม่ชอบก็ไม่ถูก ออกไปทางเหม็นหน้าและขุ่นเคืองเท่านั้น...ละมั้ง



   “ตอนเด็กๆพี่จันทร์อยากเป็นหมอไม่ใช่หรือ” ดารารัษมีแขวะ



   “พี่ไม่ได้อิจฉาที่เขาเป็นหมอ ตอนเด็กๆพี่อยากเป็นหมอน่ะใช่ เพราะอยากจีบพยาบาล แต่โตขึ้นมาพี่ชอบทางเศรษฐศาสตร์มากกว่า เพราะฉะนั้น ต่อให้ใครจะเป็นหมอหรือไม่เป็น พี่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร” จันทร์จ้าวเถียงทันควัน ทำเอาคุณหญิงผกาต้องรีบร้องปรามก่อนที่สองพี่น้องจะทะเลาะกันด้วยเรื่องคนอื่น



   “เอาเถอะจ้ะ พ่อจันทร์ไม่ได้เกลียดคุณหมอก็ดีแล้ว ทานข้าวกันเถอะ” สองพี่น้องไม่โต้เถียงกันอีก แม้จะจดๆจ้องๆอย่างหาเรื่องกันและกันก็ตามที ท่านนายพลและคุณหญิงหันมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะเหลือบตามองไปที่จันทร์จ้าวผู้ซึ่งเป็นมิตรกับคนทั่วไป ยกเว้นเพียงคนเดียว



   ...นายแพทย์ภวัต วิชาญโยธิน...



..................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 19:38:09 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ภวัต วิชาญโยธินผู้ถูกคนที่บ้านรักษพิพัฒน์กล่าวถึง ก้าวเท้าเข้าบ้านเป็นวันแรกในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเขาต้องอาศัยนอนค้างที่บ้านพักใกล้โรงพยาบาลเพื่อดูอาการคนไข้คนหนึ่งที่ไม่สู้ดีนัก อันที่จริง ชายหนุ่มควรจะกลับเข้าบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อยเพราะพักผ่อนไม่พอหลายวันติดกัน แต่...วันนี้เขากลับอารมณ์ดีเป็นพิเศษ



   “วันนี้กลับบ้านได้หรือพี่” เสียงทักดังมาจากชุดเก้าอี้บุนวมในห้องนั่งเล่นที่ชายหนุ่มกำลังเดินผ่าน ภวัตหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้น้องชาย



   “อืม คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ” เขาถามเพราะเห็นว่าบ้านทั้งหลังเงียบกริบ



   “คุณพ่ออยู่ตึกเล็ก ส่วนคุณแม่ไปเยี่ยมน้าจง เห็นว่าไม่ค่อยสบาย” เภาว่าอย่างนั้น ทำเอาภวัตขมวดคิ้วเล็กน้อย



   “น้าบรรจงน่ะหรือ? แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” บรรจงเป็นน้องสาวของคุณหญิงจิตต์ ไม่แต่งงานและอยู่เพียงลำพัง คุณหญิงจิตต์ไปเยี่ยมบ่อยๆประสาพี่สาวน้องสาว บางครั้งก็มีบุตรชายคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ติดสอยห้อยตามไปด้วย แต่พักหลังมานี่เมื่อบุตรทั้งสองทำงาน คุณหญิงจิตต์จึงไปเยี่ยมเพียงลำพัง



   “เอ? ก็คงไม่มาก ถ้ามากคงมีคนพาส่งโรงพยาบาลแล้ว” ภวัตพยักหน้ารับรู้ เขามีเรื่องอยากจะพูดคุยกับบิดาเสียหน่อย แต่เมื่อบิดาอยู่ตึกเล็ก เขาก็ไม่อยากไปรบกวน



   บ้านวิชาญโยธินเป็นครอบครัวใหญ่ นอกจากคุณหญิงจิตต์แล้ว พลโทศักดิ์ยังมีภรรยาเล็กอีก ๒-๓ คน ทั้งหมดล้วนอยู่ตึกเล็กกับลูกๆของพวกเธอ ส่วนตึกใหญ่สถาปัตยกรรมแบบยุโรปนี้เป็นของคุณหญิงจิตต์ เขาและเภาเพียงเท่านั้น พวกเขา ๓ แม่ลูกแทบไม่เคยย่างกรายไปที่ตึกเล็กเลย ในขณะที่พวกที่ตึกเล็กก็แทบจะไม่เคยมาที่ตึกใหญ่ เว้นเสียแต่ว่าจะมีงานสำคัญ จึงจะได้เห็นหน้า ราวปีละครั้งหรือสองครั้งได้



   “วันนี้พี่ภวัตดูแปลก...” เภาตั้งคำถามเมื่อพิจารณาใบหน้าของพี่ชายเต็มสองตา



   “แปลก? แปลกอย่างไร”



   “ไม่ทราบ แต่แปลก...ดูไม่เหมือนพี่ภวัตคนเดิม...เจอเรื่องดีๆมาหรือ” ไม่ทราบคิดอย่างไร เภาจึงถามเช่นนั้น เขารู้สึกแค่ว่าวันนี้พี่ชายดูอารมณ์ดีกว่าเคย แม้ทุกๆวันภวัตจะมีรอยยิ้มจางติดอยู่บนหน้าตลอดเวลาก็ตาม แต่วันนี้ไม่ใช่แค่รอยยิ้มจาง...มีอะไรบางอย่างที่เภามองเห็น แต่เขาคิดไม่ออกว่าอะไร...



   ภวัตหัวเราะเบาๆ เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นที่เขาไปเยี่ยมสมฤดี พยาบาลสาวที่ทำงานโรงพยาบาลเดียวกับเขาซึ่งป่วยเป็นหวัดจนต้องขอลาหยุด และมีโอกาสได้แวะเวียนเข้าไปในบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของสมฤดีอย่างกะทันหัน



   “ฉันรู้ชื่อคู่ปรับของแกแล้วนะเภา” เขาเปลี่ยนเป็นพูดเรื่องน้องชายแทน และเพียงเท่านั้น เภาก็ถึงกับทำหน้ามู่ทู่



   “ผมไม่เห็นจะอยากรู้เลย!” ถึงพักหลังมานี่ ทั้งคุณวนิดา คุณสายสมรและคุณศรีอำไพจะกลับมาเป็นเพื่อนเล่นเขาเช่นเดิมแล้วก็ตามที แต่เภาก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายคือคู่ปรับเขาอยู่ดี ไม่ใช่เภาไม่รู้ ว่าทำไมเพื่อนผู้หญิงของเขาถึงกลับมาเที่ยวเล่นกับเขาดังเก่า เพราะพวกนั้นถูกเจ้าคู่ปรับของเขาเขี่ยทิ้งน่ะซี!!



   “ฉันเชื่อว่าแกต้องอยากรู้ เพราะเขาเป็นน้องชายคุณอาทิตย์ เป็นพี่ชายคุณดารารัษมีแล้วก็คุณนภาสรวง” คำพูดของภวัต ทำเอาเภาหันมองอย่างคาดไม่ถึง ภาพตอนที่เขาเห็นที่ภัตตาคารจีน ไม่ใช่คู่ปรับของเขาควงสตรีมาเที่ยว ๓ คน แต่ ๒ ใน ๓ เป็นน้องสาวอย่างนั้นหรือ?!



   “เขาชื่อจันทร์จ้าว เพิ่งกลับจากอเมริกาเมื่อเดือนก่อน ไม่ใช่กลับจากปีนังหรือฟิลิปปินส์”



   “เห็นว่าเรียนจบเศรษฐศาสตร์กลับมาด้วยทุนมหาวิทยาลัย คงเรียนเก่งน่าดู ตอนนี้เปิดบริษัทนำเข้าหนังสือฝรั่งอยู่กับเพื่อน” ภวัตพูดต่อ



   “พี่ไปรู้มาได้อย่างไรน่ะ” เภาถาม ทำเอาคนเป็นพี่หัวเราะน้อยๆ เรื่องพวกนี้เขารู้จากสมฤดี ตอนที่ถูกจันทร์จ้าวไล่ออกจากบ้านรักษพิพัฒน์อย่างสุภาพแต่ไร้มารยาทเป็นที่สุดนั้น สมฤดีคงเกรงใจเขา จึงพยายามเล่าความดีความชอบของบุตรชายคนรองบ้านรักษพิพัฒน์ให้เขาฟังตลอดทางที่เดินกลับออกมา



   “ฉันทำงานในโรงพยาบาลก็จริง แต่หูตาฉันก็กว้างไกล”



   “ถ้าอย่างนั้นรู้ไหมว่าอ้ายคู่ปรับของผมมันจะจีบคุณพิมหรือเปล่า?” เภาสวนขึ้นมาทันควัน ทำเอาภวัตชะงัก เขามองน้องชายด้วยความรู้สึกอึดอัดในอก เมื่อคิดถึงเรื่องที่คุณชายฉัตรเรียกเขาไปคุยที่วังฉัตรเมื่อไม่กี่วันก่อน



   ...คุณชายฉัตรต้องการให้เขาแต่งงานกับคุณพิม แต่น้องชายของเขากำลังชอบคุณพิม...



   ...ถ้าหากเขาทำให้คุณชายเห็นความดีความชอบของเภาได้ เขาก็อาจจะไม่ต้องรู้สึกผิดที่ปฏิเสธความต้องการของผู้ใหญ่ ซ้ำน้องชายก็มีความสุขด้วย...



   “ว่าอย่างไรล่ะพี่ภวัต อ้ายคู่ปรับของผมมันคิดอะไรกับคุณพิมหรือเปล่า” เภาถามซ้ำ



   “เภา...ถ้าหากแกชอบคุณพิม แกก็ต้องไปมาหาสู่เขาให้ถูกต้อง จะทำกับเขาเล่นๆเหมือนที่แกทำกับเพื่อนผู้หญิงของแกไม่ได้”



   “ผมก็อยากทำให้ถูกต้อง แต่จะทำอย่างไรล่ะ ผมไม่รู้จักใครที่วังฉัตรนี่! เอ...หรือจะเข้าทางคุณนภาดี? ได้ข่าวว่าคุณดาราแฝดของคุณนภาทำงานเป็นครูที่โรงเรียนเดียวกับคุณพิม...เห็นที ผมต้องแวะไปบ้านรักษพิพัฒน์บ้างแล้ว”



   “ก็แล้วทำไมไม่ไปที่วังฉัตรเสียเลย” ภวัตถาม แต่น้องชายมองหน้าทันควัน



   “ไปแล้วใครจะให้เข้า?! ผมไม่รู้จักใครที่ฉัตราภาสเลยสักคน!” คนเป็นพี่อมยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปากเสนอ



   “แกตีเทนนิสเป็นใช่ไหม พรุ่งนี้ฉันได้หยุด บุ๊คคอร์ดไว้แล้วตอนเช้า ไปตีเทนนิสกับฉัน”



   “เทนนิส?! เทนนิสทำให้ผมเข้าวังฉัตรได้หรือ?!” คราวนี้จากแค่อมยิ้ม กลายเป็นภวัตหัวเราะออกมาเบาๆ



   “คุณพงศ์พี่ชายคุณพิมชอบตีเทนนิส และเพื่อนของคุณพงศ์ก็ชอบตีเทนนิส ถ้าแกตีดีถูกใจพวกเขา รู้จักสนิทสนมสร้างความคุ้นเคยกับพวกเขา แกก็มีโอกาสที่จะได้เข้าวังฉัตรแน่นอน” ชายหนุ่มคนพี่พูดโดยเว้นชื่อ ‘เพื่อนของคุณพงศ์’ เอาไว้เพราะเกรงว่าน้องชายจะอดติจนไม่ยอมไปตีเทนนิส ก่อนจะเดินอารมณ์ดีออกจากห้องนั่งเล่นไป พร้อมกับเสียงของสมฤดีที่ยังดังอยู่ในหูของเขาตลอดเวลา



   ‘คุณจันทร์เธอเรียนหนังสือเก่งค่ะ กีฬาก็เล่นเก่งนะคะ เห็นนภาว่าสมัยเรียนที่อเมริกาก็เคยลงแข่งเทนนิสระดับมหาวิทยาลัยด้วย นี่กลับมาอยู่เมืองไทย ดิฉันก็เห็นเธอหิ้วแรกเก็ตออกจากบ้านไปแทบทุกวัน คงจะไปตีกับคุณพงศ์ เพื่อนของเธอแน่ะค่ะ’



   …เอาเถอะ เจอกันที่บ้านรักษพิพัฒน์ เขาก็ถูกไล่ออกมา ถ้าหากเจอกันที่สโมสรเทนนิส เขาอยากรู้นักว่าคนอวดดีรายนั้นจะไล่เขาทางไหน...



   ภวัตอมยิ้มกับตัวเอง เขากำลังนึกสนุกกับการได้พบหน้าคนอวดดีในครั้งต่อไป...



..........................................



   คนที่สโมสรเทนนิสรู้จักกับภวัต วิชาญโยธินเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ พนักงานทุกคนจึงทักทายอย่างคุ้นเคย ภวัตเพียงยิ้มจางตอบอย่างทุกครั้ง ก่อนจะพาน้องชายตรงเข้าไปยังส่วนที่เป็นสนามเทนนิส ผู้คนทั้งชายและหญิงทั้งที่อยู่กลางสนามและริมสนาม ทำให้มองหาเป้าหมายค่อนข้างยาก



   “คุณหมอ!” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ทำเอาภวัตหันมอง ชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นทายาทของวังฉัตรเดินตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม วันนี้อากาศยามแจ่มใส แดดไม่แรงและไม่มีฝน เหมาะกับการตีเทนนิสเป็นที่สุด แม้ว่าเพื่อนคนหนึ่งของเขาจะไม่มาตีด้วยกันตามนัดเพราะมารดาป่วยกะทันหัน แต่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ยังอารมณ์ดีกับการได้มาออกกำลังกายแต่เช้าเข่นนี้



   “สวัสดีครับ วันนี้ว่างมาตีเทนนิสหรือ” เขาทักทายนายแพทย์หนุ่มด้วยรอยยิ้ม



   “ครับ นี่น้องชายของผม เภา” ภวัตไม่รีรอที่จะรีบแนะนำน้องชายของตน หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันไปทักทายกับเภาอย่างเป็นกันเอง ในขณะที่ภวัตมองหาใครอีกคนที่น่าจะมากับราชนิกูลหนุ่มด้วย ทว่า...ไม่มี



   “คุณพงศ์มาคนเดียวหรือครับ” เขาตั้งคำถาม



   “มากับเรย์ครับ เรย์มอนด์ อดัมส์ เป็นเพื่อนของผมเอง” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันไปแนะนำเพื่อนชาวต่างประเทศของตนให้ ๒ พี่น้องวิชาญโยธินได้รู้จัก เรย์มอนด์ อดัมส์เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตามชาติพันธุ์ ผมสีทองและนัยน์ตาสีเขียวเจิดจ้า ทว่าพูดไทยชัด



   “สวัสดีครับ” สำเนียงชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาภวัตค่อนข้างประหลาดใจ



   “พูดภาษาไทยได้ด้วยหรือครับ” ชายผมทองยิ้มกว้าง



   “จันทร์สั่งไว้ ว่าถ้าอยู่เมืองไทยต้องพูดภาษาไทย ถ้าจะพูดภาษาอังกฤษ ให้กลับไปอยู่อเมริกา กระทั่งตอนประชุมงานที่บริษัท ยังให้พูดภาษาไทย ผมจะตายเอา” มิสเตอร์อดัมส์พูดกลั้วหัวเราะ พาเอาคนทั้งกลุ่มหัวเราะตาม



   “เรย์กับผมเราร่วมหุ้นกับจันทร์เปิดบริษัทน่ะครับ นำเข้าหนังสือจากเมืองนอก เห็นคุณพ่อว่าคุณหมอก็ชอบอ่านหนังสือ ไว้หนังสือรอบนี้มาเมื่อไร ผมจะให้สมนาคุณคุณหมอด้วย” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดพลางยิ้มอย่างเป็นมิตร



   “แล้ว...คุณจันทร์ไม่มาด้วยหรือครับ” ภวัตมีโอกาสถามถึงใครอีกคนที่เขาไม่เห็นหน้า



   “ตอนแรกก็ว่าจะมา แต่เมื่อเช้าโทร.มายกเลิกกะทันหัน เห็นว่าเมื่อวานคุณหญิงผกาไม่ค่อยสบาย จันทร์ก็เลยอยากจะอยู่ที่บ้านมากกว่า ช่วงนี้จันทร์ย้ายออกมาอยู่ข้างนอก จะกลับบ้านก็เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เลยต้องอยู่ติดบ้านเสียหน่อย แล้วนี่คุณหมอมากัน ๒ คนหรือ พวกผมก็มากัน ๒ คน ถ้าอย่างไรเรามาเล่นคอร์ดเดียวกันไหม แข่งกันสักหน่อย ครบคู่พอดี” เมื่อหม่อมหลวงพงศ์ภราธรเสนออย่างนั้น ภวัตก็ไม่รอช้า เขาตกปากรับคำเพื่อเปิดโอกาสให้น้องชายได้ทำความรู้จักกับคนสกุลฉัตราภาส



กีฬาเป็นสิ่งดี มันเชื่อมมิตรไมตรีได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นที่น่าเสียดาย...ที่ใครอีกคนที่เขาอยากเชื่อมสัมพันธ์ด้วย กลับไม่มาเสียนี่...


......................................   



     เสียงกุกกักจากในโรงครัว ทำให้หม่อมราชวงศ์ฉัตร ฉัตราภาสต้องจับจ้องต้นเสียงราวกับกำลังลอบสังเกต ธิดาของท่านวันนี้ลงครัวด้วยตัวเอง แม้หม่อมหลวงพิมพัชราจะเป็นสตรีที่ท่านอบรมเลี้ยงดูมาอย่างกุลสตรี แต่เธอก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าครัวบ่อยนัก เพราะสนุกกับการทำงานข้างนอก



   “คุณพ่อ...มาทำอะไรตรงนี้ค่ะ” หญิงสาวหันกลับมาเห็นบิดาพอดี จึงส่งเสียงร้องถาม คุณชายฉัตรชะงักไปเล็กน้อยที่ถูกธิดาจับได้ จึงเสยิ้มแล้วก้าวเท้าเข้ามายืนข้าง



   “ได้ยินว่าลูกเข้าครัวเอง ทำอะไรอยู่หรือ”



   “ทำของเยี่ยมค่ะ เมื่อเช้าพี่พงศ์ว่าคุณหญิงผกาไม่ค่อยสบาย ลูกตั้งใจจะแวะไปเยี่ยมเสียหน่อย”



   “คุณหญิงผกาเป็นอะไรหรือ”



   “เห็นว่าเป็นลมเมื่อวานนี้ค่ะ เมื่อเช้าคุณจันทร์ก็เลยไม่ได้ไปตีเทนนิสกับพี่พงศ์ เธอโทร.มาลาแต่เช้า” ชื่อของชายหนุ่มอีกคนทำให้คุณชายฉัตรต้องลอบมองใบหน้าของธิดา ด้วยเพราะอยากจับสังเกตว่าพิมพัชรามีความรู้สึกเช่นไรต่อชายหนุ่มผู้นั้น



   ...อันที่จริง เมื่อทางภวัตปฏิเสธแล้ว หม่อมราชวงศ์ฉัตรก็อยากจะหันมาสนใจ จันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์แทน แต่ติดที่ว่าอีกฝ่ายมีเพื่อนผู้หญิงมากมายเหลือเกิน จนคุณชายหวั่นใจว่าจะไม่มั่นคงกับธิดาของท่านแต่เพียงผู้เดียว...



   “ลูกดูสนิทสนมกับบ้านรักษพิพัฒน์ดีนะ”



   “ก็คุณดาราเธอเป็นเพื่อนครูที่โรงเรียนเดียวกับลูกนี่คะ พี่พงศ์ก็สนิทกับคุณจันทร์ สมัยคุณแม่ยังอยู่ ก็สนิทกับคุณหญิง”



   “แล้ว...ลูกว่าจันทร์จ้าวเขาเป็นคนอย่างไร”



   “คุณจันทร์หรือคะ? เธอเป็นคนสนุกเชียวค่ะ มีเรื่องตลกๆมาเล่าให้ฟังเยอะแยะ คุยกับเธอไม่มีเบื่อ” เมื่อธิดาว่าอย่างนั้น คุณชายฉัตรก็ออกจะนึกกังวลไม่น้อย



   “แล้วคุณอาทิตย์ล่ะ...” คุณชายถามถึงชายหนุ่มอีกคนของบ้านรักษพิพัฒน์ และเพียงเท่านั้น ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มหวานของธิดาก็กลายเป็นอึกอัก หม่อมหลวงพิมพัชราหันไปสนใจอาหารที่อยู่ในหม้อแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเบาแผ่ว



   “เอ่อ...ลูกก็ไม่ทราบหรอกค่ะ...ไม่ค่อยได้คุยกับคุณอาทิตย์เสียเท่าไร เอ่อ...คุณพ่อจะไปเยี่ยมคุณหญิงด้วยกันไหมคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องพูด หล่อนไม่อยากพูดถึงเรื่องพี่ชายคนใหญ่ของครอบครัวรักษพิพัฒน์ ไม่ใช่ว่าหล่อนเกลียดเขา แต่...พอพูดถึงเขา นึกถึงเขา ใบหน้าของหล่อนก็ร้อนวาบอย่างไม่มีสาเหตุ



   “ไปก็ดีเหมือนกัน พ่อก็ไม่ได้ไปบ้านรักษพิพัฒน์นานแล้ว ลูกรอพ่อหน่อย ขอเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก่อน” หม่อมหลวงพิมพัชราเพียงรับคำเสียงเบา บิดาจึงออกจากโรงครัวไป แล้วปล่อยให้หญิงสาวาทำอาหารของเยี่ยมต่อ โดยไม่ล่วงรู้แม้แต่น้อยว่าในใจของธิดาตอนนี้กลับกลายเป็นนึกถึงนายทหารหนุ่มคนนั้น...ผู้ชายเงียบขรึม ไม่ค่อยพูด แต่ทุกท่วงท่าของเขาสง่างามสมกับเป็นทหาร เขาที่มองหล่อนด้วยสายตามั่นคงทว่าเจียมเนื้อเจียมตัว พิมพัชราไม่กล้าคิดว่าเขาคิดกับหล่อนเช่นไร แต่ทุกครั้งยามที่หล่อนอยู่ใกล้เขา หัวใจเป็นต้องเต้นถี่เสียจนไม่กล้าสบตา



   ...อะไรหนอ ความรู้สึกนี้...ความรู้สึกที่อยากอยู่ใกล้เขา ความรู้สึกที่อยากมองเขา...หล่อนไม่กล้าสำรวจหัวใจตัวเอง เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็คงไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นตอบกลับมา...



   หญิงสาวได้แต่มองอาหารในหม้อต้ม ใบหน้าหวานหมองเศร้า และหัวใจเลื่อนลอย...


...........................................



   หม่อมราชวงศ์ฉัตรและหม่อมหลวงพิมพัชรามาถึงบ้านรักษพิพัฒน์ในตอนบ่าย คนที่สั่งให้ตาพ่วงเปิดประตูต้อนรับรถจากวังฉัตรคืออาทิตย์ที่กำลังลงต้นไม้อยู่ที่สนามหน้าบ้าน เขาก้าวเร็วๆเข้าไปยกมือไหว้ชายผู้อาวุโส และรับไหว้จากหญิงสาวผู้มีอายุน้อยกว่า



   “สวัสดีครับ คุณชาย”



   “สวัสดี พ่ออาทิตย์ กำลังลงต้นไม้อยู่หรือ” ชายหนุ่มนายทหารอยู่ในเสื้อผ้าฝ้ายที่ค่อนข้างจะเลอะเทอะ ใบหน้าคมคายของเขามีเศษดินติดที่โหนกแก้ม อาทิตย์ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย



   “เอ่อ...ครับ...คุณชายมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่หรือครับ เชิญบนเรือนก่อนครับ” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะหันไปสั่งคนรับใช้ให้ขึ้นไปเรียนบิดาและมารดา พอดีกับที่น้องชายคนรองก้าวเท้าลงจากเรือน อาทิตย์จึงสั่งให้จันทร์จ้าวพาสองพ่อลูกขึ้นเรือนแทนเขาที่จะกลับไปลงต้นไม้ต่อ คุณชายฉัตรมองสภาพสกปรกเลอะเทอะของบุตรชายคนใหญ่ของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกาแล้วก็หันมามองสภาพสะอาดเอี่ยมของบุตรชายคนรอง



   ...ไม่เหมือนกันสักนิด...เป็นพี่น้องที่แตกต่างกันอย่างที่ท่านไม่เคยพบพานมาก่อน...



   “เชิญข้างบนครับคุณชาย คุณพิม” เสียงของจันทร์จ้าวทำให้คุณชายฉัตรก้าวเท้าเดินขึ้นเรือน หากแต่ไม่วายหันกลับไปมองร่างสูงของนายทหารหนุ่มที่เดินกลับไปยังโคนต้นไม้ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน ท่านเหลือบตาไปมองธิดาที่เดินตามหลัง ก็เห็นว่าหญิงสาวเองก็กำลังมองไปยังอาทิตย์เช่นเดียวกัน หม่อมราชวงศ์ฉัตรถอนหายใจเบา ก่อนจะบ่ายหน้าก้าวเท้าเดินขึ้นเรือนไปโดยไม่หันกลับไปมองยังชายหนุ่มที่โคนต้นไม้อีกเลย



......................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 19:39:12 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
   คุณหญิงผกาแจ่มใสไม่เหมือนคนป่วย ยิ่งมีคนที่คบค้าสมาคมกันมานานอย่างคุณชายฉัตรมาเยี่ยม หล่อนก็ยิ่งพูดคุยสนุกสนาน ส่วนหม่อมหลวงพิมพัชราหลังจากเยี่ยมคุณหญิงผกาได้ครู่หนึ่ง ดารารัษมีก็มาชวนลงไปนั่งเล่นที่ใต้ถุนบ้านแล้วปล่อยให้ผู้ใหญ่ข้างบนคุยกันไปตามประสา



   “พี่อาทิตย์ปลูกต้นไม้ทั้งวัน ไม่รู้จะขยันอะไรกันนักหนา” ดารารัษมีเปรย จากมุมที่พวกหล่อนนั่งเล่นกันอยู่ที่ใต้ถุนเรือนนั้น สามารถมองออกไปยังต้นไม้สูงตระหง่านที่หน้าบ้าน ซึ่งมีอาทิตย์กำลังก้มๆเงยๆอยู่เพียงลำพัง ราชนิกูลสาวมองตามสายตาของเพื่อนครูด้วยกัน แล้วก็ยิ่งรู้สึกประหลาดในใจยามมองแผ่นหลังกว้างของเขา



   ...พี่ชายของหล่อนก็มีแผ่นหลังกว้างเช่นนี้ แต่เหตุใดหนอ ยามหล่อนมองแผ่นหลังของพี่ชาย ไม่ยักรู้สึกร้อนวูบวาบในอกเหมือนที่หล่อนมองแผ่นหลังของชายหนุ่มผู้นั้น...



   “ไม่เหมือนพี่จันทร์ รายนั้นวันๆไม่เที่ยวก็นอน” ดารารัษมีพูดต่อ หม่อมหลวงพิมพัชราจึงหันกลับไปส่งยิ้มบางให้



   “คุณจันทร์เธอชอบเข้าสังคม เอ...เห็นพี่พงศ์ว่า คุณจันทร์ย้ายไปอยู่ที่บ้านเช่าใกล้วังใช่ไหมคะ คุณดารา” ดารารัษมีพยักหน้าหงึกหงัก



   “คุณแม่ก็เลยกลุ้มใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แล้วก็เป็นลมนี่อย่างไรล่ะคุณพิม พี่จันทร์น่ะ บทจะทำอะไรเอาแต่ใจก็ไม่มีใครขวางอยู่สักคน อีกหน่อยแต่งงานแต่งการ ดาราคงเป็นห่วงเมียพี่จันทร์แย่” คนฟังหัวเราะเบาๆ



   “ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่มีเมียดีกว่า ดาราจะได้ไม่ต้องห่วงใคร” เสียงของจันทร์จ้าวดังขึ้น ชายหนุ่มชะโงกศีรษะเข้ามาใต้ถุนทั้งที่ยังลงบันไดจากชั้นบนไม่ถึงขั้นสุดท้ายดี ดวงหน้าขาวส่งยิ้มกว้างเห็นลักยิ้มให้ทั้งน้องสาวและหญิงสาวผู้เป็นแขก



   “ให้มันจริงเถอะค่ะ! ดาราล่ะกลัวใจพี่จะมีเมียมากมายให้ดาราเป็นห่วงนี่สิ!” ดารารัษมีแขวะเมื่อพี่ชายคนรองเดินตรงมาที่พวกหล่อน จันทร์จ้าวหัวเราะอย่างสดใส



   “ไม่ต้องห่วงพี่ ห่วงพี่อาทิตย์แทนเถอะ จันทร์ถึงศุกร์ทำงาน เสาร์อาทิตย์อยู่บ้าน ชาตินี้จะได้แต่งงานไหมก็ไม่รู้” ดวงตากลมใหญ่มองสบกับดวงตาของน้องสาว แล้วก็เหมือนสองพี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันในบางทีจะสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพูด ดารารัษมีก็เข้าใจว่าพี่ชายต้องการทำอะไร



   “เอ...จริงด้วยสินะ อายุก็ตั้ง ๒๖ แล้ว ยังไม่มีคนรักเลยสักคน” หล่อนที่มักจะขวางจันทร์จ้าวในหลายๆครั้ง มาครั้งนี้กลับตามน้ำไปกับพี่ชายเสียอย่างนั้น ในขณะที่หม่อมหลวงพิมพัชราได้แต่นั่งเงียบๆฟังสองพี่น้องคุยกัน



   “ไม่รู้ว่าระหว่างพี่อาทิตย์กับนภา ใครจะได้แต่งงานก่อนนะพี่จันทร์ ดาราว่านภาได้แต่งก่อน” ดารารัษมีพูดต่อแล้วบุ้ยใบ้ไปที่พี่สาวแฝดที่มัวแต่ง่วนอยู่ในครัวซึ่งแยกออกไปจากตัวเรือนเล็กน้อย รายนี้ก็ไม่ค่อยจะออกไปเที่ยวที่ไหน ไม่ค่อยสุงสิงใคร ดีว่ายังออกไปทำงานข้างนอกบ้าน ขืนเป็นแม่ศรีเรือนอยู่ในนี้ เห็นทีดารารัษมีคงแนะนำให้พี่สาวแฝดของตนไปบวชชีเข้าสักวัน



   “เอ?...พี่ก็ว่านภาน่าจะแต่งก่อนเช่นเดียวกัน คุณพิมล่ะครับ คิดว่านภากับพี่อาทิตย์ ใครจะได้แต่งงานก่อน” จันทร์จ้าววกเข้าไปถามหญิงสาวที่นั่งเงียบ ซึ่งเธอก็ทำหน้าตื่นทีเดียวที่ถูกถามเช่นนั้น



   “เอ่อ...พิม...พิมไม่ทราบหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้...เอ๊ะ...นั่น...ดูเหมือนจะเป็นรถพี่พงศ์...” หญิงสาวได้ทีเปลี่ยนเรื่อง เมื่อมองออกไปยังประตูรั้วหน้าบ้านแล้วเห็นรถเลี้ยวเข้ามาจอดพอดี จันทร์จ้าวและดารารัษมีมองตามก็เห็นจริงดังว่า บุตรชายคนรองของท่านนายพลจึงสั่งให้คนไปเปิดประตูให้



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเสร็จธุระที่สโมสรเทนนิสแล้วก็ตรงมาที่บ้านรักษพิพัฒน์เพื่อเยี่ยมเยียนคุณหญิงผกาเสียหน่อย เขามาเพียงลำพังเพราะเรย์มอนด์ อดัมส์ที่ไปตีเทนนิสด้วยกันต้องไปทำธุระที่อื่น



   “คุณพงศ์ มาได้อย่างไรน่ะ ไม่ตีเทนนิสหรือ” จันทร์จ้าวเข้าไปทักทายอย่างสนิทสนม



   “ตีสิ! ตีเสร็จแล้วถึงมา วันนี้กันได้ตีกับคนที่ตีเทนนิสสนุกกว่านายวินิตอีก อาทิตย์หน้าแกไปที่วังนะ กันนัดไว้แล้ว” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรกล่าวพร้อมรอยยิ้ม



   “นัดอะไรไว้หรือคะ คุณพงศ์” ดารารัษมีร้องถามอย่างสนใจ



   “ก็นัดตีเทนนิสน่ะซีครับ เอ? หรือเปลี่ยนเป็นนัดทานข้าวด้วยดี สาวๆจะได้ไปด้วย ดีไหมยายพิม...วันอาทิตย์หน้า เราชวนเพื่อนๆไปสนุกที่วังกันดีกว่า ให้สาวๆเขาทานของว่างจิบน้ำชากันไป พวกผู้ชายก็ตีเทนนิสกัน” คำพูดของเพื่อนรัก ทำเอาจันทร์จ้าวมองเห็นลู่ทางในการผลักดันพี่ชายให้ได้ใกล้ชิดกับราชนิกูลสาว



   “ถ้าอย่างนั้นผมจะพาพี่อาทิตย์ไปด้วย”



   “ได้เลย! มากันหลายคนยิ่งสนุก คุณดาราชวนคุณนภาด้วยนะครับ เอ?...แล้วนี่คุณหญิงอยู่ที่ไหนล่ะ”



   “อยู่ข้างบน ตามมาสิคุณพงศ์ เออ แล้วที่ว่าคนที่ตีเทนนิสสนุกกว่านายวินิตนี่ใครล่ะ ผมไม่เคยตีด้วยหรือ” จันทร์จ้าวถามพลางเดินนำขึ้นเรือน



   “ไม่เคยหรอก แกต้องไม่เคยตีด้วยแน่ เดี๋ยววันอาทิตย์หน้าจะได้ตีด้วย กันชวนไว้แล้ว”



แล้วเสียงพูดคุยของ ๒ หนุ่มก็หายลับขึ้นเรือนไป เบื้องล่างจึงเหลือเพียงดารารัษมีและหม่อมหลวงพิมพัชรา ที่ดูเหมือนหญิงสาวจากวังฉัตรจะเอาแต่ก้มหน้านิ่งนับตั้งแต่จันทร์จ้าวเอ่ยปากว่าสัปดาห์หน้าจะชวนอาทิตย์ไปที่วังด้วย ดารารัษมีลอบมองเพื่อนร่วมงานแล้วก็นึกแผนการออกขึ้นมาพลัน



   “ดาราจะไปสั่งคนให้ยกของว่างขึ้นไปให้ข้างบนแล้วจะขึ้นไปดูความเรียบร้อยเสียหน่อย ปล่อยพี่จันทร์ขึ้นไปคนเดียวคงจะไม่ได้เรื่อง ดาราวานคุณพิมหน่อยได้ไหม ช่วยเอาน้ำไปให้พี่อาทิตย์ตรงนู้นที ลงต้นไม้มานานแล้ว ประเดี๋ยวจะเป็นลมไปอีกคน” หม่อมหลวงพิมพัชราหันมองคนวานทันทีด้วยความคาดไม่ถึง แต่ไม่ทันจะขัดอะไร ดารารัษมีก็ยกแก้วน้ำจากถาดที่คนรับใช้นำมาวางไว้ที่ตั่ง ส่งให้หญิงสาวเพื่อนร่วมงาน



   “ดาราวานหน่อยเถอะ สงสารพี่อาทิตย์ ทำงานทั้งวี่ทั้งวัน ยังไม่ได้ดื่มน้ำสักอึก” พออีกฝ่ายว่ามาอย่างนั้น ราชนิกูลสาวก็ได้แต่รับแก้วน้ำมาถือ ส่วนดารารัษมีวานเสร็จแล้วก็ผลุบหายเข้าไปในครัวเพื่อสั่งงาน ออกมาอีกที ร่างแบบบางของหม่อมหลวงพิมพัชราก็ก้าวเดินไปยังอาทิตย์แล้ว หญิงสาวมองตามแล้วได้แต่ยิ้มอย่างสมใจ ก่อนจะเดินนำคนรับใช้ขึ้นเรือนไป


................................



   มุมใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สนามหญ้าหน้าเรือนไทยไม่ใช่ที่รโหฐานลับตาคน ยิ่งโดยเฉพาะการมองลงไปจากเรือนสามารถเห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดตรงนั้นได้อย่างถนัดถนี่ จันทร์จ้าวมองเห็นชายหนุ่มหญิงสาวพูดคุยกัน ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเดินกลับมาที่เรือน เขาไม่ได้ยินว่าคนทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่ที่รู้คือต่างฝ่ายต่างมีความสุข



   ...หรือบางที...หม่อมหลวงพิมพัชราก็อาจมีใจให้พี่ชายเขาเช่นกัน...



   “ดูอะไรหรือ จันทร์” เสียงทักดังมาจากด้านหลัง จันทร์จ้าวหันไปมอง หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเดินตรงมาหาเขา หลังจากพูดคุยกับคุณหญิงผกา ท่านนายพล และบิดาของตนไปได้พักหนึ่ง



   “ก็มองไปเรื่อย ว่าแต่...อาทิตย์หน้าที่ชวนผมไปวัง มีอะไรให้ทำบ้างล่ะ ตีเทนนิสอย่างเดียวหรือ”



   “แน่สิ! รับรองว่าแกต้องสนุกจนวางแรกเก็ตไม่ลง วันนี้นะแกเอ๋ย กันตีเสียจนปวดแขนไปหมด”



   “สนุกขนาดนั้นเชียว?!”



   “สนุกกว่าที่แกคิดอีก”



   “ชักอยากรู้แล้วสิ ว่าคนที่คุณพงศ์ไปตีด้วยเป็นใคร ใบ้หน่อยไม่ได้หรือ ผมรู้จักรึเปล่า”



   “ใบ้ไม่ได้ แล้วก็คิดว่าแกยังไม่รู้จักด้วย แต่แกเคยพูดกับกันว่าอยากรู้จัก แล้วก็คลาดไป คราวนี้แกจะได้โอกาสรู้จักเสียที”


“หืม? ผมเคยพูดว่าอยากรู้จักแต่ก็ยังคลาดกันด้วยหรือ”


“ใช่น่ะซี!”


“นี่ผู้ชายหรือผู้หญิง ผมเดาว่าเป็นผู้หญิง เพราะผมไม่เคยอยากรู้จักผู้ชาย” คำพูดของจันทร์จ้าวทำเอาเพื่อนรักราชนิกูลหัวเราะลั่นแล้วส่ายหัว


“เดาผิดแล้วเพื่อนเอ๋ย! คนนี้น่ะผู้ชาย!!” จันทร์จ้าวขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ด้วยเพราะรู้จักนิสัยตัวเองดีว่าไม่มีทางอยากรู้จักผู้ชายคนไหน หากเป็นผู้หญิงสิ ค่อยอีกเรื่องหนึ่ง



“เอาเถอะ! อาทิตย์หน้า แกก็รู้เอง แล้วคุณอาทิตย์ตีเทนนิสเป็นหรือเปล่า” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรมองออกไปเห็นพี่ชายของเพื่อนสนิทกำลังง่วนอยู่กับต้นไม้ก็เลยถามขึ้นมา เพราะนึกขึ้นได้ว่าจันทร์จ้าวขอพาอาทิตย์ไปด้วย



   “เอ? ไม่รู้สิ จำไม่ได้ว่าเคยเห็นพี่อาทิตย์จับแรกเก็ตไหม”



   “เอ้า! แล้วอย่างนี้คุณอาทิตย์จะสนุกหรือ” จันทร์จ้าวหันมายกยิ้มที่มุมปาก



   “สนุกซี นี่คุณพงศ์...อยากได้ทหารมาเป็นน้องเขยไหม” คนถูกถามกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงงกับคำถามนั้น ทว่าคนถามกลับหัวเราะสดใส



   “แกหมายความว่ายังไร”



   “ไม่บอก ไว้วันอาทิตย์หน้าจะบอก แต่วานคุณพงศ์ไปถามคุณชายให้ที ว่าสนใจเขยที่เป็นทหารไหม ผมรู้จักอยู่คน ไว้จะแนะนำให้” จันทร์จ้าวว่าอย่างนั้นแล้วหัวเราะเริงร่า


หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพยายามถามย้ำหลายครั้งว่าทหารคนนั้นคือใคร แต่บุตรชายคนรองของบ้านรักษพิพัฒน์ไม่มีหลุดมาสักคำ สุดท้ายก็ได้แต่รอวันอาทิตย์หน้า หวังว่าเมื่อถึงวันนั้นจันทร์จ้าวจะไม่เบี้ยวเสียก่อน มิเช่นนั้นแล้ว ราชนิกูลหนุ่มจะขอให้ ‘คุณหมอ’ ตีลูกเทนนิสอัดเพื่อนรักให้ยับเชียว!!



ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสหน้าค่ะ)

จริงๆมีส่วนที่พี่อาทิตย์กะคุณพิมมุ้งมิ้งกันด้วยค่ะ แต่ตัดออกตอนก่อนจะลงเน็ต เพราะมันทำให้ตอนนี้ยาวมากกกก
คุณหมอมาแวบเดียว ตามประสาคนค่าตัวแพง พาร์ทหน้า สัญญาว่าหมอจะมาเยอะนะ พาร์ทหน้าจะทุ่มงบค่าตัวคุณหมอแล้ว

มีเม้นท์ถามเรื่องภาษาด้วย บัวขออธิบายก่อนว่าเรื่องนี้เกิดช่วงจอมพลป. ตอนนั้นมีนโยบายรัฐนิยมก็จริงแต่เน้นความเป็นอารยะ(อารยะคือการเป็นแบบฝรั่ง) บัวก็เลยจะใส่คำทับศัพท์บางคำเข้ามาด้วยค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วคำทับศัพท์หลายคำมีใช้มาตั้งแต่สมัยร.5 เช่น ไพรเวท เอาจริงๆแล้ว ภาษาในเรื่องนี้ถ้ายึดตามสมัยจอมพลป. มันต้องสะกดแบบแปลกๆ(นึกถึงการสะกดแบบภาษาสก๊อย)เพราะยุคนั้นเป็นยุคปฏิวัติภาษาไทยด้วยค่ะ แต่บัวกลัวว่าจะมึนกันทั้งคนเขียนคนอ่าน ก็เลยคงตัวสะกดแบบที่เราอ่านกันรู้เรื่องไว้ก่อน

ส่วนคำว่า ‘ลูกคนใหญ่’ อันนี้บัวใช้ตามเรื่องเจ้าสาวของอานนท์ค่ะ แล้วยายบัวก็ติดใช้คำว่า ‘คนใหญ่กับคนเล็ก’ แทนคำว่า ‘คนโตกับคนเล็ก’ เหมือนกัน ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นคำที่ใช้กันสมัยก่อน 2500 เพราะแม่ของบัวที่เกิดยุคหลังปี 2500 ใช้คำว่า ‘คนโตกับคนเล็ก’ แล้ว    

ใครมีข้อแนะนำเรื่องภาษามาอีก บอกกันได้เลยค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในชีวิตที่เขียนแนวนี้ และรู้รสชาติเลยว่ายากมากกกกกกกกกกกกก

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ และทุกกำลังใจค่ะ

เจอกันตอนหน้า กับตอนที่หมอมาเยอะมากที่สุด(นับตั้งแต่ตอนแรกมา) ทุ่มงบค่าตัวหมอไม่อั้น พูดเลยยยย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-11-2015 19:40:41 โดย Dezair »

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1


ปลื้มปริ่ม    :กอด1:

คุณจันทร์จ้าว เจอ กับ คุณหมอที่รอคอยแล้ว


เจอแว้บเดียววววววววววว   ค่าตัวแพงจริงนะคุณหมอภวัต :เฮ้อ:


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven


อ้างถึง
ฝ่ายหนึ่งยิ้มจาง ฝ่ายหนึ่งบึ้ง ฝ่ายหนึ่งมีดวงตาที่แสนสุภาพ อีกฝ่ายสายตาทั้งขวางทั้งเคือง

....


กีฬาเป็นสิ่งดี มันเชื่อมมิตรไมตรีได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นที่น่าเสียดาย...ที่ใครอีกคนที่เขาอยากเชื่อมสัมพันธ์ด้วย กลับไม่มาเสียนี่..



ตอนหน้า ขอขอขอขอ  ฉาก พี่อาทิตย์กะคุณพิมมุ้งมิ้งกันด้วยนะ   //เขินแรง :mew1:

 

ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
หนูจันทรรรรรรร์ น่าตีจริงเชียว ไปไล่พี่หมอได้ยังไง
คาดว่าตอนหน้าคงได้ฟินหนักๆเพราะคุณหมอออกเยอะ
ถัาไม่มีเงินค่าตัวคุณหมอดิฉันเปิดกู้นะคะ55555555555555 :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เขาเจอกันแล้ววววววว ตอนแรกก็คิดว่าคุณหมอจะขรึมๆนิ่งๆซะอีกที่ไหนได้เจ้าเล่ห์พอตัวเลยอะ โอ้ย ชอบๆๆๆหลงรักคุณหมอ นี่ยิ่งอ่านละยิ่งคิดว่าจันทร์เป็นปริศนา และคุณหมอเป็นท่านชายพจน์ ฮาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แผนการท่าจะได้ผลดีกับการหาคู่ให้อาทิตย์
ขอแปะนิดนึงกับความมโน
จันทร์กับหมอ
อาทิตย์กับพิม
เภากับดารา
อดัมกับนภา
พงษ์กับ_?
ฮาๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด