"ที่หนึ่ง" : END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ที่หนึ่ง" : END  (อ่าน 196682 ครั้ง)

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #90 เมื่อ26-09-2015 13:55:47 »

หู๊ยยยยย เด็ดจ้า ที่หนึ่ง ทำดีๆๆๆๆ

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #91 เมื่อ26-09-2015 14:11:50 »

ลุยเลยที่หนึ่ง ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้วนะ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #92 เมื่อ26-09-2015 17:14:15 »

กี๊ซ
ที่มาของบทนำนี่เองงงงงงงง

ออฟไลน์ DZiik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #93 เมื่อ26-09-2015 18:11:30 »

ที่หนึ่งสู้ๆ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #94 เมื่อ26-09-2015 20:03:51 »

อ่านบทนำจบคืออุทานว่า อุ้ย น่ารักมากอ่าาาาา

น่ารักจริงๆ ค่ะ ติดตาม เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #95 เมื่อ27-09-2015 14:23:45 »

เอาใจช่วยที่หนึ่งนะ บรรยากาศเรื่องดูหม่นๆอ่านแล้วเครียดเลยค่ะ

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #96 เมื่อ28-09-2015 05:14:23 »

ในที่สุดนะที่หนึ่ง  :katai2-1:  มันก็ถูกของเวลอยู่นะ
อ้างถึง
"...ตำแหน่งคนแพ้มันก็เหมาะสำหรับคนที่กลัวการเริ่มต้นอยู่เหมือนกัน"
เพราะงั้นสู้ๆ เดินหน้าแล้วเครียด ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วกังวลไปเองนะ

บุคลิกเวลน่าสนใจ...กำลังรอใครอยู่  :m28:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #97 เมื่อ28-09-2015 07:03:03 »

 o13

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #98 เมื่อ29-09-2015 01:18:30 »

ชอบเรื่องนี้ตั้งแต่บทนำแล้วค่ะ แม้ที่หนึ่งจะคุยเยอะกว่าที่เรามโนไว้
แต่เราก็จะติดตามที่หนึ่งกับโรมไปเรื่อยๆนะคะ

ปล. ชอบแบล็คกับเวลมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอยากรู้เลยว่าทั้งสองคนเป็นคนแบบไหน

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #99 เมื่อ29-09-2015 10:04:50 »

ที่หนึ่งสู้ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
« ตอบ #99 เมื่อ: 29-09-2015 10:04:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #100 เมื่อ30-09-2015 11:11:24 »

พ่อคนไม่เคยแพ้เอาใจช่วยนะ

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #101 เมื่อ30-09-2015 15:42:55 »

คุณพ่อตาก็เอาใจช่วยว่าที่ลูกเขยเหมือนกันนะเนี่ย 555+

และในที่สุด ที่หนึ่งของเราก็เริ่มก้าวแล้วววววว
รอ ร้อ รอ ตอนต่อไปฮะ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 3 [25.09.15]
«ตอบ #102 เมื่อ30-09-2015 22:51:49 »

เอาล่ะ ถึงเวลาของที่หนึ่งแล้วววว

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #103 เมื่อ02-10-2015 23:26:31 »

บทที่ 4

   ผมกำลังเป็นเด็กเอ๋อตามที่แบล็คชอบพูด

   ไม่รู้ว่านั่งเฉยๆ กอดเจ้าหมีแขนขายาวสีส้มอยู่บนเตียงมากี่ชั่วโมงแล้ว ถ้าจะให้เล่าย้อนกลับไปมากกว่านั้นคือผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสุดแสนดีที่ชื่อมีคำแปลว่าสีดำ บอกสั้นๆ แค่ว่าเดี๋ยวตอนบ่ายสองไปเจอกันที่สวนสาธารณะใกล้หอหน่อยแล้วก็วางสายไป ไม่ทันจะถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือปฎิเสธ โทรกลับไปเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย ไลน์ไปก็ไม่แม้แต่จะรี้ด ผมเลยทำได้เพียงยอมออกมาจากคอนโดตามคำสั่ง
 
   แดดยามบ่ายบนโลกกำลังร้อนขึ้นทุกวันช่างทรมาน ผมมาถึงที่หมายในเวลาที่กำหนด เดินจนทั่วสวนก็ไม่เจอคนที่โทรมานัดแม้แต่เงา จนสุดท้ายความเหนื่อยบวกกันความร้อนทำให้ผมเลือกที่จะมานั่งเล่นในศาลาเพื่อรอ แบล็คไม่เคยผิดนัด อย่างมากก็แค่เลทไปสองชั่วโมง

   นั่งเล่นแคนดี้ครัชรอไปเรื่อย ติดอยู่ที่ด่านนี้มาสองวันแล้ว ไม่ผ่านสักที เล่นหัวใจหมดไปเป็นสิบก็ยังไม่มีวี่แววของใครอีกคน ผมเปลี่ยนไปเปิดหน้าบันทึกการโทรเข้าออก ก่อนที่นิ้วจะกดตรงเบอร์ที่ต้องการก็รู้สึกได้ว่ามีเสียงฝีเท้าหนักๆ ใกล้เข้ามา ตั้งใจจะด่าทันทีที่เงยหน้าขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเสียงหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของผม

   ในเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนของตัวเองอย่างที่คาดเดาไว้ กลับเป็นผู้ชายที่ผมเคยบอกตัวเองเสมอว่าผมกับเขาอยู่กันคนละมิติในโลกใบเดียวกัน ใบหน้าเคร่งเครียดทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะทักทาย

   "...ที่หนึ่งของคุณ"

   ผมจำคำพูดนั้นได้ดี มันไม่ใช่ประโยคสุดท้ายแต่สติผมก็หลุดไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นถึงเขาจะพูดอะไรออกมาอีกสองสามอย่างผมก็จำไม่ได้แม้แต่น้อย รู้ตัวอีกทีตอนที่เขามาส่งหน้าลิฟต์ที่คอนโดนั่นแหละครับ พอเข้าห้องปุ๊บก็มานั่งเป็นรูปปั้นแบบตอนนี้เลย ยังสงสัยอยู่ถึงตอนนี้ว่าเขารู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่

   ผมไม่ใช่คนโง่ขนาดที่จะไม่รู้ความหมายที่เขาต้องการสื่อ เพียงแค่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ผมกับที่หนึ่งแทบไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ ถ้าคุยก็ไม่เคยเกินห้าประโยค แล้วเขากำลังบอกว่าเขาชอบผมอย่างนั้นเหรอ
 
   มันดูเป็นเรื่องราวที่ประหลาดเกินไป

   อยากจะย้อนเวลากลับไปตอนบ่ายอีกครั้ง จะได้ถามเขาไปว่าไม่ได้ล้อเล่นหรือว่ากำลังทำภารกิจซ่อนกล้องอะไรอยู่ใช่ไหม ทำได้แค่คิดเท่านั้นล่ะ สิ่งที่ทำได้จริงก็แค่นั่งเอ๋อๆ อยู่บนเตียงไป

   "ทำไมไม่เปิดไฟ?" เสียงสวิตช์ไฟมาพร้อมกับเสียงของคนที่อยู่ห้องถัดไป ผมหันไปมองคนที่กำลังยืนพิงประตูด้วยใบหน้ายุ่งผิดปกติแล้วทำได้แต่เพียงนั่งเฉย

   "กูเคาะประตูตั้งนานทำไมไม่ไปเปิด"

   "..."

   "น้องโรม ถามก็ตอบ"

   "..."

   "โรมัน"

   เวลาที่เขาเรียกผมด้วยชื่อจริง นั่นหมายถึงเส้นความอดทนใกล้หมดลง แบล็คเดินเข้ามานั่งบริเวณปลายเตียง ผมก็อยากจะเล่าให้ฟังแบบไม่มีขาดตกบกพร่องเหมือนกันนะ แล้วจะให้เริ่มเล่ายังไงดีล่ะ เริ่มจากที่มันโทรมาแล้วกัน

   "วันนี้มึงโทรมาหากูป่ะ?"

   "หืม? กูโทรเหรอ กี่โมง" น้ำเสียงสุดแสนจะประหลาดใจ แบล็คทำตาโตผิดปกติแล้วเอียงคอประกอบ ผมเลยหยิบมือถือที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาไล่เปิดดูสายโทรเข้าให้ดู

   "มึงบอกให้กูไปหามึงที่สวน กูก็ไป แต่ไม่เจอมึง กูเจอ..." ผมหยุดพูดเอาดื้อๆ พอชื่อที่หนึ่งผุดขึ้นมาในหัว มันก็ตามมาด้วยคำพูดของเขา

   "เจอ?" ทวนคำสุดท้ายของผม ทำตัวลุ้นระทึกเต็มที่ด้วยการคว้าเอาน้องหมีที่ผมกอดอยู่ไปไว้กับตัวเอง มือสองข้างจับแขนยาวๆ ของเจ้าหมีตีขึ้นลงไปมาเป็นจังหวะกลอง

   "เจอคนๆ หนึ่ง..."

   "แล้วไงต่อ"

   "ก็เจอ ที่นี้ก็..."

   "มึงช่วยเล่าทีเดียวยาวๆ ได้ป่ะน้องโรม กูไม่มีความอดทนพอที่จะมานั่งชงทุกประโยคอย่างนี้นะเฮ้ย" เขากำลังอารมณ์เสียแล้วล่ะครับ ทำไมเปลี่ยนโหมดไวจัง ผมตามไม่ทันอะ

   "กูเจอคนที่มึงก็รู้จักแหละ แล้วทีนี้เขาก็เข้ามาคุยกับกู แล้ว..."

   ...เขาก็บอกว่าเขาอยากเป็นที่หนึ่งของกู

   สีหน้าของอีกคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ยิ่งเขาทำหน้าสนใจมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งกระดากปากที่จะพูดออกไป เราไม่เคยมีความลับต่อกัน หมายถึงผมไม่เคยมีความลับกับแบล็คมากกว่าน่ะ อาจเพราะในชีวิตผมไม่ได้เจอเรื่องราวที่ต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้ใครรู้ขนาดนั้นด้วย ผมมีความเชื่อเรื่องยิ่งเก็บเป็นความลับแล้วก็จะยิ่งมีคนคุ้ย สู้ทำเป็นสิ่งนั้นไม่มีตัวตนอยู่เลยจนวันหนึ่งมันก็หายไปจากความทรงจำดีกว่า

   "น้องเอ๋อครับ พี่บอกให้เล่ายาวๆ ไงครับ" แขนของเจ้าหมีแปะลงกับหน้าผากของผม "ไงต่อ เล่ามาให้จบทีเดียวเลย"

   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงสายตาของแบล็คที่มองมาอย่างรอคอย ผมกำมือแน่นจนรู้สึกเจ็บ คิดว่าเล็บนิ้วก้อยที่จงใจไว้จนยาวต้องจิกลงไปในเนื้อไม่มากก็น้อย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป จะบอกไปตามตรงหรือจะเก็บไว้ก่อน เผื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเฉยๆ

   ที่หนึ่งที่ผมรู้จักเป็นผู้ชายที่น่าชื่นชม ไม่เคยมีข่าวเสียหาย ผมไม่รู้ว่าเขาเคยมีข่าวเรื่องความรักกับใครบ้างรึเปล่าเพราะผมไม่ใช่แฟนคลับ รู้ก็เพียงแต่ว่าเขามักจะโผล่ในงานระดับมหาวิทยาลัยอยู่บ่อยครั้ง และเรื่องราวชีวิตของเขามันไม่มีผลอะไรกับชีวิตของผม

   "ก็คุยกัน แค่นั้น"

   สุดท้ายผมก็เลือกที่เก็บมันไว้ก่อน

   "หืม?" เขาทำใส่ขึ้นจมูกใส่ผม แถมยังทำหน้าแบบไม่เชื่อถือสักเท่าไหร่อีกด้วย "แน่นะว่ามีแค่นั้น"

   "ใช่ คุยกันธรรมดา"

   "ก็แค่นั้น ...พ่อมึงดิ!" ต้นประโยคเป็นการรับทราบ ก่อนจะตบท้ายด้วยการปาน้องหมีใส่หน้าผม โอ๊ย เดี๋ยวน้องเจ็บนะแบล็ค "คิดว่ากูเชื่อ?"

   เขยิบเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ตอนนี้บนเตียงคู่ที่มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ทำให้ความกว้างดูน้อยลงไปถนัดตา ฟูกยวบลงไปเหมือนใจของผมที่กำลังหล่นวูบ มันก็เข้าอีหรอบนี้ทุกที ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็ไม่เคยเก็บเรื่องราวให้พ้นจากสายตาของเพื่อนคนอื่นได้ ก็เคยพยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกตินะ แล้วก็โดนจับได้ทุกที

   "น้องโรม"

   "ไม่มีอะไร"

   "...เฮ้อ เอาเหอะ ไว้อยากเล่าเมื่อไหร่ค่อยเล่า"

   ผมสีน้ำตาลเข้มของผมถูกแบล็คยีจนไม่เป็นทรง หมอนี่เข้าใจไหมว่ามันยากแค่ไหนกับการเซตให้เป็นทรงน่ะ ผมพยักหน้ารับรู้ให้เขา ไม่อยากจะสบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองระคนไปกับความน้อยใจ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าแบล็คกำลังคิดอะไรอยู่ ผมกำลังหัดมีความลับกับเพื่อนสนิท

   "เออ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้าง"

   อยากจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อไหร่ก็เปลี่ยน ตอนนี้เพื่อนสนิทที่ไม่ยอมอยู่ห้องตัวเองได้เอนตัวลงนอนบนเตียงของผมอย่างสมบูรณ์ หน้าผมคงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามแบล็คเลยยกมือขวาขึ้นมาแล้วหุบลงให้เหลือเพียงนิ้วก้อย

   "อ๋อ เฟรนด์อะนะ"

   เฟรนด์คือชื่อของผู้หญิงที่แอดเฟสบุ๊คผมมาวันนั้นนั่นแหละครับ ตั้งแต่เธอทักมาครั้งแรกเราก็คุยกันมาตลอด อาจเพราะเราสองคนอยู่คณะเดียวกันแล้วก็ลงเรียนในรายวิชาที่เหมือนกันเกือบหมดทำให้คุยกันได้หลายเรื่อง หลังๆ มานี่เธอชอบชวนผมไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง บอกว่าเบื่อชีวิตการมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่ต้องรอกันไปมา อยากไปกันแค่สองสามคนก็พอแล้ว เลยกลายเป็นช่วงนี้ผมสนิทกับเธอมากอยู่พอควร

   "ชื่ออะไรก็ช่างแม่ง คนที่ชอบแท็กมึงในเฟสบ่อยๆ นั่นแหละ"

   สำหรับผมเฟรนด์ก็เหมือนเพื่อนผู้หญิงทั่วไปที่ชอบอัพเดตชีวิตตัวเองลงในโซเชียล เวลาเธอแท็กมาผมก็ไม่ใส่ใจอะไร คอมเมนท์ก็มีแต่จากฝั่งเพื่อนเขาทั้งหมด หน้าที่ของผมคือมีเฟสให้เธอแท็กรูป แท็กชื่อในสเตตัส จบ

   "ก็เพื่อนในคณะ ไม่มีอะไร"

   "เหรอออ" แบล็คลากท้ายเสียงยาวเหยียด "เพื่อนในคณะเขาคงตั้งแคปชั่นเวลาไปเที่ยวด้วยกันว่าวันพิเศษหรอกเนอะ"

   "กูก็เห็นเขาตั้งสเตตัสแนวๆ นี้ตลอด"

   "น้องเอ๋อเอ๊ย"

   "เมื่อไหร่จะเลิกเรียกว่าเอ๋อ กูปกติดีครับ" เรื่องนี้ผมขัดใจอย่างมาก คนในกลุ่มชอบเรียกผมว่าน้องโรมมาตั้งแต่เด็ก เพราะอายุผมน้อยที่สุดในกลุ่ม จนมาถึงช่วงเข้ามหาวิทยาลัยสักพักนั่นแหละ แบล็คก็เริ่มเพิ่มเติมคำว่าเอ๋อลงไปในชื่อของผม ถามเท่าไหร่ก็ไม่เคยมีคำตอบให้

   เขายิ้มกว้างให้ผม "สภาพมึงตอนที่กูเข้ามาในห้องนั่นแหละ โคตรเอ๋อ นั่งนิ่ง ตาลอยๆ กอดตุ๊กตาหมีไม่ยอมปล่อย ถ้าน้ำลายยืดนี่ใช่เลย"

   "สัตว์!"

   "ไม่เอาไม่หยาบคายสิน้องรัก ออกทะเลกันไปแล้ว กลับมาประเด็นเดิมก่อน" แบล็คปรบมือเรียกความสนใจให้กลับมาอยู่ที่หัวข้อเดิม "มึงคิดกับเขาแค่เพื่อน?"

   "ใช่"

   ผมตอบกลับไปโดยไม่ลังเล

   "แต่มึงก็ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นสร้างกระแสอย่างนี้เนี่ยนะ" มือข้างขวาของเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนหน้าจอไวๆ เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการแล้วก็ยื่นมันมาใกล้จนแทบจะกระแทกหน้า เป็นรูปล่าสุดที่ปรากฎอยู่บนหน้าวอลล์ของผมเอง รูปผมกำลังก้มหน้าอ่านหนังสือในห้องสมุดเมื่อสองสามวันก่อน ส่วนแคปชั่นก็มีเพียงรูปอีโมติค่อนชูสองนิ้ว

   "ก็แค่อัพรูปทั่วไป"

   "คนอื่นเขาไม่คิดแบบนั้นไง ขนาดกูเองยังสงสัยเลยว่าสรุปพวกมึงอยู่ในฐานะอะไรกันแน่"

   "คิดมากไปแล้วมึง"

   ผมตอบไปส่งๆ พลางไล่ดูความเคลื่อนไหวบนไทม์ไลน์ตัวเอง เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตั้งแต่เริ่มคุยกันเฟรนด์เธอมักจะขึ้นแคปชั่นหรืออัพเดตรูปโดยแท็กผมหลายครั้ง อย่างรูปล่าสุดผมก็เพิ่งได้อ่านคอมเมนท์ ส่วนมากก็แซวผ่านโพสไม่ก็เป็นสติกเกอร์หลายหลายแบบ

   น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับตัวอักษรพวกนั้นเลย

   "ไม่ได้คิดมาก กูแค่ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจมึงผิด"

   "เข้าใจผิดว่า"

   "น้องโรม มึงโง่กว่าที่กูคิดไว้นะ" เขาเปลี่ยนเป็นนอนหงาย หยิบมือถือของตัวเองไปจากมือของผมอย่างรวดเร็ว เปิดไล่ดูอะไรบางอย่างที่ผมไม่เคยสนใจ "อะ เอาไปดูเอง"

   หน้าไทม์ไลน์ของเฟรนด์นั่นเอง เธอเพิ่งอัพเดตสเตตัสว่า 'ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกก็มีความสุขเหมือนกันนะ' แม้ว่าจะเพิ่งโพสได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดียอดไลค์กับคอมเมนท์กลับยาวเหยียด ผมไม่กดเข้าไปอ่านว่าบทสนทนาในนั้นเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่ผมทำก็แค่มองหน้าอีกคนที่อยู่ด้วยกันในห้อง รอจนกว่าเขาจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ผมกำลังรอ...ว่าเขาจะพูดในสิ่งที่ผมคิดไว้อยู่รึเปล่า

   "ไม่ต้องมาคอสเพลย์หน้าไวท์ กูเห็นมายี่สิบปีจนเอียนไปหมดแล้ว" แบล็คทำหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน คิ้วเขาขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากนั่นก็เบ้ลงน้อยๆ "กูไม่ใช่คนนอก แล้วกูก็ไม่ใช่คนใน เพราะงั้นกูทำได้แค่เตือนมึง รู้ใช่ไหม?"

   "อืม รู้"

   "เรื่องผู้หญิงคนนี้ กูขอให้มึงทำทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนที่มันจะสายเกินไป มึงไม่คิดอะไร แต่เขาคิดไปไกลกว่านั้นแล้ว หน้าที่มึงคือจัดการให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยซะ ก่อนที่มันจะแก้ไขไม่ได้"

   "ครับ" เสียงอ่อนลง ผมก้มหน้าลงเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยหงุดหงิด นิ้วลากไปมาบนฟูกแบบไร้เส้นทาง ทีหลังผมควรจะเช็คดวงรายวันก่อน แค่เรื่องของที่หนึ่งก็ทำให้ปวดหัวแล้ว มาเจอแบล็คโหมดจริงจังอีก มันมากเกินกว่าที่เส้นความอดทนของผมจะรับได้

   ความรักมักนำมาซึ่งความยุ่งยากเสมอ

   "จบเรื่องที่หนึ่ง ต่อเรื่องที่สอง" สะดุ้งวาบตอนได้ยินชื่อคนนั้น ผมบังคับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเลิกก้มหน้า เงยขึ้นมามองหน้าคนที่ยังไม่จบประเด็นพูด

   "ฟังกูดีๆ นะน้องโรม สิ่งที่กูจะพูดต่อไปนี้ไม่ใช่การกดดันหรือว่าจะมาตอกย้ำ แค่พอมีเรื่องนี้เข้ามากูเลยคิดว่ากูควรจะพูดอีกสักที และกูจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย" เขาขยับเข้ามาใกล้ผมจนเข่าเราชิดกัน มือยื่นออกมาจับท้ายทอยผมแล้วกดให้ใบหน้าซบลงตรงไหล่ของเขา กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนแตะจมูก กลิ่นที่หอมหวานแต่ก็เย็นเฉียบในเวลาเดียวกัน

   แบล็คกับไวท์ใช้กลิ่นน้ำหอมแบบเดียวกัน กลิ่นที่ไม่ว่าใครจะอยากรู้ว่ามันคือน้ำหอมของยี่ห้ออะไรกันแน่ น่าเสียดายที่ทั้งคู่ก็ไม่มีข้อมูลของน้ำปรุงกลิ่นนี้ คุณพินิจเป็นคนจัดหามาให้เสมอ ผมทั้งชอบแล้วก็ชัง มันหอมหวานมากไปจนอันตราย
   
   "เดินออกมาสักที มึงยืนอยู่ตรงนั้นนานเกินไปแล้วนะ" ผมสูดกลิ่นประหลาดเข้าไปลึกๆ อยากจะให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดจดจ่ออยู่กับความเย็นยะเยือกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องฟังคำต่อไป อย่างที่ผมคิดไว้เลย สุดท้ายแบล็คก็กลับมาเรื่องนี้

   หลับตาลง อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหูให้ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ในความมืดมีบางอย่างกำลังปรากฎขึ้นจนเป็นภาพที่ชัดเจน ภาพในอดีตกำลังย้อนกลับเข้ามาไม่มีหยุด ผมเกลียดระบบการเก็บความทรงจำของมนุษย์ ที่จดจำเรื่องราวทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างไม่ขาดหาย หลายครั้งอยากให้มีคำสั่งรีเซ็ตเพื่อให้ข้อมูลมันหายไปบ้าง

   เกลียดที่สุดคือระบบความทรงจำนี้ไม่มีวันเต็ม

   มือใหญ่ลูบเส้นผมไปมา อยากที่จะยกมือขึ้นปัดแต่ก็ทำได้แค่คิด ในเวลาที่พลังงานถูกดึงไปใช้กับการย้อนความทรงจำ ร่างกายก็หยุดการทำงานชั่วคราวเสียอย่างนั้น

   "เข้าใจที่บอกรึเปล่า"

   ขยับหัวขึ้นลงเป็นการตอบกลับ กลิ่นหอมเย็นช่วยให้ผ่อนคลายมากกว่าที่คิด ภาพเคลื่อนไหวในความทรงจำยังคงเล่นไม่หยุด จนถึงภาพสุดท้ายที่มาพร้อมกับเสียงแสนคุ้นเคย

   ทุุกอย่างดูเหมือนกำลังเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงภาพในความคิด

   "น้องโรม?"

   "กูไม่ได้ยืนอยู่ตรงที่เดิม" ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่น้ำเสียงกลับแห้งผาก "แค่กูพาเขาเดินไปกับกูด้วยเท่านั้นเอง"

   เสียงถอนหายใจยาวเหยียด ลดมือที่กล่อมผมลง ดันให้ผมกลับมาเผชิญหน้ากับเขาเหมือนเดิม

   "นั่นไม่เรียกว่าเดิน"

   "มันคือการเดินสำหรับกู"

   "บอกว่าให้เลิกคอสเป็นไวท์ นิสัยดื้อด้านแบบนี้ไม่ต้องไปทำตามหรอก เป็นน้องเอ๋อโรมของพวกกูไปแหละดีแล้ว" แก้มของผมถูกดึงให้ยืดแล้วก็หด ตอนแรกผมไม่ใช่คนมีแก้ม หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยแล้วคงกินดีอยู่ดีไปหน่อย มันเลยขยายออกข้างไม่หยุดหย่อน "...แม่งเลี้ยงน้องกูดีจริงๆ ว่ะ"

   "เลี้ยง?" ถึงแบล็คจะพูดกับตัวเองเบาๆ ห้องนอนที่ไม่มีเสียงอะไรรบกวนก็ทำให้ผมได้ยินคำพูดของเขาครบถ้วน

   "กูไปล่ะ บาย"

   พูดพลางลุกออกจากเตียง ไม่ได้สนใจคำถามของผมเลยแม้แต่น้อย ตอนที่จบประโยคแบล็คก็ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนผมเรียบร้อยแล้ว

   "มึงจะไปไหนอะ?"

   "ธุระ" ใบหน้าเบื่อหน่ายโผล่ขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มสุดเจ้าเล่ห์

   "ต้องไปอัพเดตผลงานสักหน่อย ลงทุนไปตั้งเยอะกว่าจะได้ผล"

 
***
   ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #104 เมื่อ02-10-2015 23:29:03 »


   นาฬิกาบอกเวลาแปดโมง ในวันที่ผมมีเรียนตอนเก้าโมงครึ่ง

   ต้องโทษคนขับรถที่มีเรียนตอนแปดโมง ยื่นคำขาดว่าถ้าอยากไปด้วยก็ต้องปรับตัวตามเขาให้ทัน ผมมันคนรักความสบายเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้วเลยยอมที่จะตื่นเช้ามากกว่าเดิมเพื่อที่จะได้สะดวกในการเดินทาง คิดในแง่ดีว่าเป็นบุคคลจำพวกรักษาเวลาไง

   ห้องเรียนว่างเปล่าที่คุ้นตา ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ประจำ ด้านบนสุดทางขวาของห้องเรียนที่ไล่ระดับพื้น ไม่ต้องรำคาญเวลาคนเดินเข้าออกเพราะประตูอยู่ซ้ายมือ ไม่ต้องกังวลว่าคนข้างหลังจะนั่งคุยกันเสียงดังรึเปล่า ส่วนที่สำคัญที่สุดคือมีปลั๊กไฟอยู่ตรงกำแพงพอดี ช่างเป็นพื้นที่ทองคำเสียเหลือเกิน

   ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะเลคเชอร์ที่มีขนาดเล็กอย่างกับให้เด็กอนุบาลนั่งเรียน จัดท่านอนให้สบายที่สุดเตรียมตัวที่จะงีบอีกสักหน่อยให้ ก็กว่าจะเริ่มคาบอีกตั้งชั่วโมง ให้ผมได้กักเก็บพลังงานหน่อยเถอะ

   ล่องลอยอยู่ในความมืดสนิท จนกระทั่งได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนร่วมเซคแว่วมาเป็นสัญญาณบอกว่าหมดเวลาพักผ่อน ผมค่อยๆ ยกหัวขึ้น กระพริบตาสองสามทีเรียกสติให้กลับเข้ามาสู่ร่าง หางตาเหลือบไปเห็นว่าใครอีกคนนั่งอยู่บนโต๊ะถัดไปทางซ้าย คนที่ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอเขาอีกครั้งเร็วอย่างนี้

   ที่หนึ่ง

   "นะ...นั่งตรงนี้ได้รึเปล่า" ที่หนึ่งถามขึ้นมาแบบตะกุกตะกัก ใบหน้าหล่อแสนน่าอิจฉากำลังเต็มไปด้วยความกังวล

   "ได้ๆ"

   ผมเองก็ตอบกลับกระท่อนกระแท่นไม่ต่างกัน บรรยากาศตอนนี้มันน่าอึดอัดชะมัด ในหัวของผมมีแต่คำพูดของเขาวนลูปไปมาในหัว สลับกับคำถามที่ผมถามตัวเองไม่หยุดว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงใช่ไหม

   ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ที่หนึ่งยกมือขึ้นมาเหมือนจะใช้ประกอบท่าทาง ผมไม่รู้ภาษามือหรอกนะ รอสักพักเขาก็ยังไม่ยอมพูดอะไรต่อ ผมเลยกลับมาให้ความสนใจกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตัวเอง เฟรนด์ส่งมาบอกในเมสเซจว่าเธอโดดคาบนี้ ฝากอัดเสียงด้วย จะว่าไปผมยังไม่ได้ทำตามที่แบล็คบอกเลยแฮะ

   ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กับเรื่องนี้มันคนละเรื่องนะ เราควรจะให้ความช่วยเหลือเพื่อนในการเรียนสิ

   เพื่อนร่วมเซคทยอยมาหนาตา ผมไม่ได้หันกลับไปมองคนที่นั่งด้านข้างอีก ปกติแล้วที่นั่งต่อจากผมจะเว้นว่างไว้เสมอ อาจเป็นเพราะความเล็กของมันนี่แหละ ผมคิดมาตลอดว่านักศึกษาหนึ่งคนควรได้โต๊ะสองตัวในการเรียนหนึ่งคาบ เพราะแค่ตัวเดียวชีตเรียนก็กินที่หมดแล้ว อีกตัวไว้วางหนังสือไม่ก็พวกปากกา ถึงจะสะดวกในการจดหน่อย

   การเรียนเริ่มต้น ผมรีบกดปุ่มเริ่มในโปรแกรมอัดเสียง จะลุกขึ้นไปวางไว้หน้าห้องก็ไม่ทันแล้ว เห็นโต๊ะตัวถัดไปจากที่หนึ่งยังว่างอยู่ ตรงนั้นแล้วกัน

   "ขอโทษนะ" ผมพูดแล้วเอื้อมมือเร็วๆ ไปวางมือถือไว้ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอก เพิ่งมารู้ตัวก็ตอนที่ดึงตัวกลับนี่แหละว่าที่หนึ่งนั่งนิ่งเลยอะ เขาหยุดการจดโดยที่มือยังคงจับปากกาไว้แน่น หน้าขึ้นสีเรื่อน้อยๆ

   ไม่รู้อาการแก้มแดงนี่เป็นโรคติดต่อรึเปล่า พอผมเห็นเขาทำท่าทางอย่างนั้นผมก็เริ่มรู้สึกว่ามีเลือดสูบฉีดขึ้นบนหน้ามากผิดปกติในเวลานี้

   โดนตัวนิดเดียวเองแท้ๆ

   เสียงอาจารย์ร่ายมนต์ยาวเหยียด ผมตั้งสติให้กลับมาอยู่บนสไลด์ที่เต็มไปด้วยตัวอักษร ตอนที่กำลังจดเสริมลงไปในชีต คนข้างๆ ก็วางถุงอะไรสักอย่างบนโต๊ะของผม ...ลูกอมรสนมเปรี้ยว

   หันไปหาพลางชี้ไปที่ถุงสีฟ้า เขาอ้าปากจะพูดอะไรออกมาแต่ไม่มีเสียง เปลี่ยนเป็นทำหน้าประหลาดๆ แล้วยกมือขึ้นเสยผมสีน้ำตาลที่คล้ายกับของผม พอผมเลิกคิ้วให้เป็นเชิงคำถามหมอนั่นก็ลดหัวลงไปหาโต๊ะ อ้าว จะหลับก็ไม่บอก จะได้ไม่กวน

   ผมปล่อยถุงขนมไว้ที่เดิม ถึงแม้มันจะเป็นของโปรดของผมก็ตามที ในเมื่อยังไม่ได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของก็ไม่ควรที่จะไปหยิบมั่วซั่ว

   'กินได้นะ ผมให้'

   นั่นคือประโยคสั้นๆ บนโพสอิทแปลกตา มันไม่ใช่แผ่นกระดาษสีสันแสบตาอย่างที่เห็นทั่วไปในท้องตลาด เป็นโพสอิทรูปหน้าเด็กผู้ชายคนหนึ่งกับผมทรงเห็ด น่ารักดี

   ที่หนึ่งนี่ก็ดีนะ นอกจากจะมีน้ำใจแล้วยังไม่พูดคุยในห้องให้คนอื่นเสียสมาธิ

   เขียนข้อความสั้นๆ กลับไปว่า 'ขอบคุณ' แล้วเริ่มจัดการแกะถุงทันที คาบเช้าอย่างนี้ถ้าได้น้ำตาลเข้าเส้นเลือดมันก็ช่วยให้ตื่นตัวได้ดีขึ้นมากอยู่เหมือนกัน

   'ผมชื่อที่หนึ่งนะ'

   ยังคงมีกระดาษแผ่นต่อมา อยากจะตอบกลับไปว่ารู้มานานแล้วว่าชื่อนี้ ไม่ต้องย้ำบ่อยๆ ก็ได้ ลายมือบนกระดาษเรียงตัวสวยงามจนผมอยากจะถามกลับไปว่านี่เป็นเด็กคัดลายมือเก่าใช่ไหม ที่หนึ่งไม่ได้หันมากดดันให้ผมรีบตอบหรือทำท่าทางแปลกๆ เหมือนเมื่อกี้แล้ว มันทำให้ผมมีเวลาคิดกับตัวเองมากขึ้น ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหน้า พอเกิดเรื่องเท่านั้นแหละโผล่มานั่งข้างๆ เฉย

   จริงอยู่ที่ผมอาจดูไม่เป็นมิตรเมื่อเทียบกับแบล็ค (แต่ผมมั่นใจมากเลยนะว่าผมอัธยาศัยดีกว่าไวท์เป็นล้านเท่า) ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนที่ตัวเองไม่ได้อยากรู้จักนี่นา ผมพอใจในโลกใบเล็กนี้อยู่แล้ว แล้วกับที่หนึ่งนี่เขาอยู่ในประเภทไหนนะ อยากจะรู้จักรึเปล่า

   บอกแล้วว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนไม่รู้จะเริ่มต้นเรียบเรียงสติที่ตรงไหน

   'โรม'

   นั่นคือสิ่งที่ผมตอบไป ที่หนึ่งเป็นผู้ชายที่่อัธยาศัยดี มักมีเพื่อนฝูงอยู่รอบตัวเสมอ งั้นผมจะคิดด้วยใจที่เป็นกลางว่าเขากำลังผูกมิตรกับคนที่นั่งข้างๆ เพื่อฆ่าเวลาไปแล้วกัน

   'ผมชอบชื่อนี้ ; )'

   แค่ประโยคสั้นๆ กลับทำให้ผมยิ้มออกมาได้ ไม่เคยมีใครบอกว่าชอบชื่อเล่นของผม ความจริงแล้วในชีวิตคนเรามันก็ไม่มีใครที่จะมาบอกว่าชอบชื่อเล่นคนอื่นเรื่อยเปื่อยหรอก แต่ในเมื่อมันเป็น 'ชื่อ' เฉพาะตัวของเรา มันก็เป็นความสุขเล็กๆ ได้เหมือนกัน อารมณ์แบบ พ่อแม่ข้าแนวสุดๆ ที่ตั้งชื่อนี้ให้ อะไรประมาณนั้น

   'ชื่อนายก็เพราะดี'

   'แน่นอนอยู่แล้ว'

   ประโยคต่อมาที่ไม่มีช่องให้ตอบกลับ ผมเลยเลิกให้ความสนใจกับโพสอิทลายเด็กน้อยแล้วกลับมาโฟกัสกับการเรียนอีกครั้ง พอได้เจอตัวจริงแบบใกล้ๆ อย่างนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงมีแต่คนรักเขา ก็เขาน่ารักจริงๆ ขนาดผมเป็นคนแปลกหน้ายังรับรู้ได้ถึงออร่าของผู้ชายแสนดีได้เลย

   'คุยต่อได้ไหม' แผ่นต่อมานอกจากจะมีตัวอักษรแล้วก็ยังมีรูปหมีสีขาวทำหน้าหงอยกำลังเอานิ้วจิ้มเข้าหากันมาเป็นสติกเกอร์เสริม นอกจากลายมือสวยแล้วยังวาดรูปน่ารักอีกแฮะ

   'ได้สิ'

   คาบนี้คงไม่ต้องเรียนกันแล้วล่ะครับ ถ้าคนข้างๆ ยังขยันหาเรื่องให้ผมเสียสมาธิอย่างนี้ต่อไป ถือว่าแลกกับขนมไปแล้วกัน คาบนี้เดี๋ยวพี่โรมจะอยู่คุยเป็นเพื่อนให้เอง

   ‘ชอบลูกอมเหรอ’

   ‘เฉพาะรสนี้ อย่างอื่นกินไม่เป็น’

   ผมดูเป็นเด็กอนุบาลไหมอะ แต่ผมกินอย่างอื่นไม่เป็นจริงๆ นะ อย่างซูกัสพอไปรอด ถ้าเป็นอย่างอื่นขอบายหมด โดยเฉพาะพวกที่เป็นลูกอมมิ้นท์ กินแล้วคายทิ้งทันที มันเป็นรสชาติที่พิลึกเกินปุ่มสัมผัสรับรสของผมจะรับไหว

   ‘ไว้จะเอามาให้อีกนะ’

   ‘เฮ้ย เกรงใจ’

   ‘ไม่เป็นไร เต็มใจ’

   ไม่บอกเปล่ายังส่งมาให้อีกหลายเม็ด นี่เป็นลูกเจ้าของบริษัทป่ะเนี่ย ทำไมถึงให้อย่างกับได้มาฟรีเป็นลังอย่างนี้ครับ คาบเรียนเหลืออีกแค่ไม่กี่นาที อย่างที่เขาบอกว่าเวลาที่ทำเรื่องไร้สาระนี่การไหลของเวลาจะผ่านไปไวสุดๆ เปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนกับเมื่อต้นคาบที่กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวินาทีช่างยาวนาน

   'บ่ายมีเรียนไหม'

   ‘ไม่มีนะ’

   ‘แล้วมีนัดรึเปล่า’

   ‘ก็ไม่มีอยู่ดีอะ’

   เสียงปากกาเคาะลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ เหลืออีกเพียงสองสไลด์ในชีต เมื่อผมได้ยินคำว่าไม่ออกข้อสอบแล้วก็ไม่สนใจที่จะอ่านมันอีกต่อไป ผมดูไม่ตั้งใจเรียนเหรอ? คุณคิดว่าสมองคนเรามีพื้นที่ให้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับวิชาการมากแค่ไหนกันเชียว

   คาบเรียนจบลงแล้ว ผมสะกิดคนข้างๆ ที่ทั้งคาบเขาเปลี่ยนอารมณ์ไปมาอย่างกับมีเครื่องเปลี่ยนอารมณ์อยู่ในตัว ชี้ไปทางโทรศัพท์มือถือที่ยังคงขึ้นว่าอยู่ระหว่างการอัดเสียง ไม่กล้าที่จะยื่นไปหยิบเองแบบที่ทำเมื่อตอนเข้าคาบ

   ไม่อยากโดนโรคติดต่ออีกน่ะ

   โทรศัพท์ไม่ได้ถูกส่งกลับมาอย่างเดียว มันกลับมาพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็กแบบเดิม ต่างกันที่คราวนี้ด้านหน้าที่มีลายเด็กผู้ชายพิมพ์ไว้จางๆ ถูกลงสีใหม่จนเป็นรูปหน้าของเด็กชายที่คุ้นตา ด้านล่างมุมขวามีตัวอักษรสี่ตัวเขียนไว้ด้วยปากกาสีดำว่า ‘ROME’

   เขาวาดผมลงไปอย่างนั้นน่ะสิ

   “ขอบคุณนะ”

   ที่บ้านสอนมาดีครับ เวลาใครให้ของอะไรต้องบอกขอบคุณเสมอ ผมยังคงใช้เวลาอยู่กับเจ้าโรมน้อยอีกสักครู่ก่อนที่จะเห็นว่ามีรอยหมึกจางๆ อยู่ด้านหลัง พลิกแล้วก็พบว่ามีอะไรเขียนไว้อยู่อย่างที่คิด

   ‘ไปกินข้าวด้วยกันไหม?’

   “...”

   พูดอะไรไม่ออกเลย อย่างกับมีใครมาปิดปากไว้ไม่ให้ขยับ โอเค ที่หนึ่งคนนั้น คนที่ผมเคยบอกเสมอว่าเราอยู่คนละมิติ และผมเองก็ไม่ได้อยากที่จะเข้าไปอยู่ในโลกเดียวกับเขาเท่าไหร่ คนที่ผมเห็นหน้าเห็นตาเขามาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นแต่ก็ไม่เคยคุยกันแบบเป็นทางการ คนที่เพิ่งพูดอะไรที่เข้าใจง่ายและเข้าใจยากในเวลาเดียวกันให้ผมฟังเมื่อไม่กี่วันก่อน

   คนๆ นั้นกำลังชวนผมไปกินข้าวเว้ย...

   นี่มันข้ามขั้นยิ่งกว่ากดปุ่มวาร์ป

   “แค่ชวนน่ะ ไม่ไปก็ไม่เป็นไร”

   อาจเป็นเพราะตลอดทั้งคาบเราคุยกันผ่านตัวอักษร พอมาใช้เสียงคุยแล้วเลยรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความกระดากอาย คิดดูดิ แค่เสียงเขาผมยังไม่คุ้นหูเลย

   “...” ผมก็ยังไม่รู้จะทำยังไงต่ออยู่ดี

   “งั้นไว้วันหลังเราจะมาชวนใหม่นะ”

   เก็บทุกอย่างลงแฟ้มหนังแล้วลุกขึ้นอย่างกระทันหัน มันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่อยากจะเชื่อว่าเสียงของตัวเองก็สามารถเปล่งออกไปได้เร็วพอกันขนาดนั้น

   “เดี๋ยว!”

   ที่หนึ่งหยุดกึก เสี้ยวหน้าที่ผมเห็นจากมุมนี้เต็มไปด้วยความกังวลใจ ไม่ใช่มุมที่ผมเคยเห็นมาตลอด เขาดูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองตลอดเวลาไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม

   “เรา...มีเรื่องต้องคุยกัน” เป็นผมเองที่เริ่มเข้าประเด็น “เรื่องเมื่อวันก่อน”

   เขาเงียบ ผมก็เงียบ ห้องเรียนที่ว่างเปล่ายิ่งเพิ่มบรรยากาศให้น่าอึดอัดมากขึ้น

   จนเขาถือวิสาสะหยิบกระเป๋าเป้ของผมไปสะพายไว้เอง พยักเพยิดหน้าเป็นเชิงให้ตามเขาไป เฮ้อ ไม่มีทางเลือกแล้วนี่นา ที่หนึ่งไม่ได้เดินนำ เขาเว้นจังหวะการเดินให้เข้ากับช่วงการก้าวของผม ตลอดทางจากห้องเรียนไปยังร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ถ้าไม่ใช่เสียงทักทายก็มีแต่คนเหลียวมองเขา

   สูงสมส่วน หุ่นที่ดูก็รู้ว่าดูแลตัวเองดีในระดับหนึ่ง ใบหน้าอาจไม่ได้ขาวโอโม่อะไรมากแต่ความเนียนแบบไม่ได้แต่งเติมมันก็ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมากลางผู้คน

   ที่หนึ่งก็ยังคงเป็นจุดศูนย์กลางเสมอไม่เคยเปลี่ยน

   "เคยมากินรึเปล่า?"

   เขาถามผมขณะที่กำลังอ่านเมนูอาหาร ร้านนี้เป็นทั้งคาเฟ่แล้วก็ร้านอาหารในตัว เลยมีเมนูให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย มากเกินไปจนเลือกไปไม่ถูก มีข้าวไข่เจียวหมูสับให้ผมไหมครับ

   "ไม่อะ" ความจริงแบล็คกับเน็ทชวนมาหลายครั้งแล้วล่ะ ไม่เคยมีโอกาสได้มาสักที

   เขาชะโงกหน้ามาชี้รายการอาหารในเมนูที่ผมถืออยู่ "งั้นกินนี่ไหม สเต็กปลาราดซอสเกรวี่ อร่อยดี"

   "ก็ได้นะ"

   จะเลือกอะไรก็เลือกไปเถอะ เอาจากใจเลยนะ ถึงผมจะชอบกินปลามากกว่าหมูหรือว่าไก่ แต่ใครมันจะมามีอารมณ์เลือกว่าจะกินอะไรในขณะที่ฝั่งตรงข้ามเป็นผู้ชายที่เพิ่งบอกว่าชอบตัวเองไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้วล่ะ

   ที่หนึ่งบอกรายการอาหารนอกเหนือจากที่ถามผมอีกสองสามอย่าง การที่เรานั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะสี่เหลี่ยมทำให้เห็นทุกการกระทำมากกว่าตอนที่นั่งในห้องเรียน เขาดูประหม่าที่จะคุยกับผม เห็นได้ชัดจากการที่กุมมือแล้วเขย่าไปมาอย่างนั้น ผมว่าผมเป็นคนที่โชคดีนะ ไม่มีทางที่คนอื่นจะได้เห็นโหมดนี้ของ 'ที่หนึ่ง' หรอก

   "เรื่องเมื่อวาน ที่นายพูดกับฉันตอนนั้น..."

   "อ่าฮะ"

   "นายไม่ได้ล้อเล่น?"

   นัยน์ตาที่ผมเคยบอกว่ามันเว้าวอนขออะไรสักอย่างมองตรงมาที่ผม มันทั้งแน่วแน่นแล้วก็มั่นคง ไม่ต่างอะไรกับคำตอบที่แสนชัดเจน

   "ไม่"

   ชัดเจนมาก มากจนเป็นผมเองที่ลมหายใจสะดุด

   "มัน..."

   มันเป็นไปได้ยังไง นั่นคือคำถามที่ผมอยากถามออกไป จนถึงตอนนี้ใจผมเองยังไม่ยอมรับว่ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตัวเอง เสียงที่ดังก้องในหัวคือคำว่า 'ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้'

   "มัน?" เขาทวนคำที่ผมพูดค้างไว้

   "กู เอ๊ย เรา คือยังไงดีล่ะ..."

   ที่หนึ่งเป็นคนหน้าตาดี ผมไม่เถียง น่าแปลกที่ผมสะดุดตามากที่สุดไม่ใช่โครงหน้าไร้ที่ติ ไม่ใช่จมูกโด่ง ไม่ใช่ริมฝีปากสีอ่อน แต่กลับเป็นนัยน์ตาสีดำที่มองตรงมาอย่างไม่ลดละ ความชัดเจนที่เขาส่งมามันทำให้ผมไม่กล้าที่จะหลบสายตา

   และมันก็ทำให้ผมยอมรับโดยดุษฎีว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

   "นาย ชอบ ฉัน?"

   "มากกว่าชอบได้ไหม" เขายกมือขึ้นเกาคอแก้เขิน ยิ้มเล็กๆ ที่ส่งมาให้ช่างเต็มไปด้วยร่องรอยของความสุข

   "แต่นี่" ผมชี้เข้าหาตัวเอง "ผู้ชาย"

   มีเพียงเสียงเพลงคลาสสิคที่ร้านเปิดคลอไปในเวลาที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ ทั้งที่ตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายรูปแบบ เราสองคนก็ไม่มีใครให้ความสนใจมันสักนิด

   จนที่หนึ่งที่ส่งยิ้มกว้างมาให้

   "แล้วไงล่ะ การที่ผมชอบผู้ชายชื่อโรม ไม่ได้เท่ากับผมชอบโรมเพราะเขาเป็นผู้ชายสักหน่อย"

   ต้องโทษหลักสูตรการสอนในสมัยชั้นปีหนึ่งที่มีวิชาเกี่ยวกับปรัชญาหลายตัว ที่หนึ่งเลยพูดอะไรที่ดูเข้าใจยากอย่างนี้ออกมา

   "แต่..."

   "ผมชอบชื่อโรม" คำพูดนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาก่อนหน้าเลยสักนิด "ถึงอย่างนั้นถ้าผมไปเจอคนอื่นที่ชื่อโรม ผมจะไม่บอกว่าผมชอบชื่อเขา เหตุผลเดียวที่ผมชอบชื่อนี้เพราะมันเป็นชื่อของคุณ"

   ตัวอักษรทุกตัวในกระดาษแผ่นเล็กยังคงเด่นชัด คำสั้นๆ ที่เขาเขียนถูกขยายความจนผมได้แต่เงียบ

   "โรมครับ" เขาเว้นจังหวะเรียกให้สติผมกลับมา "...จากนี้ไปที่หนึ่งจะจีบโรมนะครับ"


***
   ฝนกลับมาตกต่อเนื่องอีกแล้ว น้ำท่วมอีกต่างหาก ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ ช่วงนี้เป็นช่วงสอบกลางภาคของมหาลัยด้วย ไม่สบายล่ะแย่เลย
   ตอนนี้เป็นตอนที่แต่งเรื่อยๆ สบายๆ ค่ะ เป็นตอนที่เจ้าอยากเอาแทรกให้ต่อเนื้อหาได้สมบูรณ์มากขึ้น แต่ความจริงเจ้าก็ไม่ได้วางเนื้อเรื่องให้หนักอะไรขนาดนั้นหรอกนะ (หัวเราะ)
   ไว้เจอกันอีกครั้งตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ Pakbung Mazo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #105 เมื่อ02-10-2015 23:51:04 »

ขนาดแบล็คขอเป็นแค่ผู้ชมนะเนี่ย 55555 :katai2-1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #106 เมื่อ02-10-2015 23:55:11 »

ที่หนึ่งพอตัดสินใจรุกนี่ รุกแรงเลยน้าาา :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #107 เมื่อ03-10-2015 00:10:53 »

กัดปากไม่หยุดอะ มันคอยแต่จะยิ้มลูกเดียว ที่หนึ่งจะรุกแล้ว~~~

ออฟไลน์ PREMIUM_ALMOND

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #108 เมื่อ03-10-2015 00:45:32 »

"คุณคิดว่าสมองคนเรามีพื้นที่ให้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับวิชาการมากแค่ไหนกันเชียว"

ชอบประโยคนี้มันใช่มากในตอนนี้ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai1: :katai1: :katai1: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #109 เมื่อ03-10-2015 04:12:28 »

"...จากนี้ไปที่หนึ่งจะจีบโรมนะครับ"


ตัวแตกค่ะ ฟินนนนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
« ตอบ #109 เมื่อ: 03-10-2015 04:12:28 »





ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #110 เมื่อ03-10-2015 06:49:16 »

 :-[

ที่หนึ่ง รุกน้องโรมแล้ว

  o13

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #111 เมื่อ03-10-2015 07:29:52 »

หวานซะ  หนึ่งน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #112 เมื่อ03-10-2015 07:44:35 »

ฟินครับ ละลายไปกับพื้นเลอ เขิน

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #113 เมื่อ03-10-2015 07:47:20 »

อ้ายยยยย  น่ารักที่สุดเลยอ่ะ ชอบบบบ   :m3:
ว่าแต่ ต่อไปนี้อะไรจ้ะที่หนึ่ง เนียนจีบน้องโรมมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ แค่เจ้าตัวเขาไม่รู้อ่ะนะ 555
แต่ประกาศชัดเจนอย่างนี้ ดีมาก ๆ เพราะแค่เริ่มต้นน้องโรม ก็หวั่นไหวมากแล้ว
ก็นะ ดูวิธีจีบสิ น่ารักขนาดนั้น แบบกุ๊กกิ๊ก อ่อนโยนมากเลย ชอบมากเลยอ่ะ
เดินหน้าจีบเต็มที่ได้ขนาดนี้ เพราะคุณว่าที่พ่อตา เปิดโอกาสให้เต็มที่แล้วสินะ
แต่ยังเหลือเน็ตกับนิช อีกนะ อยากรู้จังว่าสองคนนี้จะทำอะไรบ้าง น่าสนุก
แต่ก่อนอื่นเลยนะน้องโรม ไปเคลียร์กับผู้หญิงคนนั้น ตามที่คุณพ่อบอกก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวเป็นเรื่อง
ราชา ของเรา มาทีไรก็ทำให้ปลื้มตลอดเลย ชอบแบล็คมาก ๆ
ว่าแต่ ความทรงจำในอดีตของน้องโรมคืออะไรกันนะ ใครที่อยู่ในนั้น
น้องโรม ดูเจ็บปวดขนาดนี้ แสดงว่าต้องเป็นคนสำคัญมากแน่ ๆ
แล้วที่หนึ่ง ของเรา จะสามารถเข้าไปเป็น ที่หนึ่ง ในใจน้องโรมได้ยังไงกันนะ
เอาใจช่วยที่หนึ่ง เป็นพระเอกที่น่ารัก น่าเอ็นดูมากเลย ชอบจัง  :o8:



ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #114 เมื่อ03-10-2015 07:56:35 »

 :-[

จีบแล้วๆ

ออฟไลน์ bigcat1889

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #115 เมื่อ03-10-2015 08:00:13 »

ชอบที่หนึ่งจัง เป็นผู้ชายที่น่าหยิกมากมาย////กัดหมอน

ออฟไลน์ GMJeam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #116 เมื่อ03-10-2015 08:17:26 »

ที่หนึ่งสู้ๆ

ออฟไลน์ Lilyrum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #117 เมื่อ03-10-2015 08:20:06 »

งื้ออออออออออ น่ารักที่สุดเลยที่หนึ่ง

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #118 เมื่อ03-10-2015 08:23:32 »

 :ling1:


ออฟไลน์ painture

  • work hard play hard <3
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 4 [02.10.15]
«ตอบ #119 เมื่อ03-10-2015 11:32:52 »

ฮือออ น่ารักมากเลยอะ ที่หนึ่งสู้ๆดิ ผู้ชายขี้อายเอ้ยยย
 :hao5: :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด