"ที่หนึ่ง" : END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "ที่หนึ่ง" : END  (อ่าน 192533 ครั้ง)

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #150 เมื่อ16-10-2015 22:45:08 »


   ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากการประกาศที่เรียกว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่สุดของคณะในเวลานี้ เราก็มาถึงที่พักจนได้ ผมลากร่างที่โดนดูดพลังงานชีวิตไปมากกว่าครึ่งลงจากรถทัวร์ ไม่เคยรักพื้นดินเท่าตอนนี้มาก่อนเลยให้ตาย

   "เดี๋ยวน้องๆ มารวมตัวกันตรงนี้นะคะ ส่วนพี่ๆ ถ้าสังขารไม่เที่ยงอยากจะเข้าไปพักผ่อนแล้วก็เดินไปรับกุญแจที่น้องแอลเสื้อชมพูทางซ้ายได้เลยค่ะ"

   กระเป๋าเดินทางค่อยๆ ลำเลียงลงมาทีละน้อย ผมยืนหากระเป๋าเดินทางขนาดเล็กสีดำสนิทของตัวเองอยู่พักใหญ่ถึงเจอ เอื้อมมือคว้าไปแต่กลับได้เพียงความว่างเปล่า ในเมื่อมีเจ้าของข้อมือขาวบางคนคว้ามันไว้ในมือได้เร็วกว่า

   "พักก่อนเนอะ" ที่หนึ่งหันมาถามผม มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางของผมไว้ ส่วนอีกข้างก็สะพายเป้เดินทางสีเทาไว้ตรงไหล่

   "เอากระเป๋ามา"

   ผมบอกเขาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก หลังจากเปิดแถลงการเรื่องความรักของที่หนึ่งเดือนคณะปีสามแล้วความสงบสุขก็ไม่ได้มาเยือนผมอีกเลย คนมากหน้าหลายตาต่างกรูกันเข้ามาถามไถ่ข้อสงสัยของตัวเองกับคนที่นั่งอยู่เบาะถัดไป แล้วพ่อคุณก็สร้างกระแสให้โหมเข้าไปใหญ่โดยการเอาแต่นั่งยิ้ม ตอบกว้างๆ ให้เอาไปตามล่าหาข้อมูลต่อกันเอง

   'พี่ที่หนึ่งคะ น้องถามคำถามเดียว เขามารับน้องด้วยไหมคะ'

   'มาครับ เพราะเขาอยู่ในใจพี่ตลอดเวลา'

   'น้องคะ เป็นเอฟซีมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทำไมพี่ถึงไม่เคยรู้คะ'

   'เพราะผมแอบชอบเขามานานกว่านั้นครับ'

   อะไรประมาณนี้

   "ถือให้"

   "มีมือ" ผมยกมือตัวเองขึ้นให้เขาเห็น "ถือเองได้"

   "อยากถือให้"

   ทำมึนไม่รับรู้อาการหงุดหงิดของผม เขาไม่รอฟังต่อว่าผมจะพูดอะไร มือข้างที่ยังว่างกวักเรียกให้ผมเดินตาม ใช่สิ ดวงผมมันดวงผจญเผด็จการ

   ห้องพักเกือบทั้งหมดเป็นห้องนอนใหญ่ เพราะงั้นชาวปีสามจึงได้นอนรวมกันไม่แยกชายหญิง ผมค่อนข้างตกใจไม่ใช่น้อยตอนที่รู้ว่าต้องนอนรวมกันทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีใครประท้วงในการจัด ที่หนึ่งบอกว่ารับน้องของที่นี่นอนรวมกันทุกปี ใครที่มาตั้งแต่ปีหนึ่งก็ชินกับการนอนรวมแล้ว มีแต่คนที่ไม่เคยมาอย่างผมนี่แหละตื่นตูมอยู่คนเดียว

   "นอนริมสุดนะ" จัดการวางกระเป๋าลงตรงเตียงริมสุดที่ติดกำแพงจะได้ไม่ต้องเจอกับความวุ่นวายมากนัก จะว่าเห็นแก่ตัวก็ช่าง มันไม่เห็นน่าอภิรมย์ตรงไหนที่ต้องนอนข้างๆ คนที่ตัวเองไม่เคยรู้จัก น้องโรมเอ๊ย อยู่คอนโดก็ดีแล้ว ไม่น่ามาหาเรื่องให้ตัวเองต้องลำบากเลย

   "นอนเลยไหม อีกสองชั่วโมงเดี๋ยวมาปลุก"

   เขาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนสวย สายหนังสีน้ำเงินเข้มตัดกับตัวเรือนสีเงินอย่างพอดี อีกสองชั่วโมงที่เขาบอกคือเที่ยงครึ่ง อืม นอนแล้วก็ตื่นมากิน ชีวิตผมจะดีไปไหน

   "ถ้าจะมานอนอยู่บ้านก็ได้ นี่ข้างนอกทำอะไรอยู่?"

   "ตอนนี้เหรอ น่าจะไอซ์เบรคกิ้งอยู่มั้ง"

   "มันคืออะไรอะ?"

   เป็นคำถามที่ดูโง่ไหมครับ แต่ผมไม่รู้จริงๆ อะ กิจกรรมช่วยกันทำลายน้ำแข็ง?

   "เขาเรียกว่ากิจกรรมละลายพฤติกรรมน่ะ" อ้าว ไม่ใช่ช่วยกันเจาะน้ำแข็งให้แตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างนั้นหรอกเหรอ "จะไปดูไหมล่ะ?"

   "ไปก็ได้"

   ตอนนี้ไม่ว่าที่หนึ่งจะพาไปไหนผมไปหมด ในสถานการณ์อย่างนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าตามผู้มีประสบการณ์ไปเรื่อย ให้อารมณ์ลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ดเลย

   ไม่ต้องตามหาพื้นที่ทำกิจกรรมให้เสียเวลา เสียงกลองสลับกับเสียงเฮฮาดังสนั่นทำให้เจอกลุ่มคนโดยง่าย ที่หนึ่งดันหลังผมให้เข้าไปร่วมในวงก่อนที่เขาจะเดินตามหลังมา ความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับทหารชั้นปลายแถวที่ถูกส่งออกไปเป็นแนวหน้าในการรบ ทั้งที่อยู่ร่วมคณะ คนรอบข้างกลับให้ความรู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าไปหมด นี่สินะข้อเสียของการไม่เข้าสังคม

   เด็กปีหนึ่งในชุดวอร์มนั่งรวมกันอยู่ตรงกลางสนามหญ้า มีรุ่นพี่ปีต่างๆ ล้อมรอบเป็นวงกลมใหญ่ ปีหนึ่งลุกขึ้นแนะนำชื่อพร้อมกับท่าเต้นพิลึกทีละคน เสียงปรบมือดังเบาสลับกันไปตามความเด็ดของท่าที่โชว์ ผมคงมาร่วมวงช้าไปหน่อยเลยได้ดูการแนะนำตัวเพียงเจ็ดแปดคนเท่านั้น มองในแง่ดีคือไม่ต้องเห็นท่าของวี เชื่อกินขนมได้เลยว่ามันต้องงัดไม้เด็ดออกมาแน่นอน

   จากนั้นก็เป็นการแนะนำตัวของรุ่นพี่ เริ่มจากปีสอง และมาถึงรุ่นของผม ปีสาม

   "ชื่อพี่ที่หนึ่งครับ"

   ไม่บอกก็รู้ว่ามันตามมาด้วยเสียงกรี๊ดขนาดไหน ไม่ใช่แค่รุ่นของตัวเองที่ช่วยกันเชียร์จนออกนอกหน้า รุ่นอื่นก็เป็นเสียงเสริมที่ดี

   "พี่โรมครับ"

   นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมพบว่าพลังงานเหลือล้นเกินร้อยของวีมีประโยชน์ มันปรบมือเสียงดังออกนอกหน้าแถมยังโฆษณาว่าผมเป็นพี่สายอยู่นั่น เลยทำให้การแนะนำตัวของผมไม่กร่อยอย่างที่คิด

   หืม? ผมลืมอีกคนไปเหรอ เปล่าสักหน่อย ก็ได้ๆ ส่วนเสียงปรบมือที่ดังไม่เกรงใจใครไม่แพ้น้องสายของผมคือผู้ชายที่เพิ่งแนะนำตัวไปก่อนผมนี่แหละ

   รุ่นพี่ปีอื่นทยอยแนะนำตัวกันจนครบ น้องเอ็มซีคนเดิมก็เริ่มอธิบายกติกาเกมส์ต่อไปอย่างแชร์บอล แบ่งออกเป็นสี่กลุ่มโดยผมได้อยู่กลุ่มที่สองในขณะที่ที่หนึ่งอยู่กลุ่มสาม ถึงผมจะดูเป็นคนแปลกหน้าแต่ทุกคนในกลุ่มก็เป็นกันเองจนรู้สึกผ่อนคลาย

   การแข่งนัดแรกเป็นการเจอกันของกลุ่มที่หนึ่งกับกลุ่มที่สอง ผมได้รับตำแหน่งที่สบายที่สุดในสนามนั่นคือการถือตะกร้า ก็เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเล่นกีฬาอย่างผมดีเหมือนกัน ขืนลงไปเป็นคนเล่นนี่ได้พาทีมล่มจม

   "พี่โรมรับ!"

   แต่ทีมที่จะล่มก่อนผมก็ทีมฝั่งตรงข้ามนี่แหละ

   "เชี่ยวี! นั่นคนละทีม!!"

   ยังคงความเป็นปารวีได้แบบเดิม น้องรหัสของผมผู้ถูกวางตำแหน่งไว้เป็นกองหลังของอีกฝั่งหันมาโยนลูกบอลในมือให้ผม โชคยังดีที่ผมมีสติมากพอที่จะลดระดับตะกร้าในมือลงก่อนที่บอลจะเข้า วีถูกเพื่อนในทีมรุมด่าจนกลายเป็นเรื่องตลกที่ทำให้บรรยากาศการแข่งขันสนุกมากขึ้น

   "เข้าไปอีกแล้ว ตอนนี้สกอร์ห่างเป็นหกต่อสองแล้วนะค้าาา"

   ต้องขอบคุณรุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของคณะ เขาเป็นคนทำแต้มได้ถึงสี่จากหกครั้ง เกมส์การแข่งขันเต็มไปด้วยความสนุกสนานจนผมหัวเราะออกมาหลายครั้ง ทั้งส่งผิดฝั่ง ส่งเลยตะกร้า แล้วก็วิธีการโกงสารพัด

   เกมส์จบลงที่แปดต่อเจ็ด โดยสองนาทีสุดท้ายพี่บาสของทีมผมโดนวิชามารอย่างระดมตัวสำรองที่นั่งพักออกมากั้นเป็นกำแพงมนุษย์จนไม่สามารถขยับไปรับหรือต่อบอลได้ ปล่อยให้ลูกทีมที่เหลือ (นำโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร) มาถล่มเสียเละเทะ ก็ยังดีที่ทีมผมชนะ

   "ผมเก่งไหมพี่" ออกจากสนามปุ๊บก็ยิ้มหน้าแป้นมาเลยนั่น

   "โกงเก่งมากมึง กูนับถือใจ"

   "อะไรวะพี่ เขาเรียกทีมเวิร์ค"

   ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองทำให้ผมปลงตก ระบบการทำงานของสมองวีไม่ปกติแน่ๆ เชื่อผมสิ

   "เวิร์คมาก ผู้เล่นฝั่งกูมีสี่ฝั่งมึงมีสิบ"

   "ทุกคนมีส่วนร่วมไง"

   "กูเลิกคุยกับมึงล่ะ" ผมนั่งลงกับพื้นหญ้าแถวนั้น ตอนนี้ทีมที่สามกับทีมที่สี่กำลังลงไปวอร์มร่างกายอยู่คนละฝั่ง กวาดสายตาเร็วๆ แล้วไปหยุดอยู่ตรงคนตัวสูงที่เปิดประชุมแผนการเล่น ก็ผมไม่รู้จักใครเลยนี่นา ไม่แปลกหรอกน่าที่ผมจะมองแต่เขาน่ะ

   "เกมส์ที่น่าระทึกใจได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนะคะ ทีมสามของเรานำทีมโดยพี่ที่หนึ่งผู้เป็นเจ้าของวลี 'อยู่ทีมพี่ไม่มีแพ้' ไม่ว่าจะรับน้องมากี่ครั้งพี่ที่หนึ่งไม่เคยทำให้ผิดหวังสักกิจกรรม ส่วนทีมที่สี่นำทีมโดยพี่อาเมน ประธานกลุ่มกิจกรรมธรรมะวันจันทร์ ไม่รู้งานนี้จะมีการใช้ไสยศาสตร์อาคมมาช่วยลบล้างความขลังของทีมสามรึเปล่..."

   "พี่ที่หนึ่งไม่เคยแพ้จริงเหรอพี่" เด็กผมทองที่นั่งอยู่ข้างผมถามแทรกขึ้นมาระหว่างการแนะนำทีม

   "เท่าที่รู้จักก็ไม่เคย กูเคยแข่งคณิตแพ้มันเหมือนกัน"

   "พี่ที่หนึ่งนี่ไม่ใช่คนใช่ป่ะ พระเจ้าใส่ความเป็นที่หนึ่งมากไปชัดๆ"

   ผมหัวเราะให้การเปรียบเทียบของเขา "ก็คนธรรมดานี่แหละ สงสัยมึงต้องลองตั้งชื่อแก้เคล็ดเผื่อจะชนะบ้าง"

   "พูดตรงๆ เลยนะ ตอนผมได้ยินชื่อพี่ที่หนึ่งครั้งแรก ผมว่าเป็นชื่อที่โคตรประหลาด" เสียงนกหวีดเป็นสัญญาณว่าเกมส์การแข่งเริ่มต้นขึ้นแล้ว "แต่พอรู้จักจริงๆ ผมว่าชื่อนี้โคตรเหมาะกับพี่เขาเลย"

   ที่หนึ่งรับลูกที่โยนมาจากกลางสนาม เสี้ยวนาทีต่อมาแต้มแรกของเกมส์ก็เกิดขึ้น เขายกนิ้วโป้งสองข้างขึ้นมาทำเป็นสัญลักษณ์เยี่ยมให้กับเพื่อนร่วมทีมแล้วกลับไปยืนประจำตำแหน่ง

   รอยยิ้มแบบที่ผมเห็นเสมอประดับบนใบหน้าตลอดเวลาการแข่ง ไม่ว่าเขาจะโดนอีกฝ่ายแกล้งหรือผู้เล่นฝั่งตัวเองจะส่งให้พลาดเขาก็ยังอารมณ์ดี หัวเราะไปกับการแข่งขัน

   "พี่โรมรู้ไหมว่าพี่ที่หนึ่งชอบใคร"

   คำถามที่ทำให้ผมหันขวับมามองอย่างหวาดระแวง โล่งใจได้นิดหน่อยที่นัยน์ตาอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสงสัย มันหมายความว่ายังไม่มีใครระแคะระคายเรื่องของผมกับที่หนึ่ง

   "เรื่องของเขา กูไม่ยุ่ง" ผมเลือกที่จะปัดปัญหาออกไปไกลตัว ไม่ตอบอะไรที่จะทำให้งานตัวเองเพิ่มขึ้น

   "นั่นไง ผมว่าล่ะ ที่พี่บอกว่าไม่สนิทกับพี่ที่หนึ่งนี่หลอกผมใช่ไหม รู้ป่ะว่าขามาพี่เขาเล่นเกมส์แทนให้ตอนพี่หลับด้วย"

   ทำไมจะไม่รู้ล่ะวะ ก็ไม่ได้หลับนี่หว่า

   "เหรอ"

   "มีใครเล่าให้ฟังยังว่าพี่ที่หนึ่งประกาศว่ามีคนที่แอบชอบอยู่ โคตรตกใจอะตอนที่พี่เขาตอบผมมาอย่างนั้น ตอนแรกผมคิดว่าเกมส์นี้ผมแพ้แล้วแหงๆ"

   กลับมาเห็นที่หนึ่งโยนลูกเข้าตะกร้าไปอย่างสวยงามพอดี ตอนนี้ผลการแข่งขันอยู่ที่ห้าต่อหนึ่ง เรียกได้ว่าขาดลอยอยู่พอตัว เขาเดินไปแท็กมือกับคนในทีมจนเกือบครบทุกคนเหลือเพียงน้องปีสองคนเดียวที่ยืนอยู่บริเวณที่ผมนั่งดู พอที่หนึ่งเห็นผมเขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดกับปาก จุมพิตเบาๆ

   พร้อมกับส่งยิ้มที่อ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ

   "อยากรู้จังว่าคนแบบไหนที่ทำให้ชื่อที่หนึ่งหมดความหมาย" วียังคงจ้อไปเรื่อยไม่มีหยุด "ต้องเป็นคนที่พิเศษมากแน่ๆ"

   "มันก็แค่ชื่อ"

   "ถ้ามันเป็นแค่ชื่อ เราจะมีความหมายของชื่อไปทำไมล่ะ"

   อยู่ดีๆ น้องสายที่ทำตัวสติไม่เต็มตลอดเวลาก็จุดประเด็นคำถามที่น่าคิดขึ้นมา น้ำตาผมพาลจะไหล วีมันคิดอะไรแบบคนปกติธรรมดาได้ด้วยล่ะ

   "อย่างผมชื่อปารวี แปลว่าผู้มีจุดหมาย พ่อบอกว่าเพราะอยากให้ผมตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน"

   "มึงไม่คิดว่าเป็นการยัดเยียดความคิดบ้างเหรอ?"

   "ไม่นะพี่ ส่วนมากชื่อจริงของคนเราก็มีความหมายที่ดีทั้งนั้นนี่ คงไม่มีใครตั้งชื่อลูกแบบ บัดซบ อะไรงี้ป่ะ"

   "ก็นะ" นั่นเป็นสิ่งที่ผมเถียงไม่ออก

   "แล้วชื่อจริงพี่โรมมีความหมายอื่นไหม" พอผมส่ายหน้าให้เป็นเชิงปฏิเสธ วีก็พูดต่อ "แต่ผมว่ามันต้องมีอยู่แล้วแหละพี่ 'ความพิเศษ' อะไรบางอย่างที่ทำให้ชื่อนี้กลายมาเป็นชื่อของเรา"

   ความพิเศษงั้นเหรอ

   ทำไมนะผมถึงเผลอไปคิดถึงคำที่เขาเคยบอก เขาชอบชื่อผม บางทีนะ ชื่อของผมอาจจะรอให้ใครบางคนมาบอกว่าชื่อของผมพิเศษกว่าใครก็เป็นได้

   "พี่ที่หนึ่งชนะจริงด้วย" เสียงประกาศจากเอ็มซีบอกคะแนนที่ขาดลอย สิบต่อสาม "ที่หนึ่งตลอดเลยสิน่า"

   "มึงก็รีบสรุปไป ยังมีรอบชิงอยู่"

   ผมลุกขึ้นเตรียมรวมกับกลุ่มอีกครั้ง เรามีเวลาประชุมแผนในขณะที่อีกฝั่งพักเหนื่อยห้านาที ผมยังคงได้รับตำแหน่งเดิมคือคนถือตะกร้า คราวนี้เราวางแผนกันอย่างรัดกุมมากขึ้นเนื่องจากอีกฝั่งเป็นบุคคลอันตรายที่วัดระดับไม่ได้ ก็โอเวอร์ไป แต่มันก็สนุกดีแหละ ต่างคนต่างเสนอแผนการสู้รบกับที่หนึ่งกันใหญ่ ลืมภาพคนไม่รู้จักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วไปได้เลย

   อุตส่าห์คิดแผนตั้งเยอะแยะ ไหงอีกฝ่ายถึงมาเหนือเมฆอย่างนี้

   "ทำไมมาอยู่ตรงนี้?" ถามคนที่มายืนเป็นคนปัด ที่หนึ่งยักคิ้วให้ผมข้างหนึ่งแล้วตอบ

   "เขาสั่งมา"

   "เอาความจริง"

   "อยากอยู่ใกล้โรมครับ"

   ขอย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้สักนาทีได้ไหมครับ ผมจะไม่ถามคำถามนั้นออกไปเด็ดขาดเลย

   เสียงนกหวีดเริ่มเกมส์ดังขึ้น ผมทุ่มความสนใจทั้งหมดให้กับรูปเกมส์ตรงหน้า ทีมผมได้เปรียบกว่าเมื่อคนทำแต้มถูกจำกัดไว้แค่บริเวณครึ่งวงกลม พี่ปีสี่ส่งลูกไปมาอย่างคล่องแคล่ว เขาโยนลูกเข้าตะกร้าที่ผมถืออยู่อย่างพอดิบพอดี

   "ยืนระวังหน่อยสิ จะล้มหลายครั้งแล้วนะ" ที่หนึ่งเตือนระหว่างหยิบลูกบอลออกจากตะกร้า "เดี๋ยวก็ได้แผลตั้งแต่วันแรก"

   ตำแหน่งผู้ถือตะกร้าเป็นหน้าที่ที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากกว่าผู้เล่นในเกมส์อีกนะสำหรับผม เพราะนอกจากจะต้องใช้ความสามารถส่วนตัวขั้นสูงในการทรงตัวบนเก้าอี้พลาสติกที่ไม่มีความมั่นคงแล้วยังต้องขยับตัวไปมาเพื่อรับลูกบอลอีก เรียกได้ว่าถ้าจัดการทรงตัวไม่ดีนิดเดียวอาจลงไปนอนอยู่บนพื้นหญ้าได้เลย

   การแข่งขันเต็มไปด้วยเสียงเชียร์จากทุกฝั่ง ฝ่ายผมได้บุกเยอะกว่าอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่ได้คะแนนมากเท่าที่ควร อันเนื่องมาจากสเต็ปการปัดลูกขั้นเทพของผู้ชายที่ไม่เคยแพ้ กระโดดได้สูงสมกับที่เคยเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลสมัยมัธยมปลาย

   เหลือเวลาการแข่งขันอีกหนึ่งนาที คะแนนเสมอกันอยู่ที่หกต่อหก ต่างฝ่ายไม่มีใครยอมใคร

   "แผนชอ ปฎิบัติ!"

   ชอ ย่อมาจาก แผนชั่วครับ จะย่อไปทำไมใช่ไหมล่ะ นั่นแหละผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน แผนชั่วก็ง่ายๆ ตามชื่อเลย ใช้เทคนิคส่วนตัวได้เต็มที่ สำหรับสมาชิกที่มีความสำคัญอันดับต้นอย่างผมก็ได้รับคำแนะนำสั้นๆ

   "ที่หนึ่ง หันมานี่หน่อย"

   ชวนคุยให้คนปัดเสียสมาธิแม่ง!

   "ครับ?"

   "มีอะไรอยากจะถาม"

   "ถามว่า?" หางตาเห็นแล้วว่าทีมของตัวเองเตรียมจะส่งลูกมาให้ผมแล้ว

   "ที่นายบอกว่าแอบชอบมานานแล้ว มันนาน..."

   ที่หนึ่งให้ความสนใจกับคำถามของผมอย่างเห็นได้ชัด คิดว่าการที่เขาเอาแต่มองหน้าผมแล้วยิ้มอย่างนี้คือกำลังรอให้ผมถามให้จบก่อนค่อยตอบ

   เสียใจด้วยที่ผมคงไม่ได้ถามให้จบ

   ยกตะกร้าขึ้นไปรับลูกที่ลงมาอย่าง่ายดาย จากยิ้มหวานที่เขาส่งให้ผมกลายเป็นแยกเขี้ยวใส่ในทันควัน

   "ร้ายนักนะ"

   "ก็นิดหน่อย" ผมหลิ่วตาให้ ตอนนี้คะแนนผมกำลังนำอยู่หนึ่งแต้ม

   ทีมผมตัดลูกจากฝั่งตรงข้ามได้จากกลางสนาม ส่งต่อไปยังพี่บาสที่เตรียมรอรับอยู่แล้ว ความไกลที่มากเกินปกติทำให้ลูกที่ส่งมาโด่งจนผมต้องแหงนมองจนสุดสายตา แขนทั้งสองข้างเหยียดตึงพร้อมที่จะรับไว้

   โดยลืมไปว่าตัวเองยืนอยู่บนเก้าอี้

   "เหวอออ"

   "โรม!"

   เพียงวูบเดียวเท่านั้นที่สติบอกว่าผมกำลังตกจากที่สูง ทั้งร่างของผมก็ถูกดึงให้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ร้องเสียงหลงจนผิดวิสัย

   กลิ่นน้ำหอมที่เริ่มชินจมูกเรียกสติให้กลับมา ตัวผมลอยค้างอยู่ในอ้อมแขนของเขา สัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่รดลงตรงบริเวณหน้าอก ที่หนึ่งค่อยๆ ปล่อยผมลงกับพื้นช้าๆ

   "เจ็บตรงไหนรึเปล่า" เขาพลิกแขนทั้งสองข้างของผมไปมาเพื่อหารอยบาดเจ็บ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใสหายไปหมดสิ้น "เลือดออกเลยเห็นไหม"

   นิ้วถลอกจนเป็นแผลยาว คงเกิดจากตอนที่จับร่องตะกร้าแน่นจนเกินไป

   "ขอเปลี่ยนตัวครับ พี่พาโรมไปทำแผลก่อนนะ"

   มือที่ใช้ตรวจสอบรอยแผลยังคงจับข้อมือผมแน่นในเวลาที่เราสองคนเดินออกมาจากพื้นที่แข่งขัน เขาก้าวไวๆ พลางพึมพำในลำคอ ห้องพยาบาลอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักใช้เวลาเดินแป๊บเดียวก็ถึง

   "ขอล้างแผลหน่อยครับ" ไม่รอดูว่ามีใครอยู่ในห้องรึเปล่า ที่หนึ่งก็บอกความต้องการของตัวเองไปทันทีที่เปิดประตูห้อง

   "ได้เลยค่ะ มาทางน ...โรม?"

   และผมไม่คิดว่าจะเจอคนนี้เลยแม้แต่น้อย

   "...เฟรนด์"


***

   ไม่ได้ตัดจบนะคะ ...ห้ามโกรธเจ้านะ /หลบมุม เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่หัวหมุนมากๆ เลยล่ะค่ะ รวมถึงรู้สึกเองส่วนตัวว่าเป็นช่วงดวงตกขั้นร้ายแรง (ปาดน้ำตา) ขอให้หมดช่วงมรสุมสักทีเถอะ
   คำผิด คำตกหล่น ใช้คำแปลก ทักได้เลยนะคะ
   แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #151 เมื่อ16-10-2015 23:13:56 »

นอกหน้ามากๆที่หนึ่ง :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #152 เมื่อ16-10-2015 23:54:01 »

อดีตที่กักขังโรมไว้หรือเปล่า

ออฟไลน์ dradareal

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #153 เมื่อ17-10-2015 00:36:06 »

ชอบเรื่องนี้ ชอบที่หนึ่งงงง
ที่หนึ่งน่ารักมากเลยย

แต่โรมตอนนี้ส่วนตัวคิดว่านิสัยไม่ค่อยน่ารักเท่าไรเลยน้า
ถึงจะบอกว่าเป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใครก็เถอะ แต่มันดูแปลกๆ
หรืออาจจะเป็นเพราะปมหรืออะไรหรือเปล่านะ
รอติดตามค่า

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #154 เมื่อ17-10-2015 00:40:10 »

TT
ขอให้งานนี้ชะนีมาดี

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #155 เมื่อ17-10-2015 01:02:49 »

ได้โปรดดดดดด มาต่อเถอะค่ะ :o12:
ลุ้นจริงจัง555

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #156 เมื่อ17-10-2015 02:02:15 »

ที่หนึ่งงงง //กรีดร้องหนักมาก  //ฟินหนักมาก

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #157 เมื่อ17-10-2015 05:03:03 »

โรมใจอ่อนนิดหนึ่งเถอะ ที่หนึ่งน่ารักขนาดนี้  :-[

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #158 เมื่อ17-10-2015 12:32:25 »

ที่หนึ่ง ได้ใจอีกแล้ว พระเอกคนนี้ ทำไมน่ารัก อบอุ่นจังเลย ชอบบบ  :m1:
น้องโรม ถึงจะดื้อกับที่หนึ่งบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ความจริงใจที่หนึ่งอยู่ดีอ่ะนะ อิอิ
รุกเข้าไปเยอะ ๆ เลยจ้ะที่หนึ่ง ชดเชยช่วงที่ได้แต่แอบมองไง เนอะ
ชอบน้องวีจังเลย เป็นรุ่นน้องที่ทะเล้น น่ารักมาก เป็นคนที่ทำให้อารมณ์ดีจังเลย
คิดถึงคุณพ่อตาแบล็คค่ะ  ^^

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #159 เมื่อ17-10-2015 13:39:23 »

ตัดดดดดดด ค้างงง แง่งงงงงง

ที่หนึ่งน่ารักกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
« ตอบ #159 เมื่อ: 17-10-2015 13:39:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #160 เมื่อ17-10-2015 16:40:39 »

อ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยโอเคกับนิสัยโรมเท่าไหร่
ดูปิดตัวมากเกินไปและคำพูดตรงไปจนบางทีก็สงสารคนฟังแหละเนอะ
ภาวนาให้โรมเปิดใจมากกว่านี้เนอะ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #161 เมื่อ17-10-2015 23:35:21 »

เฟรนด์ไหนอีกอ่า ไม่เอานะ

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #162 เมื่อ18-10-2015 01:04:07 »

ย่ิงอ่านยิ่งสนุก

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #163 เมื่อ18-10-2015 03:57:24 »

ที่หนึ่งน่ารักหว่ะ

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #164 เมื่อ18-10-2015 13:27:34 »

เริ่มมีตัวละครเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ละ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #165 เมื่อ20-10-2015 00:43:19 »


ที่หนึ่งน่ารักมากส่วนโรมก็... อืม นะลูก หนูคงมีอดีตอะไรสักอย่าง
แต่หนูอย่าปิดกั้นที่หนึ่งของป้าเลยนะคะ ให้โอกาสนางทำคะแนนเยอะๆ

อยากรู้เหลือเกินว่าสาวเจ้าจะมาช่วยให้ที่หนึ่งทำคะแนนได้มากขึ้นหรือเปล่า
รอตอนต่อไปค่ะ ^^

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #166 เมื่อ21-10-2015 20:39:01 »

ชอบพระเอก โคตรจะพระเอก

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #167 เมื่อ21-10-2015 23:56:33 »

สงสารที่หนึ่งเหมือนกันนะเนี้ย โรมไม่หวั่นไหวเลย แถมยังเหมือนไม่สนใจอีกด้วย  :o11:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #168 เมื่อ22-10-2015 07:03:41 »

ค้างงงง. ง่ะ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #169 เมื่อ23-10-2015 06:41:02 »

ที้หนึ้งคนดี สุดยอดไปเลย
เค้าเชียร์ที่หนึ่งน่าาา

แต่ท่าทางกว่าจะได้เป็นที่หนึ่งของโรม
คงต้องผ่านด่านอรหันต์สักร้อยแปดด่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
« ตอบ #169 เมื่อ: 23-10-2015 06:41:02 »





ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 6 [16.10.15]
«ตอบ #170 เมื่อ23-10-2015 10:08:11 »

ที่หนึ่ง  สู้ ๆ นะครับ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #171 เมื่อ23-10-2015 23:10:18 »

บทที่ 7

[Side : เวลา]

   ไม่มีใครย้อนเวลาได้

   แต่ผมก็ภาวนาอยู่เสมอ ขอให้ได้ย้อนไปพบ 'เธอ' อีกสักครั้ง

   ไล่อ่านประวัติการสนทนาซ้ำๆ ทั้งที่จำได้หมดทุกประโยค มันไม่เคยมีข้อความใหม่นับตั้งแต่วันนั้น แต่ผมก็ยังคอยว่าสักวันหนึ่งมันมีการแจ้งเตือนใหม่

   'แล้วเจอกัน'

   นั่นคือประโยคสุดท้ายบนกระดานสนทนา อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเราก็ได้เจอกันอย่างที่เขียนไว้ ไม่มีแผนแรกหรือแผนสำรอง เราสองคนแค่ต้องการหนีจาก 'ความจริง' ให้พ้น

   และผมทำไม่ได้

   ห้ามตัวเองไม่ให้หันไปยังระเบียงที่เธอเคยนั่งจนชินตาจนติดกลายเป็นภาพซ้อน ผู้หญิงผิวขาวราวกับหิมะในชุดสีดำสนิทดูตัดกันจนเห็นได้ชัด ควันบุหรี่ที่ลอยจนเป็นม่านควันสีเทาในวันที่เธอบอกว่าเป็นการสูบอวยพร ผมยังจำได้ทุกรอยยิ้มและหยดน้ำตา
เปิดตู้เสื้อผ้า กวาดตาไล่ดูสีเสื้อที่เหลือเพียงสามสีแบ่งกลุ่มอย่างเป็นระเบียบ อดยิ้มแค่นให้กับตัวเองไม่ได้ เคยพูดอะไรไว้ไม่เคยทำได้สักอย่าง สุดท้ายแล้วผมก็ตกอยู่ในโลกของเธออย่างสมบูรณ์ เอื้อมมือไปดึงเสื้อยืดสีขาวริมซ้ายสุดที่ไม่ได้รวมกับเสื้อตัวอื่นมาแนบหน้า ไม่มีแล้วกลิ่นหวานติดจมูก เหลือเพียงสัมผัสที่ชัดในความทรงจำ

   หยิบมันออกมาใส่หลังจากที่ปล่อยให้แขวนทิ้งไว้นับแต่วันที่เจ้าของหายไป ตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเองแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าบอร์ดรูปขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยภาพถ่ายมหาศาลซ้อนทับกันไปมา มีเพียงรูปตรงกลางเท่านั้นที่ไม่มีร่องรอยการถูกทับซ้อนจากภาพอื่น ภาพผู้หญิงในชุดขาวกำลังนั่งอยู่บนชิงช้าไม้ขนาดใหญ่ เสี้ยวหน้าที่กำลังหันมาไม่อาจบอกถึงอารมณ์ของเธอในเวลานั้นได้

   ผมไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิต

   ตอนแรกคิดว่าตาฝาดด้วยซ้ำตอนที่เห็น ผู้หญิงผิวขาวกับผมยาวสีดำขลับ ใบหน้าเรียบเฉยยังคงประดับบนใบหน้าเช่นวันสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

   'พี่เวลไม่สนใจร่วมโครงการบ้างเหรอคะ'

   สิ่งแรกที่ผมคิดคือเด็กคนนี้ไม่เคยรู้จักผมมาก่อนล่ะสิถึงได้พูดคำต้องห้ามออกมา ผมปฏิเสธการออกกล้องตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยโดยขอทำงานในฐานะสมาชิกชมรมถ่ายภาพเท่านั้น

   ชั่ววูบเดียวที่ทำให้ผมตัดสินใจตอบตกลงไปคือใบหน้าของเธอที่ผมได้เห็นอีกครั้ง โดยมีข้อแม้ว่าเงื่อนไขการทำกิจกรรมผมสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ รู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่ตอนที่เห็นรูปตัวเองติดอยู่บนไวนิลขนาดใหญ่ ปกติเป็นแต่คนหลังเลนส์ พอต้องมาอยู่หน้าเลนส์บ้างมันก็ให้ความรู้สึกเขินอายไม่ใช่น้อย

   ต้องขอบคุณน้องสตาฟที่ให้ความร่วมมือเต็มที่ ผมเจาะจงว่าภาพโปรโมตกิจกรรมจะต้องวางไว้ตรงบริเวณหน้าคณะวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่สนว่าใครจะคิดว่าผมเรื่องเยอะ ยังไงโครงการนี้ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นของแผนการทั้งหมดเท่านั้นเอง 

   Beyours - [Well]

   หมดเวลาหนีแล้ว คราวนี้ผมจะออกล่าคุณแล้วนะ

   นาฬิกาเรือนสวยบอกเวลาเที่ยงสิบห้านาที ใกล้เวลาเลิกเรียนเข้าไปทุกที ผมหลบอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับทางเดินขึ้นตึกเรียนรวมของคณะวิทยาศาสตร์ ตึกนี้สร้างมานานแล้วเลยมีทางขึ้นลงเพียงแค่ทางเดียว มั่นใจได้ว่ายังไงก็ต้องเจอเธอเดินลงมาอย่างแน่นอน

   ไม่ต้องรอถึงเที่ยงครึ่งตามเวลาเลิกเรียน นักศึกษาก็ทยอยลงมากันหนาตา ผมกวาดสายตาอย่างรวดเร็วเพื่อตามหาคนที่ต้องการพบ จนผู้คนบางตาลงผมถึงพบคนที่ตามหา

   รอยยิ้มจุดที่มุมปากอย่างห้ามไม่อยู่ ผมเจอเธอแล้ว...

   ถือว่าเป็นปฏิกิริยาที่คาดไว้ ยามที่เธอก้าวพ้นบันไดแล้วเห็นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ติดอยู่ตรงหน้า ผู้หญิงในชุดเดรสสีเทาหม่นหยุดการเคลื่อนไหว นัยน์ตาที่ผมเคยบอกว่าเป็นสีดำรัตติกาลมองตรงไปอย่างไม่ลดละ ริมฝีปากบางที่เอ่ยเอื้อนออกมานับคำได้กำลังสั่นระริก

   ออกจากที่ซ่อน หลายคนมองผมสลับกับป้ายไปมาระหว่างที่เดินสวนกัน แต่ไม่ใช่กับเธอที่ยังคงจ้องภาพนั้นไม่วางตา ก้าวอีกหน่อยเพื่อให้ตัวเองเผชิญหน้ากับคนที่เบิกตากว้าง นัยน์ตาว่างเปล่าสะท้อนความคุ้นเคย

   "I found you, my Sin"

   ผมเจอคุณแล้ว 'คนบาป' ของผม 

   และคราวนี้ผมไม่มีทางปล่อยคุณไปอีก

[End : เวลา]



   “โรมเอามือวางไว้ตรงนี้”

   “ไม่เป็นไรเฟรนด์ เดี๋ยวเราดูแลเอง”

   “พี่ไหวไหม”

   ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักของคนจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนเลยแฮะ ห้องพักขนาดสองคนดูแคบไปถนัดตาเมื่อผมเข้ามาขอใช้สถานที่ ผมบอกอาการบาดเจ็บแสนเล็กน้อยของตัวเองให้เฟรนด์ฟัง พอเธอจะเริ่มล้างแผลให้เท่านั้นแหละวิญญาณพยาบาลก็เข้าสิงที่หนึ่ง เขาแสดงออกชัดเจนมากว่าจะเป็นคนทำแผลให้ผมเอง ส่วนเสียงสุดท้ายน่ะเหรอ จะมีใครนอกจากน้องรหัสที่กระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยเหตุผลว่าอยากจะอู้กัน

   ผมมองดูมือข้างซ้ายของตัวเองที่มีเลือดเกาะอยู่กรังแล้วได้แต่ถอนหายใจ เลือดไหลจนหยุดแล้วพวกเขายังตกลงกันไม่ได้เลยว่าใครจะเป็นคนทำแผลให้ผม เดี๋ยวก็หยิบน้ำเกลือมาล้างเองให้หมดเรื่อง

   “ที่หนึ่ง นี่มันหน้าที่เรา” ผู้หญิงคนเดียวในวงสนทนาเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก

   “แต่เราทำโรมเจ็บ เราควรจะดูแลเอง”

   ไม่พูดเปล่าคว้าขวดน้ำเกลือขนาดใหญ่ไว้ในมือ เตรียมที่จะเทลงบนแผ่นสำลีที่เตรียมไว้

   “เรารู้วิธีทำแผลดีกว่านะ ให้เราทำเอง”

   “ผมทำให้ดีกว่าไหมพี่”

   “สรุปคือเราล้างเองดีที่สุด”

   ช่างหัวคนที่ทะเลาะกันไม่เลิกไปเถอะ

   ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว ผมใช้หลักโรมเป็นที่พึ่งของโรม หยิบของที่จำเป็นในการทำแผลทั้งหมดมาไว้ตรงหน้า จัดการล้างคราบเลือดที่เกรอะกรังด้วยสำลีชุบน้ำเกลือ พอสะอาดดีแล้วก็หยิบเบตาดีนมาหยอด ถึงว่าทำไมเลือดออกเยอะ ผมมีแผลบริเวณนิ้วถึงสามที่

   "เดี๋ยวเราแปะพลาสเตอร์ให้" เจ้าของตำแหน่งพยาบาลปีสามเอ่ยขึ้น เธอมาพร้อมกับพลาสเตอร์ในมือ

   "เกรงใจจัง เราทำเองดีกว่านะ"

   ที่หนึ่งตอบกลับนิ่มๆ พร้อมรอยยิ้ม เขาฉวยจังหวะที่เฟรนด์กำลังอยู่ในสภาวะกระอักกระอ่วนใจหยิบสิ่งที่อยู่ในมือไว้ ผมเข้าใจนะว่าเขาคงรู้สึกผิดที่ทำให้ผมเจ็บ แต่นี่มันเกินหน้าที่ของเขาไปแล้วไหมล่ะ

   "ที่หนึ่ง" การเรียกชื่อแบบสั้นห้วนบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

   "ว่าไงเฟรนด์"

   เพิ่งรู้ว่าผู้ชายแสนดีอย่างเขาก็มีมุมกวนบาทาอยู่เหมือนกัน จากมุมนี้เหมือนเห็นสายฟ้าแล่นไปมาระหว่างนัยน์ตาของทั้งสองฝ่ายเลย

   "...ของเรา เราดูแลเอง"

   การเว้นจังหวะที่แฝงความนัยเรียกเสียงหยันจากอีกฝ่ายได้อย่างดี "ดีใจที่เฟรนด์รับผิดชอบหน้าที่ดีอย่างนี้ อยากให้ปีสองได้ยิน"

   "ขอบคุณที่ชมนะ งั้นก็ปล่อยให้เราทำแผลสักที"

   "คงไม่ได้อะ พอดีเราก็ต้องดูแล 'ของเรา' เหมือนกัน" วีผิวปากหวือในขณะที่ใบหน้าของเฟรนด์ง้ำลง "เดี๋ยว 'เพื่อน' ของเราจะโกรธที่ทำร้ายร่างกายแล้วไม่ดูแล"

   มั่นใจว่าที่หนึ่งเน้นคำว่า 'เพื่อน' จนเกินพอดี

   โดยไม่ต้องใช้กูเกิ้ลแปลภาษา ทุกคนรู้ดีว่าเฟรนด์แปลเป็นภาษาไทยได้ว่าอะไร

   "เลิกยุ่..."

   “วี มึงทำหน้าที่น้องรหัสที่ดีหน่อยดิ”

   ผมไม่ปล่อยให้สงครามคารมเกิดขึ้นไปนานมากกว่านี้ด้วยการใช้ตัวช่วยสุดท้าย ส่งพลาสเตอร์ปิดแผลแบบผ้าสีน้ำตาลให้คนที่เด็กสุดในห้อง น้องรหัสตัวสูงรับไปพลางบ่นกับตัวเองโดยผมจับใจความได้ว่าไม่น่าตามมาเลย ไม่ทันแล้วล่ะมึง มาร่วมหัวจมท้ายกับกูซะดีๆ

   วีจัดการปิดแผลทั้งหมดอย่างคล่องแคล่ว ยังไม่ทันที่จะเก็บเศษขยะทั้งหมดไปทิ้งก็มีอีกมือฉวยเอาซากสำลีและกระดาษห่อพลาสเตอร์ไปก่อน ผมส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขา ดูแลขนาดนี้เอาผมกลับบ้านไปด้วยเลยไหมครับท่าน

   ในเวลาไล่เลี่ยกันมีรุ่นพี่เดินมาขอความช่วยเหลือจากฝ่ายพยาบาล มีปีหนึ่งข้อเท้าพลิก น้องพยาบาลปีสองเลยจำเป็นต้องรีบออกไปดูแลโดยวีเองก็โดนลากออกไปพร้อมกันด้วย ตอนนี้ทั้งห้องเลยมีผม ที่หนึ่ง แล้วก็เฟรนด์

   "พักหน่อยไหม" คนที่เพิ่งเดินกลับมาจากไปทิ้งขยะถาม

   "อืม เหนื่อยกว่าที่คิด"

   ทำตามคำบอกของอีกฝ่าย ผมพาตัวเองขึ้นไปนอนแผ่บนเตียงเดี่ยวสีขาว เครื่องปรับอากาศที่เปิดทิ้งไว้ประกอบกับการขยับร่างกายที่มากกว่าปกติเริ่มทำให้หนังตาผมหลุบต่ำลงเรื่อยๆ

   พักเหนื่อยสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง ยังไงผมก็เป็นคนเจ็บ

   "โรม ให้นั่งพักได้แต่ห้ามนอนครับ"

   "จะนอน"

   "ถ้านอนกลับไปนอนที่ห้อง" เขาขึ้นมานั่งพิงอยู่กับหัวเตียง

   "นอนที่นี่ก็ได้นะที่หนึ่ง เดี๋ยวเราดูแลให้" เฟรนด์พูดแทรกขึ้นมา เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตัวใหญ่ มือสาละวนกับการจัดยาในกระเป๋าสีดำมีโลโก้กาชาดติดไว้

   เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำตามที่แบล็คบอก

   งั้นผมควรจะกลับไปนอนที่ห้องสินะ

   "หนึ่ง" ผมเงยหน้าขึ้นไปเรียกคนที่จ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ "กลับห้องกัน"

   เขาเลิกคิ้วตอนที่ได้ยิน "อะไรนะครับ"

   "จะกลับห้อง"

   "ไม่ๆ เมื่อกี้โรมเรียกเราว่าอะไรนะ"

   "หนึ่งไง"

   ส่วนตัวผมแล้วผมมีความคิดเรื่องชื่อเล่นที่ประหลาดๆ อยู่อย่างหนึ่งคือผมไม่ชอบคนชื่อเล่นสองพยางค์ ชื่อเล่นมันก็ควรจะมีแค่พยางค์เดียวสิ คนรอบข้างผมก็ชื่อเล่นแค่คำเดียวกันทั้งนั้นแหละ

   ไม่รู้ว่าคำตอบของผมไปสะกิดต่อมอารมณ์ดีของเขาหรือยังไง ที่หนึ่งยิ้มกว้างก่อนที่จะลุกขึ้นยืน

   "กลับห้องเนอะ"

   เขาทวนซ้ำด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ ถ้าตาไม่ฝาดผมเห็นว่าเขาปรายตาไปยังอีกคนที่อยู่นั่งอยู่ที่เดิมด้วย ผมลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง ทำไมการขยับตัวลงจากเตียงที่มันยากจังนะ

   "โรมไม่อยากอยู่กับเรางั้นสิ?"

   คำถามนั้นเรียกสติให้ตื่นเต็มที่ ผมหันไปมองหน้าผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผมไม่นานด้วยความรู้สึกประหลาดใจไม่ใช่น้อย บางทีผมคงมองโลกในแง่ดีเกินไปหน่อยอย่างที่เน็ทชอบบ่น

   ลุกออกจากเตียง จัดเสื้อยับย่นให้เข้าที่แล้วออกเดินไปยังทางออก ให้ผมจัดการเองคงดีกว่าให้เธอไปเจออิทธิฤทธิ์ของผู้ชายหวงน้องทั้งหลายสินะ ที่หนึ่งก้าวแทรกผมไปเพื่อเปิดประตูให้ ผมสวมรองเท้าแตะที่วางไว้อยู่หน้าประตู จากตรงนี้เห็นชัดเจนว่าเธอมีสีหน้าที่ซีดเผือกมากเพียงใด

   "ใช่"

   แล้วผมก็ปิดประตูลง

   เราสองคนเงียบตลอดทางจนถึงห้องพัก ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงที่วางกระเป๋าจองไว้ ส่วนที่หนึ่งเดินทั่วห้องเพื่อหารีโมตมาเปิดแอร์ให้ ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอบไม่กล่อมให้ผมรู้สึกเคลิ้มหลับได้เลย

   "เมื่อกี้น่ากลัวชะมัด" ที่หนึ่งขึ้นมานั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้างของผม

   "อะไร?"

   "โรมน่ากลัว"

   "น่ากลัวตรงไหน" ผมทำหน้าย่นใส่คนที่บอกว่าผมน่ากลัว "ทั้งชีวิตไม่เคยมีใครพูดอย่างนั้น"

   "ดีจังที่เป็นคนแรกที่บอกกับโรมอย่างนี้"

   "อย่ามาประสาทนะหนึ่ง"

   "ครับ"

   เขายิ้มอีกแล้ว ยิ้มจนผมนึกอยากถามว่าไม่เมื่อยรึไงที่ยิ้มอยู่นั่น

   "ชิ จะนอนแล้วนะ อย่ามากวนล่ะ" คว้าผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมตัวไว้ ข่มตาให้หลับโดยไวจะได้ไม่ต้องเจอหน้าผู้ชายจอมกวนประสาทอีก

   "โรมครับ อย่าเพิ่งนอนสิ"

   "ห้ามได้?"

   "โรมครับ"

   "..." เอาเลย จะพูดคนเดียวก็เชิญ

   "เมื่อกี้หนึ่งดีใจมากเลยนะ"

   ตลอดเวลาที่ผมคุยกับเขามา ถ้าไม่แทนตัวเองว่าผมก็จะใช้คำว่าเราเสมอ ที่หนึ่งไม่เคยขึ้นมึงกูกับผมเลยสักครั้ง และตอนนี้เขากำลังเรียกตัวเองด้วยชื่อที่ผมใช้เรียกเขา

   "ที่โรมเลือกมากับหนึ่งน่ะ"

   "ใครเลือกนาย อย่ามาโมเม"

   "ไหนบอกจะนอน ถ้านอนแล้วห้ามตอบสิ"

   ผมกรอกตาใส่ เจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่งล่ะคนนี้

   "จะนอนไง ยังไม่นอน" ผมกวนตีนกลับแบบไร้ซึ่งความมีเหตุผล เรียกได้ว่าเถียงข้างๆ คูๆ เลยแล้วกัน

   "ไม่กวนแล้วครับๆ"

   ผมหลับตาลงอีกครั้ง ซุกตัวอยู่ในเตียงสีขาวที่ไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป

   "ถ้าหลับแล้วห้ามตอบอีกนะ"

   "..."

   "แอบชอบมาตั้งแต่มอห้าแล้วรู้ไหม" เขาตอบในคำถามที่ผมยังถามไม่จบตอนนั้น ที่หนึ่งไม่ได้สัมผัสตัวผมมากไปกว่าการจัดองศาของหมอนให้ขยับลงมาอีกหน่อย ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่จะพูดต่อ "หลับฝันดีครับ 'ของผม' "

   ดูสิ แล้วจะให้ผมหลับลงได้ยังไงกัน


***
มีต่อนะคะ

ออฟไลน์ 23August

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-2
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #172 เมื่อ23-10-2015 23:24:43 »


   เรื่องเล่ามักได้รับความสนใจมากกว่าเรื่องจริงเสมอ

   ผมจำไม่ได้แล้วว่าเน็ทหรือแบล็คเคยพูดเรื่องนี้ และเป็นผมเองที่ค้านหัวชนฝาว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ตอนนี้ผมอยากกลับไปสนับสนุนคำพูดนั้นชะมัด

   "โอเคไหม?"

   ผู้ชายที่นั่งบนเก้าอี้ตัวถัดไปจากผมถามขึ้น ซึ่งเป็นคำถามเดิมที่เขาเพิ่งถามผมเมื่อสามนาทีที่แล้ว

   "กูไม่เป็นไร" ผมตอบกลับนิ่งๆ เหลือบตามองกลุ่มผู้หญิงปีสามที่นั่งรวมกลุ่มอยู่โต๊ะถัดไป ถ้าจะจ้องมาทางผมขนาดนั้นก็เดินเข้ามาหาเลยดีกว่าไหม

   "เฮ้อ ไม่คิดว่าเฟรนด์จะพูดอะไรอย่างนั้นออกไป"

   ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่า ได้เวลาทานมื้อเย็นพอดี ผมกับที่หนึ่งมายังห้องอาหารเพื่อพบกับบรรยากาศที่แสนประหลาด ทุกคนจ้องมาทางเราตอนที่เปิดประตู ผมคิดว่าเขาคงมองที่หนึ่งแสนฮอตที่หายไปตลอดช่วงบ่าย และนั่นเป็นความคิดที่ผิดเมื่อน้องสายที่โดนแกล้งสารพัดจนหน้าเต็มไปด้วยรอยแป้งและลิปสติกเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

   'พี่โรมดังแล้วรู้ไหม'

   นั่นคือคำเกริ่นเข้าเรื่อง วีเล่าเรื่องแบบกระชับให้ฟังจับใจความได้ว่า หลังจากที่ผมกับที่หนึ่งกลับไปยังห้องของตัวเองเฟรนด์ก็เอาแต่ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังจนทุกคนตกใจ พอมีคนถามหาสาเหตุก็เล่าว่าผมให้ความหวังแล้วก็ไปหักอกเขา ไม่ยินดียินร้ายกับความรู้สึกของเธอเลยแม้แต่น้อย

   ทั้งที่เรื่องจริงผมแค่ตอบเธอไปว่า 'ใช่' เองนะ

   "พี่ไม่เป็นไรแน่นะ"

   ตอนนี้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามของผมคือวี เขาให้แยกนั่งตามสายรหัสได้ในเวลาทานอาหาร ที่หนึ่งน้องสายปีหนึ่งไม่มารับน้องเห็นว่าติดประกวดอะไรสักอย่าง ดีจังเลยนะ ไม่เหมือนน้องสายที่ล่องไปลอยมาของผม

   "มึงก็เห็นว่ากูปกติดี"

   "ปกติจนเกินไปดิพี่ อะ ชิ้นนี้ผมให้นะ" ตักทอดมันปลาชิ้นใหญ่จากจานตัวเองมาไว้ในจานผม ปลื้มใจจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้ว่าเด็กผีที่ร้องหาของฟรีทุกครั้งที่เจอจะมีน้ำใจกับเขาด้วย "พอดีผมตักมาเยอะไปอะ"

   "..."

   ขอบคุณตัวเองที่ยังไม่ถ่ายรูปตามที่คิด

   "พี่โรมไม่กินทอดมัน" ที่หนึ่งท้วงขึ้นมาพลางตักทอดมันไปไว้ในจานของตัวเอง แล้วยกไก่ทอดน่องใหญ่มาให้ผม

   "กูกินนะ"

   "กินแต่ทอดมันกุ้งไม่กินทอดมันปลา"

   ไร้ข้อโต้เถียงใดๆ ถึงผมจะชอบเนื้อปลาเป็นทุนเดิม แต่ทอดมันปลาเป็นข้อยกเว้นเพราะมันเผ็ดเกินไปสำหรับเด็กกินจืดแบบผม เคยลองฝืนใจกินเข้าไปแล้วนอนปวดท้องอยู่ในห้องเป็นวัน เข็ดตลอดกาล

   "วีเอาน้ำเปล่าหรือน้ำแดง"

   "น้ำเปล่าพี่ ขอบคุณครับพี่ที่หนึ่ง" ทั้งที่น้ำในแก้วของคนถามยังไม่พร่อง เขาคงเห็นว่าน้ำในแก้วของผมหมดเกลี้ยง ที่หนึ่งเลยคว้ามันไปพร้อมกับถามน้องรหัสของผม

   "พี่ไม่เครียดจริงนะ?"

   "ไม่อะ ปกติมาก"

   ผมไม่รู้ว่าจะเครียดไปทำไม ถึงจะมั่นใจได้ว่าตอนนี้ 'เรื่องเล่า' คงจะกระจายไปทั่วอย่างไม่มีใครห้ามอยู่ เมื่อคนที่รู้เรื่องจริงมีแค่สามคน แต่คนที่รู้เรื่องเล่ามีเกือบร้อย จะให้ลุกขึ้นสู้คงเป็นความคิดที่บ้าบิ่นจนเกินไป

   น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ จริงไหมล่ะ

   นี่ขนาดเป็นน้ำบริสุทธิ์ 99.9% เลยนะ

   "พี่ทำได้ไงวะ"

   "มึงช่วยกินให้หมดก่อนพูดได้ป่ะ" ผมทำหน้าเอือมระอาเต็มทน "คนเห็นอย่างกูโคตรอนาถใจ"

   เจอผมบ่นไปวีเลยจัดการเคี้ยวข้าวในปากจนหมด "ตอนแรกผมนึกว่าพี่คุยๆ กับพี่เฟรนด์อยู่ เห็นอัพในเฟสบ่อย แต่ตอนอยู่ในห้องพยาบาลผมก็ไม่เห็นว่าพี่จะสนิทกันขนาดนั้น"

   "ก็ใช่ไง กูไม่ได้สนิทกับเขาขนาดนั้น"

   วีทำหน้าเหยๆ เขามองซ้ายขวาเพื่อสอดส่องว่ามีใครได้ยินคำที่ผมพูดออกมารึเปล่า "เบาๆ ดิพี่ เดี๋ยวก็ได้มีคนมาดักตบหรอก"

   ไหล่ผมไหวขึ้นลง สนใจเพียงอาหารเย็นที่อยู่ตรงหน้า อาจคิดว่าผมติดนิสัยนี้มาจากเน็ท ความจริงแล้วเน็ทอาจติดนิสัยนี้ไปจากผมมากกว่า ถ้าผมไม่ผิดก็จะไม่ยอมก้มหัวขอโทษ ถึงอย่างนั้นผมจะไม่พูดความจริงออกไปถ้าทำแล้วเสียเวลาเปล่าเช่นกัน

   "โรม"

   ผมเงยหน้าขึ้นมาหาต้นเสียงที่กลับมาพร้อมแก้วน้ำในมือทั้งสองข้าง ที่หนึ่งกับใบหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่บอกผมว่าเขามีเรื่องกังวลอะไรในใจอยู่

   "สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลยล่ะ"

   "เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่ที่หนึ่ง"

   "เมื่อกี้กลุ่มนั้นเขามาถามพี่" กลุ่มนั้นที่ว่าคือกลุ่มที่จ้องผมมาตั้งแต่หย่อนตัวนั่งลงตรงนี้ "ดูเหมือนเรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่แล้ว"

   "เล่ามาหนึ่ง" ผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มด้วยท่าทีสบายๆ ไม่เดือนร้อนอะไรกับเรื่องดราม่าที่มีตัวเองเป็นตัวละครหลัก

   "มันกลายเป็นฟันแล้วทิ้ง"

   กลืนน้ำลงคอได้ทันก่อนที่จะพุ่งออกมา มองผู้ฟังอีกคนที่อ้าปากค้าง ตอนนี้เรื่องเล่าถูกเอาไปแต่งเพิ่มจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมซะแล้วสิ เป็นการรีเมคที่เกินคาดไปหน่อย

   "งั้นเหรอ"

   "หน้าอย่างพี่เนี่ยนะ เต๊าะสาวยังทำไม่เป็นเลยมั้ง"

   "มึงยังอยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อใช่ไหม?" ทำหน้าเหี้ยมใส่คนที่ปากพล่อยจนอีกฝ่ายปิดปากสนิท

   "แฮะๆ นั่งครับ"

   "เอาไงดีล่ะ หนึ่งว่าปล่อยไว้จะยิ่งแย่นะ"

   จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ได้อีกรึไง ก็นั่นแหละ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยจินตนาการเสริมอย่างนี้มากเท่าไหร่ กองไฟถ้าไม่มีคนเติมเชื้อ เดี๋ยวก็มอดไปเอง

   "ปล่อยไป ยังไงพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว" การรับน้องในครั้งนี้ใช้เวลาเพียงสองวันหนึ่งคืน ที่หนึ่งเล่าว่าปีหลังๆ ปีหนึ่งบ่นไม่อยากขาดเรียนวันศุกร์ถ้าค่ายมีสามวัน ปีนี้เลยตัดปัญหาโดยการจัดแค่เสาร์อาทิตย์ ผมหลับไปอีกตื่นพรุ่งนี้ก็กลับไปสู่โลกเดิมของผมแล้ว นี่มันก็แค่โลกชั่วคราว

   "ได้ไงอะพี่!?" วีไม่เห็นด้วยกับความคิดของผมชัดเจน "มันไม่แฟร์กับพี่เลยนะ"

   "แล้วอย่างไหนเรียกว่าแฟร์?"

   ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่ข้าวในจานยังเหลือเกือบครึ่งแต่ผมก็ไม่มีอารมณ์จะยกมือขึ้นตักแล้ว

   "ก็..."

   "ความยุติธรรมมันไม่มีอยู่จริงหรอก" ยักไหล่ขึ้นประกอบว่าผมไม่สนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ต้องขอบคุณสามหน้ากระดาษเอสี่ที่ถูกอัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความยุติธรรมที่ผมใช้ส่งประกอบกับรายงาน พอได้อ่านจริงเลยเข้าใจคำพูดที่ว่าความยุติธรรมไม่มีอยู่จริงของแบล็คแบบแจ่มแจ้งเลยล่ะ "ใครมีอำนาจ นั่นแหละคนที่กุมความยุติธรรมไว้ในมือ"

   ตอนนี้ผมเป็นแค่ผู้โดนร้องทุกข์กล่าวโทษที่โดนสังคมตัดสินไปแล้ว ทั้งที่เรื่องยังไม่มีการขึ้นศาลเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นต่อให้ผมปฏิเสธกับสังคมมากเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ ทางเดียวที่ผมจะชนะในคดีนี้คือให้ผู้พิพากษาตัดสิน
น่าเสียดายที่ผมไม่มีผู้พิพากษาอยู่ที่นี่

   "โรมครับ"

   "ว่าไง"

   "เมื่อกี้บอกว่า ใครมีอำนาจเป็นคนถือความยุติธรรมใช่ไหม"

   จะผิดไหมถ้าผมกำลังคิดว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนแสนดีอย่างที่คิดมาตลอด

   "หยุดความคิดไว้ตรงนั้นเลยนะหนึ่ง" ต้องรีบห้ามก่อนที่สิ่งที่ผมกลัวจะเกิดขึ้น ถึงผมจะไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อที่หนึ่งมากนัก ผมก็ยังกล้าพูดว่าผู้ชายคนนี้จะไม่หยุดที่การพูด เขาพร้อมจะลงมือทำจริง

   "อ้าว นี่ใจเราสื่อถึงกันอยู่เหรอถึงรู้ว่าคิดอะไรอยู่" คำหยอดของเขาเรียกรอยบึ้งบนใบหน้าของผมได้อย่างดี หันมาหาวีเผื่อว่าน้องเล็กสุดจะเป็นแนวร่วมให้ผมได้ เด็กผมบลอนด์มองหน้าผมกับที่หนึ่งสลับไปมาด้วยสีหน้าสับสน มันควรเลือกที่จะอยู่ข้างผมอย่างไม่ลังเลไม่ใช่รึไง

   "ขอโทษนะพี่ แต่ผมเห็นด้วยกับพี่ที่หนึ่ง" นั่นไงล่ะ เดาผิดเสียที่ไหน "ผมไม่ยอมให้พี่รหัสตัวเองโดนเข้าใจผิดอย่างนี้หรอก"

   "กูว่าคนที่โดยพาดพิงคือกูนะ ทำไมคนอื่นถึงเดือดร้อนแทนจัง"

   "เพราะเป็นโรมไง"

   "เพราะเป็นพี่ไง"

   สองเสียงประสานขึ้นในระยะเวลาเดียวกัน ผมเลยถอนหายใจออกมาแรงๆ ให้รู้ว่าผมไม่ซาบซึ้งกับความหวังดีของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย จัดการดื่มน้ำจนหมดแก้วลุกขึ้นไปเก็บจานข้าวตรงมุมห้อง ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องตลอดการเดิน มีบ้างที่ทำเป็นพูดลอยๆ ให้ผมได้ยิน

   มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่น่าเบื่อ

   ตอนดึกเป็นกิจกรรมแสดงละครของชั้นปีหนึ่ง ต่อด้วยการบายศรีสู่ขวัญ ความจริงผมตั้งใจจะกลับห้องตั้งแต่หลังกินข้าวเสร็จแล้วล่ะ ที่หนึ่งบังคับให้อยู่ผูกข้อมือให้น้องก่อน ถามจริงเหอะว่าจะมีน้องคนไหนอยากให้ผู้ชายธรรมดาแสนจืดชืดอย่างผมผูกสายสิญจน์ให้บ้าง อย่าเอาตัวเองเป็นเกณฑ์สิครับรองเดือนมหาลัย

   "ละครน่าประทับใจใช่ไหมล่ะพี่"

   "แอคติ้งชนะเลิศสุดแล้วมึงอะ" ผมผลักหัวเด็กน้อยที่ยิ้มระรื่น เมื่อกี้ปีหนึ่งแสดงละครเรื่องสโนว์เรนโบว์กับคนสูงทั้งเจ็ด เนื้อหามั่วอย่างที่ถ้าดิสนีย์มาเห็นคงอยากจะเผาบททิ้ง วีรับบทเป็นเจ้าชายที่ตามหาสโนว์เรนโบว์ (คนพากย์ให้เหตุผลว่าสโนว์แบล็คหรือสโนว์ไวท์มันเบสิคเกินไป น้องผู้หญิงที่รับบทนี้ต้องเอาผ้าสีๆ มาผูกเอวเจ็ดชั้นจนผมนึกว่าเป็นต้นโพธิ์ขอหวย) หลังจากที่พิชิตแม่มดใจร้ายด้วยกล้องฟรุ้งฟริ้งระดับสิบเพื่อให้เชื่อว่าไม่มีใครงามเลิศได้เท่านางอีกแล้ว พอเจอเจ้าหญิงอยู่กับคนสูงทั้งเจ็ดก็เลยเลือกที่จะกลับเมืองมือเปล่าเพราะนางเอกมีฮาเร็มผู้ชาย ตอนที่ได้ยินคำว่าแล้วเจ้าหญิงก็อยู่กับคนสูงทั้งเจ็ดอย่างมีความสุขนี่เกือบตะโกนด่าไปแล้วว่ามึงเล่นง่ายๆ อย่างนี้จริงเหรอ

   "ผมเท่ใช่ไหมล่ะ"

   "เนื้อเรื่องจัญไรสุด"

   "โธ่ คิดตั้งนานเลยนะ ตอนแรกผมจะให...โอ๊ยพี่! เจ็บนะเว้ยยย"

   ยังไงผมก็รำคาญเสียงของมัน จัดการหยดน้ำตาเทียนลงบนข้อมือที่ยื่นมาให้เตรียมผูกสายสิญจน์ลงอย่างเลือดเย็น ไม่ใช่แค่หยดสองหยดนะ ผมนับได้เกือบสิบเลยล่ะ

   "ฮื้อออ แขนที่ผมเฝ้าถนอมรักษา"

   "อยากได้อีกใช่ป่ะ มา"

   วีดึงมือของตัวเองกลับไปเก็บอย่างรวดเร็ว เสี้ยวหน้าที่สะท้อนกับแสงไฟจากเทียนแสดงออกชัดว่าหวาดระแวงผมเต็มที่ นานๆ ทีให้ได้แก้เผ็ดคืนบ้างเถอะ

   "พี่ที่หนึ่ง พี่โรมแกล้งผมอะ" หันไปฟ้องคนที่นั่งอยู่ต่อจากผมอีกแล้ว ทั้งวันผมไม่ต้องมีเพื่อนคนอื่นเลยอะ ที่หนึ่งตามติดยิ่งกว่าเงาตามตัวอีก ที่บอกอย่างนั้นก็คือเงามีเฉพาะตอนที่มีแสงส่วนที่หนึ่งนี่อยู่ตลอดเวลาไม่หายไปไหน

   "ย้ายมาอยู่สายพี่ไหมล่ะ เลี้ยงดีแน่นอนพี่รับประกัน"

   มีการเปิดข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธอีกด้วย แค่ได้พี่สายเป็นที่หนึ่งก็มีคนกรูแย่งแล้ว นี่อีกฝั่งยังมองเขาเป็นไอดอลขั้นสุดอีก สายรหัสสี่ปีจะเหลือผมคนเดียวก็งานนี้แหละ

   "ย้ายตอนนี้เลย พี่โรมชอบแกล้งผมอะ หัวใจดวงน้อยๆ ของน้องวีมันโดนทำร้ายจนเกินจะทนแล้ว"

   "เออ ไปเลยมึง"

   "พี่ควรจะง้อผมหน่อยดิ"

   "ไม่อะ อยากไปก็ไปเลย"

   ที่หนึ่งหัวเราะร่า เขาดูผมกับวีเถียงกันไปมาโดยเข้ามาแทรกประเด็นเป็นพักๆ

   "โห่ย ไม่ไปหรอกน่า ผมรักพี่สายของผมจะตายไป"

   ทำไมคำว่ารักของวีมันทำให้หนังตาผมกระตุกแปลกๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พูดเขาไม่มองหน้าผม นัยน์ตาขี้เล่นคู่นั้นมองไปหาผู้ชายแสนดีอย่างไม่ปิดบัง ฉีกยิ้มที่ดูยังไงก็เคลือบไปด้วยยาพิษให้อีกฝ่าย

   "รักมากด้วยนะพี่"

   "กูซึ้งใจมาก ขอบคุณ กูไปนอนแล้วล่ะมึง ง่วง"

   เอาทุกอย่างให้จบในประโยคเดียวก่อนที่ที่หนึ่งจะหลุดปากพูดอะไรออกมาอีก หลังจากที่วันนี้เขาท็อปฟอร์มจนผมอยากจะมอบโล่เกียรติคุณให้

   "ไปด้วยสิ"

   สิงร่างได้คงสิงไปแล้ว ผมปลีกตัวออกมาจากความวุ่นวายในห้องประชุม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมไฟฉายเพื่อส่องไปตามทาง รีสอร์ตอย่างนี้สัตว์อันตรายเยอะ แบล็คบอกไว้

   "โรมครับ"

   "หืม?" เสียงฝีเท้าสองคู่สลับกับถูกแทนที่ด้วยเสียงเรียกจากเขา ผมไม่ได้หันไปมองหน้าต้นเสียงที่เดินเคียงคู่กันมาเพราะทางข้างหน้ามืดลงจนน่ากลัว สงสัยหลอดไฟจะขาด

   "...ไม่มีอะไร"

   เอากับเขาสิ เรียกแล้วก็มาบอกว่าไม่มีอะไร คนประเภทนี้ร้อยทั้งร้อยมีอะไรในใจอยู่ชัวร์

   "มีอะไรก็พูดมา"

   "พูดได้เหรอ"

   "มีใครเอากาวไปติดปากรึไงล่ะ"

   ถ้าผมอยู่กับที่หนึ่งนานๆ ผมว่าตัวเองจะต้องประสาทเสียเข้าสักวัน เขาไม่เหมือนเน็ทที่พูดออกมาตามที่คิดเสมอ ไม่เหมือนไวท์ที่พูดนับคำได้ ผมไม่รู้วิธีการรับมือกับคนประเภทนี้เลย

   สงสัยมีคนเอากาวไปติดปากเขาอย่างที่ผมบอก ที่หนึ่งไม่ได้พูดอะไรออกมาหลังจากนั้นอีก ใช้เวลาอีกพักเดียวก็เห็นบ้านพักที่เปิดไฟสว่างไว้ สงสัยใครกลับมาก่อนแล้วล่ะมั้ง ผมยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนแรงรั้งหนึ่งทำให้ผมต้องหยุดเดินแล้วหันมาส่องไฟใส่หน้าเขา

   "จะดึงเสื้อทำไม"

   "คือ..."

   "กาวหลุดหมดแล้วเหรอ มีอะไรก็ว่ามา" ทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย ผมอยากจะอาบน้ำแล้วทิ้งตัวลงเตียงใจจะขาดแล้ว

   "ไปเดินเล่นกันก่อนได้ไหม?"

   ใบหน้าที่กระทบแสงเพียงครึ่งซีกทำเอาผมขมวดคิ้ว มันไม่ได้กังวลหรือลังเลใจ กลับกันผมเห็นแต่ความกระสับกระส่ายในนั้น

   "จะบ้ารึไง มาอารมณ์สุนทรีย์อะไรตอนเที่ยงคืนครับคุณที่หนึ่ง?"

   "ไปเถอะน่า นะ" เขาดึงชายเสื้อของผมอีกครั้ง คราวนี้ใช้แรงมากกว่าเมื่อกี้อีก ถ้าเสื้อผมย้วยไปจะให้เขารับผิดชอบพร้อมดอกเบี้ยสูงติดเพดานเลยคอยดู

   "ไม่ จะนอน"

   "โรมครับ ไปกับหนึ่งนะ" ถ้าเป็นเวลาปกติที่สติสมบูรณ์พร้อมผมคงยอมตามไปแล้วล่ะ คือตอนนี้สติผมหมดไปหกสิบห้าเปอร์เซนต์แล้ว ในหัวมีแต่คำว่า นอน นอนและนอน

   "ไม่"

   "ตามมาเหอะน่า"

   คราวนี้ไม่จับชายเสื้อแต่ฉวยข้อมือของผมไว้ ออกเดินไปอีกฟากหนึ่งของรีสอร์ตโดยไม่ห่วงคนที่ต้องก้าวตามกะทันหันแบบผมเลยแม้แต่น้อย เขากำข้อมือของผมไว้แน่นจนสะบัดยังไงก็ไม่หลุด

   "หนึ่ง! ปล่อย!"

   "น้องโรม เงียบก่อน!"

   "..."

   ผมเงียบตามที่เขาบอกด้วยสองสาเหตุ อย่างแรกคือเสียงรอดไรฟันที่ออกมาบอกถึงระดับความเครียด อย่างที่สองคือสรรพนามที่เขาใช้เรียกผม เขารู้ชื่อที่ใช้กันเฉพาะในกลุ่มของผมได้ยังไง

   ผมมองแผ่นหลังของคนที่ยังไม่หยุดก้าว ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นจนเป็นกลุ่มคำถามขนาดใหญ่

   "ที่หนึ่ง! หยุดเดินเดี๋ยวนี้นะ"

   คำสั่งไม่ได้ออกมาจากปากของผม ตวัดหน้าไปหาเจ้าของเสียงที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาแล้วได้คำตอบของอาการแปลกๆ ของที่หนึ่งทั้งหมด

   น่าจะเกิดจากการที่ผมเอาแต่ก้มมองพื้นตอนเดินกลับห้อง เลยไม่รู้ว่ามีใครอีกคนรออยู่หน้าห้องพัก ที่หนึ่งคงเห็นเฟรนด์ก่อนแล้วเลยหาเรื่องเฉไฉพาผมออกจากพื้นที่ตรงนั้น ไม่ควรดื้อเลยผม!

   ลัดเลาะมาถึงทางเข้า อีกฟากของถนนเป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่อง มองซ้ายขวาแล้วไม่มีรถแล่นมาเขาก็พาผมข้ามไปยังอีกฝั่งโดยเร็ว เสียงเฟรนด์ยังคงไล่หลังในขณะที่คนตรงหน้าไม่ยอมหยุดเดิน

   ไม่ชอบบทของตัวเองเลยให้ตาย

   ร่างกายที่ถูกใช้มาทั้งวันเริ่มประท้วงขอการพักผ่อน ผมเองก็อยากจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้จบๆ ไปดีกว่าต้องหลบหน้าหรือวิ่งหนีกันอย่างนี้อีกเลยตัดสินใจเรียกคนที่ยังคงจับมือผมไว้แน่น

   "หนึ่ง หยุด" ผมบอกเขาเสียงเรียบ ที่หนึ่งหันมามองหน้าผมด้วยใบหน้างุดงง "เรื่องของเรา เราจัดการเอง"

   "แต่..."

   "ใครเริ่ม คนนั้นต้องเป็นคนหยุด"

   "ไหวนะ?"

   "อยู่แล้ว" ยามที่หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้น ใจผมมีแต่ความว่างเปล่า ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยามมองใบหน้าที่ดูอ่อนล้ายังไงดี

   นี่เหรอ 'ความรัก'

   "เฟรนด์" ไม่รอให้อีกฝ่ายขานรับ ผมก็พูดต่อไปทันที "ผมจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเย็น เรื่องเดียวที่ผมจะพูดคือขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด ขอโทษที่ผมมองคำว่าเพื่อนกว้างเกินไป"

   "โรม..."

   "เฟรนด์เป็นเพื่อนของผม"

   ใบหน้าที่ส่ายไปมาอย่างคนไม่ยอมรับคือคำตอบที่ผมคาดเดา "ไม่นะโรม ทำไมล่ะ"

   "มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ"

   "จะบอกว่าที่ผ่านมาคือเราคิดไปคนเดียวอย่างนั้นเหรอ ง่ายไปไหม?"

   "อืม ง่ายอย่างนั้นแหละ"

   "!"

   ผู้หญิงตัวเล็กโน้มตัวเข้ามาเตรียมพร้อมจะทำร้าย ผมก้าวถอยหลังเพื่อหลบ เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนพุ่งตัวออกไปป้องกันไว้ให้

   "มีสติหน่อยเฟรนด์!"

   "ไม่! นายทำอย่างนี้กับเราได้ยังไง!!

   ที่หนึ่งกำมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้แนบอก คำที่พร่ำบอกพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมายิ่งทำให้เรื่องราวดูแย่เข้าไปใหญ่

   "มัน ฮึก ไม่ยุติธรรมกับเราเลย..."

   "แล้วมันยุติธรรมกับโรมหรือไงที่ถูกใส่ร้ายอย่างนั้น?"

   "หนึ่ง" ผมเรียกชื่อเขาเป็นการห้ามทัพ ใบหน้าหล่อเจือแววหงุดหงิดบอกว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นมากไม่ใช่น้อย "จะไม่มีการโทษว่าใครผิดที่นี่ ไม่มีใครเป็นผู้พิพากษาตัดสิน"

   "เมื่อกี้ใครพูดว่าผู้พิพากษารึเปล่า"

   "..."

   หัวใจผมเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว กลิ่นของยาเส้นแสบจมูกที่ลอยมาตามสายลมเป็นสัญลักษณ์ว่าใครคือผู้มาใหม่

   "ถ้าเป็น 'ว่าที่' ไม่ทราบว่าคู่ความจะยอมให้เปิดการพิจารณารึเปล่าครับ?"


***
   น้องเล็กมักใจร้าย ทุกคนบ่นน้องจนไม่เหลืออะไรให้เจ้าบ่นต่อแล้วค่ะ (ฮา) มาดูกันยาวๆ ว่าที่หนึ่งจะจีบน้องเล็กเอาแต่ใจยังไงต่อไปเนอะ (ยิ้ม)
   พอดีเจ้าไม่มีความรู้เรื่องกฎระเบียบในเล้ามากนัก รบกวนสอบถามว่าถ้าเป็นคู่ธรรมดา (ชาย-หญิง) จะสามารถลงควบคู่ไปได้รึเปล่าคะ? เพราะถ้าไม่ได้เจ้าคงต้องวางโครงเรื่องใหม่เยอะเหมือนกัน รบกวนด้วยนะคะ /โค้ง
   ขอบคุณทุกคำติชม กดบวก เช่นเดิมเจอคำผิดตกหล่นทักได้เลยนะคะ
   ไว้เจอกันใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ mira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #173 เมื่อ24-10-2015 00:26:02 »

เรื่องการลงส่วนของคู่ธรรมดา (ชาย-หญิง) นั้น คุณคนเขียน ลองส่งข้อความไปถามคุณผู้ดูแล คุณ oaw_eang, คุณ Junrai_Hyper™, คุณ THIP, คุณ Poes คนใดคนหนึ่งดูค่ะ ว่าลงได้หรือไม่  โดยอาจจะส่งโครงเรื่อง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่วางไว้ ฯลฯ ให้คุณผู้ดูแลดูจะได้ตัดสินได้ว่าลงที่เล้าได้หรือไม่ หรือควรแก้ไขตรงไหนค่ะ

แต่เหมือนเคยเห็นว่า คู่ธรรมดา ชายหญิง ที่เป็น "ส่วนหนึ่ง" ของเรื่อง ก็มีอยู่บ้างนะคะ  แต่โครงเรื่องเน้นหนักที่ ชาย ชาย มากกว่า ชาย หญิง    อาจจะยังไม่ถึงขนาดต้องวางโครงเรื่องใหม่ก็ได้ค่ะ

ออฟไลน์ painture

  • work hard play hard <3
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #174 เมื่อ24-10-2015 01:24:35 »

ชอบที่หนึ่งจังเลย
ปวดหัวอ่อนเพลียกับเฟรนมาก !

มโน

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #175 เมื่อ24-10-2015 01:42:50 »

ผู้หญิงคนนั้นดูน่าสงสาร


จนกระทั่งยอมปล่อยให้ข่าวใส่ร้ายป้ายสีรั่ว

#ผู้ชายไม่พูดออกมาก็จงอย่ามโน

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #176 เมื่อ24-10-2015 06:22:54 »

นี่แหละความลำบากของผู้หญิงขี้มโน รักเองเจ็บเองโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยพูดหรือแสดงอะไรที่มันชัดเจน :เฮ้อ:
ไม่ซ้ำเติมเธอนะเฟรนด์ แต่เลิกแล้วต่อกันเถอะ เขาไม่รักก็ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าทำอะไรที่มันดูไม่ดีอย่างใส่ร้ายอีกฝ่ายเลย มันจะยิ่งมองหน้ากันไม่ติด :katai1:
ที่หนึ่งแสนดีอ่ะ อยู่ข้างๆตลอดเลย น้องโรมใจอ่อนเร็วๆนะ ว่าแต่ใครมาอ่ะ จะมาช่วยน้องโรมใช่ไหม อิอิ :z1:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #177 เมื่อ24-10-2015 08:30:33 »

ใครมาๆๆ??
จริงๆที่หนึ่งน่าจะทุกข์ร้อนบ้างอะไรบ้าง ความคิดที่ว่าคงไม่เป็นอะไรเนี่ยทำคนฉิบหายมาเยอะ และตอนนั้นก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คนกำลังแค้น กำลังเสียใจทำอะไรก็ได้นะรู้ไหม

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #178 เมื่อ26-10-2015 12:54:01 »

นายแบล็คออกมาแล้ว เหมือนไม่ได้เจอกันมาหลายตอนเลย 555

น้องโรมนี่ก็โลกส่วนตัวสูงเหมือนกันนะเนี่ย ไม่ค่อยจะสนใจใครเท่าไหร่
ใครเข้ามาก็ถูกจัดอยู่ในเฟรนด์โซนกระทั่งเฟรนด์ก็ด้วย 55 สาวขี้มโน น้องโรมเขาเฉยๆ ไปตีว่าเขามีใจ
แถมยังปล่อยให้เรื่องใส่ไข่ออกมาซะโรมเสียหมด

รอวันน้องโรมใจอ่อน

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: "ที่หนึ่ง" : บทที่ 7 [23.10.15]
«ตอบ #179 เมื่อ26-10-2015 22:22:20 »

อ้ะ ๆ ประโยคสุดท้าย พ่อตาแบล็ค มาช่วยลูกโรม&ว่าที่ลูกเขยแล้วใช่ไหม เย้ ๆ
มาอย่างเท่ห์อีกแล้วอ่ะ (ลำเอียงตลอดเรา แบล็คทำอะไรก็ว่าเท่ห์ไปหมดอ่ะ 555)
อยากรู้ว่า แบล็คจะจัดการกับเฟรนด์ยังไง เจอผู้หญิงอย่างนี้ เหนื่อยใจแทนโรมจริง ๆ
น้องวี ทำตัวน่ารักมาตลอด ๆ แต่ตอนที่บอกรักพี่โรมมาก ๆ แต่จ้องหน้าที่หนึ่งนี่ คืออะไร หา?
หวังว่าคงไม่มาเป็นศัตรูหัวใจที่หนึ่งอีกคนหรอกนะ แต่ถ้าแค่หวงพี่โรมแบบหวงพี่ชาย อันนี้ไม่เป็นไรนะ
ส่วนคนที่เวลรอคอยนี่ คือไวท์งั้นเหรอ ผิดคาดไปเลย คิดว่ารอหนุ่มน้อยที่ไหนซะอีก แหะ ๆ
แต่ก็โอเคนะ เพราะอ่าน ๆ ไป ไม่ค่อยรู้สึกว่าไวท์เป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่อ่ะ บอกเลย 555
ส่วนเรื่องคู่ชาย-หญิง ลงควบคู่ไป ก็พอเห็นเรื่องอื่นมีอยู่เหมือนกันนะคะ คือเป็นคู่รอง ๆ ไม่ใช่คู่หลัก
แต่ถ้าไม่แน่ใจ ถามผู้ดูแลอีกทีน่าจะดีกว่าค่ะ
อยากอ่านตอนต่อเร็ว ๆ พี่แบล็คของเรามาแล้วววว  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด