ตื่นมาอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงคนคุยกันฟุ้งเลย ผมไปอาบน้ำพร้อมพวกมัน เลี่ยงให้ห่างจากไอ้ห้องนั้น แต่ตอนเช้าๆผมไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่
“ตกลงมึงจะเล่าได้ยัง”ไอ้ภูถามสีหน้าอยากรู้ ตอนนี้แต่งตัวในชุดนิสิตเรียบร้อยที่สุดที่ผมเคยใส่เลย ไอ้ภูกับไอ้ตินเองก็เช่นกัน หล่อเนี้ยบจริงๆ โดยเฉพาะไอ้ตินนี่แอบมองเพลินเลย
“พวกมึงอ่ะทิ้งกู นิสัยแม่ง…”ผมก็เล่าให้พวกมันฟังว่าผมเห็นอะไร ไอ้ตินเงียบไปเมื่อผมเล่าจบ
“ถึงว่า…”มันทำหน้ามีลับลมคมใน
“ไรวะ”ผมชักกลัวๆขึ้นมาอีกแล้ว
“กูเหมือนรู้สึกว่ามีคนเดินตามว่ะ ตอนที่มึงวิ่งออกมาน่ะ”ผมฟาดไอ้ตินไปหลายที โทษฐานที่ทำให้ผมหลอนมากกว่าเดิม สาบานเลยว่าคืนนี้ผมจะไม่ปวดฉี่หรืออึอีกเด็ดขาด
“มึงไปฉี่รดใครเขารึเปล่า”ไอ้ภูพูดติดตลก พยายามทำให้ผมขำ แต่ผมก็ขำไม่ออกจริงๆ เมื่อจัดการเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาเปิดหอประชุม พวกผมและพวกศิลปกรรมคนอื่นๆ ก็ยืนประจำจุดที่ตัวเองต้องอยู่เผื่อมีน้องๆมาถาม ก็ได้เป็นทางการอะไรมาก ผมเห็นมันสองคนยืนเนียนรวมกับพวกฟิล์มแล้วก็ขำ ดูยังไงพวกมันก็แกะดำชัดๆ หนังหน้าไปไกลกว่าทุกคน โดยเฉพาะไอ้ภู
“แหน่ะๆ ละสายตาจากคุณสามีมึงบ้างก็ได้ มันไม่หายไปไหนหรอก”ไอ้ชายแทรกมา ทำให้ผมกลับมาสนใจพวกมันตามเดิม
“กูมองเด็กคนนั้นต่างหาก มึงเห็นไหม ที่สูงๆน่ะ”ผมทำเป็นชี้ไปที่น้องม.ปลายคนหนึ่งหน้าตาใช้ได้เลย กำลังคุยกับพวกภาคฟิล์มหน้าตาท่าทางสนใจ แต่เผอิญไอ้สองคนนั่นเห็นผมชี้ไปทางน้องคนนั้นพอดี ไอ้ตินเลยทำท่าฉับๆมาให้ผม
“กูว่ามันสองคนรู้ทันมึงนะ ถึงได้ตามมา”ไอ้เคนหัวเราะเหมือนชอบอกชอบใจ แหงล่ะ ไอ้สองคนนี่ทำตัวเหมือนฝาแฝดของผมเลย ไม่ปล่อยให้คาดสายตาสักนาที
หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยได้สนใจพวกมันสองคนแล้วเพราะมีน้องๆเข้ามาถามเยอะ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีทอมด้วยกำลังถ่ายรูปกับโมเดลตึกสำนักงานโปรเจคของผมกับพวกไอ้เคน ไอ้ชายรีบเสนอหน้าเข้าไปทักทายทันที
“มีอะไรสอบถามพี่ได้นะครับ”มันเก๊กเสียงหล่อ
“หนูขอถ่ายรูปกับพี่คนนั้นหน่อยค่ะ”เฮือก ชี้มาที่ผมครับ ตกใจไม่ใช่เพราะว่าชี้ที่ผม แต่ตกใจที่…น้องเป็นสาวสองแน่ๆ แต่ผมมองผ่านๆก็ดูไม่รู้เลยนะ เพราะคล้ายๆทอม ผมยาวเลยติ่งหู ปรกคอน้อยๆ ตัวเล็ก ๆแบบผู้หญิง ผมไม่เข้าใจว่ะ ว่ามันเอากล้ามเนื้อแบบผู้ชายไปไว้ตรงไหน ไอ้ชายทำหน้าตกใจก่อนจะถอยทัพมาเงียบๆ ถ่ายรูปไปสองสามรูป น้องเขาก็ขอไลน์ไว้ติดต่อ บอกว่าสนใจอยากเรียน แต่ไอ้ปลาเข้ามาให้ไลน์ของมันไปแทน
“ถามพี่ดีกว่าค่ะ อย่างมันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก”ผมแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ หันไปเจอไอ้ตินกับไอ้ภูกำลังนั่งมองผมอยู่ ไอ้พวกนี้นี่ก็นะ ผมส่งนิ้วกลางไปให้พวกมัน ก่อนจะไปพัก ยืนจนเมื่อยแล้ว ช่วงบ่ายก็มีเพื่อนคนอื่นมาช่วยแทน ผมเลยมีโอกาสได้เดินดูผลงานของพวกศิลปกรรม เห็นมีโชว์วาดภาพเหมือนด้วย ผมไปยืนมองอย่างสนใจ
“ขอผมลองมือบ้างดิ”ผมสะกิดพี่ที่ยืนดูอยู่ พี่เขาเลิกคิ้วมองผม
“ฝีมือถึงเหรอ”
“โหย ไม่อยากจะคุย ตอนสอบดรออิ้งคะแนนผมก็สูงนะ”ไม่ได้โม้นะเอ้า สูงกว่าไอ้เคนกับไอ้ชายด้วย ความจริงผมจะเลือกลงศิลปะกรรมก็ได้ แต่มันยากและผมเป็นพวกทนเรียนวาด เรียนเพ้นท์นานๆไม่ได้เลย เลือกลงถาปัตย์หลักแทน
“เอางั้นก็ได้”เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ผมก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆอีกคนที่กำลังดรออิ้งน้องผู้หญิงอยู่
“ใครจะเปิดซิงพี่มาเลย”ผมเคาะกระดานวาดรูปเสียงดัง ก่อนจะมองไปรอบตัวที่มีเด็กๆยืนดูอยู่ นี่ถ้าไม่มีคนเสนอตัว ผมจะบังคับมาเลย ฮ่าๆ เล็งไว้แล้วหนึ่งคน
“กูได้ป่ะ”ไอ้ตินนั่งลงตรงหน้าผมพร้อมรอยยิ้ม
“กูจะวาดให้น้อง มึงรอทีหลัง”ผมโบกมือไล่มัน
“ไม่เอา กูขี้เกียจรอ มึงรีบๆวาดดิ”ไอ้ตินกลายเป็นหนูทดลองคนแรกของผม ไอ้ภูเพิ่งเดินมาแซงคิวน้องผู้หญิงไปด้วยสีหน้าดุๆ ผมก็รีบๆลงมือวาด ไม่ได้เก็บรายละเอียดหมดเพราะผมไม่เซียนขนาดนั้น ที่สำคัญฝีมือก็ฝืดๆไปแล้ว เพราะไม่ค่อยได้ดรออิ้งอีกเลย หลังจากที่สอบ
“พี่ชื่ออะไรคะ”อยู่ๆก็มีเสียงใสถามขึ้นมา
“ชื่อฟิกครับ”ตอบพร้อมรอยยิ้ม น้องคนที่ถามยิ้มเขินเล็กน้อย
“หนูหมายถึงคนที่นั่งอยู่อ่ะค่ะ”น้องชี้ไปทางไอ้ติน ครืน~เสียงเศษหน้าผมหล่นลงมาพร้อมกับเสียงฮาครืนจากคนรอบตัว
“พี่ชื่อตินครับ”มันตอบยิ้มๆ พยายามไม่หลุดหัวเราะออกมา
“อ้อ ทำไมถึงชื่อนี้อ่ะ แปลกจังเลย”น้องยังจ้อต่อไป คำถามนี้ผมยังไม่เคยถามมันเลยนะ
“เออนั่นดิ ทำไมถึงชื่อนี้วะ”ผมถามบ้างระหว่างที่ฝนเส้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนเกิดก็ไม่ได้ถามแม่”อ้าว ไอ้นี่กวนตีนล่ะ แต่น้องคนนั้นหัวเราะ บอกว่าไอ้ตินมีอารมณ์ขันดี
“พี่อยู่คณะอะไรเหรอคะ”
“กะ…เอ่อ อยู่ศิลปกรรม ภาคฟิล์มครับ”มันเนียนตอบไป
“เรียนยากไหมคะ”
“ก็...ยากบ้างง่ายบ้าง แต่ถ้ารักในสิ่งที่เราเรียน เราจะยืนในจุดนี้ได้อย่างมีความสุข”อ่ะหือ ตอบแบบนี้ หล่อเป็นกองเชียว ได้ใจน้องคนนั้นไปเต็มๆ แล้วก็ขอถ่ายเซลฟี่กับไอ้ตินไป เอ่อ นี่ผมกำลังสะเก็ตรูปไอ้ตินอยู่นะเฮ้ย มารยาทอ่ะมารยาท
“น้อง เดี๋ยวค่อยถ่ายได้ไหม ไม่เห็นเหรอว่าพี่ทำอะไรอยู่”ผมทำเข้มดุไป น้องคนนั้นทำหน้างอ
“แป๊บเดียวเองค่ะ”ไอ้ตินเกาต้นคอ อ้าปากเหมือนจะพูด
“ไว้รอ--”
“ไว้รอถ่ายกับแฟนพี่ทีหลังนะครับ”ผมส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ เกิดความเงียบขึ้นระลอกใหญ่ น้องคนนั้นทำหน้างงๆ
“แฟนเหรอคะ”น้องเขาทวนยังงงไม่หาย
“น้องไม่รู้จักเหรอ”ผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนนะ แต่พูดออกไปแล้ว
“โอเคๆ ไว้พี่เสร็จธุระแล้วค่อยถ่ายรูปทีหลังนะ”ไอ้ตินหันไปส่งยิ้มให้ก่อนจะเคาะกระดานวาดรูปผมให้วาดต่อ ผมมองหน้า
มันเคืองๆ
“ยังจะถ่ายรูปด้วยอีก”
“แค่ถ่ายรูป จะเป็นไรไป”
ผมกลับมาสะเก็ตให้เสร็จ ลวกๆนั่นแหละ หมั่นไส้ แต่ดูไอ้ตินจะพอใจ คนต่อไปไม่ใช่ใครที่ไหนคือไอ้ภูมันนั่งหน้าสลอนอยู่ตรงหน้าผม
“กระดาษไม่พอว่ะ ภู”ผมพูดกับมัน ไอ้ภูขมวดคิ้ว
“ก็พอนี่”มันชี้มาที่กระดาษบรู๊ฟหลายแผ่นบนกระดานวาดรูปของผม
“ไม่พอ หน้ามึงใหญ่เกินไป”พูดแล้วก็หัวเราะ ไอ้ภูพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะยกขาถีบผมเบาๆ
“อยู่นิ่งๆดิ จะวาดล่ะ”ผมกระแอมก่อนจะลงมือร่าง แต่ไอ้ภูนี่อย่างกับลิง หันมองนู่นมองนี่ตลอด ผมเลยวาดมันมีสามหัวแบบชุ่ยๆไป
“มึงวาดอะไรเนี่ย”มันทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นผลงาน
“ก็มึงหันซ้ายหันขวาทำไมล่ะ นั่งดีๆ ไม่งั้นกูไม่วาดให้นะ”ผมขู่ มันก็เลยยอมนั่งนิ่งๆ ใช้เวลาเกือบๆชั่วโมงแหน่ะกว่าจะเสร็จ
“หล่อสู้ตัวจริงไม่ได้อยู่ดี”มันหยิบรูปไปดูก่อนจะพูด ผมก็ปล่อยมันเพ้อไป เพราะมีน้องมาให้ผมวาดให้ด้วย
“หนูขอเป็นรูปการ์ตูนล้อเลียนได้ไหมอ่ะ”น้องผมบ็อบหน้าเป๊ะ(เป๊ะด้วยรองพื้น)บอกผมพร้อมกับโพสท์ท่าให้ผมวาด แอ๊บแบ๊วจริงๆ การ์ตูนล้อเลียนวาดเสร็จเร็วกว่าอยู่แล้ว วาดเพลินเลย พอเบื่อผมก็ปัดตูดหนี ไปเดินดูฝั่งพวกภาคฟิล์มบ้าง
“พวกมึงช่วยเขาทำอะไรบ้าง”ผมถามระหว่างที่ยืนดูรูปถ่ายสวยๆที่ติดโชว์อยู่
“เยอะอ่ะ”ไอ้ตินตอบ ผมไม่เชื่อมันหรอก เห็นๆอยู่ว่าพวกมันชอบอู้
“แล้วมึงคิดยังไงถึงไปพูดแบบนั้น”อยู่ๆไอ้ภูก็ขุดเอาเรื่องที่ผมดุน้องคนที่ขอไอ้ตินถ่ายรูปมาพูด
“กูแค่พูดเพราะขาดสมาธิวาดรูปเฉยๆ”ไอ้ตอนพูดก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก มารู้ตัวก็ตอนที่เกิดความเงียบขึ้นนั่นล่ะ ถึงได้รู้ว่ากูพลาดแล้ว
วันนี้ส่วนมากจะค่อนข้างเหนื่อยเพราะอัดความรู้ให้น้องๆเต็มที่ วันสนุกต้องรอพรุ่งนี้ ผมหวังว่าจะไม่มีเกมส์กระแทกลูกโป่งอีกนะ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ถึงจะเป็นแค่เกมส์ก็เถอะ เอ๊ะ รึผมคิดลึกไปเองคนเดียว ตอนเย็นหลังจากที่น้องๆไปหมดแล้วพวกพี่ขิมก็แจงรายละเอียดของวันพรุ่งนี้ มีเกมส์ให้น้องๆเล่น ผมดูชื่อเกมส์แล้วโล่งหน่อยไม่มีเกมส์นั้น แต่มีเกมส์ที่สร้างสรรค์กว่านี้มาแทน
ผมหนีไปอาบน้ำตั้งแต่สี่โมงเย็น ให้ไอ้เคนมาเป็นเพื่อน ผมเองยังไม่ได้เล่าให้มันสองคนฟังว่าเห็นอะไรเพราะไม่อยากให้พวกมันฟุ้งซ่านเหมือนผม
“ทำไมมึงอาบเร็วจังวะ”มันชวนคุยจากด้านนอก
“กูร้อน แล้วมันเหนียวตัวอ่ะ”
“โม้ ก็อยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน”ไอ้เคนดันมาฉลาดตอนนี้อีก
“กูรู้นะ…”แล้วมันก็เงียบไป
“มึงรู้เหรอ”หรือว่ามันเองก็เจอแบบผม
“เออ หายไปกับสองคนนั่นบ่อยๆกูก็เดาได้ล่ะ เพลาๆบ้างนะ กูกลัวเครื่องมึงจะหลวม”ไอ้สัดนี่ มันพูดอะไรของมัน คนละเรื่องกันแล้วเว้ย
“บ้า กูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับพวกมัน กูก็หื่นรู้เวล่ำเวลาน่ะเว้ย”ผมแก้ตัว เพื่อภาพพจน์ของตัวเอง
“รู้จริ๊งๆ กูเห็นไอ้ชัยมันเคยเม้าท์ให้กูฟังว่ามึงกับไอ้ภูไอ้ติน เคยไปเล่นที่คอนโดมัน ทั้งๆที่มันก็นอนอยู่ข้างๆ”คำพูดของไอ้เคนทำเอาผมแทบทรุด ไอ้ห่าชัยมันเอาไปพูดเหรอวะ ไอ้…ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที
“กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย มึงก็เชื่อมันเนี่ยนะ”ผมทำเสียงเหมือนไม่ใช่ความจริง
“ไม่รู้เว้ย กูแค่เดาจากนิสัยพวกมึง”มันหัวเราะมาจากด้านนอก ผมรีบเช็ดเนื้อเช็ดตัว หาเสื้อมาใส่
“เฮ้ย เคน กูลืมหยิบกางเกงในมาว่ะ”ผมทำเสียงตกใจ
“เดี๋ยวโทรบอกไอ้ชายให้เอามาดิ”มันตอบกลับมา
“ไม่ๆ กูลืมหยิบมาจากที่หอ”ผมหัวเราะออกมา ดันหยิบมาไม่พออีกนะ
“จังไร มึงใส่ตัวเก่าเลย กลับด้านเอา”มันตอบกลับมาด้วยเสียงขำๆเช่นกัน
“บ้าดิ ไม่เอา มึงโทรบอกไอ้ชายดิ๊ให้เอาของมันมาให้กู”ได้ยินเสียงไอ้เคนจิ๊ปากก่อนจะโทรหาไอ้ชาย ผมใส่เสื้อรอ นานมากกว่ามันจะโผล่มา
“ช้าจังวะ กูรอไข่เหี่ยวหมดล่ะ”ผมบ่น ระหว่างที่ไอ้ชายมันโยนกางเกงในของมันเข้ามาให้ผม
“มึงนี่เชี่ยไม่มีใครเกินเลยจริงๆ แต่มึงใส่คงหลวมหน่อยนะ”เสียงของมันลั้นลาจนน่าหมั่นไส้
“หลวมอะไร ใส่ได้พอดีเลยเหอะ ของมึงก็พอๆกะของกูอ่ะแหละ มันก็แฟ่บๆเท่าๆกันนี่ล่ะ”
“พอๆ กูไม่อยากคุยกับมึงแล้วว่ะฟิก”มันทำเสียงอ่อนใจจนผมหัวเราะออกมา แต่งตัวเสร็จก็หอบของออกไป ไอ้เคนเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
“ทำไมมึงไม่โทรให้เอาของสามีมึงมาให้ล่ะวะ”ไอ้เคนนี่ดีหน่อย ที่ใช้คำเพราะๆสุภาพอย่างคำว่าสามี ไม่งั้นมีเคือง
“กูไม่สนิทใจเท่าของเพื่อนไง”
“เพื่อนกับผัวนี่เหมือนกันเหรอ”ไอ้ชายมาล่ะ ผมทำหน้าเอือมใส่มัน เหตุผลที่ผมไม่เอาของพวกมันมาใส่ เพราะผมไม่อยากให้มันสองคนตกเป็นขี้ปากของไอ้เพื่อนทั้งสองต่างหาก
“กูอดรู้เลยว่าของใครใหญ่กว่ากัน”โอ๊ย ผมล่ะเกลียดหัวข้อนี้จริงๆ เห็นไหม ดีแล้วที่ผมไม่ยืมของพวกมันสองคน ยอมรับก็ได้อ่ะว่าของผมไม่บิ๊กบึ้ม…นี่ผมคุยเรื่องไรอยู่วะ เปลี่ยนๆ
“มึงอยากรู้นักก็ถามพวกมันเองดิ เปิดของพวกมันดูเลยเอา”ผมพูดตัดรำคาญ
“แน่ใจนะว่าไม่หวงอ่ะ แค่วันนี้มีน้องมาขอถ่ายรูปไอ้ตินมึงก็ออกตัวแรงล่ะ”ไอ้ชายเหล่มองผม
“กูไม่หวงหรอก ตราบใดมึงไม่อมของมันอ่ะ”ผมว่าผมชนะนะ เพราะพวกมันพร้อมใจกันเดินหนีผม ฮ่าๆ รู้จักไอ้ฟิกน้อยไปนะ เห็นไหมว่าผมปกป้องพวกมันสองคนนะเว้ย ประเด็นเล็กใหญ่ไม่ใช่ปัญหาของผม แต่กับมันสองคนผมไม่รู้ ปัญหาของผมอยู่ที่เรื่องหลวมไม่หลวมมากกว่า ผมนี่ชวนคุยอะไรไม่รู้ ตั้งแต่ใหญ่ไม่ใหญ่ล่ะ ผ่านๆ
…………………………………………………………………
TBC.
ตอนนี้ฟิกมันเกรียนและเสื่อมมาก ฮาๆไปเนาะ

ปล. จำได้ว่า แม่ของภูเสีย อยากอ่านตอนนั้นจังว่าภูเป็นยังไงบ้าง ภูรักแม่มากๆ ขาดแม่เหมือนขาดคนเข้าใจ เพราะความสัมพันธ์กับพ่อยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ภูคงเคว้งแน่ แต่ยังดีที่มีฟิกกับตินอยู่ด้วย หรือไปมีในหนังสือค่ะ อยากรู้ 
ไม่ได้มีในรวมเล่มเหมือนกันค่ะ เพราะเราไม่ได้กล่าวถึงเลย ด้วยเหตุผลที่สงสารภูนี่แหละค่ะ (คนเขียนเองแท้ๆ

) แต่ถ้าอยากอ่านจะเอามาใส่ไว้ในตอนพิเศษของภาคนี้แทนแล้วกันค่ะ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นน่าจะนานพอดูเพราะเราวางแผนเขียนภาคนี้ไว้ยาวเหมือนกัน
ฝากติดตามภูฟิกตินด้วยน้าา อย่าทิ้งกันเนอะ
