ตอนที่๓ ระแวงหลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องพี่อันมาได้ชีวิตของผมก็กลับเข้าสู่โหมดเดิมอีกครั้ง ไอ้ตินกับไอ้ภูเริ่มยุ่งขึ้นเรื่อยๆเห็นว่ามันต้องเตรียมหัวข้อธีสีสอะไรวุ่นวาย บางทีมันก็เลยต้องไปค้างที่อื่น ผมก็เข้าใจแหละ แต่ก็แอบเหงาหน่อยๆ ที่ไม่ค่อยได้อยู่กับพวกมัน ส่วนเรื่องของไอ้ปั๊มผมก็ติดต่อกับมันเรื่อยๆเพื่อส่องความเคลื่อนไหวของไอ้ภู แต่ผมมักจะลบแชทสนทนาออกไปเพราะกลัวไอ้ภูรู้ แล้วผมจะเสียสายสืบไป ส่วนสายสืบในคณะเกษตรผมก็มีคือเพื่อนไอ้ตินเนี่ยแหละ พี่เบลล์ผมไปทาบทามมาได้ก็โคตรนานกว่าจะยอมเป็นสายให้ผม
“มึงไม่ไว้ใจเพื่อนกูเหรอ”พี่เบลล์หัวฟูคนเดิมถามผมด้วยเสียงดุๆ เมื่อพี่เขายอมช่วย
“ไว้ใจดิ แต่ผมแค่อยากรู้เฉยๆ ทีเพื่อนพี่มันยังมีสายเลย”บอกเลยว่าไอ้ภูกับไอ้ตินเนี่ยไม่ใช่เล่นๆ เลย ด้วยความที่ว่าไอ้ตินมันมันรู้จักใครหลายๆคนจนคนพวกนั้นช่วยเป็นหูเป็นตาให้ทั้งๆที่มันไม่ได้ขอ ขยันเผือกกันจริงๆ
“ก็…มึงมันร้ายนี่หว่า”พี่เบลล์ตอบอ้อมแอ้ม
“เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว”จากเสือกลายเป็นลูกแมวแล้วผมเนี่ย
“ลืมไปว่าโดนถอนเล็บแล้ว เออ แต่ได้ข่าวว่าไอ้ตินมันจัดการอันเหรอ”พี่เบลล์ถามสีหน้าอยากรู้ ทำให้ดูเหมือนหมาน้อยเข้าไปใหญ่ คือพี่อันลาหยุดไปหลายวันเลย คงยังทำใจไม่ค่อยได้แน่ๆ
“ก็แบบนั้นแหละพี่”
“เออ มึงเองก็ระวังไว้นะ ถ้ามันจะโหดจริงๆ แม้แต่มึงมันก็ไม่เว้นหรอก สปีชี่เดียวกันกับพี่ภูเลย”พี่เบลล์เตือน ผมอือออรับคำ ผมรู้อยู่แล้วแหละว่าพวกมันเป็นคนยังไง ยิ่งที่วันงานม๊าไอ้ติน ทำให้ผมแอบกลัวไอ้ตินมากกว่าเดิมอีก ผมว่าคนแบบมันน่ากลัวนะ บอกไม่ถูก อย่างไอ้ภูก็เห็นๆเลยไงว่ามันร้าย แต่กลับไอ้ตินนี่ถ้าไม่แผลงฤทธิ์ก็ไม่รู้ ผมกลับมาเข้าเรียนในช่วงบ่าย พักนี้เอารถมาเองแล้วเพราะไอ้สองคนนั่นเลิกช้า และผมก็ขี้เกียจรอมันคุยกับอาจารย์ สะดวกกว่าด้วยเลยตกลงกันแบบนี้ อาจารย์ชี้แจงรายละเอียดอะไรไม่รู้ ผมก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ คือตั้งใจจะพยายามไม่หลับครับ
“ไอ้ฟิก มึงสนป่ะ”ไอ้ปลาสะกิดหลังผมยิกๆก่อนจะส่งใบปลิวเล็กๆมาให้ผม เป็นใบปลิวที่บอกว่าเสาร์นี้จะมีงานคอนเสิร์ตของวงสล็อตแมชชีนวงโปรดผมมาเล่นที่สนามกีฬาใหญ่ของมอ.
“บัตรจำนวนจำกัด กูว่าไม่ทันอ่ะ”ปีที่แล้วก็มี ซึ่งผมก็ไม่ทันซื้อบัตรเหมือนเคย ไอ้เคนดึงใบปลิวไปดูบ้างสีหน้าดูสนอกสนใจ
“กูมีห้าใบ พี่กูล็อคไว้ให้ จะไปไหม ถ้าไม่ กูขายต่อให้คนอื่นนะ”
“ไปดิๆ”ผมรีบตอบ ไม่มีคนคุย ต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
“ขอคุณพ่อทั้งสองของมึงยัง”
“ยัง แต่มันคงให้แหละ แค่ไปฟังเพลงเอง”ผมตอบแบบไม่แน่ใจนัก หลังเลิกเรียน มีกิจกรรมห้องเชียร์ต่อ ผมอยู่ดูพักหนึ่งก็มีไอ้เดือนคณะที่ชื่อเพชรมาขอลายเซ็นผม ผมก็ให้ไปแบบง่ายๆนั่นแหละ มันยกยิ้มยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคาราวะแล้วก็ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนมันตามเดิม ผมมองโทรศัพท์ที่มีข้อความจากไอ้ปั๊มเด้งขึ้นมา
ปั๊ม: พี่ฟิก วันนี้พี่ภูออกไปกับพวกไอ้นนท์
ไอ้นนท์ที่ว่าคือเพื่อนไอ้ภู ที่ผมเห็นซี้ๆกับไอ้ภูคือมีไอ้นนท์กับไอ้คนที่ชื่อเป้ ผมเคยเห็นแล้วสองสามครั้งแต่ไม่เคยคุยจริงๆจังเสียที
ฟิก:อืม แค่นี้ต้องเอามาบอกกูด้วยรึไง กูแค่ให้บอกเรื่องที่น่าสงสัยโว้ย
ผมไม่อะไรหรอกถ้าหากมันออกไปกับเพื่อนมัน เข้าใจว่ากลุ่มทำงานของมันคือไอ้พวกนี้ ผมก็คิดๆอยู่ว่าผมทำถูกรึเปล่าที่ส่อง
เรื่องมันแบบนี้ เพราะมันจะทำให้ผมคิดมากไปเปล่าๆทั้งๆที่มันไม่มีอะไร
ปั๊ม:เอ๊า ก็คิดว่าให้ตามติดทุกฝีเก้า
ฟิก: กูไม่ใช่พวกไร้เหตุผล เรื่องเรียนเรื่องงานกูแยกได้
ปั๊ม:โอเคๆ อย่าลืมค่าจ้างผมนะ เลี้ยงข้าวผมแทนก็ได้ เงินหมด
เท่าๆที่คุยกับมันมาคือไอ้ปั๊มเนี่ยค่อนข้างจะลำบากเรื่องเงินๆทองๆพอสมควรเลย ผมก็เลยปลงๆเรื่องเงินค่าสอดแนมของมันไปบ้าง คือมันไม่ได้ขอรวดเดียว มันขอทีละครึ่งก็คือห้าร้อยเพราะมันกลัวจะใช้หมดก่อน
ฟิก:เออ มาเจอที่ร้านป้านะ
ร้านป้าที่ว่าคือร้านขาประจำของพวกรัฐศาสตร์ ผมหลงเข้าไปกินก็อร่อยดี ไม่แพงด้วย ช่วงนี้เลยกลายเป็นขาประจำ ผมโทบอกพวกมันสองคนเรื่องคอนเสิร์ตที่ผมจะไปเสาร์นี้ พวกมันก็ยอมให้ไปเพราะ…พวกมันจะไปด้วย
ไอ้ปั๊มมารอที่ร้านก่อนแล้ว ที่รถของมันมีถุงผ้าใบใหญ่วางอยู่ เคยถามเหมือนกันว่าถุงอะไร สรุปว่ามันรับจ้างซักผ้า สู้ชีวิตจริงๆ
“เออ ไอ้ภูมันสงสัยบ้างยัง”กลัวมันจะระแคะระคายว่าผมแอบระแวงมัน
“ก็เปล่านี่ ผมไม่ได้ไปเสนอหน้าให้พี่เขาเห็นซะเมื่อไหร่ เอาจริงๆนะพี่ทำไมพี่ไม่ไปทำความรู้จักเพื่อนพี่ภูอ่ะ แล้วก็มานั่งระแวงคิดมากแบบนี้ คบกันมาตั้งนานไม่เชื่อใจกันอีกหรือไง”โห ไอ้ปั๊มมันร่ายยาวเลย แอบอึ้งหน่อยๆที่มันพูดมากขนาดนี้ปกติ มันไม่ค่อยออกความเห็นเรื่องนี้ซักเท่าไหร่
“ไอ้เชื่อใจมันก็เชื่อ แต่…”ไม่รู้สิ ผมแอบกลัวอยู่ลึกๆ กลัวจะโดนมันทิ้ง ช่วงนี้ผมคิดมากจริงๆแหละ ยอมรับว่ากลัวจะมีเด็กมาจีบหรือมาเข้าหามัน และอีกอย่างคือ…มันค่อนข้างจะสนิทกับไอ้นนท์พอตัวเพราะมันชอบอะไรเหมือนๆกัน อย่างเรื่องรถแบบนี้ ถ้าให้ผมคุยผมก็คุยไม่รู้เรื่องหรอก ผมนี่…งี่เง่าจริงๆ ระแวงอะไรก็ไม่รู้
“แต่…”ไอ้ปั๊มรอฟัง
“ก็แอบกลัวว่ะ มึงเข้าใจไหมแบบเชื่อใจแต่ก็แอบระแวงอ่ะ”
“แสดงว่าพี่ฟิกไม่เชื่อในความรักของพี่ภูเลยเหรอ”ทำเอาผมอึ้งอีกแล้ว ดูท่าไอ้ปั๊มมันจะเข้าข้างพี่มันว่ะ
“เฮ้ย มันจ้างมึงมาพูดป่ะเนี่ย”ผมตกใจจริงๆนะ ไอ้ปั๊มหัวเราะ
“บ้าดิ ผมพูดตามที่คิด”ผมเงียบไป คิดตามที่มันพูด ผมเชื่อนะว่ามันรักผมมาก แต่เพราะอะไรวะ มันถึงทำให้ผมคิดแบบนี้ขึ้นมา ผมเลิกฟุ้งซ่านเมื่อข้าวผัดวางอยู่บนโต๊ะ ผมลงมือกินได้ไม่นานก็คิดถึงพวกมันสองคนอีกแล้ว ไอ้ปั๊มส่ายหน้าไปมาก่อนจะรีบกิน
“พี่กินไม่หมดเหรอ เสียดายว่ะ”แล้วมันก็ทำให้ผมตกใจอีกครั้งเมื่อมันดึงจานของผมไป
“เฮ้ย ทำไรของมึง”ผมเผลอพูดเสียงดังจนหลายๆคนมอง
“เอ้า ผมไม่ถือ”
“แต่กูถือ ถ้าไม่อิ่มกูสั่งให้ใหม่”ผมไม่ชอบอ่ะ รู้สึกเหมือนมันกินของเหลือจากผมไงก็ไม่รู้ ไอ้ปั๊มขมวดคิ้วมองผมก่อนจะยอมให้ผมสั่งข้าวให้มันใหม่ สุดท้ายผมก็กินข้าวผัดของตัวเองจนหมด
“เงินหายากนะพี่ ข้าวชาวนาก็ทำลำบาก”ไอ้ปั๊มพูดเหมือนรู้ดี
“พูดมากจริงนะมึงเนี่ย”
“เออดิ เพราะที่บ้านผมก็ทำนา”ผมเบิกตามองอย่างสนใจ
“จริงเหรอวะ บ้านมึงอยู่ที่ไหน”โอ้โห สรุปว่าคนบ้านเดียวกันครับ แต่ผมอยู่ในเมือง มันอยู่นอกเมืองโน่น กลับไปที่หอก็ยังไม่มีคนกลับมาเลย ห้องเงียบๆทำเอาผมไม่ค่อยชิน ผมเลยโทรหาพี่ชายหน้ามึนของผม พี่มินนั่นเอง จะยุ่งอยู่รึเปล่าวะ รออยู่สักพักพี่เขาก็รับสาย
[ฟิกคิดถึงพี่ล่ะซี้]
“โห รู้ทันว่ะ พอดีอยู่ว่างๆอ่ะ”
[พี่ก็แค่ตัวสำรอง เออ แล้วเป็นไงบ้าง] ผมก็เล่ายาวเลย จนถึงเรื่องของพี่อัน แล้วก็…
“พี่มิน ผม…คือตอนนี้อ่ะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นบ้าเลยพี่”ผมเหม่อมองออกไปนอกห้องอย่างว้าวุ่นใจ นี่เป็นครั้งแรกใน
ชีวิตของผมที่เกิดความรู้สึกรุนแรงมากขนาดนี้
[เล่ามา…เป็นอะไร]พี่มินถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“คือเรื่องมันก็ไม่มีอะไรนะ แต่จู่ๆผมก็เหมือนคนที่ร้อนรนตลอดเวลา เหมือนมีไฟลนก้น ผมคิดมาก ระแวงไปหมดเลย เรื่องมัน
สองคนอ่ะ”ผมตัดสินใจบอกออกไป
[ใคร ภูหรือติน หรือทั้งสองคน]ถ้าชั่งน้ำหนักในตอนนี้แล้ว ผมตอบไอ้ภู
“คือไม่รู้ดิ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยอ่ะ ผมคิดมากเรื่องของมันไปหมด บ้าบอว่ะ ผมไม่อยากเป็นคนนิสัยงี่เง่าแบบนี้เลยว่ะพี่”
[แล้วภูมันทำอะไรล่ะ]
“ก็ไม่มีอะไรหรอก อย่างที่บอกอ่ะแหละ ว่าผมคิดฟุ้งซ่านไปไกล พักนี้มันสนิทกับนุ้งกับน้อง แล้วเพื่อนใหม่มันอีก”ผมถอนหายใจออกมา
[เป็นเอามากนะเราเนี่ย ตั้งสติหน่อยฟิก ในเมื่อมันไม่มีอะไรก็อย่าทำให้มันมีเรื่องสิ]
“คือผมกลัวอ่ะ”ผมตอบพี่มินเบาๆ รู้สึกตื้อๆขึ้นมา ผมกลัวการที่ไม่มีมัน กลัวมันไม่เหมือนเดิม
[กลัวอะไร] ผมไม่อยากจะตอบเลยจริงๆแต่พี่มินก็ถามจี้จนผมต้องตอบ
“ผมกลัวโดนมันทิ้งอ่ะ”ผมห้ามตัวเองไม่ให้คิดแบบนี้ไม่ได้จริงๆ หรือเพราะผมไม่เชื่อมั่นในความรักของมัน หรือเพราะการกระทำ
ของมันที่ทำให้ผมเริ่มระแวง เรื่องนี้ผมไม่เคยบอกใครเลย อย่างเรื่องนาฬิกาที่มันซื้อทั้งๆที่มันก็บอกว่าซื้อให้พ่อมันและผมก็เห็นแล้วว่าเป็นรุ่นของผู้ใหญ่ แต่ผมก็ยังตะขิดตะขวนใจ มันเพราะอะไรวะ
[ฟิก…มาคุยกันตรงๆเลยดีไหม แบบนี้พี่ไม่สบายใจว่ะ]
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกพี่ บอกแล้วไงว่าผมคิดมากไปเอง”
[เออ จะยังไงก็ช่าง พี่ไม่อยากเห็นฟิกไม่สบายใจ ออกมาคุยกัน] สรุปพี่มินก็มาหาผมเอง ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องมา
“เดี๋ยวไอ้ภูรู้ก็อาละวาดอีกแน่”ผมบ่นอุบก่อนจะเปิดประตูห้องให้พี่มินเข้ามา
“พี่มาในฐานะพี่ชายฟิก จะอาละวาดได้ไง นี่แสดงว่ายังห่ามเหมือนเดิมล่ะสิ ออกไปนั่งตรงระเบียงดีกว่าจะได้โปร่งๆ”ผมทำตามอย่างว่าง่าย พี่มินซื้อเบียร์มาให้ด้วย ดีเลย ผมกำลังอยากเมา
“พี่ว่าแกต้องคุยกับมันตรงๆไปเลยนะ ไม่พอใจอะไรก็บอกไปเลย มันจะได้ปรับปรุงไง ถ้าฟิกมัวแต่คิดมากคนเดียวแบบนี้สมองระเบิดแน่”พี่มินมองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงจริงๆ นี่ผมน่าห่วงขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย ผมจิบเบียร์ก่อนจะมองออกไปยังท้องฟ้าที่
เริ่มเปลี่ยนสี
“ไว้จะลองดูล่ะกัน…ผมงี่เง่าป่ะพี่มิน”ผมหัวเราะระหว่างที่ถาม คลึงกระป๋องเบียร์เล่น ผมไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย สถานการณ์ที่…พวกกิ๊กเก่าๆเคยทำกับผม ตอนนั้นผมมองว่าโคตรน่ารำคาญเลย มายุ่งวุ่นวายอะไรนักหนา ผมกลัวว่าไอ้ภูจะรู้สึกแบบนั้นกับผมเหมือนกัน
“หือ…ก็ไม่รู้ดิ แกเคยทำแบบนี้หรือเปล่าล่ะ”ผมส่ายหน้า พี่มินหัวเราะเบาๆ
“รักภูมากขนาดนี้เลยนะเนี่ย พี่เพิ่งรู้”
“เฮ้ย พี่พูดอะไร”ผมตกใจเมื่อได้ยินพี่เขาพูด ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้นะ ว่ามากหรือน้อย แต่เท่าที่ดูจากการเป็นเอามากของผม ตัวผมเองคงถลำเข้ามาลึกมากๆแล้วล่ะ
“แล้วกับตินไม่ระแวงเหรอ”
“ไอ้ตินมัน…ยังไม่มีจุดให้ผมสงสัยอ่ะ ผมรู้สึกไม่ดีว่ะพี่ เหมือนผมกำลังจับผิดพวกมันเลย”ถ้ามันรู้พวกมันต้องโกรธแน่ๆ จู่ๆพี่มิก็ควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปผม
“ถ่ายทำไม”
“ดูดิ ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นไง”ผมมองรูปตัวผมเอง สีหน้าว้าวุ่นแสดงออกมาชัดเจน
“หล่อเหมือนเดิม”ผมตอบกวนประสาท พี่มินมองผมเอือมๆ
“โอเค ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ชายคนนี้ได้เสมอเลยนะ”ผมทำมือโอเคไปให้ ผมกับพี่มินคุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบของอีกฝ่ายจนฟ้าเริ่มมืด พี่พิสโทรตามพี่เขาเลยต้องกลับ ตอนลงไปส่งพี่มินเจอไอ้ภูพอดี มันมองพี่เขาตาขวางเลย
“อ้าว ภู สบายดีใช่ไหม นั่นรถใหม่เหรอ”พี่มินชี้ไปที่รถ KSR ที่จอดอยู่ผมเองก็เพิ่งเห็น จำได้ว่าเป็นของไอ้นนท์ อยู่ๆผมก็หงุดหงิดขึ้นมาเลยเดินกลับไปบนห้อง เปิดโทรทัศน์ก่อนจะนั่งรอไอ้ภูขึ้นมา แต่ก็ช้ามากจนผมเริ่มจะหงุดหงิดอีกแล้ว
“ทำไมขึ้นมาช้าวะ”ผมถามทันทีเมื่อมันเข้ามาในห้อง มันมองผมด้วยสีหน้างงๆก่อนจะชูถุงโจ๊กในมือให้ดู
“ซื้อที่หน้าหอไง มึงเป็นไรวะ หน้าตาหาเรื่อง”มันเดินเข้าไปในครัวก่อนจะวางโจ๊กลงบนโต๊ะ
“แล้วรถของไอ้นนท์ไม่ใช่เหรอ”ผมถามพลางมองสีหน้าของมันไปด้วย
“อืม กูยืมมา”มันตอบสีหน้าปกติระหว่างที่แกะโจ๊ก
“อ้าว แล้วรถมึงล่ะ”ปกติมันไม่ค่อยชอบใช้รถจำพวกมอเตอร์ไซน์หรอก
“อยู่คอนโดกู”ผมขมวดคิ้วทันที มันเอารถไอ้นนท์มา แต่รถมันอยู่ที่คอนโดมัน
“อ้าว ยังไงวะ”ไอ้ภูหันมามองผมยิ้มๆ
“วันนี้มึงแปลกๆนะเนี่ย ฟิก ก็กูไปทำงานที่คอนโดกูไงกับพวกไอ้นนท์”
“อ๋อ…”ผมลากเสียงยาว
“แล้วนี่ ยังไม่เสร็จใช่ไหมถึงเอารถมันมาอ่ะ”ไม่รู้ผมทำสีหน้าแบบไหน ไอ้ภูถึงหยุดมือที่แกะถุงโจ๊กอยู่หันมามองผมตรงๆ
“เป็นอะไรฟิก มึงกังวลอะไร”มันถามเสียงนุ่ม
“ทำไมต้องทำที่คอนโดมึงด้วยวะ”ผมพยายามกดเสียงให้ตัวเองเป็นปกติและไม่ฟังดูหาเรื่อง
“ก็หอพวกมันแคบ มีตั้งหลายคนให้ไปอัดกันในรูหนูคงไม่ไหวหรอก มึงป่วยเหรอ”มันแตะหน้าผากผม ผมปัดมือมันออก
“กูจริงจังอยู่นะเว้ย ภู”
“ฟิก…มึงแปลกๆนะ เหมือนหาเรื่องทะเลาะกับกูยังไงก็ไม่รู้”ไอ้ภูดูเครียดขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเพราะเบียร์หรืออะไร ผมถึงเข้าไปกอดมันเสียแน่นเหมือนเด็กๆ
“ไอ้ภู มึงรักกูป่ะ”
“ถามแปลกๆ ไม่รักมั้ง”มันลูบหัวผมเบาๆ
“กูถามว่ารักไหม”ผมทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ
“รัก”มันตอบเบาๆ ผมรู้สึกอุ่นวาบในอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“กู…มึงไอ้ภู มึงอย่าทิ้งกูนะ”คราวนี้มันเงียบไปนานเลย มันดันตัวผมออกสีหน้าดูตกใจ แต่ปากมันยกเป็นรอยยิ้มจางๆ
“มึงเมารึเปล่าเนี่ย กูได้กลิ่นเบียร์”
“อืม กูว่ากูเมานะ”ไอ้ภูยิ้มก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบอยู่นาน ก่อนที่มันจะปล่อยให้ผมหายใจหายคอได้สะดวก
“กูไม่เคยคิดจะทิ้งมึงเลยนะฟิก เชื่อกูสิ”มันมองเข้ามาในตาผมตรงๆ
“อืม กูเชื่อมึง”ผมรู้สึกเหมือตัวเองเป็นเด็กน้อยงอแงที่กลัวโดนแม่ทิ้งไว้กลางงานคนเดียวเลย
“มีใครพูดอะไรให้มึงไม่สบายใจรึเปล่า บอกกูมาดิ”มันทำสีหน้าอ่อนโยนได้ไม่นานก็กลับมามาดเดิมอีกแล้ว
“เปล่าหรอก พักนี้กูเครียด ๆก็เลยบ้าๆบอๆแบบนี้แหละ”ผมเบาใจขึ้นมาได้บ้าง
“มากินโจ๊กกับกูก่อน กูกลับมาเพื่อกินกับมึงเลยนะ เพราะกูต้องอยู่ทำงานอีกยาว กลัวมึงจะคิดถึงกูจนนอนไม่หลับ”
“มึงก็เว่อร์”ผมเบ้หน้าก่อนจะนั่งลงกินโจ๊กกับมัน เหลืออีกถุงหนึ่งสำหรับไอ้ติน แต่มันยังคุยงานกับอาจารย์อยู่เลย ผมไม่อยาก
รบกวนเวลายุ่งๆของมันก็เลยยังไม่ได้โทรตาม
“กูได้บัตรสล็อตแล้วนะ วันเสาร์นี้ไปกับพวกกู”มันพูดขึ้นมา
“กูจะออกไปกับเพื่อน ค่อยเจอกันในงานได้ไหมวะ”
“ไม่ได้ คนตั้งเยอะ”มันทำหน้าดุ จนผมเถียงไม่ได้ เสียงไขกุญแจเข้ามาดังคั่น ไอ้ตินกลับมาพร้อมกับหอบม้วนกระดาษกลับมาตามเคย
“โจ๊กของป้าด้านล่างเหรอ หอมว่ะ”พูดแล้วก็มาหอมแก้มผม ก่อนจะแกะโจ๊กใส่ถ้วยจนกระเด็นโดนมือผม
“อ้าว พี่งานยังไม่เสร็จเหรอ”ไอ้ตินหันไปถามเมื่อไอ้ภูเก็บถ้วยโจ๊กแล้วคว้าเสื้อคลุมกับกุญแจรถ
“เออดิ แต่ก็คงไม่มากหรอก งานกลุ่มก็แบบนี้แหละ กูล่ะเบื่อ ถ้าเสร็จนี่แล้ว คงว่าง ไปนะ”มันหันมาล่ำลาผมก่อนจะออกไป ผมมองประตูที่ปิดลงไปนานแล้วด้วยสายตาเหม่อๆ
“ฮ่าๆ เฮ้ย ฟิก กูไม่เคยเห็นมึงทำหน้าตาแบบนี้เลยนะ”จู่ไอ้ตินก็ขำออกมาเสียงดัง
“เงียบเลยไป”เสียงหัวเราะของมันค่อยๆเงียบลง
“มึงคิดมากเรื่องพี่ภูเหรอ”
“ห๊ะ มึงก็พูดไปเรื่อย”ผมเสมองโจ๊กของตัวเอง
“กูดูออกน่า ไม่ต้องคิดมากหรอก แล้วก็เลิกให้ไอ้เบลล์ส่องกูด้วยนะ”มันพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ทำไมความแตกเร็วจังวะ
“กูแค่…อยากรู้ว่ามึงทำอะไรบ้างเฉยๆ”
“เหรออออ”มันลากเสียงยาวก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ไอ้ติน”ผมเรียกมันด้วยเสียงจริงจัง มันขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะวางช้อนลง
“ว่าไงครับ”มันตอบเสียงอ่อน
“กู…ช่วงนี้กูมีแต่เรื่องให้ชวนสับสนว่ะ ถ้ากูทำตัวแปลกๆแล้วขัดใจมึงกูขอโทษล่วงหน้านะเว้ย กูไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้”ผมกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างว้าวุ่น
“มีอะไรก็บอกกูได้นะ”ผมไม่อยากเล่าเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะมันเกี่ยวกับไอ้ภูด้วย ผมกลัวมันสองคนจะผิดใจกัน ซึ่งผมไม่ชอบ
“มึงไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฟิก ถ้าใครทำให้มึงเจ็บ…คนๆนั้นก็ต้องเจ็บเท่ามึง”ไอ้ตินมองผมตรงๆ ผมกำลังจะซึ้ง แต่ประโยคต่อมาก็ทำผมชะงักกึก
“แต่ถ้ามึงทำให้กูเจ็บล่ะก็…มึงต้องเจ็บกว่ากูหลายเท่า”ผมแอบกลืนน้ำลายเลย เรื่องคราวก่อนที่ผมพลาดไปนั่นโชคดีมากแค่ไหนที่พวกมันไม่เล่นงานผม
“เออ กูไม่กล้าหรอก มึงกับไอ้ภูโหดแบบนี้”ไอ้ตินยิ้มให้ผม เป็นยิ้มเย็นๆยังไงก็ไม่รู้ ไอ้บ้านี่ทำผมกระเดือกโจ๊กไม่ลงเลย
TBC.
ไม่ได้ขยันแต่อย่างใด แต่ที่อัพก่อนเพราะคงเจอกันอีกทีวันศุกร์เลยเพราะงานกำลังสุม

ช่วงนี้ฟิกฮอร์โมนกำลังเปลี่ยนแปลง เฮ้ย ไม่ใช่
แต่บอกไว้ก่อนเผื่อแฟนคลับภูจะไม่สบายใจ มาม่าซองสุดท้ายของภูไม่ใช่เรื่องนอกใจน้า
เพราะผู้ชายอย่างภู ไม่นอกใจฟิกอยู่แล้วค่ะ แต่จะเป็นยังไงก็ต้องคอยดูต่อไปค่ะ เจอกันอีกทีศุกร์นี้ค่ะ
ไหนว่าไม่มีมาม่า
