ตอนที่ 26
“...”
(...)
เราต่างคนต่างนั่งเงียบเมื่อผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วให้คนที่อยู่อีกประเทศฟัง วินนั่งเงียบและนิ่งแต่สายตากลับมีแววสั่นไหวอย่างชัดเจน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดหรือเอ่ยอะไรที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นไปกว่านี้ รู้ดีว่าความรู้สึกที่เสียไปแล้วของคนฟังทำยังไงก็คงไม่อาจย้อนคืนมาได้
ผมไม่ได้ตั้งใจ...แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมไม่ต่างกัน
“วิน...” อีกคนนั่งนิ่งนานจนเป็นผมเองที่ทนไม่ไหว
(...)
“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ” เป็นเพราะตัวเองที่ไม่ระวังตัวให้มากพอ แม้มันจะเสี้ยววินาทีแต่มันก็เกิดขึ้น
หลังจากที่มิกะเข้ามาจูบผมก็ผลักเธอออกอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ แรงผลักนั้นมากตามความตกใจจนร่างเพรียวของเธอล้มลง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนไม่ได้ทำให้ผมเห็นใจแต่อย่างใด ณ ตอนนั้นความโกรธมันมีมากกว่า
'อย่าทำให้ตัวเองดูไร้ค่าไปมากกว่านี้เลยมิกะ' พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกมาโดยไม่ได้หันกลับไปมองคนที่ล้มอยู่บนพื้นอีก
กลับมายังไม่ทันที่จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทำอะไรทั้งนั้นผมก็ติดต่อหาอีกคนทันที รู้ว่ายังไงก็ต้องคุยกันยาวจนต้องเปิดแมคแล้วสไกป์หาวิน
“วินครับ ช่วยพูดอะไรหน่อยนะ เงียบแบบนี้พัตไม่รู้จะทำยังไงแล้ว” แทบจะอ้อนวอนให้เขาพูดหรือเอ่ยอะไรออกมาบ้าง
(...ค่อย ค่อยคุยกันใหม่ได้ไหม ตอนนี้ ระ เราไม่พร้อม) เสียงแหบแห้งที่ได้ยินให้ความรู้สึกราวกับมีมือหลายสิบมือมาบีบหัวใจจนหายใจแทบไม่ออก
แววตาและสีหน้าของวินทำให้ผมเจ็บข้างในไปหมด
“ถ้าวินไม่สบายใจที่จะคุยกันตอนนี้เอาไว้ค่อยคุยกันก็ได้ครับ พักผ่อนนะ...ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่ไม่ระวัง ขอโทษที่ทำให้เสียใจ...รัก” อยากคุยใจแทบขาดแต่ก็อยากให้วินได้พักผ่อนมากกว่า เขาคงยังต้องใช้เวลาทำใจกับเรื่องนี้ซักพัก
“ฝันดีครับ” อีกคนไม่ได้ตอบอะไรก่อนที่ภาพจะตัดไปเป็นเพียงหน้าจอที่ว่างเปล่า ผมถอนหายใจออกมาทิ้งตัวพิงกับพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง
คงต้องให้เวลาทั้งเขาและผมเอง...
2อาทิตย์ผ่านไปเสียงเซ็งแซ่ของคนที่มารับผู้โดยสารคนอื่นๆดังขึ้นมากมายให้ได้ยินเมื่อเดินออกมาจากเกต ผมเดินออกมาตามทางที่ได้นัดหมายกับคนขับรถไว้ก่อนหน้า ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม แม้จะทั้งเหนื่อยและเพลียขนาดไหนแต่ก็ยังไม่สามารถกลับบ้านไปพักได้ตอนนี้
ผมมีที่ที่ต้องไป...
“อ้าว คุณพัต มาดึกเชียวนะคะ”
“ผมพึ่งกลับจากต่างประเทศน่ะครับเลยเลยมานี่เลย วินอยู่ไหมครับ”
ที่ที่ผมมาเป็นที่แรกคือบ้านของวิน...
กว่าสองอาทิตย์ที่ไม่ได้คุยกันทำให้ผมต้องเร่งทำงานสะสางทุกอย่างจนได้เวลากลับไทยเร็วขึ้น5วัน วินไม่ยอมรับโทรศัพท์หรือการติดต่อจากทางไหนตั้งแต่วันนั้น อาทิตย์แรกที่เป็นแบบนี้ผมแทบจะตายจนแม่ต้องเข้ามาคุยด้วยเพื่อให้ใจเย็นและมีสติมากขึ้น หลังจากนั้นพอคิดได้ผมก็เร่งทำงานจนเป็นฝ่ายที่ไม่ได้ติดต่อวิน โหมงานจนเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็วแล้วบินกลับมาทันที
ได้เวลาง้อแฟนแบบเต็มที่แล้ว
“อยู่ค่ะ นี่ก็พึ่งทานขนมแล้วขึ้นห้องไปเมื่อซักครู่นี่เอง”
“งั้นผมขอเข้าไปหาวินหน่อยนะครับ”
“เชิญค่ะๆ” แม่บ้านเปิดประตูให้ผมเข้าบ้านอย่างใจดี พอเข้าไปในตัวบ้านเรียบร้อยก็ไม่ได้ขึ้นไปหาวินทันทีอย่างที่ใจนึกเนื่องจากต้องผ่านด่านใหญ่ที่สุดไปก่อน
พ่อและแม่ของวิน...
“มาทำอะไรดึกๆดื่นๆไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง” เสียงของคุณพ่อดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าตัวบ้าน
“สวัสดีครับ ผมมาหาวินครับ” ยกมือขึ้นไว้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ พ่อของวินกวาดตามองชุดที่ผมใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมไม่ได้เปลี่ยนชุดทำงานเสียด้วยซ้ำ มีเพียงแค่สูทที่ถอดออกไปแล้วก็พับแขนเสื้อเชิตสีขาวขึ้นลวกๆเท่านั้นเนื่องจากอยากกลับมาให้เร็วที่สุด
“มาหาทำไม ป่านนี้ลูกฉันคงนอนเรียบร้อยแล้ว”
“คุณคะ” เสียงปรามเบาๆจากคุณแม่ดังขึ้น คงไม่แปลกที่ท่านเหมือนจะไม่พอใจกับการมาครั้งนี้ของผม สองอาทิตย์ที่ผ่านมาท่านก็คงจะพอรู้เรื่องของผมกับวินบ้างตามประสาคนเป็นพ่อเป็นแม่ อะไรที่เกิดขึ้นกับลูกตัวเองคงจะไม่สามารถคลาดสายตาไปได้
“ขอโทษที่มารบกวนตอนดึกครับ แต่ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับวิน” ถ้าให้รอมากว่านี้ผมต้องตายแน่ๆ รอไม่ไหวจนต้องบึ่งมาที่นี่ทันทีที่ลงเครื่อง
“ยังต้องคุยอะไรอีก ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกลับมาเองไม่ใช่หรือไง” คงจะไม่ใช่แค่รู้เรื่องนิดหน่อยแล้วถ้าพ่อของวินจะรู้ถึงขั้นว่าผมไม่ได้ติดต่อเขาขนาดนี้ แต่ที่ไม่ได้ติดต่อใช่ว่าจะนิ่งเฉย ผมถามข่าวคราวเขาจากเพื่อนทั้งสองของวินตลอดเพียงแต่ไม่ให้วินรู้ ทั้งยุ่งเรื่องงานด้วยแล้วก็อยากให้เวลากับวินด้วย และตอนนี้ก็คิดว่าได้เวลาที่สมควรแล้วที่ต้องมาง้ออีกฝ่ายแบบเต็มที่
“ผมอยากให้เวลากับวินครับ แต่ว่าตอนนี้คงได้เวลาที่ต้องคุยกันแล้ว...ผมขอโทษคุณพ่อและคุณแม่ที่ทำให้วินเสียใจ” คราวนี้ยกมือไหว้ไม่ใช่การไหว้สวัสดีแต่เป็นการขอโทษที่ทำให้ลูกชายของท่านทั้งสองต้องเสียใจ
“...”
“คนแก่ขี้เก๊กน่ะจ้ะ...เอาเถอะ แม่เข้าใจว่าคนรักกันต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา พัตขึ้นไปหาวินที่ห้องเถอะลูก ยังไงดึกแล้วจะนอนที่นี่เลยก็ได้ ท่าทางคงจะเหนื่อยน่าดู” คุณแม่ส่งยิ้มอ่อนๆให้อย่างเห็นใจ ดูจากสภาพภายนอกก็คงแย่ไม่น้อย ผมไม่ได้นอนมาจะสองวันเต็มๆหน้าตาคงปิดความอิดโรยไว้ไม่มิด
“ขอบคุณครับ..ผมขออนุญาตนะครับ” คุณพ่อยังยืนจ้องผมนิ่งแต่คุณแม่พยักหน้าพร้อมกับส่งสัญญาณให้ขึ้นไปข้างบน ผมจึงค้อมหัวให้ท่านทั้งสองก่อนจะเลี่ยงขึ้นไปหาวิน
ก๊อก ก๊อก
เคาะประตูห้องนอนของคนที่โหยหาเพียงไม่กี่ทีแล้วรอให้เขามาเปิด
“ใครครั...” วินเอ่ยเสียงก่อนที่จะเปิดประตูออกมา พอเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่หน้าห้องหางเสียงก็หายเข้าลำคอเล็กไปทันที
“ขอพัตเข้าไปได้ไหมครับ” คนที่อยู่ในห้องมองมาที่ผมโดยไม่ได้พูดอะไร เมื่อเห็นเขานิ่งผมเลยลองเอื้อมมือไปจับประตูให้เปิดออกกว้างอีกนิด พอเขาไม่ได้มีท่าทีต่อต้านก็ค่อยๆสอดกายเข้าไปในห้องก่อนจะดันประตูให้ปิดลงพร้อมกับกดล็อค
“มาง้อนะครับ” ค่อยๆจับมือเล็กๆทั้งสองข้างขึ้นมาจับ โล่งอกไปอีกนิดที่วินไม่ได้สะบัดออก
“...”
“...”
“พึ่งจะมาทำไมตอนนี้ อึก หายเงียบไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง” น้ำตาหยดสวยไหลลงกระทบแก้มทันทีที่วินเอ่ยพูด พอเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ผมก็รั้งตัวเขาเข้ามากอดแล้วลูบหลังเล็กๆอย่างปลอบโยน
“ที่หายเงียบไปเพราะคิดว่าวินคงยังไม่พร้อมคุย...แต่ไม่ได้ทิ้งนะครับ รู้ตลอดว่าอยู่ไหนทำอะไรเป็นยังไงบ้าง กลับมาง้อแล้วนะ...คิดถึงที่สุด” คนในอ้อมกอดดูเหมือนจะผอมลงไปนิดทั้งที่ปกติวินจะกินเก่งตลอด แต่เมื่อช่วงที่ผ่านมาจากการายงานของเพื่อนเขาบอกว่าวินซึมๆไม่ค่อยจะทานอะไรนั่นคงเป็นสาเหตุ
“ฮึก มะ ไม่ต้องมาพูด...เรา อึก โกรธ คนนิสัยไม่ดี ไปจูบกับคนอื่นแล้วก็ หะ หายเงียบไป ไม่ติดต่อมา...เหนื่อยที่จะง้อแล้วใช่ไหม ไม่รักเราแล้วใช่ไหม” สองมือเล็กๆทุบที่หลังผมไปมาอย่างสะเปะสะปะแต่ไม่ได้ทำให้สะเทือนเท่ากับน้ำตาที่หยดลงบนไหล่และคำพูดจากปากเล็กๆนั่น
คำว่าไม่รักเขาที่ออกจากปากคนที่เรารักที่สุดนี่แหละเจ็บปวดที่สุดแล้ว
“ยอมรับผิดทุกอย่างเลย แต่ไม่ยอมรับเรื่องไม่รัก...รักนะครับ รักเหมือนเดิม อย่าพูดว่าพัตไม่รักวินเลยนะ มันไม่เคยน้อยลงเลย ไม่มีวันไหนที่ไม่รัก ไม่เคยเหนื่อยที่จะง้อ ทุกเรื่องที่วินเสียใจพัตผิดเอง ผิดจริงๆ...เลิกร้องไห้นะ”
“ ฮะ ฮึก “ อีกคนยังคงสะอึกสะอื้นอยู่เบาๆ
“เลิกร้องเถอะนะคนเก่ง” ผละออกมามองหน้าคนที่ร้องไห้จนหมดสภาพ หน้าเล็กๆนั่นแดงไปหมด ทั้งตาและจมูกก็แดงก่ำจนผมต้องยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากกรอบหน้าของอีกคนให้อย่างแผ่วเบาโดยมีวินจ้องหน้าผมอย่างไม่คลาดสายตา
“คะ คนนิสัยไม่ดี”
“ครับ”
“ใจร้าย”
“ครับ” ยอมรับทุกข้อที่วินว่ามาทั้งหมด “เป็นคนที่นิสัยไม่ดีเลยเนอะ ทำแฟนเสียใจแล้วก็ร้องไห้ขนาดนี้” มือทั้งสองข้างเลื่อนไปกุมหน้าเล็กๆของวินเอาไว้แล้วไล้ไปที่แก้มนุ่มเบาๆ
“ยังไม่หายโกรธ” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ท่าทีที่มีต่อผมของวินก็ดูเหมือนว่าจะอ่อนลงมากแล้วให้พอได้ใจชื้น
“ครับๆ จะง้อจนกว่าจะหาย จะให้ทำอะไรจะทำให้หมดเลย”
“แล้วไหนบอกกลับต้นเดือน” ตามกำหนดเดิมก็เป็นอย่างนั้น
“ต้องกลับมาหาแฟน คิดถึงมากจนทนไม่ไหวเลยรีบเคลียร์งานแล้วก็กลับมานี่แหละครับ ลงเครื่องก็รีบมาหาเลย...เหนื่อยจัง ขอพักก่อนได้ไหม” ซบหัวลงกับไหล่เล็กแล้วเคาะเบาๆสองสามที พอมาถึงตอนนี้อยู่เฉยๆความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งหมดก็แสดงผล อยากหลับมันซะตรงนี้และตอนนี้ทั้งที่ก่อนหน้าผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นนอกจากคิดแค่ว่าต้องรีบมาหาวินให้เร็วที่สุด
“ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยพัก...ยังไม่ได้หายโกรธนะแต่จะยอมให้ก่อนก็ได้” เห็นไหมว่าแฟนผมน่ารักที่สุดแล้วจริงๆ
“อาบน้ำให้ด้วยได้ไหม” เงยหน้าขึ้นแล้วส่งสายตาวิบวับให้
“คนบ้า! ไม่ต้องมาพูดทะลึ่งนะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวเราจะไปเตรียมเสื้อผ้าแล้วก็หาอะไรรองท้องให้” วินผละออกไปก่อนจะค้อนงามๆให้หนึ่งวงจนผมหลุดหัวเราะออกมา ความรู้สึกหนักอึ้งทั้งหมดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเบาบางลงราวกับยกภูเขาออกจากอก
“ไม่ต้องมายิ้ม โทษยังเหลืออีกเยอะ...เข้าห้องน้ำไปได้แล้ว”
“ครับๆ” แฟนพูดอย่างนั้นก็ต้องรีบทำตาม พอวินเดินออกจากห้องผมก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวของเจ้าของห้องแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวที่ยังไม่ได้ใช้ผมก็รู้ว่าอยู่ตรงไหนแต่แค่อยากใช้ของวินก็เท่านั้น
เปิดตู้เล็กๆตรงเคาท์เตอร์ในห้องน้ำคว้าแปรงสีฟันออกมาแปรงฟันก่อนจะรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
ผมใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานนักก็เดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไว้เพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่ มาแค่ตัวจริงๆ
“ทำไมไม่ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้” วินเดินถือชุดเข้ามาให้พร้อมกับเอ่ยถาม คิ้วเล็กๆขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อเห็นว่าผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนตัวผมเป็นของเขา
“อยากใช้ของแฟน”
“รีบแต่งตัวเลย” ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่องด้วย
“กางเกงใน?”
“อยู่ในนั้นแหละ”
“ของใคร” ไม่ใช่ของวินแน่ๆ วินจะมีกางเกงในไซส์อื่นไว้เพื่ออะไร ส่วนเสื้อผ้าที่เอามาให้ก็เป็นชุดบอลของผมที่วินยึดไปเป็นของตัวเอง
“ก็ซื้อมาไว้ให้คนแถวนี้แหละ ไม่ต้องถาม ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เลย” วินดันหลังให้ผมเดินเข้าไปแต่งตัว พอออกจากห้องน้ำอีกรอบก็เห็นคนตัวเล็กนั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมห้อง เป็นโต๊ะตัวเล็กๆแล้วบนนั้นก็อาหารวางอยู่สองสามอย่าง
“ยังไม่ทานอะไรเลยใช่ไหม ข้างล่างมีแค่แกงจืดกับนักเก็ตนะ” ผมทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามวินแล้วยิ้มให้เขา
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากที่อุตสาห์ยุ่งยากหาอะไรมาให้พัตทาน”
“ก็...ไม่ได้ยุ่งยากอะไรซักหน่อย”
“ยังไงก็ขอบคุณครับ” ผมลงมือทานข้าวโดยมีวินนั่งทานขนมอยู่เป็นเพื่อน จำได้ว่าเมื่อก่อนจะขึ้นมาหาเขาแม่บ้านก็บอกแล้วว่าพึ่งกินขนมไป ตอนนี้ก็กินอีกแล้ว เหมือนว่าวินคนกินเก่งคนเดิมจะกลับมาแล้ว
“กอดเบาๆก็ได้” ทั้งห้องปิดไฟเรียบร้อยหลังจากที่เราจัดการตัวเองกันเสร็จ ผมและวินกำลังเตรียมตัวจะเข้านอน ทั้งที่ตาปรือเริ่มจะปิดแต่ผมก็ยังรออีกคนลงมานอนข้างๆกัน พอวินดูความเรียบร้อยเสร็จล้มตัวลงผมก็คว้ามากอดทันที
“คิดถึง” พูดพร้อมกับพรมจูบไปทั่วหน้าหวานทั้งที่อยู่ในความมืด
“อื้อ นอนได้แล้ว”
“รัก...” จำได้แค่ว่าผมเอ่ยคำนี้ออกไปเป็นคำสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบลงเนื่องจากความง่วงที่เข้าครอบงำ รู้เพียงแค่ว่าพอมีวินในอ้อมกอดก็ไม่ต้องห่วงหรือต้องกังวลอะไรอีก เรื่องที่ผมไม่สบายใจทั้งหมดได้เบาบางลงแล้ว
“อะ อือ” ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน ผมนอนยาวจนกระทั่งร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ถึงได้รู้สึกตัว รอบๆห้องของวินมืดสลัวเนื่องจากผ้าม่านที่บดบังแสงแดดจากภายนอกจนหมด คนที่นอนอยู่ข้างตัวตั้งแต่เมื่อคืนคงจะตื่นไปนานแล้ว
ผมค่อยๆก้าวลงจากเตียงพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียงถึงได้รู้ว่าตอนนี้ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายโมง
พอก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำก็เห็นเสื้อผ้าชุดที่ผมใส่มาเมื่อคืนวางไว้ให้ที่เคาท์เตอร์ เห็นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ การกระทำเล็กๆน้อยๆของอีกคนที่คอยดูแลทำให้ในใจรู้สึกอุ่นๆทุกครั้งที่ได้รับ
ออกจากห้องน้ำมาก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาจากคนข้างนอก
“อาบน้ำแล้วเหรอ หิวไหม?” วินถามพร้อมกับเดินไปเปิดไฟให้ทั้งห้องสว่างขึ้น
“นิดหน่อยครับ” ผมยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาวินใกล้ๆ
“น้ำหยดหมดแล้ว ทำไมไม่รู้จักเช็ดผมให้ดีๆ” ถึงจะบ่นแต่เขากลับเป็นฝ่ายคว้าผ้าเช็ดตัวในมือผมไปแล้วดันให้นั่งลงปลายเตียงก่อนจะขยับไปนั่งด้านหลัง ผ้าผืนใหญ่ถูกวางไว้บนหัวแล้วมือเล็กก็ขยำเช็ดไปมาให้เบาๆ
“สบายจัง” รู้สึกดีจนทำเอาผมเคลิ้มจะหลับอีกรอบ
“ลงไปกินข้าวได้แล้ว” วินเอาผ้าออกจากหัวแล้ววางลงข้างเตียงเมื่อเช็คว่าผมหมาดแล้ว ผมเลยได้โอกาสดึงมือทั้งสองข้างของเขามาประสานกันข้างหน้า ลำตัวของคนตัวเล็กเลยแนบกับหลังของผมเต็มๆ ท่าทางตอนนี้คือวินโอบผมจากด้านหลัง หัวทุยๆก็คลอเคลียอยู่ข้างไหล่
“คิดถึงมากๆเลยรู้ไหม...พัตขอโทษนะที่ทำให้วินเสียใจ” ลูบไล้มือที่แสนจะบอบบางไปมาเบาๆ มือคู่นี้สินะที่คอยดูแลผมมาตลอดตั้งแต่ที่คบกัน มือที่คอยทำนู้นทำนี่ให้ตลอด
“ถ้าทุกอย่างที่พัตทำอยู่บนความรู้สึกที่ยังรักเราก็ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณที่ยังรู้สึกเหมือนเดิม ขอบคุณที่ไม่เคยน้อยลง ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้” หัวเล็กซุกเข้ากับซอกคอให้ผมต้องกระชับมือที่จับกันอยู่ให้แน่นขึ้น
“ขอบคุณเหมือนกันนะครับ...ส่วนเรื่องมิกะพัตผิดเองที่ไม่ได้ระวังตัว แต่มันก็จบไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีมีเรื่องแบบนี้อีก” ผมคิดไว้แล้วว่าต่อให้เธอจะมีข้อเสนอเรื่องงานดีๆก็คงไม่รับไว้ หลังจากที่คุยกับพ่อและแม่ท่านทั้งสองก็บอกว่าไม่เป็นไรถ้าหากมันทำให้ผมกับวินต้องมีปัญหากัน
“ถึงเราจะเข้าใจแต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี ปากนี้เหรอที่เขาจูบ นี่ๆๆๆ” วินชะโงกหน้ามากดจูบลงบนปากผมรัวๆราวกับจะลบรอยสัมผัสของมิกะออกไปให้หมดจนผมต้องหลุดหัวเราะออกมา รั้งคนที่อยู่ด้านหลังให้ลงมานั่งตักอย่างรวดเร็วจนวินผวาคว้าเข้าที่ต้นคอเพราะกลัวตก
“แตะกันไม่ถึงสามวินาทีไม่มีสึกหรออะไรเลยทั้งนั้น แต่ถ้าวินอยากลบรอยเดี๋ยวพัตจัดการเอง”
คราวนี้ไม่ใช่แค่กดปากแนบกันเฉยๆแบบที่วินทำ ผมจัดการเลาะเล็มปากนุ่มของบนตักแล้วดูดดึงเบาๆก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปหาความหวานภายในเมื่ออีกคนเผยอปากออกโดยไม่ได้ตั้งใจ เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังขึ้นเบาๆก่อนจะรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ของเราทั้งคู่ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกันแบบนี้ สองอาทิตย์ที่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมานทำให้ผมอยากจะเติมเต็มมันให้มากที่สุด
เสียงครางของวินดังเล็ดรอดออกมาเบาๆจนทำให้อะไรบางอย่างภายใต้กางเกงเนื้อดีของผมมันดุนดันขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เหมือนว่าอีกคนพึ่งจะรู้ตัวว่าเขาได้ปลุกอะไรๆที่มันหลับใหลให้ตื่นถึงได้รีบผละออก
“ฮะ แฮกๆ...ละ ลงไปทานข้าวได้แล้ว” คนพูดกอดรอบคอแล้วซบหน้ากับไหล่ผมแน่นอย่างเขินอาย
“ลงไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว ทำไงดีอ่ะ” ก็มันคับแน่นซะขนาดนี้
“กะ ก็ไปจัดการตัวเองสิ! ปล่อยเราลงนะ เดี๋ยวยาวแล้วไม่ได้ลงไปทานข้าวพอดี” คนในอ้อมกอดดิ้นขลุกขลักเมื่อผมรัดเอวเขาไว้แน่นอย่างไม่ยอมให้ลงไปง่ายๆ
“ช่วยพัตนะครับ ถ้าวินไม่ช่วยวันนี้ลงไปไหนไม่ได้แน่ๆ ทำให้มันตื่นแล้วก็ต้องรับผิดชอบดิ” ก็ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พอมาอยู่ใกล้ๆได้กลิ่นตัวหอมๆได้สัมผัสกันแบบนี้ใครไม่มีอาการก็ให้มันรู้ไป อยู่นู้นวันไหนที่คิดถึงวินมากๆก็ใช้มือตัวเองนี่แหละ แต่ตอนนี้มีวินอยู่ตรงนี้แล้ว มีแฟนก็ต้องให้แฟนช่วยถูกไหม
“มะ ไม่เอา” ปฏิเสธเสียงเบาจนผมต้องเพิ่มเลเวลการอ้อนอีกนิด
“นะครับ...แค่ปากเองนะ นะ” แววตาของคนตรงหน้าสั่นไหวอย่างชัดเจนจนผมแอบยิ้มกับตัวเองในใจ เกร็งหน้าไว้สุดแรงห้ามหลุดเด็ดขาด ไม่งั้นภารกิจนี้จะล้มเหลวแน่
...........................................................
สรุปแล้วกว่าที่เราจะได้ลงไปทานข้าวกันก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองครึ่ง ดีที่ว่าพ่อกับแม่วินไม่อยู่เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาที่ท่านต้องออกไปทำงานไม่อย่างนั้นคงน่าเกลียดน่าดูที่กว่าจะลงมาก็บ่ายคล้อยเข้าไปแล้ว พอลงมาวินก็แทบไม่มองหน้าผมเลย สบตาทีก็หน้าแดงทีจนผมอดแหย่ไม่ได้
“เลิกเขินได้แล้วครับ ตัวแดงเหมือนกุ้งแล้วนะ” วินนั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองผมเลยซักนิด ที่จริงเจ้าตัวเขาทานข้าวเที่ยงไปแล้วแต่พอเห็นผมทานก็หิวขึ้นมาด้วยซะอย่างนั้น
“ก็เพราะใครเล่า! ไม่ต้องมาแกล้งเลย”
“พัตไม่ได้แกล้งซักหน่อย ขนาดนี้แล้วเลิกเขินได้แล้วครับ” คบกันมาขนาดนี้เขายังเขินไม่ต่างจากแรกๆที่เราคบกันเลย
“ใครจะหน้าด้านเหมือนพัตล่ะ รีบกินไปเลยไม่ต้องคุยกับเรา” ว่าจบคนพูดก็ลงมือทานข้าวของตัวเองอย่างตัดบท ผมได้แต่หัวเราะกับความน่ารักของแฟนตัวเองแล้วลงมือทานข้าวของตัวเองเช่นกัน
ระหว่างที่ทานข้าววินก็ถามผมทุกเรื่องที่เจ้าตัวอยากรู้ ทั้งตอนอยู่ญี่ปุ่น กลับมาตอนไหนอะไรยังไง ละเอียดยิบราวกับกำลังสอบสวนคนทำความผิดมาซึ่งผมยินดีที่จะตอบทุกเรื่อง ไม่มีปิดบัง
“เจ้าเจมส์ ให้ตัวอื่นกินด้วยสิ” ผมนั่งข้างๆมองวินด้วยความตลก เขานั่งคุยกับปลาตัวเองเป็นตุเป็นตะราวกับมันจะรู้เรื่องอย่างนั้นแหละ
“ตรงนี้เย็นสบายดีนะ” บ่อปลาที่ประจำของวินอากาศดีเพราะถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ลมโกรกเย็นๆทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย เหมาะกับการมานอนเล่นจริงๆ
“อื้อ เรามานอนตรงนี้ประจำแหละ มาคุยกับบรรดาเจ้าพวกนี้”
“พัตพึ่งรู้ว่ามีแฟนพูดกับปลารู้เรื่องด้วยนะเนี้ย”
“เพราะเราเก่งไง”
“ครับๆ เก่งมากครับ” วินยักคิ้วให้ก่อนจะวางอาหารปลาลงข้างตัวแล้วขยับมานอนข้างๆกัน เราเอาเสื่อมาปูข้างๆบ่อปลาแล้ววินก็จัดการขนหมอนมาเต็มไปหมด ผมหลับตาลงแล้วรั้งให้วินขยับมานอนเกยอก หอมหัวคนในอ้อมไปทีนึงเน้นๆ
“แล้วนี่งานเรียบร้อยแล้วเหรอครับ”
“อื้อ แต่ก็เหลือแก้อีกนิดหน่อยนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ รอแค่พรีเซ้นตอนเปิดเทอม”
“หายโกรธพัตหรือยัง” จำได้ว่าเขาบอกผมว่าโทษยังเหลืออีกเยอะเลยถามออกมา ถ้ายังจะได้ง้อต่อ
“โกรธแล้วหายแล้ว” ผมลืมตาขึ้นมามองแต่ก็เห็นเพียงหัวเล็กๆด้านหลังของคนที่ซบอยู่บนอก
“ถ้ายังก็จะง้อ...ง้อนะ หายโกรธนะครับ”
“หายแล้วววววว” วินลากเสียงยาวพร้อมกับกอดเอวผมแน่นขึ้น
“แฟนใครใจดีจัง”
“แฟนใครก็ไม่รู้”
“แฟนพัตดิ”
“หึ พรุ่งนี้พาเราไปตัดผมด้วยนะ ผมยาวแล้ว” อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่องซะอย่างนั้น
“แบบนี้ก็น่ารักอยู่แล้ว”
“ร้อน พาไปนะ ไปซื้อของด้วย...ไปเจเจด้วยนะ อยากเดินเล่น”
“งั้นไปซักบ่ายๆ ค่ำๆค่อยไปเจเจ โอเคไหมครับ”
“อื้อ”
TBC.
Talkบอกแล้วว่าดราม่าไรไม่มี กลับมาใสๆล้าวววว
มีฉากคัทเล็กๆของตอนนี้ที่ไม่ได้ลงค่ะ(เพราะเขินจัด><) ใครที่อยากได้เค้ามีข้อเสนอเล็กๆ
นั่นก็คืออออออออออออ.....เค้ามีแอคเคาท์ทวิตแล้วนะคะะะะะะ ใครอยากได้ขอมาได้ที่ทวิตนะ @exsoull_ โลดดดดดดดดด
(ฉากนี้ตั้งใจไม่ลงอยู่แล้วนะคะ คนอยากอ่านขอมาได้ แต่ถ้าไม่อ่านก็ไม่เสียหายน๊า)
https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/?fref=ts #twiter >> @exsoull_