เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เริ่มต้นจากการแอบรัก ตอนที่30(END) 06/06/2559(03.33) p.16 *จบแล้วย้ายห้องได้ค่ะ  (อ่าน 308339 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อารมณ์คนใจน้อย ปิดโทรศัพท์ข้ามวันข้ามคืนเลย
*แอบงงๆกับชื่อเรื่องในตอนแรก

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ชอบเรื่องนี้นะฟิน ยิ้มได้ทุกตอน

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เคลียร์กันเร็วๆนะ
ชอบอะ พระเอกดูมีมุมเเบดอยู่ด้วย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ความคิดหรือการกระทำของพัตคือดีนะ
แต่อย่าให้หึงให้หวง มาดหลุดเลยนะ
ชักจะสงสารวินขึ้นมาแล้วซิ
แต่วินก็ขี้หึงใช่ย่อย
สรุปพอกันทั้งคู่ 555

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อาาา เรากลับชอบซีนอารมณ์นี้จังเลยแฮะ 5555 มันเจ็บจี๊ดๆที่ใจดี

มาต่อบ่อยๆนะค้าา ชอบเรื่องนี้จัง

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6

ตอนที่ 6.2

“หวงอะไรขนาดนั้นวะ มึงทำให้พวกกูสงสัยว่าวาดภาพโป๊แล้วนะ”

“หรือว่ามึงวาดจริงๆ โอ้มายก็อดดดด”

เสียงเพื่อนของตัวเองร้องโหยหวนอย่างโอเวอร์ทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนีอย่างกลัวว่าจะอดถีบมันไม่ได้ เรื่องของเรื่องก็คือหลังจากที่พวกมันมาที่ห้องตามที่บอกว่ามาเรื่องงาน แล้วพอมาถึงก็แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นเรื่องงานด้วยการกิน กิน แล้วก็กิน กว่าจะได้เริ่มจริงๆจังๆก็ปาไปเกือบจะสองทุ่ม แล้วไอ้ประโยคข้างบนคือมันสองคนขอดูงานของผมแล้วผมไม่ให้ก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นความลับอะไรหรอกครับ กวนตีนมันเฉยๆ

“ไร้สาระเกินไปแล้วพวกมึง เดี๋ยวตอนส่งก็เห็นเอง...นั่งเงียบๆแล้วก็ทำงานไปซะ”

“ที่เหลือเดี๋ยวค่อยทำ มึงไกด์ให้พวกกูแค่นี้ก็รอดแล้ว...เอาเรื่องของมึงดีกว่า ไอ้กิมบอกมึงมีเรื่องแล้ววันนี้มึงก็แปลกๆ”

ไอ้จีนเอ่ยถามขึ้นมาพลางวางงานในมือตัวเองลงในขณะที่ไอ้กิมมันวางงานของมันลงตั้งนานแล้ว ยิ่งพอวกเข้ามาเรื่องนี้นี่รีบเขยิบเข้ามาหาทันที หน้าตาก็ไม่ค่อยจะบ่งบอกถึงความเสือกเท่าไหร่

“แปลกยังไง” ผมถามด้วยความสงสัย ผมคิดว่าตัวเองปกตินะ อาจจะคิดเรื่องนั้นบ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

“มึงเหมือนมีอะไรคิด ไม่ได้แสดงออกจากท่าทางแต่แววตามึงบอกว่ากำลังมีเรื่องที่อยู่ในใจ” ไอ้กิมจอมจับผิดเช่นเดิม คำพูดไม่เท่าไหร่แต่สายตาและท่าทางที่มองมาราวกับกำลังบอกว่ามึงเล่ามาให้หมด

“มึงก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่รอดพ้นสายตาพวกกู เพราะงั้นเล่ามาซะ”

พอไอ้จีนกดดันมาอีกคนผมเลยต้องเล่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนแรกก็กะจะยังไม่บอกเพราะยังไม่อยากจะพูดถึง แต่ว่าตอนนี้มากันครบองค์ขนาดนี้ยังไงก็คงต้องเล่า ใช้เวลาไม่นานที่จะอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างนั้นพวกมันก็ต้องใจฟังซะยิ่งกว่าตอนเรียนกันซะอีก

“โคตรเด็กไอ้เหี้ย สรุปคือมึงงอนเขาว่างั้น ถึงขั้นปิดโทรศัพท์หนีเลย”

“โดว่ กูก็นึกว่าเรื่องอะไร อุตสาห์บอกไอ้จีนอย่างเคร่งเครียดว่ามึงมีปัญหา...มันจะยากไรวะ มึงก็ง้อเขาแค่นั้นก็จบละ”

“เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกดีไม่ใช่ไง ส่วนเรื่องไอ้พี่การ์ดมึงก็อย่าไปคิด เอาจริงนะ...ว่าถ้าวินจะชอบมันป่านนี้ชอบไปนานแล้วป๊ะวะ นี่เขาคุยกับมึงก็แสดงว่าคงไม่อะไรกันหรอก ไม่งั้นพี่การ์ดมันก็คงไม่ยอมให้วินคุยกับมึงแล้ว”

พอคิดตามคำพูดของเพื่อนถึงได้รู้ นั่นสินะ ถ้าวินจะชอบพี่การ์ดป่านนี้ก็คงจะคบกันไปตั้งนานแล้ว ที่ยังไม่คบก็แสดงว่ายังไม่ได้ชอบ แล้วก่อนที่มันจะทำให้วินชอบผมก็ต้องชิงลงมือก่อน

“เออๆ กูเข้าใจแล้ว พวกมึงไม่ต้องย้ำกันขนาดนั้น เสร็จงานแล้วก็กลับไปได้แล้ว” ก่อนที่พวกมันจะพูดอะไรไม่หยุดมากกว่านี้ แค่นี้ก็แซะผมจะแย่

“สลัด ไล่พวกกูเลย กูไม่ไปกูจะอยู่นี่....” ยังไม่ทันที่คนจะดึงดันอยู่นี่พูดจบดีด้วยซ้ำเสียงโทรศัพท์มันก็ดังขึ้นก่อน

“ครับน้องแพร...ได้สิครับ...งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ...ครับผม” พอวางสายมันก็เริ่มเก็บของทันที

“กูกลับละ” เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พอตอนนี้ดูระริกระรี้อยากกลับเชียว

“ถุย เด็กมานี่รีบเลยนะมึง เมื่อกี้ยังไม่กลับๆอยู่เลย” ไอ้จีนจัดให้เพื่อนมันหนึ่งดอกด้วยความหมั่นไส้

“แน่นอน ผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อนเสมอ ว่าแต่กูนะมึง ใครรออยู่ห้องอย่าคิดว่ากูไม่รู้ จะกลับไหมครับจะได้ออกไปพร้อมกันเลย”

“กลับ!” เออ พอกันอ่ะพวกมึงทั้งสองคน ผมมองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยความเบื่อหน่าย แต่ละคนก็ต้องกลับไปหาเด็ก ดีๆกันทั้งนั้น ไอ้เหี้ยกิมนี่ช่วงนี้น้องแพรๆ อีกหน่อยก็ชื่ออื่นแล้ว บางทีจนจำไม่ทันว่าคนที่มันคั่วอยู่ปัจจุบันชื่ออะไร ไอ้จีนเองก็ไม่ได้ต่างกันซักเท่าไหร่

“พวกกูไปละ บรั๊ยยยย” เสียงกระแดะไปไหน พูดเสร็จก็สะบัดตูดออกไป ทีตอนโทรมาเพราะคิดงานไม่ออกนี่อ้อนวอนกูจัง

“เจอกันพรุ่งนี้”

ไอ้จีนบอกก่อนจะเดินตามไอ้กิมไป ผมเองก็ปิดประตูห้องตัวเองกลับมาเก็บซากของที่พวกมันทำเอาไวตรงระเบียง ตอนนี้เกือบๆจะเที่ยงคืนแล้วน้ำก็ยังไม่ได้อาบ เหนียวตัวเต็มแก่เลยเดินเข้าห้องไปอาบน้ำให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกมาดูความเรียบร้อยปิดไฟข้างนอกให้เสร็จสับให้เหลือแค่ในห้องนอน

“เวร ลืมเอาโทรศัพท์มานี่หว่า” ว่าจะเปิดเครื่องแต่เดินหายังไงก็หาไม่เจอ นึกดูดีๆถึงรู้ว่าตัวเองเอาวางไว้ข้างเตียง พอตอนลงมาก็ไม่ได้หยิบมาด้วยซะอย่างนั้นเพราะคงจะลืม เห้อ เดี๋ยวบอกให้คนที่บ้านเอามาให้พรุ่งนี้แล้วกัน



.............................................




“พัต...” ผมเดินลงมาจากตึกหลังเลิกเรียนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นใครยืนอยู่ข้างหน้า

“มาทำไร” ชิบหาย ประโยคที่ผมพูดทำเอาวินหน้าเจื่อนลงทันที ผมจะสื่อประมาณว่ามาทำอะไรที่นี่ มาได้ยังไง ทำไมถึงมา อะไรประมาณนั้น แต่เพราะตื่นเต้นด้วยที่เจอหน้าคำพูดเลยดูเหมือนไม่ได้คิดก่อนพูดซักนิด เขามากับเพื่อนสองคนมั้ง น่าจะเป็นคนที่ยืนอยู่ทั้งซ้ายขวาของเจ้าตัวซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้สนใจ สนใจแต่คนตัวเล็กข้างหน้านี่แหละ ไอ้ตัวดีข้างตัวนี่ก็สะกิดกูจังเลย

“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” อีกคนพูดอ่อยๆราวกับไม่แน่ใจหรือกลัวอะไรบางอย่าง ผมตั้งใจจะไปหาเขาเหมือนกัน แต่พอวินมาหาก่อนก็พอดีเลย ยังไงก็ต้องคุยกันอยู่แล้ว ไม่ปล่อยไปหรอก

“ได้ดิ...พวกมึงสองคนกลับเลย” ไม่ได้ไล่ซักนิด แต่ส่งสายตากดดันให้พวกมันรู้ว่ามึงต้องกลับเดี๋ยวนี้เลยนะ

“เออๆ” รู้งานดีทั้งสองคน แต่ผมก็ยังแอบเห็นว่ามันส่งยิ้มให้วิน ถึงจะยิ้มตามมารยาทก็เถอะ แต่ผมก็ยังหมั่นไส้อยู่ดี

“งั้นพวกเรากลับก่อนเหมือนกันนะ เอาไว้เดี๋ยวโทรหานะวิน” เห็นไหมว่าเพื่อนเขารู้งานไม่เหมือนเพื่อนผมที่ต้องให้ไล่

“อืม” วินพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองของตัวเองก่อนที่ตอนนี้จะเหลือเราเพียงสองคนยืนอยู่หน้าตึก คนผ่านไปมาก็มองกันชิบหายอ่ะ แน่ล่ะว่าเดือนทันตะมาอยู่ที่นี่จะไม่เป็นที่สนใจได้ยังไง

“งั้นไปคุยกันที่สวนแล้วกัน” หลังคณะผมจะมีสวนหญ้าที่มีบ่อน้ำอยู่ด้วย ผมชอบที่นั่นเวลาที่มีช่วงพักรอเรียนต่อหรือตอนคิดงานไม่ออกก็จะไปอยู่ที่นั่น เป็นที่หลับของไอ้จีนประจำ อากาศดีครับ ลมพัดเอื่อยๆแถมไม่ค่อยมีคนด้วย

“ไปสิ” พออีกฝ่ายรับคำผมก็เลยเดินนำให้เขาตามมา ถึงที่ก็ทรุดตัวลงนั่งตรงพื้นหญ้าที่ถูกตัดสั้นไว้พร้อมกับมองไปที่บ่อน้ำขนาดใหญ่ ลมพัดในช่วงสี่โมงเย็นแบบนี้ก็สบายดี จนสัมผัสได้ว่าวินนั่งลงข้างเลยหันมาหาเขา

“มาหาเรามีอะไรจะคุยหรือเปล่า” วินมีสีหน้าที่ดูกระอักกระอ่วนเหมือนจะอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดผมเลยถามเขาออกไปก่อน

“โทรหาไม่เห็นติดเลย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ แชทก็ด้วย...โกรธมากเหรอ”

หืม ผมนี่นะจะโกรธเขา แต่ถึงโกรธจริงๆเห็นหน้าตอนนี้ก็หายแล้วล่ะ เสียงเล็กๆค่อยๆเอื้อนเอ่ยออกมาราวกับกลัวผมจะโกรธ หน้าหวานๆตากลมโตก็แสดงออกเหมือนกับกลัวผมจะว่าอะไรเจ้าตัวอย่างนั้นแหละ วินนั่งชันเข่าอยู่ มือที่ประสานกันตรงเข่าก็บีบเข้าหากันแน่น

“เปล่าๆ เราลืมโทรศัพท์ไว้บ้าน เลยไม่ได้ตอบอะไรซักอย่างเลย” แต่ก็ไม่ได้บอกหรอกว่าไอ้ที่โทรไม่ติดน่ะคือตอนแรกตั้งใจปิดเครื่องไว้ไง

“แต่วันนั้นพัตโกรธ...” ให้ตายเถอะ ไอ้หน้าตาน่าสงสารนี่เขาหัดทำมาจากไหนวะ น่ารักชะมัดอ่ะ

“เอาเป็นว่าช่างมันเถอะนะ รู้แค่ว่าตอนนี้เราไม่ได้โกรธ วันนี้ก็กะว่าจะไปหาอยู่แล้ว”

อีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น ผมจำได้ว่าวันจันทร์เขามีเรียนถึงสี่โมงเย็นเช่นกัน นี่ก็ว่าจะไปรอที่ตึกทันตะหลังจากเลิกเรียนเพราะวันนี้อาจารย์ปล่อยก่อนเวลานิดน่อย ไม่ได้คิดว่าเขาจะมาหาก่อน ว่าจะโทรหาแต่โทรศัพท์ก็ยังอยู่บ้านเลยไม่ได้โทร บอกแม่ให้คนเอามาฝากไว้ที่คอนโดให้ก่อน

“ก็เราติดต่อพัตไม่ได้เลย”

“ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านจริงๆ เอาเป็นว่าเคลียร์แล้วนะ เราไม่ได้โกรธอะไร...ขอโทษนะที่วันนั้นพูดจาแล้วก็ทำตัวไม่ดีใส่” คราวนี้เป็นทีผมบ้างที่ต้องพูด ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่ที่แสดงท่าทางแบบนั้นใส่เขาออกไป

“อื้ม...ไม่ได้โกรธเหมือนกัน เราเองก็ทำตัวไม่ดี” กลายเป็นว่าตอนนี้ต่างคนต่างขอโทษกัน

“โอเค เข้าใจแล้วก็ไปทานข้าวกัน” พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน วินยังคงนั่งงงอยู่แบบนั้นจนผมยื่นมือไปหา ถึงดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เข้าใจแต่ก็ยอมส่งมือมาให้ผมดึงขึ้นยืน

“วิน....”

“หือ” วินเลิกคิ้วถามอย่างบอกว่าเรียกเขาทำไม ผมยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งที่ถือโอกาสจับมือเล็กไว้แน่น กลายเป็นว่าตอนนี้เรายืนหันหน้าเข้าหากันโดยที่มือนึงจับกันอยู่

“เราขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“ได้สิ” วินทำหน้าแปลกใจซักพักก่อนจะพยักหน้ายืนยันด้วยอีกทางว่าผมสามารถถามเขาได้

“ตอนนี้...คุยอยู่กับใครบ้าง”  รู้ว่าคำถามโคตรไม่น่าถามแต่ผมก็ยังอยากถาม เขาอาจจะโกหกหรืออะไรก็ได้ที่จะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่ผมก็ยังอยากฟังคำตอบของเขาอยู่ดี อะไรบางอย่างบอกว่าเขาจะไม่โกหก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ก็คุยอยู่กับคนเดียวเหมือนกัน : )”

อาจจะเป็นความมั่นคงที่ถูกส่งมาจากตาดวงโต รอยยิ้มหวานที่แสดงออกอย่างจริงใจ หรือเพราะคำพูดประโยคนั้น...



จะด้วยอะไรก็ตาม...แต่มันทำให้ผมเชื่อเขาหมดทั้งใจ





TBC.



Talk

หนังสงหนังสือไม่ต้องอ่านกันละ555555555 ทุกตอนนี่คือแต่งเสร็จก็ลงทันทีเลยนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าตอนคิดไม่ออกก็คือคิดไม่ออกเลยอาจจะต้องใช้เวลานิดนึง(แต่ถ้ามีคอมเม้นต์หัวจะแล่นมาก>////<) ตอนนี้มาน้อยมากเพราะจะเอาตรงเคลียร์ปมให้เสร็จซึ่งมันก็นิดนึงเองเนอะ^^ อยากจะแต่งตอนทะเลาะกันนานๆเหมือนกันแต่คงต้องตอนที่เขาเป็นแฟนกันแล้วนู้นนนน  :o8: :o8:

ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเเม้นต์มากๆเลยนะคะ เยิฟฟฟฟฟ :mew1: :mew1:




https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew1: ดีกันแระ ต่อไปขอหวานๆบ้างน้า

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
 :mew1:เข้าใจกันแล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เริ่มจะอิจฉาพัตแล้วล่ะ
คือวินโคตรจะดีเลย
แถมน่ารักอีกต่างหาก

ถ้าถามคนนอกอย่างเรา
เราว่าพัตขอโทษวินก่อนน่ะถูกแล้ว
แต่นี่วินเดินมาหาพีตเองเลยนะ
ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วมั้ง
ว่าวินเปิดใจให้ใครน่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขนาดนี้แล้วเป็นแฟนกันเลยเหอะเนอะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ดีงามๆๆ ดีกันแล้ว
ชอบโมเม้นต์ของเพื่อนจิงๆ ได้ใจมากๆ ทั้งตอนด่าเพื่อนให้คิดได้ แระทิ้งเพื่อนเพราะหญิงโทรมา 555
แต่คู่พัตวิน นี่ ไม่ต้องคุยๆกันแร้ว แฟนเบยๆๆ หุหุ

ออฟไลน์ kub_kwonny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เย้ๆ หายงอลแล้ว :impress3:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
หน่อววว จีบกันไปนานๆ น่ารักอะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
สนุกอ่ะ เพิ่งข้ามาอ่าน
ชอบพัตที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ทำไรชัดเจนดี

ออฟไลน์ paladin.kn

  • ไฟมอดลงยังคงทิ้งรอย...เถ้าถ่าน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ชอบบบบบบบมาก

ชอบนิสัยพัต นิ่งๆดุๆ มีเหตุผล

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6
มาเช็คดูในคอมของคนแต่งขึ้นให้ไม่ครบอีกแล้ว ต้องเปิดในgoogle chromeอ่ะค่ะ(ในโทรศัพท์ก็ปกติ) ตอนนี้ต้องจบที่>>>>ตอนนี้เวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลย.<<<<<ใครอ่านไม่มีตรงนี้เปิดในchromeเอาเน้อออออ(คนอื่นอาจจะไม่เป็น คอมคนแต่งเจ๊งคนเดียวล่ะมั้ง><)



ตอนที่ 7

(เราอยากกินไอติม)

“เอามาจากสิงคโปร์กว่าจะถึงไทยมันก็ไม่เหลืออะไรแล้วมั้ง เอาดีๆ”

มีอย่างที่ไหนถามว่าอยากได้อะไรรึเปล่างอแงจะเอาไอติม ถ้าหิ้วมาจากที่นั่นจริงๆกว่าจะถึงไทยก็คงต้องใช้หลอดดูดเอาแล้วล่ะ เดือนทันตะเขาบอกมีร้านที่เขาชอบมากอยู่ที่นั่น  อืม คือชอบแค่ไหนมันก็เอาไม่ได้ไง

(คิคิ เราล้อเล่น ไม่เอาอะไรหรอก)

ตลอดอ่ะเขา ตั้งแต่วันนั้นที่เคลียร์กันได้ทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม ไม่สิ ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เราไปไหนมาไหนกันบ่อยขึ้น พักเที่ยงผมก็แวะไปหาเขาบ้าง บางทีมีเวลานิดนึก็ต้องเจอกัน วันไหนเลิกเรียนเร็วก็พาเดือนทันตะไปกินข้าวเลี้ยงติมแบบที่เขาชอบ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมากและหลังจากที่คิดมาดีแล้ว ผมว่าจะขอเขาเป็นแฟนตอนที่กลับมาจากสิงคโปร์เลย เนียนว่าเอาของไปให้แล้วก็ขอตอนนั้น ไม่อยากรออะไรแล้ว

“เดี๋ยวเถอะๆ งั้นเดี๋ยวถึงที่นู้นจะไลน์หาอีกทีนะ” ตอนนี้ใกล้ได้เวลาต้องออกจากบ้านเต็มทีแล้วครับ ถ้าออกหลังจากนี้อาจตกเครื่องได้

(โอเค เดินทางปลอดภัยนะ)

“ครับ” วางสายเสร็จก็เดินมาเช็คของ เรียบร้อยแล้วก็ขนลงมาข้างล่าง ของที่เอาไปก็ไม่มีอะไรมากครับ เป้ถือแค่ใบเดียวเพราะไม่ได้อยู่นาน แค่ไปดูรถแล้วก็เดินดูของอีกนิดหน่อย ดึกๆของวันเสาร์ก็กลับ

“ซื้อของมาฝากแม่ด้วยนะ^^” แม่ผมท่านไม่ได้ไปครับ บอกว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้เพราะเป็นเรื่องของผู้ชายเลยอยู่บ้านดีกว่า

“ได้ครับ เดี๋ยวพัตเบิกตังค์กับพ่อซื้อให้หนักๆ” พ่อหันขวับมามองหน้าทันที ประมาณว่าเกี่ยวไรกับตังค์พ่อวะ

“จ๊ะ มีอะไรเบิกพ่อเลย งั้นแม่ขอกระเป๋าซักสองสามใบก็พอ คิกคิก”

“โถ่คุณ สองสามใบของคุณก็ได้รถคันนึงแล้วนะ”

“ก็เงินคุณนี่คะ หรือจะไม่ซื้อของมาฝากฉัน” อากับผมมองหน้ากันด้วยความอ่อนใจ ปล่อยให้เขาพ่อแง่แม่งอนกันไปส่วนผมก็เลี่ยงเอากระเป๋าไปไว้หลังรถดีกว่า ยืนรอซักพักพ่อกับแม่และอาก็เดินอออกมา ร่ำรากันไม่นานก็เดินขึ้นรถ

“เดินทางปลอดภัยจ้ะ”

“ครับแม่” ผมรับคำแล้วปิดประตูให้รถเคลื่อนตัวออก พอถึงสนามบินก็เข้าไปเช็คอินแล้วรอเวลาขึ้นเครื่อง พอว่างผมก็เลยไลน์หาวินทันทีจนอีกฝ่ายแซวว่าไหนบอกถึงที่นู้นค่อยไลน์หา ก็คุยกันจนต้องขึ้นเครื่องนั่นแหละครับ ผมเองก็บังคับให้เขาไปนอนเพราะว่าตอนดึกแล้ว







“เป็นไงเรา เอาซักคันไหมเรา”

“ถ้าคุณอาจะซื้อให้ผมก็โอเคครับ”

อาหลุดหัวเราะทันทีกับคำพูดผม ตอนนี้ดูรถเสร็จแล้วกำลังตกลงเรื่องเอกสารซึ่งตรงนี้ผมไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่เพราะพ่อกับอาเป็นคนจัดการทุกอย่าง ไม่มีอะไรทำเลยปลีกตัวเองไปดูรถคันอื่นๆที่อยู่รอบๆบ้าง ก็สวยดีครับแต่ยังไม่ได้อยากได้อะไรเอาไว้ถ้าผมอยากได้ก็ค่อยว่ากัน เดินดูหลายๆคันรอจนอะไรเรียบร้อยผมก็ขอตัวไปเดินเล่นย่านถนนออร์ชาร์ดเพื่อหาซื้อของให้อีกคน มาหาซื้อให้ตัวเองด้วยเผื่อผมอยากได้อะไร ส่วนพ่อกับอาก็กลับโรงแรมไปก่อน

ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ค่อนข้างนานพอสมควร พอผมได้ซื้อก็ซื้อเยอะจริงๆเพราะเจอนั่นเจอนี่หลายอย่า ได้ของฝากไปให้หลายคนด้วย เยอะจนเกือบจะขนกลับโรงแรมเองไม่ไหว พอมาถึงก็ได้พักสองสามชั่วโมงก่อนจะต้องบินกลับไทย

มีของฝากให้
พรุ่งนี้เจอกันนะครับ


ผมไลน์หาคนที่อยู่เมืองไทยทันทีที่ถึงที่พัก คิดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะพาเขาไปที่ไหน เป็นร้านอาหารของเพื่อนผมเอง บรรยากาศดีแถมยังเป็นร้านเพื่อนที่สามารถทำอะไรได้ง่ายๆ

ไม่ไปได้ไหม
: p

กวนเกินเขาไม่มีหรอก แต่ก่อนโดนหน้าหวานๆหลอกคิดว่าจะเป็นคนเฟรนลี่เฉยๆ ทั้งกวนทั้งดื้ออย่าบอกใครเชียวล่ะ

ไม่ได้
ต้องมา


คึคึ
ไปก็ได้ จะมาถึงไทยตอนไหน


ตีสองก็ถึงแล้ว
เจอกันตอนเย็นนะครับ
ซักหกโมง เดี๋ยวไปรับ


อาทิตย์นี้วินไม่ได้กลับบ้านด้วยครับเพราะว่าติดงานนิดหน่อยเลยไม่ได้กลับแล้ววันอาทิตย์ตอนเย็นเขาก็ว่างพอดี

เราไปเองได้ๆ
ไม่ต้องมารับหรอก เสียเวลาพัตเปล่าๆ


วินไม่รู้ที่ที่จะไปหรอก
เดี๋ยวพัตไปรับ
ไม่ต้องดื้อ


ไม่ได้ดื้อ!

เชื่อมากกกกก
เดี๋ยวพัตต้องเก็บของแล้ว เอาไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหาอีกที
หกโมงเย็นไปรับนะ


เผด็จการรรรร
แต่ก็...


จะรอ ^^


ก็น่ารักซะแบบเนี้ย ผมส่งสติกเกอร์หัวใจให้เขากลับไปก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้แล้วเก็บของที่ซื้อมาให้เรียบร้อย อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องไปที่สนามบินแล้ว กลับถึงไทยผมจะนอนยาวเลย นั่งเครื่องถึงจะไม่นานมากแต่ก็เหนื่อยครับ ไม่สบายเหมือนอยู่ที่บ้านเฉยๆหรอก


.............................................................


“จะไปร้านอะไรทำไมต้องดูลึกลับขนาดนี้ด้วย”

ไปรับหมอฟันมาจากคอนโดโดยที่ไม่ได้บอกเขาเลยว่าจะพาไปร้านอะไร หรืออยู่ที่ไหน ร้านเพื่อนผมเป็นร้านอาหารไทยที่บรรยากาศดีมากๆเพราะติดริมแม่น้ำด้วย นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ไปแล้วก็ไม่ได้เจอเพื่อนเนื่องจากว่ามันเรียนคนละที่ พึ่งได้คุยกันก็ตอนโทรไปจองร้านนี่แหละ บ่นให้ผมใหญ่เลย ถ้าไอ้กิมกับไอ้จีนรู้ว่าผมจะพามาวินมาร้านไอ้ดราฟพวกมันต้องตามมาแน่ๆ เพราะฉะนั้นต้องเลือกที่จะไม่บอกพวกมัน

“ไม่พาไปขายหรอกน่า กลัวอะไร”

“คนแถวนี้หน้าตาไม่น่าไว้ใจไง อีกไกลไหมอ่ะพัต...หิว”

ดูเขา ไม่หิวไม่ใช่วินเดือนทันตะนะครับ ทั้งที่ก่อนออกมาก็กินขนมที่ผมซื้อมาฝากแล้วแท้ๆ เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรเลยหอบของกินหลากหลายอย่างจกานู้นมาให้ซะเลยและหมอฟันก็ถูกใจมาก

“กินขนมจนจะหมดรถยังหิวอีกเหรอหืม”

“ขนมไม่ใช่ข้าวนี่นา ตอนนี้หิวข้าว” เชื่อเขาเลย กระเพาะสามารถแยกอาหารได้หลายประเภทจริงๆ กินอันนี้อิ่มใช่ว่าจะกินอีกอันอิ่มนะ เป็นประเภทๆไป

“ครับๆ รอแป๊บนึงครับ อีกไม่ไกลแล้วครับ” คนหิวยู่ปากใส่เมื่อรู้ว่าผมแกล้งพูดเพราะประชดเขา

“ให้เร็วเลย” ผมส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันกลับมาสนใจการขับรถแทนหน้าหวานๆนั่น เพราะว่ามันอยู่ค่อนข้างชานเมืองบรรยากาศก็เลยดี แต่กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาพอสมควรครับ ถึงร้านก็เกือบๆทุ่มครึ่งเลย

“ไม่เจอกันนานนะมึง แล้วนี่พาใครมา” ทันที่เห็นหน้าเพื่อนผมก็ทักเรื่องวินทันที สายตากรุ้มกริ่มอย่างไม่ปิดบังว่ามันต้องเล่นอะไรผมแน่ ไอ้ดราฟขี้แกล้งจะตาย

“เพื่อน...วินนี่ดราฟเพื่อนพัตตั้งแต่มัธยม ส่วนนี่วิน” ผมชิงตอบออกไป ซึ่งวินก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร แค่ก้มตัวให้เพื่อนผมเป็นเชิงทักทายพร้อมรอยยิ้มประจำของเจ้าตัว

“สวัสดีครับ”

“หวัดดีครับ”

ทักทายเสร็จก่อนจะหันไปสนใจบรรยากาศโดยรอบเช่นเดิม ดี้ด้าตั้งแต่ขับรถเข้ามาในพื้นที่ร้านอาหารแล้วครับ อาการเด็กเจอของเล่นออกทันที

“เพื่อนแน่เร๊อ”

“อย่ากวนไอ้เหี้ย เดี๋ยวกูไปกินข้าวก่อนเสร็จแล้วจะมาคุยด้วย”

ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอกครับแต่คนที่มาด้วยนี่สิดูท่าจะไม่ไหวเพราะบ่นมาตลอดทาง เดี๋ยวผมจัดการเรื่องของตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ค่อยออกมาหามันก็ไม่สาย อีกอย่างรีบถอยก่อนจะโดนไอ้ดราฟเล่นหนัก

“โอเค ตามสบายครับคุณพัต”

ผมส่ายหน้าให้ไอ้เจ้าของร้านก่อนจะจับมือคนที่มัวแต่มองนั่นมองนี่ให้ไปที่โต๊ะ จองโต๊ะไว้มุมที่เป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ แล้วก็จองทั้งโซนไว้เลยเพื่อความเป็นส่วนตัว ที่ติดแม่น้ำพอนั่งแล้วลมเอื่อยๆก็พัดมาให้ได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์

“พัตสั่งอาหารไว้แล้ว วินอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”

ที่จริงผมสั่งอาหารตั้งแต่ที่โทรมาจองแล้วว่าจะเอาอะไรบ้าง บอกให้เขาเตรียมไว้ว่าจะมาถึงที่นี่ประมาณไหน พอมาถึงจะได้ไม่ต้องรอนาน

“เอาไว้ค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ น่าทานทั้งนั้นเลย” อีกคนก็เปิดดูเมนูอย่างสนอกสนใจพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา

“เจ้าของร้านเป็นเพื่อนพัตเหรอ ร้านบรรยากาศดีมากเลย” หมอฟันถามออกมาเมื่อตัดสินใจวางเมนูลงได้แล้ว แอบเห็นแล้วด้วยว่าเขาเล็งอะไรไว้บ้างเพราะเจออะไรที่ถูกใจเขาก็จะจิ้มลงไปพร้อมพูดพึมพำกับตัวเอง

“เป็นเพื่อนตอนมัธยมน่ะ มันชอบการทำอาหารแล้วก็ทำอร่อยมาก เคยไปเป็นเชพที่โรงแรมตั้งแต่มอห้าแล้ว จนขึ้นปีหนึ่งแม่มันก็ยอมเปิดร้านให้เพราะมันยอมเรียนวิศวะตามที่ที่บ้านอยากให้เรียน นี่พัตก็ไม่ได้มาที่ร้านมันซักพักแล้วเหมือนกัน อร่อยจนต้องอยากมาอีกรับรอง”

ไอ้ดราฟมันทำอาหารอร่อยจริงๆครับ ส่วนโรงแรมที่มันไปทำงานก็เป็นโรงแรมของบ้านผมเอง  ส่วนเชฟที่ร้านนี้ก็ถูกคัดสรรมาอย่างดีกว่าที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ เชื่อฝีมือได้ทุกคนว่าทำอร่อยทุกอย่าง

“เก่งจังเนอะ อายุแค่นี้ก็มีร้านของตัวเองแล้ว คนเยอะด้วย ที่จอดรถเกือบไม่พอแหนะ”

เกือบไม่มีที่จอดรถจริงๆครับ ดีที่ว่าผมสั่งมันล็อคที่ไว้ให้แล้ว แล้วที่เหมาโซนวันนี้ก็โดนมันบ่นชิบหายว่าขาดลูกค้าไปหลายราย ทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารบอกเลยว่าไม่แปลกที่คนจะเยอะขนาดนี้ บางทีว่างๆผมกับไอ้กิมไอ้จีนยังเคยมาช่วยงานที่ร้านเลย

“โอ๊ะ อาหารมาแล้ว” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อพอเดือนทันตะเห็นอาหารถูกเสิร์ฟมาที่โต๊ะเท่านั้นแหละ ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าแล้ว มีการหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปด้วย

“น่ากินมากเลย”

“น่ากินก็กิน บ่นว่าหิวมาตลอดงั้นก็ต้องกินให้เดินกลับไม่ได้เลย กลิ้งกลับเหมือนหมูเลยดีไหม”

“แน่นอน เราจะกินให้คนแถวนี้ต้องแบกกลับบ้านเลยแหละ”

พูดแล้วก็พร้อมทำ คนตัวเล็กทานนู้นทานนี่ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าโคตรมีความสุข นี่อาหารพวกนี้ทำให้เขามีความสุขมากกว่าผมอีกนะเนี้ย งี้ถ้าผมขอเป็นแฟนควรจะขอเขาด้วยการบอกว่าสามารถมากินข้าวที่นี่ฟรีตลอดไปเลยดีไหม==

“อันนี้อร่อยมากเลย” มีแก่ใจตักให้ผมด้วย เป็นปลาช่อนลุยสวนครับ ปลานี่ตัวโคตรใหญ่อ่ะ แล้วดูเหมือนว่าวินเขาจะชอบเป็นพิเศษเห็นตักจานนี้บ่อยมากๆ ดูท่าแล้วว่าเขาจะชอบกินปลา

“ชอบกินปลาเหรอ” ผมลองถามเขาออกไป

“อืม ก็ชอบนะ ชอบปลาทอดตัวใหญ่ๆเป็นพิเศษ แต่ก็กินได้แค่บางชนิด อย่างปลาดุกเราไม่ชอบส่วนปลาตัวเล็กๆไม่กินเลย”

ข้าวจานแรกหมดไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะเติมข้าวจานที่สองพร้อมกับพูดกับผม พอได้กินอาหารอีกก็เลิกสนใจผมเช่นกัน ซึ่งผมก็ชินแล้วล่ะ นั่งกินของตัวเองไปเงียบๆโดยตักให้วินบ้างวินตักให้ผมบ้างจนอาหารตรงหน้าหมดไป

“อยากกินของหวานจัง” พูดไปพร้อมกับเปิดเมนูของหวาน พนักงานเดินมาเคลียร์โต๊ะให้เสร็จแล้วครับ คือมาสองคนกินเหมือนมาสี่คน

“พัตเอาไรดีอ่ะ เราอยากกินทุกอย่างเลย”

“หึหึ แล้วแต่เลยครับ อยากกินอะไรก็สั่งมา” พอผมตอบวินก็กลับไปดูเมนูในมืออีกพร้อมกับอยู่ในความคิดของตัวเอง ดูท่าว่าเขาจะลำบากใจมากเพราะอยากกินหลายอย่าง

“งั้นเอาสาคูลข้าวโพด กล้วยบวชชี แล้วก็ข้าวเหนียวมะม่วงครับ” พนักงานรับออร์เดอร์แล้วก็เดินออกไป ดูเขาสั่งสิ เยอะไปไหน แต่ใช่ว่าจะกินไม่หมดนะ เชื่อเลยว่าหมดแน่นอน

“เอ้อ แล้วทำไมวันนี้ถึงพามากินข้าวถึงนี่เลยล่ะ มีอะไรรึเปล่า” และหมือนว่าคนตัวเล็กจะพึ่งนึกสงสัย

“ก็...มีนิดหน่อย” ได้ยินดังนั้นวินก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที ที่รู้เพราะตาโตๆนั่นฟ้องทุกอย่าง

“อะไรอ่ะ สำคัญมากถึงต้องมานี่เลยเหรอ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรบอกเราได้ไหม”

“เอาไว้ถึงเวลาก็รู้เอง นั่น...ของหวานมาแล้ว” เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เบนความสนใจอีกคนได้ดีผมรู้ พนักงานก็ช่างรู้จังหวะดีเหลือเกิน พอของกินมาวางอยู่ตรงหน้าโลกทั้งใบของหมอฟันเขาก็มีแค่นั้นแล้ว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตาโตอย่างชอบอกชอบใจอยู่นั่น เหมือนผมเลี้ยงเด็กไม่มีผิด

“กินแล้วน้าา” ไม่ได้พูดกับผมหรอกครับ เขาพูดกับของหวานตรงหน้า พอพูดเสร็จก็ค่อยๆตักข้าวเหนียวมะม่วงเข้าปากก่อนที่หน้าหวานๆจะยิ้มเผล่ออกมา จากนั้นก็เริ่มตักอีกสองอย่างที่เหลือกินไปเรื่อยพร้อมกับยิ้มอยู่ตลอด ผมมองด้วยความอ่อนใจกับความเด็กของเขา ส่วนตัวเองก็ชิมนู้นชิมนี่บ้างแต่ก็นิดหน่อยเพราะไม่ชอบของหวานเท่าไหร่อยู่แล้ว ซึ่งต่างจากอีกคน เวลาต่อจากนั้นผมก็ไม่ได้เป็นที่สนใจของเขาจนทุกอย่างบนโต๊ะเกลี้ยงหมดนั่นแหละ

“ฮ้า อิ่มจัง” กินขนาดนั้นไม่อิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่ผมก็ชอบนะที่เห็นเขามีความสุขกับมัน แค่วินมีความสุขไม่ว่าจะเรื่องใดก็ให้เขาทำเถอะ ผมชอบที่เห็นเขายิ้ม และยิ่งรู้สึกดีมากถ้ามันมาจากผมเองที่ทำให้เขายิ้มได้

“ชอบที่นี่ไหม” ผมถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ชอบสิ ชอบมากกกก...ชอบทุกอย่างเลย ทั้งอาหาร ของหวาน บรรยากาศ” คนพูดพูดไปพร้อมกับยิ้มจนตาปิด ความสุขฉายชัดออกมาจนผมสัมผัสได้

“แล้วคนที่พามาล่ะ...ชอบไหม” วินชะงักไปทันทีที่ผมพูด ผมไม่มีพิธีการอะไรมากที่จะพูดหรอกครับ ไม่มีดอกไม้ช่อใหญ่ ไม่มีของขวัญ ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเพียงความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองที่จะให้เขา ผมแค่พูดออกมาตอนนี้เพราะอยากพูดแล้ว

“แต่พัตชอบนะ...” ดูเหมือนว่าวินจะอึ้งไปทันที ผมไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรเพราะคิดว่าผมต่างหากที่เป็นฝ่ายควรจะพูด เพราะฉะนั้นให้เขานั่งฟังอย่างเดียวก็พอ สิ่งที่วินจะต้องพูดมีแค่แค่คำเดียวเท่านั้นแหละ

“ที่ผ่านมาที่คุยมาตลอดไม่ได้แค่คุยเฉยๆ ไม่ได้คิดแค่เพื่อน การกระทำอาจจะสำคัญกว่าคำพูด...แต่มันคงชัดเจนกว่าใช่ไหมที่จะได้ยินในสิ่งที่ยังไม่แน่ใจ”

“...”

“พัตชอบวินนะ ชอบมานานจนตอนนี้ไม่ใช่แค่ชอบแล้ว...”

“...”

“...”

“...”

เป็นแฟนกันไหม เป็นแฟนกับพัต...

ไม่มีคำพูดสวยหรู ไม่มีดินเนอร์แสนหวาน ไม่มีความโรแมนติค...ผมไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรมาซักนิด หนึ่งประโยคที่คิดก็แค่คำว่าเป็นแฟนกันนะ สิ่งที่เอ่ยออกไปทั้งหมดล้วนมาจากวามรู้สึกที่อยากพูดในตอนนี้ ทั้งที่ใจสั่นจนจะบ้าเพราะไม่รู้ว่าคำที่จะออกจากปากอีกคนตอนนี้คือคำว่าอะไร มันอาจจะเป็นคำปฏิเสธที่ผมไม่อยากฟังหรืออาจจะเป็นคำที่ผมคาดหวัง และผมไม่สามารถเดาได้จากคนที่นั่งนิ่งสนิทในตอนนี้ซักนิด เขานิ่งจนมือผมเริ่มเย็นเฉียบ

เวลาผ่านไปชั่วครู่แต่กลับนานเหลือเกินในความรู้สึกขณะที่เราสบตา ก่อนที่ผมจะเห็นวินสูดหายใจลึกแล้วปากบางๆก็ขยับเอื้อนเอ่ย

และมันเป็นวินาทีที่ผมตื่นเต้นสุดหัวใจ...

“ไม่ให้เราตั้งตัวเลย ไม่โรแมนติกด้วย คิดจะขอก็ขอตรงๆอย่างนี้อ่ะนะ...”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แต่ยังไงเราก็ตกลงอยู่ดี: )” กลายเป็นผมซะเองที่อึ้งไปสนิทเมื่อคนตรงหน้าพูดออกมา

มะ เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ ผมหูฝาดไปรึเปล่า!

“วะ วินพูดว่าอะไรนะ”

“ตกลงไง ก็พัตขออะไรเราล่ะ”

หมับ

พอได้ยินชัดอีกทีผมก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปสวมกอดคนที่ยังนั่งอยู่ทันที ซบหน้ากับไหล่บางให้สัมผัสจากคนตัวเล็กบอกว่าผมไม่ได้ฝันไป

“ดีใจ ดีใจที่สุดเลยนะ ดีใจที่วินตกลง” ผมรัดคนที่อยู่ในอ้อมกอดแน่นพร้อมกับโยกตัวเบาๆอย่างดีใจ มันบรรยายความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูกเลย เหมือนโดดจากที่สูงแล้วเจอเบาะรองนิ่มๆประมาณนั้นล่ะมั้ง ดีใจจนอยากจะโดดลงแม่น้ำอยู่แล้ว

“พอแล้ว...เราจะหายใจไม่ออกแล้วนะ อายคนอื่นด้วย” ผมผละออกมามองคนที่นั่งอยู่ก่อนจะคุกเข่าลง วินมองไปรอบๆบ้างมองหน้าผมบ้างทั้งที่ตรงที่เรานั่งค่อนข้างห่างไกลจากผู้คนพอสมควร ใบหน้าหวานขึ้นสีจัดราวกับเป็นไข้และผมรู้ว่านั่นคืออาการของคนเขินซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

พัตรักวินนะ” ผมจับมือสองข้างที่อยู่บนตักของวินแล้วบีบเบาๆ พูดคำสี่คำนั้นด้วยความมั่นคงและด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาที่ผมทำได้แค่มาตลอดวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ในที่สุดผมก็มีสิทธิ์ที่จะบอกคำๆนี้กับเขาซะที

ระ เราก็...รัก” แม้คำสุดท้ายจะเบาจนมากแต่ผมก็ยังได้ยิน คนพูดทั้งเสียงสั่นทั้งหลบตา หัวใจของผมที่เต้นรัวยิ่งทำงานหนักขึ้นไปอีก

“ดีใจจนอยากโดดลงน้ำแล้วเนี้ย”

“เวอร์! กลับไปนั่งเก้าอี้ได้แล้ว...เร็ว” แฟนบอกก็ต้องทำตาม ผมลุกขึ้นยืนแล้วกลับมานั่งที่ตัวเองตามเดิม มองหน้าคนที่ดวงตาหลุกหลิกไปมาอย่างจับจ้อง

“ทำอะไรฉลองการเป็นแฟนกันดี” นึกขึ้นได้ว่าผมทำทุกอย่างอย่างธรรมดาไปหมด โอกาสพิเศษควรจะมีอะไรที่พิเศษบ้างใช่ไหม

“จะทำอะไรเล่า เรื่องแค่นี้เอง” ใช้คำว่าเรื่องแค่นี้เองทั้งที่หน้าคนพูดยังแดงไม่หาย

“อืม...เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า” ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าวันพิเศษอย่างนี้ก็ควรจะมีการบันทึกภาพแห่งความทรงจำ เคยเห็นพวกเพื่อนๆอัพสเตตัสในเฟสบุ๊คหรือลงภาพในไอจีเนื่องในวันต่างๆคงจะเป็นธรรมดาที่ผมจะทำบ้าง กล้องเกลิ้งอะไรก็ไม่ได้เตรียมมา ใช้โทรศัพท์มือถือตัวเองนี่แหละถ่าย

“เอามือมาเร็ว” บอกอีกคนที่ยังนั่งงงๆอยู่

“เอาไปทำไมอ่ะ”

“เอามาก่อน เดี๋ยวก็รู้” แม้จะยังงงแต่หมอฟันก็ยอมยื่นมือมาหามือผมที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจับมือที่เล็กกว่ามากแล้วกดชัตเตอร์ไปสามสี่ภาพ ก่อนจะเลื่อนกล้องขึ้นไปถ่ายหน้าอีกคน “ยิ้มเร็ว”

“ห๊ะ ไม่เอาอ่ะ หน้าเราไม่โอเคเลย”

“น่ารักแล้ว เร็วดิ ไม่งั้นถ่ายแบบไม่ตั้งตัวยิ่งแย่กว่าเดิมนะ” พูดขู่เขาไปด้วยเมื่ออีกฝ่ายงอแงไม่ยอมถ่าย ผมก็ไม่เห็นว่าจะแย่อะไร ตอนไหนเขาก็น่ารักทั้งนั้นแหละ

“ก็ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราถ่ายพัตบ้าง” ยู่ปากใส่กล้องก่อนจะตั้งตัวดีๆแล้วยิ้มหวาน ผมกดชัตเตอร์ตั้งแต่ที่เขายู่ปากแล้วครับ นับไม่ได้เหมือนกันว่ากดไปเท่าไหร่ พอพอใจแล้วก็ลดโทรศัพท์ในมือลง

“มาเลย ให้เราถ่ายพัตบ้าง” เจ้าตัวล้วงโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง เปิดกล้องแล้วก็ถ่ายรูปมือเราที่ยังจับกันก่อนจะเบนกล้องมาทางหน้าผม

“ไม่เอาดิ ถ่ายแค่วินก็พอแล้ว” ผมเป็นพวกไม่ค่อยชอบถ่ายรูปซักเท่าไหร่ เซลฟี่ตัวเองนี่แทบจะนับครั้งได้ ส่วนมากโดนคนอื่นถ่ายทีเผลอมากกว่า หลักๆเลยก็ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองคน

“ทีเรายังยอมให้ถ่ายเลยอ่ะ ขี้โกงเหรอ ให้เราถ่ายเดี๋ยวนี้นะ” ผมยังคงเอามือปิดหน้าหลบกล้องไว้อย่างนั้น ก็มันไม่ค่อยชินนี่นาที่ต้องมานั่งให้คนอื่นถ่ายรูปตัวเอง ไม่รู้ต้องทำหน้ายังไง

“แค่นี้ก็ยอมให้เราไม่ได้ใช่ป๊ะ” นั่นไง ก็ทำเสียงน้อยใจขนาดนี้เป็นใครจะไม่ยอมวะ สุดท้ายก็เลยต้องยอมเอามือที่บังหน้าออก

“โอเค ยอมๆ” คนตรงหน้ายิ้มแฉ่งออกมาทันทีพร้อมกับบอกให้ผมยิ้มกว้างๆแล้วมองกล้อง เห้อ เอาตรงๆคือโคตรไม่ชินแต่ผมก็มีเทคนิคพิเศษล่ะนะ

นั่นก็คือคิดว่ายิ้มให้กับคนที่อยู่หลังกล้อง ให้เปรียบเสมือนว่าเลนส์ที่ต้องมองเป็นดวงตาโตๆของวิน แค่นี้ภาพที่ออกมาก็คงไม่ดูแย่ล่ะมั้ง ก็หมอฟันเขาบอกใช้ได้นี่

“วิน”

“หืม?” ผมเรียกชื่อเขาเมื่ออีกคนเอาแต่ดูรูปในโทรศัพท์ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างที่บอกว่าเรียกทำไม

“จะไม่ปล่อยมือหรอกนะ” มองไปที่มือหนึ่งคู่ที่จับกันอย่างบอกว่าผมหมายถึงอะไร มือที่ผมใฝ่ฝันจะจับมาตลอดมาวันนี้ที่ความฝันเป็นจริงผมจะไม่มีทางปล่อยเขาไปไหนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เหตุผลเดียวที่จะทำให้ผมปล่อยคืออีกฝ่ายไม่รักผมแล้ว ถ้าวินหมดความรู้สึกนั้นผมก็จะไม่รั้งเขาไว้เลย แต่ถ้าไม่ใช่เหตุผลนี้ต่อให้ผมตายก็จะไม่มีวันปล่อยมือเล็กๆคู่นี้แน่

แล้วใครจะยอมให้ปล่อย” วินบีบมือผมตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง ประโยคที่อีกคนเอ่ยน่ารักจนอยากเข้าไปฟัดชะมัด





ตอนนี้เวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลย.




TBC.

ตามนั้นค่ะเลยค่ะ เป็นแฟนกันแล้วววว :mew3: :mew3: คนแต่งขอตัวไปอ่านหนังสือแล้วค่ะ อู้มาหลายชม. :mew5: :mew5: ช่วงนี้เค้าสอบอาจมาช้าอย่าลืมกันนะ :mew2: :mew2:

**ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์มากๆค่ะ(คอมเม้นต์คือกำลังใจจจจจ ชอบอ่านแบบยาวๆมากเลยนะ ใครเม้นต์มายาวๆรักตายเยยยยย) :mew1: :mew1:




https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2015 20:32:52 โดย ex-soulL »

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เป็นแฟนกันแล้วววววววว
งานนี้นี่ งานกินเป็นหลักนะ ขอเป็นแฟนเรื่องรอง
5555555

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เป็นแฟนกันแล้ว ไม่โรแมนติคแต่อบอุ่น
ขอแซวหมอฟันหน่อย เห็นของกินทีไรวินลืมพัตทุกที 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kub_kwonny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
อิจฉาอะ เขิน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
น่ารักอ่ะทั้งพัตทั้งวิน พัตมั่นคงมากแอบชอบวินมาตั้งนานไม่มีวอกแวกอีกด้วย
คบกันแล้วก็หนักแน่นให้มากๆนะ กลัวเรื่องมือที่สามจัง

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:m3: ให้อาหารเป็นพยานรัก~~

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :n1: จับอย่าปล่อยน่ะมือ  หน้าบานเฉ่งแล้วตอนนี้

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
โอ้ยยยย น่ารักไปอีก
กระเเสจะครึกโครมขนาดไหนเนี่ย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
งืออ น่ารักมากเลย  :o8:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
บอกได้คำเดียว "อิจฉา"

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6

ตอนที่ 8

หลังจากที่ไปส่งแฟนหมาดๆที่คอนโดเสร็จก็กลับมาที่คอนโดตัวเองบ้าง พอถึงห้องก็อาบน้ำเรียบร้อยมานอนเล่นดูรูปที่ถ่ายวันนี้แล้วก็ยิ้มออกมา นิ้วมือกดเข้าไปในแอพที่เอาไว้อัพรูปภาพอย่างไอจีและทันทีที่รูปถูกอัพลงบนโลกของโซเชียลมีเดียก็มียอดคนกดไลค์และยอดฟอลโลว่เพิ่มขึ้นมากมายจนผมแปลกใจ แน่นอนว่าที่พลาดไม่ได้เลยก็คือคอมเม้นต์จากเพื่อนทั้งสอง

GimKN อุ๊ย มือใครครับๆ

Jean1912 @GimKN ไม่น่าถามว่ามือใคร ควรถามว่ายังไง @PatPithan

@GimKN มือกู

@Jean1912 ก็ไม่ยังไง ตามนั้น

ผมลงแค่รูปภาพพร้อมแคปชั่นแฮชแท็กวันที่ลงไป ไม่ได้แท็กเจ้าของมืออีกมือด้วยซ้ำไป ให้รู้แค่ว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญของเราสองคน มีคอมเม้นต์จากคนอื่นที่ผมไม่รู้จักอีกเกือบ100คอมเม้นต์ เลื่อนอ่านเรื่อยๆก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันแต่คนเหล่านั้นก็ยังเข้ามาพูดคุย ซึ่งส่วนมากใต้ภาพนี้ก็จะมีแต่ข้อความประมาณว่ามีแฟนแล้วเหรอ เสียดายจังที่มีแฟน อิจฉาคนในรูปบ้าง และที่เยอะที่สุดคือการถามว่ามือใคร

หึ ก็มือคนที่ผมกำลังตอบไลน์อยู่นี่ไง มือของแฟนหมาดๆ

ชิงอัพรูปก่อนเราได้ไงงงงง

สงสัยจะเห็นแล้ว ฮ่ะๆ เดือนทันตะเขายังไม่ได้อัพรูปอะไรครับทั้งเฟซและไอจีเพราะผมไปส่องมาแล้ว พอเขาไม่อัพผมเลยอัพก่อนไง

ใครบอกให้ช้า
:P


หืยยย เดี๋ยวเราอัพบ้างดีกว่า

แคปชั่นไปเลยดิว่ามีแฟนแล้ว

บ้า!
ทีตัวเองยังไม่เห็นอัพแคปชั่นนี้เลย


ให้อัพไหมล่ะ?

ผมไม่อะไรอยู่แล้ว ให้อัพตอนนี้เลยก็ได้ อัพรูปคู่เลยก็ได้ แต่ที่เลือกลงภาพนั้นเพราะผมชอบภาพที่แสดงความรู้สึกด้วยการกระทำ ให้ภาพมันบรรยายตัวของมันเอง ภาพที่เราจับมือกันมันมีความหมายในตัวหลายๆอย่างสำหรับผม

ไม่เอาหรอก
ให้รู้สองคนพอ
ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศนี่เนอะ
^^


คำพูดคำจาน่ารักอีกแล้ววะ...ผมส่งสติกเกอร์หัวใจไปให้วินก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายไปนอนเพราะกลับมาก็ค่อนข้างเหนื่อยแล้วอยากให้เขาได้พักผ่อน กว่าจะออกจากร้านก็ตอนสี่ทุ่ม ไอ้ดราฟแหละมัวแต่รั้งไว้อยู่นั่นเลยเสียเวลา ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงคืน พรุ่งนี้มีเรียนกันด้วย

บอกแต่เราพัตก็เหมือนกันนั่นแหละ
นอนได้แล้วเหมือนกันนะ


ครับ
เดี๋ยวก็จะนอนแล้ว
ฝันดีนะแฟน : )


ย้ำอีกที ผมเห่ออ่ะ ใครจะทำไม?

>//////<
ฝันดี <3


ผมยิ้มเมื่อนึกถึงแก้มแดงๆของอีกฝ่ายก่อนจะออกจากโปรแกรมไลน์ตามที่วินบอกให้ไปนอน แต่ก็ขอเช็คไอจีอีกคนก่อนวินพึ่งจะอัพรูปไปเมื่อเกือบสิบนาทีที่แล้ว เป็นภาพที่เราจับมือกันแต่ถูกถ่ายจากฝั่งเขาพร้อมกับแคปชั่นแฮชแท็กแค่วันที่เช่นเดียวกับผม แน่นอนว่าโดนถล่มไลค์และเม้นต์ไม่ต่างกัน

เป็นวันที่มีความสุขที่สุดที่สุดในชีวิตอีกวันนึง ทางข้างหน้าไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรหรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อคือการที่ผมจะจับมืออีกคนเดินไปด้วยกันได้เรื่อยๆ ไม่สัญญาว่าจะเป็นตลอดไป แต่จะทำทุกๆวันที่มีวินให้มีความหมายที่สุด...








Win Part


“เป็นแฟนกันไหม เป็นแฟนกับพัต...”


ผมรอเขาพูดประโยคนี้มานานแค่ไหนนะ อาจจะเรียกได้ว่านั่นคือความฝันมาตลอดเลยก็ได้...





“แอบมีรูปพัตถาปัตย์เหรอวิน!”

“อ๊ะ...ปะ เปล่านะ!” ผมปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่หลักฐานก็มีอยู่คาตา ผมแค่จะเปิดรูปงานที่ถ่ายมาดูแล้วดันเผลอเลื่อนไปเจอรูปของใครอีกคนที่อยู่ในโทรศัพท์ และผมก็ไม่ได้ระวังตัวเพราะนึกว่ามายด์ไม่ได้มอง งือ มายด์เห็นหมดแล้ว

“ไม่ต้องมาปฏิเสธหรอกน่า วินจะชอบพัตก็ไม่เห็นจะแปลกเลย หน้าตาดีออกซะขนาดนั้นใครๆก็ชอบ นี่ถ้าเรายังไม่มีแฟนเราก็อาจจะชอบพัตบ้างก็ได้ คิกคิก” เพื่อนสนิทหัวเราะคิกคัก ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อเช็คว่าไม่มีใครได้ยินสิ่งที่เราพูดแล้วก็โล่งใจ

“ไม่ได้ชอบที่หน้าตาซะหน่อย...” ผมพูดเสียงอ่อยออกมา มายด์ตาโตก่อนจะขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“แสดงว่าต้องมีอะไรมาก่อนแล้วใช่ไหม ชอบมาตั้งแต่ตอนไหนเนี้ย” หลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนที่มองมาอย่างเขินอาย ผมไม่กล้าบอกใครหรอกว่าชอบเขามานานแค่ไหนแล้ว...

“มะ ไม่เอา ไม่พูดแล้ว...ไปหาอาจารย์กันได้แล้วมายด์” รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อหวังวาจะรอดพ้นจากสถานการณ์ตรงนี้ กำลังจะลุกหนีเอาตัวรอดแต่มายด์ก็ไวกว่า คว้าแขนไว้แล้วดึงให้นั่งลงตามเดิม TT

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะวิน ชอบเขาทำไมไม่บอกเขาล่ะ เพื่อนมายด์น่ารักขนาดนี้พัตต้องหวั่นไหวบ้างแหละ”

“มะ ไม่เอา...เราไม่กล้าหรอก อีกอย่างพัตเขาคงไม่ชอบแบบเรา มีคนที่ให้เขาเลือกตั้งเยอะแยะ” ทำไมจะไม่รู้ว่ามีคนชอบเขาเยอะมากแค่ไหน เพื่อนในสาขาหลายคนก็เคยเอ่ยถึงเขาเพราะความหน้าตาดี แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบเขามันไม่ใช่เหตุผลนั้น
พัตเป็นคนใจดี...

“เยอะแยะแล้วไง วินน่ารักจะตาย ใครเห็นใครก็ชอบทั้งนั้นแหละ...ทีวินมีคนเข้ามาจีบตั้งเยอะยังเลือกชอบพัตเลยไม่ใช่เหรอ” ผมลังเลกับเหตุผลของเพื่อนนิดหน่อย แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้วก็พบว่ายังไงมันก็เป็นไปได้ยากอยู่ดี

“ช่างมันเถอะมายด์ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว...ไปหาอาจารย์กันดีกว่า” คราวนี้ไม่ยอมให้เพื่อนจับแขนไว้ได้อีก ผมเดินจากม้าหินอ่อนขึ้นไปยังตึกเรียนของตัวเองทันทีเพื่อไปคุยกับอาจารย์เรื่องงาน ให้อีกคนส่งเสียงมาว่ารอด้วยไล่หลังมา


ถ้าถามว่าชอบพัตตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงชอบน่ะเหรอ?


ก็ตั้งแต่ตอนนั้นล่ะมั้ง...ตอนที่ผมอยู่ม.6


ผมกำลังจะไปหาแม่ที่ร้านเพราะวันนั้นอาจารย์มีประชุมเลยเลิกครึ่งวัน จะโทรบอกแม่แบตโทรศัพท์ก็ดันหมด ผมตัดสินใจเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพราะถ้านั่งแท็กซี่ไปรถจะติดมากๆเลยเนื่องจากตรงนั้นเป็นแหล่งห้างสรพพสินค้า นั่งรถไฟฟ้าไปสะดวกเร็วแถมยังถูกกว่าด้วย

แต่เนื่องจากว่าจากโรงเรียนไปสถานีของรถไฟฟ้าก็ไกลพอสมควรแต่วันนี้ไม่ได้รีบอะไรจึงตัดสินใจค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ ฟ้าฝนก็ครึ้มเหมือนจะตกอยู่รอมร่อเลยได้แต่ภาวนาว่าขอให้ถึงสยามก่อนค่อยตกเพราะผมไม่ได้เอาร่มมา แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่เป็นใจเพราะในระหว่างทางที่อีกไม่ไกลนักที่จะถึงฝนก็ตกราวลงมากับฟ้ารั่ว

แล้วสองข้างทางก็เป็นแค่ฟุตบาทไม่มีที่พักพิงหลบฝน แม้ผมจะพยายามวิ่งให้เร็วแค่ไหนกว่าจะถึงสถานีรถไฟฟ้าตัวก็เปียกไปเกือบจะทั้งตัว สองมือกอดกระเป๋าแน่นเพราะกลัวหนังสือและสมุดเรียนจะเปียก ผมก็ลู่ลงแนบหน้าจนแทบมองไม่เห็นทาง ตัวสั่นน้อยๆเพราะความหนาว

พอเข้ามาในรถไฟฟ้ายิ่งหนักกว่าเดิมเมื่อข้างในนั้นหนาวมากทั้งด้วยอากาศข้างนอกเลยทำให้ดูเหมือนว่าในรถไฟฟ้าหนาวกว่าปกติ ผมกอดตัวเองแน่นนั่งลงมุมสุดที่เก้าอี้ตัวสุดท้ายของขบวน มีคนบางตามากกว่าเสาร์อาทิตย์ค่อนข้างมากและยิ่งในสภาพอากาศแบบนี้ที่คนคงไม่อยากออกไปไหนเลยทำให้ตอนนี้ผู้คนไม่ค่อยเยอะ

น้ำยังคงหยดจากผมที่แนบหน้าอยู่เรื่อยๆ ปากกระทบกันดังกึกๆด้วยความหนาว

เมื่อไหร่จะถึงสยามนะ...

ตอนนั้นผมได้แต่คิดแบบนั้น แล้วอยู่ดีๆก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสื้อกันหนาวตัวใหญ่พาดมาคลุมตัว

พรึบ

ผมหันไปมองคนที่นั่งข้างๆอย่างแปลกใจทันที เขาอยู่ในชุดนักเรียนของโรงเรียนชายล้วนชื่อดัง...

“ให้ยืมก่อน” อีกฝ่ายพูดเท่านั้นแล้วก็เสียบหูฟังเข้าที่หูเช่นเดิม ผมอึ้งไปเมื่อได้สบสายตาคมผ่านเส้นผมที่ปรกหน้าอยู่ ทั้งที่ควรสงสัยควรตกใจแล้วคืนเสื้อเขาไปแต่มือกลับกระชับเสื้อเข้าหาตัวด้วยความหนาวพร้อมใจที่เต้นแรง คำพูดหายไปไหนหมดก็ไม่รู้

ผมควรจะปฏิเสธเขาแต่ก็ไม่ได้ทำแถมยังลืมมารยาทที่ไม่ควรรับของจากคนแปลกหน้าไปจนหมดสิ้น

ใจดีจัง...

ผมหันกลับไปมองเขาอีกทีอีกฝ่ายก็หลับตาลงไปแล้ว เสื้อตัวใหญ่ทำให้อุ่นขึ้นอย่างประหลาด

สรุปว่าวันนั้นผมนั่งรถไฟฟ้าด้วยอาการใจเต้นตลอดทาง พอถึงสถานีที่ตัวเองต้องลงอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีว่าถึงปลายทางของตัวเองแล้วผมเลยรีบเอาเสื้อวางไว้ที่ตักของเขาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วรีบเดินออกมาโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวจะได้ยินไหมเพราะเขาใส่หูฟังอยู่

ผมจำหน้าเขาได้ตลอดมา ก่อนจะช็อคจนแทบควบคุมความตื่นเต้นไว้ไม่ได้เมื่อเจอเขาครั้งแรกที่มหาลัยตรงอาคารจอดรถ เขาเรียนที่นี่ ที่เดียวกันกับผมเลย!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรหมลิขิตหรืออะไรแต่ผมจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ไม่เคยลืมแม้จะไม่ได้เจอเขาอีกเลยเป็นเวลาเกือบปีแล้วก็ตาม ยิ่งเจอกันครั้งนี้ยิ่งใจเต้นกว่าตอนในรถไฟฟ้าซะอีก เขาจำผมไม่ได้หรอกเพราะวันนั้นหน้าตาของผมแทบจะถูกปกปิดไปด้วยเส้นผมทั้งหมด

การแต่งกายที่ถูกระเบียบทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาน่าจะเป็นรุ่นเดียวกัน

แน่นอนว่าเขาถูกพูดถึงมากในเรื่องของหน้าตาเลยทำให้ผมได้เฟสเขามาจากเพจคนหน้าตาดีในมหาลัย และผมก็แอบส่องเขาเป็นต้นมาโดยที่ไม่กล้าแอดไปทั้งเฟสและไอจี แอบเก็บรูปที่เขาอัพลงเพียงไม่กี่รูปและรูปที่อีกฝ่ายโดนเพื่อนแท็กมาไว้ในเครื่องตลอดจนมายด์มาเห็นนี่แหละ

แล้ววันนั้นที่เขาเอาร่มให้ผมดีใจจนแทบบ้า ใจสั่นตั้งแต่เห็นเขาเดินมาแล้ว ต้องบอกต้องย้ำตัวเองแทบตายว่าห้ามแสดงอาการอะไรเด็ดขาดแต่อยู่ดีๆคำพูดของเพื่อนก็ดังเข้ามาในหัวซะอย่างนั้น

“ถ้าวินยังมัวแต่เฉยอยู่แบบนี้ซักวันก็ต้องมีคนได้พัตเขาไปครอง...ด้านได้อายอดนะวิน”

มายด์พูดกรอกหูทุกวันตั้งแต่ที่รู้ว่าผมชอบพัต แล้ววันนี้คำพูดของเพื่อนก็เหมือนเทปที่ถูกกรอในหูผมซ้ำไปซ้ำมา ผมได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ว่ามารอเพื่อนแต่ดูท่าว่าเพื่อนเขาคงจะกลับไปแล้ว พอคิดได้ว่าถ้าเพื่อนเขากลับอีกไม่นานเขาก็ต้องกลับต้องออกไปจากตรงนี้

โอกาสแบบนี้มันไม่ได้ได้มีง่ายๆนะวิน...

นั่นแหละที่ทำให้ผมสูดหายใจลึกแล้วตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วเดินเข้าไปพูดกับเขา เอ่ยประโยคที่ผมพอจะคิดออกในขณะที่สติแทบไม่เหลือด้วยความตื่นเต้น ข้างนอกที่แสดงออกไปอาจจะดูธรรมดาแต่ข้างในผมสั่นจะตายอยู่แล้ว พอพูดออกไปแล้วเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปก็ใจเสียทันที แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

แต่ไม่นานพัตกลับเอ่ยออกมา...คำที่ทำให้ผมแทบไม่เชื่อว่าเขาพูดกับผม

“เอาไปสิ”

“ห๊ะ?” ขะ เขาพูดว่าอะไรนะ เอาอะไรไป..

“เอาไปใช้...” ผมยังคงไม่เข้าใจจนเขายื่นร่มมา สมองประมวลผลไม่ได้แล้วตอนนี้

“ให้เราเอาไปใช้เหรอ?” ถามเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจถูกไหม

“อืม” อีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น ยืนยันว่าสิ่งที่ผมเข้าใจมันถูก

“ถ้าให้เราแล้วนายจะใช้อะไร” ฝนตกหนักขนาดนี้แล้วเขาจะกลับยังไง ใจดีแบบนี้อีกแล้ว...เหมือนเมื่อสองปีก่อนไม่มีผิด

“เอาไปเถอะ” ผมไม่กล้ารับมาจากเขา จนเมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่เลยต้องรับมาอย่างจำยอม...กำลังจะบอกว่าเราไปด้วยกันก็ได้แต่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“ไปนะ” พัตพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งผ่าฝนออกไปเลย ผมตกใจแทบแย่เมื่อเห็นเขาทำอย่างนั้น มองร่มในมือตัวเองพร้อมกับคนที่วิ่งหายไปอย่างเป็นห่วงพร้อมๆกับใจที่เต้นแรง

แอบหวังได้ไหม...หวังว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รังเกียจกัน

ดีใจมากจนต้องอัพรูปลงอินสตาแกรม และนั่นทำให้ผมตัดสินใจแอดเฟสเขาไปตามที่มายด์ไซโคเมื่อผมโทรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เพื่อนสนิทดีใจมากกว่าผมซะอีกทันทีที่ผมเล่าจบ แล้วมายด์ก็บอกให้ผมใช้โอกาสนี้ในการเข้าพัต พอแอดไปก็กลัวว่าเขาจะไม่รับแทบแย่เพราะอีกฝ่ายไม่รับคนอื่นเลยนอกจากเพื่อนตัวเอง พอมีแจ้งเตือนว่าเขารับโทรศัพท์ผมแทบล่นจากมือ

“พอเขารับแอดก็ทำทีเป็นทักไปคุยเรื่องร่ม เนียนว่าขอบคุณแล้วบอกว่าจะเอาร่มไปคืน วินจะได้เจอเขาอีกไง!”

สุดท้ายเลยตัดสินใจทักไปตามที่มายด์บอกจนได้...

แล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด โดยที่พัตไม่เคยรู้เลยว่าผมแอบชอบเขามาตลอด

ผู้ชายใจดีในรถไฟฟ้าวันนั้น : )




TBC.



Talk

เค้ากลับมาแล้วววว...สอบเสร็จก็ตายอย่างเขียดTT ทิ้งพัตกับวินมานานเลยมาต่อ ป่านนี้คนอ่านจะลืมกันไปรึยังนะ :mew6:
สรุปว่าเขาต่างคนต่างแอบชอบกันแหละ คิคิ แถมวินยังแอบชอบพัตมาก่อนแล้วด้วยนะ^^ พัตเขาจำวินไม่ได้หรอกนะคะเพราะวันนั้นเห็นหน้าไม่ชัดแถมก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว แล้วที่เอาเสื้อให้ก็เพราะว่าสงสาร+เอ็นดู ตอนนั้นเขายังไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนที่มาเจอในมหาลัยนี่เห็นแล้วก็ชอบเลย(ซึ่งวินคือชอบตั้งแต่วันนั้นแล้วไง-///-) นี่เป็นที่มาจริงๆของเรื่องนี้...ไม่ใช่มาจากพัตหรอกนะคะ  :mew3: :mew3:

เม้นต์เป็นกำลังใจเค้าหน่อยนะะะะะ ถ้าไม่อยากพลาดข่าวสารตางๆอย่าลืมกดไลค์เพจนะคะ(มีใครอยากเห็นพัตบ้างไหมเอ่ย?????) อยากเห็นก็ไปทวงในเพจเลยค่ะ ไม่มีคนทวงก็ไม่ได้เห็น55555

ขอบคุณคนอ่าน และขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ  :pig4: :pig4:



https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/timeline/?ref=aymt_homepage_panel

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ที้แท้วินก็แอบรักพัตมานานแล้วนี่เอง
พอถึงเวลาพัตอ่อย วินก็เลยรีบตะครุบไว้ทันที
แต่ยังไงพัตก็เริ่มทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นนี่เนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด