ทวงครั้งที่ 7 รู้สึกผิด
วสินอุ้มร่างผอมบางวางลงบนเตียงสี่เสาหลังใหญ่ ใบหน้าขาวซีดดูซีดกว่าทุกทีที่เคยทำให้ต้องยกมือขึ้นไปแตะบนหน้า
ผากชื้นเหงื่อ
พบว่าอุณหภูมิของผิวกายอีกฝ่ายสูงจนผดสังเกต
ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดลงบนผิวกาย ลากผ่านผิวหนังเอาสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวนั้น
ทว่าแม้กายสะอาดแต่ก็ยังคงหลงเหลือบาดแผลและรอยช้ำปรากฏอยู่ทั่วร่าง
“จะ เจ็บ”
เสียงครางเครือดังแผ่วเบาคล้ายกับละเมอทำให้ยักษาชะงักมือ ดวงตาคมนิ่งชะงักมองใบหน้าซีดด้วยความรู้สึกผิด
เขาทำอะไรลงไป…
มือใหญ่จัดผ้าห่มขึ้นคลุมกายของวาลีเอาไว้ก่อนจะเดินออกมาด้วยความละอายใจที่ยังคงกัดกินหัวใจ
ทันทีที่ประตูปิดลง คนที่คิดว่าหลับไปแล้วลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
ทั้งที่โหดร้ายกับเขาขนาดนั้น แต่ทำไมจู่ๆถึงได้…ทำราวกับว่าเป็นคนละคน
ทำไมถึงต้องเช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าให้ทั้งที่น่าจะทิ้งเขาให้นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นเย็นๆนั่น
วาลีหยัดกายลุกขึ้นมา ขาผอมบางแทบไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือที่จะทรงตัว ได้แต่เอายันเข้ากับพนังห้องพยุงตัวเอาไว้ไม่ให้
ล้มลง
วสินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งพร้อมกับชามข้าวต้มควันกรุ่นกับแก้วบรรจุน้ำสีน้ำเงินเข้มดูแปลกตาแต่ก็พบกับความว่าง
เปล่า ใจที่เคยนิ่งเฉยตอนนี้กลับวูบไหว
สายตาคู่สวยสอดส่ายมองหาร่างขาวซีดทั่วชั้นบนของตัวบ้านแต่ก็ไม่พบ จึงได้เดินลงมายันชั้นล่าง
ห้องแล้วห้องเล่าแม้แต่ห้องหนังสือที่เจ้าตัวชอบไปคลุกอยู่เวลาว่างก็ไม่มี
ดวงตาคมนิ่งหรี่ตามองไปยังชายหาดด้านหน้าของตัวเกาะ มองเห็นกลุ่มผมสีดำอยู่ลิบตา
ร่างกายซีดเซียวฟุบลงบนพื้นทรายสีขาวอย่างหมดแรง ไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขามาตั้งแต่เย็นวาน จนตอนนี้เวลาเกือบ
จะเช้าช่วงเย็นของอีกวันแล้ว
วาลีพยายามยันตัวขึ้นลุก ทั้งแขนและขาไร้เรี่ยวแรงจนสั่นไปหมด ริมฝีปากบางถูกขบกัดจนแดงช้ำ
อะไรอะไรก็ไม่ได้ดั่งสักอย่าง ร่างกายมันไม่ฟังเขาเลย ทั้งที่อยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ร้องไม่ออก
น้ำตามันเหือดหายไปนานแล้ว
เพราะว่าไม่เคยร้องไห้ให้กับอะไรตั้งแต่จำความได้…
“เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่”เสียงทุ้มดูนุ่มนวลถามไถ่อย่างห่วงใย
ทว่าวาลีกลับสะดุ้งเมื่อเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงเดียวกับเสียงคำรามอย่างดุดันอยู่ข้างหู
“ยะ อย่ามาแตะนะ”มือที่หมายมั่นจะแตะต้อด้วยความเป็นห่วงถูกปัดออกด้วยความโกรธเคือง
“เข้าบ้านเถอะ แดดข้างนอกจะทำให้เจ้าป่วยไปมากกว่านี้”
“นั่นมันเรื่องของผม เมื่อไรคุณจะปล่อยผมออกไปจากที่นี่สักที”
วาลีถามเสียงพร่า มือทั้งสองข้างพยายามผลักดันร่างสูงใหญ่ของวสินออกห่าง ทว่าร่างก็ถูกอุ้มขึ้นมาโดยไม่สนคำปฏิเสธ
“เนื้อตัวเจ้ามอมแมมอีกแล้ว”
“ก็ยังดีกว่าสกปรกเพราะคุณแล้วกัน”ประชดประชันทั้งที่เบือนหน้าหนี
“ข้าจะเช็ดตัวให้เจ้าใหม่ก็แล้วกัน”
วสินทำเหมือนไม่ได้ยินคำต่อว่า กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช่นเดิม
“อย่า แตะต้อง ตัวผม”วาลีเน้นย้ำ แต่ก็ไม่อาจขืนแรงของยักษ์ได้
ผิวกายสีซีดเผยสู่สายตาของยักษาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาต้องข่มอารมณ์ความรู้สึกของตนเองไม่ให้ทำร้ายกายนี้อีกหน
วาลีเบือนหน้าหนีทั้งที่ร่างกายกำลังสั่นเมื่อผ้าชุบน้ำเย็นๆนั้นไล้ไปทั่วร่าง
ชุดนอนตัวใหม่ถูกสวมใส่ให้อีกครั้ง แต่วาลีก็ยังคงไม่มองเขาเช่นเดิม
“เจ้าควรกินอาหารและยา”
“ ”
“หากเจ้าไม่กินมัน เจ้าจะไม่มีแรง”
“ก็ได้ แต่น้ำที่คุณบังคับให้ผมกินทุกวันผมจะไม่ยอมกินมันอีกต่อไป”
น้ำสีประหลาดในแก้วถูกเทราดลงบนพื้นด้วยมือของคนป่วย
“เจ้าจำเป็นต้องกินมัน เรื่องนี้ข้าคงยอมเจ้าไม่ได้”
“งั้นคุณก็บังคับผมสิ ให้เหมือนกับที่คุณบังคับผมเมื่อคืน เอาไหมล่ะ”
“เจ้ามิใช่เด็กอ่อนเดียงสา วาลี”
“คุณก็ไม่ใช่ยักษ์ที่มีจิตใจเหมือนกัน”
“ยานั่นจะทำให้เจ้าดีขึ้น”
“คุณบอกเองว่าผมไม่ใช่เด็ก การที่ไม่เชื่อคุณมันก็ไม่แปลกอะไรนี่”วาลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งจ้องมองวสินเขม็งอย่างไม่
ลดละ
ยักษ์สูงวัยได้แต่ถอดถอนหายใจ หากบังคับไปก็คงจะมีแต่ดื้อรั้นไปมากกว่าเก่า คงจะต้องหาวิธีอื่นเอา
==============================================================
ผ่านมาหลายวันแล้ว อาการที่น่าจะดีขึ้นกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด
เรี่ยวแรงที่น่าจะกลับคืนมากลับไม่มีอะไรแปลกไปจากเดิม
ร่างกายผมใช้เวลาส่วนมากนอนหลับอยู่บนเตียง นานครั้งถึงจะลุกออกไปจากเตียงเพื่อไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือชั้น
ล่าง
แม้จะเดินสวนกันอยู่บ่อยครั้งแต่วาลีกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองอีกฝ่าย
วสินเองก็คอยตามอีกฝ่ายอยู่ไม่คลาดสายตา ทั้งอาหารและความเป็นอยู่กลับคอยดูอย่างใกล้ชิดต่างจากทุกที่ที่มักจะออก
ไปถือศีล
หลายวันแล้วที่วาลีไม่เปิดปากคุยกับเขาสักคำ ยักษ์สูงวัยได้แต่มองตามอีกฝ่ายด้วยสายตาที่นิ่งเฉย
อยากจะดึงร่างนั้นเข้ามากอดเพราะความรู้สึกผิดที่เอ่อลุ้นอยู่ในจิตใจที่เคยนิ่งเฉย
“ข้าอยากให้เจ้ากินกลับมากินยา”จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว เมื่อร่างกายของวาลีกลับไปแย่เหมือนครั้งแรกที่มาที่บ้านหลังนี้
วาลียังคงนิ่งเงียบ ยกชามข้าวต้มที่ยังกินไม่หมดเดินหนี แล้วเทมันลงใส่ถังขยะ ก่อนจะล้าง
แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบน
เป็นอย่างนี้อยู่วันแล้ววันเล่า
“เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่รึ”ประตูห้องนอนเปิดออกอย่างเบามือพร้อมกับคำถามที่ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน
เช่นเดิมที่วาลียังคงไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่จะปรายตามอง กลับก้มลงอ่านหนังสือไม่สนใจแขกไม่ได้รับเชิญ
“ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นเช่นนี้นะวาลี ข้าทำผิดต่อเจ้า”
ดวงตาที่นิ่งเฉยเมื่อได้ยินประโยคนี้กลับเริ่มสั่นระริก พยายามจะไม่นึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในคืนนั้น
“อย่างน้อยเจ้าก็ควรกลับมากินยานั่นดังเดิม”
วสินพูดเสียงเบา จ้องมองร่างผอมบางนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาจดจ้องแต่หนังสือที่อยู่ในมือ
“เจ้าอยู่ที่นี่ ไม่มีเพื่อนคุย คงจะเหงาอยู่มาก”
คำพูดที่เหมือนจะแทงใจทำให้วาลีเริ่มปรายตามองอีกฝ่ายด้วยหางตา
แต่ก็หลุบตาลงอ่านหนังสือในมืออีกครั้ง
“ข้าอยากให้เจ้ากลับมาเป็นวาลีคนเดิม อย่างน้อยเจ้าก็ยังโต้ตอบข้าอยู่บ้าง”
เมื่อไม่มีเสียงใดใดตอบรับวสินลุกขึ้นจากเตียง เดินออกมาจากห้องนอนนั้น
เมื่อประตูปิดลงอย่างเบามือ วาลีหันไปจ้องมองประตู
น้ำเสียงนุ่มหูนั่นทำให้หัวใจที่พยายามจะด้านชานั้นสั่นคลอน
ความโกรธของเขามันกลายเป็นความเฉยเมยมานานแล้ว มีเพียงกำแพงสูงที่สร้างจากทิฐิเท่านั้นที่ขวางอยู่
แต่แล้วประตูห้องก็เปิดแง้มออกมาอีกครั้ง แต่กลับไม่มีร่างของยักษ์เจ้าบ้านเข้ามา
มันเปิดแง้มออกเพียงเล็กน้อย
แต่แล้วเสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้นเรียกให้มองด้วยความแปลกใจ
โฮ่ง!! โฮ่ง!!
เจ้าสัตว์ขนปุยสำขาวแลบลิ้นจนน้ำลายหยดลงบนพื้นวิ่งเข้ามาภายในห้อง กระโดดไปมาทั่วห้องนอนของเขา
“หวังว่าเจ้าคงจะชอบมัน”เสียงทุ้มดังลอดผ่านเข้ามา แต่ไม่เห็นเจ้าของเสียง ไม่นานประตูก็ปิดลง
เจ้าตัวเล็กสี่ขาวิ่งกระโดดไปทั่วห้อง แล้วหยุดตะกายอยู่ที่ขอบเตียง คล้ายกับจะเรียกให้ลงไปเล่นด้วย
รอยยิ้มที่เหือดหายไปนับหลายปี จู่ๆกลับปรากอยู่บนใบหน้าอีกครั้ง
ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ได้แต่ยันตัวขึ้นมาด้วยความแปลกใจแล้วอุ้มเจ้าสี่ขาตัวเล็กขึ้นมายืนบนตัก
“มะ หมา ใช่ไหม”
ถามตัวเองคล้ายกับไม่แน่ใจ เพราะตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้สัตว์มีขนเลย
เพราะกลัวว่าจะแพ้กับเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในตัวของมัน
โฮ่ง!!
เหมือนเจ้าตัวจะตอบรับคำถามด้วยเสียงเห่า ส่ายหางดุ๊กดิ๊ก แลบลิ้นเลียหน้าของเขา
“อย่าเลียสิ”
ถึงอย่าสั่งอย่างนั้น แต่เจ้าหมาก็ยังคงระริกระรี้ จะเลียให้ได้
ดวงตาสีโศกสะดุดตาเข้ากับแผ่นกระดาษที่ติดมากับปลอกคอ
‘ให้อภัยข้าได้หรือไม่’
นี่คือการง้อของยักษ์อย่างนั้นหรือ…
ไม่รู้ว่ามันดูตลกหรืออะไรกัน ที่จู่ๆยักษ์ไร้ความรู้สึกอย่างวสินจะทำเรื่องแบบนี้
วาลียิ้มออกมาที่มุมปาก ยกมือลูบหัวเจ้าสุนัขไปมา
นี่เขาควรจะให้อภัยยักษ์ใจร้ายนั่นดีไหมนะ
============================================================
ใครอยากให้วารีท้องอะ อิชั้นเกรงว่าจะเจี๊ยวจ๊าวฟ้าวเฟี้ยวจนบรรดาแม่ๆปวดเฮดไปตามๆกัน รึเปล่า