ทวงครั้งที่ 4.2
“เจ้าเองก็รู้ว่านนทรีเหตุใดเจ้าจึงเข้าใกล้นนทรี”
“ทำไมผมจะต้องบอกเหตุผลกับคุณ”
จู่ๆก็ถูกดึงให้ออกจากการสนทนาที่นนทรีเป็นฝ่ายเข้ามาชวนคุยกะทันหัน ถูกดึงให้เดินตามออกจนถึงห้องนอนแล้วก็ต่อว่า
กันเหมือนว่าเป็นเรื่องผิด
“ข้าเตือนเจ้าแล้วหรือไม่ว่าอย่าเข้าใกล้นนทรี”
“แล้วทำไมผมจะต้องฟังคำสั่งคุณ”
“นั่นก็เพราะเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าต้องฟังสิ่งที่ข้าสั่ง…ทุกอย่าง”
ยักษ์สูงวัยเอ่ยด้วยเสียงแข็งกร้าวต่างจากทุกที ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยนิ่งสงบบัดนี้กลับฉายแววไม่พึงพอใจเท่าไรนัก
กระวนกระวายใจ…คำนี้คงเป็นคำจำกัดความที่สามารถบ่งบอกได้ถึงเวลานี้
แขกผู้มาเยือนรายนี้ถึงจะเป็นลูกชายของเพื่อน แต่ก็เป็นยักษ์ที่กินมนุษย์ ไม่มีเวลาไหนที่สามารถวางใจได้สักนิดถึงแม้ว่า
จะคอยกันท่าอยู่แทบทุกเวลาก็ตาม
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์จิตใจย่อมรวนเร อีกทั้งเจ้าเล่ห์
คนมากคามรู้อย่างวาลี แค่เขามองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าคิดเช่นใดอยู่
แต่เขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
“จากนี้เจ้าห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด”
“นั่นมันไม่มีเหตุผล”
“ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลกับเจ้า”
สิ้นเสียงยักษ์ บานประตูสีขาวก็ปิดลงขวางกั้นอิสระของชายหนุ่มอีกครั้ง
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธเคือง
ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องคอยกันเขาให้ออกหากจากนนทรี
อีกแค่นิดเดียวก็จะตีสนิทแล้วหลอกใช้ให้อีกฝ่ายพาหนีได้แล้วแท้ๆ
คนอย่างวาลี ไม่มีทางยอมรับคำสั่งใครง่ายๆอยู่แล้ว
วาลีเปิดบานประตูออกอีกครั้ง มองดูด้านนอกทางเดินมองไม่เห็นวสินจึงได้เดินออกมา
ดวงตานิ่งสนิทมองสอดส่ายหายักษ์วัยเยาว์
“ดูท่าท่านลุงจะหวงของน่าดู”น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขันพูดขึ้นทางด้านหลังเรียกให้หันไปมอง
“ผมนึกว่าคุณไปจากที่นี่แล้ว”วาลีถอนหายใจ โชคดีที่อีกฝ่ายยังอยู่
“ก็กำลังจะไป แต่จะกลับไปมือเปล่าก็กระไรอยู่ คิดว่าคงได้ของดีติดไม้ติดมือไปบ้าง”
นนทรีย่างก้าวเข้ามาใกล้ วาลีถอยหลังไปครึ่งก้าวเพื่อตั้งหลัก
ยักษ์เบื้องหน้าถึงแม้จะไม่นิ่งสงบหรือดูโหดร้ายเท่าวสิน ทว่าก็คงความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มีลดละ
“งั้นผมจะขอให้คุณช่วยอะไรบางอย่างได้ไหม”
“ช่วยอะไรล่ะ หากไม่ยากเกินความสามารถข้าก็ยินดีช่วยท่านนะ วาลี”นนทรียกยิ้มเจ้าเล่ห์
มือใหญ่เอื้อมมาแตะใบหน้าที่เคยซีดไร้สีเลือดลูบไปมา
วาลีนิ่งไปชั่วขณะ เขาพยายามกลั่นใจไม่ให้ปัดมืออมนุษย์ออก ตอนนี้อิสระอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“ผมอยากจะ…ไปกับคุณ”
“หึหึ ได้สิ ข้าจะได้ไม่ต้องลงแรงหากท่านยินดีที่จะยอมไปกับข้าเอง”นนทรีหัวเราะในลำคอ
“จะให้ไปด้วยจริงใช่ไหม”
“แน่นอน มาสิ ไปจากที่นี่กัน”
นนทรีเลื่อนมือไปโอบเอวชายหนุ่ม
เหยื่ออันโอชะที่สุด ก็คือเหยื่อที่แย่งมาจากผู้อื่น รอยยิ้มร้ายปรากฏโดยที่วาลีไม่อาจเห็นมันเลยสักนิด
ชายหนุ่มเดินตามไปอย่างกระดากใจ นั่นก็ยักษ์นี่ก็ยักษ์ หากให้เลือกก็คงเลือกอิสระ
ยังไงก็ไว้วางใจใครไม่ได้อยู่ดี ชายหนุ่มเดินตามมาจนถึงประตูบ้าน อีกแค่ก้าวเดียว ก้าวเดียวเท่านั้นที่จะได้ออกไปจาก
บ้านหลังนี้
ทว่า แขนก็ถูกดึงเอาไว้ด้วยแรงที่มีไม่น้อย ถูกบีบแขนจนรู้สึกเจ็บเล็กๆแล้วถูกถึงเข้าไปหา
กลับกลายเป็นว่าแขนทั้งสองข้างถูกยักษ์สองตนต่างฝ่ายต่างยื้อเอาไว้
“เจ้าจะพาวาลีไปที่ใดกันนนทรี”
“อา ข้าคิดว่าท่านลุงจะไปภาวนาศีลเสียอีก คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงไม่ใช่หรือ”
“หากข้าไปข้าคงไม่มาเจอว่าเจ้ากำลังขโมยคนของข้าไป”
“คนของท่านเต็มใจไปกับข้าต่างหาก”ยักษ์หนุ่มกว่าไหวไหล่ส่งยิ้มเยาะให้
“จริงตามที่นนทรีพูดหรือไม่ วาลี”ดวงตาคมดุดูนิ่งเฉยกำลังโกรธเกรี้ยว สีตากลายเป็นสีเขียวมรกตวาววับ
วาลีเบือนหน้าหนี อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นที่จะได้อิสระกลับคืน ถึงแม้ใจมันจะรู้สึกวูบไหวแปลกๆก็ตาม ดวงตาที่ดูน่ากลัวนั่น
มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะมองตอบกลับไป
เมื่อไม่ได้คำตอบแรงบีบที่แขนก็เริ่มมีมากขึ้น หัวใจที่นิ่งสงบมาหลายร้อยปีบัดนี้กลับแข็งกร้าวจนน่าใจหาย
ความโกรธเกรี้ยวราวกับเวทมนต์ดลบัลดาลให้มันเกิดชั่วพริบตามันกำลังปะทุออกมา
วสินรู้สึกทั้งโกรธทั้งเจ็บใจที่ราวกับถูกแย่งของรัก คนที่เขาเฝ้าดูแลมาตลอดสามปี
จู่ๆก็จะถูกแขกผู้มาเยือนแย่ไปง่ายๆ นั่นเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้เด็ดขาด
“เจ้าควรปล่อยคนของข้าแล้วกลับไปเสียนนทรี”
“ไม่ ไม่ได้นะ”แทบจะทันทีที่วาลีแย้งออกมา
อุตส่าห์จะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว จะยอมง่ายๆได้ยังไง
“ปล่อยมือจากวาลีแล้วจงไปซะ”
“อย่าปล่อย ผมจะไปกับคุณ”
ดวงตาคมนิ่งจ้องมองนนทรีอย่างเว้าวอน หากแต่ดวงตาสีมรกตสว่างวาบจ้องมองยักษ์วัยเยาว์ทำให้เกิดความกดดันแก่น
นทรี
นนทรีหลบดวงตาแห่งความโกรธเกรี้ยวก่อนจะปล่อยมือเหยื่ออันโอชะ หากให้เขาสู้ยักษ์สูงวัยกว่าเขาคงแพ้ราบคาบ
จำต้องปล่อยมือเหยื่อให้กลับคืนเจ้าของ
“ลาก่อนท่านลุงวสิน”
“เดี๋ยวก่อน ไหนสัญญาว่าจะพาออกไป”วาลีตะโกนไล่หลัง
แผ่นหลังของนนทรีไกลออกไปทุกที ไกลจนมือเอื้อมไปไม่ถึง อยากจะสะบัดมือที่รั้งเอาไว้ออก แต่ก็สะบัดไม่หลุด ราวกับ
โซ่เส้นใหญ่ที่พันธนาการเอาไว้
“ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าออกมา เจ้านี่ช่างดื้อด้านยิ่งนัก”
“นั่นมันเรื่องของผม”หันกลับมาตอกกลับทันที
แต่ดวงตาที่เคยนิ่งสงบนั้นทำให้วาลีชะงัก
เสี้ยววินาทีที่โมโหจนแทบจะเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายให้ได้เจ็บซะบ้าง แขนที่ถูกกุมเอาไว้ก็ถูกดึงเข้าไปหา
ดวงตานิ่งเฉยกลับเบิกกว้าง
ริมฝีปากร้อนราวกับเหล็กนาบไฟประกบลงมา
รวดเร็วและรุนแรง
ดวงตาสีเขี้ยวเข็มจ้องมองลึกลงมาจนดูน่ากลัว
เหมือนกับจะถูกมองเข้ามาจนทะลุปรุโปร่ง
มือผอมได้แต่ผลักไสแผงอกใหญ่ให้ผละออก
แต่แรงที่มีกลับไม่ทำให้ยักษาสะทกสะท้าน กลับตรึงเอาใบหน้าซีดเผือดให้เงยขึ้นรับจูบที่ลึกล้ำ
สอดลิ้นเข้ามาจ้วงเอาก้อนเนื้อร้อนข้างในเพื่อที่จะลงโทษให้หลาบจำ
หัวใจดุจราวหินผาที่แข็งแกร่งบัดนี้ถูกพังทลายลงไปจนแล้วสิ้น
เพี๊ยะ!!
“ไอ้ยักษ์โรคจิตเอ้ย”
ทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ผ่ามือก็ตบฉาดลงบนหน้ายักษ์หนุ่ม ถึงแม้จะไม่สะทกสะท้านทางร่างกาย
แต่หัวใจที่พังทลายลงกลับเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว
วสินได้แต่มองแผ่นหลังของชายหนุ่มเดินทิ้งเท้าขึ้นบันไดไปโดยไม่หันกลับมามอง
================================================================
“แดดดี๊ฮะ คนนั้น เป็นเหมือนอลัน ทำไมเขาจะมาทำร้ายแดดดี๊ล่ะฮะ”
อลันถามหลังจากกลับมาถึงโรงแรม
อเลนรีบปิดประตูแล้วลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา หัวใจตอนนี้กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าจนแทบจะควบคุมไม่ไหว
“เขา เป็นคนใจไม่ดี อลันห้ามใกล้เขาเด็ดขาด”
“ฮะ อลันไม่ชอบเขา เขาจะทำร้ายแดดดี๊ แล้วเขาเป็นใครเหรอฮะ”
“เขาเป็นยักษ์ใจร้าย เป็นคนที่แดดดี๊เกลียด”
“งั้น อลันก็เกลียดเขาเหมือนกับแดดดี๊ฮะ”ใบหน้าขาวเรื่อพยักหน้าหงึกๆขณะนอนกลิ้งไปมาบนเตียง
อเลนมองลูกชายนอนกลิ้งเกลือกบนเตียงด้วยใจที่สั่นรัว
กลัวว่าทศกัณฐ์จะมาเอาอลันไป
ทศกัณฐ์เห็นอลันแล้ว…เขาควรจะทำยังไงดี
“เดี๋ยววันนี้กินอาหารโรงแรมนะครับ”
“รับทราบ”เจ้าตัวกลมผิวขาวจัดลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าตะเบะ
ไม่สังเกตว่าใบหน้าของผู้ให้กำเนิดซีดเผือดแค่ไหน
คำคืนมาเยือนเร็วกว่าที่คิด อลันนอนหลับสนิทไปแล้ว แต่เอลนไม่มีทีท่าว่าจะวางใจแล้วหลับตานอนได้เลย
เขากำลังกลัว ยักษ์ใจร้ายอย่างทศกัณฐ์
เขาจำคืนนั้นได้ไม่มีวันลืม คืนที่ถูกฉีกกระชากหัวใจด้วยน้ำมือของยักษ์ตนนั้น ราวกับปีศาจที่กำลังบ้าคลั่ง
ร่างกายถูกแทรกเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า คำอ้อนวอนร้องขอกลับไม่มีความหมาย ราวกับอากาศธาตุไร้ค่า ไม่เหลือแม้แต่
เศษเสี้ยวของความรู้สึกดีดีหลงเหลือให้น่าจดจำ มีเพียงความเลวร้ายเท่านั้นที่ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจตราบจนถึงทุกวันนี้
นาฬิกาบ่งบอกเวลาล่วงเที่ยงคืนไปมาก ดวงตาคมโตค่อยๆเผลอปิดลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
ร่างสูงใหญ่ย่างก้าวเข้ามาในห้องเงียบเชียบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงหายใจเข้าออกเสมอกัน
ฝ่ามือใหญ่ทาบลงบนหน้าผากของอเลนอย่างเบามือ
ร่างสูงโปร่งของอเลนบิดกายเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะนอนนิ่งสงบดังเดิม
ผู้มาเยือนยามวิกาลเดินผ่านไปยังอีกฟากของเตียง ดวงตาสีอำพันจ้องมองใบหน้ากลมผิวขาวสะอาดราวกับสีของไข่มุกซุก
กายเข้ากับผ้าห่มดูไร้เดียงสา
สายเลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ภายในนั่นเป็นสายเลือดของเขา หลังมือหยาบกร้านไล้ลงบนหน้ายักษ์ตัวเล็กอย่างเบามือ
เวลาสามปีที่หายไป เขาทุ่มเทตามหา แต่ก็ไร้วี่แวว ไม่มีแม้แต่กลิ่นกายหลงเหลืออยู่ในผืนแผ่นดินนี้
ไม่คิดว่าอเลนจะตั้งท้อง เพราะอีกฝ่ายได้สลบลงก่อนที่พิธีเตรียมการจะเสร็จสิ้นด้วยซ้ำ
ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลานี้ได้ผู้เป็นแม่มาเกือบทั้งหมด แม้กระทั่งดวงตาที่ดูก้าวร้าวคู่นั้นที่จ้องมา เหมือนกันราวกับออกมา
จากพิมพ์เดียว
ทศกัณฐ์เดินกลับมายังอีกฝั่งเตียง ดวงตาสีเหลืองอำพันจ้องมองผู้เป็นที่รักนิ่ง
เขาจะต้องทำให้เจ้าของกายนี้หนีไปจากเขาอีกไม่ได้ ต่อให้ต้องกักขังเอาไว้เหมือนชาติก่อนเขาก็จะทำ
เรือนกายใหญ่ดุจนักรบคงกลิ่นควันบุหรี่เอาไว้เรียกให้เปลือกตาของคนที่หลับไปค่อยๆเปิดออกมา
ความคุ้นเคยทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องลืมตาขึ้นมามอง
แล้วดวงตาสีดำสนิทก็ต้องกระตุกวูบ ร่างกายใหญ่โตที่ไม่มีวันลืมยืนอยู่ข้างเตียง
ความตกใจทำให้ผลุดลุกขึ้นมา ทว่าร่ากายก็ราวกับถูกแรงที่มองไม่เห็นกดตรึงเอาไว้กับผื่นเตียง
อเลนเหลือบตามองอลันด้วยความตระหนก
“อย่า นะ”
ได้แต่ออกปากห้ามไม่ให้ทศกัณฐ์แตะต้องสิ่งหวงแหนที่สุดในชีวิต
“ชู่ววว”ทศกัณฐ์ยกนิ้วขึ้นส่งสัญญาณให้เงียบก่อนที่อลันจะตื่นขึ้นมาเจอ
ร่างสูงใหญ่เลิกผ้าห่มขึ้นมาก่อนจะสอดตัวเข้าไป โถมกายลงทาบทาบร่างโปร่งบาง
อเลนตัวแข็งทื่อ ชุดนอนแบบเสื้อเชิ้ตตัวยาวกับกาวเกงชั้นในขาสั้นเป็นตัวเปิดทางชั้นดีให้กับการกระทำที่ล่อแหลม
“จะ จะทำอะไรของคุณ”
ส่งเสียงร้องห้ามเมื่อกางเกงชั้นในขาสั้นถูกรูดผ่านข้อเท้าออกไป เรียวขาทั้งสองข้างถูกจับให้ตั้งชัน
“ถ้าไม่เงียบลูกของเราจะตื่นขึ้นมาเห็นฉันกับนายทำน้องนะ”ทศกัณฐ์ยกยิ้ม ดวงตาสีเหลืองพราวระยับ
ผิวกายเนียนนุ่มน่าคิดถึงนี้ทำเอาใจของเขาแทบเตลิด แสงจันทร์เหลืองนวลสาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นตัวปลุกกระตุ้น
ความดิบเถื่อนชั้นดีให้ลงมือกระทำสิ่งที่ใจเรียกร้อง
“ยะ อย่า อื้อ”
ความโหยหาทำให้ยักษ์หนุ่มแทบจะอดใจไม่ไหว ฉกเอาจูบของอีกฝ่าย ลิ้มรสสิ่งที่ตามหามาตลอดสามปี
หัวใจที่เคยหนีไปบัดนี้ได้กลับมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ให้ตายก็ไม่ยอมเสียไปอีกเด็ดขาด
อเลนได้แต่ส่งเสียงห้ามในลำคอ ดวงตาวูบไหวเหลือบมองลูกชาย กลัวว่าอลันจะตื่นขึ้นมาเจอ
อยากจะขัดขืนใจจะขาด แต่ก็ถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงที่มองไม่เห็น
มือหยาบกร้านลูบไล้ไปทั่วร่างกาย ชุดนอนถูกเลิกขึ้นจนเห็นแผ่นอกสีแดงเรื่อ
เม็ดที่แข็งเป็นไตถูกนิ้วสากบดขยี้หยอกล้อให้กระตุกเล็กๆ
มันน่าเจ็บใจยิ่งกว่าเมื่อร่างกายมันกลับไม่ฟังคำสั่ง ให้คล้อยตามไปกับสัมผัสหยาบโลนที่ถูกยัดเยียด
“อะ อื้อ ปล่อย”อยากจะต่อว่าให้มากกว่านี้
อต่ก็กลัวอลันจะตื่นขึ้นมา
ยิ่งมองเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นก็ยิ่งโกรธมากเข้าไปอีก
คนอย่างทศกัณฐ์….ดีแต่บังคับ
ไอ้หมอโรคจิต…
“ฮะ ฮึก”รู้ตัวอีกที ก็ยากที่จะออกปากห้าม ช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำเข้ามาด้วยมือที่ช่วยชีวิตผู้อื่นมานักต่อนัก
ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวนตอนนี้มันกำลังแล่นมารวมกันนอยู่ที่จุดๆเดียว
ทรมานจนอยากจะดิ้นให้หลุดแล้วทึ้งศีรษะตรงหน้าเอาไว้
แต่ก็ได้แค่กัดฟันกั้นเสียงเอาไว้ ร่างกายที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระมันน่าโมโหนัก
ทั้งที่เป็นร่างกายของตัวเอง แต่กลับไม่ฟัง หัวใจมันเต้นระรัว ทั้งกลัว แต่ก็มีความรู้สึกแปลกแทรกข้ามา ความรู้สึกนั้นคือ
อะไรก็ยังไม่เข้าใจ
ได้แต่ยกมือขึ้นปิดกั้นเสียงน่าอายเอาไว้ด้วยความอ่อนแรง
กายใหญ่โตแข็งดุจหินผาสอดแทรกเข้ามาให้ผลาเกาะไหล่หนาเอาไว้ กัดฟันลงบนลาดไหล่ด้วยความทรมาน
มีเพียงน้ำเสียงเล็กๆที่หลุดลอดออกมาจากลำคอยามกายนั้นกระแทกกระทั้นไม่หยุด
เจ็บใจ แต่ก็รู้สึกดี ราวกับเป็นสิ่งที่ขาดหาย แต่ก็ไม่คิดจะยอมรับ
อีกฝ่ายโหดร้ายเกินจะยอมรับได้ ไม่มีทางให้อภัยเด็ดขาด
ไม่มีทาง…
ใครที่เป็นสาวกเอสเอ็ม ตบจูบ ตอนหน้าเตรียมตัว คู่ของวาลีกับอาวสินจัดว่าโหด หุหุ