ช่วงเวลาอาทิตย์สุดท้าย เขาใช้มันอย่างคุ้มค่า เพราะจินดนัยเลิกนับถอยหลังและตัดสินใจใช้ทุกนาทีอย่างมีความสุขแทน เขากับแสงเหนือผลัดกันเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ บางเรื่องเขาเคยรู้อยู่แล้ว บางเรื่องเพิ่งเคยได้ยินก็ต้องหัวเราะกับวีรกรรมสารพัดจนแทบจะลืมความเจ็บปวดของร่างกายไปได้ ถ้าปลายนิ้วเขาเย็นจัด แสงเหนือจะดึงมันไปบีบนวดหรือซุกซอกคอไว้จนมันอุ่น ถ้าเขานอนไม่หลับ ก็จะใช้ช่วงเวลานั้นมองหน้าชายหนุ่มและนอนฟังเสียงลมหายใจเงียบๆ แทน ทุกอย่างล้วนสุขและสงบจนแทบไม่น่าเชื่อ
กระทั่งในคืนสุดท้ายก่อนแสงเหนือจะเข้าโรงพยาบาล จินดนัยตัดสินใจทำอะไรบางอย่างหลังจากนอนคิดมาหลายคืน เขาค่อยๆ ยกแขนที่ยกพาดเอวออกช้าๆ อย่างไม่ต้องการปลุกอีกฝ่ายและย่องมาเปิดโคมไฟ คุ้ยหาจนเจอกระดาษกับปากกาแล้วจึงนั่งลงเขียนจดหมายไปพลาง เหลียวมองดูชายหนุ่มซึ่งกำลังหลับอยู่ไปพลางในตอนแรกๆ จนเริ่มมีสมาธิจึงเขาก้มหน้าก้มตาเขียนจนหมดแผ่นแรก ต่อไปแผ่นที่สองและแผ่นที่สาม จนกระทั่งเขียนจบจึงพับใส่ซองจดหมายแล้วบิดตัวอย่างเมื่อยล้า ยกมือขยี้ตาที่ปวดล้าจนพร่าเลือน
“จิน...” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง หันขวับไปเจอแสงเหนือกำลังนั่งชันเข่าข้างหนึ่งบนเตียง หันมาทางเขานิ่งๆ ท่าทางแบบนั้นทำให้จินดนัยอดคิดไม่ได้ว่าแสงเหนือกำลังมองเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ “เขียนเสร็จหรือยัง”
“พี่...พี่เหนือรู้เหรอว่าผมทำอะไร” ก้าวเดินเก้กังกลับมาหาพร้อมซองจดหมายในมือ
“พี่ได้ยินเสียงกระดาษ เสียงเคาะปากกาก็พอจะเดาออกแต่ไม่อยากกวน” จินดนัยฟังคำตอบแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และจับมือใหญ่ให้แตะจดหมายที่ถือมา
“ผมเขียนจดหมายถึงพี่เหนืออยู่ เนี่ย เพิ่งเขียนเสร็จสดๆ ร้อนๆ”
คนฟังขมวดคิ้วมุ่นแล้วค่อยเอ่ยถามข้องใจ “ทำไมต้องเขียนล่ะ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ แล้วนี่ถ้าเกิดรักษา...”
หากเขาตัดบทก่อนอีกฝ่ายจะทันเอ่ยถึงความคิดแง่ลบออกมาจบ “ผมรู้ว่าตาของพี่ต้องหายแน่ พี่เหนือต้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้งแน่ๆ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ตาพี่หาย พี่เหนือค่อยมาอ่านจดหมายฉบับนี้นะ”
จดหมายของเขาถูกยกสำรวจพลิกหน้าพลิกหลังรอบแล้วรอบเล่า จินดนัยรีบสำทับอีกรอบเมื่อแสงเหนือเริ่มอ้าปาก “ผมเขียนความลับของผมทั้งหมดไว้ ความลับที่ผมไม่เคยบอกใคร ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน มันเป็นความลับระดับสุดยอดชนิดที่ถ้าพี่เหนือรู้เข้าต้องอ้าปากค้าง ตกใจจนหงายหลังแหงๆ ...ไงล่ะ อยากรู้ล่ะสิ แต่อย่าหวังว่าผมจะเล่าให้ฟัง ถ้าพี่เหนืออยากรู้ ไว้ค่อยมาอ่านวันหลัง”
เขาฉวยซองจดหมายบางๆ กลับรวดเร็วจนชายหนุ่มตะครุบได้แต่ลม เหลียวมองรอบๆ ห้องสักพัก เขาก็หยิบมันไปวางไว้ใต้กรอบรูปซึ่งครั้งหนึ่งตนเคยฉกติดไม้ติดมือไปเป็นของที่ระลึก “ผมวางไว้ใต้กรอบรูปบนโต๊ะ อย่าลืมอ่านนะครับ” จินดนัยยกแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือยพลางซบหน้าลง กระซิบซ้ำๆ “อย่าลืมนะพี่เหนือ สัญญากับผมนะว่าพี่จะไม่ลืม”
แสงเหนือดึงเขามานั่งบนตักแล้วค่อยจูบซับน้ำตาทุกหยดของเขาอย่างแผ่วเบา เช่นเดียวกับเสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบข้างหู คำสัญญาอ่อนโยนจนน่าใจหาย “พี่สัญญาครับ พี่สัญญา...”
คำสัญญานั้นย้ำ ซ้ำจนจินดนัยอดคาดหวังไม่ได้ว่าแสงเหนือจะไม่มีวันผิดสัญญาที่ให้ไว้
++++++++++
กำหนดระยะเวลาผ่าตัดคือหกชั่วโมง
นับว่าเป็นการผ่าตัดที่ไม่ใช้เวลานานเท่าใด หากจินดนัยกลับเริ่มหน้าเสีย เพราะสำหรับเขา หกชั่วโมง...ในวันสุดท้ายที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะจางหายไปในตอนไหนนั้นมีค่ามากทีเดียว ดังนั้นก่อนที่หมอรมยาจะเข้ามาทำหน้าที่ จินดนัยจึงตัดสินใจเอ่ยขอคุยกับแสงเหนือตามลำพังกับคุณรตีตรงๆ ซึ่งเขาได้รับอนุญาตทันที นอกจากจะฝากฝังให้เขาพูดให้กำลังใจบุตรชายแล้วคุณรตีจึงออกจากห้องไป
“ตื่นเต้นหรือเปล่าครับ” เขาแทรกปลายนิ้วเย็นเข้ากุมกระชับมือใหญ่ที่ดูเหมือนจะชื้นเหงื่อนิดๆ
“อืม นิดหน่อย” ตอบพลางบีบมือเขาก่อนจะยกมืออีกข้างลูบหน้าเขาช้าๆ “ตื่นเต้น...อยากเห็นหน้าจินเร็วๆ”
สงสัยจะต้องผิดคำพูดตัวเองอีกรอบเพราะตอนนี้น้ำตาเขาคลอหน่วงจวนหยดเต็มที “งั้นต้องรีบๆ หายนะ แล้วก็รักษาตัวเองดีๆ ด้วย อย่าอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจให้มันมากนัก ห้ามทำให้คุณรตีหนักใจเด็ดขาดอีกล่ะ รู้ไหม”
“จินจะไปไหน” ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่น หน้าขาวเริ่มบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ “พูดอย่างกับจะทิ้งพี่ไปไหนก็ไม่รู้ พี่ไม่ชอบ ถึงจะแค่พูดเฉยๆ ก็ไม่ชอบ”
“แหะๆ” จินดนัยหัวเราะแหบแห้ง หากรีบเปลี่ยนเรื่องตามที่อีกฝ่ายต้องการ “งั้นบอกแค่ให้รีบหายเร็วๆ คงได้นะครับ อย่าฝืนตัวเองให้มากล่ะ ผมเป็นห่วง”
“ครับผม” คนรับคำยกหลังมือเขาขึ้นหอมแรงๆ ก่อนพูดพร้อมรอยยิ้ม “เดี๋ยวพี่หายเมื่อไหร่ เราค่อยไปเที่ยวทะเลกันนะ”
“...อื้อ” จินดนัยต้องยกมืออุดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้
“ไว้พี่จะสอนเราว่ายน้ำ แล้วทีนี้พอจินว่ายน้ำเป็นแล้วก็ต้องออกกำลังกายเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง” คาดหวังอย่างมีความสุขแล้วแสงเหนือค่อยถอนหายใจยาว “ขอจูบได้ไหม นี่จะเป็นการขอครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ พี่จะเป็นฝ่ายจับตัวเราไว้เอง พี่จะได้มองเห็นคนสำคัญ...ที่สุดด้วยดวงตาของพี่เอง”
จูบอำลาเค็มปร่าด้วยรสชาติหยดน้ำตา หากในความรู้สึกของเขากลับหวานล้ำ “ผมรักพี่เหนือนะ”
“พี่ก็รักจิน” แสงเหนือยิ้มอ่อนโยนพลางกระซิบ “...รักมากและจะรักตลอดไป”
.................
.................
รักมากและจะรักตลอดไป...
++++++++++
ประตูห้องผ่าตัดปิดลงแล้ว คุณรตีถึงกับยกมือทาบอกถอนหายใจ ก่อนหันมายิ้มให้เขา “ขอบใจเรามากนะ ฉันไม่รู้ว่าจะขอบใจเธอยังไงดีสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตาเหนือ”
ลุงโตเดินตามพวกเขาเงียบๆ ขณะที่จินดนัยยิ้มเขินรับคำชม อ้อมแอ้มปฏิเสธทว่าคุณรตีกลับหัวเราะ “พ่อตาเหนือจะกลับมาอีกวันสองวันนี้ คิดว่าน่าจะทันตอนเปิดผ้าพันแผลพอดี ยังไงก็เตรียมตัวไว้ด้วยนะ พ่อเขาอาจจะดูเงียบขรึมพูดน้อยแต่ก็ใจดี”
เงียบไปสักพัก คุณรตีจึงเอ่ยอีกครั้งอย่างระมัดระวัง “อันที่จริงฉันคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วแต่ไม่ได้พูดกับเธอเสียที คือ...หลังจากนี้ถ้าตาเหนือหายดีคงไม่ต้องการคนรับใช้ส่วนตัวอีก แต่ฉันก็เอ็นดูเธอมาก และคิดว่าเธอฉลาดเกินกว่าจะมาทำงานเป็นแค่คนรับใช้ ดังนั้นเธอจะคิดยังไงถ้าฉันอยากจะขอรับอุปการะ ส่งเสียให้เรียนหนังสือแบบเป็นเรื่องเป็นราว เผื่อวันหน้าจะได้หางานดีๆ ทำหรือถ้าจะให้ดีก็จะได้มาคอยช่วยเหลือตาเหนือเรื่องงานการในอนาคต เพราะสมัยนี้หาคนงานเท่าไหร่ก็หาได้ แต่จะหาคนที่ไว้ใจได้น่ะยาก”
“นับเป็นพระคุณอย่างสูงสำหรับคนอย่างผมเลยครับ” จินดนัยนึกเรียบเรียงคำพูด “แต่...”
“ไม่ต้องรีบร้อนตอบ ฉันไม่ได้รีบและเรายังมีเวลาอีกเยอะ” คุณรตีขัด “แต่ไม่ว่าคำตอบเธอจะเป็นแบบไหน ลูกชายฉันก็คงไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ อันนี้คงรู้ดีใช่ไหม”
กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น แล้วคุณรตีกับลุงโตจึงพากันกลับไปนั่งคอยในห้องพักผู้ป่วยขณะที่เขาขอออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมเล็กๆ ภายในโรงพยาบาลแทน
แสงแดดเจิดจ้าจนดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวแทบลืมไม่ขึ้น หากเขายังสัมผัสถึงความอบอุ่นได้บนผิวหนัง ยังได้ยินเสียงลมพัดและเสียงใบไม้พลิกไหว ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงเป็นสีฟ้าสดใส
เขาง่วงงุนจนนึกอยากจะหลับตานอนพักเสียที หากเสียงแกรกกรากเบาๆ ทำให้ต้องฝืนลืมตาขึ้นและอดยิ้มไม่ได้ยามพยุงร่างกายที่เคยหนักอึ้งหากบัดนี้กลับเบาโหวงคล้ายปุยนุ่นไร้น้ำหนักตรงไปยังต้นเสียง “ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
เด็กหญิงอายุไม่น่าเกินสี่ห้าขวบในชุดคนป่วยของโรงพยาบาลเงยหน้าขึ้นจากพื้นทราย จ้องหน้าเขาชั่วอึดใจแล้วตอบเบาจนแทบไม่ได้ยิน “...วาดรูป”
“หืม รูปอะไรเอ่ย ขอพี่ทายหน่อยซิ” จินดนัยเอียงคอมองภาพขีดเขียนบนพื้นทรายซึ่งเป็นรูปตุ๊กตาหัวกลมผมชี้โด่เด่กับกระโปรงสามเหลี่ยมง่ายๆ แล้วเดายิ้มๆ “อ๋อ หนูวาดรูปคุณแม่เหรอ”
“ไม่ใช่คุณแม่ หนูวาดรูปคุณเทวดา” นิ้วเล็กๆ บิดชายเสื้อม้วนเป็นเกลียวขณะตอบตื่นๆ “ถ้าหนูเป็นเด็กดี คุณเทวดาจะให้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ไปนานๆ” เด็กหญิงแย้มยิ้มขวยเขิน “หนูเลยวาดคุณเทวดาให้สวยๆ ท่านจะได้เห็นว่าหนูเป็นเด็กดี”
“นั่นสินะ งั้นขอพี่ช่วยวาดคุณเทวดาสวยๆ ด้วยได้ไหมจ๊ะ” เขารอจนเด็กหญิงพยักหน้ารับแล้วจึงใช้ปลายนิ้วขีดวงแหวนรอบหัวตุ๊กตา และไม่ลืมที่จะเติมปีกใหญ่ๆ ให้อีกสองข้าง แถมด้วยขีดรอยยิ้มภายในหัวตุ๊กตากลมๆ นั่น
“คุณเทวดายิ้มแล้วจริงๆ ด้วย” เด็กหญิงเงยหน้ายิ้มร่าอวดฟันหลอให้อีกฝ่าย ก่อนจะอ้าปากหวอ “พี่ชายปล่อยแสงได้ด้วยเหรอ”
ครั้นก้มลงมองตัวเอง จินดนัยก็เห็นว่าตัวเขาน่าจะเรียกว่ากลายเป็นแสง มากกว่าปล่อยแสง ...จากปลายเท้าทั้งสองข้าง ไล่มาถึงปลายนิ้วแต่ละนิ้วค่อยๆ ละลายกลายเป็นแสงระยิบระยับจุดเล็กๆ เหมือนเกล็ดเพชรนับร้อยนับพันลอยขึ้นสู่เบื้องบน นึกโล่งอกเล็กน้อยว่าการหายไปของเขาคงค่อนข้างสวยงามจนเด็กหญิงไม่นึกกลัว นอกจากนั่งยองๆ อ้าปากค้างมองเขาค่อยๆ จางหายไปในอากาศราวกับไอหมอก
หากไม่มีรอยยิ้มอำลา นอกเสียจากหยดน้ำตาซึ่งระเหยไปก่อนมันจะทันตกกระทบผืนดิน
“น้องแป้งมานั่งหลบอยู่ตรงนี้เอง แม่หาเราตั้งนาน...” ผู้เป็นมารดาชะงักคำพูดเพื่อฟังคำพูดเร็วจี๋แทบไม่ได้ศัพท์ของลูกน้อยแทน “อะ...อะไรนะ พูดช้าๆ หน่อยสิลูก แม่ฟังไม่ทัน”
“เทวดาค่ะ หนูเจอเทวดา เทวดามานั่งคุยกับหนู วาดรูปให้ดูแล้วเพิ่งหายไปเมื่อตะกี๊ หายแว๊บ! กลายเป็นแสงยิบๆ สวยมากๆ เลยค่ะแม่ สวยมากๆ” เมื่อเห็นสีหน้าคล้ายนึกสงสัยของมารดา เด็กหญิงจึงลากให้ไปยังพื้นทรายที่ตนนั่งยองๆ จนถึงเมื่อครู่ “นี่ไงคะ เทวดายังยิ้มให้อยู่เลย”
มารดาก้มลงมองตามที่ลูกน้อยชี้และค่อยยิ้มออกเมื่อเห็นรูปวาดบนพื้น “อ๋อ แม่เห็นคุณเทวดาแล้วจ๊ะ แต่... เอ... ทำแบบนี้ด้วยดีไหมจ๊ะ” คนพูดทรุดตัวลงและยื่นนิ้วไปขีดโค้งเป็นรอยยิ้มภายในหัวตุ๊กตา “ทีนี้ค่อยเหมือนคุณเทวดายิ้มหน่อย เอ้า มาเถอะ แม่ว่าเรารีบกลับห้องกันดีกว่านะ เพราะถ้าเดี๋ยวคุณพ่อมาเยี่ยมที่ห้องแล้วไม่เจอน้องแป้งคงเป็นห่วงแย่”
ว่าแล้วเธอก็จูงมือลูกพากันออกเดิน แต่สำหรับเด็กหญิงตัวน้อยนั้น ยังอดเอี้ยวกลับมามองอีกสองสามครั้งไม่ได้ ทว่าท้ายสุด ร่างเล็กๆ นั้นก็เดินหายลับไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองซ้ำอีกเลย
++++++++++++++++++++++++++++++
TBC
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....น้องจิน