~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD  (อ่าน 323566 ครั้ง)

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
มาสองตอนติดกันเรยยยย  :m4:

บุฟเฟ่  :m25:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


เกือบเช้าเลยรึ


อึดมากกกกกกกกกกกกกก

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
อยากเป็นอาหารให้แสงเหนือหม่ำอิๆ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD


ออฟไลน์ SweetSerenade

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอให้น้องจินกับพี่เหนือ

ใช้ เวลาที่เหลืออยู่ อย่างมีความสุข

 

ออฟไลน์ [€]ŝĊörŦ

  • ความพยามครั้งที่100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2077
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-0
กุ๊กกิ๊กๆ

พ่อแง่แม่งอนมากๆๆ

แต่มันยังมีไอแห่งความเศร้าลอยฟุ้งไปทั้งตอนเลยงะ

ฮือๆ กลัวจินจะเป็นอะไรไป
 
 :m17:    :m17:    :m17:

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
บุฟเฟ่ต์

><

น่ารักกกกกก



กลัวจินจะเป็นไรอ่ะ

 :o12:

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :m25: อ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ถึงจะเศร้า แต่ก็มีอารายให้เราได้ชื่นใจ

 :m1: ชอบพี่แสงเหนือนะ น่ารักดี ขี้หึง ขี้หวง เชื่อฟังดี อิอิ

 :m15: แต่ก็สงสารจินอ่ะ อือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเกิดอารายขึ้นต่อไปอ่ะ ลุ้นสุดๆ

 :o12: กลัวความเสียใจ และความเศร้าที่สุด

 :a11: รออยู่นะจ๊ะ รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จุ๊ฟๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:m4:
มาต่อได้จุใจ หลังจากที่ให้รอร๊อรอ...คิดถึงนะตะเองงง
พี่เหนือยังคงน่าร๊ากกกก อยากด้ายม่างงงงง  :laugh:
ปัญหาคาใจ...อยากรู้จังพี่เหนือคิดไงกับต้น ???
 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






crazykung

  • บุคคลทั่วไป
คิคิ



เมื่อไหร่เขาจามองเห็นสักที


ขนาดไม่เหนยังฟาดฟัน กานขนาดนี้




แล้วถ้าเหนล้า......... :m23: :m23:



คิคิรอตอนต่อไปคับ

hiei

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็อ่านทันแล้ว เย้ๆ

ดีใจ กรีดร้อง บ้าคลั่ง (บ้าไปป่าวเพ่ เอาเท้าสะกิดให้ตื่นหน่อยดิ๊) :m15:

น้ำตาไหลพรากไปหลายตอน

มันมีความสุขแบบเจือความเศร้าอยู่ตลอดเลย ขอให้อย่าจบเศร้านะคะ

ขาดใจตามพี่เหนือกับน้องจินแง๋ๆ

อยากให้พี่เหนือมองเห็นน้องจินเสียทีเนาะ


รอตอนต่อไปนะคะ  :m4: :m4:



sarin

  • บุคคลทั่วไป
ตามมากิน..บุฟเฟต์ด้วยอ่ะ..อิ.อิ. :o8:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
กินด้วยคน...ได้ป่ะ :o8:

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
พี่เหนือไปอดมาจากไหนเนี่ย



ขอบคุณคุณโยยที่เอาเรื่องมาลงแบบกระชั้นชิด อ่านต่อเนี่องยาวกันเลย

re_rain

  • บุคคลทั่วไป
อยากหม่ำบุฟเฟ่ด้วยคน อิอิ

มาต่อเร็วๆน้า

  :pig4:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :m16: เมืื่อไรจะมาลงต่อซักที่หือ

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :m15: รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อไรจะมา

yayoy

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยยยโหยววววววว.....พี่แอนจายเย็น ตัวบะเร่อเลยยยยยย

ก็อาทิตย์ก่อนน้องดีดีเค้ามะได้ลงนี่คร๊าบบบบบอาทิตย์นี้เลยมาแบบทันใจ หุหุ
ขอโทษชาวทู้ด้วยที่หายหัวไป ไม่ได้ทักได้ทายเลย งานนรกมากมายช่วงเดือนที่ผ่านมา
ตอนนี้ได้หยุดพักอีกสองสามวัน และ งานที่นรกกว่า กำลังจะตามมา อ๊ากกกกกกกกกกก!~~

ถ้าเข้ามาลงไม่ได้ จะฝากเพื่อนมาลงให้นะคร๊าบบบ *แต่ใช้ ID เรานะ ค้างอยู่ในเครื่องมันอยู่แระ อิอิ*


ก่อนอ่านตอนนี้ กรุณาสูดดดดดดดดดดดดดหายใจลึกๆ ค่ะ

ด้วยรักจากสวรรค์ 23 – จนลมหายใจสุดท้าย

***************************************************

จินดนัยนั่งตัวรุมๆ ตะครั่นตะครอสะบัดร้อนสะบัดหนาวทั้งวัน หน้าตาซีดเซียวจนคุณรตีแทบจะสั่งให้ลุงโตลากเขาไปหาหมอให้ได้ โชคดีที่แสงเหนือขวางไว้ได้ตลอด และแม้ตอนแรกชายหนุ่มจะค่อนข้างตระหนกกับอาการเขาและเอ่ยกึ่งบังคับให้ไปโรงพยาบาล แต่หลังจากฟังคำขู่อาฆาตว่าถ้าเขาต้องโดนส่งไปหาหมอด้วยสภาพทุเรศทุรังสุดแสนนี้ รับรองว่าได้อดสมใจอยากแน่

ท้ายสุด คุณรตีจึงไล่เขามานอนพักบนห้องตั้งแต่หัวค่ำโดยมีเจ้าตัวต้นเรื่องมานั่งปั้นหน้าสำนึกผิดเฝ้าแหนอยู่ข้างๆ รอจนคนป่วยกินข้าวเย็นเสร็จ แสงเหนือจึงไล่เด็กรับใช้ออกไปโดยไม่ยอมให้เช็ดตัวให้เขา

“พี่ขอโทษนะครับ” ประโยคซ้ำซากดังอีกรอบจากปากคนที่แทบจะไม่เคยยอมเอ่ยขอโทษใคร ใบหน้าหล่อเหลาดูสลดลงอย่างสำนึกผิดจริงจัง “อย่าโกรธพี่เลยนะ ถ้าจินโกรธ พี่คงทนไม่ได้...”

ผ้าขนหนูชุบน้ำถูกเช็ดไปตามท่อนแขนผ่ายผอมขาวซีดอย่างตั้งอกตั้งใจ จินดนัยปรือตามอง กลืนน้ำลายลงคอแห้งผากก่อนพึมพำ “อือ ผมบอกพี่เหนือเป็นรอบที่ร้อยแล้วว่าไม่เป็นไร”

เขาปล่อยให้ชายหนุ่มเช็ดตัวให้ต่อพร้อมเอ่ยขอโทษไม่ขาดปาก แล้วยกนิ้วขึ้นนับวันเวลา แต่ละนิ้วที่ถูกหักลงหมายถึงเวลาที่หดน้อยลง ยิ่งตอนนี้เขาต้องเปลี่ยนจากหลักเดือนมานับเป็นหลักวันด้วยแล้ว ก็ต้องถอนหายใจ ไม่นึกโทษหรือโกรธเคืองแสงเหนือสักนิด

“พี่เหนือยังไม่ได้บอกผมเลยว่าทำไมคุณอั้มถึงไม่สนใจคนสวยๆ อย่างคุณวิกกี้” เขาถามยิ้มๆ ส่งแขนอีกข้างให้เช็ดต่อ “ผมคิดว่าพี่เหนือกับคุณอั้มชอบแย่งกันจีบผู้หญิงคนเดียวกันเสียอีก แล้วทำไมคุณวิกกี้ถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะ”

ผ้าขนหนูซึ่งเริ่มอุ่นถูกชุบน้ำในกะละมังใกล้ๆ อีกครั้งอย่างระมัดระวังไม่ให้น้ำหก แสงเหนืออยากดูแลเขาทั้งที่ตามองไม่เห็น จินดนัยเองก็นึกชอบภาพที่เห็นจนอดยิ้มไม่ได้ “จินรู้ไหมว่าเจ้าอั้มเป็นญาติกับพี่”

“อื้อ คุณรตีกับลุงโตเล่าให้ผมฟังแต่แรกแล้วว่าคุณอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นลูกของญาติห่างๆ ที่คุณรตีรับมาอุปการะตั้งแต่เด็กๆ” เขาหลับตาลงเพื่อไม่ต้องเห็นภาพสั่นโคลงวูบไหว แค่รับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาทะนุถนอมและเงี่ยหูฟังเสียงทุ้มนุ่มตอบเรื่อย

“พี่ก็เคยคิดแบบนั้น แต่ความจริง...เจ้าอั้มเป็นญาติใกล้กับพี่มากกว่าคำว่าลูกพี่ลูกน้องเยอะ ใกล้...แบบใช้คำว่าพี่น้องยังจะเหมาะเสียกว่า” จินดนัยเปิดเปลือกตาร้อนผ่าวขึ้นเพ่งหน้าของชายหนุ่มที่ยิ้มอ่อนให้ “พวกเราเป็นพี่น้องคนละแม่น่ะ”

หมดจากแขน ขาเขาก็โดนดึงไปวางบนตัก โดยที่ฝ่ายนั้นไม่สนใจเสียงร้องห้ามกับกิริยากระตุกเท้าตึกตักเป็นโรคชักกระตุกของเขาสักนิด แสงเหนือรอจนเขายอมหุบปากนอนนิ่งๆ แล้วจึงค่อยคลี่ยิ้ม ค่อยๆ เช็ดตั้งแต่ต้นขาลงไปถึงฝ่าเท้าพร้อมกับเล่าเรื่อยๆ

“ตอนพ่อเรียนอยู่ต่างประเทศ คนรักที่เป็นนักเรียนไทยเหมือนกันบังเอิญตั้งท้องทั้งที่พวกเขายังเรียนไม่จบ แต่ฝ่ายหญิงตัดสินใจไม่ทำแท้ง นอกจากดร็อปเรียนและคลอดลูกชายออกมา ทีแรกทางตายายของเด็กรับไปเลี้ยงให้ เหมือนเรื่องจะจบลงง่ายๆ หลังพ่อเลิกกับฝ่ายนั้นและกลับประเทศมาแต่งงานกับแม่ แต่ผ่านไปไม่ถึงปี พ่อก็ได้รู้ข่าวว่าตากับยายคู่นั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ฝ่ายแฟนเก่าท่านก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว พ่อเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังและอยากขอส่งเสียอุปการะจนเรียนจบ แม่โกรธพ่อมากที่ไม่ยอมเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกและสั่งให้พาเด็กคนนั้นมา เพื่อเลี้ยงดูเหมือนลูกหลานในไส้แท้ๆ แทน”

เช็ดตัวเสร็จ ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนเบียดเขา พาดท่อนแขนบนผิวกายร้อนผะผ่าว ลูบไล้เล่นใจลอย “ตอนพี่เกิด เจ้าอั้มก็อายุหลายขวบแล้ว พอจะเข้าใจเรื่องอะไรต่อมิอะไรได้และรู้ด้วยว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ที่เลี้ยงดูมา กว่าพี่จะเริ่มโตจนแยกแยะได้ก็รู้แค่ว่าเจ้าอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวแต่ดันจู้จี้กับพี่สารพัดจนน่ารำคาญ ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเป็นเด็กดี ห้ามทำพ่อแม่ผิดหวัง พี่เองก็รำคาญจะตายที่มีญาติพูดมากแบบหมอนั่น ทั้งไล่ตะเพิด ทั้งทะเลาะกันสารพัด คิดดูสิว่าหมอนั่นยังคอยป้วนเปี้ยนไม่ยอมไปไหนจนพี่อยู่ม. ต้นก็ยังไม่ยอมเลิก พี่รำคาญเลยด่าออกไปว่าเป็นแค่ญาติห่างๆ มาอาศัยเขากิน อย่าบังอาจสะเออะมาสั่งสอนพี่ ถ้าไม่อยากโดนเฉดหัวออกจากบ้านไปนอนข้างถนน ก็อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไปเงียบๆ...”

เล่าถึงตรงนี้ คนป่วยพลันลืมตาโพลง กำกำปั้นทุบอกเจ้าเด็กนิสัยเสียดังปึ้กและยังฮึดฮัดยามโดนคว้ากำปั้นไว้แน่น “จินไม่ต้องรีบโมโห พี่โดนหวดทำโทษไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่พูดจบ ...เปล่า ไม่ใช่เจ้าอั้มหวด หมอนั่นแค่ยืนอึ้ง คนหวดพี่คือพ่อต่างหาก หวดจนไม้เรียวหักคามือเลยนะคิดดู ก่อนที่ท่านจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟัง พ่อบอกว่าเพราะแม่กลัวพี่จะคิดมาก มีอคติกับพี่ชายคนละแม่เลยตัดสินใจบอกว่าเจ้าอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้องแทน อันที่จริงทุกคนก็เข้าใจกันแบบนั้นกันหมดนั่นล่ะ เพราะเจ้าอั้มยังใช้นามสกุลเก่าของแม่ แต่พ่อคิดว่าพี่โตพอที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดถึงได้เล่าให้ฟัง”

“แล้วไงล่ะ พี่เหนือยังมีอคติกับคุณอั้มอยู่ดีใช่ไหม แหงสิ ผมเห็นท่าทางทุกวันนี้ก็พอจะเดาได้หรอก” พูดดักคอหากกลับโดนลากขึ้นไปนอนบนอกกว้างทั้งตัวแทน

“ใครว่าล่ะ พี่ออกจะดีใจที่รู้ว่าตัวเองก็มีพี่น้องกับเขาด้วย ถึงจะไม่ใช่พี่น้องที่พลัดพรากจากกันไปตั้งแต่เกิดก็เถอะ แต่อย่างว่านะ พี่คิดว่าทำตัวเหมือนเดิมคงดีที่สุด โตๆ กันแล้ว ขืนให้ไปนั่งเล่นละครซึ้งๆ พี่ครับ น้องรักอะไรเทือกนั้นคงตลกตาย” เล่าไป มือหยาบใหญ่ก็เริ่มล้วงเข้าใต้เสื้อและลูบเบาๆ ไปทั่วแผ่นหลัง

“ฝ่ายเจ้าอั้มหลังโดนพี่ตะเพิดก็ไม่ได้วิ่งหนีไปร้องห่มร้องไห้หรอก ตรงกันข้าม หมอนั่นคงนึกแค้นพี่เหมือนกันที่ว่าอุตส่าห์ทำดีแทบตายยังโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ไอ้ภาพลักษณ์พี่ชายแสนดีเลยพังครืน หมอนั่นเลิกสวมหนังแกะพร้อมๆ กับที่เลิกจ้ำจี้จ้ำไช เผยนิสัยดั้งเดิมออกมาแบบไม่นึกเกรงใจอีก มิหนำซ้ำยังชอบหาเรื่องพี่แบบออกนอกหน้า ทำอะไรต้องทำให้ดีกว่า ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมหรือแม้แต่เรื่องผู้หญิง ทุกอย่างต้องดีที่สุดแบบคงกะให้พี่กลายเป็นเด็กมีปมด้อยไปเลยมั้ง”

ฟังแล้วพอจะนึกภาพพี่น้องต่างสายเลือดห้ำหั่นเชือดเฉือนกันออก บางทีแสงเหนือคงมีแต่ศัตรูคู่แข่งมาตั้งแต่เกิดจริงๆ ไหนจะเขา ไหนจะคุณอั้ม

“แต่แปลกอย่าง จินรู้ไหม ว่าเจ้าอั้มจะแย่งทุกอย่างที่แย่งได้จากพี่ ยกเว้นสิ่งที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น สิ่งที่มีค่าที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคำชมของแม่ เวลาของพ่อ หมอนั่นจะไม่เคยเข้ามาแทรก ไม่เคยคิดจะแย่งหรือแม้แต่จะกล้าแตะต้อง ซึ่งเจ้าอั้มคงนับยัยวิกกี้รวมเข้าไปด้วย ฉะนั้นต่อให้จะนึกชอบ นึกชมแค่ไหนก็ไม่มีทางแสดงออกเด็ดขาด”

“เป็นแบบนี้นี่เอง” จินดนัยคราง ทิ้งตัวลงนอนฟังเสียงหัวใจของแสงเหนือเต้นโดยลืมเรื่องของมือที่ลูบไปทั่วและทำท่าจะเลยเถิดลงเบื้องล่างเสียสนิท

“เห็นแล้วใช่ไหม เจ้าอั้มน่ะมีเจ้าของแล้ว ดังนั้นจินอย่าไปยุ่งวุ่นวายกับเจ้านั่นอีกล่ะ” พูดจากันท่าออกนอกหน้า ทำอย่างกับว่าเขาอยากไปยุ่งกับผู้ชายในตระกูลนี้นักล่ะ ดูแต่ละคน ตัวปัญหามีขาเดินทั้งนั้น “เราเองก็เหมือนกัน มีเจ้าของแล้ว ห้ามไปทำตัวรุ่มร่ามกับผู้ชายอื่นอีกเป็นอันขาด ไม่งั้นเขาจะหาว่าเราน่ะมีชู้...”

ชู้ไม่ชู้ไม่รู้ รู้แต่จะบิดให้เนื้อหลุดออกมาสักก้อน จินดนัยนอนฮึดฮัดยามโดนคนที่ตนประทุษร้ายสูดปากก่อนจะรีบแก้ปัญหาด้วยการรัดเขาไว้ทั้งตัว

“กับจิน... พี่ก็เคยนึกสงสัยนะ ถ้าจำไม่ผิด แรกๆ เจ้าอั้มจะคอยตอแยเราเหมือนกันสินะ” ตอแยเหรอ ไม่รู้จะใช้คำนั้นได้ไหมกับการสุมหัววางแผนรั่วๆ จับทุจริตคอร์รัปชั่น แวะเวียนมาหาเรื่องคุย คอยเย้าแหย่ให้เขาโกรธเป็นประจำ ถ้าคำว่าตอแยของแสงเหนือจะหมายถึงการเกี้ยวพาล่ะก็ คุณอั้มคงเป็นคนที่มีวิธีแสดงออกทางด้านความรักได้บิดเบี้ยวมากที่สุดอีกคนเลยทีเดียว รองจากตาคนนี้น่ะนะ “แต่คงสังเกตทีหลังว่าจินสำคัญกับพี่ คงมองออกว่าพี่รักจินมากแค่ไหน...”

คำพูดชวนเคลิ้ม แต่จินดนัยชักรู้สึกตะหงิดกับตำแหน่งแห่งที่ของมือใหญ่ซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่แถวก้นเขามาสักพักแล้ว “พี่เหนือ มือ...”

“พี่ไม่รังแกคนป่วยหรอกน่า แค่อยากกอด อยากสัมผัสเราเท่านั้น” ว่าแล้วมือข้างนั้นก็ทำตามที่เจ้าของว่า เลื่อนขึ้นมาลูบผมเขา ลากผ่านลำคอ ข้างแก้มและแตะลงบนริมฝีปาก “รู้ไหมว่าการแค่ได้รับรู้ถึงน้ำหนัก ผิวสัมผัสหรือลมหายใจของจินทำให้พี่มีความสุขมากจนไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าพี่มองเห็นจิน พี่จะมีความสุขมากขนาดไหนนะ”

พวกเขานอนนิ่งเงียบ ไร้ซึ่งคำพูด นอกจากสัมผัสกันและกัน ด้วยปลายนิ้ว ด้วยดวงตาและด้วยหัวใจ เนิ่นนานกว่าจินดนัยจะเคาะกำปั้นสองครั้งลงตรงที่เขาแนบหูฟังเสียงหัวใจเต้นอยู่ พร้อมทำเสียงเหมือนตอนเคาะประตูบ้าน “ก๊อกๆ”

“จินทำอะไร” แสงเหนือถามขำๆ และหัวเราะยามได้ยินเขาเอ่ยต่อ “มีใครอยู่ในนั้นไหมครับ”

“มีคร้าบ มีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ” คนตอบตอบกลั้วหัวเราะ หากต้องชะงักเมื่อจินดนัยย้อนถาม “คนเดียวน่ะใคร ผมหรือต้น”

ชายหนุ่มอ้าปากคล้ายจะตอบ หากกลับเปลี่ยนใจ ปิดปากเงียบแทนเหมือนไม่รู้ว่าควรตอบอะไร เขาจึงชะโงกตัว ลูบข้างแก้มขาวหากสากระคายด้วยไรหนวดเขียวๆ อย่างรักแสนรัก “ผมไม่บังคับให้พี่ตอบตอนนี้หรอก แต่อยากให้พี่เหนือเอาไปคิดดูให้ดี ถ้าคำตอบของพี่เป็นผม ผมก็อยากให้พี่ปล่อยต้นไป เลิกยึดเขาไว้ด้วยความรู้สึกผิด อยากให้พี่เลิกลงโทษตัวเองและไปรักษาตาให้หาย เลิกทำร้ายตัวเองและคนที่รักพี่ได้แล้ว”

จินดนัยแตะริมฝีปากแห้งร้อนผ่าวของตนเข้ากับปากได้รูปเม้มขึง พูดพร้อมรอยยิ้ม “แต่ถ้าคำตอบของพี่เป็นอย่างอื่น ก็ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียใจหรือรับไม่ได้ เพราะไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไร ผมสัญญาว่าจะอยู่กับพี่เหนือ ...จะอยู่ข้างๆ จนลมหายใจสุดท้าย”

หัวใจคนพูดเต้นช้าๆ ด้วยความเจ็บจนปวด แม้แต่ใบหน้าของแสงเหนือยังพร่ามัวจนต้องกระพริบตาถี่ หากการมองสิ่งที่สวยสดและงดงามจะทำให้ดวงตาพร่าบอด เขาก็อยากมองให้ชัดเจนก่อนจะหมดโอกาส และอยากให้แสงเหนือมองเห็นได้อีกครั้ง แม้จะไม่เห็นเขา แต่อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าโลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามอีกมากมายที่รอให้ชายหนุ่มมองเห็นอีกครั้งเช่นกัน

ในคืนนั้น พวกเขาสองคนนอนตระกองกอดกันโดยไร้คำพูด และก่อนที่สติสัมปชัญญะของจินดนัยจะดับวูบ เขาคลับคล้ายจะได้ยินเสียงถอนหายใจซึ่งไม่อาจจำแนกได้ว่ามาจากแสงเหนือหรือดังมาจากเทวดาบนฟ้าโน่น ถ้าเป็นฝ่ายหลัง เขาก็อยากบอกให้รออีกหน่อย ขอเวลาเขาอีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น...

++++++++++

วันต่อมา กว่าเขาจะสะลึมสะลือลุกจากที่นอนได้ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง ไม่มีเงาของคนที่นอนอยู่ข้างๆ มาตลอดคืน ที่นอนข้างตัวเย็นและว่างเปล่าจนจินดนัยไม่อยากขยับเขยื้อน หากท้ายสุด เขาก็สามารถลากสังขารจัดการอาบน้ำชำระร่างกายที่เมื่อยล้า ฝืนยิ้มให้เด็กหน้าตาซีดเผือดในกระจกทีหนึ่ง

ครั้นลงมาถึงชั้นล่างค่อยพบว่าทุกอย่างเงียบผิดปกติ ไม่เห็นคุณรตีที่น่าจะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่เห็นแสงเหนือที่น่าจะนั่งรออยู่แถวๆ นี้ ด้วยใจไม่สู้ดีนัก เขารีบเดินเร็วๆ มุ่งเข้าไปในครัวและค่อยใจชื้นเมื่อเจอพี่ดวงกำลังนั่งดูโทรทัศน์เครื่องเล็กอยู่ เมื่อเด็กสาวหันมาเห็นเขาจึงร้องทัก “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ นี่ฉันกะจะขึ้นไปดูแกอีกรอบอยู่พอดี ”

“แล้วนี่เขาหายไปไหนกันหมดล่ะพี่ดวง ผมไม่เห็นใครสักคน” จินดนัยขยับจะลุกไปช่วยเมื่ออีกฝ่ายเดินไปเปิดเตาแก๊สเพื่ออุ่นข้าวต้ม หากโดนเด็กสาวโบกมือให้นั่งเฉยๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นพวกคุณๆ เขานั่งรถออกไปข้างกันตั้งแต่ตอนสายๆ โน่น”

“ไปไหนกัน... ทำไมเขาไม่เรียกผมไปด้วยล่ะ พี่ดวง” หน้าเสียยามนึกถึงสภาพโดนทอดทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่มีคนสนใจ ราวกับสิ่งไร้ความสำคัญ ทว่าก่อนจะทำน้ำตาคลอเจียนหยดเรี่ยราดกลับโดนเอ็ดเอาราวกับเห็นเขาเป็นเด็กเล็กๆ

“แกไข้ขึ้นตัวร้อนแบบนี้แล้วเขาจะลากแกไปไหนมาไหนด้วยได้ยังไงเล่า แล้วฉันเนี่ยนะ ที่ไม่ได้ปลุกเพราะคุณเหนือสั่งเอาไว้ว่าห้ามปลุก ท่านว่าแกไม่สบาย ต้องนอนพักเยอะๆ” รอจนข้าวต้มเริ่มร้อนได้ที่ เด็กสาวจึงปิดแก๊ส ตักใส่ชามมาวางเสิร์ฟคนป่วยถึงตรงหน้า “เอ้า รีบกินข้าวเสีย จะได้กินยา ขืนคุณเหนือกลับมาแล้วรู้ว่าแกยังไม่ได้กินยาสักเม็ด มีหวังโดนเอ็ดตาย”

นั่งสูดขี้มูกเพื่อตักข้าวต้มที่ออกรสเค็มปะแล่มเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ เขาก็แว่วเสียงรถยนต์จอดหน้าบ้านจึงรีบทิ้งช้อน วิ่งหน้าตาแตกตื่นออกไปดูและยิ้มกว้างยามเห็นลุงโตกำลังเปิดประตูให้แสงเหนือลงจากเบาะหลัง “พี่เหนือ!”

ตรงรี่เข้าไปจับแขนชายหนุ่มซึ่งยิ้มให้ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของเขา “เป็นยังไงบ้าง ตัวยังร้อนอยู่ไหม แล้วนี่กินข้าว กินยาแล้วหรือยัง” หากคิ้วเข้มต้องขมวดฉับหลังฟังคำตอบอ้อมแอ้มของเขา มือใหญ่ยกขึ้นแตะหน้าผากและซอกคออุ่นๆ แล้วฟันธงบอกอาการ “จินลุกมาทำไม ยังมีไข้อยู่เลย ยาก็ยังไม่ได้กิน ดวงมัวแต่ทำอะไรอยู่ สั่งแล้วแท้ๆ ว่าให้ดูให้ดี”

“พี่ดวงดูดีแล้ว แต่ผมเพิ่งตื่น ข้าวก็กำลังกินอยู่แต่ยังไม่หมดเท่านั้นเอง” เขาเงยหน้ายิ้มรับคำคุณรตีซึ่งสั่งให้เขาพาแสงเหนือเข้าบ้าน ส่วนตัวคนพูดรีบก้าวอย่างกระฉับกระเฉง เดินลิ่วนำหน้าเข้าบ้านไปก่อนอย่างผิดปกติ “ทำไมคุณรตีดูรีบๆ จัง”

“ลุงโต ขอถุงผมที” แสงเหนือไม่ได้ตอบคำถามเขา หากหันไปขอถุงขนมที่ลุงโตถือพะรุงพะรังไว้แทน “พี่ซื้อขนมมาฝากจินด้วย แต่จินต้องกินข้าว กินยาให้หมดก่อนนะ ไม่งั้นขนมนี่...อด”

ก้มดูขนม คุ้กกี้หน้าตาน่ากินในมือและเพ่งดูสติกเกอร์บอกชื่อร้านเล็กๆ บนถุงแล้วเขาก็ต้องตกใจ หากด้วยความที่ไม่สามารถเอ่ยอะไรแสดงพิรุธออกไปได้ จินดนัยจึงได้แต่รีบประคองร่างสูงกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว

++++++++++

ภายในสวนร่มรื่นด้วยเงาไม้ใหญ่ บนโต๊ะสีขาวตัวประจำบัดนี้มีทั้งจานใส่เค้ก โถใส่คุ้กกี้หลากหลายชนิดและแก้วน้ำหวานสีสวยไอเย็นจับเป็นฝ้าอยู่ตรงหน้าพวกเขา จินดนัยยังมองขนมตรงหน้าด้วยดวงตาร้อนผะผ่าว ขณะที่ตรงปลายเท้า มีเจ้าริชชี่หายใจรดหน้าแข้งจนร้อนผ่าวๆ ด้วยอีกตัว

“พี่จำได้ว่าจินชอบกินเค้ก ขนมพวกนี้ไม่ใช่ของโรงแรมที่เราเคยกินหรอกแต่ของที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้กัน” คนชักชวนล้วงหยิบคุ้กกี้จากโถส่งเข้าปากทั้งชิ้น เคี้ยวกร้วมๆ ก่อนกลืน “พี่ชอบตรงขนมที่นี่เขาจะทำแบบไม่หวานมาก แม้แต่อย่างขนมเค้กก็จะเป็นพวกเค้กผลไม้ เค้กแครอท เรียกว่าถึงกินขนมแต่ยังได้ประโยชน์”

อันนั้นเขารู้... คิดพลางตักบลูเบอร์รี่ชีสพายมาเพ่งมองแล้วค่อยส่งเข้าปากช้าๆ ซึมซาบความหวานอมเปรี้ยวของซอสบลูเบอร์รี่ กลิ่นหอมมันของครีมชีสและความกรุบกรอบของแป้งพาย รสชาติอันคุ้นเคยทำเขาน้ำตาซึม “...อร่อยจัง”

“ใช่ไหมล่ะ พี่นึกแล้วว่าจินต้องชอบ ขนาดแม่พี่ไม่ค่อยชอบกินขนมหวานยังชมเปาะเลยว่าของที่นี่อร่อย อย่างวันนี้ก็เหมาแทบเกลี้ยงร้าน ได้ยินคุณจิดาภาบอกว่าวันหลังจะทำเค้กแบบใหม่ๆ ออกมา อย่าลืมแวะไปชิมอีก” ดูท่าเขาจะยังป่วยอยู่จริงๆ ด้วย เพราะแค่ได้ยินชื่อนั้น น้ำตาก็พลันหยดลงมาเป็นเม็ด เขารีบซับน้ำตาด้วยแขนเสื้อและเอ่ยร่าเริง “ที่หายไปตั้งแต่เช้า สรุปว่าไปซื้อเค้กอย่างเดียวเนี่ยนะ”

“อันที่จริง นอกจากไปซื้อขนมแล้วก็ไปคุยมาด้วย” แสงเหนือบิดกาย ยืดตัวเอนพิงพนักและพูดว่า “คนที่ทำขนมพวกนี้คือคุณแม่ของต้น คุณน้าจิดาภาเขาเปิดร้านเบเกอรี่อยู่แถวถนน...” อันนี้เขาก็รู้ “วันนี้พี่ไปคุยกับท่านมา ...เรื่องต้น ...เรื่องตาของพี่”

วาจาคนพูดเปี่ยมไปด้วยกระแสแห่งความสุข แม้แต่สีหน้ายังดูปลาบปลื้มยินดีจนปิดไม่มิด “แม่เคยชวนพี่ไปหาท่านหลายครั้งแล้วแต่เพราะพี่ไม่กล้าโผล่หน้าไปให้ฝ่ายนั้นเห็น กลัวว่าเขาจะยังทำใจไม่ได้ที่เห็นหน้าคนที่ฆ่าลูกชายคนเดียวยังอยู่ดีมีสุข พี่กลัวมาตลอด ถึงแม่มักจะบอกว่าคุณจิดาภามักจะถามไถ่อาการของพี่อยู่เป็นประจำก็เถอะ แต่วันนี้ หลังจากพี่ตัดสินใจแล้วคิดว่าคงเลี่ยงไม่ได้อีก พี่เตรียมใจจะโดนต่อว่าไปเต็มที่เลยล่ะ แต่รู้ไหมว่าสิ่งแรกที่คุณจิดาภาพูดกับพี่คืออะไร ท่านทักพี่ว่าพี่สบายดีไหม ทักว่าพี่ผอมลงไปมากนับแต่ท่านเห็นครั้งสุดท้าย ท่านทักทายเหมือนพี่เป็นลูกหลานคนรู้จักใกล้ชิด ไม่มีแววโกรธขึ้งหรือเคียดแค้นสักนิด”

อันนี้จินดนัยเดาได้ แม่เขาใจดีจะตาย แม่ไม่มีทางโกรธเกลียดแสงเหนือได้ลงคอหรอก เพราะแม่นี่ล่ะเป็นคนแรกที่สอนให้เขาให้อภัยแสงเหนือ นับแต่ตอนที่เขาโดนผลักล้มหัวร้างข้างแตกสมัยเด็ก

“ถึงอย่างนั้น พี่ยังอดหวั่นไม่ได้ ตอนที่ค่อยๆ ถามท่านออกไป เสียงพี่สั่นเหมือนจินเลยล่ะ” คนเล่าหัวเราะสั่นๆ ขณะที่เขากลอกตาอย่างสุดเซ็ง อ้าปากเตรียมจะเจริญพรอยู่แล้วหากต้องตัวแข็งทื่อแทนยามได้ยินเสียงสะอื้นจากคอชายหนุ่มเสียก่อน แสงเหนือยังสำลักอึกอักขณะพยายามเล่าต่อ “พี่ถามท่านว่า...พี่จะขอมองเห็นแสงสว่างอีกครั้งได้ไหม พี่...ยังมีสิทธิ์จะมีความสุขได้อีกหรือเปล่า ถ้าพี่อยากมองเห็นหน้าคนสำคัญของพี่ด้วยดวงตาคู่นี้ ต้นกับคุณน้าจะให้อภัยพี่ไหม”

คำตอบของต้นดังก้องในหัวใจ อัดแน่นด้วยปรารถนาจะส่งเป็นเสียงออกมา หากจินดนัยก็รู้ว่าคงไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถถ่ายทอดคำตอบของเขาได้ดีไปกว่ามารดาอีกแล้ว

“ท่านตอบพี่เหมือนที่จินบอก ท่านบอกว่าพี่ควรจะเลิกลงโทษตัวเองและคนที่รักพี่ ท่านบอกให้พี่ปล่อยต้นไปได้แล้ว อย่ายึดติดอยู่กับมัน ขอแค่ไม่ลืม...ต้นก็คงมีความสุขและพร้อมจะให้อภัยพี่ตลอดมา” จินดนัยแตะแขนชายหนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ดึงเขาเข้าไปยืนตรงหน้าแล้วรวบตัวกอดเอาไว้แน่น นานช้ากว่าที่ใบหน้าขาวจะแหงนเงยขึ้นและกล่าวพร้อมรอยยิ้มสั่น “พี่ตั้งใจจะไปรับการรักษาที่เมืองนอก จินไปกับพี่นะ เพราะถ้า...มันบังเอิญสำเร็จ พี่ก็อยากเห็นหน้าคนที่พี่รักเป็นคนแรก”

ฟังจบ เขาก็ทำน้ำตาซึ่งไหลโดยไม่รู้ตัวร่วงลงกระทบใบหน้าของแสงเหนือและรีบเช็ดให้ก่อนจะก้มลงซบหน้ากับศีรษะฝ่ายนั้น โอบด้วยอ้อมแขนแน่นพลางหัวเราะทั้งน้ำตา หัวใจบีบรัดเต้นกระหน่ำด้วยความยินดีในคำตอบของแสงเหนือและของตนเอง ...คำตอบที่เขาเคยเฝ้าถามตัวเองมาเนิ่นนานว่าสวรรค์ให้เขากลับมาที่โลกนี้อีกครั้งทำไม เพื่อฆ่าหรือแก้แค้น เพื่อกอบกู้โลกหรือเพื่ออะไร ช่างเป็นคำตอบที่ง่ายดายจนไม่น่าเชื่อ แต่กลับครบถ้วนสมบูรณ์แบบในตัวมันเอง

...มาบัดนี้จินดนัยรู้แน่ชัดแล้วว่าเขากลับมา ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อแสงเหนือต่างหาก
ช่วงเวลาที่แสงเหนือต้องเตรียมตัวรับการรักษาเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดช่วงหนึ่ง

บ้านทั้งหลังดูจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม คุณรตีวิ่งวุ่นจัดการโทรศัพท์หาคุณเตโชผู้เป็นสามีทั้งเช้าทั้งเย็นเพื่อปรึกษาพูดคุยเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่จะส่งลูกชายเข้ารักษา แถมต้องวิ่งวุ่นเรื่องบัตรประชาชนเขาหนักเป็นสองเท่า เพราะเขาเข้าขั้นคนเถื่อนซึ่งอย่าว่าแต่พาสปอร์ตเลย บัตรประชาชนสักใบยังไม่มี แต่อย่างที่ว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง เพราะแสงเหนือยืนยันว่าถ้าเขาไปไม่ได้ ตนก็จะไม่ไปด้วย ลงท้าย วันหนึ่งคุณเตโชจึงโทรศัพท์มาแจ้งข่าวดีซึ่งคุณรตีได้รีบรุดมาเล่าให้พวกเขาฟังทันทีที่วางสาย

“เพื่อนคุณพ่อที่เป็นผอ. โรงพยาบาลที่สิงคโปร์เพิ่งแนะนำให้รู้จักคุณหมอฮิวส์ที่เป็นหมอรักษาโรคทางด้านประสาทตาที่เก่งมากให้รู้จัก แถมโชคดีกว่านั้นอีกด้วยเพราะคุณหมอจะบินมาสัมมนาที่นี่ตอนช่วงกลางเดือน คิดว่าคงวานให้รับดูแลตาเหนือได้ไม่ยาก”

จินดนัยฟังแล้วก็ต้องยิ้มว่าอะไรมันจะพอดิบพอดีปานนั้น งานนี้เขาค่อนข้างเชื่อเลยล่ะว่าพ่อของแสงเหนือคงหาทางให้คุณหมอฮิวส์คนที่ว่าบินมาสัมมนาพอดีต่างหาก ประมาณว่าสัมมนาน่ะเรื่องรอง แสงเหนือคือเรื่องใหญ่ งานนี้เสียไปเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ต่อให้ต้องเสียมากกว่านี้ คนเป็นพ่อแม่ก็คงยอมอยู่ดี

“โชคดีจังเนอะ พี่เหนือ” จากรอยยิ้มเอื่อยของชายหนุ่มแสดงว่าฝ่ายนั้นก็คงไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องเหตุบังเอิญนี้สักเท่าไหร่ กระนั้น แสงเหนือกลับยิ้มกว้างขึ้นเมื่อก้มลงกระซิบ “รอดตัวไปนะเรา พี่กะว่าถ้าจับเราทำพาสปอร์ตไม่ทันจริงๆ จะจับยัดใส่กระเป๋า ขนขึ้นเครื่องไปให้รู้แล้วรู้รอด”

“ตลกตายล่ะ” ส่ายหน้าระอากับคนเจ้าความคิด ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยข้อสงสัยในใจ “คุณพ่อของพี่เหนือมีเพื่อนเป็นผอ. โรงพยาบาลจริงๆ เหรอ บังเอิญจังเลยนะที่คุณหมอต้องบินมาสัมมนาพอดี” ครั้นชายหนุ่มแค่ยิ้มๆ ไม่คัดค้านหรือปฏิเสธ จินดนัยจึงพูดต่อเบาๆ “นี่ถ้าไม่ติดเรื่องผม คงไม่ต้องเสียเงินเยอะขนาดนี้หรอก ใช่ไหม”

“...จิน” แสงเหนือเรียกพร้อมกับดึงหัวเขาเข้าไปซบบนตัก “อย่าพูดแบบนั้น ถ้าจินฉลาดพอจะรู้เรื่องพวกนี้ ก็น่าจะเข้าใจพี่ด้วยเหมือนกัน รวมถึงเหตุผลของการเข้ารับรักษาตาของพี่คืออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเรา หา...”

ระหว่างความเงียบของการรอคำตอบ พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะของคุณรตีดังแว่วมา “แม่เองยังรู้ แม่ยังเข้าใจและอยากให้จินไปกับพี่ด้วยไม่แพ้กัน อีกอย่าง พี่ไม่คิดว่าคนอย่างพ่อจะมานั่งปั้นเรื่องเหตุบังเอิญพรรค์นั้นหรอก กับพี่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังสักนิด แต่เป็นเพราะจินต่างหากที่ทำให้แม่คิดแต่งเรื่องงานสัมมนาขึ้นมาเพื่อให้จินสบายใจ ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้อีก นอกจากจินจะอยากให้แม่พี่ลำบากใจแทน”

“ใครจะไปอยากเล่า” พึมพำเลื่อนลอย นึกยินดีลึกๆ ที่ไม่ต้องถ่อสังขารไปไหนไกล ไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าจะไปไม่ถึงเสียมากกว่า กระพริบตาถี่ขับไล่อาการตาลายที่เป็นถี่ขึ้นและนานขึ้นในแต่ละครั้งจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว จินดนัยจึงเงยหน้าตอบยิ้มๆ “งั้นก็โชคดีจริงๆ เนอะที่คุณหมอต้องมางานสัมมนาที่กรุงเทพฯ พอดี”

“ใช่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวยังไม่ทันขาดคำ คุณรตีก็เดินฉับๆ เข้ามาบอกให้เขาเริ่มเตรียมข้าวของเครื่องใช้เพื่อไปนอนเฝ้าแสงเหนือที่โรงพยาบาลและไม่ลืมที่จะตบท้ายว่า “แหม ว่าแต่เราโชคดีนะลูกที่คุณหมอบังเอิญมาช่วงนี้พอดีเชียว เจ้าจินว่างั้นไหม”

เขาคลี่ยิ้มก่อนตอบรับสั้นๆ “ครับ โชคดีจริงๆ”

++++++++++


yayoy

  • บุคคลทั่วไป
ช่วงเวลาอาทิตย์สุดท้าย เขาใช้มันอย่างคุ้มค่า เพราะจินดนัยเลิกนับถอยหลังและตัดสินใจใช้ทุกนาทีอย่างมีความสุขแทน เขากับแสงเหนือผลัดกันเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ บางเรื่องเขาเคยรู้อยู่แล้ว บางเรื่องเพิ่งเคยได้ยินก็ต้องหัวเราะกับวีรกรรมสารพัดจนแทบจะลืมความเจ็บปวดของร่างกายไปได้ ถ้าปลายนิ้วเขาเย็นจัด แสงเหนือจะดึงมันไปบีบนวดหรือซุกซอกคอไว้จนมันอุ่น ถ้าเขานอนไม่หลับ ก็จะใช้ช่วงเวลานั้นมองหน้าชายหนุ่มและนอนฟังเสียงลมหายใจเงียบๆ แทน ทุกอย่างล้วนสุขและสงบจนแทบไม่น่าเชื่อ

กระทั่งในคืนสุดท้ายก่อนแสงเหนือจะเข้าโรงพยาบาล จินดนัยตัดสินใจทำอะไรบางอย่างหลังจากนอนคิดมาหลายคืน เขาค่อยๆ ยกแขนที่ยกพาดเอวออกช้าๆ อย่างไม่ต้องการปลุกอีกฝ่ายและย่องมาเปิดโคมไฟ คุ้ยหาจนเจอกระดาษกับปากกาแล้วจึงนั่งลงเขียนจดหมายไปพลาง เหลียวมองดูชายหนุ่มซึ่งกำลังหลับอยู่ไปพลางในตอนแรกๆ จนเริ่มมีสมาธิจึงเขาก้มหน้าก้มตาเขียนจนหมดแผ่นแรก ต่อไปแผ่นที่สองและแผ่นที่สาม จนกระทั่งเขียนจบจึงพับใส่ซองจดหมายแล้วบิดตัวอย่างเมื่อยล้า ยกมือขยี้ตาที่ปวดล้าจนพร่าเลือน

“จิน...” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง หันขวับไปเจอแสงเหนือกำลังนั่งชันเข่าข้างหนึ่งบนเตียง หันมาทางเขานิ่งๆ ท่าทางแบบนั้นทำให้จินดนัยอดคิดไม่ได้ว่าแสงเหนือกำลังมองเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ “เขียนเสร็จหรือยัง”

“พี่...พี่เหนือรู้เหรอว่าผมทำอะไร” ก้าวเดินเก้กังกลับมาหาพร้อมซองจดหมายในมือ

“พี่ได้ยินเสียงกระดาษ เสียงเคาะปากกาก็พอจะเดาออกแต่ไม่อยากกวน” จินดนัยฟังคำตอบแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และจับมือใหญ่ให้แตะจดหมายที่ถือมา

“ผมเขียนจดหมายถึงพี่เหนืออยู่ เนี่ย เพิ่งเขียนเสร็จสดๆ ร้อนๆ”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่นแล้วค่อยเอ่ยถามข้องใจ “ทำไมต้องเขียนล่ะ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ แล้วนี่ถ้าเกิดรักษา...”

หากเขาตัดบทก่อนอีกฝ่ายจะทันเอ่ยถึงความคิดแง่ลบออกมาจบ “ผมรู้ว่าตาของพี่ต้องหายแน่ พี่เหนือต้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้งแน่ๆ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ตาพี่หาย พี่เหนือค่อยมาอ่านจดหมายฉบับนี้นะ”

จดหมายของเขาถูกยกสำรวจพลิกหน้าพลิกหลังรอบแล้วรอบเล่า จินดนัยรีบสำทับอีกรอบเมื่อแสงเหนือเริ่มอ้าปาก “ผมเขียนความลับของผมทั้งหมดไว้ ความลับที่ผมไม่เคยบอกใคร ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน มันเป็นความลับระดับสุดยอดชนิดที่ถ้าพี่เหนือรู้เข้าต้องอ้าปากค้าง ตกใจจนหงายหลังแหงๆ ...ไงล่ะ อยากรู้ล่ะสิ แต่อย่าหวังว่าผมจะเล่าให้ฟัง ถ้าพี่เหนืออยากรู้ ไว้ค่อยมาอ่านวันหลัง”

เขาฉวยซองจดหมายบางๆ กลับรวดเร็วจนชายหนุ่มตะครุบได้แต่ลม เหลียวมองรอบๆ ห้องสักพัก เขาก็หยิบมันไปวางไว้ใต้กรอบรูปซึ่งครั้งหนึ่งตนเคยฉกติดไม้ติดมือไปเป็นของที่ระลึก “ผมวางไว้ใต้กรอบรูปบนโต๊ะ อย่าลืมอ่านนะครับ” จินดนัยยกแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือยพลางซบหน้าลง กระซิบซ้ำๆ “อย่าลืมนะพี่เหนือ สัญญากับผมนะว่าพี่จะไม่ลืม”

แสงเหนือดึงเขามานั่งบนตักแล้วค่อยจูบซับน้ำตาทุกหยดของเขาอย่างแผ่วเบา เช่นเดียวกับเสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบข้างหู คำสัญญาอ่อนโยนจนน่าใจหาย “พี่สัญญาครับ พี่สัญญา...”

คำสัญญานั้นย้ำ ซ้ำจนจินดนัยอดคาดหวังไม่ได้ว่าแสงเหนือจะไม่มีวันผิดสัญญาที่ให้ไว้

++++++++++

กำหนดระยะเวลาผ่าตัดคือหกชั่วโมง

นับว่าเป็นการผ่าตัดที่ไม่ใช้เวลานานเท่าใด หากจินดนัยกลับเริ่มหน้าเสีย เพราะสำหรับเขา หกชั่วโมง...ในวันสุดท้ายที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะจางหายไปในตอนไหนนั้นมีค่ามากทีเดียว ดังนั้นก่อนที่หมอรมยาจะเข้ามาทำหน้าที่ จินดนัยจึงตัดสินใจเอ่ยขอคุยกับแสงเหนือตามลำพังกับคุณรตีตรงๆ ซึ่งเขาได้รับอนุญาตทันที นอกจากจะฝากฝังให้เขาพูดให้กำลังใจบุตรชายแล้วคุณรตีจึงออกจากห้องไป

“ตื่นเต้นหรือเปล่าครับ” เขาแทรกปลายนิ้วเย็นเข้ากุมกระชับมือใหญ่ที่ดูเหมือนจะชื้นเหงื่อนิดๆ

“อืม นิดหน่อย” ตอบพลางบีบมือเขาก่อนจะยกมืออีกข้างลูบหน้าเขาช้าๆ “ตื่นเต้น...อยากเห็นหน้าจินเร็วๆ”

สงสัยจะต้องผิดคำพูดตัวเองอีกรอบเพราะตอนนี้น้ำตาเขาคลอหน่วงจวนหยดเต็มที “งั้นต้องรีบๆ หายนะ แล้วก็รักษาตัวเองดีๆ ด้วย อย่าอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจให้มันมากนัก ห้ามทำให้คุณรตีหนักใจเด็ดขาดอีกล่ะ รู้ไหม”

“จินจะไปไหน” ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่น หน้าขาวเริ่มบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ “พูดอย่างกับจะทิ้งพี่ไปไหนก็ไม่รู้ พี่ไม่ชอบ ถึงจะแค่พูดเฉยๆ ก็ไม่ชอบ”

“แหะๆ” จินดนัยหัวเราะแหบแห้ง หากรีบเปลี่ยนเรื่องตามที่อีกฝ่ายต้องการ “งั้นบอกแค่ให้รีบหายเร็วๆ คงได้นะครับ อย่าฝืนตัวเองให้มากล่ะ ผมเป็นห่วง”

“ครับผม” คนรับคำยกหลังมือเขาขึ้นหอมแรงๆ ก่อนพูดพร้อมรอยยิ้ม “เดี๋ยวพี่หายเมื่อไหร่ เราค่อยไปเที่ยวทะเลกันนะ”

“...อื้อ” จินดนัยต้องยกมืออุดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้

“ไว้พี่จะสอนเราว่ายน้ำ แล้วทีนี้พอจินว่ายน้ำเป็นแล้วก็ต้องออกกำลังกายเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง” คาดหวังอย่างมีความสุขแล้วแสงเหนือค่อยถอนหายใจยาว “ขอจูบได้ไหม นี่จะเป็นการขอครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ พี่จะเป็นฝ่ายจับตัวเราไว้เอง พี่จะได้มองเห็นคนสำคัญ...ที่สุดด้วยดวงตาของพี่เอง”

จูบอำลาเค็มปร่าด้วยรสชาติหยดน้ำตา หากในความรู้สึกของเขากลับหวานล้ำ “ผมรักพี่เหนือนะ”

“พี่ก็รักจิน” แสงเหนือยิ้มอ่อนโยนพลางกระซิบ “...รักมากและจะรักตลอดไป”

.................

.................

รักมากและจะรักตลอดไป...

++++++++++

ประตูห้องผ่าตัดปิดลงแล้ว คุณรตีถึงกับยกมือทาบอกถอนหายใจ ก่อนหันมายิ้มให้เขา “ขอบใจเรามากนะ ฉันไม่รู้ว่าจะขอบใจเธอยังไงดีสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตาเหนือ”

ลุงโตเดินตามพวกเขาเงียบๆ ขณะที่จินดนัยยิ้มเขินรับคำชม อ้อมแอ้มปฏิเสธทว่าคุณรตีกลับหัวเราะ “พ่อตาเหนือจะกลับมาอีกวันสองวันนี้ คิดว่าน่าจะทันตอนเปิดผ้าพันแผลพอดี ยังไงก็เตรียมตัวไว้ด้วยนะ พ่อเขาอาจจะดูเงียบขรึมพูดน้อยแต่ก็ใจดี”

เงียบไปสักพัก คุณรตีจึงเอ่ยอีกครั้งอย่างระมัดระวัง “อันที่จริงฉันคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วแต่ไม่ได้พูดกับเธอเสียที คือ...หลังจากนี้ถ้าตาเหนือหายดีคงไม่ต้องการคนรับใช้ส่วนตัวอีก แต่ฉันก็เอ็นดูเธอมาก และคิดว่าเธอฉลาดเกินกว่าจะมาทำงานเป็นแค่คนรับใช้ ดังนั้นเธอจะคิดยังไงถ้าฉันอยากจะขอรับอุปการะ ส่งเสียให้เรียนหนังสือแบบเป็นเรื่องเป็นราว เผื่อวันหน้าจะได้หางานดีๆ ทำหรือถ้าจะให้ดีก็จะได้มาคอยช่วยเหลือตาเหนือเรื่องงานการในอนาคต เพราะสมัยนี้หาคนงานเท่าไหร่ก็หาได้ แต่จะหาคนที่ไว้ใจได้น่ะยาก”

“นับเป็นพระคุณอย่างสูงสำหรับคนอย่างผมเลยครับ” จินดนัยนึกเรียบเรียงคำพูด “แต่...”

“ไม่ต้องรีบร้อนตอบ ฉันไม่ได้รีบและเรายังมีเวลาอีกเยอะ” คุณรตีขัด “แต่ไม่ว่าคำตอบเธอจะเป็นแบบไหน ลูกชายฉันก็คงไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ อันนี้คงรู้ดีใช่ไหม”

กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น แล้วคุณรตีกับลุงโตจึงพากันกลับไปนั่งคอยในห้องพักผู้ป่วยขณะที่เขาขอออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมเล็กๆ ภายในโรงพยาบาลแทน

แสงแดดเจิดจ้าจนดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวแทบลืมไม่ขึ้น หากเขายังสัมผัสถึงความอบอุ่นได้บนผิวหนัง ยังได้ยินเสียงลมพัดและเสียงใบไม้พลิกไหว ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงเป็นสีฟ้าสดใส

เขาง่วงงุนจนนึกอยากจะหลับตานอนพักเสียที หากเสียงแกรกกรากเบาๆ ทำให้ต้องฝืนลืมตาขึ้นและอดยิ้มไม่ได้ยามพยุงร่างกายที่เคยหนักอึ้งหากบัดนี้กลับเบาโหวงคล้ายปุยนุ่นไร้น้ำหนักตรงไปยังต้นเสียง “ทำอะไรอยู่จ๊ะ”

เด็กหญิงอายุไม่น่าเกินสี่ห้าขวบในชุดคนป่วยของโรงพยาบาลเงยหน้าขึ้นจากพื้นทราย จ้องหน้าเขาชั่วอึดใจแล้วตอบเบาจนแทบไม่ได้ยิน “...วาดรูป”

“หืม รูปอะไรเอ่ย ขอพี่ทายหน่อยซิ” จินดนัยเอียงคอมองภาพขีดเขียนบนพื้นทรายซึ่งเป็นรูปตุ๊กตาหัวกลมผมชี้โด่เด่กับกระโปรงสามเหลี่ยมง่ายๆ แล้วเดายิ้มๆ “อ๋อ หนูวาดรูปคุณแม่เหรอ”

“ไม่ใช่คุณแม่ หนูวาดรูปคุณเทวดา” นิ้วเล็กๆ บิดชายเสื้อม้วนเป็นเกลียวขณะตอบตื่นๆ “ถ้าหนูเป็นเด็กดี คุณเทวดาจะให้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ไปนานๆ” เด็กหญิงแย้มยิ้มขวยเขิน “หนูเลยวาดคุณเทวดาให้สวยๆ ท่านจะได้เห็นว่าหนูเป็นเด็กดี”

“นั่นสินะ งั้นขอพี่ช่วยวาดคุณเทวดาสวยๆ ด้วยได้ไหมจ๊ะ” เขารอจนเด็กหญิงพยักหน้ารับแล้วจึงใช้ปลายนิ้วขีดวงแหวนรอบหัวตุ๊กตา และไม่ลืมที่จะเติมปีกใหญ่ๆ ให้อีกสองข้าง แถมด้วยขีดรอยยิ้มภายในหัวตุ๊กตากลมๆ นั่น

“คุณเทวดายิ้มแล้วจริงๆ ด้วย” เด็กหญิงเงยหน้ายิ้มร่าอวดฟันหลอให้อีกฝ่าย ก่อนจะอ้าปากหวอ “พี่ชายปล่อยแสงได้ด้วยเหรอ”

ครั้นก้มลงมองตัวเอง จินดนัยก็เห็นว่าตัวเขาน่าจะเรียกว่ากลายเป็นแสง มากกว่าปล่อยแสง ...จากปลายเท้าทั้งสองข้าง ไล่มาถึงปลายนิ้วแต่ละนิ้วค่อยๆ ละลายกลายเป็นแสงระยิบระยับจุดเล็กๆ เหมือนเกล็ดเพชรนับร้อยนับพันลอยขึ้นสู่เบื้องบน นึกโล่งอกเล็กน้อยว่าการหายไปของเขาคงค่อนข้างสวยงามจนเด็กหญิงไม่นึกกลัว นอกจากนั่งยองๆ อ้าปากค้างมองเขาค่อยๆ จางหายไปในอากาศราวกับไอหมอก

หากไม่มีรอยยิ้มอำลา นอกเสียจากหยดน้ำตาซึ่งระเหยไปก่อนมันจะทันตกกระทบผืนดิน

“น้องแป้งมานั่งหลบอยู่ตรงนี้เอง แม่หาเราตั้งนาน...” ผู้เป็นมารดาชะงักคำพูดเพื่อฟังคำพูดเร็วจี๋แทบไม่ได้ศัพท์ของลูกน้อยแทน “อะ...อะไรนะ พูดช้าๆ หน่อยสิลูก แม่ฟังไม่ทัน”

“เทวดาค่ะ หนูเจอเทวดา เทวดามานั่งคุยกับหนู วาดรูปให้ดูแล้วเพิ่งหายไปเมื่อตะกี๊ หายแว๊บ! กลายเป็นแสงยิบๆ สวยมากๆ เลยค่ะแม่ สวยมากๆ” เมื่อเห็นสีหน้าคล้ายนึกสงสัยของมารดา เด็กหญิงจึงลากให้ไปยังพื้นทรายที่ตนนั่งยองๆ จนถึงเมื่อครู่ “นี่ไงคะ เทวดายังยิ้มให้อยู่เลย”

มารดาก้มลงมองตามที่ลูกน้อยชี้และค่อยยิ้มออกเมื่อเห็นรูปวาดบนพื้น “อ๋อ แม่เห็นคุณเทวดาแล้วจ๊ะ แต่... เอ... ทำแบบนี้ด้วยดีไหมจ๊ะ” คนพูดทรุดตัวลงและยื่นนิ้วไปขีดโค้งเป็นรอยยิ้มภายในหัวตุ๊กตา “ทีนี้ค่อยเหมือนคุณเทวดายิ้มหน่อย เอ้า มาเถอะ แม่ว่าเรารีบกลับห้องกันดีกว่านะ เพราะถ้าเดี๋ยวคุณพ่อมาเยี่ยมที่ห้องแล้วไม่เจอน้องแป้งคงเป็นห่วงแย่”

ว่าแล้วเธอก็จูงมือลูกพากันออกเดิน แต่สำหรับเด็กหญิงตัวน้อยนั้น ยังอดเอี้ยวกลับมามองอีกสองสามครั้งไม่ได้ ทว่าท้ายสุด ร่างเล็กๆ นั้นก็เดินหายลับไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองซ้ำอีกเลย

++++++++++++++++++++++++++++++

TBC

 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....น้องจิน

 :m15: :m15: :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6


modi

  • บุคคลทั่วไป
ซึมๆมาหลายวัน เจอตอนนี้เข้าไป บ่อน้ำตาแตกเลย

จินจากไป แล้วแสงเหนือหล่ะ จะเป็นยังไง

 :sad2:

ออฟไลน์ Daow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
นั่งอ่านอยู่ที่ออฟฟิส น้ำตาไหลลงมาเป็นสายเลย คนที่ทำงานตกใจกันใหญ่
เราก็นั่งสูดน้ำมูกกระซิกๆ (ปิดหน้าจอไปแล้ว)

บีบหัวใจมากๆ คนสองคนที่รักกันมากๆ แต่.............
ไม่รู้จะพูดอะไร แค่รู้สึกว่าบรรยายไม่ได้

มันตีบๆ ตันๆ ที่อก....โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
น้องจินหายไปจริงๆ ด้วยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อ้าวววววววววววววววววววววววววววววววว จิน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย สวรรค์เล่นตลกอีกแล้ว

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 o9 ไม่ยอมอ่ะ ต่อด่วนค้างอย่างแรง
 
:dont2: ได้โปรดเถอะกรุณาเห็นใจบ้าง อยู่บนยอดตาลหลายตันแล้วดิ


sarin

  • บุคคลทั่วไป
 :o12:..เศร้า..อ่ะ..
แล้วพี่เหนือจะทำจายได้ป่ะ..
พี่เหนือยังไม่ได้เตรียมจัยเลยอ่ะ..
ทรมาน..ในการก้าวผ่านไปแต่ละวัน..
โอย...เศร้า.โคด..โคด..
ปายแร่ะ :o12:

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

enjoy101

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด