พิมพ์หน้านี้ - ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: yayoy ที่ 09-06-2008 14:52:52

หัวข้อ: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 09-06-2008 14:52:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ



.::.กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ .::. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)



นิยายเรื่องนี้ได้ขออนุญาตนำมาโพส จากคุณ DD เจ้าของเรื่องแล้ว

~ ด้วยรักจากสวรรค์ 1 - ผมตายแล้วครับ ~

“เจ้าตายไปแล้ว”

เสียงดังกล่าวสะท้อนกึกก้องเหง่งหง่างซ้ำไปซ้ำมา สะท้อนจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่งภายในสถานที่แปลกประหลาด สถานที่เขาไม่รู้ว่ามันมืดหรือสว่าง กลางวันหรือกลางคืน เพราะไอหมอกรอบกายหนาแน่นห้อมล้อมเสียจนคิดว่าจะหายใจไม่ออก

“ไม่จริงงงง...!” จินดนัยแหกปากเถียงแล้วก็ต้องหงายหลังโครมด้วยอิทธิฤทธิ์ของลมกรรโชกวูบใหญ่ที่ซัดเข้ามาตรงๆ “ผมจะตายได้ยังไง ผมเพิ่งอายุยี่สิบเอ็ด ยังไม่เคยได้ไปเที่ยวรอบโลก ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ยังไม่เคยมีความรัก แล้วผมจะตายได้ยังไง”

เขาทุ่มตัวร้องไห้กับพื้น นึกไม่ออกว่าไอ้เรื่องบ้าๆ พรรค์นี้มันเกิดกับตัวเองได้ยังไง เขาไม่เคยมีเรื่องต่อยตีกับใคร ไม่เคยข้องเกี่ยวอบายมุข ไม่เคยขี่จักรยานผิดกฎหรือแม้แต่โดดขึ้นรถเมล์ผิดคันก็ยังไม่เคย เขาระมัดระวังตัวดีขนาดนี้แล้วจะตายได้ยังไง เผลอตายตั้งแต่เมื่อไหร่ อีท่าไหน เป็นไปไม่ได้ชัดๆ

“เฮ้อ” เสียงคนถอนหายใจจากเบื้องหน้าทำให้เขารีบผงกหัวมอง ชายหนุ่มหน้าตาดีในสูทขาวทั้งตัวละม้ายนักร้องลูกทุ่งขาดก็แต่พวงมาลัยกำลังยืนกอดอกก้มมองมาที่เขาแบบเบื่อๆ “เป็นแบบนี้ทุกที ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังตายไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ทำนู่นทำนี่”

เขารีบผุดลุกยืน ป้ายน้ำตาทิ้งแล้วตะโกน “ก็มันจริงนี่หว่า อยู่ๆ ก็ตายไม่รู้เนื้อรู้ตัว เนื้องอกมะเร็งร้ายก็ไม่ได้เป็น เล่นไม่ให้เวลาทำใจกันแบบนี้ใครที่ไหนมันจะรับได้ จะว่าไป...ผมยังไม่เข้าใจเลยว่าผมตายได้ยังไง เมื่อเช้าผมก็ตื่นนอน อาบน้ำตามปกติ กินข้าว ออกจากบ้าน ขึ้นรถเมล์ มาถึงก็ถีบจักรยานเข้าคณะฯ แล้ว... แล้วก็...”

“แล้วไงต่อ” หนุ่มหล่อเดินไปนั่งบนเก้าอี้แล้วมองตรงมา เด็กหนุ่มสะบัดหัว พยายามขับไล่ความสับสนและนึกต่อ “ผมได้ยินเสียงบีบแตร เสียงเบรก มีรถคันหนึ่ง...”

มืออ่อนเท้าอ่อนในบัดดลเมื่อระลึกถึงแรงปะทะที่ส่งเขาลอยละลิ่วขึ้นไปในอากาศว่างเปล่า ความเจ็บปวดยามร่างตกกระแทกพื้นถนนหยาบร้อน แค่วูบเดียวเท่านั้นก่อนสติจะดับหาย ฟื้นมาอีกที เขาก็มายืนอยู่ที่นี่ ตรงนี้แล้ว “ตายก็ตายวะ แล้วนี่ผมต้องทำอะไรบ้างล่ะ คุณไกด์”

“เรียกใครไกด์วะ” หนุ่มชุดขาวเดินกลับมาบ้องกะโหลกเขาหนึ่งที ก่อนจะส่งยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ให้ “แต่เอาเถอะ รูปหล่อใจกว้างอยู่แล้ว ส่วนนายก็ตั้งใจฟังนะเพราะฉันจะพูดครั้งเดียว ตอนนี้สวรรค์กำลังมีโปรโมชั่นพิเศษให้เลือก โปรฯ แรก คิดคำนวณความดีความชั่วแล้วตัดสินเอาเท่าที่มีว่านายจะต้องไปไหนต่อ โปรฯ สอง กลับไปโลกมนุษย์ในสภาพวิญญาณ เล่นบทผีเฮี้ยนตามหลอกหลอนจนครบกำหนดเวลา วิญญาณนายก็จะสูญสลายโบ๋เบ๋ หมดทุกข์หมดโศกและไม่เหลือไว้เป็นมลภาวะ แล้วก็โปรฯ สุดท้ายซึ่งยังอยู่ในช่วงทดลองใช้ คือกลับไปในคราบมนุษย์ธรรมดาเพื่อฆ่าหรือทำยังไงก็ได้ให้คนที่ฆ่านายตาย แล้วนายจะได้ร่างนั้นไว้ใช้จนหมดอายุขัยอีกครั้ง”

ได้ทั้งแก้แค้น ได้ทั้งชีวิตกลับคืน มัน...ทะแม่งๆ ตามแบบบรรดาโปรโมชั่นขายโทรศัพท์ หลอกล่อเอาแต่ส่วนดีมาขยายตัวเบ้อเริ่มแล้วซุกซ่อนข้อแม้ไว้ตามหลืบตามซอกแบบต้องจ้องอ่านกันตาแทบพลัด “บอกรายละเอียดของโปรฯ ทดลองใช้มาให้หมดดีกว่าว่าคุณหมกเม็ดเงื่อนไขอะไรไว้บ้าง”

มองหน้าเซ็งของเทวดารูปหล่อที่ทำท่าหมดสนุกเพราะดันเจอคนรู้ทันแล้วให้สงสัยว่าที่นี่มันสวรรค์แน่เหรอ “จะเอาแต่ได้อย่างเดียวมันก็ไม่สนุกน่ะสิ มีเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มความสนุกอยู่ว่านายต้องฆ่าอีกฝ่ายให้ได้ภายในหนึ่งปีไม่งั้นจบ โกทูเฮลล์โลด ต้องห้ามให้ใครรู้ว่านายเป็นใคร ถ้ามีใครรู้ก็จบ โกทูเฮลล์โลด และโปรฯ นี้ไม่มีการรับเปลี่ยนหรือแลกคืน จะเหลือเพียงชีวิตเดียวเท่านั้นที่ยังมีลมหายใจในตอนจบ ส่วนอีกหนึ่ง...จะโกทูเฮลล์โลด นี่ล่ะ ข้อกำหนดของโปรฯ นี้”

จินดนัยนิ่งคิดว่าเขาจะกล้าฆ่าคนไหม อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตเขาน่าจะเกิดจากความไม่ตั้งใจไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าคนที่ขับรถชนเขาเป็นแค่สาวน้อยร่วมมหาวิทยาลัยที่ไม่ชินกับการขับรถล่ะ หรือถ้าเป็นแค่อาจารย์สูงอายุที่นัยน์ตาเริ่มฝ้าฟาง “ผม...”

“โปรฯ นี้อาจไม่มีช่วงทดลองใช้แต่เรามีอย่างอื่นให้นะ” เทวดาชุดขาวชี้ไปทางด้านหลังที่เขาไม่ทันสังเกตว่าจอภาพขนาดยักษ์โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ “...ภาพเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุ ดูเสียว่านายตายด้วยสภาพน่ากลัวขนาดไหน ดูหน้าของคนที่ฆ่านายให้เต็มตาแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้”

การมองดูตัวเองขี่จักรยานเข้าไปหาความตายไม่ใช่เรื่องสนุก แต่จินดนัยก็ไม่อาจถอนสายตามาจากกล้องมุมสูงที่เผยให้เขาเห็นภาพตัวเองกำลังปั่นจักรยานคันเก่าหยอยๆ ฮัมเพลงหงุงหงิงท่าทางสบายอกสบายใจและไม่รู้เลยว่ากำลังจะพบเจอกับสิ่งใด ก่อนที่จักรยานเขาจะเลี้ยวโค้งตรงแยกหน้าสนามกีฬานั้นเอง รถยนต์คนหนึ่งก็แล่นตะบึงมาจากอีกทาง รถสีแดงเพลิงสวยปราดเปรียวแล่นมาด้วยความเร็วที่ต้องเรียกว่าเร็วมากสำหรับถนนในมหาวิทยาลัย นึกอยากหลับตาแต่คล้ายกับจะมีมือที่มองไม่เห็นมาถ่างตาเขาเอาไว้ ดังนั้นจินดนัยจึงได้เห็นภาพของตัวเองโดนกระแทกลอยละลิ่วขึ้นไปในอากาศ คล้ายนกที่ออกบินภายใต้ท้องฟ้าสีสดใส ก่อนจะร่วงตกมากระแทกกับกระโปรงหน้ารถและกระเด็นไปบนถนนขลุกๆ ราวกับเศษตุ๊กตา...ทั้งเก่า ทั้งขาดรุ่งริ่ง

เลือดของเขากระจายไปทั่วพื้นถนนเหมือนมีใครเอาถังใส่สีมาสาดเล่น สีแดงแดงสดใสเสียยิ่งกว่าสีรถนอกคันนั้นด้วยซ้ำ

ทว่าภาพที่ทำให้เขาช็อคที่สุดกลับเป็นภาพของคนขับที่เพิ่งเงยหน้าอาบเลือดโงนเงนขึ้นจากพวงมาลัย ใบหน้านั้นแม้จะอาบด้วยเลือดซึ่งไหลจากบาดแผลแตกบนศีรษะ...จนถึงวันตาย (ซึ่งบังเอิญเป็นวันนี้) เขาก็จำได้ไม่เคยลืม “ไอ้แสงเหนือ!”

“หืม รู้จักกันด้วย เห็นท่า...เธอคงไม่เอาโปรฯ นี้แล้วใช่ไหม” จอภาพยักษ์หายวับไปพร้อมเสียงตะโกนเมื่อครู่ของเขา “แย่หน่อยนะ ภาพเธอหลังโดนชนมันไม่ผ่านเซ็นเซอร์น่ะเลยเอามาให้ดูไม่ได้ จะว่าไปก็เพราะเธอลงผิดท่าเองนี่น่า เล่นเอาหัวลงแบบนั้น กะโหลกก็เลย...”

“ผมขอเลือกโปรฯ ฆ่าแล้วฟื้น!” จินดนัยตะโกนลั่น “อย่าว่าแต่ได้ร่างใหม่เลย ต่อให้ฆ่าไอ้หมอนี่แล้วต้องตกนรก ผมก็ยอม”

++++++++++

ถ้าใครสักคนอยากสัมผัสความรู้สึกว่าตอนร่วงจากสวรรค์มันเป็นอย่างไร ไม่ต้องทดลองตายแล้วไปเกิดใหม่ เขาแนะนำให้ไปขึ้นไวกิ้ง ต่อด้วยเจทโคสเตอร์และรถไฟเหาะตีลังกา แล้วค่อยปิดท้ายด้วยล่องแก่ง ทำทั้งหมดที่ว่าให้ได้ภายในสิบวินาที นั่นล่ะ ความรู้สึกของการตกสวรรค์

ที่ต้องปิดท้ายด้วยล่องแก่ง เพราะไม่ว่าเราจะระมัดระวังตัวดีแค่ไหน เราก็จะเปียกหูลู่ด้วยน้ำสีขุ่นไม่หมุนเวียน น้ำที่คุณไม่อยากจินตนาการว่ามันผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะมาอาบชโลมร่างกายคุณจนชุ่มโชก ตอนนี้ เขากำลังพยายามไม่นึกถึงว่าร่างกายนี้มาจากไหน มันเคยเป็นของใครอื่นมาก่อนหรือไม่
จะว่าไป เขาเกือบจะเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นแค่ความฝันร้ายๆ หรือการจัดฉากห่วยๆ ทว่าจินดนัยจำไม่ได้ว่ามือเล็กๆ ผ่ายผอมกับผมยาวประบ่านี่เป็นของเขา หลังจากยืนจับหัวหูตัวเองให้วุ่นวายท่ามกลางสายตาเมียงมองอย่างสนอกสนใจของคนเดินผ่านไปมา เขาวิ่งเข้าหากระจกหน้าร้านแห่งหนึ่งใกล้ๆ นั้นทันที

มัน...คุ้นเคย ใบหน้าที่มองตอบมานั้นเกือบจะเหมือนเขาสมัยก่อนเลยทีเดียว หากจะนับย้อนเวลากลับไปสักสี่ห้าปีล่ะก็ แต่เขาไม่เคยผอมขนาดนี้ ไม่เคยไว้ผมยาวขนาดนี้และยิ่งไม่เคยซีดเผือดเหมือน...คนตายขนาดนี้อีกด้วย “อะไรเนี่ย จะให้กลับมาทั้งทีทำไมไม่หล่อเหมือนเดิมเลยวะ”

“ไอ้มนุษย์หลงเงา จะบ่นอะไรนักหนาวะ เดี๋ยวปั๊ดพ่อให้เกิดใหม่เป็นเจ้าตูบเสียเลย” จินดนัยสะดุ้งโหยงกับเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นในสมอง “ร่างกายน่ะมันเป็นแค่ภาชนะแบบหนึ่งเท่านั้น รูปร่างหน้าตานั่นก็ถอดเค้ามาจากนายสมัยก่อน ปรับปรุงนิดหน่อยเผื่อเจอคนรู้จักจะได้ไม่ตกอกตกใจกันเกินไป”

“แล้วผมต้องทำไงต่อ” หวั่นใจไม่ใช่น้อยกับคำขู่ว่าถ้าขืนเรื่องมากอาจต้องไปแก้แค้นแสงเหนือโดยการกัดมันจนเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ติดเชื้อในกระแสเลือดจนตายแทน “มันอยู่โรงพยาบาลไหน ห้องอะไร จะได้รีบจัดการให้มันจบๆ เสียที”

“ใสเจียเสียใจ เรื่องพรรค์นี้ต้องช่วยตัวเอง” กล่าวจบแล้วเทวดาไกด์ก็เหมือนจะหายสาบสูญหรือหูหนวกไม่นำพาต่อเสียงก่นด่าของเขา เมื่อไม่มีทางเลือก จินดนัยจึงตัดสินใจจะไปเริ่มต้นจากที่เกิดเหตุแทน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อเขาสำรวจทั้งตัวแล้วพบว่านอกจากเสื้อผ้าธรรมดาติดจะเก่าโทรมที่ติดกายอยู่แล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาไม่มีอะไรอื่นอีกเลย อย่าว่าแต่บัตรประชาชนเลย ไอ้เทวดาขี้ตืดนั่นไม่ได้ให้เงินไว้แม้แต่แดงเดียว

นิ่งคิดชั่วครู่ เขาก็ตัดสินใจได้ วิธีที่เร็วที่สุดคือการขอ ช่างหัวศักดิ์ศรีและความอับอายแล้วนาทีนี้ “พี่ครับ ขอโทษครับ พอดีผมทำกระเป๋าตังค์หาย ขอค่ารถกลับบ้าน...”

ชายหนุ่มคนนั้นเดินหนีก่อนจะพูดจบประโยค ทิ้งให้เขายืนอ้าปากเหวอ มือยังยกไหว้ค้าง เดินเกาหัวแกรกๆ ได้อีกห้านาที จินดนัยก็ลองใหม่ คราวนี้เขาเลือกเด็กสาวอายุน่าจะเรียนมหาวิทยาลัย “พี่สาวครับ ผม...”

อีกเกือบชั่วโมงต่อมา เขาก็ยังเดินไหว้คนนั้นคนนี้ไปทั่ว นึกไม่ออกว่าหน้าตาเขามันน่าสงสัยขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าเป็นเขาสมัยก่อน ถ้ามีเด็กโผล่มาขอเงินเขาแบบนี้ ...เขาก็คงเดินหนีเหมือนกัน

ระหว่างที่เขากำลังเริ่มพูดกับชายหนุ่มคนหนึ่ง สายตาก็เหลือบไปเห็นรปภ. ของศูนย์การค้าแห่งนั้นเดินตรงมาหา จินดนัยจึงรีบออกวิ่ง ส่งผลให้อีกฝ่ายรีบวิ่งตามทันที เขาวิ่งสุดกำลังและเลี้ยวลดหลอกล่ออยู่นานจนแทบขาดใจ จนคิดว่าน่าจะหนีพ้นแล้วเพราะถ้าขืนยังหนีไม่พ้น เขาก็วิ่งต่อไม่ไหวอยู่ดี

หยุดยืนไอสลับหอบจนตัวโยนแล้วแข้งขาที่อ่อนแรงก็ทรุดฮวบ นึกทดท้อจนอยากจะบ้าตาย เข้าใจเลยว่าทำไมถึงให้เวลาตั้งหนึ่งปี กว่าเขาจะหาเงินไปจนถึงโรงพยาบาลที่แสงเหนือพักรักษาตัวอยู่ได้ก็คงปาเข้าไปสิบเดือนแล้วมั้ง

“หนูจ๊ะ เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” เขาเงยหน้าขวับขึ้นและพบว่าสตรีวัยกลางคนในชุดลำลองเรียบๆ กำลังก้มมองมาอย่างเป็นห่วง “หน้าหนูซีดมากเลย ป้าเห็นหนูทรุดอยู่มาสักพักแล้วกลัวว่าจะเป็นลมไปเสียก่อน”ยาดมถูกยัดใส่มือเขาก่อนเจ้าของจะพูดต่อ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

“ผม...” ประโยคที่พูดมานับสิบๆ ครั้งคล้ายจะติดขัดอยู่แค่ในลำคอ เขาต้องเค้นเสียงไม่ให้มันสั่นพร่าและดูน่าเอน็จอนาถเกินไปนัก “ผมทำกระเป๋าตังค์หาย ผมพยายามขอค่ารถตั้งนานแล้ว ผมขอพวกเขาแค่...ยี่สิบสี่บาท แต่ไม่มีใครให้ผมเลย”

“น่าสงสารจัง” มือเหี่ยวย่นรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือสีดำแล้วหยิบธนบัตรสีแดงส่งให้ “เอาไปสิ แล้วอย่าเผลอทำหายอีกนะ”

“ไม่ต้องเยอะขนาดนี้ก็ได้ครับ ผมขอแค่...” เขาชะงักเมื่อโดนลูบศีรษะด้วยความปราณี

“เก็บไว้เถอะจ๊ะ ป้าให้”หลังจากกล่าวคำขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่าจนแยกกันก็กินเวลาอีกหลายนาที ทันทีที่แยกกับหญิงผู้ปราณี จินดนัยก็กล่าวอาฆาตไอ้ตัวต้นเหตุด้วยเพลิงแค้นที่โหมไหม้ร้อนแรงเป็นสองเท่า

ไอ้แสงเหนือ ถ้าไม่ได้ฆ่ามัน ไม่ต้องมาเรียกเขาว่าจินดนัยแล้ว!

++++++++++

อาศัยเงินก้อนเดียวที่มีในมือ เด็กหนุ่มผู้วายชนม์ก็พาตัวเองกลับมายังมหาวิทยาลัยที่เขาเพิ่งจากไปหยกๆ ได้ แม้จะรู้สึกผิดหูผิดตากับสิ่งรอบตัวบ้างแต่ด้วยความรีบร้อนทำให้ไม่นึกสนใจจริงจัง เขามุ่งตรงดิ่งไปยังที่เกิดเหตุซึ่งเห็นจากกล้องวงจรปิดแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสถานที่ดังกล่าว ไม่ใช่ว่าเพราะยังมีหลักฐาน ซากเขาแห้งติดพื้นถนนหรืออะไรประมาณนั้นหรอก เพียงแต่มันไม่มีอะไรเลย ระหว่างที่เขายืนเอ๋อ งงเป็นไก่ตาแตก หัวโค้งทางสามแพร่งนั้นก็มีรถสองสามคันแล่นผ่านไปมาเหมือนปกติ

เมื่อได้สติ จินดนัยจึงเริ่มพาหน้าเอ๋อๆ ของตนออกเดินตุปัดตุเป๋ต่อ ความเคยชินแรกทำให้เท้าพาไปยังคณะของเขา แต่เมื่อนึกถึงเงื่อนไขข้อสองว่าห้ามให้ใครรู้ตัวจริงของเขาเลยต้องรีบหยุด ถึงหน้าตาเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่กับเพื่อนๆ ที่สนิทกันต้องจำเขาได้แน่ๆ

นิ่งคิดอีกสักพัก เขาก็เปลี่ยนทิศบ่ายหน้าไปยังอีกคณะแทน แม้จะเป็นคณะที่เน้นพวกเรียนสายวิทย์มาเหมือนกัน แต่คณะนี้บรรดานิสิตจะหนักไปทางเพศชายที่หน้าตาค่อนไปทางเถื่อนถ่อยเสียมาก กว่าจะตัดสินใจเกร่เข้าไปถามได้นี่ต้องคัดแล้วคัดอีก “พี่ครับ พอจะทราบไหมครับว่าคณะนี้มีคนชื่อแสงเหนือหรือเปล่า”

นิสิตชายคนนั้นมองหน้าเขาและทำท่านึก “คุ้นๆ ว่ะ เหมือนจะเคยได้ยินจากที่ไหน” พอนึกไม่ออกและไม่อยากให้ติดคาราคาซังอยู่ในหัว เจ้าตัวจึงหันไปตะโกนถามเพื่อนอีกกลุ่มที่โต๊ะด้านหลัง “พวกนายรู้จักใครที่ชื่อแสงเหนือไหมวะ น้องเขามาถามหา”

“แสงเหนือ... ไอ้คนนั้นไงมึงที่ปีที่แล้วเพิ่งมีเรื่อง” หนึ่งในนั้นตะโกนตอบ ก่อนจะโดนเพื่อนพ้องแย่งกันพูดจนฟังแทบไม่ทัน “อ๋อ ไอ้ที่มันขับรถชนเด็กคณะอื่นตายไง”

“เออๆ จำได้ละ ตอนนั้นข่าวดังชิบหาย เห็นตำรวจเขาตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการกระทำโดยประมาทหรือจงใจใช่ไหมวะ”

“เฮ้ย ได้ข่าวว่ามันติดคุกหัวโตเลยนี่หว่า”

“ไม่รู้อย่ามั่ว บ้านมันรวยจะตายห่- คงยอมให้ลูกชายคนเดียวติดคุกหรอก ครอบครัวมันยัดเงินไปไม่รู้ตั้งกี่ล้านจนคดีเงียบเข้ากรุ แล้วค่อยจับลูกมันเข้าโรงพยาบาลรักษาต่อ ไม่รู้ป่านนี้หายหรือยัง ถ้าหายก็น่าจะเห็นมันกลับมาเรียนต่อนะ สงสัยจะยังไม่หายว่ะ”

“กูมีเพื่อนอยู่คณะนั้น มันเล่าให้ฟังว่าสองคนนั้นรู้จักกันด้วย แต่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอก รู้สึกจะเกลียดขี้หน้าอีกฝ่ายมากกว่า ตำรวจถึงสงสัยทีแรกไงว่าตั้งใจหรือเปล่า”

“ตั้งใจเอี้ยไรวะ ตัวเองก็ตาบอด กูว่าอุบัติเหตุเห็นๆ พิการหมดอนาคตเลยนะพวกมึง”

จากเรื่องนี้ไหลไปเรื่องอื่นอีกไกลโขกว่าชายคนแรกผู้จุดกระแสจะนึกออกถึงจุดประสงค์และหันกลับมาก็ได้พบแต่ความว่างเปล่าเพราะจินดนัยเลี่ยงออกมาได้พักใหญ่แล้ว ทีแรกเขางงกับความแตกต่างของเวลา นึกไม่ถึงว่าเวลาชั่วแวบที่เขาคุยกับเทวดานั่นจะกินเวลาบนโลกไปเป็นปี หากข้อมูลต่อๆ มากลับนำความประหลาดใจมากมายมาให้ ซึ่งนอกจากความประหลาดใจแล้วยังนำเรื่องน่ายินดีมาให้อีกต่างหาก

จินดนัยแทบจะกู่ร้องด้วยความดีใจเมื่อได้ยินว่าแสงเหนือต้องตาบอดจากอุบัติเหตุคราวนั้น ถึงจะรอดคุกรอดตะรางมาได้ หากฟ้ายังคงความยุติธรรมทำให้ไอ้คนชั่วหนีบาปกรรมไม่พ้น เขาเสียชีวิต แสงเหนือต้องสูญเสียแสงสว่างไป ถึงจะไม่ค่อยสาสมกันเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าใช้ได้ล่ะน่า

เขาอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อต้องนั่งรถเมล์ต่อไปยังบ้านของเป้าหมายแทน ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถนั้นก็อดนึกถึงเหตุการณ์สมัยพวกเขาสองคนยังเป็นเด็กๆ ไม่ได้ เรื่องที่ทำให้พวกเขากลายเป็นศัตรูกันถ้าจำไม่ผิด น่าจะเริ่มตั้งแต่สมัยอนุบาลนั่นเลยทีเดียวกระมัง และคำพูดแรกที่แสงเหนือพูดใส่หน้าเขาคือ

“ไอ้กระเทย!”

++++++++++++++++++++++++++

TBC



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 09-06-2008 14:54:58
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 2 - แสงเหนือ ~

“ไอ้กระเทย!”

จะมีเด็กน้อยอายุห้าขวบในโลกนี้สักกี่คนที่สามารถเข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงโดนเพื่อนร่วมชั้นอนุบาลตัวร้ายตะโกนด่าคำแปลกๆ ใส่หน้า เขาคนหนึ่งล่ะที่ไม่เข้าใจ แถมอายุตอนนั้นยังน้อยนัก รอบบินยังไม่สูงจัด ไม่สามารถตีโต้กระโดดถีบแสกหน้ามันได้นอกจากเบะปากพูดเสียงสั่นอย่างน่าอนาถ “นายพูดอะไรน่ะ เราไม่ใช่...กะเทอนะ”

“นอกจากจะเป็นไอ้กระเทยแล้วยังเป็นไอ้โง่ด้วย นายไม่รู้จักหรือไง คำว่ากระเทยน่ะ มันหมายถึงพวกผู้หญิงแก่หน้าตาเหมือนผี ตัวดำๆ ปากแดงๆ เสียงใหญ่ๆ” ลูกสมุนซ้ายขวาที่ตามประกบแสงเหนือพยักเพยิดเห็นด้วยเพราะนาทีนี้ ลูกพี่มันคือผู้รอบรู้ที่สุด “ถ้านายไม่อยากเป็นกระเทยก็เลิกเล่นกับเด็กผู้หญิงแล้วมาเป็นลูกน้องฉันซะ”

“ทำไมเราต้องเป็นลูกน้องนายด้วย ไม่เอาหรอก เราไม่เป็น” แม้จะพยายามเดินหนีแต่ไอ้วายร้ายตั้งแต่ตีนยังเท่าฝาหอยกลับขยุ้มคอเสื้อเขาไว้ “นายรู้หรือเปล่าว่าเราเป็นใคร บ้านเรารวยแค่ไหน ไม่ว่าเราอยากได้อะไรพ่อแม่เราหามาให้ได้หมด ถ้านายยอมเป็นลูกน้องเรา บางทีเราอาจเอาขนมอร่อยๆ ที่บ้านมาแบ่งให้ก็ได้”

“แม่เราซื้อขนมให้กินอยู่แล้ว เราไม่อยากกินของนาย ปล่อยนะ” เขาเริ่มดิ้นปัดๆ เลยโดนแสงเหนือตบหัวที่อยู่ใต้หมวกมีปีกสีฟ้าดังป้าบ ถึงจะไม่ได้เจ็บอะไรแต่เขารู้สึกช็อคมากกว่า เด็กๆ อายุราวนั้นช็อคแล้วจะทำอะไรได้นอกจากร้องไห้โฮแบบท่อแตก “ฮือๆ โฮๆๆๆ ปล่อยเรานะ เราจะฟ้องครูว่านายตีเรา เราจะฟ้องแม่ด้วย...จะให้แม่มาตีนายหลายๆ ที”

คาดว่าแสงเหนือคงกำลังช็อคพอกันที่เห็นเขาร้องไห้ราวกับจะตายจึงได้แต่ยืนตาค้างจ้องหน้าเขานิ่ง กระทั่งครูที่ได้ยินเสียงเอะอะออกมาดูและเห็นเข้า จึงได้จับพวกเขาแยกย้ายไปคนละทาง เรื่องการทะเลาะเบาะแว้งแบบเด็กๆ ไม่ได้โดนแจ้งไปยังเหล่าผู้ปกครอง หลังจากนั้น แม้จะยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่ากระเทย หากเขาก็ได้รู้จักคำว่าศัตรูคู่อาฆาตอย่างลึกซึ้งถึงแก่นแทน

แสงเหนือต้องแกล้งเขาทุกครั้งที่มีโอกาส มันทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ล้อเลียนเขาด้วยชื่อต่างๆ นาๆ ไปจนถึงขั้นหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เช่นแกล้งผลักแกล้งชนเขา แกล้งได้แกล้งดีทุกวันทุกเทศกาลอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายกระทั่งเขากลายเป็นเด็กมีปมด้อยที่หวาดกลัวการมาโรงเรียนจนตัวสั่น โชคร้ายไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้นเพราะไม่นาน เขาก็เพิ่งรู้ว่าบ้านของทั้งคู่อยู่ในละแวกเดียวกัน เรียกว่าถึงจะไม่ได้ใกล้ขนาดเดินไปมาหาสู่แต่ถ้าถีบจักรยานก็กินเวลาแค่สิบ...สิบห้านาทีเท่านั้น

เนื่องจากเหตุนี้ ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์เขาจึงมักจะต้องหลบคู้อยู่แต่ในบ้านไม่ก็ต้องรบเร้าให้พ่อแม่พาออกไปเที่ยวนอกบ้าน หมดโอกาสออกมาถีบจักรยานหรือวิ่งเล่นแถวบ้านโดยสิ้นเชิง ช่วงเวลาวัยเด็กของเขาจึงวนเวียนอยู่แค่หาทางหลบลี้หนีหน้ามันไปตามบุญตามกรรม จนวันหนึ่งที่การกลั่นแกล้งของแสงเหนือได้ทำให้มุมมองชีวิตของจินดนัยต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

ในเวลาพักกลางวันซึ่งเด็กประถมหนึ่งส่วนใหญ่จะวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน จินดนัยกลับต้องวิ่งหนีแสงเหนือที่กำลังหัวเราะพร้อมวิ่งไล่หลังมาติดๆ กับหนอนแก้วในมือ อันที่จริงเขาไม่ได้กลัวหนอนแก้วแต่กลัวไอ้คนที่มันกำหนอนแก้ววิ่งหัวเราะตาวาวอยู่ต่างหาก เมื่อมัวแต่ต้องคอยเหลียวหลังกลับไปเช็คระยะห่าง จึงไม่ทันสังเกตเห็นพื้นต่างระดับและเสียหลักล้มโครมจนหน้าผากกระแทกขอบซีเมนต์อย่างแรง เรียกเลือดสดๆ หยดติ๋งๆ ลงใส่ตาเบิกกว้างของเด็กชายตัวน้อย

หลังจากนอนร้องไห้เนื่องจากปวดแผลซึ่งโดนเย็บไปห้าเข็มอยู่ทั้งคืน จินดนัยก็ให้สัญญากับตัวเองว่านับจากวันนี้ จะไม่มีจินดนัยคนเก่าที่ร้องไห้เพราะแสงเหนืออีกแล้ว เขาเริ่มขอแม่เรียนพิเศษเพิ่ม ไม่ใช่วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทย์ คณิตหรือสปช. อะไรทั้งนั้น เขาทำเช่นที่สมควรทำมาตั้งแต่เจอหน้าแสงเหนือด้วยการขอเรียนศิลปะการป้องกันตัว

เมื่อมีข่าวว่าเขาเริ่มเรียนยูโด อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาก็มีข่าวลือว่าแสงเหนือเรียนคาราเต้ เมื่อมีข่าวว่าเขาเริ่มเรียนเทควันโด อีกสองอาทิตย์ต่อมาก็มีข่าวลือว่าแสงเหนือเรียนมวยไทย เมื่อมีข่าวลือว่าเขาเริ่มเรียนยิงธนู ก็มีข่าวลือว่าแสงเหนือเรียนยิงปืนตามมาติดๆ

หากจะเป็นเพราะต่างคนต่างยังซุ่มซ้อมเรียนวิชากระมัง บรรดาเด็กร่วมชั้นทั้งหลายที่รอดูศึกก็อตซิลล่าปะทะกาเมร่าจึงต้องผิดหวังไปตามๆ กัน พวกเขาไม่เคยได้มีโอกาสงัดแม่ไม้ทั้งหลายมาประลองกันสักครั้งจนเมื่อถึงคราวที่เขาต้องย้ายบ้านหลังพ่อแม่หย่าขาดกัน ท่ามกลางความเศร้าเสียใจที่จะต้องกลายเป็นเด็กบ้านแตก ลึกๆ ในใจเขากลับยินดีที่แม่ต้องย้ายออกและหอบกระเตงลูกชายอย่างเขาไปอยู่บ้านหลังใหม่ซึ่งแม้จะเล็กกว่าบ้านหลังเดิมมากแต่ก็ห่างไกลศัตรูอย่างแสงเหนือเยอะ เสียดายอยู่นิดตรงที่เขาไม่ถึงกับต้องย้ายโรงเรียน ดังนั้นพวกเขาจึงยังต้องพบหน้ากันที่โรงเรียนอยู่ดี แต่แสงเหนือก็ดูจะห่างๆ ไป ดูท่าหมอนั่นคงเบื่อกับการหาเรื่องเขาแล้ว

พวกเขายังมองเขม่นกันอยู่หลายปีต่อมา กระทั่งเขาย้ายไปเรียนม.ปลายที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งแทนเนื่องจากแม่เขาเริ่มรับภาระจ่ายค่าเทอมไม่ไหว ตั้งแต่พ่อต้องเริ่มส่งลูกน้อยที่มีกับภรรยาคนใหม่เข้าโรงเรียนและมักจะอ้างว่าลืมส่งค่าเทอมให้เขาอยู่บ่อยๆ จนแม่คร้านจะทวง จึงตัดสินใจให้เขาเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาลซึ่งค่าเทอมถูกกว่าโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่เขาเรียนมาตลอดตั้งไม่รู้กี่เท่า ทีแรกแม่ยังกังวลกลัวเขาจะคิดมากที่ต้องย้ายโรงเรียน แต่จินดนัยเห็นแม่ทำงานหนักเพียงคนเดียวมานานจึงพยายามปลอบว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายเรียนที่ไหนก็ได้ ไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว

ชีวิตเขาสุขสงบเฮฮากับเพื่อนฝูงอยู่ได้สามปีเต็มๆ ก่อนที่นรกจะหวนกลับมา

ชาติก่อนเขาต้องทำบาปกรรมไว้หนักมากแน่ๆ ถึงต้องมาชดใช้ในชาตินี้ เช้าวันหนึ่งหลังจากที่มหาวิทยาลัยเพิ่งเปิดเทอมไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ดี ระหว่างที่เขากับเพื่อนใหม่เดินข้ามถนนหน้ามหาวิทยาลัยนั้นเอง จู่ๆ รถคันหนึ่งที่หยุดให้พวกเขาข้ามก็บีบแตรเสียงดังลั่น ความคิดแว้บแรกของเขาคือไอ้เจ้าของรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันนี่มันต้องทำตัวเรียกร้องความสนใจแน่ๆ จึงหันไปจ้องเตรียมชูนิ้ว หากเมื่อมองรอยยิ้มเอื่อยยามเจ้าตัวยกมือโบกให้เขาคล้ายอาการทักทาย หลังจากยืนอึ้งเป็นหุ่นไล่กากลางถนนอยู่หลายวินาที จินดนัยค่อยเดินตรงดิ่งเข้าไปเตะกันชนรถสุดหรูโครมท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของผู้ร่วมเหตุการณ์แล้วแจกนิ้วระยะโคลสอัพให้ไอ้คนนั่งยิ้มกริ่มด้วยท่าทางไม่เดือดร้อนหลังพวงมาลัย

ยังดีที่คณะพวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้กันเท่าใด หากจินดนัยมักจะได้ข่าวเรื่องแสงเหนืออยู่เป็นระยะตามประสาแบ๊ดบอยสุดหล่อคนดัง ให้ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบคนเลวๆ กันนัก ทีถามชื่อพวกตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแข่งตอบคำถามระดับประเทศ ถามร้อยคน ตอบชื่อเขาได้สักคนก็เก่งแล้ว ในขณะที่แค่ถามถึงเพลย์บอยอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย ผู้หญิงร้อยทั้งร้อย ตอบชื่อแสงเหนือเป็นเสียงเดียว

ระหว่างเขากับแสงเหนือคือคำว่าแข่งขัน เขาอาจจะสู้แสงเหนือไม่ได้ในเกือบทุกทาง ยกเว้นเรื่องเรียนที่เขาภาคภูมิใจนักหนา เพราะการเป็นนักเรียนทุนนอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระของแม่แล้ว มันยังเป็นคำประกาศชัยชนะอีกด้วย จินดนัยถือตัวมาตลอดว่าตนชนะมาตลอดจนต้องมาแพ้ขาดในการปะทะกันครั้งล่าสุด ...แพ้หมดรูปจนไม่มีร่างจะอยู่ แต่มันจะไม่เป็นแบบนี้ได้นานหรอกนะ ภายในไม่กี่ชั่วโมงนี่ล่ะ เขาจะได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดไว้ในกำมือ

แม้จะพอคุ้นๆ กับตรอกซอกซอยแถวนี้อยู่บ้างหากลางเลือนเต็มทน เขาจึงเสียเวลาหลงทางนานโขกว่าจะมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีเงาไม้ร่มรื่นปกคลุมเกือบทั่วบริเวณ หลังจากพยายามสอดส่ายสายตาหาสิ่งมีชีวิตอยู่พักใหญ่ เขาจึงลงนั่งแปะตรงหน้าประตูเหล็กดัด ความเหนื่อยและความเครียดที่สะสมมานานส่งผลให้เขาเริ่มง่วงตาปรือ มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนได้ยินเสียงห้าวตะโกนไล่ “เฮ้ย เด็กที่ไหนมานั่งขวางทางเข้าบ้านเนี่ย หลบไป”

เพราะมัวแต่นั่งสัปหงก จินดนัยจึงไม่ทันสังเกตว่ามีรถยนต์คันโตมาจ่อประชิดอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อใด ส่วนคนที่ไล่เขาก็เป็นคนขับรถที่ชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่าง ด้วยความตกใจทำให้เขารีบลุกหลบให้พ้นทางรวดเร็ว

ช่วงที่รถยนต์แล่นผ่าน เขาก็มองเข้าไปข้างในตัวรถและเห็นผู้โดยสารสองคนบนเบาะหลัง คนหนึ่งเป็นสตรีวัยกลางคนแต่งหน้าทำผมไว้งดงาม ส่วนอีกคน...ผู้ชายตัวโตนั่งนิ่งคล้ายมองตรงไปข้างหน้า แต่ถ้าสิ่งที่เขาได้ยินมาเป็นความจริงล่ะก็ ดวงตาคู่นั้นน่าจะมองไม่เห็นสิ่งใดแล้ว แน่ล่ะ...ถ้าเห็น หมอนั่นต้องพอจำเขาได้บ้างล่ะ ก็เป็นคนที่ตัวเองฆ่าตายกับมือเองนี่นา

ชะเง้อมองผ่านซี่ลูกกรงแล้วค่อยเห็นว่าหลังจากรถจอดสนิท คนขับรถก็รีบวิ่งลงไปรับชายหนุ่มแทนที่จะเป็นนายจ้างสูงอายุ อากัปกิริยาประคับประคองร่างสูงลงจากรถ เห็นแล้วเขาก็ต้องยิ้มเย้ยด้วยความสงสัยว่าแสงเหนือคงจะเป็นง่อยเสียมากกว่าตาบอด แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ต้องจูงขึ้นบันไดกับไม้เท้าในมือชายหนุ่มแล้ว เขาก็ไม่เหลือข้อสงสัยใดอีกต่อไป

สตรีแต่งกายปราณีตหรูหราซึ่งคงจะเป็นมารดาของแสงเหนือเหลือบมองมาทางเขาอีกครั้งพร้อมขมวดคิ้วแล้วจึงเดินหายลับเข้าบ้านไป จินดนัยจึงกลับมานั่งริมถนนและควักเงินที่เหลือติดตัวออกมานับ ให้ประหยัดอย่างไร ด้วยจำนวนเงินที่มีเหลือ เขาก็คงอยู่ได้ไม่เกินวันพรุ่งนี้แน่ ยังไม่ต้องนับเรื่องที่ซุกหัวนอนในคืนนี้อีกต่างหาก หรือจะต้องเร่งจัดการให้จบไปภายในคืนนี้เสียก็ไม่รู้ หาทางย่องเข้าไปในคฤหาสน์ตั้งแต่คืนนี้แล้วจัดการเชือดแสงเหนือซะ การฆ่าคนตาบอดที่กำลังนอนหลับฟังดูเลวร้าย แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นไม่ใช่เหรอ ที่สำคัญคือสวรรค์เบื้องบนส่งเขากลับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะอีกด้วย

ทว่าลองคิดดูอีกที หากเขาต้องฆ่าคน ต้องกลายเป็นฆาตกร ร่างใหม่ที่จะได้รับจะมีประโยชน์อะไรถ้าต้องใช้เวลาที่เหลือในคุก เขาน่าจะจัดฉากให้แสงเหนือตายด้วยอุบัติเหตุหรือฆ่าตัวตาย เพื่อที่อนาคตใหม่ของเขาจะได้ไม่มีปัญหา แต่จะทำได้ยังไงนี่สิ

“ไอ้หนู ทำไมยังนั่งอยู่นี่อีก บ้านช่องไม่มีให้กลับหรือไง” คนขับรถคนเดิมถามเขาจากหลังซี่ลูกกรงรั้ว จินดนัยรีบลุกขึ้นยืนและเผลอตอบตามตรง “ไม่มีครับ”

“นี่ข้าถามเล่นๆ นะ ไม่คิดว่าจะไม่มีบ้านให้กลับจริงๆ” ฟังแล้วชายอายุประมาณสี่สิบปีเริ่มเกาหัวแกรก “หน้าตาท่าทางก็ไม่ได้ดูเหมือนเด็กเหลือขอจรจัดนี่หว่า หรือว่าหนีออกจากบ้าน”

“ผม...หนีพ่อเลี้ยง มัน...มันพยายามจะปล้ำผม” อ้างอิงถึงคนไม่มีตัวตนคงไม่บาปหรอกนะ “ผมนั่งรถหนีมาเรื่อยๆ แต่ตังค์ใกล้หมดเลยไม่รู้จะไปไหนดี ลุง...ลุงครับ บ้านนี้เขารับคนรับใช้บ้างไหมครับ ผมทำได้ทุกอย่างเลยนะ ทั้งซักผ้า รีดผ้า หุงข้าว ทำอาหาร ล้างจาน ล้างห้องน้ำ กวาดบ้าน ถูบ้าน...” ต้องยกความดีให้ตัวเองที่สมัยก่อนเขากวาดงานบ้านจากแม่มาทำเรียบ “ผมกินนิดเดียว ขอแค่ข้าววันละสาม...อะ สองมื้อก็ได้กับที่ซุกหัวนอนให้ผมบ้าง นะครับ คุณลุง ช่วยผมด้วยครับ”

“พูดอะไรของเอ็งวะ ตัวแค่นี้จะทำได้ยังไง แล้วที่บ้านเอ็งอีกล่ะ ขืนแม่เอ็งเขามาเจอลูกชายมาทำงานงกๆ อยู่ที่นี่แล้วไปฟ้องตำรวจว่าเอ็งโดนลักพาตัวมา พวกคุณนายกับพวกข้ามิซวยกันหมดรึ” รีบโบกมือไล่ ตั้งท่าจะหันกลับแต่คนกลัวความผิดก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้โฮ

“ขืนผมกลับไป ถ้าไม่โดนพ่อเลี้ยงมันปล้ำก็ต้องโดนแม่ไล่ออกจากบ้านอยู่ดี แม่เขาทั้งเกลียดทั้งรำคาญผม...” ฮือออ แม่คร้าบ ผมขอโทษ อย่าโกรธผมนะ “เขาอยากให้ผมตายๆ ไปซะ นี่ถ้าขืนไปบอกว่าผัวใหม่เขาตั้งท่าจะเอาผมเป็นเมียอีก แม่ต้องตีผมหัวแตกแล้วเฉดหัวไล่แน่”

“แม่ประสาอะไรวะ! เห็นผัวดีกว่าลูกตัวเองแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” นั่นสิ แม่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนที่สุด “บ้านเอ็งอยู่ไหนวะ นำทางลุงไป เดี๋ยวลุงจะไปจัดการไอ้พ่อเลี้ยงชั่วๆ นั่นให้เอง หนอยแน่ อย่างนี้มันต้องลากคอเข้าคุกเสียให้เข็ด”

จินดนัยอ้าปากเหวอทำอะไรไม่ถูกจนลุงคนขับรถเปิดประตูเล็กออกมาหาก็แล้ว เขายังยืนหน้าตาตื่นอยู่เลย “เอ้อ ลุงครับ อย่าเลยครับ พ่อเลี้ยงผมมันไม่ครณากับการติดคุกหรอกครับ เพราะว่ามัน...อ้า เข้าๆ ออกๆ ประจำอยู่แล้วน่ะครับ นี่ล่าสุดก็เพิ่งพ้นข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาไปหมาดๆ เพราะ...ตำรวจหาศพของเหยื่อได้แค่ไม่กี่ชิ้น พยานหลักฐานไม่พอเลยต้องปล่อยมันลอยนวลนี่ล่ะครับ”

“อ้าว แล้วเอ็งไม่รีบบอก อืม ถ้าเป็นงั้นคงต้องปล่อยมันไปล่ะนะ” คนพูดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเขาแล้วถอนหายใจ “ตัวเอ็งก็เท่านี้แล้วจะทำงานหนักไหวรื้อ อันที่จริงเมื่อสองวันก่อน คุณเหนือเพิ่งไล่ตะเพิดคนดูแลออกไปก็เถอะ แต่ข้ากลัวว่าเอ็งจะทำไม่ไหวน่ะสิ...”

“ไหวครับ ผมไหว” จินดนัยดีใจจนตัวสั่น รีบเผยอหน้าออกรับทันควัน “ผมใจเย็นมากนะครับ อดทนเป็นที่หนึ่ง งานหนักงานเบาผมไม่เกี่ยง เงินเดือนให้แค่ไหนผมก็เอาแค่นั้น ช่วยรับผมไว้ด้วยเถอะครับ ได้โปรด”

“เฮ้อ ถึงข้าจะสงสารอยากช่วยเอ็งแค่ไหน แต่คนตัดสินใจคือคุณนายต่างหาก เอาเถอะ เดี๋ยวข้าจะลองไปเรียนท่านให้แล้วกัน เอ็งรออยู่ตรงนี้ก่อนล่ะ อย่าเพิ่งไปไหนนะ รู้ไหม” คุณลุงผู้ใจดีสั่งแล้วเดินเกาหัวกลับไปตามทาง ทิ้งให้จินดนัยยืนเกาะลูกกรงยิ้มร่า ระหว่างที่รอนั้นเองก็มีลูกสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์วิ่งเหยาะๆ มาเมียงมองเขาด้วยความสนใจ

จมูกดำมันเล็กๆ ยื่นมาดมมือเขาและงับนิ้วเล่น ยอมให้ฟันซี่เล็กๆ ขบอยู่สองสามครั้ง จินดนัยก็ชักมือกลับพร้อมดุเสียงหนักๆ เป็นเหตุให้เจ้าลูกหมารีบปล่อยแล้วลงนั่งแปะกระดิกหางให้แทน เขาเล่นกับมันเพลินจนคุณลุงเดินกลับมาเห็นเขาสอนไอ้จิ๋วให้ยกมืออยู่พอดี

“ปกติไอ้ริชชี่มันซนเป็นลิงแท้ๆ เอ็งทำยังไงให้มันนั่งนิ่งๆ ได้วะเนี่ย” เผลอพูดนอกเรื่องแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าลำบากใจใส่เขา เล่นเอาหัวใจจินดนัยวูบหายก่อนจะฟังคำตอบเสียด้วยซ้ำ “เอ้อ คุณนายท่านไม่อยากรับคนแปลกหน้าไว้น่ะ เอ็งต้องเข้าใจนะว่าเดี๋ยวนี้คนเรามันดูแต่หน้าได้เสียที่ไหน ถึงหน้าเอ็งจะซื่อๆ บื้อๆ แค่ไหนก็เถอะ แล้วอีกอย่าง คุณนายคงเห็นว่าเอ็งยังเด็กมากอยู่ด้วย จะให้มาอดทนรับใช้คุณเหนือก็คงไปได้ไม่กี่น้ำ” กล่าวพลางล้วงธนบัตรสีแดงสองใบส่งให้เขา “เก็บนี่ไว้นะ ลุงเองก็ช่วยได้แค่นี้ล่ะ”

“ผมอยากได้งานมากกว่า” หน้าเขาสลดลงอย่างไม่ต้องเสแสร้ง “เงินลุงผมไม่รับหรอกครับ ผมจะรอจนกว่าคุณนายจะยอมรับผมทำงาน ขอบคุณคุณลุงมากครับ”

พูดดี พูดเท่ เหมือนพระเอกเลยแท้ๆ ถึงหุ่นจะไม่ให้แต่คำพูดนี่ได้เลยนะ ดันลงท้ายต้องลงมานั่งตบยุงนั่งเกาจนคันคะเยอไปหมดทั้งตัวแทน ไหนจะไอ้กระเพาะจอมเรียกร้องอีกล่ะ รู้แล้วว่าหิว แต่มีเงินเหลืออยู่ไม่กี่สิบต้องประหยัดหน่อยโว้ย ไว้ค่อยกินพรุ่งนี้ วันนี้นั่งจับยุงกินไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน แม่ม ยุงเยอะชิบหาย เพราะต้นไม้เยอะแหงๆ งึ้ยยย คัน... ไปกัดไอ้แสงเหนือมันโน่นไป๊

โชคยังดีที่ในซอยนี้ไม่มีผู้คนพลุกพล่านนอกจากมีรถแล่นเข้าออกจึงไม่มีตำรวจโผล่มาลากคอเขาไปเสียก่อน แถอเมื่อตอนหัวค่ำ คุณลุงยังเดินมาชะโงกหน้าดู ดังนั้นคุณนายน่าจะมาแอบดูเขาอยู่บ้างเหมือนนางเอกมิวสิคแอบมองพระเอกตากฝนยืนรอหน้าบ้านล่ะน่า ท้ายสุด ด้วยความอ่อนเพลียจากเหตุการณ์มากมายเกินนับได้ภายในระยะสั้นๆ ทำให้เขาผล็อยหลับลงตรงใต้เสาไฟฟ้าหน้าคฤหาสน์หลังมหึมานั่นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++

TBC


หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 09-06-2008 14:58:40
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 3 - ขั้นแรก ~

“ฮัดเช้ย!” จินดนัยจามรับอรุณและยังช่วยปลุกตัวเองอีกด้วย การขยับตัวกะทันหันของเขาทำให้หมาจรจัดที่นอนขดอยู่ข้างกายกระโดดวิ่งหนีหายไป ...มิน่า ว่าตอนเช้ามืดไม่ค่อยหนาวเท่าตอนดึกๆ สงสัยเจ้าตูบตัวนั้นคงเพิ่งมานอนแบ่งปันไออุ่นกับเขานี่เอง “พร้อยเลยแฮะ แล้วนี่หน้าตูจะเหลืออะไรนี่ ยิ่งหล่อๆ อยู่ด้วย เวรเอ๊ย”

บ่นพลาง เกาตุ่มแดงจากการถูกยุงกัดตามมือตามแขนไปพลาง อ้าปากหาวหวอดแล้วท้องก็ร้องดังโครกครากครวญครางโหยหวน “เออๆ รู้แล้ว ขอเวลาเดี๋ยวสิฟะ”

ชะเง้อดูจนแน่ใจว่าคงไม่มีคนในคฤหาสน์ออกมาดูใจเขาตอนนี้ จึงลุกโผเผออกไปหาซื้อข้าวมาประทังชีวิต เลือกได้ร้านข้าวราดแกงที่เปิดขายอยู่ไม่ไกลจากหน้าปากซอยและเอ่ยปากอ้อนแม่ค้าว่าขอข้าวเยอะๆ กับน้อยหน่อยไม่เป็นไร ถึงจะหิวแสบท้องแค่ไหนก็ต้องอดใจกินเพียงแค่ครึ่งเดียวแล้วลุกกระมิดกระเมี้ยนไปขอถุงใส่ที่เหลือ แม่ค้ามองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วตักข้าวใส่กล่องให้ใหม่จนเต็มพร้อมด้วยกับข้าวโปะหน้าอีกสองสามอย่าง “เอ้า เก็บนี่ไว้กินซะ แล้วหนูก็กลับไปกินที่เหลือนั่นให้อิ่มเถอะ”

“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ” เหมือนเพิ่งได้ยินเสียงนกหวีดออกสตาร์ท จินดนัยวิ่งกลับไปฟาดอาหารที่เหลืออยู่ในจานจนเกลี้ยงฉาดชนิดไม่เหลือข้าวติดจานแม้แต่เม็ดเดียว กินน้ำเปล่าหมดแก้วแล้วเขาจึงไหว้แม่ค้าใจบุญอีกรอบก่อนจะรีบวิ่งกลับไปทำคะแนนสงสารตรงจุดเดิม แต่รอจนตะวันโด่ง หมุนตามเงาผอมๆ ของเสาไฟฟ้าหลบแดดจนเงาสั้นจู๋แทบไม่เหลือพอให้หลบ ภายในรั้วก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว จะมีก็แต่สาวใช้รุ่นๆ คนหนึ่งเดินคล้องตะกร้าจ่ายตลาดเดินกางร่มโดยพยายามเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุดออกไปเท่านั้น

ไม่มีสิ่งใดคืบหน้าขนาดนี้ จินดนัยยังเพียรหาเหตุผลเข้าข้างตนได้ว่าถ้าคนในบ้านรำคาญเขาจริงก็น่าจะเรียกตำรวจมาลากคอเขาไปนานแล้ว คงไม่รอให้เขานั่งตากแดดเป็นคางคกตากแห้งแบบนี้หรอก กลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคอจนไม่เหลืออะไรให้กลืน เขาจำต้องเจียดเงินก้อนสุดท้ายซื้อน้ำดื่มมาเพราะกลัวว่าจะแห้งตายก่อนได้แก้แค้น เมื่อนับเศษเหรียญไม่กี่เหรียญในมือแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อวานน่าจะรับเงินจากลุงมาเสียก็ดี

จนตกเย็นนั่นล่ะ ลุงคนเดิมจึงได้โผล่หน้ามาให้เห็นพร้อมสายจูงเจ้าลูกหมาจอมซนที่โผเข้าเลียหน้าเลียตาเขาเป็นการใหญ่ “เฮ้ย พอแล้ว คนยิ่งสกปรกๆ อยู่จะมาเลียให้มันยิ่งเหม็นทำม้ายยย” ปากว่าแต่เขาก็กอดเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน ...ทั้งนิ่ม ทั้งอุ่น ทั้งอวบอั๋น ท่าจะอร่อย

“ทำไมต้องทำขนาดนี้วะไอ้หนู บ้านนี้ไม่รับ ทำไมไม่ไปบ้านอื่น คงพอมีสักที่หรอกน่าที่เขายอมรับเอ็งไว้ทำงาน อย่ามานั่งทรมานตัวเองแบบนี้เลย ลุงกลัวว่าเอ็งจะตายเสียก่อนจะได้งานทำน่ะสิ” กล่าวจบ ลุงก็ออกแรงลากหมาน้อยที่ทำท่าไม่เต็มใจจากไป เขาไม่ได้กะเวลาเพื่อแสดงความน่าสงสารหรอกนะ แต่ลุงกับเจ้าตูบก็กลับมาพอดีทันเห็นเขากินข้าวครึ่งกล่องและเก็บที่เหลืออีกครึ่งไว้ ครั้งนี้แกไม่ได้พูดอะไรนอกจากส่ายหน้า

พอเริ่มสิ้นแสงพระอาทิตย์ ยุงฝูงเดิมก็เริ่มออกหากินแถมพาสมัครพรรคพวกเยอะกว่าเมื่อวาน พากันบินรี่เข้าหาอาหารมื้อใหญ่ที่กำลังตบปัดให้ยุ่งวุ่นวายกับสีหน้าบิดเบ้เหยเก ...ฮือ คันโว้ย จะกัดอะไรกันนักกันหนาวะ เมื่อวานยังไม่อิ่มอีกหรือไง ฮือ ไอ้แสงเหนือ เพราะมันแท้ๆ เขาถึงต้องมานั่งทำตัวเป็นเด็กอนาถาริมถนนแบบนี้ คอยดูนะ เขาจะจ้องดูวินาทีที่มันตายโดยไม่ยอมพลาดสักช็อต จะหัวเราะใส่หน้าตอนมันสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย จะกระซิบบอกมันว่าที่จริงเขาเป็นใครและมันต้องตายเพราะอะไร ถึงจะไม่แน่ใจเรื่องเงื่อนไขก็เถอะ ถ้าไม่ได้บอกความจริงให้มันแค้นจนกระอักเลือดตอนใกล้ตาย เขาคงเสียดายแย่

“ไอ้หนู! ไอ้หนู!” ราวกับสวรรค์จะตอบรับความปรารถนา ลุงวิ่งยิ้มบานเต็มหน้ามาหา คว้าแขนไว้ก่อนเขาจะทันคว้าถุงข้าวทัน อารามที่ทนุถนอมมาเกือบทั้งวันทำให้เขาห่วงมันจับใจ “เดี๋ยว ขอผมหยิบกล่องข้าวก่อน”

ลุงรีบก้มลงคว้าไปถือไว้เองพร้อมอธิบายให้ฟังขณะลากเขาเดินเข้าไปข้างใน “คุณนายท่านจะลองให้เอ็งทำงานดูสักพัก นี่ท่านให้ลุงพาเอ็งมาอาบน้ำกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปพบคุณนายกับคุณเหนือ หึ ไม่เสียแรงที่ข้าอุตส่าห์วิ่งรอกรายงานตลอดวัน ในที่สุดคุณนายท่านก็ใจอ่อนจนได้”

ห้องที่เขาถูกพาตัวมาคงเป็นห้องของลุงเอง ดูท่าจากการหยิบฉวยผ้าผ่อนส่งให้เขาคล่องแคล่วและรุนหลังเข้าห้องอาบน้ำที่แม้จะเล็กแคบแต่สะอาดสะอ้าน จินดนัยรีบอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดเอี่ยม สวมชุดใหม่ที่ได้รับเอื้อเฟื้อมา แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเก่าๆ แต่ส่งผลให้เขารู้สึกเหมือนเพิ่งตายแล้วเกิดใหม่อีกรอบ

แม้ว่าเขาจะกินข้าวเย็นไปแล้ว แต่เมื่อมาเห็นข้าวอุ่นๆ กับน้ำแกงร้อนๆ ก็ทำให้เขากินแบบลืมตัว ซัดจนเกลี้ยงฉาดแล้วนั่นล่ะ ถึงเพิ่งเห็นเจ้าริชชี่ควบปุเลงมาตะกายขาเขาเป็นการใหญ่เป็นเชิงขอของกิน ไม่สนใจเสียงดุไล่ของลุงสักนิด ไอ้เขาเองก็เผลอสั่งให้มันนั่งปุและขอมือแล้วถึงเพิ่งนึกออก “อ้าว มาช้ากินหมดไปแล้วนี่ อะ เหลือนี่นี่หว่า”

เปิดกล่องข้าวที่อุตส่าห์หอบหิ้วติดมาส่งให้ เจ้าลูกหมาไม่รักดีกลับแค่ดมๆ แล้วเบือนหน้าหนี เฮ้ย มันจะมากไปแล้วเฟ้ย “นี่เป็นข้าวที่ฉันอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบไว้เชียวนะ ดันมาเมินใส่ เดี๋ยวปั๊ด...จะโดน”
“ตีไม่ได้นะเว้ย ริชชี่มันหมาของคุณเหนือ คือ...มันก็ยังเป็นหมาของคุณเหนือน่ะนะ ต่อให้คนซื้อมาจะเป็นคุณนาย คนเลี้ยงจะเป็นพวกคนใช้ คุณเหนือเคยลูบหัวมันเล่นไม่กี่ที แต่มันก็ยังเป็นหมาของคุณเขา ห้ามตีโว้ย” ฟังแล้วให้สงสารเจ้าริชชี่ เข้าทำนองพ่อแม่รังแกฉันชัดๆ เกิดเป็นหมายังโดนเลี้ยงแบบสปอยล์จนได้ “อิ่มแล้วก็รีบไปเฝ้าคุณๆ ดีกว่า”

ระหว่างนั้น คุณลุงใจดีแนะนำตัวเองว่าชื่อโต เป็นทั้งคนขับรถและคอยรับใช้เจ้านายตาบอดยามต้องออกไปข้างนอก คุณนายซึ่งเป็นแม่ของแสงเหนือชื่อคุณรตี ส่วนคุณผู้ชายพ่อของแสงเหนือ คุณเตโชนั้นทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ นานๆ ทีจึงจะได้กลับมาเยี่ยมครอบครัว

ภายในคฤหาสน์มีการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม แม้จะไม่หรูหราหากก็ไม่จืดเรียบ ห้องที่ลุงพาเขามาถูกตกแต่งไว้คล้ายกับเป็นห้องนั่งเล่นด้วยโซฟาชุดใหญ่น่านั่ง มีทั้งโทรทัศน์จอยักษ์และเครื่องเสียงที่ในเวลานี้กำลังเล่นเพลงคลออยู่เบาๆ จากห้องนี้สามารถมองออกไปเห็นสวนภายนอกที่ได้รับการดูแลอย่างดี มีการเปิดไฟดวงเล็กๆ ไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อไม่ให้มืดจนเกินไปอีกด้วย หัวใจจินดนัยเต้นตูมตามเมื่อลุงพาเขาเข้าไปใกล้โซฟาที่เจ้าของบ้านกำลังนั่งอยู่พร้อมกับลูกชาย

แม้จะไม่อยากลงคลานสักนิด แต่เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงยอมคลานเข่าออกไปนั่งข้างๆ โซฟาแล้วยกมือไหว้สตรีคนที่เห็นเมื่อวาน “มาแล้วหรือ อืม อาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยดูได้หน่อย เมื่อวานนี้มอมอย่างกับอะไร”

ไม่รู้จะตอบเช่นไรดี เขาจึงได้แต่ยิ้มตอบ ยิ้มตาใสแบบเดียวกับที่เพื่อนชอบชมว่าเขาแจกยิ้มหวานระดับเหรียญทองเวลาอยากได้อะไร พูดง่ายๆ ก็คือยิ้มได้ตอแหลตลบแตลงมาก มาครานี้ แม่ของแสงเหนือก็อดยิ้มตอบไม่ได้เช่นกัน “หน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนกันนี่เรา โดยเฉพาะตอนยิ้ม ยิ้มหวานอย่างกับสาวๆ เชียว มิน่าล่ะ เจ้าพ่อเลี้ยงถึงได้จะปล้ำเอา”

รอยยิ้มหุบลงทันควันและเป็นครั้งแรกที่เขาเพิ่งเห็นการเคลื่อนไหวจากเจ้าอีกคนในห้อง แสงเหนือหลุดเสียงหัวเราะหึทำเอาเขาตวัดตาค้อนขวับ ...ถึงจะเป็นแค่เรื่องแต่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องตลกนะโว้ย

“ตาเหนือ” คุณรตีคงคิดเช่นกันว่าไม่ใช่เรื่องน่าขันแต่ไม่ได้เอ่ยตำหนิลูกชายอันใด นอกจากพยายามชวนคุยต่อ “ว่าแต่เราน่ะชื่ออะไร อายุเท่าไหร่แล้ว”

“จิน...อ้า ผมชื่อเล่นชื่อจินครับ” เกือบหลุดปากบอกชื่อจริงไปแล้ว มีเวลานั่งตบยุงอยู่ตั้งสองวันเต็มๆ ดันไม่ยอมคิดชื่อปลอมไว้ มันน่าเตะตัวเองให้หายแค้น “ชื่อจริง...จิรายุส อายุ...สิบเจ็ด ใกล้จะสิบแปดแล้วครับ” มัวแต่ขอยืมชื่อเพื่อนมาใช้พร้อมบวกลบคูณหารยกกำลังอายุในใจให้วุ่น เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนขึ้นแวบหนึ่งของชายหนุ่มอีกคนทันทีที่ได้ยินคำแรกซึ่งเขาเผลอหลุดปากออกไป

“สิบเจ็ดจริงหรือนี่ ทำไมถึงได้ตัวเล็กขนาดนี้ล่ะ” คุณรตีกล่าวคล้ายเปรย หากจินดนัยร้อนตัวรีบเอ่ยเร็ว “ถึงจะผอมไปนิดแต่ผมแข็งแรงนะครับ งานบ้านจะหนักจะเบา ผมก็ทำได้หมดไม่มีเกี่ยง คุณนายกรุณาให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะครับ ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง หรือถ้าท่านไม่พอใจหลังเห็นการทำงานของผมแล้วท่านค่อยไล่ผมออกตอนนั้นก็ได้นี่ครับ”

“พูดจามีเหตุผลนี่เรา เรียนหนังสือหนังหามาด้วยหรือ” มุสาวาทาเวระมนีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ หากจะมีผลกรรมใดๆ อันเกิดแก่การนี้ขอให้ไปลงที่แสงเหนือแทนนะครับ สาธุ “ผมจบประถมจากโรงเรียนแถวบ้านครับ แต่หลังจากนั้นต้องออกมาช่วยงานแม่”

คำตอบของเขาคงพอสร้างความไว้ใจได้บ้างล่ะ คุณรตีจึงเริ่มกล่าวด้วยท่าทางเอาการเอางาน “ตกลงว่าฉันจะลองให้เธอทำงานดูก่อนก็แล้วกัน หน้าที่หลักๆ ก็คือการรับใช้ตาเหนือ คอยดูแลเรื่องทั่วๆ ไปอย่างจัดเตรียมเสื้อผ้าแล้วก็ตอนกินข้าว คอยติดตามเวลาไปไหนมาไหนอย่างเดินออกกำลังกายตอนเช้า นอกเหนือจากนี้อาจจะต้องคอยช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่ส่วนใหญ่หน้าที่พวกนี้จะมีเด็กคนอื่นทำอยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสล่ะนะ ไม่มีอะไรมาก”

ตลอดเวลาที่คุณรตีอธิบายงานและเรื่องเงินเดือนให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ คุณชายของบ้านไม่ได้ออกความคิดเห็นอันใดนอกจากนั่งฟังเงียบๆ ด้วยสีหน้าติดจะบึ้งตึง ซึ่งเมื่ออธิบายจบ เจ้าของบ้านก็หันไปกล่าวราตรีสวัสดิ์กับลูกชายเตรียมตัวขึ้นไปนอน ก่อนที่ลุงโตจะค่อยๆ เคลื่อนเข้ามากระซิบ “งั้นลุงไปก่อนล่ะนะ เอ็งก็อยู่รับใช้คุณเหนือท่านนี่ล่ะ รอจนส่งท่านขึ้นห้องนอนแล้วค่อยไปหาลุงที่ห้อง คืนนี้ลุงจะให้เอ็งนอนด้วยไปก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยปัดกวาดห้องว่างให้เอ็งนอนก็แล้วกัน”

“อ้าว ลุงอย่าเพิ่งทิ้งผมสิ” พอบทจะได้อยู่กับเหยื่อตามลำพัง เขากลับเริ่มงอแง “รอผมก่อนไม่ได้เหรอ ให้ผมอยู่คนเดียวได้ไง”

“แล้วไอ้ที่นั่งอยู่นี่มันไม่ใช่คนหรือไง หรือนายไม่นับคนตาบอดว่าเป็นคน” เสียงทุ้มเอ่ยพูดเป็นครั้งแรก ความหมายก็ทำเอาคนฟังกระอักเสียแล้ว “กลับไปก่อนเถอะ ลุงโต ถ้าเจ้าเด็กใหม่มันไม่ยอมอยู่กับผมตามลำพัง ก็ควรเตรียมตัวหางานใหม่ได้แล้ว”

เขาโดนลุงโตตบกบาลเบาๆ ทีหนึ่งก่อนที่แกจะรีบรุดจากไป ทิ้งให้จินดนัยลูบหัวตรงที่โดนตบป้อย จ้องแสงเหนืออย่างแค้นๆ และแทบสะดุ้งเมื่อฝ่ายนั้นกล่าวว่า “ไม่ต้องมาโทษฉัน เพราะมันเป็นเรื่องจริง”

แสงเหนือตาบอดแน่เหรอ หรือว่ามองเห็นแบบลางๆ สรุปว่าไงล่ะนี่ เริ่มขนลุกแล้วนะ “ใคร...ใครบอกว่าผมโทษคุณ”

หัวเราะหึอย่างที่เขาเกลียดแทนคำตอบแล้วแสงเหนือก็นั่งฟังเพลงต่อเงียบๆ ทิ้งให้เขาหาวหวอดๆ หมดอารมณ์เริ่มดำเนินการแผนฆาตกรรม เมื่อคืนก็นอนไปได้นิดเดียวเพราะหลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอด พอมาเจอเพลงเพราะๆ อากาศเย็นๆ เข้าหนังตาก็เริ่มถ่วงหนักจนจะลืมไม่ขึ้นอยู่มะรอมมะร่อ จินดนัยโงกหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้กว่าที่เจ้านายคนใหม่ศัตรูคนเก่าของเขาจะขยับลุก

“จะขึ้นห้องนอนแล้วหรือครับ มา ผมช่วย” เขาถลันลุกด้วยความดีใจที่จะได้ไปนอนผสมกับความห่วงใยผู้พิการทางสายตาอย่างอดไม่ได้ ดังนั้นเมื่อโดนตวาดกลับจึงเริ่มกลับไปสู่อารมณ์โกรธแค้นตามเดิม

“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้ นายแค่เดินตามหลังก็พอ”อะไร ทีลุงโตแทบจะอุ้มลงจากรถไม่เห็นว่า ทีเขาจะช่วยนิดช่วยหน่อยกลับไล่ตะเพิด ทำอย่างกับพวกแมวจรจัดกลัวคนแปลกหน้าจะมาทำร้ายงั้นล่ะ งั้นเชิญนายคลำทางคืบคลานไปตามสบายเลย เขาจะตามหลังห่างสักสิบเมตรแล้วกัน ดีเสียอีก เผื่อกลิ้งตกบันไดคอหักตายจะได้จบๆ เรื่อง

แม้จะใช้เวลานานกว่าแสงเหนือจะไปถึงบันได แต่ชายหนุ่มก็พอจะเดินเองได้จริงๆ มือใหญ่จับราวบันไดขณะเดินขึ้นสู่ชั้นบน เขาสังเกตว่าแสงเหนือจะพยายามยกเท้าให้สูงแล้วค่อยๆ หย่อนลงบนขั้นบันไดทีละขั้นทีละขั้น จินดนัยจึงต้องจับตาดูด้วยความระมัดระวังตามไปด้วย จนถึงชั้นบน เขาเดินตามแสงเหนือไปจนถึงห้องห้องหนึ่ง ภายในห้องค่อนข้างโล่ง มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น

“มัวแต่เหม่ออะไร หยิบชุดนอนเตรียมให้ฉันสิ ในตู้เสื้อผ้านั่นล่ะ” สั่งเสียงห้วนแล้วเจ้าตัวก็ใช้ไม้เท้าคลำทางไปยังห้องน้ำ เมื่อจินดนัยรื้อชุดนอนมาได้ชุดหนึ่งอย่างกระแทกกระทั้นจึงค่อยเดินลงส้นตามเข้าไป

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากอ่างล้างหน้า เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นดวงตาใต้คิ้วเข้มคู่นั้นชัดๆ มันยังดูเหมือนดวงตาของคนปกติเกือบทุกอย่าง หากลูกตาดำสนิทเหมือนลูกปัดกลับไม่ขยับไหวและนิ่งค้างเช่นนั้น มันดูเหมือน...ตาของปลาตายก็ว่าได้ “วางไว้ตรงชั้นแล้วกลับไปได้ ฉันขี้เกียจฟังเสียงนายหาวเต็มทน อ้อ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยขึ้นมาตอนฉันกดออดเรียกล่ะ”

ยามที่จินดนัยนอนกลิ้งอยู่บนพื้นข้างเตียงของลุงโตในคืนเดียวกันนั้น เขาก็คิดถึงเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง และอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมสวรรค์ถึงได้ให้โอกาสเขา เฉพาะเขาหรือเปล่าที่ได้รับข้อเสนอแปลกประหลาดอันนี้ สวรรค์บอกให้เขาฆ่าคน เทวดาที่มองความตายของเขาเป็นแค่เรื่องตลก ร่างใหม่กับวิญญาณดวงเดิม ถ้าถึงเวลาที่เขาทำสำเร็จ แม่ของแสงเหนือจะเป็นยังไงบ้างนะ

รีบสลัดหัวทิ้งความคิดดังกล่าว คนที่เขาควรจะห่วงคือแม่ของเขาต่างหาก แม่คงต้องเศร้าเสียใจตอนเขาตายมากทีเดียว เพราะพวกเขามีกันสองคนแม่ลูกมาตลอด แม้ตัวเขาจะเพิ่งผ่านพ้นเวลาแห่งความตายของตนเองมาได้ไม่กี่วัน แต่เมื่อคิดถึงสภาพของผู้เป็นแม่แล้ว น้ำตาก็เริ่มไหลเมื่อต้องคิดว่าแม่ต้องผ่านช่วงเวลานานนับปีมาด้วยความรู้สึกเช่นไร

คอยผมอีกนิดนะครับ ผมสัญญาว่าจะต้องกลับไปหาแม่ให้ได้...

++++++++++

“ไอ้หนู ตื่นโว้ย! ตื่น!” จินดนัยอืออารับคำแต่ไม่ยอมลืมตา “ตายห่ะ ป่านนี้แล้วมันยังนอนตูดโด่งอยู่อีก คุณเหนือกดออดมือหักไปแล้วมั้ง อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ รีบไปอาบน้ำแปรงฟัน จะได้รีบไปขึ้นตึกใหญ่เร็วเข้า”

ลืมตาโพลงตั้งแต่ได้ยินคำว่าตายแล้ว คนมันไวกับคำนี้มากเป็นพิเศษก็งี้ล่ะ เขาสามารถอาบน้ำแต่งตัวแล้ววิ่งหน้าเริ่ดมาถึงตึกใหญ่ได้ภายในเวลาห้านาทีและเป็นเวลาเดียวกับที่ได้ยินเสียงออดจากที่ไหนสักแห่งดัง

กระหืดกระหอบโผล่หน้าเข้าไปในห้องเดิม ยังไม่ทันได้หยุดพักหายใจ เสียงเรียบๆ ของคนที่ดูเหมือนจะตื่นนานแล้วก็ลอยมา “ฉันกดออดเรียกนายเป็นครั้งที่สิบพอดี กะว่าถ้าครั้งนี้ยังไม่มาคงต้องหมดช่วงทดลองงานเสียที”

ร่างสูงลุกจากเตียง ตรงเข้าห้องน้ำโดยไม่รอฟังคำตอบหรือคำแก้ตัว จินดนัยรีบจัดเสื้อผ้าและวิ่งตามไปวางให้ก่อนแทรกตัวออกมา ขาเดินเรื่อยๆ มือก็แตะโน่นดูนี่ บนโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่มีหนังสือวางอยู่สองสามเล่มกับกรอบรูป ...ดูจากเนคไท ภาพนี้คงถ่ายตอนแสงเหนือตอนเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ชายหนุ่มกอดเอวมารดา ใบหน้าขาวกดคางแนบกับหน้าผากคุณรตี รอยยิ้มเริงร่าแผ่ไปถึงดวงตาพราวระยับใต้คิ้วเข้ม ในดวงตาจินดนัยสะท้อนภาพชายหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความสุขสมหวัง แสงเหนือจะเคยนึกสงสัยบ้างไหมว่าต้องมีวันที่ตนสูญเสียสิ่งเหล่านั้น แน่ล่ะว่าคนอย่างหมอนั่นคงไม่เคยคิด ตามประสาลูกคนรวยไม่เคยทุกข์ร้อนเรื่องใดนี่ล่ะ พอถึงเวลาที่ต้องลำบากขึ้นมา ถึงได้ท้อแท้เบื่อหน่ายชีวิต พาลคิดว่าตัวเองมีความทุกข์มากที่สุดในโลก

ทีแรก จินดนัยคิดว่าน่าจะหาวิธีฆ่าแสงเหนือให้ดูเหมือนอุบัติเหตุหรือไม่ก็จะพยายามยุยงให้ฆ่าตัวตาย แต่ถ้าแสงเหนือคิดอยากตายอยู่แล้วล่ะ ไม่มั้ง แค่ตาบอดแต่ยังมีลมหายใจ เขานี่สิ ควรจะไม่มีลมหายใจแล้วแต่ยังไม่อยากตายเลย

รอจนเสียงอาบน้ำหยุดลง เสียงตะโกนอันเริ่มจะคุ้นหูก็ดังอีกครั้ง “ไอ้หนู!” เรียกใครไอ้หนู... เริ่มหงุดหงิดจนเกือบจะตะคอกย้อนไปแล้วหากไม่เห็นใบหน้าขาวที่เริ่มมีรอยเคราเขียวๆ ขึ้นบูดบึ้งแฝงแววรำคาญยิ่งกว่าเดิม “ชักช้าอะไร เตรียมโกนหนวดให้ฉันสิ!”

ไม่บอกตูจะรู้ไหม ส่ายหน้าระอาแต่ก็ยอมเข้าไปจัดการบีบครีมโกนหนวดถูรอบๆ คางแถวรอยเขียวๆ คว้ามีดโกนมาพิจารณาความคม นึกชั่งใจว่ามีดโกนแบบนี้ปาดไปก็คงไม่ตาย คาดว่าคงนิ่งเงียบไปนานเสียจนเจ้าคนอารมณ์ร้อนชักสีหน้า “โกนหนวดเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่เป็นก็ลาออกไปเลย ไร้ประโยชน์ เสียเวลาชะมัด”

จินดนัยไม่ได้ตอบเป็นคำพูดแต่ลงมือลากใบมีดไปตามคางจนเสร็จ คนพื้นเสียยังชักหน้าตึงไม่เลิกระหว่างทาอาฟเตอร์เชฟให้ เขาก็อดปากไม่ได้ “นอนตกหมอนเหรอครับ”

“อะไร” เสียงรวนชวนหาเรื่องย้อนทันควัน หน้าที่บูดอยู่แล้วยิ่งบูดหนักขึ้นอีก “ก็เห็นคุณทำหน้า...ขนาดนี้ ผมเลยคิดว่าคุณนอนตกหมอน คอเคล็ด หงุดหงิด งุ่นง่าน...”

ผ้าเช็ดตัวในมือฝ่ายนั้นถูกปาทิ้งลงกับพื้นก่อนเขาจะทันพูดจบ “แล้วเธอคิดว่าฉันควรตื่นมาด้วยรอยยิ้มสดชื่น...ให้ยิ้มรับแสงตะวันที่มองไม่เห็น! เรียกหาใครก็ไม่มีใครขานรับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในบ้านยังมีคนอื่นอยู่นอกจากฉันหรือเปล่า ตื่นแล้วก็เหมือนไม่ตื่น มองหาใครก็ไม่เห็น ได้แต่นอนรอ...เน่าตายอยู่บนเตียง!”

เขารู้ตัวว่าตนก็พูดเกินไป แต่หมอนี่มันเกินยิ่งกว่าเขาไปอีกเยอะ ก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวให้แล้วค่อยเอ่ยเบา “ผมขอโทษ ผมไม่ควรลามปามคุณแสงเหนือแบบนี้ ...ขอโทษจริงๆ ครับ”

แสงเหนือไม่ได้พูดอะไร เขาเลยเลี่ยงมานั่งรอชายหนุ่มแต่งตัวด้านนอก ไม่นานนักฝ่ายนั้นก็ออกมา เขานั่งมองร่างสูงหมุนตัวรีรอคล้ายไม่แน่ใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจทำหน้าที่ลูกจ้างที่ดี “วันหลังผมจะมานั่งรอตั้งแต่เช้าเลยครับ ไม่ให้คุณแสงเหนือเสียเวลาคอยอีก”

นิ่งเงียบไม่ตอบคำ หูย แสนงอนจริงนะเธอ “...ยังอยู่อีกเหรอ”

“อ้าว ก็อยู่สิคุณ คุณเหนือยังไม่ได้สั่งให้ผมไปไม่ใช่เหรอ แค่ออกมารอนอกห้องน้ำเอง หรือว่าอยากให้ผมยืนเฝ้าตอนคุณแต่งตัวด้วย” สีหน้าคนโดนกระทบกระเทียบไม่ได้บูดบึ้งอีกต่อไป หากออกแนวกวนบาทาแทน

“พูดได้ปกติแล้วสิ” ฟังแล้วงง ...ก็พูดแบบนี้มาตั้งแต่เกิด แปลกตรงไหน “เห็นพูดจาขอโทษเสียเรียบร้อยเลยไม่แน่ใจ คิดว่าแม่ไปรับเด็กใหม่ที่ไหนนอกจากนายมาอีกหรือเปล่า ...น่าเสียดาย”
เสียดายที่เขายังอยู่ล่ะสิ ไม่ต้องห่วง เขาจะอยู่ที่นี่จนมันตายนั่นล่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++

TBC

ป๋อล๋อ....เรื่องนี้มีถึงตอนที่ 12 แล้ว จะทยอยโพสให้วันละ 3 ตอนนะคร๊าบบบบบ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆ คอมเมนท์  :pig4:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: kwa ที่ 09-06-2008 15:03:50
ตามมาเป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2: :L2:

เจ้าจินมันต๊องได้ใจจริงๆ อิอิ :m32: :m32:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 09-06-2008 15:05:48
ว๊ายมาไม่ทันน้องkazu ซะแล้วเรา
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-06-2008 16:04:39
หุหุ เห็นชื่อคนแต่งก็รีบเข้ามาอย่างด่วน แต่ยังไม่มีเวลาอ่านเลย  o7 o7 o7
เดี๋ยวตามอ่านนะคร้าบบบ   :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-06-2008 16:07:43
เรื่องใหม่ๆๆ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดด


จินสู้ๆ :oni2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: re_rain ที่ 09-06-2008 16:19:41
อะจ๊าก จุ๊บๆ  :o8:ด้วยDDจากสวรรค์ มาสถิตบอร์ด
ติดตามมาเป็นเงาแบบอาชีพเสริม 
เมื่อก่อนทำเป็นอาชีพหลัก :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 09-06-2008 16:52:03
 :mc4: เจิมเรื่องใหม่ด้วยคนจิ.... :mc4:
ไปแร่ะ :a4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Taurus ที่ 09-06-2008 18:15:57
 :mc4: :mc4: :mc4:  ต้อนรับเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 09-06-2008 19:23:09
 :m32: :m32: :m32:


หึหึ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 09-06-2008 21:16:58
เจ้าจินมันติงต๊องจริงๆ แต่ก็ต๊องน่ารักอะนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 10-06-2008 13:26:35
ขอบคุณทุกเมนท์ด้านบนนะคร๊าบบบบบ  o13

~ ด้วยรักจากสวรรค์ 4 - ใครว่าผมใจอ่อน ~

ภารกิจหลักของเขาในแต่ละวันคือการเดินตามหลังบ้าง ตามข้างๆ บ้าง เยื้องหน้าโย้หลังวนเวียนอยู่รอบๆ เหมือนวิถีโคจรของดวงจันทร์ พยายามจดบันทึกกิจกรรมของแสงเหนือไว้เพื่อวางแผนลวงไปฆ่าเหมาะๆ แต่ดูจะค่อนข้างยาก ก็เล่นไม่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ไม่ชอบเดินเล่น ไม่ชอบไปไหนมาไหน ส่วนเวลาจะออกไปข้างนอกแต่ละทีก็ต้องมีคนอื่นร่วมทางด้วย แผนจะหลอกให้มันตกคลองจมน้ำตายนี่ท่าจะลำบาก เพราะแม้เวลาที่คุณรตีต้องออกไปดูงานที่บริษัท เขาก็จะมีแม่สาวน้อยคนรับใช้คนอื่นคอยเดินวนเวียนเมียงมองตลอด ดูท่าคงจะได้รับคำสั่งจากคุณรตีให้คอยดูลูกชายให้ดีๆ ราวกับกลัวแสงเหนือจะกัดเชือกขาด สลัดปลอกคอแล้ววิ่งหนีเตลิดหายขึ้นเขาไปก็ไม่ปาน

ส่วนนิสัยส่วนตัวแสงเหนือก็อย่างที่เคยรู้ หงุดหงิด โมโหร้าย แต่ยังดีที่หายเร็ว จะว่าไปก็ไม่ควรเรียกว่าหายโกรธหรอกกับอาการคล้ายหอยหลบเข้าใต้เปลือกแบบนั้น วินาทีหนึ่งแสงเหนืออาจตวาดกราดเกรี้ยว แต่วินาทีต่อมากลับนิ่งเงียบเสียจนเขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันเหมือน...พายุทอร์นาโด วินาทีก่อนหน้ามันอาจพัดกระชากตั้งท่าจะถล่มโลกให้เป็นผุยผง แต่แค่ลืมตามาอีกที เจ้าพายุลูกร้ายกลับหายจ้อยไปในอากาศ เขาเลยสรุปได้ว่าแสงเหนือมีอยู่สองแค่ประเภท อย่างแรกคือร้ายกาจ ต้องรีบหลบให้พ้นทาง กับอีกอย่างคือปิดตัวเองและ...สิ้นหวัง

แสงเหนือไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของเขา โลกของชายหนุ่มดูจะหมุนเป็นวงแคบๆ อยู่แค่รอบตัวเองเท่านั้น แสงเหนือไม่สน ไม่แคร์ความรู้สึกของใครนอกจากตัวเอง ไม่เคยกล่าวขอบคุณหรือขอโทษใคร แม้แต่คุณรตีที่พยายามเสาะหาของกินดีๆ อร่อยๆ มาให้ เจ้าลูกชายบังเกิดเกล้ากลับกินแค่แกนๆ โดยเฉพาะยาหรือวิตามินบำรุงดีๆ ให้ไปเท่าไหร่ แสงเหนือปาทิ้งหมด

มันคิดว่ามันเป็นพระเจ้าหรือไง

“แต่ก่อนคุณเหนือไม่ได้เป็นคนแบบนี้หรอก” ลุงโตเอ่ยคล้ายรำพึงยามเขาเอ่ยข้อสงสัยดังกล่าวในคำวันหนึ่ง หลังเสร็จภารกิจตามติดท่านชาย เขาถือโอกาสมานอนเอกเขนกอาศัยดูโทรทัศน์ในห้องลุงโตแทนที่จะไปนอนเหงาอยู่คนเดียวในห้องส่วนตัว “ตั้งแต่เกิดเรื่องอุบัติเหตุนั่นล่ะ คุณเหนือก็เปลี่ยนไป ทำให้บ้านหลังนี้พลอยเปลี่ยนไปด้วย คุณนายพยายามหาทางรักษาคุณเหนือทุกทางแล้วก็...ยอมตามใจคุณเหนือมากเกินไป เอ็งก็คงรู้ใช่ไหมว่าการตามใจคนไข้มากเกินไปน่ะ มันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง พาลให้คนไข้ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองป่วยหนัก พาลว่าโรงพยาบาลไหนๆ ก็ไม่ดีพอ หมอก็ไม่ได้เรื่องสักคน คุณนายกับคุณท่านเริ่มมีปากมีเสียงเรื่องวิธีการรักษาคุณเหนือนี่ล่ะ”

“พวกเขาแค่อยากรักษาให้ลูกชายหายเหมือนกันนี่นา ทำไมต้องทะเลาะกันด้วยล่ะลุง” เขาลงนอนกลิ้งเกลือก ตาดูละครในจอโทรทัศน์ หูก็ฟังข้อมูล

“คุณท่านอยากเอาตัวคุณเหนือไปรักษาที่เมืองนอก ท่านคงอยากให้คุณเหนือไปไกลๆ จากที่นี่ด้วยมั้ง จิตใจจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง เอ็งรู้หรือเปล่าว่าคนที่โดนคุณเหนือขับรถชนตายนั่นน่ะ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของท่านเอง ถึงจะไม่ค่อยถูกกันไปบ้างแต่ก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี” ใครนับใครเป็นเพื่อนอย่างที่ลุงว่า ตั้งแต่เจอหน้าแสงเหนือครั้งแรกสมัยอนุบาล เขาก็จัดการแยกประเภทมันลงถังขยะมีพิษแยกเผาแล้ว

“มันเป็นอุบัติเหตุ ข้ารู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ดูเหมือนคนอื่นจะยังสงสัยกันไม่หาย ทั้งคนที่มหาวิทยาลัย ทั้งตำรวจที่สอบสวน โดยเฉพาะคนของฝ่ายโน้นยังฝังใจว่าคุณเหนือตั้งใจฆ่าลูกของเขา เอ็งเอ๊ย... สายตาของคนพวกนั้นทำให้บางทีข้าก็อดดีใจไม่ได้ที่คุณเหนือมองไม่เห็น ข้ายังจำวันที่พาคุณๆ ไปงานศพได้ ทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็น แผลก็ยังไม่หายดี คุณเหนือยังคลานเข้าไปกราบเท้าพ่อแม่ฝ่ายนั้น จนโดนคนเป็นพ่อยันออกมาเสียกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น คุณเหนือยังไม่พูดอะไรสักคำ”

ไม่สงสาร เขาต้องไม่สงสารแสงเหนือ มันยุติธรรมแล้วและยังอาจน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับชีวิตของเขา... จินดนัยย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือขยุ้มหมอนแน่นจนข้อนิ้วขาว

“ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณเหนือถึงไม่ยอมไปเมืองนอก ทำไมถึงไม่ยอมทิ้งเรื่องร้ายๆ ที่นี่ไปเริ่มต้นใหม่ แฟนคุณเหนือก็หายหัวจ้อยตั้งแต่ตอนเกิดเรื่อง ข้าเลยยิ่งไม่เข้าใจว่าคุณเหนือห่วงหรืออาลัยใครนักหนา” แฟนของแสงเหนือแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น หมอนั่นควงคนนั้น ทิ้งคนนี้ให้ทั่วไปหมด ไม่น่าแปลกที่พอเกิดเรื่อง ผู้หญิงเหล่านั้นต่างพากันชิ่งหนีทันที “หรือท่านอาจจะกลัวว่าต่อให้ไปแต่ก็ยังรักษาไม่หายก็ไม่รู้ ทีนี้ล่ะ พอคุณเหนือไม่ยอมไป คุณนายก็เข้าข้าง ทะเลาะกับคุณท่านเสียใหญ่โตแทบทุกครั้งที่คุณท่านกลับมา จนพักหลังๆ นี่คุณท่านคงเบื่อเต็มทนเลยไม่ค่อยกลับมาเยี่ยมสักเท่าไหร่”

ลุงโตถอนหายใจยืดยาว ขยับเอนตัวลงบนเตียงหลังเล็ก จมอยู่กับความคิดในหัวจนไม่ทันสังเกตความนิ่งเงียบของอีกคนในห้องที่ปกติมักจะพูดเสียน้ำไหลไฟดับ บางคืนฟังเสียงจ๋อยๆ พูดจนเผลอหลับไปเลยก็มี

“ข้าก็แค่อยากให้คุณเหนือกลับมาเป็นคนเดิม หรือต่อให้ตาจะรักษาไม่หาย แต่ขอแค่ให้ท่านมีความสุขมากกว่านี้อีกสักนิดก็ยังดี”

เวลานี้ ถึงตาจะดูแต่ก็ไม่รับรู้ความหมายของภาพในจอเสียแล้ว ในสมองของจินดนัยยังสับสนเต็มไปด้วยคำบอกเล่าที่ได้ยิน ...แสงเหนือจะมีความสุขไม่ได้ เจ้านั่นจะต้องตายเพื่อให้เขามีชีวิตรอดต่อไปแทน แม้แต่สวรรค์ยังเห็นใจให้โอกาสเขา แม่ของเขาต่างหากที่สมควรจะได้กอดลูก ส่วนลูกชายเลวๆ พรรค์นั้นก็สมควรตายตกนรกชดใช้กรรมที่ก่ออย่างสาสม นั่นล่ะ คือสิ่งที่ควรจะเป็น และมันจะต้องเป็นจริงในเวลาอันใกล้นี้อีกด้วย

หากนี่เป็นครั้งแรกที่ความคิดแก้แค้นไม่ได้ทำให้จินดนัยมีความสุขเหมือนเคย คืนนั้นกว่าเขาจะข่มตาหลับลงได้ก็ผ่านครึ่งคืนไปหลายชั่วโมง และภาพในหัวภาพสุดท้ายที่คิดก่อนจะผล็อยหลับนั้นก็คือภาพของร่างสูงกับผ้าพันแผลพันรอบศีรษะปิดดวงตาซึ่งเคยเปล่งประกายสดใสทั้งสองข้างยืนโดดเดี่ยวปฏิเสธผู้คนรอบกาย และไม่มีผู้ใดอยู่รอบกายเขาเลย...

++++++++++

วันต่อมา เขาตื่นสายจนโดนนายน้อยด่าอีกรอบ “ไหนนายบอกว่าจะมานั่งรอตั้งแต่เช้า ทำได้ไม่เท่าไหร่ก็ดีแตก ปล่อยให้ฉันนั่งคอยจนเบื่อ”

ถ้าไม่มัวแต่คิดมากเรื่องไร้สาระเมื่อคืน เขาก็ไม่ตื่นสายหรอก เดินหน้าหงิกตามหลังแสงเหนือลงไปยังห้องกินข้าวที่คุณรตีอุตส่าห์เข้าครัวลงมือทำข้าวต้มเครื่องทะเลเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้า

“อร่อยไหมจ๊ะ แต่ก่อนลูกชอบกินมากเลยนี่ ทำทีไร ต้องขอเติมทุกที” แสงเหนือตอบแทนการเอาอกเอาใจของมารดาด้วยการพยักหน้าหนึ่งทีแบบถ้าไม่จ้องให้ดีก็อาจจะพลาดช็อตดังกล่าวไปได้ “ก็ดีครับ”

คุณรตีหน้าเจื่อนลงในทันใด เห็นแล้วจินดนัยก็อยากบ้องหัวทุยๆ นี่สักป้าบแทนบุพการีจริงๆ ทว่ายังไม่ทันที่มือไม้จะเริ่มทำงานก่อนสมอง ลูกหมาตัวกลมบ๊อกที่คงได้กลิ่นหอมฉุยของข้าวต้มเครื่องไฮโซก็วิ่งหน้าเริ่ดเข้ามาและเบรกตัวโก่งโดยอาศัยเขาเป็นตัวหยุด

“ริชชี่ เข้ามาได้ยังไง ออกไปเลย” ไล่หมาแบบสุภาพที่สุดในชีวิต ทำท่าไล่ต้อนชิ้วๆ ทั้งที่ในใจอยากชู้ตให้กระเด็น “ไม่ต้องมาขอ ถึงยกมือก็ไม่มีให้”

“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยมันมานี่เถอะ” คุณรตีอนุญาตแล้วลุกไปตักข้าวต้มใส่ชามใบเล็ก “เป่าให้มันเย็นก่อนแล้วค่อยให้มันนะ”

ถ้าจะให้มัน ให้เขาแทนดีกว่า นอกจากอดกินแล้วยังต้องมานั่งเป่าน้ำลายยืดให้เจ้าริชชี่ที่กระวนกระวายหนักกลัวจะโดนเขาแย่งหรือกลัวน้ำลายเขาจะลงไปเต็มชามไม่ทราบได้ มันเริ่มเห่าบ๊อกแบ๊กจนเขาต้องวางลงให้มันพิสูจน์เอง พอลงลิ้นแตะรู้ว่ายังร้อน ริชชี่ก็เริ่มเห่าใส่ชาม กระวนกระวายหนักเข้าเป็นเท่าตัว

“มันจะเห่าอะไรนักหนา หนวกหู” เจ้าของไม่รักหมาขมวดคิ้ว คุณรตีจึงต้องรีบบอก “เจ้าจิน พาเจ้าริชชี่ออกไปกินข้างนอกแล้วกัน ตาเหนือเขารำคาญ”

เดินถือชามข้าวต้มโดยมีเจ้าลูกหมาพันแข้งพันขา พาไปนั่งกินพร้อมชมบรรยากาศที่สวนแทน หากริชชี่มัวแต่ตะพ่ำไม่สนใจชมนกชมไม้ เงยหน้าขึ้นอีกที มันก็มอมไปถึงหน้าผาก “นี่กินข้าวต้มหรือลงไปฝึกดำน้ำมาวะ” บ่นแต่จินดนัยก็หิ้วเจ้าลูกหมาเข้าข้างเอว เดินกลับไปบอกคุณรตี “ผมขอพามันไปอาบน้ำแป๊บนึงนะครับ กินยังไงก็ไม่รู้ เลอะไปหมดเลย สงสัยจะอร่อยจัด”

ฟังคำชมของเขาแล้วคุณรตีก็รีบลุกไปตักข้าวต้มใส่หม้อใบเล็กมีหูจับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว “แบ่งไปกินบ้างแล้วกัน ไปแบ่งลุงโตด้วยก็ได้ แล้วถ้าไม่พอก็มาเอาอีกนะ”

ปล่อยริชชี่ลงกับพื้นด้วยความว่องไวเพื่อรอรับหม้อข้าวแทน เจ้าลูกหมาไม่ได้วิ่งหนีหายหรือต้องเสียเวลาจูงให้ยุ่งยากเพราะมันวิ่งแถ่ดๆ ไล่ตามทั้งเขาทั้งหม้อข้าวมาแบบยอมตายถวายชีวิต พัวพันแข้งขาตามเข้ามาถึงโต๊ะกินข้าวซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของเรือนพักคนรับใช้ ลุงโตโผล่หน้ามาตามเสียงทะเลาะของเขากับเจ้าหมาตะกละตะกรามที่เห่าประท้วงขอเบิ้ลแล้วยืนหัวเราะเอิ้กอ้าก

หลังจากจำใจแบ่งข้าวต้มไฮโซให้ลูกหมาจอมวายร้ายไปแล้วก็ถึงเวลาเอาคืน ได้อุปกรณ์อาบน้ำ ทั้งแชมพู ทั้งกาละมังแล้วจินดนัยก็หิ้วเจ้าตัวแสบที่คล้ายกับจะเริ่มรู้ตัวจึงดิ้นรนตะเกียกตะกายเป็นการใหญ่ไว้ จัดการขัดสีฉวีวรรณจนตัวเขาเองก็เปียกปอนไปหมด ขณะที่กำลังเช็ดตัวให้ริชชี่โดยต้องคอยแย่งผ้าที่มันคอยแต่จะไล่งับไว้ด้วยนั้น ลุงโตก็วิ่งมาตามเขา “ไอ้หนู คุณเหนือท่านเรียกหาเอ็งแน่ะ รีบไปเร็วเข้า”

“เดี๋ยวนะ ลุง ยังเช็ดตัวริชชี่ไม่เสร็จเลย ผมก็เปียกทั้งตัว ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียวเดี๋ยวตามไป” ลุงโตหายไปสักพัก เขาก็เพิ่งสลัดกางเกงเปียกซ่กทิ้งตอนได้ยินเสียงเรียกหาเย้วๆ “ยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ คุณเหนือเขาเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ บอกให้ลุงมาเร่งเอ็งไม่ให้อู้”

แต่งตัวเสร็จในอีกสิบห้าวินาทีต่อมา เปิดประตูผาง “ใครอู้ คุณเหนือของลุงเขาจะรีบอะไรนักหนา แล้วนี่อีก...ใช้ลุงวิ่งไปวิ่งกลับมากๆ เดี๋ยวหัวใจวายกันพอดี”

“บ๊ะ ไอ้นี่ยังกล้ายอกย้อน” ลุงโตคว้ามือเขาให้ออกวิ่ง เนื่องจากระยะทางไปตึกใหญ่ถึงจะไม่มากมายแต่ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ “ย้อนลุงน่ะย้อนได้ แต่เอ็งอย่าเผลอไปย้อนคุณเหนือเข้าล่ะ หัดสงบปากสงบคำให้มันดูเรียบร้อยเจียมตัว ท่านจะได้นึกเมตตาให้เอ็งอยู่รับใช้ไปนานๆ”

กึ่งเดินกึ่งวิ่งแล้วยังอุตส่าห์สั่งสอนเขาได้ ดังนั้นกว่าจะไปถึงห้องนั่งเล่นที่แสงเหนือรออยู่ ลุงโตจึงหอบแฮ่กหากยังอยากรายงาน “ผม...พา...เจ้าจินมันมาแล้วครับ พอดีมันมัวแต่เปลี่ยนเสื้อ...”

“กับอีแค่ไปตามคนเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันคิดว่าต้องรอทั้งวันเสียแล้ว สรุปว่าชักช้าพอกันทั้งลุงโต ทั้ง...” เท่านั้น คำสั่งสอนของลุงโตที่ชอนไชเข้าหูซ้ายเมื่อครู่ก็หลั่งไหลพรั่งพรูออกทางหูขวาไปเรียบร้อย

“ผมรีบมาที่สุดแล้วนะ ลุงโตก็วิ่งเต็มที่แล้วเหมือนกัน คุณไม่รู้หรือไงว่าห้องผมมันห่างจากที่นี่ตั้งเท่านี้~~~แน่ะ!” ผายมือกว้างสุดแขน ทำไปงั้นล่ะ รู้ว่าแสงเหนือมองไม่เห็นหรอก แต่แค่ฟังจากเสียงลากยาวที่สุดของเขา แสงเหนืออาจคิดว่ามันห่างกันเป็นกิโลเมตรก็ได้ “ผมไม่ใช่โดราเอมอนนะ จะได้มีประตูสารพัดสถานที่ให้คุณเรียกปุ๊บ ก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าปั๊บ! จะผมหรือจะใครก็ต้องวิ่ง แล้วที่มีอยู่ก็แค่สองขา ต้องให้ลงวิ่งสี่ขาแบบเจ้าริชชี่ด้วยใช่ไหมถึงจะพอ...”

“ฉันจำได้ว่ามันไม่ใกล้แต่ก็...ไม่น่าไกลมากมายนักนี่” ฟังไม่ขึ้นโว้ย อย่ามา... “เดี๋ยวฉันให้คุณแม่หาห้องให้เธอพักที่นี่ก็แล้วกัน เวลาเรียกใช้จะได้สะดวกหน่อย” หา!! “หมดเรื่องแล้วก็มาอ่านหนังสือที่ค้างไว้ได้แล้วมา”

หยิบหนังสือที่อ่านให้แสงเหนือฟังค้างไว้จากเมื่อวานขึ้นมาหยิบอ่านโดยอัตโนมัติ ยังนึกงงกับการได้ย้ายบ้านแบบกะทันหันจนไม่ทันสังเกตตอนชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “หอมกลิ่นอะไร...”

เงยขวับมาเจอคนตาบอดทำท่าดมจมูกฟุดฟิดเข้าใกล้เสียจนตกใจ ผงะถอยออกแทบไม่ทัน “กลิ่นอะไรของคุณ ผมไม่ได้อาบน้ำใหม่เสียหน่อย อ๊ะ แต่สงสัยเมื่อกี๊จะติดกลิ่นแชมพูริชชี่มา” ยกแขนดมแล้วก็เจอ “นี่ไง คงเปื้อนมามั้ง ก็คุณน่ะเร่งผม...”

“ไหน ส่งตรงที่เปื้อนมาซิ” จำต้องส่งให้แบบกล้าๆ กลัวๆ เหมือนริชชี่ตอนหัดแรกขอมือไม่มีผิด แสงเหนือดึงแขนผอมๆ ของเขาจรดจมูกแล้วพึมพำ “กลิ่นหวานๆ เหมือนลูกกวาดเลย ไม่ต้องล้างออกหรอก หอมดี”

“ถ้าชอบกลิ่นนี้ขนาดนี้ คุณน่าจะเอาริชชี่มานั่งดมหรือไม่ก็เอาแชมพูมันมาใช้ไม่ดีกว่าเหรอ” เผลอปากเร็วก่อนจะหยุดทัน จินดนัยจึงรีบแก้ตัว เอ่ยเอาใจ “เดี๋ยวผมรีบอ่านให้คุณฟังต่อดีกว่า แหม กำลังสนุกเลย ผมอยากรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าเด็กส่งหนังสือพิมพ์แล้ว เอางี้ ขอผมอ่านตอนจบก่อนได้ไหมแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเล่าให้คุณฟังทีหลัง”

เดชะบุญที่แสงเหนือตาบอด ไม้เท้าในมือเลยพลาดหัวเขาไปประมาณหนึ่งฟุตซึ่งมันก็เพียงพอให้จินดนัยก้มหน้าก้มตาอ่านออกเสียงต่อแต่โดยดี อ่านไป ในใจเขาเริ่มคิดถึงแง่ดีของการได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตึกใหญ่ไปพลาง ทีนี้ล่ะ โอกาสเขาก็จะมากขึ้น แสงเหนืออาจทำเพื่อตัดรำคาญแต่จะรู้ไหมนะว่ามันจะยิ่งเปิดทางให้เขาจัดการได้เร็วขึ้น บางทีกว่าเขาจะทันรู้ตัวอีกที เรื่องทั้งหมดอาจจะจบลงด้วยดีแล้วก็เป็นได้

...ว่าแต่ ขอแอบพลิกดูตอนจบหน่อยเถอะว่าใครเป็นฆาตกร

++++++++++

ตกเย็นวันเดียวกัน ขณะที่ลุงโตกำลังนั่งกินข้าวกับคนรับใช้อีกคนก็เห็นไอ้หนูของแกเดินกุมหัวหน้ามุ่ย กระแทกเท้ามาพร้อมสมุนหมาที่ติดเจ้าตัวอย่างน่าประหลาด “เป็นอะไรอีกล่ะเอ็ง รีบๆ มากินข้าวเร็วเข้า”

“เจ้านายลุงนั่นล่ะที่เขกหัวผม ตามองไม่เห็นยังเขกมามั่วๆ เกือบทิ่มลูกกะตาผมตาบอดตามไปอีกคน คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ชอบใช้แต่กำลัง” ตอบพลางเดินเลยต่อไปยังห้องพักโดยไม่หยุดแวะที่โต๊ะกินข้าวอย่างผิดวิสัย “กะอีแค่โดนสปอยล์ฆาตกรในหนังสือแค่เนี้ย ทำเป็นหงุดหงิดไปได้ ก็เห็นว่ามันเหลืออีกนิดเดียวเลยอุตส่าห์บอกใบ้ให้ฟัง รู้งี้ไม่เล่าหรอก ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”

ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจศัพท์แสงวัยรุ่นและเนื้อหาการทำโทษที่เจ้าหนูเล่าให้ฟังสักเท่าใด ลุงโตก็ขี้เกียจจะซัก นอกจากเอ่ยถามแปลกใจยามเห็นเจ้าตัวเล็กมันหอบผ้าหอบหมอนมาเต็มอ้อมแขน ทำท่าเหมือนจะหนีออกจากบ้านก็ไม่ปาน “อ้าว แล้วนั่นจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปไหน คุณเหนือท่านลงโทษแล้วก็แล้วกัน คงไม่ใจดำไล่เอ็งออกหรอก”

“ตลกละลุงโต เมื่อเช้าลุงก็อยู่กับผมนี่ตอนเขาสั่งให้ผมย้ายไปนอนที่โน่น เห็นว่าจะได้เรียกใช้สะดวกๆ จิกหัวใช้ได้ง่ายๆ” ไอ้หนูมันบ่นจนลับหายไปจากสายตา ได้ยินก็แต่เสียงใสๆ ที่ยังบ่นไม่เลิกแว่วมาตามลม ลุงโตยังนั่งกระพริบตางงๆ สักพักแล้วค่อยหันมาเอ่ยข้อสงสัยเอากับเพื่อนร่วมโต๊ะ

“เมื่อเช้าข้าคิดว่าคุณเหนือแค่พูดเล่นเรื่องให้ไอ้จินย้ายห้อง ใครจะคิดว่าท่านเอาจริง ก็ข้าไม่เคยเห็นคุณเหนือสั่งให้คนใช้ไปนอนใกล้ๆ เลยนี่หว่า ท่านขี้รำคาญแค่ไหนเอ็งก็รู้ ไปยุ่งมากเข้ามีแต่จะโดนไล่ตะเพิดจนอยู่ไม่ได้ ลาออกไปตั้งหลายคน หนนี้มาแปลกว่ะ ไอ้จินมันออกจะพูดจนลิงหลับ นอกจากท่านไม่รำคาญแล้วยังจับมันให้ไปนั่งพูดใกล้ๆ อีก”

“มันน่าเอ็นดูดีมั้งท่านเลยไล่เตะมันไม่ลง เจอเด็กพูดเก่งแบบนี้คุณเหนือจะได้ไม่เหงาด้วย ไม่ดีเหรอลุง” คนตอบตอบแบบไม่ได้สนใจจริงจัง ลุงโตเลยต้องเลิกสนตามแล้วคุยเรื่องสัพเพเหระอื่นแทน ลืมเรื่องเจ้าเด็กพูดจนลิงหลับที่ยังเดินบ่นงึมงำอยู่คนเดียวตลอดทาง จะมาหยุดก็ตอนเจอคุณรตีซึ่งกำลังออกคำสั่งสาวใช้เรื่องที่หลับที่นอนของเขาอยู่

“มาพอดี เจ้าจิน ฉันว่าจะให้เราไปนอนในห้องตาเหนือเลยดีกว่า กลางค่ำกลางคืนเผื่อมีปัญหาจะได้เรียกใช้กันทัน” คุณรตีมัวแต่กำกับสาวใช้ให้ดันฟูกหลบเข้ามุมจึงไม่ทันสังเกตหน้าคล้ายคนโดนของของจินดนัย “อย่าให้ขอบมันยื่นออกมาล่ะ ดันให้ชิดผนังเข้าไปอีกหน่อยสิ”

“ทำไมผมต้องนอนในห้องนี้ล่ะครับ ไหนทีแรกคุณเหนือบอกว่าแค่...” แสงเหนือที่เขาไม่ทันสังเกตว่านั่งอยู่ในห้องด้วยเป็นคนตอบ “ฉันบอกคุณแม่แล้วว่าแค่หาห้องให้นายสักห้องก็พอ แต่ท่านบอกว่าไหนๆ ก็ไหนๆ ให้นายเข้ามานอนห้องเดียวกับฉันเลยดีกว่า”

“ก็ใช่น่ะสิ แม่เคยบอกแล้วบอกอีกให้เหนือแกหาใครมานอนด้วยจะปลอดภัยกว่า ลูกก็ว่าเกะกะ พอแม่มาเห็นลูกให้แม่หาห้องให้เจ้าจินแบบนี้ก็พอดีน่ะสิ” คุณรตียิ้มแย้มยินดียิ่งยวด ไม่นึกเฉลียวใจเลยว่ากำลังป้อนอ้อยเข้าปากช้าง ป้อนไก่ย่างให้เจ้าริชชี่แท้ๆ “ตัวมันเล็กนิดเดียว เหนือคงไม่บังเอิญเดินเตะหรือนึกรำคาญอีกนะลูก”

พูดแบบนี้แสดงว่าแสงเหนือต้องเคยบังเอิญเดินเตะคนรับใช้คนก่อนแน่ๆ เตะแบบไหนไม่รู้ แต่ได้ข่าวว่าลาออกไปหลายคน ดังนั้นขอสันนิษฐานว่าคงไม่ได้เตะเบาๆ บอก...อุ๊ย ขอโทษแล้วจบเรื่องเป็นแน่ “ห้องน้ำห้องท่าใช้ในห้องตาเหนือนี่ก็ได้ ไว้ฉันจะหาตู้เล็กๆ มาให้ใส่ข้าวของเสื้อผ้านะ ส่วนห้องข้างล่างนั่นก็เก็บไว้เหมือนเดิมแล้วกัน”

จินดนัยยังยืนงงไม่หายยามทุกคนย้ายขบวนกลับไปกันหมด เหลือแค่เขากับแสงเหนือ เสียงนาฬิกาเดินและเสียงหัวใจของเขาสองคน

“โอกาสมาถึงแล้วนี่ จัดการเสียเลยสิ” เกือบร้องจ๊ากออกมาดังๆ แต่พลันนึกคุ้นเสียงที่ดังก้องในหัวขึ้นเสียก่อน จินดนัยจึงหุบปากได้ทัน เสียงเทวดาไกด์ที่หายเงียบไปนานยังดังต่อเนื่อง “ไม่ได้เจอกันไม่เท่าไหร่ทำเป็นขวัญอ่อน บอกตรงๆ ว่าตั้งแต่เปิดโปรฯ นี้มา ฉันไม่เคยเห็นใครจะเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ได้ขนาดนายเลย ปกติมีแต่ได้ร่างปุ๊บ วิ่งไปแทงยอดอกอีกฝ่ายปั๊บ”

“ฉันจะอาบน้ำแล้ว” คนไม่รู้ว่าเพิ่งโดนจับใส่พานถวายเขาขยับลุก จินดนัยจึงต้องรีบเตรียมเสื้อผ้าและทนฟังเสียงในหัวพูดยุแหย่อยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่อาจตอบโต้

“ฉันเคยดูหนังประเภทนี้บ่อยๆ ประเภทตัวร้ายเอาปืนจ่อหน้าพระเอกแล้วมัวแต่พูดพล่ามเล่าที่มาที่ไปของแผนการไร้สาระ เปิดโอกาสให้พระเอกเตะปืนหลุดกระเด็นแล้วไอ้คนร้ายก็โดนกระทืบซ้ำจนลงคลานเป็นหมา อย่างนายนี่ฉันคงไม่แปลกใจเลยถ้าวันหนึ่งจะโดนพระเอกเตะหัวขาดเพราะมัวแต่ฝอย...”

“มันหนักหัวคุณตรงไหน” จินดนัยกระซิบขู่เสียงลอดไรฟันทันทีที่แสงเหนือเริ่มอาบน้ำ “จะบอกให้ว่าฆ่าคนตาบอดอย่างหมอนั่นน่ะง่ายจะตายชัก ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แค่ผมดีดนิ้วเป๊าะ แสงเหนือก็ต้องลงไปนอนดิ้นกระแด่วๆ ร้องขอความเมตตาปากคอสั่น แต่นี่ผมเห็นว่ามีเวลาตั้งหนึ่งปี ดังนั้นภายในหนึ่งปีนี้ผมจะเป็นพระเอกถือปืนจ่อคนร้ายไปทั้งเรื่องมันก็เรื่องของผม คุณนั่นล่ะเป็นเทวดาภาษาอะไรมายุให้ฆ่าคน”

“ใครบอกนายว่าฉันเป็นเทวดา มนุษย์นี่ชอบคิดเอาเองกันทั้งนั้น” จินดนัยมัวแต่ชะงักเลยปล่อยช่องว่างให้ฝ่ายนั้นกล่าวต่อเสียงคล้ายกับเจ้าตัวกำลังยิ้ม “อย่าลืมแล้วกันว่านายกลับมาเพื่ออะไร ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี เพราะถ้าแค่มีใครสักคนรู้ว่าตัวจริงนายเป็นใคร ข้อตกลงเป็นอันสิ้นสุดทันที นายจะต้องไปไหน...คิดว่าคงไม่ต้องให้ฉันบอกก็น่าจะจำได้”

“คุณไม่ใช่เทวดางั้นก็แสดงว่าเป็น...ปีศาจ” ขนแขนลุกวาบๆ ซวยแล้ว ดันทำสัญญากับปีศาจไป แล้วนี่ตอนจบมันจะมาดูดสมองตูไหมเนี่ย “คุณหลอกผม ที่จริงคุณต้องการวิญญาณของผมใช่ไหม คุณคงพยายามหาทางขัดขวางให้ผมทำไม่สำเร็จ พยายามทำให้ผมใจอ่อน ใช่แน่ๆ! คุณเสกให้ผมใจอ่อนกับไอ้แสงเหนือ!”

“มีแต่พวกมนุษย์ที่มักจะแบ่งแยกว่านี่เป็นเทวดา นั่นเป็นปีศาจ ทั้งที่ความจริงมันก็พวกเดียวกันแท้ๆ เมื่อทำเรื่องดีก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเทวดา เมื่อทำเรื่องร้ายก็กลายเป็นปีศาจแทน ใจร้ายจัง” คำพูดตัดพ้อแต่น้ำเสียงกลับบ่งบอกว่ากำลังสนุกสนานยิ่ง “ว่าแต่ว่านายเริ่มใจอ่อนจริงๆ เหรอ ถึงว่าสิ มีโอกาสตั้งหลายครั้งนายก็ไม่ยอมลงมือ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก นายต่างหากที่ใจอ่อนจนฆ่าหมอนั่นไม่ลง”

“ผมไม่ได้ใจอ่อน! แค่กำลังหาโอกาสดีๆ อยู่ เพราะผมต้องใช้ร่างนี้หลังจากฆ่าแสงเหนือ ดังนั้นจะสุ่มสี่สุ่มห้าลงมือได้” รีบยกเหตุผลมาอธิบายแล้วต้องนิ่งฟังคำอำลาทิ้งท้ายที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้แฝงความหวังดีไว้สักนิด

“ตามใจนาย ยังไงก็อย่าลืมให้ฉันเห็นเรื่องสนุกๆ แก้เซ็งแล้วกัน ส่วนนายจะแพ้หรือชนะ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ”

ใครจะแพ้ อย่างเขาต้องชนะเท่านั้น เรื่องเอาตัวรอดสงสัยต้องอาศัยไปตายดาบหน้า บางทีเขาน่าจะได้ลงมือเร็วๆ นี้ล่ะ เขาสังหรณ์และสัมผัสได้ว่ามันอยู่แค่นี้ แค่เอื้อมออกไปหยิบก็ถึง ชนิดที่ว่าเกือบจะลิ้มรสชัยชนะอันหอมหวานที่อบอวลอิ่มเอมได้เลยล่ะ ไอ้การใจอ่อนเฮงซวยน่ะ... เชิญลงนรกล่วงหน้าเจ้าแสงเหนือไปก่อนได้เลย

++++++++++++++++++++++++++++

TBC
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 10-06-2008 13:28:29
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 5 - ฆาตกร ฆาตกรรม ~

นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแปลกที่หรือยังคิดมาก หลังจากนอนพลิกกลับหน้ากลับหลังเกือบครึ่งคืน จินดนัยก็ต้องผุดลุกขึ้นมานั่งตาแข็ง สายตาที่ปรับเข้ากับความมืดในห้องมองเห็นเงาตะคุ่มของชายหนุ่มบนเตียงแล้วเขาจึงคว้าหมอน ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเพื่อย่องไปมองลูกเจี๊ยบในกำมือ

เจ้าลูกเจี๊ยบที่ยามตื่นชอบทำหน้าบึ้ง ตอนนอนยังไม่วายทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งที่อากาศในห้องเย็นสบายด้วยไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ หากแสงเหนือยังนอนกระสับกระส่ายอย่างไม่เป็นสุข และคงเป็นเพราะท่าทางทรมานแบบนั้นดูน่าสมน้ำหน้าล่ะมั้ง เขาจึงยืนมองอยู่ที่เดิม ตลกดีอ่ะ คนนอนดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมา

จ้องอยู่เพลินๆ เลยตั้งตัวไม่ทัน ผงะล้มหงายหลังด้วยความตกใจยามแสงเหนือแหกปากตะโกนลั่น “ต้น!!”

เกือบเผลอขานรับชื่อเล่นจริงๆ ของเขาที่ไม่ได้ยินใครเรียกมานานออกไปแล้ว ...โอ๊ย หัวใจตูแทบวาย อยู่ดีไม่ดีดันเรียกชื่อเขาซะดังเดี๋ยวปั๊ดเจอเหนี่ยว อะ...เฮ้ย หรือว่าแสงเหนือมันรู้ตัวแล้วว่า...

ตะเกียกตะกายขึ้นยืนจ้องคนบนเตียงด้วยหัวใจเต้นเร็วเป็นกลองรัว กำลังรอลุ้นอยู่ว่าตัวเขาจะร่วงลงสู่นรกอีท่าไหนค่าที่โดนรู้ตัวจริงเข้าจนได้ จะจางหายไปเหมือนภาพฝันหรือย่อยสลายเป็นกองขี้เถ้า จะถูกดูดหายไปในหลุมดำหรือจะค่อยๆ เน่าเฟะกองทัพหนอนชอนไชยั้วเยี้ย คลานดุบดิบกันให้วุ่นจากลำไส้ใหญ่ไปลำไส้เล็ก จากรูหูทะลุออกลูกกะตา... อ๊ากกก แบบอันหลังนี่รับไม่ได้อย่างรุนแรง ฮือ ไม่เอานะ ไม่อ๊าววว

แต่รอจนแล้วจนรอด แสงเหนือกลับไม่พูดสิ่งใดออกมาอีกจากปากที่ยังเผยอหอบ ดวงตาคู่นั้นเบิ่งกว้างในความมืด ราวกับกำลังมองลึกเข้าไปสู่ความมืดยิ่งกว่า มือใหญ่ๆ ยกขึ้นลูบหน้าตัวเอง ขยับนิ้วตรงหน้าดวงตาที่เบิกโพลงกระพริบถี่

น่าแปลกที่เขารู้ว่าแสงเหนือพยายามมองหาสิ่งใดก็ได้ อะไรก็ได้ที่จะช่วยบอกว่าตนอยู่ที่ไหน ในความฝันหรือความจริง ยังมีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว

เขายืนมองกระทั่งชายหนุ่มหลับตาลงและคู้ตัวจนร่างใหญ่ๆ ขดงองุ้มเหมือนสัตว์บาดเจ็บ ท่ามกลางความเงียบของค่ำคืน จินดนัยได้ยินเสียงลมหายใจสั่นๆ ของแสงเหนืออย่างชัดเจน ไม่ต้องให้ใครมาชี้บอก เขาก็รู้ว่าแสงเหนือฝันถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตเขาไป อุบัติเหตุที่ทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อมาทำในสิ่งที่ควรทำ

อาศัยแค่แจกันสักใบ ไม้เหมาะมือสักท่อนหรือของมีคมสักชิ้น เขาอาจช่วยให้หมอนี่ไม่ต้องนอนฝันร้ายอีกต่อไป การุณยฆาต...การฆ่าด้วยความเมตตา แสงเหนือจะไม่ต้องทนทุกข์จากดวงตาที่มืดบอดหรือฝันร้ายใดๆ อีก ส่วนเขาจะได้รับโอกาสในการใช้ชีวิตใหม่ ต่างคนต่างได้ ฟังดูดีจะตาย

ร่างสูงใหญ่ขยับงอหัวซุกหน้าลงกับท่อนแขน จินดนัยแว่วเสียงครางลึกลอดผ่านไรฟันที่เจ้าตัวขบแน่น กำแพงสูงที่เคยสร้างไว้ยามมีสติคล้ายจะโดนพังทลายราบคาบ ก่อนจะทันรู้ตัว เขากลับเอื้อมมือลงไปกุมมือเย็นเฉียบของฝ่ายนั้นเอาไว้ รู้สึกเก้อเขินนิดหน่อยยามเอ่ยเสียงอึกอัก “ไม่เป็นไร... คุณเหนือแค่ฝันร้าย ผมอยู่นี่นะ ไม่ต้องกลัว”

ใจหนึ่งนึกอยากให้แสงเหนือสะบัดมือเขาทิ้ง เมื่อดูจากนิสัยแย่ๆ กับอารมณ์ร้ายๆ ของชายหนุ่มไม่น่าแปลกเลยถ้าเขาจะโดนยันโครมออกมาหรือ...อะไรก็ได้ที่จะช่วยให้เขาตัดสินใจเอาหมอนอุดปากมันเสียตั้งแต่คืนนี้ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การกุมมือเขาเอาไว้แน่นจนเจ็บ...แบบนี้

แสงเหนือไม่ได้พูดคำใด จินดนัยเองก็เช่นกัน เขาเพียงแค่นั่งลงบนเตียง รอจนเสียงหอบหายใจถี่เบาลงกลายเป็นเสียงหายใจลึกยาวอย่างคนหลับสนิท ก้มมองแสงเหนือที่ยังกุมมือเขาไม่ยอมปล่อยแม้ในยามหลับก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยหัวใจอันหนักอึ้งบอกไม่ถูก เนิ่นนานกว่าเขาจะหลับลงได้เนื่องจากความอ่อนเพลีย...ทั้งหัวใจ ทั้งร่างกาย

++++++++++

“...จิน จิน” เขาเบือนหน้าหนีเสียงเรียกเบาๆ นั้นและซุนหัวลงหาที่นอนอุ่นๆ ตั้งท่าเตรียมตัวจะหลับต่อ“จิน!”

“งึ่ย! เรียกใครวะ” อารมณ์งัวเงียผสมเมาขี้ตาทำให้คนเราพื้นเสีย น็อตหลุดและความจำสั้น “ฉันจะเรียกใคร ถ้าไม่ได้เรียกเรา”

ลืมตาข้างเดียวมาดูเจ้าของเสียงเรียบๆ ยืนตัวสูงหัวเปียกหูลู่เหมือนลูกงัวเพิ่งเกิดในชุดคลุมอาบน้ำกำลังขมวดคิ้วอยู่ใกล้ๆ “จัดเสื้อผ้าให้หน่อยสิ ฉันหนาว”

...แสงเหนือพูดเพราะแถมเกรงใจ อ๋อ รู้แระ สงสัยเขายังไม่ตื่นแน่ๆ ว่าแล้วต้องรีบนอนต่อด่วนๆ “จิน! หลับอีกแล้วเหรอเนี่ย” ลืมตามาทันเห็นแสงเหนือยื่นมือควานๆ คล้ายกับจะหาหัวเขา เลยรีบสกัดดาวรุ่งคว้าไว้ก่อนมันจะเจอเป้าหมายแล้วตบป้าบ “อย่าเพิ่งลงไม้ลงมือ ผมตื่นแล้ว”

ตื่นแล้วแต่ลุกไม่ขึ้น นั่งหลับเอาหัวซบเตียงแบบนี้มันปวดคอปวดหลังเป็นบ้า “ตื่นแล้วก็รีบลุก อย่ามัวแต่ขี้เกียจ”

“อืม โอ๊ย อ๋อย...” คอก็หันซ้ายไม่ได้ หลังก็ปวดแปลบตอนขยับ จินดนัยบีบมืออีกฝ่ายร้องขอความเห็นใจ “เจ็บจัง คุณเหนือ ขอนอน...เอ๊ย นั่งพักอีกแป๊บนะ”

ไม่รอฟังคำตอบ เขาก็รีบทิ้งหัวตุบลงกับเตียง เกือบจะเคลิ้มๆ หลับอยู่แล้วตอนที่เตียงยุบยวบด้วยน้ำหนักใครคนหนึ่งที่ลงนั่งคอยเงียบๆ ตามคำสั่ง จินดนัยปรือตามองแสงเหนือใช้มือข้างว่างซึ่งเขาไม่ได้จับยึดไว้กำลังยกลูบหน้ากับผมเปียกๆ อย่างหวังจะบรรเทาความหนาวเย็น เห็นแล้วเขาก็เริ่มพิศวงว่าทำไมแสงเหนือถึงได้สงบเงียบเรียบร้อยได้ภายในวันเดียว ไม่อยากนึกเชื่อว่าการเล่นบทพ่อพระชั่วครู่ชั่วยามของเขา แค่จับมือเด็กชายผู้ผวากับฝันร้ายไว้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้

บางที เขาน่าจะแกล้งนอนต่อ ปล่อยให้แสงเหนือเป็นหวัดตาย เป็นไข้หวัดนกตายได้ยิ่งดี อืม แต่ว่าเจ้าสัตว์ปีกตัวนี้อาบน้ำแล้วตัวหอมดีแฮะ หอมกลิ่นน้ำ กลิ่นสบู่และไหนจะกลิ่นสดชื่นแบบที่ทำให้เขาต้องแอ๊บโรคจิต สูดหายใจดมเสียเต็มปอด แอบคิดว่าเดี๋ยวจะแอบฉีดน้ำหอมของหมอนี่สักฟื้ดบ้างคงจะดี

“อะไร จะปล่อยผมนอนแล้วกระตุกมือยิกๆ ทำไม ฮู้ แล้วอย่างนี้ใครจะหลับลง” ว่าแล้ว แสงเหนือจะดีได้นานสักแค่ไหน ดูจากที่มันกระตุกมือเขาเล่นเป็นจังหวะแทงโก้ ใครยังนอนได้ก็เก่งเกินคนแล้ว “พอเลย ลุกก็ได้”

จินดนัยเผลอหันไปมองคนหน้าขาวแล้วต้องนิ่งอึ้ง ก็...ใครใช้ให้แสงเหนือมันยิ้มอวดเขี้ยวแบบนี้เล่า คนตกใจแล้วหัวใจก็เผลอเต้นแรงไปหนึ่งจังหวะแบบเขาทั้งนั้นล่ะ ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูก นึกเสียว่าเจอผีมายืนแหกอกโชว์แต่หัววันก็แล้วกัน

++++++++++

อะไรที่ดีๆ มักจะอยู่ไม่นาน เหมือนกันอารมณ์ดีๆ ลักษณะขี้เล่นของชายหนุ่มนั่นล่ะ พอตะวันขึ้นสูง น้ำค้างแห้งเหือด แสงเหนือก็กลับสู่โหมดเด็กมีปัญหาอีกจนได้ แค่คุณรตีนำวิตามินกระปุกเล็กๆ มายื่นให้และบอกว่าเป็นยาบำรุง แสงเหนือกลับทำหน้าเหมือนมารดายื่นยาพิษให้และไม่รีรอลังเลเลยที่จะเขวี้ยงทิ้งจนยาในกระปุกกระจายเกลื่อน “ผมไม่กิน! ผมบอกแม่กี่ครั้งแล้วว่าผมไม่กิน นอกจากว่ามันเป็นยารักษาอาการตาบอด แต่ถ้าไม่ใช่หรือหาไม่ได้ ก็ช่วยเลิกหายาบ้าบอคอแตกมาให้ผมได้แล้ว”

ถ้าเขาเป็นพ่อแม่แสงเหนือ รับรองว่ามันโดนเตะปากตั้งแต่ตวาดคำแรกแล้ว แต่บังเอิญไม่ใช่ จินดนัยจึงได้แต่ยืนมองคุณรตียืนน้ำตาคลอพึมพำ “จ๊ะ ขอโทษที แม่ก็ชอบลืมบ่อยๆ ไม่กินก็ไม่กิน”

หลังส่งแสงเหนือออกไปนั่งสงบจิตสงบใจที่สวนแล้วเขาก็คว้าไม้กวาดเตรียมกวาดวิตามินที่ยังกระจายเกลื่อนโดยมีคุณรตียังนั่งซับน้ำตาป้อย บ่นเสียงเครือ “ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วเจ้าจิน ตาเหนือแกไม่ยอมกินยาดีๆ ที่ฉันหามาให้แกเลย แรกๆ แกก็ยอมกินอยู่หรอกแต่หลังๆ มานี่ไม่เอาเลย แม้แต่พวกยาคลายเครียดคลายกล้ามเนื้อแกยังไม่เอา ฉันอุตส่าห์ไปหาวิตามินแพงๆ จากเมืองนอกเม็ดละตั้งสามสี่ร้อยมาแต่...”

ทิ้งไม้กวาดดังปัง จินดนัยก้มลงมองวิตามินเม็ดอวบกลมเหมือนถั่วแดงที่ยังกระจายเกลื่อนเท้าแล้วถามเสียงสั่น “เม็ดละเท่าไหร่นะครับ”

“เม็ดละเท่าไหร่ฉันไม่รู้หรอก แต่ทั้งกระปุกนั่นก็หลายหมื่น...” คุณรตีมองกิริยาเก็บกอบยาตามพื้นราวกับแม่ไก่ไล่จิกข้าวเปลือกชนิดไม่ยอมคลาดไปสักเม็ดแล้วเอ่ยลังเล “ไม่ต้องเก็บหรอก ตาเหนือไม่กิน ฉันก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม”

“ไม่ครับ จะกี่เม็ดก็ต้องเก็บ สิบหก... สิบเจ็ด... คุณนายครับ ในกระปุกนี่มันมีทั้งหมดกี่เม็ดครับ สามสิบหรือห้าสิบ” อุปทานคล้ายมองเห็นแบงค์พันกระจายเกลื่อนโดยไร้คนสนใจทำให้จินดนัยยิ่งสอดสายส่ายตาและแทบจะโผนเข้าตะครุบเมื่อมองเห็นวิตามินสีแดงเลือดนก

“เอ้อ ไม่รู้สิ เจ้าจิน” คุณรตีรีบลุกไปหยิบแว่นสายตามาคว้ากระปุกไปเพ่ง เพราะเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของเด็กรับใช้แล้วก็อดเดือดร้อนตามไม่ได้ “นี่มันปริมาณ...น่าจะร้อยเม็ดนะ ฉันว่า”

แทบทุกตารางนิ้วในห้องโดนพลิกรื้อค้นกระจาย แม้เขาจะทุ่มเทให้ขนาดนั้นแต่เมื่อมานั่งนับแล้วก็นึกอยากร้องไห้ “ทำไมมีแค่แปดสิบเก้าเม็ด แล้วอีกสิบเอ็ดล่ะหายไปไหน สมมติตีไปเม็ดละสามร้อย สิบเอ็ดคูณสามร้อยเท่ากับ...เท่าไหร่อ้า”

แค่คิด เส้นเลือดในสมองยังแทบแตกและเขายังนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ท่าเดิมอีกนานถ้าจะไม่มีเสียงห้วนเรียกหา “จินอยู่ไหน”

คุณรตีต้องบอกให้เขารีบลุกไปหาเจ้าลูกชายบังเกิดเกล้า คนเดียวกับที่ขว้างยาเม็ดละสามร้อยทิ้งจนหายไปสิบเอ็ดเม็ด ตกเป็นเงินประมาณสามพันสามร้อย หลังจากจาระไนรายละเอียดมูลค่าของหายให้ฟังแล้วเขาจึงโวยวาย “ทำไมไม่ยอมกินยา มันแพงนะคุณ ขนาดผมไม่ได้เป็นอะไร แค่ฟังราคาแล้วยังอยากกินเลย”

นึกว่าถลึงตาแล้วจะกลัวหรือไง แน่จริงลุกมาต่อยกันเลยดีกว่า “คนจนตั้งเยอะไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อยากินเวลาป่วยไข้ นี่คุณรตีอุตส่าห์หายามาบำรุง อย่าว่าแต่แพงหรือเปล่าเลย แค่ความตั้งใจของแม่คุณ คุณเหนือก็ไม่น่าปฏิเสธท่าน หรือคิดว่าแค่คุณมองไม่เห็น มันจะหมายความว่าแม่คุณไม่ได้ร้องไห้ด้วย”

ใบหน้าคนฟังกระตุกนิดหนึ่งกับคำพูดของเขาแต่ก็ไม่ได้เอ็ดตะโรโวยวาย นอกจากกล่าวอุบอิบ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโวยวายสักหน่อย แรกๆ ก็ยังพอกล้ำกลืนกินยาเป็นกำๆ ได้หรอกแต่พักหลังแค่ได้กลิ่นก็จะอ้วกแล้ว”

“มาบอกผมแล้วได้อะไร โน่น ไปบอกแม่คุณโน่น แล้วอย่าลืมขอโทษท่านด้วยล่ะ” แสงเหนือเองก็คงจะไม่สบายใจอยู่แล้วเช่นกันกับการแสดงออกต่อมารดาเมื่อครู่จึงยอมพยักหน้ารับนิดหนึ่ง “อื้อ”

เห็นแล้วยิ่งได้ใจ จินดนัยจึงยังคงความกร่าง กร้าวและกระเดื่องเต็มที่ยามเอ่ยเอาจริงเอาจัง ชักเข้าใจถึงอำนาจอันหอมหวานของคนเป็นครูบาอาจารย์ยามดุเด็กนักเรียนก็ตอนนี้ล่ะ ...อา หอมหวน สะจายยย “กะอีแค่เหม็นกลิ่นยา ทำไมไม่กลั้นหายใจ กลืนเอื้อกเดียว แค่ไม่กี่วินาที คุณคงไม่ขาดอากาศตายหรอก”

“ถึงกลั้นหายใจ แต่ก็ยังรู้รสนะว่ามันขม...” อารามรีบร้อนอยากเถียงทำให้ไอ้คนมาดยิ่งใหญ่เผลอก่อนจะรู้ตัว หุบปากดังกั๊บหากช้าไปเสียแล้ว ไอ้ประโยคดังกล่าวมันเข้าสองรูหูเต็มๆ ส่งไปตีความถึงสมอง จนแทบจะย่อยออกมาเป็นกากอยู่มะรอมมะร่อ

เอาแล้ว เจอเด็กโข่งกินยายากเป็นมั่นคง และเสียงหัวเราะทางจมูกดังหึแสดงความไม่เชื่อถืออย่างแรงของเขาทำให้คนหน้าขาวเริ่มหน้ากระตุกตึ้ก หากเขาก็ต้องตั้งการ์ดเตรียมระเบิดพลังรับมือเก้อเมื่อแสงเหนือเลี่ยงไปออกคำสั่งเสียงเข้มแทนที่จะงาบ คาบและสะบัดหัวเขาดังคาด “เอาหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มาอ่านให้ฟังทีสิ แล้วคราวนี้ไม่ต้องเล่าให้ฟังตอนจบล่ะ ไม่งั้นโดนอีกแน่”

หยิบหนังสือแนวฆาตกรรมสืบสวนเล่มใหม่ล่าสุดมาพลิกดูแล้ว เขาก็แปรเอาความหมั่นไส้มาลงที่เจ้าตัว “หนังสือฆาตกรรมอีกแล้ว ผมเบื่อ ความอดทนผมสั้นด้วย ขืนให้อ่าน ผมก็ต้องอ่านตอนจบก่อนแล้วพออ่านตอนจบก่อน ผมก็จะเผลออ่านออกเสียงชื่อฆาตกรแบบมีเลศนัยจนคุณรู้อยู่ดีนั่นล่ะ พอคุณโดนสปอยล์เข้าก็หงุดหงิดตีหัวผมอีก ไม่เอาล่ะ ผมไม่อ่าน”

ถ้าเป็นเมื่อวานรับรองได้ว่าเขาต้องได้เก็บของเดินออกจากบ้านภายในห้านาทีแน่ แต่เป็นวันนี้ เป็นจินดนัยคนใหม่ที่กุมความลับเรื่องฝันร้ายของแสงเหนือไว้ ไม่ว่ายังไง เขาก็แน่ใจว่าไม่มีทางโดนไล่ออก และเป็นจริงดังคาดเมื่อแสงเหนือเพียงถอนหายใจท่าทางเบื่อหน่าย “แล้วนายจะอ่านอะไร”

“การ์ตูน” อ้า ถึงจะรอดจากการโดนไล่ออกแต่เรื่องโดนไล่เขกนี่ไม่ทันคำนวณ พลาดๆ “งั้นเอาเป็นเรื่องเล่าจากปากฆาตกรได้ไหม ผมว่ามันน่าติดตามดีน่ะ ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ตอนฆ่าคนอื่นกันบ้าง รู้ไหมว่า ฆาตกรต่อเนื่องในดวงใจผมคือฆาตกรคลาสสิค แจ็ค เดอะริปเปอร์เชียวนะ”

“ถ้าอยากรู้ทำไมไม่ถามฉันล่ะ” เสียงเรียบๆ ของชายหนุ่มทำเขาตามคำถามไม่ทัน “ถามเรื่องอะไร”

“คำบอกเล่าจากปากฆาตกรไง” จินดนัยพลันเป็นฝ่ายเงียบอึ้งแทน เขาไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แม้ใจหนึ่งจะอยากรู้เหลือเกินว่าแสงเหนือตั้งใจหรือไม่ ถ้าตั้งใจก็คงพลาดตรงที่ทำให้ตัวเองต้องตาบอดไปด้วย หากอีกใจหนึ่ง เขากลับไม่อยากได้ยินความจริงจากปากนั้น ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเสียใจหรือไม่ได้ยินดียินร้ายกับการตายของศัตรูอย่างเขา เขายังไม่อยากฟังในตอนนี้

“...ผมอ่านเรื่องแรกก็ได้” หยิบหนังสือมานั่งอ่านด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และจากการลอบชำเลืองมองดูสีหน้าอีกฝ่าย แสงเหนือก็คงจมอยู่กับโลกส่วนตัวเช่นกัน สองคน สองใจ หนึ่งฆาตกร หนึ่งเหยื่อฆาตกรรม เรื่องราวในนิยายจบลงด้วยดี แต่ชีวิตพวกเขาล่ะ เขายังมองไม่เห็นเลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ใครจะอยู่ ใครจะไป ถ้าเขาทำสำเร็จ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรคงเปลี่ยนเป็นเขาแทน

ไม่เกี่ยวกับคำว่าใจอ่อนหรือไม่ ทว่า...เขาพร้อมแล้วหรือที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคำๆ นั้นไปตลอดชีวิตต่างหาก

++++++++++++++++++++++++

TBC
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 10-06-2008 13:32:52
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 6 - จนกว่าความตายมาพราก ~

“ความจริง ไอ้เหนือมันสมควรตายในหลายๆ กระทงอยู่หรอก ถ้าเอาแค่ที่จำได้ก็ต้องเริ่มจากสมัยมันยังเรียนอนุบาล”

จินดนัยเล่าเท้าความเป็นมาเพื่อแสดงตรรกะให้เพื่อนสนิทฟัง ทว่าไอ้เพื่อนหน้าหมาชื่อริชชี่มัวแต่สนใจกับลูกบอลในมือเขาเลยไม่ค่อยแสดงทีท่าอยากฟังจริงจังเท่าใด “มันกินตำแหน่งหัวโจกคิดค่าหัวคิวมาตั้งแต่เป็นสิ่งมีชีวิตสูงแค่สองฟุตครึ่ง พอขึ้นประถมก็จัดตั้งฮาเร็มเก็บเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักไว้เชยชมคนเดียว เหลือแต่พวกอ้วนดำที่มันคัดออก ครั้นขึ้นมัธยมเริ่มออกแนวหล่อเลว ฉี่รดขยายอาณาเขตไปถึงต่างโรงเรียน สาวๆ ในรั้วเดียวกันไม่ควง ต้องเล่นต่างรั้วถึงจะงามอย่างมีคุณค่า จนถึงม.ปลาย เริ่มเรื่องมากแตกหน่อไปขอคบแต่สาวมหาลัย เด็กรุ่นเดียวกันไม่ชำเลืองแลให้เสียหางตา หม้อเข้ากระแสเลือด เลวลึกถึงดีเอ็นเอเพียงนี้แต่ทำไมยังมีแต่คนรัก”

ข่าวคาวมากมายของแสงเหนือมีมาให้เขาได้ยินได้ฟังตลอด จินดนัยเคยนึกหมั่นไส้เหลือกำลังและหวังว่าข่าวคราวในด้านบวกของเขาเช่นได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดอ่านบทร้อยกรองหรือได้รับรางวัลเป็นเด็กมารยาทงามจะพอกระเซ็นกระสายไปเข้าหูฝ่ายนู้นบ้าง โอเค เขารู้ว่ามันไม่เท่นักหรอก แต่อย่างน้อยทางโรงเรียนคงไม่เคยคิดจะส่งเด็กเถื่อนอย่างหมอนั่นไปนั่งขับกาพย์โคลงกลอนก็แล้วกัน

“โฮ่ง โฮ่ง” ริชชี่เรียกร้องความสนใจโดยการงับรองเท้าแตะของเขาไว้และออกกิริยาสะบัด จินดนัยตอบสนองด้วยการเสยคางเจ้าลูกหมาไปหนึ่งดอก หวังสั่งสอนให้รู้ว่ากัดรองเท้ามันไม่ดี เจ้าริชชี่ตีลังกาม้วนหลังไปสองตลบแน่นิ่งกับพื้นหญ้าสักพัก มันก็โดดผึงวิ่งกลับมางับใหม่ทันที

“นี่แกเป็นลาบราดอร์สายพันธุ์ปลาทองหรือเปล่าวะ ริชชี่” คว้าเจ้าอ้วนกะปุ๊กลุ๊กขึ้นมากองไว้บนอก ไม่รู้ว่ามันตัวเริ่มใหญ่หรืออกแมนๆ ของเขาเล็กลง ร่างอ้วนสมบูรณ์จึงล้นๆ นอนไม่พอ เดี๋ยวไม่ขาซ้ายก็ขาขวาต้องล้นที่ ตกห้อยอยู่ร่ำไป “แกก็ออกจะน่ารัก ทำไมแสงเหนือถึงไม่ชอบเล่นกับแกนะ”

จินดนัยบ่นพึมพำคนเดียวระหว่างที่นอนเล่นบนสนามหญ้าหน้าบ้าน วันนี้คุณรตีพาแสงเหนือไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า มีลุงโตเป็นคนขับรถควบคนดูแลไปด้วย เขาจึงไม่ต้องเสนอหน้าตามติด มีเวลาว่างให้นั่งคิดหาเหตุผลรองรับสิ่งที่คิดจะทำ แน่ล่ะ เขาสามารถเขียนเหตุผลที่แสงเหนือสมควรตายได้เป็นหน้าแต่สำหรับกระดาษสำหรับเขียนเหตุผลว่าทำไมเขาถึงควรยอมนอนตายตาหลับ ปล่อยวางเรื่องแก้แค้นเสียทีกลับว่างเปล่า มันยิ่งทำให้เขากลุ้มยิ่งขึ้นไปอีก เพราะในเมื่อมันว่างเปล่า แล้วทำไมดันไม่ลงมือเสียที

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ยิ่งมองหน้าซื่อตาใสของริชชี่แล้วยิ่งอยากกรีดร้อง ทำไมไม่ส่งตูมาเกิดเป็นหมาเสียเลย จะได้ไม่ต้องนั่งคิดมากแบบนี้!

เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาเรียกสติเขาให้กลับมาจากนอกโลก เขามองตามจนมันจอดนิ่งสนิทและภาพเดิมๆ ที่ลุงโตรี่เข้าประคับประคองแสงเหนือเหมือนฉายซ้ำแต่ที่จะไม่ซ้ำก็ตรงเจ้าริชชี่ซึ่งเพิ่งตะกายหลุดจากมือเขากำลังห้อสี่ตีนวิ่งไปรับเจ้านายอย่างดีใจ

ร่างอ้วนป้อมของลูกหมาทิ่วิ่งพันแข้งพันขาเจ้านายหนุ่มกลับได้รับสิ่งตอบแทนแค่การยกเท้าเขี่ยกราดของแสงเหนือ เสียงไล่ตะเพิดของลุงโตและเสียงคุณรตีเรียกให้ใครมาจับริชชี่ไปพ้นๆ จินดนัยคว้าริชชี่ที่บัดนี้หูลู่หางตกเอาไว้แล้วกอดแน่น “อ้าว เจ้าจินมาพอดี มารับตาเหนือเร็วเข้า”

แสงเหนือหันมาตามเสียงพูดของมารดาและยืนรอนิ่งๆ หากคิ้วเข้มนั้นเริ่มขมวดฉับยามเขาตอบสุภาพ “มือผมเปื้อน จับเจ้าริชชี่มาตลอด ขอผมไปล้างมือก่อนดีกว่าครับ”

ใช่ว่ามองไม่เห็นอาการเม้มปากคล้ายเด็กโดนขัดใจของชายหนุ่ม แต่เขาก็รีบหอบเจ้าลูกหมาจิตตกวิ่งจากมา เสียเวลาประคบประหงมให้ความรักมันอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะกลับมาเฝ้าแหนตามเคย

“ล้างมือประสาอะไรตั้งเป็นชั่วโมง” นั่นเป็นเสียงดุๆ ต้อนรับการมาถึงของเขา “วันหลังเห็นหมาสำคัญกว่าฉันก็ไม่ต้องมาแล้ว”

จินดนัยไม่ได้แก้ตัวและไม่คิดจะแก้ คนที่หน้าบึ้งเป็นทุนเดิมเลยยิ่งบึ้งหนักส่อเค้าเตรียมอาละวาดถ้าจะไม่ได้ยินเสียงย้อนถาม “คุณเหนือเกลียดหมาเหรอ”

“...เปล่า” แสงเหนือตอบท่าทางระมัดระวัง “ถามทำไม”

“ผมเห็นคุณไม่ชอบเจ้าริชชี่เลยสงสัยว่าถ้าไม่ชอบแล้วจะซื้อมันมาเลี้ยงทำไม หมานะคุณ ต่อให้มันอยู่ในคฤหาสน์แต่เจ้าของไม่ใส่ใจ มันก็ไม่มีทางมีความสุขเท่าอยู่กระต๊อบกับเจ้าของที่รักมันหรอก” พูดไปแล้วก็นึกสงสัยว่าเขาเป็นหมาหรือไง ถึงทำเป็นเข้าใจปัญหาชีวิตเจ้าตูบ “เมื่อกี๊มันโดนตะเพิดจนหางตกเลย ผมสงสารมัน”

“แม่เป็นคนซื้อ ไม่ใช่ฉัน” ยังจะโบ้ยอีก ถามจริงว่าชาตินี้เคยทำผิดกับเขาบ้างไหม “ผมรู้ แต่คุณรตีเขาก็ตั้งใจซื้อมาให้คุณเหนือนี่ ไหนเมื่อกี๊ว่าไม่เกลียดหมาไง แล้วทำไม...”

“เพราะมันเป็นลาบราดอร์น่ะสิ” จินดนัยก๊งทันที ไม่เข้าใจว่าเกิดเป็นหมานอกมันผิดตรงไหน เขาถามออกไปและได้รับคำตอบฉุนเฉียวที่ฟังแล้วไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือโกรธดี “ลาบราดอร์มันเป็นหมาสำหรับคนพิการ นายไม่รู้หรือไง เขาชอบใช้หมาพันธุ์นี้ฝึกเป็นสุนัขนำทางคนตาบอดกัน แม้แต่แม่ยังคิดว่าฉันต้องตาบอดไปตลอดเลย!”

อ้ำอึ้งไปพักใหญ่ จินดนัยจึงค่อยกระแอม “คุณเหนือครับ ผมว่า...มันไม่จำเป็นว่าลาบราดอร์ทุกตัวมันจะเป็นสุนัขนำทางกันได้ซะเมื่อไหร่ ของอย่างนี้เขาต้องเลือก ต้องคัด ต้องดูโหงวเฮ้งกันตั้งแต่เกิด ฝึกกันเป็นปีๆ กว่าจะเป็นได้ แล้วสำหรับเจ้าริชชี่น่ะ...” นึกถึงหน่วยเก็บความทรงจำอันแสนสั้นของปลาทองหน้าตาละม้ายลาบราดอร์ของริชชี่แล้วส่ายหน้า “ไม่มีทาง”

มองสีหน้าไม่อยากเชื่อน้ำยาคำพูดของแสงเหนือแล้วเขาก็รีบลุก “ผมไปเอาเจ้าริชชี่มานี่นะ คุณเหนือจะได้รู้ว่ามันห่างไกลกับการเป็นสุนัขนำทางขนาดไหน”

โดยไม่รอฟังคำอนุญาต จินดนัยวิ่งตื๋อออกมาคว้าเจ้าอ้วนที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่แถวถาดข้าว ไม่สนใจเสียงร้องประท้วงและอาการดีดดิ้นเล่นตัว รีบหิ้วเจ้าหมาตะกละกลับไปวางบนตักแสงเหนือ ทีแรกฝ่ายนั้นสะดุ้งและทำท่าจะโยนก้อนกลมขนฟูทิ้งออกนอกกำแพง “อย่าโยนนะ ไหนบอกไม่เกลียดหมาไง หรือว่ากลัว”

ริชชี่ที่เงยหน้าเจอคนที่เพิ่งทำร้ายจิตใจมันไปเมื่อครู่แล้วไม่พูดพล่ามทำเพลง ตะกายสี่ขาขึ้นบนอกกว้างแล้วตั้งหน้าตั้งตาเลียหน้าชายหนุ่มเป็นการใหญ่เพื่อหวังสารภาพรัก

“นั่ง... นั่ง! อย่าเลีย มันสกปรก เฮ้ย” แสงเหนือจุปาก คว้าลูกสุนัขไว้ด้วยความทุลักทุเลเนื่องจากความพยายามแสดงออกความรักแบบสุดกึ๋นของมัน “ไอ้นี่พูดจาไม่รู้เรื่อง ไหนเขาว่าลาบราดอร์ฉลาดกันนี่ ผ่าเหล่ามาหรือไงเรา”

จินดนัยนั่งเท้าคางมองลูกสุนัขจ้องหน้านายหนุ่มแบบจงรักภักดีแล้วถอนหายใจ พึมพำ “เป็นหมานี่ดีนะ มันไม่เคยนึกโกรธ นึกเกลียดคนที่เคยทำร้ายมันเลยสักครั้ง”

ยิ่งเห็นกิริยาลูบหัวเจ้าริชชี่ที่กำลังทำหน้าเคลิบเคลิ้มแล้วค่อยแน่ใจว่าแสงเหนือไม่ได้เกลียดหมาจริงๆ เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะเข้าใจอะไรผิด คิดว่าริชชี่จะมาตอกย้ำความพิการของตัวเองมากกว่า “ลูกหมาที่จะเอาไปฝึกน่ะต้องมีสมาธิ มีความอดทน ไม่ตกใจอะไรง่ายๆ เจ้าริชชี่มันฟังคำสั่งใครรู้เรื่องบ้าง รักแต่จะเล่นสนุก สมาธิสั้น ขี้ลืม จิตตก ใจแตกแบบนี้คงโดนทางฟาร์มคัดออกตัวแรกเลยมั้ง”

“หึ รู้เรื่องพวกนี้ดีจังนะเรา” ริชชี่นอนหงายท้องอ้าซ่าให้คนพูดเกาพุงอย่างสบายอุรา ทำเอาจินดนัยชักหมั่นไส้ ทีเมื่อกี๊ทำตาปรอย หางตกอย่างกับหมาวัดติดหวัด ทีตอนนี้ล่ะทำเป็นลืม

“ผมเคยดูหนังเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องที่มีสุนัขนำทางเป็นพระเอก เดินเรื่องตั้งแต่ตอนมันเกิด ตอนมันถูกเลือกแล้วก็ต้องไปฝึก กว่ามันจะได้อยู่กับเจ้านายตาบอดก็ไม่ใช่ง่ายๆ เขาต้องทดสอบตั้งหลายขั้นกว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันได้ แถมตอนจบเรื่องนี้ทำเอาผมร้องไห้จนตาบวมเลย อายชะมัดตอนเดินออกจากโรงหนัง”

“ฉันไม่เคยดู เรื่องมันจบยังไง” แสงเหนือขยับเกาหูเกาคางให้ริชชี่ที่ตอนนี้นอนนิ่งเหมือนหมาตายแล้วขึ้นสวรรค์ก็ไม่ปาน

“มันอยู่กับเจ้านายจนเขาตาย ...มันอยู่กับเขาจนวันตาย” คงเหมือนเขากระมัง ต้องอยู่ข้างๆ แสงเหนือจนตายกันไปข้าง

“แล้วนายล่ะ จะอยู่กับฉันจนวันตายหรือเปล่า” คำถามตามติดเกิดตรงใจเขาอย่างน่าบังเอิญ และมันทำให้เขาเผลอตอบไปก่อนจะทันมองว่าแสงเหนือพูดกับเขาหรือพูดกับหมา “...อืม”

ปรากฏว่าชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นทันที จินดนัยเองก็สะดุ้งกับการเผลอหลุดปากและยิ่งแน่ใจว่าเมื่อครู่แสงเหนือคงแค่ถามเล่นๆ กับเจ้าริชชี่ ไม่ใช่เขา ยิ่งทำให้หน้าร้อนเห่อ อยากหารอยแตกตามพื้นแล้วมุดหลบไปสักพัก รอคอยฟังเสียงหัวเราะเยาะกับคำตอบผิดคิวตลกๆ ของเขาด้วยอาการกลั้นหายใจ

แต่แสงเหนือกลับยิ้มอ่อนโยน ใบหน้าที่เคยเอาแต่บึ้งตึงกลับดูมีเสน่ห์เหมือนในสมัยก่อนตอนที่ชีวิตยังมีแต่ความสมบูรณ์แบบ จินดนัยยังตั้งหลักกลับตัวไม่ถูกว่าคำตอบรั่วๆ จากความเข้าใจผิดจะทำให้แสงเหนือมีความสุขอะไรได้ขนาดนั้น เจ้าตัววางริชชี่ลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้นดม “ทำไมกลิ่นแชมพูถึงไม่หอมเหมือนตอนนั้นเลย”

“ตอนนั้น... อ๋อ” นึกถึงตอนแสงเหนือจับแขนเขายกดมพิสูจน์กลิ่นแล้วค่อยถึงบางอ้อ “มันก็กลิ่นนี้ล่ะ แต่คงจางไปแล้ว มีแต่กลิ่นหมาเหลือ”

“งั้นเหรอ ไหนเอาแขนนายมาซิ” ขอมือหมาไม่ได้ แสงเหนือจึงเริ่มหันมาขอมือเขาแทน ฝ่ายคนยื่นยื่นให้แบบกล้าๆ กลัวๆ เลยตั้งตัวไม่ทันยามโดนขึ้นยกจรดจมูกก่อนคนจมูกดีจะประกาศ “กลิ่นนี้ล่ะ เจ้าจิน...หรือว่านายจะเอาแชมพูริชชี่ไปอาบกันแน่ หา”

“ฮึ่ย จะบ้าเหรอ” กระตุกแขนกลับทันควัน อยู่ดีไม่ว่าดีหาว่าขโมยแชมพูหมามาอาบน้ำเสียฉิบ “ผมไม่ใช่หมานะ สบู่ผมก็ใช้ของคุณในห้องน้ำนั่นล่ะ แล้วจะไปใช้ของหมาทำไม ถ้าว่าผมกลิ่นเหมือนหมา คุณเหนือก็ต้องเหมือนกันล่ะ”

ยกแขนตัวเองดมแล้วแสงเหนือก็ส่ายหน้า “ไม่เหมือน กลิ่นนายมันหอมแบบหวานๆ เหมือนลูกกวาด”
“ฮึ่ย จะ...จะบ้าเหรอ” แบบนี้ทั้งปี เวลาคับขันแล้วดันนึกคำด่าไม่ออก “คุณเหนือบ้าแล้ว คนนะ จะไปกลิ่นเหมือนลูกกวาดได้ไง”

“เหมือนไม่เหมือน ลองชิมดูก็รู้” คนตาบอดตั้งท่าขยับลุก เล่นเอาจินดนัยหน้าเหวอเผลอยกเท้าถีบเก้าอี้ฝ่ายนั้นโครมจนร่างสูงสะเทือนแต่กลับยังหัวเราะลั่นคล้ายดีใจที่แหย่เขาสำเร็จ ...คนอะไรวะ ประสาทเปล่า ชอบให้คนอื่นโมโห ยิ่งเห็นหัวเราะไม่ยอมเลิก ยิ่งเหมือนโดนหยามเลยยกเท้าถีบรัวอีกหลายโครม

“ขำไร ไม่เห็นตลก” ริชชี่ที่ตกใจวิ่งหนีไปไกลตอนเขายันโครมแรกวิ่งหน้าเริ่ดกลับมาอีกครั้ง คงเพิ่งตั้งหลักได้และคิดว่าพวกเขาเล่นสนุกกัน “มานี่ ริชชี่ อย่าไปยุ่งกับคนบ้า บอกให้มานี่ไง”

แม้แต่หมายังแปรพักตร์ เจ้าริชชี่หันไปออเซาะคนบ้ายิ้ม ทำอย่างกับรู้จักกันมานานหลายปี หงุดหงิดกับลูกกระจ๊อกทรยศจนต้องลุกเดินหนีดื้อๆ พอแสงเหนือถามก็ตะโกนตอบด้วยความเกรงใจ “ไปขี้!”
อารมณ์เสียจากการเสียหน้าจนหน้ามืดตามัวเกือบเดินชนคุณรตีที่มายืนแอบอยู่ตรงระเบียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เขาก็ยกมือท่วมหัวแทบไม่ทัน “เจ้าจิน...”

“ผม...ไม่ได้... คือมันกะทันหัน” ทั้งกะทันหัน ทั้งฉุกเฉินจนยกเท้าถีบเก้าอี้เจ้านายไปหลายสิบครั้ง ตะโกนว่าไปขี้จนได้ยินไปถึงหน้าปากซอยเท่านั้นเอง “ขอโทษครับ”

“ตาเหนือหัวเราะ ตอนฉันได้ยินยังไม่อยากจะเชื่อ” สายตาของคุณรตีจ้องอยู่ที่ลูกชายซึ่งกำลังเล่นกับเจ้าริชชี่อยู่สลับกับมองเขาไปด้วยแบบแค่เห็นก็น่าเวียนหัวแทน ...เอ่อ เขากับแสงเหนือไม่ได้ตีเทนนิสกันอยู่นะครับ มองให้เสร็จเป็นคนๆ ไปก็ได้ “เรานี่เก่งนะ พูดกับตาเหนือแค่แป๊บเดียว แกก็ยอมเล่นกับเจ้าริชชี่แล้ว ไหนจะ...”

เริ่มเกิดอาการพองลมยืดอกอย่างไม่รู้ตัว แต่ยังไม่ทันจะฟื้นจะฝอย คุณรตีก็ออกคำสั่ง “ดีเลย พรุ่งนี้เราไปกับตาเหนือด้วยนะ ฉันจะพาลูกเข้าไปดูงานที่โรงแรม ถ้าเป็นเราคงไม่โดนตาเหนือเอาไม้เท้าตีหัวแตกตอนแกหงุดหงิดมั้ง”

เห็นปากอ้าค้างของเขาแล้วคุณรตีคงเพิ่งนึกออก รีบแก้คำพูดเป็นการด่วน “ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก แค่...ครั้งก่อน ตาเหนือเจอเจ้าอั้ม... แกเป็นหลานห่างๆ ของฉัน ลูกพี่ลูกน้องตาเหนือน่ะแต่คู่นี้เขาไม่ค่อยถูกกัน พอบังเอิญเจอเข้าเลยหงุดหงิด เจ้าเด็กคนก่อนเลยซวยที่ดันไปขวางทางพอดี แค่เย็บไปไม่กี่เข็มแต่มันบอกว่าแม่ที่บ้านป่วยเลยต้องลาออก”

เรื่องมีคนไม่ถูกกับแสงเหนือน่ะพอรับได้ แถมเข้าใจดีเลยว่ามันเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ถ้ามีผู้ชายคนไหนเข้ากับแสงเหนือได้ดีสิถึงจะผิดธรรมชาติ แต่เรื่องฟาดคนรับใช้หัวแตกเนี่ย ฟังยังไงก็รับไม่ได้ น่ารังเกียจสุดๆ เขายังไม่ทันจะขอตัวกลับบ้านแม่บ้าง เจ้าคนน่ารังเกียจก็เริ่มเรียกหา “จิน! ยังขี้ไม่เสร็จอีกเหรอ”

นอกจากหน้าหม้อแล้วยังหน้าด้าน ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน ตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมายันตัวโตเท่าตึก ตอนตาดีหรือตาบอด ไม่ว่าเมื่อไหร่ แสงเหนือมักจะทำให้เขาขันติแตกได้ง่ายๆ เหมือนในอดีต ไม่ว่าจะเป็นจินดนัยคนไหนต่างก็เป็นศัตรูกับแสงเหนืออยู่ดี

ลุยก็ลุย ดีสิ เพราะถ้าไอ้หมอนั่นกล้าตีเขาหัวแตกจริง จะได้กะซวกมันให้ไส้ไหลแล้วบอกว่าเป็นการป้องกันตัว เรื่องเฮงซวยบ้าบอคอแตกนี่จะได้จบเสียที

++++++++++++++++++++++++++++++

TBC
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 10-06-2008 15:42:39
สนุกดีๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Taurus ที่ 10-06-2008 16:29:49
เริ่มน่ารักแล้วดิ   :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 10-06-2008 16:46:19
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ขำจินมาก...ใจอ่อนเร็วๆ นะ

ช่วยเหนือหน่อย  สงสารง่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 10-06-2008 20:45:37
สงสารเหนือนะ ไม่น่าตาบอดเลย จะรักษาได้มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 10-06-2008 22:28:01
 :oni2:สนุกมากกกกกกกกก

จินตลก แสงเหนือก็เอาแต่ใจซะ 555 ชอบๆๆๆ

รอตอนต่อไปค่ะ  จะรอๆๆ :a1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: dear1127 ที่ 11-06-2008 15:57:24
ดันๆ รอตอนต่อไปสนุกมากครับ





************************************
เจาะไข่เด็กใหม่ซะเรย อิอิ +1 สำหรับโพสแรกด้วยนะคร๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 11-06-2008 17:54:56
ติดตามงานของคุณ DD เสมอฮะ  o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 11-06-2008 18:25:17
มารอแระเนี่ย



เมื่อไหร่จะมาค้า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 11-06-2008 20:21:32
 :m20:..รอดูปฏิบัติการฉบับจินค้าบ..อิ.อิ. :a4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 11-06-2008 23:31:59
มานอนรอ...... :a12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Mint ที่ 12-06-2008 01:50:59
 :m1: :m1: :m1:

มารอด้วยคนค่ะ

 :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-06-2008 13:00:26
อ๋อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย   o2

กว่าจะตามทัน  ตาลาย


ไม่ต้องลงมากขนาดนี้ก้ได้คะ

เจ้พาลจะเป็นลมกว่าจะตามทัน  o2
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 12-06-2008 13:01:41
หนีงานมาแอบรอเหมือนกันจ้า :m23:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 12-06-2008 13:43:58
มะวานทำงานหัวฟูไปหน่อย ไม่ได้มาลงเลย ขออภัยอย่างสูงฮับ

 :m23: :m23:
กลัวเจ้สองจะตาลายอีก งั้นวันนนี้ลงให้ 1 ตอนก่อน แล้วค่อยมาทยอยลงทีละตอนเนอะ....

ขอเวลาแปร๊บบบบบ เด๋วมาลงให้คร๊าบบบบ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 12-06-2008 14:26:25
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 7 - ศัตรูหมายเลขหนึ่งกะทันหัน ~

ถึงปากจะพูดโง้นพูดงี้ พอถึงเวลาลงสนามจริง จินดนัยก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อนึกถึงว่าเขาไม่ได้ออกไปไหนไกลๆ มานานโขนับแต่ตอนตาย พอกลับมาปุ๊บก็ไม่ทันมีเวลาไปเดินเล่นไหนเพราะมัวแต่มุ่งตรงมาหาตัวต้นเรื่องท่าเดียว มาตอนนี้เมื่อจะได้นั่งรถไปบริษัทกับคุณรตีและแสงเหนือ เขาจึงรู้สึกเหมือนตอนประถมที่จะได้ไปทัศนศึกษากับทางโรงเรียนเป็นครั้งแรก แค่เปลี่ยนจากท้องฟ้าจำลอง สวนสัตว์อะไรเทือกนั้นเป็นโรงแรมสุดหรูใจกลางเมืองซึ่งคุณรตีเป็นหุ้นส่วนใหญ่อยู่เท่านั้นเอง

ตามประสาเด็กใฝ่รู้อีโก้สูง สมัยก่อนตอนเขาจะไปทัศนศึกษา เขาก็หาข้อมูลสถานที่ที่จะไปไว้พร้อมพรัก ชนิดบอกได้เลยว่าเสือ สิงโต ลิงค่างบ่างชะนี อีเก้ง อีเห็นแต่ละตัวมาจากส่วนไหนของโลก เมื่อคืนเขาย่องไปศึกษาข้อมูลมาจากลุงโตมาแล้วเรียบร้อยเช่นกัน ลุงโตเล่าว่าหุ้นในโรงแรมนี้เป็นมรดกตกทอดมาทางครอบครัวคุณรตี ซึ่งฝ่ายคุณเตโช พ่อของแสงเหนือไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่งกับสมบัติเก่าของภรรยา เพราะทางคุณเตโชก็มีบริษัทน้อยใหญ่ให้ดูแลมากพออยู่แล้ว เมื่อก่อนแสงเหนือเคยตามคุณรตีเข้ามาศึกษางานอยู่บ่อยๆ เพียงแต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุแล้ว คุณรตีกลับประสบความสำเร็จในการลากลูกชายมาที่นี่ได้แค่สองสามครั้งเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมากสำหรับผู้เป็นว่าที่ประธานฝ่ายบริหารคนต่อไป

เมื่อเขาถามถึงคุณอั้ม ลุงโตกลับหัวเราะ “อ๋อ คุณอั้ม...คุณเมืองเอกเป็นลูกพี่ลูกน้องคุณเหนือ คุณรตีท่านรับมาจากญาติห่างๆ ตั้งแต่ยังเล็กแล้วส่งเสียอุปการะจนเรียนจบมีงานทำ อายุมากกว่าคุณเหนือห้าหกปีแต่ชอบทำตัวเป็นเด็ก คอยหาเรื่องคุณเหนืออยู่บ่อยๆ แต่ก่อนนะเจ้าจินเอ๊ย ท่านสองคนแข่งกันอย่างกับอะไรดี โดยเฉพาะเรื่องจีบหญิงนี่ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายเลยเชียว บางครั้งคุณเหนือชนะ แต่บางครั้งคุณอั้มก็คาบไปกิน อย่างว่านะ แข่งเรื่องไหนแข่งได้แต่คุณเหนือก็แพ้เรื่องวัยวุฒิอยู่ดีล่ะ”

ได้ข้อมูลเป็นที่น่าพอใจแล้ว จินดนัยก็นอนหลับและตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อใหม่สำหรับเขาซึ่งเป็นเสื้อเก่าของแสงเหนือที่คุณรตีโละมาให้ นั่งจ้องรอชายหนุ่มตื่นอยู่ข้างเตียง เห็นร่างสูงขยับนิดหนึ่งก็รีบเรียก “คุณเหนือ ตื่นเถอะ”

“อือ...” รับคำแต่ตาปิดสนิทแถมซุกหน้าหนีไปอีกด้าน จินดนัยจึงตามไปกระซิบข้างหู สะกดจิตให้ตื่น “จงตื่น จงตื่น จงลืมตาเดี๋ยวนี้ คุณเหนือ คุณเหนือ... คุณเหนือโว้ย!”

คนขี้เซาลืมตาพรึ่บ ทำหน้าตื่นตกใจพร้อมยันตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนชนเข้ากับเขาที่ถอยหลบไม่ทัน หัวโขกกันดังโป๊กสนั่น เล่นเอาจินดนัยลงไปนอนความจำเสื่อมหลายวินาที “อ๊ากกก! เจ็บ เจ็บอ้า ไอ้คุณเหนือบ้า จะลุกทำไมไม่บอก ฮือ หัวแตกเปล่าวะ”

เบี่ยงหลบมือใหญ่ๆ ของอีกฝ่ายที่ควานเปะปะมาโดน “ไม่ต้องมายุ่ง อย่าจับ มันเจ็บ” ปัดมือยุ่มย่ามลูบหัวลูบหน้าให้มั่วซั่วแต่กลับโดนคนเพิ่งตื่นเอ็ดเสียงเขียว “ใครใช้ให้ยื่นหน้ามาซะชิดเล่า อย่าร้อง แล้วหัวแตกจริงหรือเปล่า อูย แต่ที่แน่ๆ ฉันว่าฉันต้องหัวโนแหง”

หลังจากแน่ใจว่าเขาไม่ได้หัวแตกจริงอย่างที่โม้ ชายหนุ่มก็ยกมือคลำรอยแดงบนหน้าผากตัวเองป้อย ถามห้วน “วันนี้มาแปลก ทำไมนายถึงตื่นก่อนฉันได้”

“วันนี้คุณรตีจะพาคุณเหนือไปโรงแรมไง ลืมแล้วเหรอ คุณรตีบอกให้ผมไปด้วย รู้แล้วก็รีบๆ อาบน้ำสิ” ปรากฏว่ากว่าจะงัดแสงเหนือขึ้นจากเตียง อุ้มเข้าห้องน้ำ จับแต่งตัวหวีผมได้ก็กินเวลาไปมากโข เกือบตบะแตกไปหลายรอบ ได้แต่พยายามนึกให้แสงเหนือเป็นแค่เด็กอนุบาล ดี๊ด๊าวันศุกร์ ก๋าได้วันเสาร์ หดวันอาทิตย์ เกลียดวันจันทร์เข้าไส้และบังเอิญว่าวันนี้มันก็เป็นวันจันทร์พอดีนั่นล่ะ

ตอนกินข้าว แสงเหนือยังทำตัวโอ้เอ้ชนิดน่าเอาหัวโหม่งให้ตื่นอีกรอบ เคี้ยวข้าวเป็นเคี้ยวเอื้อง เขาเลยพลอยเกร็งจนเมื่อย ตื่นเต้นจนหาย ท้ายสุดถึงขั้นปลงและแค่รอดูว่าเมื่อไหร่เจ้าเด็กโข่งจะลงดิ้นปัดๆ กับพื้น ร้องไม่ไป๊ ไม่ไปเท่านั้น จึงค่อนข้างผิดคาดเมื่อในที่สุด พวกเขาก็ได้เคลื่อนขบวนออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริเวณใจกลางเมืองที่โรงแรมตั้งอยู่

ทันทีที่รถจอดเทียบหน้าทางเข้าล็อบบี้ พนักงานในชุดสีเข้มคนหนึ่งก็พุ่งปราดมาเปิดประตูรถให้กับผู้โดยสารบนเบาะหลัง มีชายในชุดสูทเข้ามากล่าวทักทายคุณรตีกับแสงเหนือด้วยท่าทางนอบน้อมและเชิญให้ออกเดิน ตัวเขาเองก็เริ่มตื่นบรรยากาศไฮโซจึงรีบแถเข้าไปข้างแสงเหนือที่ไม่เคยคิดจะปิดบังหน้าบอกบุญไม่รับอยู่สักนิด

“แล้วนี่ตาอั้มไม่เข้ามาหรอกเหรอ” คุณรตีเอ่ยถามกับผู้จัดการและได้รับคำตอบว่า “คุณเมืองเอกออกไปพบแขกข้างนอกน่ะครับ แต่คิดว่าเย็นๆ น่าจะกลับเข้ามาอีกรอบ”

คุณรตีพยักหน้ารับรู้ขณะที่แสงเหนือทำหน้าสบายอกสบายใจ พอเห็นดังนั้นแล้วจินดนัยชักสงสัยหนักว่าคนแบบไหนกันหนอที่แสงเหนือเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากเจอ เพราะปกติหมอนี่ออกแนวเกะกะระรานเขาไปทั่ว ถนัดเดินชน ขับรถชนศัตรูมากกว่าจะคอยหลบเลี่ยงแบบนี้

เขาผันตัวเป็นติ่งเนื้องอกห้อยติดสีข้างชายหนุ่มจนกระทั่งตามมาถึงหน้าห้องประชุมก่อนที่คุณรตีจะหันมาสั่ง “เจ้าจิน เดี๋ยวค่อยกลับมาตอนใกล้ๆ เที่ยงแล้วกัน ไปเดินเล่นรอในโรงแรมก่อนก็ได้ หรือจะไปเดินห้างใกล้ๆ นี่ก็ตามใจ แต่ต้องกลับมาให้ทันเที่ยงนะ เข้าใจไหม”

“ครับ” รับคำนอบน้อมแต่ต้องคิ้วกระตุกจนได้ยามเสียงทุ้มเอ่ยล้อ “เดินเล่นน่ะได้ แต่อย่าหลงทางจนกลับมาไม่ถูกนะ ฉันขี้เกียจประกาศหาเด็กหาย”

ครั้นได้อยู่ตามลำพัง เขาก็นึกถึงลุงโต กะจะชวนแกมาเดินเป็นเพื่อนรอบโรงแรมเสียหน่อย แต่พอวิ่งตามไปเจอแกนอนดูโทรทัศน์ที่ห้องพักคนขับรถในอาคารจอดรถ แกกลับโบกมือไล่

“ข้าขี้เกียจ เอ็งไปเดินเล่นคนเดียวเถอะ ขึ้นไปดูสระ ดูบาร์ชั้นบนก็ได้ สวยดีหรือไม่งั้นก็เดินข้ามไปฝั่งห้างสิ ทางเชื่อมอยู่ตรงชั้นล็อบบี้นั่นล่ะ” ลุงโตฟังคำโอดครวญเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นานก่อนจะหมดความอดทน “บ๊ะ ไม่กล้าเดินคนเดียวหรือไง ไอ้หนู ถ้ากลัวหลงทางนักก็ถามทางเขามาเรื่อยๆ สิวะ พนักงานเต็มไปหมด เอ็งไม่ต้องกลัวจะหลงกลับบ้านไม่ถูกหรอก”

โดนจี้ใจดำเข้า จินดนัยจึงเรียกกำลังใจฮึดสู้สภาพแวดล้อมไฮโซเดินตึงตังกลับเข้ามาในโรงแรมอีกรอบ ชะเง้อดูบริเวณล็อบบี้ที่เดินผ่านมาแล้วเดินเลี่ยงไปอีกด้าน เขาเดินโต๋เต๋วนเข้าไปในโซนร้านค้าบริเวณชั้นล่างได้สักพักก็ต้องเดินกลับออกมาเพราะมีแต่ร้านขายเสื้อสูท หนังสือต่างประเทศและเพชรพลอยเครื่องประดับ เดินเลี่ยงเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นมีสระว่ายน้ำกับบาร์ตามที่ลุงโตบอก ซึ่งไม่สร้างความผิดหวังให้เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก จินดนัยก็เห็นน้ำสีฟ้าใสในสระว่ายน้ำขนาดใหญ่กลางแจ้งอยู่ตรงหน้านี่เอง

บริเวณรอบๆ สระมีเก้าอี้สำหรับนอนตากแดดวางเรียงอยู่ มีแขกชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งนอนอาบแดดในชุดว่ายน้ำโดยไม่สนใจใครอื่นนัก ตรงสุดปลายขอบสระมีบาร์เครื่องดื่มขนาดไม่ใหญ่นักเปิดให้บริการแก่ลูกค้าอยู่ด้วย

จินดนัยสะบัดรองเท้าแตะออกและขึ้นไปนอนเล่นบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มองไปรอบๆ นอกจากครอบครัวฝรั่งที่จูงลูกเล็กๆ ลงเล่นน้ำแล้ว ส่วนใหญ่มีแต่คนต่างชาติอาศัยนอนอาบแดดกันทั้งนั้น ฝรั่งหนุ่มสาวผมทองที่มีทั้งชนิดอ้วนกลมและผอมสูงนอนตากแดดตัวแดงเป็นกุ้ง นอกจากนี้ก็มีผู้ชายอีกคนเดียวที่ไม่ได้ใส่ชุดว่ายน้ำหากเป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสีเข้มกำลังคุยกับแหม่มสาวในชุดบิกินี่อย่างสนุกสนานที่มองมาทางเขาสองสามครั้ง

นอนได้ไม่นาน จินดนัยต้องรีบอพยพเปลี่ยนที่ เบนเข็มเข้าหาบริเวณใต้เงาร่มแทน ยกแขนแดงๆ จากการตากแดดไม่ถึงห้านาทีของตัวเองดูแล้วส่ายหน้า เห็นทีถ้าได้ไอ้ร่างใหม่นี่มาจริงๆ คงต้องฟิตกันยกใหญ่กว่าจะหล่อเฟิร์มได้เท่าร่างเก่าล่ะมั้ง เขาเงยหน้ามาเจอสายตาของผู้ชายแต่งตัวเต็มยศที่นั่งหลีสาวผมทองเมื่อครู่มองตรงมาพอดี และไม่ยอมเมินหลบยามสบตากับเขาอีกต่างหาก

มองอะไรวะ หรือว่าที่นี่ห้ามคนไทยเข้ามานั่ง อย่านะเฟ้ย ไม่รู้หรือไงว่าเขาน่ะเด็กใคร เขาเป็นคนติดตามเจ้าลูกชายหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมนี้นะเฟ้ย อย่าได้คิดมาดูถูก จินดนัยนั่งขึงตาจ้องจนฝ่ายนั้นยอมมองไปทางอื่นแทนแล้วค่อยสบายใจ เพิ่งหลับตาเคลิ้มๆ ได้แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น ครั้นลืมตามาเจอฝรั่งตัวอ้วนกลมตากแดดเสียแดงแจ๋ในกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กจิ๋วยิ้มกว้างอยู่เหนือหัว

เขาคุยกับฝรั่งแปลกหน้าได้พักหนึ่งก่อนที่ร่างอ้วนๆ จะเดินกะย่องกะแย่งไป ขณะที่เขากำลังจะลุกตามนั้นเองเสียงเอ่ยทักอีกเสียงก็หยุดไว้ก่อน คนพูดเป็นคนเดียวกับเจ้าของสายตาไร้มารยาทกำลังก้มหน้ายิ้มให้

“คุณว่าอะไรเซ็นๆ นะ ไม่รู้เรื่อง” ตอบนิ่งๆ แล้วร่างสูงๆ ของฝ่ายนั้นกลับถือโอกาสทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวติดกัน “อ้าว คนไทยเหรอ คิดว่าเด็กญี่ปุ่นหรือเด็กเกาหลีที่ไหนมานั่งเสียอีก”

ไทยแท้ขนาดนี้จะกิมจิได้ไง แถมอายุขนาดเขามันก็พ้นวัยเด็กมานานแล้ว ส่งสายตาไม่เป็นมิตรประมาณว่ารู้ไหม กรูมากับใครเข้าใส่ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รับรู้เข้าใจความหมายเอาเสียเลย “พักที่นี่เหรอ หรือว่ามากินข้าวเฉยๆ ...เอ งานฟังก์ชั่นวันนี้ก็ไม่มีแนะแนวการศึกษานี่นา”

“ที่นี่ห้ามคนไทยมานั่งเหรอ” เห็นอาการส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเขาก็ถามต่อ “แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไม ผมอยากนั่งนี่หรือนั่งตรงไหนก็เรื่องของผม” อย่านะอย่า เขายังไม่อยากเบ่งเส้นก๋วยจั๊บให้ดูเป็นขวัญตา

หากชายหนุ่มหน้าตาดีกลับไม่รับรู้ความหวังดีและคงเริ่มเห็นท่าว่ารักษามารยาทกับเขาไปก็ป่วยการจึงเผยยิ้มเหยียด “ถ้านายมากับแขกอยู่แล้ว ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าคิดจะมา...หาแขกจากในนี้ ฉันคงไม่ยุ่งไม่ได้” อาศัยจังหวะที่สมองเขายังตีความไม่แตก ฝ่ายตรงข้ามก็ย้ำคำพูดดูถูก “ปกติต้องโผล่มาตอนค่ำๆ ตามบาร์ข้างล่างนี่ เดี๋ยวนี้ได้แผนใหม่แล้วรึไง รีบไปให้พ้นเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่ฉันจะเรียกคนมาลากนายออกไป”

มือแข็งกำต้นแขนเขาแล้วออกแรงกระชาก จินดนัยซึ่งเพิ่งได้สติจึงเริ่มโวยลั่น “ไอ้บ้า! นายว่าใครเป็นอะไร ไอ้ชั่ว! ปล่อยสิโว้ย!”

หนอย ไม่ปล่อย ไม่ปล่อยใช่ไหม เดี๋ยวเจอท่าทุ่มพายุภูผาแล้วจะหนาว ติดแต่ว่าคืนวิชาให้อาจารย์ไปหลายปีแล้วบวกกับที่เขาเป็นคนไม่ชอบใช้กำลัง เลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยงและใช้แต่เสียงเข้าสู้ ดังนั้นหลายคนจึงได้เห็นภาพชายหนุ่มที่ลากร่างผอมๆ ของเด็กชายคนหนึ่งตรงไปที่ลิฟต์บริการ พนักงานหลายคนวิ่งมาตามเสียงร้องโวยวายแต่ก็ต้องชะงักยืนหันรีหันขวางแทน

เสียงใสตะโกนด่าหยาบคายจนเสียงแห้งก็มาถึงชั้นล่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้จัดการประจำรอบซึ่งได้รับโทรศัพท์แจ้งจากพนักงานบาร์โผล่พรวดเข้ามาเห็นชายหนุ่มร้องลั่นกำลังเงื้อมือหมายจะซัดกะโหลกเจ้าเด็กบ้าซึ่งกัดแขนเขาเสียจมเขี้ยวพอดี “เดี๋ยวครับ! คุณเมืองเอก!”

สองคนที่กำลังฟัดกันหัวยุ่งหันขวับมามองผู้จัดการซึ่งยกสองมือ ตั้งท่าจะปรี่เข้ามาแงะพวกเขาแต่หยุดเท้าเสียก่อนด้วยท่าทางไม่ไว้ใจสถานการณ์ “เด็กนั่นมากับคุณรตี เป็นเด็กรับใช้คนใหม่ของคุณแสงเหนือครับ ไม่ใช่...เอ้อ แบบที่คุณเข้าใจ”

สายตาสองคู่หันกลับมาสบตาจ้องเขม็งก่อนต่างฝ่ายจะต่างสะบัดชิ่งหนีและมองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจเหยียดหยาม จินดนัยทำท่าถุยๆ ทิ้งขณะชายหนุ่มชักสีหน้า ตวาดลั่น “ฉันเห็นเธอคุยกับฝรั่งอ้วนนั่นตั้งนานแล้วยังมีการแอบลูบขานายอีก ถ้าไม่ได้ตกลงราคากันแล้วจะคุยกันเรื่องอะไร บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่านายตั้งใจจะหาลำไพ่พิเศษ...”

“โว้ย ไอ้ประสาท ฝรั่งคนนั้นเขาแค่เข้ามาคุยเฉยๆ เขาถามว่าผมซื้อกางเกงแบบนี้จากที่ไหน เขาอยากได้บ้างแต่ต้องไซส์ใหญ่กว่านี้” จินดนัยยกแข้งให้ดู คล้ายกับอยากยกให้ดูชนิดติดลูกกะตาด้วยท่าขึ้นขุนเข่า ให้ทะลุลูกกะตาออกไปได้ยิ่งดี “เขาขอจับกางเกงดูเนื้อผ้า ไม่ได้จับขา! ผมบอกว่ามีคนให้ ไม่รู้ว่าซื้อจากไหน แต่จตุจักรน่าจะมี เขาไม่รู้จักสวนจตุจักร ผมเลยจะลุกไปเขียนให้เขาดู แค่นั้นเอง! แล้วจู่ๆ คุณก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ มาถึงก็พูดจาหมาๆ แล้วลากผมมานี่ไง”

คนฟังคำอธิบายยืนคอแข็งแล้วเชิดจมูก ตั้งท่าจะเดินหนีไปดื้อๆ จินดนัยรีบเรียกคู่กรณีไว้ “คุณยังไม่ได้ขอโทษผม”

“ว่าไงนะ” ร่างสูงเดินย้อนมาด้วยท่าทางคุกคามจนผู้จัดการต้องเริ่มหน้าที่กรรมการห้ามมวย “ผมว่าใจเย็นๆ ก่อนดีไหมครับ ให้แล้วๆ กันไปน่าจะดีกว่า”

“คุณยังไม่ได้ขอโทษที่คิดว่าผมเป็นเด็กขายตัว ที่ลากผมมาจนถึงนี่ ที่มายืนด่าผมปาวๆ โดยไม่ยอมฟังคำอธิบาย ขอโทษผมมาเดี๋ยวนี้ไม่อย่างงั้น...” ยังขู่ไม่จบ เมืองเอกก็สวนทันควัน

“ไม่อย่างงั้นจะทำไม นายจะทำอะไรฉันได้” หน้าตาเยาะเย้ยขั้นรุนแรงกระตุ้นเร้าเซลล์ในสมองจินดนัยให้โพล่งสุดเสียง “ผมจะฟ้องคุณเหนือว่าคุณมันทุเรศขนาดไหน! คุณต้องเดือดร้อนหนักแน่... ขำอะไร! ไม่ได้พูดให้ขำนะ เดี๋ยว นั่นคุณจะไปไหน ผมบอกให้ขอโทษก่อนไง โธ่โว้ย!”

หลังหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เจ้าผู้ชายอวดดีเลวสุดขั้วกลับเดินผิวปากหน้าเปื้อนยิ้มจากไป ทางผู้จัดการเองก็เห็นว่าเรื่องคงจบจึงพยักเพยิดหน้าให้เขาแบบไม่มีความหมายแล้วเดินหายไปอีกคน ทิ้งให้จินดนัยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนไม่มีอารมณ์จะทำอะไรอีกนอกจากเดินหงุดหงิดงุ่นง่านกลับเข้าลิฟต์เพื่อไปนั่งรอคุณรตีหน้าห้องประชุม แอบนึกเร่งในใจให้ประชุมเสร็จเร็วๆ เพื่อที่เขาจะได้ฟ้องว่าโดนเมืองเอกดูถูกมายังไงบ้าง

เลยเที่ยงไม่กี่นาที ประตูที่เขานั่งจ้องมาเกือบชั่วโมงก็เปิดออก คนในชุดสูททั้งหญิงและชายทยอยเดินกันออกมาเรื่อยๆ พอเขาลุกเด้งดึ๋งวิ่งไปชะโงกหน้าดูจึงเห็นคุณรตียังนั่งคุยกับแสงเหนือและชายวัยกลางคนที่ดูน่าอึดอัดแทนในชุดสูทเล็กไปสองเบอร์ รอสักพัก ชายอ้วนค่อยยกมือลาคุณรตีแล้วเดินกร่างกางแขนกางขามา ดวงตาหลุกหลิกสบตากับเขาที่เดินสวนเข้าไปแวบหนึ่ง แต่แค่นั้นกลับทำให้เขารู้สึกว่าหมอนี่ไม่น่าไว้ใจเสียแล้ว ทั้งที่ปกติ เขาไม่เคยตัดสินคนอื่นเพียงแค่ภายนอก หากครานี้คงเป็นเพราะอารมณ์เสียตกค้างจากเจ้าผู้ชายเฮงซวยคนนั้นแหงๆ

“คุณเหนือ” เจ้าของชื่อซึ่งนั่งหน้านิ่งยิ้มออกมานิดๆ ทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยโอดครวญ “เสร็จแล้วหรือครับ ผมมานั่งรอตั้งนาน”

“อ้าว ไม่ได้ไปเดินเล่นแถวนี้เหรอ เด็กๆ อย่างเธอน่าจะชอบเดินห้างกันนี่” คุณรตีพูดกับเขาทั้งที่ตายังไม่ละไปจากเอกสารในมือ

“ผมไปเดินเล่นรอบๆ มาแล้วแต่ไม่ชอบ...” ถึงจะยังแค้นแสงเหนือ แต่แค้นล่าสุดนี่ฉุกเฉินกว่าหลายเท่า เขาแอบดึงเสื้อชายหนุ่มยิกๆ ตามประสาคนมีเรื่องคับอกคับใจ “คุณเหนือ...”

“รู้แล้วว่าหิว” แสงเหนือเอี้ยวมาตบมือเขาที่แอบดึงเสื้อตรงบ่าเบาๆ เหมือนเวลาเขาสอนริชชี่ให้ลงนั่งรอก่อนกินข้าวไม่มีผิด “รอเดี๋ยวสิ เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวที่ห้องอาหาร อยากลองกินอะไรล่ะ อาหารจีน อาหารญี่ปุ่นหรือจะเอาอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ฉันกับแม่กินบ่อยจนไม่รู้จะเลือกอะไรแล้ว ครั้งนี้ให้นายเลือก”

หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังมีหน้ามาพูดเรื่องของกินอีก “...เอาบุฟเฟต์”

“เหนือไปกับเจ้าจินก่อนก็ได้ลูก เดี๋ยวแม่อ่านเอกสารของคุณชัชเสร็จแล้วจะได้ตามไปที่นั่นเลย ตกลงเอาบุฟเฟ่ต์ตามใจจินใช่ไหม” คุณรตีเงยหน้ายิ้มให้และมองตามเขาจูงลูกชายออกจากห้อง ระหว่างทางไปห้องอาหารไทยซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสองติดด้านหน้าโรงแรม จินดนัยก็เตรียมเรียบเรียงคำพูดกะว่าจะเล่าให้อีกฝ่ายฟังยังไงดี น่าจะรอคุณรตีก่อนด้วยดีไหมนะ เผื่อจะได้สองเด้งเรื่องที่หมอนั่นโกหกว่าออกไปพบลูกค้าทั้งที่ไปนั่งหลีสาวผมทองอยู่ตรงริมสระ ...แค่คิดก็แสนสุขใจ

พนักงานต้อนรับพาพวกเขาไปนั่งโต๊ะริมระเบียงซึ่งมองออกไปเห็นทั้งบริเวณล็อบบี้โอ่โถงและถนนภายนอก ทีแรกเขาก็ไม่เข้าใจยามพนักงานเสิร์ฟเข้ามาถามคุณชายตรงหน้าว่าจะรับอาหารเลยไหม แต่แสงเหนือกลับโบกมือ

“ไม่เป็นไร ให้คนของฉันจัดการเอง” ปฏิเสธพนักงานอย่างสุภาพแต่หันมาไล่เบี้ยเขาแทน “ไปตักอาหารให้ฉันสิ นายรู้นี่ว่าฉันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เร็วๆ ล่ะ หิวแล้ว”

ออกมาข้างนอกก็ยังโดนจิกหัวใช้อีก นี่กะว่าจะให้เป็นคนรับใช้ทุกลมหายใจเข้าออกเลยใช่มะ ตักอาหารมาส่งถึงโต๊ะแล้วเขาก็ยืนลังเลตั้งท่าจะขยับไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ กันแต่โดนเรียกไว้ก่อน “จิน นั่งโต๊ะเดียวกันนี่ล่ะ ตอนใกล้เที่ยงแขกเยอะ จะนั่งไปทำไมหลายโต๊ะให้เปลืองที่”

เหลียวมองไปรอบๆ ถึงแขกจะค่อนข้างเยอะแต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่าเต็มหรือแน่นขนัด “แต่...”

“บอกให้นั่งก็นั่งสิ” คร้าบ คุณชาย ไอ้ขี้ข้าจินดนัยไม่อยากจะเถียงจะมีเรื่องเลยจำต้องเลื่อนเก้าอี้นั่งร่วมโต๊ะแต่โดยดีและเริ่มฟาดอาหารน่าอร่อยด้วยความรวดเร็ว “อร่อยไหม”

“สุดยอด เป็ดอบส้มอร่อยมากๆ ปลาเก๋านึ่งใบกระเทียมนี่ก็อร่อย แค่แตะลิ้นก็แทบจะละลายแล้ว” อาหารอร่อยๆ สร้างความสุขให้เขาได้เสมอ อารมณ์ที่เคยขุ่นมัวเริ่มจะจางหายเมื่อเจอฤทธิ์ปูจ๋าระดับห้าดาว “ฮ้า อร่อยๆ”

“ฉันเคยกินที่นี่แต่จำไม่เห็นได้ว่ามันอร่อยขนาดนั้น” โอ๊ย ใครเขาจะไปเหมือนคุณล่ะครับคุณชาย พ่อเทพบุตรกระเพาะทองคำ “กินอะไรอยู่น่ะ ป้อนบ้างสิ อยากรู้ว่าอร่อยอะไรนักหนา”

เอาล่ะสิ ปูจ๋าก็ชักจะจ๊ะจ๋าไม่ออกแล้ว “เอ่อ คุณเหนือไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศนี่ อืม สำหรับคุณผมว่าคงไม่อร่อยหรอก”

“จิน” เสียงเรียกขุ่นๆ บ่งบอกอารมณ์ร้ายๆ เริ่มต้นแต่ก่อนที่คุณชายจะพลิกบทบาทมารับเล่นบทโจร คุณรตีก็เดินนำหน้าใครคนหนึ่งเข้ามาในคลองจักษุทันเวลา

“คุณรตีมาแล้ว ทางนี้ครับ ทางนี้” ลุกขึ้นยืนด้วยอารามดีใจแต่ทันทีที่เห็นว่าใครเดินตามหลังนายจ้างมาตาก็แทบล้นออกนอกเบ้า ขณะที่ยังหันรีหันขวาง ข้าศึกก็เข้าประชิดตัวเสียแล้ว

“น้องจินใช่ไหม คุณรตีเพิ่งเล่าให้ฟังเมื่อกี๊ นั่งเถอะ ฉันไม่ถือหรอก นั่งกินโต๊ะเดียวกันก็ได้” เมืองเอกดึงจานที่เขาตั้งท่าจะยกแพ่นหัวไว้และส่งยิ้มเย้ยหยันให้ เขายังหาท่านั่งท่ายืนไม่ถูกตอนแสงเหนือเอ่ยห้วน “แม่พาหมอนี่มาทำไม”

ตั้งแต่มีเป็นตัวเป็นตนจนตายไปแล้วรอบหนึ่งเขายังไม่เคยเห็นแสงเหนือพูดจาโดนใจแถมทำหน้าออกแนวรังเกียจได้เจ๋งเป้งขนาดนี้มาก่อนจนแทบอยากจะไปยืนเชียร์อยู่ข้างๆ “ผมไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับหมอนี่ ถ้าแม่อยากกินข้าวกับมันก็ชวนกันไปนั่งโต๊ะอื่นเลย”

น่าแปลกที่วาจาดูถูกดังกล่าวไม่ได้สร้างความโกรธเคืองหรือทำให้เจ้าคนยืนยิ้มแป้นแล้นหน้าสลดลงเลย ตรงกันข้าม เมืองเอกกลับทำหน้าเหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องได้ยินประโยคพรรค์นี้ คุณรตีเสียอีกที่ต้องเข้ามาจับแขนลูกชายไว้ “ไปเรียกพี่เขาว่ามันได้ยังไง แม่เคยขอเหนือแล้วใช่ไหมว่าถ้าไม่เห็นแก่ใครก็ช่วยเห็นแก่แม่บ้าง”

“...ก็ได้” ไอ้คุณชายยิ้มอย่างร้ายกว่าเดิมเป็นสองเท่าก่อนเอ่ยสุภาพ “รบกวนคุณอั้มไปให้ไกลๆ ทีนะครับ เพราะผมรังเกียจที่จะให้คุณร่วมโต๊ะด้วย”

“ตาเหนือ!” คุณรตีร้องอย่างตกใจ ตีแขนลูกชายดังเพี๊ยะ “พูดแบบนี้แล้วอั้มจะคิดยังไง อ้อ แล้วเจ้าจินอีกล่ะ ดูสิ มันยืนหน้าซีดหมดแล้ว คงตกใจที่จู่ๆ ลูกก็พูดจาหาเรื่องคนอื่นเขาแบบนี้”

หา ไม่จริงนะครับ ผมไม่ได้ตกใจสักกะนิด จริงอยู่ว่าผิวผมอาจจะขาดความเปล่งปลั่งไปสักนิด ติดซีดเซียวมากสักหน่อยแต่สุขภาพแข็งแรงดีครับ สาบานได้ “นั่งลงกินข้าวด้วยกันนี่ล่ะ ไม่ต้องให้ใครแยกหรือย้ายไปไหนทั้งนั้น แม่หิวแล้ว”

คาดว่าแสงเหนือคงเพิ่งเริ่มนึกถึงหน้าที่ลูกกตัญญูเลยทำให้หน้าขาวๆ นั่นแม้จะยังบูดบึ้งแต่ก็ไม่มีคำพูดหาเรื่องหลุดออกมาอีก เขาจำต้องลงนั่งลงที่เดิมซึ่งก็คือข้างขวาของแสงเหนือ คุณรตีจึงทรุดตัวลงนั่งอีกข้างของลูกชายและนั่นทำให้เขาต้องนั่งติดกับเมืองเอกโดยปริยาย

เป็นอาหารมื้อที่น่าพะอืมพะอมมากที่สุด ในเมื่อลิ้นของเขาไม่ยอมรับรู้รสชาติของอาหารชั้นเลิศเนื่องจากโดนกลบจนหมดด้วยสีหน้าท่าทางของผู้ชายทางด้านขวา คนที่กินพลาง ขยันจิกตามาทางเขาพลางเนี่ย มันชวนให้ต่อมรับรสเสื่อมถอยบอกไม่ถูก กะว่าถ้าไอ้แม่ไก่ตัวนี้บังอาจจิกหางตาใส่เขาอีกครั้งล่ะก็ มันต้องกลายเป็นไก่ย่างพริกไทยดำสถานเดียว

ทว่าฝ่ายนั้นกลับทำให้ฟ้าผิดหวัง ราวกับจะรับรู้ถึงจุดลิมิตของเขาได้ เมืองเอกจึงไม่ปรายตามองเขาอีกจนกระทั่งอาหารมื้อนั้นจบลง ศัตรูของเขาและแสงเหนือจึงปฏิเสธยามคุณรตีเอ่ยชวนไปเดินดูรอบๆ “ขอตัวกลับไปทำงานชดใช้ที่โดดช่วงเช้าก่อนแล้วกันนะครับ สวัสดีครับ คุณน้า ไปก่อนล่ะนะ แสงเหนือ อ้อ เจ้าหนูเด็กใหม่นี่ด้วย หวังว่า...จะทนเจ้าเหนือได้นานกว่ารายก่อนๆ นะ”

สรุปว่าทั้งเขาทั้งแสงเหนือโดนทิ้งท้ายไว้คนละดอกจนหน้าบูดไปตามๆ กัน คุณรตีเห็นท่าลูกชายคงใกล้ตบะแตกเต็มทีจึงยกเลิกกำหนดการเดินดูรอบๆ โรงแรมทั้งหมดและเอ่ยชวนพวกเขากลับบ้าน

++++++++++++++++++++++++++

TBC

+1 ให้ทุกเมนท์ที่เข้ามาให้กำลังใจด้วยนะคร๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 12-06-2008 15:06:51
แหม๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่านแล้วแนะนำให้หนูจินพักรบกับตาเหนือชั่วคราว แล้วร่วมมือกันกำจัดมาร ณ บัดนาว  :angry2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 12-06-2008 15:20:05
ร่วมมือกำจัดมารเถอะฮะ :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo ที่ 12-06-2008 15:27:35
วันนี้จะลงอีกตอนมั้ยคะ จะได้รออ่าน  :m13:

กำลังสนุกเลยค่ะ นายเมืองเอกทำตัวได้น่าโมโหมาก
แต่ก็ดี.. แสงเหนือกับจินจะได้เลิกกัดกันเอง 555
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 12-06-2008 15:47:29
ตามมาดันแล้วนะคร้าบบบบพี่โยย

คิคิ   ยังอ่านได้3ตอนเอง  เด๋วว้อ่านจบแร้วจามาเม้นนะคับ


 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 12-06-2008 15:53:55
รอตอนต่อเลยอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 12-06-2008 16:38:02
กวนมากกกกกกกกกก

เมืองเอกใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: chaiiyawit ที่ 12-06-2008 16:38:56
มาทักทาย อาเจ้ ของน้อง อิอิ





ไปละ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 12-06-2008 17:21:43
 :m1: :m1:

คิดเถิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงอ่ะน้องไผ่
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 12-06-2008 22:12:36
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย สนุกอ่ะ

แบบนี้ต้องติดตาม อิอิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 12-06-2008 22:17:36
..เมืองเอก :เตะ1:
เจอแบบนี้....เซ็งสุดตรีนเลยอ่ะ....อิ.อิ.
อ่านแล้วนอยแทนจินอ่ะ....
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 12-06-2008 23:17:10
 :m24: พึ่งเข้ามาอ่านสนุกมั๊กมากค่ะ


ถ้าให้เดานะเมืองเอกหน้าจะชอบนายนู๋จินของน้องเหนือแน่นอน อิอิ


มาต่อเร็วๆๆนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 13-06-2008 00:21:00
ขอบคุณคนแต่ง
ขอบคุณคนโพส  เรื่องนี้หนุกๆชอบจัง มาต่อเร็วๆน่ะ

คิดถึง  :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ( = ___ = ) ที่ 13-06-2008 11:56:42


ซาหนุกจัง :m4:
ขอบคุณพี่โยยคนโพส กด+1ให้เยย

ชอบนิยายแนวเฮฮาของคุณDDมากกว่าแนวดราม่าอ่ะ อิอิ

ติดตามต่อปายยยยย


หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 13-06-2008 12:50:29
ขอบคุณทุกๆ เมนท์คร๊าบบบบบผม

ไปอ่านต่อกันเลย



~ ด้วยรักจากสวรรค์ 8 - พี่ชาย ~

ตกดึกคืนนั้น แสงไฟจากในห้องห้องหนึ่งในคฤหาสน์หลังงามยังไม่ดับลงเช่นเดียวกับที่เสียงเจื้อยแจ้วดังอย่างต่อเนื่องมาพักใหญ่แล้วเหมือนกัน “...ไม่พอนะ ระหว่างที่ไอ้หมอนั่นมันล็อคหิ้วคอผมลงมา ปากมันก็ยังด่าผมไม่มีสะดุดแบบไม่ยอมพักหยุดหายใจ ด่าว่าผมมันเด็กขายตัว คิดแต่จะหาผัวไปวันๆ หนังสือหนังหาไม่ยอมเรียน งานการดีๆ ก็ไม่คิดจะทำ คิดแต่จะหางานง่ายๆ กับนายจ้างโง่ๆ ไม่กลัวว่าจะติดโรคติดเชื้อ แล้วมันยังด่าว่าผมเป็นลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน โอ๊ย ผมนะปรี๊ดแตกตอนนั้นล่ะ ทั้งกระชากผม ทั้งงับแขนที่มันรัดลูกกระเดือกผมไว้จนหมอนั่นร้องจ๊ากเลย นี่ถ้าผู้จัดการโผล่มาห้ามไว้ไม่ทันล่ะก็ รับรองว่าเนื้อมันขาดคาปากผมแน่ ฮะฮะฮ่า พูดแล้วจะหาว่าคุย ระดับผมน่ะนะลงว่ากัดแล้วก็กัดไม่ปล่อย ให้เอาคีมมาง้างปากยัง...”

“แล้วไปคุยกับคนแปลกหน้าได้ยังไง มันอันตรายนะ ไม่รู้เหรอ” ขัดจังหวะและเบี่ยงเบนหนักจนรับไม่ทัน ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้มพร้อมดุเสียงห้วนสำทับคนนั่งหน้าเอ๋อแตก “ถ้าเป็นอย่างที่เล่าจริง คิดอะไรอยู่ถึงได้ยอมให้ไอ้ฝรั่งนั่นจับขาน่ะ หา!”

“พูดเรื่องอะไรเนี่ย มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ผิดถูกไม่รู้ รู้แต่ต้องรีบยึดไม้เท้าคนใกล้ตัวไว้ก่อนเป็นการปลอดภัย “เขาไม่ได้จับขา แต่เขาจับดูเนื้อผ้าต่างหาก แล้วต่อให้โดนจับจริงมันจะอะไรกันนักกันหากับอีแค่จับขา”

“นายไม่คิดก็จริง แต่จะรู้ได้ไงว่าไอ้ฝรั่งนั่นมันไม่คิดอะไร ให้คนแปลกหน้าจับเนื้อต้องตัวแบบนั้น มันไม่น่าสงสัยอยู่หรอกเหรอ” ใครหลายคนอาจทนฟังเสียงเกรี้ยวใส่ความอยู่ข้างเดียวได้แต่ต้องไม่ใช่เขาแน่

“แล้วคุณเหนือจะให้ทำไงเล่า หรือต้องให้ถอดกางเกงแล้วส่งให้เขา ต้องทำงั้นใช่ไหมถึงจะพอใจ มันบ้าอะไรว้า ทั้งหมอนั่น ทั้งคุณเหนือ... วุ้ย ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง นอนดีกว่า หมดอารมณ์” เดินกระแทกเท้าตึงตังไปปิดไฟก่อนล้มตัวลงนอนอย่างฮึดฮัด เชื่อแล้วว่าทั้งเมืองเอก ทั้งแสงเหนือต้องมีดีเอนเอชอบมองคนอื่นในแง่ร้ายเหมือนกันเป็นแน่ สมแล้วที่เป็นญาติกัน สงสัยที่ไม่ถูกกันจะเป็นเพราะเสือชีกอสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้เสียมากกว่า

“จิน” เสือชีกอหมายเลขหนึ่งร้องเรียก เขานอนนิ่งแกล้งทำเป็นหลับจนเสียงเรียกครั้งที่สองเริ่มออกแนวตะโกน “จิน!”

“มีอะไร คนจะนอน เรียกอยู่นั่นล่ะ” ผุดลุกกระเด้งดึ๋งขึ้นมาร้องตอบด้วยความโมโห ต่อยนวมปุๆ สวมเฮดการ์ดคาบฟันยางพร้อมเตรียมลุยต่อในยกสองเต็มที่และทันเห็นแสงเหนือทิ้งตัวลงนอนแทนอย่างสบายใจ พร้อมกล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่มีอะไร ราตรีสวัสดิ์”

หมอนี่ต้องประสาทกลับไปแล้วแน่ๆ แล้วถ้าเขาฆ่าคนบ้ามันจะบาปไหมเนี่ย...

++++++++++

เช้าวันต่อมา ขณะที่คุณรตีซึ่งกำลังนั่งรอลูกชายเพื่อจะได้กินข้าวเช้าพร้อมกันต้องเงยหน้ามองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินคนที่รอเอ่ยเสียงอ่อน “เจ็บมากเหรอ ฉันว่าคอนายคงเคล็ดน่ะ เดี๋ยวให้ใครหายามาทาให้นะ หรือถ้าเป็นมากก็ไปหาหมอดีกว่า เอาไหม”

ยิ่งแปลกใจหนักเมื่อเห็นจินดนัยเดินหันหน้าไปอีกข้าง “คุณเหนือไม่ต้องมายุ่ง คอผมจะเคล็ดจะหักจะจับหมุนได้ร้อยแปดสิบองศามันก็เรื่องของผม คุณไม่ต้องมายุ่ง”

เดินมาส่งแสงเหนือลงนั่งโต๊ะแล้วเด็กหน้าตูมคอหมุนไปด้านข้างก็นั่งหันไปอีกทาง รอจนสาวใช้ยกถ้วยข้าวต้มร้อนควันฉุยวางให้เสร็จสรรพแล้วคุณรตีจึงค่อยเอ่ยถามใจเย็น “เป็นอะไรไปล่ะ เจ้าจิน นอนตกหมอนเหรอ”

“เปล่าครับ” จินดนัยต้องตะแคงตัวเกินจำเป็นเพื่อให้ใบหน้าหันมามองตรงทางคนถามได้ แสงเหนือเองก็กระแอมอย่างมีพิรุธ “เอ่อ คือ...ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่...”

“ครับ ไม่มีอะไรเลยครับ แค่คุณเหนือเอะอะละเมอร้องโวยวายกลางดึกเมื่อคืน พอผมเดินไปปลุกเรียก คว้ามือผมได้ก็จับล่ามไว้แน่น ตอนแรกๆ ผมก็ไม่คิดอะไรหรอกนะ แต่พอรู้ว่าคุณเหนือหลับต่อทั้งๆ ไม่ยอมปล่อยมือ ผมเลยต้องพยายามเอาชีวิตรอด ทั้งสะบัดทั้งยื้อยุดสารพัดแต่ก็ไม่หลุด ท้ายสุด ผมต้องนั่งบนพื้น เอาหัวหนุนขอบเตียง นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น แค่นี้เองครับ ไม่มีอะไรเลย คุณเหนือนอนหลับปุ๋ยฝันดีตลอดคืน ส่วนผมก็นอนหลับมั่งตื่นมั่งทั้งคืน คอเคล็ดจนหันตรงๆ ไม่ได้เท่านั้นเอง”

“นายนั่นล่ะ ถ้าฉันไม่ปล่อยมือแล้วทำไมไม่ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันเสียก็สิ้นเรื่อง เตียงฉันออกจะกว้าง ฉันจะนอนกินที่ได้สักเท่าไหร่เชียว” ป้าด มันเถียงครับ มันเถียง ไอ้คุณชายอยากลองหัดกินข้าวต้มทางผิวหนังหรือไง... หากก่อนที่เขาจะได้เป็นครูผู้บุกเบิกวิชากินข้าวต้มทางผิวหนังด้วยการคว่ำชามลงกลางหัวกบาลลูกศิษย์ คุณรตีกลับเออออตาม “นั่นสิ ทำไมเราไม่นอนบนเตียงเสียเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องปวดคอแบบนี้ด้วย”

ไม่รู้คุณรตีพูดจริงพูดเล่น แต่ทำเอาเขาอึกอักตอบไม่ถูกกันเลยทีเดียว “เอ่อ ผม...เกรงใจน่ะครับ ไม่กล้าด้วย ใครมันกล้าล่ะครับ”

นายหญิงของบ้านยิ้มอย่างผู้ชนะและปิดท้ายว่า “เดี๋ยวหายาไปนวดซะ หรือถ้ายังปวดมากก็ไปหาหมอคลีนิคก็ได้”

“ขอบคุณครับ” นั่งหงอยๆ หมดอารมณ์ เชื้อไฟมอดไปโดยปริยาย สรุปแล้วเขาต้องทนเดินตัวเหม็นกลิ่นยาไปเกือบทั้งวันและได้แต่แอบแก้แค้นแบบตอดเล็กตอดน้อยด้วยการนั่งกระแซะคนไม่ชอบกลิ่นยากลิ่นเครื่องเทศ ดูจากท่าย่นจมูกของฝ่ายนั้นคาดว่าคงเหม็นอยู่บ้างแต่ไม่กล้าออกปากไล่ตะเพิดเขาตรงๆ กระทั่งตกเย็น คอก็ชักจะหันกลับมามองตรงได้เหมือนชาวบ้าน ตอบคำถามไถ่อาการของคุณรตีได้พร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรมากแล้วครับ ไม่ต้องหาหมอแล้วก็ได้ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ”

“หายดีแล้วแน่เหรอ ฉันว่าไปให้หมอดูหน่อยดีกว่าไหม” อะ ไอ้คุณชาย โปรดอยู่ในความสงบเสงี่ยมอย่างที่ทำตัวมาทั้งวัน มาทางไหนกลับไปทางนั้นด่วนๆ “ไม่ คุณเหนือไม่ต้องยุ่ง คอผมหายดีแล้วยังจะให้ถ่อไปหาหมออีก คนสบายดีที่ไหนเขาจะอยากไปโรงพยาบาลกันบ้าง”

“มีแต่เด็กดื้อแค่นั้นล่ะที่ไม่ชอบหาหมอ ถ้าจินมันว่าหายดีแล้ว เหนือก็ไม่ต้องเซ้าซี้มันหรอกลูก” คุณรตีเปรยใส่ไอ้คุณชายหน้างอ ทั้งเขา ทั้งแสงเหนือต่างโดนกระสุนนัดเดียวกันจากคำพูดดังกล่าวจนอกทะลุเป็นรูโบ๋ ว่าแล้วไอ้เด็กดื้อหมายเลขสองก็เริ่มพาลพร้อมตัดช่องน้อยแต่พอตัว “นั่นสิ ผมถามจินซ้ำๆ แบบนี้ จะโดนเด็กรำคาญเอาก็ไม่น่าแปลกนี่นะ”

“จะบ้าเหรอ ใครพูดว่ารำคาญ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ” ลืมสนิทใจว่าเพิ่งบอกปัดน้ำใจใครเสียกระเด็นตกท่อมาหยกๆ แต่ถึงจะนึกออก เขาก็ยังเถียงคอเป็นเอ็น “คุณเหนือพูดเองเออเองแบบนี้ คุณรตีจะคิดยังไง”

“แล้วไอ้ที่นายทำตัวถามคำตอบคำมาทั้งวันเนี่ย ถ้าไม่ได้เรียกรำคาญแล้วเขาเรียกว่าอะไร” ฟ้องกันเห็นๆ ไอ้คุณชายขี้ฟ้อง จำไว้เลย “ผมเปล่าถามคำตอบคำสักหน่อย แต่พวกคำถามเรื่องเก่าๆ ถามซ้ำๆ ผมแค่ตอบสั้นๆ เท่านั้นเอง”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว...” หากก่อนที่เจ้านายกับลูกน้อง คนตาบอดกับคนตาดีจะตีกันบ้านแตก เจ้าของบ้านตัวจริงก็ห้ามเสียงเข้มงวด “พอเลย ทั้งคู่นั่นล่ะ ตาเหนือเราก็โตแล้ว ยังมาต่อล้อต่อเถียงเป็นเด็กๆ ส่วนเจ้าจินก็เลิกตั้งแง่หาเรื่องได้แล้ว อย่าให้ได้ยินเชียวว่ายังทะเลาะกันอีก ไม่งั้นแม่จับเราสองคนแยกห้องกันแน่”

จินดนัยฟังแล้วหดหงอ โธ่ ห้องแสงเหนือแอร์ก็เย็น ห้องน้ำรึก็สะอาดเอี่ยม สบู่ แชมพูมีแต่ของดีๆ ให้จิ๊กใช้แบบไม่ต้องเสียเงินสักแดง ใครจะอยากกลับไปนอนในห้องพัดลมตั้งโต๊ะกัน

ส่วนแสงเหนือนั้นฟังคำขู่แล้วทำท่าฮึดฮัดเหมือนอยากเถียงต่อแต่ก็ยอมนั่งคอแข็งเงียบๆ ทิ้งให้เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกตามไปด้วย หลังอาหารที่เกือบจะเป็นมื้อสุดท้าย เขาจึงมานั่งดูละครกับคุณๆ เจ้าของบ้านเช่นที่ทำเป็นประจำ รับคำคุณรตีซึ่งเอ่ยวิจารณ์เรื่องราวของตัวละครเป็นระยะอย่างออกรสโดยไม่สนใจอาการเงียบอย่างผิดปกติของแสงเหนือที่นั่งอยู่ไม่ไกล จนกระทั่งละครจบ คุณรตีขึ้นห้องไป เขาเพิ่งคว้ารีโมทโทรทัศน์มากดเปลี่ยนช่อง คนที่นั่งเงียบมานานก็เอ่ยกับเขา

“ทำไมเวลาพูดกับฉัน ไม่เห็นพูดเพราะๆ แบบที่พูดกับคุณแม่เลย” จินดนัยละสายตาจากภาพในโทรทัศน์หันมามองคนถามอย่างงงๆ “พูดเพราะๆ ยังไง ผมก็พูดกับคุณเหนือสุภาพเหมือนกัน ครับๆ ผมๆ นี่ไง”

“ไม่เหมือน” เอ่ยหงุดหงิดแล้วแสงเหนือก็ทำหน้านิ่ว “เวลาเธอพูดกับคุณแม่ เธอจะ...ทอดเสียงอ่อน รับคำหวานๆ ...คร้าบ ครับผม อะไรแบบนั้นน่ะ”

จินดนัยเลิกสนใจโทรทัศน์เพื่อมองอีกฝ่ายให้เต็มตาว่าแสงเหนือมีอาการผิดปกติตรงไหนกันแน่ “คุณรตีท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว อายุมากกว่าผมตั้งเยอะ ผมต้องพูดให้สุภาพมากหน่อย ไม่เห็นแปลก”

“ฉันก็แก่กว่าเธอ ถึงจะแค่ไม่กี่ปีแต่ก็เป็นพี่นะ” ใครบอก พวกเขาอายุเท่ากันต่างหาก หากเขาทำได้แต่นึก ไม่สามารถพูดออกไปได้ ระหว่างที่ยังอ้ำอึ้งนึกไม่ออก แสงเหนือกลับทำท่าคิดออกแทน พูดกระตือรือร้น “เอางี้ เธอเรียกฉันว่าพี่เหนือดีกว่า ฟังดูเคารพ ให้เกียรติ แล้วก็เพราะกว่าคุณเหนือตั้งเยอะ”

ทำรีโมทหลุดจากมือกระเด็นไปโน่นแล้ว แต่จินดนัยยังอ้าปากกว้างค้างเติ่งชนิดปล่อยเจ้าริชชี่เข้าไปวิ่งเล่นได้และยังไม่กล้าขยับเพราะกลัวคนเริ่มบ้าตรงหน้าจะกระโดดกัดคอหอยขาด ก่อนจะโดนแสงเหนือตัวปลอมเร่งหนัก “เอ้า ไหนลองเรียก...พี่เหนือให้ฟังหน่อยซิ เรียกสิ เร็ว ถ้าไม่เรียกโดนหักเงินเดือนแน่”

แล้วทำไมต้องทำเป็นเรียกชื่อตัวเองเสียหวานจ๋อยขนาดนั้นด้วย ไอ้หมอนี่มันใครกันแน่ เอเลี่ยนหลอนทวงร่างหรือเปล่า... ยังหันซ้ายขวามองข้าวของมาเป็นอาวุธขณะเอ่ยเรียกปากคอสั่น “พะ พี่...พี่เหนือครับ”

อ๊ากกกซ์! อยากตาย แต่ยังไม่ทันได้ตายสมใจกลับโดนคนยิ้มกว้างหวานจ๋อยขานรับเสียงนุ่มชวนขย้อนของเก่าเสียนี่ “ครับ จินมีอะไรครับ”

อ๊ากกกกกซ์ซ์ซ์ซ์ซ์!!! แสงเหนือเป็นบ้าไปแล้วครับทุกคน เขายังกลัวลานตอนโดนคนบ้าชวนขึ้นห้อง “พี่ง่วงแล้ว จินก็อย่านอนดึกเลย ไปนอนกันดีกว่านะ”

ได้ๆ รีบไปนอน เผื่อตื่นมาแสงเหนือจะประสาทกลับเข้าที่เข้าทาง สมองโล่งกลับเป็นปกติ ถ้าจะให้ดี เขาน่าจะแอบสวดไล่ผีตอนหมอนี่หลับด้วย แต่คิดดูอีกที ถ้าตอนสวดๆ อยู่ เขากลับเป็นฝ่ายไหม้เกรียมจนวิญญาณกระเด็นหลุดออกจากร่างจะกลายเป็นความซวยขั้นรุนแรงได้ ดังนั้นก็ได้แต่หวังว่าแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้จะช่วยขับไล่ผีบ้าออกจากตัวชายหนุ่มได้ก็แล้วกัน สาธุ

++++++++++

หากแสงอาทิตย์แรงกล้าของเช้าวันใหม่ก็ทำอะไรปีศาจแสงเหนือไม่ได้ ชายหนุ่มจึงยังขยันเรียกชื่อเขาบ่อยๆ อย่างไม่จำเป็นและสิ้นเปลืองตลอดช่วงเช้า “จินช่วยเลือกเสื้อแขนสั้นให้พี่หน่อยนะ พี่รู้สึกว่าวันนี้มันร้อนอบอ้าวจัง”

“จินอยากว่ายน้ำไหม ถ้าอยากว่ายจะลงสระก็ได้นะ พี่มีชุดให้ยืมหรือถ้าอยากลงทั้งเสื้อเลยก็ได้ อ๊ะ ว่าแต่ว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า พี่ก็อยากสอนเราว่ายนะ แต่คงลำบากหน่อย”

“เลือกหนังสือเล่มที่จินอยากอ่านเลยนะ พี่เอาเรื่องไหนก็ได้ที่จินอยากอ่าน”

“จินพูดน้อยจัง ตั้งแต่เช้าพี่ไม่ค่อยได้ยินเสียงจินเลย ไม่สบายเหรอ” ใช่จะมีแต่เขาที่มองชายหนุ่มเหมือนมองตัวประหลาด คุณรตีเองก็นั่งเงียบอึ้งตลอดเวลาที่นั่งกินอาหารเช้าเช่นกัน ทั้งที่เขาพยายามพูดโดยไม่เอ่ยเรียกชื่อฝ่ายนั้นแล้วแท้ๆ แต่แสงเหนือก็คาดคั้นให้เขาเรียกจนได้ “ไม่เอา เมื่อคืนพี่บอกแล้วนี่ว่าให้เรียกยังไง”

“พี่...เหนือ ผมสบายดีครับ” ปากตอบขณะสายตามองสบคุณรตี แง้ เขาไม่ผิดนะ เห็นๆ อยู่ว่าลูกชายคุณเป็นบ้าด้วยตัวเอง “เอ่อ คุณรตีครับ คือ...”

“หึๆ เหนือมีน้องแล้วหรือ ก็ดีจ้ะ พูดกันดีๆ แบบนี้ได้แม่ก็สบายหูไปด้วย” คุณรตียังคงเป็นคนเดิมที่ไม่เคยขัดใจลูกชายสักครั้ง จนเขาได้ฟังคำบอกเล่าจากปากหลังจากนั้น “แม่เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วว่าเหนืออยากมีน้อง มันนานมากแล้วนี่นะ ตั้งแต่สมัยเหนือเพิ่งสี่ห้าขวบตอนที่แม่แท้งลูกคนที่สอง พออธิบายให้ฟังว่าน้องไม่อยู่แล้ว เหนือก็ร้องไห้ใหญ่เลย ร้องทั้งคืนจนตาบวมลืมตาแทบไม่ขึ้น”

ฝ่ายที่โดนนินทาเผาขนเริ่มร้อนตัวตีหน้างอ ถามเสียงรวนยามเขาหัวเราะยามนึกภาพตาม “ขำอะไรนักหนา พี่ไม่เห็นว่ามันจะตลกเลย”

“ถ้าแกยังอยู่ ก็คงจะอายุพอๆ กับเราล่ะ เจ้าจิน” ดวงตาของคุณรตีที่มองมาทางเขาแฝงแววอ่อนโยนไม่ผิดกับดวงตาของแม่เขาเอง “มาเป็นน้องตาเหนือได้ไหม คอยอยู่ข้างๆ คอยดูแลพี่เขา เพราะดูท่าจะมีแต่เรานี่ล่ะที่พอจะปรามได้”

ทันทีที่ได้อยู่กันสองคนตามลำพัง จินดนัยก็หัวเราะก๊ากอย่างที่อยากทำมานาน “อย่างนี้นี่เอง ที่แท้ก็เหงาล่ะสิท่า ลูกคนเดียวก็เป็นงี้กันเยอะแยะ จะร้องไห้ตาบวมตอนน้องไม่อยู่แล้วก็ช่วยไม่ได้ เอาเถอะ เห็นแก่คุณรตี ผมจะยอมเป็นน้องชายให้คุณชั่วคราวก็ได้ พี่เหนือคร้าบ พี่...”

ชายหนุ่มนั่งนิ่งเงียบหน้าเครียดระหว่างฟังคำสัพยอกของเขา จนท้ายสุดคล้ายอดรนทนไม่ได้ ตวาดเสียงแข็ง “นายไม่ใช่น้องฉัน! ฉันน่ะ...!”

เหมือนโดนตบหน้าแรงๆ จนตื่น จินดนัยตัวชากับเสียงตวาดที่แม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งเดียวที่ทำให้เขาตกใจจนพูดไม่ออก นอกจากก้มหน้านิ่ง “ผมขอโทษที่ลามปาม ผมรู้...ว่าไม่ใช่ ผมรู้”

เขาเกลียดไอ้อาการน้อยเนื้อต่ำใจหรืออาการน้อยอกน้อยใจบ้าๆ ที่อัดแน่นในอก อาการอุปทานที่ทำให้เหมือนหัวใจจะเต้นตุบหน่วงหนัก เกลียดที่มันกลั่นตัวตกตะกอนออกมาเป็นน้ำตาคลอหน่วยในดวงตาที่แม้จะยกมือปาดทิ้งไป แต่ก็ยังไม่วายเหลือหลักฐานเป็นเสียงสูดจมูกฟุดฟิด ...เขาต้องติดเชื้อบ้าบอคอแตกมาจากหมอนี่แน่ๆ “ผมไปล้างหน้าแป๊บนะ”

ลุกพรวดพราดจากมาโดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกชื่อ นั่งสงบสติอารมณ์กอดเจ้าริชชี่แน่นจนได้ยินเสียงไม้เท้าก๊อกแก๊กพร้อมเสียงเรียกหาเบาๆ เหมือนกลัวใครจะได้ยิน “จินอยู่ไหนน่ะ”

กะจะนั่งซุ่มเงียบ หากเจ้าริชชี่กลับทำตัวลืมชื่อตัวเอง เสนอหน้าเห่าขานรับหน้าตาเฉย เขาจึงจำต้องปล่อยมันให้วิ่งแร่แถไปหาเจ้านาย แสงเหนือก้มลงลูบขนนุ่มๆ บนหัวทุยๆ แล้วเอ่ยกับลูกสุนัข “ริชชี่ เห็นจินบ้างไหม ตามหาเขาให้ฉันทีสิ” ไหนใครบอกไม่อยากได้สุนัขนำทาง ตอนนี้กลับหวังให้เจ้าริชชี่ทำตัวฉลาดปราดเปรื่องกะทันหันได้มันก็เกินไปละ “ไปบอกจินให้ทีว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นกับเขา ฉันอยากมีน้องก็จริง ถ้าเขาเป็นน้องชาย...ฉันคงจะมีความสุขมาก แต่อีกใจ ฉันก็ไม่อยากเป็นแค่พี่ชาย...”

หัวใจเต้นผิดไปสองจังหวะ จินดนัยรีบแหกปากลั่น “คุณเหนือพูดบ้าอะไร ไม่อยากเป็นพี่แล้วอยากเป็นพ่อหรือไง ผมไม่ยกแม่ให้หรอกนะ อย่า...อย่ามาพูดบ้าๆ แบบนี้อีกนะ คนอะไร...ลามก”

คนโดนด่าลามกเงยหน้าหัวเราะหึๆ ราวกับเห็นท่าเขาเดินตึงตังตีกร่างวางท่าพ่อตา ถึงเพิ่งสำนึกว่าหลงกลคนเจ้าเล่ห์อีกจนได้ “เสียงดังขนาดนี้แสดงว่าหายงอนพี่แล้วใช่ไหม”

“ใครงอน พูดให้ถูกๆ ผมน่ะ ผมแค่...ตกใจนิดหน่อย ตอนนี้หายแล้ว” ยืนค้ำหัวเจ้านายและปรายตามองมือใหญ่ที่ยื่นมาทำนองให้ช่วยฉุด หากยืนนิ่งกระดิกเท้าตอบได้แค่อึดใจก็ต้องจนแต้มอีกรอบกับประโยคดักคอ “ถ้าหายแล้วต้องช่วยพี่ลุกสิ เจ้าเด็กขี้งอน”

“บอกว่าไม่ได้งอนๆ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง” ปากบ่นพึมแต่ต้องยอมฉุดคนตัวโตให้ลุกขึ้น เขาตั้งตัวไม่ทันตอนโดนกระตุกมือจนถลาเข้าไปซุกอกกว้างๆ ตรงหน้าทั้งตัว “เฮ้ย!! ทำ...”

สิ่งที่หยุดการเตรียมด่าเปิงของเขาได้คือริมฝีปากที่กดลงบนเส้นผมก่อนมันจะเลื่อนไถลลงมาแตะที่หน้าผากพร้อมเสียงกระซิบแผ่วเบา “พี่ไม่ได้ตั้งใจตวาดเรา พี่ขอโทษนะครับ”

น่าแปลก น้ำตาเขารื้นขอบตาอีกครา หากด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง คำขอโทษของแสงเหนือเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่เขากลับรู้ว่าคนพูดรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ไม่ใช่เพียงสักแต่พูด

“อืม” ย้ำคำตอบรับด้วยการผงกหัวหงึกหงักจนชนกับคางคนตัวสูง แสงเหนือหัวเราะยอมให้เขาเอาหัวโหม่งแก้แค้นอีกสองสามครั้ง ก่อนขยี้หัวคล้ายมันเขี้ยว “กลิ่นแชมพูนั่นอีกแล้ว นี่มันจินหรือเจ้าริชชี่กันแน่เนี่ย”

จบเรื่อง ผีพี่ชายจากไป ผีหมาตัวเดิมก็กลับมาสิงแสงเหนืออีกจนได้ กว่าจะดิ้นหลุดจากคนแกล้งกอดรัดฟัดอย่างกับคิดว่าเป็นเจ้าริชชี่มาได้ เขาก็กลายเป็นของเก่าเฉามือทรุดโทรมราวทหารรอดกลับจากสนามรบไม่ปาน เพิ่งสะโหลสะเหลลากขาไปได้ไม่กี่ก้าวก็หน้ามืดจนพังพาบวัดพื้นดังป้าบ โชคดีที่เป็นพื้นหญ้านุ่มรองรับเพราะถ้าเป็นพื้นปูนคงหน้าแหกกันไปข้าง ร่างสูงซึ่งยืนหัวเราะอยู่หยุดชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเขาหกล้มและร้องถามเสียงตื่น “เป็นอะไร”

“ปะ เปล่า แค่หกล้ม” สะบัดหน้าเพื่อไล่อาการหน้ามืดจนค่อยรู้สึกดีขึ้น จึงค่อยหันมาพูดเสียงเขียว “เพราะพี่เหนือเล่นบ้าๆ ผมถึงหกคะเมนเกือบตีลังกาหัวแตกเอา ฮึ้ย ไม่ต้องจับ แค่บอกว่าเกือบ ยังไม่แตก โอ๊ย ก็บอกว่าอย่าจับ คนไทยเขาถือหัวเป็นของสูงนะ อย่าทำเป็นเล่น...”

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ห้ามจนขี้เกียจจะห้าม เขาเลยจำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นจนเบื่อไปเอง และพอเขาเงียบ แสงเหนือก็เลิกเล่นบ้างและคว้ามือเขาไว้คล้ายจะให้นำทาง ไหนใครตอนแรกไม่ยอมให้จับ หวงเนื้อหวงตัวเล่นตัวอย่างกับแมวจรจัดขี้ระแวง มาตอนนี้กุมซะแน่นอย่างกับกลัวทำหาย อยากสะบัดทิ้งบ้างเสียให้เข็ดแต่พอนึกว่าสะบัดไป เดี๋ยวก็โดนแกล้งอีกจนได้ นึกแบบนั้นแล้วจินดนัยจึงจำต้องจูงเดินตามกันต๊อกๆ เหมือนแม่เป็ดกับลูกเป็ด เหมือนเด็กหลงกับคนเคยทำหาย และเหมือน...พี่ชายกับน้องชายก็ไม่ปาน

++++++++++++++++++++++++++

TBC

 :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสว&#
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 13-06-2008 12:54:02
 :L2:

และแล้วเราก็ได้พี่น้องร่วมเตียงเคียงหมอนมาอีก 1

รอจ้า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 13-06-2008 13:13:04
พี่น้องหลังชนท้อง :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 13-06-2008 13:17:19
ยังอ่านไม่ทัน แต่มาลงชื่อก่อน :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-06-2008 13:23:45
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยย พี่น้องแบบนี้ น่ารักวุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย อิอิ  :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 13-06-2008 13:41:53
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 13-06-2008 14:00:54
พี่น้อง แต่ไม่ใช่ท้องเดียวกัน หุหุหุหุ

พี่น้องแบบนี้น่ารักจริงวุ้ย :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 7 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 13-06-2008 17:28:43
รอๆๆเปลี่ยนจากพี่เป็น..แทน
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo ที่ 13-06-2008 18:55:38
"ฉันก็ไม่อยากเป็นแค่พี่ชาย..."  :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 13-06-2008 20:57:39
 :m4:..ชอบมุขเด๋วผี(พี่ชาย)ไป...เด่วผี(หมา)มา..อ่ะ :m20:
ลองเอาเพ็ดดีกรี..ให้ผีหมากิน..
รึเอากระดูก....ให้แทะเล่นสิคร้าบ...คริ.คริ..
ถ้าดุมาก...ลองหาตะกร้อครอบปากสิค้าบ....... :a4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: hasuzz ที่ 13-06-2008 21:40:01
 :a4: :a4:
ตามมาดันด้วยคน
ชอบเรื่องนี้มากมายค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 14-06-2008 00:30:06
แสงเหนือน่ารักจัง

กีสสสสสสสสสสสสสสสสสส

จินเริ่มจะใจอ่อนแล้วใช่ม้า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: tansecret ที่ 14-06-2008 02:28:12
เพิ่งมาอ่านค่ะ  แล้วก็ติดอีกคน

จะเข้ามาติดตามไปเรื่อยนะคะ


 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 14-06-2008 07:26:30
แวะมาดันให้แต่เช้า  ระหว่างรอดุพระสังข์สุดหล่อ  คิคิ

หนุกดีอ่ะพี่โยย   จุ๊บ ซะเรย   โทษฐาน :loveu:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 14-06-2008 13:23:33
เสาร์นี้ทำงาน แวะมารออ่านด้วยคน
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 14-06-2008 15:05:23
ชอบบบบบบเรื่องนี้มากกกกกกกๆ



โว้วๆ มาต่อีกน้า เลิฟๆกานได้อีก
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sommod ที่ 14-06-2008 15:14:34
 :o8: น้ำหวานเรียกพี่เลยละ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 15-06-2008 00:47:11
เริ่มหน้ามืดแล้วล่ะ เป็นเค้าลางหรือเปล่านิ  :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 16-06-2008 09:03:32
 :m22:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 16-06-2008 09:17:19
 :m22:ยู้ฮูมีใครอยู่ไหมครับผม
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 16-06-2008 10:01:54
^
^
^
จิ้มน้องทรีด้วยความคิดถึงงงงงงงงงงงงงง  :o8:

ขออภัย..ลืมเอาไฟล์กลับบ้าน เลยไม่ได้โพสเลย เสาร์อาทิตย์  :m23:



ไปอ่านต่อกันเลยคร๊าบบบบบบบบบบบบบบ

~ ด้วยรักจากสวรรค์ 9 - เวลาในนาฬิกาทราย ~

จินดนัยไม่มีปัญหากับการเดินย่ำไปทั่วโรงแรมเช่นครั้งแรกอีก เนื่องจากพนักงานเริ่มจำหน้าเขาได้หลังจากติดตามคุณรตีและแสงเหนือมาที่นี่หลายรอบ ทุกครั้ง คุณรตีจะปล่อยให้เขาไปวิ่งเล่นและเช่นเดียวกัน ทุกครั้ง แสงเหนือจะคอยกำชับไม่ให้ไปไหนไกลและต้องกลับมาให้ทันเวลาอาหารกลางวัน

ปกติเขาจะแกล้งรับคำยานๆ แล้วเกร่รออยู่แค่ในโรงแรมเพราะไอ้ร่างกายนี้มันดูจะอ่อนไหวกับแสงแดดหรือฝุ่นละออง ยิ่งมาระยะหลังๆ ยิ่งเหนื่อยง่ายบ่อยครั้งจนเกือบเข้าขั้นขี้โรค สร้างความรำคาญหนักให้กับคนเคยสุขภาพเต็มร้อยอย่างเขา เคยนึกบ่อยๆ ว่าจะฟิตจะฟิตแต่ติดตรงที่ไม่มีเวลามานั่งฟิตเพราะใช้เวลาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงในแต่ละวันติดตามแสงเหนือ แถมวันนี้อารมณ์หงุดหงิดยังพุ่งสูงกว่าปกติ เพราะเทวดาที่มักจะผลุบโผล่เป็นนินจาเพิ่งแวะมาเซย์ฮัลโหลกับเขาเมื่อคืน แน่นอนว่าเขาได้ฟังแต่ถ้อยคำยุแหย่ ล้อเลียนเรื่องความใจอ่อนและความไม่พร้อมของเขาเสมอมา หลังจากฟังคำแก้ตัวต่างๆ นานาแล้วคุณเทวดามาแต่เสียงจึงค่อยเอ่ยคล้ายถามไถ่ “แล้วเป็นไงบ้าง ช่วงนี้สุขภาพยังแข็งแรงดีไหม”

“แข็งแรงกับผีน่ะสิ ร่างที่คุณให้ผมมาเนี่ยป้อแป้อย่างกับอะไร ถ้าคุณให้ร่างกายที่แข็งแรงสุขภาพดีเหมือนร่างเดิมของผมแต่ทีแรก ผมอาจจะหักคอแสงเหนือด้วยมือเปล่าไปตั้งนานแล้ว แต่หุ่นอย่างตอนนี้เนี่ยนะ ขอโทษ ผมต่างหากที่จะโดนหมอนั่นหักเป็นสองท่อนเอา”

“ถ้าอยากแข็งแรงก็รีบฆ่าหมอนั่นสิ” เขาเบิ่งตาโตเพราะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดดังกล่าว “จะบอกให้เอาบุญนะ ไอ้หนูมือใหม่หัดตาย ร่างกายนั่นก็เหมือนกระเปาะของนาฬิกาทรายนั่นล่ะ เม็ดทรายที่มีจำนวนเท่ากับเวลาหนึ่งปีไหลอยู่ตลอดไม่ว่านายจะอ้างเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ยิ่งทรายเหลือน้อย นายก็ไม่ค่อยกระตือรือร้น ร่างกายมันเลยต้องคอยส่งสัญญาณเตือน เหมือนไซเรนที่ร้องว่า...รีบหน่อยโว้ย รีบหน่อย”

ถึงจะทำเป็นติดตลกแต่ขอบอกว่าไม่ขำ “ที่สำคัญ ยิ่งนายใจอ่อนกับหมอนั่นเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งเซ้นซิทิฟ เร่งส่งคำเตือนว่านายไม่มีเวลามานั่งสงสารใครนอกจากตัวเอง ...หึ แบบที่เขาพูดกันไงว่าถึงหัวใจจะคิดอย่าง แต่ร่างกายมันกลับทำอีกอย่างตรงข้าม เรื่องพรรค์นี้มีบ่อยไป อย่างนายใจอ่อนแต่ร่างกายมันไม่ยอมให้นายล้มเลิก หรืออีกทีก็เป็นประเภทปากบอกว่าเกลียดๆ แต่ใจจริง...”

“อย่าพูดบ้าๆ นะ! โอเค ผมยอมรับว่าอาจจะใจอ่อนกับหมอนั่นไปบ้าง กลัวบาปกลัวเวรกรรมอีกนิดหน่อย แต่ไอ้เรื่องความรู้สึกอื่นนอกเหนือจากนี้น่ะ ไม่มีทาง!” เขาเกลียดเสียงหัวเราะที่เหมือนจะรู้ทันแต่เลือกที่จะไม่พูดออกมาของเจ้าเทวดาซาตานยิ่งนัก เสียงหัวเราะนั้นเหมือนจะกรีดแทงลงบนกลางใจพอดิบพอดีแถมทิ้งท้ายให้กำลังใจสุดฤทธิ์ “บาปกรรมไร้สาระ สิ่งนี้มันก็เหมือนการกินเพื่ออยู่เท่านั้นเอง เหมือน...สัตว์ตัวที่อ่อนแอต้องตกเป็นเหยื่อเพื่อให้ตัวที่เข้มแข็งกว่ามีชีวิตรอด จำไว้นะ เมื่อไหร่ที่ทรายไหลลงมาจนหมดก็จะเหลือแต่ความว่างเปล่า และอย่างที่ฉันเคยบอก...ชีวิตเดียว เวลาของนายใกล้หมดแล้ว”

นั่งนับเวลาตั้งแต่วันแรกที่เขาย้อนกลับมาในร่างนี้แล้ว นับไปนับมา จินดนัยก็พาลไม่อยากจะนับ ไม่อยากยอมรับว่ามันผ่านมานานกว่าที่เขาคิด มากกว่าที่เขาตั้งใจ และเวลาที่เหลืออยู่ก็น้อยจนน่ากลัว น่ากลัวเกินกว่าจะกล้านับถอยหลัง ขณะยังนั่งหน้าเครียดอยู่นั้น คนที่เดินเข้ามาทักยิ่งทำให้ต้องเครียดหนักจนอยากลุกหนีเอาดื้อๆ

“เป็นไง ไม่ได้เจอกันนานนะ ไม่น่าเชื่อว่านายจะยังทนเจ้าเหนือมันได้” บุรุษหนุ่มในชุดสูทสีเทาดำท่าทางภูมิฐานเท้าแขนกับพนักเก้าอี้เพื่อชะโงกหน้ามองเขาใกล้ๆ “แต่ดูท่าว่าจะทนได้อีกไม่นาน โดนเจ้าเหนือแผลงฤทธิ์ใส่อีกสิท่าถึงนั่งหน้าบูดแบบนี้”

นั่งเงียบไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะมองหน้าและไม่คิดจะทำหน้าให้ดูดีขึ้นด้วย เมืองเอกถือวิสาสะนั่งลง กล่าวยิ้มๆ “ที่นายไม่ชอบหน้าฉัน เป็นเพราะเรื่องตอนเราเจอกันครั้งแรกหรือแค่...นายว่าขี้ข้าพลอยกันแน่”

“ที่ผมไม่ชอบหน้าคุณเพราะปากคุณเป็นแบบนี้ต่างหากครับ คุณเมืองเอก” เบ้หน้ารังเกียจใส่แล้วเขยิบออกห่าง หากคนหน้าด้านยังกล่าวชวนคล้ายไม่ได้ยิน “หิวจัง ไปกินข้าวกันดีกว่า ฉันเลี้ยงเอง ถือว่าชดเชยให้ครั้งก่อนที่เข้าใจนายผิด อีกอย่าง ฉันไม่ชอบนั่งกินข้าวคนเดียว มันเหงาปาก เอ...หรือว่าต้องรอกินพร้อมเจ้าเหนือเท่านั้น”

ทำเป็นเอาของกินมาล่อ กะว่าจะรอดตัวไปโดยไม่ต้องเอ่ยขอโทษสักคำสิท่า ถ้าเป็นเมื่อวาน เขาคงหัวเราะใส่หน้ากวนๆ ของเมืองเอกไปแล้ว แต่มาวันนี้ หลังนิ่งคิดอยู่อึดใจ จินดนัยกลับเอ่ยรับคำง่ายดาย “ไปสิครับ ผมก็ชักหิวแล้วเหมือนกัน ขี้เกียจรอพี่...คุณเหนือแล้วด้วย”

แววตาที่มองเขาฉายแววสงสัย หากเมืองเอกไม่ได้กล่าวอะไร นอกจากลุกเดินนำหน้า “งั้นรีบหน่อยเถอะ เดี๋ยวเที่ยงแล้วคนจะเยอะ”

ที่ผ่านมา แสงเหนือกับคุณรตีก็พาเขามากินข้าวกลางวันตอนเที่ยงตลอด ห้องอาหารในโรงแรมแม้จะมีลูกค้าเยอะแต่ไม่เคยมีปัญหาเต็มจนต้องรอ จินดนัยนึกสงสัยและเริ่มเอะใจยามร่างสูงแวะถอดเสื้อนอกฝากไว้ที่รีเซพชั่นก่อนเดินนำลิ่วๆ ออกนอกโรงแรม เอี้ยวหน้าหันมายิ้มให้กับสายตาแสดงคำถามของเขาและพามาหยุดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวในซอยเล็กๆ ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าใด ร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณตึกสองแถวทรุดโทรมจนน่าแปลกใจว่ามันยังสามารถเบียดแทรกอยู่ได้ท่ามกลางตึกสมัยใหม่สูงลิบลิ่ว น้ำซุปในหม้อใบใหญ่หน้าร้านเดือดปุดส่งกลิ่นหอมหวนจนเขาต้องรีบเดินแซงหน้าคนนำทางไปแย่งสั่งก่อนด้วยซ้ำ “เล็กเนื้อน้ำตกสอง ไม่งอก”

“บ๊ะ ไอ้นี่ มาครั้งแรกดันรู้จักสั่งเมนูแนะนำเสียด้วย” เมืองเอกร้องสั่งแบบเดียวกับเขาแล้วใจดีสั่งน้ำอัดลมเผื่อให้ด้วย รอจนเด็กเสิร์ฟหันหลังตะโกนสั่งต่อลั่นร้านแล้วเมืองเอกจึงค่อยหันมามองหน้าเขา “ทีแรกคิดว่านายจะทำตัวมีปัญหาที่พามากินข้างนอกเสียอีก เห็นเจ้าเหนือเลี้ยงแต่ของกินดีๆ ตลอด”

ผ่านไปแว่บเดียว ก๋วยเตี๋ยวสี่ชามก็หายไปในท้องพวกเขาราวกับแข่งกันเล่นกล แต่ผู้ชายตัวโตดูจะยังไม่อิ่มและสั่งเพิ่มอีก หากพอชามก๋วยเตี๋ยวถูกวางปุ๊บ เมืองเอกก็คีบลูกชิ้นให้เขาปั๊บ “ไม่เอา ผมอิ่มแล้ว”

“กินๆ เข้าไปน่า นายมันแกร็นผอมแห้งหัวโต ต้องบำรุงเยอะๆ น่ะถูกแล้ว” ฝืนใจแต่ไม่มากคีบลูกชิ้นเตรียมเข้าปาก เขาค่อยเห็นกากหมูชิ้นโตลอยในชามอีกฝ่าย “ขอกากหมูด้วยได้ไหม”

“ไม่ได้ นี่ฉันชอบ” ตอบหน้าตาเฉยแล้วยิ้มรับเสียงบ่น “แสดงว่าที่ให้ลูกชิ้นนี่เพราะไม่ค่อยชอบสิท่า โธ่เอ๊ย ไอ้เราก็คิดว่าใจดี”

ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของเมืองเอกดัง เจ้าตัวกดรับ ฟังปลายสายอยู่ครู่หนึ่งพลางเหลือบมองหน้าเขา “ใช่ อยู่ด้วยกัน กำลังกินก๋วยเตี๋ยวอยู่แถวๆ โรงแรมนี่ล่ะ บอกหมอนั่นว่าเดี๋ยวจะพากลับไปส่ง เออ บอกๆ ไปเถอะน่า แค่นี้นะ”

ครั้นเห็นสายตาเขามองคล้ายเหมือนจะถาม ศัตรูที่อุตส่าห์พาเขามากินก๋วยเตี๋ยวก็เล่าไปพลาง ใช้ตะเกียบสาวเส้นเข้าปากไปพลาง “ดูเหมือนคุณผู้ปกครองจะหงุดหงิดที่หานายไม่เจอ ฟังเสียงรีเซพชั่นดูก็รู้ว่าเจ้าเหนือคงตั้งท่าอาละวาดเต็มที รีบกิน รีบกลับกันดีกว่า ฉันชักสงสารพวกพนักงานที่ต้องรับเคราะห์แทนฉันแล้วสิ”

ขากลับใช้เวลาน้อยกว่าขาไปเพราะคนนำหน้าจ้ำพรวดจนเขาต้องวิ่งตาม กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมได้ก็เล่นเอาหยุดหอบเลยทีเดียว แต่ยังไม่ทันนั่งพักให้หายเหนื่อย เขาก็ต้องถลาตามแรงลาก “เจ้าเหนือรออยู่ที่ห้องอาหารญี่ปุ่น ป่านนี้คงกินหัวเด็กเสิร์ฟหมดฟลอร์แล้วมั้ง”

เขาวิ่งตามแรงดึงที่ต้นแขนขึ้นไปยังห้องอาหารดังกล่าวและสวนทางกับพนักงานเสิร์ฟในชุดกิโมโนน่ารักที่กำลังเดินหน้าเสียออกมาจากห้องส่วนตัวด้านในพร้อมเรือจำลองใส่ปลาดิบในมือ พนักงานสาวน้อยเงยหน้าขวับยามได้ยินเมืองเอกถามว่า “คุณรตีกับคุณเหนืออยู่ห้องด้านในใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ คุณอั้ม” รับคำเสียงเครือแล้วอธิบายกับเมืองเอกที่ถามถึงอาหารในมือซึ่งมีร่องรอยกินไปเพียงเล็กน้อยว่า “คุณเหนือบอกว่าเหม็นคาว ให้เอาจานใหม่ที่ปลาไม่เหม็นไปเสิร์ฟ นี่จานที่สองแล้วด้วยค่ะ ถ้าจานต่อไป คุณเหนือยังบ่นว่าเหม็นอีก หนูต้องตายแน่”

“ไม่ต้องร้องไห้ เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องไปเอาจานใหม่หรอก ยกกลับมาทั้งแบบนั้นล่ะ” เมืองเอกเดินต้อนสาวน้อยที่ยังละล้าละลังให้ย้อนกลับไปตามทาง ก่อนจะโผล่หน้านำพวกเขาเข้าไปในห้อง “สวัสดีครับ คุณรตี ขอโทษที่เอามาคืนช้านะ เจ้าเหนือ เอ้า รับรองได้ว่าไม่บุบสลายตรงไหนแน่นอน”

ใบหน้าขึงตึงของคนฟังเงยกระตุกทันทีและเหมือนจะผ่อนคลายลงเล็กน้อยยามคุณรตีรีบสำทับ “เอ้า มาจนได้ เจ้าจิน อยู่ๆ ก็หายไปเล่นเอาฉันกับตาเหนือเป็นห่วงแทบแย่ มากินข้าวเถอะ”

เขาคลานเข่าบนเสื่อไปหาแสงเหนือและเริ่มดูแลอาหารการกินให้ชายหนุ่มต่อจากคุณรตี ระหว่างที่คุณรตีมัวแต่คุยกับเมืองเอก คนนั่งเงียบมานานก็พูดเสียงไม่ดังมากแค่พอให้เขาได้ยิน “หายไปไหนมา แล้วถ้าจะไปข้างนอกทำไมไม่บอกใครไว้”

“พอดีคุณอั้มจะไปกินข้าวข้างนอก ผมหิวเลยขอไปด้วย” คีบปลาดิบลงแตะโชยุแล้ววางให้ “คุณอั้มพาไปกินก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆ นี่เอง ลืมคิดว่าจะกลับมาไม่ทัน”

นั่งเท้าคางมองแสงเหนือคีบปลาดิบเจ้าปัญหาเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ ได้โดยไม่บ่นเรื่องเหม็นคาวก่อนได้ยินเสียงขรึมเอ่ยต่อหลังกลืนปลาเคราะห์ร้ายโดนกล่าวหาว่าเหม็นลงคอ “ถ้าวันหลังหิว จินไปกินก่อนก็ได้ ไม่ต้องรอพี่กับคุณแม่หรอก แค่บอกเด็กด้านหน้าไว้ก็พอ หรือถ้าเบื่ออาหารโรงแรม อยากกินอย่างอื่นก็บอกพี่ แต่ห้ามไปกินข้าวกับเจ้าอั้มอีกล่ะ”

รับคำส่งๆ แล้วเขาก็หวนนึกถึงแผนการที่วางไว้ เหลียวมองให้แน่ใจว่าคนอื่นยังคุยติดพันไม่มีใครหันมาสนใจพวกเขาแน่จึงค่อยพูดเสียงอ่อย “ผมอยากไปซื้อของบ้างแต่ไม่กล้าไปคนเดียว ถ้าตอนบ่ายว่าง พี่เหนือไปกับผมได้ไหม”

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ จริงสิ เดี๋ยวชวนคุณแม่ไปเดินช็อปปิ้งด้วยกันเลยดีกว่า” จินดนัยรีบเบรกความคิดดังกล่าว “แต่ผมกลัวท่านจะว่าผมเรื่องมากนี่ ไปกันแค่สองคนไม่ได้เหรอ นะ”

“อืม ที่จริงแม่คงไม่ว่าอะไรเราหรอก แต่ตามใจจินแล้วกัน” เห็นกิริยารีบรับคำตามใจเขาแล้วต้องเมินหน้าหลบ เกลียดตัวเองที่เริ่มใจอ่อน เกลียดตัวเองที่รู้สึกผิด เพราะแสงเหนือเป็นแบบนี้ เขาถึงยังตัดใจฆ่าไม่ลงสักที จินดนัยได้แต่หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหลังจากจบวันนี้ แสงเหนือต้องกลับมาทำตัวเลวๆ เหมือนเดิมกับเขาแน่ เพราะแผนของเขานั้นง่ายมาก คือจะต้องทำให้แสงเหนือเกลียดขี้หน้าเขาให้ได้ เพื่ออะไรๆ มันจะได้ง่ายดายขึ้นตามไปด้วย

++++++++++

“เหนือแน่ใจหรือจ๊ะว่าจะไม่ให้ลุงโตอยู่รอ” คุณรตีถามเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้หลังจากส่งพวกเขาลงที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งมีแต่เด็กวัยรุ่นมาเดินกัน แสงเหนือยังต้องย้ำคำตอบเดิมให้มารดาสบายใจ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกลับแท็กซี่จะสะดวกกว่า จินก็อยู่ทั้งคน แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

ทันทีที่เหลือกันสองคน จินดนัยจึงเริ่มลากแสงเหนือตรงไปยังพื้นที่เป้าหมาย เขาหยิบๆ จับๆ เสื้อผ้ายี่ห้อดังได้สองสามร้าน คำถามที่รอก็มา “พี่ไม่เห็นจินจะซื้ออะไรเลย ไม่ชอบเหรอ”

“ชอบน่ะมันชอบครับ” แอบกลืนน้ำลาย ลังเลหนักจนแทบอยากยกเลิกแผนการ หากท้ายสุด เขาก็กลั้นใจกล่าวว่า “แต่มันแพง ผมเห็นราคาแล้วไม่กล้าซื้อ”

“โธ่ คิดว่าอะไร จินอยากได้อะไรก็เลือกเลย พี่จะซื้อเป็นของขวัญให้เอง ไม่ต้องเกรงใจ” แสงเหนือไม่ซักไซ้รายละเอียดยามเขาจับปลายปากกาจรดลงบนสลิปบัตรเครดิตเพื่อให้ชายหนุ่มเซ็นต์ พนักงานขายเองก็คล้ายจะพยายามบอกยอดสินค้าให้ฟังชัดๆ ซ้ำๆ คงนึกกลัวว่าเขาจะหลอกให้คนตาบอดซื้อของแพงๆ ให้กระมัง แสงเหนือปล่อยให้เขากระหน่ำซื้อทุกร้านโดยไม่บ่นสักคำ กลายเป็นเขาเสียอีกที่ต้องเจอสายตาสงสัยมองมาแทบทุกร้านจนชักเซ็งบทเด็กเลว จึงตัดสินใจเล่นบทชั่วช้าสุดๆ แทนอย่างรวดเร็ว

“พี่เหนือ ผมลืมของไว้ที่ร้านเมื่อกี๊ พี่รออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา” คนที่กำลังจะถูกทิ้งให้ยืนริมฟุตบาธรีบเอ่ย “ให้พี่ไปด้วยไหม”

“ไม่ต้องครับ ขืนพี่ไปด้วยจะยิ่งช้า เดี๋ยวของหายกันพอดี พี่เหนืออย่าเดินไปไหนนะ ขืนกลับมาหาไม่เจอแล้วผมต้องหลงทางกลับบ้านคนเดียวไม่ถูกแน่” หยุดมองหน้าคนชะงักกึกแล้วเขาก็รีบกลับหันหลับออกวิ่งราวกับกลัวว่าถ้ามองนานไปกว่านี้อีกแค่วินาทีเดียว เขาต้องไม่กล้าทำสิ่งนี้เป็นแน่

กระหืดกระหอบวิ่งไปได้สักพัก เดินดูร้านโน้นร้านนี้ได้แค่ไม่นาน จินดนัยก็ร้อนใจจนต้องเดินย้อนกลับมาแอบดูจากอีกฟากถนน แอบหวังว่าแสงเหนือจะหายไปแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงอดสูดหายใจลึกไม่ได้เมื่อยังเห็นร่างสูงนั้นยืนอยู่ที่เดิมที่เขาทิ้งไว้...ริมฟุตบาธและตากแดด

ระหว่างที่ลงนั่งบนขอบปูนใต้เงาไม้ เขาได้เห็นว่าหลายคนที่เดินผ่านไปมาลอบชำเลืองแสงเหนือราวกับตัวประหลาด ระหว่างนั้นก็ยังมีสองสามคนเข้าไปพูดด้วย อาจจะคิดว่าแสงเหนือรอข้ามถนนหรือไงไม่รู้ รู้แต่ชายหนุ่มเพียงส่ายหน้าปฏิเสธและปักหลักยืนรอที่เดิมไม่ผิดอะไรกับสุนัขตัวโตที่เจ้าของสั่งให้คอย

เวลาผ่านไปนานจนค่อนข้างแน่ใจว่าต่อให้เขาไม่กลับไปรับ หมอนั่นก็คงจะยืนรออยู่เช่นนั้นจนถึงเย็นแน่ เขาจึงข้ามถนนกลับไปหยุดยืนมองแสงเหนือจากด้านหลังด้วยความคิดที่จู่ๆ ก็แว้บขึ้นมาในหัว ขอแค่กะจังหวะดีๆ แล้วผลักเต็มแรง เขาก็จะ...

“คอยนานไหมครับ” มันไม่ใช่คำขอโทษหรือแม้แต่จะแสดงความเสียใจ เขาพูดไปเพราะแค่ไม่รู้จะพูดอะไรเท่านั้น

“หายไปไหนมาตั้งนาน!” เสียงตวาดไม่ผิดจากที่คาด แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือประโยคถัดมาที่ชายหนุ่มดุเสียงอ่อน “...รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง”

คนตาบอดมาห่วงคนตาดี ตลกตายล่ะเขาเกือบจะพูดอย่างที่คิดอยู่แล้วถ้าจะไม่เห็นความเป็นห่วงจริงจังบนใบหน้าขาวที่บัดนี้แดงก่ำจากการยืนตากแดดและมีเหงื่อเม็ดเป้งเกาะอยู่ตามไรผม พอเห็นดังนั้นแล้วก็พูดอะไรไม่ถูกนอกจากยืนเงียบ

แสงเหนือถอนหายใจยาวเมื่อไม่ได้รับคำอธิบายใดๆ และไม่เซ้าซี้ต่อ หากเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน “แล้วเจอของที่ลืมไว้ไหม ถ้าไม่เจอ พี่พาเราไปซื้อใหม่ก็ได้”

“ไม่เอาแล้ว เหนื่อย ผมอยากกลับบ้าน” คร้านจะนั่งค้นหาคำตอบว่าที่ร่างกายเริ่มเปลี้ยไม่มีแรงในตอนนี้เป็นเพราะอะไร เขารีบจับแขนแสงเหนือไว้และเงยหน้าหาแท็กซี่ขณะคนข้างตัวจับมือข้างนั้นของเขาไว้พร้อมขมวดคิ้วมุ่น “จินมือเย็นจัง เหนื่อยมากเลยเหรอ”

“ไม่เป็นไรครับ แค่เพลียๆ อยากนอน” ดันแสงเหนือให้เข้าไปนั่งบนเบาะหลังแท็กซี่ที่จอดตรงหน้า และเมื่อแสงเหนือไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยมือ เขาจึงต้องมุดตามไปนั่งข้างๆ อย่างขี้เกียจจะต่อปากต่อคำ จากแดดร้อนๆ มาเจอแอร์เย็นๆ แล้วเขาก็เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ จนต้องหลับตา ทิ้งหัวกับเบาะเพื่อลดอาการหน้ามืดและไม่ขัดขืนเมื่อมือใหญ่ควานมาหาหัวเขาจนเจอ ก่อนจะลากให้ซบลงกับบ่ากว้าง

“ตัวรุมๆ เหมือนจะมีไข้เลย ยังไงจินนอนพักก่อน ไว้ถึงบ้านแล้วพี่จะปลุกนะครับ” จินดนัยเริ่มยอมรับ...สิ่งที่ไม่เคยยอมรับมาตลอด สิ่งที่เทวดาพูดนั้นถูกต้องแล้ว เขาใจอ่อนกับแสงเหนือ หวั่นไหวแค่ยามได้ยินเสียง...ไม่ว่าจะตวาดกราดเกรี้ยวหรือเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน ใบหน้าขาวของคนตัวสูง...ไม่ว่าจะบูดบึ้งหรือแย้มยิ้มยินดีล้วนส่งผลให้เขาโอนเอนราวกับต้องลม เขาผิดมาตั้งแต่แรกที่คิดจะใช้ความใกล้ชิดดำเนินแผนการ ผิดตั้งแต่คิดย้อนกลับมาเพื่อฝืนดวงชะตา ทั้งที่ชีวิตเขามันควรจะจบไปนานแล้วแต่เขากลับมายืนอยู่ที่นี่ เหตุใดคนที่น่าจะตายไปแล้วกลับยังมานั่งอยู่ตรงนี้ เทวดาท้าพนันกับเขาเพื่อให้ได้อะไร โลกไม่ได้แตกยามเขาตายและแทบไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเลยด้วยซ้ำยามเขากลับมา

ในสมองปวดหนึบกับคำถามร้อยพันที่ไร้คำตอบ จะมีก็แต่ไออุ่นจากคนข้างกายที่ช่วยกล่อมให้เขาผล็อยหลับลงไปได้ในที่สุด



+++++++++++++++++++++++++++++++

TBC

:o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 16-06-2008 10:32:26
ใจอ่อนแล้วสิพ่อจิน :m12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 16-06-2008 10:42:10
อ่านทันแย้ว เย้ๆๆๆๆ :oni2:ดีใจกระจาย

เป็นอีกเรื่องที่ชอบจัง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-06-2008 11:02:57
เดี่ยว....ในที่สุดก็ใจอ่อนนนนนนนนนนนแน่ๆ

แล้วแบบนี้เทวดานั้น จะเล่นตลกอะไรอีกละเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 8 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 16-06-2008 11:22:33
จินนนนนนนนน  อย่าทำเลย

สงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 9 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 16-06-2008 13:04:53
อ่า ตอนจบคงจะเศร้าแน่ๆ  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 9 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 16-06-2008 15:15:54
เมืองเอกมีแผนอะไรรึเปล่านี่
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 9 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo ที่ 17-06-2008 01:02:15
เริ่มเศร้าแล้ว ทำไงดี ไม่อยากให้ตายทั้งจินทั้งแสงเหนือ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 9 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 17-06-2008 08:24:44
เศ้ราอะ ปล่อยให้ ยืนรอกลางแดด


นี่ถ้าทิ้งกาน คงร้องไห้เลยอ้า


เหมือนจินจะตายย - -+ยังไงกะไม่รู้ อ่อนแอ เหลือเกินอะน กลัวจัง o7 o7
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 9 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 17-06-2008 09:35:14
จินใจร้ายเหมือนกันนะนั่น ปล่อยให้พี่เค้ายืนตากแดดตั้งนาน
แต่ว่าเรื่องนี้มันต้องมีการสูญเสียจริงๆ ใช่มั๊ยนั่น
โธ่ อะไรจะเศร้าซ้ำซ้อนขนาดน๊านนนนนน o7


เทวดาซานตา ตัวชงเรื่องน่ะ ร๊ายสุดๆๆ ชิส์ :o
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 9 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 17-06-2008 13:39:43
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 10 – คำสัญญาข้างเดียว ~

ท่ามกลางสายตาพร่ามัวและความร้อนจนน่าอึดอัด จินดนัยสัมผัสถึงมือใครบางคนที่ลูบหน้าเขาเบาๆ ความอบอุ่นนั้นคุ้นเคยและอ่อนโยนจนเขาต้องยกมือไขว่คว้าไว้ยามมือนั้นละไป “แม่...แม่ครับ”

“ไม่เป็นไรแล้วนะ อีกไม่นานจินก็จะหาย ไม่เป็นไรนะ” เสียงผู้ชาย... เจ้าของมือนี้ไม่ใช่แม่ ความคิดชักตื้อตันจนหลุดปากเรียก “พ่อเหรอ”

ถ้าฟังไม่ผิด คล้ายจะได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจก่อนเสียงเดิมจะบ่นพึม “พี่ต่างหาก สอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ...”

พี่ที่ไหนวะ ถึงจะจำได้ว่ามีน้องชายคนละแม่อายุห่างกันไม่กี่ปี แต่เขาไม่เคยมีพี่ แล้วพี่อะไรนี่จะงอกมาจากไหนแบบไม่รู้ตัว ทว่ามือใหญ่นั้นก็อบอุ่นดี เขาเลยคร้านจะถามต่อและซุกหน้าลงกับหมอนพร้อมกุมมือนั้นไว้แน่นเพื่อเป็นกำลังใจในการจมลึกสู่โลกแห่งความฝันต่อไป

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ จินดนัยจึงค่อยลืมตามาพบว่ากำลังนอนอยู่บนที่นอนของตัวเองในห้องแสงเหนือ แสงแดดอ่อนจากภายนอกบอกให้รู้ว่าเพิ่งเป็นเวลาเช้าตรู่ เมื่อเขาพยายามพยุงตัวขึ้นนั่งก็พลันนึกปวดระบมตามเนื้อตัวทุกส่วนจนต้องทิ้งตัวลงนอนเอาแรงอีกสักพัก แล้วค่อยๆ เท้าแขนดันตัวขึ้นจนสำเร็จ

เขามองไปรอบๆ ห้องอย่างเบลอๆ และเริ่มงงเมื่อสายตาเพิ่งจะเห็นก้อนอะไรบางอย่างกองอยู่ข้างๆ ที่นอน เกาหัวแกรกแล้วก็ยังนึกไม่ออกว่ามันก้อนอะไร ใครเอามากอง “อะไรเนี่ย”

แหวกๆ ก้อนผ้าแล้วเขาค่อยเจอผู้ชายตัวโตนอนขดอย่างน่าปวดหลังอยู่ข้างใต้ “พี่เหนือ...มานอนอะไรตรงนี้ นู่น กลับไปนอนบนเตียงไป๊” ดันๆ คนหลับไม่ยอมตื่นอยู่พักใหญ่กว่าที่เสียงอืออาจะเอ่ยงัวเงีย “อือ จิน หายแล้วเหรอ ยังปวดหัวไหม ตัวยังร้อน...”

ถามเขาแต่ไม่ยักรอเอาคำตอบ เขาเห็นอยู่กับสองตาว่าแสงเหนือหลับต่อทั้งที่ยังถามไม่เสร็จดีด้วยซ้ำ “บอกให้ขึ้นไปนอนบนเตียง นอนตรงนี้เดี๋ยวก็ปวดหลังหรอก” พยายามงัดร่างขดม้วนให้ลุกขึ้น แต่แค่จับคนตัวสูงพลิกตะแคง เขากลับโดนคว้าลงไปกอดซุกไว้ทั้งตัว เท่านั้นไม่พอ แสงเหนือยังกดจูบลงบนผมเขาแล้วเอ่ยเสียงคล้ายละเมอ “จุ๊ๆ นอนต่อนะ เด็กดี พี่อยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไร”

พูดอะไรบ้าๆ คนเขามีพ่อมีแม่นะจะมาทำเนียนนัวเนียนอนกอดดื้อๆ แบบนี้ได้ไง “ปล่อย พี่เหนือ ปล๊อยยย!!”

ดิ้นขลุกขลักติดอยู่ในอกกว้างได้แค่ไม่เท่าไหร่ เขาก็หมดแรงนอนหอบ อีกฝ่ายดูจะพอใจที่เขายอมนอนอย่างสงบจึงกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีกนิดแล้วก็...หลับสนิท จินดนัยนอนฟังเสียงหายใจลึกยาวได้สักพักจึงเริ่มแพ้ความอบอุ่นชวนง่วงงุนติดหมัด เขายอมนอนต่อพร้อมคาดโทษคนตรงหน้าไว้ในใจว่าตื่นเมื่อไหร่ต้องชำระความให้กระจ่าง

หากกว่าเขาจะรู้สึกตัวอีกทีกลับเป็นตอนสายเมื่อสาวใช้ที่ชื่อพี่ดวงเข้ามาสะกิดเรียกเบาๆ “จิน ตื่นมากินข้าวแล้วจะได้กินยา” สะโหลสะเหลลุกขึ้นมานั่งหัวฟู พบว่าเหลือแค่เขานอนอยู่คนเดียวแล้วก็ต้องส่ายจมูกฟุดฟิดหาที่มาของกลิ่นหอมๆ “ส่ายจมูกเป็นไอ้ริชชี่เชียว เอ้า กินข้าวซะ”

ระหว่างที่เขานั่งกินข้าวต้มอยู่กับพื้น พี่ดวงซึ่งจัดการจัดเก็บที่นอนบนเตียงและเช็ดถูทำความสะอาดห้องไปพลางก็เอ่ยคุยกับเขาไปพลาง “ที่จริงฉันกะจะขึ้นมาดูแกนานแล้วล่ะ แต่คุณเหนือสั่งว่าให้แกนอนพักเต็มที่ ไม่ต้องปลุก จนคุณนายท่านต้องแย้งว่าแกยังไม่ได้กินยาเลยนี่ล่ะ คุณเหนือถึงยอม”

จินดนัยลุกขึ้นบิดเนื้อตัวไล่ความเมื่อยขบแล้วเดินหน้าเปื่อยเข้าห้องน้ำล้างหน้า “ผมจำได้ลางๆ ว่าเมื่อวานไข้ขึ้นตอนกลับมาถึงบ้านแต่หลังจากนั้นมันเบลอ...” คุ้นๆ ว่าเหมือนฝันเห็นพ่อ แต่ถ้าคิดถึงอีกที เขาควรจะฝันถึงแม่มากกว่านี่หว่า สงสัยจะเลอะเลือน

“งั้นแกคงจำไม่ได้สิว่าแกนั่งกอดเสาร้องไห้เพราะไม่ยอมหาหมอ พอตอนหลังลุงโตจะมาลากแกไปให้ได้ แกก็ดันโผไปเกาะขาคุณเหนือแทน แถมร้องห่มร้องไห้จนคุณเหนือใจอ่อน บอกให้รอดูอาการแกก่อนสักคืน ถ้าไม่ดีขึ้นแล้วค่อยจับมัดไปวันนี้แทน” คำบอกเล่าเรื่อยๆ ทำเอาจินดนัยสำลักยาสีฟันที่แปรงอยู่ ไม่จริง! อย่างเขาเนี่ยนะจะไปเกาะขาศัตรูร้องขอความเมตตาให้ไว้ชีวิต มันเป็นไปไม่ได้! “ที่สำคัญคือพอลุงโตจะอุ้มแกกลับไปนอนห้องเก่า คุณเหนือก็ค้านอีก บอกว่าให้แกนอนที่นี่น่ะดีแล้ว คุณรตีเห็นแล้วยังส่ายหน้าเลย คิดดูสิ ฉันได้ยินคุณรตีบ่นพึมเลยตอนมายืนดูฉันเช็ดตัวให้แกเมื่อวาน ท่านหาว่า...คุณเหนือน่ะทั้งรักทั้งหลงน้อง ยอมตามใจจนเสียเด็ก”

คราวนี้พ่นน้ำที่กำลังบ้วนปากอยู่ออกมาเต็มกระจกเงา ฝ่ายเจ้าของคำพูดกระแทกใจเมื่อได้ยินเสียงเขาพ่นน้ำก็วิ่งมาดูแล้วร้องลั่น “ต๊าย ไอ้จิน แกทำอะไรของแก สกปรกชะมัด กระจกก็เปื้อนหมดเลย ดูสิ! รีบๆ เช็ดเลยแก ตัวเองไม่สบายไม่พอดันหางานเพิ่มให้ฉันอีก”

“ขอ...ขอโทษ” กุลีกุจอรีบคว้าผ้ามาเช็ดแต่ยังไม่ทันลงมือทำความสะอาด เสียงตวาดแบบที่ไม่ได้ยินมานานของแสงเหนือก็ทำเอาทั้งเขาทั้งพี่ดวงสะดุ้งโหยง “ใครอนุญาตให้เธอเรียกจินว่าไอ้! แล้วฉันสั่งให้เธอมาดูแลจิน ไม่ใช่มาใช้ให้เขาทำงาน หรือถ้าคิดว่างานแค่นี้มันหนักเกินไป ก็เชิญออกไปหางานบ้านอื่นทำซะ”

“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน พี่เหนือ” ยังเรียบเรียงคำไม่ถูก สาวใช้ที่ตกใจหน้าซีดก็ร้องไห้โฮอย่างเสียขวัญ จนเขาต้องรีบปลอบ “พี่ดวงไม่ต้องร้อง พี่เหนือแค่พูดเล่น ใครจะบ้า...”

“พี่ไม่ได้บ้าแล้วก็ไม่ได้พูดเล่น รีบๆ ลงไปเก็บข้าวของแล้วออกไปให้พ้นบ้านฉันภายในเย็นนี้เลย ได้ยินไหม!” นาทีนี้ ไม่สนแล้วว่าใครจะบ่าว ใครจะนาย จินดนัยแหกปากลั่น “พี่เหนือ หยุดนะ! พี่ดวงไปรอข้างล่างก่อน อ๊ะ แต่ไม่ต้องเก็บของนะ”

รอจนพี่ดวงวิ่งตัวลีบตาแดงออกไปแล้วเขาจึงรีบก้าวประชิดคนตัวสูงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าห้องทันที “มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยพี่เหนือ! พี่จะมาไล่ใครต่อใครออกเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้ไง"

“แต่มันไม่ถูก พี่จะยอมให้ใครขึ้นไอ้ขึ้นอีกับจินได้ยังไง พี่...” เขาเลิกคิดมานานแล้วว่าแสงเหนือบ้า ทว่าคำว่าบ้าดูจะไม่พอสำหรับสถานการณ์นี้เสียแล้ว “ไม่เข้าใจเหรอครับว่าบางทีการเรียกไอ้ไม่ได้หยาบคาย มันเป็นการเรียกเพื่อ...แสดงความเอ็นดู อย่างลุงโตก็เรียกผมไอ้จิน แต่ลุงแค่นึกเอ็นดู ไม่ได้เรียกแบบจะจิกหัวเสียเมื่อไหร่”

“แต่...” เขาถอนหายใจยาว มองแสงเหนืออย่างนึกเซ็งเล็กน้อย “อย่าทำตัวเป็นคุณชายไปหน่อยเลยน่า พี่เหนือ คิดหยุมหยิมคิดจุ๊กคิดจิ๊กเหมือนพวกผู้หญิงไปได้”

เห็นอยู่กับตาว่าคนหน้าขาวเริ่มกลายเป็นคนหน้าบูดแล้วสะบัดพรืดจนกลัวคอจะเคล็ดแทน จินดนัยจึงถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “พี่เหนือเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ”

“...” นิ่งเงียบเสียจนเขาคิดว่าคงไม่ได้รับคำตอบ หากท้ายสุดหลังคาดคั้นกัดไม่ปล่อยจนน้ำลายยืด แสงเหนือจึงยอมรับคำเรียบๆ “เข้าใจ”

มองอาการรับคำหน้านิ่งแล้วเขาต้องกล่าวย้ำ รีบดักคอ “เข้าใจ... เข้าใจแล้วสัญญาได้ไหมว่าจะไม่อาละวาดถ้ามีใครเรียกผมแบบนั้นอีก”

“...” เงียบเป็นครั้งที่สองแถมทำท่าคอแข็งเข้าใส่จนจินดนัยรู้ว่ากำลังรอเก้อแน่นอน หากยังไม่ทันอ้าปาก แสงเหนือกลับเอ่ยสิ่งที่ทำให้เขาต้องอึ้งแทน “พี่ไม่รับปากสิ่งที่ทำไม่ได้หรอก พี่จะสัญญา...แค่สิ่งที่คิดจะทำและต้องทำให้ได้เท่านั้น”

“พี่เหนือ” จินดนัยแตะมือที่กุมไม้เท้าแล้วบีบเบา มืออุ่นข้างนั้นบีบตอบพร้อมขานรับอ่อนโยน “ครับ”
“อย่าดีกับผมนักเลย ผม...ไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่คิดหรอก” เขาห้ามตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจึงหวังว่าเขาจะห้ามแสงเหนือได้ “ผมทำเพราะเป็นหน้าที่ คุณรตีจ่ายเงินเดือนให้ผม จ้างผมให้ดูแลพี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเงิน เพราะผมไม่มีที่ไป ถ้าพี่เหนือไม่ได้ตาบอด ถ้า...ไม่มีอุบัติเหตุนั่น ผมก็คงไม่มาอยู่ตรงนี้”

ใช่ ถ้าเขาไม่ได้ตายในอุบัติเหตุครั้งนั้น พวกเขาสองคนคงไม่มีวันได้มาอยู่ใกล้ชิดกันเช่นทุกวันนี้หรอก ไม่มีทาง จินดนัยเกลียดแสงเหนือมาตลอด เช่นเดียวกับที่แสงเหนือก็ชังน้ำหน้าเขาตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก ชีวิตพวกเขาเป็นคู่ขนานกันมาตั้งแต่ต้นและน่าจะเป็นตลอดไป เพราะนอกเหนือจากการเห็นเขาเป็นศัตรูแล้ว แสงเหนือไม่เคย...เห็นคนอย่างเขาอยู่ในสายตา

“แล้วไง” ชายหนุ่มย้อนถามง่ายดายพร้อมรอยยิ้ม “แต่พี่ไม่ได้รัก... ไม่ได้เอ็นดูเราตามหน้าที่สักหน่อย พี่อาจต้องเสียดวงตาไปแต่ได้หัวใจมาแทน มันก็คุ้มค่าแล้วไม่ใช่เหรอ และไม่ว่าจินจะมาอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พี่ก็ยังดีใจนะที่ได้เจอเรา...ในที่สุด”

ก้อนแข็งที่จุกในลำคอกับดวงตาร้อนผ่าวทำให้เขาตอบไม่ได้ อากาศที่สูดลึกลงอกดูจะอัดแน่นจนปวดร้าว ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังดีใจหรือเสียใจ เขาไม่อยากให้เป็นแบบนี้แต่ในขณะเดียวกันกลับปรารถนามันเหลือเกิน แต่สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ อย่างที่แสงเหนือพูดนั่นล่ะ ...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาก็รักแสงเหนือไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจินหรือจินดนัย ไม่ว่าจะในฐานะพี่ชายหรือคนรัก “ผมดีใจนะที่มีพี่ชายอย่างพี่”

คนซึ่งถูกเขาเรียกย้ำว่าพี่ชายชะงัก สีหน้าแว่บหนึ่งที่เห็นคือความผิดหวังและตัดพ้อกับความใจร้ายของเขา หากหลังจากทำท่าอยากพูดอะไรอยู่นาน แสงเหนือก็เลือกที่จะยิ้มให้ แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มซึ่งดูเศร้าสร้อยจนน่าใจหายก็ตาม “ครับ ไม่เป็นไร”

แสงเหนือยกมือเขาขึ้นแตะแนบแก้มสากด้วยไรหนวดเขียว พึมพำเสียงแหบพร่า “แค่วันนี้ยังมีจิน...พี่ก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว”

ดวงตาเขาร้อนผะผ่าวและเปียกชื้นขณะปล่อยให้มือเย็นเฉียบของตนอิงไออุ่นจากสัมผัสนั้นเนิ่นนาน ...แม้จะรักไม่ได้ ฆ่าก็ไม่ลง แต่เขาน่าจะมีสิทธิ์อยู่ตรงนี้เงียบๆ ระหว่างตัดสินใจและทำใจนี่ “ใครโกนหนวดให้พี่เหนือ ...ฝีมือไม่ได้เรื่องเลย แถมมีแผลโดนบาดด้วยนี่”

คราวนี้รอยยิ้มเขินๆ ของคนตัวสูงทำให้เขายิ้มได้บ้าง “โกนเองน่ะสิจะมีใครโกนให้ ขอโทษนะครับที่ฝีมือไม่ได้เรื่อง พี่หาที่โกนหนวดไฟฟ้าไม่เจอก็เลยขี้เกียจเรียกคนอื่น พวกนั้นถ้าไม่มือหนักเกินก็กลัวทำมีดบาดพี่ ยุ่งยากนักเลยโกนเอง ทำไม กลัวพี่ไม่หล่อเหรอ โอ๊ย แค่นี้ก็หล่อจนไม่รู้จะทำไงอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็แกล้งดึงมือเขาให้ถูกับตอแข็งๆ ของหนวดเขียวๆ หัวเราะลั่นยามเขาพยายามดึงมือบิดหนี ก่อนชายหนุ่มจะโอบเขาเข้าไปกอดทั้งตัว กดหัวเขาไว้กับอกและพูดเบาๆ

“จินไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะพี่ไม่เคยเสียใจ จำไว้นะครับ” แสงเหนือจะไม่เสียใจจริงๆ เหรอถ้ารู้ว่าที่จริงเขาเป็นใครและเข้ามาใกล้ชิดด้วยจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ที่อีกฝ่ายพูดได้เต็มปากเพราะยังไม่รู้เท่านั้นเอง

++++++++++

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 9 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 17-06-2008 13:44:01
ตอนนี้ยาวจัง..ต่อคร๊าบบบบ :m13:



หลังจากประตูห้องประชุมปิดลง จินดนัยหาที่นั่งรอพร้อมหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ในมือบริเวณหน้าห้อง หากนั่งอ่านไปได้สักพักก็ต้องลดหนังสือลงเพราะขาดสมาธิ สถานที่รอบด้านมีแต่ความเคร่งเครียดเป็นการเป็นงานจะอ่านการ์ตูนได้ยังไง เขาจึงเดินเลี่ยงออกมาหามุมเงียบๆ บริเวณชั้นล่างแทนพลางครุ่นคิดถึงเรื่องกวนใจในระยะนี้

เขาไม่ปฏิเสธว่าดีใจที่เห็นแสงเหนือเริ่มศึกษางานด้านโรงแรมอย่างจริงจัง ชายหนุ่มกับมารดามาที่โรงแรมนี่อาทิตย์ละสี่ห้าวันซึ่งนับว่าบ่อยมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่เขาจะเข้ามาทำงานด้วย นอกจากนี้ไม่ว่าจะโรงพยาบาลหรือยาบำรุงอะไร แสงเหนือก็ยอมไปยอมกินแต่โดยดีไม่มีอิดออด จะเรียกว่าเป็นเด็กดีก็ใช่ หรือจะมองว่าเริ่มเป็นผู้เป็นคนก็ถูก คุณรตีดีใจจนยิ้มร่าหน้าบาน ทุกคนมีความสุข แทบทุกเรื่องราบรื่นไม่มีปัญหา ...ที่ต้องใช้คำว่าแทบเพราะเขาคนหนึ่งล่ะ ที่เริ่มมีปัญหาเสียแล้ว

แสงเหนือมีเวลาให้เขาน้อยลง อยู่กับเขาน้อยลง และเมื่อถึงเวลาได้อยู่ด้วยกันสองคน ถึงจะทำท่าฟังเขาเหมือนปกติแต่ในใจคงคิดไปเรื่องอื่น พอเขาเริ่มคาดคั้นก็โดนหาว่าคิดมากและสั่งให้เขาเลิกคิดไร้สาระ

ถ้านั่นยังมีลับลมคมใน กวนหัวจิตหัวใจกันไม่พอ เขายังมีอีกเรื่องที่เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งจะเป็นเรื่องอื่นใดไปไม่ได้นอกจากไอ้ท่าทางวางตัวเป็นพี่ชายแสนดีจอมปลอมของแสงเหนือนั่นล่ะ ว่าแล้วว่าที่เคยบอกไม่เป็นไร ไม่เสียใจนั่นโกหกทั้งเพ คนบอกว่าไม่เป็นไรแต่กลับเริ่มทิ้งระยะห่าง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มห่างเหินเหมือนกลับไปตอนเขาเพิ่งเข้าทำงานใหม่ๆ ไม่มีผิด จะให้เรียกพี่ชายน้องชายกันอีกทำไมในเมื่อฝ่ายนั้นต่างหากที่ทำตัวเป็นเจ้านายไม่ตีสนิทกับคนรับใช้อย่างเขา คงไม่น่าแปลกใจสักนิดถ้าวันหนึ่งแสงเหนือจะสั่งให้เขากลับไปเรียกว่าคุณเหนือเหมือนเดิม

...ก็ดี ทำตัวห่างๆ กันบ้างแบบนี้ก็เข้าท่าดี ว่าแต่ทำไมการ์ตูนเล่มนี้ไม่ตลกเลยเนี่ย เข้าข่ายต้มตุ๋นหลอกลวงผู้บริโภคนี่หว่า... เขาพลิกๆ ผ่านๆ การ์ตูนเรื่องโปรดซึ่งตามอ่านมาตั้งแต่ก่อนตายด้วยท่าทางเซ็งสุดขีด ก่อนเริ่มเลื้อยลงตามความนุ่มนิ่มของเก้าอี้ หากยังไม่ทันจะได้เคลิ้มก็ได้ยินเสียงพูดคุยจุ๊กจิ๊กน่ารำคาญดังเข้าหู “หมายความว่าไง ทำไมประชุมวันนี้เขาไม่ให้คุณพี่เข้าฟัง คุณพี่เป็นถึงหลานของคุณเตโช เป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกบัญชีแต่กลับไม่เรียกเข้าประชุมแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”

“ก็จะอะไร คุณชายเขาไม่ชอบหน้าพี่เลยทำเมินมองข้ามหัวเหมือนพี่เป็นหัวหลักหัวตอน่ะสิ พะเน้าพะนอกันเข้าไป” เสียงผู้ชายตอบกลับด้วยอาการฉุนเฉียวพอกับเสียงแรก “พวกมันพอกันทั้งพี่ทั้งน้อง คนพี่ก็กวนตีน คนน้องก็ทำเป็นพี่ไม่อยู่ในสายตา อ๊ะ แต่จะว่าไป พี่ก็คงไม่อยู่ในสายตาคุณชายแสงเหนือตาบอดจริงๆ นั่นล่ะ ฮ่าๆ”

จินดนัยฟังไปพลาง นอนขมวดคิ้วเคาะนิ้วกับโซฟาไปพลาง ...ไอ้หมอนี่กับยัยผู้หญิงนั่น ถ้าไม่โง่มากๆ ก็คงง่าวสุดๆ คิดยังไงถึงได้มานั่งนินทาเจ้านายกลางวันแสกๆ ต่อให้บริเวณนี้จะเป็นที่ลับหูลับตา และถึงจะมีใครผ่านไปมาก็มักจะมีแต่แขกของโรงแรมมากกว่าพนักงานก็เถอะ แต่อย่างที่โบราณท่านว่าไว้ กำแพงมีหู ประตูมีช่อง แล้วนี่บนโซฟามีเขาแบบไม่ได้มาแค่หูหรือแอบอยู่ในช่องหากนอนอยู่ทั้งตัว ไม่ไหวๆ โง่วจนรับไม่ได้

หากยังไม่ทันที่เขาจะลุกเผยตัว เสียงแหลมก็เอ่ยต่อข้อความที่ทำเอาสะดุดกึก “น้องกลัวแค่ว่าเขาจะเริ่มสงสัยคุณพี่หรือเปล่าน่ะสิถึงไม่ได้เรียกเข้าประชุม เพราะครั้งล่าสุดนี่เรา...”

“ชี่ย์... อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้” อีกฝ่ายคงเริ่มฉลาดและรีบปราม “ที่นี่ไม่ปลอดภัย กำแพงมีหู หนูมีปีก เกิดใครมาได้ยินเข้าเราจะแย่”

จินดนัยเกือบหลุดหัวเราะก๊ากกับคำพังเพยเด็กแนวที่คนโบราณมาได้ยินคงต้องกัดลิ้นตาย ทว่าเริ่มขำไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ที่ที่เขานอนซุกอยู่นี่ “กลับไปก่อนเถอะ พี่เองก็ว่าจะกลับไปนั่งรอพบคุณรตีเสียหน่อยก่อนจะโดนไอ้คุณชายนั่นเป่าหูใส่จนซวยไปหมด หนอย ตัวมันก็แค่คุณหนูเรียนไม่จบแถมตาบอดแต่ดันเก๊กท่าเป็นคนใหญ่คนโต เห็นแล้วหมั่นไส้นัก”

น่าแปลกใจ เส้นเลือดบนขมับเริ่มปูดอย่างไม่รู้สาเหตุ แสงเหนือเป็นคนฆ่าเขา ฉะนั้นเขามีสิทธิ์ด่าแสงเหนือได้คนเดียว “พี่ชัชคะ อย่าใจร้อนเลยค่ะ เราต้องอดทนไปก่อน รอไปสักพักกว่าพวกมันจะรู้ตัวก็...”

กว่าคุณพี่กับคุณน้องจะเดินจากไป จินดนัยก็ลงไปคุดคู้หมอบซุกอยู่หลังโซฟาจนเมื่อยขบ ไม่ต้องเหลืออะไรให้สงสัยอีกแล้ว คุณพี่ซึ่งนินทาเจ้านายระยะเผาขนคือคุณชัช ชายอ้วนที่ชอบแต่งชุดสูทเล็กไปสองเบอร์ เขาเคยคิดว่าหมอนี่ลูกกะตาหลุกหลิกน่าสงสัย ไม่คิดว่าจะกล้าโกงบริษัทจริงๆ แถมเมื่อกี๊ คุณน้องช้างพังยังว่าฝ่ายนั้นเป็นถึงหลานคุณเตโช พ่อของแสงเหนืออีก นี่มิเท่ากับว่าโกงญาติพี่น้องกันเองหรอกหรือ

แว่บแรกที่เขาคิดจะทำคือวิ่งไปบอกแสงเหนือ แต่วิ่งไปได้แค่สองสามก้าวก็ต้องชะงัก เขาจะเอาอะไรไปบอกล่ะ ขืนบอกแค่มีคนคิดจะโกงดูจะน้ำหนักเบาหวิว โกงยังไงไม่รู้ หลักฐานอะไรก็ไม่มี ทางนั้นเขาเป็นถึงญาติฝ่ายพ่อ เขาเสียอีกที่ไม่ใช่ญาติโกโหติกาด้วยสักนิด หรือต่อให้คุณชัชโกงจริง แต่ในฐานะเครือญาติกัน เกิดแสงเหนือกับคุณรตีไม่ติดใจเอาความ เขาเองนั่นล่ะที่จะซวย


หากจะให้นิ่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลยก็ทำไม่ได้ วิ่งวนเป็นหนูถีบจักรได้สักพัก จินดนัยจึงค่อยคิดหาทางออกได้ คราวนี้เขาเริ่มวิ่งตึงตังไปทั่ว จนเหงื่อเริ่มแตกนั่นล่ะ ในที่สุดจึงพบคนที่ตามหาในชุดสูทสีเข้มกำลังชะโงกหน้าหยอกล้อกับพนักงานต้อนรับที่แผนกสปาอย่างมีความสุข

ชายหนุ่มผู้กำลังหยอดยิ้มหวานเผลอสะดุ้งโหยงยามได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อลากยาวเฟื้อยมาแต่ไกลและเป็นเสียงประเภทที่แค่ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดี “คุณอ้ามมมม!!” ก่อนจะทันรู้ตัว ขายาวๆ ตั้งท่าจะหาทางหนีทีไล่แต่ติดตรงที่ชายเสื้อสูทถูกตะครุบไว้หมับจนแทบหน้าหงาย

“เฮ้ย! ดึงทำไม เดี๋ยวขาดหมด” จินดนัยไม่เพียงไม่ปล่อย หากยังยึดไว้แน่นกว่าเดิมจนขยุ้มไว้เต็มสองมือ “ปล่อย ปล่อยโว้ย กำแน่นขนาดนั้นยับกันพอดี”

“แล้วคุณอั้มจะวิ่งหนีทำไมเล่า” เขาขู่ฟ่อกลับแล้วกลับโดนหิ้วคอลากหลบไปทางด้านในที่เงียบสงบปลอดสายตาคนกว่าทันที “ทำอะไรผิดไว้หรือไงถึงต้องวิ่งหนี ผมไม่ใช่ตำรวจนะ ทำเป็นผู้ร้ายหนีคดีไปได้ จะบอกให้นะว่าโจรสติดีๆ เขาไม่เผ่นหนีซึ่งหน้ากันหรอก ไม่งั้นมีสิทธิ์โดนไข้โป้งทุกราย อีประเภท...”

“เด็กบ้าอะไรวะ พูดมากชะมัด” ชายหนุ่มรีบยกมือห้ามคนตั้งท่าจะเถียง “ไม่ต้องอธิบายให้มากความ เอาแค่ประเด็นหลักๆ พอว่าตามหาฉันทำไม ถ้าจะให้พาไปกินข้าวข้างนอกก็ลาก่อน แค่นี้เจ้าเหนือก็เขม่นหน้าฉันอย่างกับอะไร”

“คุณอั้มเป็นผู้จัดการประสาอะไร ไม่รู้หรือว่าคุณชัชเขาโกง...อื๊อ!!” มือใหญ่ตะปบปากเขาทีเดียวปิดมิดไปครึ่งหน้า โดยไม่สนใจร่างที่ดิ้นฮึดฮัดในมือ เมืองเอกลากเขาต่อไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไม่มีลูกค้าใช้บริการอยู่ จนแน่ใจว่ามีเพียงพวกเขาอยู่กันตามลำพัง เมืองเอกจึงยอมปล่อยคนที่เริ่มแน่นิ่งหมดแรงเพราะขาดอากาศหายใจให้เป็นอิสระ “คิดบ้าอะไรถึงพูดโพล่งเรื่องนั้นออกมา เขาไม่ใช่คนที่นายควรเข้าไปยุ่งด้วยหรอกนะ หมอนั่น...”

ชายหนุ่มรับร่างที่ทรุดฮวลลงได้ทันและตบหน้าซีดๆ ซึ่งหายใจพะงาบๆ อย่างต้องการเรียกสติ “อ้าว ไอ้หนู อย่าเพิ่งเป็นลมนะโว้ย เฮ้ย อย่าตายนะ ขืนนายม่องคามือฉันก็ซวยสิ”

“คราย...ม่อง...” ลากเสียงพูดได้แค่สองคำก็ตาลายวูบเพราะโดนอุ้มช้อนขึ้นทั้งตัว รับรู้อาการใกล้เป็นลมแต่ยังฝืนสติไว้สุดฤทธิ์ สูดหายใจลึกและหลับตาเพื่อหลีกภาพวูบวาบน่าเวียนหัว ได้กลิ่นยาดมมารนๆ อยู่แถวใต้จมูกพร้อมผ้าชุบน้ำเย็นๆ ลูบตามใบหน้าลำคอให้จนรู้สึกดีขึ้น จินดนัยลืมตาปรือเห็นเมืองเอกกำลังนั่งยองๆ หน้านิ่วคิ้วเข้มขมวดโดยมีพนักงานหญิงอีกคนรอดูอาการเขาอยู่ด้วย

“นี่กินข้าวกินปลาบ้างหรือเปล่า สุขภาพตัวเองทำไมไม่ดูแลให้ดีๆ น้า นี่ถ้าไปเป็นลมเป็นแล้งที่อื่นแล้วจะทำยังไง ฉันก็พอเข้าใจนะว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้มันชอบรักษาหุ่นให้ผอมเพรียวชะลูดตูดแฟบหัวโตเป็นถั่วงอก แต่ผอมมากไปมันก็ไม่ดีหรอก อย่าบอกนะว่าบ้านนั้นไม่มีอะไรให้กิน ฉันเห็นเจ้าเหนือออกจะประเคนให้นายทุกอย่าง กับอีแค่...” ผู้ชายปากมากหยุดพล่ามกะทันหันเพราะโดนคนป่วยปาผ้าเปียกเข้าเต็มหน้า “เฮ้ย ทำอะไร คนอุตส่าห์อุ้มมา แถมช่วยพยาบาลให้ รู้งี้ปล่อยกองทิ้งไว้ก็ดี”

“ก็ปล่อยทิ้งไว้เลยเซ่ ใครใช้ให้ช่วย” นอกจากไม่รู้จักบุญคุณแล้วยังไม่รู้สำนึก เขาลุกพรวดด้วยความไม่เจียม ผลลัพธ์คือวูบอีกระลอก ทำให้เผลอคว้าหัวคุณเมืองเอกไว้ทันท่วงที “นั่น เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตออีกต่างหาก นอนลงไปเลย ไอ้ลูกหมาสารพัดพิษ จะนอนลงไปโดยดีหรือต้องให้จับกด”

ไม่ได้กลัวแต่เขาต้องยอมลงนอนเพื่อพักเอาแรง ระหว่างนั้น เขาได้ยินเมืองเอกกล่าวขอบคุณและบอกให้พนักงานหญิงกลับไปทำงาน หลังสิ้นเสียงฝีเท้า เสียงทุ้มจึงค่อยเอ่ย “ฉันรู้เรื่องคุณชัชอยู่แล้ว พูดไปมันก็ลำบากใจนะ ทางนั้นเขาก็เป็นญาติที่คุณเตโชฝากมา จะพูดจะทำอะไรก็ลำบาก ที่สำคัญคือฉันเกรงใจคุณรตี”

“บอกพี่เหนือสิ รับรองว่าพี่เหนือไม่เอาหมอนั่นไว้แน่” เขาลุกขึ้นมานั่ง คราวนี้อย่างช้าๆ

“...คิดอยู่เหมือนกัน แต่เจ้าเหนือมันเกลียดขี้หน้าฉันจะตาย เธอก็รู้ พูดไป เจ้าเหนืออาจไม่เชื่อแถมด่าฉันกลับก็ได้” อืม ไอ้เรื่องเกลียดขี้หน้าน่ะเข้าใจ แต่กับเรื่องหลังนี่เขาไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น ครั้นพูดออกไป เมืองเอกจึงหันกลับมามองหน้าเขาแล้วหัวเราะ “ช่วยไปพูดเกริ่นๆ ให้ก่อนทีสิ เอาน่า ไม่ต้องทำหน้ากลัวขนาดนั้นหรอก รู้ตัวบ้างไหมว่าทุกวันนี้เจ้าเหนือฟังเธอมากกว่าฟังคุณรตีเสียอีก”

“ไม่จริงอ่ะ” หน้าร้อนซู่แบบไม่เกี่ยวกับอาการหน้ามืด จินดนัยรีบมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่สีหน้าจับผิดของเมืองเอก “ตอนนี้เขาโกรธผมอยู่ ไม่รู้งอนบ้าอะไร ไม่อยากยุ่งกับไอ้คุณชายเอาใจยากนั่นหรอก...”

เสียงหัวเราะหึๆ เหมือนรู้ทันแต่ยังไม่ทันได้ทุบสักอั้ก เมืองเอกกลับขยุ้มหัวเขาแล้วขยี้แรงๆ “หัดเอาใจหมอนั่นหน่อยสิ เจ้าเหนือมันนิสัยเหมือนเด็กจะตาย ชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบ อ้อนเก่ง งอนก็เก่งเป็นอันดับหนึ่ง ง้อๆ เข้าหน่อย ขี้คร้านจะใจอ่อนปวกเปียก ยอมออกปากขอโทษเธอแทนด้วยซ้ำ”

“รู้ดีจังนะ คุณอั้ม รู้ดีขนาดนี้น่าจะสนิทสนมกลมเกลียวมากกว่าเกลียดขี้หน้ากันนี่นา” ปรายหางตามองหวาดระแวง แต่โดนดีดหน้าผากจนความคิดอกุศลหล่นกระจาย “หยุดไอ้ความคิดบ้าๆ ในสมองเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ฉันเห็นหมอนั่นตั้งแต่เล็กไม่รู้ก็เกินไปล่ะ สำหรับฉัน เจ้าเหนือก็เหมือนน้องชายเกเรๆ คนหนึ่ง และเพราะรู้ดีขนาดนี้ เจ้าเหนือถึงเกลียดคนรู้ทัน เอาล่ะ เธอน่าจะกลับไปได้แล้วนะ นี่ก็เกินเที่ยงแล้วเดี๋ยวเจ้าเหนือจะอาละวาด พนักงานกระเจิงอีกรอบ”

++++++++++

“ทำไมเมื่อกลางวัน จินถึงมาช้า” จินดนัยชะงักมือซึ่งยกจัดที่หลับที่นอนบนเตียง เหลือบมองหน้าคนนั่งตรงริมเตียงนิดหนึ่งแล้วทำเหมือนไม่ได้ยิน “พี่ถามทำไมไม่ตอบ! หรือมีความลับอะไรถึงตอบไม่ได้”

“ถ้าพี่เหนืออยากถามว่าทำไมคุณอั้มถึงมาพร้อมผมก็ถามมาตรงๆ ดีกว่า ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก ผมง่วง อยากนอน ขี้เกียจเล่นยี่สิบคำถาม” หน้าขาวๆ ของแสงเหนือแดงก่ำขึ้นทันตา เขาสงสัยว่าเป็นเพราะชายหนุ่มเขินหรือของขึ้นกันแน่ แต่ฟังจากเสียงตวาดที่ไม่ได้ยินมาเสียนาน คาดว่าน่าจะเป็นเพราะประการหลังเสียมากกว่า

“รู้ตัวก็ดี! ไหนลองตอบมาซิว่าทำไมต้องมาพร้อมไอ้หมอนั่น พี่สั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าไปยุ่งกับมัน!” จินดนัยถอนหายใจยืดยาวและตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยินอีกต่างหาก ส่งผลให้หน้าแสงเหนือที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงจัด “จิน!”

“ผมอยู่แค่นี้ พี่เหนือจะตะโกนทำไม” เมื่อครู่ที่บอกว่าง่วงและอยากนอนนั่น เขาไม่ได้โกหก จินดนัยทิ้งตัวลงนอนแผ่กลางเตียงกว้างของเจ้านายโดยไม่ต้องห่วงเรื่องโดนดุ “หมู่นี้ผมเผลอทำอะไรให้พี่เหนือโกรธหรือเปล่า”

แผ่นหลังเหยียดตรงดูเกร็งขึ้นนิดหนึ่งก่อนเสียงห้วนจะย้อนถาม “ทำไมอยู่ๆ ถึงมาถามพี่เรื่องนี้ พี่ไม่ได้...”

“ถึงผมจะโง่แต่ก็ไม่ใช่ควายนะถึงจะได้ไม่รู้ว่าพี่เหนือกำลังโกรธผมอยู่” เสียงสลดแบบไม่ต้องเล่นละคร เขาเหนื่อยจริงๆ นะกับการตามอารมณ์แสงเหนือให้ทัน “ถ้าพี่อยากให้ผมทำอะไร พี่ก็บอกผมตรงๆ สิ”

“พี่ไม่ได้โกรธจินจริงๆ เพียงแต่... เพียงแต่ว่า...” ทำหน้าตัดใจแล้วแสงเหนือจึงเอ่ยเบาๆ ราวกับกลัวเขาจะได้ยิน “พี่ต่างหากที่กลัวจินจะโกรธ พี่รู้ว่าเคยบอกให้จินไม่ต้องกังวลแต่ว่า...”

ถ้าแสงเหนือพูดคำว่าแต่ว่าอีกครั้งเดียวล่ะก็ โดนยันโครมตกเตียงแน่ “พี่พยายามทำตัวเป็นพี่ชาย เป็นแค่พี่ชายที่ดีอย่างที่จินต้องการ แต่พี่ตัดใจไม่ได้นี่” เวรแล้ว เสียงตัดพ้อมาแต่ไกลเชียว เขายังไม่ได้ง้างเท้าถีบสักน่อยเลยนะ “รักไม่ได้ อยู่ใกล้ก็พาลจะตบะแตก จะให้ห่างกันไปเลยพี่ก็ทนไม่ได้หรอก สรุปแล้วเลยกลายเป็นแบบที่จินว่า... ถ้าไอ้อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพี่ มันทำให้จินรำคาญล่ะก็...พี่ขอโทษ แต่จินจะให้พี่ทำยังไงล่ะถึงจะพอใจ”

“พี่เหนือ ผม...” พอยกมือแตะแผ่นหลังกว้างหากบัดนี้เริ่มงองุ้มนั่น กลับโดนเจ้าตัวสะบัดชิ่งหลบ น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกสงสารแทนหมั่นไส้อย่างที่ควร “ผมเคยบอกพี่เหรอว่าโกรธหรือรำคาญ ...ผมเคยบอกหรือเปล่าว่ารักไม่ได้”

พูดไปแล้วก็อายตัวเอง หากก่อนจะลากเลื้อยหลบไปได้ กลับโดนเจ้าคนที่เมื่อวินาทีทีแล้วยังนั่งคอตกพลิกตัวกลับคร่อมเขาไว้ ...เอ่อ ได้ข่าวว่าตาบอดอยู่ไม่ใช่เหรอ หรือไอ้เรื่องขึ้นคร่อมนี่มันแทรกซึมเข้าไปทุกอณูของร่างกายจนสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ คิดยังไม่ตกระหว่างมุดดำดินกับเอาหัวโหม่ง ชายหนุ่มก็ถามเสียงเข้มเอาจริงเอาจัง

“จิน...ไม่ได้โกรธ ไม่ได้รังเกียจพี่จริงๆ นะ” กลืนน้ำลายเอื้อก จินดนัยจึงค่อยตอบเบาแสนเบาซึ่งมันช่วยเรียกรอยยิ้มหวานจากคนรอฟัง “อืม นั่นสิ จินไม่เคยบอกพี่สักคำเลยว่ารักไม่ได้หรือแม้แต่ไม่ได้รัก... งั้นแสดงว่า...พี่รักจินต่อไปได้ใช่ไหม”

ไอ้อาการคัดแน่นในอกเหมือนจะหายใจไม่ออกนี่ต้องเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนภัยแน่ๆ ใจเย็นก่อน พรรคพวก ก็แค่ปล่อยให้หมอนี่มันฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้รักตอบ นั่นก็น่าจะปลอดภัย... น่าจะ...นะ

อารามคิดฟุ้งซ่านอยู่นาน ฝ่ายรอคำตอบจึงจัดการทึกทักเข้าข้างตัวเสียฉิบ “ไม่ตอบ พี่ถือว่าไม่ปฏิเสธนะ”

ต่อจากอาการคัดแน่นคือความร้อนวูบวาบยามใบหน้าขาวกับรอยเคราเขียวๆ ที่เห็นว่าลอยวนเวียนอยู่หลัดๆ เริ่มซุกซบลงกับซอกคอ ตอหนวดแข็งๆ ที่เผลอจ้องเมื่อครู่ครูดกับผิวเนื้ออ่อนจนขนลุกเกรียว ท่าซุกไซร้หาไออุ่นไม่ต่างกับแมวทำให้จั๊กกะจี้จนต้องพลิกหน้าหนีพัลวัน “ฮื้อ จั๊กกะจี้น่า อย่า... ไม่เล่นแล้ว”

“อืมมม... คิดถึงจัง” เสียงครางแหบนุ่มตรงริมใบหูราวแมวตัวโตที่ได้ละเลียดนมอุ่นๆ หวานๆ ทำเอาจินดนัยขนลุกซู่ หัวใจเต้นแรงขึ้นจวนเจียนจะเกมโอเวอร์เต็มทน ซ้ำร้ายเข้าไปอีกเมื่อฟันคมๆ แกล้งงับเนื้อนุ่มตรงติ่งหูอย่างต้องการจะแกล้ง ส่งผลให้เขาหลุดเสียงหัวเราะสลับตะโกน “พี่...พี่เหนือ! บอกว่าไม่เล่นไง มันจั๊กกะจี้... ฮะ อ๊า...”

“ไม่เล่นจั๊กกะจี๋ก็ได้”เขายังหายใจหอบจากการหัวเราะเมื่อครู่แต่ก็ไม่ละความพยายามยันหน้าขาวๆ ที่ยิ้มกรุ้มกริ่มออกให้ห่างจอ จู่ๆ กลับโดนคว้ามือข้างนั้นไปจูบฟอดก่อนที่แสงเหนือจะกระซิบ “งั้นขอจูบแทนนะ”

วินาทีนั้น หัวใจที่กำลังเต้นจังหวะแซมบ้าอย่างเมามันกลับทำเหมือนจะลืมวิธีแดนซ์ไปเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าเป็นเขาเองที่หยุดหายใจหรือร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านออกซิเจน รู้แต่ลิ้นแข็ง ปากชา คิดอะไรไม่ออกเท่านั้น คิดคำปฏิเสธไม่ออก หรือจะหาวิธีตอบรับก็ทำไม่ได้ เขานอนอึ้งเหมือนคนเป็นใบ้ปล่อยให้แสงเหนือลูบใบหน้าช้าๆ และใช้มือใหญ่ข้างเดียวกันนั้นประคองแก้มเย็นชืดไว้

“...ไม่ตอบ พี่ถือว่าไม่ปฏิเสธนะ” เขาต้องใกล้ตายอย่างที่เทวดาพะยี่ห้อไว้แน่ๆ เพราะแทนที่จะเอาหัวโหม่ง ขึ้นท่าโช้คแสลมหรือรัวอัปเปอร์คัทแจกหมัดดาวตกเทือกนั้น กลับทำแต่อะไรงี่เง่าๆ อย่างใช้มือที่อ่อนเป็นวุ้นยันใบหน้าที่ก้มลงมาหาและหลับตาปี๋ยามหมดทางหนี

มันงี่เง่าจริงๆ นะ ให้ดิ้นตาย

++++++++++++++++++++++++++++++++

TBC

จาจูบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบแล้ว
เจ้าจินหนีไม่พ้นแน่ๆ   :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 17-06-2008 14:26:43
กร๊ีดดดดดดดดดดสลบ

หวานจริงหวานจัง
 :m1: :m25: :m1: :m25:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 17-06-2008 14:40:08
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด แสงเหนือ สุดจะแสนดี ขี้อ้อน แถมขี้หวงอีกต่างหาก

ไม่กล้าคิดถึงตอนจบเล้ยจริงๆ กลัวไม่แฮ้ปปี้จังเลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: re_rain ที่ 17-06-2008 15:22:05
 :m31: อ้ากกกกกกกกกกกกกกก

ค้าง ค้างอย่างแรง

หลอกให้อยาก :o8: แล้วจากไป o12 o12
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-06-2008 15:39:22
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่เหนือน่ารักไปไหนค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Taurus ที่ 17-06-2008 16:13:40
 :oni1: :oni1: :oni1: ชอบเรื่องนี้ที่ซูดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 17-06-2008 19:54:39
ปมเรื่องยังไม่เคลียร์เรย

อยากรู้จัง ไหงวันนั้นขับรถฉิวไปชนเขาเดี้ยงได้ละนั่น

ฮึ้ย..

ค้างง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 18-06-2008 00:55:10
รอต่อสุดฤทธิ์
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 18-06-2008 09:07:30
ฮิ๊วววววววววววววววววววววววววววววว
ทำอารายกาน
 :o8: ย้ำชัดๆ อีกทีซิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 18-06-2008 10:03:55
จะจะจะจะจะจะจะจะจะจะจะจะจูบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแว้ว :m1:เป็นกำลังใจให้พี่ยาโยนะครับผม
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 18-06-2008 10:51:31
อุอุ ไม่มีอะไร เข้ามาบอกว่าคิดถึงพี่โยยอะ  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 18-06-2008 14:20:38
จูบเลยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 18-06-2008 16:27:06
งานยุ่งเหยิงทั้งวัน ตอนนี้ว่างแว่บนึงเลยรีบมาโพสนะคร๊าบบบบ

ขอบคุณทุกเมนท์เลยยยยยยย



~ ด้วยรักจากสวรรค์ 11 – Sleeping Beauty ~

บรรยากาศภายในสนามเด็กเล่นตอนช่วงพักกลางวันเต็มไปด้วยเด็กตัวน้อยทั้งชายและหญิงซึ่งกำลังเล่นสนุกกันให้ทั่วบริเวณ บ้างก็เล่นเครื่องเล่นพ่นสีสวยสดใสจำพวกไม้ลื่น ไม้กระดกและที่ปีนป่ายเตี้ยๆ ซึ่งทำจากโครงเหล็ก บ้างก็จับกลุ่มกันเล่นกระโดดเชือก วิ่งเล่นหรือนั่งกินขนมกันด้วยความร่าเริง ส่วนตัวเขาเองชอบดูรูปสวยๆ ในสมุดภาพกับเพื่อนอีกสองสามคนมากกว่าจะลงไปวิ่งตากแดดให้สูญเสียพลังงานโดยใช่เหตุ

เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติดังเช่นทุกวัน หากจะมีสิ่งพิเศษอยู่บ้างก็คือวันนี้คือวันแห่งความรัก ที่รู้เพราะเมื่อเช้าจินดนัยเห็นเด็กชายสองสามคนประคับประคองดอกไม้ดอกเล็กๆ ขนมนมเนยหรือของเล่นผูกโบไว้ด้วยความประหม่า ยิ่งเมื่อโดนเพื่อนๆ แซว เด็กชายเหล่านั้นต่างทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่เมื่อเห็นตอนพักกลางวันอีกที เด็กชายเหล่านั้นกลับจับคู่นั่งคุยกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักอยู่ตามมุมต่างๆ ในสนามเด็กเล่นเสียแล้ว

นานๆ ทีจึงเงยหน้าชี้ชวนให้เพื่อนดูรูปที่เปิดเจอ เขานั่งจมอยู่อย่างนั้นจนจู่ๆ ก็มีเงามาทาบลงบนหน้าหนังสือ ด้วยความหมกมุ่นและไม่ได้คิดอะไร เขาจึงแค่เบี่ยงตัวหลบเพื่อไปหาแสงอีกด้านแทน แต่เงาดำกลับตามมาบดบังไว้อีก เงยหน้าขึ้นหากยังไม่ทันจะเอ่ยปากสิ่งที่สงสัย เขาก็เกือบเผลอร้องจ๊ากออกมาดังๆ เมื่อเห็นชัดว่าเจ้าของเงาทะมึนนั้นคือใคร

“นาย! ตามเรามาเดี๋ยวนี้!” นิ้วชี้ของเจ้าหัวโจกตัวเอ้ชี้ตรงมาที่เขาแบบเบี่ยงหลบให้ตายก็ไม่พ้น จินดนัยเหลียวมองเพื่อนอย่างต้องการหาที่พึ่ง แต่เพื่อนที่คบถ้าไม่เป็นพวกรักสงบก็มีแต่พวกรักตัวกลัวตายจึงต่างเป็นที่พึ่งให้เขาด้วยการทำตัวสั่นงันงกหลบตาเป็นพัลวัน

“ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือไง บอกให้มาก็มาสิ! หรือว่าอยากเจ็บตัว!” มือเล็กๆ กระชากต้นแขนเขาแรงจนจินดนัยนิ่วหน้า จำต้องพยุงตัวลุกขึ้นยืนและเก๊กเสียงไม่ให้สั่นเทาเกินไปนัก “ปละ...ปละ... ปล่อย ระ... ระ...เรา ดะ...เดินเองได้”

เดินขาสั่นเทาเป็นลูกหมาขาอ่อน เกือบตุปัดตุเป๋ล้มลงข้างทางก็หลายรอบ ยิ่งเดินก็ยิ่งห่างไกลจากผู้คนและแสงแดดอันสดใสมากขึ้นทุกที มัวแต่มองหาทางหนีทีไล่หรือใครสักคนมาช่วย เขาจึงไม่ทันตั้งตัวเมื่อเจ้าคนเดินนำหยุดยืนในมุมลับตาและก้มงุดๆ อยู่ให้ง่วน

หมอนั่นต้องกำลังค้นหาอุปกรณ์เชือด ชำแหละ กระชาก กระซวก สับ เซาะ เลาะกระดูกและฝังกลบเขาอยู่แน่ๆ ฮือ คุณครูค้าบ คุณครูอยู่ไหน แม่จ๋า ช่วยเค้าด้วย หนูยังไม่อยากตายอ้า...

“ชิ มดเยอะชะมัด” เจ้าว่าที่ฆาตกรอายุน้อยที่สุดในโลกกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกล่องใส่ยาพิษ พร้อมอุปกรณ์ฝังกลบฆ่าและน้ำยาสลายกระดูก จินดนัยสะดุ้งเฮือกยามกล่องลึกลับโดนยื่นพรวดใส่จนเกือบกระแทกหน้า “เอ้า เอาไป”

กล่องสีน้ำเงินเข้มมันวาวที่ด้านบนเป็นพลาสติกใสเผยให้เห็นช็อคโกแล็ตหลากหลายรูปร่างและสีสัน มีทั้งแบบทรงเหลี่ยมผสมถั่วบด ทรงกลมเคลือบผงสีน้ำตาล ทรงรีคาดริ้วสีสดใสและรูปทรงหัวใจสีขาวสะอาด ...แค่มอง จินดนัยก็รู้สึกเหมือนน้ำลายใกล้จะยืดหยดเต็มที

เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายงงๆ สีหน้าคนมอบกล่องช็อคโกแล็ตสีสวยกลับถมึงทึงเคร่งเครียดราวโกรธแค้นหนัก ขณะที่เริ่มคิดว่าฝ่ายนั้นอาจต้องการสงบศึก ยุติเรื่องที่พวกเขาไม่ถูกกันนั้นเอง ดอกกุหลาบดอกเดียวเดี่ยวๆ ก็ถูกยื่นพรวดตามติด คราวนี้เขาหลบไม่พ้นและโดนกลีบดอกอ่อนนุ่มทิ่มปลายจมูกพอให้คันยุบยิบและตกใจจนเผลอถอยหลังไปสามก้าวติดๆ เลยทีเดียว

สมองน้อยๆ อันชาญฉลาดเริ่มตีความรวดเร็ว เขารู้ว่าวันนี้เป็นวันแห่งความรัก เด็กผู้ชายต้องให้ของขวัญกับเด็กผู้หญิงที่ชอบ แล้วพวกเขาก็จะกลายเป็นแฟนกัน พอเป็นแฟนก็ต้องนั่งกินข้าวกลางวันด้วยกัน โทรศัพท์หากัน และวิ่งเล่นด้วยกัน ใช่ นี่ล่ะคือราคาของของขวัญในวันแห่งความรักที่เด็กผู้หญิงต้องจ่ายเพื่อเป็นสิ่งตอบแทน ถ้าเขาเป็นเด็กผู้หญิง เขาก็จะต้องทำแบบนั้น แต่นี่เขาไม่ใช่ อีกฝ่ายก็เป็นเด็กผู้ชาย ในเมื่อเขาไม่ใช่ หมอนั่นก็ไม่ใช่ ดังนั้นสรุปได้อย่างเดียวคือ...

“เฮ้ย!! นายทำ...” เสียงดังกล่าวบ่งบอกความตกใจจริงจังยามเขาเขวี้ยงกล่องช็อคโกแล็ตชวนน้ำลายไหลลงกับพื้นจนช็อคโกแล็ตบางส่วนกระเด็นออกมาคลุกฝุ่น “นายทำบ้าอะไรวะ!”

กลัวก็กลัว โกรธก็โกรธ พอเขาตะเบ็งเสียงตะโกนตอบไอ้เด็กหน้าเหี้ยม เสียงจึงสั่นอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อไหร่นายจะเลิกแกล้งเราซะที! ทำแบบนี้มันสนุกตรงไหน ทั้งขนม ทั้งดอกไม้เขาต้องให้เด็กผู้หญิงต่างหาก ถ้าเราโง่รับของพวกนี้ไว้ นายจะได้หัวเราะเยาะเราล่ะสิ ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ! เราเกลียดนาย! ได้ยินไหม เกลียดๆๆ!”

อาศัยช่วงจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังนิ่งอึ้งตะลึงงันที่เขารู้เท่าทันแผนการ จินดนัยตรงเข้าปัดดอกกุหลาบในมือฝ่ายตรงข้ามจนหนามบาดทั้งมือเขาและมือคนถือก่อนกุหลาบสีสวยสดจะตกลงกับพื้น ร่างกายขยับไปก่อนสมองคิด เขายกเท้ากระทืบป้าบๆ จนกลีบบอบบางบี้แบนติดพื้นไม่เหลือสภาพ สะใจแล้วรีบกลับหันหลังวิ่งหนีเต็มสปีด

แม้เตรียมตัวเต็มที่ว่าจะต้องโดนกระชากคอเสื้อจากด้านหลังภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้า แต่เขาก็ยังวิ่งหน้าตั้งและเมื่อเหลียวหลังกลับไปเช็คระยะห่าง เตรียมพร้อมแหกปากขอความช่วยเหลือ กลับพบว่าไม่มีใครวิ่งตามเพราะเจ้าคนที่ควรวิ่งตามกลับยืนนิ่งอยู่จุดเดิม ร่างที่เคยดูยิ่งใหญ่คับฟ้าในสายตาเขากลับเล็กลงกะทันหัน ...จะด้วยระยะห่างหรือจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ร่างของแสงเหนือดูเหมือนเป็นแค่เด็กอนุบาลสามธรรมดาๆ เท่านั้น ไม่อันตรายและออกจะ...น่าเวทนาด้วยซ้ำ

เขาเผลอหยุดยืนมองภาพตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว มองแสงเหนือทรุดลงเก็บซากดอกไม้และขนมราคาแพงงุดๆ พร้อมอากัปกิริยาแปลกๆ อย่างเช่นยกมือป้ายแก้มตัวเองแรงๆ ไปด้วย ...หรือมันจะปิดปากหัวเราะวะ ที่เขาดันเผลอทำน้ำลายยืดใส่ช็อคโกแล็ตของมันไปเมื่อกี๊ ว่าแล้วว่ามันเลว...

ไม่ทันตั้งตัวและเผลอสะดุ้งเหมือนโดนเหยียบหางเมื่อเจ้าคนที่เขาแอบมองดันเงยหน้าขวับคล้ายมีซิกเซนส์รับรู้ยามมีคนจ้อง ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำฉายแววโกรธเกรี้ยวและคล้ายจะตกใจเช่นกันที่เงยหน้ามาเจอเขายืนมอง เจ้าตัวกระโจนยืนผึง กำหมัดแน่น ไอ้อาการตั้งท่าพร้อมวิ่งมากระโดดเตะก้านคอขาดเป็นก้านกล้วยแบบนี้จะอยู่รอให้ภัยมาถึงตัวก็คงไม่ได้การ

คราวนี้เขาวิ่งไม่หยุดจนกลับมายืนในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโรงเรียน คุณครูเงยหน้าจากสมุดการบ้านมามองเขายืนหอบเกาะโต๊ะแล้วถามอย่างปราณี “มีอะไรจ๊ะ จินดนัย วิ่งเล่นกับเพื่อนมาเหรอ”

“คะ ครับ วิ่งเล่นมาครับ” เงยหน้ายิ้มหวานประจบครูและได้รับการหยิกแก้มยุ้ยๆ ด้วยความเอ็นดูตอบแทนความตอแหลของตัวเอง

ระหว่างที่นั่งประจบสอพลอจ๊ะจ๋ากับคุณครูอย่างนั้นอย่างนี้ ในใจเขายังหวั่นระทึกไม่หายกับแววตาอาฆาตของแสงเหนือ รับรู้ได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอกเลยว่านับจากนี้ ชีวิตเขาจะยากลำบากมากขึ้นหลายเท่าตัว ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้หมอนั่นทำเรื่องพิเรนทร์ๆ แบนนั้นก่อนเล่า ตัวเขาแค่ตอบโต้ไปตามสถานการณ์

ถูกแล้ว เขาไม่ผิดสักหน่อย หมอนั่นต่างหากที่ผิด แสงเหนือผิดตลอดมาและจะผิดตลอดไป เรื่องระหว่างพวกเขามันคงไม่มีทางเลวร้ายไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

++++++++++

จินดนัยลืมตาโพลงอย่างตกใจ ไม่บ่อยนักที่เขาจะสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย เหงื่อแตกเต็มหน้าผากทั้งที่อากาศในห้องเย็นสบาย เขาขยับอึดอัดตั้งใจจะสะบัดผ้าห่มที่พันรอบตัวจนแทบขยับไม่ได้แต่กลับสะบัดไม่ออก กำลังสงสัยว่าเผลอผูกเงื่อนตายตอนหลับหรือเปล่า เขาก็ต้องสะบัดหน้ามาเพ่งไอ้เงาดำซึ่งจ่อชิดติดแผ่นหลังอีกครั้งหลังมองผ่านแว้บๆ เมื่อครู่แล้วขนลุกซู่เพราะดันคิดว่าเห็นผี ถึงตัวเองจะกลายเป็นผีไปแล้วแต่ยังไม่พร้อมจะรับมือผีแปลกหน้าหน้าไหนทั้งสิ้น ดังนั้นเขาจึงโล่งใจเมื่อเห็นว่าเจ้าเงาดำนั่นคืออะไร หรือจะพูดให้ถูกก็คือใคร

แสงเหนือที่ไม่รู้ว่าย่องลงจากเตียงกว้างมานอนเบียดบนฟูกแคบๆ ของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กำลังนอนหลับท่าทางแสนสุข เงื่อนตายอันเกิดจากสิ่งที่รัดอยู่รอบตัวเขาก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนนอกจากแขนสองข้างของแสงเหนือนั่นเอง

“ปล่อยน่า มันอึดอัดน้า” งัดนิ้วแข็งๆ ออกแต่กลับยิ่งโดนรัดแน่นเข้าจนแทบจะหักดังกร๊อบ ครั้นพอเขานอนนิ่ง อ้อมแขนนั้นจึงค่อยผ่อนแรงตามกอดเขาไว้หลวมๆ ทว่ายังไม่ปล่อยอยู่ดี จึงได้แต่ถอนหายใจพรืด เอี้ยวตัวกลับมามองใบหน้าบรมสุขของชายหนุ่มท่ามกลางแสงจันทร์อันน้อยนิดที่ลอดจากหน้าต่างเข้ามา

แสงเหนือเป็นคนหน้าตาดี ยิ่งเวลานอนนิ่งๆ ไม่ออกอาการเถื่อนถ่อยฟาดหัวฟาดหางฟาดกบาลชาวบ้าน ยิ่งไม่ผิดกับเจ้าหญิงนิทรา แต่ไหงพอฟื้นจากนิทรากลับกลายเป็นเจ้าชายอสูรแทนไปได้ล่ะหนอ ไอ้เจ้าชายเก็บกดมีปมด้อยแถม...ลามกมือไวอีกต่างหาก

เผลอจ้องหน้าเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากแล้วหัวใจก็เริ่มเต้นคร่อมจังหวะ ปากคู่นี้ไม่ใช่เหรอที่เมื่อเย็นกดทาบกับปากของเขาอย่างนุ่มนวล ...แม้จะเพียงชั่วครู่ก็เล่นเอาเขาแทบอยากระเบิดร่างทำลายหลักฐาน แสงเหนือทำราวกับเวลาแค่ชั่วครู่ที่จูบเขานั้นเพียงพอ ...เกินพอสำหรับสถานการณ์ในตอนนั้น จึงไม่ยื้อยุดหรือทำให้เขาลำบากใจ ปล่อยให้เขาหกหลังตีลังกาเกลียวสามรอบครึ่งลงจากเตียงไปนอนมุดรูใต้ผ้าห่มแต่โดยดี

ท่าน่ะดีแต่ทีเหลว พิสูจน์ได้จากการย่องเงียบมานอนซุกเขาเป็นลูกแมวยักษ์แนบชิดติดสีข้างจนไม่มีที่ว่างนี่ไง จินดนัยหวนคิดถึงความฝันเมื่อครู่แล้วต้องถอนหายใจ เรื่องนานนมในอดีตที่เขาลืมไปนานแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เหตุการณ์พรรค์นั้นถูกจดจำและบันทึกไว้เป็นเพียงแค่หนึ่งในกองภูเขาวิวาทเลากา

ถ้าจำไม่ผิด หลังจากวาเลนไทน์สีเลือดคราวนั้น แสงเหนือก็ชังน้ำหน้าเขาหนักขึ้นอย่างที่คาดไว้ เขาโดนแกล้งหนักขึ้น โดนด่าสาดเสียเทเสียแรงขึ้นและได้รับแววตาอาฆาตฉายแววศัตรูทุกครั้งที่สบตาแบบที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบัง มาบัดนี้โตๆ กันแล้ว จึงให้นึกสงสัยปนตงิดยิ่งนักว่าในวันวาเลนไทน์ที่เห็นในความฝัน แสงเหนือต้องการแกล้งเขาอย่างที่เขาคิดเอาเองมาตลอดจริงแน่หรือ

ไม่อยากคิดว่าไอ้หมอนี่จะมีนิสัยเด็กๆ อย่างพวกชอบแกล้งคนที่ชอบหรอก เพราะนิสัยดังกล่าวออกจะหงุมหงิม จุ๋มจิ๋ม ติ๋มๆ น่ารักไม่เหมาะกับหมอนี่สักนิด แบบแสงเหนือน่ะมันต้องตีหัวลากเข้าถ้ำหรือไม่ก็จับมัดเอาไฟลนแล้วเฆี่ยนด้วยแส้ให้สาวเจ้ารับรักสิถึงจะเหมาะ

ถึงจะยังไม่แน่ใจเรื่องนั้นแต่อย่างน้อย เขาก็แน่ใจว่าต่อให้แสงเหนือจะเคยนึกแอบชอบเขาแต่หลังจากเหตุการณ์วาเลนไทน์สีเลือดแล้ว หมอนั่นเกลียดชังเขาเข้าไส้แน่นอน

“อืม...” เสียงละเมอพึมพำเรียกความสนใจของเขาให้หันไปจ้องคนในห้วงความคิด คิ้วเข้มๆ ของแสงเหนือขมวดมุ่นเหมือนอึดอัดเต็มประดา เขาต่างหากที่น่าจะอึดอัดเพราะโดนรัดไว้อย่างกับโดนงูเหลือมพัน แต่เห็นท่าขยับตัวยุกยิกแล้วก็เดาได้ว่าเจ้าคุณชายคงไม่เคยชินกับการนอนบนฟูกแข็งๆ แถมต้องคอยเบียดไว้ถ้าไม่อยากกระเด็นตกฟูก ไม่ต้องนับว่าแสงเหนือไม่กล้าแย่งผ้าห่มเขาอีก จึงได้แต่อาศัยนอนซุกหาความอบอุ่นจากเขาที่นอนเหงื่อแตกใต้ผ้าห่มแทน

“พี่เหนือ นอนดีๆ สิ” ดุไม่จริงจังแล้วเขาก็จับต้นแขนอีกฝ่ายเขย่าเบาๆ “เขยิบออกไปก่อน พี่เหนือ ตื่น”

“...จิน” เสียงพึมพำงัวเงียดังจากคนทำหน้างงๆ เบลอๆ ซึ่งเขารีบอาศัยจังหวะนั้นสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดและผ้าห่ม เขยิบตัวไปริมฟูก “เขยิบเข้ามา เดี๋ยวก็ตกฟูกหรอก ที่นอนดีๆ มีไม่นอน ตื่นมาปวดหลังอย่าบ่นแล้วกัน”

คนตัวโตขยับงุดๆ หัวซุนเข้ามาแล้วแย่งที่นอนเขาเกือบหมด หากยังไม่ทันที่เขาจะหอบผ้าหอบผ่อนอพยพไปนอนเตียงนุ่มๆ กว้างๆ ให้แทน แสงเหนือก็ดึงเขาลงไปนอนกอด บ่นงึมงำอะไรสองสามคำก่อนจะหลับต่ออย่างง่ายดาย

หัวใจเริ่มปวดหนึบในช่องอกและเริ่มคิดฟุ้งซ่านถึงอะไรที่เป็นไปไม่ได้ อย่างเช่นไม่อยากให้วันพรุ่งนี้มาถึง มันจะดีสักแค่ไหนถ้าเวลาจะถูกหยุดเอาไว้แค่คืนนี้ ขอให้โลกหยุดหมุนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องนึกแค้นผู้ชายตรงหน้าอีก เพื่อที่เขาจะได้มองหน้าชายหนุ่มได้นานอีกนิด เพื่อที่แสงเหนือจะได้นอนหลับอย่างมีความสุข ปราศจากฝันร้ายใดๆ มาแผ้วพาน

ถ้าเพียงแต่ไม่มีรุ่งเช้าก็คงจะดี

++++++++++

ต่อข้างล่างฮับ
V
V
V
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 18-06-2008 16:32:38


แสงตะวันอ่อนยามเช้าเริ่มส่องลอดผ้าม่านเข้ามาบ่งบอกคนมองถึงเวลาและหน้าที่ที่ต้องตื่น จินดนัยลูบดวงตาอ่อนล้าอันเกิดจากการได้นอนพักผ่อนไม่เต็มอิ่มและสูดหายใจได้ไม่เต็มปอด ลืมตาดูโลกมาก็หลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าใจความรู้สึกสาวๆ ที่ต้องใส่สเตย์รัดหน้าท้องกันเสียแล้ว

“พี่เหนือ ผมอึดอัด” ทุบต้นแขนแน่นๆ ดังปึ้กปั้กมั่วซั่วแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมตื่น “ตื่นเถอะครับ เช้าแล้ว เดี๋ยวคุณรตีก็ให้ใครมาตามหรอก”

พูดกับกำแพงยังดีกว่า จินดนัยเริ่มมาตรการขั้นต่อไป บิดซ้ายตะแคงขวาชนิดใครมาเห็นคงคิดว่าเขาหัดเต้นแร็พแนวนอนอยู่เป็นแน่ “บ๊ะ ขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นได้ ตื่นโว้ย จะตื่นไม่ตื่น ประเทศไทยหมดไปครึ่งนึงแล้วคิดจะนอนกินเมืองไปถึงพม่าเลยหรือไง”

เสียงหัวเราะพรืดดังเข้าหูเขาคล้ายหูแว่วไปเอง แต่เมื่อจ้องหน้าขาวๆ ดีๆ แล้วเขาก็รู้ว่าโดนเล่นเล่ห์เข้าอีกจนได้ “ตื่นแล้วก็รีบลุกสิ ทำเป็นเล่นอยู่ได้ หรือฝันว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงนิทราเลยยังไม่ยอมตื่น”

กะพูดให้แสงเหนือฉุนจนต้องลุกมาหาเรื่อง ที่ไหนได้ ดันโดนไอ้คุณชายหักหลังเสียแสบสันต์ขนลุกเกรียวแต่เช้า เพราะนอกจากจะไม่ยอมหลงกลเขา แสงเหนือดันนอนอมยิ้มหลับตาพริ้ม พูดเสียงนุ่ม “เปล่า ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงนิทรา เนี่ย...เจ้าชายกบต่างหาก ต้องได้จุมพิตจากเจ้าหญิงก่อน กบถึงจะกลายเป็นเจ้าชาย” ว่าแล้วกบยักษ์ตัวโตเท่าตึกก็ทำปากยื่นได้อย่างทั้งน่าเอ็นดูและน่าถีบปากเป็นที่สุด “จุ๊บก่อน จุ๊บบบ... อุ๊บ แค่กๆ”

สมน้ำหน้า ลิ้มรสชาติหัวเน่าไม่ได้สระของเขาเข้าไปแทน ตื่นทันควันเลยนะไอ้เจ้าชายลูกอ๊อด “อี๋ แหวะ หัวผมเปื้อนน้ำลายพี่เปล่าเนี่ย อี๋ๆ สกปรก” มองหน้าหงิกๆ รับอรุณอันสดใสแล้วรีบบอก “อย่ามัวแต่ทำหน้าบูดเลย รีบไปอาบน้ำเถอะครับ วันนี้ไม่รู้ว่าคุณรตีจะไปไหนอีกหรือเปล่า ยังไงเดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าไว้เผื่อก่อนดีกว่า”

งอนเชิดไปโน่นแล้ว เจ้าชายบ้าอะไรวะ ขี้งอนซะขนาดนี้... เขายังยิ้มอารมณ์ดียามเลือกเสื้อผ้าสีสุภาพและเบาสบายให้เหมาะกับวันอันสดใส แต่ขณะที่หันหลังขวับมาพร้อมเสื้อในมือ จู่ๆ ก็เหมือนโลกทั้งใบจะดับวูบหายไปชั่วขณะ สมองหมุนติ้วจนไม่รู้เหนือใต้ กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาจึงพบว่าตัวเองทรุดลงนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น มือยังกำเสื้อแน่น เสียงน้ำในห้องน้ำเงียบไปแล้ว ขณะที่เขากำลังตะกายขาสั่นๆ ให้ลุกขึ้น แสงเหนือก็เรียกหา “จินเข้ามาอาบเลยก็ได้ พี่ไม่แอบดูเราหรอกน่า”

ครั้นไม่มีเสียงตัดมุขตอบรับจากเขา คนถามจึงเรียกซ้ำ คราวนี้เริ่มแฝงความกังวล “จิน ปลุกพี่แล้วแอบนอนต่อเหรอ ...จิน”

“ครับ” รับคำทั้งหน้าซีด เขาตกใจมากจริงๆ กับการวูบกะทันหัน วินาทีที่ไม่รู้ว่าตัวเองยังยืนอยู่หรือล้มลงไปแล้ว ความคิดแว่บหนึ่งเลวร้ายถึงขั้นว่าเขาอาจลืมตามาเจอเทวดานั่นอีกรอบโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวทำให้หน้าเริ่มเหยเก “พี่เหนือ...”

เขาไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น แต่แสงเหนือกลับเหมือนจะจับความหวาดกลัวในน้ำเสียงเขาได้ ชายหนุ่มรีบผละจากห้องน้ำพยายามเดินเร็วๆ มาตามเสียงเขาจนกลายเป็นเขาเองที่ตกใจซ้ำอีกรอบ “พี่เหนือ ช้าๆ ระวังหกล้ม”

ห้ามไปก็ไม่มีคนฟังเพราะในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา มือสองข้างของแสงเหนือก็ลูบคลำหัวหูเขาให้วุ่นวาย “เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนครับ”

กลืนน้ำลายเอื้อกแล้วกลั้นใจตอบ หวังว่าน้ำเสียงจะฟังดูสบายๆ “เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่เวียนหัว สงสัยจะความดันต่ำมั้ง”

“จริงเหรอ” คิ้วเข้มขมวดแทบจะผูกเป็นโบ “แน่ใจนะ พี่ว่า...”

“ฮื่อ อย่ามัวแต่เซ้าซี้เลย เสียเวลา ผมรีบไปอาบน้ำดีกว่า” เห็นแสงเหนือตั้งท่าจะค้านต่อ เขาจึงรีบสำทับเสียงห้วน “บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เลิกถามได้แล้วน่า พี่เหนือ มันน่ารำคาญ”

มือใหญ่ราออกไปแทบจะทันที สีหน้าของแสงเหนือดูคล้ายอยากไถ่ถามต่อแต่ก็เปลี่ยนใจนิ่งเงียบแทน พวกเขาสองคนตัดสินใจสงบปากสงบคำรักษาท่าทีต่อกัน ทำราวกับเมื่อคืนไม่ได้นอนกอดกันมาทั้งคืน แม้แต่คุณรตียังมองออกว่าพวกเขาผิดปกติและได้เอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหาร

“คู่นี้งอนอะไรกันอีกล่ะ หืม” ครั้นลูกชายทำหน้านิ่งตอบ ในขณะที่เขาได้แต่เสมองโน่นมองนี่เลือกที่จะไม่ตอบ คุณรตีจึงยิ้มน้อยๆ ส่ายหน้า “อยู่ด้วยกันตลอดจะมีเรื่องทะเลาะกันบ้างมันก็ไม่น่าแปลกหรอก ตาเหนือ เราก็อย่าใช้อารมณ์กับน้องนักล่ะ ส่วนจิน เราอีกคน ถ้าพี่เขาจะห่วงจะหวงเกินเลยไปบ้างก็เข้าใจเขาหน่อย เราน่ะเป็นน้องเขาแล้วนะ”

เพราะแสงเหนือตาบอดจึงไม่ได้เห็นอย่างที่เขาเห็น แววตาคุณรตีที่มองเขาอย่างสงบนิ่งเหมือนจะมีแววเข้าใจอะไรๆ ดีกว่าที่ตัวเขาเข้าใจเสียด้วยซ้ำ ด้วยอาการร้อนตัวทำให้ใบหน้าเขาร้อนผ่าวด้วยความละอายใจและรู้สึกผิด พร้อมกับที่แสงเหนือเรียกมารดา “แม่ครับ...”

นั่นล่ะ คุณรตีจึงลอบถอนหายใจและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปสู่เรื่องอื่นแทน “เมื่อเช้าวิกกี้เพิ่งโทรมา บอกว่าทางนั้นปิดเทอมแล้ว คงได้กลับมาเร็วๆ นี้...”

“เหรอครับ” ดูท่ารับคำเลื่อนลอยด้วยทีท่าไม่สนใจ เล่นเอาเขาที่เริ่มสงสัยว่าวิกกี้สลิกกี้เพดดีกรีที่ไหนต้องเลิกสนใจตามไปโดยปริยาย คุณรตีจึงคล้ายคร้านจะพูดแล้วกินข้าวต่อเงียบๆ โดยมีเขายืนใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อ่านหนังสือให้แสงเหนือฟังแบบผิดๆ ถูกๆ ตะกุกตะกักจนคนฟังบอกให้เขาหยุดอ่าน “ไม่ต้องใส่ใจที่คุณแม่พูดมากนักหรอก ท่านก็แค่...พูดไปเรื่อยเท่านั้น”

หากต่างคนต่างรู้ว่าคุณรตีไม่ได้แค่...พูดไปเรื่อย ความสนิทสนมระหว่างพวกเขาสองคนไม่ต้องให้ใครมานั่งชี้นั่งบอกก็ยังรู้ว่ามันผิดปกติ อย่าว่าแต่คุณรตี แม้กระทั่งเด็กรับใช้ในบ้านคนอื่นยังชอบหยิบยกมาเลียบเคียงถามเขาเป็นประจำ บางคนมีเพียงเจตนาหยอกเล่นก็แล้วไป แต่กับบางคนกลับพูดทีเล่นทีจริงจนเขาตอบไม่ถูก อาศัยเพียงแค่ว่ายังมีแสงเหนือคุ้มกะลาหัวอยู่เท่านั้นล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาคงกระเด็นไปอยู่ข้างถนนนานแล้ว

“ยังโกรธ...ที่พี่เซ้าซี้เมื่อเช้าอีกเหรอ” แสงเหนือกำๆ คลายๆ มือทั้งสองข้างบนตัก ทำท่าจะเอ่ยคำที่เขาไม่อยากได้ยิน เพราะไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะได้ยิน “ถ้าจินโกรธ พี่ก็ขอโท...”

“พี่เหนือไม่ผิด” จินดนัยโพล่ง ซบหน้าลงกับเข่า เอียงหน้ามองชายหนุ่ม “ผมขอถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรแต่...อย่าโกรธผมนะ” ถึงค่อนข้างแน่ใจว่ายากนักที่เขาจะโดนโกรธ เขาไม่อยากให้แสงเหนือโกรธ ความรู้สึกพรรค์นี้เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

“อยากรู้อะไรเหรอครับ” รอยยิ้มกระตือรือร้นบนใบหน้าขาวสะอาดเจื่อนลงทันควันยามเขายื่นมือไปกุมมือใหญ่พร้อมเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้มานาน แต่ไม่กล้าถามเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ “เรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้พี่ตาบอด”

“คนอื่น...ลุงโตไม่เคยเล่าให้ฟังหรือไง” เป็นครั้งแรกที่แสงเหนือดึงมือหนีสัมผัสของเขา และมันก็สร้างความเจ็บปวดอันแปลกประหลาดให้โดยไม่รู้สาเหตุ “จะรู้ไปทำไม รู้ให้ได้อะไรขึ้นมา เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”

ผ่านมานานแล้ว แสงเหนือคงลืมไปแล้ว ใช่ เป็นใครใครก็คงอยากลืมความผิดบาปของตัว ลืมความทรงจำที่เลวร้ายให้หมด สำหรับแสงเหนือ ความตายของเขาคือเรื่องเลวร้าย มีค่าควรให้ลืมเท่านั้นเอง... “ก็ดีครับที่ลืมได้ พี่คงไม่อยากจำมัน”

“พี่ไม่เคยลืม” เสียงเรียบๆ ดังขัดเขา คนนั่งนิ่งเหม่อมองไปไกลแสนไกลแม้ดวงตาจะมองไม่เห็นสิ่งใดราวจะมองย้อนกลับไปในอดีตก่อนถอนหายใจ “พี่จะลืมคนที่พี่ฆ่ากับมือได้ยังไง”

เขากลั้นหายใจยามรับฟังเสียงทุ้มลึกเอ่ยช้าๆ พร้อมรอยยิ้มแสนเศร้าบนใบหน้า “ต้น...จินดนัย...หมอนั่นเป็นเพื่อนพี่ตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล แต่เราก็ไม่ได้สนิทกันหรอกนะ เพราะ...เอ้อ หมอนั่นออกจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยซนแบบพี่น่ะ ต้นชอบอ่านหนังสือตอนเด็กคนอื่นวิ่งเล่นกัน ชอบ...นั่งยิ้มหวานประจบครูทั้งที่ไม่ใช่เวลาเรียน”

เฮ้ย ไอ้หมอนี่ มันจะมากไปแล้ว... แต่เดี๋ยวก่อน ฟังให้จบก่อน ขืนโวยตั้งแต่ตอนนี้จะแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเรื่องเปล่าๆ

“พี่ชอบแหย่เขา มันตลกดีเวลาต้นวิ่งหนีหน้าตั้งไปทั่วทั้งที่ปากร้องลั่นยกสารพัดเรื่องมาขู่ ทั้งจะแก้แค้นเอย จะให้ครูตีเอย จะฟ้องพ่อแม่เอย เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นจะมีใครมาทำโทษอะไรพี่สักครั้ง เลยแกล้งไปเรื่อยๆ กะจะรอดูว่าจะทำอะไรพี่ได้ แกล้ง...จนเหมือนกลายเป็นเรื่องปกติ กลายเป็นงานประจำ พี่สนุก ถึงหมอนั่นดูเหมือนจะไม่สนุกนักเท่าไหร่ก็เถอะ” คัน...คันไม้คันมือเหลือเกิน เย็นไว้โยม ฟังมันก่อนลูก ร่มๆ ไว้ “คนอื่นพี่ก็แกล้งนะ แต่แค่สักพักก็เบื่อ ต้องวกกลับมาแกล้งหมอนี่ต่อ พวกเด็กผู้หญิงก็ดีแต่ร้องไห้ เด็กผู้ชายก็เหมือนกัน แต่ต้นไม่เคยร้องเวลาโดนพี่แกล้ง อ้อ ยกเว้นหนแรกสุดนะ จำได้ว่าตบหัวไปที ร้องยังกับจะตาย ตลกเป็นบ้า”

คนที่ทีแรกทำท่าอิดออดไม่อยากเล่าเริ่มหัวเราะกึกกักบาดตาบาดใจจนคนมองกำลังตบะเจียนแตกกระจาย ว่าแล้วว่ามันเลว “ตอนต้นร้องไห้ พี่ว่าก็ดู...น่ารักดี เลยนึกอยากดูอีก แต่ทำยังไงๆ ก็ไม่ยอมร้องให้ดู จนครั้งหนึ่งหมอนั่นลื่นล้มฟาดพื้นจนหัวแตก เชื่อไหมว่าต้นก็ยังไม่ร้องไห้”

ลืมใส่ประธานของประโยคไปหรือเปล่า แน่จริงทำไมไม่เล่าให้หมดว่าเขาล้มเพราะวิ่งหนีไอ้เด็กบ้าคนหนึ่งอยู่ “หลังจากนั้น พี่ก็เริ่มได้ยินข่าวลือว่าหมอนั่นไปเข้าคอร์สเรียนพวกศิลปะป้องกันตัว แต่พี่ก็เริ่มโตพอแล้วล่ะนะ เลยไม่ได้แกล้งอะไรเขาอีก”

โกหก ใครกันที่วิ่งโร่ไปเรียนคาราเต้ ชกมวย ยิงปืน ไอ้ลูกหมาบ้าพลังตัวไหนกันขอรับ คุณผู้ชาย “เราเริ่มห่างกันไป จนช่วงม.ปลาย เขาก็ย้ายโรงเรียนไป พี่มาเจอต้นอีกครั้งก็ตอนเข้ามหาวิทยาลัยนี่ล่ะ คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกก็กลับได้เจอ พี่...ดีใจนะ หมอนั่นยังเรียนเก่งเหมือนเดิม เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแข่งบ่อยๆ เขาเป็นเด็กดี มีอนาคต”

แสงเหนือไม่ยอมพูดอะไรต่อหลังประโยคดังกล่าว จนเขาต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม “มันเป็นอุบัติเหตุ...ใช่ไหมครับ พี่เหนือไม่ได้...”

ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดหนัก มือใหญ่กำแน่นจนสั่นเกร็ง “จินสงสัยว่าพี่ตั้งใจฆ่าเขาหรือเปล่า...อย่างงั้นสิ”

“ผมขอโทษ ผมรู้ว่าพี่ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก” ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายละล่ำละลักขอโทษร้อนรนด้วย เขาไม่ได้ผิดสักหน่อย เพียงแต่เขาไม่อยากให้แสงเหนือโกรธนี่นา และถึงไม่อยากโดนโกรธ เขาก็อยากรู้ความจริงอีกข้อเช่นกัน “พี่เหนือนึกเสียใจแค่ไหนที่อีกฝ่ายเป็นคนคนนั้น ผมหมายความว่าถ้าเป็นคนอื่น พี่จะรู้สึกผิดน้อยลงบ้างไหม”

คราวนี้ เขาไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากคนนั่งหน้านิ่งและพวกเขาก็แทบไม่ได้คุยกันอีกเลยหลังจากนั้น ทำเอาจินดนัยหน้าเสีย พาลให้นึกโมโหแทนว่ามันผิดมากหรือไงที่อยากรู้ความรู้สึกของคนที่ฆ่าเขา คุณรตีเห็นท่าทางมึนตึงชัดเจนเสียยิ่งกว่าตอนเช้าแต่คล้ายกับท่านคร้านจะกล่าวเตือนเรื่องเดิมๆ อีกจึงทำเป็นไม่สนใจ เขาเองก็ขี้เกียจจะสนใจ ไม่นึกอยากง้อคนพรรค์นี้ให้เสียเวลา

เขาไม่สนหรอกว่าจะโดนโกรธ โดนเกลียด ในเมื่อเขาไม่ใช่คนผิด หมอนั่นต่างหากที่ผิด แสงเหนือผิดตลอดมาและจะผิดตลอดไป เขาต้องไม่สนใจน่ะถูกแล้ว

ยังย้ำคำเดิมตอนเข้านอนพร้อมน้ำตาซึ่งเริ่มคลอหน่วง จินดนัยรีบม้วนผ้าห่มให้แน่นเข้าแต่ต้องตกใจจนเกือบร้องออกมาเมื่อจู่ๆ ก็มีแขนสอดจากด้านหลังดึงเขาเข้าไปนอนกอด หลังจากดิ้นยุกยิกอยู่พักหนึ่งโดยที่คนด้านหลังไม่สนใจอาการขัดขืนของเขา จินดนัยจึงพลิกตัวไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ท่ามกลางความมืดและความเงียบ แสงเหนือเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ถ้าทำได้ พี่ก็อยากตายแทนเขา” เป็นคำตอบที่มาช้า ตอบไม่ตรงคำถามและไม่ได้สร้างความยินดีให้อย่างที่ควรจะเป็นสักนิด เขาแตะปลายนิ้วลงบนแนวคิ้วและปลายขนตาดกหนาของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก แสงเหนือบอกว่าอยากตายแทน แต่เขายังตอบตัวเองได้ไม่เต็มปากด้วยซ้ำว่าถ้าแลกกันได้ เขายังจะกล้ายอมตาบอดแทนไหม

“ผมรู้”พร้อมๆ กับเสียงกระซิบเบานั้น จินดนัยจำต้องยอมรับความจริงบางอย่างที่ตนเคยปิดหูปิดตาไม่ยอมรับฟังมาตลอด สำหรับเขา ความตายเป็นเพียงความรู้สึกเจ็บปวดวูบเดียวก่อนดับหาย แต่สำหรับแสงเหนือ ความตายของเขานั้นหนักหนาสาหัสและยาวนานอย่างไม่สิ้นสุด ไม่เพียงต้องโดนคลางแคลงใจจากคนรอบข้างว่าเจตนาหรือเปล่า ไม่นับว่าต้องสูญเสียแสงสว่างอีก แสงเหนือยังต้องทนแบกรับความผิดอันหนักอึ้งไว้เพียงลำพัง เพราะต่อให้ใครต่อใครจะยกโทษให้ ตัวแสงเหนือนั่นล่ะที่จะไม่มีวันยอมยกโทษให้ตัวเอง

“แต่พี่เหนือไม่เห็นต้องยอมทรมานตัวเองอยู่แบบนี้เลย ทำไมไม่ยอมไปรักษาตัวที่เมืองนอก” เขาจำที่ลุงโตเคยเล่าให้ฟังได้ว่าแสงเหนือเป็นฝ่ายปฏิเสธการไปหาหมอที่ต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะกลัวความผิดหวังในกรณีที่การรักษาล้มเหลว แต่มานาทีนี้ จินดนัยเริ่มสงสัยว่าสาเหตุมีเพียงแค่นั้นจริงแน่หรือ “หมอที่นั่นเก่งๆ ทั้งนั้น เขาต้องรักษาตาให้พี่เหนือได้แน่”

ชายหนุ่มดึงมือเขาไปกดแนบริมฝีปากก่อนชะโงกตัวมาจูบที่ใบหน้าและหยุดนิ่งที่ริมฝีปากของเขา จินดนัยเข้าใจความเงียบของคำตอบดี คำปฏิเสธที่ไม่ถูกเอ่ยออกมาตรงๆ แสดงออกโดยสัมผัสอันแนบสนิท ผ่านจุมพิตที่แข็งกร้าวไร้ความอ่อนโยน ยิ่งร้องประท้วงอู้อี้ ยิ่งโดนรุกเร้าหนัก เขาโดนปากร้อนผ่าวคู่นั้นบดเบียดรุกรานจนเริ่มหายใจไม่ออกและกำปั้นที่ปาดป่ายทุบหลังทุบบ่ากว้างดูจะไม่สามารถช่วยอะไรได้แม้แต่น้อย

กว่าแสงเหนือจะยอมผละออกไป เขาก็นอนหอบโยนและหมดแรงต่อต้านยามโดนลากเข้าไปกอดไว้ทั้งตัว อ้อมแขนที่กอดรัดแนบแน่นนั้นราวกับจะต้องการลงโทษที่เขาเอ่ยขอให้รักษาตา คล้ายกับเขากลายเป็นศัตรูของจินดนัยที่โดนรถชนตาย

แสงเหนือยอมพูดถึงตัวเขาในอดีตแต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นแตะต้องจินดนัยคนนั้นด้วย ชายหนุ่มไม่เพียงไม่ลืม หากยังยึดติดจนถึงขั้นไม่ยอมปล่อยวาง ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง จนเกิดปัญหาไร้สาระ น่าปวดหัวและน่าคิดจริงจังแว่บขึ้นในสมองก่อนเขาจะผล็อยหลับไปในคืนนั้นว่า...เขาจะมีวันเอาชนะคนที่ตายไปแล้วได้ยังไง ในเมื่อยังมีสิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างก็คือคนตายคนนั้นดันเป็นเขาเอง

++++++++++++++++++++++++++

TBC

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสว&#
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 18-06-2008 16:36:11
จะจะจะจะจะจะจะจะจะจะจะจะจูบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแว้ว :m1:เป็นกำลังใจให้พี่ยาโยนะครับผม

ขอบคุณคร๊าบบบบบน้องทรีคนดีของพี่โยย....มอบกำลังใจคืนให้ด้วยนะจ๊ะ
คิดถึงเสมอนะคร๊าบบบบ  :L1: :L1:

อุอุ ไม่มีอะไร เข้ามาบอกว่าคิดถึงพี่โยยอะ 

คิดถึงเหมือนกันจ้าอิง....ช่วงนี้งานยุ่งไปหน่อยอ่ะ... o12 o12
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 18-06-2008 16:48:31
จิ้มคุณโยย :laugh:

จะมีอะไรน่าเศร้าไปกว่าการที่ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและความอัดอั้นในใจของทั้งสองฝ่ายได้ (เขียนได้ดูดีพิลึก):m12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 10 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 18-06-2008 16:50:20
แอบมาเซฟไปก่อน เดี๋ยวมาดิท อิอิอิ :m23:

--------------------

มาดิทเพิ่ม

จะบอกว่า อ่านไปแล้วร้องไห้อ่ะค่ะ สงสารแสงเหนือมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 18-06-2008 18:50:31
อา จะเศร้าเกินไปแล้ว  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: strmint ที่ 18-06-2008 18:53:58
 :sad2: อ่านแล้วอดสะเทือนอารมณ์ไปด้วย ขอเคารพในฝีมือคุณDD o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: tansecret ที่ 18-06-2008 19:00:21
จินจะตายมั้ย  กลัววววว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 18-06-2008 20:50:05
แสงเหนือแอบชอบจินมาตั้งแต่เด็กจิงๆด้วยยยยยยยยยยยยยยยย

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตอนต่อไปจะเป็นไงละเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 18-06-2008 22:02:38
 o7..เฮ้อ..อ่านแล้ว....ปวดจัยแทนจินอ่ะค้าบ...
ม่ายรุ...จินจะเลือกทางไหน... o2
 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Taurus ที่ 19-06-2008 00:12:14
 :oni2: :oni2: :oni2: ติดตามต่อไปคร้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 19-06-2008 00:33:04
อยากให้เรื่องนี้แฮปปี้จัง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 19-06-2008 10:24:35
 :angellaugh2:อยากอ่านๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 19-06-2008 12:52:19
ขำจินอ่ะ

ตอนแสงเหนือเล่าเรื่องสมัยเด็ก
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 11 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 19-06-2008 13:22:45
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 12 - เมืองเอก ~

เพราะมัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องไร้สาระอยู่หลายวัน ทำให้เขาลืมดับเรื่องที่เมืองเอกเคยขอให้เขาไปเกริ่นเลียบๆ เคียงๆ เรื่องคุณชัชให้แสงเหนือฟังเสียสนิท ดังนั้นพอได้เจอหน้ากันอีกครั้ง เขาจึงทำหน้างงตอบเมื่อโดนกระซิบกระซาบถามซุ้มเสียงลึกลับ “สรุปเจ้าเหนือว่ายังไงบ้าง”

“ว่ายังไง...เรื่องอะไร” คาดว่าสีหน้าคงว่างเปล่ากลวงโบ๋ เมืองเอกจึงจ้องหน้าเขาซ้ำสองรอบสามรอบก่อนทำท่าเซ็งสุดขีด “ลืมสนิทเลยสิท่า โธ่ถัง ยังเด็กยังเล็กทำไมขี้ลืมแบบนี้ว้า”

“ผมลืมอะไร ทำยึกยักท่ามากอมพะนำอยู่ได้ คิดว่าเท่นักหรือไง” ตั้งท่าจะเดินหนีด้วยความหงุดหงิด แต่โดนคว้าต้นคอไว้หมับแล้วลากกลับไปโดยที่เจ้าคนลากไม่สนใจท่าดิ้นกระแด่วๆ ของเขาเลยสักนิด
“หยุดดิ้นก่อนเซ่ เดี๋ยวใครเห็นเข้าจะคิดว่าฉันลากเธอไปทำมิดีมิร้าย เสียชื่อฉันหมด” โดนลากมาหลบมุมมืดเสียลึกลับแบบนี้มีใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว หากก่อนจะทันตั้งท่าสู้ตาย เมืองเอกก็เอ่ยว่า “เรื่องคุณชัชไง ไหนตอนนั้นทำตัวเป็นโต้โผใหญ่ ทำไมตอนนี้ดันลืมเสียเอง”

“อะ เปล่า ไม่ได้ลืมแต่...” จินดนัยคิดหาคำแก้ตัวเร็วจี๋แต่นึกไม่ออก ขอมันดื้อๆ เลยละกัน “แต่ตอนนี้ฤกษ์ไม่เหมาะ พี่...เอ๊ย คุณเหนืออารมณ์ไม่ดี ขืนพูดไป ผมมีสิทธิ์หัวแตกก่อนคุณอั้มได้”

“จะจับคอร์รัปชั่นนี่เขาต้องรอฤกษ์ด้วยเหรอ” สีหน้าแววตาดูถูกคำโกหกหน้าด้านๆ แถแบบสีข้างถลอกจนเห็นกระดูกทำให้จินดนัยรีบโวย “หลังจากผมคิดแล้วผมว่าที่คุณอั้มพูดก็มีเหตุผล เราน่าจะหาหลักฐานให้ได้ก่อน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นพยานวัตถุสักอย่าง อะไรที่แสดงให้เห็นว่าคุณชัชเขาอะจึ๊กๆ เงินในบัญชี...”

เสียงหัวเราะพรืดของเมืองเอกขัดคอเขาที่กำลังตีหน้าเคร่งให้กลายเป็นสับสนแทน “ขำไรอ่ะ คุณอั้ม”

“เอ้อ ไม่มีอะไร” ขำน้ำตาเล็ดแล้วยังว่าไม่มีอะไร จินดนัยเริ่มฉุนจึงตั้งท่าหาเรื่องทันควัน “มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคุณอั้ม แทนที่จะช่วยกันคิดหาทาง ดันมาหัวเราะบ้าอะไรก็ไม่รู้ นี่คุณคิดจะเอาจริงบ้างหรือเปล่าเนี่ย ผมล่ะข้องใจจริงๆ ว่าแล้วว่าคุณนี่ล่ะที่เรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะปล่อยให้เขาโกงอยู่ได้ตั้งนาน แต่ไม่คิดจะทำอะไรสักกะอย่าง ต้องรอให้ผม... เว้ย!!”

คำสุดท้ายนั่นหลุดร้องลั่นออกมาเพราะตกใจที่จู่ๆ เมืองเอกก็ตบฝ่ามือเท่าใบลานทั้งสองข้างดังป้าบเข้าให้ตรงหน้า ยกมือเช็คหัวใจเต้นตุ้บตั้บที่เมื่อครู่เกือบหลุดออกมาทางปากว่ามันยังอยู่ดีแล้วเขาค่อยตะโกนลั่น ตาเหลือก “คุณอั้มทำอะไร!! ตกใจหมดเลย”

“ตบแมงโม้” ฟังคำพูดจากคนหน้ากวนๆ จบ เขาก็หุบปากฉับ หรี่ตาจ้องอีกฝ่ายอย่างแค้นๆ “จะจ้องไปหาอะไร รู้แล้วน่าว่าคนมันหล่อ ขืนจ้องมากๆ ฉันคิดตังค์นะ”

ป้าด เหมือนกันจริงๆ ทั้งญาติผู้พี่และศิษย์ผู้น้องต่างเป็นโรคหลงเงาขั้นรุนแรงด้วยกันทั้งคู่ “สรุปว่าคุณอั้มช่วยไปหาหลักฐานให้ผมสักชิ้นสองชิ้นก่อนก็แล้วกัน จะเป็นบัญชียักยอกหรือเทปลับอะไรก็ได้แล้วเราค่อยกลับมาวางแผนดักจับคนร้ายทีหลัง”

“ดูหนังมากไปหรือเปล่า ฮะ ไอ้หนู ฉันจะไปหาเทปล้งเทปลับจากไหน แล้วไอ้บัญชียักยอก นายชัชเขาคงเก็บไว้ที่นี่รอประจานตัวเองหรอกนะ” เมืองเอกสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเหม่อข้ามหัวเขาไป “หลักฐาน... หลักฐาน... ถ้าเป็นคนสมรู้ร่วมคิดล่ะ”

“จริงสิ ผมเห็นคุณชัชเขาคุยเรื่องนี้กับคุณน้องๆ ที่ไหนก็ไม่รู้ เขาเรียกกันคุณพี่คุณน้อง แต่ผมว่าไม่น่าใช่พี่น้องจริงหรอก” นึกย้อนถึงหญิงสาวเสียงแหลมอีกคนที่ร่วมในเหตุการณ์วันนั้นแล้วพยายามอธิบายรูปร่างลักษณะตามที่แอบเห็นแว้บๆ “ตัวอวบๆ ผิวสองสี ผมเห็นหน้าไม่ค่อยชัดแต่เห็นทำผมทรงหมวกกันน็อค...”

เมืองเอกหันมามองหน้าเขาแล้วถามย้ำ “ทรงหมวกกันน็อค เสียงแหลมๆ เธอแน่ใจนะ” ครั้นเขาพยักหน้าแรงๆ ตอบ คนที่ทำหน้ากลุ้มถึงเมื่อครู่จึงเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ วางมือลงบนหัวเขาก่อนจะหลบทัน “ฉันมีแผนแล้ว”

++++++++++

เมืองเอกต้องประสาทกลับตามแสงเหนือไปแล้วเป็นแน่ ข้อนี้เขาไม่สงสัย แต่ที่ยังข้องใจอยู่อีกอย่างคือเขาเริ่มบ้าตามพวกนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเผลอตกปากรับคำ ยอมทำตามแผนงี่เง่าของหมอนั่นจนได้ “มันจะเวิร์คเหรอ ผมว่าแผนมันดูหลวมๆ ไงไม่รู้”

“จะหลวมได้ไง แน่นหนารัดกุมขนาดนี้ เค้นจากรอยหยักในสมองชั้นนี้แล้วรับรองไม่พลาด” เมืองเอกชี้หัวตัวเองให้ดูพลางทำหน้ามั่นใจเหลือเกิน ผิดกับเขาที่เผลอเบ้หน้าออกไป “เอาน่า อย่าทำเรื่องมาก นายเล่นละครให้ดีๆ ก็แล้วกัน รอรับจังหวะตอนฉันให้สัญญาณแล้วรับรองได้ว่าแผนหญิงงามล่มเมืองของฉันต้องสำเร็จแน่ ชัวร์! ล้านเปอร์เซ็นต์”

หญิงงามล่มเมืองเนี่ยนะ เขาว่าน่าจะเป็นชายทรามถล่มเมืองมากกว่า “เฮ้ย มานั่นแล้ว เริ่มๆ เลย แกะกระดุมเร็ว ...”

.................

.................

หญิงร่างอวบอัดจนเกือบอ้วนยกมือขึ้นจัดผมทรงบ๊อบที่เพิ่งไปตัดมาเมื่อเดือนก่อน ระหว่างแอบส่องดูเงาตัวเองซึ่งช่างผมชมว่าหน้าเธอเด็กลงราวกับสาววัยรุ่นในกระจกหน้าต่างก็ต้องสะดุ้งยกมือทาบอกเมื่อได้ยินเสียงโครมครามจากหนึ่งในห้องจัดเลี้ยงขนาดเล็กซึ่งปิดซ่อมแซมอยู่ ขณะที่ยังทำอะไรไม่ถูกนั้นเอง เสียงฝ่ามือดังเพี๊ยะก็ดังตามติดจนอดใจไม่ไหว ต้องวิ่งไปแอบส่องตรงบานประตูที่แง้มไว้

“อย่าปริปากบอกใครล่ะ! อยู่เงียบๆ ทำตัวดีๆ แล้วฉันจะเลี้ยงนายไว้ดูเล่นสักคน จำไว้นะว่าฉันเอาแกตายแน่ถ้าแกกล้าคาบข่าวไปบอกไอ้เจ้านายตาบอดอวดดีนั่น” คนพูดกระตุกผมเด็กหนุ่มเต็มกำมือแล้วก้มลงพูดชิดใบหน้า “แค่ไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกคิดจะมาแบล็คเมล์ฉันงั้นเหรอ หึ วอนหาที่ตายไม่รู้ตัว ไสหัวไป!”

หญิงสาววิ่งถอยหลังหลบเข้าหลังประตูแทบไม่ทันเมื่อเด็กชายที่หล่อนจำได้ว่าเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของแสงเหนือวิ่งกระเซาะกระเซิงออกมาในสภาพเผ้าผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย สภาพน่าสงสัยจนเธอต้องยกมือทาบอก เตรียมย่องหนี หากชายหนุ่มอีกคนในห้องกลับเดินเร็วๆ ตามออกมาปัดเสื้อเสยผมให้เข้าที่ก่อนจะหันมาเห็นเธอยืนตัวแข็งทื่อ “คุณขวัญใจ...!”

“คะ คุณเมืองเอก... อะ อะ สบายดีไหมคะ” ทักไป เธอก็เหลือกตามองอีกฝ่ายไปและยิ่งได้เห็นแววตาคล้ายกำลังคิดเรื่องร้ายๆ อย่างที่แอบฝังศพแล้วต้องรีบร้องละล่ำละลัก “ดิฉันไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยด้วย แค่บังเอิญเห็นเด็กผู้ชายนั่นวิ่งออกไปเลยแวะมาดู ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ดิฉันขอตัว...”

เธอเกือบจะกรีดร้องยามโดนลากต้นแขนเข้าไปในห้อง ปากคอสั่นพั่บเตรียมกรีดร้องเต็มที่หากจะไม่มีเสียงทุ้มลึกกระซิบที่ข้างหูจนขนลุก “ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ กับผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณขวัญใจ ผมเหรอจะกล้า”

ตาที่หลับปี๋ลืมพรึ่บทันควัน ใบหน้าหล่อเหลาในระยะใกล้ชิดทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วแรงและยิ่งยามมองดวงตาหรี่ปรือกับริมฝีปากได้รูปคู่นั้นยิ้มเอื่อย แข้งขาก็เริ่มอ่อนเปลี้ยจนแทบยืนไม่อยู่ “จะว่าเป็นโชคของผมได้ไหมครับที่ในที่สุดเราก็ได้คุยกันเป็นการส่วนตัวแบบนี้”

ชายหนุ่มไล้นิ้วลงกับแก้มก่อนลากลงไปที่ลำคอและหยุดตรงเส้นชีพจรที่เต้นตุบๆ “รู้ไหมว่าผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้มานานแค่ไหน ติดตรงที่ได้ยินข่าวลือแย่ๆ ของคุณกับคุณชัช... แต่ผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกนะ คิดดูสิ ผู้หญิงสวยมีเสน่ห์อย่างคุณกับผู้ชายอ้วนลงพุง วันๆ ดีแต่ก้มหัวปะหลกๆ ให้คนอื่นแบบคุณชัช ถ้าจะให้พูด ก็เหมือนพระจันทร์กับหมาวัดล่ะครับ”

เข่าที่อ่อนยวบทำท่าจะทรุดลงหากท่อนแขนแข็งแรงกลับโอบรัดเธอไว้ได้ทัน แนบชิดจนได้กลิ่นน้ำหอมจางกับกลิ่นกายบุรุษเพศซึ่งต่างกับกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมฉุนจัดของชายอีกคนที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วยอย่างสิ้นเชิง “คุณเมืองเอกคะ มันไม่ดีนะคะ นี่มันที่ทำงาน...”

“นั่นสิ คุณทำเอาผมลืมตัวไปเลย แต่แสดงว่าถ้าไม่ใช่ที่ทำงาน คุณคงไม่ปฏิเสธผมใช่ไหม” และก่อนเธอจะทันหวนคิดซ้ำสอง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดก็เผยอตอบไปเสียแล้วว่า “ค่ะ”

++++++++++

ไม่ถึงอาทิตย์หลังจากนั้น เมื่อมาโรงแรมอีกครั้ง แทบจะทันทีที่คุณรตีกับแสงเหนือเดินลับเข้าห้องประชุมไป เมืองเอกซึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ก็คว้าแขนเขาลากหลุนๆ ไป กว่าจะตั้งหลักได้ เขาก็มาหยุดยืนงงๆ ตรงทางเดินหลังออฟฟิศ มองสีหน้าแววตายืดๆ แบบไก่แจ้พองขนสะบัดปีกอวดสาวของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะขำ “จะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า คุณอั้ม แผนชายทราม...เอ๊ย หญิงงามคงใกล้สำเร็จแล้วสิ คุณขวัญใจโดนคุณตะล่อมเสียอยู่หมัดเลยสิท่า”

“แหงอยู่แล้ว เอามาเทียบกันได้ไงระหว่างผู้ชายหน้าตาดี ฐานะดี มีเสน่ห์แบบฉันกับผู้ชายอ้วนลงพุง ท่าทางไม่สู้คนแบบนั้น ไม่ว่าจะคิดยังไง ฉันก็ชนะเห็นๆ” ยกนิ้วโป้งจิ้มอกตัวเองแล้วพยักหน้าหงึกหงักจนจินดนัยขำพรืด “คร้าบ เชื่อแล้วครับว่าเสน่ห์แรง ว่าแต่เขาจะยอมเชื่อคุณจริงๆ น่ะเหรอ ทางนั้นเขาสมคบคิดกันมาตั้งนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่กับคุณเพิ่งได้คุยกันแค่ไม่กี่วัน...”

“ก็เพราะแบบนี้ล่ะ ฉันถึงต้องแสดงละครให้เขาเห็นว่าฉันน่ะเลวกว่าเจ้าชัชเสียอีก ไหนจะทรยศคุณรตีที่ชุบเลี้ยง ไหนจะหักหลังเจ้าเหนือที่เป็นญาติกันอีก โชคดีที่ใครๆ ก็รู้ว่าฉันกับเจ้าเหนือไม่ถูกกัน คุณขวัญใจเลยเชื่อสนิทใจว่าฉันเกลียดหมอนั่นจริง เกลียดถึงขั้นกล้าปล้ำเธอนี่ล่ะ ฮ่าฮ่า” ฟังถึงตรงนี้ รอยยิ้มคนฟังก็หายวับ หน้าเริ่มบูดและเริ่มบ่นเรื่องเดิมๆ ซ้ำอีกครั้ง

“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี วิธีอื่นมีตั้งเยอะแยะที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณเกลียดพี่เหนือ แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นว่าปล้ำผมด้วยล่ะ ปัญญาอ่อนชะมัด ผมก็บ้าพอกันที่หลงเชื่อยอมเล่นตามไปกับคุณอั้ม”

“ใครว่า เพราะเรื่องนี้ล่ะที่ทำให้คุณขวัญใจเชื่อสนิทว่าฉันเลวเข้าไส้ของจริง เขาเห็นด้วยจะตายกับการที่ฉันมีคนสนิทของเจ้าเหนือคอยเป็นสปายให้ ดังนั้นนอกจากฉันจะหน้าตาดีกว่าแล้ว ภาษีก็ยังดีกว่าอีกด้วย อีกอย่าง คุณชัชเป็นถึงรองผู้จัดการแผนกบัญชี คุณขวัญใจอยู่แผนกจัดซื้อ เข้ากันอย่างกับผีเน่าโลงผุแบบนี้ ฉันกับเธอก็ต้องลงทุนสูงหน่อยล่ะน่า เมื่อวานเขาเพิ่งเริ่มแย๊บๆ เรื่องงบบัญชีจัดซื้อประจำปีขึ้นมา แต่ฉันก็ยังสงวนท่าที ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ แค่ปรายตามองทำนองแล้วยังไง โอ๊ย ท่าฉันตอนนั้น รางวัลออสการ์นอนมาเลยล่ะ พูดแล้วจะหาว่าคุย”

“แบบนี้เขาไมได้เรียกคุยหรอก คุณอั้ม เขาเรียกขี้โม้ โม้น้ำลายฝอยแตกฟองไปหมดแล้ว” คนโดนหาว่าน้ำลายแตกฟองคว้าหัวเขาล็อคไว้แล้วลากให้ออกเดิน “โอ๊ย เจ็บนะ ปล่อยเด้ ผมเดินเองได้ไม่ต้องลาก!”

“ไม่ได้ ฉันต้องเล่นบทชายโฉดชอบใช้กำลัง และไอ้หนูอย่างเธอก็ต้องกลายเป็นทาสฉัน” เขายังดิ้นฮึดฮัดอยู่ใต้รักแร้ตอนได้ยินเสียงเมืองเอกถามต่อ “ว่าแต่เธอเป็นไงบ้าง กินข้าวครบมื้อหรือเปล่า แล้วเจ้าเหนือล่ะเป็นไง ฉันได้ข่าวว่าวิกกี้จะกลับมา หมอนั่นโอเคไหม”

โอเคไหม ถ้าจะนับอาการย่องเบาลงจากเตียงนุ่มๆ กว้างๆ เพื่อมานอนซุกเบียดกับเขาบนฟูกแคบๆ แอบกอด แอบหอมแก้มทุกคืนว่าสบายดีล่ะก็ แสงเหนือก็คงสบายดีล่ะมั้ง ว่าแต่วิกกี้ไหนวะ... จินดนัยคุ้นๆ หูแต่นึกไม่ออก ครั้นถามออกไป เมืองเอกจึงก้มลงมองเขาที่ยังบังเอิญติดอยู่ใต้รักแร้ “เจ้าเหนือไม่ได้บอกเธอเรื่องวิกกี้เหรอ อืม...ยุ่งล่ะสิ”

ไม่ว่าวิกกี้คนนี้จะเป็นญาติกับอาหารหมาสลิกกี้หรือไม่ แต่เขาไม่ชอบใจเลยที่ใครต่อใครดูจะรู้ว่าเรื่องเป็นยังไงมายังไง ทุกๆ คนเลย ยกเว้นเขา “วิกกี้... ชื่อเหมือนเด็กไทยหนีไปเรียนเมืองนอกเลย ทำไม เขามีอะไร เป็นว่าที่คู่หมั้นพี่เหนือเหรอ”

พูดส่งๆ ไปงั้นหากเมืองเอกกลับกระพริบตาปริบ “อ้าว ก็รู้แล้วนี่หว่า เห็นทีแรกทำเหมือนไม่รู้จัก ไอ้เราก็คิดว่าเจ้าเหนือไม่อยากให้เธอรู้เสียอีก รู้แล้วก็ดี ฉันอยากจัดการเรื่องคุณชัชให้เสร็จก่อนยัยนี่จะกลับมา ไม่งั้นยุ่งตายชัก”

คิดว่าโดนใครทุบหัว จินดนัยปล่อยให้ร่างสูงลากเขาไปโดยไม่ขัดขืน หากเกือบหกล้มหัวทิ่มเมื่อจู่ๆ ก็โดนปล่อยให้เป็นอิสระกะทันหันแบบที่เกือบเรียกได้ว่าขว้างทิ้ง “โอ๊ย แกล้งอะไรผมอีก คุณอั้ม มันเจ็บ..”

“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงเย็นเจี๊ยบเหมือนเพิ่งออกจากช่องฟรีซแช่แข็งเท้ากับปากเขาไว้ พอเงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นคุณขั้วโลกเหนือนั่งนิ่งๆ อยู่หน้าห้องประชุม โดยมีตัวประกอบฉากอย่างเมืองเอกยืนกลอกตาอยู่ห่างๆ “ฟังดูมีความสุขกันดีนี่ จริงสินะ ต้องคอยมาดูแลคนตาบอดอย่างฉันมันคงน่าเบื่อ น่ารำคาญ...”

“พี่เหนือ” กลืนน้ำลายเอื้อก ไม่เข้าใจว่าทำไมปากไม่ยอมเถียงลั่นๆ อย่างเคย หรือจะเป็นเพราะไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่เอชไฟว์วิกกี้วันเสียล่ะมัง “วันนี้ไม่...ไม่ได้เข้าประชุมเหรอครับ หรือว่าเสร็จแล้ว ทำไมเลิกเร็วจัง”

“ฉันออกมาเข้าห้องน้ำ แต่พอถามถึงเธอ ก็มีคนบอกว่าโดนคุณเมืองเอกลากไปตั้งแต่ฉันกับคุณแม่เข้าห้องประชุม” คนตัวสูงลุกขึ้นยืนแล้วพรวดพราดออกเดิน ร้อนถึงเขาที่ตกใจจนเผลอกระโจนเข้าไปดึงแขนหวังให้ฝ่ายนั้นเดินช้าลง ทว่าทันทีที่แตะแขน เขากลับเป็นฝ่ายโดนแสงเหนือคว้าข้อมือไว้และบีบแน่นจนหน้าเหยเก

“พี่เหนือ เจ็บ...” อุทรณ์ไปหากคล้ายกับแรงบีบจะยิ่งหนักขึ้น จินดนัยจึงรีบหุบปากก่อนกระดูกข้อมือจะแตก จากหางตา เขามองเห็นเมืองเอกยืนหมุนเหมือนหาอะไรไม่เจอหรือทำอะไรไม่ถูก ก่อนจบลงด้วยการยักไหล่ โบกมือลาเขาง่ายๆ ครั้นเหลือพวกเขาอยู่ตามลำพัง จินดนัยค่อยกระตุกมือนิดๆ พูดอ่อยๆ “พี่เหนือ กลับเข้าห้องประชุมไปเถอะ เดี๋ยวผมจะนั่งรออยู่ตรงนี้”

หลังจากสูดหายใจลึกอยู่หลายครั้งคล้ายเจ้าตัวกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ แสงเหนือจึงคลายแรงที่กำมือเขาและเอ่ยเรียบ “จินเข้าไปส่งพี่ข้างในหน่อยสิ”

เขาไม่รอช้า กุลีกุจอเคาะประตูขออนุญาตก่อนนำแสงเหนือเข้าไปส่งถึงที่ หากยังไม่ทันจะก้มงุดๆ กลับรูเดิม กลับโดนคนหน้านิ่งสั่งหน้าตาย “นั่งรอพี่ในห้องด้วยกันนี่ล่ะ ไม่ต้องออกไปแล้ว”

มีคนเข้าร่วมประชุมบางคนเหลือบมองเขาซึ่งยืนเก้ๆ กังๆ คล้ายกับจะสงสัยว่าทำไมเขายังยืนหัวโด่อยู่อีก กำลังสับสนว่าจะทรุดตัวลงนั่งแทบเท้าเป็นเมียบ่าวหรือลงไปนั่งยองๆ รอด้านข้างแบบทาสในเรือนเบี้ยดี เขาก็ได้แม่พระคนเดิมมาช่วย คุณรตีพยักเพยิดให้เขาไปนั่งลงด้านหลังกับพวกเลขาที่หันมายิ้มให้เขาแว่บหนึ่งแล้วรีบหันกลับไปสนใจการประชุมต่อ

ชะตากรรมหลังจากนั้นสรุปว่าเขาต้องทนนั่งฟังคนใส่สูทพูดนั่นพูดนี่เกี่ยวกับปัญหาและนโยบายใหม่ๆ แรกๆ ก็ฟังดูน่าสนใจดีอยู่หรอก แต่ผ่านไปสักพัก ตาเขาก็เริ่มหรี่ปรือ หนังตาเริ่มถ่วงหนักตามแรงโน้มถ่วงโลกจนในที่สุดเขาก็หมดพลังจะต้านทานความเย้ายวนนั้นและโงกหลับนั่งทำความเคารพประธานในที่ประชุมตลอดทั้งคาบ มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพี่สาวคนสวยข้างๆ สะกิดบอกยิ้มๆ

“ตื่นได้แล้วจ๊ะ หนู” ผงกหัวขึ้นมามองคนลุกพึ่บพั่บงงๆ แล้วรีบหันไปดูบริเวณหัวโต๊ะ พอเห็นว่าแสงเหนือกับคุณรตียังอยู่จึงค่อยโล่งอก หันมายิ้มขอบคุณคนปลุกซึ่งทิ้งท้ายก่อนผละไปว่า “ก่อนออกไปอย่าลืมเช็ดน้ำลายด้วยนะจ๊ะ”

จากงงๆ กลายเป็นอับอายแทบแทรกแผ่นดิน ดันนอนน้ำลายยืดอวดสาว ฮือ ชาตินี้จะกล้ามองหน้าคุณพี่สุดสวยคนนั้นอีกไหม ตวัดตาร้อนผ่าวกลับไปจ้องเจ้าตัวต้นเหตุ สาเหตุแห่งบาปเจ็ดประการแล้วตัดสินในทันใดว่าไอ้หมอนี่ล่ะที่ผิดเต็มประตู! หากยังไม่ทันจะหาทางแก้แค้นคืนได้ยังไง เสียงเย็นๆ ของคุณรตีก็เอ่ยขึ้นว่า

“ทำไมต้องลากจินเข้ามานั่งในห้องด้วยล่ะ ตาเหนือ นี่ที่ทำงานนะ ทำเป็นเล่นไปได้” จินดนัยอยากปรบมือให้สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่เริ่มเรื่องได้โดนใจ เอาเลยครับ ด่ามันให้ลืมชื่อตัวเองไปเลยครับ... สีหน้าสีตาเขาคงยังยืนลุ้นตัวโก่งยามเสียงตำหนิยังดังต่อเนื่อง “คนอื่นเห็นเข้าเขาจะคิดยังไง อยู่ๆ ก็ไปลากคนนอกเข้าฟังการประชุมภายใน ไหนจะตอนแรกที่หายไปตั้งนานสองนานนั่นอีก แม่ยังเป็นห่วงกลัวเหนือจะเป็นอะไรไปแล้วด้วยซ้ำ”

“ผมไม่กล้าเดินไปห้องน้ำคนเดียวเลยนั่งรอจินอยู่ครับ ไม่คิดว่าเขาจะโดนพาหายไปตั้งแต่ตอนลับหลังพวกเราเสียอย่างนั้น” เบิ่งตาโตเท่าไข่ห่านไปยังเจ้าคนนั่งหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวพร้อมตีหน้าอึกอักยามเขาต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายโดนจ้องแทน

“อะไร ใครกันที่มาพาเราไป แล้วไปเที่ยวหรือไง มีเพื่อนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ เจ้าจิน” ยังอ้ำอึ้งเลือกตอบไม่ถูก แสงเหนือจึงชักเสียงและสีหน้าดูถูกตอบกลั้วหัวเราะ ฟังดูเย้ยๆ ให้แทนแบบไม่มีใครขอร้อง “จะมีใครถ้าไม่ใช่คุณเมืองเอกแสนดี ได้ยินเสียงหัวเราะเล่นหัวกันเสียสนุก ผมยังพูดหยอกไปเลยว่าจินคงไม่เบื่อเหมือนตอนต้องมานั่งดูแลคนตาบอด...”

ขอถีบมันสักพลั่กได้ไหม แล้วจะยอมให้หักเงินเดือนทั้งเดือนเลยก็ได้เอ้า “ผมไม่ได้พูดหรือหัวเราะแบบนั้นนะ พี่เหนือ อย่ามาหาเรื่องกันได้ไหม”

เขาเกลียด...เกลียดเวลาทะเลาะกันแล้วแสงเหนือทำคอแข็งสะบัดหน้าหนี ถ้าไม่เกรงใจคุณรตีแล้วล่ะก็ รับประกันเลยว่าเขาจะกระชากหน้าขาวๆ นั่นมาแล้วเทคตัวขึ้นโหม่งให้ตื่น ตะคอกใส่หน้าว่าพี่เป็นบ้าไปแล้วหรือโว้ย

“แม่ล่ะหน่ายเวลาเราสองคนตีกันอย่างกับเด็ก” คนเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริงเพียงคนเดียวในห้องคว้าเอกสารและลุกขึ้นยืนทีท่าไม่เดือดร้อน ก่อนยื่นคำขาด “เลิกงอนกันได้แล้ว แม่หิวข้าว”

สรุปว่าสงครามกวนประสาทของพวกเขาจึงต้องยุติลงง่ายๆ แบบนั้นเอง

+++++++++++++++++++

TBC

 :m32: :m32:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 19-06-2008 13:41:57
 :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-06-2008 13:52:21
จินเอ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอดทนอีกนิดน่ะ เราตั้งใจทำดีนี้เนอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 19-06-2008 14:47:31
ไปกินข้าวได้แล้ว

อย่าทะเลาะกันเลย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 19-06-2008 15:28:05
น่ารักก
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 19-06-2008 15:48:32
นอยอ่ะ...นอยแทนจิน.อิ.อิ. :m7:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 19-06-2008 16:03:06
จินกับอาการทิงนองนอย :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 19-06-2008 16:14:14
 :m13:

ถ้าชมว่าแสงเหนือน่ารัก นี่จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย

55+
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 19-06-2008 16:48:03
:m13:

ถ้าชมว่าแสงเหนือน่ารัก นี่จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย

55+


ไม่มีหรอกค่ะ เพราะคนโพสก็รักพี่เหนือเหมือนกัน.... :o8:
+1 สำหรับเมนท์นะคะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 19-06-2008 17:37:00
สองคนนี่ทำอะไร ประเจิดประเจ้อ คนเค้ารู้กันหมดทั้งโรงแรมแล้วม๊างนั่น
ว่าแต่ วิกกี้อะไรนั่นจะมา เรื่องคงเจ้มจ้นขึ้นอีกโข

จะเป็นยังงัยต่อไปน๊า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 19-06-2008 20:39:26
 :m29: วิกกี้มาบ้านแตกแน่
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo ที่ 19-06-2008 21:55:33
นายมะเหงกนี่เป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ

ฮาแผนชายทรามถล่มเมือง :m20:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-06-2008 12:52:44
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 20-06-2008 16:02:18
มาจิ้มรอครับผม :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 20-06-2008 17:06:23
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 13 – ท้องฟ้าก่อนพายุ ~

แม้จะคิดว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว หากในเมื่อเด็กโข่งจอมหาเรื่องยังมีชีวิตอยู่ จินดนัยจึงทำใจว่ามันจบลงไปแล้วไม่ได้เช่นกัน ตั้งแต่ทะเลาะเรื่องของเมืองเอกวันนั้น มาถึงวันนี้ เขายังไม่วายโดนแสงเหนือประชดประชันงี่เง่า ประเภทพี่มันไม่ดี พี่มันน่าเบื่อ พี่มันคุยไม่สนุก พี่มันไม่เหมือนคุณอั้ม...

เช่นในเวลานี้ ขณะพากันมาเดินออกกำลังกายในบริเวณสวนกว้าง มีแต่ริชชี่ที่วิ่งดมต้นไม้ใบหญ้า ไล่จับแมลงเล็กแมลงน้อยตามประสาลูกหมาร่าเริง ส่วนอีกสองคนที่เหลือแค่หน้ายังไม่อยากจะมองเลย

“ริชชี่ อย่าเก็บอะไรแปลกๆ กินนะ เดี๋ยวท้องเสีย” พาลเอาอารมณ์เสียไปลงกับหมา เขาตะโกนเรียกเมื่อเจ้าลูกหมาที่ไซส์ชักห่างไกลกับคำว่าลูกหมาดมอะไรฟุดฟิดแถวพุ่มไม้นานผิดปกติ “มานี่ เลิกเล่นได้แล้ว”

หากเจ้าตัวดีดันทำหูทวนลม เขาจึงตะโกนดังขึ้นอย่างหงุดหงิด “อย่าดื้อสิ บอกให้มาก็มา คนยิ่งร้อนๆ อยู่ด้วย” หากเสียงเย็นๆ ผิดกับอากาศกลับเอ่ยขัดนุ่มนวล “ถ้าร้อน...หรือรำคาญนักก็เข้าไปในบ้านไป พี่อยู่กับมันเอง”

เขาเลือกที่จะเงียบและรอจนเจ้าริชชี่ซึ่งเพิ่งนึกชื่อตัวเองออกวิ่งกลับมาหาแสงเหนือ จินดนัยเห็นแล้วก็อยากตบอกผาง ...ตูต่างหากที่เรียกคอแทบแตก “ริชชี่!”

แสงเหนือถอนหายใจ ละมือที่ลูบหัวทุยของลูกหมาและออกกิริยาผลักเบาๆ ให้มาทางเขา เจ้าริชชี่จึงจำต้องเดินมาหาเขาแบบเสียไม่ได้ ภาพดังกล่าวทำเอาปรอทวัดอุณหภูมิแทบแตก “กลับไปเลย ไอ้หมาไม่รักดี ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา ไปอยู่กับเจ้านายแกเลยสิ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

นั่งกอดเข่า น้อยใจจนพูดไม่ถูก อากาศวันนี้ร้อนจนปวดหัว ไอแดดเหมือนจะสูบเรี่ยวแรงและความอดทน ซ้ำยังทำให้ตาเขาแสบพร่าจนน้ำตาอุ่นๆ คลอ ปวดหัวจนอยากยกมือขึ้นอุดหูกั้นเสียงนุ่มๆ ที่ดังเรียบเรื่อยนั่นด้วย “พี่ไม่เข้าใจ พี่ต่างหากที่น่าจะเป็นฝ่ายไม่พอใจ ไม่ใช่เรา เรื่องเจ้าอั้ม...”

“เลิกพูดถึงชื่อนั้นนะ! ผมเบื่อ ไม่อยากได้ยินแล้ว ผมบอกพี่เหนือไปกี่ครั้ง พี่จะเคยฟังผมสักครั้งหรือก็เปล่า ดังนั้นเลิกพูด ผมเบื่อ!” ตวาดใส่คนทำหน้าอึ้งๆ อย่างเหลืออด แสงเหนือเงียบสักพักก่อนเริ่มยกสองทันทีที่ตั้งตัวติด

“แตะไม่ได้... จินหาว่าพี่ไม่ฟังจิน แล้วจินล่ะเคยฟังพี่บ้างหรือเปล่า เคยห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับมันก็ยังจะ...” ถ้าความอดทนคนเรามีวันหมดอายุ ความอดทนของจินดนัยคงหมดอายุวันนี้ วินาทีนี้ล่ะ

“ที่ผมบอกให้เลิกพูดถึงคุณอั้ม ถึงคนอื่น เพราะมันเป็นเรื่องของเราสองคนต่างหาก ในเมื่อพี่ไม่ยอมเลิก ผมก็จะลากคนอื่นมาบ้าง อย่าง...” กลืนน้ำลายนิดหนึ่งก่อนกลั้นหายใจเอ่ยชื่อที่คั่งค้างติดคาในหัวสมองมานานออกไป “คุณวิกกี้อะไรนั่นไง! พี่จะว่ายังไง”

หากเขากำลังรอดูอาการเดือดเนื้อร้อนตัวของอีกฝ่ายหลังจากเขาปล่อยหมัดเด็ดคงต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เพราะแสงเหนือแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใดกับชื่อดังกล่าวเลย “...วิกกี้ แล้วยัยวิกกี้มาเกี่ยวอะไรด้วย จินรู้จักยัยนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เปล่า ไม่รู้จัก แต่...” เจอความสงบนิ่งเข้าไป กระแสอารมณ์ภายในตัวเขาเลยต้องพลอยหยุดหมุนควงสว่านตามไปด้วย จินดนัยเสคว้าริชชี่ที่นอนแทะรองเท้าแตะของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ขึ้นมากอดรัดจนมันร้องงี้ดง้าดประท้วงประมาณ...โอ๊ะ รองเท้ามาอยู่ในปากหนูได้ไง “คุณอั้มเล่าให้ฟังเฉยๆ ว่าคุณวิกกี้กำลังจะกลับมา คุณวิกกี้เชียวนะ ชื่อแบบนักเรียนนอกแท้ๆ คนที่ว่ากันว่า...เอ่อ น่าจะเป็นคู่หมั้นพี่เหนือไง หรือเป็นไปแล้วก็ไม่รู้ คุณวิกกี้คนนั้น...”

อารามมัวแต่กดริชชี่ไว้กับอกและปล่อยหัวใจเต้นแรงยามเอ่ยเรื่องค้างคาหัวใจ เขาเลยไม่ทันสังเกตว่าแสงเหนือมาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ซ้ำร้ายท่อนแขนที่ยกคล้ายจะควานหาตัวเขานั้นพอเจอเป้าหมายปุ๊บ ก็กอดเข้าให้ปั๊บ “พะ พี่...พี่เหนือ ทะ ทำอะไร เดี๋ยวใครเห็น ปล่อย...”

“หืมมม...” เจ้าของอ้อมกอดกอดแน่นแบบไม่กลัวอากาศร้อน ซุกจมูกลงบริเวณขมับที่เส้นเลือดเขากำลังเต้นตุบๆ “ใครจะเห็น ต่อให้ใครมาเห็น พี่ก็บอกว่ากอดเจ้าริชชี่อยู่ หวงเหรอ ขอกอดบ้างทำเป็นหวง”

“อย่า! ปล่อย! ไม่เอา!” ทั้งดีดทั้งสะบัดแต่กลับโดนล็อคแน่น ร้อนถึงริชชี่ที่โดนลากเขย่าขึ้นลงหัวสั่นหัวคลอนจนเข้ากันดี เหยียดสี่ขายันใส่อกเขาแล้วม้วนตัวกลิ้งหนีเป็นลูกบอลจนเป็นอิสระออกไปตัวเดียวโน่น “ไอ้ริชชี่มันไปแล้ว เลิกกอดได้แล้ว อย่ามามั่ว”

“จินเรื่องมากจัง” บ๊ะ สรุปเขาผิดเองใช่ไหมที่โดนลวนลาม พยายามจะเอี้ยวแทงศอกเข้าใส่เจ้าคนทำเสียงจิ๊จ๊ะ แต่แค่ผินหน้ามาก็เจอคนกดจูบมั่วซั่วลงทั่วเลยต้องรีบสะบัดหน้ากลับ ดีดดิ้นร้องเจี๊ยกจ๊ากไปตามเรื่อง หากลงท้ายก็ไม่พ้น ได้แต่หอบฮั่ก หน้าตาร้อนผ่าวจวนเจียนระเบิด “จะริชชี่ จะวิกกี้ พี่ก็ไม่เอาหรอกคร้าบ พี่เหนืออยากได้จินนี่มากกว่า”

อี๋ อ๊ากกก ขนแขนลุกเป็นทิวแถว แสงเหนือเรียกใครวะ จินนี่! พระเจ้าช่วยด้วย จินนี่แบบยักษ์ในตะเกียงอลาดินเนี่ยนะ! “ถ้าพี่ไม่ปล่อย ผมโกรธจริงๆ นะ! นับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ปล่อยก็เลิกพูดกันเลย หนึ่ง สอง สา...”

“โอ๊ย นับเร็วจัง จะรีบไปไหนเนี่ย” แสงเหนือผละออกรวดเร็วก่อนเขาจะพ่นเลขสุดท้ายออกมาทัน และไอ้อาการผละออกอย่างรวดเร็วนั้นมันก็ใกล้เคียงกับอาการถีบเขาออกมาเสียด้วย ตอนนี้จินดนัยจึงกำลังพยายามนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อจะไม่หันไปแพ่นกบาลเจ้าคุณชายด้วยเก้าอี้เหล็กดัดอยู่ “แหม หึงพี่ก็ไม่บอก วันหลังสงสัยอยากรู้ถามพี่ตรงๆ เลยก็ได้ ทำเป็นงุบงิบน้อยอกน้อยใจ พี่หลงคิดว่าเผลอไปทำอะไรจินโกรธอีก หึ ครั้งนี้ไอ้คุณอั้มทำดีแฮะ สงสัยต้องให้รางวัลกันสักหน่อยแล้ว”

อะ พูดแล้วนึกขึ้นได้ ในที่สุดเขาก็จะได้ทำหน้าที่เป็นทูตสันติภาพของยูเอ็นสักที “อืม ที่จริงผมมีอีกเรื่อง แต่ไม่แน่ใจว่าจะบอกพี่เหนือดีไหม แต่รับปากคุณอั้มไว้แล้วด้วยสิ เอ...”

“ไปรับปากอะไรไอ้อั้ม” หายไปแล้ว คุณแสงเหนือแสนดี เหลือไว้แต่ไอ้หน้าตาดีปากหาเรื่อง “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับมัน นี่ไปแอบเจอแอบตกลงอะไรกันเอาไว้ เล่ามาให้หมดนะ อย่าให้พี่รู้เชียวนะว่ายังไปแอบเจอกันอีก ไม่อย่างนั้นโดนแน่ เข้าใจหรือเปล่าที่พูดเนี่ย ถ้าเข้าใจก็รับคำด้วย”

ปากอย่างนี้ เดี๋ยวจะโดนทูตสันติภาพกระโดดเตะเลือดกบปาก อย่าคิดว่าไม่กล้าเตะคนตาบอดนะเว้ย ขอเตือน “เข้าใจครับ”

“เอ้า มีอะไรก็ว่ามา” งานต้องเป็นงานครับ ว่าแล้วทูตสันติภาพจึงเริ่มต้นเล่าอย่างแทบจะไม่หายใจหายคอ เรียกว่ากว่าจะเล่าจบ เล่นเอาคอแห้ง กลืนน้ำลายแทบไม่ลงกันเลยทีเดียว

“นี่ล่ะ ตอนนี้คุณอั้มคงกำลังพยายามเข้าทางคุณขวัญใจอยู่ แต่ต่อให้ได้หลักฐานจากทางนั้น คุณอั้มก็ยังเกรงใจคุณรตี ผมเห็นด้วยนะ เพราะเคยเห็นมานักต่อนักแล้วประเภทเห็นเป็นญาติเป็นเชื้อกันเลยหยวนๆ ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่...”

“คุณแม่ท่านแยกออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” แสงเหนือนิ่วหน้าคิดและเม้มปากเหมือนไม่สบายใจ “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก แต่ว่าจินแน่ใจนะเรื่องอาชัช ถ้าโกงจริงก็แล้วไปแต่ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา เขาคงไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่ เห็นอาชัชท่าทางหงอๆ แบบนั้นแต่เวลาโมโหขึ้นมา เขาก็ร้ายกาจพอตัว ด่ากราด เจ้าคิดเจ้าแค้นจนพวกลูกน้องในแผนกไม่มีใครชอบแต่ไม่กล้าพูดออกมา”

“พี่เหนือรู้ได้ไง” เขายกมือลูบรอยยับบนกางเกงของแสงเหนือเล่นหากถูกกุมมือบีบเบาๆ “พี่รู้เรื่องพวกนี้มาตั้งนานแล้ว มีสาวๆ... เอ่อ ไม่ใช่สิ พวกพนักงานเล่าให้ฟังเรื่อยล่ะ เห็นภายนอกดูสวยหรูแบบนั้นแต่ถ้าจะเล่าเรื่องนินทาลับหลังกันในสังคมโรงแรมน่ะ ฟังสามวันสามคืนยังไม่จบ ง่ายๆ นะ แค่เรื่องเจ้าอั้มก็กินเวลาหลายวันแล้ว พี่เองไม่อยากจะเล่าแต่จินรู้ไหมว่าหมอนั่นเคย...”

“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องฝืนใจเล่าหรอก โธ่ ว่าแต่คนอื่น ผมก็เคยได้ยินเรื่องพี่เหนือเหมือนกันล่ะ ทำเป็นมาฟอร์ม” เบ้ปากชำเลืองมองดูหน้าขาวเลิ่กลั่กของคนร้อนตัวแล้วนึกอยากลองเอาไฟส่องหน้าไต่สวน เขาคงได้คำสารภาพมาเป็นกระบุงโกยแน่

“จินพูดเรื่องอะไร ไปฟังใครพูดเหลวไหลจากที่ไหน พี่ไม่เคย...” หยุดคิดลังเลก่อนแสงเหนือจะอ้อมแอ้มแบ่งรับแบ่งสู้ “ก็...อาจเคยมีบ้าง นิดๆ หน่อยๆ ตามประสาผู้ชาย แต่นั่นมันตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เจอเรา พี่ก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลยนะ เอ้า ไม่เชื่อ สาบานเลยก็ได้”

แล้วเรื่องอะไรต้องมานั่งสาบงสาบานเจ็ดวัดแปดวัดกับเขาด้วย พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย แต่แค่คิดถึงตรงนี้ หัวใจก็เหมือนจะเต้นช้าลงจนน่าใจหาย ...วันนี้ยังเต้นช้าขนาดนี้ แล้วพรุ่งนี้มันจะหยุดเต้นเลยไหม แสงเหนือจะรู้ไหมว่าที่หมู่นี้เขานอนกระสับกระส่าย เป็นเพราะกลัวการนอนหลับในตอนกลางคืน กลัวว่าจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก กลัวไปสารพัดแม้จะมีใครบางคนนอนแนบชิดอยู่ก็ตาม

“ไม่ต้องสาบานหรอกครับ” จินดนัยก้มหน้ากระพริบตาเพื่อขับไล่จุดดำมืดในสายตาและรอให้อาการวิงเวียนทุเลาลง “กลับเข้าบ้านกันเถอะ ผมหิวน้ำแล้ว ริชชี่ก็คงเหมือนกัน”

เขาดึงมือแสงเหนือขึ้น ยิ้มนิดๆ ยามฝ่ายนั้นบ่น “จินมือเย็นอีกแล้ว เป็นคนบ่นว่าอากาศร้อนแท้ๆ” และไม่ได้ขัดขืนยามโดนกุมมือไว้กระชับราวต้องการแบ่งปันไออุ่น หากรอยยิ้มค่อยๆ จืดจางยามเงยหน้ามองคนตั้งหน้าตั้งบ่นเรื่องสารอาหารและการออกกำลังกาย เท่าที่อยู่ด้วยกันมา เขาเพิ่งรู้ว่าแสงเหนือเป็นผู้ชายขี้บ่นชนิดหาตัวจับยาก เป็นผู้ชาย...ที่มีข้อดีอยู่น้อยนิดและมีข้อเสียสารพัด ทั้งขี้บ่น ขี้ห่วง ขี้งอนและอีกสารพัด โดยมีสามประการที่ว่ามานำโด่งไม่เห็นฝุ่น แต่หนึ่งในข้อดีอันกะร่อยกะหริบคือมือแข็งอบอุ่นที่ช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัย อุณหภูมิที่ส่งผ่านบ่งบอกถึงสัญญาณแห่งชีวิต ช่วยให้เขารู้สึกว่าตนยังมีลมหายใจอยู่เช่นกัน

บางที สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากที่สุดอาจจะเป็นความหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียความอบอุ่นนี้ไปก็ได้

++++++++++

ยังไม่ทันที่แสงเหนือจะรับปากเรื่องอาชัช โทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในเย็นวันเดียวกันนั้นก็ทำเอาทุกอย่างปั่นป่วน ทันทีที่คุณรตีฟังเสียงจากปลายสายจบก็ทำเหมือนจะหงายหลังล้ม โชคดีที่จินดนัยซึ่งคอยมองอยู่แล้วผวาเข้าไปประคองไว้ได้ทัน หลังจากได้ยาหอมยาดมยาลมยาหม่องขนานใหญ่แล้วคุณรตีจึงควานจับมือลูกชายไว้

“เหนือ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน ตาอั้มเพิ่งโทรมาบอกว่า...” กลืนน้ำลายเอื้อกแล้วคุณรตีพยายามเรียกสติสตังในการกล่าวคำพูดที่เหลือ “ชัชแทงคุณขวัญใจแล้วหนีไป คุณขวัญใจตอนนี้อยู่ในไอซียู ยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า”

เมื่อพวกเขายกโขยงมาถึงโรงพยาบาล เมืองเอกซึ่งรีบลุกมาหาในสภาพเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดสีคล้ำเป็นด่างดวงทำเอาเขาเผลอตัวสั่นเพราะดันนึกไปถึงภาพเลือดของตัวเองที่สาดกระจายเต็มพื้นถนน เขายืนเกาะแขนแสงเหนือแน่นขณะฟังคำบอกเล่าไปด้วยใจเต้นตึกตัก

“ผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องเป็นไงมาไงเท่าไหร่ แต่มีพนักงานวิ่งมาบอกผมว่าเห็นคุณชัชขับรถบึ่งออกจากโรงแรมรีบร้อนจนเกือบชนยาม ชนขอบทางแต่กลับไม่ยอมหยุดรถ เลยนึกเอะใจรีบไปดูที่ห้องทำงานถึงได้เจอคุณขวัญใจนอนจมกองเลือดอยู่ แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ” เมืองเอกเสยผมยุ่งหยิงและชะงักยามคุณรตีที่ตอนนี้ดูเหมือนจะคุมสติได้มากแล้วเอ่ยถามว่า “แล้วอั้มพอจะรู้ไหมว่าทำไมชัชเขาถึงทำแบบนี้ ปกติน้าก็เห็นเขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน ติดจะ...อ่อนน้อมมากไปด้วยซ้ำ แล้วกับคุณขวัญใจก็เห็นว่าสนิทสนมกันดี ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งเรื่องงานสักครั้ง”

เมืองเอกแลเลยมาสบตากับเขาที่ยืนจ้องเป๋งอยู่ ลดสายตาลงมองอาการเกาะหนึบร่างสูงข้างตัวชั่วอึดใจ ก่อนหันกลับไปตอบคำถามอย่างระมัดระวัง “ผม...ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เคยได้ยินมาบ้างว่าพวกเขาสนิทสนมกัน ถ้าให้ผมเดา เรื่องครั้งนี้อาจมีสาเหตุจากการหึงหวงล่ะมังครับ”

“ตายจริง” คุณรตียกมือทาบอกแล้วยกยาดมที่ติดมือมาจ่อจมูก “ทำไมต้องหึงต้องหวงถึงขนาดคิดจะลงมือฆ่าแกงกันด้วยก็ไม่รู้”

หลังจากเมืองเอกพาคุณรตีไปหาที่นั่งพักเรียบร้อยทางด้านหนึ่ง ชายหนุ่มจึงค่อยเดินย้อนกลับมาหาเขาที่ยังเบือนหน้าหลบ เกี่ยวแขนแสงเหนือไว้เหมือนลูกลิงติดแม่ไม่เลิก “ไง กลัวเลือดมากขนาดนี้เลยหรือเรา โทษทีนะเจ้าเหนือที่ทำให้ต้องลำบาก ดูท่า...เด็กนายจะรังเกียจเสื้อเปื้อนเลือดฉันว่ะ ทำไงได้ คนมันไม่มีเวลามาเปลี่ยนเสื้อแต่งองค์ทรงเครื่องต้องโดนรังเกียจก็สมควรแล้ว”

“ผมเปล่า...” อุปทานเหมือนจะได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาจางๆ ท่ามกลางกลิ่นยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาล เมืองเอกจ้องหน้าซีดๆ โดยไร้รอยยิ้มต่างจากที่เคย หากแสงเหนือกลับเอ่ยขัดจังหวะได้ทันก่อนเขาจะโดนชำแหละแยกขายเป็นส่วนๆ ด้วยสายตา

“จินเล่าเรื่องอาชัชให้ฉันฟังแล้ว รวมถึงเรื่องที่นายหวังล้วงข้อมูลจากคุณขวัญใจด้วย ขอบใจนะ” ใช่มีแต่เขาที่คิดว่าหูฝาด เมืองเอกก็เลิกคิ้วสูงลิบเพราะแปลกใจพอกัน หากความแปลกใจนั้นอยู่ไม่นานเมื่อแสงเหนือเอ่ยต่อพร้อมจับมือเขาที่แอบดึงชายเสื้อไว้มาบีบบนหน้าตัก “แต่วันหลังมาบอกกันตรงๆ ดีกว่า ไม่ต้องหลบไม่ต้องซ่อนทำอะไรลับหลังเหมือนแอบตีท้ายครัวคนอื่น ถ้าคุณอั้มบริสุทธิ์ใจจะช่วยก็ไม่ควรปิดบัง จริงไหม”

อุณหภูมิในโรงพยาบาลขณะนี้ ติดลบสิบองศา พายุหิมะตั้งเค้ามาแต่ไกล

เมืองเอกหน้านิ่ง มองเขาพยายามดึงมือออกงุดๆ แล้วหัวเราะแบบไม่นึกขำ “ถ้าจะมีใครสักคนบริสุทธิ์ใจในที่นี้...มากที่สุด คนคนนั้นก็น่าจะเป็นฉันนี่ล่ะ ออกจะทำอะไรตรงไปตรงมาขนาดนี้ ข้าวก็พาไปกิน ว่างก็วิ่งมาหา มีปัญหาก็ปรึกษาด้วย คนเขาเห็นกันทั้งโรงแรมแบบนี้แล้วนายจะว่าฉันแอบทำอะไรลับหลังได้ยังไง”

จินดนัยพยายามคิดตามแต่นึกไม่ออกจริงๆ ว่าคนทั้งโรงแรมไปเห็นเมืองเอกกินข้าวกับคุณขวัญใจตอนไหน ไหนเคยตกลงกันว่าจะทำแบบลับๆ ไง สงสัยว่าเพราะทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้สิท่า ข่าวถึงได้รั่วไปถึงหูคุณชัชจนต้องเล่นบทหึงโหด แทงผู้หญิงเสียปางตาย แบบนี้มันใช้ไม่ได้

“นั่นสิ คุณอั้มนั่นล่ะที่ไม่ดี ทำไมไม่ทำให้มันลับๆ หน่อย เฮ้อ เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้บอก” สอนมั่งๆ ชอบสอน “โดยเฉพาะคนที่เขามีเจ้าของอยู่แล้วเนี่ยยิ่งต้องระวัง ดูต้นทางให้ดี ทำไมไม่รอให้เจ้าของเผลอแล้วค่อยรุกเข้าประชิด พรวดพราดแสดงตัวชักธงรบแบบนี้ ไก่ตื่นหมด...แอ๊กกก!”

เขายังร่ายไม่เสร็จดีแต่ดันต้องร้องไม่เป็นภาษายังกับไก่ถูกถอนขนสดๆ ยามโดนแสงเหนือบีบกระดูกมือแทบแตก

“จิน!” เจ้าของมือใหญ่เท่าใบตาลตวาดดังพร้อมกับที่เมืองเอกก้มหน้ากลั้นเสียงหัวเราะจนบ่าหนาๆ สั่นกึกๆ ...ขำไรวะ ไม่เห็นมีอะไรตลก นี่ก็อีกคน บีบมือคนอื่นกระดูกแทบหักเป็นท่อนๆ แล้วยังมาทำเสียงเขียวตวาดใส่อีก สับสนมาจากไหนกันเนี่ย ไม่สบายก็กลับบ้านไปกินยาเลยไป๊ “อะไรเล่า ผมพูดผิดตรงไหน”

“เรานี่มัน...!” ก่อนจะโดนจับเขย่าๆๆ ขึ้นบนลงล่างห้อยหัวอย่างที่สีหน้าของแสงเหนือแสดงออกว่าอยากทำเต็มแก่ คุณหมอที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินและเรียกหาญาติของคุณขวัญใจก็เบนความสนใจของพวกเขาไปได้ เมืองเอกรีบปาดน้ำตาที่เอ่อคลอจากการหัวเราะและปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมลุกไปหาคุณรตี ขณะที่เขาโดนไอ้คุณชายกระชากให้ลุกยืนแล้วลากส่งๆ ทั้งที่ตามองไม่เห็นไปตามต้นเสียงจนไม่รู้ใครดูแลใครกันแน่

“คนเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วครับ เพียงแต่ยังไม่ได้สติ ตอนนี้อาการทั่วๆ ไปถือว่าปลอดภัยแล้วในระดับหนึ่ง ที่เหลือคือต้องรอดูอีกทีตอนคนเจ็บฟื้นเพื่อเช็คอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น อย่างเช่นอาการช็อคจากการเสียเลือด แล้วก็สภาพจิตใจ...”

คุณหมออธิบายยืดยาวซึ่งเขาฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างและยังกล่าวถึงเรื่องแจ้งความคดีทำร้ายร่างกาย นับจากตรงนี้ไป เมืองเอกที่เอ่ยแทรกขึ้นได้ขอรับผิดชอบในส่วนดังกล่าวเองเมื่อเห็นคุณรตีตอบไม่ถูก พวกเขาจึงค่อยทยอยแยกย้ายกลับบ้านยามเรื่องทุกอย่างดูจะคลี่คลายขึ้นในระดับหนึ่ง...ถึงจะเป็นแค่ชั่วคราวก็ตามที

++++++++++

TBC

<< เด๋วต่อตอน 14 เลยนะคร๊าบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสว&#
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 20-06-2008 17:11:11
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 14 - ในกำมือ ~

หลังจากปรึกษากันแล้ว องค์ประชุมอันได้แก่จินดนัย แสงเหนือและเมืองเอกได้ข้อสรุปร่วมกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่ายังไงก็ต้องบอกคุณรตี

นั่นล่ะ ประชุมลับร่วมสองชั่วโมง กลับได้แค่ข้อสรุปง่ายๆ กับเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว หากที่ต้องเสียเวลาไปมากมายขนาดนั้นก็ไม่พ้นสาเหตุเดิมๆ ว่าสองในสามองค์ประชุมตั้งท่าจะลุกมาต่อยปากกันท่าเดียว จนลงท้ายเขาขี้เกียจจะห้ามจะยื้อยุด เลยนั่งหาวยามแสงเหนือขยับฮึดฮัดและเมืองเอกร้องท่าเหย็งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม น่าแปลกที่พอบรรดามนุษย์เจ้าปัญหาเห็นเขาหันไปสั่งบลูเบอร์รี่ชีสเค้กเพิ่มอีกชิ้นแทนที่จะสนใจหย่าศึก พวกนั้นก็คล้ายกับจะเบื่อหาเรื่องทะเลาะกันบ้าง นั่งคุยจนได้บทสรุปและขั้นตอนว่าจะเริ่มต้น ลงท้ายยังไงแทน

เขาจ้วงส้อมเงาวับลงกลางชิ้นเค้กและส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยยามตะแคงหูฟังแสงเหนือพูดไปด้วย “ฉันกะจะโทรศัพท์ไปเล่าให้พ่อฟังก่อนอยู่แล้วล่ะ เพราะที่แม่ยังห่วงอยู่ก็ตรงนี้ พ่อฝากอาชัชเข้าทำงานด้วยตัวเองทั้งที่ท่านไม่เคยฝากฝังใครเป็นการส่วนตัว อย่างว่าล่ะนะ ถ้าขืนไม่ฝากคงทำได้แค่เป็นพนักงานเสิร์ฟ”

“ได้ข่าวว่าที่ไต่เต้าเป็นถึงรองผู้จัดการได้ก็เพราะทำงานมานานและเป็นญาติคุณเตโชเท่านั้นเอง ความจริงเจ้าตัวฝันถึงตำแหน่งผู้จัดการจนตัวซี้ตัวสั่นแต่ดันโดนดองอยู่แค่ตำแหน่งรองฯ มาหลายปี แหงล่ะ ขืนหมอนี่เป็นผู้จัดการ คงต้องประกาศรับพนักงานในแผนกใหม่หมดเพราะลูกน้องเก่าไม่เอา แค่นี้เขาก็ยี้กันจะแย่ ไม่รู้คุณขวัญใจไปหลงอะไรในตัวหมอนี่ถึงได้ยอมสมคบคิดร่วมมือกันเข้าไปได้ เพราะอย่าว่าแต่ร่วมหัวเลย คบกับหมอนี่มีแต่จมท้ายสถานเดียว” เมืองเอกพูดจบก็ขยับสั่งเค้กผิวส้มสอดไส้วิสกี้กับพนักงานเสิร์ฟสาวหน้าแฉล้มที่โฉบเข้ามารินกาแฟเติมให้

“จะหลงอะไร นอกจากหลงทาง หลงทิศจนคบหาอาชัชได้โดยไม่ประสาทไปเสียก่อน แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง แผนอ่อยคุณขวัญใจของนายคงไม่ได้ผลหรอกถ้าเขาชอบผู้ชายปกติ” หนึ่งดอก จินดนัยจดแต้มเพิ่มให้แสงเหนือและเลิกคิดมานานแล้วว่าชายหนุ่มคู่นี้เขาไม่ถูกกัน แค่เหมือนกันมากไปเท่านั้นเอง โดยเฉพาะปากคอจัดจ้าน ทั้งจิกทั้งกัดทั้งสะบัดอย่างไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร

ยังไม่ทันตักเค้กคำสุดท้ายที่เอ่อล้นไปด้วยบลูเบอร์รี่ที่แอบเก็บสะสมไว้เป็นพีคตอนจบเข้าปาก แสงเหนือก็เอ่ยเสียงหวาน ทำปากยื่นแบบที่เจ้าตัวคงคิดว่าน่ารักนักหนา “จินแอบกินอะไรคนเดียวตั้งนาน พี่เหนือก็หิวนะครับ ไม่เห็นป้อนกันบ้างเลย”

ส้อมกับเค้กคำโตและเป็นคำสุดท้ายหยุดชะงักหลังผ่านเข้าปากอ้ากว้างไปได้ครึ่งหนึ่ง ขณะยังลังเลว่าจะงับผับลงไปเลยดีหรือคายออกมาดี หากเมื่อคิดว่าถ้าไม่ให้คำนี้ เดี๋ยวแสงเหนือก็จะบ่นงอแงงี่เง่าอีก และรู้ด้วยว่าต่อให้สั่งใหม่มาทั้งก้อน เจ้าคุณชายคงเม้มปากแน่นไม่ยอมกินแล้วบอกว่าที่พี่อยากกินไม่ใช่เค้กพวกนี้ แต่ต้องเป็นชิ้นที่เขากินไปแล้วต่างหาก ต่อจากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มตีกัน ครั้นเขานิ่งเงียบไม่ยอมเถียงต่อ แสงเหนือก็จะถึงขั้นหงุดหงิดอาละวาดและอาจพาลไปฟ้องคุณรตีได้ว่าเขาเขมือบเค้กไปคนเดียวเกือบหมดตู้ ซึ่งคุณรตีอาจนำค่าเค้กทั้งหมดที่ว่ามาหักเงินเดือนเขาในที่สุด หากเงินเดือนไม่พอให้หักก็อาจไล่เขาออกเพื่อจบปัญหาแทน

เค้กคำเดียวกับโดนไล่ออก... คิดสะระตะแล้วจำต้องยอมดึงส้อม ตัดใจคายกลับออกมาเหมือนดึงอ้อยออกจากปากช้าง กลืนน้ำลาย มองส่งภูเขาบลูเบอร์รี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเอ่ยว่า “อ้าปากสิครับ คำใหญ่หน่อยนะ ระวังหก”

เมืองเอกอึ้งไปสักพักก่อนถอนหายใจและเอ่ยเตือนลูกพี่ลูกน้อง “ระวังน้ำลายล่ะ”

ฝ่ายแสงเหนือที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าความหมายที่แท้จริงของคำเตือนคือเค้กที่ผลุบหายไปในปากเขาตั้งนานสองนานและตีความไปเองว่าคงหมายถึงส้อมที่เขาใช้มาแล้ว ดังนั้นเมื่อกลืนเค้กนุ่มลงคอเสร็จจึงยักไหล่ ตอบด้วยท่าทางสบายๆ “แค่นี้เรื่องเล็ก...ถ้าเทียบกับที่เคย...”

แกล้งทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนาคาใจแล้วแสงเหนือก็อมยิ้ม ไม่ได้รับรู้เลยว่าเขาแทบกระอักเลือด ส่วนเมืองเอกแทบสำลักกาแฟและมัวแต่อึ้งจนลืมขอบคุณพร้อมส่งยิ้มหวานให้พนักงานเสิร์ฟที่เข้ามาวางจานเค้กให้ ชายหนุ่มส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ตักเค้กขึ้นมาหนึ่งคำแล้วเรียกเขา “กินไหม อร่อยนะ”

พยักหน้าแรงหัวแทบหลุด กำลังจะกระโจนเข้างับแต่กลับโดนเบรกด้วยเสียงเขียว “กินอะไรกัน!”

หากเมืองเอกเหมือนจะรู้ทันว่าแสงเหนือต้องห้ามเหมือนเขาห้ามริชชี่เก็บของตกพื้นกินเป็นแน่จึงรีบยัดใส่ปากให้ทันทีก่อนเขาจะทันเล่นตัว “อิน...เอ้ก...”

กวนประสาทควบเอาคืนเสร็จแล้วค่อยสบายใจ นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนได้เวลากลับบ้าน โทรศัพท์หาลุงโตให้เอารถมารับพวกเขาหน้าโรงแรม ระหว่างที่นั่งรออยู่นั่นเอง จินดนัยเริ่มปวดมวนท้องจนหน้านิ่ว จากที่คิดว่าไม่น่าเป็นอะไรมากกลับยิ่งพะอืดพะอมจนต้องบอกแสงเหนือ “ผมไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ เดี๋ยวจะรีบมา”

เขาเกือบจะออกวิ่งเพื่อไปให้ถึงห้องน้ำและกระโจนไปที่ชักโครกทันพอกับที่ของในท้องตีย้อนกลับออกมาทางปาก หลังจากอาเจียนจนหมดแรงนอกจากนึกเสียดายเค้กดีๆ แล้วเขาก็ยังอดนึกกลัวไม่ได้ จริงอยู่ว่าหลังๆ มานี่เขาไม่อยากอาหารเท่าใด พอมาเจอของกินถูกปากเข้าก็ซัดไม่ยั้งแต่ไม่น่าจะถึงขั้นอ้วกสักนิด ต่อให้แสงเหนือจะไม่บ่นกรอกหูทุกวันว่านับวันยิ่งกอดยิ่งเจอแต่กระดูก เขาก็รู้ว่าน้ำหนักตนกำลังลดลง อย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ

อืม ต้องเป็นเพราะอาการนอนไม่หลับแน่ๆ เขาว่ากันว่าเมื่อคนเราพักผ่อนไม่พอ จะเกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา หนึ่งในนั้นต้องมีอาการเบื่ออาหาร หน้ามืด มือชาอยู่ด้วยเป็นแน่

เขารีบบ้วนปาก ล้างหน้าให้สดชื่น ลูบหยดน้ำบนปลายขนตาออกแล้วมองสบดวงตาคู่ที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลในกระจก ก่อนจะพยายามยิ้มปลอบใจให้และรีบวิ่งกลับออกมาเพราะกลัวลุงโตรอนาน คว้ามือคนที่นั่งรออย่างกระวนกระวายและเอ็ดเสียงเบายามเขาจูงไปยังรถติดฟิล์มดำปื๋อคุ้นตาซึ่งเพิ่งวนมาถึงพอดี “ทำไมหายไปตั้งนาน พี่คิดว่าจินเป็นลมคาส้วมไปแล้วเสียอีก”

“ผมยังไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า ไม่ต้องห่วง” หัวเราะแห้งๆ เสริมเพื่อให้ทั้งตัวคนพูดเองและคนฟังสบายใจ จินดนัยขอบคุณคุณดอร์แมนใจดีที่ช่วยเปิดประตูรถให้และรีบดันให้แสงเหนือขึ้นไปนั่งก่อนชายหนุ่มจะทันบ่นอะไรให้เขาขายหน้าอีก

ถ้าเขาไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น ถ้าไม่มัวแต่กังวลหมกมุ่นเรื่องสภาพร่างกายตัวเอง ถ้าไม่มัวแต่ห่วงเรื่องของตัวเองล่ะก็... เขาคงรู้ถึงความผิดปกติไปแล้ว เพราะกว่าเขาจะเห็นสิ่งแปลกปลอมก็เป็นตอนที่รถกระชากพรวดออกมานั่นล่ะ

จินดนัยไม่แน่ใจว่าร้องอะไรออกมาตอนเงยหน้าเห็นปากกระบอกปืนสีดำเป็นมันยกมาทางเขาจากคนที่น่าจะเป็นลุงโต

เพียงแต่ตอนนี้มันไม่ใช่ และดันกลายเป็นคนที่รู้จักดีเกินพอเสียด้วย ชนิดที่ว่าต่อให้ไม่มีปืน แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าพวกเขามีปัญหาหนักแน่นอน

“คุณชัช” เสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งราวกบ อาจจะเป็นเพราะนิ้วเย็นเฉียบของเขาที่ยังไม่ปล่อยจากคนข้างตัว ผนวกกับความผิดปกติของการออกรถ แสงเหนือจึงสามารถเข้าใจคำง่ายๆ แค่สองคำของเขาได้ทันที

“อาชัช อาคิดจะทำอะไร” เสียงของแสงเหนือสงบนิ่งมากๆ มากจนเกินไปเมื่อดูจากสถานการณ์ล่อแหลมของพวกเขาในตอนนี้ คาดว่าเพราะแสงเหนือมองไม่เห็นปากกระบอกปืนที่ยังส่ายไปมาระหว่างพวกเขาด้วยล่ะ “อาชัชทำอะไรลุงโต”

“ไอ้เวร! ป่านนี้แล้วยังห่วงไอ้คนขับรถกระจอกๆ อีก! แกน่ะมันห่วงแต่พวกขี้ข้า แต่เวลากับฉัน ดันดูถูกกันสารพัดทั้งที่ฉันเป็นอาแกแท้ๆ!!” ชายอ้วนในเสื้อคลุมขะมุกขะมอมตะคอกตอบหลานชาย “แต่ถ้าแกอยากรู้นักล่ะก็ ฉันตีมันหัวแตกเลือดอาบนอนกลิ้งอยู่บนโน้นแน่ะ ไม่รู้หรอกว่าตายห่-หรือเปล่า”

ความคิดแว่บแรกของจินดนัยคือแย่งปืน แต่เหมือนฝ่ายนั้นจะเดาความคิดดังกล่าวออก จึงสำรากทั้งคำสบถทั้งน้ำลายออกมา “มึงอย่าคิดตุกติกดีกว่า กูยิงพวกมึงทิ้งได้เร็วกว่ายิงหมาข้างถนนอีก”

“ยิงพวกผมแล้วอาจะทำอะไรต่อได้ อาก็ต้องโดนตำรวจจับอยู่ดี” ชายหนุ่มกุมมือสั่นเทาไว้พลางบีบอย่างต้องการให้กำลังใจและบอกให้เขาสงบสติ “มอบตัวเถอะครับ จนถึงตอนนี้อายังไม่มีความผิดมากเท่าไหร่ คุณขวัญใจยังไม่ตาย อายังไม่ได้ฆ่าใคร ดังนั้นอย่าทำให้เรื่องบานปลายเลยครับ”

ชายอ้วนที่ต้องแบ่งสมาธิระหว่างขับรถกับเล็งปืนมายังหัวตัวประกัน...ซึ่งเห็นชัดว่าค่อนมาทางข้อหลัง...ชะงักชั่วครู่แต่ก็เป็นแค่แว่บเดียว “พวกมึงคิดว่ากูโง่นักหรือไง กูแทงอีนั่นไปตั้งหลายครั้งจนเลือดท่วมแล้วจะบอกว่ามันไม่ตายเนี่ยนะ!”

“แต่...” เขาร้องออกไปได้แค่คำเดียว ปากกระบอกปืนก็ชี้ตรงมาจนต้องเงียบ

“ต่อให้มันไม่ตาย กูก็ไม่เหลืออะไรอยู่ดี พวกมึงแม่งเลวทั้งพี่ทั้งน้อง คนนึงชอบดูถูกกู อีกคนก็แย่งเมียกู... อีเมียหน้าโง่ที่ไม่ยอมเชื่อว่าโดนหลอก มันมาขอเลิกกับกูแล้วขู่กูว่าถ้าไม่ยอมเลิก มันจะแฉเรื่องโกงบัญชีให้หมด ด่ากูว่าเป็นไอ้อ้วนจอมแหย ไอ้คางคกริจะกินเนื้อหงส์ ทั้งที่ตัวมันก็แค่หมาตัวเมียโง่ๆ” คนพูดพูดด้วยท่าทางแค้นหนักจนแทบกระอักเลือดและบ้าเลือดจนไม่ต้องนึกสงสัยเลยว่าหมอนี่จะกล้าเหนี่ยวไกจริงหรือเปล่า “ที่กูกล้าเสี่ยงฉกรถมาเอาตัวพวกมึงหน้าด้านๆ เพราะกูเตรียมใจมาแล้ว อย่างดี ถ้าแผนสำเร็จ กูจะได้หลบไปตั้งตัวใหม่ที่เมืองนอก อย่างร้ายก็กอดคอพวกมึงลากลงนรกไปด้วยกันให้หมด ไม่ต้องมาทำพูดจาหว่านล้อมหรอกไอ้เด็กเวร!”

“อาชัชต้องการอะไร” เมื่อหมดประโยชน์จะเกลี้ยกล่อม แสงเหนือจึงหันมาใช้วิธีต่อรองแทน “อาจะขับรถวนหนีไปได้ถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อต้องมีคนพบลุงโตเร็วๆ นี้แน่”

“กูจะอยากได้อะไรนอกจากเงิน เงินที่พวกมึงเหลือกินเหลือใช้เจียดมาให้กูก็หายวับไปหมดแล้ว ทั้งที่กูทำงานอย่างซื่อสัตย์มาตั้งกี่สิบปี ดูสิว่าพวกมึงตอบแทนกูยังไง ไอ้สัด!!” ดูท่าคุณชัชจะลืมไปเสียสนิทว่าต้นเหตุทั้งหมดมาจากการยักยอกของตนเอง ทว่าจินดนัยไม่อยากชี้แจงเรื่องนั้นในตอนนี้หรอก ไม่ใช่ตราบเท่าที่หมอนั่นยังควงปืนหราอยู่ในมือ

“ถ้าอาชัชต้องการจับผมเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ก็ปล่อยจิน... ปล่อยเด็กนี่ไปเถอะครับ เอาไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์” จินดนัยอ้าปากค้างขณะแสงเหนือเอ่ยต่อ “เอาไปแต่คนตาบอดอย่างผม อาชัชจะได้ไม่ต้องระวังอะไรมาก ยังไงผมคนเดียวก็หนีไม่พ้น”

“พี่เหนือ!!” เขาเขย่าตัวชายหนุ่มแรงๆ พลางเหลียวเลิ่กลั่กมองสีหน้าครุ่นคิดของคนร้าย “พูดบ้าๆ! ผมไม่ยอมทิ้งพี่ไว้คนเดียวแน่ เลิกพูด...”

“ที่นายพูดก็ถูก...” ครั้นได้ยินเสียงพึมพำนั้น จินดนัยจึงเลิกเขย่าตัวคนข้างกายแล้วหันไปหาคุณชัชแทน “นายเอาพี่เหนือไปคนเดียวแล้วดูแลเขาได้เหรอ ต้องมานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำ พาเข้าห้องน้ำไหวเหรอ พี่เหนือทั้งกินยาก เรื่องมาก นายจะทนไหวเหรอ แล้วถ้าเกิดนายทนไม่ได้ เผลอยิงโป้งเข้าให้ ทีนี้เงินนายก็ปิ๋ว คุณรตีกับคุณเตโชต้องไม่ปล่อยนายแน่ถ้าพี่เหนือเป็นอะไรไป”

“จินเงียบได้แล้...” เขาหันไปว้ากใส่แสงเหนือดังลั่น “พี่เหนือนั่นล่ะเงียบไปเลย! คุณชัช ผมมีข้อเสนอดีกว่านั้นอีก ทำไมไม่จับผมไปคนเดียวล่ะ ผมตัวนิดเดียว หน้าตาธรรมดา ตาก็ไม่บอด ไม่ค่อยเป็นที่สังเกตเหมือนพี่เหนือ เอาผมไปคนเดียวเลี้ยงง่ายกว่าเยอะ...”

“จิน!” หน้าขาวๆ ของชายหนุ่มแดงก่ำ ไม่มีท่าทีใจเย็นก่อนหน้าหลงเหลือ “อาชัชอย่าไปฟัง ต่อให้อาจับจินไปแล้วคิดหรือว่าแม่ผมจะยอมจ่ายค่าไถ่ให้เด็กรับใช้...กระจอกๆ แบบนี้! เอาไป อย่างดีก็เอาไปขาย แล้วคิดหรือว่าเด็กผอมๆ หน้าตาธรรมดาจะขายได้สักเท่าไหร่ หรือต่อให้อายิงมันตาย ผมก็หาเด็กใหม่มาแทนได้เป็นร้อยเป็นพันโดยไม่ต้องนึกเสียดายด้วยซ้ำ”

ถึงจะรู้ว่าแสงเหนือแกล้งพูดตัดราคาเขาสะบั้นหั่นแหลกชนิดไล่แจกฟรียังไม่มีใครเอา แต่เขากลับอดน้อยใจไม่ได้ ...มันงี่เง่าแต่ก็เจ็บจริงๆ นะ

“คุณรตีไม่จ่าย...” น่าแปลก เขากลับเป็นฝ่ายสงบใจลงได้ในที่สุดยามเอ่ยทุกคำพูดช้าๆ ชัดๆ “แต่พี่เหนือยอมจ่ายแน่ เพราะคุณชัชพูดถูกอยู่อย่างรู้ไหม...ที่ว่าพี่เหนือเป็นห่วงแต่พวกขี้ข้าน่ะ”

เขาเน้นคำว่าขี้ข้าให้คนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะโกรธจนแทบบ้าฟัง ถ้าเขาไม่โดนคุณชัชยิงทิ้ง รับรองได้ว่าก็หนีไม่พ้นโดนแสงเหนือฆ่าอยู่ดี แต่ก่อนที่เขาจะโดนคนตรงหน้าฆ่าตายอีกครั้ง กลับเป็นเสียงตะโกนอย่างเหลืออดต่างหากที่หยุดไว้ทัน “พวกมึงเลิกเถียงแล้วก็หุบปากได้แล้ว! ทั้งคู่นั่นล่ะ! ไอ้แสงเหนือต้องเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ ส่วนไอ้เปี๊ยกก็คอยดูแลนายมึงไว้ กูไม่ปล่อยพวกมึงคนใดคนหนึ่งไปแน่ อ้อ แล้วจำไว้ว่าต่อให้พวกมึงตัวไหนคิดเล่นตุกติกกับกู กูจะยิงไอ้อีกตัวทิ้งทันที จำใส่กะโหลกพวกมึงไว้ให้ดี”

ระยะเวลาร่วมชั่วโมงหลังจากนั้น ปรากฏว่าไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากพวกเขาคนใดคนหนึ่งแม้แต่คำเดียว อดีตรองผู้จัดการแผนกบัญชีที่บัดนี้ผันตัวเองมาเป็นผู้ร้ายเรียกค่าไถ่จอดรถพรืดลงหน้าบ้านหลังเก่าซอมซ่อในซอยลึกบนถนนเส้นแถบชานเมืองแล้วลงมาเปิดประตูไล่ให้เดินเข้าไปในบ้าน

“ที่นี่ล่ะ บ้านใหม่กู กูคงหาบ้านสวยๆ กว่านี้ได้เยอะถ้าพวกมึงจะไม่ขโมยเงินกูไปจนหมด” พวกเขาโดนต้อนเข้ามาในห้องซึ่งทั้งสกปรก เหม็นอับและมืดทึบเนื่องจากหน้าต่างเพียงบานเดียวในห้องโดนไม้แผ่นใหญ่ตอกปิดตายไว้ “ทีนี้ก็โทร...”

ชายร่างอ้วนยังพูดไม่จบ แสงเหนือกลับเอ่ยสวนทันควัน “ฉันไม่โทร”

นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนร่างอ้วนจะระเบิดเสียงหัวเราะจนกระเพื่อมไปทั้งตัว “มึงนี่อวดดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เคยหยิ่งผยองยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น จนพิการตาบอดแล้วยังไม่สังวร” นิ้วป้อมเช็ดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะแล้วส่งโทรศัพท์ให้จินดนัยแทน “งั้นมึงโทรแทนแล้วกัน โทรบอกคุณรตีว่าถ้าอยากได้ตัวลูกชายพิการคืนก็เตรียมหาเงินไว้สักสิบล้านยี่สิบล้านที”

โทรศัพท์ถูกยัดใส่มือเขาแล้วตอนแสงเหนือคำราม “จินอย่าโทร”

ชัชมีปฏิกิริยาตอบสนองคำพูดดังกล่าวโดยการเดินดุ่มเข้าหาร่างสูงและยกปืนตบใส่หน้าเต็มแรงจนชายหนุ่มทรุดลงกับพื้น “มึงจะโทรไม่โทร กูนับหนึ่งถึงสามแล้วถ้ามึงยังไม่โทร กูจะยิงขาให้แม่งกลายเป็นไอ้ง่อยตาบอดครบสูตร หนึ่ง...”

“ผมโทรแล้ว” เขาจิ้มนิ้วสั่นเทาลงกับปุ่มตัวเลข เหลือบมองชายร่างอ้วนที่จ้องเขม็งมาแล้วลดสายตามองอีกคนที่ทรุดอยู่ “ฮะ...ฮัลโหล คุณรตีอยู่ไหมครับ นี่ผมจิน ช่วยไปเรียกคุณรตีมารับสายที... อะ จริงเหรอ ครับ ไม่เป็นไรครับ”

เขารีบอธิบายเมื่อปากกระบอกปืนถูกยกร่อนร่าตรงมา “คนที่บ้านบอกว่าคุณอั้มโทรมาเรียกคุณรตีให้ไปที่โรงแรมได้สักพักแล้ว”

“แสดงว่าคงเจอไอ้แก่นั่นแล้วสินะ” พูดเสร็จ ชัชก็เงื้อปืนตวาดลั่น “แล้วมึงจะยืนโง่อยู่ทำไม รีบโทรไปที่โรงแรมสิวะ จะรีรอหาพระแสงเหรอ!”

“ครับ ผมโทรครับ” กดเบอร์ซึ่งจำได้ง่ายๆ ด้วยเลขซ้ำๆ แล้วเขาก็กรอกเสียงสั่นเทาลงไปตั้งแต่ตอนที่โอเปอร์เรเตอร์ยังเอ่ยชื่อโรงแรมไม่จบดี “ขอสายคุณรตีครับ บอกว่าจินขอพูดด้วย คุณรตีที่เป็นเจ้าของไงครับ คุณลองถามท่านดูก่อนก็ได้ว่าอยากคุยกับผมหรือเปล่า ...ครับ ผมจะรอ” ดูจากความเชื่องช้าในการโอนสายและความลังเลของโอเปอเรเตอร์แล้ว สงสัยว่าคุณอั้มจะยังสามารถเก็บการหายตัวไปของพวกเขาเป็นความลับได้

“ฮัลโหล เจ้าจินเหรอ! ตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วตาเหนือล่ะ! ตาเหนือยังอยู่กับเราใช่ไหม!” คุณรตีกรีดเสียงละล่ำละลักจนแทบฟังไม่ออกมาตามสาย “คุณนายใจเย็นๆ ก่อนนะครับ พี่เหนืออยู่กับผมครับ แต่...”

เห็นอาการอ้ำอึ้งเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ถูกของเขาแล้วชายร่างอ้วนจึงฉวยโทรศัพท์ไปจากมือเขา “สวัสดีครับ คุณรตี ไม่ทราบว่ายังจำไอ้ขี้ข้าอย่างไอ้ชัชได้ไหมครับ ตอนนี้ผมจับตัวลูกชายคุณมาและจะฆ่ามันถ้าคุณไม่ยอมหาเงินสดยี่สิบล้านมาให้ผมภายในวันพรุ่งนี้ ยี่สิบล้านแลกกับชีวิตลูกชายคนเดียวคงไม่ต้องคิดมากนะครับ รีบหาเงินเตรียมไว้แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหาอีกครั้ง”

หลังจากวางสายไปแล้ว เชือกเส้นโตจึงถูกนำมามัดมือพวกเขาไว้ทางด้านหน้าแทนการมัดไพล่หลังเนื่องจากคนมัดทนฟังคำบรรยายถึงสภาพขี้เยี่ยวเรี่ยราดจากปากตัวประกันไม่ได้ รอจนชัชลากเขากับแสงเหนือมาโยนใส่ห้องทึบๆ ไม่มีอากาศถ่ายเทแล้วนั่นล่ะ จินดนัยจึงเพิ่งมีโอกาสดูบาดแผลแตกตรงหางคิ้วชายหนุ่มได้

“เจ็บหรือเปล่าครับ ทนหน่อยนะ คุณรตีต้องหาเงินมาไถ่ตัวพี่ได้แน่ ไม่งั้นคุณอั้มก็ต้องพาตำรวจมาจับไอ้บ้านี่ได้แน่” เขาเอ่ยพลาง ดึงชายเสื้อขึ้นมาซับเลือดให้อย่างงกๆ เงิ่นๆ ไปพลาง คราบเลือดเป็นวงกว้างบนผ้าสีขาวไม่ได้ทำให้เขาสะอิดสะเอียนเช่นเคย หากมันกลับทำให้เขากลัวจนเสียงสั่นไปหมด “พี่เหนือจะต้องไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ...”
“...มานี่มา” ชายหนุ่มกลับปัดมือเขาออกและยกแขนที่ถูกมัดขึ้นเพื่อโอบรอบตัวเขาไว้ กึ่งบังคับให้นั่งลงบนตักกว้างแทน ก่อนเสียงอ่อนโยนจะก้มลงกระซิบติดริมหู “ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่สัญญาว่าจินจะต้องปลอดภัย ถ้ามันคิดจะทำอะไรเราล่ะก็ต้องข้ามศพพี่ไปก่อน ดังนั้นจินไม่ต้องกลัวแล้ว พี่ยังอยู่ทั้งคน ไม่ต้องร้องแล้วนะ... ไม่ต้องร้อง”

เขาแทบไม่รู้ตัวว่ากำลังร้องไห้จนได้ยินแสงเหนือปลอบ ถึงจะนึกอายที่ดันร้องไห้แงอย่างกับเด็กๆ แต่กลับหยุดไม่ได้ ...กลัวตาย ใช่ เขากลัวความตายมากจนหายใจแทบไม่ออก ตัวสั่นงันงกยามแค่นึกถึงความโดดเดี่ยวในโลกมืดดำ ความตายที่เย็นเยียบ ความตายที่เป็นจุดจบ กลัวจะไม่ได้สูดหายใจอีกครั้ง ไม่สามารถลืมตาเห็นแสงตะวันได้อีก กลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่รออยู่เมื่อต้องจบชีวิตลง เขายังไม่อยากตาย...

ที่สำคัญคือเขาไม่อยากเห็นแสงเหนือตายด้วยเช่นกัน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอับจนหนทางและสัมผัสถึงลางแห่งความพ่ายแพ้ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่รู้ว่าเขาจะเป็นได้แค่ผู้แพ้ในเกมที่มีชีวิตเป็นเดิมพันอย่างแน่นอน

++++++++++


TBC

ตอนล่าสุดแล้วนะคร๊าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 12 แล้วคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 20-06-2008 17:15:57
ได้อ่านต่อแล้ว ดีใจ :oni2:
ขอบคุณมาก คุณโยยยยยยยยยยยย :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 20-06-2008 18:55:26
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด


เฮ้ออออ


ร่างกายจินเริ่มอ่อนแอแล้วอ่า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 20-06-2008 19:45:47
โห...สองตอนรวด..แจ่ม..ค้าบ o13
อ่านไป....ลุ้นสุด.สุดค้าบ
ห่วงจินกะพี่เหนืออ่ะ
ไอ้คุณชัช :เตะ1:..เลวอ่ะ...
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Taurus ที่ 20-06-2008 21:09:53
 :o :o :o  อารายยยยยยยยยยยยย
ไอคุณชัช โผล่มาจากไหนเนี่ย...... :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-06-2008 21:28:37
อ่านรวดเดียวเลยคับเนี่ย
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 20-06-2008 22:30:21
 :เตะ1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 20-06-2008 23:59:49
 o7

โอ้วซ่าร่า

มันสะใจมาก สองตอนแน่ะ
อยากจะเท้าเอวแล้ว สกิ๊บๆ

..เอ๊ะ..
คงไม่ได้เอามาปล่อยให้สองตอน
แล้วหายไปสองเดือนนะ?


.....รอตอนใหม่อย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 21-06-2008 00:44:27
 :m4:

ว้าว รอบนี้มาทีเดียว2ตอนเรย

ใจดีจังเรยคับ

อิอิ

รอตอนต่อไปอยุ่น้า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 21-06-2008 03:37:58
ตอนหน้าหนุกแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 21-06-2008 11:50:47
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: tansecret ที่ 21-06-2008 13:13:57
ไม่อยากให้ตายทั้งคู่เลยค่ะ    :a6:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 21-06-2008 13:18:33
ขอให้ปลอดภัยทั้งคู่ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 21-06-2008 13:40:11
กลับมาอ่านอีกรอบ แต่หาตอนที่หายไปไม่เจอ อยู่ตรงไหน รึว่ารีบแสกนคร่าวๆ เลยหาไม่เจอไม่รู้ ขอบคุณคุณโยยยยยยยย อีกครั้งที่ส่งข่าว :m1:


อ่านไปอ่านมา ชักหวั่นๆ ทั้งพี่เหนือและจิน 
กลัวว่าจินจะหมดเวลาจากสวรรค์ซะก่อน อ่านแล้วลุ้นๆๆๆๆ รอตามต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 21-06-2008 16:13:10
แงๆๆ สงสารอะ


ไปทำคนตาบอด  ก่า คนผอมขี้โรคได้เยี่ยงไร ใจร้ายที่สุด :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-06-2008 20:58:31
โห.......................บีบคั้นหัวใจไปไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 21-06-2008 21:36:34
ตอนล่าสุดหมายถึง ตอนใหม่ยังไม่ออกจากท่าน DD อ่ะเหยอ  :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 21-06-2008 23:10:13
โอ้ว...

อ่านรวดเดียวเลยครับ

เข้มข้นมากๆ เลย

 o13   o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: min_min ที่ 23-06-2008 11:42:22
ตามมาดัน

กาลังหนุกเลยอ่า 

โฮกกกกกกกกกกกก   

 :dont2: :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 23-06-2008 12:01:02
จิ้มๆพี่ยาโย :L2:เป็นกำลังใจให้นะครับอ้อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ :oni2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 23-06-2008 13:53:41
 :m4:
ไม่ยักรู้ว่าเพื่อนมาลงนิยาย ขออภัยที่มาช้า
ยังอ่านไม่จบ...เพิ่งได้บทที่ 3 เองอ่ะ... :m1:
มาเม้นให้ก่อน...หนุกหนานๆ ไปอ่านต่อละ
 :oni1:

ปล +1 เป็นกะลังใจจจจจจ้ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: CHOKUN ที่ 23-06-2008 15:06:07
จะรอดไหมเนี่ย  รอนะ :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 23-06-2008 17:32:29
+1 คืนให้เพื่อนจ้ะ อิอิ

แวะมาดันไว้ก่อน เพราะ DD ยังไม่มาอัพนะ....หุหุ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 24-06-2008 20:14:19
 :m15:

มาต่อเถอะพี่ท่านเรารอท่านอยู่

อยากรู้ว่าน้องต้นจะตายหรือเปล่าอยากรู้มากๆ

แล้วคู่นี้จะลงเอยกันอย่างไร
 :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 13 กะ 14 ล่าสุดคร๊าบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 25-06-2008 10:02:07
มาลงให้แล้วคร๊าบบบบบบบบบบ....แอบอ่านไปก่อนแล้วด้วย
ตอนนี้แบบว่า.....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :serius2: :serius2:


~ด้วยรักจากสวรรค์ 15 – ยิ่งกว่าชีวิต~

“เฮ้ย ตื่นได้แล้วพวกมึง ข้าวน่ะจะแ-กกันไหม” เสียงกรรโชกนั้นช่วยปลุกจินดนัยให้ขยับตัวอย่างเมื่อยขบเพราะต้องนอนขดบนพื้นแข็งๆ มาทั้งคืน ห่อข้าวสองห่อถูกโยนลงพื้นสกปรกพร้อมน้ำดื่มหนึ่งขวด พอเห็นแล้วเขาจึงเอ่ยเสียงแหบแห้งเนื่องจากไม่มีทั้งน้ำทั้งอาหารผ่านลงคอตั้งแต่เมื่อวาน

“ช้อนล่ะ ไม่มีช้อนแล้วจะกินยังไง” ไม่แปลกใจสักนิดยามชายอ้วนแสยะยิ้มตอบ “มือก็มีแล้วยังจะบ่นทำซากอะไร กูหามาให้แ-กก็ใจดีแค่ไหนแล้ว อย่ามาทำตัวสูงส่งแถวนี้เลยว่ะ กูอยากจะอ้วก”

ประตูถูกกระแทกปิดดังปังสนั่น เขาจึงค่อยเอะใจว่าทำไมเสียงดังขนาดนี้กลับปลุกแสงเหนือไม่ได้ ครั้นถลาคุกเข่าลงแนบหน้าดูร่างสูงนอนคุดคู้ใกล้ๆ แล้วเขาก็ต้องตกใจที่ใบหน้านั้นชื้นเหงื่อและแดงก่ำ รอยแผลแตกตรงหางคิ้วบวมเป่งและกลายเป็นสีคล้ำจนน่ากลัว

“พี่เหนือ พี่เหนือ ไม่สบายเหรอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เขย่าตัวอีกฝ่ายอย่างร้อนรนจนแสงเหนือเริ่มกระพริบตา เรียกชื่อเขาเบาๆ “จิน... นี่มัน...”

“เราสองคนโดนไอ้ชัชจับตัวมาตั้งแต่เมื่อวานไงครับ พี่เหนือจำได้ไหม” คนฟังพยายามพยุงตัวขึ้นนั่งจนสำเร็จโดยได้เขาช่วยเหลือก่อนจะพยักหน้าเซื่อง “อืม พี่จำได้”

“แผลพี่เหนือน่ากลัวมากเลยนะ ทั้งบวม ทั้งแดง แล้วนี่มีไข้ด้วยใช่ไหม” เขาแตะหลังมือทาบลงกับหน้าผากชายหนุ่มและเริ่มกระวนกระวายกับความร้อนผ่าวที่แตะโดน “เดี๋ยวกินน้ำก่อนนะ ไอ้ชัชเพิ่งเอาข้าวกับน้ำมาให้เมื่อกี๊เอง”

เขาหมุนตัวไปหยิบขวดน้ำที่ตนยังไม่ได้ดื่มสักอึกมาเปิดและกุลีกุจอจ่อปากขวดเข้ากับปากแตกแห้ง “ค่อยๆ กินนะครับ ระวังสำลัก” รอจนแสงเหนือจิบน้ำลงไปพอสมควร จึงค่อยลดขวดน้ำลงแล้วแกะห่อข้าวต่อ “พี่เหนือคงหิวแล้วใช่ไหม มันไม่ยอมให้ช้อนมาด้วย เดี๋ยวผมใช้มือป้อนให้ก็แล้วกัน...”

“พี่กินเองได้” ริมฝีปากสีสดแตกแห้งยิ้มให้ด้วยความอ่อนระโหยจนคนมองน้ำตาคลอ “จินคงหิวแล้วเหมือนกันสิ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก แค่กินข้าวด้วยมือ พี่กินเองได้จริงๆ”

สองคนนั่งกินข้าวแข็งๆ กับกับข้าวราดหน้าเละๆ จนหมด มันไม่อร่อยแต่อย่างน้อยก็ช่วยให้อิ่มท้อง หลังจากนั้นเขาจึงล้วงผ้าเช็ดหน้าของแสงเหนือมาราดน้ำแล้วเช็ดซับให้ตามใบหน้าและรอบรอยแผลบวมๆ มองร่างสูงนั่งโงนเงนได้สักพักจึงดึงให้ลงนอนหนุนตักเขาแทน แค่ชั่วระยะเวลาไม่กี่นาทีต่อมา แสงเหนือก็หายใจลึกอย่างคนหลับสนิท ทิ้งให้จินดนัยคอยลูบปอยผมที่หล่นระหน้าผากสลับกับใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามใบหน้าซอกคอให้เป็นระยะ

“เฮ้ เฮ้ เฮ้... นี่มันอะไรกัน ฉันไม่ได้แวะมาดูเดี๋ยวเดียว พัฒนาไปถึงขั้นออกมาเดทกันสองต่อสองแล้วเหรอ” เสียงคุ้นหูดังก้องขึ้นในสมองจนแทบสะดุ้งโหยง ขณะที่เขายังเบิกตากว้างเพราะไม่แน่ใจว่าหูฝาดหรืออนุสติเริ่มฟั่นเฟือนไปเองหรือเปล่า เสียงออกแนวเจ้าเล่ห์ประโยคถัดมาก็ช่วยยืนยันว่าเขาไม่ได้หูฝาด “อะแน้~~~ มีการหนุนต่งหนุนตัก ว่าแต่ตำแหน่งนี้สะดวกมากเลยนะ ถ้าอยากได้คำแนะนำ ฉันคงต้องบอกให้ใช้ผ้าเปียกในมือนายนั่นล่ะโปะ...”

“คุณเทวดา ช่วยผมกับแสงเหนือที พวกเราโดนคนบ้าจับมา” เขากระซิบร้อนรน “ขอร้องล่ะ ผมรู้ว่าคุณทำได้แน่ แค่กระดิกนิ้วทีเดียวก็พังประตูระเบิดหน้าต่างได้หรือ...หรือชี้นิ้วปุ๊บ ไอ้ชัชก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ ปั๊บน่ะ เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้ คุณแทบไม่ต้องเปลืองแรงสักนิด ช่วยพวกเราด้วยเถอะ ผมขอร้อง”

“ไม่” ถ้าไม่ติดว่ามีคนป่วยนอนตักอยู่ คำตอบเดียวสั้นๆ ดังกล่าวคงทำให้เขาซึ่งโกรธควันออกหูตะโกนด่าตอบไปแล้ว “เพราะฉันไม่มีนโยบายทำงานฟรี ไม่ว่างานนั้นจะยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าหรือเล็กน้อยเท่าเม็ดทรายก็ตาม”

“แล้วที่คุณให้โอกาสผมมาแก้แค้นนี่จะบอกว่าคุณได้ประโยชน์งั้นสิ” น่าแปลกที่ปลายสายบนฟ้ากลับเงียบอึ้ง เพียงแต่ว่าตอนนั้น เขากำลังโกรธจัดจนไม่ทันเอะใจความผิดปกตินี้ “วันหลังบอกแค่ว่าคุณไม่มีปัญญาช่วยก็พอ ไม่ต้องมาทำเนียน ตีหน้าผู้ยิ่งใหญ่พูดหลักการบ้าๆ บอๆ หุบปากไปเลยจะสวยกว่าไม่งั้น...”

“จินพูดกับใคร” เสียงงัวเงียหยุดคำพูดที่เหลือ เขารีบอังมือกับใบหน้าบนตักและดีใจที่ความร้อนดูเหมือนจะลดลงบ้าง

“พี่เหนือปวดหัวหรือเปล่า หิวน้ำไหม ถ้ายังง่วงจะนอนต่อก็ได้ นี่ไข้ก็เหมือนจะลดลงบ้างแล้วด้วย” หากคำพูดของคนป่วยกลับทำให้เขาชักสงสัยว่าแสงเหนืออาจไข้ขึ้นอีกรอบ

“อยู่กับพี่นะ อย่า...ทิ้งพี่ไปไหน” หากพอฟังคำตอบรับง่ายดายของเขาแล้วแสงเหนือกลับยังทำหน้าไม่พอใจ “พี่ไม่ได้หมายถึงแค่วันนี้ พี่พูดถึงวันพรุ่งนี้และหมายถึงวันต่อๆ ไปในอนาคต วันที่เหลือในชีวิตของเราสองคนน่ะ สัญญานะว่าจะอยู่ด้วยกัน...ตลอดไป”

ตลอดไป...มันนานแค่ไหนล่ะ สำหรับแสงเหนืออาจจะหมายถึงสี่ห้าสิบปีข้างหน้า แต่สำหรับเขา คำว่าตลอดไปหมายถึงเวลาอีกไม่เดือนที่เหลืออยู่เท่านั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ ตลอดไปของเขาจะเพียงพอหรือเปล่า “ไม่รู้สิ ผม...”

คนไข้ขึ้นจนหน้าแดงพยุงตัวเองยากเย็นโดยอาศัยการช่วยเหลือของเขา พอลุกขึ้นนั่งพิงผนังได้ แสงเหนือก็เอ่ยเสียงเศร้า “จินไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้น” ถอนหายใจแล้วเอื้อมมือไปสอดนิ้วเข้ากับมือใหญ่ ก่อนซบหัวลงกับบ่าคนข้างตัว “อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอน ดูอย่างตอนนี้สิ อย่าว่าแต่อยู่ด้วยกันตลอดไปเลย เรามีโอกาสตายด้วยกันเสียมากกว่า ดังนั้นในวันหนึ่งข้างหน้า ต่อให้ผมอยากอยู่ พี่เหนืออาจเป็นฝ่ายเบื่อผมเองก็ได้ หรือไม่อีกที พี่อาจรักษาตาจนหาย ได้กลับไปเรียนต่อจนจบแล้วก็ออกมาทำงาน พอทำไปได้สักพัก ก็ค่อยแต่งงานกับคุณวิกกี้ มีลูกมีหลาน มีครอบครัว มีความสุข... ถึงวันนั้นพี่คงไม่ต้องการหรืออาจถึงขั้นลืมผมไปแล้ว”

“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่พี่จะไม่ลืมจิน ...ไม่มีวันลืม” เสียงทุ้มติดจะแหบแห้งเอ่ยคล้ายพึมพำ หากยังไม่ทันที่เขาจะตอบอันใด เสียงตะโกนดังลั่นจากภายนอกได้หยุดพวกเขาไว้ ผู้ร้ายลักพาตัวคล้ายกับกำลังโมโหขนาดหนักขณะกระแทกประตูเปิดเข้ามาดังปัง

“พวกมึงอยากได้ยินเสียงมันกันนักใช่ไหม เอ้า อยากฟังก็ฟังซะให้พอ!” จินดนัยเห็นตั้งแต่ตอนชัชง้างเท้ามาแต่ไกลและกระโจนออกไปขวางไว้โดยไม่ได้คิดทบทวนด้วยซ้ำ ปลายรองเท้าที่ตั้งใจหมายเตะอัดแสงเหนือจึงโดนเขาเข้าเต็มๆ ท้องจนจุกตัวงอ หากยังไม่ทันที่ชายอ้วนจะเงื้อเท้ากระทืบซ้ำทัน แสงเหนือกลับคว้าเขาแล้วพลิกเอาตัวเขาลงซุกไว้กับอก ปล่อยให้ชายอ้วนเตะอัดซ้ำๆ มั่วซั่วไปตามแขน ขาและแผ่นหลังเท่าที่ขาสั้นๆ หนาๆ จะเงื้อง่าไปถึง

ตลอดเวลา ชายหนุ่มไม่ได้ร้องสักคำ จะมีก็แต่เสียงของจินดนัยที่ร้องขอความเมตตา “หยุดนะ อย่าทำพี่เหนือนะ อย่า ผมขอร้อง ...อย่าทำเขา ได้โปรด”

“ขอโทษว่ะ ไอ้บอดสงสัยมันจะเป็นใบ้ไปแล้วถึงไม่ยอมร้องสักคำ แต่ฟังแค่เสียงไอ้หนูนี่ก็น่าจะพอแล้วนี่นะ ทีนี้จะยอมฟังกูได้บ้างหรือยัง” ชัชผละไปตะคอกใส่โทรศัพท์ในมือแทน ระหว่างที่เขารีบสำรวจหาบาดแผลให้แสงเหนือด้วยมือสั่นๆ

“พี่เหนือ พี่เหนือเจ็บตรงไหน มีแผลตรงไหนบ้าง” ฟันเขากระทบกึกกักยามไล่ดูตามเนื้อตัวอีกฝ่าย ทว่าคนเจ็บเองกลับยิ้มจางตอบเสียงแห้ง “ไม่เป็นไร พี่ไม่เจ็บ”

“ไม่ต้องมาโกหก จะไม่เจ็บได้ยังไงโดนมัน...” เขายังสาละวนลูบคลำเนื้อตัวของชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ เจ็บใจจนบอกไม่ถูก ความจริงเขาน่าจะมีอิทธิฤทธิ์แบบผีสักอย่างสองอย่างแท้ๆ ไหนๆ ก็อุตส่าห์ตายไปแล้วทั้งที ไม่ต้องถึงขั้นแหกอกถอดหัวทำหน้าขึ้นอืดได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะเดินทะลุกำแพงหรือแค่หายตัวได้ก็ยังดี แล้วดูสิว่าเขามีอะไร ไม่มีสักอย่าง นึกแล้วให้พาลไอ้เทวดาหน้าไหว้หลังหลอกนั่น ตั้งแต่ตอนถีบเขาตกจากสวรรค์ลงมาข้างถนนในสภาพไม่มีเงินติดตัวสักบาท นานๆ ทีค่อยโผล่มาหัวเราะเยาะเย้ยหยัน ยุแหย่ให้เขาลงมือฆ่าอยู่นั่นล่ะ แต่พอถึงเวลาเขาร้องขอความช่วยเหลือแค่นิดเดียวกลับสะบัดหน้าหนีหายไปซะเฉยๆ บาปไม่บาปไม่รู้ รู้แต่เจอกันครั้งหน้าจะด่าให้ลืมชื่อไปเลย

พวกเขาถูกขังอยู่ในห้องนั้นโดยไม่รู้เวลาจนกระทั่งชัชเดินกระหยิ่มยิ้มย่องกลับเข้ามาอีกครั้ง

“เป็นไงบ้างล่ะ ไอ้คุณชาย เคยผยองนักไม่ใช่หรือไง คงไม่เคยสินะว่าจะมีวันต้องลงคลานเป็นหมาจนตรอกแบบกู” ชัชหัวเราะเยาะพร้อมแกว่งปืนโบกไปมา “ได้เห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วกูค่อยรู้สึกคุ้มค่ากับเรื่องทั้งหมดที่ลงแรงไปบ้าง เฮ้ย ไอ้หนู มึงต้องเป็นคนออกไปเอาเงินกับกู ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อล่ะวะว่าแม่มึงจะหาเงินสดมากขนาดนั้นได้ภายในคืนเดียว ทีนี้ก็เหลือแค่...”

“อาชัชจะพาจินไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” แสงเหนือพูดกัดฟัน “เอาผมไปแทนสิ ถ้าเอาผมไป คงไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแน่”

รับฟังข้อเสนอสักพัก เจ้าคนร้ายหมูตอนค่อยส่ายหน้าดิก “ไม่ล่ะว่ะ กูอยากได้คนตาดีไปหยิบเงินให้กูมากกว่า มึงอยู่เฝ้าบ้านให้กูเงียบๆ น่ะดีแล้ว” เขาตัวแข็งทื่อยามมือหยาบหนาเอื้อมมากระชากต้นแขน แต่แล้วกลับต้องแข็งทื่อหนักขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงจากคนที่ดึงแขนอีกข้างของเขารั้งเอาไว้

“ผมยอมอามามากแล้วนะ” เสียงกร้าวซึ่งฟังยังไงก็ไม่เหมือนเสียงจากปากตัวประกันดังชัด “อาจะทำยังไงกับผมก็ได้ ขออย่างเดียวว่าอย่ายุ่งกับจิน”

อันที่จริง ตอนแรกเขาก็นึกกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ยิ่งได้ยินแสงเหนือยืนกรานหนักแน่นขนาดนี้ ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยเข้าไปอีกว่าพวกเขาต้องโดนยิงทิ้งแน่ทันทีที่ไอ้ชัชได้เงิน จริงอยู่ แสงเหนือน่ะไม่แน่เพราะคาดว่าเจ้าวายร้ายนี่คงนึกกลัวการแก้แค้นของคนเป็นพ่อเป็นแม่ผู้ร่ำรวยล้นฟ้า แล้วกับเขาที่เป็นแค่เด็กรับใช้ล่ะ หลังจากไตร่ตรองคิดทบทวนแล้วคาดว่าผลตอบแทนจากการทำหน้าที่ตัวประกันชั้นดี รับรองว่าต้องได้รางวัลเป็นลูกตะกั่วเจาะกะโหลกยิงโป้งเดียวให้ตายแบบไม่ต้องทรมานแหงๆ

“มึงคิดว่ามึงเป็นใครวะถึงได้กล้ามาสั่งกูแบบนี้!” ท่าทางชายอ้วนจะโกรธใกล้คลั่งเต็มทีเมื่อดูจากอาการสะบัดปืนโบกพั่บๆ “กูไม่ใช่ขี้ข้ามึงแต่เป็นคนเดียวที่จะตัดสินได้ว่าพวกมึงจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ เข้าใจไหมว่ากูจะฆ่าพวกมึงตอนนี้เลยยังได้!”

เสียงขึ้นนกดังกริ๊กกลับไม่สามารถทำให้ตัวประกันตัวสั่นงันงกอย่างที่ชัชต้องการได้ ตรงกันข้าม ไอ้หลานเฮงซวยกลับยิ้มเหยียด ยิ้มราวดูถูกเช่นที่เคยทำ ราวกับขบขันเสียเต็มประดายามเห็นคนเป็นอาก้มหัวให้ปะหลกๆ “มึง...!!”

“อย่านะ! อย่ายิง ถะ...ถ้าคุณยิง คุณจะไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว อย่ายิงพี่เหนือนะ ยิงไม่ได้...” คำพูดต่อจากนั้นอัดอยู่ในลำคอยามปากกระบอกปืนเบนมาหาเขาแทน

“กูยังฆ่ามันไม่ได้ก็จริงแต่...มึงไม่เกี่ยว” จินดนัยสัมผัสถึงความตายอันคุ้นเคย สูดกลิ่นอายที่สนิทสนมเหมือนเพื่อนเก่า ถึงจะกลัวจนหน้าซีดลิ้นแข็ง แต่ในซอกเล็กๆ ของหัวใจ...เขากลับนึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดว่าความกังวลทั้งหมดกำลังจะถูกทำให้จบลงด้วยลูกกระสุนเพียงนัดเดียว เรื่องจะจบลงได้โดยที่เขาไม่ได้ใจอ่อนหากก็ไม่ต้องกลายเป็นฆาตกร ความตายอีกครั้งของเขาจะเป็นเหตุสุดวิสัย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น

จากภาพของยมทูตสีดำที่จ่อติดหน้าผาก เขาอดลอบชำเลืองมองไปทางชายหนุ่มที่นั่งหน้าซีดไม่แพ้กันอีกคนไม่ได้ ...ดูทำหน้าเข้า เมื่อกี๊ยังทำหน้าผยองเสียขนาดนั้น น่าเสียดายที่คงไม่มีโอกาสเอ่ยลากันเป็นครั้งสุดท้ายเสียแล้วกระมัง

นิ้วตรงไกปืนกระดิก จินดนัยหลับตาลง ภาวนาขอให้ความตายครั้งนี้รวดเร็วไม่แพ้ครั้งก่อน

ถึงจะไม่ได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้ากว้างก่อนตาย แต่ทำไมยามหลับตา กลับมองเห็นหน้าขาวๆ กับรอยยิ้มกระจ่างสดใสยามเจ้าตัวแย้มยิ้มให้เขา... รอยยิ้มแบบที่จะมีให้เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นกลับยังกระจ่างชัดเจนได้ภายใต้ความมืดมิดและสิ้นหวัง สวยงามจนเขาพาลคิดไปได้ว่าความตายก็คงอบอุ่นไม่ผิดกัน

++++++++++

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสว&#
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 25-06-2008 10:04:05
.
.
.
.
.
.
.
.

“อาชัช” ก่อนที่เสียงปืนจะดัง ชายหนุ่มที่คาดเดาจากความเงียบไร้ซึ่งทั้งคำผรุสวาทและเสียงอ้อนวอนของเขาค่อยเอ่ย “ผม...ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกอา ยกโทษให้ผมด้วยเถอะครับ”

แม้จะฟังดูคล้ายเจ้าตัวพยายามสงบจิตสงบใจมากแค่ไหน หากปลายเสียงที่สั่นพร่า ตะกุกตะกักกลับเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผู้พูดกำลังหวาดกลัวขนาดไหน ผู้ร้ายตัวอ้วนยังต้องหันไปมองหลานชายเพราะไม่แน่ใจว่าตนแค่หูฝาดไปเองหรือเปล่า ในขณะที่จินดนัยกลับไม่อยาก...ได้ยินเจ้าคนอวดดีอย่างแสงเหนือ ผู้ชายที่ถือดี อวดดีมาตลอดชีวิตต้องมาเอ่ยปากขอโทษแบบนั้น ต่อให้การกระทำนั้นจะทำเพื่อเขาหรือเพื่อใครก็แล้วแต่ อย่าว่าแต่ขอความเมตตาจากเจ้าคนชั่วๆ เลย ...คนอย่างหมอนั่นไม่เหมาะกับการตกเป็นรองหรือเป็นเบี้ยล่างใครทั้งสิ้น

“ฮะ...ฮะๆ ฮ่าๆๆๆๆ!!” จากโกรธจนแทบคลั่ง ชัชกลับหัวเราะราวคนบ้าแทน หัวเราะจนสำลักกระอักกระไอ แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังไม่ยอมหยุด เหมือนได้เห็นเรื่องตลกเสียเต็มประดา เรื่องน่ายินดีแบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต “นี่ถ้าไม่เห็นกับตา ได้ยินกับหู กูจะไม่เชื่อเลยนะว่าคนอย่างมึงจะขอให้กู... ขอให้คนอย่างกูยกโทษให้ โอ๊ย นี่กูฝันอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย”

ท่อนขาอวบตันเป็นท่อนซุงเดินมาหยุดอยู่หน้าชายหนุ่มที่กัดฟันแน่นก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยอารมณ์ดี ยิ้มด้วยความกระตือรือร้นเหมือนเด็กๆ “จะฝันหรือไม่ฝันก็ช่าง แต่กูคิดมานานแล้วว่ายังไงก่อนตาย กูอยากเห็นคนผยองคับฟ้าแบบมึง...ก้มลงกราบตีนกูสักครั้ง เร็วสิ กราบเลย ตีนกูอยู่ตรงหน้ามึงนี่ล่ะ เอาเลย”

ประโยคคะยั้นคะยอง่ายๆ ดังกล่าวทำให้ทั้งเขา ทั้งแสงเหนือตัวแข็งทื่อเป็นก้อนหิน พูดอะไรไม่ออกอยู่หลายวินาทีจนชายร่างอ้วนเอ่ยเร่งเร้า “เร็วๆ สิ แค่กราบทีสองทีเอง ไม่เห็นยากเย็นสักนิด กับอีแค่กราบตีนกู...คนที่มึงเคยดูถูกมาแต่ไหนแต่ไรแค่นี้เอง อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ...”

ครั้นเห็นท่านั่งคอแข็ง หน้านิ่งขึงตึงของหลานชายเข้า อารมณ์ดีๆ บนใบหน้าอ้วนกลมฉุก็พลันมลายหายวับไป “มึงจะกราบไม่กราบ! กูบอกให้กราบไง ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง ไอ้เวรตะไล!” สิ้นเสียงตะโกน เท้าใหญ่ๆ ก็เตะอัดใส่ท้องคนเป็นหลานจนร่างสูงตัวงอ “เพราะคนอย่างกูมันต่ำต้อยนักใช่ไหม เพราะคนอย่างกูไม่มีค่าพอให้มึงกราบใช่ไหม ...ได้ มึงอยากเล่นแบบนี้ก็ได้”

ปากกระบอกปืนเย็นเฉียบกระแทกใส่ขมับร่างที่นั่งแข็งทื่อข้างๆ ทันที “กูยังฆ่ามึงไม่ได้ แต่กูไม่เห็นเหตุผลที่ต้องเก็บคนใช้ของมึงไว้ด้วย ไม่จำเป็นสักนิด...”

“อาสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ยุ่งกับเขาอีก” ชัชทำท่าคิดเมื่อฟังคำขอของหลานชายก่อนตอบง่าย “ก็ได้”

“อย่านะ พี่เหนือ” เขาร้องห้ามเสียงหลงตั้งแต่เห็นชายหนุ่มขยับ “อย่ากราบคนแบบมัน... ผมบอกว่าอย่าไง! หูแตกหรือไง ...ไอ้บ้า ไอ้พี่บ้า! อย่ากราบมันนะ”

เขาแหกปากตะโกนทั้งน้ำตากบตา หากถ้อยคำด่าทอสารพัดกลับไม่สามารถหยุดคนที่ขยับพยุงตัวขึ้นนั่ง ก่อนจะค่อยๆ ลดแขนทั้งสองข้างลงแตะพื้น มองได้ถึงตรงนี้ จินดนัยก็ชักขาขึ้นมากอดเข่า ซุกหน้าลงสะอื้นกับอก ยกมืออุดหูทั้งสองข้างแน่นเพื่อหวังปิดกั้นเสียงหัวเราะกึกก้องบ้าคลั่งกับเสียงร้องไห้ของตัวเองจนหูอื้อชา

เวลาแค่ชั่วอึดใจหากในความรู้สึกของเขากลับยาวนานเหมือนเป็นชั่วโมงกว่าเขาจะเงยหน้ามาเจอชายร่างอ้วนก้มนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า “เมื่อกี๊มึงเห็นไหม มึงเห็นไหมว่ามันกราบตีนกูจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่ะ นี่กูตาฝาดหรือเปล่าวะ”

มืออวบอูมเกาหัวแกรกขยับตัวตื่นเต้นขณะใบหน้ายังเปื้อนยิ้มภาคภูมิใจ “ทำไมมันถึงต้องยอมกูขนาดนี้วะ อย่าบอกนะว่าเพราะมึง เพื่อมึงที่เป็นคนรับใช้ธรรมดาๆ เนี่ยนะ ไอ้แสงเหนือถึงกับยอมกราบกู” ชัชใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือปืนกระชากผมเขาให้เงยหน้าขึ้น “แต่จะว่าไปหน้าตาแกก็พอดูได้นี่นะ เสียดายที่เป็นเด็กผู้ชาย นี่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงกูต้องคิดว่าไอ้แสงเหนือมันต้องหลงรักแกแน่ๆ แต่...”

ปลายนิ้วสากไล่ละลงมาตามผิวแก้มเย็นเปียกชื้นด้วยน้ำตาอย่างพินิจพิเคราะห์โดยไม่สนใจอาการแข็งทื่อของอีกฝ่าย “ถ้าหน้าตาแบบแกนี่คงโอเคล่ะ ไหนๆ ตอนนี้ก็ไม่มีผู้หญิงซะด้วย ลองดูคง...”

“อาชัช!” ชายหนุ่มทางด้านหลังเค้นถามเสียงต่ำอย่างโกรธแค้น “ไหนอาสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับจิน”

“ฮื้อ อาก็แค่...” แว่บหนึ่งที่ผู้มีศักดิ์เป็นอาเผลอหดหงอลง หากชั่ววินาทีต่อมาราวกับเจ้าตัวเพิ่งนึกออกจึงรีบตีหน้ายักษ์ “มึงอย่าทำอวดดีไปหน่อยเลย กูไม่ได้จะฆ่ามันสักหน่อย ก็แค่อยากลองนอนกับไอ้เด็กนี่ดูบ้างเท่านั้น เห็นเขาว่ากันว่าลองกับผู้ชายสักครั้งแล้วจะติดใจ กูแค่อยากรู้ว่ามันจะวิเศษขนาดไหนกันเชียว มึง...อย่าได้คิดมาสาระแนขัดความสุขกูหน่อยเลย!!”

จินดนัยส่งเสียงร้องด้วยความตกใจพร้อมกับที่ชายอ้วนง้างเท้าขึ้นถีบชายหนุ่มบนพื้นอีกรอบ หากก่อนที่ใครจะทันคิด แสงเหนือที่นั่งพิงผนังตัวงออยู่กลับลุกพรวดกระโจนสวนเข้าใส่ รวดเร็วจนเขายังมองแทบไม่ทัน ไม่นับชายอ้วนที่ดูจะช็อคไปแล้วด้วยซ้ำ หากทันทีที่ทั้งสองล้มกลิ้งลงกับพื้นและฟัดกันนัวเนีย แสงเหนือที่ตอนนี้ยังจับร่างอ้วนได้ไม่ถนัดตะโกนดังลั่น “จิน หนีไป!”

“แต่...” เขาขยับเงอะงะ หากยังไม่ทันมองหาอาวุธใด เสียงหมัดกระทบเนื้อก็ทำให้เขายิ่งตกใจหนักและเห็นว่าหน้าของคนร้ายเปื้อนเลือดที่ทะลักออกจากจมูกจนแดงฉาน

“บอกให้หนีไป!” จังหวะเดียวกันนั้น ชายที่โดนชกจนเลือดกำเดาไหลพรากก็คำรามในคอพร้อมออกแรงพลิกตัวสะบัดจนร่างของทั้งคู่กลิ้งไปกระแทกข้าวของดังโครมคราม

“พี่เหนือ!” พร้อมกับที่เขาพยายามคืบคลานไปหาด้วยหวังจะช่วย ประตูก็โดนกระแทกโครมจนเปิดผาง เงาของใครต่อใครทะลักกรูเข้ามาภายในห้อง เสียงตะโกนดังกึกก้องผสนปนเปจนฟังไม่ได้ศัพท์หากเสียงที่ดังจนกลบเสียงอื่นใดได้หมดกลับกลายเป็นเสียงกระสุนปืนเพียงนัดเดียว เสียงนั้นดังสะท้อนก้องภายในหูจนลั่นกริ่งและเมื่อสิ้นเสียงสะท้อน ชายที่พลิกขึ้นคร่อมด้านบนในการต่อสู้ก็เอนตัวมาข้างหน้าช้าๆ ก่อนจะทรุดฮวบล้มลง

แล้วจินดนัยก็หน้ามืด หมดสติลงไปในตอนนั้นเช่นกัน

+++++++++++++++++++++++++++++

TBC




อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  DD จ๋า....มาต่อเด๋วนี้.... :m31: :m31:

 :o12: :o12:




หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 25-06-2008 10:58:07
ง่า...

ม่ายน๊า...

ม่ายอาววววววววววววววว

 :serius2:   :serius2:   :serius2:

ปล. ขอตอนหน้าด่วนๆคับ  :o
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 25-06-2008 11:14:56
 :serius2:  ขอตอนหน้าด้วยอีกคน
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 25-06-2008 11:16:30
ขอบคุณครับพี่ยาโยโหยบีบใจอ่ะลุ้นจะแย่แล้วอ่ะมาต่อไวๆนะครับผม :a5:
ป.ล.ขนมอร่อยไหมครับป๋ม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 25-06-2008 12:31:42
แสงเหนือจะเป็นไรไหมอะ จินด้วย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 25-06-2008 13:01:11
โห...............จบแบบนี้ สงสัยได้ลุ้นกันหืดขึ้นคอ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 25-06-2008 13:36:35
 :m31: :m31: :m31:อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ใคร ใครเป็นอะไร ไม่นะ ไม่
แต่ถ้าเป็นไอ้อ้วน ช่างหัวมัน

รีบมาต่อเร็วๆ นะ แบบนี้ไม่ไหว ไม่ไหว :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 25-06-2008 13:54:34
(ว่าแล้วเชียว ได้ยินเสียงฮึ่มแฮ่ตึงตังลั่นบอร์ด)

โหย..ตัดจบแบบนี้


เอาตอนใหม่มาลงเร็วๆเต๊อะ
เห็นแต่ชาวบอร์ดตัวเอ้ย ตาดำๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-06-2008 15:24:24
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 25-06-2008 16:24:29
 :serius2:
ไม่เอา....อย่ามาทิ้งไว้แบบนี้สิ...อย่าให้พี่เหนือเค้าเป็นไรนะ
เฮ้ออออ น่าสงสารทุกคนเลยยยย  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo ที่ 25-06-2008 18:34:08
ได้อ่าน 3 ตอนรวดแล้วยังจบค้างได้อีก  :serius2:

ใครโดนยิงละนั่น? ขอให้เป็นชัชทีเถอะ ซ้าธุ!
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 25-06-2008 19:10:15
 :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 25-06-2008 23:44:56
 :m15: ไม่นะ....

ชอบๆๆๆ สนุกดีค่ะ จะรอนะ มาต่อไวๆ ไม่ได้อ่านแนวกระชากใจมานานแว้ว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 26-06-2008 01:10:49
 :o
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 26-06-2008 07:40:55
 :serius2: :o
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 26-06-2008 10:35:01
 :a5:...ค้างอย่างแรงอ่ะ...
คราย...ครายโดนยิงอ่ะ... :o
จินเปนยังงายต่อไป...
อูยลุ้นครับ..ลุ้น...... :m23:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 27-06-2008 09:30:05
เป็นกำลังใจให้นะครับผม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 27-06-2008 11:10:16
ขอให้รอดเท้อออออออออออ :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 27-06-2008 11:27:53
ป.ล.ขนมอร่อยไหมครับป๋ม :กอด1:

ขนมอร่อยมากๆๆๆ เลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณน้องทรีมากๆ อุตส่าห์เอามาฝาก

วันหน้าแวะมาเที่ยวอีกนะคร๊าบบบบ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 27-06-2008 13:15:38
รับทราบครับ :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 28-06-2008 08:26:04
อ่านทันแระ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยคุณ DD  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 28-06-2008 16:31:56
16 ปี~ แห่...ง ฟาม..หลัง..

ไม่ใช่ละ
..แบบว่า

มารอตอนที่ 16 อ่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 28-06-2008 16:53:09
ยังอ่านไม่ทันตอนปัจจุบันเรย

แต่มาลงชื่อไว้ก่อน :o8:

ปอลอ คนเขียนคือคุณDD ที่เขียนเรื่อง Accidentallyฯ (น้องปายกะพี่มาร์ค) รึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 29-06-2008 16:53:48
 :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: มะนาว ที่ 29-06-2008 19:25:06
พี่โยยค้าบบบบบ

มะนาวอยากอ่านตอนที่ 16 แล้วอ่ะค้าบบบบ
คิคิ

จุ๊บจุ๊บบบบบบบบบบบบบบบพี่โยย กะ DD คนละทีน้า...........
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 30-06-2008 14:08:23
ยังอ่านไม่ทันตอนปัจจุบันเรย

แต่มาลงชื่อไว้ก่อน :o8:

ปอลอ คนเขียนคือคุณDD ที่เขียนเรื่อง Accidentallyฯ (น้องปายกะพี่มาร์ค) รึเปล่าคะ

 :m4: :m4:  ช่ายแล้วคร่า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 01-07-2008 00:21:32
 :m15:มาต่อเร็วๆนะคะ รออยู่ๆ สนุกจนคาใจฝังหัวอ่ะ แย่เลยๆ

^
โอ๊ะ คุณมะนาว ไม่เห็นโพสมานานละ สวัสดีค่า ชอบนิยายของคุณมากมาย ขอชื่นชมๆ :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: hasuzz ที่ 01-07-2008 00:49:24
แอบมายั่วให้อิจฉาเล่นๆ ว่า
อีกเวบนึง คุณ DD ลงถึงตอน 19 แล้วน๊า

อิอิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 01-07-2008 01:11:36
โหวว.. มายั่วเง้ได้งายย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 01-07-2008 12:25:29
เป็นกำลังใจให้พี่ยาโยนะครับผม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 01-07-2008 12:29:41
ในที่สุดก็อ่านทัน

 o7

แต่ตอนล่าสุดนี่...

ค้างคาอย่างที่สุด

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 01-07-2008 14:37:00
มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบบบบ

~ ด้วยรักจากสวรรค์ 16 – คลื่นใต้น้ำ ~

==================================

สิ่งแรกที่มองเห็นคือแสงแดดแยงตายามบ่ายที่ลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามา จินดนัยครางในลำคอแล้วพยายามซุกหน้าหนีแสงจ้านั้น เขาคิดจะหลับต่อหากรู้สึกปวดตุบในหัวจนแทบทนไม่ได้ จำต้องลืมตาขึ้นมา กะว่าจะหายาแก้ปวดกินสักสองเม็ดแล้วค่อย... แต่ก่อนอื่นใด เขาอยากดื่มน้ำสักโอ่งให้ไอ้อาการคอแห้งผากราวกระดาษทรายหายไปเสียก่อน “น้ำ...”

“ตื่นแล้วหรือจ๊ะ” นางฟ้าในชุดขาวยิ้มให้พลางลุกมาหาเขาพร้อมแก้วน้ำกับหลอดดูด ถึงจะบอกให้เขาดื่มช้าๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล รอจนกระทั่งเขาดื่มน้ำหมดไปสองแก้วเต็มๆ นั่นล่ะ เธอจึงบอกให้พอก่อน “ยังปวดหัวอยู่ไหม อย่าเพิ่งขยับตัวมากนะ เดี๋ยวจะหน้ามืดล้มลงไปอีกรอบ”

“คุณนางฟ้า...” เขาพึมพำสับสน “คุณพี่เป็นพยาบาลจริงๆ หรือนางฟ้าปลอมตัวมาครับ”

“ต๊าย ตัวแค่นี้แต่ปากหวานไม่เบานะ” มือนุ่มเย็นบีบแก้มเขาเบาๆ แล้วนางฟ้าจึงหัวเราะ “เดี๋ยวอีกสักพักคุณหมอจะเข้ามาตรวจอีกรอบนะจ๊ะ เพราะต้องรอดูผลเลือดกับฟิล์มเอ็กซเรย์อีกรอบด้วย เราน่ะเคยตรวจสุขภาพบ้างหรือเปล่า รู้ไหมว่าตัวเองเป็นโรคโลหิตจางแถมความดันต่ำอีกด้วย นี่พอคุณหมอรู้เข้าเลยจับให้ตรวจละเอียด เพราะเป็นคนไข้ประเภทยิ่งตรวจยิ่งเจอเลยล่ะ”

“แล้วพี่เหนือ...คุณแสงเหนือล่ะครับ คนอื่นๆ...” เขาขยับลุก นั่งห้อยขาลงข้างเตียง ตามองหารองเท้าแตะ หูรอฟังคำตอบ ปากยังเอ่ยถาม “คุณชัช ลุงโต คุณรตี...”

“ไม่ต้องรีบจ้ะ ลุกไหวแล้วแน่เหรอ เอ้า ค่อยๆ” พยาบาลสาวเอารองเท้าแตะมาวางให้และยังช่วยพยุงเขาเข้าห้องน้ำ เอ่ยห้ามเรื่องอาบน้ำ อนุญาตแค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วคุณพยาบาลจึงปล่อยให้เขาจัดการธุระจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนอธิบายต่อ “คนป่วยอีกคนอยู่ห้องติดกันนี่เอง จะไปหาก็ได้ถ้าหนูเดินไหว ...ช้าๆ หน่อยจ้ะ เดี๋ยวก็หน้ามืดล้มไปอีกรอบกันพอดี เขาอยู่เฝ้าหนูที่นี่จนถึงเมื่อชั่วโมงก่อน จนคุณหมอไล่ให้ไปพักเพราะบอกว่าหนูจะได้นอนสบายๆ ด้วยไม่ต้องมีคนมานั่งอัดเต็มห้องนั่นล่ะถึงได้ยอมกลับไปห้องตัวเอง แต่ดูท่าละล้าละลังแล้วคงนึกอยากลากเตียงหนูไปห้องนู้นด้วยกันมากกว่า”

เสาน้ำเกลือที่มีสายระโยงระยางติดกับปลายเข็มซึ่งจิ้มอยู่ในแขนซ้ายของเขาโดนคนเล่าลากตามไปด้วย “พี่ชายหนูน่ารักดีนะ ตัวเองเจอฤทธิ์ยาเข้าไปจนแทบจะสัปหงกหลับบนเก้าอี้อยู่แล้วยังไม่วายเป็นห่วงน้อง ถามคุณหมออยู่นั่นล่ะว่าทำไมหนูยังไม่ตื่น แล้วหนูจะตื่นเมื่อไหร่ หนูจะเป็นอะไรมากไหม แถมพอรู้ว่าร่างกายหนูไม่ค่อยแข็งแรงก็สั่งคุณหมอเลยว่าให้จับหนูเช็คให้ละเอียดแล้วรักษาให้ดีที่สุด”

เขาเคาะประตูเบาๆ แล้วเยี่ยมหน้าเข้าไปก่อน พอดีสบตากับลุงโตซึ่งเงยหน้ายิ้มให้ทันทีที่เห็นเขา จึงค่อยกล้าลากเสาน้ำเกลือแกรกกรากเข้าไปในห้อง เมื่อจัดที่จัดทางให้เขานั่งลงเรียบร้อยแล้วพยาบาลสาวจึงค่อยเอ่ยขอตัว “ลุงโตเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

เขาทักยามมองผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบศีรษะชายสูงวัยอย่างเป็นห่วง หากลุงโตกลับหัวเราะหึ “แค่นี้จิ๊บจ๊อย ถึงข้าจะแก่แต่กระดูกยังไม่เปราะหนาโว้ย ไอ้นี่มันก็แค่โดนเล่นทีเผลอ ลุงยังห่วงเอ็งกับคุณเหนือมากกว่าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ น่าปวดหัวกว่าอีก”

“พี่เหนือเป็นไงบ้าง พวกตำรวจบุกไปช่วยพวกผมถูกได้ยังไง แล้วคุณชัชล่ะ คุณขวัญใจอาการตอนนี้...” เขาถามถี่ยิบด้วยเสียงกระซิบเพราะไม่ต้องการรบกวนคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง หากเมื่อลุงโตตั้งท่าจะตอบข้อสงสัยทั้งหลาย เสียงเรียบๆ ของคุณรตีกลับเอ่ยตัดเสียก่อน “ถ้าอยากซักไซ้อะไรก็ออกไปคุยกันข้างนอก ตาเหนือเพิ่งหลับไปเมื่อกี๊ ฉันยังไม่อยากให้แกตื่น”

“อะ ครับ ขอโทษครับ” รีบขอโทษด้วยใบหน้าร้อนผ่าว เขาขยับลุกเก้กังโดยอาศัยการช่วยเหลือจากลุงโต โขยกเขยกออกมานอกห้องและเดินมานั่งบริเวณชุดเก้าอี้รับแขกหน้าวอร์ดแทน แม้จะพยายามตีหน้าปกติ แต่ในใจเขากำลังกังวลกับสีหน้าสีตาของคุณรตีเมื่อครู่ เมื่อนึกย้อนดูแล้ว แม้แต่การรับไหว้ในทีแรกที่เขาเข้าไปในห้องแสงเหนือเมื่อครู่ยังดูขัดๆ แข็งๆ รอยยิ้มแบบเสียไม่ได้แล้วยิ่งบวกกับคำพูดไล่ส่งชักทำให้เขาใจไม่ดี

“เฮ้อ ว่าแต่รอดพ้นคราวเคราะห์ไปทีล่ะนะ ทีแรกข้ายังคิดว่าจะยืดเยื้อกว่านี้เสียอีก เรื่องของเรื่องคงต้องขอบคุณโทรศัพท์ลึกลับนั่น...” ลุงโตลูบหัวเขาอย่างปราณีขณะที่คนโดนลูบยังนั่งทำหน้าวิตกกังวลบวกงง

“โทรศัพท์อะไรเหรอลุง” เขาถามเสียงตื่นเต้นจนลืมเรื่องท่าทีแปลกๆ ของคุณรตีไปชั่วคราว

“ก็อยู่ๆ มีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกว่าไอ้ชัชจับเอ็งกับคุณเหนือไว้ที่ไหนน่ะสิ ทีแรกพวกตำรวจยังคิดว่าจะเป็นโทรศัพท์ป่วนแต่พอลองตรวจสอบจากคนแถวนั้นดูถึงแน่ใจว่าไอ้ชัชมันเป็นคนเช่าบ้านหลังนั้นไว้จริงๆ” ลุงโตย้ำกับเขาที่ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เอ้า เรื่องจริงนะโว้ย ขนาดคุณอั้มที่เป็นคนรับสายยังบอกเลยว่าเหลือเชื่อแต่ต้องเชื่อ แล้วก็ดีที่เชื่อ พวกคุณตำรวจถึงได้บุกเข้าไปช่วยเอ็งกับคุณเหนือทันเวลา ไม่งั้นป่านนี้คงจะโดนไอ้ระยำชัชฆ่าทิ้งไปแล้วก็ไม่รู้”

“แล้วไอ้ชัชล่ะ ลุง หมอนั่นโดนปืนลั่นใส่ตอนสู้กับพี่เหนือใช่ไหม มันตายหรือยัง” ไหนๆ เมื่อลุงโตไม่คิดจะเรียกชื่อชายอ้วนแบบเกรงใจแล้ว เขาก็คงไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเรียกคุณชัชแล้วมั้ง

“เสียดายว่ะที่ยังไม่ตาย ตอนนี้ยังอาการหนักอยู่ห้องผ่าตัดอยู่เลย แต่ก็เถอะ ต่อให้รอดมาก็ต้องระเห็จเข้าซังเตสถานเดียว ตายๆ ไปซะอาจจะดีกว่าก็ได้” ใบหน้าเขาซีดลงไปเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว หากลุงโตคิดว่าเขาคงยังขวัญหายเรื่องคนร้ายยังไม่ตายจึงขยี้หัวปลอบ “ไม่ต้องกลัวหรอก มันไม่มีทางมาทำร้ายเอ็งได้แล้ว ส่วนคุณเหนือก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านแค่มีไข้ ฟกช้ำดำเขียวกับแผลแตกตรงคิ้วนิดหน่อย อันที่จริงจะออกจากโรงพยาบาลเลยก็ได้ ได้ยินคุณหมอท่านว่าอยากเช็คอาการดูให้แน่ใจเท่านั้น แต่ทางคุณรตีว่าไหนๆ แล้วอยากให้คุณเหนือตรวจร่างกายเลยไปหาหมอตาด้วยเลยเพราะกว่าจะลากมาโรงพยาบาลได้แต่ละที ...แต่จะว่าไป เท่าที่ข้าฟังๆ ดู โรคของเอ็งมันเยอะกว่าจมเลยว่ะ ชนิดว่าคุณหมอส่ายหน้าดิกเลยว่าเด็กอะไรทำไมขี้โรคขนาดนี้”

...หรือเพราะเพิ่งรู้ว่าเขาขี้โรค คุณรตีถึงทำท่าแบบนั้น กลัวว่าเขาจะมีโรคติดต่อแล้วเอาไปติดลูกชายคนเดียวแน่ๆ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ แต่แค่โลหิตจางกับความดันต่ำไม่น่าเป็นโรคติดต่อนี่นา แล้วทำไม...

“หายดีแล้วเหรอเรา” มือใหญ่จากด้านหลังเอื้อมมาขยี้หัวเขาจนผมที่ฟูยุ่งอยู่แล้ว ยิ่งฟูฟ่องเป็นรังนกกระจอก จินดนัยเงยหน้าอ้าปากหวอมองเมืองเอกที่กำลังยิ้มกว้างให้ “อะไรกัน โดนจับตัวเรียกค่าไถ่เข้าหน่อย พูดไม่เป็นเลยหรือไง”

“คุณอั้ม” เขายิ้มยินดี หากยังไม่ทันจะเอ่ยปากต่อ สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมืองเอกมองตามสายตาเขาไปแล้วจึงรีบแนะนำ

“นี่คุณวิรงรอง... คุณวิกกี้ แล้วส่วนนี่เจ้าจิน ไอ้หนูมหัศจรรย์พูดได้โดยไม่หยุดหายใจ เด็กรับใช้เจ้าเหนือที่เล่าให้ฟังไง” หญิงสาวแต่งตัวทันสมัยทะมัดทะแมงคล้ายเป็นชุดเดินทางยิ้มสวยอวดลักยิ้ม เธอทักทายลุงโตอย่างสนิทสนมก่อนแล้วจึงค่อยยื่นมือมาทางเขา “สวัสดีจ๊ะ ฉันได้ยินพี่อั้มเล่าเรื่องจินให้ฟังเยอะแยะ ฉันดีใจมากนะที่ได้เจอตัวจริง ไม่เห็นพี่อั้มเคยเล่าให้ฟังเลยว่าจินน่ารักแบบนี้ เล่นเล่าเสียจนฉันนึกภาพเป็นเด็กลิงทะโมนไปแล้วด้วยซ้ำ”

มือนุ่มหอมกรุ่นจับมือเขาเขย่าแบบไม่นึกรังเกียจ รอยยิ้มเปิดเผยจริงใจเสียจนเขาเผลอยิ้มตาม พูดขัดเขิน “ยินดีที่ได้รู้จักคุณวิรงรองครับ”

“ต๊าย น่ารักจริงๆ ด้วย” เป็นครั้งที่สองในรอบวันที่เขาโดนผู้หญิงหยิกแก้ม ถึงพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาก็เนื้อหอมกับเพศตรงข้ามไม่หยอกก็เถอะ แต่นะ... มันดูไม่ค่อยน่าภาคภูมิใจยังไงไม่รู้

“เรียกวิกกี้ก็พอจ๊ะ ไม่ใช่ฉันกระแดะไม่ชอบชื่อไทยหรอกนะ แต่ส่วนใหญ่ใครๆ มักจะเรียกฉันว่าวิกกี้มากกว่า นานๆ ทีได้ยินคนเรียกชื่อจริงเสียเต็มยศแล้วมันอดจั๊กกะจี๋ไม่ได้น่ะ ยิ่งพวกฝรั่งเวลาอ่านชื่อภาษาอังกฤษฉันทีไรต้องออกเสียงว่าวิ-ร็อง-ร็องทุกที แล้วชอบบอกว่าชื่อยูเนี่ยแปลก...” ก่อนที่หญิงสาวจะตั้งท่าหาเรื่องคุยกับเขาไปมากกว่านี้ เมืองเอกก็รีบปราม

“พี่ว่าเธอรีบไปเยี่ยมเจ้าเหนือก่อนดีกว่ามั้ง คุณรตีคงรออยู่ด้วย กับเจ้านี่น่ะเดี๋ยวค่อยออกมาเล่นด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ รับรองว่าไม่หนีหายไปปีนต้นไม้ที่ไหนหรอก” เมืองเอกพยักเพยิดหน้ามาทางเขาที่ยังไม่กล้าต่อปากต่อคำต่อหน้าผู้มาใหม่ นอกจากนั่งหดๆ สีหน้าติดจะประหม่าและนิ่งรอจนชายหญิงทั้งคู่เดินลับหายไป จินดนัยจึงค่อยหันมาทางลุงโต ถามอย่างต้องการให้แน่ใจ

“เธอคือคุณวิกกี้ที่เป็นคู่หมั้นพี่เหนือใช่ไหมครับ” อะไรก็ไม่รู้ในตัวเขาเต้นเร่า นึกอยากให้ลุงโตตอบว่าไม่ใช่ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปไม่ได้

“เออ นี่ล่ะ มีคุณวิกกี้เดียวไม่มีวิกกี้ไหนอีกแล้ว แต่เขายังไม่ได้หมั้นหมายอะไรเป็นทางการกันหรอกนะ แค่คุณนายเคยคุยๆ กับคุณแม่คุณวิกกี้ไว้แล้วก็เหมือนจะรู้ๆ กันอยู่แล้ว ถึงอันที่จริงก็น่าจะหมั้นกันไปนานแล้วก็เถอะ แต่พอดีมาเกิดอุบัติเหตุนั่นเข้าเสียก่อน เรื่องหมั้นเลยชะงักตามไปด้วย” ลุงโตลดเสียงลงจนเหลือแค่กระซิบกระซาบทั้งที่ไม่จำเป็น เพราะในบริเวณนั้นมีพวกเขาอยู่แค่สองคน “ทีแรกข้าก็คิดว่าเพราะคุณเหนือตาบอด คุณวิกกี้เลยทำท่าอิดออดหรือเปล่า แต่อย่างที่เอ็งเห็น คุณเขาทั้งสวยทั้งดีขนาดนั้น ไม่เคยมีทีท่าจะรังเกียจคนตาบอดสักนิด ข้าเลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะทางผู้ใหญ่ให้เบรกเรื่องไว้ก่อน คงอยากรักษาคุณเหนือให้หายดีก่อนจะได้ให้เข้าพิธีหมั้น พิธีแต่งงานได้อย่างสง่างามล่ะมั้ง”

“เหรอ...” เขากระพริบตาถี่ นึกภาพร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวยืนเคียงคู่เจ้าสาวแสนสวยแล้วเอ่ยอย่างที่ใจคิด “ต่อให้ตามองไม่เห็น แต่พี่เหนือก็ทั้งหล่อทั้งสง่าไม่แพ้ใคร ดังนั้นไม่ว่าตาจะหายหรือไม่ พี่เหนือก็คงได้แต่งงานกับคุณวิกกี้อย่างมีความสุขแน่ๆ” เขาหยุดกลืนน้ำลายและก้อนจุกแน่นในลำคอก่อนพยายามยิ้มยากเย็น “คุณวิกกี้ทั้งสวยทั้งใจดีจริงๆ ด้วย ขนาดพูดกับผมที่เป็นแค่คนรับใช้ยังไม่ถือตัว ใจดี...”

จินดนัยรีบหยุดพูด นึกดีใจมากมายที่เมืองเอกเดินกลับมาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องนึกหาคำมาเอ่ยสรรเสริญความดีของหญิงสาวต่อ “คุณอั้ม... ออกมานี่ไม่เป็นไรเหรอครับ”

“เจ้าเหนือยังไม่ตื่น ฉันไม่อยากแอบฟังพวกผู้หญิงคุยกันเลยแอบแว่บออกมานั่งคุยกับเราดีกว่า” เมืองเอกทรุดตัวลงนั่งติดกับเขา ลุงโตจึงขยับลุกและขอตัวไปเดินเล่นข้างนอกแทน “เป็นไง เจอคุณวิกกี้เข้าเลยพูดไม่เป็นเชียว”

“ก็...คุณวิกกี้สวย ผมเลยประหม่า ผิดด้วยเหรอ” รีบร้อนแก้ตัวหากจินดนัยต้องหลบตาที่จ้องมาราวกับล่วงรู้ว่าใจจริงเขากำลังร้อนรุ่มขนาดหนัก “จ้องทำไม ขืนจ้องมากๆ ผมคิดตังค์นะ”

“เด็กเอ๊ยเด็ก ไม่เคยมีใครบอกเหรอว่าเวลาเธอคิดอะไรจะออกมาทางหน้าหมด คนแบบนี้เขาห้ามเล่นไพ่ ไม่งั้นโดนเกทับเรียบแหง” สีหน้าของผู้พูดไม่ได้นึกดูแคลนดังเช่นคำพูด หากกระแสห่วงใยบางอย่างทำให้เขาสะอึก “เธอเป็นเด็กดี ที่สำคัญ...เธอฉลาด ดังนั้นฉันจะพูดแบบตรงไปตรงมาว่าระหว่างเธอกับเจ้าเหนือน่ะ มันไม่มีอนาคต เธอกับหมอนั่นแตกต่างกันมากเกินไป เจ้าเหนือมีสิ่งที่ต้องแบกรับมากเกินไป ส่วนเธอ...มีสิ่งที่ต้องสูญเสียมากเกินไปถ้าคิดจะรักผู้ชายแบบหมอนั่น”

เขาจิกเล็บกับเนื้อนุ่มตรงฝ่ามือแน่น แทบไม่กล้าหายใจยามรับฟังคำพูดเสียดแทงใจเหล่านั้น “เส้นทางชีวิตของเจ้าเหนือถูกขีดไว้หมดแล้ว แต่เธอยังเด็ก ฉันไม่คิดว่าเธอพร้อมที่จะเสียสละอนาคตเพื่อความรักที่ดูจะเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความใกล้ชิดแค่ชั่วครู่ชั่วยามหรอก เธอเพิ่งเจอเจ้าเหนือได้แค่ไม่กี่เดือน แล้วคิดหรือว่าความรู้สึกนั้นจะยั่งยืน มันไม่ใช่ความรัก มันเป็นแค่ความหลง เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดไหม”

“ผม...” จินดนัยกัดฟันสั่นกึกกัก จะเป็นเพราะชุดคนไข้บางเกินไปสำหรับอุณหภูมิหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศหรือเพราะเขากำลังหวาดกลัวกันแน่ก็ไม่ทราบได้ “ผมไม่ได้รักคุณเหนือ ไม่ได้รัก ไม่เคยรัก คุณอั้มต่างหากที่ไม่เข้าใจ ผมไม่มีทางรักคุณเหนือได้หรอก เขาเป็นคนคนเดียว...ที่ผมจะรักไม่ได้”

ไม่รู้หรอกว่าคำยืนยันของเขาจะน่าเชื่อถือสักแค่ไหน หากเมืองเอกถอนหายใจแล้วค่อยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้จนต้องสะดุ้งเมื่อฝ่ายนั้นบอกเบา “เช็ดน้ำตาเสีย ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะคิดว่าฉันรังแกเด็ก”

“คะ ใครร้อง” เขาป้ายหลังมือเช็ดน้ำตาลวกๆ คว้าผ้าเช็ดหน้ามาสั่งขี้มูก หากพอทำท่าจะส่งคืน เจ้าของผ้าเช็ดหน้ากลับไม่ยอมรับและบอกให้เขาเก็บเอาไว้ “ต้องเป็นแรงช็อคหลังเจอเรื่องร้ายๆ มาแน่ แบบเดียวกับอาฟเตอร์ช็อคหลังแผ่นดินไหว เป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนจากการทรุดตัวของแผ่นดิน...”

“เด็กเอ๊ยเด็ก มานี่มา” ชายหนุ่มดึงมือที่เขาจิกแน่นจนเลือดซึมไปกุมไว้แทนและใช้มืออีกข้างที่ว่างเช็ดร่องรอยเปียกชื้นบนแก้มซีดเซียว “ขอโทษนะ ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งเจอเรื่องร้ายๆ มาแท้ๆ ฉันยังมาพูดเรื่องพรรค์นี้อีก ลืมมันไปเถอะ ไม่เป็นไรแล้ว เธอปลอดภัยแล้ว”

“ผม...คิดว่าจะตายแล้วเสียอีก ระ...รู้ไหมว่าผมโดนเอาปืนจ่อหัวกี่ครั้ง กลัวว่าหัวจะระเบิดเป็นรู มันสมองกระจาย กลัวไม่พอ ต้องมานั่งห่วงต่ออีกว่าถ้าผมตายไปแล้วใครจะช่วยพี่เหนือ คนบ้าอะไร ทั้งใจร้อน ทั้งปากร้ายไม่ถูกที่ถูกเวลาสักนิด ที่ไอ้ชัชมันไม่สติแตกไปก่อนนี่ผมยังแปลกใจเลย แถมตอนที่พวกคุณบุกไปช่วยนั่นพี่เหนือกำลังซัดกับมันให้นัว ไม่ได้คิดหรือลืมว่าตัวเองตาบอดก็ไม่รู้” ระบายถึงตรงนี้ เขาก็นึกถึงเหตุการณ์อันแปลกประหลาดที่ช่วยชีวิตเขากับแสงเหนือไว้ “ลุงโตเล่าให้ผมฟังว่ามีคนโทรศัพท์เข้ามาบอกคุณอั้มว่าพวกผมถูกจับอยู่ที่ไหน มันเรื่องจริงเหรอครับ แล้วเขาเป็นใคร เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง”

“นี่ล่ะที่ประหลาด จู่ๆ เขาก็โทรเข้ามือถือฉัน บอกแค่ว่าเธอกับแสงเหนือถูกจับอยู่ที่ไหนแค่นั้นแล้ววางสายไป เสียงพูดไม่คุ้นหูสักนิด” ก่อนจะทันซักถามรายละเอียดต่อ หญิงสาวสวยกินตำแหน่งว่าที่คู่หมั้นก็โผล่มาขัดจังหวะ “พี่อั้มแอบออกมานั่งคุยกับจินอยู่นี่เอง จินจ๊ะ เหนือตื่นแล้ว พอตื่นปุ๊บก็ถามหาเธอปั๊บเลย ช่วยเข้าไปหาให้เขาสบายใจหน่อยเถอะ เร็ว”

หากเมื่อดวงตาคู่โตซึ่งตกแต่งอย่างดีสังเกตเห็นตาแดงๆ ของเขาเข้า เสียงหวานๆ จึงกลายเป็นเสียงเขียวๆ “พี่อั้มแกล้งอะไรน้อง! ถึงจะรู้ว่าพี่ชอบแกล้งเด็กน่ารักๆ แต่วิกกี้ไม่คิดเลยนะว่าพี่อั้มจะแกล้งคนที่เพิ่งผ่านเรื่องร้ายมาได้ลงคอ ทำไมพี่อั้ม...”

“เอ่อ เปล่าครับ คุณวิกกี้ นี่มัน...” สาละวนคิดหาคำอธิบายหากโดนชายหนุ่มข้างตัวตอบแทนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ที่เจ้าหนูนี่ร้องไห้เป็นเพราะผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนินโญต่างหาก เอ๊ะ หรือว่าเป็นโยโย่เอฟเฟคลานินญานะ ฉันไม่แน่ใจ”

“อย่ามาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟังไม่ขึ้นหน่อยเลย จินรีบมานี่ดีกว่า เราอย่าไปยุ่งกับคนขี้แกล้งแบบพี่อั้มเลย” คุณวิกกี้ลากเสาน้ำเกลือเขาออกนำลิ่วๆ จนจินดนัยต้องเร่งเท้าตามให้ทัน กำลังคิดว่าเหมือนโดนใส่สายจูงอยู่ก็มาถึงห้องของแสงเหนือเสียแล้ว

หนีจากเสืออั้มมาเจอจระเข้นอนงัวเงียหน้าบูดแล้วนึกอยากหมุนตัวกลับ หากติดที่เสียงใสจะประกาศการมาถึงของเขาไปแล้วเรียบร้อย “วิกกี้เดลิเวอรี่พาน้องจินร้อนๆ มาส่งแล้วจ้ะ”

“จิน” แสงเหนือฉีกยิ้มกว้างพลางรีบผุดลุกขึ้นนั่ง “จินตื่นแล้วเหรอ พี่เป็นห่วงเราแทบแย่ เป็นไงบ้างครับ ยังเจ็บตรงไหนอยู่บ้างหรือเปล่า”

เขายืนกอดเสาน้ำเกลือแน่น ไม่กล้าขยับยามลอบชำเลืองดูสีหน้าของคุณรตี ยืนนิ่งราวกับมีรากงอกจนคุณวิกกี้ยังสงสัยและแสงเหนือเริ่มขมวดคิ้ว เรียกซ้ำ “จินเป็นอะไร ทำไมไม่ตอบพี่ ยังปวดหัวหรือ...”

“ตอบพี่เขาไปสิ ยืนเงียบอยู่ทำไม” คุณรตีเอ่ยตัดบทและตัดปัญหา เขาจึงค่อยๆ เดินไปหยุดใกล้เตียงคนป่วย “ผมหายดีแล้ว พี่เหนือนั่นล่ะที่ยังไม่หาย รีบกินยาแล้วนอนเถอะ”

“กินยาอีกแล้ว” ชายหนุ่มเบ้ปาก ทำหน้าเบื่อเอียนขนาดหนักจนเขาอดยิ้มไม่ได้ “ก่อนจินจะฟื้น พี่ก็โดนฉีดยาไปตั้งไม่รู้กี่เข็ม แล้วนี่หมอยังบอกจะให้พี่อยู่โรงพยาบาลต่ออีกจะได้ตรวจตา เบื่อจะตายอยู่แล้ว”

“เบื่อได้ยังไง ถ้าไม่ตรวจแล้วจะหายเหรอ หรือคิดว่านั่งอยู่เฉยๆ แล้วมันจะหายเองได้” เผลอเอ็ดแล้วเพิ่งนึกออก รีบสงบเสงี่ยมเปลี่ยนท่าที “พี่เหนือโตแล้วนะ อีกอย่าง ไม่อายคุณวิกกี้เขาบ้างเหรอ”

“นั่นสิ เหนือ ไม่เจอกันไม่ถึงปี วิกกี้ว่าเหนือโตขึ้นมากเลยนะ ไม่โวยวายเอ็ดตะโรร้องจะกลับบ้านท่าเดียวแบบเมื่อก่อนแล้วด้วย” หญิงสาวเอ่ยล้ออย่างไม่นึกกลัวพายุโทสะและยังยิ้มรับหน้าตาเฉยยามโดนแสงเหนือใส่ไม่ยั้ง “เงียบไปเลยเธอ แล้วนี่กลับมาทำไม ใครเชิญ หนังสือหนังหาไม่เรียนแล้วเหรอไง หรือเกรดตกจนโดนไทร์ ถึงได้ว่างจนบินมาหาเรื่องชาวบ้านถึงที่นี่”

“โอ๊ย แช่งกันได้ลงคอ คนเขาอุตส่าห์บินกลับมาเยี่ยมช่วงซัมเมอร์ แต่แทนที่จะได้ไปเยี่ยมที่บ้าน กลับต้องถ่อมาโรงพยาบาลแทน ใช่ไหมคะ คุณน้า อ้อ แล้วนี่คุณอาไม่กลับมาเหรอคะ หรือยังมีธุระปลีกตัวมาไม่ได้ เพราะหนล่าสุดที่วิกกี้แวะไปทานข้าวกับท่านก็ตั้งแต่สองสามเดือนก่อน คุณอายังบ่นเลยว่างานหนักจนไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ตั้งนานแล้ว”

จินดนัยค่อยๆ ถอยหลบไปนั่งเก้าอี้ตรงมุมห้องเงียบๆ ถอยห่างจากบทสนทนาที่เขาไม่มีส่วนร่วม ทำได้แค่รับฟังเรื่องราวที่ไม่เคยได้ยิน มองภาพของครอบครัวเล็กๆ อันอบอุ่น เศร้าเสียจนสะท้อนใจยามคิดถึงมารดาของตนบ้าง ไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้าง ยังต้องทำงานหนักจนดึกดื่นและรีบตื่นแต่เช้าอีกไหม แล้วงานบ้านงานครัวใครจะรับผิดชอบ จะมีใครนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนหรือแม่จะเหงาแค่ไหน จะหายเสียใจกับการตายของเขาบ้างหรือยัง

เขานั่งเหม่อลอยจมอยู่ในโลกส่วนตัวจนเวลาผ่านไป เมืองเอกกับคุณวิกกี้เอ่ยขอตัวกลับ พร้อมรับปากว่าจะมาเยี่ยมใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนคุณรตีเดินตามออกไปส่งคนทั้งคู่ ภายในห้องจึงเหลือแค่เขากับคนป่วยอยู่เท่านั้น

“จิน มาหาพี่หน่อยสิครับ” แสงเหนือเรียกเสียงเบา ทีแรกเขาคิดจะแกล้งทำเป็นว่าไม่อยู่ในห้องแล้ว หากคิดอีกที มันดูงี่เง่าเกินไปจึงค่อยๆ เดินลากขา ลากเสาเข้าไปหาอย่างเชื่อฟัง “พี่เหนือมีอะไร”

มือใหญ่ยื่นมารอโดยไม่มีคำพูด เขามองใบหน้าขาวเปี่ยมความหวังสักพักแล้วแตะมือลง

“คิดถึงจัง” อุ้งมือเขาถูกยกจรดปลายจมูกโด่ง เขาเริ่มออกแรงชักมือกลับและขืนตัวเอียงกะเท่เร่ยามมือใหญ่เริ่มลูบขึ้นมาจนถึงผิวเนื้ออ่อนบริเวณหลังคอ กระซิบขู่ฟ่อด้วยเสียงตื่นตระหนก “อย่านะ เดี๋ยวคุณรตีกลับมา เดี๋ยวพยาบาล...”

หากชายหนุ่มกลับกระชากข้อมือเขาเข้าหาตัวพร้อมกับชะโงกตัวขึ้นแล้วกดริมฝีปากร้อนผ่าวลงกับซอกคอ ก่อนจะไถลเลยเรื่อยไปหาใบหน้า รวมถึงริมฝีปากที่ยังประท้วงตื่นตระหนก “ไม่เอา พี่เหนือ บอกว่าอย่า...”

เขายังร้องอู้อี้ยามโดนริมฝีปากอีกฝ่ายรุกไล่ บีบบังคับและฉกฉวยโอกาสยามเขาร้องห้าม สอดลิ้นอุ่นเข้าพัวพันอ่อนหวาน ขณะมือหยาบลูบไล้เชื่องช้าเนิบนาบหากไม่ยินยอมให้ผละจากไปโดยง่าย กระซิบเรียกซ้ำๆ ยามละจุมพิตออกช่วงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าราวหิวโหยสุดทน “จิน ... เด็กดี คนดีของพี่ จินของพี่...”

“อื้อ อะ...” เพราะแสงเหนือไม่เห็น แต่เขาเห็นเงาวูบวาบตรงช่องว่างใต้ประตู ด้วยความตกใจจัดจึงยกสองมือผลักอกกว้างสุดแรง ถอยผงะไปจนเกือบสะดุดเสาน้ำเกลือหกล้ม เขายังหอบหายใจตระหนกหากต้องรีบปรับสีหน้ายามประตูเปิดกว้าง คุณรตีซึ่งกลับเข้ามาพร้อมลุงโตชะงักเล็กน้อยยามเห็นพวกเขา หากท้ายสุดกลับนิ่งเงียบและพูดด้วยท่าทางปกติกับลุงโต

“โตช่วยพาจินกลับห้องไปพักผ่อนทีเถอะ ดูสิ เพิ่งฟื้นแท้ๆ ยังเดินไปโน่นมานี่ไม่หยุด เดี๋ยวก็ไม่หายกันพอดี...” คำพูดที่เหลือสะดุดยามคุณรตีสังเกตเห็นเลือดเขาที่ไหลย้อนเข้าไปในสายน้ำเกลือ “ตายจริง เจ้าจิน นี่คงขยับตัวแรงสิท่า เลือดถึงได้ไหลย้อนเข้าไปแบบนั้น ไม่เอาละ เหนือปล่อยน้องกลับไปนอนพักได้แล้วลูก”

แทบไม่ต้องอาศัยการช่วยเหลือของลุงโต เขาก็แทบจะยกเสาน้ำเกลือวิ่งเตลิดกลับห้องได้ด้วยตัวเองภายในเวลาไม่ถึงนาทีดี จัดแจงกระโดดพุ่งหลาวขึ้นเตียง เอาหัวซุกใต้หมอน คลุมโปงจนเหงื่อแตกพลั่กขณะก่นด่าแสงเหนือในใจ

ไอ้คนมักง่าย ไม่ดูตาม้าตาเรือ ลามก ชอบใช้กำลัง... ดูจนตอนนี้ ข้อมือข้างที่โดนดึงยังเจ็บแปลบและคาดได้ว่าคงช้ำแน่ๆ แต่อะไรไม่ร้ายเท่ากับที่คุณรตีคงเห็น...หรืออาจไม่เห็นก็จริงแต่คงระแคะระคายเรื่องความรู้สึกของลูกชายและความสัมพันธ์กับเขาเป็นแน่

เขาผล็อยหลับไปจนตื่นงัวเงียมาอีกครั้งในตอนเย็นเมื่อมีคนนำถาดอาหารเย็นเข้ามาส่ง ทีแรกเขาก็ไม่หิว หากเมื่อคิดถึงสุขภาพของตัวเองแล้วจึงตัดสินใจคลานลงมานั่งกินที่โต๊ะข้างเตียงพร้อมเปิดโทรทัศน์เอาเสียงเป็นเพื่อนแก้เหงา

อย่าว่าแต่แสงเหนือเลย เขาแค่นอนบนเตียงโรงพยาบาลไม่ถึงวันดียังเริ่มเบื่อ เริ่มพาลรู้สึกว่าตัวเองป่วยจริงๆ เพราะพอจิตตกคิดว่าป่วยแล้ว เขาก็จะเริ่มถูกความเหงารุมทำร้าย ไม่ชินกับการนั่งกินข้าวเย็นตามลำพังโดยเฉพาะยามที่ใส่ชุดคนไข้ นอนแซ่วอยู่ตามลำพังเช่นนี้ ...ถ้าเป็นเมื่อก่อนยามเขาไม่สบายเป็นไข้ปวดหัว เขายังมีแม่คอยเป็นห่วงเป็นใย หายาให้กิน บังคับให้นอนพัก หาซื้อของกินอร่อยๆ คล่องคอให้เขากินเพื่อที่จะได้กินยาหลังอาหาร

หากเวลานี้ นอกจากนางพยาบาลแล้วก็ไม่เห็นจะมีใครเข้ามาดูเขาอีกเลย จวบจนเริ่มมืดแล้วกว่าที่ลุงโตค่อยย่องเข้ามาพร้อมถุงร้านสะดวกซื้อใบเล็กแล้วอธิบายว่าแกจะมานอนเฝ้าเขาในคืนนี้ จินดนัยจึงค่อยยิ้มออก

“อ้าว ลุงมาเฝ้าผมแล้วใครจะเฝ้าพี่เหนือล่ะ” เขานึกเป็นห่วงคนห้องข้างๆ จนคิดจะให้ลุงโตไปเฝ้าชายหนุ่มแทนอยู่แล้วตอนลุงโตโบกมือ “ไม่ต้องห่วงเว้ย คุณรตีท่านว่าท่านจะเฝ้าคุณเหนือเอง ก็ดีแล้วล่ะ ไม่งั้นคุณเหนือเอาแต่โอดครวญจะมาหาเอ็งที่นี่ท่าเดียว คุณรตีต้องคอยเตือนว่าเอ็งต้องหาหมอ ต้องกินยา ต้องนอนพักเยอะๆ ห้ามมากวนเอ็งนั่นล่ะ คุณเหนือถึงยอมสงบลง”

หลังจากนั้น ลุงโตก็เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้เกี่ยวกับตอนที่พวกเขาโดนจับตัวไปให้ฟังอย่างออกรส ทว่าจินดนัยกลับเริ่มฟังบ้าง ไม่ฟังบ้างเพราะใจมันคอยแต่จะกระหวัดคิดไปถึงเรื่องคนข้างห้องอยู่เรื่อย วิตกกังวลจนเรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาก่อนนอนแล้วล่ะก็ รับรองว่าเขาคงนอนตาค้างตลอดคืนอันยาวนานเป็นแน่

++++++++++++++++++++++

TBC

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 01-07-2008 14:39:53
แอบมายั่วให้อิจฉาเล่นๆ ว่า
อีกเวบนึง คุณ DD ลงถึงตอน 19 แล้วน๊า

อิอิ

แง๊ววววววววววววววววววววว...อย่ายั่วจิคะ สายส่งให้ทีละตอนเองอ่ะ...

เด๋วจะไปบีบคอมานนนนนนน  :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 01-07-2008 15:54:07
ผ่านเรื่องร้ายๆนั้นมาดันมาเจอเรื่องแบบนี้อีกสงสารจินจังเลย :sad2:
เป็นกำลังใจให้พี่ยาโยนะครับผม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: mamui2000 ที่ 01-07-2008 19:05:05
ชอบอะคับ  o13

อ่านทันจนได้ มาต่อเร็ว ๆ นะคับ  :m13:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- อัพตอนที่ 15 // ตอนนี้บีบหัวใจเหลือเกิ๊นนนน
เริ่มหัวข้อโดย: hasuzz ที่ 01-07-2008 22:02:06

แง๊ววววววววววววววววววววว...อย่ายั่วจิคะ สายส่งให้ทีละตอนเองอ่ะ...

เด๋วจะไปบีบคอมานนนนนนน  :m31: :m31:

ทีละตอนแหละค่ะ ดีแล้ว
จะได้ค่อยๆ ลุ้นกัน >w<!! อิอิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-07-2008 23:05:33
คุณรตีออกอาการ คุณแม่ไม่ปลื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: re_rain ที่ 01-07-2008 23:49:53
กริ๊สสสสสสสสสส

ยังสนุกไม่เปลี่ยน

รับประกันยี่ห้อ  DD

มาต่อไวๆน้า

  :กอด1:รักคนแต่ง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 02-07-2008 01:57:06
อย่าบีบตอกันจนตายน๊าเดี๋ยวอดอ่านตอนต่อเหออ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 02-07-2008 03:21:18
 o13 สนุก สุดยอด เหนือจะบรรยาย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 02-07-2008 08:01:14
สนุก

แต่...

สงสารจิน

 :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 02-07-2008 11:10:11
แย่แน่ๆ แย่แล้วๆๆๆๆ คุณรตีต้องระแคะระคาย แห๋งๆๆๆๆ
น่าสงสารจริงๆ

จิน หนอ จิน ไมเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด เยี่ยงนี้หวา
ตายไปแล้ว ยังไม่ได้ดีอีก  ไรฟร๊ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 02-07-2008 11:35:28
 :L2:..แวะมาเยี่ยมน้องจินกะพี่เหนือ....หายป่วยไวไว นะคร้าฟฟฟ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 02-07-2008 13:01:38
 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 02-07-2008 14:00:14
ยังไม่มาอีกเหรอค้าบบ  :o12: คือแบบว่า ตอนนี้ ผมจะคลั่งอยู่แล้วววว อ๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 02-07-2008 14:57:39
 :L1:เข้ามาให้กำลังใจพี่ยาโยครับผม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: toonzaa ที่ 02-07-2008 23:14:58
สงสารทั้งแสงเหนือ ทั้งจิน

แต่สงสารจินมากกว่า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 03-07-2008 02:32:51
 :o12: สงสัยไม่มาแล้ว ฮือออออ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-07-2008 06:32:05
ตามทันแล้วจ้า อ่านทั้งคืนเลย  o2 ตาลายไปนอนก่อนแระ หนุกมากเลยจ้า  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 03-07-2008 12:01:00
 :L2: มาต่อเร็วเร็วนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 04-07-2008 00:12:43
 :m31: ยังไม่มาอีก ฮือออ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 04-07-2008 09:15:34
เฮ๊ยยยยยยยย มาได้แล้ว จะลงแดงแล้ว
ทำแบบนี้มันบาป รู้ป่าว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-07-2008 16:12:28
เข้ามาให้กำลังใจพี่ยาโยครับผม :L1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 04-07-2008 22:28:16
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 04-07-2008 23:04:18
 :oni2:เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว จิจะเป็นยังไงน้า อยากรู้ๆ

มาอ่านต่อ และรอตอนต่อไปค่ะ  :a1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 05-07-2008 00:50:21
 :serius2:


โอ้ย อยากอ่านต่อ
แถมมีคนมายั่วว่า มันถึงตอนที่ 19 แล้ว

ว้ากก
17 ละ 17 จ๋า 17
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 06-07-2008 13:06:34
 :serius2:
ทามมายยังไม่มาต่ออีกกกกกก มัวแต่กิ๊กกะหนุ่ม ๆ เพลินรึไงงงงง
เห็นนะไปฝากรัก ฝากคิดถึงกันไว้น่ะ...  :laugh:

เกิดอาการคุณแม่ไม่ปลื้มซะละ...แล้วจินจะทำร้ายคุณเหนือได้เร้อ
สงสัยยอมสละชีพแหง๋เลย...ตกลงมันเป็นอุบัติเหตุเนอะ ?????
เพราะดูท่าแสงเหนือจะชอบจินมาตั้งแต่เด็กแล้วละม้างงงง....  :เฮ้อ:

 :L1: :L2: :L1:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: omelet ที่ 06-07-2008 13:23:43
 :a5: :a5:

ทำไมมันเลยไป 19 ได้
เท่าที่เห็นมีแค่ 16 อะคะ -*- หมายถึงอีกที่อะ เปนงง -*-

 o2
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 07-07-2008 02:07:11
^
^
อ๋อ คอมเมนท์เก่าๆ
เขามา ยั่วว่า อีกทีมันถึง 19 แล้วอะคับ

เราก็อิจฉาตาร้อนไป..

 :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 07-07-2008 12:52:23
สู้ๆนะครับพี่ยาโย :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 07-07-2008 13:44:15
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 17 - รักของผู้ให้ ~

===========================================

หลังกลับจากห้องเอ็กซเรย์ในช่วงสาย ลุงโตที่อุตส่าห์มานอนเฝ้าเขาเมื่อคืนและเดินตามไปตามห้องตรวจร่างกายตั้งแต่เช้าก็ต้องขอตัวกลับไปรับใช้คุณรตีและแสงเหนือ จึงเหลือเขานั่งดูโทรทัศน์แก้เบื่อตามลำพัง หวังว่าหมอน่าจะอนุญาตให้เขากลับบ้านได้ภายในวันนี้ด้วยเถอะ

จนเลยเที่ยงไปแล้วจึงมีเสียงเคาะประตูหน้าห้อง เขาขยับ คิดในใจว่าคงเป็นพยาบาลเข้ามาจึงค่อนข้างตกใจที่พบว่าคนที่ก้าวเข้ามากลายเป็นคุณรตี

“เป็นยังไงบ้าง” ถามพลางเดินมาหยุดยืนไม่ไกลนัก ครั้นฟังเขาตอบตะกุกตะกักว่าสบายดีแล้ว คุณรตีจึงค่อยเอ่ยชวน “อยู่แต่ในห้องคงเบื่อแย่ ถ้าไงลงไปนั่งเล่นแถวข้างล่างกับฉันไหม พอดีฉันมีเรื่องอยากคุยกับเราด้วย”

เนื่องจากน้ำเกลือขวดโตหมดไปตั้งแต่ตอนเช้ามืด วันนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องลากเสาแกรกกรากไปไหนมาไหนด้วยอีก หากพอเดินออกมาจากห้องได้ กลับอดลอบชำเลืองไปยังห้องข้างๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะพูดคุยที่ดังลอดออกมาทำให้เขาพูดไม่ออกและยิ่งทำหน้าไม่ถูกยามคุณรตีกล่าวว่า

“วิกกี้มาเยี่ยมเหนือตั้งแต่เช้า เมื่อตอนสายๆ ทั้งคู่ก็มาหาเธอด้วย แต่พยาบาลบอกว่าเธอไปตรวจร่างกายเลยผิดหวังกลับไปทั้งคู่” ระหว่างรอลิฟต์ คุณรตียังเล่าปนยิ้มนิดๆ “ยัยวิกกี้ชอบเธอมากนะ บอกว่าเธอน่ารักอย่างโง้นอย่างงี้ เลยคุยกับตาเหนือเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างที่ได้ยินเมื่อกี๊ไง”

“ระ เหรอครับ ...ดีจัง” อ้อมแอ้มรับคำแล้วเขาก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามสตรีเบื้องหน้าต้อยๆ กระทั่งนั่งลงในคอฟฟี่ช็อปบริเวณชั้นล่างของโรงพยาบาลและสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อย คุณรตีนั่งเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างและเหลียวกลับมามองรอบๆ ร้านที่ค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากเป็นช่วงเวลาบ่ายของวันทำงาน สักพักจึงค่อยผินหน้าถอนหายใจยาว

“สงบสุขจังนะ ว่าไหม สำหรับฉันแล้วมันสงบจนแทบไม่น่าเชื่อเลย ผิดกับเมื่อตอนเกิดเรื่อง ตอนนั้นฉันคิดว่าโลกจะแตกแล้วด้วยซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างมันผิดที่ผิดทาง ร้อนรนนั่งไม่ติด ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแต่กลับข่มตาหลับไม่ลงสักวินาทีเดียว” แววตาผู้พูดยังแฝงความเหนื่อยล้าจากสิ่งที่ต้องเผชิญหน้าภายในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา มันมีทั้งความเหน็ดเหนื่อย ความหวาดกลัว ห่วงใยและเหนืออื่นใดคือความรักยามพูดถึงลูกชายเพียงคนเดียว “ตั้งแต่ตอนเกิดอุบัติเหตุคราวนั้น ทั้งฉัน ทั้งตาเหนือ ทุกๆ คนในครอบครัวล้วนแล้วแต่ต้องผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมา จนคิดว่าคงไม่มีสิ่งไหนจะเลวร้ายไปกว่านี้ได้อีกแล้ว คงไม่มีสิ่งไหนจะมาทำให้ตาเหนือหมดกำลังใจ ทำให้ฉันทุกข์ใจไปมากกว่านี้ได้อีก แต่ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันคิดผิด...”

คุณรตีหยุดเพื่อให้พนักงานนำแก้วน้ำส้มสีสดใสวางตรงหน้าตนและเขา มือบางที่เริ่มเหี่ยวย่นกุมหลวมๆ วางบนโต๊ะให้เขาลอบสำรวจและเห็นสีทาเล็บเริ่มหลุดลอกนิดๆ แม้จะเป็นแค่สิ่งเล็กๆ หากมันกลับบ่งบอกว่าสตรีที่เคยแต่งกายประณีตงดงามตลอดเช่นคุณรตียังไม่สามารถปรับสภาพจิตใจให้เข้าที่เข้าทางนัก

“เรื่องที่เกิดขึ้น ฉันไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของใครเพียงคนเดียว ถึงคุณชัชจะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด แต่ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้เหนือต้องติดร่างแหไปด้วย ตาอั้มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังแล้วก็จริง และฉันไม่คิดว่าจะมีใครบางคนสมควรแอ่นอกรับผิดชอบการกระทำทั้งหมดไว้ มันมากเกินไป สับสนเกินไปและลุกลามใหญ่โตเกินกว่าจะเป็นเพราะฝีมือคนๆ เดียวได้ แม้แต่ตาอั้มก็มีส่วนผิดที่ไม่บอกเรื่องนี้กับฉันตามตรงตั้งแต่แรก เธอก็เหมือนกัน เธอน่าจะมาบอกฉันไม่ใช่ไปบอกตาอั้ม มีอะไรรับประกันได้ว่าตาอั้มจะไม่สมรู้ร่วมคิดกับคนพวกนั้น ถึงสิ่งนี้จะเป็นแค่การสมมุติ แต่ถ้ามันเกิดกลายเป็นเรื่องจริง เธอคงไม่รอดมานั่งอยู่ตรงนี้ได้หรอก” ไอเย็นข้างแก้วเริ่มเกาะตัวและหยดลงบนกระดาษรองเป็นรอยด่างดวง หากกระนั้นก็ยังไม่มีใครคิดจะหยิบมันขึ้นมากิน

“แม้แต่ฉันเองก็ผิดตรงที่สอดส่องดูแลไม่ทั่วถึง ปล่อยให้คนกันเองโกงกินจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ผิดพลาดและเลวร้ายจนถ้าเกิดคุณชัชพลั้งมือทำร้ายตาเหนือจริงๆ ฉันคงไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองได้ที่ปล่อยให้คนอันตรายแบบนั้นอยู่ใกล้ลูกมาตลอด ...การที่เธอกับเหนือโดนจับตัวไปครั้งนี้ มันเกิดจากความสะเพร่าของหลายๆ คน ทั้งลุงโต ทั้งพนักงานโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ปล่อยให้คนร้ายหลุดเข้ามา หรือแม้แต่ดอร์แมนที่เปิดประตูรถให้โดยไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ แต่คนที่ผิดมากที่สุดในสายตาฉันก็คือเธอนี่ล่ะ... ฉันไว้ใจเธอ ฝากให้ดูแลลูกชายที่ตาบอดทั้งสองข้าง ฉันไว้ใจให้เธอพาเขาไปไหนต่อไหนแต่เธอกลับประมาท จนพาทั้งตัวเองและเจ้านายตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต”

คุณรตีจ้องหน้าเขา หน้าที่ตอนนี้คาดได้ว่าคงซีดเผือดไร้สีเลือด เพราะแม้แต่มือที่เขากำแน่นบนตักยังเยียบเย็นจนน่ากลัว

“เหนือเป็นลูกฉัน ใครๆ อาจมองว่าฉันตามใจแกมากเกินไป ฉันก็ไม่เถียง ขอแค่เห็นเหนือมีความสุข ฉันก็จะไม่ว่าอะไร ถึงจะเป็นเรื่องของเธอ... ฉันรู้ว่าเหนือเอ็นดูเธอมากแค่ไหน ทั้งห่วง ทั้งหวงยิ่งกว่าน้องแท้ๆ ฉันรู้ว่าเหนือ...ชอบเธอมากขนาดไหน แต่เมื่อเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น ฉันคงทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เหมือนก่อนไม่ได้ ที่สำคัญอีกอย่างคือวิกกี้ ฉันไม่เคยคิดบังคับให้ลูกรักใคร แต่ฉันอยากหาคนที่ฉันจะไว้ใจให้ดูแล ให้อยู่กับตาเหนือไปตลอดชีวิตได้ คนที่จะอยู่เคียงข้างยามเขาเจ็บป่วย แก่ชราและไม่มีใคร ใครสักคนที่มีอนาคตร่วมกัน แก่เฒ่าไปพร้อมกัน”

น้ำแข็งเริ่มละลายกลายเป็นน้ำสีใสชั้นบางๆ น้ำตาอุ่นๆ เริ่มคลอหน่วงแต่เขาไม่กล้ายกมือเช็ด นอกจากเพ่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าราวกับมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดในสายตา

“เด็กอย่างเธอคงไม่เข้าใจความรู้สึกสูญเสียคนอันเป็นที่รัก ตอนเกิดอุบัติเหตุ ฉันคิดแค่ว่าถ้าลูกตาย ฉันคงตายตามลูก ตอนรู้ว่าแกตาบอด ถ้าทำได้ ฉันก็อยากตาบอดแทน ถ้าลูกเป็นอะไรไป ใจของคนเป็นแม่ก็แทบขาด” แสงเหนือเป็นลูกคนสำคัญ ส่วนเขา... เขาก็เป็นลูก แต่อาจไม่สำคัญขนาดนี้ เพราะในสายตาเขา คุณรตีรักแสงเหนือมากยิ่งกว่าแม่คนไหนจะรักลูกได้ และจะปล่อยให้ตายตกไปต่อหน้าไม่ได้เป็นอันขาด ไม่ว่าจะถูกผิด คุณรตีจะยืนเคียงข้างแสงเหนือและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายลูกชายแม้ปลายก้อย “ดังนั้นที่ฉันจะไล่เธอออกนี่ไม่ใช่เพราะว่าฉันรังเกียจเธอ แต่เป็นเพราะฉันไม่อาจวางใจให้เธออยู่เคียงข้างเขาได้อีกต่อไป ฉันไม่ต้องการให้เธอคอยรับใช้หรือแม้แต่เข้าใกล้ตาเหนืออีก เข้าใจไหม”

เข้าใจเหรอ เขาควรจะเข้าใจอะไรอีก เพราะในเวลานี้ ความรู้สึกของเขาซึ่งนั่งก้มหน้างุด กำมือแน่นบนตักผสมปนเปกันทั้งความอับอาย สับสน และที่เหนือสิ่งอื่นใดคือ...สิ้นหวัง หากเขาก็ยังพยักหน้ารับเงอะงะ และพูดประโยคเดียวที่สามารถพูดได้ “ผมขอโทษครับ... ผมขอโทษ...”

ทันทีที่หลุดปาก น้ำตาก็พลันหยดเป็นสาย จินดนัยก้มหน้าสะอื้นฮัก รับรู้และยิ่งกว่าเข้าใจ ทั้งสิ่งที่ได้ยิน รวมถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงสิ่งที่ควรจะเป็นไปหลังจากนี้

...เขาตายไปแล้ว ร่างของเขาไม่เหลืออยู่ในโลกนี้แล้ว การที่เขายังอยู่ที่นี่เป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ ถ้าจะมีสิ่งใดผิดพลาด ก็คงไม่ใช่แสงเหนือที่ขับรถชนเขาตาย ไม่ใช่เทวดาที่ส่งเขากลับมาแก้แค้น ไม่ใช่ชัชที่เกือบจะฆ่าพวกเขา หากแต่เป็นการที่เขายังมีชีวิตอยู่นี่ต่างหากคือเรื่องผิดพลาดอย่างแท้จริง

“ผมขอโทษ...” เขาสูดเสียงสะอื้นลึก ป้ายมือเช็ดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด ราวกับจะหยุดไม่ได้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ จินดนัยจึงค่อยควบคุมตัวเองได้และยังไม่กล้าสบตาคุณรตีซึ่งปล่อยให้เขาร้องไห้โดยไม่เอ่ยขัด เขายังคงได้แต่ก้มหน้าคางจรดอก ป้ายความเปียกชื้นบนใบหน้าป้อยๆ ขณะฟังเสียงพูดที่เหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย

“เอาเถอะ เห็นแก่ที่ผ่านมา ฉันจะให้เงินเราไปตั้งตัวใหม่ก้อนหนึ่งด้วย แล้วเราจะไปหางานที่อื่น...หรือจะกลับบ้านก็ตามใจ เด็กดีอย่างเธอคงหางานใหม่ได้ไม่ยาก แต่ทางที่ดี...ฉันว่าเธอน่าจะกลับไปหาแม่มากกว่านะ เล่าความจริงให้ท่านฟังเสีย ยังไงๆ สำหรับคนเป็นแม่ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกหรอก”

กว่าทั้งสองจะพากันเดินกลับไปยังห้องพัก คุณรตีต้องไล่ให้เขาไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อนแล้วยังใจดีซื้อน้ำผลไม้กับนมกล่องให้จากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ กันอีกด้วยระหว่างที่เขาไปเข้าห้องน้ำ “เราต้องกินน้ำกินนมมากๆ หน่อย ตัวเล็กผอมโซ สุขภาพก็ไม่ดีสักเท่าไหร่ใช่ไหม ยังไงฟังคุณหมอไว้ให้ละเอียดๆ หน่อยก็ดี เพราะหลังจากนี้ ฉันคงไม่มีโอกาสดูแลเธออีก”

“...ขอบคุณครับ” เขายกมือไหว้พร้อมกับยิ้มสั่นๆ ตอบรับความหวังดีดังกล่าว แม้จะรู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าสุขภาพของเขาจะดีหรือแย่แค่ไหนก็คงไม่ใช่เรื่องจำเป็นหรือสำคัญอีกต่อไป ในเมื่อลานที่ไขไว้นั้นใกล้หมดลงเต็มที

เมื่อกลับมาถึงห้อง พวกเขากลับต้องพบว่าห้องโดนครอบครองโดยคนป่วยกับคนเยี่ยมไข้ซึ่งน่าจะอยู่ที่ห้องข้างๆ มากกว่า “คุณน้ากลับมาแล้วหรือคะ แอบพากันไปเดินเล่นที่ไหนมา ทำไมไม่ชวนวิกกี้กับเหนือไปด้วยล่ะคะ ปล่อยให้เรานั่งเหงากันอยู่แค่สองคน ใช่ไหม เหนือ”

“ทำไมแม่ไม่บอกพวกผมก่อนล่ะ ถ้าผมหลับอยู่ก็น่าจะปลุก ผมก็อยากไปเดินเล่นกับจินนะครับ อยู่แต่ในห้อง คุยกับยัยวิกกี้ได้แต่ฟังอย่างเดียว พูดมากแถมพูดเร็วชะมัดยาด ผมแทรกไม่ค่อยจะทัน” แสงเหนือทำหูทวนลมกับเสียงร้องโวยวายประท้วงของหญิงสาว กลับหันมาไล่ถามอีกคนที่ยังยืนเงียบ “จินไปเดินเล่นมาเหรอ เมื่อเช้าพี่ก็มาหาแต่ไม่เจอ จะมาขอกินข้าวกลางวันด้วยก็ไม่ทันอีก ยังไงไว้เย็นนี้พี่ไม่พลาดแน่ จะขอนั่งอยู่ห้องนี้ด้วย ไม่รู้ล่ะ จะหมอจะพยาบาลมาไล่ก็ไม่ไปแล้ว”

“ผมไป...เดินเล่นแถวๆ ข้างล่างมาครับ” เขาเดินเก้กังไปที่เตียงพร้อมกับที่คุณวิกกี้ลุกมาหา หญิงสาวขมวดคิ้วนิดๆ ดวงตาสุกใสเป็นประกายกำลังฉายแววฉงน “น้องจินตาแดงจัง เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”

“เปล่าครับ ผะ ผมสบายดี” ตอบด้วยความตกใจและยิ่งตกใจหนักขึ้นเมื่อแสงเหนือลุกพรวด เดินดิ่งเข้ามาตามเสียงบ้างจนถึงเตียง มือใหญ่ไล่ลูบตามแขนจนถึงใบหน้าที่พยายามเบี่ยงหลบ

“อยู่นิ่งๆ สิ” ชายหนุ่มเอ็ดเบาๆ แล้วลูบผมเผ้ายุ่งเหยิงและรามือลงแตะตามหน้าผาก ซอกคอ “เหมือนยังตัวร้อนนิดๆ อยู่เลย พี่ว่าเรียกหมอมาดูอาการดีกว่า แม่ครับ วิกกี้...”

ข้างฝ่ายคนที่โดนหาว่าตัวร้อนเผอิญเหลือบเห็นคุณรตีคล้ายกับจะเบือนหน้าหลบ จินดนัยจึงร้อนตัวจนเผลอยกมือปัดมือใหญ่ๆ ซึ่งยังแตะตัวเขาอยู่เสียกระเด็น “ไม่ต้อง!”

หากเมื่อมองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งค้างอย่างตกใจและไม่เข้าใจปฏิกิริยาของเขาแทนแล้วต้องรีบแก้ตัวต่อ “ผมไม่เป็นไร แค่อยากนอนพักเอง พี่เหนือกลับไปห้องก่อนเถอะ ผมอยากนอน”

“...เหรอ” แสงเหนือทำหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำยังไง เพราะแม้แต่เสียงพูดยังอ่อนอ่อย หมดความมั่นใจไปด้วย “แต่พี่ว่า...”

“พี่เหนืออย่าเซ้าซี้ได้ไหม ...น่ารำคาญ” ประโยคนี้ทำเอาชายหนุ่มหน้าเจื่อน หุบปากทันที ฝ่ายคุณวิกกี้ซึ่งคงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแทรกเข้ามา “เอ่อ เหนือ วิกกี้ว่าเรากลับไปห้องเรากันก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยเรียกหมอเข้ามาดูอาการน้องจินนะ”

“วิกกี้พาเหนือกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะรอคุยกับคุณหมอก่อนด้วย” คุณรตีมองตามหญิงสาวที่ดึงแขนลูกชายซึ่งยังหันหน้าหันหลังละล้าละลังจนแทบจะต้องลากออกไปแล้วค่อยหันมานั่งลงเงียบๆ โดยไม่เอ่ยคำใดกับเขาอีกเลย

++++++++++

หลังจากเซ้าซี้ ทู่ซี้และตื้ออยู่นาน หมอก็ยอมอนุญาตให้จินดนัยกลับบ้านได้ในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง โดยกล่าวกำชับให้เขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดตามที่เขากล่าวอ้างว่าจะย้ายไป
คุณรตีมายืนดูเขาหลังจากอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมกลับบ้านเรียบร้อยแล้วถอนหายใจ “ไม่เห็นต้องรีบขนาดนี้เลย ที่จริงน่าจะอยู่โรงพยาบาลอีกสักวันสองวันตามที่คุณหมอบอกก็ได้ เรื่องค่ารักษาฉันก็ออกให้อยู่แล้ว”

“ไม่ล่ะครับ ผมไม่ชอบอยู่โรงพยาบาล” มันอยู่ใกล้ความตายเกินไป เพราะถ้าเป็นไปได้ เขาอยากนอนตายใต้แสงตะวันบนทุ่งหญ้ากว้าง เห็นภาพท้องฟ้ากว้างขณะได้สัมผัสถึงสายลมเป็นครั้งสุดท้าย จดจำไออุ่นและสีสันสวยงามของโลกใบนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ที่สำคัญ...เขายังมีภาระบางอย่างที่ยังไม่ได้ทำเหลืออยู่อีกด้วย

“ผมขอกลับไปเก็บของที่ห้องก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวค่อย...” ทั้งเขาทั้งคุณรตีต่างเบือนหน้าไปคนละทางอย่างลำบากใจ ก่อนที่จินดนัยจะรีบยิ้มออกมา “คุณรตีไม่ต้องไปส่งหรอกครับ ผมลงไปเรียกแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลนี่เอง”

“ให้ลุงโตไปส่งดีกว่า” คุณรตีส่ายหน้ายามเขาตั้งท่าจะปฏิเสธ “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง อย่าให้ฉันเป็นห่วงเลย”

เขาเลยปิดปาก ยกมือไหว้เป็นครั้งสุดท้ายและก่อนจะแยกกันไปคนละทาง คุณรตีได้ทิ้งท้ายให้เขาพร้อมรอยยิ้มที่นับได้ว่ามากที่สุดนับตั้งแต่หลังเกิดเรื่อง “ขอบใจเรามากนะ สำหรับทุกๆ อย่างที่ทำให้ตาเหนือตลอดมา ฉันต้องขอขอบใจแทนลูกด้วย”

นั่งขดตัวบนเบาะหน้าข้างลุงโตซึ่งเงียบๆ ไปเช่นกัน คาดว่าคงจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นานช้ากว่าที่ชายวัยกลางคนจะกล้าเอ่ย “เอ่อ ไอ้หนู ข้าว่าเอ็งน่าจะลองขอโทษ ขอโอกาส ขอร้องคุณรตีดูอีกรอบนะ ถึงท่านจะเป็นคนเข้มงวดแต่ก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรนักหนา ถ้าเอ็งลองขอโทษ...หรือบอกคุณเหนือ...”

“ไม่” ประกาศชัดแล้วกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ “เพราะผมรู้ว่าผมผิดถึงไม่อยาก ไม่ต้องการให้ใครยกโทษให้ พี่เหนือไม่เคยแม้แต่จะโทษว่าเป็นความผิดผม เพราะอย่างนั้นล่ะ ผมถึงรู้ว่าผมต่างหากที่...” ส่ายหน้าดิกพร้อมยืนยันหนักแน่นกับลุงโตและตนเอง “มันไม่มีทางอื่นแล้ว”

“เอ็งไม่ห่วงคุณเหนือบ้างเหรอ ท่านคง...ไม่รู้สิ...ถ้าคุณเหนือรู้ว่าเอ็งโดนไล่ออก ข้าไม่อยากเลยคิดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ลุงโตถอนหายใจยาวเหยียด ย้อนถามเบาๆ “แล้วหลังจากนี้จะทำยังไง”

“คงต้องอาศัยเวลาสักพักมั้งลุงกว่าพี่เหนือจะเข้ากับเด็กรับใช้คนใหม่ได้ ผมกลัวแค่ว่าพี่เหนือจะไปไล่ตี ไล่ตะเพิดจนเขาทนไม่ได้ หรือถ้าเด็กรับใช้ที่จะมาแทนผมจะไม่รู้ว่าพี่เหนือจะพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องถ้าถูกปลุก ยิ่งถ้านอนไม่พอจะหงุดหงิดหนัก หรือเรื่องที่พี่เหนือไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศ หรือ...ถ้าพี่เหนือนอนฝันร้าย ต้องจับมือไว้ ต้องคอยอยู่ข้างๆ...”

ลุงโตละสายตาจากถนนชั่วครู่เพื่อเหลือบมองมาทางเขาอย่างนึกเวทนา “ข้าไม่ได้ถามถึงคุณเหนือ ข้าถามถึงเอ็งต่างหากว่าต่อไปนี้เอ็งจะทำอะไร จะไปที่ไหน”

นึกเก้อกระดากจนตีหน้าไม่ถูก จินดนัยรีบพูดเสียงดังคล้ายคนที่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไปในชีวิต “ผมคงรออีกสักพัก อาจจะหาห้องเช่าอยู่สักระยะแล้วค่อย...กลับบ้าน” เมื่อสองคำสุดท้ายหลุดจากปาก แทนที่จะรู้สึกอบอุ่น เขากลับรู้สึกถึงความว่างเปล่า จุดสิ้นสุดและอนาคตที่ไม่มีวันมาถึง “ผมพอมีเงินเก็บ ตอนทำงานที่นี่ก็แทบไม่ได้ใช้อะไร แถมคุณรตียังใจดีให้เงินมาอีกก้อน ผมคงหาห้องเช่าอยู่ได้ไม่ยาก...มั้ง”

“อายุขนาดเอ็งเนี่ยนะจะมีใครยอมให้เช่าโดยไม่มีผู้ปกครอง หรือต่อให้มีเงินถุงเงินถังไปกองบนโต๊ะ ก็คงมีแต่พวกหอเถื่อน ไม่ปลอดภัย ไม่ตรวจสอบผู้เช่าเท่านั้นล่ะที่จะยอม แล้วถามจริงเถอะ ถ้าเกิดโดนปล้น โดนลากเข้าห้องขึ้นมา ตัวเท่านี้จะเอาอะไรไปสู้เขาวะ” ลุงโตเอี้ยวตัวมากดหัวเขาลงอั๊กๆ ราวกับจะตอกย้ำหรืออัดให้มันเตี้ยลงไปอีกสองสามนิ้วสมคำพูดก่อนยิ้มเศร้าๆ

“ไม่เคยมีใครทนคุณเหนือได้อย่างที่เอ็งทน และที่สำคัญ คุณเหนือไม่เคยยอมใครอย่างที่ยอมเอ็งด้วย อันที่จริง คนเขารู้กันทั้งบ้านล่ะว่าท่านติดเอ็งมากเกินไปด้วยซ้ำ ถึงไม่ได้จะใช้อะไร แต่แค่เรียกหา แค่อยากให้ไปนั่งข้างๆ ฟังเอ็งพูดบ่นพล่ามไปเรื่อย คุยกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่คุณเหนือท่านก็ดูมีความสุขอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมานาน แล้วเอ็งคิดหรือว่าเด็กรับใช้คนใหม่ คนต่อๆ ไปจากนี้จะทำได้อย่างที่เอ็งทำ จะห่วงท่านได้อย่างที่เอ็งห่วง”

ครั้นไม่มีคำตอบใดจากคนนั่งนิ่ง เสมองไปนอกหน้าต่าง ลุงโตจึงถอนหายใจอีกรอบ “เอาเถอะ ยังไงมันก็ชีวิตเอ็ง เอ็งจะทำยังไงก็เป็นสิทธิ์ของเอ็งล่ะนะ เอาเป็นว่า ถ้าอยากหาห้องเช่าอยู่สักพักก่อนคิดหาทางไปต่อจริงๆ ล่ะก็ ข้าจะช่วยเอ็งหา ยังไงคืนนี้เอ็งเก็บข้าวของแล้วนอนพักเอาแรงเสีย เอาไว้วันพรุ่งนี้ หลังจากข้ากลับจากโรงพยาบาลแล้วเราค่อยไปหาห้องด้วยกัน”

++++++++++

อันที่จริง เขาเก็บสมบัติส่วนตัวอันน้อยนิดเสร็จได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงดี เพราะมีแค่เสื้อผ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้าเก่าๆ ของแสงเหนือที่คุณรตีโละมาให้ หนังสือการ์ตูนอีกนิดหน่อยกับของใช้จิปาถะไม่กี่อย่าง หากแต่ใช้เวลาที่ควรจะเอาไปนอนพักผ่อนอย่างที่ลุงโตบอก เขากลับแอบย่องขึ้นไปนั่งขดบนฟูกตรงมุมห้องแสงเหนือ และกวาดตามองทุกอย่างไว้ เผื่อว่าวันหน้าจะได้ไม่ลืม

ความทรงจำที่ดีเป็นสิ่งมีค่าที่เขาอยากเก็บไปด้วย เขาอยากจดจำวิธีที่แสงเหนือเดินไปมารอบๆ ห้อง หรือยามเจ้าตัวแอบทำอะไรก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่ตามลำพังเพราะคิดว่าเขาไม่เห็น ภาพคนตัวโตที่นอนหลับอย่างแสนสุขข้างกาย คนขี้เซาที่มักขานรับอืออามั่วซั่วยามเขายักแย่ยักยันในอ้อมกอดยามค่ำคืน ก่อนจะทำเป็นหลับต่อยามเขาหมดแรงยอมแพ้นอนนิ่งให้กอด คนหลับที่ไหนจะยังยิ้มกริ่มแก้มตุ่ยได้ เห็นทีจะมีก็แต่หมอนี่เท่านั้นล่ะ แกล้งหลับได้ไม่เนียนเลย พับผ่าสิ

“ตกลงว่าจบแค่นี้สินะ” ช้าก่อน นั่นเขาไม่ได้พูด หากเป็นเทวดาที่หายหน้าไปนานจนแทบถูกลืมต่างหาก จินดนัยถอนหายใจ ความโกรธแค้นตอนโดนไอ้คุณชัชจับตัวไปจางหายจนแทบไม่เหลือ เขาเพียงแค่ใส่น้ำเสียงประชดประชันลงไปนิดเดียว

“ว่างแล้วเหรอ หายไปตั้งนานจนคิดว่าลืมผมแล้วเสียอีก” ถ้าเป็นงั้นได้ก็ดีสิ ถ้าเทวดาจะลืมว่าส่งเขากลับลงมา กว่าจะนึกได้ก็อีกห้าหกสิบปีโน่น “มันยังไม่จบสักหน่อย ผมยังมีเวลาเหลือบนโลกนี้ อย่ามามั่วโมเมตัดโปรโมชั่นทิ้งเด็ดขาดล่ะ”

“นายทำฉันเซ็งว่ะ” นอกจากกระแสวัยรุ่นเซ็งในคำพูดดังกล่าว เขาอดสังเกตไม่ได้ว่ามันยังเจือความหงุดหงิดระคนร้อนใจเอาไว้อีกด้วย “ทำไมถึงยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ ไอ้หมอนั่นมันแค่ลูกไก่ในกำมือนายแท้ๆ จะบีบก็ตาย จะคลายก็คงคลานไปไหนไม่รอดอยู่ดี อย่าว่าแต่ฆ่า แค่นายสั่งให้ไปตาย มันคงยอมไปตายด้วยซ้ำ”

“หยุดพูดแบบนั้นนะ ผมจะไม่มีวันสั่งให้แสงเหนือหรือใครไปตายทั้งนั้นล่ะ เทวดาเฮงซวย” เขาลุกพรวด เงยหน้าตะโกนด่าท้องฟ้า “สวรรค์งั้นเหรอ! เทวดางั้นเหรอ! คุณน่ะมันปีศาจจากนรกของแท้เลย คิดแต่เรื่องสนุกๆ นี่มันชีวิตคนทั้งชีวิตแท้ๆ กลับเห็นเป็นแค่ของเล่น ให้โปรโมชั่นพิลึกๆ เงื่อนไขทุเรศๆ พอมีเรื่องคับขันก็ไม่ยอมช่วย พอผมจนปัญญาก็มาซ้ำเติม ถามจริงเถอะ มีอะไรแย่ๆ ที่คุณยังไม่ได้ทำหรือยังไม่ได้บอกผมอีกไหม”

“ฉัน...” เสียงปลายสายอึกอักกระอักกระอ่วนก่อนทำเป็นพูดเร็วๆ รัวๆ “ก็ไม่มีอะไรมากนี่ เพราะถ้านายแพ้ ฉันก็ต้องตามเคลียร์เรื่องยุ่งๆ ข้างหลังที่นายทิ้งไว้ รู้ไหมว่าการลบความทรงจำของหลายๆ คนพร้อมกันเนี่ยมันเหนื่อยแล้วก็กินแรงแค่ไหน...”

“ลบความทรงจำ” เขาทวนคำ เหนื่อยใจจนเข่าอ่อน ทรุดฮวบลงไปใหม่ “อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลย”

“ตั้งแต่ในอดีตเคยมีนักวิชาการได้ทดลองเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำของมนุษย์ รวมถึงการลืมซึ่งเป็นกลไกทางธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ร่างกายของมนุษย์จะทำการปฏิเสธ...” เทวดาตั้งท่าร่ายเล็คเชอร์ยาวหากโดนเขาเบรกเสียงเขียว “สั้นๆ!”

“เสียมารยาทจริง ก็แค่จะอธิบายให้ฟังว่าตอนนี้การมีอยู่ของนายมันเป็นเหมือนน็อตตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งในกลไกอันยิ่งใหญ่ ฟันเฟืองที่จะหมุนไปต่อเนื่องไม่มีจุดสิ้นสุด แต่ถ้าน็อตตัวนั้นเกิดชำรุดหรือหมดประโยชน์ ฉัน...ผู้ดูแลกระแสชีวิตและกาลเวลาจะต้องทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้เหมือนปกติ ไม่ว่าจะมีน็อตตัวนั้นหรือไม่ การซ่อมแซมของฉันคือการตัดระบบส่วนที่นายเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพื่อไม่ให้ใครหรืออะไรได้รับผลกระทบจากการที่นายกลับมาหรือ...หายไปอีกครั้ง”

“หมายความว่าทุกคนจะลืมผมเหรอ... คุณจะทำแบบนั้นได้ยังไง แล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาล่ะ ถ้าเกิดมีใครถามขึ้นมาว่าเมื่อช่วงที่ผ่านมา ใครเป็นคนรับใช้พี่เหนือ ใครที่โดนจับตัวไปพร้อมพี่เหนือ ถึงตอนนั้น ทุกคนจะตอบว่ายังไง” เขาเถียง ไม่อยากยอมแพ้ ไม่อยากยอมรับ

“พวกมนุษย์ลืมอะไรง่ายดายกว่าที่นายคิดเยอะ อันที่จริง ฉันอาจแค่ลงนั่งรอเวลาให้ผ่านไปสักพัก ผู้คนก็จะลืมโดยอัตโนมัติ เธอจะค่อยๆ เลือนจากความทรงจำของทุกคน เหมือนแม่นายลืมความเจ็บปวดตอนนายตาย ทุกๆ คนจะลืมชื่อ ลืมน้ำเสียง ลืมใบหน้า ไม่ว่าจะเคยได้พบ ได้เจอมากแค่ไหนก็ตาม”

นิ่งเงียบสักพัก จินดนัยจึงค่อยเอ่ยถามเหม่อลอย “แสงเหนือก็จะลืมผมเหรอ”

“ใช่...” น้ำเสียงไม่ยี่หระฟังคล้ายผู้พูดกำลังสมน้ำหน้าเขาก็ไม่ปาน “น่าเสียดายนะ อุตส่าห์เล่นบทพ่อพระผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อให้คนอื่นมีชีวิตแทน กลับไม่ได้อะไรตอบแทนสักอย่าง อย่าว่าแต่คำไว้อาลัยบนป้ายหลุมศพเลย คำขอบคุณสักคำ นายก็จะไม่มีวันได้ เพราะนายจะกลายเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีตัวตนบนโลกนี้ ดังนั้น เปลี่ยนใจเสียเถอะ ไปฆ่าหมอนั่นตอนนี้ก็ยังไม่สาย ฉันแนะนำว่า...”

“แต่ผมจะไม่ลืมเขาใช่ไหม” ไม่มีคำตอบใด จินดนัยจึงลุกไปที่โต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง หยิบกรอบรูปที่เคยดูตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในห้องนี้ ยิ้มให้คนในภาพ “...ได้แค่นั้น ผมก็พอใจแล้ว”

“ที่ๆ นายจะไป ความทรงจำนั่นช่วยอะไรไม่ได้หรอก” ไม่มีกระแสเยาะเย้ย เหยียดหยัน นอกจากความเวทนาในความโง่ของเขาเท่านั้น เขาถึงกับเงยหน้ายิ้มยามมองท้องฟ้ากว้างไปนอกหน้าต่าง หวังให้คู่สนทนาบนนั้นมองเห็นว่าเขามีความสุขกับความโง่ของตัวเองมากแค่ไหน

“ผมจะไม่ลืมเขา แค่นั้นก็พอ”

++++++++++++++++++++++++++

TBC

******************************************************

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....
อ่านกันเถอะ มะอยากสปอยยยยยยยย

ป.ล. แหล่งที่มาที่สายส่งให้ มันก็ลงเท่าที่เรามาลงอ่ะค่ะ ตอนบอกมัน สายส่งโวยวายใหญ่ว่ามันมีเท่าที่ส่งให้จริงๆ
งั้นก็แสดงว่าที่บอกว่าลงถึง 19 คงเป็นอีกที่นึงอ่ะค่ะ ต้องขออภัยคนที่รอด้วย
เพราะเราก็ได้อ่านเท่าที่ลงให้เพื่อนๆ และ น้องๆ พี่ๆ อ่านเหมือนกัน  :sad2:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 16 มาแล้วคร๊าบบบบบบบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 07-07-2008 14:20:07
:serius2:
ทามมายยังไม่มาต่ออีกกกกกก มัวแต่กิ๊กกะหนุ่ม ๆ เพลินรึไงงงงง
เห็นนะไปฝากรัก ฝากคิดถึงกันไว้น่ะ...  :laugh:

 :L1: :L2: :L1:


แอร๊ยยยยยยยยยยยย...ใส่ความมมมมมมมมม....มาแอบดูฮิเราเหรอ เหอๆๆๆ  :m12:
น่า..รักก็ต้องบอกว่ารักสิ ก็เหมือนที่รักเพื่อนอ่ะแหละ อิอิ  :m1:

สู้ๆนะครับพี่ยาโย

คร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบผม น้องทรีที่รัก... :a2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 07-07-2008 14:42:46
 :oni2: มาโหม่งพี่โยย

เด๋วจะมาตามอ่านให้ทันนะค้าบบบบ  :o8:

มา+1 เป็นกำลังใจให้พี่โยยยยยยยยย  :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 07-07-2008 15:04:48
 o7

T^T

ไม่ไหวแร้วววววว

คุนรตีจัยร้ายยยยยย

คอยดูเถอะ  แร้วจะรุ้ว่าคิดผิดที่ไล่จินออก

.....

ขอเวลาไปสั่งน้ำมูกก่อนนะฮับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: fc_uk ที่ 07-07-2008 16:10:42
มาหา จขกท  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 07-07-2008 16:16:37
อ่านแล้วปวดจิต :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 07-07-2008 16:22:48

ความเศร้ามาเยือนแล้ววว  :o12: :o12: :o12:

วันก่อนแอบไปอ่าน พี่มาร์ค กะน้องปาย  สนุกมากๆ

ขอบคุณ DD ขอบคุณ yayoy

คิดถึงพี่มาร์ค จัง  สงสารพี่เหนือด้วย เอ็นดูน้องจิน โอ้ยยยยยย บริหารหัวใจม่ายถูกกแร้ววววววว

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 07-07-2008 16:38:32
โอย.. อ่านตอนนี้แล้วปวดตับ
อยากอ่านต่ออย่างแรง
ตอนหน้า เหนือคงรู้แล้ว่า จิน หายไป

คุณรตี จะให้คำอธิบายว่ายังไง

จิน จะมีเวลาเหลือเท่าไหร่

โอ้ย ลุ้น..

------------------------

งั้นเราก็มาอิจฉาตาร้อน บอร์ดนู้น(ไหนไม่รู้) ด้วยกัน

ซิกๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 07-07-2008 17:22:57

...โฮ... :o12:..เศร้า..โคด..โคดเลยอ่ะ...
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-07-2008 17:24:06
 :sad2: เศร้าไปไหนคับเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 07-07-2008 18:02:25
สงสารจิน เฮ้อ ไม่รู้จะทำอย่างไงดี
กลับบ้านก้อไม่มีใครรู้จัก อะไรมันจะอ้างว้างอย่างงี้

เศร้า :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 07-07-2008 18:14:16
 :o12: จินจ๋า สู้ตาย ตายแล้วก็ตายอีก :เศร้า1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 07-07-2008 19:17:28
ขอบคุณครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: Taurus ที่ 07-07-2008 20:00:26
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 07-07-2008 20:03:21
กลั้นน้ำตา จนเจ็บคอ

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 07-07-2008 21:03:02
โถ...จิน :o12:

คุณหญิงแม่ใจร้ายเนอะ

แต่วิกกี้ก้อน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 07-07-2008 21:25:34
 :o12:....แง๊๊ีๆๆๆๆๆ

ไม่ไหวแล้ว เศร้าได้ใจมาก ขอร้องไห้ซักทีเหอะ ขอร้องว่ามาต่อไวๆนะคะ อกจะแตกตายอยู่แล้ว ฮืออออ



แต่งเก่งมากค่ะ อินจะแย่อยู่แล้ว จะรอตอนต่อไปนะคะ o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 07-07-2008 23:55:22
คุณหญิงแม่ใจร้ายยสุดๆเลยอะ แทนที่จะขอบคุณ อุส่าให้ลูกชายตัวเอง รอดตายย นี่อาไร๊เนี้ยยย......


จินจาตายอีกไหมเนีย้


ต้องเปนปามานว่า พี่เหนือ โวยวาย กลับเป็นเหมือนเดิมแน่เลยอะ  แล้วหญิงแม่ก้อตามหาจิน


คุณเทวดานี่หน้าจับตีก้นนะเนี้ย  จาลบความจำนสะงั้น ชิส์ๆ


มาอัพ เรวๆน้าฮะ พวกเรารออยู่ คิคิ  :oni3:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 08-07-2008 02:44:40
 :o12: ชอบจังเลยครับ "ถึงเขาจะลืมผม แต่ผมก็จะไม่ลืมเขา" สุดยอดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo ที่ 08-07-2008 02:50:00
โอ๊ย อ่านตอนนี้แล้วมันปวดใจ  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 08-07-2008 08:31:35
เศร้า

จินเศร้า คนอ่านก็เศร้า

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-07-2008 22:01:20
รออ่านตอนต่อจ้า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 09-07-2008 07:42:59
ทำไมมันเริ่มเศร้าละเนี่ย  :m15:

จะเป็นได้แค่คนที่ถูกลืม  :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 09-07-2008 15:44:58
รีบไปหน่อย จำตอนผิด นึกว่าอัพตอนใหม่แย้ว อายจัง :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-07-2008 12:50:30
รออยู่นะครับพี่ยาโย :L1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 10-07-2008 20:28:48
 o7 คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค้าบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 13-07-2008 00:31:13
 o12
อยากจะเหวี่ยงเทวดาให้ตกสวรรค์เจง ๆๆๆๆ  :m16:
งอนหญิงแม่ อิจฉาวิกกี้ สงสารจิน เป็นห่วงเหนือ
 :serius2:
ตอนหน้าถ้าพี่เหนือรู้... :a5:    จะตามมาเผาเล้าป่าวเนี่ย

ปล. รักก็ต้องบอกว่ารักช่ายม๊า...เชื่อเพื่อนนนน  :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: εїзป่วงน้อยεїз™ ที่ 13-07-2008 00:45:10
มารอตอนต่อไปค่า  :m13:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 17 อัพแย๊ววววววววววววววววววว
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 14-07-2008 10:30:46
สู้ๆนะครับพี่ยาโย :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสว&#
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 14-07-2008 13:46:06
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 18 – ที่ที่เคยยืน ~

=======================================

วันรุ่งขึ้น จินดนัยจัดแจงหิ้วกระเป๋าใบเล็กกับถุงใส่ของกระจุกกระจิกไปหาลุงโตเมื่อเห็นแกกลับมาในตอนบ่าย ยิ้มให้ชายวัยกลางคนที่ร้องคล้ายไม่อยากจะเชื่อ “นี่เอ็งอยู่มาตั้งเกือบปี มีสมบัติเท่านี้เองน่ะหรือ”

เขากอดกระเป๋ากระชับกับอกพลางตอบอย่างปกป้องตนเอง “มีของจำเป็นครบก็แล้วกัน”

ทีแรก ลุงโตตั้งใจจะขับรถจ่ายตลาดคันเล็กพาเขาออกตระเวนหาห้องพัก หากเขาค้านเสียงหลงโดยไม่สนใจแม้อีกฝ่ายจะยืนยันว่าคุณรตีคงไม่ว่าอะไรก็ตาม “ไม่ได้หรอก สมัยนี้น้ำมันแพง ค่าแรงถูก รัฐบาลชาติไหนๆ ก็ไม่มีทางแก้ ผมไม่ใช่ลูกจ้างเขาแล้วยิ่งไม่ควรเอาเปรียบ แถมตามโทรทัศน์ยังประกาศนโยบายประหยัดพลังงานกันปาวๆ ให้ใช้รถสาธารณะ ซ้อนสอง นั่งให้ครบสี่ ทางเดียวกันไปพร้อมกัน ช่วยลดแก๊สเรือนกระจก...”

ไม่รู้เพราะขี้เกียจฟังเขาพูดพล่ามเรื่องพิษเศรษฐกิจควบคู่ประเด็นโลกร้อนหรือเปล่าจึงยอมเออออช่วยเขาถือกระเป๋าและเล่าคร่าวๆ ให้ฟังยามอยู่บนรถเมล์ “ข้าจำได้ว่ามีหอพักอยู่เยอะแถวถนน... เพราะมันมีมหาลัยอยู่ใกล้ๆ ยังไงเดี๋ยวเราลองไปดูแถวนั้นกันก่อน”

ใครว่าหอพักหาง่าย โดยเฉพาะยามที่ไม่ใช่ช่วงปีการศึกษาใหม่ด้วยแล้ว หอพักที่ไหนๆ ก็เต็มตลอด เขาเริ่มขาลาก ปาดเหงื่อและถึงกับกลืนข้าวไม่ลงคอตอนนั่งพักกินข้าวกลางวันในร้านแถวๆ นั้น ยิ่งมองลุงโตก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากไปพลาง เหลือบดูนาฬิกาข้อมือไปพลาง เขาก็ยิ่งใจเสีย

“เอ่อ ถ้าลุงต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลก็กลับไปก่อนได้นะ ผมว่าผมน่าจะพอหาเองได้ ถ้าลงไปดูตามรอบนอกกว่านี้” สาเหตุอีกอย่างคือเขาเหนื่อย เหนื่อยจนแทบเป๋ลงข้างทางหลายรอบ ถึงแดดจะร้อนเปรี้ยงหากเหงื่อกลับออกจนตัวเย็นแต่ก็ไม่กล้าขอพักเพราะรู้ว่าลุงโตคงรีบอยู่ไม่น้อย “คงมีสักหอล่ะน่าที่ว่าง ลุงไปเฝ้าพี่เหนือเถอะ”

“ข้าจะปล่อยเอ็งเดินย่ำต๊อกหาคนเดียวได้ไง บ้าหรือเปล่า” ถึงปากจะดุแต่ท่าทางคนพูดก็ไม่ได้หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย นอกจากมองเจ้าเด็กที่นั่งคอตกเขี่ยข้าวไปมาไม่ยอมกินเสียที “แล้วเอ็งไม่ต้องห่วงคุณเหนือหรอก เพราะท่านรู้ว่าเอ็งออกจากโรงพยาบาลมาก่อนแล้ว แต่คุณรตียังไม่กล้าเล่าเรื่องให้เอ็งออก กลับบอกคุณเหนือว่าเอ็งกลัวผีบ้าง ไม่ชอบกลิ่นยาบ้างเลยหนีกลับไปอยู่บ้านแทน ฟังแล้วคุณเหนือเงียบกริบเลย หลังจากนั้นก็ไม่ยักหงุดหงิดหรือบ่นสักแอะตอนโดนตรวจ โดนฉีด ตอนกินยาจนคุณนายยังยิ้มร่า แต่ข้าว่าท่านคงไม่รู้หรืออย่างน้อยก็คงไม่คิดอย่างที่ข้าคิดหรอกว่าคุณเหนือคงอยากรีบหายดี จะได้รีบกลับมาหาเอ็ง...”

ข้าวที่กล้ำกลืนตักเข้าปากทำท่าจะไม่มีทางผ่านลำคอตีบตันไปได้ ต้องอาศัยดูดน้ำจนเกือบหมดแก้ว จินดนัยจึงสามารถพูดได้อีกครั้ง “ผมอิ่มแล้ว ถ้าลุงอิ่มแล้วก็รีบเรียกคนมาคิดตังค์เถอะ จะได้รีบหาต่อ”

พวกเขาเบนเข็มเปลี่ยนถนน เลี่ยงออกมายังบริเวณใกล้เคียงกันแทนและได้เจอหอพักที่ไม่เต็มอยู่หลายแห่ง คราวนี้ไม่ใช่เขาทำตัวเรื่องมาก หากกลายเป็นลุงโตที่ส่ายหน้ายามพิจารณาแต่ละที่ “ไม่ไหว มีแต่พวกโรงงานอยู่กัน ไม่ใช่ว่าข้าตั้งแง่อะไรนะ แต่เอ็งดูสิว่าหน้าตาแต่ละคนเถื่อนๆ ทั้งนั้น ขืนเอ็งอยู่คงโดนงัดห้องตั้งแต่วันแรกแน่”

จนมาถึงอาคารสี่ชั้นลึกเข้ามาในซอยที่สภาพสะอาดพอดูได้และเจ้าของห้องพักก็เป็นสตรีรุ่นป้าที่ค่อนข้างใจดียามจ้องเขาลอดแว่น “หาที่พักเหรอพ่อคุณ นี่ฉันมีห้องว่างชั้นสี่อยู่หลายห้อง จะดูก่อนไหม”

เขารีบพยักหน้ารับ เพราะหลายที่ที่ดูมา ไม่แม้แต่จะให้ดูห้องพักก่อน เขากับลุงโตจึงเดินขึ้นบันไดตามหลังเจ้าของห้องพักที่ขยับพวงกุญแจกรุ๋งกริ๋งไปด้วยตลอดทาง “พวกคนเช่าเขาไม่ค่อยเดินหาเข้ามาลึกถึงในนี้เท่าไหร่หรอก เขาว่ามันลึกเกินหรือไม่ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะฉันชอบไล่ตะเพิดเวลาพวกเมาๆ กัน เคยแจ้งตำรวจมาลากคอไปก็มี วันต่อมามันกลับมาด่าฉัน ขู่จะเผาที่นี่มั่งล่ะ แต่เจ้าพวกนี้ส่วนใหญ่ดีแต่ปาก เอาเข้าจริงก็ไม่กล้าทั้งนั้น”

ห้องที่ถูกเปิดให้ดูมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พื้นปูเสื่อน้ำมันสีเขียวเข้มเป็นจุดกระดำกระด่างหากดูสะอาดสะอ้าน ภายในห้องมีเตียง โต๊ะและตู้เสื้อผ้าพลาสติกครบ ส่วนห้องน้ำแม้จะมีขนาดค่อนข้างแคบแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีคราบดำตามซอกตามมุม นอกจากคราบตะไคร่เขียวๆ ตามขอบกระเบื้องเล็กน้อย “ห้องด้านนี้จะดีกว่าอีกด้าน น้ำแรงกว่าแล้วก็รับลมมากกว่าเพราะด้านหลังติดที่โล่ง ตอนกลางคืนเปิดหน้าต่างนอนแล้วแทบไม่ต้องเปิดพัดลม แต่อย่าลืมปิดมุ้งลวดเชียวล่ะ ไม่งั้นยุงหามไปไม่รู้เรื่อง”

ป้าเจ้าของขยับตุ้บตั้บไปเปิดหน้าต่างออกกว้าง กระแสลมแรงที่พัดวูบเข้ามาในห้องนั้นเย็นสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งอาจเป็นเพราะมีหนองน้ำอยู่ด้านหลังติดกับที่โล่งด้านหลังนั่นเอง จินดนัยวางถุงลงบนเตียง ยิ้มหมดแรงให้อีกสองคนในห้อง

“เอาที่นี่ล่ะ” ลุงโตไม่ทักท้วงคำพูดเขา นอกจากมองรอบๆ อีกครั้งและหันไปตกลงเรื่องรายละเอียดกับเจ้าของหอ จนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการ เขาจึงเดินมาส่งลุงโตด้านหน้าและพยักหน้าหงึกรับฟังคำสั่งสอน

“...เออ เข้าใจไหม แล้วอย่าลืมเบอร์โทรข้าล่ะ เก็บไว้ให้ดีๆ อย่าทำหายนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็รีบโทรมาบอกข้า เงินทองต้องเก็บให้มิดชิด จะไปไหนมาไหนก็ระวังตัวด้วย ค่ำมืดดึกดื่นอย่าออกมาเดินงุ่มง่ามคนเดียวเด็ดขาด เจอใครน่าสงสัยก็แจ้งตำรวจจับแม่มเลย เอ มีอะไรอีกวะ...”

“ผมโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ ต้องคอยห่วงมากมายหรอก” หากก่อนที่ลุงโตจะจากไป อยู่ๆ แกกลับหันมาเอ่ยถามคล้ายไม่แน่ใจ “ไอ้หนู เอ็งจะยังไม่ไปไหนใช่ไหม”

“ไปไหน ลุงจะให้ผมไปไหนได้ล่ะ” เขาตอบขำๆ หากต้องหุบยิ้มยามโดนคาดคั้น “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่มันห่วงๆ เอ็งบอกไม่ถูก”

หลังจากยืนยันหนักแน่นและโบกมือลาจนร่างของชายวัยกลางคนหายไปจากสายตา จินดนัยก็กลับขึ้นห้องไปจัดการทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำโดยอาศัยความเอื้อเฟื้อของเจ้าของหอซึ่งให้ยืมไม้กวาด ผ้าขี้ริ้วและถังน้ำ เขาก้มหน้าก้มตาปัดกวาดเช็ดถูบ้านใหม่จนเสร็จแล้วค่อยอาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคล เมื่อสบายเนื้อตัวดีแล้วจึงค่อยหันมาจัดการสัมภาระน้อยนิดของตนเรื่อยๆ

รอยยิ้มค่อยคลี่กระจ่างบนใบหน้ายามเขาหยิบไปโดนกรอบรูปตรงก้นกระเป๋า รีบเหลียวหาที่ตั้งและตัดสินใจวางตะแคงโชว์มุมสวยเด่นเป็นสง่าบนหัวเตียง

อืม เขาไม่อยากเรียกตัวเองว่าขโมยหรอกนะ แต่ไหนๆ ทิ้งไว้ที่เดิมก็คงทำประโยชน์อะไรให้เจ้าของเก่าไม่ได้ เลยขอยืมมาเป็นเพื่อนแค่นั้นเอง รอยยิ้มกว้างของชายหนุ่มกับมารดาในรูปยังสดใสเหมือนทุกคราวที่เขาเห็นแม้ว่าตอนนี้มันจะต้องมาอยู่ในห้องเช่าราคาย่อมเยาแทนคฤหาสน์หลังโตแล้วก็ตาม

“ยินดีต้อนรับสู่ห้องของผมครับ พี่เหนือ”

++++++++++

แม้จะแสดงท่าทางสบายดียามกลางวัน หากพอตกค่ำต้องอยู่ตามลำพังแล้วจินดนัยก็อดกลัวผีไม่ได้ ความเงียบแม้จะไม่สงัดหากก็ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงแมลงและนานๆ ครั้งจะมีเสียงมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์แล่นผ่าน และนานยิ่งกว่าถึงจะมีเสียงคนเดินผ่านหน้าห้อง ถึงตอนนี้ต่อให้คิดว่าจะพักที่นี่ไม่นาน แต่เห็นทีพรุ่งนี้เขาคงต้องออกไปหาซื้อวิทยุสักเครื่องมาเปิดเสียงเป็นเพื่อนแก้เหงาเสียแล้ว

หลังจากพลิกนิตยสารที่เพิ่งซื้อมาพร้อมอาหารเย็นอ่านจนหมดเกลี้ยง เขาก็ตัดสินใจเข้านอนแม้ว่าจะเพิ่งเป็นเวลาหัวค่ำก็ตาม ทีแรกเขาตั้งใจจะเปิดไฟกลางห้องทิ้งไว้ แต่เมื่อนอนไปได้สักพักก็รู้สึกรำคาญแสงไฟสว่างจ้าที่มันแยงตาจนต้องลุกมาปิดและรีบกระโดดกลับขึ้นเตียง นอนฟังเสียงแมลงกลางคืนจนเคลิ้มหลับไป

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ เขาก็ต้องสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจเพราะเสียงทุบประตูโครมครามพร้อมเสียงผู้ชายตะโกนอ้อแอ้ “เปิดประตูเด๋ว...นี้! เปิดประตูสิวะ! อีนี่ กูบอกให้เปิด อย่าให้กูโมโหนะมึง!”

ผุดลุกมาหันรีหันขวางได้สักพัก คิดในใจว่าเป็นตายยังไงก็ไม่เปิด ขืนเปิดก็โง่สิวะ หากคนตรงหน้าประตูดูจะยิ่งหัวเสียหนักจึงเริ่มตะคอกพร้อมเตะประตูปัง “อย่าให้กูเข้าไปได้นะ มึงตายแน่อีแก่...”

“ไอ้หมาตัวไหนมันกล้าเรียกกูอีแก่!” เสียงที่สองดังแหวกความขวัญบินของเขาราวกับเสียงฮีโร่ ถึงจะไร้กระแสอ่อนหวานหากก็เป็นเสียงผู้หญิงที่แทบจะทำให้เขาดีใจจนน้ำตาแทบไหล “ไอ้ผัวเวร เมื่อไหร่จะเลิกทุบประตูผิดห้อง มันรบกวนชาวบ้านเขาไม่รู้หรือไง มันน่าให้โดนไม้หน้าสามสักผั๊วะจริงๆ”

จินดนัยอดย่องมาแง้มประตูดูหน้าผู้มีพระคุณไม่ได้ และทันเห็นหญิงสาวในชุดนอนตัวหลวมสีซีดคนหนึ่งกำลังลากหูเจ้าของเสียงโหดในทีแรกที่บัดนี้มีแต่เสียงร้องครางหงิงๆ หญิงสาวเองเหลือบมาเห็นเขาเช่นกันจึงรีบขอโทษขอโพย “โทษๆ ไอ้ผัวฉันมันก็แบบนี้ล่ะ อยู่มาสองปีแล้วแต่วันไหนไปแ-กเหล้ามา มันทุบประตูผิดห้องทุกที วันไหนรำคาญทนมันไม่ไหวก็แพ่นกบาลมันได้เลยนะ ไม่ถือกัน”

ปิดประตูถอนหายใจหลายเฮือก กว่าจะค่อยมุดหลบใต้ผ้าห่มผืนบาง นี่คือสิ่งที่เขาเลือกเอง ดังนั้นถ้าอยากจะโทษใครก็คงต้องโทษตัวเอง เล่นบทพระเอกขี่ม้าขาว จากมาท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงแล้วถ้ากล้องยังคิดจะถ่ายต่อคงได้ภาพพระเอกกลับมานอนขดตัวตามลำพังบนเตียงเล็กๆ ใต้ผ้าห่มมีกลิ่นอับนิดๆ นอนหลับตาปี๋เพราะยังกลัวผีไม่หายแบบเขานี่ล่ะ

ร่างใต้ผ้าห่มนอนไม่กระดุกกระดิกหลายนาที กว่าจะค่อยๆ เอื้อมมือออกมาควานเปะปะแถวหัวเตียงจนเจอกรอบรูปที่ตั้งอยู่ แล้วจึงรีบคว้ามันซุกเข้าใต้ผ้าห่มตามเดิมท่ามกลางเสียงถอนหายใจปนเสียงสะอื้นเบาแสนเบาก่อนที่จะเสียงดังกล่าวจะค่อยลับหายไปกับเสียงแมลงเรไรร้องยามราตรี

++++++++++

วันต่อมา หลังจากอาบน้ำแต่งตัว หาข้าวเช้ากินแถวๆ ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ กันเสร็จ จินดนัยก็มุ่งหน้าไปยังที่หมายที่ตั้งใจ

เขามาหยุดลังเลอยู่หน้าตัวแทนบริษัทส่งออกอาหารแช่แข็งบริเวณใจกลางเมืองพักใหญ่ นึกไตร่ตรองหลายตลบก่อนจะเดินไปโทรศัพท์ที่ตู้ กดหมายเลขโทรศัพท์ที่ยังจดจำได้ดีและกรอกเสียงตื่นๆ ลงไปยามปลายสายรับ “ขอสายคุณจิดาภา แผนกบัญชีครับ”

ระหว่างรอโอนสาย จินดนัยก็ยืนใจเต้นตูมตามคับอก มือเย็นเฉียบและแทบจะหยุดหายใจยามมีคนพูด “ฮัลโหล”

หากนั่นไม่ใช่เสียงที่เขาอยากได้ยิน “เอ้อ รบกวนขอสายคุณจิดาภาครับ”

“คุณจิดาภาน่ะเหรอ เอ ขอโทษที ไม่ทราบว่านั่นใครโทรมาคะ” อีกฝ่ายย้อนถามเสียงกังวล เขาจีงรีบกล่าวสิ่งที่เตี๊ยมไว้ล่วงหน้ามาก่อนอย่างคล่องแคล่ว “ผมเป็นเพื่อนของลูกชายคุณจิดาภาครับ พอดีว่าผมเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกเลยเพิ่งทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุ ผมมีของของต้นที่อยากคืนให้คุณแม่น่ะครับ ไม่ทราบว่า...”

“อย่างนี้นี่เอง” ปลายสายค่อยคลายใจและอธิบายให้ฟัง “คุณเลยไม่ทราบว่าคุณจิดาภาลาออกไปตั้งนานแล้ว ก็หลังจากเกิดเรื่องกับลูกชายเขานั่นล่ะค่ะ คุณจิดาภาเธอเสียใจมากจนทุกคนกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรตามลูกชายไปอีกคน น่าสงสารเธอมากเลยค่ะ ลูกชายคนเดียวแท้ๆ รู้สึกว่าจะเป็นเด็กดีเรียนเก่งเสียด้วย น่าเสียดาย”

เขากัดปากแน่นจนได้ลิ้มรสเลือดปะแล่มๆ และเงียบจนกระทั่งปลายสายเริ่มระลึกได้ จึงรีบกระแอม “เอ่อ ดิฉันไม่น่าพูดแบบนั้นเลยสินะ เพราะเขาก็เป็นเพื่อนคุณเหมือนกัน เอาเป็นว่า ถ้าอยากติดต่อคุณจิดาภาจริงๆ ดิฉันได้ข่าวว่าตอนนี้เธอ...”

นิ่งฟังข้อมูลที่ได้รับจนจบแล้วแทบจะลืมขอบคุณยามวางสาย ยืนงงงวยสักพัก เขาจึงเดินขึ้นรถเมล์เพื่อไปยังสถานที่ที่คุ้นเคยอีกแห่งหนึ่งทันที

แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงบนถนนเส้นเก่าเส้นนี้ หากบรรยากาศโดยรวมยังคงอบอวลด้วยความรู้สึกแบบเดิมๆ เขามองตึกแถวเป็นแนวที่เปิดเป็นร้านขายของสารพัด คิดถึงกระทั่งสะพานข้ามคลองเล็กๆ ซึ่งแทบจะถูกกลืนหายไปกับความเจริญรอบด้าน จนกะว่าใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง เขาจึงรีบกดกริ่งลงก่อนถึงประมาณหนึ่งถึงสองป้ายรถเมล์ เพราะคิดว่าจะขอลงเดินตั้งหลักและมองหาไปด้วยพลางๆ

มันหาไม่ยากเลย ตึกแถวห้องหนึ่งซึ่งอยู่ติดริมถนนและอยู่ไม่ห่างจากป้ายรถเมล์เท่าใดนักได้ถูกทาสีใหม่เป็นสีเหลืองสดใสตัดกับสีเก่าลอกของตึกแถวห้องติดกันอย่างเห็น
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 14-07-2008 14:09:26
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 14-07-2008 14:46:44
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 14-07-2008 15:21:24
 :o12: น่าสงสารจินสุดๆเลย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 14-07-2008 15:26:48
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 14-07-2008 15:50:53
 :sad2:ปวดใจจังเลยอ่ะพี่ยาโย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 14-07-2008 16:25:23
รอตอนต่อน๊า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 14-07-2008 16:51:52
ปวดใจเหมือนกัน  :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 14-07-2008 17:15:40
จินเอ๊ยจิน ช่างเศร้านัก เศร้าต่อเนื่องมาหลายตอนแล้ว น่าสงสารจริงๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 14-07-2008 17:32:42
..โฮ...เศร้าโคด...โคดเศร้าอ่ะ..... :o12:
ปายแร่ะ.... :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 14-07-2008 18:19:08
ไม่ไหวแล้ว  :o12: สุดจะทนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 14-07-2008 18:23:10
 :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2:
 :dont2: :dont2: :dont2: :dont2: :dont2:
 :โฮๆ1: :โฮๆ1: :โฮๆ1: :โฮๆ1: :โฮๆ1: :โฮๆ1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 14-07-2008 20:42:35

อ่านแร้นจิตตก ซดน้ำตาจริงๆ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 14-07-2008 23:03:48
 :o12: โถ จินนนนนนนนนนนน มีแต่เรื่องเศร้าใจ แต่ก็ดีนะใช่ไหม ถ้าคนที่เรารักมีความสุขน่ะ

เชื่อว่า แม่คงไม่ลืมจินหรอก แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ถ้าแม่มีความสุข จินก็คงหมดห่วงใช่ไหม

แล้วนี่ถ้าพี่เหนือกลับบ้านไม่เจอ จิน จะเปนยังไง สงสารจินกะพี่เหนือ เวลาเหลือน้อยเต็มที่แล้ว

ฮืออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 14-07-2008 23:32:36


• ห้องที่ถูกเปิดให้ดูมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พื้นปูเสื่อน้ำมันสีเขียวเข้มเป็นจุดกระดำกระด่างหากดูสะอาดสะอ้าน ภายในห้องมีเตียง โต๊ะและตู้เสื้อผ้าพลาสติกครบ ส่วนห้องน้ำแม้จะมีขนาดค่อนข้างแคบแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีคราบดำตามซอกตามมุม นอกจากคราบตะไคร้เขียวๆ ตามขอบกระเบื้องเล็กน้อย “ห้องด้านนี้จะดีกว่าอีกด้าน น้ำแรงกว่าแล้วก็รับลมมากกว่าเพราะด้านหลังติดที่โล่ง ตอนกลางคืนเปิดหน้าต่างนอนแล้วแทบไม่ต้องเปิดพัดลม แต่อย่าลืมปิดมุ้งลวดเชียวล่ะ ไม่งั้นยุงหามไปไม่รู้เรื่อง”

ตะไคร่  [-ไคฺร่] น. พืชสีเขียวที่เกิดติดอยู่ตามต้นไม้ บางทีก็เกิดในนํ้าและตามพื้นดิน หรือกําแพง ที่ชุ่มชื้น.

ตะไคร้  [-ไคฺร้] น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Cymbopogon citratus (DC.) Stapf ในวงศ์ Gramineae  ขึ้นเป็นกอ กลิ่นหอม ใช้ปรุงอาหารได้.

• “ถ้าแม่รู้ว่าผมต้องฆ่าแสงเหนือเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตอีกครั้ง แม่ก็คงไม่ต้องการเหมือนกัน”

ว้าย คุณแม่ชนะเลิศค่ะ.......แม้แต่เทพยังต้องยอม

•••••••

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 14-07-2008 23:35:22
อ่านเรื่องนี้แล้ว มันเศร้ามากๆ

ตายไปแล้วก็ยังเป็นทุกข์

เศร้า ๆๆๆ :เศร้า2: :เศร้า2: :เศร้า2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 15-07-2008 01:17:46
กอดทีนึง สำหรับตอนใหม่

ยังจี๊ดใจเหมือนเดิมนะตอนนี้
ตอนหน้า เหนือ จะได้ออกจากโรงพยาบาลรึยังนะ?

ขอบคุณ
และจะรอตอนใหม่ต่อไปค้าบ

 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 15-07-2008 01:21:40
 :m4:ว้าวววว ตอนใหม่มาแว้วๆๆ

ขอบคุึณสำหรับเรื่องราวที่น่าติดตามค่ะ สงสารจินมากมายแทบอยากจะเขียนภาพประกอบให้นิยายละ ชอบแนวนี้จริงๆ สุดยอดค่าาา

จะรอตอนต่อไปน้า :oni2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 15-07-2008 15:28:49
เฮ้อ...

ชีวิตจินช่างน่าเศร้าจริงๆ

 :sad2:   :sad2:   :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 15-07-2008 16:12:34


• ห้องที่ถูกเปิดให้ดูมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ พื้นปูเสื่อน้ำมันสีเขียวเข้มเป็นจุดกระดำกระด่างหากดูสะอาดสะอ้าน ภายในห้องมีเตียง โต๊ะและตู้เสื้อผ้าพลาสติกครบ ส่วนห้องน้ำแม้จะมีขนาดค่อนข้างแคบแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีคราบดำตามซอกตามมุม นอกจากคราบตะไคร้เขียวๆ ตามขอบกระเบื้องเล็กน้อย “ห้องด้านนี้จะดีกว่าอีกด้าน น้ำแรงกว่าแล้วก็รับลมมากกว่าเพราะด้านหลังติดที่โล่ง ตอนกลางคืนเปิดหน้าต่างนอนแล้วแทบไม่ต้องเปิดพัดลม แต่อย่าลืมปิดมุ้งลวดเชียวล่ะ ไม่งั้นยุงหามไปไม่รู้เรื่อง”

ตะไคร่  [-ไคฺร่] น. พืชสีเขียวที่เกิดติดอยู่ตามต้นไม้ บางทีก็เกิดในนํ้าและตามพื้นดิน หรือกําแพง ที่ชุ่มชื้น.

ตะไคร้  [-ไคฺร้] น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Cymbopogon citratus (DC.) Stapf ในวงศ์ Gramineae  ขึ้นเป็นกอ กลิ่นหอม ใช้ปรุงอาหารได้.

• “ถ้าแม่รู้ว่าผมต้องฆ่าแสงเหนือเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตอีกครั้ง แม่ก็คงไม่ต้องการเหมือนกัน”

ว้าย คุณแม่ชนะเลิศค่ะ.......แม้แต่เทพยังต้องยอม

•••••••

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy


 :pig4: :pig4: ขอบคุณมากค่ะ ที่มาบอก แก้ไขให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ตอนมาโพสก็ไม่ได้ตรวจเลย ได้มาปุ๊บ โพสปั๊บ อย่างรวดเร็ว
+1 ให้เลยค่ะ อุตส่าห์ไปหาความหมายของสองคำมาให้ด้วย  :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 15-07-2008 20:27:39
ง่า มาลงต่อปะค้าบบ วันนี้ หุหุ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 15-07-2008 22:26:11
จาลงแดงแย้วอะท่านๆงับโอ้ววว -*- อยากกอ่านต่อ้ายยยย :oni3:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: surichay ที่ 16-07-2008 11:19:55
มากี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซ

คิดถึงพี่โยยจังๆๆ แอบแว๊ปมาอ่านอ่าาา

อิอิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: fc_uk ที่ 16-07-2008 20:38:53
 :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:




 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 17-07-2008 12:16:02
 :m15:
สงสารเจ้าจินจังงงงง...แม่จินจะเป็นไงม่างเนาะ

แล้วถ้าพี่เหนือรู้... :a5:

จะลงเอยกันยังไงหว่า...อยากรู้เจง ๆๆๆๆๆ  :serius2:

 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 17-07-2008 17:35:16
หนูจินเอ๊ย เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาจริงๆ

อ่านแล้วสงสารหนูจินเหลือเกิน :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 18 ตอนล่าสุดมาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 17-07-2008 20:55:45
มาส่ง  :c5:ให้ผู้เขียน

อิอิ มาต่อไวๆนะค้า สงสารจินจะแย่แล้วว ><
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 21-07-2008 17:43:00
ชื่อตอนมันช่าง................. :sad2:

~ ด้วยรักจากสวรรค์ 19 – พบพราก ~

====================================

จินดนัยเดินหงอยๆ หิ้วถุงใส่กล่องข้าวมื้อเย็นกลับมาถึงหอพักหลังจบการดักซุ่มแม่ตัวเองไปอีกวัน เขาเริ่มคิดถึงการย้ายออกจากหอและไปหางานทำต่างจังหวัด ถ้าจะให้ดีก็น่าจะเป็นจังหวัดที่สวยๆ บรรยากาศดีๆ อากาศสดชื่น อย่างเช่นจังหวัดทางภาคเหนือน่าจะเหมาะกับการเป็นเรือนตายในช่วงสุดท้ายของชีวิตดีไม่หยอก หากจินดนัยต้องตกใจระคนดีใจยามเงยหน้าเห็นคนที่นั่งรออยู่บริเวณเก้าอี้หน้าหอ คนที่มักโทรมาถามทุกข์สุขของเขาเป็นประจำในช่วงไม่กี่คืนที่ผ่านมา “ลุงโต มาได้ไงเนี่ย คิดถึงผมล่ะสิ...”

“เอ็งหายไปไหนทั้งวันวะ! รู้ไหมว่าข้ามานั่งคอยตั้งแต่บ่าย บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียวตอนมืดค่ำ มันอันตราย ตัวเอ็งก็เท่าลูกหมาโตไม่เต็มที่ ใหญ่กว่าไอ้ริชชี่ไม่กี่น้อย ผอมกะหร่องกล้องแกล้งเป็นไม้ซีกตะเกียบสองข้าง...” ลุงโตตั้งท่าเทศนายาวไปไกลกว่านั้นหากไม่โดนเขาเบรก “เดี๋ยวก่อน นี่ตกลงลุงจะ มาเทศน์ มาเยี่ยมหรือมาวัดตัวผมกันแน่”

“ฮึ ไม่ใช่ทั้งหมดนั่นล่ะ” ลุงโตคลายมือที่ยกกอดอกและรีบกรากเข้ามาดึงแขนเขา “ข้ามาตามเอ็งกลับต่างหาก”

“กลับ...กลับไปไหน” เขาขืนตัว ยิ้มกระตุกทั้งที่หัวใจหล่นวูบโดยไม่รู้สาเหตุ

“ก็กลับบ้านสิวะ กลับไปหาคุณเหนือกับคุณรตีไง” ลุงโตชะงักยามไอ้ตัวเล็กของแกดึงแขนหนีและถอยหลัง “เป็นอะไรของเอ็ง”

“ผมไม่กลับ” อย่าว่าแต่ลุงโตเลย แม้แต่ตัวเขาเองพูดไปแล้วก็ยังตกใจ “ผมจะไม่กลับไปอีก”

“...ไอ้หนู” มันดูน่าขันยามชายวัยกลางคนทำท่าพยายามเรียบเรียงคำพูดราวกับกลัวว่าจะพูดผิดกาลเทศะต่อหน้าเด็กที่อายุยังไม่ถึงครึ่งของตัวเองดี “เอ็งมีปัญหาอะไรล่ะถึงจะไม่กลับไป เรื่องค่าเช่า ค่ามัดจำห้องเหรอ ไม่ต้องห่วง คุณรตีคงจ่ายคืนให้เอ็งในส่วนนี้แน่ หรือถ้าท่านไม่ให้ ข้ายอมจ่ายเองเลย เอ้า”

“มันไม่ใช่เรื่องเงิน” ไม่ใช่เรื่องเงิน ใช่ แล้วมันเป็นเรื่องอะไรล่ะ จินดนัยยังสับสนหนักจนปวดหัวจี๊ด “ผมไม่อยากกลับไปบ้านนั้นอีก”

“ไอ้จินเอ๊ย ข้าก็พอเข้าใจความรู้สึกของเอ็งอยู่หรอก” เขาหูผึ่งทันควัน นึกอยากรู้เหตุผลและความรู้สึกที่ว่าจนตัวแทบสั่น “มันไม่แปลกหรอกที่เอ็งจะนึกน้อยใจคุณท่าน ใครจะตั้งตัวทันก็แปลกแล้วล่ะ อยู่ๆ ก็โดนไล่ออก ต่อมาไม่กี่วันกลับโดนเรียกกลับไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ข้าอยากให้เอ็งเห็นใจคุณท่านบ้าง เพราะที่ข้าต้องมาตามเอ็งกลับเนี่ย เป็นเพราะคุณเหนือกลับจากโรงพยาบาลแล้วตั้งแต่เมื่อวานซืน...”

หัวใจเขากระตุก มันเต้นแรงถี่รัวราวกับเป็นบ้า และมันก็ทำให้เขาอึดอัด แน่นอกจนเจ็บเลยทีเดียว

“พอกลับมาถึงบ้าน คุณเหนือก็เรียกหาเอ็งก่อนเพื่อน ยิ่งพอคุณรตีทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง ชวนคุยโน่นนี่แทน คุณเหนือเลยยิ่งสงสัยหนัก คาดคั้นเอาจนรู้ว่าเอ็งโดนไล่ออกตั้งหลายวันแล้ว พอฟังจบเท่านั้นล่ะ” คนเล่าทำหน้าแบบ...ไม่น่าเชื่อแต่ในขณะเดียวกันก็กลัดกลุ้มไม่น้อย “คุณเหนือนิ่งไปเลย นิ่งสนิท ยืนคล้ายช็อคอยู่ตรงนั้น สักพัก ท่านก็เดินฉับๆ ขึ้นห้องเร็วจนข้ายังเดินตามแทบไม่ทัน เอ็งรู้ไหมว่าคุณเหนือกลับขึ้นไปบนห้องทำไม เป็นอย่างที่เอ็งคิดนั่นล่ะ ท่านพยายามไปควานหาที่นอนเอ็งตรงมุมห้อง คุณเหนือถึงกับเรียกหาเอ็งด้วยซ้ำ เรียกทั้งที่รู้ดีว่าจะไม่มีคนตอบ จนรู้ว่าเอ็งไม่อยู่แล้วจริงๆ ท่านก็ทรุดตัวลงนั่งเหมือนคนหมดแรง คุณนายเข้าไปถามอาการ คุณเหนือก็ไม่ตอบ ที่จริงต้องบอกว่าจนตอนที่ข้าโดนใช้ให้มาตามเอ็งกลับเนี่ย คุณเหนือยังไม่พูดกับใคร... พูดกับคนอื่นๆ สักคำด้วยซ้ำ”

ลุงโตดึงเขาหลบเข้าไปหาที่นั่งแล้วค่อยกล่าวต่อ “น่าแปลกไหม เพราะไม่ว่าคุณรตีหรือตัวข้ายังคิดว่าคุณเหนือคงอาละวาดบ้านแตกมากกว่านิ่งสนิทแบบนี้ คุณรตีคงเตรียมตัวใช้เหตุผลเต็มที่พอๆ กับที่ข้าเตรียมปัดกวาดเช็ดถูซากจากการอาละวาด ปรากฏว่าคุณเหนือดันนิ่งจนคนเตรียมตัวรับทำอะไรไม่ถูกแทน ทีแรกคุณรตีก็ยังใจแข็งอยู่หรอก แต่ท่าทางของคุณเหนือน่ะมัน... อย่าว่าแต่คนเป็นแม่เลยว่ะ แม้แต่ข้าเองยังรู้สึกว่าข้าทำร้าย...แล่เนื้อเถือกระดูกแล้วควักหัวใจท่านออกมาเลยด้วยซ้ำ ขนาดข้ายังแทบทนไม่ไหวแล้วเอ็งคิดว่าแม่ที่รักลูกอย่างคุณรตีจะทนได้เหรอ”

ฝ่ายคนนั่งฟังเงียบๆ มาตลอดไม่ได้ตอบอะไรออกมา นอกจากก้มหน้ามองพื้น จนผ่านไปเกือบนาที จินดนัยจึงค่อยพูดว่า “ผมยอมรับว่าผมน้อยใจอยู่บ้างที่ถูกทำเหมือนตัวอะไรสักอย่าง ที่พอนึกจะทิ้งก็ทิ้ง นึกอยากเก็บกลับก็เก็บกลับมาได้ง่ายๆ ถ้าผมเป็นหมาสักตัวก็คงดีใจอยู่หรอกตอนได้เห็นหน้าเจ้าของที่เอาตัวเองมาปล่อยทิ้งเอาไว้ข้างถนน แต่เพราะผมยังเป็นคนมีชีวิตจิตใจ มันเลยยังเจ็บ ยังจำอยู่ แต่บอกตามตรงนะลุงโตว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมไม่กลับไปหรอก ตอนที่คุณรตีคุยกับผม ผมเข้าใจสิ่งที่ท่านพูด รับรู้ถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ผมไม่ควรอยู่ข้างๆ พี่เหนืออีก มันเป็นเหตุผลที่ถูกต้อง มันเป็นเรื่องจริงที่ขัดแย้งไม่ได้ซึ่งตัวผมก็เข้าใจและยอมรับมัน”

เขาเงยหน้ายิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ชั้นเดียวกัน คนเดียวกันกับที่ลากหูผัวขี้เมากลับห้องในคืนแรกซึ่งเพิ่งกระเตงลูกเล็กๆ กลับมาจากตลาดนัดหน้าปากซอย เธอยิ้มตอบให้เขาและเหลือบมองดูลุงโตอย่างสนอกสนใจ “ดังนั้นที่ไม่กลับไม่ใช่ว่าอยากเล่นตัว แต่เป็นเพราะผมไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปทำงานที่นั่นอีกต่างหาก”

“เอ็งได้งานใหม่แล้วเหรอ” ลุงโตเอ่ยความเป็นไปได้มากที่สุดแต่กลับโดนอีกฝ่ายส่ายหน้า ตอบยิ้มๆ “ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก”

“อุบ๊ะ งั้นมันเพราะอะไรล่ะวะ เอ็งถึงไม่จำเป็นต้องกลับไปอีกแล้ว อย่าพูดอะไรให้มันยากหรือกำกวมนัก ข้าไม่เข้าใจ”

“อืม เอาแบบง่ายๆ เลยนะลุง ผมคิดว่า...ผมคงต้องไปต่อน่ะ” พูดแล้วเขาจึงก้มตัวลงกราบบนตักอีกฝ่ายซึ่งงงๆ อยู่ว่าเขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร “ขอบคุณลุงมากนะ เพราะได้ลุงช่วยมาตลอด ผมถึงไม่ต้องอดตายอยู่ข้างถนน ผมรักและเคารพลุงเหมือนพ่อแท้ๆ และจะไม่มีวันลืมบุญคุณที่ลุงเคยช่วยไว้ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม”

ลุงโตทำอย่างที่เคยทำบ่อยๆ คือถอนหายใจยาวก่อนจะตบหัวเขาปุๆ “เออ ข้าก็เอ็นดูเอ็งเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งล่ะ แต่...เอ็งช่วยอย่าพูดเหมือนกำลังสั่งเสียลาตายแบบนี้ได้ไหมวะ ข้าฟังแล้วใจไม่ดีว่ะ เอาเป็นว่าข้าจะกลับไปเรียนคุณรตีให้อย่างที่เอ็งบอกก็แล้วกัน แต่ยังไงๆ ข้าก็ยังอยากให้เอ็งคิดทบทวนให้ดีอีกรอบ แล้วข้าจะมาใหม่วันหลัง”

กลับมานั่งกอดเข่าบนเตียงในห้องแล้วจินดนัยก็มองออกไปยังท้องฟ้ามืดมิดภายนอก จริงอยู่ว่าแม้เวลาจะเหลือน้อยแต่ก็ไม่ใช่ไม่เหลือ หากเขาอยากกลับไปก็คงพอทำได้ เพียงแต่เขาไม่อยากกลับไปเจอปัญหาเดิมๆ ไม่อยากลังเลอีกรอบหลังตัดใจเด็ดขาดไปแล้ว เขาไม่อยากกลับไปมองหน้าแสงเหนือแล้วนึกฟุ้งซ่านว่าจะฆ่าดีหรือเปล่า ไม่อยากกลับไปนับเวลาถอยหลังว่าจะอยู่กับคนคนนั้นได้อีกนานแค่ไหน หรืออยากให้โลกหยุดหมุนเพื่อจะได้อยู่กับแสงเหนือนานอีกนิดทั้งที่รู้แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้

การแยกจากกันมันทรมาน แต่ถ้าต้องให้เลือกระหว่างการกลับไปหาอีกครั้งทั้งที่รู้ว่าเรื่องจะจบลงด้วยความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมกับการเดินจากมาเสียตั้งแต่ตอนนี้ เขาขอเลือกอย่างหลังยังดีซะกว่า

ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะได้อยู่ที่นี่นานกว่านี้ ทั้งที่คิดว่าน่าจะพอมีเวลาไปแอบดูแม่อีกสักวันสองวัน แต่ดูเหมือนว่าเวลาจะหมดลงเสียแล้ว

ร่างบนเตียงค่อยคลานเซื่องๆ ไปเปิดตู้แล้วเริ่มเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าอีกรอบ

++++++++++

เช้าวันต่อมา ขณะที่เขาเตรียมตัวลากกระเป๋าลงไปชั้นล่าง กลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง ทำเอาจินดนัยแปลกใจไม่ได้ว่าจะมีใครที่ไหนมาหาเขา ไม่นับว่ามันยังเช้าตรู่ขนาดนี้ด้วยซ้ำ “ใครครับ”

“จินเหรอ นี่ฉันเอง ช่วยเปิดประตูหน่อยสิ” เจ้าของเสียงฉันเองคงมั่นใจว่าเขาต้องจำได้แน่ และยิ่งกว่าแน่...เขาจำได้ ซึ่งทำให้ต้องรีบปลดล็อคและเปิดประตูไปเผชิญหน้ากับคนที่รออยู่

“คุณรตีมาทำอะไรที่นี่ครับ” เขาทักตื่นๆ พลางขยับตัวอย่างไม่สบายใจเท่าใดนัก

“ขอฉันเข้าไปคุยกับเราข้างในได้ไหม” สีหน้าอ่อนระโหยของผู้พูดแสดงชัดถึงความอ่อนเพลีย แม้แต่แววตาที่มองเขายังดูแห้งผากและแดงก่ำ คุณรตีที่เคยสง่าภูมิฐานในความทรงจำดูจะเลือนหายไป หลงเหลือไว้แต่หญิงวัยกลางคนผอมบางอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อเขาถอยตัวเบี่ยงหลบแทนคำพูดเชื้อเชิญ คุณรตีจึงหันไปสั่งลุงโตที่เขาไม่ทันสังเกตเห็นเพราะยืนหลบอยู่ด้านข้าง “โตรอฉันอยู่ข้างนอกนี่ล่ะ หรือจะลงไปรอข้างล่างก็ตามใจ ฉันคงจะคุยกับเจ้าจินพักใหญ่”

เนื่องจากภายในห้องมีเก้าอี้พลาสติกอยู่แค่ตัวเดียว เขาจึงรีบเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่ง ส่วนตัวเขาเองก็เตรียมตัวจะทรุดลงนั่งกับพื้นหากติดตรงเสียงเอ่ยค่อย “เธอนั่งบนเตียงเถอะ เราสองคนจะได้คุยกันสะดวกๆ หน่อย ที่สำคัญ เธอก็ไม่ใช่ลูกจ้างฉันอีกแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องเกรงใจฉันมากนักก็ได้”

ถึงจะได้ยินเช่นนั้น จินดนัยก็ยังคงลงนั่งแบบหมิ่นๆ ตรงขอบเตียง ความคิดในใจตีกันว้าวุ่นว่าเขาควรจะยกน้ำมาเสิร์ฟหรือไม่ แต่เขาไม่มีแก้วน้ำสักใบ จะมีก็แต่น้ำเปล่าที่เหลืออยู่ครึ่งขวดบนโต๊ะ แถมไม่เย็นอีกต่างหาก ก็มันไม่มีตู้เย็นนี่หว่า น้ำแข็งก็ไม่มี ถ้ายื่นส่งให้ทั้งขวดจะดูน่าเกลียดไหมนะ หลอดเหลิดก็ดันไม่รู้จักหาไว้สักอัน ให้มันได้แบบนี้สิว้า หรือเขาจะขอวิ่งลงไปซื้อมาก่อนดี

“เอ่อ คุณรตีรอผมแป๊บนึงได้ไหมครับ” เขาว่าเขาพูดขอตัวสุภาพแล้วนะ แต่ทำไมคุณรตีถึงต้องทำหน้ากระสับกระส่ายแบบนั้นด้วยก็ไม่รู้ “ผมจะไปซื้อน้ำมาให้น่ะครับ มีร้านโชห่วยอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถึงมันจะเช้าอยู่แต่ก็น่าจะเปิดแล้ว หรือถ้ายังไม่เปิดจริงๆ ผมก็ว่าจะไปขอยืมแก้วจากป้าเจ้าของพักสักใบจะได้...”

“ไม่ ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันไม่หิวน้ำ” คุณรตีดูผ่อนคลายลงนิดหนึ่งและหัวเราะเบาๆ ยามเห็นสีหน้าแววตาแสดงความสงสัยของเขา “คือฉันเห็นแล้วล่ะว่าเธอเก็บกระเป๋าเรียบร้อยเหมือนกำลังเตรียมตัวจะไปไหน ถ้าฉันมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวก็คงไม่เจอเธอแล้วสินะ เห็นแบบนี้แล้วฉันเลยอดกลัวไม่ได้ว่าเธออาจจะพยายามหนีไปโดยยอมทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าน่ะ”

เพราะแบบนี้เองนี่เอง ลุงโตคงกลับไปเล่าให้คุณรตีฟังว่าเขาเตรียมจะไปต่อ...ที่ไหนสักแห่ง จึงได้รีบวิ่งมาหาเขาแต่เช้าก่อนที่เขาจะไปที่ไหนสักแห่งที่ว่า “โตมาเล่าให้ฉันฟังแล้วว่าเธอกำลังจะกลับบ้าน ฉันเลยคิดว่าน่าจะมาพบเธอด้วยตัวเองดีกว่า ก่อนที่จะสายเกินไป...และมันก็เกือบจะสายเกินไปจริงๆ”

คุณรตีกลืนน้ำลาย กระแอมไอและเลือกที่จะสบตาเขา “ฉันยอมรับว่าตัดสินใจผิดเองที่ไล่เธอออก ถ้าเธอจะยอมยกโทษให้ฉัน ยอมยกโทษให้ยายแก่ไร้หัวคิดคนนี้สักครั้ง ก็ช่วยกลับไปหาตาเหนือทีเถอะ”

“...” ให้บรรยายว่าช็อคยังน้อยไป ถึงจะพอคาดออกว่าคุณรตีถ่อมาหาเขาถึงนี่ทำไม หากไม่คิดว่าฝ่ายที่อาวุโสกว่าในทุกๆ ด้านตรงหน้าจะกล้าเอ่ยปากรับความผิดตัวเองตรงๆ แบบนี้ “คือ... คือผมไม่ได้...”

“โตคงเล่าให้เธอฟังแล้วสินะว่าเหนือกลับบ้านมาตั้งแต่สามวันก่อน และก็เป็นสามวันที่ลูกไม่ยอมพูดกับฉันแม้แต่คำเดียว ซ้ำร้าย แกกลับทำหน้าเหมือนฉันเพิ่งทำร้ายแก ถึงปากจะไม่ได้พูด แต่สีหน้าท่าทางของตาเหนือก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเพิ่งฆ่าแกทั้งเป็น ฆ่าทั้งเป็นด้วยการแยกเธอออกไปจากชีวิตแก ...ฉันเคยคิดว่าฉันคงทนเห็นแกเจ็บได้สักพัก ก่อนที่เวลาจะช่วยให้แกลืมไปเอง แต่สภาพที่ฉันเห็น มันกลับเลวร้ายกว่าที่คิด จนฉันกลัวว่าเหนือจะเป็นอะไรไปก่อนที่แกจะทันได้ลืม และฉันก็...เพิ่งแน่ใจว่าเหนือคงไม่ยอมลืมเธอ ไม่มีทางลืมเธอง่ายๆ แบบที่ฉันเคยคิด”

แม้แต่กระดาษทิชชู่ เขายังมีแต่แบบม้วนอยู่ในห้องน้ำ โชคดีที่คุณรตีเปิดกระเป๋าถือและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับตรงหางตา “ใช่ ฉันเคยคิดมาตลอดว่าไม่มีใครจะรู้ดีเกินฉันไปได้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับลูก กะเกณฑ์จัดการให้ทุกอย่างไม่ว่าจะคนหรือสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นยัยวิกกี้หรือเด็กรับใช้อย่างเธอ ฉันก็คิดเอาเองว่าทำดี ทำถูกมาตลอดและจะยอมให้ผิดพลาดไม่ได้ แต่ดูเหมือนฉันกลับลืมคิดไปว่าลูกฉันเองก็มีหัวใจ แกมีสิทธิ์จะรัก จะเกลียดใครได้เองโดยไม่ต้องอาศัยการชี้นำของฉัน ...เหนือเป็นชีวิตของฉัน แต่หัวใจของเหนือคือเธอ”

เล็บเขาจิกลงในอุ้งมือจนเจ็บไปหมด แต่เขากลับไม่สามารถผ่อนแรงลงไม่ให้ทำร้ายตัวเองได้ ทำไม่ได้เช่นเดียวกับที่ห้ามหัวใจไม่ให้ไปรักใครต่อใคร แม้จะรู้เต็มอกว่ามันต้องจบลงในเร็ววันก็ตาม

“ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ เหนือก็เปลี่ยนไปมาก ลูกชายคนเก่าที่สดใสร่าเริงของฉันก็ดูเหมือนจะตายจากไปในอุบัติเหตุนั่นด้วย ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เหนือกลับมาเป็นเหมือนเก่า ถึงแม้ในแง่ร่างกายจะทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยขอแค่ในแง่จิตใจก็ยังดี แต่ฉันไม่เคยทำสำเร็จ เหนือเกลียดโลก...ที่แกมองไม่เห็นอีกต่อไปจนฉันเริ่มจะยอมตัดใจ หวังแค่เผื่อสักวัน ถ้าตาแกหาย แกคงกลับมาเป็นคนเดิมได้เอง แต่หลังจากที่เจอกับเธอ เหนือกลับยิ้ม หัวเราะได้เหมือนสมัยก่อน... ไม่สิ แกดูจะมีความสุขกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ แกยังเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งฉันไล่เธอออก ตาเหนือเสียใจมาก แกเจ็บ...และคราวนี้ก็เป็นความเจ็บที่ฉันก่อขึ้นเอง” คำพูดที่เหลือมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เจ้าตัวดูจะไม่สนใจที่จะเช็ดหรือปิดบังอีก “ฉันขอร้องเธอในฐานะแม่คนหนึ่ง ในฐานะของแม่ที่รักลูกสุดหัวใจ ขอร้องให้เธอกลับไปอยู่กับตาเหนือทีเถอะ ได้โปรดล่ะ เจ้าจิน ฉันขอร้อง”

“อย่าพูดแบบนั้นครับ คุณรตีไม่จำเป็นต้องขอโทษผม ไม่จำเป็นต้องขอร้อง คุณรตีไม่ผิด คนที่ผิดไม่ใช่คุณแต่เป็นผมเองต่างหาก” เขาทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น แทบเท้าอีกฝ่ายราวกับต้องการเป็นคนขอขมาเอง “ที่ผมต้องปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะต้องการให้คุณมาขอให้ผมยกโทษให้ แต่...เพียงแต่...ผมต้องกลับบ้าน”

“เจ้าจินเอ๊ย” ในกระแสเสียงสั่นเทาของคุณรตีนั้นแฝงแววสงสารและเห็นใจ พร้อมกับที่ลูบศีรษะเขาด้วยความปราณี “ที่เธอบอกว่าจะกลับบ้าน ...ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ฉันคิดว่าถ้าเธอสามารถกลับไปได้จริงๆ เธอคงกลับไปนานแล้ว”

เขาช้อนดวงตาขึ้นมองวงหน้าอ่อนโยน พลันน้ำตาก็ทะลักเป็นท่อแตก คำพูดไม่กี่ประโยคของคุณรตีทำให้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตนไม่เหลือบ้านให้กลับอีกต่อไป บ้านของเขาไม่ใช่คฤหาสน์หลังโตของแสงเหนือ หากบ้านหลังเดียวของเขาคือบ้านหลังเก่าที่เคยอยู่กับมารดา บ้านซึ่งไม่มีที่ให้คนตายไปแล้วอย่างเขา

ทว่ายังไม่ทันที่ใครจะเอ่ยคำใด เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังจากกระเป๋าถือบนตักคุณรตี เขาหยุดร้องและเงี่ยหูฟังอย่างแทบจะไม่ทันรู้ตัว “ฮัลโหล มีอะไร ...เดี๋ยว เดี๋ยวสิ ค่อยๆ พูด ใครหาย...”

สีหน้าต่อมาของคนยกโทรศัพท์แนบหูคือตกใจสุดขีด คุณรตีแทบจะสั่นเทายามกรอกเสียงละล่ำละลักลงไป “ตาเหนือหาย! นี่แกพูดจริงเหรอ ลูกฉันทั้งคน...ผู้ชายตัวโตๆจะหายไปโดยไม่มีคนเห็นได้ยังไง! หาดูทั่วแล้วหรือยัง ...ไม่ แกไม่ได้โทรมาหาฉัน โทรเช็คกับทางโรงแรมหรือ... แล้วเขาว่าไง ตาอั้มล่ะว่าไง เห็นตาเหนือบ้าง...” จู่ๆ คุณรตีก็ทำท่าคล้ายจะลมใส่จนจินดนัยต้องรีบเข้าประคอง “ได้ๆ ฉันจะรีบกลับไป พวกแกเองก็หาต่อไปก่อน ค้นดูให้ทั่ว ถามคนแถวๆ บ้านดูด้วยว่ามีใครเห็นบ้างหรือเปล่า ถามให้หมดทุกคนตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย ถ้ายังไม่ได้เรื่องก็ถามให้หมดทั้งถนนนั่นล่ะ!”

แทบไม่ต้องบอกเล่าอธิบายให้ฟังต่อ ทั้งเขาทั้งคุณรตีผวาลุกพรวดพราดหน้าตาแตกตื่น วิ่งโร่ออกไปพร้อมกันแทบไม่ทัน วิ่งลงบันไดมาด้วยความเร็วสูง ครั้นเจอลุงโตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ใต้หอก็ไม่รอช้า เขาตรงรี่เข้าไปแทบจะชนแกกระเด็น “พี่เหนือหายไปจากบ้าน!”

ลุงโตยังตั้งหลักไม่ถูก ทำหน้าตามไม่ทัน คุณรตีก็ยิงสัญญาณรายงานแทรก “ยัยดวงเพิ่งโทรมาบอกว่าหาตาเหนือไม่เจอ เราต้องรีบกลับบ้านด่วนที่สุด!”

“เอ่อ... เดี๋ยวนะครับ คุณนายว่าคุณเหนือหายไปจากบ้านเหรอครับ” ลุงโตพูดงงๆ ท่าทางสับสนแต่ไม่ยักมีทีท่าเดือดร้อนเต้นเป็นเจ้าเข้าแบบอีกสองคนที่เหลือ แกเฉยเสียจนจินดนัยแทบอยากจะขบหัวให้แกหายเฉย

“ก็ใช่น่ะสิลุง อายุยังไม่เท่าไหร่ อย่ามาแกล้งทำหูหนวกหน่อยเลย ผมจะพูดอีกครั้งเดียวนะว่าพี่เหนือ...” แท็กซี่สีชมพูบานเย็นคันหนึ่งจอดเทียบลงหน้าตึกที่เขากำลังเตรียมจะขบสมองผู้มีพระคุณ สีสันสดใสบาดตาของตัวรถไม่เรียกความสนใจของทุกคนในที่นั้นได้ดีไปกว่าชายหนุ่มที่เพิ่งขยับลงจากเบาะหลังรถไปได้

..........

..........

“พี่เหนือ!!”

“ตาเหนือ!!”

สองคนร้องเสียงหลงไปคนละทาง แทบจะไม่ทันสิ้นกังวานเสียงดี แสงเหนือก็เงยหน้ายิ้มร่า “จิน... แม่ครับ”

..........

..........

ลุงโตแกจะน้อยใจไหมนะที่ไม่มีใครเรียกชื่อแกสักคน

++++++++++++++++++++++++++

TBC
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 21-07-2008 18:18:21
เย้ๆๆๆๆๆๆ พี่เหนือมาแล้ว :loveu:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 21-07-2008 18:27:15
"แต่ดูเหมือนฉันกลับลืมคิดไปว่าลูกฉันเองก็มีหัวใจ แกมีสิทธิ์จะรัก จะเกลียดใครได้เองโดยไม่ต้องอาศัยการชี้นำของฉัน ...เหนือเป็นชีวิตของฉัน แต่หัวใจของเหนือคือเธอ”


*
*
*
อยากร้องไห้

*
*
*
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Sari ที่ 21-07-2008 19:01:21
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ขอแวบมาตอบทู้นี้หน่อย เคยกรี๊ดเป็นบ้าเป็นหลังกะนิยายคุณ DD หลายเรื่องอยู่ แล้วก็ดอลลี่ตัวเองไปอยู่บ้านนอก ทำงานกับสัมมนาเป็นเดือน ๆ

มาคราวนี้ เหอ ๆ เจอเรื่องนี้ อ่านกันตาแฉะ แล้วก็ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด รักพี่เหนือว้อยยยยยยย :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 21-07-2008 19:03:34
รอคับ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 21-07-2008 21:20:33
 :a2: เอามาต่อด่วนยาโย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 21-07-2008 21:29:16
 o2
ทำอารมณ์ไม่ถูก...ฉันจะร้องไห้ หรือ หัวเราะดีล่ะเนี่ย... :serius2:

บุญหรือกรรมชักนำกันแน่หว่า...ลำบากใจเจ้าจินอีกละ
 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 21-07-2008 21:53:55
ยังคงติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: εїзป่วงน้อยεїз™ ที่ 21-07-2008 22:02:01
 :m22:
.
..
...
 :m32:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 21-07-2008 23:11:22

 kiss kiss yayoy
 kiss kiss DD

 Thanks you  :a1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-07-2008 23:45:14

• ตัวเอ็งก็เท่าลูกหมาโตไม่เต็มที่ ใหญ่กว่าไอ้ริชชี่ไม่กี่มากน้อย

• ผมก็ว่าจะไปขอยืมแก้วจากป้าเจ้าของหอพักสักใบจะได้...

• สองคนร้องเสียงหลงไปคนละทาง แทบจะไม่ทันสิ้นกังวานเสียงดี

แสงเหนือก็เงยหน้ายิ้มร่า “จิน... แม่ครับ”

..........

..........

'ผมมองเห็นแล้ว.......ผมมองเห็นแล้ว ได้ยินไหมครับ ผมมองเห็นจิน ผมมองเห็นแม่

(เหลือบแว้บ)มองเห็นลุงโตด้วยนะเออ ไม่ต้องน้อยใจ'/กิต.

(http://img369.imageshack.us/img369/6839/kwbb005ckshp5.jpg)

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD


หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 21-07-2008 23:49:30
 :m15:...ฮือ...ตอนนี้ ..ได้เจอกันแล้ว จะเป็นยังไงน้าา..

สู้ๆต่อไปนะคะ ใกล้แล้วว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-07-2008 00:09:53
อ่านแล้วก็สงสารคนเป็นแม่ แต่จินเนี่ยสิ จะเอาไงต่อไปละคับเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 22-07-2008 00:12:35
 :m13:

งัยจ้ะ  "คุณรตี"
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 22-07-2008 00:29:46
 :o12: พี่เหนืออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 22-07-2008 00:57:00
....... เครียด

สงสารทุกคน  :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 22-07-2008 03:43:28
เค้ามารอด้วยจร้าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-07-2008 06:15:20
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาคลอ  :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: re_rain ที่ 22-07-2008 07:45:58
 :laugh:พี่เหนือแอบมาตามเองถึงที่

แต่ต่อไปจาเป็นงัยต่อเน้อ จิน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 22-07-2008 08:47:46
มันเศร้าๆ แต่...

แอบฮาน้องจินอ่ะ เรื่องแก้วน้ำงี้ กระดาษทิชชู่งี้

ก็เพราะน้องจินน่ารักอย่างนี้ พี่เหนือเลยต้องมาตามถึงที่

รักน้องจิน รักพี่เหนือ

รักคนโพสต์ รักคนแต่ง

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 22-07-2008 11:18:59
 ซึ้งก็ซึ้ง ขำก็ขำ

 โคตรรักเอ็งเลย จินเอ้ยย !

 ยกความดีทั้งมวลให้คนแต่ง..
 โดยไม่ลืมคนโพสต์

 Chu..

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 23-07-2008 21:01:16
..เจ้ย.!...พี่เหนือมาแย้วเฟ้ย... :m4:
ชอบสำนวนของลุงโตอ่ะ...
ลุ้น.อ่ะ..ลุ้น.ค้าบ..อิ.อิ.
ไปแร่ะ :m32:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 24-07-2008 09:55:19
 :oni2:พี่เหนือ มาแว้วววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 24-07-2008 11:45:29
พี่เหนือมาแล้ววว   :m4:  จินทำไงต่อเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-07-2008 15:56:43
พี่เหนือมา

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮออ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 19 มาแล้วคร๊าบบบ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 27-07-2008 14:00:15
ขอบคุณฮะพี่ยาโย :L1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 28-07-2008 18:56:51
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก แอบลากตาผ่านไปหนึ่งแว่บ....

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  o7

ถ้าเจอคำผิดฝากบอกด้วยนะคร๊าบบ จะเข้ามาแก้ให้....ตอนนี้งานจมหูมากมาย
ไม่ได้อ่านเช็คเลย ขออภัยนะคร๊าบบบบบบบ

~ ด้วยรักจากสวรรค์ 20 – หัวใจของเธอ ~

====================================

จะโทษเขามันก็ไม่ถูก เป็นใครก็ต้องทำอย่างที่เขาทำทั้งนั้นล่ะ

เพราะปฏิกิริยาแรกของจินดนัยเมื่อเห็นคนหน้าขาวยิ้มสว่างกระจ่างสดใสให้ คนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งเกือบอาทิตย์ มีแต่คนมาไซโคให้ฟังว่าอาการแย่หนักอย่างนั้นอย่างนี้ แถมเมื่อครู่ยังคิดว่าอีกฝ่ายจะหนีเตลิดหายออกจากบ้านไปตกระกำลำบากอยู่ก้นซอยไหนไม่รู้ แต่แล้วดันโผล่มาแบบตัวเป็นๆ ยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ท่าทางสบายดีทุกประการและยังตั้งท่าจะเดินดิ่งมาตามเสียงทั้งที่ตามองไม่เห็นจนน่ากลัวว่าจะหกล้มหัวร้างข้างแตกแบบนั้น เป็นใครก็ต้องวิ่งเข้าไปกระโดดกอดทั้งตัวแบบเขากันทั้งนั้น

เหมือนหนังแลซซี่ แอร์บัด เพื่อนซี้สี่ขาเทือกนั้นไง เมื่อน้องหมาผู้ซื่อสัตย์กลับถึงบ้านในที่สุด คนเป็นเจ้าของย่อมต้องดีใจจนวิ่งถลาเข้าไปหาและกอดต้อนรับกลับบ้านพอเป็นพิธี

สำหรับเขาต้องนับว่าโชคยังดีที่แสงเหนือยั้งตัวตั้งหลัก รับน้ำหนักของเขาที่โถมเข้ากอดคอไว้ได้ทันแถมกอดตอบหมับแบบทันท่วงที ไม่งั้นคงน่าดูชมกว่านี้

“จิน ใช่เราจริงๆ นะ รู้ไหมว่าพี่คิด...” พูดยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็ต้องร้องโอ๊ยตอนโดนทุบอั้กเข้ากลางหลัง “โอ๊ะ จิน...จินทุบพี่ทำไม”

“ถามได้ว่าทุบทำไม! มันน่าทุบให้ตาย ...อยู่ๆ ก็หนีออกจากบ้าน โดดขึ้นแท็กซี่ปร๋อมาถึงนี่คนเดียว! รู้ไหมว่าทำคนอื่นตกใจกันแค่ไหน” ตั้งใจว่าจะทุบให้หวานเป็นกะท้อนเลยด้วยซ้ำ หากพอเห็นกิริยายกแขนกันหมัดเขาแบบงกๆ เงิ่นๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก หัวใจก็อ่อนยวบยาบ สองกำปั้นจึงค่อยคลายเป็นคว้าเข้าตรงปกเสื้อคนตัวสูงแล้วกระชากลงมา “อย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่เหนือ อย่าทำให้คุณรตีตกใจแบบนี้อีก อย่าทำให้ผมตกใจแบบนี้อีก ไม่งั้น...”

“...ที่พี่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะจินนั่นล่ะ” ถึงจะเถียงเสียงอ่อนหน้าละห้อย แต่ขึ้นชื่อว่ากล้าเถียงแล้วจินดนัยจึงเตรียมเม้งต่อ แต่กลับโดนมือใหญ่กว่ากุมทับมือเขาที่ยังกระชากคอเสื้ออยู่เอาไว้ “จินต่างหากที่ทิ้งพี่ไปโดยไม่ยอมบอกอะไรสักคำ จินต่างหากที่ใจร้าย”

วาจาตัดพ้อบวกกับทำหน้าเหมือนลูกหมาโดนทิ้งทำให้เขาเริ่มรู้สึกผิดแทน สามารถมากเลยนะไอ้คุณชาย ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายโดนไล่ออกแท้ๆ ยังทำให้เขากลายเป็นจำเลยในข้อหาทิ้งขว้างสิ่งมีชีวิตตัวสูงกว่าหกฟุตได้อีก หากยังไม่ทันร้องขอทนายหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองได้บ้าง เสียงกระแอมราวกับต้องการบอกว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนก็ช่วยเรียกสติกลับมา จินดนัยหน้าร้อน รีบปล่อยมือทันที

“เอ่อ เจ้าจินพูดก็ถูก เหนือไม่ควรแอบออกมาโดยไม่บอกใครนะลูก มันอันตราย” คุณรตีปรายตามองลูกชายที่ยังจับมือเล็กกว่ากุมไว้แน่นโดยไม่นำพาว่าอีกฝ่ายจะสะบัดเขย่างัดแงะและแกะเกาขนาดไหน “แม่กำลังพูดกับเจ้าจินอยู่ กำลังขอให้...”

“แม่ครับ ผมขอคุยกับจินตามลำพังสักเดี๋ยวได้ไหมครับ” แม้จะลุ้นให้คุณรตีปฏิเสธ หากแค่ดูสีหน้าดีใจยามลูกชายยอมเอ่ยปากพูดกับตนอีกครั้ง จินดนัยจึงสำนึกว่าต่อให้แสงเหนือขอจับเขาแขวนห้อยหัวจากดาดฟ้าก็คงได้รับคำอนุญาตอยู่ดี “จิน...”

“ห้องผมอยู่ชั้นสี่ เดินขึ้นไปไหวหรือเปล่า” เปลืองน้ำลายชัดๆ นาทีนี้ดูท่าว่าต่อให้ห้องเขาอยู่ชั้นสี่สิบ แสงเหนือคงยอมไต่กระไดขึ้นไปอยู่ดี และตลอดเวลาที่เขาเดินนำไปยังห้อง แสงเหนือก็ไม่ยอมปล่อยมือเขาสักอึดใจ

“นั่งก่อนนะ หิวน้ำไหม” จับแสงเหนือนั่งลงบนขอบเตียงแล้วเขาก็หมุนหาน้ำ ...จดไว้เลยว่าครั้งหน้า ไม่ว่าจะไปนอนกลางทุ่ง ค้างกลางป่าหรือซุกหัวอยู่ในถ้ำไหน ไม่ว่าจะตกระกำลำบากเพียงใด ก็ต้องซื้อแก้วน้ำติดไว้สักใบ “พี่เหนือปล่อยมือก่อน เดี๋ยวผม...”

“ไม่ต้องลำบากหรอก พี่ไม่หิวน้ำ” เออ ดี เพิ่งรู้ว่าพวกคนรวยนี่ไม่มีใครหิวน้ำกันสักคน “จินมานั่งคุยกับพี่ดีกว่า”

จากมุมนี้ ถ้าไม่นั่งติดกันก็ต้องนั่งพับเพียบกับพื้นล่ะ เพราะดูจากการที่ถูกล่ามไว้ เขาคงไม่มีปัญญาเงื้อง่ายืดแขนไปลากเก้าอี้มาได้แน่ หากพอตั้งท่าจะทรุดลงกับพื้น แสงเหนือกลับดึงเขาเข้าไปใกล้และออกแรงกระตุกให้ทรุดตัวลงบนตักแทน ทีแรกเขากระอักกระอ่วนขืนตัวแข็ง แต่กลับโดนสีหน้าอ้อนๆ ของอีกฝ่ายทำเอาใจอ่อนอีกรอบ ต้องยอมนั่งกระมิดกระเมี้ยนลงบนตักแต่โดยดี

นั่งบิดยุกยิกเหมือนคนนั่งไม่เป็น จนโดนสองแขนโอบให้อยู่นิ่งๆ นั่นล่ะเขาถึงเพิ่งเห็นรอยยิ้มของเจ้าของตักซึ่งกระซิบถาม “เขินเหรอ”

“ปะ...เปล่า! ไม่...ไม่ได้เขิน” เขินคฤหาสน์บ้านพ่อนายน่ะสิ แค่ลิ้นมันพันกันตอนพูดเฉยๆ แล้วก็ไม่ได้อยากเล่นตัวด้วย แต่ไม่ใช่เด็กนั่งดริงค์มาตั้งแต่กำเนิดนี่หว่า เลยไม่รู้จะวางมือไม้แขนขาไว้ตรงไหนดีต่างหาก “มะ มีอะไรจะพูดก็รีบพูดสิ คุณรตีรออยู่นะ...อะ เฮ้ย...”

ใครจะรู้ว่าเจ้าลูกหมาหางตกโดนทอดทิ้งจะสลัดหนังแกะออก กลายร่างกลับเป็นนักล่าได้รวดเร็วจนมองแทบไม่ทันได้แบบนี้ เขาร้องเสียงหลงยามแสงเหนือซุกไซร้ใบหน้าลงกับซอกคอ ทั้งจั๊กกะจี้ทั้งเสียวจนขนลุก ก่อนจะโดนระดมจูบไปทั้งใบหน้าและริมฝีปาก ยิ่งโดนรุกเร้าหนัก เรี่ยวแรงที่เคยขัดขืนยิ่งแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนท้ายสุด เขาได้แต่หอบฮั่กหน้าตาแดงก่ำ มือสองข้างที่เคยเป็นส่วนเกินเกิดอาการอัศจรรย์ขึ้นไปยึดบ่ากว้างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะคาด เช่นเดียวกับคนขี้รังแกซึ่งผละออกไปหายใจสั่นๆ เช่นเดียวกัน

ในหัวสมองคิดคำต่อว่ามารอจ่อตรงปลายลิ้นมากมาย หากเขากลับเอาแต่จ้องริมฝีปากได้รูปของแสงเหนือจนตาลอย นึกพิศวงว่ามันมีเคลือบมนต์ลงสารเสพติดอะไรไว้บ้างหรือเปล่า ถึงทำให้เขา...อยากสัมผัสมันอีกครั้งถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่...

“ถ้าจินไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ” จู่ๆ เสียงที่ดังขึ้นแทรกความมึนงงจดจ่ออยู่กับปากคนอื่นทำให้จินดนัยสะดุ้งสุดตัว “ฮะ อะไรนะ พี่เหนือว่าใครกลับไม่กลับ”

“พี่บอกว่าถ้าจินไม่อยากกลับไป พี่ก็จะไม่บังคับให้จินกลับ” เขาคิดว่าเลือดในตัวแข็งค้างไปหมดยามฟังถ้อยคำย้ำชัดเจน “พี่รู้ว่าแม่ต้องมาบังคับ ขอร้องหรือพูดชักจูงต่างๆ นานาเพื่อให้เรากลับไปที่บ้านหลังนั้นแน่ๆ และพี่ก็รู้...ว่าจินของพี่น่ะใจดี ใจอ่อนมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ จินคงต้องยอมกลับไปแบบไม่มีทางเลือกอยู่ดี”

นั่น...ฟังดูดีมากๆ เมื่อหลุดจากปากเจ้าคนชอบเอาใจตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นแกนกลางโลก เป็นศูนย์กลางในจักรวาลแบบหมอนี่ หากน่าแปลกที่เขากลับเป็นฝ่ายเสียใจ น้อยใจจนบอกไม่ถูกเมื่อแสงเหนือบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องกลับไปก็ได้ หมายความว่าเขาไม่มีความสำคัญ เขาจะอยู่ที่ไหน แสงเหนือก็ไม่สนใจใช่ไหม

“เพราะไม่ว่าจินจะอยู่ที่ไหน พี่จะมาอยู่ด้วย” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมดึงเขาเข้าไปกอดหลวมๆ แตะหน้าผากลงกับหน้าผากเขาเบาๆ “ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน...ตลอดไป”
ตลอดไปของเขาจะยาวนานได้สักเท่าไหร่ ในเมื่อเขาเหลืออยู่แต่ร่างกายที่นับเวลาถอยหลังสู่จุดจบ ชีวิตก็ยกให้ไปแล้ว ส่วนวิญญาณคงยกให้ไม่ได้ จะเหลือก็แต่หัวใจใกล้เน่า เป็นแบบนั้นแล้วแสงเหนือยังจะอยากได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...

ถ้าเปรียบว่าเขามองโลกในแง่ร้าย แสงเหนือคงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ แต่เขาก็ชอบแง่ดีที่ได้ยินนั้น ...ชอบมากๆ ชอบจนนึกอยากร้องไห้ “จะบ้าเหรอ ห้องผมแคบจะตาย พี่เหนือไม่เห็นไม่รู้หรอก ห้องผมเนี่ย จากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่งคงแค่ห้าหกก้าวของพี่เหนือเองมั้ง เตียงก็ไม่ได้ใหญ่โตเป็นคิงไซส์ควีนไซส์ แค่เตียงเดี่ยวแคบๆ พี่เหนือจะนอนได้ยังไง ห้องน้ำก็เล็กถ้าเทียบกับห้องน้ำบ้านพี่เหนือที่ใหญ่ขนาดให้ผมเข้าไปนอนกลิ้งได้ พี่เหนือจะอยู่ได้ยังไง ทั้งแคบ ทั้งสกปรก พี่เหนืออยู่ไม่ได้หรอก”

“หึ ก็เพราะตาบอดนี่ล่ะ พี่ถึงว่าพี่อยู่ได้” มือใหญ่ลูบลงบนแผ่นหลังพร้อมกับโยกตัวน้อยๆ ราวต้องการปลอบคนในอ้อมแขน กล่อม...ราวกับจะรู้ว่ามีใครจวนเจียนจะทำน้ำตาหยดเรี่ยราดเต็มที “เพราะพี่มองไม่เห็น ดังนั้นไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นยังไงพี่ก็ไม่แคร์สักนิด ตรงกันข้าม พี่จะไม่แคร์สักนิดว่าต้องอยู่ที่ไหน จะเป็นห้องเล็กเท่ารูหนูหรือคฤหาสน์ใหญ่โตเท่าวัง ตราบใดที่มีจินอยู่ด้วย มันจะกลายเป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับพี่แล้ว”

บางทีเขาอาจจะได้พบบ้านที่ตัวเองควรกลับไปแล้วโดยไม่รู้ตัวมาตลอดก็เป็นได้

++++++++++

หลังจากนั้น จินดนัยจึงหิ้วถุงใส่ของกระจุกกระจิกกลับลงมาพร้อมชายหนุ่มที่ยืนยันจะถือกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาให้แม้ผู้เป็นเจ้าของจะคิดว่ามันไม่หนักสักนิด แม้จะยังอายอยู่บ้าง แต่รอยยิ้มราวกับจะขอบคุณของคุณรตีก็ช่วยให้ใจชื้นขึ้นไม่น้อย ยิ่งเมื่อฟังเสียงปราณีกล่าวยิ้มๆ แล้วเขายิ่งขัดเขินจนต้องบิดเสื้อคนตัวสูงแบบแอบติดเนื้อนิดๆ ให้พอสูดปาก “ฉันจัดการเรื่องคืนห้องเราเรียบร้อยแล้ว กลับบ้านกันดีกว่านะ”

รอจนคุณรตีกับแสงเหนือขึ้นไปนั่งคอยบนเบาะหลังเรียบร้อย เขากับลุงโตเดินอ้อมไปเปิดท้ายรถเพื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระ เสียงกระซิบกระซาบปนหัวเราะหึหึจึงดังจากลุงโต “ข้าเดาไม่ผิด ว่าแล้วว่าคุณเหนือท่านต้องมาหาเอ็งและพาเอ็งกลับไปจนได้”

“ลุงโตเนี่ยน้า ลุงเป็นคนบอกพี่เหนือว่าผมอยู่ที่ไหนใช่ไหม” มิน่า ลุงโตแกถึงเฉย~~ เหลือเกินตอนรู้ว่าแสงเหนือหายไปจากบ้าน “แหม ลุง เท่เหมือนกันนะเนี่ยทำตัวเป็นสายลับสองหน้าอยู่ตั้งนาน”

“จะสายลับสองหน้าหรือสามหน้าข้าก็ไม่รู้หรอก ข้าแค่รู้ว่าคุณรตีอาจเอาตัวเอ็งกลับไปได้ก็จริง แต่ถ้าจะให้เอา ‘ใจ’ กลับไปด้วยนี่ต้องอาศัยคุณเหนือสถานเดียว”

“โอ๊ย!” รอจนลุงโตถามละล่ำละลักว่าเขาร้องทำไม จินดนัยจึงค่อยยิ้มเผล่ “ก็ลุงอ่ะ เล่นพูดคำคมเสียจนบาดผมเลือดซิบเลย”

“ไอ้เวร” ลุงโตเจริญพรพร้อมแจกมะเหงกให้หนึ่งลูกแล้วจึงไล่เขาให้รีบไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน... บ้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดเมื่อมีคนสำคัญรออยู่

หลังจากได้กลับมาอยู่กับแสงเหนือ จินดนัยก็นึกปลงว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ขอแค่นาทีนี้ เขายังมีความสุขและทำให้ใครบางคนมีความสุขด้วย...เท่านั้นก็พอ

พวกเขาสองคนใช้เวลาแทบจะทุกนาทีอยู่ใกล้กัน พูดคุยและหัวเราะ แม้ในเวลาที่ไม่มีคำพูดใด พวกเขาก็พึงพอใจกับสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ เช่นการนั่งจับปลายนิ้วอีกฝ่ายลูบเล่น ได้รับรู้ถึงร่างกายอันอบอุ่นของกันและกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้จินดนัยรู้สึกว่าตนแข็งแรงขึ้น แทนที่จะอ่อนแอลงดังที่เคยนึกกลัว แต่เขายังไม่วางใจอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะยังกลัวว่าสุขภาพของเขาในช่วงนี้จะกลายเป็นแค่เปลวไฟสุดท้ายของเทียนไข

ลุกโชน เข้มแข็งและงดงาม...ก่อนจะดับสนิทลงตลอดกาล

นี่เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง ได้เห็นกับตาว่าแม่ก็อยู่ดีมีสุขจึงค่อยหมดห่วง หากจะเหลืออะไรอยู่บ้างคงเป็นความอาลัยมากกว่า แต่อย่างน้อย เขาก็ยังพอแน่ใจได้ว่าแสงเหนือจะไม่ต้องทนทรมานหรือเสียอกเสียใจยามเขาหายไป ในเมื่อเทวดาบอกเองว่าทุกๆ คนจะลืมเขา จะไม่มีใครจำได้ว่าเคยมีเขาอยู่ในโลกใบนี้

หากจะให้พูดตรงๆ สำหรับเขา...การถูกลืมมันสร้างความเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการหมดลมหายใจเสียอีก

“จินเงียบจัง คิดมากเรื่องอะไรอยู่” แสงเหนือเอ่ยถาม หลังจากรอจนเขาเป่าผมเปียกชื้นหลังอาบน้ำให้จนเสร็จ จินดนัยกดแก๊กๆ เปลี่ยนให้กลายเป็นลมเย็นแล้วเอาจ่อหน้าตัวเองเล่น

“ป่าวววคิดดด” เสียงนั้นสั่นๆ เพราะกระแสลมคอยพัดเข้าปากคนพูดตลอด

“อย่ามาริโกหกพี่หน่อยเลย ถึงตาพี่จะมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่าเรากำลังไม่สบายใจอยู่ ไหนเล่าให้พี่ฟังซิ” ชายหนุ่มนิ่งรอสักพัก หากภายในห้องยังคงมีแต่เสียงไดร์เป่าผมดังหึ่งๆ “จะเล่าไม่เล่า”

“ไม่มีอะไรจะเล่าแล้วจะให้เล่าอะไร” เถียงกลับพลางหันปากไดร์เป่าผมไปทางคนหน้าบูดแทน ...นี่แน่ะๆ ไอ้คุณชาย บ้าอำนาจดีนักใช่ไหม ตายซะเถอะ จะซัดให้ปลิวไปนอกหน้าต่างให้ดู

“เลิกเล่นน่า แล้วเล่ามาซิว่ามีอะไร” มือใหญ่ยกปัดจนเจอปืนลมของเขาก่อนจะตะปบป้าบ คว้าโยนไปอีกด้านอย่างไม่กลัวของจะเสีย “ถ้าจะไม่เล่าก็อย่าเล่าให้ตลอดนะ อย่าให้พี่รู้เชียวว่าแอบวิ่งไปปรึกษาเจ้าอั้มแทนอย่างคราวที่แล้ว พี่ไม่เอาไว้แน่”

เขาไม่ชินกับการมีคนมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสักเท่าไหร่หรอก โดยเฉพาะเมื่อคนคนนั้นเผอิญเป็นผู้ชายอีกต่างหาก “พี่เหนือพูดจาไร้สาระ ที่คราวก่อนนั่นมันก็เรื่องงาน ผมไม่เคยวิ่งไปปรึกษาปัญหาหัวใจกับใครหรอกน่า ไม่ต้องห่วง”

หน้าขาวที่บูดบึ้งขึงตึงจนถึงเมื่อครู่พลันกลายเป็นกรุ้มกริ่ม แถมเจ้าตัวยังกระเถิบเข้ามาใกล้จนน่าหวาดระแวง “หืม ที่แท้ก็กลุ้มเรื่องปัญหาหัวใจอยู่หรอกเหรอ ไม่ดีนะ แบบนี้ต้องรีบแก้ รีบรักษา อยากลองใช้วิธีหมอเหนือดูบ้างไหมครับ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง... มีปัญหาหัวใจต้องใช้ใจรักษา...”

“อย่าเข้ามานะ! ไอ้หมอเถื่อนทะลึ่ง บอกว่าอย่าเข้าม๊า...” เกือบหัวทิ่มตกเตียงตอนโดนโถมเข้าใส่ทั้งตัว แขนขาพวกเขาทั้งคู่ตีกันเป็นพัลวันและมือใหญ่กว่าก็คว้าหมับจับข้อเท้าเขาไว้ได้ ก่อนจะลากพรืดกลับมาจนเสื้อแสงแทบหลุด จินดนัยตาเหลือกรีบถลกเสื้อลงดึงกางเกงเนื้อนิ่มไว้แทบไม่ทัน และเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องเสื้อผ้าจึงไม่ทันระวังยามร่างสูงพลิกขึ้นด้านบนแล้วแกล้งไซร้เขาแรงๆ ด้วยหนวดเขียวๆ ซึ่งเพิ่งขึ้นแบบที่เจ้าตัวชอบทำนักหนา

“ไม่เอา ปล่อย มันจ๊ากกาจี้~~” เขาดิ้นตูมตามพร้อมหัวเราะจนหายใจแทบไม่ทัน และขนลุกเป็นแถบเมื่อปลายลิ้นอุ่นจนร้อนไล้ลงบนใบหู กระเสือกกระสนเป็นปลาเกยตื้นไปไหนไม่รอด จนกระทั่งแสงเหนือใช้ข้อนิ้วลูบช้าๆ ไปตามแนวคิ้ว เปลือกตา ปลายจมูกและแก้มจนมาหยุดที่ริมฝีปาก เขาหลังตาปี๋ยามชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนไม่เหลือช่องว่าง หมดแรงจะร้องห้ามและจำต้องยอมให้อีกฝ่ายกดริมฝีปากลงแนบกับริมฝีปากตน

นิ้วแข็งแตะบนปลายคางเขาพร้อมกับที่ปลายลิ้นอุ่นจัดสอดแทรกลึกเข้าสู่ปากเขา มันเป็นจุมพิตที่เริ่มอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆ เรียกร้องหนักขึ้น สติเขาเตลิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วหากต้องสะดุ้ง สติบินกลับมาเข้าร่างสวนทางกับขวัญซึ่งกระโจนหายไปในบัดดลเมื่อมือสากสอดเข้าใต้เสื้อและเริ่มคลึงเคล้นผิวหนังเปลือยเปล่าหนักหน่วง

“พี่เหนือจะทำอะไร” เบือนหน้าหนีแล้วร้องถามออกไปทั้งที่รู้ดีว่าแสงเหนือคงไม่ได้ชวนเขาซ้อมศิลปะป้องกันตัวกันตอนนี้หรอก ...อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในคืนนี้ “หยุด ผมบอกให้หยุด...”

แสงเหนือดึงมือเขาที่ยกดันหน้าไว้ออก กดจุมพิตหนักๆ ลงราวกับคนกระหายอยาก รอจนเขาเลิกดิ้นแล้วชายหนุ่มจึงค่อยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เสียงกระซิบขาดเป็นห้วงด้วยแรงปรารถนา “...เป็นของพี่เถอะนะ”

ได้ยินดังนั้น เขาจึงทำอย่างที่ควรทำตั้งนานแล้ว จินดนัยใช้ทั้งมือผลักทั้งเข่ายันแสงเหนือออกเต็มแรงพร้อมตะเกียกตะกายหน้าตาแตกตื่นจนพ้น กระถดตัวไปนั่งทำอะไรไม่ถูกตรงหัวเตียงขณะยังจับตามองอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง

หากอีกฝ่ายไม่ได้กระโจนตามมาอย่างที่นึกกลัว ตรงกันข้าม แสงเหนือกลับตีหน้าเคร่งเครียด ผละไปนั่งหันหลังให้เขาและลูบหน้าตัวเองด้วยความกลัดกลุ้ม นานช้า...กว่าเสียงทุ้มแหบพร่าจะค่อยดังขึ้น “...พี่ขอโทษที่ทำตัวบ้าๆ พูดบ้าๆ ออกไป พี่...”

ใบหน้าคนพูดก้มต่ำลงจนแทบจะติดอก เสียงพูดก็เบาลงจนเขาต้องเผลอกระเถิบเข้ามาเงี่ยหูฟัง “จินคงนึกรังเกียจพี่สินะ”

ไหล่กว้างงองุ้มจนร่างนั้นดูเล็กลงกว่าที่เคยเห็น เขาพลันนึกถึงเหตุการณ์ในวันวาเลนไทน์ซึ่งแสงเหนือเอาช็อคโกแล็ตกับกุหลาบแดงมามอบให้ ด้วยความกลัวและเข้าใจผิดทำให้เขาเหยียบย่ำความจริงใจของอีกฝ่ายกระทั่งไม่เหลือชิ้นดี มาครั้งนี้เขาก็ยังเผลอทำคล้ายๆ กันอีกด้วยการปฏิเสธความรักที่แสงเหนือมอบให้มาตลอด

ที่สำคัญ ไม่ว่าความรู้สึกซึ่งอัดแน่นในอกที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร หากอย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ความรังเกียจแน่ๆ “ผม... ผมไม่ได้รังเกียจพี่แต่ว่า...” หากจะเอาความรู้สึกเดียวในตอนนี้ที่ชัดเจนที่สุดก็ต้องนี่ล่ะ “แต่ผมกลัว”

เขาพยายามย้ำความจริงใจในคำพูดด้วยการแตะนิ้วลงบนบ่ากว้าง แม้จะยังเผลอกระตุกยามโดนจับข้อมือข้างนั้นยึดไว้หลวมๆ แต่คล้ายกับจะประกาศชัดว่าต่อให้เขาร้องจนคอแตกก็ไม่มีการปล่อยอีกแล้ว

“ถ้าจินไม่รังเกียจพี่จริงๆ ก็จูบพี่สิ” ถึงไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน หากเขาก็ยอมชะโงกลงแตะจูบลงบนริมฝีปากฝ่ายนั้น สะดุ้งอีกรอบเมื่อชายหนุ่มใช้ปลายลิ้นไล้ไปตามเรียวปากเขาคล้ายกับจะบอกว่าถ้าเขารังเกียจก็ควรจะผละออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ “พี่จะอ่อนโยนนะ พี่สัญญา...”

และเพราะไม่ได้รังเกียจ เขาจึงไม่ได้ผละออก

............

............

ร่างกายชั่วคราวของเขาไม่ใช่ร่างกายที่สวยงาม ไม่แม้แต่จะดูดีในความคิดของเขา ผิวขาวแบบไม่อมชมพูหากซีดเหมือนศพ มองเห็นกระทั่งเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนัง ผอมจนเกือบแห้งและไม่มีกล้ามเนื้อนอกจากกระดูกกับก้าง หน้าตา...ทุกครั้งที่เขาส่องกระจกมักเห็นแต่ไอ้เด็กหน้าเอ๋อคนเดิมมองตอบมาทุกครั้ง ไม่เข้าใจเลยว่าสมัยก่อนเขาหน้าตาเป๋อเหลอขนาดนี้เลยเหรอ

พูดง่ายๆ คือเขาไม่ค่อยพอใจกับร่างนี้สักเท่าไหร่หรอก แต่ดูว่าแสงเหนือคงไม่คิดเช่นนั้น เมื่อดูจากการลากพรมจุมพิตไปแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างกายนี้ ทำเหมือนเขาเป็นของมีค่า กลายเป็นสิ่งสำคัญราวน้ำที่ต้องดื่มหรืออากาศที่ต้องหายใจ

แต่เขาต้องการอากาศหายใจเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นม่องแน่... “พี่...อืม... เดี๋ยว อึ๊ก...” จินดนัยกำหมัดทุบบ่าร่างสูงอั้กๆ ยังไม่กล้าลืมตาตั้งแต่วินาทีที่โดนถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกด้วยความรวดเร็วเหนือเสียง กลัวเป็นตากุ้งยิงก็กลัว กลัวขาดอากาศตายก็กลัว จนต้องยอมแพ้ ลืมตาโพลงพร้อมเบือนหน้าหนีเพื่อสูดหายใจลึก หากยังไม่ทันจะขอพักเหนื่อย ชายหนุ่มกลับโอบเอวเขาแล้วตวัดขึ้นนั่งบนตักทันที

มันคงไม่แปลกเท่าใดนักกับภาพผู้ชายคนหนึ่งนั่งตักผู้ชายอีกคนหนึ่ง หากหนึ่งในนั้นจะไม่ได้ล่อนจ้อนเปลือยเปล่าเหมือนกะหล่ำปลีแบบเขา “พี่เหนือ มันแปลกๆ...” ปัดไม้ปัดมือที่ลูบเฟ้นไปทั่วทุกซอกทุกมุมพร้อมขยับตัวยุกยิก

“อะไรแปลก ไม่แปลกหรอก ไม่แปลกสักนิด” คนพูดพูดเสียงต่ำพร่าติดริมหู “จินน่ารักจนพี่จะคลั่งอยู่แล้ว”

หน้าเขาแดงจัด ร้อนจัด ได้แต่กระซิบขาดห้วงถามสิ่งที่สงสัย “ทำไม...มีแต่...ผมที่...แก้ผ้าล่ะ”

“...หืม จริงด้วย” แสงเหนือจับมือเขาให้วางบนบ่า กระซิบเอ่ยขอ “จินก็ช่วยถอดเสื้อให้พี่สิครับ”

คำอ้อนหวานๆ ส่งผลให้เขารีบถอดเสื้ออีกฝ่ายด้วยอาการเงอะๆ งะๆ และทันทีที่เสื้อนอนหลุดออกไป เขาก็ต้องหลุดเสียงอุทานออกมายามมือหยาบใหญ่ลูบขึ้นมาตามขาอ่อนและแตะส่วนร้อนผ่าวของเขาเบาๆ แม้จะยังอาย แต่ความรู้สึกดีกลับพลุ่งขึ้นมาจนต้องซุกหน้าลงกับบ่ากว้าง ครางระโหย “อืม...”

เสียงเบาหวิวคล้ายกับจะอนุญาตให้ร่างสูงกอบกุมกระชับเข้าและปรนเปรอจนเขาแทบขาดใจตายคาอก ไหนจะริมฝีปากที่มอบจุมพิตซ้ำย้ำลงจนปากบวมช้ำ เรียวลิ้นอุ่นลูบไล้เอาอกเอาใจ อ่อนหวานเสียกระทั่งเขาแทบไม่รับรู้อะไรผิดอะไรถูกอีกแล้วจนกระทั่ง...

“เจ็บ! อย่า...ไม่เอา” ร้องอู้อี้ยามร่างกระตุกเยือก แม้เขาจะพยายามกระถดหนีนิ้วมือที่สอดเข้าสู่เบื้องล่าง หากวงแขนที่กักตัวไว้ไม่เปิดโอกาสให้มากนัก หากความเจ็บแปลบยิ่งทวีสูงจนเขาเริ่มดิ้น ชายหนุ่มซึ่งรับรู้อาการขัดขืนจึงปรับวิธี ช้อนตัวเขาวางลงกับที่นอนพร้อมใช้ปากให้แทนมือ

เป็นเหตุให้มือที่ปัดป่ายผลักไสจนถึงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นขยุ้มผมบนศีรษะที่ซุกซบอยู่กับช่วงกลางลำตัวเขาแทน และไม่คิดขัดขืนยามโดนสอดนิ้วลึกเข้าสู่ภายในอีก ยิ่งเมื่อมือใหญ่ช้อนสะโพกเขาขึ้นสูง เลาะเล็มริมฝีปากและปลายลิ้นร้อนผ่าวลงในที่ที่นิ้วมือเพิ่งจะละไป จินดนัยยิ่งต้องเหยียดขาเกร็ง จิกปลายเท้าแน่น พยายามผ่อนจังหวะหายใจหอบถี่กับหัวใจที่เต้นรัวราวกับจะเป็นบ้า แม้เมื่อชายหนุ่มจะกลับมารับแก่นกายเขาเข้าสู่โพรงปากร้อน เขาก็รู้สึกดียิ่งกว่าเมื่อครู่จนแทบเสียสติ อารมณ์พุ่งสูงจนเจียนจะถึงท้องฟ้าแล้วเขาจึงพยายามร้องบอก “พะ พอแล้ว พี่เหนือ ผมจะ... อ๊า...”

แรงดูดรัดส่งให้เขาไปถึงขีดสุด ดวงดาวนับร้อยนับพันแตกกระจายอยู่หลังเปลือกตาพร้อมกับร่างกายที่กระตุกเยือก ปลดปล่อยสู่ปากคู่ที่ปรนเปรอให้จนหมดเรี่ยวแรง

เขายังนอนตะแคงตัวอ่อนปวกเปียกยามโดนโอบกระชับจากด้านหลัง รับรู้ถึงความร้อนแข็งขึงจดจ่ออยู่ตรงบริเวณซึ่งปลายลิ้นกับนิ้วมือได้เตรียมการอยู่ก่อนหน้า หากหมดแรงจะร้องห้ามหรือขัดขืนอีก

“ไม่ต้องเกร็งนะ เด็กดี” ลมหายใจที่เป่ารดลงริมหูร้อนผ่าวราวจะลุกเป็นไฟ จินดนัยพยักหน้ารับเงอะงะก่อนจะนึกออก จึงพยายามเปล่งเสียงที่คงฟังดูแหบแห้งเต็มทน “...ครับ”

แสงเหนือช้อนใต้เข่าข้างหนึ่งของเขาขึ้นและจับยึดไว้ แล้วค่อยๆ กดส่วนปลายเข้ามาช้าๆ แค่เริ่มต้นก็ทำเขาปากสั่นคอสั่นเสียแล้ว “พี่เหนือ มันเจ็บ เจ็บจริงๆ นะ...”

“พี่รู้ว่าเราเจ็บ” น้ำเสียงขอโทษขอโพยหากคนพูดไม่มีทีท่าจะหยุดหรือถอนตัว “ทนอีกนิดนะครับ ทนเพื่อพี่หน่อยได้ไหม”

“ก็...ก็ได้” จุดอ่อนของเขาคือมักจะแพ้ประโยคอ้อนของแสงเหนืออยู่ตลอด มาครั้งนี้ก็เช่นกัน จินดนัยรับคำง่ายดาย นอนซุกหน้ากัดฟันกับหมอน หากร่างด้านหลังก็ชะโงกตัวมากดจูบลงข้างแก้มก่อนจะประกบริมฝีปากเขาไว้แน่นพร้อมดันร่างร้อนจัดเข้าหาในรวดเดียวจนมิด “อื้อออ...! อึก...”

ถ้าแสงเหนือไม่ดูดซับเสียงร้องตะโกนของเขาไว้จนหมด รับรองว่าคนอื่นในบ้านต้องคิดว่าเขาโดนโจรบุกเข้ามาเชือดคอแหงๆ... ยังประกอบความคิดเข้าที่ไม่ถูกเมื่อริมฝีปากละไป จูบซับพวงแก้มชื้นน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความเจ็บปวดแทบตายเมื่อครู่ “พี่ขอโทษที่ทำเราเจ็บ แต่ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ”

บริเวณที่เจ็บแสบจนชาหน่วงเริ่มรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่สอดแทรกอยู่อย่างช้าๆ เช่นเดียวกับที่ตัวเขาสั่นกึกกักยามชายหนุ่มเริ่มขยับตัว

“...ยังเจ็บอยู่ไหม” เสียงไถ่ถามเป็นห่วงคงเนื่องจากเขาเงียบไปนาน “จิน...อยากให้พี่หยุดหรือเปล่า”

เสี้ยวหนึ่งในหัวใจที่เต้นกระหน่ำคับอกอาจเห็นว่านั่นเป็นความคิดที่ดี แต่ร่างกายตอนนี้ดูจะรับรู้ความรู้สึกบางอย่างแทรกผ่านความเจ็บปวดเข้ามา บางอย่างที่เกิดขึ้นยามส่วนที่ร้อนจัดและใหญ่โตขยับเข้าออก บางอย่างที่รู้สึกดีจนผลักดันให้เขาพูดสิ่งน่าอายออกไป “ไม่เป็นไร มะ...ไม่ต้องหยุดก็ได้”

มันเป็นคำพูดสุดท้ายที่ทั้งคู่ยังพอมีสติพูดคุยกัน เพราะหลังจากนั้นก็มีเพียงสัมผัสหนักหน่วงและการครอบครองรุนแรงเท่าที่คนคนหนึ่งจะถูกกระทำได้ ร่างเล็กขาวซีดคู้ตัวแทบจะจมหายไปในอ้อมกอดโอบรัดเรียกร้อง ยาวนานจนเกือบหมดสติ จนเมื่อขีดสุดแห่งอารมณ์ดำเนินมาถึงอีกครั้งในที่สุด เขาต้องกัดฟันฝังใบหน้าลงกับหมอนเพื่อไม่ให้ตนส่งเสียงออกไป ขณะที่ร่างเบื้องหลังยังยึดตัวเขาไว้แน่นพร้อมกับขยับกระแทกแรงๆ อีกหลายครั้งกระทั่งเกร็งกระตุกไปทั้งตัว ปลดปล่อยสายน้ำอุ่นร้อนเข้าสู่ร่างกายสั่นเทาที่รองรับจนหมดสิ้น

“จิน” ชายหนุ่มขยับถอนกายออกไปและคว้าร่างขดงอมานอนกอด จุมพิตลงตามขมับชื้นเหงื่อและพวงแก้มที่บัดนี้แดงจัดร้อนผ่าว “พี่รักจิน”

จินดนัยไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เขาเป็นของใครกันแน่ระหว่างสวรรค์เบื้องบนหรือชายหนุ่มคนที่นอนกอดเขาอยู่นี่ หากสิ่งเดียวที่รู้แน่ชัดคือหัวใจซึ่งเต้นเป็นจังหวะหนักหน่วงอยู่ในตัวเขากำลังเต้นเพื่อใคร

++++++++++++++++++++++++++++++++

TBC คร๊าบบบบบบบบบบบบบ

 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสว&#
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 28-07-2008 19:19:26
 :o12: โธ จินเสร็จเหนือซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 28-07-2008 19:28:24
 :m25: :m25: :m25: เอาอีก  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-07-2008 19:32:28
อิอิ ฉลองจินกลับบ้านซะเลือดท่วมเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย 555
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 28-07-2008 19:39:35
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: sky-cafe ที่ 28-07-2008 20:20:17
พออ่านตอนนี้ แล้วกลัวตอนหน้าทัันทีเลย ...
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 28-07-2008 20:22:48
• “หึ ก็เพราะตาบอดนี่ล่ะ พี่ถึงว่าพี่อยู่ได้”

อ๊ออออ งั้น ถ้าตาดี ก็อยู่ไม่ได้สินะ ชิส์

• ไหล่กว้างงองุ้มจนร่างนั้นดูเล็กลงกว่าที่เคยเห็น

เขาพลันนึกถึงเหตุการณ์ในวันวาเลนไทน์ซึ่งแสงเหนือเอาช็อคโกแล็ตกับกุหลาบแดงมามอบให้

ด้วยความกลัวและเข้าใจผิดทำให้เขาเหยียบย่ำความจริงใจของอีกฝ่ายกระทั่งไม่เหลือชิ้นดี

มาครั้งนี้เขาก็ยังเผลอทำคล้ายๆ กันอีกด้วยการปฏิเสธความรักที่แสงเหนือมอบให้มาตลอด

ต๊าย จินน่ารักที่สุดก็ตอนนี้แหละค่ะ ขั่นซิดดะเหรดถิฟ(considerative)จริง จริ๊ง


ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 28-07-2008 21:37:51
ยังเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-07-2008 21:50:29
ถึงตาบอดก็ไม่เป็นอุปสรรคในเรื่องนี้  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 29-07-2008 00:37:22


 :a5: :a2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 29-07-2008 02:14:47
 :m4: :m24:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 29-07-2008 03:20:06
นึกว่างานนี้จินจะจัดการเองซะอีกอิๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 29-07-2008 07:47:15
 :m25:  :m25:  :m25:

ในที่สุดพี่เหนือก็ทำสำเร็จ  o7

แต่เวลาเหลือน้อยเต็มที่  :a6:

ขอบคุณฮับพี่โยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 29-07-2008 08:25:52
ฉลองการกลับบ้านแบบเลือดท่วมจอเลยครับพี่ยาโย :m25:
ป.ล.รักษษสุขภาพด้วยนะครับผม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 29-07-2008 08:28:47
กรี๊ดๆๆ  :oni2: ตอนเศร้าก็เศร้าเสีย ตอนซึ้งก็เสียเลือด


อืมมม จบยังไงน้า..ขอหวานๆอีกซักนิด เป็นบทเพิ่มความซึ้งคงดี หุๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 29-07-2008 08:30:31
ตาบอดก็ไม่เป็นอุปสรรคเนอะเหนือเนอะ

ยิ่งอ่านก็ยิ่งหลงรักน้องจิน

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ

 :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 29-07-2008 09:16:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 29-07-2008 09:23:15
เฮ้อ...

กลัวใจตอนหน้ากว่าเดิมอีก

  :a6:    :a6:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-07-2008 09:51:12
 :o8:
ขนาดพี่เหนือตาบอดนะเนี่ย...
อยากรู้บ้างเหมือนกัน...ว่าหัวใจเราเต้นเพื่อใคร ???  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 29-07-2008 11:13:33
โอ๊ะ  เลือดกระฉูด   :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 29-07-2008 20:28:07
 o13 ไม่ได้เล่าเน็ตมาอาทิตย์นึงแล้วค้าบ หุหุ ในที่สุด พี่เหนืออออออออออ วู้ ๆ ๆ ๆ โย่ว ๆ ๆ ๆ


เฮ้อ ความสุขก่อนทุกข์เหลือคณาหรือป่าวค้าบบบ งัยก็รออ่านต่อนะค้าบบบบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 30-07-2008 19:45:00
 :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Sari ที่ 30-07-2008 23:49:22
 :a2:

กระชากอารมณ์จากตอนที่แล้วได้ ....  :m25:   มาก ๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 31-07-2008 12:51:45
แสงเหนือตาบอดไม่ใช่เหรอ ... สงสัยซะแล้วสิ  o2
เหมือนจะเก่งกว่าคนตาดีอีกนะ รู้หมดตรงไหน อะไร อยู่ตรงไหน  :laugh: ทำปายด้ายยย
ตอนนั่งแทกซี่อีก ใครเรียกรถให้หว่า  o12
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 31-07-2008 21:03:40
 :m30: สุดยอด
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo ที่ 31-07-2008 21:57:39
โฮกกกก ทิชชู่ซับเลือดไม่พอ ขอผ้าเช็ดตัวด่วนฮ่ะ :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 31-07-2008 22:07:38
รักแสงเหนือครับ :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 01-08-2008 18:01:07
 :m24:..พี่เหนือ..สุดยอดอ่ะ...อิ.อิ. :a2:
หวาน...มั่ก..มากอะค้าบ..
เฮ้อ..จะละลายแย้ว....หัวใจที่เต้นเพื่อพี่เหนือ...แหวะเลี่ยน..แต่ชอบอ่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 04-08-2008 11:37:44
 o12 หายไปนานแล้วนะ มาต่อเถอะนะนะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-08-2008 14:15:53
พี่ยาโยฮะเมื่อไรจะมาอ่ะหายไปนานจัง :m29:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 04-08-2008 19:35:54
 :sad2:
อยากอ่านแล้วครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 04-08-2008 21:19:53
ในที่สุดก็รวมร่าง !!?

พี่เหนือสู้ๆ สงสารพี่จินนั่นแหละ

ไม่รู้พี่เทวดา รึ ซานตาน จะมาลากกลับ

อย่าไปยอมแพ้น่ะจิน สู้มานนน :angry2: :angry2: :angry2:



ว่าแต่พี่โยยจ๋า มาต่อเถอะจ๊ะ  :m13: พลีสสสสสสส
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 04-08-2008 23:04:53
 :o12: ฮือออ ยังไม่มาอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 05-08-2008 18:34:46
ชอบเรื่อนี้จัง
เวลาของความสุขแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็คงดีกว่าความทุกข์ที่ยาวนาน :a2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 06-08-2008 01:53:22
สุดยอดเลยอ่ะ
พึ่งเคยอ่าน
ชอบมากๆๆค่ะ(ต้องรีบอ่านเดี๋ยวปั่นงานไม่ทัน)
ไปและ แล้วมาต่ออีกไวไวน้าค้า :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 06-08-2008 15:06:26
พี่เหนือทำเสร็จแล้ว


หมดห่วง ฮ๊า

รออ่านตอนต่อไปนะ ขอบคุณคุณโยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 07-08-2008 20:26:54
...เพ่เหนือ หาย...
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 07-08-2008 22:25:54


 :กอด1: :กอด1:

ชอบพี่เหนือ

กรี๊ดดดดดดดดด



หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 08-08-2008 21:20:37
 :o12: ยังไม่มาอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 08-08-2008 23:26:59

วุ้ย นี่ต้องพากันไปดูเปิดโอลิมปิคแน่ๆเลย ถึงไม่มาสักที

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 09-08-2008 05:13:16
 :mc4: วันนี้ไปทำบุญมาแต่เช้าเลยค้าบ หุหุ เอาบุญมาฝากค้าบผม
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: MagaM ที่ 09-08-2008 17:56:27
หลงรักพี่ DD มาตั้งอะ ไอตั้ม แล้วครับ 555+  :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 13-08-2008 14:25:35
พี่ยาโยฮะดองนานเกินไปหรือเปล่าฮะพี่ :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 13-08-2008 21:48:08
คิดถึงพี่เหนือออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 13-08-2008 21:58:31
หายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 :serius2: :sad2: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 16-08-2008 02:01:29
 :o12: พี่เหนือหายไป
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: shutta ที่ 17-08-2008 13:04:13
ดีมาก เศร้ามาหลายตอนละในที่สุดจินก็จะได้สมหวังซะที
แต่ไม่อยากให้จบแบบมีใครตายเลยอะ
จะมีพลิกล็อคอะเปล่าเนี้ย

ปล.รีบมาต่อไว ๆ คนอ่านตั้งใจรอ หิ หิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 17-08-2008 20:05:26
 :serius2:
แอแอ มาได้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: hasuzz ที่ 19-08-2008 02:37:33
คนลงหายไปไหนแย้วอ่า
เจ้าของเรื่องเค้าอัพแล้วน๊าา
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 20 เตรียมผ้าซับน้ำลาย + เลือดด้วยเน้อ เหอๆ ~
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 20-08-2008 11:53:30
มาลงต่อหน่อยคร๊าบ
สงสารคนรอ :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ด้วยรักจากสวรรค์ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 20-08-2008 17:39:46
ด้วยรักจากสวรรค์ 21 – คนโง่กับความรัก

ด้วยความอ่อนเพลีย จินดนัยคงจะไม่สามารถตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนปกติได้ หากเสียงคุ้นเคยที่ไม่ต้องรอให้ใครจุดธูปอัญเชิญกลับตามมาก่อกวนราวีไม่เลิกรา

“มีความสุขกันจริงนะ” แว่บแรกเสียงดังกล่าวทำเขาตกใจไม่น้อย รีบกระตุกผ้าห่มขึ้นคลุมพลางกระซิบ “คุณมองเห็นหรือเปล่า”

“เชอะ ทำอย่างกับฉันอยากดูนักล่ะ ผู้ชายสองคนนอนกอดกัน บรื๋อออ” แม้จะหงุดหงิดกับเสียงเสแสร้งสั่นสยดสยองแต่ความง่วงมีมากกว่า เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็นจริงๆ เปลือกตาบางจึงหรี่ปรือและซุกหน้าเข้าหาไออุ่นข้างตัว ตั้งท่าจะหลับต่อ “คงเป็นแบบที่พวกมนุษย์ว่ากันว่าได้แฟนก็ทิ้งเพื่อน ได้ผัวก็ลืมแม่...”

ฟังแล้วแทบสำลัก จินดนัยยอมบิดตัวกลับหันหลังและงึมงำในลำคอเบาแทบไม่มีเสียงลอดออกจากปาก แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับคู่สนทนา “โอเค คุณมีธุระอะไร”

“เชอะ ไม่มีอะไรร้อก ฉันแค่แวะมาดูหน้าเด็กเนรคุณ คนเห็นแก่ตัวบางคนเท่านั้นเอ๊ง” ชักนอนตาไม่ค่อยหลับ เขาหรี่ตากระซิบถามเสียงเครียด “ผมเนี่ยนะเห็นแก่ตัว ครั้งก่อนคุณยังเรียกผมเป็นพ่อพระเอกอยู่เลย”

“คร้าบ คุณพระเอก มอบกายถวายชีวิตให้เขาแล้วเลยคิดขึ้นแท่นพระเอกมือทองสิท่า แต่ขอโทษนะ ฉันคิดๆ ดูแล้วเพิ่งสรุปได้ว่าทั้งหมดที่นายทำก็ล้วนแล้วแต่เพื่อตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ”

“ผมทำเพื่อตัวเองตรงไหนวะ!” เผลอหลุดปากขู่ฟ่อดังไปหน่อยจนคนข้างหลังขยับตัว พึมพำคำพูดในลำคอแบบฟังไม่ได้ศัพท์ก่อนจะควานมือเปะปะจนเจอเขาและออกแรงลากกลับไป จัดท่าให้เขาซุกถูกที่ดีแล้วแสงเหนือจึงถอนหายใจยาวแล้วหลับต่ออย่างสบายอารมณ์

“นายทำเพื่อตัวเองมาตลอดล่ะ ตั้งแต่ตอนเลือกจะกลับมาฆ่าไอ้หมอนี่เพื่อจะได้ฟื้นคืนชีพ ตั้งแต่ตอนเริ่มใจอ่อน นายก็หาเหตุผลล้านแปดมาเข้าข้างตัวเองบอกว่าหาวิธีอยู่บ้างล่ะ กลัวบาปบ้างล่ะ ขนาดมีโอกาสงามๆ หลายต่อหลายครั้งยังไม่ยอมคว้าไว้ มาตอนนี้นายรักหมอนี่แล้วเลยไม่อยากเห็นมันตาย ยอมตายแทนให้โดยไม่สนใจว่าแม่จะเป็นตายร้ายดียังไงหรือหมอนี่จะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนฆ่านายซ้ำรอบสอง...”

คำพูดบาดแก้วหูไหลอย่างกับเขื่อนแตกไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายกับเขา ยกเว้นประโยคเดียวที่ซ่อนอยู่ในนั้น “ผมไม่ได้รักแสงเหนือ”

“อ๋อ ใช่เซ่ ไม่ได้รัก นายก็แค่กลัวบาปกรรม แค่กลัวแม่คนอื่นจะเสียใจ แค่ยอมรับโชคชะตาว่านายมันก็แค่คนตายไปแล้ว นายมันถูกเสมอนี่เนอะ เป็นแบบที่นายมักจะทำอยู่เสมอล่ะ ไม่เคยทำผิดอะไรกับใครเขาหรอก ตัวเองถูกเสมอ” ทำไมไอ้เทวดาบ้าต้องพูดเหมือนประชดด้วย ก็เขาทำถูกจริงๆ นี่นา เขาทำถูกมาตลอด จะผิดก็อีตอนพลาดขี่จักรยานไปชนเข้ากับรถแสงเหนือ นั่นล่ะ ข้อผิดพลาดประการเดียวของเขา พลาดครั้งเดียวเล่นเอาซี้ม่องเท่งเลย

“ใช่ นายไม่ได้รัก นายแค่ยอมให้ผู้ชายกอด แค่ยอมให้ร่างกายที่คงใกล้หมดประโยชน์ทำบุญสร้างกุศล ช่วยปลดเปลื้องตัณหาราคะของคนที่ไม่ได้รักแล้วค่อยจากไปอย่างสงบและอิ่มบุญในตอนจบ แต่-ขอ-โทษ! ผลบุญมันช่วยส่งนายไปสวรรค์ไม่ได้หรอก ไม่มีทาง! นายต้องโกทูเฮลล์ไปนั่งระลึกถึงความหลังแสนหวานในก้นบึ้งนรกโน่น ในขณะที่เจ้าฆาตกรลอยนวลจะลืมเรื่องของนายจนหมดเกลี้ยง! เข้าใจคำว่าหมดเกลี้ยงไหม มันแปลว่าโบ๋เบ๋! เป็นศูนย์! กินไข่! ส่วนเจ้าฆาตกรจะไปรักษาตาจนหาย ได้แต่งงานผู้หญิงสวยๆ ชื่อประมาณวิกกี้ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง โอเค้...ฉันมันแค่เทวดากระจอกๆ ต๊อกต๋อยจะไปมีสิทธิ์ห้ามอะไร แต่หลังจากทั้งหมดนี้ นายยังต้องการให้ฉันพูดว่านายทำถูกแล้วอีกรอบไหม”

โดยไม่รอฟังคำตอบ จู่ๆ สัญญาณเสียงจากเทวดาเจ้าอารมณ์ ขี้ประชดและฉุนขาดก็เงียบหายไปกะทันหันเช่นเดียวกับตอนโทรมา ทิ้งให้เขานอนนิ่งสักพัก ก่อนจะขยับตัวออกจากอ้อมแขนอบอุ่นโดยระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่น จินดนัยพยุงร่างกายอันปวดระบมลงจากเตียงและเดินเข้าห้องน้ำเงียบๆ ชำระล้างคราบหลักฐานและคราบเลือดแห้งๆ จากเหตุการณ์เมื่อคืนจนสะอาดเอี่ยมและไม่ยอมมองหน้าคนเห็นแก่ตัวในกระจกแม้แต่แวบเดียว

ไต่บันไดคลานลงมาถึงข้างล่าง แวะเล่นกับริชชี่ที่ไม่มีเวลาเล่นด้วยเสียนาน เจ้าหมาอารมณ์ดีที่ตอนนี้ตัวเริ่มใหญ่ตามสายพันธุ์วิ่งวนรอบตัวเขาด้วยความตื่นเต้นและต้องการชวนเล่น เนื่องจากยังระบมตรงหว่างขาจนไม่อยากวิ่ง เขาจึงแค่เล่นเขวี้ยงลูกบอลให้เจ้าริชชี่วิ่งไปคาบกลับมา แม้มันจะเอามาคืนบ้างไม่คืนบ้างตามประสาหมามีปัญหากับคำสั่งพื้นฐาน หากเมื่อเห็นว่าเขาไม่วิ่งไล่ตามทวง ริชชี่ก็มักจะแกล้งทำลูกบอลหลุดจากปากหล่นให้ใกล้ๆ เท้าเพื่อที่เขาจะได้โยนให้มันวิ่งตามไปเก็บใหม่

กระทั่งถึงเวลาริชชี่วิ่งไปกินข้าว ปล่อยเขานั่งเหงาตามลำพัง เวลาผ่านไปสักครู่ จึงได้ยินเสียงทักจากด้านหลัง “อ้าว เจ้าจิน ทำไมวันนี้ตื่นแต่เช้า”

หันไปมองหน้าตาสดชื่นของคุณรตีแล้วนัยน์ตาแทบพร่าบอด ...อย่ามองผมแบบนั้นเลยครับ ผมเพิ่งล่อลวงลูกชายคุณมาหยกๆ เมื่อคืนนี้เอง “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ยิ้มกระตุกและลุกเก้กัง พยายามเดินแบบปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ตื่นแล้วนอนต่อไม่หลับเลยลุกมาเลยน่ะครับ”

“งั้นวันนี้เรามาช่วยฉันทำข้าวต้มทะเลของโปรดของตาเหนือดีกว่า” คุณรตีกระวีกระวาดลุกยืน “รีบทำหน่อยจะได้ทันแกตื่นพอดี”

สตรีแต่งตัวสวยเดินนำฉับๆ ไปยังห้องครัวและรับเอาเครื่องเคราของสดที่สาวใช้เตรียมไว้ให้พร้อมออกมา “จุดเตาเอาหม้อตั้งน้ำให้ฉันที” ระหว่างยืนรอน้ำเดือด ผู้พูดขยับจับโน่นจับนี่อย่างกระฉับกระเฉงเหมือนคนมีความสุขกับการได้ทำอาหารให้คนที่รักกิน และเมื่อข้าวต้มเดือดพล่านส่งกลิ่นหอมฉุย คุณรตียังมีน้ำใจบอกให้เขากินก่อนได้เลยโดยไม่ถือว่าเป็นแค่บ่าว ครั้นเห็นกิริยารีรอของเขา สตรีเจ้าของบ้านจึงคว้าชามมาตักข้าวต้มให้เขาเสียเอง

“ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่นี้เราก็ผอมจนไม่รู้จะว่าไงแล้ว” ว่าพลางคีบปลาลวก กุ้งตัวใสและปลาหมึกผัดซอสที่แยกไว้ต่างหากโปะใส่ให้จนแทบมิดตัวข้าวแล้วคุณรตียังใส่ตังฉ่ายหั่นฝอย ใบผักชีและเหยาะพริกไทยให้จนเสร็จสรรพ “เรื่องแค่นี้ยังนับว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉันเคยทำ กับการที่เธอยอมกลับมา” คุณรตียิ้มและหันไปตักข้าวต้มอีกชาม “ฉันว่าฉันกินเป็นเพื่อนเธอเลยดีกว่า”

ประโยคกินเป็นเพื่อนของคุณรตีหมายความตามนั้นจริงๆ เขาได้รับอนุญาตให้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะและคุยเรื่องสัพเพเหระจนจินดนัยค่อยหายเกร็ง คุยไป กินไปจนข้าวหมดชามไม่รู้ตัว

“อิ่มไหม ถ้ายังไม่อิ่มก็ไปตักเติมเสีย หรือจะรอกินพร้อมตาเหนืออีกรอบ...” คุณรตีกล่าวยิ้มๆ หากยังกล่าวไม่ทันจบดี เงาของชายหนุ่มที่เดินเกาะราวบันไดลงมาได้หยุดคำพูดที่เหลือไว้ “อ้าว ตาเหนือตื่นแล้วทำไมไม่เรียกใครล่ะ ดูสิ แม่ก็มัวแต่คุยกับเจ้าจินเสียเพลิน”

แสงเหนือเดินเกาะราวบันไดลงมาได้ครึ่งทางก็หยุดชะงัก ยืนรอ ถ้าเป็นเมื่อวาน จินดนัยคงวิ่งไปรับแล้ว แต่นี่เขากลับนั่งนิ่ง เสก้มลงตักน้ำข้าวต้มก้นชามกินเพื่อหลบสายตาคุณรตีซึ่งลอบชำเลืองมาอย่างสงสัย หากแทนที่จะดุเขาเช่นที่นายจ้างควรทำ คุณรตีกลับหันไปเอ่ยกระเซ้าบุตรชายแทน “เอ้า ลงมาสิจ๊ะ เหลืออีกไม่กี่ขั้นลงไม่ได้เหรอลูก หรือต้องรอแม่เดินไปรับ”

คุณแม่หมายเลขหนึ่งลุกไปรับลูกชายพร้อมกับที่เขาลุกพรวด คว้าชามตั้งท่าจะวิ่งหลบเข้าครัว หากยังไม่ทันพ้น เสียงของคนที่ตอนนี้ลงมาถึงชั้นล่างดีแล้วกลับร้องหา “จิน”

เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมากระชากขาทั้งสองข้างเอาไว้ จินดนัยยังกอดชามตัวเกร็งเมื่อแสงเหนือเรียกเสียงละห้อยหาเป็นครั้งที่สอง “...จิน”

หมดทางเลือก ต้องเดินอุ้มชามกลับไปหาชายหนุ่มซึ่งยังยึดหัวบันไดไว้แน่นจนกระทั่งเขาแตะแขน มือข้างนั้นจึงรีบย้ายมาจับมือเขาไว้แทน “พี่เรียกทำไมไม่ขานล่ะครับ หืม”

เสียงออดอ้อนราวกับอยู่กันตามลำพังของแสงเหนือภายใต้สายตาสงสัยของบุคคลที่สาม ทำเอาเขาอับอายจนแทบจะร้องไห้เพราะความกระอักกระอ่วนอยู่แล้ว โชคยังดีที่คุณรตีกลับกระแอมไอตอบแทน “เหนือนี่ล่ะก็ น้องนั่งกินข้าวอยู่ยังจะไปเซ้าซี้อยู่นั่น”

“อ้าว เหรอ ก็...ผมไม่รู้นี่” คนหน้าขาวยิ้มเก้อๆ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่กุมกระชับไว้อยู่ดี กระทั่งทรุดตัวลงนั่ง มือข้างนั้นกลับกระตุกไว้แน่นยามเขายื้อออกเบาๆ

“ผมแค่จะไปตักข้าวต้มให้” อธิบายเรียบๆ หากโดนคนไม่คิดจะปล่อยมือเขาง่ายๆ ท้วงว่า “ให้เด็กมันไปตักสิ จินนั่งกินเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ”

สายตามองมาเป็นพักๆ ของคุณรตีกับกิริยาเลียบเคียงออดอ้อนตลอดของแสงเหนือเป็นเหตุให้เขากลืนข้าวต้มชามที่สองไม่ค่อยลงคอ ยิ่งเมื่อคุณรตีเอ่ยเรื่องที่เมื่อครู่เขาขออนุญาตไว้ขึ้นมากลางคันจนรู้สึกอิ่มตื้อจนแทบอ้วกเอาซะดื้อๆ “เจ้าจิน ถ้าเราจะกลับเมื่อไหร่ก็อย่าลืมให้ลุงโตไปส่งล่ะ”

“กลับ... จินจะกลับไปไหน” แสงเหนือวางช้อนทันที ไหล่กว้างๆ เกร็งขึ้นเช่นเดียวกับสีหน้าเครียด “ใครอนุญาต”

“แม่นี่ล่ะอนุญาต” แม้แต่คุณรตียังอดชักสีหน้าตึงไม่ได้ยามฟังเสียงห้วนห้าวหาเรื่องของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “จินเพิ่งขอกลับไปเยี่ยมแม่มันบ้าง เห็นว่าครั้งก่อนก็ยังไม่ได้พูดคุยกันมากเลยนึกห่วงขอกลับ...”

“จะกลับไปทำไม พี่จำได้ว่าจินเคยเล่าให้ฟังเองนี่ว่าแม่มีผู้ชายใหม่เลยไม่ค่อยดูดำดูดีเรา แล้วไอ้พ่อเลี้ยงเลวๆ นั่นอีก ถ้าเกิดเรื่องเหมือนคราวก่อน แม่จินจะช่วยอะไรได้”

ก่อนที่เขาจะโมโหจนน็อตหลุด กลับกลายเป็นคุณรตีที่ขัดเสียงดุ “หยุดนะตาเหนือ ไปพูดถึงแม่คนอื่นแบบนั้นได้ยังไง”

“ผมพูดความจริง” คนเถียงเถียงกลับ หน้านิ่ว “จินอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว จะกลับไปหาเรื่องรกสมองทำไม แม่พรรค์นั้นไม่เห็นจะต้อง...”

“เหนือ!” คุณรตีเรียกเสียงดังพร้อมกับที่จินดนัยลุกพรวด คว้าชามเดินเข้าครัวทั้งที่ใจจริงอยากยกแพ่นกบาลเจ้าคนข้างตัว แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเพราะแสงเหนือไม่รู้ถึงพูดแบบนั้นและเป็นเขาเองที่ไปปั้นแต่งเรื่องโกหกไว้ หากดูเหมือนความ ‘ไม่รู้’ ของแสงเหนือจะทำให้ตนหงุดหงิดมากกว่าปกติ

แสงเหนือไม่รู้ว่าที่จริงแม่ของเขาเป็นแม่ที่ดีแค่ไหน ไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่ต้องทำงานหนักเพื่อเขาแค่ไหน เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ ได้กินขนมมีของเล่นเหมือนเด็กอื่น หมอนั่นคงไม่รู้หรอกในเมื่อร่ำรวยขนาดนี้

แสงเหนือไม่รู้ว่าเขาน่าจะยังมีชีวิต มีลมหายใจ มีอนาคตสดใสโดยไม่ต้องนับเวลาถอยหลังสู่จุดจบ เขาได้รับโอกาสอีกครั้งแล้วด้วยซ้ำเพียงเพื่อจะเสียสละให้คนที่ฆ่าเขามีชีวิตอยู่ต่อไปแทน

เขายอมเสียสละขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่แสงเหนือกลับไม่รู้อะไรสักอย่าง และยังจะจำกระทั่งเรื่องของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำเมื่อทุกอย่างจบลง

เขาสูญเสียทุกอย่าง ทำถูกถึงขนาดนี้ แต่แสงเหนือก็ยังไม่รู้...ไม่รู้อะไรสักอย่างจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ด้วยรักจากสวรรค์ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 20-08-2008 17:41:51
ด้วยรักจากสวรรค์ 21  คนโง่กับความรัก  (ต่อ)

“ผมคงไปไม่นานหรอกครับ แล้วจะรีบกลับมา” จินดนัยเข้าไปลาคุณรตีในตอนสาย ไม่พูดสักคำกับชายหนุ่มซึ่งกำลังขยับตัวอย่างกระสับกระส่ายอยู่ข้างมารดา

“ไม่ต้องรีบกลับนักก็ได้” คุณรตีไม่สนใจเสียงเรียกเบาๆ ทว่าร้อนรนของลูกชาย “ไหนๆ เราก็ทำงานแบบไม่มีวันหยุดมาตลอด ไปจัดการพูดคุยให้จบๆ เลยดีกว่า หรือจะค้างสักคืนก็ตามใจ เผื่อว่าแม่เราเขาจะอยากให้ค้างด้วย”

“ไม่ได้นะ!” แสงเหนือทะลุกลางปล้อง ทำท่าจะอาละวาดต่อ หากคราวนี้คุณรตีเองก็ไม่ยอมเช่นกัน “มีเหตุผลหน่อยตาเหนือ จินควรจะพูดกับแม่เขาให้รู้เรื่อง อธิบายเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ให้เรียบร้อย เพราะยังไงเสีย น้องก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เกิดแม่เขาไม่เห็นด้วยแล้วแจ้งความเราข้อหาพรากผู้เยาว์ขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าเหนือยังอยากให้น้องทำงานที่นี่ต่อไปโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาในภายหลังก็ควรจะเข้าใจตรงจุดนี้ด้วย”

แสงเหนือนั่งคอแข็งหลังโดนมารดาตอกกลับเป็นชุด หน้าขาวนั้นบึ้งตึง ดูท่าจะไม่สบอารมณ์ขนาดหนัก เคืองขนาดไหนไม่รู้ รู้แต่พอเขาเข้าไปลาตามประสาเด็กถูกสอนมาดียังโดนเงียบใส่ เจ้าของใบหน้างอๆ นั่นกล้ากระทั่งเบือนหนีเขาเหมือนโกรธกันมาร้อยชาติ เห็นแล้วหมั่นไส้น่าแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ดูสักที

ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ ถ้าเงียบแล้วจะคิดอะไรๆ ได้ดีขึ้น เขาเองก็ต้องการเวลาคิดเงียบๆ คนเดียวเช่นกัน หลังจากเรื่องเมื่อคืน พวกเขาต่างมีปัญหาขบคิดกันให้วุ่นวาย “งั้นผมไปล่ะ”

++++++++++

ตะวันตกดินไปหลายชั่วโมงแล้ว หากจินดนัยยังหาคำตอบไม่ได้สักอย่าง พูดให้ถูกคือยังหาคำตอบที่ทำให้ตัวเองพอใจไม่ได้

“ขอเบียร์อีกแก้วครับ” เขาสั่งเบียร์เพิ่มและควักแบงค์สีแดงยู่ยี่ส่งให้ รู้ทั้งรู้ว่าคนอื่นในร้านไม่มีใครจะจ่ายค่าเบียร์แพงเท่าเขาหรอก แต่ทำไงได้ ในเมื่อเขาไม่สามารถเดินเทิ่งๆ เข้าไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จากที่อื่น มีแต่ร้านขนาดไม่ใหญ่มากซึ่งเปิดเป็นลานเบียร์แบบนี้เท่านั้นล่ะที่จะยอมขายเบียร์ให้คนซึ่งไม่มีแม้แต่บัตรประชาชนอย่างเขา

โทรศัพท์มือถือที่ลุงโตยัดเยียดมาให้ในกระเป๋าสั่นกึกกักเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เขารอจนมันนิ่งสนิทแล้วจึงยกแก้วในมือขึ้น ใจกระหวัดนึกไปถึงลุงโตซึ่งคงโดนคุณรตีสั่งกำชับมา ดังนั้นเมื่อเช้าหลังจากส่งเขาลงตรงถนนแถวมหาวิทยาลัยเก่าตามที่เขาบอกที่อยู่ไปมั่วๆ ลุงโตจึงกำชับนักหนาว่าจะกลับไม่กลับก็ต้องโทรกลับไปบอก และถ้าจะให้มารับก็ให้โทรเรียก แกกำชับเขาซ้ำๆ จนตอนเขาลงจากรถแล้วก็ยังไม่วายเปิดกระจกตะโกนสั่งอีกรอบ แต่แล้วไงล่ะ...เขาไม่ได้กลับบ้านแม่ตามที่บอก นอกจากเดินโต๋เต๋ตามห้าง ดูหนัง กินข้าว คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลานี้เท่านั้นเอง

ของเหลวสีอำพันรสขื่นบาดคอทิ้งรสขมไว้ในปากขณะเขานั่งเท้าคางกับโต๊ะมองดูนักร้องสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยครวญเพลงผ่านคาราโอเกะด้วยน้ำเสียงบาดหู ฤทธิ์แอลกอฮอล์ผนวกกับท่าจิกตากระโดดโยกซ้ายทีขวาทีประหนึ่งไก่โชว์สเต็ปเทพทำเขาขำจนเผลอหัวเราะออกมา

มีเสียงหัวเราะพรืดดังขึ้นพร้อมเขาจากด้านหลัง เมื่อเหลือบมองจึงเห็นเป็นวัยรุ่นในชุดนักศึกษาสามสี่คนกำลังก้มหน้ากลั้นหัวเราะ ครั้นเห็นเขามอง หนึ่งในนั้นจึงยิ้มตอบ

ไม่ถึงนาทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มที่ยิ้มให้ก็ลุกแยกจากเพื่อนมา “ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหม”

พี่ก็พี่วะ ขี้เกียจเถียง เดี๋ยวโดนหาว่าบ้าอีก... เขาคะเนแล้วค่อยกล่าว “ถ้าพี่ไม่ได้เป็นตำรวจก็เชิญครับ”

“หึ หมายถึงเบียร์เนี่ยเหรอ ไม่ต้องห่วง เพราะพี่ตอนสมัยอายุขนาดน้องต้องสี่สิบดีกรีเป็นอย่างต่ำ” ผู้พูดกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างซึ่งช่วยให้ใบหน้าที่ดูธรรมดาๆ ในตอนแรกกลับดูมีเสน่ห์ขึ้นมากโข “พี่ชื่อตฤณ แล้วน้องล่ะ”

“จินครับ” ตอบพลางชายตาระแวดระวังเล็กน้อย หากอีกฝ่ายกลับหัวเราะขำ “ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไม่ได้คิดจะจีบเรา แต่เผอิญเหลือบเห็นไอ้โต๊ะโน้นมันชำเลืองน้องจินมานานแล้ว เลยขอลุกมาเป็นก้างขวางซะหน่อย”

ไอ้โต๊ะโน้นซึ่งเขาหันไปมองแบบตื่นๆ ไม่ได้ทำหลบหน้าหลบตายามโดนจ้อง หากเจ้าของโต๊ะกลับชูแก้วทักทายแล้วชี้นิ้วที่อกตัวเองพลางพยักเพยิดหน้าจนจินดนัยสะบัดหน้ากลับแทบไม่ทัน “ผม...ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า”

“ขืนน้องจินลุกไปตอนนี้ก็เท่ากับให้ท่ากลายๆ ให้หมอนั่นลุกตามออกไป” ตฤณยิ้มยามเห็นคนลุกพรวดเมื่อครู่ทิ้งตัวกลับลงนั่งโดยแรงจนเก้าอี้แทบพัง “ไม่เป็นไรหรอก พี่กับพวกยังอยู่ มันคงไม่กล้า จินก็นั่งเล่นไปก่อนดีกว่า”

โชคดีที่ตฤณเป็นคนคุยสนุก ไม่นานชายหนุ่มก็ชวนคุยนั่นคุยนี่จนเขาคลายความระมัดระวังลง ยิ่งเมื่อเพื่อนๆ ของตฤณต่างผละจากโต๊ะเก่าตามมานั่งก๊งต่อที่โต๊ะเขาแทน บรรยากาศยิ่งสนุกสนาน จินดนัยเองตั้งแต่ได้กลับมามีชีวิตในร่างนี้อีกครั้งก็แทบจะไม่เคยได้พบเจอเด็กรุ่นเดียวกันอีกนอกจากแสงเหนือ จนเขาเกือบลืมไปแล้วว่าการได้พูดคุยล้อเล่นหยอกหัวกับเหล่าเพื่อนฝูงมันเป็นยังไง แถมคนพวกนี้ไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจหรือดูถูกสักนิดยามเขาบอกว่าไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว
พวกเขาทั้งหมดนั่งร่ำสุราเคล้ากับแกล้มกันจนลมหนาวของอากาศยามดึกเริ่มพัดแรง ลมพัดอู้มาวูบหนึ่ง จินดนัยก็สั่นกึกกักทีหนึ่งจนตฤณสังเกตเห็นอาการเขา “เฮ้ย โจ๋ง ถอดเสื้อเอ็งให้น้องเขาดิวะ มึงไม่หนาวไม่ต้องใส่หรอก”

เพื่อนนามโจ๋งรีบซุกมือลงในแจ็คเกตผ้าร่ม ส่ายหน้าดิก “มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่หนาว กูหนาวจนไข่จะแข็งแล้วโว้ย”

“หน้าไม่อายว่ะ ไอ้โจ๋ง เป็นถึงนักกีฬาบาส ดันทำตัวขาดความอบอุ่นเป็นไข่เป็ดยังไม่ฟักไปได้” เพื่อนข้างๆ ซ้ำต่ออีกระลอกจนทั้งโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วยกันเป็นแถว

“สาดดด นักบาสก็คนนะมึง” ปากบ่นหากยอมถอดเสื้อโปะบนหัวไอ้น้องใหม่ที่กำลังปฏิเสธเหย็ง “ใส่เถอะน้อง แต่ถ้ายังกลัวพี่หนาว พี่โจ๋งก็ไม่รังเกียจถ้าน้องจินจะมานั่งตักนะคร้าบ ถึงตักพี่จะไม่เคยผ่านก้นผู้ชายมาก่อน แต่ถ้าเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ น่ารักๆ อย่างน้องจิน พี่โจ๋งยอมมม~~~”

ทั้งโต๊ะก่นด่าทำเสียงอ้วกแตกอ้วกแตนกันให้ลั่น โดยมีตฤณตบหัวเพื่อนสั่งสอน “หม้อไม่เลือกนะมึง ขืนน้องนั่งตักมึงจริง ต่อให้เป็นผู้ชายก็มีหวังท้องแน่”

โดนมุขเสื่อมยิงเข้าใส่ จินดนัยจึงยิ้มกะเรี่ยกะราดรับแจ็คเกตมาแต่โดยดี พวกเขานั่งคุยกันจนดึกดื่น เมาพับหลับคาโต๊ะกันก็หลายคน ตัวเขาก็เริ่มมึนๆ และอารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หัวเราะเสียงดังลืมความกลัดกลุ้มไปจนเกือบหมด

“พี่ว่าจินคุยสนุกนะ หัวไวแล้วก็ฉลาดมากๆ” ตฤณพูดเสียงอ้อแอ้แถมปรบมือชมเปราะหลังยิงมุข ตัดมุข ตบมุขกันมาหลายชั่วโมง “พี่ว่าฉลาดกว่าไอ้เพื่อนๆ พี่เสียอีก ไอ้พวกนี้มันสมองเท่าเม็ดถั่ว ชีวิตมีแต่สอบกับซ่อม เด็กฉลาดๆ แบบนี้ รัฐบาลน่าจะออกกฏหมายบังคับให้เรียนหนังสือสูงๆ มากกว่าทำงานเป็นแค่เด็กรับใช้ ส่วนไอ้ตัวชั่วร้ายแบบไอ้พวกนี้! นี้! นี้!” จิ้มหัวดำๆ ของเพื่อนที่กองเกะกะอยู่รอบโต๊ะแล้วตฤณจึงพิพากษา “น่าจะจับส่งขายไปนอกประเทศเป็นแรงงานต่างด้าว นำเงินเข้าประเทศยังได้ประโยชน์กว่า”

จินดนัยก้มหน้าลง เขี่ยปลายแขนเสื้อเล่นก่อนพูดยิ้มๆ ว่า “โธ่ อย่างผมเนี่ยนะจะได้เรียนหนังสือ วันๆ มีแต่ต้องตามรับใช้เจ้านายต้อยๆ เป็นขี้ข้าให้เขาจิกหัวสั่งโน่นสั่งนี่ ก็อีกฝ่ายน่ะ...เป็นประเภทลูกคุณหนู เอาแต่ใจตัวเอง เด็กสปอยล์ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ” โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง หากครั้งนี้แทนที่เขาจะปล่อยให้มันหยุดไปเอง กลับหยิบออกมากดปิดเครื่องเสียเลยด้วยความรำคาญ “โทรจิกอยู่นั่นล่ะ นี่ขนาดให้ผมหยุดแล้วยังไม่วายโทรตามตั้งแต่หัวค่ำ ไม่รู้จะอะไรนักหนา น่าเบื่อ”

“เขาคงเป็นห่วงน่ะ ก็รับๆ แล้วบอกเขาไปเสียหน่อยสิ เขาจะได้เลิกโทร” ตฤณพึมพำแนะนำขณะง่วนกับการเรียงเมล็ดถั่วในจานที่เหลือให้กลายเป็นรูปหัวใจ

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก” เขาใช้ปลายนิ้วแตะหยดน้ำเขียนเป็นชื่อของแสงเหนือ เพ่งมองสักพักแล้วรีบเอาแก้วทับ “พี่ตฤณว่ารักต่างชนชั้นแบบในละครมันจะมีจริงๆ ในโลกไหม เอาแบบที่สมหวังเหมือนพระเอกกับนางเอกด้วยนะ”

“หืม แบบ...นางฟ้ากับยาจกน่ะเหรอ” คนฟังทำท่าสนอกสนใจ “มันก็พูดยากว่ะ ถ้าเอาจริงๆ ก็คงพอมีสมหวังกันบ้างล่ะมั้ง แต่พี่ว่าที่ยากคือเรื่องหลังจากละครจบลงแล้วต่างหาก อีตอนรักกันจี๋จ๋ามันก็ซาบซึ้งตรึงใจดีอยู่หรอก แต่เรื่องหลังจากนั้นต่างหากที่สำคัญ พี่ไม่เห็นมันจะมีละครตอนที่นางเอกท้องโย้ นั่งเลี้ยงลูกคนเดียวตอนพระเอกมันออกไปปร๋อกับกิ๊กเลย หรือแม่ยายที่นั่งด่าซ้ำเติมว่าแม่บอกแกแล้วว่าไอ้นี่มันเลว...”

หลังจากเขาจากไปน่ะเหรอ แสงเหนือก็แค่ลืมเขาอย่างที่เทวดาบอกไง แสงเหนือจะบินไปรักษาตาที่เมืองนอกจนหายดี จะแต่งงานมีลูกกับคุณวิกกี้ แสงเหนือจะก้าวไปข้างหน้าโดยจำเรื่องราวของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ “เขาจะลืมว่าเราเคยรักกันยังไงง่ายขนาดนั้นเลยเหรอพี่ เราจะลืมความรักได้ง่ายดายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จำไม่ได้ว่าเคยรักกัน...สักนิดเลยเหรอ”

“ไม่งั้นเขาจะบอกกันว่ากาลเวลาจะเยียวยาและกลืนกินทุกสิ่งหรอก” ตฤณหยอดคำคมแล้วเริ่มเลียบเคียงไต่ถามอยากรู้ “ว่าแต่น้องจินมีความรักต้องห้ามกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์อยู่เหรอจ๊ะ ไหน ลองเล่าให้พี่คนนี้ฟังบ้างสิ เห็นแบบนี้แต่พี่ก็เป็นคนโรกะติกไม่หยอกน้า อาจจะมีคำแนะนำดีๆ ให้ไม่มากก็น้อย”

“มะ ไม่ใช่หรอกพี่” เขารีบระล่ำระลักแก้ตัวเสียงดัง โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “มันไม่ใช่เรื่องน้ำเน่าแบบนั้นหรอก...โอเค ถึงฝ่ายนั้นเขาจะบอกว่ารักผมก็เถอะ แต่ผมว่ามัน...” จินดนัยเม้มปากขณะนึกถึงเสียงกระซิบอ่อนโยนที่เอ่ยกับเขา แสงเหนือไม่ได้ทวงถามหาคำตอบนอกจากมอบคำพูดอันอ่อนโยนนั้นให้เขาโดยไม่มีข้อแม้ “มันไร้สาระ”

เขาหยุดพูดไม่ได้แม้ตฤณจะเป็นฝ่ายอ้าปากเหวอแบบงงๆ แทน “คิดดูสิพี่ มันเหลวไหล มันไร้สาระจริงๆ นะ อย่างผม...หรือต่อให้เป็นคนอื่นก็เถอะ ใครคิดจริงจังกับคนตาบอดก็โง่แล้ว...”

“ไอ้จิน!!” เสียงตวาดดังลั่นทำเอาเขาสะดุ้งสุดตัวแทบตกเก้าอี้ หันขวับมาเห็นร่างสูงคุ้นตา แต่ยังไม่ทันจะกล่าวอะไร เงาของมือที่ฟาดลงมาทำให้ต้องก้มหน้าหลับตาหนีตามสัญชาตญาณ

ลุงโตหน้าแดงก่ำและเงื้อมือตีใส่เขาไม่นับด้วยแรงโมโห ตฤณยังตกใจขณะพยายามลุกมาห้ามชายวัยกลางคนแปลกหน้าซึ่งรี่มาฟาดเพื่อนใหม่ซึ่งยังยกแขนผ่ายผอมกันไว้แบบไม่ได้ผลนัก “ลุงครับ หยุดก่อน เดี๋ยว...”

“ปล่อยข้า! ข้าจะตีไอ้เด็กเลวให้ตาย!” ลุงโตด่าพลางกระหน่ำมือไม้ใส่ไอ้หนูของแกไม่ยั้ง “ทั้งที่คุณเหนือห่วงเอ็งยิ่งกว่าอะไร ยิ่งพอเอ็งเงียบหายไม่ยอมรับโทรศัพท์ก็ถึงกับนั่งไม่ติด กลัวว่าเอ็งจะไม่สบายเป็นลมอยู่ริมถนน กลัวเอ็งจะโดนจี้โดนปล้น สั่งให้ข้าขับรถพาท่านออกมาที่ส่งเอ็งเมื่อเช้า เดินถามหาเอ็งตั้งไม่รู้กี่ชั่วโมง แต่เอ็งกลับ...”

ร่างที่คู้ตัวหลบการทุบตีดูจะตกใจยิ่งกว่ายามได้ยินดังนั้น จินดนัยแทบจะลงคลานเพื่อหวังหลบให้พ้นจากโทสะของลุงโต และยิ่งใจหายหนักเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างเดินอยู่ลิบๆ โน่น

“พี่...พี่เหนือ!” เขาตะโกนเรียกพลางรีบลุกจนขาเกี่ยวเก้าอี้หกล้มโครมคราม แขนและฝ่ามือทั้งสองข้างครูดกับพื้นสากจนแสบไปหมด ตฤณรีบลุกมาประคองเขาซึ่งยังหกล้มหกลุกก่อนรีบหันไปยึดตัวลุงโตซึ่งตั้งท่าจะปรี่มาหาเขาอีก หากจินดนัยไม่มีเวลาจะมานั่งอธิบาย นอกจากวิ่งตามร่างสูงไปโดยไม่สนใจจะดูแผลตัวเอง ถึงบริเวณฝ่ามือและหัวเข่าจะแสบแต่เทียบกันไม่ได้เลยกับหัวใจที่เต้นแรงระทึกในช่องอก หัวใจที่ปวดแปลบเมื่อรู้ว่าได้ทำร้ายคนที่แสนสำคัญด้วยถ้อยคำมักง่ายไม่กี่ประโยค

“พี่เหนือ!” เขาคว้าแขนชายหนุ่มไว้ได้ทันในที่สุด จ้องใบหน้าขาวซีดพลางละล่ำละลักขอโทษปากคอสั่น “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ผมไม่รู้ว่า...”

“จะขอโทษพี่ทำไม” เสียงแข็งๆ ดังจากปากพร้อมกับที่ผู้พูดปัดมือเขาออก “จินจะคิดแบบนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ พี่มันโง่เองที่คิดจริงจังไปฝ่ายเดียว ไม่ยอมเจียมตัวว่าเป็นแค่คนตาบอด ...พี่มันไม่ดีที่คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าจินอาจจะ...รักพี่อยู่บ้าง”

“ไม่ใช่นะ ผม...” เขาพูดต่อไม่ออก ย้อนคิดถึงคำพูดที่หลุดปากออกไป ...ใครคิดจริงจังกับคนตาบอดก็โง่แล้วงั้นเหรอ ถ้าเขาคิดแบบนั้น คนโง่ตัวจริงก็คงเป็นเขานี่ล่ะ “ไม่ใช่พี่เหนือที่ไม่ดี แต่เพราะคนอย่างผมไม่มีสิทธิ์รักพี่ต่างหาก”

ทำไมความรักของเขาถึงได้เริ่มต้นจากจุดจบนะ ทำไมเขากับแสงเหนือถึงไม่พูดคุยกันให้เร็วกว่านี้ในตอนที่ทั้งคู่ยังมีเวลา ยังมีชีวิตด้วยกันทั้งคู่

“อย่า...ทำเหมือนจินเป็นเด็กไม่ดี พี่รู้ พี่สำนึกแล้วว่าคนอย่างพี่ต่างหากที่ไม่ควรหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ไม่ควรฝันถึงอะไรที่เป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงขื่นราวขบขันตัวเองเสียเต็มประดาของแสงเหนือทำคนฟังหน้าเสียใจสั่น “ถ้าจะมีเหตุผลที่จินรักพี่ไม่ได้ล่ะก็ คงเป็นเพราะพี่ตาบอดใช่ไหม เพราะพี่มันเป็นแค่คนพิการ เดินไปไหนมาไหนกับคนตาบอดมันก็น่าอายอยู่หรอก ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว พี่เข้าใจทุกอย่างดีพอแล้ว”

แสงเหนือไม่รู้ ไม่มีวันรู้หรือเข้าใจสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ความลับที่เขาบอกใครไม่ได้ ความเสียสละที่จะไม่มีคนจดจำ จินดนัยเคยคิดว่าตนยอมได้ หากวินาทีนี้เขากลับต้องตกเป็นฝ่ายโดนต่อว่าต่อขานราวกับเป็นผู้ร้ายใจดำ มันไม่ยุติธรรมสักนิด ทำไมเขาถึงต้องมาโดนคนที่แย่งชิงทุกอย่างไปมาต่อว่าเช่นนี้ด้วย เขาให้ไปหมดแล้ว...ทั้งชีวิต ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ แล้วทำไมแสงเหนือถึงยังไม่พอใจอีก

แสงเหนือยังต้องการอะไร ในเมื่อเขาไม่เหลืออะไรจะให้ได้อีกแล้ว

“ใช่ พี่เหนือน่ะทั้งโง่เง่า ทั้งตาบอด มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง” เขาพูดทั้งน้ำตาด้วยความโกรธ ความน้อยใจที่โดนกล่าวหาอยู่เพียงฝ่ายเดียว “พี่ไม่รู้หรอกว่ากว่าจะถึงวันนี้ ผมต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ เพื่อจะได้พบพี่ เพื่อให้ได้อยู่กับพี่ถึงแม้จะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ เพื่อที่จะให้พี่เหนือมีความสุข ผมจะบอกให้นะว่าไม่ใช่พี่หรอกที่ฝันถึงอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ ผมต่างหากที่ฝันมาตลอดทั้งที่รู้ว่าจะต้องผิดหวัง ผมให้มาตลอด ให้จนไม่เหลืออะไรจะให้...แต่พี่ก็ยังไม่พอใจ ฉะนั้นอย่ามาทำเป็นพูดเหมือนเข้าใจทุกอย่างหน่อยเลย พี่เหนือจะเข้าใจอะไร! พี่จะเข้าใจอะไร!!”

ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มที่ดูจะตกใจจนพูดไม่ออกแล้วจินดนัยก็รู้สึกหน้ามืด ร่างกายเหมือนจะหมดแรงกะทันหัน ได้แต่ยืนโงนเงนหอบหายใจอยู่ตรงนั้น เขาไม่เหลือแรงแม้แต่จะหันหน้าหนียามมือใหญ่ยกขึ้นมาสัมผัสและเลื่อนไปกุมกระชับบ่าทั้งสองข้างของเขาไว้ น้ำเสียงที่พูดราวกับจะเค้นออกมาจากร่างสูงตรงหน้านั้นแฝงด้วยความร้อนรน อัดอั้นและอาจถึงขั้น...เจ็บปวด

“พี่รู้ว่าพี่มันโง่ ตาก็มองไม่เห็น เลยเข้าใจอะไรได้น้อยกว่าคนอื่น พี่ไม่สามารถสังเกตสีหน้าของจินได้ พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำ...ว่าทุกครั้งที่พี่แตะต้องตัวเราแบบนี้อยู่ จินจะพอใจหรือเปล่า จะโกรธหรือรังเกียจพี่ไหม มันคงทำให้จินรำคาญบ่อยๆ กับการที่พี่ไม่รู้อะไรสักอย่าง ดังนั้นก็บอกพี่สิ บอกพี่ว่าควรจะทำอะไร ต้องทำตัวยังไง จินถึงจะรักพี่บ้าง”

แสงเหนือมักจะมีวิธีที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ร้ายได้เสมอ และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน หากสิ่งที่แตกต่างไปคือเขาก็หมดความอดทนแล้วเช่นกัน

“ทำยังไงให้ผมรักพี่น่ะเหรอ มันง่ายจะตาย” เขายิ้มเหยียดราวกับขบขันกับโชคชะตาเฮงซวยของทั้งคู่ “พี่เหนือรักผมใช่ไหม เชื่อใจผมหรือเปล่า” จินดนัยมองกิริยาพยักหน้าตอบง่ายๆ ของอีกฝ่ายแล้วลากแขนชายหนุ่มกระโดดลงไปบนถนน ตะโกนใส่หน้าทั้งน้ำตา “ถ้าเชื่อใจผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ ห้ามขยับไปไหน ไม่ว่าจะได้ยินอะไรหรือเกิดอะไร ถ้าพี่ยอมตายให้ผมดู ผมอาจจะยอมรักพี่เหนือบ้างก็ได้”

ถนนยามค่ำคืนแม้จะไม่มีรถยนต์วิ่งกันพลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน หากรถแต่ละคันล้วนแล่นกันด้วยความเร็วสูงเพราะถนนหนทางโล่งสบายเปิดโอกาสให้ซิ่งกันได้เต็มที่ แค่เขาก้าวถอยหลังสะเปะสะปะมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงปี๊นยาวก็ดัง หากรถคันนั้นก็หักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนหลบไปทัน

เขาเกือบจะคาดหวังให้แสงเหนือเดินดุ่มกลับเข้ามาและด่าเขาแทนที่จะยืนนิ่งอยู่จุดเดิม และแสงเหนือยังไม่ยอมขยับ แม้เสียงบีบแตรดังลั่นสนั่นจะใกล้เข้ามาแค่ไหนก็ตาม เช่นเดียวกับเสียงห้ามล้อบดกับพื้นถนนเอี๊ยดยาวบาดหูจนน่ากลัว มันดังใกล้เข้ามาขณะที่หัวใจของคนมองแทบจะหยุดเต้น แม้แต่การตั้งท่าจะกระโจนลงไปบนถนนยังดูเหมือนจะไม่ทันการณ์...

“ไอ้บ้า! อยากตายหรือไงวะ! ไอ้เวรตะไล...” เสียงผรุสวาทด่าทอยาวเหยียดดังจากปากเจ้าของรถเก๋งซึ่งหยุดรถได้ก่อนจะชนไอ้บ้าที่ดันทะลึ่งลงมายืนทื่อกลางถนน ฉิวเฉียดชนิดกันชนหน้าห่างจากคนบ้าไม่ถึงเมตรดี “ไอ้หอกหัก! มึงคิดจะกระโดดให้กูชนเพื่อจะได้เรียกค่าเสียหายล่ะสิ กูจะบอกให้นะว่าถ้ากูชน กูจะชนให้ตาย ไม่รอให้มึงมา...”

ชายที่ก้าวอาดๆ ลงจากรถมากระชากคอเสื้อแสงเหนือชะงักยามเห็นดวงตาคู่นั้นจากแสงไฟหน้ารถ “อ้าว... นี่มึง...”

“ขอโทษครับ นั่น...พี่ชายผมเอง เขาตาบอด ขอโทษครับ” จินดนัยซึ่งยังขาสั่นด้วยความกลัวภาพหวาดเสียวเมื่อครู่รีบวิ่งมาดึงแสงเหนือและเข้าขวางรับหน้าชายซึ่งกำลังโมโหไว้แทน “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณเกือบเจออุบัติเหตุ”

“...เออๆ ต่างคนต่างไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” รับคำงงๆ แล้วชายผู้นั้นก็ส่ายหน้าดิก เดินพึมพำขณะกลับไปขึ้นรถ “กูว่าแล้วว่าทำไมมันไม่หลบ จริงสิ คนตาบอดมักจะหูหนวกด้วยนี่นะ ลืมไปเลยว่ะ”

ขนาดเขายังร้องไห้ไม่หยุดยังอดหัวเราะพรืดกับความเข้าใจผิดดังกล่าวไม่ได้ เจ้าของรถที่ได้ยินเสียงหัวเราะยังเหลียวมองมาและด่าส่งท้าย “ดีว่ะ ให้คนบ้ามาดูแลคนตาบอด ตายห่ากันทั้งคู่พอดี”

รอจนพวกเขาจูงมือกันกลับมาบนริมถนนแล้วนั่นล่ะ เจ้าของมือใหญ่ที่บัดนี้กุมกระชับมือเขาไว้แน่นจึงค่อยกระซิบขำๆ “ดูเหมือนว่าเราจะบ้าพอกันทั้งคู่จริงๆ นะ”

“...ประสาท” จินดนัยด่างึมงำพร้อมยกมือข้างว่างป้ายเช็ดน้ำตาบนหน้าแรงๆ หากต้องเจ็บจนหน้านิ่วยามรู้สึกแสบที่ฝ่ามือ เมื่อยกขึ้นดูแล้วจึงพบว่าผิวเนื้อนุ่มตรงอุ้งมือถลอกเลือดออกซิบๆ “พี่เหนือ ปล่อยมือก่อน มือผมถลอกทั้งสองข้างเลย”

“หืม” แสงเหนือรีบยกมือเขาขึ้น หากจนปัญญาจะสำรวจบาดแผล จึงได้แต่เอ่ยถามแผ่วเบา “ถลอกมากหรือเปล่า”

“ไม่มาก นิดเดียว” เขาบิดมือยุกยิกแต่ไม่ถึงกับดึงออก

“โดนอะไรมา” เสียงนุ่มติดจะระอาคล้ายผู้ใหญ่ถามเด็ก

“หกล้ม...” เดี๋ยวจะหาว่าเขาซุ่มซ่าม จึงรีบเติมท้ายประโยค โยนความผิดให้คนตรงหน้าเต็มๆ “ตอนวิ่งตามพี่เหนือ”

“เจ็บมากไหม” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ค่อยรู้สึกดีขึ้น

“ไม่มาก นิดเดียว” ตอบอมยิ้ม หากจินดนัยต้องหน้าร้อนซู่กับคำถามต่อมา

“แล้วรักพี่เหนือนิดเดียวหรือเปล่า” คนบ้าอะไรวะ หยอดได้แม้แต่ในเวลาแบบนี้ แต่...ก็เอาเถอะ

“ไม่รัก...” แกล้งทิ้งช่วงนานจนร่างสูงหน้าเจื่อนก่อนจะยอมพูดต่อว่า “ไม่รักนิดเดียว แต่รักมากๆ เลยต่างหาก”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 20-08-2008 17:51:38
พี่โยยมาแล้ววววว  :a1:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: kurugmin ที่ 20-08-2008 17:57:24
มาลงต่อแล้ว :m4:
ขอบคุณคร๊าบ :m1:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 20-08-2008 18:03:50
 :oni1:นึกว่าโยจะให้ค้างคาเป็นค้างคาวซะอีก

มาช้ายังดีกว่าไม่จริงจริ๊ง

+1 ให้โย  :m2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 20-08-2008 19:09:31

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 20-08-2008 19:16:58
 :m15:มาต่อแล้ว ฮืออออ มาต่อแล้ว

ทำไมเศร้าใจเยี่ยงนี้ คราต่อไปโปรดมาต่อไว อยากรู้จะตายอยู่แ้ล้วว

 เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งค่า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-08-2008 21:07:24
โห............................... :sad2: น่าสงสารทั้งสองคนโคตรๆ ไม่ไหวแล้ว

อยากรู้แล้วว่าในที่สุดมันจะเป็นยังไง  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 20-08-2008 21:47:18
โฮ เศร้าใจ  :sad2:

นึกว่าจะดองแข็งกับคนในบอร์ดซะแล้ว ... ไม่งั้นจะเศร้ายิ่งกว่านี้
แสงเหนือผู้แสนดี ไอ เลิฟ ยู~

ขอ +1 ให้วีรสตรีของเรา พี่โยย ~  :a2:

อยากอ่านตอนต่อไปจัง เห้อ~

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-08-2008 21:48:52
แล้วมันก็....สรุปไม่ได้สักทีว่าจะเอาไง 555 จินเอ๊ย!
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 20-08-2008 21:51:06
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 20-08-2008 22:22:11
 :mc4:
จุดประทัดฉลอง ได้อ่านแล้ววววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ChiiCaLorz ที่ 20-08-2008 22:31:41

ทั้งซึ้ง  :o8: ทั้งเศร้า  :sad2:
ตอนต่อไปมาเร็วๆน๊าคร้าบบบ  :oni1:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 20-08-2008 22:44:59


ดีใจ

ได้อ่านต่อแล้ว ^^



พี่เหนือ ><


แล้วจะทำไงล่ะทีนี้ ??

เทวดา  จะใจร้ายมากมั๊ย???
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 20-08-2008 23:56:54
โอ้โห พี่คนเขียนไม่มาแป๊บเดว<เอ๊ะหรือนาน>


พอมาแปบเดว สุดยอดดดดดดดดดดดด อ่านแบบอึ้งง ลุ้นทั้งเรื่องเลยแง่งๆ


หวานไปฉากเดว ทะเลาะกานอีกแว้ว แต่ก้อ น่ารักตอนหลัง :m13: :m13:


แหม เทวดาเรื่องอื่นดี๊ดี+++


พอมานเรื่องนี้ อย่าให้ท่านมาเลย


มาทีไรมีเรื่องทุกที :m31: :m31:


มาบ่อยๆนะฮะ คิคิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 21-08-2008 00:23:31
สงสัย ตาเทวดา(?) คงจะโดนวีนมา ถึงมาถึงก็ ใส่จินเอา ใส่เอา ใ่ส่เอา

หวา อยากอ่านต่ออย่างงรุนแรง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 21-08-2008 01:20:48
มันเศร้ามากมายเลยอะ

อยากรู้ว่าจะเป็นงัยต่อไปอะคับ

 :sad2:   :sad2:   :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 21-08-2008 01:53:30
 :m15: :o12: o7
ทำไมๆๆๆๆ
แล้วต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย

อยากอ่านต่ออ่า :m17:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 21-08-2008 03:45:18
รอตอนต่อไปเลยอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 21-08-2008 05:41:43
 :m4: เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ในที่สุดก็มาจนได้  อ่านแล้วอยากร้องไห้  :m15:  แต่ร้องไม่ออกไม่รู้ทำไม  สงสารทั้งคู่เลย มันรู้สึกว่ามันมีอะไรค้างๆอยู่  ได้แต่เภาวนาว่ามานจะจบแบบ :กอด1: happy ending  อ่ะนะ o7


+1  เปนกะลังใจในการต่อค่ะ สู้ๆ มาต่อไวๆนะ อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 21-08-2008 08:37:23
ขอบคุณฮะพี่ยาโย :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 21-08-2008 11:28:26
สงสารจิน
สงสารพี่เหนือ

เกลียดไอ้คุณเทวดา บ้าๆๆๆๆๆๆ

ลุงโตอย่าโกรธจินเลยน๊า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 21-08-2008 13:48:37
ทั้งเศร้า ทั้งซึ้ง

คุ้มค่ากับการรอคอย

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 21-08-2008 15:05:33
ด้วยรักจากสวรรค์ 22 – เวลาที่เหลืออยู่


จินดนัยเกือบยอมให้แสงเหนือจูบตรงริมถนนอยู่แล้วหากลุงโตและตฤณจะไม่วิ่งหน้าเริ่ดกระหืดกระหอบตามมา ผู้ชายต่างวัยสองคนเถียงกันฟังไม่ได้ศัพท์ เหมือนต่างคนต่างฟ้อง

“ลุงสติไม่ดี ใจร้อน มือหนักนี่เป็นญาติน้องจินจริงๆ น่ะ ถ้าไม่ใช่ญาติต้องแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกายเลยนะ”

“ไอ้หนุ่มเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างเอ็งหุบปากไปเลย ชะช้า เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าทางนี้ๆ เอ็งดันบอกทางนั้นๆ วิ่งตามไปจนเกือบถึงสี่แยกแล้วนั่นล่ะ เอ็งถึงยอมรับว่าสงสัยจะมาผิดทาง ไม่ยอมเชื่อคนแก่อย่างข้าแล้วเป็นไง เฮอะ นี่ล่ะที่โบราณเขาว่าเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด...”

สองคนสองวัยตั้งท่าจะถกกันยาวหากแสงเหนือจะไม่ปราม “พอเถอะ ลุงโต”

เช่นเดียวกับที่จินดนัยขอร้องตฤณ “ผมต้องขอโทษพี่ตฤณด้วยครับที่ทำให้ลำบาก แต่ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ แล้วนี่พวกเพื่อนๆ ของพี่ตฤณ...”

“สลบพับคาขวดเหล้าไปไม่กระดิกสักคน แม่มเอ๊ย นี่ถ้าเขารบกันมันคงตื่นตอนอยู่ในโลงนั่นล่ะ ไร้ประโยชน์ชิบหาย มันน่าปล่อยให้เทศบาลมาเก็บไปจริงๆ” ฟังตฤณพูดถึงเพื่อนฝูงเหมือนหมาจรจัดและขยะสดแล้วอดหัวเราะไม่ได้ หากแรงยึดข้อมือแน่นทำให้ต้องรีบหยุดกระแอม เสมองหน้าบูดๆ คล้ายได้กลิ่นของเน่าของแสงเหนือแล้วรีบแนะนำ

“เอ่อ พี่เหนือ นี่พี่ตฤณครับ” ละว่ารู้จักกันได้อย่างไรในฐานที่เข้าใจ “พี่ตฤณครับ นี่พี่เหนือ แล้วนั่นลุงโต แต่พี่คงรู้จักกันแล้ว”

“นี่...” ตฤณมองแสงเหนือขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายรอบและโฟกัสเฉพาะจุดที่มือใหญ่กุมมือจินดนัยไว้แน่น เอ่ยคาดคะเน “คงจะเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่จินเล่าให้ฟังสิท่า อ่าฮะ~~~”

ใบหน้าเขาร้อนผ่าวยามฟังเสียงลากยาวรู้ทันนั้นขณะที่แสงเหนือขมวดคิ้ว ถามเสียงขุ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ “พูดเรื่องอะไรกัน”

“เปล่า” ปฏิเสธเสียงสูงแล้วรีบดำเนินการสลายม็อบชุมนุมโดยด่วน “พี่ตฤณรีบกลับไปดูเพื่อนๆ เถอะ เดี๋ยวโดนลอกคราบหมดตัวหรอก”

หลังจากทำยิ้มรู้เท่าทันอีกหลายจึ้ก ตฤณจึงค่อยยอมถอยทัพแต่โดยดี หากยังอุตส่าห์หยอดทิ้งท้าย ชะโงกหน้ามาพูดให้คนที่จูงมือเขาไม่ยอมปล่อยได้ยินอีกด้วยว่า “หลังจากนี้พระเอกกับนางเอกจะเป็นไงพี่ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับตอนนี้พี่คงต้องบอกว่ารักของนางฟ้ากับยาจกจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งว่ะ โชคดีนะน้องจิน ถ้ามีปัญหาหรืออยากเล่าตอนต่อของละครก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ” ยัดกระดาษแผ่นเล็กใส่กระเป๋ากางเกงเขาแล้วตบหัวปุๆ กล่าวลา “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณเหนือ ถ้ามีวาสนาเราคงได้เจอกันอีก น้องจิน”

ร่ำลาอย่างกับจะไปรบ จากไปราวกับจอมยุทธพเนจร จินดนัยยืนมองเพื่อนใหม่อย่างลืมตัวจนกระทั่งเสียงเขียวๆ จะกระชากออกจากภวังค์ “รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ พูดถึงใครคุณหนูผู้สูงศักดิ์ แล้วอะไรไหนยังรักของนางฟ้ากับยาจกอีก เล่ามาให้หมดเลยนะ แล้วนี่ไปเอาเบอร์มันมาทำไม พี่สั่งห้ามเราโทรหามันเด็ดขาด เข้าใจไหม”

“เอ๊...” ยังไม่ทันจะลั่นกลองศึก ลุงโตก็รีบขัดตาทัพ “ผมจะไปเอารถมารับนะครับ คุณเหนือยืนรอตรงนี้ก่อน ส่วนเอ็งน่ะ...”

ลุงโตจ้องเขาตาเขียวปั๊ด ท่าทางจะยังไม่หายโกรธ แต่คงเกรงใจผู้เป็นนายอยู่ไม่น้อยจึงไม่ได้ด่าอย่างที่ใจอยาก “ดูคุณเหนือให้ดีๆ นะ อย่าพาเดินไปไหนล่ะ เดี๋ยวข้าจะรีบมา”

ไม่นานหลังจากนั้น ลุงโตก็ขับรถมารับทันใจ ดูแกจะยังปั้นปึ่งมองเมินคล้ายไม่อยากมองหน้าเขาให้เสียสายตาจนจินดนัยหน้าเสีย ไม่กล้าพูดตอบแสงเหนือมากนักซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์รำไร

“ลุงโตไม่ต้องบอกแม่เรื่องคืนนี้นะ” คำสั่งเรียบๆ ทำเอาเขากับลุงโตสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายผ่านกระจกมองหลัง ก่อนเขาจะรีบก้มหน้างุด ครั้นไม่ได้ยินคำตอบรับ แสงเหนือจึงคาดคั้น “ลุงโต”
แม้จะมีทีท่าไม่เต็มใจยิ่ง ลุงโตก็ยอมรับคำจนได้ “ครับ”

“แล้วเลิกโกรธจินได้แล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจ” อย่าว่าแต่ลุงโตทำหน้าแปลกๆ เลย ตัวคนโดนโกรธเองยังต้องรีบดึงคนที่ตั้งท่าจะแก้ตัวแทนไว้ให้วุ่น “ไม่ต้อง พี่เหนือ บ้าหรือเปล่าสั่งกระทั่งให้คนอื่นเลิกโกรธผม นี่เป็นปัญหาของผมกับลุงโต ผมทำผิด ผมก็ต้องขอโทษเอง พี่เหนือไม่ต้องมายุ่งเลย”

“แต่...” จินดนัยคาดคั้นด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกับเมื่อครู่ แต่โหดกว่า “พี่เหนือ”

“พี่ไม่ยุ่งก็ได้” แสงเหนือตอบเสียงเบาลงพร้อมเมินหน้าหนีไปอีกทาง เขาจึงถอนหายใจกับกิริยาเด็กๆ ของหมอนี่ ขี้หงุดหงิด ใจน้อย งอนเก่ง... ยังนึกไล่เลียงข้อเสียไม่หมดดี คนขี้งอนก็เอนหัวลงซบกับบ่าเขา ซุกนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่กลัวคอเคล็ด จินดนัยจึงค่อยถอนหายใจอีกรอบ หากหนนี้บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

ขี้หงุดหงิด ใจน้อย งอนเก่ง อ้อนก็เก่งเป็นที่หนึ่ง และเขาดันรักมากๆ ไปแล้วเสียด้วย

ถึงเวลาจะเหลือน้อย แต่เขายังมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขนี่นา และที่สำคัญคือเขาอยากเห็นแสงเหนือมีความสุขด้วยเช่นกัน ถึงจะเป็นความสุขที่ไม่ยืนยาว อย่างน้อยเขาก็อยากรักผู้ชายคนนี้จนวันสุดท้ายในชีวิต ขอมองหน้าเพื่อจดจำจนลมหายใจสุดท้าย

ก่อนที่จะต้องแยกจากกันไปชั่วนิรันดร์

++++++++++

พวกเขาเดินย่องๆ กลับเข้าบ้านโดยระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงกระโตกกระตาก หากเมื่อจรดปลายเท้าผ่านห้องนั่งเล่นก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงเย็นๆ ดังมาจากเจ้าบ้านซึ่งนั่งอ่านหนังสือรออยู่เงียบๆ “กลับมาแล้วเหรอ”

“กลับมาแล้วครับ” สองคนตอบเป็นเสียงเดียว หากแสงเหนือยิงคำถามต่อด้วยท่าทางบ้องแบ๊ว “เอ๊ะ ทำไมแล้วแม่ยังไม่นอนอีกล่ะครับ ผมคิดว่าแม่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วซะอีก”

อย่ามาเล่นมุขเสื่อม ทำตัวปัญญาอ่อนเลี้ยงแมวเล่นแถวนี้หน่อยเลย ไอ้ลูกคุณหนู ทำไมไม่ขอโทษ ทำไม... จินดนัยยืนกระตุกมือร้อนรนและแทบไม่อยากเชื่อเมื่อคุณรตีตอบกลับง่ายดาย

“แม่รอเราสองคนน่ะสิ ยัยดวงมันวิ่งแจ้นไปบอกว่าเหนือสั่งโตให้ขับรถพาออกไปข้างนอก กลับมากันได้เสียที แม่ว่าจะไปนอนอยู่แล้วเชียว” คุณรตีหยุดแตะแขนลูกชายและเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พาน้องกลับมาได้ก็ดี ให้ค้างข้างนอก แม่ก็อดห่วงไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่าง เหนือจะได้ไม่ต้องลุกลี้ลุกลนนั่งไม่ติดที่แบบที่เป็นทั้งวันด้วย”

ระหว่างจัดที่นอนรอแสงเหนืออาบน้ำเสร็จ เขาอารมณ์ดีถึงขนาดฮัมเพลงไปด้วยในคอ และถึงกับหัวเราะด้วยซ้ำยามโดนคนทิ้งตัวลงบนที่นอนแรงๆ คว้าตัวไว้และกอดรัดคล้ายมันเขี้ยว

“อารมณ์ดีจัง มีอะไรดีๆ เหรอ” ถามพลาง มือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่สุขไปพลาง หากแสงเหนือต้องครางอู้ยามโดนหยิกเข้าหลังมือข้างที่สอดเข้าใต้เสื้อนอนของเขา

“อย่ามาทำเนียน ต่อให้ผมอารมณ์ดีแต่ร่างกายยังไม่ดีพร้อมนะ” ไม่กล้าบอกว่ายังปวดระบมไม่หาย เขาเก๊กหน้าดุเสียงดุได้ไม่นานก็ต้องใจอ่อนกับสีหน้าเหมือนเจ้าริชชี่ถูกสั่งให้รอหน้าถาดข้าวของอีกฝ่าย

“เหรอครับ อืม จริงสินะ ยังเจ็บมากไหม มีไข้หรือเปล่า กินยากันไว้ก่อนดีไหม” แสงเหนือทำหน้าสำนึกผิดถามไถ่เสียงห่วงใย แต่กิริยาเลื่อนมือลงบีบเนินเนื้อตรงสะโพกตรงกันข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิง “จิน...”

“ผมปวดหัว เหมือนจะมีไข้ด้วย” หลังจากขุดเอาพลังงานสำรองมาใช้จนเกลี้ยงฉาด เขาก็เลือกที่จะบอกตรงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อคืน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ ลมหนาวและเหตุการณ์ตื่นเต้นตรงริมถนน ทั้งหมดสูบเรี่ยวแรงเขาไปจนไม่เหลือหลอ “ผมอยากนอน”

ทำหน้าอึ้งปนสับสนก่อนแสงเหนือจะยอมกอดเอวเขาไว้หลวมๆ “ตกลงครับ นอนก็นอน ว่าแต่...” เลื่อนตัวมาดมฟุดฟิดและเอ่ยจับผิดด้วยท่าทีผู้ชนะ “แทบไม่เหลือกลิ่นแล้วก็จริง แต่เมื่อกี๊พี่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเราหึ่งเลย ไม่สบายงั้นเหรอ ทำไมคนไม่สบายถึงริอ่านไปนั่งกินเหล้าได้ครับ หืม”

“ชิชะ จมูกดีนักใช่ไหม” จินดนัยบีบปลายจมูกโด่งๆ ฟังเสียงร้องโอดโอยไปพลาง เอ่ยเข่นเขี้ยวไปพลาง “เฮอะ อย่าคิดจะมาโทษผมเลย ถ้าจะโทษต้องโทษคนทำช่วงล่างผมพังนี่ต่างหาก เจ็บจะตายชัก พี่เหนือพอจะรู้ไหมว่าใครเป็นต้นเหตุ”

มองชายหนุ่มคลำจมูกป้อย ถามย้ำคำเดิมและไม่รู้จะโกรธหรือหัวเราะดียามแสงเหนือตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง “ไม่รู้สิ...”

“ไม่รู้! โอเค ไม่รู้ใช่ไหม ไม่รู้งั้นผมไป...” ลุกพรวด ตั้งท่าจะอพยพ หากวงแขนของอีกฝ่ายกลับคว้าไว้รวดเร็ว

“โอ๊ย อย่าเพิ่งงอนสิครับ พี่ผิดเองล่ะ พี่ขอโทษ” รีบร้อนแอ่นอกรับผิดแล้วจึงดึงเขาล้มลงนอนด้วยกัน “นอนกอดกันเฉยๆ ก็ดี พี่อยากคุยกับเราเยอะๆ อยากรู้เรื่องเราทั้งหมด...ทุกเรื่อง จินเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิว่าที่บ้านเป็นยังไง สมัยเด็กจินเคยทำอะไรไว้บ้าง เรียนที่ไหน มีเพื่อนเป็นใครบ้าง ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร เล่ามาให้หมดเลย พี่อยากฟัง”

“จะรู้ไปทำไม” ถึงรู้ว่าต้องโกทูเฮลล์แน่ๆ แต่จะให้ไปเพิ่มบาปมุสาวาทาอีกก็ใช่ที่ อีกอย่าง...ต่อให้เล่าไปวันนี้แต่ยังไงวันหน้า... “เล่าไปพี่เหนือก็จำไม่ได้หรอก”

“ทำไมจินถึงพูดแบบนี้” หน้าขาวๆ ดูเหมือนติดจะโกรธๆ ขณะอ้อมแขนแข็งๆ รัดเขาแน่นขึ้นอีก “พี่ถามเพราะอยากรู้เรื่องของคนที่รัก อยากรู้ว่าเขาโตมายังไง พ่อแม่เลี้ยงมาแบบไหน ถึงได้โตมาน่ารัก...ให้พี่รักได้มากมายขนาดนี้”

คนพูดจูบไล้ไปทั่วใบหน้าเขาก่อนริมฝีปากได้รูปจะทาบทับลงบนริมฝีปากเขาแผ่วเบา จุมพิตอ่อนโยนเหมือนถูกแตะแต้มด้วยกลีบดอกไม้ จุมพิตที่บ่งบอกให้เขารู้ว่าตนเป็นที่รักมากขนาดไหนทำให้ดวงตาร้อนผ่าว รอจนแสงเหนือผละออกไป จินดนัยจึงค่อยนึกทบทวนและเอ่ยปากเล่าเรื่องราวในสมัยเด็กโดยหลีกเลี่ยงส่วนที่แสงเหนือน่าจะรู้เกี่ยวกับ ‘ต้น’ ไปให้หมด

แต่เมื่อตัดไปแล้ว วัยเด็กของเขาจึงเหลือแค่เรื่องราวสั้นๆ คร่าวๆ เช่นเขาชอบหรือไม่ชอบวิชาใด แม่เลี้ยงเขามายังไง เขาห่างเหินกับพ่อแค่ไหน ความคิดเกี่ยวกับเรื่องโน้นเรื่องนี้และความฝันในอนาคต ความฝันที่ไม่เคยบอกใครหรือเขียนลงในเรียงความหัวข้อโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร “...ผมเคยคิดอยากเป็นอะไรก็ได้ที่จะหาเงินได้เยอะๆ ผมจะซื้อบ้านสวยๆ มีสนามหญ้ากว้างๆ ให้แม่อยู่ จะจ้างคนรับใช้ให้แม่สักคน จะพาแม่ไปเที่ยว...ซื้อของสวยๆ ให้เท่าที่แม่อยากได้ ผมอยากทำทุกอย่างให้ท่านมีความสุข”

เล่าไป จมูกก็เริ่มฟุดฟิด เสียงเริ่มเครือแบบห้ามไม่ได้ และถึงจะรู้ว่าเรื่องของมารดาที่เล่าออกจะหลุดคอนเซ็ปท์ที่ปูไว้ตั้งแต่แรก ทว่าเขาก็อยากให้แสงเหนือรู้ความจริงในส่วนนี้เช่นกัน

“ท่านเป็นแม่ที่ดีนะ พี่ก็อยากเจอแม่ของจินบ้างจัง” มือใหญ่ที่ลูบแขนเขาเล่นมาตลอดเลื่อนไปลูบหลังเบาๆ “ไว้พี่จะพาเราไปหาท่านนะ แล้วเราค่อยพาท่านไปกินข้าว พาไปเที่ยว...ที่ไหนดีล่ะ จินว่าทะเลดีไหม หรือจะเป็นภูเขา น้ำตก แต่พี่ว่าทะเลดีกว่า พี่จะพาเราไปเที่ยวทะเล ชวนคุณแม่พี่ คุณแม่จิน ลุงโต...”

“ริชชี่ด้วย” แทรกพลางสูดจมูก หัวเราะสั่นๆ ยามแสงเหนือยอมเออออตาม “อืม ริชชี่ก็ไปด้วย”

“ชวนคุณอั้มอีกคนได้ไหม” เขาแค่คิดว่าไปเยอะๆ น่าจะสนุกกว่าเท่านั้น เพราะยังไงเสีย มันก็แค่ทริปในฝัน ...ฝันดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้เลยทีเดียว “พี่เหนือ ชวนคุณอั้มอีกคนได้เปล่า”

“...” ทำหน้าไม่อยากตอบ หากสุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมรับคำหลังเขาสูดน้ำมูกฟุดฟิด ...ท่าจะกลัวเขาทำน้ำมูกหยดใส่มากกว่าจะกลัวเขาร้องไห้ล่ะมัง “อืม ถ้าเจ้าอั้มอยากไปล่ะก็...” คิ้วเข้มขมวดมุ่นแทบจะผูกเป็นโบยามเจ้าตัวเอ่ยไตร่ตรอง “แต่จินต้องสัญญากับพี่ก่อนว่าเวลาจะลงเล่นน้ำต้องใส่เสื้อแขนยาว ขากางเกงต้องยาวเกินเข่า จะอาบน้ำอาบท่าต้องปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดหรือต้องเป็นเวลาที่พี่อยู่ด้วยเท่านั้น แล้วก็...”

จินดนัยอึ้งไปหลายวินาทีก่อนหลุดเสียงหัวเราะก๊าก “มุขเจ๋ง ตลกเป็นบ้าเลยพี่เหนือ กลัวผมเซ็กซี่เกินห้ามใจจนคุณอั้มทนไม่ไหวกระโดดปล้ำผมต่อหน้าทุกคนหรือไง” ขำต่ออีกชุดใหญ่แล้วเขาต้องยกมือกุมท้อง “อะ โอ๊ย หัวเราะจนปวดท้องเลย”

“ไม่เห็นจะขำ” แสงเหนือตีหน้าเครียด พูดเสียงสะบัด “พี่หวงของพี่ก็แล้วกัน”

เขามองหน้าขาวๆ บูดบู้บี้อย่างเอ็นดู กระแอมไอให้คอโล่งก่อนกล่าว “บอกให้รู้ไว้เลยว่าผมไม่ได้หล่อเหลาเร้าใจหรือหน้าตาดีหรอกนะ แค่พอดูได้ อาจจะค่อนไปทาง...จืดๆ เรียบๆ เสียมากกว่า หน้าตาแบบผมเนี่ย รับรองว่าถ้าพี่เหนือมองเห็นคงแค่เดินผ่าน ไม่มีวันชายตาแลแน่” ครั้นเห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่แน่ใจปนไม่เชื่อถือ นัยน์ตาคนพูดจึงหมองลงพลางหัวเราะแห้งๆ “รับประกันล้านเปอร์เซ็นต์เลย เอ้า”

นอนนิ่งๆ ยอมให้นิ้วมือใหญ่ลากสำรวจทั่วใบหน้า จนกระทั่งท้ายสุด แสงเหนือกลับซบหน้าลงกับอกตรงตำแหน่งหัวใจเขาซึ่งกำลังเต้นตุบ “งั้นพี่คงต้องขอบคุณสวรรค์สิที่ทำให้พี่ตาบอด ทำให้พี่ได้พบ ได้รักจินที่หัวใจ...ด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่รูปกายภายนอก”

สูดหายใจลึกพลางลูบเส้นผมหนาแต่นิ่มของชายหนุ่มเล่น ก่อนจะกอดไว้แนบหัวใจ...ด้วยหัวใจ ตอบคำถามที่เคยถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมเขาจะต้องนึกกลัวอนาคตอันโดดเดี่ยวด้วย ในเมื่ออย่างน้อยแค่ตอนนี้ เวลานี้ พวกเขายังมีกันและกัน แล้วเขาจะยังต้องการอะไรไปมากกว่านี้ได้อีก

++++++++++
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 21 คนโง่กับความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 21-08-2008 15:08:44
ด้วยรักจากสวรรค์ 22 – เวลาที่เหลืออยู่   (ต่อ)


ไม่กี่วันต่อมาก็มีแขกมาเยือนพวกเขาถึงที่บ้าน คนที่พอมาถึงก็พาเอาเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมาด้วยยามโผล่หน้ามาหาแสงเหนือที่กำลังนั่งฟังเขาอ่านหนังสืออยู่ในสวน “เป็นไงบ้างเหนือ สบายดีไหมจ๊ะ น้องจิน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน คิดถึ้ง~~ คิดถึง”

ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวหยิกแก้มเขาแล้วบีบอย่างมันเขี้ยวและยิ่งเมื่อเห็นเขาหน้าแดงกับการโดนปฏิบัติเป็นเด็กๆ แบบนี้ คุณวิกกี้ยิ่งหัวเราะร่วน “อุ๊ย หน้าแดงอย่างกับมะเขือเทศเลย ต๊าย น่ารัก...!”

เขาเบี่ยงหน้าหลบไม่ทันเมื่อคุณวิกกี้จรดปลายจมูกหอมแก้มเขาแรงๆ ดังฟอด ในขณะที่เขาซึ่งยังประหม่า เขินอายจนพูดไม่ออกนั้นเอง แสงเหนือก็ลุกขึ้นทั้งตัว ตะโกนลั่น “วิกกี้! อย่ามาทำตัวฝรั่งจ๋าแถวนี้นะ กล้าดียังไง...”

“อย่ามาทำตัวหวงก้างไปหน่อยเลย เหนือ แค่หอมแก้มนิดๆ หน่อยๆ ไม่สึกหรอหรอก” ว่าแล้วก็แกล้งหอมแก้มของคนนั่งหน้าตาแตกตื่นอีกครั้งดังๆ ทำเอาแสงเหนือเต้นผางทันที

“หยุดนะ ยัยบ้า!” ชายหนุ่มคว้าหาตัวเขาอย่างแตกตื่นจนเจอ และรีบลากเข้าไปซุกไว้กับอก “อย่ามาแต๊ะอั๋งของของคนอื่นมั่วซั่ว มาทางไหนรีบกลับไปทางนั้นเลย ไป๊!”

“พี่เหนือ ห้ามพูดจาไม่ดีกับคุณวิกกี้นะ” เขาเอ็ดทั้งที่ยังดิ้นขลุกขลักยักแย่ยักยันอยู่ในอ้อมกอดแข็งๆ ของร่างสูง “มีอย่างที่ไหนถึงไปไล่คู่หมั้นอย่างกับหมูกับหมา ไล่ผู้หญิงไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด!”

“แต่... แต่ว่า...” ภาพผู้ชายตัวโตเบ้อเริ่มกำลังอึกอักพูดไม่ถูกเพราะโดนคนตัวเล็กกว่าไม่ถึงครึ่งเอ็ดเสียงเขียวทำเอาหญิงสาวที่มองอยู่หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง เป็นเหตุให้แสงเหนือเงยหน้าตวาดซ้ำ “หัวเราะบ้าอะไร ยัยผู้หญิงหยาบกระด้าง...”

“พี่เหนือ!” สองคำสั้นๆ เล่นเอาเจ้าของชื่อเงียบลงทันควัน หน้าขาวงอบูดบึ้งแต่ท้ายที่สุดยังไม่วายแก้ตัวร้อนรน “พี่ไม่ได้เป็นคนหาเรื่องก่อนนะครับ”

“กลับมาครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ” คุณวิกกี้ทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ที่แสงเหนือลุกไป “ได้เห็นกรรมตามสนองผู้ชายเจ้าชู้ที่เคยแต่ทิ้งขว้างผู้หญิงเป็นผักปลาโดนครอบเสียอยู่หมัด เฮ้อ แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าโดนขอดเกล็ดเสียเกลี้ยงเกลา...”

“หยุด...!” คล้ายกับจะมีสัญชาตญาณเตือนภัย เพราะแค่จินดนัยย่อเข่าเตรียมเทคตัวขึ้นโหม่ง กะสอยปลายคางโป้งเดียวแบบถ้าไม่ตื่นก็ร่วงกันไปข้าง แสงเหนือกลับชะงักคำพูดที่เหลือและกัดฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มใจเหลือหลาย “หยุดหาเรื่องฉันเสียที”

คราวนี้ หญิงสาวหัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนจะยอมหยุดแหย่แสงเหนือและเริ่มพูดคุยไต่ถามอาการทั่วๆ ไปแทน ระหว่างนั้น จินดนัยซึ่งนั่งมองทั้งสองอยู่ก็รู้ได้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าแสงเหนือจะต้องแต่งงานกับใครสักคน คนที่จะทำให้ชายหนุ่มมีความสุขได้ไม่แพ้เขา คนที่จะสามารถสร้างครอบครัวอันอบอุ่นและอยู่กันไปจนแก่จนเฒ่าได้ ใครคนนั้นก็ต้องเป็นคุณวิกกี้นี่ล่ะ

ใจหนึ่ง เขาเจ็บกับความคิดดังกล่าว กับความคิดที่ว่าจะมีคนมาแทนที่เขาอย่างง่ายดายหลังจากนี้ หากอีกใจหนึ่งกลับรู้สึกหายห่วงแบบแปลกๆ โชคดีที่ในเวลานี้ทั้งสองยังไม่แม้แต่จะเป็นคู่หมั้นกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงวางตัวไม่ถูก

“จินสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า นี่ล่ะน้า เหนือเล่นเอาแต่ใจตัวเองจนน้องจินเหนื่อยแบบนี้ ดูแลเด็กเกเรก็ต้องทำใจหน่อยล่ะนะ” คุณวิกกี้ทักพร้อมเหน็บคู่สนทนา หากแสงเหนือไม่แม้แต่จะต่อล้อต่อเถียงกลับ นอกจากขมวดคิ้วมุ่น

“จินเหนื่อยเหรอ ร้อนหรือเปล่ามานั่งข้างนอกนี่”ทำหน้าไม่สบายใจแล้วแบมือใหญ่ออก “มาหาพี่มา ขอดูหน่อยซิว่าตัวร้อนหรือเปล่า”

ฝ่ามือหยาบที่แตะเบาๆ ลงตรงหน้าผากและซอกคอสร้างความตื้นตันจนเขาอยากร้องไห้ แต่ขณะเดียวกันก็อดฝืนตัวไม่ให้อีกฝ่ายแสดงอาการสนิทสนมเกินเลยไปมากกว่านี้เมื่อยังอยู่ต่อหน้าว่าที่คู่หมั้นคนสวย “ผมไม่เป็นไร อย่า...เดี๋ยวคุณวิกกี้...”

หลุดปากไปแล้วก็ต้องกลั้นหายใจเพราะแสงเหนือตีหน้าเคร่งทันควัน “เดี๋ยวยัยวิกกี้จะทำไม... ทำไมอยู่ต่อหน้าวิกกี้แล้วพี่จะแตะตัวเราไม่ได้หรือไง”

“เปล่า” ปฏิเสธค่อยๆ หากสีหน้าซึ่งยังขึงตึงของชายหนุ่มทำให้เขาเผลอพูดต่อคำที่ไม่น่าพูด “แต่...”

“จริงสิ พี่จำได้แล้วว่าแต่ก่อนจินก็เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้” แสงเหนือพูดช้าๆ อย่างคนเพิ่งนึกออก และตั้งท่าจะทำให้เรื่องที่ว่าจบลง “วิกกี้”

“อย่านะ!” จินดนัยร้องห้ามตระหนก นึกกลัวว่าถ้าแสงเหนือตัดความสัมพันธ์เคลียร์เรื่องคู่หมั้นจบไปเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วหลังจากที่เขาไปแล้ว คนทั้งคู่จะเป็นยังไง “ไม่ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้อยาก...”

“วิกกี้ เธอจะแต่งงานกับฉันไหม” นอกจากจะไม่สนใจคำร้องห้ามของเขา ชายหนุ่มยังเอ่ยถามหน้าตายโดยไม่ได้รับรู้เลยว่าประโยคสั้นๆ นั้นทำเขาชาหน่วงไปทั้งตัว จินดนัยอ้าปากค้าง เงยหน้าเบิ่งตามองร่างสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อ


หากก่อนที่น้ำตาจะทันได้หลั่งไหลเป็นทำนบแตก เสียงแหลมสูงปรี๊ดกลับดังมาจากหญิงสาวที่เพิ่งถูกขอแต่งงานแทน “พูดบ้าอะไรน่ะ! ฉันคิดว่าเราเคยพูดเรื่องนี้และเข้าใจตรงกันแล้วเสียอีก หยุดเลยนะ เหนือ หยุดไอ้ความคิดเฮงซวยในหัวเดี๋ยวนี้ เหนือก็รู้ว่าฉันรักใคร และฉันก็รู้ด้วยว่าตอนนี้เหนือมีคนสำคัญอยู่แล้ว ดังนั้น หยุดพูดเรื่องบ้าบอคอแตกพรรค์นั้นไปได้เลย” คุณวิกกี้ลุกเดินกระฟัดกระเฟียด ตั้งท่าจะหมุนตัวจากไป แต่กลับหยุดกึก กล่าวทิ้งท้ายอาฆาต “ถ้านายกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเขา ฉัน-เอา-นาย-ตาย-แน่ จำไว้”

คุณวิกกี้จากไปแล้ว ทิ้งความเงียบให้อยู่กับคนสองคน คนหนึ่งทำหน้าสับสนงงและเอ๋อ ขณะที่อีกคนยิ้มกริ่ม ก่อนที่คนหลังจะลากคนแรกที่ยังยืนค้างลงนั่งบนตัก “เห็นหรือยังครับ อย่าว่าแต่แต่งงานเลย แค่หมั้นยังไม่มีโอกาส คนที่เห็นชอบกับเรื่องนี้ก็มีแต่พวกผู้ใหญ่เท่านั้น เต่สำหรับพี่กับวิกกี้ เราเคยลงนั่งจับเข่าคุยตั้งนานแล้วและได้ข้อสรุปตรงกันว่าขืนหมั้นจริง คงฆ่ากันตายก่อนแต่งแน่ ที่สำคัญ วิกกี้มีคนที่รักอยู่แล้ว เหมือนๆ กับที่พี่ก็มีคนรักที่น่ารักมากๆ อยู่แล้วทั้งคน น่ารักแบบนี้ขืนยอมปล่อยไปก็โง่เต็มทน”

จินดนัยยกมือยันหน้าขาวๆ ที่ตั้งท่าจะก้มลงใกล้เอาไว้ทันเฉียดฉิว “นี่มัน... ผม... พี่เหนือ... แล้วคุณวิกกี้รักใครกันล่ะ”

“จินก็รู้จัก” แสงเหนือกดจูบลงบนฝ่ามือที่ยกกันท่าไว้

“ผมรู้จักเหรอ” นึกไล่ย้อนหาคนรู้จัก อย่าว่าโง้นงี้เลย แต่สังคมของร่างใหม่เขานี่คับแคบเหลือประมาณ ผู้คน ที่เข้าข่ายพอจะกระชากหัวใจสาวสวยนักเรียนนอกได้ก็พอจะมีแต่... “คุณวิกกี้รักคุณอั้มงั้นเหรอ”

ต่อให้ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ผิดแน่ ยิ่งหลังจากที่พูดออกมาแล้ว ดูเหมือนอะไรๆ มันจะเข้าที่เข้าทางยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาด้วยซ้ำ จินดนัยหวนคิดถึงท่าทีพิเศษที่คนทั้งคู่อาจเผลอแสดงออกต่อกัน แต่เท่าที่นึกดู มันไม่มีวี่แววสักนิด “แต่ดูเหมือนคุณอั้มจะไม่...เอ่อ สนใจคุณวิกกี้มากไปกว่าคนรู้จักธรรมดาๆ เลยนี่ ตาถั่วชะมัดยาด มัวแต่ไปไล่จีบเขาดะ ทีผู้หญิงดีๆ แบบคุณวิกกี้ คุณอั้มดันไม่สนใจ ทำตัวใกล้เกลือกินด่างแบบนี้ ไม่ได้ละ ไว้เจอหน้าต้องสั่งสอนเสียหน่อย”

“แล้วจินอยากรู้ไหมว่าทำไมเจ้าอั้มถึงไม่สนใจยัยวิกกี้” เสียงนุ่มๆ ติดจะขำๆ ทำเขาตาโตเท่าไข่ห่าน อยากรู้จนตัวสั่น “อื้อ อยากรู้ ทำไมล่ะ ทำไม บอกหน่อยๆ”

“ถ้าอยากรู้ คืนนี้ต้อง...” คนหน้าขาวเอนตัวมากระซิบเสียงแหบพร่า หลังฟังประโยคสั้นๆ นั้นจบ ดีกรีความอยากรู้ก็ลดฮวบฮาบ เหลือแค่รู้ไว้ใช่ว่าเท่านั้น

“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก” โวยวายพาโว ดิ้นจะลุกแต่กลับโดนยึดไว้แน่นพร้อมกับที่เจ้าของประโยคลามกเมื่อครู่ยื่นหน้ามากระซิบริมหู “อย่ามาเฉไฉกับพี่เลย นี่คงนึกว่าพี่ทำอะไรไม่รับผิดชอบมานานน่าดูแล้วสิท่า มิน่าล่ะ ตลอดมาจินถึงคอยเลี่ยงพี่อยู่ตลอด พี่จะไม่โทษเราหรอกเพราะพี่เองก็ผิดที่ไม่อธิบายให้ฟังตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เข้าใจพี่แล้วใช่ไหม”

“อืม” ตอบพลางก้มลงดึงทึ้งแอบเลาะด้ายตรงชายเสื้อของอีกฝ่ายไปพลาง

“แล้วพอตกกลางคืนจะบอกกับพี่ว่าปวดหัว ปวดท้องอีกไหม” คำตอบที่ได้รับเบาเสียยิ่งกว่าเบา หากสำหรับคนที่จดจ่อรอฟังอยู่อย่างแสงเหนือ มันดังมากเกินพอ “พี่รักจินมากนะครับ จำไว้”

แน่นอนว่าเขาจะจำ ต่อให้แสงเหนือลืม แต่ความทรงจำแห่งรักนี้จะยังมีชีวิตอยู่ในตัวเขาตลอดไป

.................

.................

“แน่ใจนะ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมเตียงเอ่ยถามคำถามเดิม “พี่ไม่อยากบังคับจิน แค่ได้กอดเรา พี่ก็ดีใจมากแล้ว ไม่ต้องทำแบบนั้นก็...”

“อื้อ บอกว่าแน่ก็แน่สิ เลิกถามซ้ำๆ ได้แล้วน่า” ตัดบทด้วยความหงุดหงิด มันจะอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ กับอีแค่เขาอยากทำให้อีกฝ่ายมีความสุขบ้าง จะว่าเพื่อเป็นการชดเชยที่บ่ายเบี่ยงมาตลอดก็คงไม่ผิดนัก “เงียบๆ ได้ไหม ผมเสียสมาธิหมด”

เสียงหัวเราะหึๆ ดังแผ่วๆ ก่อนที่จะค่อยเงียบลงกลายเป็นเสียงสูดหายใจลึกยามจินดนัยคุกเข่าลงตรงหน้าและวางมือลงบนท่อนขาแกร่ง ก่อนจะลูบเข้าไปใต้ชายเสื้อคลุมอย่างช้าๆ คล้ายกับเด็กที่ไม่แน่ใจแต่ก็อยากรู้อยากเห็นในเวลาเดียวกัน “แบบนี้ดีไหมครับ”

“ก็ดี” เสียงคนตอบกระตุกเพราะสัมผัสถึงเรียวปากอ่อนนุ่มแตะลงบนแผ่นอกตรงรอยแยกของสาบเสื้อคลุม ปลายลิ้นไล่แตะลงบนผิวกายตึงแน่นและขบด้วยแนวฟัน ขณะมือเริ่มไต่ระดับสูงขึ้นจนแตะโดนส่วนที่เริ่มตื่นตัว ความเย็นจากปลายนิ้วสร้างความแตกต่างจากส่วนร้อนผ่าวซึ่งกำลังร้อนรนขึ้นทุกขณะ

“ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะ” คนถามถามอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ยิ่งยามจับจ้องหน้าขาวเคร่งเครียดขมวดคิ้วมุ่น ยิ่งเพิ่มความกล้าให้เขากอบกุมไว้เต็มกำมือ “อืม ...ก็ดี”

บริการถึงขนาดนี้ดันตอบแค่ก็ดีเนี่ยนะ... คนนั่งคุกเข่าจึงชะโงกตัวขึ้นประกบริมฝีปากเข้ากับอีกฝ่าย ซึ่งได้รับการตอบสนองและร่วมมือเต็มที่ ปลายลิ้นของพวกเขาเกาะเกี่ยว ตักตวงรสชาติของกันและกัน ...ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป แผนมอบความสุขของเขาต้องล่มครืนปากอ่าวแน่ จินดนัยจึงตัดใจและรู้สึกเหมือนใกล้จะขาดใจยามผงะออก หากอุ้งมือใหญ่กลับคว้าเอวเขาไว้ก่อนกระชากกลับไป ปากร้อนผ่าวทาบประกบปากเขาอย่างหิวกระหายขณะมือหยาบเลื่อนลงเคล้นคลึงสะโพกแล้วดันเข้าหาตัว

“ดะ เดี๋ยว” เขาเอ่ยละล่ำละลัก พยายามเบือนหน้าหนีหากกลับเปิดทางให้ชายหนุ่มฝังใบหน้าลงไซ้กับผิวตรงซอกคอซึ่งไวต่อสัมผัสแทนจนเข่าอ่อนทรุดฮวบ ขืนตัวไว้ยามแสงเหนือคว้าต้นแขนเขาตั้งท่าจะดึงขึ้นไปใหม่ เพราะตอนนี้เขากำลังสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสนใจ ทั้งอยากจะสัมผัสจนแทบทนไม่ไหว

ร่างสูงกระตุกเยือกยามเขาก้มลงแตะริมฝีปากเข้ากับส่วนตื่นตัวเต็มที่ และถึงกับครางลึกเมื่อโพรงปากร้อนดูดกลืนความปรารถนาไว้โดยไม่นึกรังเกียจ

แม้จะอึดอัดคับปาก หากสีหน้าสุขสมของอีกฝ่ายเหมือนก็เป็นเหมือนยากระตุ้นชั้นดีให้เขาเดินหน้าต่อ พยายามเลียนแบบสิ่งที่ตนเคยถูกกระทำสุดความสามารถ แม้แต่ในยามที่ชายหนุ่มเป็นฝ่ายขยับเอวเข้าหา เขาก็ยังพยายามจะตอบสนองเท่าที่ทำได้

“จิน...” แสงเหนือเรียกและเชยคางเขาขึ้น จินดนัยอ้าปากรับนิ้วที่สอดเข้ามาในปากอย่างว่าง่าย ไล้เลียนิ้วเหล่านั้นจนเปียกชุ่มรวมถึงไม่ขัดขืนยามโดนกดศีรษะลงไปอีกรอบ หากขณะที่ยังมัวแต่ตอบรับการขยับเข้าออกของแก่นกายแข็งเกร็ง เขาก็ต้องร้องอู้อี้ยามปลายนิ้วเมื่อครู่สอดลึกเข้าทางด้านหลัง

ความเจ็บแปลบทำให้เผลอจิกปลายเล็บลงบนต้นขาแกร่ง ซึ่งเจ้าตัวดูเหมือนจะรับรู้ความทรมานของเขาจึงถอนกายออกและอุ้มเขาลงนอนบนเตียงแทน จุมพิตดูดดื่มเฝ้าปรนเปรอจนแทบลืมความเจ็บแสบอึดอัดเบื้องล่าง เนิ่นนานจนเกือบขาดใจกว่าที่ชายหนุ่มจะขยับนั่งและลากตัวเขาเข้าหาพร้อมกับแทรกกายเข้ามาเชื่องช้า

หยดน้ำตาไหลซึมจากปลายหางตาก่อนจะถูกซับหายไปด้วยจุมพิตประปราย จินดนัยไม่แน่ใจว่าที่กำลังเจ็บปวดอยู่ในขณะนี้คือร่างกายหรือหัวใจ ร่างกายเขากรีดร้องต้องการความแนบชิด หากหัวใจกำลังเต้นระรัวบ้าคลั่งจนแทบระเบิดหรือเป็นร่างกายที่ทนทรมานจากการถูกล่วงล้ำ ขณะหัวใจกลับตอบรับยินดี ทว่าไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทางสายนี้ก็ไม่มีโอกาสให้ถอยหลัง เมื่อสิ่งที่บุกรุกเข้ามาเบื้องล่างกำลังขยับเข้าออก แรกเริ่มอย่างเนิบนาบก่อนจะเร่งเร้ารุนแรงขึ้นตามจังหวะอารมณ์และขีดสุดของความอดกลั้น

หยาดเหงื่อเย็นบนผิวกายร้อนแทบลุกเป็นไฟ เขากัดฟันสั่นกึกกักเมื่อการรุกรานถี่ยิบส่งเขาสู่ขีดสุด ใบหน้าแดงก่ำส่ายไปมาบนหมอนส่งร้องเสียงแหบพร่า หยาดน้ำขุ่นกระเด็นเปรอะเปื้อนบนหน้าท้องขณะร่างสูงกดแก่นกายกระแทกซ้ำๆ โดยมิได้ถอนออก ก่อนที่เขาจะสัมผัสถึงกระแสอุ่นร้อนฉีดเข้าสู่ภายใน แค่ภาพใบหน้าของชายหนุ่มที่แหงนเงยสะบัด เสียงทุ้มต่ำคำรามลึกในคอและผิวกายมันวาวเกร็งแน่นจนสั่นไปทั้งตัวก็แทบจะส่งเขาสู่สวรรค์ได้อีกรอบอย่างง่ายดาย

“รู้สึกดีไหม” จินดนัยยังเบลอจนไม่เข้าใจความหมายของเสียงกระซิบตรงข้างหู จึงได้แต่ถามงงๆ ออกไป “ไรนะ...”

“พี่ถามว่าจินรู้สึกดีไหม” คนถามยิ้มเอื่อย กัดริมฝีปากล่างเขาเบาๆ คล้ายมันเขี้ยว “ถ้าไม่ตอบ พี่จะถือว่าไม่ผ่าน ต้องทำใหม่อีกรอบ ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจินจะพอใจ”

“ฮื้อ ดีแล้ว ดีพอแล้ว” รีบตอบแต่แสงเหนือกลับทำหูทวนลม ก้มหน้าลงกัดเนื้ออ่อนตรงซอกคอแรงๆ และหัวเราะกระหึ่มยามรู้สึกว่าเขาสะดุ้งโหยง “แต่พี่ว่ายังไม่ดี ที่สำคัญคือยังไม่พอ ฉะนั้นจินไม่ต้องตอบก็ได้”

“ไม่ให้ตอบแล้วจะถามทำบ้าอะไร” เอ็ดอึงหัวเสียด้วยจังหวะหัวใจซึ่งยังไม่ทันจะเข้าที่ ก็ต้องเต้นแรงอีกรอบยามฝ่ามือสากเริ่มลูบโลมไปทั่วอย่างซุกซน เขาถลึงตามองไอ้คุณชายที่ดูจะสนุกสนานกับการปรามอาการขัดขืนของเขาไว้ด้วยการทาบทับร่างกายที่ใหญ่โตกว่าไว้แบบบังกันมิด และยิ่งโมโหหนักเมื่อแสงเหนือยักไหล่แบบช่วยไม่ได้ ตอบพลางเหยียดยิ้มเอื่อยยียวนกวนส้นตามสไตล์ “ก็ถามไปงั้นๆ”

แม่ม กวนตีน ผู้ชายบ้าอะไรจะตัดอารมณ์โรแมนติกได้ไวแบบไม่เหลือซาก กินอะไรเข้าไปบ้างถึงตัดเส้นตบะชาวบ้านได้รวดเร็วแบบนี้ จินดนัยถามอย่างใจคิดแล้วต้องอยากระเบิดตัวเองทิ้ง เพราะคำตอบที่ได้รับหลังแสงเหนือครุ่นคิดสักพักและตอบหน้าตาเฉยคือ “ก็ผู้ชายแบบที่กินเมียจ๋าเข้าไปไง แต่สงสัยคงยังกินไม่พอล่ะมั้ง คงต้องขอหม่ำอีกรอบจริงๆ ด้วย”

แสงเหนือคงคิดว่าเขาเป็นบุฟเฟ่ต์ ตักได้ไม่อั้นแต่ขี้โกงกว่าเพราะไม่ยอมจำกัดเวลา ผลลัพธ์จึงกลายเป็นกว่าค่ำคืนนั้นจะสิ้นสุด เขาก็จำไม่ได้ว่าสรุปตนโดนหม่ำไปกี่รอบ หากจะให้กะจากเวลาคร่าวๆ ชนิดแทบจะเห็นขอบฟ้าตะวันใหม่แบบเลือนๆ คงต้องบอกว่าเขาโดนสูบจนหมดตัว มากกว่าจะโดนหม่ำเสียด้วยซ้ำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :m23:  อาทิตย์ที่ผ่านมางานยุ่งคร้าบ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-08-2008 15:28:02
อยากกินบุฟเฟท์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 21-08-2008 15:52:52
บุฟเฟท์ท่าทางอร่อยไปกินบุฟเฟท์หหมูกระทะก่อนนะฮะ :oni2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 21-08-2008 15:57:23
 :laugh: มาแล้วมาแล้ว

เหอ เหอ อยากกินบุฟเฟท์ :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-08-2008 16:14:09
มาสองตอนติดกันเรยยยย  :m4:

บุฟเฟ่  :m25:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 21-08-2008 16:28:04
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


เกือบเช้าเลยรึ


อึดมากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 21-08-2008 17:09:43
อยากเป็นอาหารให้แสงเหนือหม่ำอิๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 21-08-2008 17:50:39
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 21-08-2008 18:16:23

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 22-08-2008 09:40:13
ขอให้น้องจินกับพี่เหนือ

ใช้ เวลาที่เหลืออยู่ อย่างมีความสุข

 
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 22-08-2008 12:47:54
กุ๊กกิ๊กๆ

พ่อแง่แม่งอนมากๆๆ

แต่มันยังมีไอแห่งความเศร้าลอยฟุ้งไปทั้งตอนเลยงะ

ฮือๆ กลัวจินจะเป็นอะไรไป
 
 :m17:    :m17:    :m17:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 22-08-2008 12:49:35
บุฟเฟ่ต์

><

น่ารักกกกกก



กลัวจินจะเป็นไรอ่ะ

 :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 22-08-2008 19:00:45
 :m25: อ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ถึงจะเศร้า แต่ก็มีอารายให้เราได้ชื่นใจ

 :m1: ชอบพี่แสงเหนือนะ น่ารักดี ขี้หึง ขี้หวง เชื่อฟังดี อิอิ

 :m15: แต่ก็สงสารจินอ่ะ อือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเกิดอารายขึ้นต่อไปอ่ะ ลุ้นสุดๆ

 :o12: กลัวความเสียใจ และความเศร้าที่สุด

 :a11: รออยู่นะจ๊ะ รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จุ๊ฟๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 22-08-2008 20:33:20
 :m4:
มาต่อได้จุใจ หลังจากที่ให้รอร๊อรอ...คิดถึงนะตะเองงง
พี่เหนือยังคงน่าร๊ากกกก อยากด้ายม่างงงงง  :laugh:
ปัญหาคาใจ...อยากรู้จังพี่เหนือคิดไงกับต้น ???
 :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 22-08-2008 23:16:16
คิคิ



เมื่อไหร่เขาจามองเห็นสักที


ขนาดไม่เหนยังฟาดฟัน กานขนาดนี้




แล้วถ้าเหนล้า......... :m23: :m23:



คิคิรอตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: hiei ที่ 23-08-2008 19:31:52
ในที่สุดก็อ่านทันแล้ว เย้ๆ

ดีใจ กรีดร้อง บ้าคลั่ง (บ้าไปป่าวเพ่ เอาเท้าสะกิดให้ตื่นหน่อยดิ๊) :m15:

น้ำตาไหลพรากไปหลายตอน

มันมีความสุขแบบเจือความเศร้าอยู่ตลอดเลย ขอให้อย่าจบเศร้านะคะ

ขาดใจตามพี่เหนือกับน้องจินแง๋ๆ

อยากให้พี่เหนือมองเห็นน้องจินเสียทีเนาะ


รอตอนต่อไปนะคะ  :m4: :m4:


หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 23-08-2008 20:34:01
ตามมากิน..บุฟเฟต์ด้วยอ่ะ..อิ.อิ. :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 24-08-2008 01:56:36
กินด้วยคน...ได้ป่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: ja ne ที่ 24-08-2008 08:21:08
พี่เหนือไปอดมาจากไหนเนี่ย



ขอบคุณคุณโยยที่เอาเรื่องมาลงแบบกระชั้นชิด อ่านต่อเนี่องยาวกันเลย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: re_rain ที่ 31-08-2008 13:37:28
อยากหม่ำบุฟเฟ่ด้วยคน อิอิ

มาต่อเร็วๆน้า

  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 31-08-2008 14:02:46
 :m16: เมืื่อไรจะมาลงต่อซักที่หือ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD --- ตอนที่ 22 เวลาที่เหลืออยู่
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 31-08-2008 14:21:55
 :m15: รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อไรจะมา
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 01-09-2008 09:54:00
โอ๊ยยยยโหยววววววว.....พี่แอนจายเย็น ตัวบะเร่อเลยยยยยย

ก็อาทิตย์ก่อนน้องดีดีเค้ามะได้ลงนี่คร๊าบบบบบอาทิตย์นี้เลยมาแบบทันใจ หุหุ
ขอโทษชาวทู้ด้วยที่หายหัวไป ไม่ได้ทักได้ทายเลย งานนรกมากมายช่วงเดือนที่ผ่านมา
ตอนนี้ได้หยุดพักอีกสองสามวัน และ งานที่นรกกว่า กำลังจะตามมา อ๊ากกกกกกกกกกก!~~

ถ้าเข้ามาลงไม่ได้ จะฝากเพื่อนมาลงให้นะคร๊าบบบ *แต่ใช้ ID เรานะ ค้างอยู่ในเครื่องมันอยู่แระ อิอิ*


ก่อนอ่านตอนนี้ กรุณาสูดดดดดดดดดดดดดหายใจลึกๆ ค่ะ

ด้วยรักจากสวรรค์ 23 – จนลมหายใจสุดท้าย

***************************************************

จินดนัยนั่งตัวรุมๆ ตะครั่นตะครอสะบัดร้อนสะบัดหนาวทั้งวัน หน้าตาซีดเซียวจนคุณรตีแทบจะสั่งให้ลุงโตลากเขาไปหาหมอให้ได้ โชคดีที่แสงเหนือขวางไว้ได้ตลอด และแม้ตอนแรกชายหนุ่มจะค่อนข้างตระหนกกับอาการเขาและเอ่ยกึ่งบังคับให้ไปโรงพยาบาล แต่หลังจากฟังคำขู่อาฆาตว่าถ้าเขาต้องโดนส่งไปหาหมอด้วยสภาพทุเรศทุรังสุดแสนนี้ รับรองว่าได้อดสมใจอยากแน่

ท้ายสุด คุณรตีจึงไล่เขามานอนพักบนห้องตั้งแต่หัวค่ำโดยมีเจ้าตัวต้นเรื่องมานั่งปั้นหน้าสำนึกผิดเฝ้าแหนอยู่ข้างๆ รอจนคนป่วยกินข้าวเย็นเสร็จ แสงเหนือจึงไล่เด็กรับใช้ออกไปโดยไม่ยอมให้เช็ดตัวให้เขา

“พี่ขอโทษนะครับ” ประโยคซ้ำซากดังอีกรอบจากปากคนที่แทบจะไม่เคยยอมเอ่ยขอโทษใคร ใบหน้าหล่อเหลาดูสลดลงอย่างสำนึกผิดจริงจัง “อย่าโกรธพี่เลยนะ ถ้าจินโกรธ พี่คงทนไม่ได้...”

ผ้าขนหนูชุบน้ำถูกเช็ดไปตามท่อนแขนผ่ายผอมขาวซีดอย่างตั้งอกตั้งใจ จินดนัยปรือตามอง กลืนน้ำลายลงคอแห้งผากก่อนพึมพำ “อือ ผมบอกพี่เหนือเป็นรอบที่ร้อยแล้วว่าไม่เป็นไร”

เขาปล่อยให้ชายหนุ่มเช็ดตัวให้ต่อพร้อมเอ่ยขอโทษไม่ขาดปาก แล้วยกนิ้วขึ้นนับวันเวลา แต่ละนิ้วที่ถูกหักลงหมายถึงเวลาที่หดน้อยลง ยิ่งตอนนี้เขาต้องเปลี่ยนจากหลักเดือนมานับเป็นหลักวันด้วยแล้ว ก็ต้องถอนหายใจ ไม่นึกโทษหรือโกรธเคืองแสงเหนือสักนิด

“พี่เหนือยังไม่ได้บอกผมเลยว่าทำไมคุณอั้มถึงไม่สนใจคนสวยๆ อย่างคุณวิกกี้” เขาถามยิ้มๆ ส่งแขนอีกข้างให้เช็ดต่อ “ผมคิดว่าพี่เหนือกับคุณอั้มชอบแย่งกันจีบผู้หญิงคนเดียวกันเสียอีก แล้วทำไมคุณวิกกี้ถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะ”

ผ้าขนหนูซึ่งเริ่มอุ่นถูกชุบน้ำในกะละมังใกล้ๆ อีกครั้งอย่างระมัดระวังไม่ให้น้ำหก แสงเหนืออยากดูแลเขาทั้งที่ตามองไม่เห็น จินดนัยเองก็นึกชอบภาพที่เห็นจนอดยิ้มไม่ได้ “จินรู้ไหมว่าเจ้าอั้มเป็นญาติกับพี่”

“อื้อ คุณรตีกับลุงโตเล่าให้ผมฟังแต่แรกแล้วว่าคุณอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นลูกของญาติห่างๆ ที่คุณรตีรับมาอุปการะตั้งแต่เด็กๆ” เขาหลับตาลงเพื่อไม่ต้องเห็นภาพสั่นโคลงวูบไหว แค่รับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบาทะนุถนอมและเงี่ยหูฟังเสียงทุ้มนุ่มตอบเรื่อย

“พี่ก็เคยคิดแบบนั้น แต่ความจริง...เจ้าอั้มเป็นญาติใกล้กับพี่มากกว่าคำว่าลูกพี่ลูกน้องเยอะ ใกล้...แบบใช้คำว่าพี่น้องยังจะเหมาะเสียกว่า” จินดนัยเปิดเปลือกตาร้อนผ่าวขึ้นเพ่งหน้าของชายหนุ่มที่ยิ้มอ่อนให้ “พวกเราเป็นพี่น้องคนละแม่น่ะ”

หมดจากแขน ขาเขาก็โดนดึงไปวางบนตัก โดยที่ฝ่ายนั้นไม่สนใจเสียงร้องห้ามกับกิริยากระตุกเท้าตึกตักเป็นโรคชักกระตุกของเขาสักนิด แสงเหนือรอจนเขายอมหุบปากนอนนิ่งๆ แล้วจึงค่อยคลี่ยิ้ม ค่อยๆ เช็ดตั้งแต่ต้นขาลงไปถึงฝ่าเท้าพร้อมกับเล่าเรื่อยๆ

“ตอนพ่อเรียนอยู่ต่างประเทศ คนรักที่เป็นนักเรียนไทยเหมือนกันบังเอิญตั้งท้องทั้งที่พวกเขายังเรียนไม่จบ แต่ฝ่ายหญิงตัดสินใจไม่ทำแท้ง นอกจากดร็อปเรียนและคลอดลูกชายออกมา ทีแรกทางตายายของเด็กรับไปเลี้ยงให้ เหมือนเรื่องจะจบลงง่ายๆ หลังพ่อเลิกกับฝ่ายนั้นและกลับประเทศมาแต่งงานกับแม่ แต่ผ่านไปไม่ถึงปี พ่อก็ได้รู้ข่าวว่าตากับยายคู่นั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ฝ่ายแฟนเก่าท่านก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว พ่อเลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ฟังและอยากขอส่งเสียอุปการะจนเรียนจบ แม่โกรธพ่อมากที่ไม่ยอมเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกและสั่งให้พาเด็กคนนั้นมา เพื่อเลี้ยงดูเหมือนลูกหลานในไส้แท้ๆ แทน”

เช็ดตัวเสร็จ ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนเบียดเขา พาดท่อนแขนบนผิวกายร้อนผะผ่าว ลูบไล้เล่นใจลอย “ตอนพี่เกิด เจ้าอั้มก็อายุหลายขวบแล้ว พอจะเข้าใจเรื่องอะไรต่อมิอะไรได้และรู้ด้วยว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ที่เลี้ยงดูมา กว่าพี่จะเริ่มโตจนแยกแยะได้ก็รู้แค่ว่าเจ้าอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวแต่ดันจู้จี้กับพี่สารพัดจนน่ารำคาญ ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเป็นเด็กดี ห้ามทำพ่อแม่ผิดหวัง พี่เองก็รำคาญจะตายที่มีญาติพูดมากแบบหมอนั่น ทั้งไล่ตะเพิด ทั้งทะเลาะกันสารพัด คิดดูสิว่าหมอนั่นยังคอยป้วนเปี้ยนไม่ยอมไปไหนจนพี่อยู่ม. ต้นก็ยังไม่ยอมเลิก พี่รำคาญเลยด่าออกไปว่าเป็นแค่ญาติห่างๆ มาอาศัยเขากิน อย่าบังอาจสะเออะมาสั่งสอนพี่ ถ้าไม่อยากโดนเฉดหัวออกจากบ้านไปนอนข้างถนน ก็อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไปเงียบๆ...”

เล่าถึงตรงนี้ คนป่วยพลันลืมตาโพลง กำกำปั้นทุบอกเจ้าเด็กนิสัยเสียดังปึ้กและยังฮึดฮัดยามโดนคว้ากำปั้นไว้แน่น “จินไม่ต้องรีบโมโห พี่โดนหวดทำโทษไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่พูดจบ ...เปล่า ไม่ใช่เจ้าอั้มหวด หมอนั่นแค่ยืนอึ้ง คนหวดพี่คือพ่อต่างหาก หวดจนไม้เรียวหักคามือเลยนะคิดดู ก่อนที่ท่านจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟัง พ่อบอกว่าเพราะแม่กลัวพี่จะคิดมาก มีอคติกับพี่ชายคนละแม่เลยตัดสินใจบอกว่าเจ้าอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้องแทน อันที่จริงทุกคนก็เข้าใจกันแบบนั้นกันหมดนั่นล่ะ เพราะเจ้าอั้มยังใช้นามสกุลเก่าของแม่ แต่พ่อคิดว่าพี่โตพอที่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดถึงได้เล่าให้ฟัง”

“แล้วไงล่ะ พี่เหนือยังมีอคติกับคุณอั้มอยู่ดีใช่ไหม แหงสิ ผมเห็นท่าทางทุกวันนี้ก็พอจะเดาได้หรอก” พูดดักคอหากกลับโดนลากขึ้นไปนอนบนอกกว้างทั้งตัวแทน

“ใครว่าล่ะ พี่ออกจะดีใจที่รู้ว่าตัวเองก็มีพี่น้องกับเขาด้วย ถึงจะไม่ใช่พี่น้องที่พลัดพรากจากกันไปตั้งแต่เกิดก็เถอะ แต่อย่างว่านะ พี่คิดว่าทำตัวเหมือนเดิมคงดีที่สุด โตๆ กันแล้ว ขืนให้ไปนั่งเล่นละครซึ้งๆ พี่ครับ น้องรักอะไรเทือกนั้นคงตลกตาย” เล่าไป มือหยาบใหญ่ก็เริ่มล้วงเข้าใต้เสื้อและลูบเบาๆ ไปทั่วแผ่นหลัง

“ฝ่ายเจ้าอั้มหลังโดนพี่ตะเพิดก็ไม่ได้วิ่งหนีไปร้องห่มร้องไห้หรอก ตรงกันข้าม หมอนั่นคงนึกแค้นพี่เหมือนกันที่ว่าอุตส่าห์ทำดีแทบตายยังโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ไอ้ภาพลักษณ์พี่ชายแสนดีเลยพังครืน หมอนั่นเลิกสวมหนังแกะพร้อมๆ กับที่เลิกจ้ำจี้จ้ำไช เผยนิสัยดั้งเดิมออกมาแบบไม่นึกเกรงใจอีก มิหนำซ้ำยังชอบหาเรื่องพี่แบบออกนอกหน้า ทำอะไรต้องทำให้ดีกว่า ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมหรือแม้แต่เรื่องผู้หญิง ทุกอย่างต้องดีที่สุดแบบคงกะให้พี่กลายเป็นเด็กมีปมด้อยไปเลยมั้ง”

ฟังแล้วพอจะนึกภาพพี่น้องต่างสายเลือดห้ำหั่นเชือดเฉือนกันออก บางทีแสงเหนือคงมีแต่ศัตรูคู่แข่งมาตั้งแต่เกิดจริงๆ ไหนจะเขา ไหนจะคุณอั้ม

“แต่แปลกอย่าง จินรู้ไหม ว่าเจ้าอั้มจะแย่งทุกอย่างที่แย่งได้จากพี่ ยกเว้นสิ่งที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น สิ่งที่มีค่าที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคำชมของแม่ เวลาของพ่อ หมอนั่นจะไม่เคยเข้ามาแทรก ไม่เคยคิดจะแย่งหรือแม้แต่จะกล้าแตะต้อง ซึ่งเจ้าอั้มคงนับยัยวิกกี้รวมเข้าไปด้วย ฉะนั้นต่อให้จะนึกชอบ นึกชมแค่ไหนก็ไม่มีทางแสดงออกเด็ดขาด”

“เป็นแบบนี้นี่เอง” จินดนัยคราง ทิ้งตัวลงนอนฟังเสียงหัวใจของแสงเหนือเต้นโดยลืมเรื่องของมือที่ลูบไปทั่วและทำท่าจะเลยเถิดลงเบื้องล่างเสียสนิท

“เห็นแล้วใช่ไหม เจ้าอั้มน่ะมีเจ้าของแล้ว ดังนั้นจินอย่าไปยุ่งวุ่นวายกับเจ้านั่นอีกล่ะ” พูดจากันท่าออกนอกหน้า ทำอย่างกับว่าเขาอยากไปยุ่งกับผู้ชายในตระกูลนี้นักล่ะ ดูแต่ละคน ตัวปัญหามีขาเดินทั้งนั้น “เราเองก็เหมือนกัน มีเจ้าของแล้ว ห้ามไปทำตัวรุ่มร่ามกับผู้ชายอื่นอีกเป็นอันขาด ไม่งั้นเขาจะหาว่าเราน่ะมีชู้...”

ชู้ไม่ชู้ไม่รู้ รู้แต่จะบิดให้เนื้อหลุดออกมาสักก้อน จินดนัยนอนฮึดฮัดยามโดนคนที่ตนประทุษร้ายสูดปากก่อนจะรีบแก้ปัญหาด้วยการรัดเขาไว้ทั้งตัว

“กับจิน... พี่ก็เคยนึกสงสัยนะ ถ้าจำไม่ผิด แรกๆ เจ้าอั้มจะคอยตอแยเราเหมือนกันสินะ” ตอแยเหรอ ไม่รู้จะใช้คำนั้นได้ไหมกับการสุมหัววางแผนรั่วๆ จับทุจริตคอร์รัปชั่น แวะเวียนมาหาเรื่องคุย คอยเย้าแหย่ให้เขาโกรธเป็นประจำ ถ้าคำว่าตอแยของแสงเหนือจะหมายถึงการเกี้ยวพาล่ะก็ คุณอั้มคงเป็นคนที่มีวิธีแสดงออกทางด้านความรักได้บิดเบี้ยวมากที่สุดอีกคนเลยทีเดียว รองจากตาคนนี้น่ะนะ “แต่คงสังเกตทีหลังว่าจินสำคัญกับพี่ คงมองออกว่าพี่รักจินมากแค่ไหน...”

คำพูดชวนเคลิ้ม แต่จินดนัยชักรู้สึกตะหงิดกับตำแหน่งแห่งที่ของมือใหญ่ซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่แถวก้นเขามาสักพักแล้ว “พี่เหนือ มือ...”

“พี่ไม่รังแกคนป่วยหรอกน่า แค่อยากกอด อยากสัมผัสเราเท่านั้น” ว่าแล้วมือข้างนั้นก็ทำตามที่เจ้าของว่า เลื่อนขึ้นมาลูบผมเขา ลากผ่านลำคอ ข้างแก้มและแตะลงบนริมฝีปาก “รู้ไหมว่าการแค่ได้รับรู้ถึงน้ำหนัก ผิวสัมผัสหรือลมหายใจของจินทำให้พี่มีความสุขมากจนไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าพี่มองเห็นจิน พี่จะมีความสุขมากขนาดไหนนะ”

พวกเขานอนนิ่งเงียบ ไร้ซึ่งคำพูด นอกจากสัมผัสกันและกัน ด้วยปลายนิ้ว ด้วยดวงตาและด้วยหัวใจ เนิ่นนานกว่าจินดนัยจะเคาะกำปั้นสองครั้งลงตรงที่เขาแนบหูฟังเสียงหัวใจเต้นอยู่ พร้อมทำเสียงเหมือนตอนเคาะประตูบ้าน “ก๊อกๆ”

“จินทำอะไร” แสงเหนือถามขำๆ และหัวเราะยามได้ยินเขาเอ่ยต่อ “มีใครอยู่ในนั้นไหมครับ”

“มีคร้าบ มีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ” คนตอบตอบกลั้วหัวเราะ หากต้องชะงักเมื่อจินดนัยย้อนถาม “คนเดียวน่ะใคร ผมหรือต้น”

ชายหนุ่มอ้าปากคล้ายจะตอบ หากกลับเปลี่ยนใจ ปิดปากเงียบแทนเหมือนไม่รู้ว่าควรตอบอะไร เขาจึงชะโงกตัว ลูบข้างแก้มขาวหากสากระคายด้วยไรหนวดเขียวๆ อย่างรักแสนรัก “ผมไม่บังคับให้พี่ตอบตอนนี้หรอก แต่อยากให้พี่เหนือเอาไปคิดดูให้ดี ถ้าคำตอบของพี่เป็นผม ผมก็อยากให้พี่ปล่อยต้นไป เลิกยึดเขาไว้ด้วยความรู้สึกผิด อยากให้พี่เลิกลงโทษตัวเองและไปรักษาตาให้หาย เลิกทำร้ายตัวเองและคนที่รักพี่ได้แล้ว”

จินดนัยแตะริมฝีปากแห้งร้อนผ่าวของตนเข้ากับปากได้รูปเม้มขึง พูดพร้อมรอยยิ้ม “แต่ถ้าคำตอบของพี่เป็นอย่างอื่น ก็ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียใจหรือรับไม่ได้ เพราะไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไร ผมสัญญาว่าจะอยู่กับพี่เหนือ ...จะอยู่ข้างๆ จนลมหายใจสุดท้าย”

หัวใจคนพูดเต้นช้าๆ ด้วยความเจ็บจนปวด แม้แต่ใบหน้าของแสงเหนือยังพร่ามัวจนต้องกระพริบตาถี่ หากการมองสิ่งที่สวยสดและงดงามจะทำให้ดวงตาพร่าบอด เขาก็อยากมองให้ชัดเจนก่อนจะหมดโอกาส และอยากให้แสงเหนือมองเห็นได้อีกครั้ง แม้จะไม่เห็นเขา แต่อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าโลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามอีกมากมายที่รอให้ชายหนุ่มมองเห็นอีกครั้งเช่นกัน

ในคืนนั้น พวกเขาสองคนนอนตระกองกอดกันโดยไร้คำพูด และก่อนที่สติสัมปชัญญะของจินดนัยจะดับวูบ เขาคลับคล้ายจะได้ยินเสียงถอนหายใจซึ่งไม่อาจจำแนกได้ว่ามาจากแสงเหนือหรือดังมาจากเทวดาบนฟ้าโน่น ถ้าเป็นฝ่ายหลัง เขาก็อยากบอกให้รออีกหน่อย ขอเวลาเขาอีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น...

++++++++++

วันต่อมา กว่าเขาจะสะลึมสะลือลุกจากที่นอนได้ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง ไม่มีเงาของคนที่นอนอยู่ข้างๆ มาตลอดคืน ที่นอนข้างตัวเย็นและว่างเปล่าจนจินดนัยไม่อยากขยับเขยื้อน หากท้ายสุด เขาก็สามารถลากสังขารจัดการอาบน้ำชำระร่างกายที่เมื่อยล้า ฝืนยิ้มให้เด็กหน้าตาซีดเผือดในกระจกทีหนึ่ง

ครั้นลงมาถึงชั้นล่างค่อยพบว่าทุกอย่างเงียบผิดปกติ ไม่เห็นคุณรตีที่น่าจะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่เห็นแสงเหนือที่น่าจะนั่งรออยู่แถวๆ นี้ ด้วยใจไม่สู้ดีนัก เขารีบเดินเร็วๆ มุ่งเข้าไปในครัวและค่อยใจชื้นเมื่อเจอพี่ดวงกำลังนั่งดูโทรทัศน์เครื่องเล็กอยู่ เมื่อเด็กสาวหันมาเห็นเขาจึงร้องทัก “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ นี่ฉันกะจะขึ้นไปดูแกอีกรอบอยู่พอดี ”

“แล้วนี่เขาหายไปไหนกันหมดล่ะพี่ดวง ผมไม่เห็นใครสักคน” จินดนัยขยับจะลุกไปช่วยเมื่ออีกฝ่ายเดินไปเปิดเตาแก๊สเพื่ออุ่นข้าวต้ม หากโดนเด็กสาวโบกมือให้นั่งเฉยๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นพวกคุณๆ เขานั่งรถออกไปข้างกันตั้งแต่ตอนสายๆ โน่น”

“ไปไหนกัน... ทำไมเขาไม่เรียกผมไปด้วยล่ะ พี่ดวง” หน้าเสียยามนึกถึงสภาพโดนทอดทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่มีคนสนใจ ราวกับสิ่งไร้ความสำคัญ ทว่าก่อนจะทำน้ำตาคลอเจียนหยดเรี่ยราดกลับโดนเอ็ดเอาราวกับเห็นเขาเป็นเด็กเล็กๆ

“แกไข้ขึ้นตัวร้อนแบบนี้แล้วเขาจะลากแกไปไหนมาไหนด้วยได้ยังไงเล่า แล้วฉันเนี่ยนะ ที่ไม่ได้ปลุกเพราะคุณเหนือสั่งเอาไว้ว่าห้ามปลุก ท่านว่าแกไม่สบาย ต้องนอนพักเยอะๆ” รอจนข้าวต้มเริ่มร้อนได้ที่ เด็กสาวจึงปิดแก๊ส ตักใส่ชามมาวางเสิร์ฟคนป่วยถึงตรงหน้า “เอ้า รีบกินข้าวเสีย จะได้กินยา ขืนคุณเหนือกลับมาแล้วรู้ว่าแกยังไม่ได้กินยาสักเม็ด มีหวังโดนเอ็ดตาย”

นั่งสูดขี้มูกเพื่อตักข้าวต้มที่ออกรสเค็มปะแล่มเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ เขาก็แว่วเสียงรถยนต์จอดหน้าบ้านจึงรีบทิ้งช้อน วิ่งหน้าตาแตกตื่นออกไปดูและยิ้มกว้างยามเห็นลุงโตกำลังเปิดประตูให้แสงเหนือลงจากเบาะหลัง “พี่เหนือ!”

ตรงรี่เข้าไปจับแขนชายหนุ่มซึ่งยิ้มให้ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของเขา “เป็นยังไงบ้าง ตัวยังร้อนอยู่ไหม แล้วนี่กินข้าว กินยาแล้วหรือยัง” หากคิ้วเข้มต้องขมวดฉับหลังฟังคำตอบอ้อมแอ้มของเขา มือใหญ่ยกขึ้นแตะหน้าผากและซอกคออุ่นๆ แล้วฟันธงบอกอาการ “จินลุกมาทำไม ยังมีไข้อยู่เลย ยาก็ยังไม่ได้กิน ดวงมัวแต่ทำอะไรอยู่ สั่งแล้วแท้ๆ ว่าให้ดูให้ดี”

“พี่ดวงดูดีแล้ว แต่ผมเพิ่งตื่น ข้าวก็กำลังกินอยู่แต่ยังไม่หมดเท่านั้นเอง” เขาเงยหน้ายิ้มรับคำคุณรตีซึ่งสั่งให้เขาพาแสงเหนือเข้าบ้าน ส่วนตัวคนพูดรีบก้าวอย่างกระฉับกระเฉง เดินลิ่วนำหน้าเข้าบ้านไปก่อนอย่างผิดปกติ “ทำไมคุณรตีดูรีบๆ จัง”

“ลุงโต ขอถุงผมที” แสงเหนือไม่ได้ตอบคำถามเขา หากหันไปขอถุงขนมที่ลุงโตถือพะรุงพะรังไว้แทน “พี่ซื้อขนมมาฝากจินด้วย แต่จินต้องกินข้าว กินยาให้หมดก่อนนะ ไม่งั้นขนมนี่...อด”

ก้มดูขนม คุ้กกี้หน้าตาน่ากินในมือและเพ่งดูสติกเกอร์บอกชื่อร้านเล็กๆ บนถุงแล้วเขาก็ต้องตกใจ หากด้วยความที่ไม่สามารถเอ่ยอะไรแสดงพิรุธออกไปได้ จินดนัยจึงได้แต่รีบประคองร่างสูงกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว

++++++++++

ภายในสวนร่มรื่นด้วยเงาไม้ใหญ่ บนโต๊ะสีขาวตัวประจำบัดนี้มีทั้งจานใส่เค้ก โถใส่คุ้กกี้หลากหลายชนิดและแก้วน้ำหวานสีสวยไอเย็นจับเป็นฝ้าอยู่ตรงหน้าพวกเขา จินดนัยยังมองขนมตรงหน้าด้วยดวงตาร้อนผะผ่าว ขณะที่ตรงปลายเท้า มีเจ้าริชชี่หายใจรดหน้าแข้งจนร้อนผ่าวๆ ด้วยอีกตัว

“พี่จำได้ว่าจินชอบกินเค้ก ขนมพวกนี้ไม่ใช่ของโรงแรมที่เราเคยกินหรอกแต่ของที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้กัน” คนชักชวนล้วงหยิบคุ้กกี้จากโถส่งเข้าปากทั้งชิ้น เคี้ยวกร้วมๆ ก่อนกลืน “พี่ชอบตรงขนมที่นี่เขาจะทำแบบไม่หวานมาก แม้แต่อย่างขนมเค้กก็จะเป็นพวกเค้กผลไม้ เค้กแครอท เรียกว่าถึงกินขนมแต่ยังได้ประโยชน์”

อันนั้นเขารู้... คิดพลางตักบลูเบอร์รี่ชีสพายมาเพ่งมองแล้วค่อยส่งเข้าปากช้าๆ ซึมซาบความหวานอมเปรี้ยวของซอสบลูเบอร์รี่ กลิ่นหอมมันของครีมชีสและความกรุบกรอบของแป้งพาย รสชาติอันคุ้นเคยทำเขาน้ำตาซึม “...อร่อยจัง”

“ใช่ไหมล่ะ พี่นึกแล้วว่าจินต้องชอบ ขนาดแม่พี่ไม่ค่อยชอบกินขนมหวานยังชมเปาะเลยว่าของที่นี่อร่อย อย่างวันนี้ก็เหมาแทบเกลี้ยงร้าน ได้ยินคุณจิดาภาบอกว่าวันหลังจะทำเค้กแบบใหม่ๆ ออกมา อย่าลืมแวะไปชิมอีก” ดูท่าเขาจะยังป่วยอยู่จริงๆ ด้วย เพราะแค่ได้ยินชื่อนั้น น้ำตาก็พลันหยดลงมาเป็นเม็ด เขารีบซับน้ำตาด้วยแขนเสื้อและเอ่ยร่าเริง “ที่หายไปตั้งแต่เช้า สรุปว่าไปซื้อเค้กอย่างเดียวเนี่ยนะ”

“อันที่จริง นอกจากไปซื้อขนมแล้วก็ไปคุยมาด้วย” แสงเหนือบิดกาย ยืดตัวเอนพิงพนักและพูดว่า “คนที่ทำขนมพวกนี้คือคุณแม่ของต้น คุณน้าจิดาภาเขาเปิดร้านเบเกอรี่อยู่แถวถนน...” อันนี้เขาก็รู้ “วันนี้พี่ไปคุยกับท่านมา ...เรื่องต้น ...เรื่องตาของพี่”

วาจาคนพูดเปี่ยมไปด้วยกระแสแห่งความสุข แม้แต่สีหน้ายังดูปลาบปลื้มยินดีจนปิดไม่มิด “แม่เคยชวนพี่ไปหาท่านหลายครั้งแล้วแต่เพราะพี่ไม่กล้าโผล่หน้าไปให้ฝ่ายนั้นเห็น กลัวว่าเขาจะยังทำใจไม่ได้ที่เห็นหน้าคนที่ฆ่าลูกชายคนเดียวยังอยู่ดีมีสุข พี่กลัวมาตลอด ถึงแม่มักจะบอกว่าคุณจิดาภามักจะถามไถ่อาการของพี่อยู่เป็นประจำก็เถอะ แต่วันนี้ หลังจากพี่ตัดสินใจแล้วคิดว่าคงเลี่ยงไม่ได้อีก พี่เตรียมใจจะโดนต่อว่าไปเต็มที่เลยล่ะ แต่รู้ไหมว่าสิ่งแรกที่คุณจิดาภาพูดกับพี่คืออะไร ท่านทักพี่ว่าพี่สบายดีไหม ทักว่าพี่ผอมลงไปมากนับแต่ท่านเห็นครั้งสุดท้าย ท่านทักทายเหมือนพี่เป็นลูกหลานคนรู้จักใกล้ชิด ไม่มีแววโกรธขึ้งหรือเคียดแค้นสักนิด”

อันนี้จินดนัยเดาได้ แม่เขาใจดีจะตาย แม่ไม่มีทางโกรธเกลียดแสงเหนือได้ลงคอหรอก เพราะแม่นี่ล่ะเป็นคนแรกที่สอนให้เขาให้อภัยแสงเหนือ นับแต่ตอนที่เขาโดนผลักล้มหัวร้างข้างแตกสมัยเด็ก

“ถึงอย่างนั้น พี่ยังอดหวั่นไม่ได้ ตอนที่ค่อยๆ ถามท่านออกไป เสียงพี่สั่นเหมือนจินเลยล่ะ” คนเล่าหัวเราะสั่นๆ ขณะที่เขากลอกตาอย่างสุดเซ็ง อ้าปากเตรียมจะเจริญพรอยู่แล้วหากต้องตัวแข็งทื่อแทนยามได้ยินเสียงสะอื้นจากคอชายหนุ่มเสียก่อน แสงเหนือยังสำลักอึกอักขณะพยายามเล่าต่อ “พี่ถามท่านว่า...พี่จะขอมองเห็นแสงสว่างอีกครั้งได้ไหม พี่...ยังมีสิทธิ์จะมีความสุขได้อีกหรือเปล่า ถ้าพี่อยากมองเห็นหน้าคนสำคัญของพี่ด้วยดวงตาคู่นี้ ต้นกับคุณน้าจะให้อภัยพี่ไหม”

คำตอบของต้นดังก้องในหัวใจ อัดแน่นด้วยปรารถนาจะส่งเป็นเสียงออกมา หากจินดนัยก็รู้ว่าคงไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถถ่ายทอดคำตอบของเขาได้ดีไปกว่ามารดาอีกแล้ว

“ท่านตอบพี่เหมือนที่จินบอก ท่านบอกว่าพี่ควรจะเลิกลงโทษตัวเองและคนที่รักพี่ ท่านบอกให้พี่ปล่อยต้นไปได้แล้ว อย่ายึดติดอยู่กับมัน ขอแค่ไม่ลืม...ต้นก็คงมีความสุขและพร้อมจะให้อภัยพี่ตลอดมา” จินดนัยแตะแขนชายหนุ่ม ซึ่งอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ดึงเขาเข้าไปยืนตรงหน้าแล้วรวบตัวกอดเอาไว้แน่น นานช้ากว่าที่ใบหน้าขาวจะแหงนเงยขึ้นและกล่าวพร้อมรอยยิ้มสั่น “พี่ตั้งใจจะไปรับการรักษาที่เมืองนอก จินไปกับพี่นะ เพราะถ้า...มันบังเอิญสำเร็จ พี่ก็อยากเห็นหน้าคนที่พี่รักเป็นคนแรก”

ฟังจบ เขาก็ทำน้ำตาซึ่งไหลโดยไม่รู้ตัวร่วงลงกระทบใบหน้าของแสงเหนือและรีบเช็ดให้ก่อนจะก้มลงซบหน้ากับศีรษะฝ่ายนั้น โอบด้วยอ้อมแขนแน่นพลางหัวเราะทั้งน้ำตา หัวใจบีบรัดเต้นกระหน่ำด้วยความยินดีในคำตอบของแสงเหนือและของตนเอง ...คำตอบที่เขาเคยเฝ้าถามตัวเองมาเนิ่นนานว่าสวรรค์ให้เขากลับมาที่โลกนี้อีกครั้งทำไม เพื่อฆ่าหรือแก้แค้น เพื่อกอบกู้โลกหรือเพื่ออะไร ช่างเป็นคำตอบที่ง่ายดายจนไม่น่าเชื่อ แต่กลับครบถ้วนสมบูรณ์แบบในตัวมันเอง

...มาบัดนี้จินดนัยรู้แน่ชัดแล้วว่าเขากลับมา ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อแสงเหนือต่างหาก
ช่วงเวลาที่แสงเหนือต้องเตรียมตัวรับการรักษาเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดช่วงหนึ่ง

บ้านทั้งหลังดูจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม คุณรตีวิ่งวุ่นจัดการโทรศัพท์หาคุณเตโชผู้เป็นสามีทั้งเช้าทั้งเย็นเพื่อปรึกษาพูดคุยเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่จะส่งลูกชายเข้ารักษา แถมต้องวิ่งวุ่นเรื่องบัตรประชาชนเขาหนักเป็นสองเท่า เพราะเขาเข้าขั้นคนเถื่อนซึ่งอย่าว่าแต่พาสปอร์ตเลย บัตรประชาชนสักใบยังไม่มี แต่อย่างที่ว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง เพราะแสงเหนือยืนยันว่าถ้าเขาไปไม่ได้ ตนก็จะไม่ไปด้วย ลงท้าย วันหนึ่งคุณเตโชจึงโทรศัพท์มาแจ้งข่าวดีซึ่งคุณรตีได้รีบรุดมาเล่าให้พวกเขาฟังทันทีที่วางสาย

“เพื่อนคุณพ่อที่เป็นผอ. โรงพยาบาลที่สิงคโปร์เพิ่งแนะนำให้รู้จักคุณหมอฮิวส์ที่เป็นหมอรักษาโรคทางด้านประสาทตาที่เก่งมากให้รู้จัก แถมโชคดีกว่านั้นอีกด้วยเพราะคุณหมอจะบินมาสัมมนาที่นี่ตอนช่วงกลางเดือน คิดว่าคงวานให้รับดูแลตาเหนือได้ไม่ยาก”

จินดนัยฟังแล้วก็ต้องยิ้มว่าอะไรมันจะพอดิบพอดีปานนั้น งานนี้เขาค่อนข้างเชื่อเลยล่ะว่าพ่อของแสงเหนือคงหาทางให้คุณหมอฮิวส์คนที่ว่าบินมาสัมมนาพอดีต่างหาก ประมาณว่าสัมมนาน่ะเรื่องรอง แสงเหนือคือเรื่องใหญ่ งานนี้เสียไปเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ต่อให้ต้องเสียมากกว่านี้ คนเป็นพ่อแม่ก็คงยอมอยู่ดี

“โชคดีจังเนอะ พี่เหนือ” จากรอยยิ้มเอื่อยของชายหนุ่มแสดงว่าฝ่ายนั้นก็คงไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องเหตุบังเอิญนี้สักเท่าไหร่ กระนั้น แสงเหนือกลับยิ้มกว้างขึ้นเมื่อก้มลงกระซิบ “รอดตัวไปนะเรา พี่กะว่าถ้าจับเราทำพาสปอร์ตไม่ทันจริงๆ จะจับยัดใส่กระเป๋า ขนขึ้นเครื่องไปให้รู้แล้วรู้รอด”

“ตลกตายล่ะ” ส่ายหน้าระอากับคนเจ้าความคิด ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยข้อสงสัยในใจ “คุณพ่อของพี่เหนือมีเพื่อนเป็นผอ. โรงพยาบาลจริงๆ เหรอ บังเอิญจังเลยนะที่คุณหมอต้องบินมาสัมมนาพอดี” ครั้นชายหนุ่มแค่ยิ้มๆ ไม่คัดค้านหรือปฏิเสธ จินดนัยจึงพูดต่อเบาๆ “นี่ถ้าไม่ติดเรื่องผม คงไม่ต้องเสียเงินเยอะขนาดนี้หรอก ใช่ไหม”

“...จิน” แสงเหนือเรียกพร้อมกับดึงหัวเขาเข้าไปซบบนตัก “อย่าพูดแบบนั้น ถ้าจินฉลาดพอจะรู้เรื่องพวกนี้ ก็น่าจะเข้าใจพี่ด้วยเหมือนกัน รวมถึงเหตุผลของการเข้ารับรักษาตาของพี่คืออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเรา หา...”

ระหว่างความเงียบของการรอคำตอบ พวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะของคุณรตีดังแว่วมา “แม่เองยังรู้ แม่ยังเข้าใจและอยากให้จินไปกับพี่ด้วยไม่แพ้กัน อีกอย่าง พี่ไม่คิดว่าคนอย่างพ่อจะมานั่งปั้นเรื่องเหตุบังเอิญพรรค์นั้นหรอก กับพี่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังสักนิด แต่เป็นเพราะจินต่างหากที่ทำให้แม่คิดแต่งเรื่องงานสัมมนาขึ้นมาเพื่อให้จินสบายใจ ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้อีก นอกจากจินจะอยากให้แม่พี่ลำบากใจแทน”

“ใครจะไปอยากเล่า” พึมพำเลื่อนลอย นึกยินดีลึกๆ ที่ไม่ต้องถ่อสังขารไปไหนไกล ไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าจะไปไม่ถึงเสียมากกว่า กระพริบตาถี่ขับไล่อาการตาลายที่เป็นถี่ขึ้นและนานขึ้นในแต่ละครั้งจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว จินดนัยจึงเงยหน้าตอบยิ้มๆ “งั้นก็โชคดีจริงๆ เนอะที่คุณหมอต้องมางานสัมมนาที่กรุงเทพฯ พอดี”

“ใช่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มกล่าวยังไม่ทันขาดคำ คุณรตีก็เดินฉับๆ เข้ามาบอกให้เขาเริ่มเตรียมข้าวของเครื่องใช้เพื่อไปนอนเฝ้าแสงเหนือที่โรงพยาบาลและไม่ลืมที่จะตบท้ายว่า “แหม ว่าแต่เราโชคดีนะลูกที่คุณหมอบังเอิญมาช่วงนี้พอดีเชียว เจ้าจินว่างั้นไหม”

เขาคลี่ยิ้มก่อนตอบรับสั้นๆ “ครับ โชคดีจริงๆ”

++++++++++

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 01-09-2008 09:55:54
ช่วงเวลาอาทิตย์สุดท้าย เขาใช้มันอย่างคุ้มค่า เพราะจินดนัยเลิกนับถอยหลังและตัดสินใจใช้ทุกนาทีอย่างมีความสุขแทน เขากับแสงเหนือผลัดกันเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ บางเรื่องเขาเคยรู้อยู่แล้ว บางเรื่องเพิ่งเคยได้ยินก็ต้องหัวเราะกับวีรกรรมสารพัดจนแทบจะลืมความเจ็บปวดของร่างกายไปได้ ถ้าปลายนิ้วเขาเย็นจัด แสงเหนือจะดึงมันไปบีบนวดหรือซุกซอกคอไว้จนมันอุ่น ถ้าเขานอนไม่หลับ ก็จะใช้ช่วงเวลานั้นมองหน้าชายหนุ่มและนอนฟังเสียงลมหายใจเงียบๆ แทน ทุกอย่างล้วนสุขและสงบจนแทบไม่น่าเชื่อ

กระทั่งในคืนสุดท้ายก่อนแสงเหนือจะเข้าโรงพยาบาล จินดนัยตัดสินใจทำอะไรบางอย่างหลังจากนอนคิดมาหลายคืน เขาค่อยๆ ยกแขนที่ยกพาดเอวออกช้าๆ อย่างไม่ต้องการปลุกอีกฝ่ายและย่องมาเปิดโคมไฟ คุ้ยหาจนเจอกระดาษกับปากกาแล้วจึงนั่งลงเขียนจดหมายไปพลาง เหลียวมองดูชายหนุ่มซึ่งกำลังหลับอยู่ไปพลางในตอนแรกๆ จนเริ่มมีสมาธิจึงเขาก้มหน้าก้มตาเขียนจนหมดแผ่นแรก ต่อไปแผ่นที่สองและแผ่นที่สาม จนกระทั่งเขียนจบจึงพับใส่ซองจดหมายแล้วบิดตัวอย่างเมื่อยล้า ยกมือขยี้ตาที่ปวดล้าจนพร่าเลือน

“จิน...” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง หันขวับไปเจอแสงเหนือกำลังนั่งชันเข่าข้างหนึ่งบนเตียง หันมาทางเขานิ่งๆ ท่าทางแบบนั้นทำให้จินดนัยอดคิดไม่ได้ว่าแสงเหนือกำลังมองเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ “เขียนเสร็จหรือยัง”

“พี่...พี่เหนือรู้เหรอว่าผมทำอะไร” ก้าวเดินเก้กังกลับมาหาพร้อมซองจดหมายในมือ

“พี่ได้ยินเสียงกระดาษ เสียงเคาะปากกาก็พอจะเดาออกแต่ไม่อยากกวน” จินดนัยฟังคำตอบแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และจับมือใหญ่ให้แตะจดหมายที่ถือมา

“ผมเขียนจดหมายถึงพี่เหนืออยู่ เนี่ย เพิ่งเขียนเสร็จสดๆ ร้อนๆ”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่นแล้วค่อยเอ่ยถามข้องใจ “ทำไมต้องเขียนล่ะ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ แล้วนี่ถ้าเกิดรักษา...”

หากเขาตัดบทก่อนอีกฝ่ายจะทันเอ่ยถึงความคิดแง่ลบออกมาจบ “ผมรู้ว่าตาของพี่ต้องหายแน่ พี่เหนือต้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้งแน่ๆ ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ตาพี่หาย พี่เหนือค่อยมาอ่านจดหมายฉบับนี้นะ”

จดหมายของเขาถูกยกสำรวจพลิกหน้าพลิกหลังรอบแล้วรอบเล่า จินดนัยรีบสำทับอีกรอบเมื่อแสงเหนือเริ่มอ้าปาก “ผมเขียนความลับของผมทั้งหมดไว้ ความลับที่ผมไม่เคยบอกใคร ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน มันเป็นความลับระดับสุดยอดชนิดที่ถ้าพี่เหนือรู้เข้าต้องอ้าปากค้าง ตกใจจนหงายหลังแหงๆ ...ไงล่ะ อยากรู้ล่ะสิ แต่อย่าหวังว่าผมจะเล่าให้ฟัง ถ้าพี่เหนืออยากรู้ ไว้ค่อยมาอ่านวันหลัง”

เขาฉวยซองจดหมายบางๆ กลับรวดเร็วจนชายหนุ่มตะครุบได้แต่ลม เหลียวมองรอบๆ ห้องสักพัก เขาก็หยิบมันไปวางไว้ใต้กรอบรูปซึ่งครั้งหนึ่งตนเคยฉกติดไม้ติดมือไปเป็นของที่ระลึก “ผมวางไว้ใต้กรอบรูปบนโต๊ะ อย่าลืมอ่านนะครับ” จินดนัยยกแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือยพลางซบหน้าลง กระซิบซ้ำๆ “อย่าลืมนะพี่เหนือ สัญญากับผมนะว่าพี่จะไม่ลืม”

แสงเหนือดึงเขามานั่งบนตักแล้วค่อยจูบซับน้ำตาทุกหยดของเขาอย่างแผ่วเบา เช่นเดียวกับเสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบข้างหู คำสัญญาอ่อนโยนจนน่าใจหาย “พี่สัญญาครับ พี่สัญญา...”

คำสัญญานั้นย้ำ ซ้ำจนจินดนัยอดคาดหวังไม่ได้ว่าแสงเหนือจะไม่มีวันผิดสัญญาที่ให้ไว้

++++++++++

กำหนดระยะเวลาผ่าตัดคือหกชั่วโมง

นับว่าเป็นการผ่าตัดที่ไม่ใช้เวลานานเท่าใด หากจินดนัยกลับเริ่มหน้าเสีย เพราะสำหรับเขา หกชั่วโมง...ในวันสุดท้ายที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะจางหายไปในตอนไหนนั้นมีค่ามากทีเดียว ดังนั้นก่อนที่หมอรมยาจะเข้ามาทำหน้าที่ จินดนัยจึงตัดสินใจเอ่ยขอคุยกับแสงเหนือตามลำพังกับคุณรตีตรงๆ ซึ่งเขาได้รับอนุญาตทันที นอกจากจะฝากฝังให้เขาพูดให้กำลังใจบุตรชายแล้วคุณรตีจึงออกจากห้องไป

“ตื่นเต้นหรือเปล่าครับ” เขาแทรกปลายนิ้วเย็นเข้ากุมกระชับมือใหญ่ที่ดูเหมือนจะชื้นเหงื่อนิดๆ

“อืม นิดหน่อย” ตอบพลางบีบมือเขาก่อนจะยกมืออีกข้างลูบหน้าเขาช้าๆ “ตื่นเต้น...อยากเห็นหน้าจินเร็วๆ”

สงสัยจะต้องผิดคำพูดตัวเองอีกรอบเพราะตอนนี้น้ำตาเขาคลอหน่วงจวนหยดเต็มที “งั้นต้องรีบๆ หายนะ แล้วก็รักษาตัวเองดีๆ ด้วย อย่าอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจให้มันมากนัก ห้ามทำให้คุณรตีหนักใจเด็ดขาดอีกล่ะ รู้ไหม”

“จินจะไปไหน” ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่น หน้าขาวเริ่มบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ “พูดอย่างกับจะทิ้งพี่ไปไหนก็ไม่รู้ พี่ไม่ชอบ ถึงจะแค่พูดเฉยๆ ก็ไม่ชอบ”

“แหะๆ” จินดนัยหัวเราะแหบแห้ง หากรีบเปลี่ยนเรื่องตามที่อีกฝ่ายต้องการ “งั้นบอกแค่ให้รีบหายเร็วๆ คงได้นะครับ อย่าฝืนตัวเองให้มากล่ะ ผมเป็นห่วง”

“ครับผม” คนรับคำยกหลังมือเขาขึ้นหอมแรงๆ ก่อนพูดพร้อมรอยยิ้ม “เดี๋ยวพี่หายเมื่อไหร่ เราค่อยไปเที่ยวทะเลกันนะ”

“...อื้อ” จินดนัยต้องยกมืออุดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้

“ไว้พี่จะสอนเราว่ายน้ำ แล้วทีนี้พอจินว่ายน้ำเป็นแล้วก็ต้องออกกำลังกายเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง” คาดหวังอย่างมีความสุขแล้วแสงเหนือค่อยถอนหายใจยาว “ขอจูบได้ไหม นี่จะเป็นการขอครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ พี่จะเป็นฝ่ายจับตัวเราไว้เอง พี่จะได้มองเห็นคนสำคัญ...ที่สุดด้วยดวงตาของพี่เอง”

จูบอำลาเค็มปร่าด้วยรสชาติหยดน้ำตา หากในความรู้สึกของเขากลับหวานล้ำ “ผมรักพี่เหนือนะ”

“พี่ก็รักจิน” แสงเหนือยิ้มอ่อนโยนพลางกระซิบ “...รักมากและจะรักตลอดไป”

.................

.................

รักมากและจะรักตลอดไป...

++++++++++

ประตูห้องผ่าตัดปิดลงแล้ว คุณรตีถึงกับยกมือทาบอกถอนหายใจ ก่อนหันมายิ้มให้เขา “ขอบใจเรามากนะ ฉันไม่รู้ว่าจะขอบใจเธอยังไงดีสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตาเหนือ”

ลุงโตเดินตามพวกเขาเงียบๆ ขณะที่จินดนัยยิ้มเขินรับคำชม อ้อมแอ้มปฏิเสธทว่าคุณรตีกลับหัวเราะ “พ่อตาเหนือจะกลับมาอีกวันสองวันนี้ คิดว่าน่าจะทันตอนเปิดผ้าพันแผลพอดี ยังไงก็เตรียมตัวไว้ด้วยนะ พ่อเขาอาจจะดูเงียบขรึมพูดน้อยแต่ก็ใจดี”

เงียบไปสักพัก คุณรตีจึงเอ่ยอีกครั้งอย่างระมัดระวัง “อันที่จริงฉันคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วแต่ไม่ได้พูดกับเธอเสียที คือ...หลังจากนี้ถ้าตาเหนือหายดีคงไม่ต้องการคนรับใช้ส่วนตัวอีก แต่ฉันก็เอ็นดูเธอมาก และคิดว่าเธอฉลาดเกินกว่าจะมาทำงานเป็นแค่คนรับใช้ ดังนั้นเธอจะคิดยังไงถ้าฉันอยากจะขอรับอุปการะ ส่งเสียให้เรียนหนังสือแบบเป็นเรื่องเป็นราว เผื่อวันหน้าจะได้หางานดีๆ ทำหรือถ้าจะให้ดีก็จะได้มาคอยช่วยเหลือตาเหนือเรื่องงานการในอนาคต เพราะสมัยนี้หาคนงานเท่าไหร่ก็หาได้ แต่จะหาคนที่ไว้ใจได้น่ะยาก”

“นับเป็นพระคุณอย่างสูงสำหรับคนอย่างผมเลยครับ” จินดนัยนึกเรียบเรียงคำพูด “แต่...”

“ไม่ต้องรีบร้อนตอบ ฉันไม่ได้รีบและเรายังมีเวลาอีกเยอะ” คุณรตีขัด “แต่ไม่ว่าคำตอบเธอจะเป็นแบบไหน ลูกชายฉันก็คงไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ อันนี้คงรู้ดีใช่ไหม”

กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น แล้วคุณรตีกับลุงโตจึงพากันกลับไปนั่งคอยในห้องพักผู้ป่วยขณะที่เขาขอออกมานั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมเล็กๆ ภายในโรงพยาบาลแทน

แสงแดดเจิดจ้าจนดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวแทบลืมไม่ขึ้น หากเขายังสัมผัสถึงความอบอุ่นได้บนผิวหนัง ยังได้ยินเสียงลมพัดและเสียงใบไม้พลิกไหว ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงเป็นสีฟ้าสดใส

เขาง่วงงุนจนนึกอยากจะหลับตานอนพักเสียที หากเสียงแกรกกรากเบาๆ ทำให้ต้องฝืนลืมตาขึ้นและอดยิ้มไม่ได้ยามพยุงร่างกายที่เคยหนักอึ้งหากบัดนี้กลับเบาโหวงคล้ายปุยนุ่นไร้น้ำหนักตรงไปยังต้นเสียง “ทำอะไรอยู่จ๊ะ”

เด็กหญิงอายุไม่น่าเกินสี่ห้าขวบในชุดคนป่วยของโรงพยาบาลเงยหน้าขึ้นจากพื้นทราย จ้องหน้าเขาชั่วอึดใจแล้วตอบเบาจนแทบไม่ได้ยิน “...วาดรูป”

“หืม รูปอะไรเอ่ย ขอพี่ทายหน่อยซิ” จินดนัยเอียงคอมองภาพขีดเขียนบนพื้นทรายซึ่งเป็นรูปตุ๊กตาหัวกลมผมชี้โด่เด่กับกระโปรงสามเหลี่ยมง่ายๆ แล้วเดายิ้มๆ “อ๋อ หนูวาดรูปคุณแม่เหรอ”

“ไม่ใช่คุณแม่ หนูวาดรูปคุณเทวดา” นิ้วเล็กๆ บิดชายเสื้อม้วนเป็นเกลียวขณะตอบตื่นๆ “ถ้าหนูเป็นเด็กดี คุณเทวดาจะให้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ไปนานๆ” เด็กหญิงแย้มยิ้มขวยเขิน “หนูเลยวาดคุณเทวดาให้สวยๆ ท่านจะได้เห็นว่าหนูเป็นเด็กดี”

“นั่นสินะ งั้นขอพี่ช่วยวาดคุณเทวดาสวยๆ ด้วยได้ไหมจ๊ะ” เขารอจนเด็กหญิงพยักหน้ารับแล้วจึงใช้ปลายนิ้วขีดวงแหวนรอบหัวตุ๊กตา และไม่ลืมที่จะเติมปีกใหญ่ๆ ให้อีกสองข้าง แถมด้วยขีดรอยยิ้มภายในหัวตุ๊กตากลมๆ นั่น

“คุณเทวดายิ้มแล้วจริงๆ ด้วย” เด็กหญิงเงยหน้ายิ้มร่าอวดฟันหลอให้อีกฝ่าย ก่อนจะอ้าปากหวอ “พี่ชายปล่อยแสงได้ด้วยเหรอ”

ครั้นก้มลงมองตัวเอง จินดนัยก็เห็นว่าตัวเขาน่าจะเรียกว่ากลายเป็นแสง มากกว่าปล่อยแสง ...จากปลายเท้าทั้งสองข้าง ไล่มาถึงปลายนิ้วแต่ละนิ้วค่อยๆ ละลายกลายเป็นแสงระยิบระยับจุดเล็กๆ เหมือนเกล็ดเพชรนับร้อยนับพันลอยขึ้นสู่เบื้องบน นึกโล่งอกเล็กน้อยว่าการหายไปของเขาคงค่อนข้างสวยงามจนเด็กหญิงไม่นึกกลัว นอกจากนั่งยองๆ อ้าปากค้างมองเขาค่อยๆ จางหายไปในอากาศราวกับไอหมอก

หากไม่มีรอยยิ้มอำลา นอกเสียจากหยดน้ำตาซึ่งระเหยไปก่อนมันจะทันตกกระทบผืนดิน

“น้องแป้งมานั่งหลบอยู่ตรงนี้เอง แม่หาเราตั้งนาน...” ผู้เป็นมารดาชะงักคำพูดเพื่อฟังคำพูดเร็วจี๋แทบไม่ได้ศัพท์ของลูกน้อยแทน “อะ...อะไรนะ พูดช้าๆ หน่อยสิลูก แม่ฟังไม่ทัน”

“เทวดาค่ะ หนูเจอเทวดา เทวดามานั่งคุยกับหนู วาดรูปให้ดูแล้วเพิ่งหายไปเมื่อตะกี๊ หายแว๊บ! กลายเป็นแสงยิบๆ สวยมากๆ เลยค่ะแม่ สวยมากๆ” เมื่อเห็นสีหน้าคล้ายนึกสงสัยของมารดา เด็กหญิงจึงลากให้ไปยังพื้นทรายที่ตนนั่งยองๆ จนถึงเมื่อครู่ “นี่ไงคะ เทวดายังยิ้มให้อยู่เลย”

มารดาก้มลงมองตามที่ลูกน้อยชี้และค่อยยิ้มออกเมื่อเห็นรูปวาดบนพื้น “อ๋อ แม่เห็นคุณเทวดาแล้วจ๊ะ แต่... เอ... ทำแบบนี้ด้วยดีไหมจ๊ะ” คนพูดทรุดตัวลงและยื่นนิ้วไปขีดโค้งเป็นรอยยิ้มภายในหัวตุ๊กตา “ทีนี้ค่อยเหมือนคุณเทวดายิ้มหน่อย เอ้า มาเถอะ แม่ว่าเรารีบกลับห้องกันดีกว่านะ เพราะถ้าเดี๋ยวคุณพ่อมาเยี่ยมที่ห้องแล้วไม่เจอน้องแป้งคงเป็นห่วงแย่”

ว่าแล้วเธอก็จูงมือลูกพากันออกเดิน แต่สำหรับเด็กหญิงตัวน้อยนั้น ยังอดเอี้ยวกลับมามองอีกสองสามครั้งไม่ได้ ทว่าท้ายสุด ร่างเล็กๆ นั้นก็เดินหายลับไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองซ้ำอีกเลย

++++++++++++++++++++++++++++++

TBC

 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....น้องจิน

 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 01-09-2008 10:04:56
น้องจิน หายไปแล้วว   :m15: :sad2:  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 01-09-2008 10:28:31
จิน :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 01-09-2008 10:44:13
ซึมๆมาหลายวัน เจอตอนนี้เข้าไป บ่อน้ำตาแตกเลย

จินจากไป แล้วแสงเหนือหล่ะ จะเป็นยังไง

 :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Daow ที่ 01-09-2008 10:45:59
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
นั่งอ่านอยู่ที่ออฟฟิส น้ำตาไหลลงมาเป็นสายเลย คนที่ทำงานตกใจกันใหญ่
เราก็นั่งสูดน้ำมูกกระซิกๆ (ปิดหน้าจอไปแล้ว)

บีบหัวใจมากๆ คนสองคนที่รักกันมากๆ แต่.............
ไม่รู้จะพูดอะไร แค่รู้สึกว่าบรรยายไม่ได้

มันตีบๆ ตันๆ ที่อก....โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
น้องจินหายไปจริงๆ ด้วยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-09-2008 11:10:17
อ้าวววววววววววววววววววววววววววววววว จิน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย สวรรค์เล่นตลกอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 01-09-2008 11:19:03
 o9 ไม่ยอมอ่ะ ต่อด่วนค้างอย่างแรง
 
:dont2: ได้โปรดเถอะกรุณาเห็นใจบ้าง อยู่บนยอดตาลหลายตันแล้วดิ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 01-09-2008 11:33:51
 :o12:..เศร้า..อ่ะ..
แล้วพี่เหนือจะทำจายได้ป่ะ..
พี่เหนือยังไม่ได้เตรียมจัยเลยอ่ะ..
ทรมาน..ในการก้าวผ่านไปแต่ละวัน..
โอย...เศร้า.โคด..โคด..
ปายแร่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 01-09-2008 12:02:07

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy101 ที่ 01-09-2008 12:02:29
มาต่อเร็วๆน้าาาาา  :serius2:
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 01-09-2008 12:06:01
หวังว่าจะจินจะกลับมา...
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 01-09-2008 12:59:15
เศร้าอ่ะ น้ำตาซึม

อ่านอยู่ที่ ที่ทำงานด้วย

ต้องอ่านไปซับน้ำตาไป

กลัวคนอื่นตกใจอ่ะ ว่ามันจะร้องไห้ทำไม ฮือ...

สงสารน้องจิน พี่เหนือจะจำน้องจินได้มั๊ย

หรือว่าจะลืมน้องจินจริงๆ

เศร้าอ่ะ อยากอ่านต่อ...

 :o12:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 01-09-2008 13:07:01
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 01-09-2008 21:23:10
 :o12: :o12: :o12:
ถึงจะเตรียมใจไว้แล้ว
พออ่านแล้วก็.......

คุณเทวดากลับมาเถอะ
:o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 01-09-2008 21:26:06
 :o12:


น้ำตาท่วมเล้า...
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 01-09-2008 21:41:59
 :sad2:
ฮือๆๆๆ ตายดีกว่า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-09-2008 21:51:37
เหวออออ...!!!
เอาแล้ว...วว :a5:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 01-09-2008 22:19:55
 :m15:
วิญญาณสลายไปซะละเจ้าจิน...น่าสงสารจังเลยยยย
แต่ที่แน่ ๆ ตอนหน้าพี่เหนือต้องอ่านจดหมายแหง๋ม ๆ
ตอนนี้น้ำตาหยด...ตอนหน้าคงบ่อน้ำตาแตก... :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 01-09-2008 23:05:28

NB: ว้าย กิต.อ่านดูหลายรอบแล้วนะคะ ตอนล่าสุดนี่

ยังไม่เจอ'ลมหายใจสุดท้าย'ค่ะ ดังนั้น ก็ยังไม่จน(ใจ)สิคะ


ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 02-09-2008 01:51:07
 :m15:
จินนนนนนนนนนน
กลับมาเถอะ
กลับมา
มันยังไม่จบน้า :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: sweetmonkey ที่ 02-09-2008 02:30:05
โอ้ไม่น้า จินหายไปแว้วว

คุณเทวดาผู้น่าจ๋งจ๋าน แงๆๆๆ :m2:

เศร้าใจ  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Rockstar ที่ 02-09-2008 04:12:22
 :o12:

โอยยยย ซึ้งมากเลยอ่ะ

แต่เศร้าอย่างแรง

ถ้าแสงเหนือหายได้อ่านจดหมายเนี่ย

คงจะรู้ทุกอย่าง.........

แล้วตอนนั้นจะเป็นยังไงต่อนะ.......... :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-09-2008 06:00:07
อืม ทั้งสัญญา ทั้งความรัก สงสัยตอนหน้าคงบีบหัวใจยิ่งกว่านี้ ถ้าคนที่ทั้งสัญญาและบอกรักลืมแล้วจนหมดสิ้น

 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 02-09-2008 06:41:57
 :dont2:  :โฮๆ1:  :sad4:  :o7:  o9  :monkeysad:   :m8:  :m2:  :m15:  :sad2:  :o12:  o7 ไม่ไหวแล้ว พูดไรไม่ออก  ร้องไห้จนปวดหัวเลยอ่ะ  ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  มาต่อไวๆน้า รออยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 02-09-2008 06:49:42
 :m15: รีบมาต่อน้า ก่อนที่นู๋จะขาดใจเพราะรอไม่ไหวไปซะก่อง เด๋วมันขาดตอน  :เฮ้อ:

 :a5: สูๆนะคะ yayoy อย่าท้อ สู้ต่อไป เป็นกำลังใจให้น้า  :a2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-09-2008 09:34:37
เศร้าค่ะ สงสารจินกันเหนือมาก ๆ อยากให้จบแบบ happy ค่ะ สงสารตัวเองเหมือนกันเพราะถึงรู้ว่าเรื่องดูเศร้า ๆ แต่ก็ชอบเรื่องนี้ ถามหน่อยค่ะ ต้นฉบับอยู่ที่เว็บไหนค่ะ อยากเข้าไปให้กำลังใจคนแต่งค่ะ เพราะแต่งดีเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 02-09-2008 10:40:20
 :o12:


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

จินกลับมาเดี๋ยวเน้

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 02-09-2008 21:06:49
ฮื้ออออออออออออออออออออออออออออ



บ่อ น้ำตาแตกกกเปนก๊อกรั่วเลยอ้า



แงๆๆๆ โปรดเอาจินกลับบมา น้า  :o12: :o12:



อยากอ่านต่อลงแดง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-09-2008 21:26:49
จินจ๋า กลับมาเร็วๆน้า กลับมาแบบไหนก็ได้ พี่เหนือรออยู่  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 03-09-2008 22:16:51
 :m15:.....

อารายกานเนี่ยยย ไม่นะ....

แม้จะเศร้า แต่จากไปได้สวยงามที่สุด...

ต่อไปนี้ขอบทดีๆที่จะช่วยปลอบประโลมผู้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 03-09-2008 22:35:04
 :m17: มาปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ มาไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Ugly-TheBeast ที่ 04-09-2008 00:14:14
สุดท้ายจะเป็นต้นหรือจินน้า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 04-09-2008 01:47:26
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 04-09-2008 01:56:48

.......แล้ว เทวดาจอมแสบก็มาเก็บจดหมายของจินไป แสงเหนือจึงไม่ได้อ่าน

ทุกคน ลืมเลือนจินน้อยไปตามกาลเวลา และคำทำนาย.......

เฮ้อ.......

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 04-09-2008 21:42:25
เวลาของจิน จะจบลงแค่นี้จริงๆเหรอ  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 04-09-2008 23:36:30
 :sad2: รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนใจจะขาดรอนๆ

 :angry2: เมื่อไรจะมาต่อคะนี่เด๋วจัดการซะเลย

 :o8: อุ้ยขอโทษค่ะ ลืมตัว อินไปหน่อย อิอิ

 :L2: จะบอกว่าคนแต่งๆเก่งมากค่ะ ใช้เหตุการณ์และคำพุดได้แบบว่าดีจิงๆ อินมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :m15:  จะรอต่อไปค่ะ มาไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: paulla ที่ 05-09-2008 21:04:07
พี่เหนือครับ...รีบ หายไวๆนะครับ ผมอยากรู้ว่าน้องจินเขียนจดหมายว่าอย่างไรบ้าง...ฮือ ๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 05-09-2008 21:57:12
เป็นนิยายที่จิ้นได้ดีจนอยากเขียนการ์ตูนชะมัดเลยนะเนี่ย

รอร้อรอค่ะ อยากอ่านสรุปของเรืองนี้  :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 05-09-2008 23:56:49
ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออออ  :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: Sho_Wa ที่ 06-09-2008 00:58:51
ขอเวลาไปรวบรวม ดรากอนด์บอล มา ชุบชีวิตน้องจินก่อน.... :m32:

โอม ทัสคาราฟุต โบ๊ะโบดุงก้า บูบีริบปาโร..... :a4:

ขอให้น้องจินฟื้น.... :oni3:

..............................................

.............................................

............................................

เจ้ามังกรว่าไงเนี่ย..... :m31:


ไปดีกว่า ไปถามเจ้ามังกรก่อน
 :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 08-09-2008 13:28:52
 :o12: :o12: :o12: :o12:

คุณ DD ยังไม่มาต่อเยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้องจินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
กลับม๊าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ 23..จนลมหายใจสุดท้าย กรุณาเตรียมผ้าเช็ดหน้าก่อนเข้าค
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 08-09-2008 15:41:33
 :m15: :m15: :m15:นั่งร้องไห้รอครับพี่ :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 10-09-2008 09:45:54
 :m32: :m32: :m32:

มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน ซับน้ำตาให้แห้ง แล้วค่อยไปอ่านกันนะคร๊าบบบบบบพี่น้อง.....

************************************

ด้วยรักจากสวรรค์ 24 – ต้นสายสู่ปลายเหตุ

======================================

“เลิกร้องได้แล้ว”

“เงียบซะทีน่า”

“ขอร้องล่ะ หยุดร้องก่อน”

“โอ๊ย! หนวกหูโว้ย บอกให้หยุดร้อง ได้ยินไหม!”

เสียงแผดตวาดอึงอลไม่สามารถหยุดเสียงร้องสะอึกสะอื้นฮักถี่ของเด็กหนุ่มได้ ในหัวของของจินดนัยซึ่งก้มหน้าคุดคู้อยู่บนพื้นมีเพียงเรื่องเดียว ถ้าจะพูดให้ถูกคือคนเดียว คนคนเดียวที่จะไม่ได้ยินเสียงอีกแล้ว คนคนเดียวที่จะไม่สามารถพบหน้าหรือสัมผัสไออุ่นจากมือใหญ่ นับต่อแต่นี้ไปจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ...จะไม่ได้เจออีกแล้ว

ไอ้ที่เคยบอกตัวเองว่าจะไม่เสียใจน่ะโกหกทั้งเพ เพราะดูแต่ตอนนี้ ยังนึกสงสัยเลยว่าวิญญาณเขาจะแตกสลายด้วยความโศกเศร้าและความอาลัยหรือเปล่า

“พี่...พี่เหนือ พะ พี่เหนือ ฮะ อะ อึ้ก...ฮืออออออ” ขนาดเป็นวิญญาณแล้วแท้ๆ ยังอุตส่าห์มีอาการหายใจไม่ออกได้อีก หัวใจยังเจ็บปวดได้อีก เจ็บเหมือนจะตายอีกรอบ เจ็บจนไม่อยากมอง ไม่อยากได้ยินอะไรอื่นอีกแล้ว “ฮึก... โฮฮฮฮฮฮฮ...”

“โอ๊ย จะร้องไปหาอะไร ฉันต่างหากที่อยากร้อง” เทวดาชุดขาวเงยหน้าตะโกนก้อง สองมือยกขยี้ผมจนยุ่งเหยิง กระทืบเท้าเดินเตะโน่นนี่โครมครามเหมือนต้องการระบายความหงุดหงิด “เซ็งโว้ย! เฮงซวย! ทั้งซวยทั้งเซ็ง”

สรุปว่าคนหนึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้ในขณะที่เทวดาอีกหนึ่งเอาแต่ตะโกนด่าปาวๆ จนผ่านไปพักใหญ่ ฝ่ายแรกจึงค่อยสูดเสียงสะอื้น พึมพำ “ไม่ได้สิ เราเลือกไปแล้วนี่นา แล้วจะมานึกเสียใจตอนนี้ได้ยังไง มันจบแล้ว มันไม่มีอีกแล้ว...”

“ใครว่าไม่มี” ฝ่ายที่ตะโกนด่าความว่างเปล่าอยู่ลั่นๆ พูดหน้าตาแตกตื่นและรีบวิ่งมาดึงแขนเขาให้ลุกยืน “ฉันจะให้โอกาสกลับไปที่โลกอีกครั้ง ห้านาทีพอไหม แค่เสียบอกหมอนั่นจึ้กเดียว อะ ไม่ดีสิ เอาหลายๆ จึ้กดีกว่า เอาให้ตายชัวร์ๆ แล้วทีนี้เรื่องก็จะแฮปปี้เอนดิ้ง โอเค้”

“ไม่!” ตะโกนตอบพลางสะบัดแขนถอยห่าง จินดนัยเงยหน้าด่าทั้งน้ำตา “ผมไม่มีวันฆ่าเขา ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า ได้ยินไหม ผมไม่มีทางฆ่าเขาเด็ดขาด ไอ้เทวดาชั่วร้าย ฮึก ไอ้เทวดาใจร้าย... ฮือ ไปให้พ้นๆ เลยไป๊”

ในสวรรค์อันเงียบสงบมีเพียงเสียงสะอื้นลึกอยู่นานพอสมควร กว่าที่คนร้องไห้จะค่อยๆ ลอบชำเลืองเทวดาซึ่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยากพึมพำไม่ได้ศัพท์ “มันเป็นอุบัติเหตุ... ถ้าชี้แจ้งไปทาง... ไม่ได้สิ... แต่ถ้าเกิดเป็นหมอนั่น... มีหวังโดนลดขั้นแหง...”

“คุณเทวดา” จินดนัยเรียก หากอีกฝ่ายยังตาลอย “คุณเทวดา!”

“เหอ มีไร” รับคำเลื่อนลอยแล้วคุณเทวดาก็ไม่ยักแสดงท่าทีอยากเร่งรีบถีบเขาโกทูเฮลล์สักนิด

“คุณใช่ไหมที่เป็นคนโทรศัพท์ไปบอกคุณอั้มว่าพวกผมโดนไอ้ชัชจับขังไว้ที่ไหน ถึงผมจะไม่เข้าใจนักหรอกว่าทำไมสุดท้ายคุณถึงยอมช่วยแต่ก็ขอบคุณนะ เพราะถ้าคุณไม่ช่วย พี่เหนืออาจจะต้องบาดเจ็บหนักก็ได้ แล้วก็...” จินดนัยฝืนยิ้มออกมาแม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างบิดเบี้ยวก็ตาม “ขอบคุณนะที่ให้โอกาสผม ให้ผมได้เจอกับแสงเหนือทั้งที่ตัวผมเองก็ตายไปแล้ว ขอบคุณที่ให้ผมได้มีโอกาสรัก...ใครสักคนมากขนาดที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอกเพราะผมจำได้ว่าเงื่อนไขโปรโมชั่นของคุณเป็นยังไง หนึ่งคนจะต้องโกทูเฮลล์ ผมพร้อมแล้ว แต่ถึงจะไม่พร้อม ผมก็คิดว่าผมน่าจะไปได้แล้ว”

มีแต่ความเงียบเป็นสิ่งตอบแทน เขาจึงค่อยกระเถิบเข้าไปสะกิดเทวดา “นี่ ได้ยินหรือเปล่า”

“ทำไมถึงไม่ยอมฆ่า” คำถามย้อนส่งผลให้เขากระพริบตาปริบ “อย่าบอกแค่ว่าเพราะรัก ความรักเป็นเพียงอารมณ์อ่อนไหวที่เกิดจากระดับฮอร์โมนในร่างกายมนุษย์เปลี่ยนแปลง เป็นการเรียกร้องหาการอยู่ร่วมสังคมแบบอัตโนมัติตั้งแต่ครั้งโบราณ อย่าบอกกับฉันแค่ว่านายรักหมอนั่นมากจนยอมเสียสละได้ทุกอย่าง”

“ผม...” จินดนัยพยายามคิดหาคำตอบที่จะไม่เกี่ยวข้องกับคำว่ารักจนหน้านิ่ว ท้ายสุดเมื่อคิดไม่ออกจึงตอบด้วยการย้อนถามแทน “คุณคงไม่เคยรักใครสิท่า”

“เฮอะ อย่างฉันเนี่ยนะ เธอลืมไปแล้วหรือว่าฉันเป็นใคร” ร่างสูงในชุดขาวทำหน้าตาน้ำเสียงเย้ยหยันสุดฤทธิ์ขณะหัวเราะกั้กๆ เหมือนคนเสียสติ “ฉัน...เทวดาที่สูงส่ง ห่างไกลจากคำว่าเกิดแก่เจ็บตาย มีชีวิตนิรันดร์ในดินแดนแห่งพระผู้สร้าง เฝ้ามองพวกมนุษย์ต่ำต้อยใช้ชีวิตดิ้นรนกระเสือกกระสนมานานแสนนาน เข้าใจความเป็นไปของโลกและความจริงแท้ของห้วงอวกาศ การเกิดและการดับของทุกสรรพสิ่ง จะสวรรค์ชั้นฟ้าหรือใต้ถุนนรก ฉันก็เคยไปมาแล้วทั้งนั้น และ...กับอีแค่คำว่ารักสั้นๆ ฉันเนี่ยนะ... ฉันไม่อยากจะบอกว่า...”

“คุณไม่เคยรักใคร” สรุปให้สั้นๆ ก่อนจะค่อยรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย “เอาไว้คุณรู้จักความรักเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันนะ”

“ฉัน...” ร่างสูงอึกอักคล้ายจะแก้ตัว หากจนแล้วจนรอดกลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากเม้มขึงคู่นั้น นอกจากปรายตาดูจินดนัยซึ่งนั่งก้มหน้าน้ำตาตกอยู่ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิข้างๆ “ไม่มีกฎข้อไหนห้ามไม่ให้เทวดามีความรักหรอกนะ เพียงแต่ฉันยังไม่เคยรักใครอย่างที่นายพูดนั่นล่ะ ความจริงมันก็เป็นเรื่องดีอยู่หรอกเพราะเทวดาระดับสูงส่วนใหญ่จะมี...”

ผู้พูดยกนิ้วชี้วนๆ แถวขมับ นึกหาคำอธิบายจนหน้ายู่ “ว่าไงดี ต่อมส่วนที่แสดงความรู้สึกทางด้านอารมณ์น้อยมาก เทวดาพวกนั้นจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด จะไม่ทำอะไรด้วยอารมณ์ส่วนตัวเด็ดขาด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ดำเนินไปตามระเบียบที่วางไว้เป๊ะๆ ไม่มีออกนอกลู่นอกทางสักครั้ง เทวดาระดับสูงจึงได้รับความไว้วางใจให้ดูแลเรื่องระดับมหภาค แต่ฉันคงมีไอ้ส่วนที่เหมือนมนุษย์มากเกินไปหน่อยถึงได้จมอยู่กับงานคีย์ข้อมูล ตรวจสอบเอกสารเล็กๆ น้อยๆ นี่มานานชาติตาปีแล้ว”

นั่นสิ... จินดนัยนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาหนึ่งปีที่ได้พูดคุยกับเทวดาตนนี้มา แม้จะไม่ได้ติดต่ออะไรกันมาก หากเขาก็พอจะสังเกตเห็นความดื้อดึง ทู่ซี้ ปากแข็ง ขี้โวยวาย ช่างประชดประชัน เก็บอาการไม่อยู่ของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก ขนาดได้ยินแค่เสียงนะนั่น...

หากดูท่าว่าเจ้าตัวจะไม่รู้สึก ...เหมือนมนุษย์มากเกินไปหน่อยงั้นเหรอ เขาว่าอีกฝ่ายเหมือนมนุษย์มากๆ เลยต่างหาก

“นายยิ้มทำบ้าอะไร ตายแล้วยังยิ้มอีก ประสาท” พูดเสียงรวนแล้วเทวดาจึงหันไปจัดโต๊ะ เก็บเอกสารปึงปังด้วยท่าทางอารมณ์เสียหายพอสมควร เลิกสนใจเขาที่ยังนั่งคอตก กอดเข่า น้ำตาหยดเผาะๆ

“นี่... คุณว่าพี่เหนือจะรักษาตาหายไหม หมอเขาจะรักษาได้จริงๆ หรือเปล่า” คำตอบคือเสียงปึงปังโครมคราม หากจินดนัยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบอยู่แล้ว “ถ้าหายดีแล้ว พี่เหนือจะทำยังไงเรื่องคุณวิกกี้ เพราะต่อให้ไม่ได้รักได้ชอบกัน แต่ถ้าคุณอั้มยัง...”

“นายจะห่วงหาอาวรณ์ไปหาสวรรค์วิมานอะไร! ใครจะรักจะชอบ ใครจะแต่งงานกับใคร มันไม่เกี่ยวกับคนตายอย่างนายแล้ว คนเป็นเขาก็ใช้ชีวิตกันต่อไป ส่วนนายก็ต้องมานั่งรับกรรมอยู่นี่ไงล่ะ” เทวดาตีหน้าเย้ยหยันขณะเตะโต๊ะโครมเพียงเพื่อจะหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่กลับมา “สมน้ำหน้าว่ะ อยากทำตัวเป็นคนดีนักก็งี้ ฉันบอกนายจนปากเปียกปากแฉะ ปากแทบจะฉีกไปถึงหูดันไม่เคยคิดจะฟัง ตอนนี้จะมาทำน้ำตาหกเรี่ยราดมันก็ไร้ค่า”

“...ผมเกลียดคุณ” คนพูดพูดอย่างอับจนหนทาง แม้อยากจะกลั้นน้ำตาซ่อนความอ่อนแอ ทว่าน้ำตาเจ้ากรรมกลับไม่เป็นใจด้วยเสียเลย มันทรยศเขาด้วยการหกกะเรี่ยกะราดจนหน้าเปรอะเปียกไปหมด “ผมไม่อยากเห็นหน้าเทวดาใจยักษ์ใจมารแบบคุณแล้ว ส่งผมไปเสียทีสิ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าไอ้เทวดาห่วยแตกแบบคุณเป็นพอ”

ว่าแล้ว จินดนัยก็นอนหงายท้อง กางแขนกางขาเต็มที่ท่วงท่าท้านรก “เอาเลยเซ่ จัดการเลย”

หลับตาปี๋รอทัณฑ์สวรรค์ด้วยใจเต้นระทึก หากรอแล้วรอเล่า จนแล้วจนรอด กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่มีลมพายุหมุนกรรโชกพัดเขากระเด็นตกนรก ไม่มีเสียงฟ้าร้องครั่นครืนหรือแม้แต่เสียงแง้มเปิดบานประตูนรกดังเอี๊ยดอ๊าดบาดหู ไม่มีอะไรสักอย่างจนจินดนัยต้องแอบหยีตามดูและเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มระคนท้อแท้ของเทวดาซึ่งกำลังจับตาดูเขาอยู่เช่นกัน

“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” เทวดาในชุดขาวกล่าวพลางมองเขาอย่างรังเกียจคล้ายกับกำลังมองถุงขยะสดส่งกลิ่นเหม็นเน่า “ฉันส่งเธอลงนรกไม่ได้ ...ยังไม่ได้”

“อ้าว ไหนคุณบอกเองว่าโปรโมชั่นคุณไม่รับเปลี่ยน ไม่แลกคืน ต้องมีใครคนหนึ่งโกทูเฮลล์นี่นา” จินดนัยกระเด้งตัวขึ้นมาขณะอีกฝ่ายเบือนหน้าหลบงุด “กะแล้วว่างานนี้ต้องมีหมกเม็ด! ไอ้เทวดาขี้ฉ้อ บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น มีเรื่องผิดพลาดใช่ไหมคุณถึงได้...”

“ไม่ใช่! มันไม่ใช่เรื่องผิดพลาด มันเป็นแค่...” ช่องว่างระหว่างปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งของมือที่ยื่นพรวดมาตรงหน้าแสดงให้เห็นช่องว่างแค่นิดเดียวจริงๆ “อุบัติเหตุเล็กน้อยที่สมควรจะแก้ไขได้ แก้ไขให้ถูกต้องเช่นที่มันควรจะเป็น นายควรจะได้กลับไปมีชีวิตอีกครั้งและหมอนั่นต่างหากที่ควรอยู่ที่นี่ ไม่ใช่...”

“ว่าไงนะ” เขาคิดว่าตะโกนคำนั้นออกไป หากในความเป็นจริง มันกลับแทบไม่ดังลอดริมฝีปากออกมาด้วยซ้ำ “คุณว่าใครควรอยู่ที่นี่นะ”

“ก็...มะ หมอนั่นไง” เขาไม่ได้อยากจับผิดใครหรอกนะ โดยเฉพาะเมื่อใครคนนั้นเป็นถึงเทวดาด้วยแล้ว แต่ขอบอกว่าไอ้อาการปากสั่นคอสั่นสีหน้าเลิ่กลั่กนี่มันสีหน้าคนทำความผิดแล้วพยายามซุกหลบไว้ใต้ก้นชัดๆ “ไอ้มนุษย์ที่ชื่อแสงเหนือไงล่ะ หมอนั่นต่างหากที่ควรตายในอุบัติเหตุครั้งนั้น น่าจะตายตั้งแต่นายได้กลับไปอีกครั้ง นายต่างหากที่ไม่สมควรตายตั้งแต่ตอนเกิดอุบัติเหตุ นายต่างหากที่ไม่จำเป็นต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง เข้าใจหรือยัง ไอ้เด็กหน้าโง่ ...ว่ามนุษย์ที่ชื่อแสงเหนือมันควรจะตายไปตั้งนานแล้ว”

หลังเงียบอึ้งไปนานพักใหญ่ จินดนัยจึงค่อยกล่าวช้าๆ ด้วยน้ำเสียงสับสนเหลือประมาณ “เป็นไปไม่ได้หรอก มันจะเป็นแบบที่คุณว่าได้ยังไง ...แสงเหนือขับรถ ผมขี่จักรยาน หมอนั่นชนผมกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ผมต่างหากที่ต้องตาย นั่นล่ะสิ่งที่เกิดขึ้น มันจะเป็นแบบที่คุณว่าได้ยังไง จักรยานผมจะไปทำอีท่าไหนถึงเอาชนะรถเก๋งได้ มันเป็นไปไม่...”

“แต่มันเป็นไปได้ และมันก็เป็นไปแล้ว ถ้าข้องใจนักหรือคิดว่าฉันโกหกล่ะก็ ดูนี่ซะ” จอภาพยักษ์ผุดโผล่พรวดขึ้นแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงทางด้านหนึ่ง ในหัวสมองของจินดนัยยังมีแต่คำว่าเป็นไปไม่ได้ดังก้องอยู่จนแทบไม่เข้าใจสิ่งที่เทวดากำลังพูดสักนิด “ขอภาพที่สมควรเกิดขึ้นในอุบัติเหตุหน่อยสิ ภาพก่อนที่ฉันจะ...เอ้อ นั่นล่ะ เร็วเข้า”

ภาพดังกล่าวคุ้นเคยนัก ตัวเขาซึ่งกำลังปั่นจักรยานคันเก่าหยอยๆ ฮัมเพลงหงุงหงิงท่าทางสบายอกสบายใจและไม่รู้เลยว่ากำลังจะพบเจอกับสิ่งใด หากก่อนที่จักรยานจะเลี้ยวโค้งตรงแยกหน้าสนามกีฬานั้นเอง รถยนต์คนหนึ่งก็แล่นตะบึงมาจากอีกทาง รถสีแดงเพลิงสวยปราดเปรียวแล่นมาด้วยความเร็วสูง นึกอยากหลับตาด้วยหวาดกลัวกับการต้องมานั่งชมภาพรีไวนด์ฉากตายของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับภาพช็อตเด็ดคนดัง แต่คล้ายกับจะมีมือที่มองไม่เห็นมาถ่างตาเอาไว้

เพราะเขาไม่ได้หลับตา จึงได้เห็นสิ่งแตกต่างโดยชัดเจน เสียงเบรกเอี๊ยดดังบาดยาวยามคนขับรถสปอร์ตสีแดงเห็นจักรยานของเขาเลี้ยวโค้งตัดหน้ากินวงกว้างมาโดยไม่มีการชะลอหยุดตรงแยก และเมื่อท้ายสุด คนขับดูจะรู้ชัดว่าคงไม่สามารถหยุดรถไว้ได้ทันแน่ จึงหักพวงมาลัยไปทางขวาสุดแรง ก้อนเหล็กหนักเป็นตันๆ จึงสูญเสียการทรงตัวในทันที ล้อหลังแฉลบลอยขึ้นจากพื้นก่อนที่รถทั้งคันจะตีลังกาพลิกคว่ำ หงายท้องไถลไปบนพื้นถนนอย่างรุนแรงและจบด้วยการกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าบนถนนฝั่งตรงข้ามดังโครมสนั่น

ตัวเขาล้มลุกคลุกคลานอยู่ใกล้ๆ จักรยานตรงกลางถนนในสภาพถลอกปอกเปิก หน้าตาตื่นตะลึงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ เขายังมีชีวิตอยู่

หากสิ่งที่ทำให้จินดนัยซึ่งกำลังจ้องภาพเหตุการณ์ในจออยู่ต้องร้องออกมาด้วยน้ำเสียงอันบอกไม่ถูก คือภาพของแขนข้างหนึ่งซึ่งตกห้อยออกมานอกหน้าต่างบุบบู้บี้ของตัวรถ แขนข้างนั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉานและที่สำคัญ มันหักบิดผิดรูปอย่างน่ากลัว

“ไม่นะ!! มันไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ ชะ...ใช่ไหม” คนถามหน้าซีด ตัวสั่นเทา แทบจะคลานเข้าไปจับขาเทวดาไว้ “แสงเหนือไม่ได้ตาย เขายังมีชีวิตอยู่...ใช่ไหม ตอบผมมาเดี๋ยวนี้นะ บอกผมว่าแสงเหนือยังอยู่! บอกผมว่าเขายังไม่ตาย!”

“เออโว้ย เขายังไม่ตายแต่นายน่ะเท่งทึงมาสองรอบแล้ว” พูดจาไม่เกรงใจแล้วเทวดาจึงทิ้งตัวแผ่บนเก้าอี้ ท่าทางไม่สำนึกสักนิด “เอาไงดีว้าทีนี้”

“นี่ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องผิดพลาดพรรค์นี้ได้ล่ะ” ครั้นแน่ใจว่าแสงเหนือยังอยู่ดีมีสุข จินดนัยจึงค่อยเอ่ยถามข้อสงสัยพลางคืนคลานมานั่งแปะลงใกล้ๆ “สวรรค์เขาทำพลาดกันได้ด้วยเหรอ”

“มันก็...” ฝ่ายโดนถามทำหน้าอึดอัดกระอักกระอ่วนเสียเต็มประดา ก่อนจะเริ่มกระแอมไอ “แหม ที่ไหนๆ เขาก็เป็นกันทั้งนั้น ไฟตกนิด เออเรอร์หน่อย ก็เดี้ยงแล้ว นี่ไม่พูดถึงว่าสายไฟดันหลุดออกมาทั้งเส้นอีกนะ...”

“ว่าไงนะ!!!” คราวนี้ เขากระโดดผางทีเดียวลุกขึ้นมาค้ำหัวไอ้เทวดาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งทำท่าคล้ายกับจะหดซุกหายไปในเก้าอี้ขณะแก้ตัวปากคอสั่น “ปะ เปล่าครับ มะ ไม่มีอะ...”

“อย่ามาตอแหล! เลิกโกหกผมสักที! เมื่อกี๊คุณพูดว่าสายไฟหลุด สายไฟอะไรที่ไหนหลุด บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นนายตายแน่!” โผนเข้าเค้นคอเจ้าเทวดาหน้าซีดเหลือสองนิ้ว และก่อนเขาจะได้ทำบาปด้วยการบีบคอเทวดาตายคามือ จอภาพที่สั่นไหวเบื้องหลังก็ฉายภาพขึ้นมาอย่างเร่งด่วนราวกับห่วงใยสวัสดิภาพผู้เป็นนายยิ่งแล้ว

มันก็ภาพเทวดาชุดขาวนี่ล่ะ ไอ้หมอนี่ล่ะที่กำลังเดินไปเดินมาในที่แห่งนี้ หมุนเก้าอี้จากโต๊ะทางซ้ายไปหาจอทางด้านขวา เอี้ยวตัวกลับมาเขี่ยปุ่มอะไรทางด้านล่างด้วยปลายเท้าก่อนจะเอื้อมสุดปลายนิ้วมือไปเขี่ยแฟ้มบางอย่างลงมา

“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ หยุดฉายภาพเดี๋ยวนี้นะ หยุด หยุดโว้ย!” หากเสียงร้องห้ามจะมีผลอะไรก็หาไม่ จอภาพยังคงทำงานต่อเนื่องพร้อมสั่นกึกกักไปด้วย เหมือนกับจะยอมสละชีพตายแทนเจ้านาย เหมือนจะอยากให้เขารับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ

ไอ้หมอนั่นในจอลุกจากเก้าอี้ขณะสายตายังไม่ยอมละจากเอกสารในมือและก้มหน้าก้มตาเดินดุ่มไปอีกด้าน ก่อนจะสะดุดบางอย่างจนหกล้มหน้าคว่ำวัดพื้นดังป้าบสนั่น กระดาษกับแฟ้มกระจายไปทุกทิศทุกทาง

แน่นิ่งอยู่หลายวินาทีแบบเจ้าริชชี่ ก่อนที่เจ้าเทวดาจะลุกขึ้นนั่งพรวด ลูบหัวลูบผมให้เข้าที่พลางเหลียวไปมารอบๆ ราวกับกลัวจะมีใครเห็น ก่อนจะสำนึกว่าปลายเท้าเกี่ยวติดอะไรบางอย่างมาด้วย

เจ้าตัวหน้าซีดขณะค่อยๆ สาวสายไฟเส้นเล็กสีขาวขึ้นมาเรื่อยๆ มันไหลลื่นราวผ้าไหมชั้นดีมาตามร่องนิ้วและไหลเรื่อยสะดวกจนกระทั่งปลายสายไฟด้านหนึ่งมาหยุดในมือ

แล้วภาพก็หายวับไป ทิ้งไว้แต่ความเงียบ

............

............

นรกจะแตกในสวรรค์ก็งานนี้ล่ะ

++++++++++

บรรยากาศภายในสวนสวรรค์ยังงดงามชวนฝันไม่เปลี่ยน หมอกสีขาวลอยจางๆ อวลอบกลิ่นหอมสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก จะผิดแผกไปบ้างก็ตรงเจ้าของสถานที่ที่กำลังนั่งตัวลีบหูลู่อยู่ตรงหน้าวิญญาณเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น

“สรุปว่าเรื่องของเรื่อง สาเหตุทั้งหมดมันมาจากการที่คุณสะดุดสายไฟหกล้มใช่ไหม” เสียงนิ่งๆ ถามเรียบๆ ไร้อารมณ์เสียจนน่าขนลุก

“อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันซะ...” ผู้ตอบกุลีกุจอพลิกตำราค้นหาคำตอบเป็นพัลวัน หากโดนเด็กหนุ่มตัดบท

“ผมถามแค่ว่าใช่ไหม” ทิ่มนิ้วกลางกับนิ้วชี้พรวดไปตรงหน้าแบบกะจะให้ทิ่มตาอีกฝ่ายได้ก็ดี “คำตอบมีแค่สองอย่าง ใช่หรือไม่ใช่ เลือกมา”

“ใช่...ใช่มั้งจ๊ะ” ยิ้มเผล่พลางค่อยๆ ดึงนิ้วชี้ลง หากพอเหลือนิ้วกลางโด่อยู่ตรงหน้านิ้วเดียวก็ต้องรีบตบๆ ตามกันลงไป “แหม วัยรุ่นสมัยนี้ใจร้อนจริงจริ๊ง ฟังฉันอธิบายก่อนดีไหม จิบน้ำชารับกาแฟไปด้วยก็ยังได้ ของว่างก็มี...”

“ผมไม่อยากรับน้ำชาหรือกาแฟ” จินดนัยร้องอย่างท้อแท้ ไม่เข้าใจว่าทำไมชีวิตเขากับแสงเหนือต้องมาตกอยู่ในกำมือเทวดาติ๊งต๊องพรรค์นี้ด้วย “ผมอยากรู้แค่ว่าแล้วจากนี้ไป ผมจะทำยังไง ผมควรจะไปที่ไหน แล้วแสงเหนือจะโดนคุณขี้โกงส่งวิญญาณดวงอื่นไปฆ่าอีกหรือเปล่า ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของคุณ ทำไมพวกผมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ เฮงซวยพวกนี้ด้วย โอ๊ย!! สวรรค์ ทำไมวะ!” คล้ายจะถึงจุดสิ้นสุดความอดทน เขาเงยหน้าตะโกนร้องถามสรวงสวรรค์อันสวยงามและว่างเปล่า “ตอบให้ผมชื่นใจหน่อยเถอะว่าทำไม”

“ทำไมไม่คิดเสียว่ามันเป็นพรหมลิขิต” เสียงตอบเบาๆ งุบงิบเรียกให้เขาหันขวับไปจ้องผู้พูดตาแทบถลน ข้างฝ่ายโดนจ้องจึงรีบฉวยโอกาสพ่นเร็วเป็นรถไฟด่วนทันที “ถ้าฉันไม่ได้สะดุดสายไฟหกล้ม นายกับมนุษย์คนนั้นจะได้รักกันแซ่บซึ้งถึงขนาดนี้งั้นเหรอ ถ้าไม่ได้เกิดความผิดพลาด นายต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายแบกรับความรับผิดชอบของผู้รอดชีวิต นายต่างหากที่จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ฆ่าคนด้วยความประมาท นายสองคนรู้จักกันมาตั้งเท่าไหร่ แต่เพิ่งจะได้ใกล้ชิด ได้เรียนรู้กันและกันก็ตอนที่ฉันส่งนายกลับลงไป แล้วอย่างนี้ นายยังคิดว่าฉันทำผิดอีกงั้นสิ”

ครั้นเห็นเขานิ่งอึ้งจนคำพูด เทวดาชุดขาวจึงชักเริ่มได้ใจ เดินเทศนารอบตัวเขาเป็นวงกลม “จริงอยู่ว่าฉันเป็นคนเริ่ม แต่เพราะฉันไม่สามารถเดินดุ่ยๆ ไปดึงวิญญาณหมอนั่นออกมาได้ จึงพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดโดยการส่งนายกลับไปจัดการเรื่องทุกอย่างให้มันถูกต้อง ยื่นเงื่อนไขสารพัดที่จะต้อนนายให้จนมุม ใครมันจะไปคิดล่ะว่านายจะเผลอไปหลงรักไอ้คนที่ฆ่าตัวเองซะงั้น ลงท้ายกลายเป็นนายเองนั่นล่ะที่ต้อนตัวเองให้ต้องจนมุม ถึงฉันอยากช่วยก็สุดจะช่วยแล้ว”

สวรรค์ช่วยเขาแล้ว เทวดาช่วยเขาแล้ว หากจินดนัยกลับเลือกที่จะช่วยแสงเหนือแทน ถ้ากล้าพอจะมองด้วยสายตาเป็นกลาง สิ่งที่เทวดาพูดมาก็เกือบถูกทั้งหมด ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยญาติดีกัน อย่าว่าแต่พูดกันเลย แค่เจอหน้ากันอีกครั้งตอนหลังเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็แจกนิ้วให้หมอนั่นตรงกลางถนนเลยด้วยซ้ำ แบบนี้แล้ว...ต่อให้ไม่มีอุบัติเหตุ ใช่ว่าพวกเขาจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสียเมื่อไหร่

และถ้าเทวดาป้ำๆ เป๋อๆ ตรงหน้านี่ไม่ได้ซุ่มซ่ามสะดุดสายไฟ แสงเหนือคงต้องตายในอุบัติเหตุ ส่วนเขา...ก็ต้องแบกรับความรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแทน โดยที่คงไม่มีวันได้รับรู้ถึงด้านที่อ่อนโยนของชายหนุ่ม ด้านที่แสนจะดื้อรั้นของไอ้คุณชาย ความขี้อ้อน ขี้ห่วง นิสัยที่มีทั้งน่ารักและน่าตบ ทุกๆ อย่างที่ทำให้เขารักแสงเหนือได้มากขนาดนี้

“...หึ ค่อยสงบใจได้แล้วใช่ไหม” เห็นท่าซบเซาสลดเฉาของวิญญาณเร่ร่อนแล้ว เทวดาหนุ่มชุดขาวจึงเริ่มได้ใจกระโดดขึ้นหลังแพะไล่เกทับทันที “ฉันนี่สิที่น่าจะบ่น เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ ไหนจะต้องคอยโผล่ไปให้กำลังใจนาย คอยเตือนสติถึงนายจะไม่ยอมรับฟังเลยก็เถอะ ไหนจะต้องสะสางเรื่องยุ่งๆ ที่นายทิ้งไว้ข้างหลังเป็นขบวน รู้ไหมกว่าฉันจะจัดการลบเรื่องของนายไปได้หมดเนี่ย มันเหนื่อยแค่ไหน กว่าจะทำให้ทุกคนลืมว่าเคยพบนายมันกินแรงชะมัดยาด โดยเฉพาะไอ้แสงเหนือตัวดีนั่น ฉันต้องล้วงลึกถึงระดับเซลล์เลยรู้ไหม แต่ก็นะ มือระดับนี้แล้ว ขจัดคราบหมดจด...”

“แสงเหนือไม่มีทางลืมผม!” ท่าหมดอาลัยตายอยากจากไป จินดนัยกระโจนพรวดมาตะคอกใส่หน้าเทวดาทั้งน้ำตา “ไอ้เทวดาซังกะบ๊วย รู้ไว้เถอะว่าคุณพลาดแล้ว เพราะต่อให้คุณจะมีพลังพอจะหยุดโลกไม่ให้หมุนหรือแม้แต่ย้อนเวลาได้ คุณก็ไม่มีทางทำให้เขาลืมผมได้หรอก ไม่มีทาง!”

นิ่งอึ้งนะจังงังไปอีกสิบวินาทีเต็มกว่าที่ร่างในชุดขาวจะเถียงปากคอสั่น หน้าแดงด้วยความโกรธ “ฉันบอกว่าได้ก็ได้สิวะ! ไอ้มนุษย์ต่ำต้อยกระจอกงอกง่อยแบบนายมันจะรู้อะไร หรือนายจะกล้าบอกว่าไอ้ความรักงี่เง่านั่นจะสามารถชนะพลังแห่งจักรวาลไปได้ ฉันจะบอกให้นะว่าไม่...”

“ทำได้สิ แสงเหนือต้องทำได้” ราวกับจะหมดแรงกะทันหัน จินดนัยทรุดฮวบ ยืนยันเสียงแห้งระโหย “เขาต้องทำได้ ผมเชื่อว่าเขาต้องจำผมได้แน่นอน... เทวดาลูกเจี๊ยบที่ไม่เคยแม้แต่จะรักใครอย่างคุณอย่ามาทำท่าเหมือนรู้ดีไปซะหมดเลย ผมเห็นแล้วอยากจะอ้วก รีบกลับบ้านไปหาข้าวเปลือกกินเลยไป๊”

สิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบเจี๊ยบๆ อึ้งตะลึงเนื่องจากตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนเพิ่งจะเคยโดนไล่ให้ไปจิกข้าวก็คราวนี้ สูดหายใจลึกไปหลายเฮือกกว่าจะหลุดเสียงออกมาได้

“ก่อนหน้านี้ ฉันตั้งใจจะแอบดันนายให้ไปโผล่ตรงริมขอบสวรรค์แล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้ นายกลับทำให้ฉัน...” เทวดากำหมัดแน่น หรี่ตาอาฆาตสุดแค้น คล้ายอยากกระโดดเตะปลายคางเขาเต็มเหนี่ยว “ยอมทำทุกทางเพื่อให้ได้ยัดชื่อนายลงใต้ถุนนรกจริงๆ นะเนี่ย”

ดวงตาสองคู่จ้องกันอย่างแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนที่ฝ่ายหนึ่งจะค่อยกระซิบ “เอาสิ”

อีกฝ่ายฟังคำสั้นๆ นั่นแล้วถามพร้อมกัดฟัน “เอาอะไร”

“ผมยอมให้คุณถีบลงใต้ถุนนรกตามสบาย ถ้าคุณพิสูจน์ได้ว่าแสงเหนือลืมผมไปแล้วจริงๆ” ใบหน้าผู้พูดนิ่งสนิท แน่วแน่ “แต่ถ้าเขาจำได้ สัญญาได้ไหมว่าคุณจะให้เวลาที่เหลือกับพวกเรา ...จนกว่าเวลานั้นจะสิ้นสุดลงตามธรรมชาติ”

เทวดาสูดหายใจลึก นิ่งคิดนานและเอ่ยระมัดระวัง “ยังไม่ช้าไปนะ ขอร้องอ้อนวอนให้ฉันยกโทษให้สิ แล้วนายจะได้ไปสวรรค์ ได้มีชีวิตนิรันดร์ในสวนสวรรค์ของพระองค์”

“ไม่” วิญญาณเร่ร่อนไร้ที่อยู่กล้าเถียงและกล้าปฏิเสธสวรรค์ที่เปิดประตูรอรับหนักแน่น “สวรรค์ที่ไม่มีแสงเหนือ ผมไม่ต้องการ”

“นาย...!” การกล้าปฏิเสธสวรรค์ ในสายตาเทวดาโดยกำเนิดเช่นเขา ไม่ผิดกับวิญญาณดวงนี้ร่วงลงสู่นรกภูมิแล้วเรียบร้อย “แล้วนายจะต้องเสียใจกับการเลือกนี้แน่นอน ตกลง ฉันจะให้โอกาสนาย ครั้งเดียว! ฉันให้โอกาสนายเดินผ่านหมอนั่นแค่ครั้งเดียว! ห้ามมีคำพูด ห้ามแม้แต่จะเหลือบสบตาหรือแสดงทีท่าใดๆ ครั้งเดียวเพื่อชี้ชะตา เป็นการพนันส่วนตัวของฉันกับนาย อย่าลืมล่ะว่าถ้าฉันชนะ ก็ไม่มีที่ในสวรรค์ให้วิญญาณอย่างนายอีกแล้ว แต่ถ้าสมมติว่านายชนะ เวลาที่เหลือของร่างนั้น...ฉันจะยอมยกให้พวกนาย”

สมกับเป็นการเดิมพันของสวรรค์ ให้เวลาเขาหนึ่งปีในการแก้แค้น แต่กลับให้เวลาแสงเหนือแค่หนึ่งนาทีในการพิสูจน์รัก... จินดนัยนิ่งคิดเพียงชั่วครู่แล้วเงยหน้ามองเทวดาซึ่งยืนนิ่งรอคำตอบของเขา

แววตาของวิญญาณดวงน้อยทอประกายอบอุ่น แฝงคำขอบคุณที่ไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูดจนเทวดาวูบโหวงในอก อดเตือนอย่างหวังดีไม่ได้ “อย่าลืมนะว่า...ต่อให้ไม่ลืม หมอนั่นก็ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้านาย หน้าตานายมันก็...ไม่ได้หล่อเหลาเร้าใจ สะดุดตาสะดุดใจใครเสียด้วย เรื่องนี้นายน่าจะรู้ดีที่สุด”

คำเตือนดังกล่าวทำให้หวนนึกถึงตอนที่บอกกับแสงเหนือว่าหน้าตาเขานั้นน้ำเปล่าเรียกพี่ขนาดไหน ใช่ เขาหมายความตามนั้นจริงๆ เขาเคยคิดเช่นนั้นจริงๆ

แสงเหนือที่ดวงตามองเห็นแล้วจะสนใจเขางั้นเหรอ ใครจะมองเห็นความจืดชืด จะมองเข้าไปในดวงตา จะมองลึกลงไปถึงก้นบึ้งหัวใจ

ที่สำคัญ ต่อให้แสงเหนือไม่ลืมจิน ไม่เคยลืมต้น...แต่ชายหนุ่มจะรู้หรือว่าจินดนัยเป็นใคร

“แน่ใจเหรอ นายยังเปลี่ยนใจไปสวรรค์ได้นะ”

ไม่มีคำตอบใดอีก นอกจากรอยยิ้มที่ราวกับจะเป็นตัวแทนของคำตอบและความรู้สึกทั้งมวล

รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความเป็นมาและความเป็นไป บอกเล่าอดีตรวมถึงอนาคตทุกอย่าง...ทั้งหมด

++++++++++++++++++++++++++++++++++

TBC

 :t2: :t2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 10-09-2008 10:09:55
อือฮือ...อึ้งในความรักของจิน  จินของพี่เหนือ :o8:
ว่าแต่เทวดาคนนี้ เคยแสดงในเรื่อง เทวดาท่าจะบ๊องส์เปล่าเนี่ย ติ๊งต๊องชอบกล
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-09-2008 10:12:28
พี่ยาโยฮะรีบมาต่อด่วนเลยค้างคาสุดๆเลย :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 10-09-2008 10:23:16
โอยย สุดยอด อ่านเรื่องนี้แล้วอินสุดชีวิต
เทวดาทำปลั๊กหลุด กร๊าก เป็นไปได้....
อ่านกำลังตุ้มๆต่อมๆ มาหลุดขำตอนกลับไปกินข้าวเปลือกไป๊ ด่าได้น่ารักจริงๆ 555

โอม จงมาต่อๆ :oni3:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: jeabnaja ที่ 10-09-2008 11:26:15
อิชั้น ซึ้งมากค่ะ  :m15: ประทับใจกับความรักของคู่นี้จริงๆ มาต่ิอเร็วนะคะ please
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 10-09-2008 11:46:13
เทวดาติ๊งต๊อง :laugh:

บ่มความรักมา1ปี
แต่พิสูจน์1 นาที

หวังว่ามันจะจบhappy endingนะคะ เศร้าครึ่งเรื่องแล้ววว :t2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 10-09-2008 11:47:14
ตอนหน้าได้ลุ้นกันเหงื่อแตกแน่
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 10-09-2008 11:49:54
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: บุหรง ที่ 10-09-2008 12:14:38
การพิสูจน์ความรัก แค่เสี้ยววินาทีก็เพียงพอแล้ว
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 10-09-2008 13:55:50
เอาใจช่วยน้องจิน กับพี่เหนือ

ให้ชนะพนันเทวดาลูกเจี๊ยบ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 10-09-2008 14:25:25
ขอให้ทั้งคู่จำกันได้เถอะนะ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 10-09-2008 16:22:26
 :o

เทวดา สะดุดสายไฟ


=='



ซักทีเถอะ   :เตะ1:



ตีตั๋วไปกลับ โลก กะสวรรค์ซะแล้ว จินจัง ^^
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-09-2008 18:37:19
เทวดาลูกจี๊ยบโดนไล่ให้ไปจิกข้าว................

รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่น 5555555555555555  :laugh:  :laugh:  :laugh:


เอาล่ะสิทีนี้ แล้วแสงเหนือจะใช้ตาในใจ มองเห็นและจำจินดนัยได้หรือเปล่า??????
มาต่อเร็วๆเน้ออออออออ  :man1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 10-09-2008 19:29:13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ลุ้นๆๆ

จะจำได้ม้ายยยยยยยยยยยย

อิเทวดาขายข้าวแกง แกร้ายมากกกกกกก

//ตบๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 10-09-2008 20:13:22
 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 10-09-2008 20:50:08
โปรดดจงจำได้เถิดสาธุๆๆ



เทวดานี่ตัวแสบบเลยนะเนี้ย :angry2: :angry2:



เชอะๆ เดวรอดูต้องจำได้แน่ๆ :o8: :o8:


อยากอ่านแบบสวีททท กานอีกอะทั้งหมดมีอยู่ไม่กี่ตอนแงๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 10-09-2008 21:07:17
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย บีบคั้นหัวใจเหลือเกินนนนนนน  :a6:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 10-09-2008 21:39:04
ไอ่เท วดาลูกเจี๊ยบทำไมเอาแต่ใจงี้ว่ะ



แสงเหนือ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง   o12
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 10-09-2008 22:05:47
 :m20: ฮาอ่ะแบบว่าเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) เทวดาสะดุดปลั๊ก 55+

 :m4: แต่ก็อย่างที่เทวดาว่าอ่ะนะถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น เค้าก็ไม่ได้รักกัน อิอิ ดีใจนจะได้กลับไปพิสูจน์ หุหุ แต่นะเทวดาใจร้าย :angry2: ไม่ให้พูดแล้วจะรู้ได้ไงในเมื่อแสงเหนือมองไม่เห็นอ่ะ คิดไม่ออกอีกละว่าจะเป็นยังไง

 :m1:รอดูปรากฏการของผู้แต่งอีกว่าจะมาแนวไหน หุหุ

 :m13: รออยู่น้า อย่าปล่อยให้รอนาน เด๋วขาดใจ แฮะๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 10-09-2008 22:06:40
 :m15: จินเด็ดเดี่ยวมากมาย...

ขอตอนจบดีๆนะค๊าาาา
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 10-09-2008 22:12:23
 :sad2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: hiei ที่ 10-09-2008 22:50:58
เฮฮากับเทวดา เพี้ยนจริงๆ  :m4:

เรื่องมันเลยเศร้าแบบแอบฮาซะงั้น ฮ่า ฮ่า :laugh:

ว่าแล้วไปหาข้าวเปลือกกินมั่งดีกว่า (จินมันช่างคิดได้เนาะ)
 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-09-2008 23:46:21
สะดุดสายไฟ  :a5:...กุจะบ้า :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 11-09-2008 00:53:53
เป็นกำลังใจให้กับความรักจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 11-09-2008 12:29:19

แค่วูบเดียว ก็พอแล้วนะ   :oni3: :oni3: :oni3:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: y_mania ที่ 11-09-2008 20:17:56
 :man1: นิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่ประทับใจมากๆจริงๆ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน เดินเรื่องสะอาดเรียบง่ายแต่ไม่มีตอนไหนเลยที่น้ำตาเราจะไม่ไหลให้กับความรักของคนทั้งคู่ มันช่างน่าซาบซึ้ง รักในแบบที่คุณยอมทำให้คนที่คุณรักได้ทุกอย่างโดยไม่หวังอะไรตอบแทน ไม่สนว่าคนที่คุณรักจะเป็นใครรูปร่างหน้าตาแบบไหน ในโลกนี้จะมีคนสักกี่คนที่โชคดีขนาดนี้

เราเคยปลงไปแล้วว่ารักที่บริสุทธิ์จริงๆในโลกนี้คงมีแค่พ่อแม่ เคยสิ้นศรัทธากับความรักของหนุ่มสาว แต่นิยายเรื่องนี้ก็ยังเราให้ได้มุมมองดีเกี่ยวกับความรักได้มากมาย แม้เราจะไม่กระเสือกกระสนดิ้นรนหาความรักอีกแล้ว แต่มันก็ทำให้ทัศนคติเกี่ยวกับความรักรอบๆตัวเราดีขึ้น

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะที่ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆออกมา ถ้าเป็นไปได้จบแฮปปี้จะน่ารักมากที่สุดค่ะ  :t2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-09-2008 20:29:05
มีลางว่าจะจบเศร้าอ่ะ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 11-09-2008 21:44:16
อ่านแล้วอินมากๆ เรื่องนี้ สุดยอดดดดด

แต่เพิ่งเคยอ่านเจอนี่แหละ เทวดาสะดุดปลั๊กไฟ

 :laugh:    :laugh:    :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: MagaM ที่ 13-09-2008 09:34:53
ขออย่าให้เรื่องนี้จบเศร้าเลยนะพี่ DD เรื่องที่แล้วก็ทีนึงแล้ว  :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 13-09-2008 09:51:36
ทำกันด้ายนะ...พี่ลูกเจี้ยบ :a14:
หนูจิน..ซ้วย..ซวย..ว่ะ...
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 13-09-2008 12:12:52
 :a5:
เทวดาเตะปลั๊กไฟ... :m20:
ป่านนี้พี่เหนือเป็นไงม่างนะ...
จะได้อ่านจดหมายของจินรึยัง ???
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 14-09-2008 02:07:58

วั้ย กิต.ค่อนข้างจะเชื่อ ว่าแสงเหนือจะจำจิน.ได้

จะด้วยเหตุบังเอิญหรืออะไรสักอย่าง(หรือหลายอย่าง)

ถ้าไม่..ศรัทธาในความรักของบางคนอาจจะคลอนแคลน

จิน.จะ did so many things for (almost)nothing

ที่อาจจะได้บ้างก็คือ ความเห็นใจจากผู้อ่าน

นะคะ


ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 14-09-2008 23:44:36
พี่เหนือสู้ๆ อย่าลืมจินน๊า
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD - ตอนที่ ด้วยรักจากสวรรค์ 24...ต้นสายสู่ปลายเหตุ / หุหุหุ
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 15-09-2008 09:10:23
อย่างนี้เทวดาต้องรับผิดชอบนะ o12
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: yayoy ที่ 16-09-2008 11:51:41
ด้วยรักจากสวรรค์ ตอนจบ – ...Fall Again

======================================

ชายหนุ่มร่างสูงหยุดยืนและเหลียวมองไปข้างหลังก่อนจะหันกลับมาเรียกชื่อสุนัขที่กำลังวิ่งย่ำทรายอย่างสนุกสนาน “ริชชี่ ไปเอาลูกบอลมาเร็ว”

ลูกบอลพลาสติกเนื้อหนาสีสดใสในมือถูกเขวี้ยงสุดแรง สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ตัวโตเต็มที่ไม่รอช้า รีบตะกุยเท้าทั้งสี่วิ่งไล่ตามลูกบอลไปเร็วจี๋ ในขณะที่เจ้าของยืนมองตามแล้วตะโกนให้กำลังใจ “เร็วเข้า เร็ว”

ไม่กี่วินาทีต่อมา ริชชี่ก็คาบลูกบอลกลับมาเต็มปาก วิ่งยั่วเย้าให้เจ้านายหนุ่มไล่ตามสักพักแล้วค่อยปล่อยลูกบอลให้แต่โดยดี “แกเนี่ยน้า ทำไมถึงไม่รู้จักคาบมาคืนแต่แรก ใครสอนมา...ใช้ไม่ได้” บ่นพึม หากแสงเหนือก็ยังลูบหัวลูบตัวเป็นรางวัลให้กับสุนัขตัวโปรด

แสงแดดแรงกล้าในยามกลางวันเริ่มโรยอ่อน พระอาทิตย์ดวงโตแดงอมส้มก่ำค่อยๆ ลับหายราวกับจะร่วงหล่นลงในผืนทะเล ร่างสูงหยุดมองภาพอันงดงามนั้นพร้อมรอยยิ้มอิ่มเอม

...ร่วมสามปีแล้วที่เขาสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ชายหนุ่มยังจำได้ว่าวินาทีที่ลืมตาแล้วสามารถมองเห็นแสงสว่างอีกครั้งนั้นเป็นเช่นไร ความตื้นตัน ความปลาบปลื้มยินดีปะปนกันจนมากล้น แม้ตาจะยังปวดพร่าอยู่ไม่น้อย หากภาพทุกอย่างดูจะสวยงามยิ่งกว่าที่เคยจำได้ สีทุกสีดูจะสดใสงดงามกว่าที่เคยเห็น ใบหน้าของทุกคนที่ยืนรุมล้อมรอฟังผลอยู่รอบเตียงแม้จะดูแปลกตาไปบ้าง หากเขาก็ยังจดจำได้ทุกคน

...เขาจดจำได้ทุกคน

ไม่ว่าจะเป็นมารดาที่ร้องไห้ทันทีที่สบตากับเขา ท่านดูแก่ชราขึ้นกว่าที่เขาจำได้ หากยังคงสวยสง่าไม่เปลี่ยนแปลง บิดาของเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เช่นกัน ภาพของผู้ชายร่างสูงใหญ่ละม้ายบุตรชายที่กำลังยืนยิ้มและกระพริบตาถี่พลางโอบภรรยาคู่ชีวิตไว้แน่น ถัดไปคือเจ้าอั้ม...พี่ชายจอมยียวนกอดอกยิ้มกว้างต้อนรับไม่ไกลจากวิกกี้ซึ่งอุตส่าห์บินกลับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และยังจะลุงโต ผู้ยืนเช็ดน้ำตาป้อยด้วยความดีใจอยู่ตรงข้างประตู นอกจากนั้นคือคุณหมอและนางพยาบาล กระนั้น แสงเหนือยังอดมองไปรอบๆ ห้องด้วยความคาดหวังอีกไม่ได้ คาดหวัง...ในสิ่งที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูกว่ากำลังมองหาอะไร...หรือใครอยู่

รอยยิ้มเขาสลดลงเล็กน้อย แต่ไม่มีใครสังเกตนอกจากจะยิ้มแย้มให้กันด้วยความปลาบปลื้มที่การผ่าตัดประสบความสำเร็จ

หลังจากนอนพักฟื้นจนอาการดีขึ้นเรื่อยๆ คุณหมอจึงอนุญาตให้เขากลับบ้านได้ในที่สุด

สิ่งมีชีวิตอย่างแรกที่วิ่งถลามาต้อนรับการกลับบ้านของเขาคือสุนัขลาบราดอร์ตัวอ้วนสีอ่อน มันกระโดดเริงร่าไปมารอบๆ และทันทีที่เจ้านายคุกเข่าลงมาหาใกล้ๆ เจ้าริชชี่ไม่รอช้าเลยที่จะใช้ลิ้นกับจมูกร้อนๆ ซุกไซ้จนเขาเปียกน้ำลาย

คนรับใช้ทุกคนรอต้อนรับเขากลับบ้าน สีหน้าของทุกคนปลาบปลื้มยินดีแม้ว่าหลายๆ คนในนั้นจะเคยโดนเจ้านายหนุ่มอาละวาดใส่ขนาดหนักมาก่อน

แสงเหนือนั่งพูดคุยกับพ่อแม่พักใหญ่ก่อนจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อน การเดินขึ้นบันไดไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เขาไม่จำเป็นต้องจับราวบันได ไม่ต้องค่อยๆ ย่างก้าวยกเท้าขึ้นบันไดทีละขั้นๆ อย่างระมัดระวังอีก มันให้ความรู้สึกดีเสียจนอดยิ้มออกมาคนเดียวไม่ได้

มือใหญ่บิดลูกบิดประตูห้องนอน หยุดสูดหายใจเข้าลึกๆ โดยที่เขาแทบจะไม่รู้สึกตัว บานประตูเปิดกว้าง แสงแดดสดใสส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาจนห้องสว่างไสว ลมหอมกลิ่นสะอาดสดชื่นพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ ทุกอย่างล้วนดูดี ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ หากภายในหัวใจกลับว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก

ข้าวของทุกชิ้นยังวางอยู่ที่เดิม ดังเช่นครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้ ...เตียงหลังกว้าง โต๊ะริมหน้าต่าง เก้าอี้หนานุ่มนั่งสบาย ตู้เก็บหนังสือและข้าวของส่วนตัว ทว่าห้องกลับดูกว้างเกินไปยามเขาได้มองเห็นเต็มสองตา ไม่มีอีกแล้วกับความดำมืดที่คล้ายกับจะบีบรัดจากทุกทิศทาง ไม่มีอีกแล้วกับความวิตกกังวลโลกภายนอก แต่น่าแปลก...ในยามนั้น กลับไม่มีความยินดีดังเช่นในวินาทีแรกที่เขาลืมตามองเห็นอีกครั้ง

เขาคาดหวังและผิดหวังในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาไม่สามารถอธิบายสิ่งนี้ให้ใครฟังได้ และในเมื่อทุกคนต่างห้อมล้อมแสดงความยินดีกับเขาราวกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แสงเหนือจึงได้แต่ปัดความกังวลไร้สาระทิ้งไป พยายามลืมความรู้สึกอันอธิบายไม่ถูกและหันมาใส่ใจกับสิ่งที่ตามองเห็น พยายามลืมอดีดอันเจ็บปวดและสิ้นหวัง เพื่อก้าวไปสู่อนาคตและวันพรุ่งนี้

ในเวลากลางวัน เขาสามารถปรับตัวกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้

หากในเวลากลางคืน ความมืดมิดกลับยังตามมาหลอกหลอนไม่จบสิ้น

ท้องฟ้าดำมืดไม่ใช่ปัญหา โมงยามที่เงียบกริบยามอยู่ตามลำพังไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัว ทว่าปัญหากลับเกิดขึ้นยามหลับตานอนต่างหาก

การจะผ่านพ้นช่วงทิ้งหัวลงบนหมอนและเคลิ้มหลับสร้างความอึดอัดบอกไม่ถูก หลายต่อหลายครั้งที่เขาพยายามฝืนตาเบิกโพลงทั้งที่ง่วงงุนเหลือแสน กว่าจะหลับลงได้คือยามที่ร่างกายอ่อนล้าจนสุดทน เพียงเพื่อจะตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกวูบโหวง ภายในความมืดมิด เขาคลับคล้ายจะได้พบบางสิ่งบางอย่างที่ทำหล่นหาย แต่ทุกครั้งที่ลืมตา มันกลับจางหายไปโดยไม่เหลือร่องรอยใดให้จดจำ

ฝันดีที่เขาจำไม่ได้ หลายครั้งที่เขาตื่นขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แต่อีกหลายครั้งมากกว่าที่ความฝันหม่นเศร้าทำให้ตื่นขึ้นพร้อมอาการแน่นหน้าอก ความโศกเศร้าบีบรัดในช่องอกจนอึดอัด ...อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกและไม่นึกอยากหายใจ อึดอัดเสียจนอยากทิ้งตัวอยู่แต่ในโลกแห่งความฝันตลอดไป

ทั้งที่คิดว่าปกปิดดีแล้ว หากแม่ของเขาคล้ายจะสังเกตได้และไต่ถามอย่างใจเย็น จะให้เขาอธิบายสิ่งที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจได้ยังไงเล่า แสงเหนือตอบปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มกลบเกลื่อนทุกครั้ง กระนั้นแม่ยังเพียรพยายามชักชวนเขาให้ทำโน่นทำนี่รวมถึงการท่องเที่ยวให้สบายใจอีกด้วย

“เราไม่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนกันนานแล้วนะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยโน้มน้าว “เหนือเลือกสิว่าอยากไปเที่ยวไหน ทะเลหรือภูเขา อยากล่องเรือหรือ...”

“...ทะเลครับ” คำตอบหลุดจากปากไปก่อนสมองจะทันคิด แสงเหนือเงยหน้าบอกมารดา “ผมอยากไปทะเล”

“ได้สิ งั้นเป็นบาหลี มัลดีฟส์หรือ...” ก่อนทะเลชื่อดังรอบโลกจะถูกเอ่ยมากกว่านี้ เขากลับตัดบท กล่าวยิ้มๆ “เอาแค่ใกล้ๆ ดีกว่าครับ ผมอยากเอาริชชี่ไปด้วย แล้วก็...เผื่อเจ้าอั้มอาจจะลางานไปเที่ยวด้วยกันได้ ถ้าเป็นไกลๆ หมอนั่นคงไปไม่ได้”

“หือ เหนือจะชวนตาอั้มไปด้วย” เสียงสูงบ่งบอกความประหลาดใจของมารดาทำเขาหน้าม้านนิดๆ “นึกยังไงจ๊ะ”

“...ไม่รู้เหมือนกันครับ” ตอบตามตรงหลังจากนิ่งอึ้งพักใหญ่ นึกสับสนไม่แพ้มารดาว่าเหตุใดจึงตนหลุดปากเช่นนั้นออกไป

“ผมแค่... ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าแม่ลองถามหมอนั่นดูก่อนแล้วกันว่าจะไปหรือเปล่า ถ้าเขาเล่นตัวอิดออดไม่อยากไปก็ไม่ต้องเซ้าซี้...” หยุดชะงักนิดหนึ่ง ก่อนแสงเหนือจะนึกออกว่าเหตุใดเขาจึงคิดชวนศัตรูคู่แค้นไปเที่ยวด้วย “แม่ลองถามดูแล้วกัน”

หลังได้รับคำตอบจากพี่ชายต่างมารดาในอีกสองสามวันต่อมา แสงเหนือจึงรีบกดโทรศัพท์ข้ามทวีปไปหาวิกกี้ ทีแรกพอเอ่ยปากชวนให้หญิงสาวมาเที่ยวทะเลไทย ปลายสายก็สวนแหวกลับมาแทบจะทันที “จะบ้าเหรอยะ ประสาทดีหรือเปล่า บอกให้ฉันบินกลับไปครึ่งโลกเพื่อไปเที่ยวทะเลเป็นเพื่อนนายเนี่ยนะ! ต่อให้ฉันอยากเที่ยวทะเลจริง ฉันหาเที่ยวเอาแถวนี้ไม่ดีกว่ารึ! จากนี่ไปกรุงเทพฯ นายพูดอย่างกับนั่งรถชั่วโมงสองชั่วโมงก็ถึงงั้นล่ะ ถึงตานายจะหายดีแต่ฉันว่าสมองนายคงมี...”

“เจ้าอั้มบอกว่าจะไปด้วย” ประโยคสั้นๆ เบรกหญิงสาวได้ชะงัด “ถ้าเธอไม่อยากไป ฉันก็ไม่...”

“ขอเวลาเคลียร์ตารางหนึ่งเดือน” สั่งฉับแล้ววิกกี้ก็รีบร้อนวางหูโดยไม่แม้แต่จะกล่าวลา ดูท่าว่าคงจะวิ่งไปเคลียร์ตาราง

เกือบสองเดือนหลังจากนั้น พวกเขาจึงได้ไปเที่ยวทะเลกันพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรก หลังจากลำบากลำบนจนแทบจะต้องหิ้วคอเมืองเอกที่รู้ในวินาทีสุดท้ายว่ามีแขกพิเศษอย่างวิกกี้ไปด้วยและตั้งท่าจะถอนตัวจากทริปท่าเดียวเอาไว้ได้ การเที่ยวทะเลครั้งนั้นก็มีความสุขดี

แม้จะโดนมารดาเหลือบค้อนคล้ายจะตำหนิเนืองๆ กับความพยายามทำตัวเป็นกามเทพ แม้จะโดนเจ้าอั้มถลึงตาจ้อง ตั้งท่าหาเรื่องและทำท่าคลับคล้ายอยากไล่เตะเขาเต็มทนตลอดทริป แต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มซึ่งมีมากกว่าก็ช่วยยืนยันว่าเขาตัดสินใจไม่ผิด

รูปภาพที่ได้จากทริปท่องทะเลมีเกือบสามอัลบั้ม แสงเหนือเลือกได้รูปถ่ายที่มีครบทุกคนโดยอาศัยพนักงานโรงแรมถ่ายให้ ตั้งใจจะมาใส่กรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะแทนที่รูปเก่าซึ่งถ่ายกับมารดาตั้งแต่สมัยเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

หากยังไม่ทันเปลี่ยนรูปเก่าออก ซองจดหมายฉบับหนึ่งกลับดึงความสนใจของเขาไปเสียก่อน

จดหมายฉบับบางถูกกรอบรูปวางทับไว้ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ หากเมื่อพิจารณาจากคราบฝุ่นบางๆ ก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันถูกวางลืมอยู่ตรงนี้มานานพอสมควรแล้ว

ด้วยความสงสัยแกมอยากรู้ ชายหนุ่มค่อยๆ แกะซองจดหมายที่ไม่มีกระทั่งรอยเปิดออกช้าๆ หัวใจของเขาเต้นเร็วทั้งที่ไม่น่ามีอะไรตื่นเต้น ...มันก็แค่จดหมาย แค่จดหมายที่ถูกลืมทิ้งไว้อย่างไร้ค่าหรือความสำคัญ กระนั้นกลับนำพาความรู้สึกบางอย่างมาให้จนหัวใจเขาเต็มตื้นล้นเอ่อ คาดหวังจนปลายนิ้วสั่นยามดึงกระดาษไม่กี่แผ่นออกมา สูดหายใจลึกยามค่อยๆ คลี่มันออกอย่างช้าแสนช้า...ด้วยกลัวมันจะฉีกขาดเสียหายหรือมีรอยยับเกิดขึ้นสักนิด

...........

...........

ลมหายใจที่ถูกกลั้นไว้ค่อยผ่อนออกเนิ่นนานหมดปอด หัวใจที่เคยเต้นรัวแรงกลับเชื่องช้าลงจนน่าใจหาย ...กระดาษเปล่าในมือเขาไม่มีแม้แต่ร่องรอยขีดเขียน กระดาษทุกแผ่นล้วนว่างเปล่าเหมือนหัวใจของเขา

กำปั้นทุบโครมลงบนผนังพร้อมกับที่เจ้าตัวก้มหน้าหอบหายใจ แสงเหนือบิดเบ้รอยยิ้มขื่น ก่นด่าตัวเองกับอาการผิดปกติอันไม่รู้สาเหตุ เหนื่อยล้ากับความเจ็บปวดอันไม่รู้ที่มา ก่อนจะสลัดความคิดสับสนและความผิดหวังทิ้งไป ...ชีวิตของเขามีความสุขดีแล้ว เขามีทุกอย่างที่ต้องการ มีคนที่เขารักและรักเขา และแน่นอนว่าเขาพร้อมจะต่อสู้กับทุกอย่างและเสียสละทุกสิ่งเพื่อให้ทุกสิ่งในเวลานี้ดำเนินต่อไปอย่างสงบสุข

เขาจะไม่ยอมให้ความผิดปกติมาพรากความสุขที่เพิ่งได้รับกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ไปเด็ดขาด

กระดาษว่างเปล่าถูกพับกลับลงซอง หากก่อนที่จะถูกวางกลับลงที่เดิม ...ร่างสูงก็ส่ายหน้า ยิ้มขำตัวเองเล็กน้อยก่อนจะขยำสิ่งที่อยู่ในมือจนเป็นก้อนกลมแล้วโยนทิ้งถังขยะ

...พอกันทีกับอดีต เขาจะอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้เท่านั้น

++++++++++

หลังจากเอนหลังนอนเล่นบนเก้าอี้ชายหาดอยู่จนตะวันดวงโตจวนเจียนจะลาลับ ร่างสูงจึงลุกขึ้นบิดตัว เจ้าริชชี่ที่นอนคาบบอลยางน้ำลายยืดหมอบคอยอยู่ข้างๆ มาตลอดจึงกระโดดลุกขึ้นยืนบ้าง มันสะบัดเนื้อสะบัดตัวเพื่อให้ทรายหลุดจากขนสั้นๆ ของมันแล้วหันมามองหน้าเจ้านายอย่างคาดหวัง

“ไม่เล่นแล้ว ริชชี่ เย็นแล้ว วันพรุ่งนี้ต้องรีบกลับแต่เช้าด้วย” แสงเหนือกำสายจูงที่ถอดออกมาม้วนหลวมๆ ไว้ในมือในขณะที่ริชชี่รับภาระคาบลูกบอลของตนเองมุ่งหน้ากลับที่พัก

ตั้งแต่หายดี เขามักหาเวลาว่างในวันหยุดเพื่อขับรถมาเที่ยว บางครั้งก็มากับแม่ บางครั้งก็มากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ กินดื่มเที่ยวเมากันให้สนุกสนาน หากบ่อยครั้งกว่า...ที่เขามาคนเดียว อย่างดีก็พ่วงเจ้าริชชี่มาอีกตัวเท่านั้น

“ต๊าย น่ารักจัง คาบลูกบอลตัวเองไว้ด้วย” เสียงหญิงสาวดึงความคิดของชายหนุ่มออกจากภวังค์ ผู้พูดคือหญิงวัยรุ่นหน้าตาสะสวยที่มากับเพื่อนสาวอีกสองสามคน เธอเงยหน้ายิ้มพร้อมขออนุญาต “จับได้ไหมคะ ดุหรือเปล่า”

“ตามสบายครับ ริชชี่มันชอบสาวๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะสวยๆ ยิ่งไม่มีปัญหา” แสงเหนือสัพยอกตามความเคยชิน ส่งผลให้เกิดเสียงกิ๊วก๊าวดังจากปากเพื่อนๆ ขณะใบหน้าเนียนขึ้นสีจัด รีบก้มลงลูบหัวสุนัขแสนรู้แทบไม่ทัน พยายามทำทีไม่สนใจเสียงหัวเราะเบาๆ ของชายหนุ่มหน้าตาดีผู้เป็นเจ้าของอีก

เขาไม่ทั้งปฏิเสธหรือคิดเข้าข้างตัวเองไปฝ่ายเดียว แสงเหนือรู้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขามักจะถูกตาต้องใจเพศตรงข้ามเสมอๆ และไม่ปฏิเสธเช่นกันว่าเขาชอบของสวยๆ งามๆ บรรดาแฟนเก่าทุกคนตั้งแต่สมัยก่อนถ้าไม่ใช่หญิงสาวหน้าตาสวยงามสะดุดตาก็มักจะเป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ทุกๆ คนเต็มใจและล้วนมีความสุขในยามคบหาเป็นคนรักกับเขา แม้ว่าจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ แม้ว่าในเวลาไม่นานจะต้องแยกทางกัน แต่ระหว่างนั้น แสงเหนือเทคแคร์และทำให้พวกเธอทุกคนมีความสุขมากมายเกินพอ ทว่าสำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็นผิวกายที่อิงแอบ ไออุ่นและสัมผัสที่ถ่ายทอดล้วน...ไม่ใช่ ไม่เคยมีใครที่ใช่เลย

เมื่อความสัมพันธ์เริ่มเหินห่างจนนำไปสู่การแยกทาง หญิงสาวหลายคนร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อว่าว่าทำไมเขาถึงไม่เคยรักพวกเธอเลย

คร้านจะอธิบายว่าเขาเคยรัก...หากความรักนั้นมันจบลงไปแล้วต่างหาก

ในขณะที่หลายๆ คนกลับอวยพรให้เขาได้เจอคนที่รักจริงๆ เสียที

คนที่รักจริงๆ งั้นเหรอ แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่หัวใจเขาเจ็บแปลบกับคำอวยพรนี้ทุกครั้ง... หลายคนคง
คาดหวังกับความรักในอนาคต แต่เขากลับรู้สึกคล้ายว่าความรักของตนจมอยู่ในอดีต อนาคตสดใสอาจรอเขาอยู่ข้างหน้าก็จริง แต่เขากลับรู้สึกเหมือนทำหัวใจหล่นหายไป ตั้งแต่เมื่อใด...ก็ไม่รู้

แม้จะเคยพร่ำบอกตัวเองให้ลืมอดีตและอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้ หากเวลาที่ล่วงผ่านกลับบ่งบอกชัดเกินกว่าจะปฏิเสธ เขาทำไม่ได้ โลกอาจจะยังหมุนไปไม่สิ้นสุด แต่เวลาของเขากลับหยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนนาฬิกาตาย

เป็นช่วงเวลาอันไร้ค่า ไร้ซึ่งจุดจบ ยกเว้นเสียแต่จะได้เจอส่วนที่ขาดหาย บางสิ่งที่เขาเฝ้าตามหา โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังมองหาอะไรอยู่

แสงเหนือลอบถอนหายใจกับความว่างเปล่าวูบโหวงซึ่งแล่นวาบขึ้นในอกอีกครั้ง ฝืนยิ้มสุภาพ ไม่หลงเหลือร่องรอยการเกี้ยวพาในน้ำเสียง “ริชชี่ชอบเล่นน่ะครับ จะคนแปลกหน้าหรือใครก็เล่นกับเขาไปได้หมด”

ชายหาดยามเย็นมีผู้คนมากหน้าหลายตาทยอยออกมารับลมเย็นและชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกตอนกลางคืน บ้างมาเป็นคู่เดินจูงมือกัน บ้างมากับกลุ่มเพื่อนพูดคุยกันอย่างร่าเริง บ้างก็เดินมาตามลำพัง...

“ถ้าไง ลองโยนลูกบอลให้มันไปเก็บก็ได้ครับ แต่บางครั้งมันก็ไม่ยอมเอามาคืน ชอบให้วิ่งไล่ประจำ”มือใหญ่เอื้อมลงดึงลูกบอลจากปากสุนัขส่งให้ ใครบางคนเดินสวนมาจากทางด้านหลังของกลุ่มหญิงสาว แสงเหนือไม่ได้หยุดพูด ไม่แม้แต่จะเหลือบมองดูด้วยซ้ำ “ระวังน้ำลายนะครับ มันชอบ...”

คำพูดที่เหลือชะงักอยู่ในลำคอ ร่างสูงยืนตัวแข็งทื่อเป็นหิน ดวงตาแทบจะมองสิ่งใดไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นผู้คนรอบกาย ผืนทราย ท้องฟ้าหรือทะเลกว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับจะดับวูบหายไปต่อหน้าต่อตา ร่างของคนแปลกหน้าเดินสวนลับหายไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ยังไม่สามารถพูดคำใดออกจากลำคอตีบตันได้

ในเสี้ยววินาทีที่ราวกับจะไม่สิ้นสุด เขามองไม่เห็นสิ่งรอบกายดังเช่นยามดวงตามืดบอด หากมาบัดนี้ หัวใจกลับเห็นกระจ่าง ชัดเจน...

ในเสี้ยววินาทีที่ยาวนานราวชั่วนิรันดร์ ทั้งดวงตา ทั้งหัวใจเขาไม่ยอมรับรู้สิ่งใด ไม่ยอมมองสิ่งอื่นใด นอกจากคนคนเดียว...

น้ำตาไหลพรากเป็นสายจากสองตา ก่อนแสงเหนือจะหมุนตัวหันกลับไป...

................

......................

............................

ภาพบนหน้าจอค่อยๆ ถอยห่างออกมาจนมองเห็นร่างของคนทั้งสองเป็นแค่จุดเล็กๆ ทว่าผู้ที่นั่งเท้าคางมองอยู่ตลอดกลับไม่ขยับตัวทำอะไรนอกเสียจากจะแอบใช้ปลายนิ้วเช็ดตรงหางตา

เผลอทำเสียงสูดจมูกดังเบาๆ แล้วเทวดาชุดขาวจึงรีบยกมือโบก ภาพบนจอยักษ์จึงดับวูบหายไป

“หึ... แล้วค่อยเจอกันนะ ทั้งคู่นั่นล่ะ” ดวงตาแดงนิดๆ หรุบต่ำ อมยิ้มกับตัวเอง ...ก็ดี ครั้งหน้าที่จะได้ต้อนรับพวกนั้นพร้อมกันที่นี่จะได้ไม่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายใดๆ ให้รำคาญหู...แต่นั่น คงยังเป็นเรื่องอีกนาน

“เฮ้อ พอๆ ทำงานดีกว่า” รีบลุกกระปรี้กระเปร่า บ่นพึมทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มจาง “ดูสิ แล้วภาระก็ต้องมาตกที่ฉันจนได้ ว่าแต่จะทำยังไงดีหว่า สงสัยคงต้องขอให้ใครช่วย มีใครที่ใจดีแถมไม่เคร่งกฏว่างๆ อยู่บ้างล่ะเนี่ย อืม คิดอีกที ลองมั่วเองดีกว่ามั้ง เผื่อจะยังกลบเกลื่อนเรื่องไม่แดง...”

โครมมม!!!

ร่างในชุดขาวล้วนชนิดไม่มีสีอื่นเจือปนหกล้มหน้าคว่ำนอนไม่กระดุกกระดิกจนคล้ายเวลาจะหยุดนิ่งไปหลายวินาทีสวรรค์ ก่อนเจ้าตัวจะกระเด้งตัวลุกพรวด หน้าซีดเผือดจนกลายเป็นสีเทาขี้เถ้า หกล้มหกลุกคลุกคลานไปตะปบพื้นตรงปลายเท้าดังป้าบ

สิ่งที่ติดมือสั่นเทาขึ้นมาคือสายไฟทั้งยวง


++++++++++ จบ ++++++++++


จบแล้ววววววววววววววววววววววว

แม้จะรู้สึก ห้วน สั้นไปนิด.....แต่ก็ทิ้งตอนจบได้สวยงามนะ *ในความรู้สึกของเรา*
ขอบคุณ DD มากมาย สำหรับเรื่องที่น่ารัก ซาบซึ้ง และทำให้เราศรัทธาในรักแท้ต่อไป

ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น ในกระทู้นี้ด้วยนะคะ ที่ตามให้กำลังใจตลอดมา  :pig4:

โอกาสหน้าจะหาเรื่องมาโพสให้อ่านกันอีกนะคะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: VitamiN ที่ 16-09-2008 12:13:38
ว้าววว :mc4:
จบแล้ว
ภาพจินตนาการนั้นสวยงาม
แต่จบห้วนไปจริงๆอ่า o12

แต่ก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะ สำหรับนิยายดีๆ

ปล.เทวดาติ๊งต๊อง ซุ่มซ่าม คราวนี้สายไฟทั้งยวงเลย ก๊ากกก :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Haney ที่ 16-09-2008 12:52:39
ครับ สำหรับผมแล้ว ผมว่ามันเป็นตอนจบที่ดีนะ  ไม่เห็นจะต้อง concrete ว่าเป็นยังไง
แค่นี้ก็รู้สึกดีแล้ว  จริงๆ 
สนุกมากครับ ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่าน :กอด1:


ปล เฮ้อออ เทวดาตัวยุ่ง แบบนี้สงสัยต้องมีภาคสอง  :laugh:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 16-09-2008 13:02:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 16-09-2008 13:02:22
ขืนยังซุ่มซ่ามอยู่อย่างนี้ ผมก็มีโอกาสได้เจอคุณเทวดาอีกรอบซิคับ
รอเน้อ .... แต่งสนุกขนาดนี้
หวังว่าจะมีงานหน้าให้ได้ติดตามกันอีกนะค้าบ :bye2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: SweetSerenade ที่ 16-09-2008 13:02:53
เป็นตอนจบที่ดีนะคะ

อ่านแล้วก็ซาบซึ้ง สวยงาม

จนน้ำตาไหลตามพี่เหนือไปด้วย

ปลาบปลื้มเรื่องนี้มากมาย

ปอลอ เทวดาลูกเจี๊ยบยังไม่เลิกซุ่มซ่ามอีกเหรอเนี่ย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 16-09-2008 13:05:32
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:จบซะแระ ดูเหมือนจะห้วนไปนิดแต่ก็นะ สั้นๆแต่ได้ใจความ
  

ขอบคุณนะครับ สำหรับเรื่องดีๆที่นำมาให้อ่านกันนะครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 16-09-2008 13:11:58
อ้าว  จบแล้วหรอ  ใจหายอ่ะ :a5:

ห้วนๆ ด้วย  โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

แต่งดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แต่ทำไมจบงี้  อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะ  สงเคราะห์เราหน่อย

ถ้าคุณไม่ว่าช่วยเอามีดมาแทงเราด้วย

อยากเห็นภาพแสงเหนือกะจินมากกว่านี้อ่า

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮออออ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮอ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮออ

ไม่ยอมๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 16-09-2008 13:28:41
 o13ขอบคุณมากๆครับ :L2:ขอบคุณจริงๆที่ทำให้ใจดวงนี้มีความสุขอีกครั้ง :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: mhewkowron ที่ 16-09-2008 14:05:23
สั้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ขอตอนพิเศษเป็น Reborn to love ภาคแสงเหนือสร้างรักกับจินอีกครั้ง  :a5:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 16-09-2008 14:21:35

ตั๊ย ตาม IT สวรรค์ ด่วน อิอิ


ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 16-09-2008 14:28:01
น้ำตาไหลพรากเป็นสายจากสองตา ก่อนแสงเหนือจะหมุนตัวหันกลับไป...


แล้ว...

แล้ว......

แล้ว..........


แล้ว มันเป็นไงต่ออ้า


ไปขว้ามือ หรือ เรียก หรืออาไรอะ แงๆๆ :m15:

ตัดมาที่เทวดาเฉยเลยอะ

มานจำได้ยังไง ยัง งง อยู่เลย

ขอภาคพิเศษได้หมายยยยพี่คนแต่งฮื้อๆๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-09-2008 14:46:07
เอิ๊ก จบแบบนี้เลยรึ  :a5:


จริงๆก็ลงตัวดีนะคะ เพียงแต่ก็รู้สึกมัน incomplete อะ เลยรู้สึกเหมือนซึ้งไม่สุดที่ทั้งคู่ได้เจอกันอีกไปซะงั้น เพราะมันตัดฉับไปเลย


ถ้ามีตอนพิเศษสั้นๆต่ออีกหน่อยถึงชีวิตที่ได้กลับมาอยู่คู่กันอีกครั้งก็ดีน้า น่าจะมีตอนจินกลับไปเยี่ยมแม่พร้อมแสงเหนือด้วย เพราะกลายเป็นเรื่องนี้ไปๆมาๆแม่ของจินน่าสงสารสุดเลย ลูกมาเกิดในร่างใหม่แท้ๆแถมจำแม่ได้ด้วยแต่กลับไม่ได้เจอกันเลยอะ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: modi ที่ 16-09-2008 15:21:50
จบแล้ว

ความรักนี่ มันดีจริงๆ

 :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 16-09-2008 15:57:52
 :L2:

เทวดา รึ กามเทพเนี่ย

><

จบสวยอ่ะ  ชอบค่ะ ~

 :mc4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 16-09-2008 18:21:45
 o7 เป็นเรื่องที่ซึ้งอีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ชอบจัง :m1:

 :L2: ให้ไปเลย +1 อิอิ

  :m11: จบก็ดีนะคะ ดูจากที่เทวดาพูดแล้วน่าจะ happy แต่รู้สึกมันค้างๆไงไม่รู้ :m17: แบบว่าอยากให้มีตอนพิเศษจังเลยค่ะ อยากรู้ว่าเค้าจะจำกันได้มั้ยอ่ะ จะเป็นยังไงต่อไป รักกันอีกยังไง ถ้าเกิดว่าผู้แต่งจะช่วยกรุณาไขข้อข้องใจ เอ่ออยากให้มีตอนพิเศษต่อจังค่ะ อิอิ ถ้าไงก็ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านอ่ะค่ะ หุหุ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งถ้าจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกันอีก คริคริ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 16-09-2008 18:54:32
จบแบบยิ้มทั้งน้ำตาเลย  o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: jeabnaja ที่ 16-09-2008 19:27:49
จบดีมากเลย ซึ้งมากค่ะ สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยหัวใจ เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากมีความรักบ้าง :o8: ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสุดประทับใจเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Taurus ที่ 16-09-2008 20:07:37
จบเเล้วสินะ   บรรยายไม่ถูกเลยจิงๆ   ขอบคุณมากครับ   :m1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pztor ที่ 16-09-2008 20:39:56
 :a1:ขอบคุณครับกับนิยายดีๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 16-09-2008 20:41:46
ขอบคุณครับ
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 16-09-2008 21:08:13
 :a2:...Yes! จบจนด้าย.อิ.อิ
เทวดาลูกเจี้ยบ...งานเข้าอีกแย้วค้าบ....
ป.ล...คนแต่งค้าบ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 16-09-2008 21:17:50
ดีจรายที่จบ แบบ มีความสุข

แต่ มีตอนพิเศษหน่อยจิ

แบบว่ามาน ค้างๆๆ

ยัง ไง ม่ารุ อ่ะ    :L2:

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: y_mania ที่ 16-09-2008 21:32:59
เป็นตอนจบที่น่าประทับใจ ให้คนอ่านไปจิ้นต่อเองว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่คนแต่งก็ส่งให้ทั้งคู่ได้มาเจอกันแล้ว

เป็นนิยายอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เราต้องจารจำ"ศรัทราในความรัก" 
มันซาบซึ้งอิ่มอวลในอกจริงๆ ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสต์ที่นำความสวยงามแบบนี้มาให้เราได้ชื่นใจ

ถ้าคนแต่งจะกรุณา อยากได้ตอนพิเศษซักติ๊ดเอาแบบหวานชุ่มฉ่ำแทนน้ำตาที่เสียไปเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-09-2008 22:05:51
จบได้ประทับใจมากกกกกกกกกกกกกกก ผมชอบน่ะ ดูแปลกดีแถมยังมีขำๆอีกด้วยขอบคุณน่ะครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ugly-TheBeast ที่ 17-09-2008 02:53:50
ในใจลึกๆไม่อยากให้จบแบบนี้เลย


แต่มันก้อสวยงามจริงๆ
เกินบรรยาย o7


ป.ล.นิดดดนึง  ไม่เฉลยให้แสงเหนือรู้ว่าจินกับต้นเป็นคนคนเดียวกันจริงๆหรอ :m15:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 17-09-2008 03:01:44
ประทับใจมาก ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: re_rain ที่ 17-09-2008 10:47:53
 :เฮ้อ:เทวดาจอมต๊องเอาอีกแระ สะดุดจางงง

เอ่อว่าแต่ :m12:

จามีภาคต่อป่ะคะ

 :L1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 17-09-2008 17:53:36
ก้รู้นะจ๊ะว่ามันแฮปปี้แต่ก็อยากได้รายละเอียดของ2คนนี้มากๆอีกจังเลยน๊าๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 17-09-2008 19:23:09
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:


จบสวยจริงๆ ไอ่เทวดาลูกเจี๊ยบก็ยัง...เหมือนเดิม  :a5: เป็นยวงเลย


จะมีตอนพิเศษไหมอ่ะ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ  :oni2:

ขอบคุณคนแต่ง เพราะมีคุณเราถึงได้อ่านฟิคหนุกๆอย่างนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 17-09-2008 21:44:30
 :กอด1: เป็นตอนจบที่ดีมาก .... ซึ้งเหลือหลาย

อยากแต่งฟิค หุๆ อารมณืค้างนิโหน่ยแต่โอเค
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sleeping`Cat ที่ 17-09-2008 21:49:18
ชอบมากเลยงับ เป็นกำลังใจให้คุณ DD ผลิตงานดีๆ เสมอๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy101 ที่ 17-09-2008 22:07:54
จบสั้นอ่ะ  แต่ประทับใจฮะ   o13
ขอบคุณคนแต่ง  ขอบคุณคนโพส  ที่ให้เราได้อ่านเรื่องดีๆแบบนี้คับ :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: hiei ที่ 17-09-2008 23:03:14
จบได้คลาสสิคมั่ก ๆ แต่....อยากได้ตอนพิเศษหวานๆ ซักตอนนะคะ คุณพี่


 :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: kYos ที่ 18-09-2008 00:42:55
จบแว้ววว
ขอบคุณสำหรับเรื่องหนุกๆจ้า ชอบมากเลย  :กอด1:
ชอบตอนจบง่ะ เป็นการจบที่ช่วยให้ผู้อ่านมีจินตนาการดี 555
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 18-09-2008 19:00:20
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆๆแบบนี้นะ

อ่านแล้วสนุกสนาน  น่ารัก และเสียน้ำตาไปด้วย

 :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 19-09-2008 00:53:16
 :m25: ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ  :m25:

ปล. ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ๆ นะค้าบ แต่ว่า อยากอ่านตอนพิเศษของ พาย กะ เพ่เหนือ จิง ๆ นะ

อยากรู้ว่าพี่เหนือจำได้งัย จำกลิ่นพายได้เหรอ อิอิ หรือว่า ยังไง ฮืออออออ พี่เหนือใจมาก ๆ ขนาด 3 ปีผ่านไปนะนั่น

ยังไง ขอตอนพิเศษนะค้าบบบ  o7
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 19-09-2008 04:49:56
จบได้น่าประทับใจมากๆๆๆ หวังว่าจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านบ้างนะคะ  :m1:

ขอบคุณคนเขียน ขอบคุณพี่โยย คนโพส ด้วยค่ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: KriT_SuN ที่ 22-09-2008 23:00:48
ไม่มีตอนพิเศษจริง ๆ เหรอ หุหุ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 16-10-2008 22:34:14
ชอบพี่เหนือ
^___^
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Akiizz ที่ 19-10-2008 21:32:01
เรื่องนี้อ่านแล้วแปลกดีคับ โครงเรื่องแปลกๆ



แต่ว่าอ่านแล้วสนุกมากกเลยย o13 o13 o13



เอ่อ คือตอนจบอ่าคับสวยนะคับแถมแอบติดตลกนิดนึงด้วย



แต่อยากได้ราบละเอียดตอนเจอกันจังๆ ง่ะ



หรือแต่งเป็นตอนพิเสด ก้ได้นะคับ




ถ้ามาแต่งหรือลงไห้จิงๆก้ขอบพระคุนอย่างสูงคับ   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: nongyuna ที่ 19-10-2008 21:44:01
ตอนนนนนนนนนนนพิเศษษษษษษ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: TongZA ที่ 19-10-2008 23:21:07
อ่านจบแว้วละ จบห้วนๆไปนิดนึงแต่ก็น่ารักล้นปรี่เลยอ่าคับ

น่าจามีตอนพิเศษอีกมั่งเนอะคงจาดีไม่น้อยเลย

ถ้าได้มีความรักดีๆแบบนี้ถึงตายก็คงไม่น่าเสียดายหรอกเนอะ

เราคิดว่างั้นนะ

 :m1: :m1: :m1: :m13: :m13: :m13: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: chalee1983 ที่ 28-10-2008 16:26:32
ตามอ่านมาซะหลายวัน จบแระ สนุกดี
นึกว่าตอนจบจะเศร้าได้อีกยิ่งกว่านี้
อุตสาห์เตรียมผ้าเช็ดหน้ามารอ

แต่ขอบคุณนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 30-10-2008 02:06:40
อ๊ากกกกกกก...ทำไมเป็นคนแบบนี้
พลาดเรื่องดีๆอย่างนี้ไปได้ยังไงเนี่ย...ปล่อยให้ผ่านตาตั้งนานทำปายด้ายยยยย :serius2:
แต่สุดท้ายก็ได้มาอ่านแล้ว....ซึ้งจริงๆ อยากรู้จังคุณ DD แต่งเรื่องไหนอีกง่ะ...เค้าอยากอ่าน
...ชอบค่ะ....
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 28-11-2008 17:19:58
อ่านจบแล้ว แต่...คาใจยังไงไม่รู้ :a5:


ไม่เคยผิดหวังกับนิยายของ คุณ DD (ยกเว้นเรื่องขิงเพชรเอก  :monkeysad: ใครอยากรู้ว่า ทำไม ไปหาอ่านเอานะจ๊ะ)
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: cupid ที่ 29-11-2008 21:37:14
ขอตอนพิเศษหน่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 27-12-2008 22:48:13
ซึ้ง มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบง่า ผลงานคุณ DD โดนใจเสมอ  o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: seacow ที่ 28-12-2008 03:37:10
 :serius2: จบเหมือนกับกำปั้นทุบดิน  :z3: ตอนพิเศษ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: baroona59 ที่ 28-12-2008 22:25:23
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ขอบคุณนะกับเรื่องดี ๆ ที่เอามาให้อ่านกัน


 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: TonG_x_Zhi ที่ 28-12-2008 22:47:21
เพิ่งอ่านจนจบ

เนื้อเรื่องสนุก+ซึ้งครับ  แต่ขอตอนพิเศษเพิ่มซักหน่อยน๊าคร๊าบบ :mc4:

ขอบคุณผู้โพส  ที่โพสเรื่องนี้ให้อ่านนะครับ  ขอบคุณผู้เขียนด้วยนะครับที่แต่งเรื่องมาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: bee8116 ที่ 29-12-2008 15:46:44
กว่าจะตามอ่านจบ สนุกมากครับ แล้วจะคอยติดตามผลงานชิ้นต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimagain ที่ 29-12-2008 16:46:05
ขอตอนพิเศษด้วยค่า


เอาแค่หันหลังกลับไปแล้วคุยกันว่ายังไงก็ได้ นะๆๆๆๆๆๆๆ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: kyoshiro ที่ 30-12-2008 10:37:37
 o13จบได้ดีมากอ่ะคับ

สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้อารมณ์ :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: nai_nai ที่ 30-12-2008 20:13:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: chaadoll ที่ 15-03-2009 23:48:31
ฮา(ต้นกะจิน) สนุก(พลอตเรื่อง) เศร้า(ร้องไห้น้ำตาไหลพลากๆ) เร้าใจ(หื่นเล็กๆ)  แต่สุดๆคือ *******ประทับใจมาก*********
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 16-03-2009 11:13:14
อ่านจบแล้ว แต่...คาใจยังไงไม่รู้ :a5:


ไม่เคยผิดหวังกับนิยายของ คุณ DD (ยกเว้นเรื่องขิงเพชรเอก  :monkeysad: ใครอยากรู้ว่า ทำไม ไปหาอ่านเอานะจ๊ะ)


มาอ่านเมนท์ตัวเองแล้ว แหม่ง ๆ

ไม่ใช่รู้สึกผิดหวังกับเรื่องของเพชรเอก แต่เรื่องนั้นอ่านจบแล้วรู้สึกแย่ คือ อินไปด้วยอ่ะค่ะ

คุณ DD เขียนดีทุกเรื่องค่า

รออ่านเรื่องนี้แบบรูปเล่มนะค่ะ

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: sOdAZa ที่ 26-03-2009 16:35:32
ผมอ่านแล้วคับ  ทำใฟ้ผมติดงอมแงมเลย  รักและชอบ ตัวละคร แสงเหนือและจิน มากๆ  แต่ยังงงๆ ตอนจบอยู่นิหน่อย

สรุปคือ แสงเหนือจำจินได้หรือเปล่า แล้วสองคนได้อยู่ด้วยกันต่อไปใช่ไหมคับ ....
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: akihito ที่ 27-03-2009 17:16:56
ขอตอนพิเศษเพิ่มนิดนึงได้มั้ยค่ะ :serius2:
อยากอ่านต่ออ่าาาาาาาาาา :z3: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 23-04-2009 22:43:02
กรี๊ดดดดดดด  :L2: :pig4:
ชอบจริงๆๆค่ะ ชอบมากกก
ตอนแรกนึกว่าจะเศร้าแระ
จะติดตามนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-06-2009 18:47:07
เอ่อ...

ตัดจบแบบนี้เลยเหรอครับ?

แล้วเหนือจำจินไดหรือเปล่าครับ?

ไม่มีตอนพิเศษจริงๆ เหรอครับ?

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: paulla ที่ 01-06-2009 23:44:29
+1 เพิ่มกี่ครั้งก็ไม่พอ กับเรื่องนี้ คับ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 05-06-2009 01:36:46
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาเม้น

ชอบเรื่องนี้มากๆ เลย เป็นเรื่องสอดแทรกอารมณ์ขันได้อย่างน่ารักมั๊กมาก

อยากรู้จักว่าจะหาอ่านผลงานของคุณ DD ได้ที่ใด หรือเพื่อนพี่น้องในเล้ามีบ้างแบ่งปันบ้างน้า

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: ||toxic-love|| ที่ 28-06-2009 00:39:22
หนุก

หนุกมายมาย

ซึ้ง!!!

YOY
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: wittata ที่ 12-08-2009 09:27:56
 :m15:ขอบคุณนะครับที่นำเรื่องดีๆๆๆแบบนี้มาให้พวกเราได้อ่านกัน

มีคนแนะนำมาให้อ่าน ชอบมากเลยครับ 
ขอให้นำเรื่องราวดีๆๆแบบนี้มาโพสอีกนะครับ   :L2: :L2:
(มีแอบน้ำตาไหลนิดนึง)
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaomee ที่ 15-08-2009 08:02:56
อยากให้ DD รวมเล่มจังเลย จะรออ่านเรื่องต่อไปอยู่จ้า :call: :mc4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 16-08-2009 04:26:32
ชอบเรื่องนี้ฮะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 17-08-2009 13:23:24
สนุกมากมายเลยครับเรื่องนี้ :impress2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-08-2009 22:43:11
ตามอ่านอยู่สองสามวัน
ชอบอ่ะ เนื้อเรื่องน่ารักจัง

ชอบคุณเทวดาที่สุดเล้ยย  :m20:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: dOrA ที่ 18-08-2009 00:22:15
สนุกมากๆๆค่า อยากอ่านตอนพิเศษจัง จะมีไหมเนี้ยะ ซึ้งมากๆๆเลย

ว่าแต่แอบฮาคุณเทวดาน้า ซุ่มซ่ามอีกล่ะ เด๋วก้อเป็ฝนเรื่องอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: BABOO ที่ 07-09-2009 21:55:03
ขอบคุณมากค่ะ  สนุกค่ะ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rong ที่ 14-09-2009 22:20:46
เฉียดเรื่องนี้ไปมาหลายทีอยู่ ไม่ได้อ่านสักที

วันนี้ได้มาอ่าน สนุกมาก ๆ เลยจ้า
มีครบทุกรสเลย เศร้า หวาน ฮา ขม

อ่านไปยิ้มไปร้องไห้ไป

เป็นเรื่องที่เยื่ยมมาก ๆ เลยค่ะ สุดยอดจริง ๆ o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: tnat ที่ 03-01-2010 16:40:11
ขอบคุณครับ  :pig4:

อ่านจบแล้ว แต่แอบร้องไห้ไปด้วย :monkeysad: สุดท้ายก็แฮปปี้

ประทับใจมากมายครับ

ขอบคุณสำหรับอีกเรื่องราวดีๆ นะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 05-01-2010 17:08:31
แปะไว้ก่อนเด๋วมาอ่านต่อ  แค่หน้าแรกก็ทำเอาอยากติดตามต่อแย้วววววววววววววววววว   :z2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 08-01-2010 06:23:47
สนุกมาก เต็มอิ่ม
ขอบคุณสำหรับแง่มุมความรัก
ขอโทษนะ ยกเว้นตอนจบ    :L2:
ค้าง ความรู้สึกมันบอกแบบงั้น
การจบแบบนี้อาจเหมาะกับภาพยนตร์
เพราะเสพด้วยตา
แตกต่างจากงานเขียน
เสพจากตัวหนังสือ
การสร้างจินตนาการนั้นต่างกัน
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 08-01-2010 13:33:31
สนุกมากเลยขอรับบบ
สงสารคุณเทวดา 5555+
เป๋อได้ใจมาก
หลุดปลั๊กเดียววุ่นขนาดนี้
งวดนี้พี่แกล่อทั้งยวงจะขนาดไหนเนี่ย

ว่าแต่อยากได้ตอบพิเศษจางเยยย

= w =
(แอบโลภ 555+)
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: i_lost in.. ที่ 06-02-2010 02:02:04
กลับมาอ่านกี่รอบกี่รอบก็ชอบเรื่องนี้ค่ะ  คิดถึงหนูจิน แสงเหนือ

คุณ ยาโยย คุณDD

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: moony ที่ 06-02-2010 12:41:49
 o13

เรื่องน่ารักสุดๆๆ


แสงเหนือ กะจิน เจ๋งมากๆๆ

แต่ที่ดีกว่านี้ก็คือ  คุณ ดีดี กะคุณยาโยย :L1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 13-02-2010 21:31:01
เรื่องนี้รวมหลายๆอย่างเอาไว้

จนทำให้คนอ่านอย่างเราจะกลายเป็นกิ่งก่า เปลี่ยนสีได้เหมือนเปลี่ยนอารมณ์

ฮ่าๆ

แล้วยิ่งตอนจบ มันยิ่งเครียด แว๊กกกกกกกกกกกกก ไอ่เมวดาติ้งต๊อง เรื่องหน้าขอให้เป็นนายเองที่โดนจับกด!!! :oo1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 15-02-2010 14:57:35
น่ารักมากมายค่ะ :-[
แต่แอบกลัวว่าอ่านตอนต่อไปแล้วจะเจออะไรเศร้าๆ
อ่านจนถึงตอนหกแล้วไม่รู้จะสงสารใครดี
เจ้าจินที่ต้องตายอย่างไม่ทันรู้ตัวก็น่าสงสาร
แต่คนที่ต้องจมกับความผิดอย่างแสงเหนือก็น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 15-02-2010 15:09:19
อ่านตอนเจ็นดแล้ว
ชักจะกลัวว่าอิตาคุณอั้มนี่จะมาเป็นคู่แข่งพ่อแสงเหนือแฮะ :serius2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 15-02-2010 15:17:09
กรี๊ดได้อีกค่ะ พี่เหนือน้องจิน ฮา
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 15-02-2010 15:34:47
555+ หลับตาปี๋แล้วใช้มือยันเล็กน้อยแต่พองามเยี่ยงนั้น
มันเป็นสูตรของนางเอกหนังไทยจ้ะ น้องจิน ฮา :z2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: n_pom_s8 ที่ 11-03-2010 21:27:37
อ่านแล้วชอบมากครับ  ร้องไห้ด้วยเลย :m15: :m15:
 :m15:การลาจากกันยังมีโอกาสเห็นหน้า
 แต่การตายจากเหลือไว้เพียงความทรงจำ
ที่อาจลบเลือนได้
น่าจะมีตอนพิเศษนะ    :call: :call: :call:
ขอบคุณคนเขียนและคนโพสด้วยนะครับ o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 13-03-2010 04:20:58
นั่งอ่านรวดเดียวจบไม่ยอมหลับยอมนอนเลยค่ะ

โฮ...หนูอยากได้ตอนพิเศษ~~~!!!!

ประทับใจมากมายค่ะทั้งพล็อต ภาษาและคาแรคเตอร์ตัวละคร

เกือบๆจะร้องไห้ตอนคุณหญิงเธอไล่ออก บีบจิตดีจริงจริ๊ง....

ว่าแต่ปิดท้ายได้อย่างฮาค่ะ สายไฟทั้งยวง 555+

ว่าแต่ เฮ้อ...ไม่มีตอนพิเศษหน่อยจริงๆเหรอคะ...

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 14-03-2010 20:13:40
จะอ่าน แต่ยังไม่ได้อ่าน กลัวเศร้าจัง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 14-03-2010 20:38:09
จะอ่าน แต่ยังไม่ได้อ่าน กลัวเศร้าจัง

อ่านเถอะค่ะ ไม่เศร้าหรอก
เชื่อเถอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 14-03-2010 21:50:44
เรื่องนี้คุณ DD ไม่รวมเล่มบ้างเหรอค๊ะ อยากได้ค่ะ :call:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 06-04-2010 16:01:13
อ่านจบแล้ว ชอบมากมายฮับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: testified ที่ 08-04-2010 22:28:10
ซึ้งมากกกก ต้องนั่งทำใจต่อพักใหญ่ แบบว่าเรื่องจบอารมณ์ไม่จบค่ะ

เป็นตอนจบที่ดีนะคะ ไม่รู้สึกค้างคาอะไร ถ้ามีตอนพิเศษก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ยังรู้สึกว่ามันสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว

ขอบคุณสำหรับเรื่องสุดประทับใจค่ะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Overdose ที่ 16-04-2010 02:17:43
ขอตอนพิเศษได้ม้ายยย

ง่าๆๆ

มาต่อ อีกนิส น้า

ซึ้งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อ่านข้ามคืนเลยอะ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: AlexJ ที่ 16-04-2010 15:08:04
สนุกมากเลยค่ะ
ลุ้นอยู่นาน เสียดายไม่มีตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 18-04-2010 12:55:05
สนุกมากเลยค่ะ ซึ้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: sakurazaka ที่ 18-04-2010 21:20:00
เรื่องนี้มีการรวมเล่มแล้วนะคะ  :mc4: เข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ [Novel] ด้วยรักจากสวรรค์ By DD. Now on sale (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14645.0)
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 19-04-2010 08:01:14
ตามไปสั่ง
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 19-04-2010 23:38:28
อ่านจบในวันเดียว

จะไปหาเรืองที่คุณ D D เขียนอีก

ชอบคะ่ สนุก น่าติดตาม

เรื่องนี้จบไปนาน แล้ว

แต่อยากให้มีตอนพิเศษจังเลย

หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: E-mad ที่ 08-05-2010 00:09:23
รักเรื่องนี้จริงๆๆ

เคยอ่านแล้วนะเรื่องนี้
แต่อ่านแบบยังไม่ซึมซับ
ที่บอร์ดที่พี่ DD ลง
อ่านไปครึ่งเรื่องกลัวเศร้าไม่กล้าอ่าน

แต่จบแบบนี้ดีแล้วววว ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: kboom ที่ 13-06-2010 21:57:40
สนุกมาก ๆ

อ่านเเล้วอินอ่ะซึ้งมาก

ชอบมาก ๆ

ในชีวิตอยากมีสักครั้งที่จะได้เจอรักแท้แบบนี้อ่ะ

แต่ก็คงเป็นไปได้อยาก

555
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: simmomotalo ที่ 27-06-2010 11:15:30
จบแล้วหรา

สนุกมากเลย ซึ้งสุดๆ ๆๆ  :o8: :o8: :impress3: :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: jumjim89 ที่ 20-07-2010 23:57:42
 o13
 o13
 o13
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: GAYLOVELOVE ที่ 26-07-2010 19:19:47
สนุกมากกกกกกกก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Orm_Laws ที่ 26-07-2010 20:37:56
ชื่อเรื่องน่ากลัวจังครับ

กลัวเศร้าอ่ะ

ไม่อยากจิตตกไปหลายวัน

 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: Orm_Laws ที่ 27-07-2010 12:54:31
อ่านจบจนได้

สนุกมากครับ


 :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: banana49 ที่ 27-07-2010 22:51:41
เราพึ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากกกก
แสงเหนือน่ารักได้อีกอ่ะ ^^
ลุ้นแทบตาย เฮ้อ...
อยากให้มีตอนพิเศษจังเลย
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: tea ที่ 27-07-2010 23:07:12
น่ารักจังเลย
ดีจังที่ไม่เศร้า
แต่อยากได้ตอนพิเศษจัง
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 28-07-2010 04:53:41
พึ่งได้อ่าน แต่สนุกมาเลยครับ
อ่านไปน้ำตาเล็ดกันเลยทีเดียว

อยากให้มีภาคต่อ หรือตอนพิเศษจังครับ
อยากรู้เรื่องรักครั้งใหม่ของแสงเหนือกับจิน(เอ๊ะ! หรือจินดนัยนะ)
หัวข้อ: Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD ตอนจบ – ...Fall Again / จบแล้วคร๊าบบบบบ >.<~~!!
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 21-08-2010 00:30:19
สนุกมากเลย อ่านแล้วเสียน้ำตาไปสุดๆ ขอตอนพิเศษหน่อยสิคะรู้สึกเหมือนยังไม่จบดีอ่ะ ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสต์ค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 22-10-2010 01:35:38
 :-[ :-[ :-[

โอ้ววว ววว แม่เจ้า อบอุ่นมากค่ะ

สนุกมากๆด้วย เป็นเรื่องที่ต้องตามลุ้นตลอด ขอบคุณ

ขอบคุณแสงเหนือ ที่จำจินได้

อยากเป็นกำลังใจให้ สร้างสรรค์ผลงานดีๆ แบบนี้ออกมาอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: arewhy ที่ 22-10-2010 15:20:17
อ่านจบแล้วครับ
สนุก ครบทุกรสมากๆ
ทำเสียน้ำตาไปหลายครับ

ขอบคุณมากๆครับ ที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: £.Ma|e¥ ที่ 30-10-2010 15:57:26
สนุกมากกกกกกกก
จะสั่งซื้อหนังสือด้วย ว่าแต่มีตอนพิเศษด้วยใช่มั๊ยคะ
อยากรู้มากๆ ว่าจะเป็นไงต่อ
หวังว่าในเล่มคงมีนะึคะ
ขอบคุณค่ะ ซึ้งมากๆ  :m5:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 31-10-2010 15:24:39
จบได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ...แต่อยากได้ตอนพิเศษจังเลยอ่ะ  :L2:

ยอมรับว่าเสียน้ำตาไปเยอะช่วงหลัง ๆ ที่อ่าน...แต่อดหัวเราะพรืดออกมาไม่ได้ตรงบรรทัดสุดท้าย  :m20:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Miku ที่ 12-11-2010 23:52:10
จำได้ว่าตามอ่านนิยายคุณ DD มาตั้งแต่บอร์ดอินุ จนล่มสลายหาที่ไปไม่เจอ
จนมาเจอที่นี่ดีใจมากเพราะได้อ่านเรื่องดีๆอีกแล้ว

ยังใช้สำนวนการแต่งได้น่ารัก และตลก ได้ดีเหลือเชื่อ
ชอบมากค่ะ และจะติดตามผลงานตลอดไป ^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: SE_Lifestyle ที่ 28-11-2010 13:50:04
อ่านเรื่องนี้เเล้ว ซึ้งจังเลย :sad11:
อ่านรวดเดียวจบ  น้ำตาซึม ตั้งกะต้นยันท้าย ซึ้งมากๆ
เป็นความรักที่สวยงามจริงๆ 

เป็นกำลังใจนะๆๆ 
เเล้วขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาฝากกันนะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: eyerabbit ที่ 28-11-2010 19:16:46
สายไฟทั้งยวง!!!  ใครจะเป็นผู้โชคดี(เหรอ) รายต่อไปกันหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Cressent ที่ 29-11-2010 17:59:02
 o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: myall ที่ 30-11-2010 00:28:06
ประทับใจจริงๆเรื่องนี้ ซึ้งมากมาย ตอนอ่านแรกๆเห็นนายเอกโก๊ะๆคิดว่าคงไม่เครียด แต่พอตอนลงมานี่สิดูท่าอาจจะจบเศร้า แต่ก็ยังอ่านมาเรื่อยๆเพราะประทับใจจริงๆค่ะ แต่อ่านไปน้ำตาไหลไปเป็นปี๊บเลยเนี่ย
เทวดาทำไมซุ่มซ่ามจัง คราวนี้หลุดมาทั้งยวงเลยเหรอเนี่ย ขนาดคราวที่แล้วเส้นเดียวอ่ะนะ ^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 02-12-2010 20:43:22
ดีจังที่จบอย่างมีความสุข แต่คุณเทวดาคราวนี้สายไฟหลุดมาเป็นยวงอย่างนั้นคงกลบเกลื่อนไม่ไหวแล้วมั้ง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: YYY ที่ 05-12-2010 15:24:26
ซื้อหนังสือและอ่านจบไปซักพักแล้วค่ะ แต่เรื่องราวก็ยังติดอยู่ในใจบางครั้งนั่งๆอยู่มันก็จะแวบขึ้นมา นีกถึงตอนนั้นตอนนี้ในหนังสือ
เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่อยู่ในชั้นหนังสือสะสมส่วนตัวค่ะ(จะเก็บเฉพาะเรื่องที่ชอบมาก)
ตอนที่แสงเหนือตาหายแล้วและไม่มีความทรงจำของจินดนัยอยู่อ่านแล้วเศร้าจัง
แต่มากระชากความรู้สึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันอีกครั้ง
ตอนอ่านรู้สึกอินมากเลยค่ะกับเรื่องราวตอนนี้
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆและประทับใจนี้นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: soul_merupa ที่ 06-12-2010 15:31:38
อ่านจบหมดทุกตอนแล้วค่ะ
แบบว่าสนุกมาก ชอบภาษาที่เขียนน่ะค่ะ พอเศร้าก็เศร้าเอาจริง พอฮาก็ฮากลิ้ง
แสงเหนือกับจิน น่ารักมาก ชอบมากค่ะ
อ่านแล้วอารมณ์ดี
แต่ตอนจบแอบแบบ... อ้าว จบเร็วงะ มันฉึบ! เหมือนโดนตัดหนัง (ฮ่าๆ)
คือ อยากรู้ว่าแสงเหนือจะทำยังไงต่อ อยากรู้ว่าความทรงจำจะรีกลับมามั้ย แล้วทุกคนจะจำจินในแบบไหน
ในแบบ  1 ปีที่ผ่านมา หรือว่าจะเริ่มเรียนรู้จินใหม่อีกครั้ง
ยังไงก็..
สนุกมากๆ ค่ะ ขอบคุณที่แต่งให้ได้อ่านนะคะ :D
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: tomodaging ที่ 07-12-2010 20:49:19
กลับมาอ่านอีกรอบ เพิ่มความซึ้งให้ซึมเข้าสายเลือดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 07:28:36
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: aprilmonth4 ที่ 27-12-2010 08:19:05
จบดีมากๆ เลยค่ะ
เป็นตอนจบที่ยอดมากๆ ในความรู้สึกเรา   อ่านแล้วประทับใจมาก
ชอบจินดนัยนายเอกของเรื่องจังค่ะ   เป็นคนดีมาก
ที่สำคัญคือ  มั่นคงกับความรักสุดๆ
หวังว่าต่อจากนี้ไปชีวิตของเขาจะมีความสุขสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Loidelohm ที่ 20-02-2011 17:31:18
จะยังไง แสงเหนือกะจินก็แฮปปี้แน่ๆ
เฮ้อ.............
ขอบคุณ คุณDD และ คุณ yayoy มากๆครับ
มีเรื่องหน้ามาลงเร็วๆก็ดีนะครับ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 20-02-2011 17:54:23
 :o8:

เนื้อเรื่องสนุก แอบดราม่าเล็กๆ
แต่จบไม่ค่อยเคลียร์เลย

อยากให้แฮปปี้ๆหวานๆอ่ะ

หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: vita.Min ที่ 21-02-2011 17:20:23
ชอบบเรื่องนี้มากเลยครับ

ซื้อหนังสือมาเรียบร้อยแล้ว
ตอนพิเศษน่ารักมากเลยครับบ

repล่าง  ตอนนี้ก็ยังมีขายนะครับ  หาซื้อได้อยู่ครับ ^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 22-02-2011 02:47:10
เป็นเทวดาที่ทั้งซุ่มซ่ามและสับเพล่าจริงๆเลย สายไฟทั้งยวงเลยอะ อยากอ่านตอนพิเศษบ้างจังง แต่คงไม่ทันแล้ว...
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 25-02-2011 14:47:56
 o13
อยากกกกกกกกอ่านตอนพิเศษบ่างจังครับ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 27-02-2011 14:15:44
อ่านจบแล้ว
เรื่องนี้เต็ม 10 ให้ 100 เรยอะ
กระชากอารมณ์สุด
 :m15: ฉากเศร้า ก็ปวดใจซะ
 :laugh: ฉากฮาก็ขำกลิ้ง
บอกได้คำเดียวว่า โดนนนนน
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 29-05-2011 21:30:42
โอยยยยยยยย ค้างอ่า จบแบบนี้มันค้างคาอย่างไรก้อไม่รู้

แต่ก็ซึ่งและประทับใจมากๆๆเลย

ชอบจินมากๆๆ เลย เป็นนายเอกที่มั่งคงในความรัก และเป็นคนดีมากๆๆ

ส่วนพระเอก นายแสงเหนือ ก็น่ารัก สมกับเป็นพระเอก

อ่านแล้วรู้สึกประท้บใจและชอบเรื่องนี้มากมาย

พออ่านจบแล้วมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

มันทั้งประทับใจ ซึ่ง ฮา

ขอบคุนมากๆๆเลยคับ ตอนนี้กำลังหาซื้อยู่เรื่องนี้อยู่ อยากอ่านตอนพิเศษ

รักเรื่องนี้นะครับ

หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: gear ที่ 30-05-2011 00:37:28
หาซื้อหนังสือเรื่องนี้ได้ที่ไหนคะ
อยากมีไว้ในครอบครองมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: lovelogically ที่ 30-05-2011 00:44:27
อ่านหน้าหนึ่งจบแล้ว

เดี๋ยวจะตามอ่านทีหลังต่อนะครับ

เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 30-05-2011 21:56:48
ชอบมากกกกกกกกกกก
อ่านรวดเดียวจบเลย
สนุกมากๆ ชอบมากๆ o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: n_dream_18 ที่ 26-07-2011 23:41:12
อ่านจบรวดเดียวเลยยยย
ซึ่งกับความรักมากๆๆๆ
อยากรู้เรื่องราวหลังจากนั้นอ่ะ
จะมีตอนพิเศษไหมเน้ออออออออออ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 07-08-2011 23:00:46
น่าจะมีภาคสองนะคะเนี่ย เทวดารุงรังดี  o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Fairy_94 ที่ 09-08-2011 00:59:30
อ่านจบแล้วค่ะ ^^ ขอบอกเลยว่า ประทับใจมาก !!
ประทับใจทั้งเนื้อหาและภาษาการดำเนินเรื่อง ....
โดยเฉพาะตอนจบ ขอบอกเลยว่า จบได้สวยและซึ้งมากๆค่ะ >///<

คนเรารักกันมันไม่ได้ใช่สมองจริงๆ มันใช้หัวใจ
เหมือนอย่างที่พี่เหนือจำพี่จินได้ ! กรี๊ดค่ะ อ่านถึงฉายสุดท้าย TT น้ำตาซึม...

ส่วนคุณเทวดาจอมซุ่มซ่ามค่ะ - -'' ขอให้เจอความรักไวๆนะคะ 55

สุดท้ายอยากจะบอกคนเขียนว่า ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: iamstevarr ที่ 09-08-2011 17:07:07
ความจริงไม่ชอบอ่านนิยายที่จบแบบ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน...

แต่เรื่องนี้มีคนแนะนำว่าดี...

พออ่านแล้วมันอืมมมม...ดีมากจริงๆ

ชอบมากจริงๆ มันอิ่มๆ และเศร้าไปพร้อมกัน....

แต่อ่านมาท้ายๆ ชอบคำพูดของจินที่ว่า "แค่ผมจำ เขาได้ก้อพอ" เท่านั้นแหละ น้ำตาไหลลลลเป็นทาง

สุดท้ายขอบคุณคนแต่ง และเอามาแบ่งปันนะคะ

ภาษาสวยเข้าใจง่าย เนื้อเรื่องเดินไปตามที่มันควรจะเป็น

ขอบคุณมากนะคะ (แต่แอบบหวังว่ามันจะมีภาคต่อ...)

ความรักทำให้โลกสวยงามเสมอ นะคะ --
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 03-09-2011 22:08:46
อ่านจบเเล้วน้ำตาเเทบท่วมร้องไห้เเทบทุกตอน สงสารจินกับเเสงเหนือ

เจ็บมากในการที่ทุกคนลืมเรา ตอนจบรู้สึกจะแฮป์ปี้ ดีใจมาก เเม้ในใจอยากให้มีตอนพิเศษซักตอนก็เถอะ

ขอบคุณมากคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: dxxppos ที่ 13-09-2011 20:10:19
ดีใจมากๆเลยครับ อ่านจบสักที เรื่องนี้ประทับใจสุดๆเลย

แอบน้ำตาไหลนิดหนึ่ง..ความรักมันชนะเทวดาจริงๆ

เรื่องนี้แอบคาใจบางอย่าง ตอนจบมันกระจ่างทุกอย่างว่า

แสงเหนือจำจินได้ ...มันค้างคาใจยังไงไม่รู้ หลังจากจินมีชีวิตอีกครั้ง

เรื่องราวมันเปนยังไง ..จบแบบนี้ก็แนวๆดีครับ จบแบบเข้าใจทุกอย่าง

ขอบคุณณครับสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: alekung103 ที่ 14-09-2011 00:41:02
อ่านรวดเดียวจนจบ

ประทับใจมากค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ แบบนี้

แต่อยากให้มีตอนพิเศษเหมือนกันนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 14-09-2011 01:54:58
ชอบมากๆเลยค่ะ

มีตอนพิเศษก็ดีนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: chizato ที่ 14-09-2011 21:36:23
เป็นตอนจบที่ดีมากๆเลยค่ะ o13
  ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
เพราะเราจะคิดเรื่องต่อไปตามใจเราได้
อย่างตอนสุดท้ายที่จินเดินสวนกะแสงเหนือ
  คงจะมีหลายคิดลุ้นให้จะแบบแฮปปี้
 แต่ก็มีบางคนลุ้นให้จบแบบเศร้าๆ

ชอบมากเลยค่ะ :-[(นั่งอ่านรวดเดียวเลย อิอิ)
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-09-2011 21:02:23
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ทำให้น้ำตาซึมได้เลย :monkeysad:
มีครบทุกรส สุข เศร้า ซึ้ง แง้ๆๆ ชอบมากๆๆๆ ชอบมากจนน้ำตาไหล :sad4:
รู้สึกดีนะคะที่จินไม่บอกว่าตัวเองคือต้น ถึงแม้ว่าตอนแรกมันจะเป็นแค่เงื่อนไขของเทวดาติงต๊องก็เถอะ :เฮ้อ:
แล้วตอนจบแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกดีอีกเหมือนกันค่ะ รู้สึกมันสมบูรณ์ในตัวมันอยู่แล้ว
โอ๊ยย ชอบมากๆๆๆๆ น่าจะเข้ามาอ่านตั้งนานแล้วเนี่ย :z3:
ขอบคุณจขกท.ที่เอานิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ ถึงจะลงนานแล้ว แต่ก็อยากขอบคุณอยู่ดีค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 12-10-2011 22:41:50
น่ารักอ้าาาา  อิอิ อยากเห็นเวอร์ชั้นภาพยนต์จัง ซู๊ดยอดดดดด ครบรสเลย o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: kolapapaya ที่ 16-10-2011 11:46:16
อยากอ่านตอนคุยกันอีกทีจัง อิอิอิ    :z2:

สนุกมากเลย ต้นเสียสละมากๆๆๆ ดีแล้วที่เทวดาสะดุดปลั๊ก ไม่งั้นแสงเหนือตายไปแล้ว 

แสงเหนือก็ทำซึ้งมาก ไม่ยอมผ่าตัดตาเพราะต้น :sad4:

ตอนต้นบรรยายชีวิตรันทด ตลกดีค่ะ  :m20:

 :pig4: :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Mickii ที่ 12-04-2012 00:02:02
อ่านเรื่องนี้แล้วอินตามไปกับทุกตัวละคร ชอบจินมากเปงตัวละครที่น่ารัก
ยิ่งแสงเหนือตอนหลังๆ พาใจละลายทุกที อยากอ่านต่อ....


อยากได้หนังสืออ่ะ จะหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Mickii ที่ 12-04-2012 00:18:17
อ่านเรื่องนี้จบภายในวันเดียว..... ได้ความรู้สึกและอารมณ์ที่หลากหลาย

ชอบจินมากเป็นตัวละครที่ชอบมาก เพราะทั้งใจอ่อน ยิ้มเก่ง พูดมาก
แต่ก้อมั่นคงในรัก หวังว่าตอนพิเศษเค้าทั้งคู่จะเจอกัน

แอบเกลียดแสงเหนือที่จำจินไม่ได้ เค้าอยากได้นิยายเรื่องน้ีหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 12-04-2012 00:42:25
อ่านเรื่องนี้จบภายในวันเดียว..... ได้ความรู้สึกและอารมณ์ที่หลากหลาย

ชอบจินมากเป็นตัวละครที่ชอบมาก เพราะทั้งใจอ่อน ยิ้มเก่ง พูดมาก
แต่ก้อมั่นคงในรัก หวังว่าตอนพิเศษเค้าทั้งคู่จะเจอกัน

แอบเกลียดแสงเหนือที่จำจินไม่ได้ เค้าอยากได้นิยายเรื่องน้ีหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง

ลองดูที่นี้นะคะ
http://www.weloveshopping.com/template/w17/showproduct.php?pid=16033837&shopid=111727

ในรวมเล่มจะมีตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในบอร์ดด้วย  อยากให้ได้อ่านตอนพิเศษนี้ค่ะ มันช่วยเติมเต็มตอนจบ อ่านแล้วจรรโลงใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 23-04-2012 23:58:01
ประทับใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 25-04-2012 15:31:32
อ่านเรื่องนี้แล้ว สนุกมากเลยค่ะ
อยากให้มีตอนพิเศษจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mulli ที่ 01-06-2012 04:17:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-06-2012 08:12:29
ชอบๆๆ o13 o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Pair_p ที่ 07-06-2012 22:27:50
สนุกมากค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจไม่รู้ลืมเลย TwT
แต่ยังติดต่อหาซือหนังสือไม่ได้... OTL จะพยายามหาต่อไปค่ะ....
ขอบคุณทั้งผู้แต่งและผู้นำมาลงมากๆ ถ้าไม่มีพวกคุณเราคงไม่ได้อ่านนิยายดีๆน่ารักๆอย่างนี้  :กอด1:

ปอลิง. มีแค่เรารึเปล่าที่รู้สึกว่าตาเทวดาติงต๊องเขาจะมีคู่ของเขา(เทวดาองค์อื่น)อยู่แล้วอ่ะ?
เพราะมีอยู่ตอนนึงที่ตาติงต๊องแกบ่นๆว่าถ้าเป็น "หมอนั่น" รู้ถึงความผิดพลาดของแกล่ะก็ บลาๆๆๆ
"หมอนั่น" เนี่ย.. มันฟังดูมีซัมติงรองเนอะ.. เนอะ... -.,- //ปาดกำเดา
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 08-06-2012 22:20:33
แบบว่าเอิ่มมมมมมม

ตอนจบค้างๆๆไงก็ไม่รู้เนอะ 555

แต่อย่างน้อยเขาก็รักกันใช่ไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: stdvic ที่ 17-06-2012 19:13:17
ประทับใจมาก
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 24-06-2012 03:22:10
จบห้วนไปนิดนะคะ
แต่ก็สนุกดีค่ะ
ขอบคุนที่นำมาลงค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: witchhound ที่ 25-06-2012 02:30:54
ตอนจบทำเอาอึ้งเลย
คือจะไม่เขียนต่อสักหน่อยหรอ
:sad4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 25-06-2012 14:01:11
อ่านจบแล้ว รวดเลย เป็นเรื่องที่ประทับใจมากกก ชอบอะ

ชอบเจ้าริชชี่ด้วย ตอนบรรยายมันอ่านแล้วนึกภาพเจ้าตัวกลมวิ่งดุ๊กดิ๊กออกเลย

ขอบคุณมากๆ ตอนจบก็ชอบ เราว่าจบโอเคเลยอะ มีความสุขจัง :-[

:กอด1:

เอ พอทราบมั้ยคะว่าคุณDDมีแต่งเรื่องอื่นอีกมั้ย อยากตามอ่านจังค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 26-06-2012 23:40:53
ยกเรื่องนี้ขึ้นหิ้ง  นิยายแนะนำ..เรื่องนี้ต้องอ่านเลยค่ะ
คุณDD  o13 สุดยอดนักเขียนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 29-06-2012 00:14:03
น่ารักมากๆ อยากอ่านตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 30-06-2012 15:19:32
อ่านจบแล้ว โอยยยย
เป็นนิยายที่มีคุณค่าอีกหนึ่งเรื่องมากๆ ยกให้เป็นนิยายในดวงใจอีกหนึ่งเรื่องเลย
มันครบมากๆเลยเรื่องนี้ ภาษาการเขียนก็อ่านง่าย สนุกตลกเศร้าซึ้ง ทุกอย่างเลยจริงๆ
สุดยอดมากๆ

 o13

ปล.พยายามจะหารวมเล่นอยู่อยากอ่านตอนพิเศษมากๆ T^T
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 01-07-2012 00:19:24
เพิ่งรู้จักเล้าเป็ดได้ไม่นาน เลยเพิ่งรู้จักนิยายเรื่องนี้
พาลทำให้รู้ว่า ประโยคที่บอกว่ากาลเวลาไม่เคยทำให้คุณค่าของทุกสิ่งลดลง
นิยายเรื่องมีครบรส ถ้าไม่ได้อ่านคงเสียใจไปตลอด
ดีมากจริง ๆ ^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 01-07-2012 01:10:43
ตามมาจากกระทู้แนะนำ
เริ่มอ่านตอนตี1 อ่านรวดเดียวจบไม่ได้นอนเลยทีเดียว
คนเขียนเขียนดีมากก สนุกมากๆเลยค่ะ ประทับใจสุดๆ
แต่ตอนจบแอบค้างนิดนึง เดี๋ยวจะไปหาซื้อหนังสือมาอ่านตอนพิเศษ  :-[
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 02-07-2012 01:20:07
คือร้องให้มาครึ่งเรื่องแล้วมาเจอตอนจบอย่างเนี้ยยย หนูแสดดดดมากก  ตังออกจะรีบซื้อหนังสืออย่างด่วน
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-07-2012 22:15:23
เขียนได้สนุกดี มีข้อคิดด้วยนะ

ชอบตอนจบมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Arkiiz ที่ 04-07-2012 01:36:27
ขอบคุณ คนเขียน ที่ทำให้มี นิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่าน

ขอบคุณ คนโพสที่เอามาลงให้ได้อ่าน

ขอบคุณที่ทำให้ผม มีความเชื่อ ในรัก อีกคร้ัง


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก เรื่องดีมากเลยครับ พล๊อตเรื่องดี ต่อเนื่อง นิยายเรื่องนี้ มีค่ามากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Namioto ที่ 04-07-2012 02:44:30
นิยายเรื่องแรกที่ทำให้ร้องไห้จะเป็นจะตาย 555+

แต่จบแฮบปี้ก็มีความสุขโคตรๆเลยครับ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ (นั่งอ่านรวดเดียวจนจบเลย 55 พรุ่งนี้ไปเรียนเช้า เย้...)

อ้อนวอนตอนพิเศษอีกคน 55 คาดหวังอย่างแรงกล้า ตอนนี้ยังมีหนังสือเหลืออยู่มั้ยอ่ะครับ อยากได้อ่า~

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ เป็นนิยายที่ดีมากจริงๆ ไม่ขาดไม่เกิน แต่เต็มอิ่มแล้วก็ประทับใจมากๆเลยฮะ^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-07-2012 17:39:34
เพิ่งอ่านจบเมื่อคืน แต่คืนก่อนนี้แทบไม่ได้นอนค่ะ สนุกมากมาย พล็อตเรื่องแปลกแหวกแนว ชอบมากค่ะ
จินอ่ะน่ารักมาก กะแล้วเธอฆ่าใครไม่ได้หรอกออกจะเป็นคนใจดี ในที่สุดก็รักกันจนได้
พระเอกเราก็น่ารักไม่แพ้กัน ทั้งขี้อ้อน ขี้หวง ขี้ห่วง ขี้หึง สารพัดแหละ แต่อ่อนโยนและรักจินชะมัดเลย
เย้ๆๆ ตอนหลังเค้าก็จำได้กัน เทวดาต้องยอมเท่านั้นค่ะจุดนี้ ฮาคุณเทวดามาก อะไรของเค้าก็ไม่รุ

ขอบคุณทั้งผู้เขียนและผู้ลงค่ะ ขอบคุณผู้แนะนำในกระทู้แนะนำนิยายด้วยค่า
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 04-07-2012 22:10:24

ปวารณาตัวเป็นแม่ยกนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ใครที่ชอบอยากเก็บนิยายเรื่องนี้ (รับรองไม่ผิดหวัง) ยังมีขายอยู่ที่นี้นะคะ มีอยู่สองร้าน


http://sakurazakashop.lnwshop.com/product/2/dd-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C

http://www.weloveshopping.com/template/w17/showproduct.php?pid=16033837&shopid=111727

ในรวมเล่ม มีตอนพิเศษที่น่ารักมากกกกกก อยากให้ได้อ่่านจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 05-07-2012 21:24:10
นิยายเรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ครบทุกรส น่ารัก ตลก หวาน เศร้า ซึ้ง ตื่นเต้น โรแมนติกและหื่นนิดๆเป็นกระษัย :z1:

หนูจิน น่ารัก มีอารมณ์ขัน พูดเก่ง ใจดี ชอบนายเอกลักษณะบุคลิกแบบนี้มากๆ มันดูน่า"ถูกรัก"จริงๆ
พระเอก..พี่เหนือก็น่ากรี๊ดเป็นที่สุด จากลุคแบดบอยค่อยๆกลายเป็นผู้ชายที่โรแมนติก อบอุ่น
เนื้อเรื่องดี บรรยายเยี่ยม คนแต่งยอด  o13
ขอบคุณคุณคนโพสและคนแนะนำนิยายเรื่องนี้ต้องอ่านด้วยค่ะที่ทำให้อ่านนิยายดีมากๆเรื่องนี้  :pig4:

หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 06-07-2012 22:44:21
เข้ามาอ่านอีกรอบก็ยัง  :m1: เหมือนเดิม   o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Meaw01 ที่ 12-07-2012 20:04:44
เขียนได้เก่งมากเลย อ่่านสนุกมาก :3123:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 12-07-2012 20:06:33
สุดยอดพลาดไปได้ไงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 13-07-2012 02:54:24
สนุกมากค่ั ครบทุกรสชาติเลย o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 13-07-2012 22:12:56
น้ำตาไหลพรากๆ เศร้า ซึ้ง ฮา ครบรสมากๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: jimun ที่ 15-07-2012 01:34:31
มาเจอเรื่องนี้เมื่อสายไป(มาก)แล้ว  :monkeysad:
ใช้เวลาอ่านราวๆสามวัน สนุกมากเลยค่ะ
น้องจิณน่ารัก พี่เหนือก็น่าหยิก พี่อั้มก็ตลกดี

แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วแสงเหนือจะรู้รึยังว่าน้องจิณกับต้นเป็นคนเดียวกัน
ต้องตามอ่านในสเปสินะ ขอบคุณเม้นก่อนๆที่บอกแหล่งด้วยนะคะ
จะตามไปซื้อหามาไว้ในครอบครอง

ขอบคุณคุณ DD นะคะที่แต่งนิยายน่ารัก น่าประทับใจมาให้อ่าน
ขอบคุณม่าโยยยยยยยยยย ที่เอาเรื่องดีๆมาลงให้อ่านนะคะ
ไม่เคยเจอม่าในเล้ามาก่อน แปลกดี อิอิ *กอดม่า*

ขอบคุณมากค่า  :bye2:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: maple4120 ที่ 21-07-2012 19:47:51
สนุกมากๆเลยค่า สุดท้ายก็แฮปปี้เอนด์อ่ะ ดีใจจริงๆ
ชอบคุณเทวดาแฮะ เปิ่นได้ใจสุดๆ 555 คราวนี้สายไฟทั้งยวงเลยนะ วุ่นแน่ๆ
ในท้ายที่สุด ความรักก็มีอาณุภาพเหนือสิ่งอื่นใดจริงๆ ซึ้งจังเลยน้า
ถึงจะแอบอยากรู้ว่าจากนี้จะเป็นไงต่อ แต่จบแบบนี้ก็สวยดีแล้วแหละ
รู้สึกดีจังที่ได้มาเจอเรื่องนี้ แสงเหนือน่ารักที่สุดในสามโลก อยากได้แฟนอย่างงี้บ้างอ่ะ ไปเก็บจากไหนได้บ้างเนี่ย
แต่อ่านไปบางตอนก็รู้สึกว่าจินแอบเลวอ่ะ นินทาเหนือด้วย กับลุงโตก็ยังไม่ได้เคลียร์กันเลยนี่นา
แอบหวังว่าจะมีตอนพิเศษด้วย แต่ก็ไม่แฮะ เสียใจ T_T
ยังไงก็ดีใจที่ได้มาเจอเรื่องนี้ค่ะ
คุณ DD แต่งสนุกมากๆ จะติดตามต่อๆไปนะคะ ขอบคุณคุณคนโพสด้วยค่ะที่ทำให้เราได้รู้จักนิยายดีๆแบบนี้ :D
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Aladin ที่ 06-08-2012 14:26:36
 ปวดตา ปวดหลัง เมื่อยต้นคอ .... เพราะแสงเหนือกับเจ้าจินเนี่ยแหละ  :m15: :m15:
อ่านรวดเดียวจบเลยสงสารตัวเองก็สงสาร แต่สงสารเจ้าจินมากกว่า งืมมม
  ชอบการเขียนมากเลยค่ะ(แอบเหมือนหลายๆคนเลย) :o8:
ถ้าพื้นคืนชีพอีกที  :m15:จะรีบไปตามหาเรื่องอื่นๆมาอ่านค่ะ สัญญา ๆ 
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-08-2012 21:32:08
ซาบซึ้ง น่ารัก อ่านไปก็น้ำตาไหลไป
ชอบจิน นิสัยน่ารัก น่าหมั่นเขี้ยวเป็นที่สุด จินเป็นเทวดาน้อยๆตัวจริง
ตัวละครหลักตัวอื่น ก็ชอบทุกตัวเลย
จบแบบนี้ก็โอเคสำหรับเรานะ คุณเทวดาจอมเปิ่น(ที่ยังไม่เคยมีรัก)ยังซึ้งกับตอนจบ จนต้องปาดน้ำตาเลย  :sad11:
อยากอ่านเรื่องอื่นๆของคุณDDอีกจัง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Milk ที่ 08-08-2012 11:27:11
ในที่สุดก็อ่านจบ ถึงตอนสุดท้ายจะให้ไปลุ้นกันเอาเอง

แต่ก็จบแบบแฮปปี้ อยากให้มีตอนพิเศษซักตอนก็ยังดี o18
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 08-08-2012 23:37:32
อร๊าย...ตอนจบนี่นะ กำลังซึ้งดีๆ คิดว่าพระเอกจะหันไปเจอนายเอก แล้วโผเข้ากอดซึ้งๆ
กลับต้องเบรคความซึ้งซะหัวทิ่ม เพราะถูกตักฉับๆ ฮั้ยย่ะ! อยากรุ้เรื่องหลังจากนั้นจัง
ซักกะนิดก็ยังดีแบบว่าอยากได้ซึ้งๆซักตอน เพราะตอนจบมันซึ้งค้างอยุ่อ่ะดิ่ เฮ้อ~~~~

อ่านเรื่องนี้นี่ตอนแรกๆไม่ค่อยตั้งใจอ่านเท่าไรนะ อ่านแบบผ่านๆพอรุ้เรื่อง
แต่พอเข้าตอนที่สองนี่อ่านแบบตั้งใจตลอดเลย ตรงไหนงงอ่านซ้ำ ฮ้าๆๆ
ตอนแรกนี้ตลกและน่ารักมาก แต่อ่านไปก็แอบกังวลถึงตอนจบไป กลัวจบไม่สวย
แล้วพอมาตอนหลังนี่ ดราม่าพีคสุดตอนที่จินเริ่มนับถอยหลังเวลาของตัวเอง
หลังจากกลับไปอยู่กับเหนือแล้วนั่นแหละ น้ำตาคลอมาเรื่อยๆเลย
แล้วสุดท้ายไอ้ที่คลอๆอยุ่มันก็ร่วงจนได้ ตั้งแต่ก่อนที่จินจะมานั่งเขียนจดหมายแป๊บนึง
กว่าจะหยุดก็ไอ้ตอนที่จินขึ้นมาทะเลาะ คาดคั้นความจริงกับเทวดาจอบแสบนั่นแหล่ะ
แล้วสุดท้ายตอนจบเจ้าเทวดาจอมแสบก็มาทำเปิ่นเอาฮา เบรคความซึ้งกันซะหัวทิ่มซะงั้น
แล้วยังสายไฟที่สะดุดหลุดมาทั้งยวงนั่นอีก คราวนี้จะไปทำชีวิตใครเค้ายุ่งอีกหล่ะนั่น
ซุ่มซ่ามหาเรื่องใส่ตัวเองอีกแล้วววว (แอบสมน้ำหน้าเล็กๆ ฮ้าๆๆ ป่วนนายเอกเราไว้เยอะ)
ไม่รุ้จะสงสารใครดีระหว่างเทวดาป่วนๆขาดๆเกินๆ กับมนุษย์ดวงซวยเคราะร้าย เฮ้อออออออออ
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 09-08-2012 02:27:46
มันค้างๆไงไม่รู้
แต่เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก ชอบทุกตัวละคร เป็นเอกลักษณ์ดีมาก
ภาษาก็สวย
แต่เรื่องจริงมีเทวดาแบบนี้โลกคงปันปวนน่าดู
ชอบมาก
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมากให้ได้อ่าน
^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: pumpkinJack ที่ 18-08-2012 00:02:22
เรื่องนี้ทำอินมาก มากจริงๆ รักทุกบรรทัด รักทุกตัวอักษร ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา
อธิบายความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ แต่ดีใจเหลือเกิน ประทับใจ รักทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเรื่องนี้ค่ะ

ดูจากปีที่โพสต์ 2008 นานมาก ถึงเราจะเจอกันช้าแต่ก็ยินดีที่เราได้เจอกัน
คิดๆดูแล้วดีแล้วที่ได้เข้ามาอ่านตอนที่เรื่องนี้โพสต์จบแล้ว ไม่งั้นเราคงต้องขาดใจตายแน่
กับการรอคอยตอนแต่ละตอน แค่ต้องเลื่อเมาส์คลิกเพื่อผ่านไปหน้าต่อไป ใจมันก็กระวนกระวายร้อนใจจะแย่
อาจจะฟังดูเวอร์ แต่คิดแบบนั้นจริงๆ 555

ขอบคุณ คุณเทวดาจอมซุ่มซ่าม ปากเสีย ขี้ประชด แต่ใจอ่อนสุดๆคนนั้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: toon12900 ที่ 20-08-2012 00:32:43
โกรธคนแต่งแน่ !!!~ ถ้าไม่ลงตอนพิเศษ         *** ลงให้หน่อยน้ะคับ***
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 20-08-2012 09:27:59
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเพื่อเอาใจช่วยนายต้นกับพี่เหนือ
เวลาพี่เหนือเรียก จิน...จิน.... โอ้วววววววววววววว ╰( ̄▽ ̄)╭ น่ารัดดดดดด
อยากมีพี่เหนืออีกสักคนบ้างจัง นี่ชอบจินทั้งๆไม่เคยเห็น โฮกกกกกกก บุพเพ อุ้มสม พรหมลิขิต ▔□▔)/▔□▔)/▔□▔)/
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: หมูน้อย ที่ 20-08-2012 15:52:02
จบซะและ 


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: sakurazaka ที่ 22-08-2012 01:36:49
โกรธคนแต่งแน่ !!!~ ถ้าไม่ลงตอนพิเศษ         *** ลงให้หน่อยน้ะคับ***

ขอเรียนชี้แจงในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ ตอนพิเศษจะมีอยู่ในเฉพาะหนังสือเท่านั้นค่ะ เพื่อเป็นการตอบแทนแก่ผู้ที่อุดหนุนผลงานรวมเล่ม ไม่มีโพสออนไลน์ที่ไหนทั้งสิ้น ทางเราต้องขออภัยด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: toon12900 ที่ 05-09-2012 16:16:21
เอ่อ อยากอ่านแบบรวมเล่มต้องทำยังไงอ่ะครับ ต้องซื้อ หรือว่ายังไง ถ้าต้องทำไง ช่วยตอบกลับข้อความหน่อยนะคร้าบ อยากอ่านต่อจริงๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 05-09-2012 22:29:57
เอ่อ อยากอ่านแบบรวมเล่มต้องทำยังไงอ่ะครับ ต้องซื้อ หรือว่ายังไง ถ้าต้องทำไง ช่วยตอบกลับข้อความหน่อยนะคร้าบ อยากอ่านต่อจริงๆ
PMไปหาแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: gear ที่ 06-09-2012 07:53:04
อยากได้หนังสือไว้ในครอบครองค่ะ  ต้องทำยังไงคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 06-09-2012 08:38:29

ปวารณาตัวเป็นแม่ยกนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ใครที่ชอบอยากเก็บนิยายเรื่องนี้ (รับรองไม่ผิดหวัง) ยังมีขายอยู่ที่นี้นะคะ มีอยู่สองร้าน


http://sakurazakashop.lnwshop.com/product/2/dd-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%8C

http://www.weloveshopping.com/template/w17/showproduct.php?pid=16033837&shopid=111727

ในรวมเล่ม มีตอนพิเศษที่น่ารักมากกกกกก อยากให้ได้อ่่านจริงๆค่ะ


นิยายรวมเล่มเรื่องนี้ยังมีขายตามลิ้งค์ด้านบนค่ะ ตามลิ้งค์ไปกดสั่งซื้อได้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: sakurazaka ที่ 08-09-2012 01:24:28
ขอบคุณ คุณ aorpp ที่เป็นแฟนคลับและแม่ยก มาช่วยตอบคำถาม ดันกระทู้ ตลอดจนอุดหนุนเสมอมามากๆ เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 10-10-2012 17:09:04
น้ำตาซึมทุกตอนเลย
จินน่าสงสาร
เหนือก็น่าสงสารไม่แพ้กัน
ดีนะที่เหนือจำไม่ใด้
แต่ถึงจำไม่ได้ก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่า ขาดหายอยู่ดี
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ
อ่านแล้วประทับใจมาก
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 04-11-2012 09:48:24
อ่านจบนานเเล้ว มีรวมเล่มเเล้วแต่ยังไม่ได้มาเม้นสักที
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อ่านบ่อย และประทับใจมากเลยค่ะ
เดาตอนจบของเรื่องไม่ได้เลยว่ามันจะออกมาทางไหน ในเมื่ออีกคนนึงตายไปแล้ว (?)
อีกคนนึงยังมีชีวิตอยู่มันจะกลับมารักกันได้ไง แต่พอมาอ่านตอบจบ + ตอนพิเศษในเล่มเเล้ว
ทำให้เข้าใจขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้เอง เป็นตอบจบที่ประทับใจมากเลยค่ะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุก ๆ มาให้ได้อ่านนะคะ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ประทับใจเราไปอีกนานเลยนะคะ
ขอบคุณมากนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 08-11-2012 01:24:43
เรื่องนี้สนุกมากกกกค่ะ  o13

ครบทุกรสชาติมาก แจ๋วๆ :D

แต่อยากให้มีตอนพิเศษมากๆเลยค่ะ อยากเห็นทั้งสองสวีทกัน >.<
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 08-11-2012 20:33:38
โหเรื่องนี้อ่านแล้วแบบว่าเขียนภาษาได้ลื่นไหลมากๆๆๆๆสนุกโครตๆ
ซึ้งก็ซึ้งกินใจแอบเศร้านิดๆ(ไม่นิดละมั้ง)แต่สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้><

ชอบแสงเหนือมากๆๆๆดูรักจินโครตๆรักจริงๆๆ...เรื่องนี้จบอย่างแนวอะ !!! ! ชอบมากกกกกก

ขอบคุณที่นำเรื่องดีดีมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Nile ที่ 13-11-2012 09:50:10
อ่านจบแล้ว เรื่องนี้สนุกมากค่ะ การบรรยายก็ไหลลื่น ไม่มีสะดุด อ่านแล้วฮาจริงๆ มีครบทุกรสชาติเลยค่ะ เรียกน้ำตาได้ตลอด(ขำจนน้ำตาไหล) ตอนหลังๆก็เริ่มเศร้า นับถอยหลังไปพร้อมๆกับจิน ฮืออออ อะไรมันจะเศร้าขนาดนั้น กลัวเหลือเกินว่าจะจบไม่สวย ดราม่าขั้นเทพอะไรประมาณนั้น  :o12: :o12:
พอเอาเข้าจริง.. ตอนจบก็จบแบบไม่จบน่ะนะ แต่ไม่ดราม่า(นี่แหละที่ต้องการ) :-[ ให้ไปจินตนาการต่อกันเอง แต่ดูจากที่แสงเหนือน้ำตาไหลแล้ววิ่งตามจินไปแล้วก็พอจะเดาได้แล้วค่ะ เป็นตอนจบที่ดี เหมือนกับให้สองคนได้กลับมาทำความรู้จักกันใหม่(หมายถึงแสงเหนือนะที่ต้องทำความรู้จักใหม่ จินน่ะรู้ไปถึงรูขุมขนแล้ว)

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ จะติดตามผลงานไปเรื่อยๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: infinitez123 ที่ 16-11-2012 16:40:00
ชอบมากเลย เพิ่งเคยอ่าน (ไปอยู่ไหนมา)
ชอบจินที่มั่นคงในความรักดี ซึ้งกับหลายๆตอนเลย TT
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: V ที่ 17-11-2012 20:39:53
น่ารักอ่ะ

แต่ท่าทางคุณเทวดาจะมีงานเข้าอย่างแรง เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 07-12-2012 10:43:05
มีคนแนะนำว่าเรื่องนี้สนุกเลยลองเข้ามาอ่าน
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ เนื้อเรื่องดำเนินได้ซาบซึ้งมาก เราน้ำตาแตกตั้งแต่ตอนที่คุณแม่บอกหั้ยจินออกไปจากชีวิตของเหนือแล้ว
ยิ่งตอนดำเนินเรื่องมาถึงช่วงเวลาที่จินจะต้องตายอีกรอบมันแบบว่า กระชากจิตใจ  :o12:
สงสารทั้งจินและเหนือ

ตอนแรกยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่อยากอ่านตอนสุดท้าย เพราะกลัวจบไม่แฮปปี้ แต่จะไม่อ่านก้อค้างคา สุดท้ายเลยอ่านจนได้
สุดท้ายแล้วมันเปนเรื่องชของหัวใจจริงๆ
ประทับใจอ่าาาา  :L1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: nutjisub ที่ 18-12-2012 10:30:50
บอกตามตรง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มองข้ามไปข้ามมา ไม่เคยอ่านเสียที เมื่อคืนมานั่งอ่านจนถึง ตี 3 อ่านรวดเดียวจบ อยากบอกว่าสนุกมากๆๆๆๆ  น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง หมดน้ำตาไปหลายลิตร ขอบคุณมากที่แต่งเรื่องดีๆๆ แบบนี้มาให้อ่านนะค่ะ ได้ทำการสั่งซื้อหนังตาม Link ที่บอกไว้แล้วค่ะ อยากอ่านตอนพิเศษมากๆๆๆๆๆ
ขอบคุณค่ะ

 o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 05-05-2013 23:51:13
อยากได้หนังสือ อยากอ่านตอนพิเศษ พลาดไปได้ไงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 10-05-2013 16:48:14
เย้  อ่านจบแล้ว

เรื่องนี้น่ารักมากอ่า

มีทุกรสชาติเลยนะ


ชอบแสงเหนืออ่า  ชอบชื่อนี้มาก


สนุกอ่า  ไม่มีตอนพิเศษหรอ อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 27-06-2013 20:38:56
เพิ่งอ่านจบค่ะ สนุกมากๆๆๆๆ

บางช่วงก็หวานน่ารัก บางช่วงก็หน่วงจนเล่นเอาน้ำตาซึม

ขอบคุณทั้งคนเขียน คนโพสต์สำหรับเรื่องดีๆอีกเรื่องนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: B_Story ที่ 28-06-2013 21:03:57
วันนี้อ่านไปร้องไห้ไปในที่ทำงาน!!!!

ร้องจนพี่ในออฟฟิศ(ที่ก็ร้องเหมือนกันเพราะอกหัก)ต้องชะงักไปเลยทีเดียว
ซึ้ง เศร้า สนุก มีครบทุกรสในเรื่องนี้ชอบมากๆค่ะ คงต้องไปหาหนังสือมาสะสมแล้วววว

ฟิน  :heaven
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 29-06-2013 12:57:59
 :L1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-12-2013 11:03:25
ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้สนุกมาก ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น กลัวไปหมด กลัวไม่แฮปปี้ กลัวตัวเองร้องไห้ แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้ อยากรู้ความเป็นไปว่าจะยังไง แต่พอตอนจบ รู้สึกเหมือนไฟดับเลยค่ะ กำลังเพลินปลั๊กหลุดซะงั้นอะ

อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนผู้คนที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ปลั๊กหลุดหมด 55555 ซะงั้นอ่ะ


หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 07-03-2014 07:25:28
สุดยอดมาก ประทับใจเรื่องนี้อย่างที่สุด ชอบมากมาย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยาย
ชื่นชมการเขียนของคุณ DD จริงๆ เป็นหนึ่งในวิธีการที่สมบูรณ์แบบในใจคนอ่าน
เต็มอิ่มในอารมณ์ เติมเต็มละเอียดมาก...น้ำตาซึมแล้วก็แห้ง ซักพักอมยิ้ม แล้วก็ซึมใหม่ วนไปมาสะใจ
จะติดตามอ่านและสนับสนุนผลงานอื่นของคุณ DD ต่อไป ต้องล่าอ่านกันหน่อยแล้วงานนี้
ขอบคุณผู้โพสท์ คุณ yayoy ด้วยยยย
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 07-03-2014 14:11:36
เป็นเรื่องที่สนุกมากอีกเรื่องนึงเลยค่ะ^^
แอบอยากอ่านตอนพิเศษ >.<

ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 12-03-2014 15:44:43
อ่านเป็นรอบที่สองแล้ว ยังไงก็รู้สึกประทับใจตลอดเลย ชอบมากเลยอ่ะ

เฮ้อออ น่าจะมีต่ออีกนิด นิดเดียวก็ยังดี


แต่ก้ดีแล้วที่สุดท้ายมันก็(ออกจะ)แฮปปี้


ชอบมากๆเลยค่ะ โอ๊ยยย

ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่นำเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: myall ที่ 12-03-2014 21:56:36
เจอซักที คิดถึงเรื่องนี้มากมาย เดี๋ยวว่างๆจะมาอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: ASSASSIN ที่ 13-03-2014 17:33:16
เข้ามาอ่านรอบที่สามแล้วครับ ยังหัวเราะ และน้ำตาซึมตามไปด้วยทุกที  :heaven :heaven :heaven

หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 15-03-2014 00:33:31
จบน่ารักมาก 55555  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: SilverLake ที่ 15-03-2014 01:01:20
อ่านจบด้วยความประทับใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 15-03-2014 22:01:00
แงๆ เค้าอยากให้มีตอนพิเศษอ่ะ มันห้วนไปนี้๊ดส์
 เพราะว่าเราอยากให้พระเอกรู้ว่า จินคือต้น และอยากให้จำเรื่องได้หมดทุกคนนน
 :katai2-1: :katai2-1: :katai1: :hao5:  :mew2:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 25-03-2014 01:41:59
 :L2: :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: seinia ที่ 29-03-2014 14:04:00
เรื่องนี้น่ารักมากเลย  :heaven

ปล. ฮือๆๆ อยากอ่านตอนพิเศษ  :z3:  :serius2:  :ling1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: choiaum ที่ 15-05-2014 11:15:57
ขอเม้นรวดเดียวเลยนะคะ ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ทั้งการดำเนินเรื่องและตัวละคร
 อ่านแล้วมีทุกอารมณ์จริงๆใช้ภาษาดีมากทำให้คนอ่านไม่รู้สึกเบื่อ o13
ร้องไห้ตั้งแต่ตอนที่ 17 สงสารจิน ตาบวมเลย 555555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 16-05-2014 09:08:35
ชอบเรื่องนี้มาก ขอบคุณคนแต่ง คนเอามาลงนะครับ สนุก เศร้า บีบใจดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: dear77 ที่ 19-05-2014 20:36:24
 o13. ไปอยู่ไหนมาไม่รู้ เขียนดีมากค่ะยังมีขายอยู่ไหม
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: society-x ที่ 23-05-2014 16:03:58
 :katai2-1:  ตามอ่านจบแล้ววววค่า >.<

เนื้อเรื่องแปลกดีค่ะ ซึ้งๆ สนุกดี เป็นตอนจบที่เหมือนจะปลายเปิดนะ แต่ในความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าเป็นตอนจบที่คิดได้อย่างเดียวเลย คือเหนือจะจำจินได้ แต่สิ่งที่ไม่รู้คือ จินจะเป็นยังไงต่อไป 55555+ อยากอ่านตอนพิเศษมาก อยากเห็นว่าถ้าเหนือเห็นหน้าจินแล้วจะเป็นยังไงเพราะหน้าจินตอนนี้เหมือนกับ ต้น สมัยก่อนมากก ... แต่จุดนึงที่ไม่ค่อยสมเหตุผลก็คือเหมือนจินจะหายแค้นเร็วไปหน่อยย คือใจอ่อนกับเหนือทั้งๆที่ตัวเองถูกทำให้ตาย(แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ)

ส่วนตัวละครที่ชอบมากเลยก็คือพี่อั้ม ตอนแรกเหมือนฮีแกก็จะแอบชอบจินนะ แต่เพราะรู้ว่าจินเป็นคนสำคัญของเหนือก็เลยคงยอมถอนตัวออกไป(หรือป่าววว? 5555+) แต่ดูแล้วเหมือนพี่แกไม่ได้ชอบวิกกี้เลยอ่ะ เฮ้ออออ

พี่อั้มนั่นคือชอบมาก แต่ที่ชอบที่สุดคือตัวต้นเหตุน่ะค่ะ คุณเทวดาจอมเซอะเบ๊อะนั่นล่ะค่ะ 5555+ อยากให้มีภาคต่อ ให้เป็นเรื่องของตาเทวดานี่ชะมัดเลย คือเจ้าตัวคงพยายามแก้ไขอ่ะนะ แต่เพราะความที่ยังมีความเป็นมนุษย์ทำให้ใจอ่อน เห็นได้ชัดจากกรณีของจินกะเหนือเลย แอบคิดต่อเล็กๆว่าคนที่เทวดาบอกว่าจะลดขั้นตัวเองนั่นคงไม่ใช่ธรรมดา 55555+ อยากอ่านต่อจริงๆ >.<

สุดท้ายนี้ขอให้แสงเหนือ(ชอบชื่อนี้มากเลยค่ะ ชื่อเท่ดี) กับจิน ได้เจอกันนแล้วจำกันได้นะคะ หรือไม่ก็เริ่มต้นกันใหม่ และรักกันไปตลอดดดด

สุดท้ายของสุดท้ายนี้ อยากให้เหนือรู้ว่าจินกับต้นคือคนเดียวกันมากอ่ะ เหนือจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดเนาะ ที่เคยรักต้นแต่เป็นคนทำให้ต้นต้องตาย (แม้จะเป็นเพราะฝีมือเทวดาซุ่มซ่ามนั่นก็เถอะ)   โดยรวมแล้วชอบมากๆค่ะ สนุกดี

 :3123: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 27-09-2014 15:56:18
ขอบคุณนะคะ เรื่องน่ารักและสนุกดีค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-09-2014 22:34:38
เนื้อเรื่องน่าร้ากกก ชอบแสงเหนือมาก ๆ

ขาดไม่ได้คือคุณเทวดา 555
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: real port ที่ 28-09-2014 07:53:22
น่ารักมากครับมีตอนพิเศษก็จะดีมาก
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 30-09-2014 18:53:32
ชอบการจบแบบนี้จัง


ขอบคุณฮะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-11-2014 16:52:55
ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 09-11-2014 00:59:25
สนุกมากค่ะ
ทั่งยิ้มทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้
ครบรส
สนุกมากจริงๆ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆอย่างนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 09-11-2014 18:42:56
เรื่องนี้มีเป็นหนังสือนะค๊ะ ตอนพิเศษอยู่ในหนังสือค่ะ
ชอบเรื่องนี้มาก แต่งได้สุดยอดมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Naeon ที่ 09-11-2014 20:51:05
สนุกมากเลย อยากได้หนังสืออ่ะทำไงดี
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 11-11-2014 21:47:57
จบแล้วจริงๆเหรอ

ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย

คุณเทวดาก็ยังซุ่มซ่ามเหมือนเดิม

ขอบคุณที่แบ่งกันขอรับ

หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 27-01-2015 19:50:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 01-02-2015 01:39:08
ได้อ่านตอนพิเศษแล้วสนุกมากๆ เลยค่ะ
ไม่นึกว่าเหนือจะจำๆ ได้ แต่จินเนี่นเอาแต่ใจสุดๆ ไปเลย
บอกว่าตัวเองไม่เด็ก พอมาเทียยกับเหนือแล้วเห็นความแตกต่างเลยค่ะ

ปล.ได้เรื่องนี้มาแล้วก็อยากได้อีกเรื่องจังเลยค่ะ ถ้ามีพิมพ์อีกช่วยแจ้งด้วยนะคะ >-<♥♥♥
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 12-02-2015 22:04:36
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: BUNNz4 ที่ 15-02-2015 15:08:10
อ่านรวดเดียวจบ
เป็นนิยายอีกเรื่องที่ไม่อยากให้จบเลยจริงๆ เพราะนอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกแล้วยังมีครบทุกรสชาติให้เสพ
เรียกได้ว่าอ่านแล้วติดเลยทีเดียว อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไงตอนแรกว่าจะค่อยๆอ่านเพราะไม่อยากรีบอ่านให้จบ
แต่อีกใจก็อยากรู้ สุดท้ายก็แพ้ความอยากรู้จนได้ 55555555

ประทับใจมากค่ะ ทั้งความรักที่ยอมเสียสละของต้นหรือจินหรือแม้กระทั่งความรักมั่นคงของแสงเหนือ
คิดว่าเป็นตอนจบที่ไม่ห้วนนะคะ ดีแล้วล่ะที่จบลงแบบนี้ที่เหลือก็จิ้นกันเอาเองว่าจะเป็นยังไงต่อไป
(เอาจริงๆนะ แค่รู้ว่าจบแฮปปี้ก็นิพพานแล้วค่ะ :heaven)
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ปล.ใจจริงก็อยากอ่านตอนพิเศษอยู่นิดๆ ย้ำอีกทีว่านิดๆ..... o18
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: poonnana2533 ที่ 16-02-2015 09:41:49
ฉันไปอยู่ไหนมาถึงไม่ได้อ่านเรื่องนี้ สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: akkharadech ที่ 16-02-2015 20:55:20
 :katai2-1: :hao6ขอบคุณสำหรับนินายดีๆนะครับสนุกมากๆน้ำตาปริ่มด้วย
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 17-02-2015 00:20:46
สนุกมาก  ขอบันทึกเรื่องนี้ไว้เป็นนิยายสุดประทับใจในความทรงจำเลยค่ะ 

มันดีงามมาก  ร้องไห้หนักมากตั้งแต่ประมาณบทที่ 16 ยังไม่หยุดเลย  คาดว่าพรุ่งนี้ตื่นมาตาบวมแน่ๆ มีเรียนเช้าด้วยที่สำคัญ   :m15:

ขอบคุณคนเขียนคนโพสต์มากๆเลยค่ะ  นิยายคุณภาพ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Lovelygd ที่ 22-05-2015 19:39:00
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจจัง ครบทุกรสจริงๆ น่ารัก ซึ้ง เศร้า
 อ่านจบความรักของจินกะแสงเหนือยังชัดในความรู้สึกอยู่เลย
ขอบคุณจริงๆ สำหรับนิยาย feel good แบบนี้
ปล เราพลาดเรืีองนี้มาตั้งนานได้ไงเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ 555
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 08-07-2015 21:03:25
นึกว่าจะจบเศร้าเสียแล้ว แต่ดีนะที่สมหวัง
อยากรู้จริงๆว่าคุณเทวดาจะทำยังไงต่อ :m20:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-10-2015 23:29:24
หัวเราะและร้องไห้ไปกับเรื่องนี้จริงๆ
เป็นนิยายที่อบอุ่นและงดงามมากเลยค่ะ
ขอบคุณคนเขียนและคนโพสต์นะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 08-10-2015 04:34:07
ท่านเทวดา ท่านลบได้แต่ความทรงจำ แต่ลบความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจไม่ได้หรอก กรี๊ดดดดด จบแล้ว อยากได้ตอนพิเศษอ่าาาาาา :mew6:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Thanking ที่ 18-11-2015 10:40:59
ขอบคุณสวรรค์ ที่ส่งนิยายจากสวรรค์เรื่องนี้มาให้อ่าน

รักเรื่องนี้จัง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 19-12-2015 01:51:37
เป็นเรื่องนี้ประทับใจมากๆ แม้นรู้สึกว่าจบห้วนไปนิด
แต่มันก็คือบทสรุปที่สวยงามว่าทั้งสองยังรักกันอยู่
อ่านแล้วแบบน้ำตาแตก ประทับใจมากๆ
ขอบคุณนักเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆค่า
ขอบคุณบุคคลที่นำนิยายเรื่องนี้มาแบ่งปันกัน
คือเนื้อเรื่องมันใสมากๆ แต่ตราตรึงใจมากเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 21-12-2015 11:30:27
จบแล้ว สนุกมากคะ ทั้งเศร้า ทั้งสนุกในเรื่องเดียวเลย มีแอบน้ำตาซึมไปหลายรอบ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mynamejnkf ที่ 20-01-2016 16:51:23
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ จะบอกว่า ชอบมาก ฮืออออ

หาหนังสือได้ที่ไหนคะ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: MYYAOI ที่ 24-01-2016 20:12:04
อ่านรวดเดียวจบเลย แบบ ทั้งฮา ทั้งหวาน ทั้งซึ้ง อต่เสียดายจบสั้นไปนิ้สสส แต่ก็น่ารักความจริงอยากได้ตอนพิเศษของพี่เหนือกับน้องจิณซักตอนก็น่าจะดีอ่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 29-01-2016 11:29:01
อิ่มแอมมากเรื่องนี้ ร้องไห้เพราะทราบซึ้งสุดๆไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 30-01-2016 16:30:12
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน น้ำตาไหลไปหลายปิ๊ปมากเป็นเรื่องที่ดีจริงๆขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้เราได้อ่านคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 29-03-2016 00:39:40
สนุกค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 30-03-2016 10:16:30
แว๊บเข้ามาอ่านใหม่ ยังคงซึ้งจนน้ำตาไหลเหมือนเดิม

ขอบคุณมากนะค๊า

 :L2:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 08-04-2016 23:31:31
นิยายที่เราตามหามานาน :) ขอบคุณนิยายดีๆ ที่ทำให้เรายิ้มได้ตลอดอย่างนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 29-04-2016 22:50:17
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: LittleDeer ที่ 26-06-2016 10:25:53
รักเรื่องนี้จัง ถึงตอนจบจะห้วนไปหน่อย มาอ่านช้าไปไม่ทันซื้อเลย :hao5: 
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mony24728 ที่ 27-06-2016 23:36:50
ฮามากกกกกกก
อยากอ่านเรื่องของท่านเทวดาบ้างอะ่ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 07-07-2016 15:29:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: sanny ที่ 07-07-2016 16:21:38
ตามมาจากอีกรกะฟ้าค่ะ  ดราม่าจากเรื่องโน้นจนบอบหนัก มาเจอเรื่องนี้
ก็สูสีกัน แต่โอเคนะ จบได้สามารถจินตนาการไปข้างหน้าได้ว่าจะ
ออกมารูปแบบไหน แต่อยากให้มีภาคต่อ ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ
ร้องไห้กับเรื่องนี้หลายครั้งที่อ่านจริงๆ ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 16-07-2016 01:51:45
คือชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 17-07-2016 04:46:20
เป็นนิยายที่ตราตรึงใจมาก รักพี่แสงเหนือ กับน้องจิน ตลอดไป
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-08-2016 16:23:06
สนุกน่ารักดี ชอบจิน
เสียดายไม่มีตอนพิเศษให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 12-09-2016 16:14:46
เป็นนิยายของคุณ DD อีกเรื่องที่อ่านตอนจบแล้ว ยิ้มทั้งน้ำตา
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-10-2016 15:58:41
ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้สนุกและประทังใจมาก
ซึ้งในความรักของจินกับเหนือมาก ^^
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: b02290 ที่ 08-06-2017 07:16:31
หลงรักนิยายเรื่องนี้เข้าเต็มๆ  :L1: :L1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 13-06-2017 22:05:51
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Motion_Lover ที่ 07-10-2017 19:59:10
รักมากก ประทับใจมากกค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 08-10-2017 13:13:15
เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 23-10-2017 11:53:00
แง๊ๆๆๆๆ :ling1:ค้างงงงง
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Nayagirl86 ที่ 10-11-2017 20:52:17
สนุก ชอบบบ จินน่ารัก รักน้องจิน :m1:
แต่ว่า..อ๊ากกกกกก จบแบบค้างค่ะค้างงง
โอเค..เราก็คิดเหมือนกันว่าเป็นตอนจบที่สวยงามเหมือนหนังฝรั่งจบแบบให้คิดต่อ
แต่..แต่...แต่...มันค้างอ่ะค่ะ   :m17:
อยากอ่านตอนจบแบบสมบูรณ์ แต่หาหนังสือยังไงก็หาซื้อไม่ได้เลยค่ะ ที่ขายมือสองก็แสนแพงมาก ๆ  :sad5:

ปล. รีปรี้นเถอะค่ะ พลีสสสสสสส :m5: :m5: :m5:

หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 11-11-2017 19:44:28
 :mew1: จบได้เท่มากเลย ชอบบบบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-05-2018 14:03:27
รักเลยเรื่องนี้.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: คนเดี๋ยว ที่ 05-06-2018 13:23:16
สวยงามอะ
อยากรู้เรื่องในจดหมายอ้า
 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 26-08-2018 20:36:29
ในหนังสือมีตอนพิเศษไหมคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 15-10-2018 03:39:07
เป็นเรื่องที่ดีงามมากจริงๆ o13 :o8:
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 17-10-2018 18:39:54
ชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 20-10-2018 13:57:26
อ่านจบเรียบร้อย ขอบคุณทั่งคนแต่งและคนโพสนะครับ  เรื่องนี้นานมากๆเลยนะเนี่ยตอนนั้นผมพลาดได้ไงก็ไม่รู้ จนล็อกอินปลิว ต้องสมัครใหม่ถึงจะได้เม้นท์ได้น่ะครับ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: SeLoFENa ที่ 07-12-2018 17:42:21
มาอ่านซ้ำ ฮือออ อยากได้ตอนพิเศษจังทำเป็นอีบุ๊คไหมคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 08-12-2018 17:52:15
สนุก ซึ้ง น่าจะมีตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-12-2018 14:44:00
กลัยมาอ่านรอบสองแล้ว อยากอ่านตอนพิเศษจังค่ะ รอหนังสือนะคะ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 31-01-2019 17:15:36
เพิ่งได้ตามอ่านเรื่องนี้ ประทับใจมากค่ะ

แต่แอบอยากรู้นะ ว่าแสงเหนือเคยแอบชอบต้นมั้ย
หรือแค่ชอบแกล้งเฉยๆ เพราะมีประโยคนึงบอกว่า
แสงเหนือถ้ารักใครจะชอบแกล้ง นี่เลยคิดว่าตอนเด็กที่แสงเหนือเอาขนมให้ต้นคือการสารภาพรักของเด็ก
เพียงแต่ต้นเจ้าใจผิด เลยกลายเป็นไม่ชอบแสงเหนือ
หัวข้อ: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 03-03-2019 13:02:08
อ่านรวดเดียว ในที่สุด กว่าทั้งสองคนจะได้สุขสงบ ฮือออ แต่ตลกคุณเทวดา? คุณยม? สุดท้ายก็สะดุดสายไฟทั้งยวง ฮืออ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 04-03-2019 18:07:52
ตอนจบละมุน มาก
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 05-03-2019 20:53:35
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ อ่าน 2 รอบละ ยังร้องไห้อยู่เลย555 แต่งดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-03-2019 10:24:49
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงตั้งหลายปี
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-03-2019 17:21:34
นิยายน่ารักดี อ่านรวดเดียวจบเลย ขอบคุณมากๆๆๆๆ
แต่เสียดายมันจบห้วนไปนิดนึงอ่ะ อยากอ่านต่อจากนี้อีกหน่อย
หัวข้อ: Re: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 12-03-2019 16:44:32
กลับมาอ่านอีกรอบ สนุกมากค่ะ
อยากให้คนซุ่มซ่ามบางตนได้รับการลงโทษบ้าง :m20:
 :L1: :pig4: :L1: