รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero- 18 -
สองสัปดาห์แห่งการสอบกลางภาคได้ผ่านพ้นไปแล้ว พวกผมได้พักจากการเรียนแค่ห้าวันจากนั้นก็จะต้องกลับมาเรียนกันหนักหน่วงเหมือนเดิม ถึงแม้จะสอบเสร็จแต่งานที่ถูกสั่งมาตั้งแต่ก่อนสอบก็ยังเคลียร์ไม่จบ ผมเหลืองานที่ต้องส่งอีกหนึ่งชิ้นเริ่มทำไปได้เกินครึ่งแล้ว วันนี้เลยตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จ เพราะวันรุ่งขึ้นผมต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับพี่ยศที่ภูเก็ต ดังนั้นผมเลยปฏิเสธการออกไปสังสรรค์กับพวกไอ้เต้
“อ้าว พวกมึงมานานแล้วเหรอ”เข้าบ้านมาก็เจอไอ้ธันว์นอนกระดิกเท้าดูหนังอยู่บนโซฟา ส่วนไอ้คิมหลับอยู่บนพื้นกอดตุ๊กตาหมาเน่าของไอ้พาย แต่ผมไม่เห็นรถมันสองคนจอดอยู่หน้าบ้าน นานเป็นเดือนแล้วที่ไม่เห็นหน้าพวกมันเลย ไอ้ธันว์ดูปกติธรรมดา แต่ไอ้คิมดูโทรมๆการเรียนเภสัชดูดพลังชีวิตมันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“สักพักใหญ่ละ มึงสอบเสร็จแล้วใช่มั้ย”ไอ้ธันว์ละสายตาจากทีวีเงยหน้าขึ้นมาตอบผม
“เออ พวกมึงอ่ะ”
“กูเสร็จแล้ว แต่ไอ้คิมยัง”มันตอบเอาเท้าเขี่ยๆไอ้คิม ไอ้นั่นก็นอนนิ่งไม่ไหวติง ซ้อมตายหรือไงวะ
“แล้วมาทำไรกันวะ รถพวกมึงอ่ะ”
“มาพักผ่อนสมอง รถกูไอ้พายขับไปซื้อกับข้าว ส่วนรถไอ้คิมไม่ได้เอามากูไปขุดซากมันมาจากคอนโด”เออดี ขับปอร์เช่ไปซื้อกับข้าวแทนที่จะเอาไอ้หวานไป
“คืนนี้ไปปล่อยผีกัน”ไอ้ธันว์เดินตามผมเข้ามาในครัว ช่วงสอบตู้เย็นไม่ค่อยมีของสดติดไว้เพราะไม่มีใครมีเวลาว่างขนาดทำกับข้าวกินเอง แต่ยังมีพวกนมกับน้ำผลไม้ไว้ประทังชีวิต ผมหยิบขนมปังหลังตู้เย็นมากินรองท้องพร้อมกับนมอีกหนึ่งขวด
“ไม่ได้ว่ะ กูต้องเคลียร์งาน พรุ่งนี้กูต้องไปภูเก็ตทำงานกับพี่ยศ”
“ไรว้า กูอุตส่าห์วางแผนไว้อย่างดี ไอ้คิมถึงขนาดสละเวลาอ่านหนังสือมาเลยนะเว้ย
“ก่อนวางแผนมึงถามกูสักคำยังไอ้ห่า พวกมึงก็ไปกันดิ พวกไอ้เต้มันก็ไปร้านเฮียเสก มึงก็นัดพวกไอ้อ๊อดไอ้โก้ไปด้วยกันเลยดิ”งานนี้ได้สนุกลืมโลกแน่ถ้าพวกมันรวมตัวกัน ผมเริ่มอยากจะไปด้วยแล้วสิ แต่พอคิดถึงงานที่จะต้องทำแล้วก็คงต้องงดไปก่อน เพราะผมไปภูเก็ตสามวัน กลับมาก็คงเหนื่อยหมดอารมณ์ทำงานส่ง ตอนนี้ยังมีไฟอยู่ควรรีบทำก่อนไฟมอด
“คนครบขนาดนี้ มึงไม่เปลี่ยนใจ?”
“ไม่เว้ย กูมีงานพรุ่งนี้กูต้องไปไฟล์ทเช้าด้วย”
ผมเดินขึ้นมาเปลี่ยนชุดบนห้อง แต่คิดอีกทีลงไปว่ายน้ำดีกว่า ไม่ได้ว่ายนานแล้ว เส้นมันยึดไปหมด ว่ายสักสามสี่รอบให้ร่างกายมันตื่นตัวขึ้นมาบ้าง ว่ายไปได้สองรอบโผล่หน้าขึ้นมาก็เห็นไอ้ธันว์เอนตัวนอนจิบเบียร์บนเดย์เบด ไอ้คิมนั่งอยู่ข้างๆท่าทางมึนๆในมือถือกระป๋องเบียร์เช่นกัน
“แข่งกันสักรอบมั้ยพวกมึง”
“ตามสบาย กูเก็บแรงไว้คืนนี้”ไอ้ธันว์บอก หน้ามันตอนนี้ทั้งเลวทั้งหื่น แต่สาวๆเห็นคงกรี๊ดว่ามันหล่อเหี้ยๆ
“กูเอาด้วย”ไอ้คิมว่าถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงขาสั้นแล้วมันก็กระโดดลงสระมาน้ำกระจายสาดใส่ไอ้เหี้ยธันว์ที่นอนชิลล์กระดิกเท้าดิ๊กๆอยู่ริมสระ
“สัดคิม!”ไอ้ธันว์ตะโกนด่าพร้อมยกนิ้วกลางให้
“โทษๆกูไม่ได้ตั้งใจ”ผมคิดว่ามันตั้งใจนะ
“ให้ดีไอ้เหี้ย กางเกงหลุดมาเสียสายตากูอีก”กางเกงมันเป็นขอบยางยืดคือใส่อยู่บ้านใส่นอนจะสบายตัว แต่พอมาเจอน้ำมันก็หน่วงก็รั้งจนเห็นกางเกงในมาครึ่งตัวแล้ว
“ที่จริงกูกะใส่แต่เกงในเนี่ย”ว่าแล้วมันก็ถอดกางเกงออกแล้วเหวี่ยงไว้ริมสระ เหี้ยไปอีก
ผมแข่งกับมันไปกลับสามรอบก็เล่นเอาหอบแฮ่ก ไม่ค่อยได้ออกกำลังเลยช่วงนี้เลยเหนื่อยไว พวกกล้ามเนื้อก็ไม่ค่อยเฟิร์มเท่าไหร่ ผมเคยพยายามจะทำให้หุ่นตัวเองล่ำๆกล้ามใหญ่ๆ แต่ก็ไม่เป็นผล ทำยังไงก็ไม่ได้อย่างที่หวัง กล้ามขึ้นมากสุดก็แค่เห็นเป็นเนื้อแน่นๆเฟิร์มๆ ตัวก็ยังไม่หนาอย่างที่ตั้งใจ แต่คนที่เคยนอนด้วยก็บอกว่าเซ็กซี่ทุกรายนะ
ไอ้พายไม่รู้กลับมาตั้งแต่ตอนไหนตะโกนเรียกให้ไปกินข้าวผมกับไอ้คิมถึงได้ฤกษ์ขึ้นจากสระที่ลอยคอเล่น ต่างคนแยกย้ายกันไปอาบน้ำ พอลงมาไอ้ธันว์กับไอ้พายก็กินข้าวไปครึ่งจานแล้ว พวกผมคุยกันหลายเรื่องสัพเพเหระ บางทีพวกผู้ชายก็มีเรื่องคุยกันเยอะมากกว่าพวกผู้หญิงเสียอีก แล้วเรื่องนินทาผมบอกได้เลยว่าแรงกว่าพวกผู้หญิงแน่ๆ
“น้องหมิวอ่ะนะ ไม่อยากจะเชื่อ ก็เห็นขาวๆ เอ็กซ์ๆ สวยรองจากน้องขิงดาวคณะกูเลยนะ”ไอ้พายทำหน้าไม่อยากเชื่อ น้องหมิวคนนี้เป็นรุ่นน้องในคณะมัน ผมเคยได้ยินเพื่อนๆในคณะพูดถึงเหมือนกัน
“หลอกตาทั้งนั้น ไอ้อ๊อดพิสูจน์มาแล้ว นมนี่ทำมา ขาวๆก็แค่ที่เห็นพ้นจากเสื้อผ้านี่แหละ แต่ข้างในไอ้อ๊อดว่าไม่โอเค เห็นแล้วมันไม่อยากกินผัดหอยลายเลย”ไอ้ธันว์ทำเอาผมสำลักต้มยำ
“แค่ก เชี่ย กูเห็นภาพ”
“พวกมึงนี่นะ เอาน้องเขามาพูด”ไอ้คิมดูเหมือนเป็นคนดีปกป้องเกียรติสตรี
“มึงอย่ามา ได้ข่าวมึงไปขายขนมจีบลูกเกดบัญชีมานี่หว่า”ถึงจะไม่ได้เจอหน้ากัน แต่ไอ้ธันว์นี่ข่าวไว ผมยังไม่รู้เลยนะเนี่ย
“รู้ดี”
“นี่ใคร กูธันว์นะครับ”
“แล้วเป็นไงวะ”อันนี้อยากรู้เป็นการส่วนตัว ไอ้คิมหลังจากเลิกกับเมียผมก็นึกว่ามันเพลียจนอยากพักเรื่องรักๆไป
“ไม่ยากอย่างที่เขาพูดกัน”
“พูดงี้แสดงว่ามึงไปแซ่บเขามาแล้วดิ”ไอ้พายพูด รู้สันดานซี้มัน
“หึ”ยิ้มกวนตีนแบบนี้แสดงว่าไม่พลาด
“เรียบร้อยอย่างนั้นอ่ะนะ เสร็จมึง”
“มาร้อยก็เสร็จเรียบสิไม่ว่า กูแทบไม่ต้องทำไรเลยห่า นอนเฉยๆก็ฟินได้”นี่แหละไอ้คิม ที่พูดดีเมื่อกี้นั่นตอแหลล้วน ผู้ชายนิ่งๆนี่ปากจัดที่สุดจำไว้นะครับ
“เหอะ ไอ้สัด”ไอ้พายผลักหัวเพื่อนมัน
“มึงไปภูเก็ต แบบนี้ก็เปรมเลยดิว้า กูอยากไปด้วยเลย”ไอ้ธันว์พาเรื่องวกเข้ามาที่ผม
“กูไปทำงานเว้ย ไม่ได้ไปเที่ยว”
“มึงจะทำตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยไง คนเรามันต้องมีเวลากินขี้ปี้เยี่ยวกันมั่ง”
ผมละหน่ายกับมันในหัวสมองไอ้ธันว์ไม่เคยคิดเรื่องเหนือสะดือเกินห้านาที ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือคิดเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่เรียนก็หนัก โปรเจคท์ก็เยอะ หรือเพราะว่าเรียนหนักจนเครียดมากเลยต้องหาอะไรมาระบายให้หายเครียด
“มึงเรียนหนักไปหรือเปล่าวะ”ก่อนหน้านี้มันก็ไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่า แต่มาครั้งนี้หน้ามันหื่นขึ้นกว่าปกติ
“ทำไม?”
“มึงดูว้อนๆ เก็บกด?”
“เออ กูแทบจะได้หนังสือเป็นเมีย ถึงเวลาที่กูจะได้ปลดปล่อยแล้ว กูอิ่มละไปอาบน้ำดีกว่า รอเวลาที่จะได้ออกศึกไม่ไหวแล้วโว้ย”
พูดเสร็จสะบัดตูดหนีทันที ตกลงว่าคืนนี้มันจะไปแจมกับพวกไอ้เต้ ผมไล่ไอ้พายกับไอ้คิมไปอาบน้ำแต่งตัว ไอ้คิมนี่คงแค่เปลี่ยนชุดเพราะมันอาบไปแล้วตอนขึ้นจากสระ ส่วนผมอยู่ล้างจานเคลียร์โต๊ะกินข้าว แล้วเตรียมเอางานมาทำต่อ ตอนแรกว่าจะเอามาทำริมสระ แต่เปลี่ยนใจมาทำที่ห้องนั่งเล่นแทน เปิดม่านออกไปก็มองเห็นสระว่ายน้ำ ไฟสีส้มริมสระสะท้อนบนผืนน้ำที่สงบนิ่ง ทำให้ผมรู้สึกสงบตามไปด้วย
“พี่เดียวไม่ได้แวะมานี่นานแล้วเนอะ”ไอ้พายเข้ามาตอนไหนไม่รู้พูดขึ้น สมาธิผมแตกซ่านทันที มันแต่งตัวเสร็จแล้ว หอมฟุ้งไปทั่ว
“ไม่มาก็ดีแล้ว”ถ้ามันไม่ทัก ผมก็ไม่ได้นึกถึงเลย ครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้าก็วันที่มันเมินผมที่ห้างนั่นแหละ คงหมดสนุกกับการเล่นกับผมแล้วสินะ ดีจริง
“มึงคิดงั้นจริงเหรอวะ”ไอ้พายนั่งยองตรงหน้า ผมนั่งทำงานอยู่บนพื้น มันหยิบดินสอขึ้นมาหมุนเล่น
“เออ ทำไม?”
“ไม่รู้สึกว่าชีวิตขาดๆอะไรไปเหรอวะ หรือคิดถึงเขาสักนิดอะไรงี้”
“ไม่เลยสักนิด กูจะไปคิดถึงทำไมวะ รำคาญจะแย่ ไม่มีมันชีวิตกูโคตรสงบสุขเลย”ไอ้พายคิดว่าผมจะต้องมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไอ้บ้านั่นหรือไง
“เฮ้อ เสียดาย กูก็นึกว่าจะมีลุ้นบ้าง แต่ตอนนี้เขาก็...เออ ช่างเหอะ”มันบ่นอะไรพึมพำก็ไม่รู้
“ไปละ พรุ่งนี้เดินทางปลอดภัยละกัน ถึงภูเก็ตแล้วโทรหากูด้วย”
“เออ มึงก็อย่าเมาให้ใครลากไป”
“เออ กูไปเอาบรรยากาศไม่เมาแน่นนอน”
X
“กูถึงแล้ว ไหนใครบอกไม่เมา นอนเลยไปไอ้สัด”ผมด่ามันแล้วกดวางสาย ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินภูเก็ตแล้ว รอคนมารับไปที่พัก นึกขึ้นได้เลยโทรบอกไอ้พายซะหน่อยแต่น้ำเสียงที่รับโทรศัพท์นี่อ้อแอ้ยังไม่สร่างเมา เมื่อคืนไอ้พายไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้ถามด้วยว่ามันไปค้างที่ไหนแต่ถ้าให้เดาก็คงไปนอนกับซี้มัน
“ขอบคุณครับ”ผมยิ้มให้พนักงานที่ร้านกาแฟชื่อดัง พร้อมกับรับอเมริกาโน่ไม่ใส่ไซรัปมา ร่างกายต้องการคาเฟอีนเข้าไปกระตุ้นอย่างแรง เมื่อคืนทำงานจนถึงตีสอง พอตีห้าก็ต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวมาสนามบิน บนเครื่องก็หลับมาตลอดแต่เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็ไม่ทำให้หลับเต็มอิ่มดีเลยต้องโด๊บกาแฟเข้าไป
ผมนั่งรออยู่ในร้านประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เบอร์ที่โทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ที่เงียบหายไปพักใหญ่แล้ว ชั่งใจอยู่ว่าจะรับหรือไม่รับดีสายก็ตัดไปก่อนจะดังขึ้นมาใหม่อีกรอบ
“โทรมาไม?/อยู่ตรงไหน?”ผมกับปลายสายพูดขึ้นพร้อมกัน เรื่องมารยาทอันดีงามในการรับโทรศัพท์นั้นลืมไปได้เลย
“ทำไม?”
“แค่ตอบมาว่าอยู่ไหนมันจะตายหรือไง”
“เออ”
“เออ งั้นก็ไปรีสอร์ทเองแล้วกัน”
“ห๊ะ!”ผมยังไม่ทันฟังให้ชัดเลยมันก็กดตัดสายไปทันที”ไอ้เหี้ยเดียว! พอผมโทรกลับมันก็ไม่รับ เล่นตัวอีกนะมึง ผมโทรกลับไปสามรอบแล้วก็เลิกโทร คิดว่าคนอย่างผมจะง้อมันหรือไง แต่จากที่มันพูดเมื่อกี้ ถ้าฟังไม่ผิดมันพูดว่าให้ผมไปรีสอร์ทเอง แสดงว่ามันต้องมากับพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้มันแน่ๆ มาทำไมวะเนี่ย!
ผมโทรถามพี่ยศเรื่องที่พัก ถ้ารู้ว่าจะให้ใครมารับผมไปเองตั้งนานแล้ว ผมต่อคิวเพื่อรอแท็กซี่แต่จู่ๆก็มีมือดีมาลากผมออกจากแถว
“อะไรวะ!”ไอ้บ้านั่นมาทำหน้าโหดใส่ บีบแขนผมแน่นสะบัดก็ไม่หลุด ทำเอาผมเสียหลักเดินชนคนอื่นตั้งหลายคน หันไปขอโทษแทบไม่ทัน
“ตามมา”
“จะไปเอง”ผมขืนตัวไว้ ในที่สุดก็สะบัดแขนหลุดสักที โคตรเจ็บ
“อย่ามีปัญหามากได้มั้ย”มันเท้าเอว หน้าตาโคตรหาเรื่อง
“ใครกันแน่วะที่มีปัญหา”ทำไมต้องมาทำให้ผมอารมณ์เสียด้วยวะ ตอนนี้ทั้งหิว ทั้งง่วง ยังต้องมาประสาทแดกกับไอ้คนผีเข้าผีออกนี่อีก ทำเหมือนผมไปฆ่าญาติมันตาย
“แล้วจะไปด้วยกันดีๆมันจะตายหรือไง”
“แล้วพี่อ่ะพูดดีๆจะตายหรือไง กูไปทำอะไรให้มาอารมณ์เสียใส่ ทำหน้าแบบนี้ใครเขาจะอยากไปด้วยวะ”
“ตกลงจะไปหรือไม่ไป”
“จะให้ไปก็เดินนำไปดิ”
ไม่อยากเสียเวลาเถียงกับไอ้บ้านี่นานๆ ถ้าไม่ติดว่าอยากจะรีบไปให้ถึงไวๆผมไม่ยอมไปกับมันแน่ คิดว่าจะหลุดพ้นกันไปแล้วนะ ทำไมมันถึงเข้ามาในวงโคจรอีก แต่ก็ใช่ว่าระหว่างที่มันหายไปผมจะไม่รับรู้อะไรเลย เพราะมีไอ้พายอยู่มันชอบเล่านั่นเล่านี่ให้ฟังเป็นปกติ แต่เรื่องที่พูดบ่อยก็เป็นเรื่องไอ้บ้านี่แหละ เห็นว่ามีข่าวซุบซิบว่าคั่วกับนางแบบอยู่ คนเดียวกับที่ผมเห็นที่ห้างวันนั้นนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ใครจะไปมั่วคั่วกับใครก็ช่าง ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตผมอยู่แล้ว
ระหว่างผมกับมันไม่มีคำพูดเกิดขึ้นเลยแม้แต่คำเดียวจนมาถึงที่หมาย เจ้าของที่พักเป็นเพื่อนของพี่ชายมันเปิดบ้านให้หนึ่งหลัง วิวดีสวยมาก ถ้าได้มาพักผ่อนก็คงดีไม่น้อย ราคาไม่ต้องพูดถึงไม่รวยจริงคงไม่มีทางได้พัก ด้วยความที่มันแพงมาก เป็นหลังที่ใครๆก็อยากจอง บ้านหลังนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้ถ่ายภาพ จากที่เห็นบริเวณด้านหน้าผมว่ามันก็ควรค่านะเพราะว่าสวยมาก
“มาถึงกันแล้ว เป็นไงคะน้องน่าน เดินทางเหนื่อยมั้ย”ว่าที่เจ้าสาวปรี่เข้ามาทักผมทันที เธออยู่ในชุดเดรสยาวสีขาว ท่อนบนเป็นลูกไม้ กระโปรงยาวพริ้วกรอมพื้น ที่ผมมีดอกไม้แซมประปราย เข้ากับชุดและบรรยากาศริมทะเล
“ไม่ครับ คุณนลินสวยมากเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่เรียกพี่ดีกว่าเนอะ ดูเป็นกันเองดี”ยิ้มสวยจริงๆ
“ครับ”
“เดียว พาน้องเอาของไปเก็บดีกว่าเนอะ พี่รบกวนด้วยนะ”
“ครับพี่ ไม่ได้รบกวนเลย ผมว่าพี่ไปนั่งเฉยๆดีกว่ามั้ยครับ เห็นเดินไปเดินมา เดี๋ยวว่าที่เจ้าสาวเหนื่อยแย่”
“ไม่ต้องมาแซวพี่เลยนะเรา น้องน่านคะ บ้านหลังนี้มีแค่สามห้องนะคะ น้องน่านนอนกับเดียวคงไม่รังเกียจนะคะ”ผมกำลังฟังเพลินๆมาสะดุดตรงประโยคสุดท้ายนี่แหละ ทำไมผมต้องนอนกับไอ้เหี้ยพี่เดียวด้วยวะ!
“ผมนอนกับพี่ยศก็ได้ครับ เกรงใจคุณเดียว”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คนกันเอง”เสียงมันสอดแทรกเข้ามาในบทสนทนา
“นั่นสิ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลยว่ารู้จักกันมาก่อน ตอนที่เจอที่ร้านก็ไม่ทักกัน ทำเหมือนคนไม่รู้จัก”ผมยิ้มแหย่ให้พี่นลินแล้วหันไปมองมันตาขวาง มันพูดถึงผมยังไงบ้างเนี่ย แต่มันกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อีกอย่างคุณยศกับคุณฉัตรพักห้องเดียวกัน ถ้าน้องน่านนอนด้วยมันจะอึดอัดไปนะคะ”ยิ้มหวานจนผมไปต่อไม่เป็น จะแย้งอะไรก็เดี๋ยวจะกลายเป็นผมที่เรื่องมาก เขาจ้างมาทำงานก็ยังจะเรียกร้องเอานั่นเอานี่ ซึ่งผมไม่ยอมให้ใครมาว่าแบบนั้นได้
“ครับ งั้นก็ตามที่พี่นลินบอกครับ ผมไม่มีปัญหา”
“ตามมาสิ ไปเก็บของ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น”ทำเป็นพูดดี หน้าตายิ้มแย้ม เมื่อกี้อยู่กับผมสองคนทำหน้าอย่างกับถูกบังคับไอ้กลืนอึ ผมเดินตามมันมีที่ชั้นสอง ความจริงชั้นล่างมีห้องพักอีกห้องคาดว่าเป็นห้องที่พี่ยศกับพี่ฉัตรพัก
“เข้าไปสิ”ผมมองลอดประตูที่เปิดค้างไว้แล้วรู้สึกขัดใจมันเป็นดับเบิ้ลเบดคิงไซส์ ทำไมไม่ใช่ซิงเกิ้ลเบดฟระ ห้องค่อนข้างกว้าง ตกแต่งแนว less is more ผมวางกระเป๋าเป้ไว้ในตู้เสื้อผ้า ยังไม่จัดตอนนี้เพราะต้องเตรียมอุปกรณ์ไปทำงานก่อน แต่ในตู้ก็มีเสื้อผ้าของอีกคนแขวนอย่างเป็นระเบียบอยู่ฝั่งหนึ่ง
“ผ้านี่ใช้ผืนไหนได้”
“จะใช้ผืนไหนก็หยิบๆไป”ห่านิ จะพูดดีๆไม่กวนไม่ได้ใช่ป่ะวะ ผมอุตส่าห์พูดดีด้วยแล้วนะ ต่อจากนี้ไปผมจะไม่คุยกับมันอีกคอยดู พอล้างหน้าเสร็จผมก็หยิบกระเป๋าสำหรับใส่ลูกรักลงไปชั้นล่าง ส่วนไอ้ผีบ้านั่งเป็นตอไม้อยู่บนเตียงเหมือนคนไม่มีอะไรทำ เอาจริงนะผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะมาด้วยทำไม ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับเขาเลย
“พี่ยศ พี่ฉัตรหวัดดีครับ”
“เออดี กินไรมายัง นั่นของว่างรองท้องไปก่อน”
“ครับพี่ เดี๋ยวจะถ่ายตรงนี้ที่เดียวเหรอ”ผมเห็นเซ็ตฉากไว้ที่ระเบียงที่ยืนออกมาจากตัวบ้าน มองไปเห็นทะเลสีฟ้าใสจรดขอบฟ้า
“เดี๋ยวจะถ่ายที่ส่วนอื่นของรีสอร์ทด้วย”
“ครับ”ผมหยิบแซนด์วิสขึ้นมากัดหนึ่งคำแล้วคาบไว้เพื่อจะได้เคี้ยวเรื่อยๆ หยิบเอาลูกรักออกมาประกอบร่าง ผมชอบความรู้สึกแบบนี้ ตอนที่ผมได้ใช้เวลากับสิ่งที่ผมรัก เวลาจับกล้องทีไรเหมือนตัวมันจะลอยๆได้ ราวกับจะหลุดไปอีกโลก เวลามองผ่านเลนส์ไป เป็นความรู้สึกดีที่บรรยายไม่ถูกจริงๆ เหมือนกับว่าเราได้เก็บโลกทั้งใบมาไว้ในมือ
ผมกดถ่ายเช็คแสงเงา เช็คภาพ ปรับตั้งค่าไปเรื่อย แล้วก็หยุดหยุดที่ไอ้เหี้ยพี่เดียวที่ไม่รู้ว่ามานั่งเกะกะการทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงๆมันนั่งคุยกับพี่ชายมันอีกด้านหนึ่งไม่ได้ขวางเท่าไหร่แต่ผมเห็นมันแล้วรู้สึกรกหูรกตา เลยเบนกล้องหนีไปทางอื่น หน้าที่ของผมคือถ่ายแคนดิตดังนั้นผมจะกดถ่ายตอนไหนก็ได้ อย่างเช่นนตอนนี้ที่พี่นลินกำลังทำหน้ามุ่ยเมื่อช่างแต่งหน้ากำลังถามอะไรเธอสักอย่าง อาจจะเป็นสีลิปสติก เพราะเห็นหยิบมาให้ดูหลายแท่งมาก รูปที่เป็นไปตามธรรมชาติมักจะออกมาดูดีเสมอ การถ่ายพรีเวดดิ้งส่วนมากอาจจะทำให้อาร์ตโดยการจัดแต่งท่าทางของว่าที่บ่าวสาวไม่มองกล้องยังไง แต่มันก็ไม่ได้อารมณ์เหมือนกับตอนที่เราถ่ายเขาแบบไม่รู้ตัวอยู่ดี
พี่ยศกับพี่ฉัตรเริ่มทำงานหลังจากที่ว่าที่บ่าวสาวแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย แต่ผมเริ่มทำงานได้สักพักแล้ว ได้มาหลายหลายสิบรูป แต่ละรูปซึ่งผมว่ามันโอเค แต่คนที่จะบอกว่ามันดีหรือไม่ดีก็คงต้องเป็นเจ้าของรูปทั้งคู่ ถ่ายไปได้สักพักความหิวก็ทำร้ายผมแซนด์วิชสองชิ้นที่กินเข้าไปก่อนหน้าย่อยสลายไปหมดแล้ว ตอนนี้ร้อนด้วยอยากได้น้ำเย็นๆสักแก้ว ติดตรงที่ว่าโต๊ะสำหรับวางอาหารมีใครบางคนนั่งอยู่ ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ แต่มึงบ้าหรือเปล่าครับ ถอดแว่นกันแดดออกก่อนดีมั้ย ไอ้เหี้ยพี่เดียวเหมือนมาพักผ่อนเสื้อยืดสีฟ้าตัวพอดีตัวเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ กางเกงขาสั้นสีขาว สวมแว่นกันแดด ในมือมีหนังสืออ่านเล่น จิบน้ำมะพร้าวไปด้วย สบายเกิ๊น
ความหิวทำให้ผมทนไม่ไหวเดินเข้าไปหาของกินกับน้ำ โชคดีที่มันรับโทรศัพท์แล้วเดินไปคุยที่อื่นทางเลยสะดวกผมนเลยได้นั่งพักกินขนมกับน้ำรองท้องก่อนจะถึงมื้อเที่ยง
“หิวมากเหรอ กินข้าวมั้ยจะสั่งให้”
“แค่กๆ”มันเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย
“เห้ย กินดีๆ เอ้าน้ำ”ผมรับแก้วน้ำมาอย่างไม่อิดออดคือจะตายเพราะสำลักแล้วไม่มีเวลามาเล่นตัว
“ตะกละ”มันว่า ผมมองตาขวาง นับหนึ่งถึงสิบในใจผมจะไม่ตอบโต้ ไม่พูดไม่คุยกับมันเด็ดขาด ผมหยิบน้ำส้มมาหนึ่งขวดแล้วกลับมาทำงานของตัวเองต่อมันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรไม่รู้แต่ผมไม่สนใจ ตลอดวันนั้นผมไม่มองหน้ามันอีก มันเองก็ไม่ได้เอาตัวเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ แต่ผมก็รับรู้ได้ว่ามีคนคอยจับจ้องตลอดเวลาที่ทำงาน หันไปทีไรก็เจอมันมองมาตลอดเวลาด้วยสายตานิ่งๆ
“เย็นนี้เดี๋ยวอีกสักครู่ทางรีสอร์ทจะนำอาหารมาเสิร์ฟนะคะ แล้วก็มีพวกอาหารทะเลสดๆด้วย ลินสั่งมาปิ้งย่างกันทานกันน่าจะสนุกดี”ระหว่างที่พวกผมกำลังคุยกันเรื่องรูปที่ถ่ายมาวันนี้กันอยู่ พี่นลินที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ถ่ายเซ็ตเย็นริมทะเลที่เห็นพระอาทิตย์กำลังจะจมน้ำลงไปงานในวันนี้ก็สิ้นสุดลง
“ครับ ขอบคุณครับ”
“ว้าว รูปนี้สวยจัง”พี่นลินทำตาโตชี้มาที่โน้ตบุ๊คของผม ผมกำลังจะลองแต่งภาพดู
“เหมือนไม่ใช่พี่เลยค่ะ ถ่ายสวยกว่าตัวจริงอีก”
“ตัวจริงก็สวยครับพี่”
“ปากหวานนะคะ มีแฟนหรือยัง พี่แนะนำผู้หญิงดีๆให้เอามั้ย”
“อย่าเลยครับ สงสารผู้หญิงเปล่าๆ”
“แสดงว่าเราร้ายไม่เบาสินะ”พี่นลินค้อนใส่ น่ารักดี ผมก็หัวเราะเบาๆรับคำนั้น
“ผมว่าอย่าเรียกว่าร้ายดีกว่าครับ เด็กนี่เสือยังเรียกพี่ เกินคำว่าร้ายไปเยอะ”
“โห พี่ยศอย่าขายผมสิครับ”
“แบดบอยสินะ แต่แบบนี้สิเร้าใจผู้หญิง”พี่นลินตาวิบวับ ผมยิ้มรับอีกรอบไม่ปฏิเสธ
“พี่ลินครับ พี่แชมป์ถามหาอยู่ครับ”ไอ้มารจอมขัดขวางปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว บรรยากาศดีๆเมื่อครู่หายวับไปทันที
“อุ้ยตายจริง ว่าจะลงมาหยิบของให้แชมป์ลืมไปเลย”เธอว่าแล้วก็รีบเดินเร็วๆหายไป
“ไม่ไปอาบน้ำกันก่อนเหรอครับ เจอลมทะเลน่าจะเหนียวตัวกัน”มันถามโดยไม่เจาะจงตัวคน
“ว่าจะไปกันอยู่นี่แหละครับ พอดีคุยเรื่องรูปแล้วก็งานพรุ่งนี้เพลินไปหน่อย”หน้าที่คุยกับมันผมปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ยศ ผมปิดโน้ตบุ๊คแล้วเก็บเมโมรี่ลงกล่องพร้อมกับกล้องที่ถอดเลนส์ออกเรียบร้อยแล้วใส่ลงกระเป๋าเป้สำหรับเก็บอุปกรณ์ถ่ายรูปโดยเฉพาะ
“ครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ เหมือนเขาจะเอาอุปกรณ์ปิ้งย่างมาให้แล้ว”
“พี่ยศผมไปอาบน้ำก่อนนะ”ทันทีที่ให้เหี้ยพี่เดียวเดินไปทางด้านหลังของบ้านที่ติดกับชายหาด ผมก็บอกพี่ยศแล้วรีบเก็บของเดินขึ้นชั้นบน กำลังคิดอยู่เลยว่าจะหาทางมาอาบน้ำโดยไม่มีมันอยู่ในห้องได้ยังไง
ในห้องพักมีห้องน้ำส่วนตัว อ่างอาบน้ำใหญ่จนผมอยากลงไปแช่ให้สบายตัวแต่กลัวว่าจะสบายจนเพลินเวลาแล้วทำให้คนอื่นรอทานข้าวเลยทำได้แค่รีบอาบน้ำ แต่ถึงจะรีบมากยังไงก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงอยู่ดี ออกมาก็ต้องตกใจเมื่อมีผีบ้านั่งอยู่บนเตียง กอดอกมองมาทางห้องน้ำ ดีที่ผมไม่ได้หลุดพูดอะไรออกมา แต่ไม่ดีตรงที่ผมใส่แค่ชุดคลุมอาบน้ำแค่ตัวเดียวนี่แหละ เสื้อผ้าก็ยังอยู่ในกระเป๋ายังไม่ได้รื้อออกมาจัดเลยเข้าตู้เลย หยิบแค่พวกอุปกรณ์สำหรับล้างหน้า อาบน้ำไปเท่านั้น มันต้องตั้งใจขึ้นมาหาเรื่องแน่ๆไม่อย่างนั้นมันจะขึ้นมาทำไมทั้งที่ตัวเองอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“คุยกันหน่อยสิ”เสียงเจ้ากรรมนายเวร
ผมหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าขึ้นมาแขวนทีละตัวอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาในห้องนี้ให้นานที่สุด แต่พอคิดอีกทียังไงคืนนี้ผมก็ต้องนอนในห้องนี้ ต้องเผชิญหน้ามันทั้งคืนอยู่ดีหรือว่าผมควรจะทำตัวเนียนๆ ไปคุยกับพี่ยศพี่ฉัตรแล้วก็นอนที่ห้องนั้นไปเลยดีนะ
“หูหนวกหรือไง”มันคว้าไหล่ผมให้หันไปหาแล้วกระชากเสื้อที่ผมกำลังจะใส่ออกจากมือไป ต่างคนต่างจ้องตากันอย่างไม่ลดละ
“หึ จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย จะไม่ยอมพูดด้วยใช่มั้ย ทำได้ทำได้ หลุดพูดเมื่อไหร่เจอดีแน่”มันชี้หน้าคาดโทษไว้แล้วจะปาเสื้อใส่ สัดเอ๊ย! อะไรของมันวะ?
ผมไม่รู้ว่าระหว่างผมกับมันทำไมถึงกลับมาเป็นแบบนี้อีกแล้ว ต้นเหตุมันมาจากอะไรนะ ผมก็ทำตัวปกติดี มีแต่มันนี่แหละที่มึนตึงใส่ก่อน พอผมตอบสนองบ้างทำมามีอารมณ์ ผมรีบแต่งตัวให้เสร็จ หยิบกล้องมิร์เรอร์เลสตัวใหม่ที่เพิ่งสอยมาลงมาด้วยกะเอาไว้ถ่ายเล่นๆตอนทานข้าว แล้วก็ลองฟังก์ชั่นของกล้องด้วย
อาหารมื้อเย็นก็อร่อยดี บรรยากาศดี พี่แชมป์กับพี่นลินก็เป็นกันเองมาก ทุกอย่างมันดีมากยกเว้นคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมนี่แหละ ที่ทำให้บรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี ขณะที่คนอื่นเขาสนุกสนานแล้วแฮปปี้กับอาหารมื้อนี้มากๆ พูดคุยกันเรื่องสถานที่จะไปถ่ายกัน มันก็นั่งกินเงียบๆ จิบไวน์หมดไปหลายแก้ว ไม่สนโลกเลย จะมีหืออือบ้างก็ตอนที่พี่ชายมันหันมาถามความเห็น ส่วนผมก็มีส่วนร่วมบ้างเป็นบางครั้งที่เกี่ยวกับงาน แต่นานเข้าก็เริ่มเบื่อๆ ขี้เกียจปั้นหน้าต่อหน้ามันเลยขอตัวออกมาถ่ายรูปเล่น เดินไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมาย เจออะไรน่าสนใจก็ถ่ายไปเรื่อย จนรู้ตัวว่าออกมาไกลจากวิลล่าที่พักพอสมควร ที่นี่เป็นรีสอร์ทระดับห้าดาว ที่ดินตรงนี้นับว่าเป็นจุดที่มองเห็นวิวทะเลอันดามันที่สวยมากๆแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน อาจจะสวยกว่าที่แหลมพรมเทพด้วยซ้ำ
ผมแวะนั่งดื่มเบาๆที่บาร์ด้านนอกของรีสอร์ท วิวตรงนี้มองไปก็เห็นท้องทะเลมืดดำ แต่สิ่งที่น่ามองก็คงเป็นสาวๆ ที่แต่งตัวได้เข้ากับอากาศของประเทศไทย ส่วนมากก็เป็นต่างชาติ คนเอเชียหรือคนไทยน้อยมาก มีสาวๆเข้ามาคุยเข้ามาขอชนกับผมบ้าง คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็แยกย้ายกันไป จุดหมายก็แค่การคุยไม่ได้มาหาเรื่องทำอย่างว่า ซึ่งถึงมีใครจะเสนอมาคืนนี้ผมก็ไม่พร้อมจะสนองทั้งนั้น มาทำงานด้วยแล้วก็ไม่มีอารมณ์ด้วย ผมดื่มเพลินจนลืมตัวกว่าจะรู้อีกทีเบียร์ขวดที่สี่ก็หมดลง เริ่มมึนนิดๆ แต่ก็เดินกลับได้สบายไม่มีซวนเซแน่นอน
“ไปไหนมาตั้งนาน โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป”มันมายืนดักรอหน้าวิลล่า ผมเดินผ่านมันเข้ามาด้านใน พี่ยศกับพี่ฉัตรเดินเข้ามาหาทันที
“ไปไหนมาวะ”
“โทษทีพี่ ผมเดินถ่ายรูปไปเรื่อยน่ะ แล้วก็ดื่มที่บาร์เพลินไปหน่อย”
“เมาป่ะเนี่ย”
“ไม่ครับ ดื่มนิดเดียวจริง นั่งซึบซับบรรยากาศมากกว่า”
“เออ งั้นก็ไปนอน พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปถ่ายพระอาทิตย์เช้าที่...”พี่ยศบอกสถานที่กับบอกเวลาที่จะต้องออกเดินทางเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันเข้านอน ว่าที่บ่าวสาวเข้านอนกันไปได้สักพักแล้ว
(มีต่อ)