อันดามัน...ซ่อนรัก
ตอนที่ 11
ช่วงนี้มรสุมลง ทะเลเลยไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ คุณครามเลยต้องไปดูฟาร์มหอยมุกอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ต้องค้างคืน โดยที่มีผมคอยติดสอยห้อยตามไปด้วย ตอนนี้ผมเหมือนมีหน้าที่อื่นอีกนอกจากคนดูแลนายหัวนั่นก็คือ ผู้ช่วยส่วนตัว ความจริงเค้าก็ไปคนเดียวได้ แต่ที่ให้ผมไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจ แล้วก็จะได้อยู่ในสายตาตลอด ทีแรกก็แอบดีใจนึกว่าจะรอดพ้นจากผู้ต้องสงสัยแล้วซะอีก ที่ไหนได้ยังระแวงอยู่ไม่เลิก
วันแรกที่รู้ว่าต้องตามคุณครามไปที่เกาะ คือไม่รู้ว่าต้องไปกี่วันเพราะมันฉุกละหุกมาก คนงานที่ฟาร์มโทรมาบอกว่ามรสุมซัดเข้าฝั่งทำให้ฟาร์มได้รับความเสียหายบางส่วน ยังดีที่ตอนนั้นพี่เท่งกับคนงานคนอื่นกำลังช่วยกันซ่อมแซมและขนหอยมุกไปรวมกันในกระชังที่ยังดีอยู่แล้ว ส่วนบ้านพักคนงานก็ต้องซ่อมแซมนิดหน่อยเพราะบางหลังใช้ไม้ทำ หลังโครงหลังคาเลยปลิวหลุดไปตามลมบ้าง ส่วนคนงานก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะหลังคาตกใส่แต่ไม่กี่คนเท่านั้น ถือว่าโชคดีมากที่ไม่เป็นอะไรกันมากกว่านี้
ตอนแรกคุณครามจะเอาเรือออกตั้งแต่ตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าป้าน้อยกับคนอื่นๆห้ามไว้ก่อน เพราะตอนนั้นบ้านเราก็มีคลื่นลมแรงอยู่เหมือนกัน เอาเรือออกตอนนี้ก็มีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง รอจนถึงเช้า คลื่นลมสงบนั่นแหละ คุณครามก็เอาเรือออกทันที ส่วนผมก็ได้แต่ตามหลังไปต้อยๆในใจก็แอบกลัวด้วยเหมือนกันแหละ เพราะไม่รู้ว่าขับเรืออกไปแล้วจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ไปถึงเกาะช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้าพอดีเพราะเราออกเดินทางกันตั้งแต่ตอนรุ่งสาง ผมก็กระโดดลงเรือทันทีโดยไม่ต้องรอให้เค้ามาช่วย เพราะผมรู้ว่าเขาเองก็คงเป็นห่วงคนงาน เป็นห่วงที่นี่มาก คงอยากจะเข้าไปดูให้เร็วที่สุด ผมเลยไม่อยากเป็นตัวถ่วง อะไรที่พอทำได้ก็อยากทำ พอเขาเห็นอย่างนั้นเลยยิ้มให้ผมนิดนึงแล้วก้าวฉับๆตรงไปที่คนงานงานทันที
พวกเราอยู่ที่นี้ได้สามสี่วันแล้วหลังจากวันนั้น เอาง่ายๆคือผมไม่ได้ช่วยเค้าทำอะไรเลยนอกจากหยิบนั้นจับนี้ให้ลุงๆพี่ๆที่เค้ากำลังซ่อมบ้านพักแค่นั้นเอง นอกนั้นก็ยืนดูอยู่เฉยๆบ้าง เพราะกลัวเข้าไปช่วยแล้วเกะกะเค้า แต่พอหลังๆก็เลยเข้าไปช่วยป้าๆน้าๆคนอื่นในครัวดีกว่า เพิ่งรู้ว่าคนงานที่นี่เค้ามีอาหารสามมื้อให้ครบเลย นอกนั้นถ้าอยากกินอะไรก็ต้องฝากคนที่ขึ้นฝั่งไปซื้อมาอีกที ส่วนอาหารหรือวัตถุดิบที่ใช้อาทิตย์หนึ่งก็จะไปซื้อมาหนึ่งหรือสองครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนอาหารจะเหลือพออยู่ไหม ดูๆแล้วสวัสดิการที่นี่ก็ดีอยู่นะ อยู่กันแบบเป็นกันเอง เรียกง่ายๆว่าแบบครอบครัวนั่นแหละ แต่ที่นี่มีกฏว่ากินเหล้าได้ แต่อย่าให้กระทบกับงานหรือมีเรื่องทะเลาะวิวาท ส่วนเรื่องยาเสพย์ติดที่นี้คุณครามเค้าออกกฏเลยว่า ถ้ามีหรือรู้เมื่อไหร่จะถูกไล่ออกทันทีโดยไม่มีการให้โอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง
อยู่ที่นี้อีกวันเดียวพรุ่งนี้ก็จะได้กลับขึ้นฝั่งแล้วครับ เพราะคุณครามเร่งเคลียร์ที่นี้จนเสร็จและกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ส่วนบ้านพักคนงานหลังที่เป็นไม้ ตอนนี้คุณครามก็เปลี่ยนมาเป็นกึ่งไม้กึ่งปูนให้แล้ว หลังคาก็ถูกสั่งอย่างดีมาเลย ครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องหลุดปลิวไปกับพายุอีก ส่วนหอยมุกก็ไม่ได้รับเสียหายอะไรมาก เพราะคนงานช่วยกันขนย้ายไว้ได้ทันอยู่ ตอนนี้ผมเห็นใบหน้าของคุณครามดูเหนื่อยล้ามากเพราะหลายวันมานี้เค้าทำงานหนักมาตลอด ไม่ใช่แค่สั่งแต่เค้าช่วยคนงานทำทุกอย่างเลยก็ว่าได้ มิน่าล่ะคนงานทุกคนที่นี่ถึงรักและเคารพเค้าขนาดนี้ ผมยิ้มให้กำลังใจเค้าเพราะรู้ว่าถึงห้ามเค้าก็ไม่ฟังหรอก อีกอย่างเค้าก็รู้แหละว่าเค้าทำอะไรได้แค่ไหน รู้ลิมิตร่างกายว่าควรพักตอนไหน ไม่หักโหมจนเกินไป
ตอนนี้พวกเรากลับถึงบ้านแล้วครับ ทุกคนถามกันใหญ่เลยว่าที่ฟาร์มเป็นไงบ้างผมเลยให้เค้าอยู่ตอบ ส่วนตัวเองก็เลี่ยงออกมาแล้วขึ้นไปเตรียมน้ำอุ่นให้เค้าอาบดีกว่า จะได้ผ่อนคลายแล้วก็หลับสบายมากขึ้นด้วย ส่วนข้าวเย็นพวกเราก็ทานมาจากที่เกาะแล้ว
"ก๊อกๆๆ"
"เข้ามาได้เลย" เสียงแบบนี้กำลังทำงานอยู่รึเปล่านะ
"ผมมารบกวนคุณรึเปล่าครับ?"
"เปล่า ชั้นยังไม่ได้นอน แต่ความจริงก็กำลังจะนอนแล้วล่ะ" ว่าแล้วไหมล่ะ คนบ้างานอย่างนี้ไม่มีทางหรอกที่จะพักอยู่เฉยๆ ทั้งๆที่เพิ่งกลับจากเกาะมาแท้ๆ
"มีอะไรรึเปล่า?" เขาปิดแฟ้มอันสุดท้ายลงแล้วเงยหน้ามาถาม
"ผมจะมาขอลากลับกรุงเทพฯ สักสองสามวันครับ"
"ไปวันไหนล่ะ?" ผมดีใจนะที่เค้าไม่ถามเหตุผลว่ากลับไปทำไม เพราะเหตุผลของผมมันอาจฟังดูโง่ๆ คือผมอยากไปเยี่ยมแฟน ไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เจจะเป็นยังไงบ้าง เห็นครั้งก่อนบอกว่ากำลังเข้ายิมฟิตหุ่น อยากมีกล้ามมากกว่านี้ ผมว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว ตัวเองก็ใช่ว่าจะผอมแห้ง ออกจะมีกล้ามพอดีแล้วด้วยซ้ำ
"วันมะรืนครับ"
"วันมะรืนเหรอ? พอดีเลย หมอนัดชั้นวันศุกร์ จะได้ให้นายไปด้วยเลย" ผมขมวดคิ้วคิดตาม
"แต่วันศุกร์มันตั้งอีกหลายวันกว่าจะถึงนิครับ?"
"ก็ใช่ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวบอกให้ไอ้หมอมันเลื่อนนัดก็ได้" เพิ่งรู้แหะว่าหมอตั้นทำงานที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ ด้วย ที่บอกว่าสบายตามอัถภาพของหมอครั้งก่อน ก็คงเหนื่อยเพราะเข้าเวรออกเวรแล้วก็บินไปๆมาๆ แบบนี้สินะ
"ทำได้ด้วยเหรอครับ?" ผมถามขณะที่เค้ากำลังนั่งจ้องผมอยู่
"อื้ม ถ้าไม่ได้ก็อยู่ที่กรุงเทพฯ รอไปก่อนสักสองสามวันให้ถึงวันนัดก็ได้"
"แต่มันจะลำบากคุณเกินไปรึเปล่าครับ?"
ผมเป็นห่วงงานของเค้านั่นแหละเพราะหลังจากที่ไปอยู่ที่เกาะมาหลายวัน ทำให้รู้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะดูแลได้ทั้งหมด ไหนจะติดต่อกับบริษัทต่างประเทศที่ซื้อขายมุกด้วยกัน แล้วไหนจะบริษัทจิวเวอรี่อีก ไปหลายวันแบบนี้แล้วใครจะช่วยดูงานพวกนี้ให้ล่ะ
"ไม่ ถึงนายไม่ได้ลา ชั้นก็จะเอานายไปด้วยอยู่แล้ว ถือว่าไปเปลี่ยนบรรยากาศที่กรุงเทพฯ แล้วกัน จะได้ห่างงาน แบบที่นายว่าด้วยไง" ห่างงาน พูดซะอย่ากะห่างเมีย ผมล่ะยอมกับเหตุผลเค้าจริงๆ เพราะอีกใจหนึ่งก็อยากให้เค้าพักบ้าง วันสองวันก็น่าจะดี
"เอางั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวค่าตั๋วผมออกเองนะครับ เพราะมันเป็นธุระส่วนตัวของผมเอง"
"อื้ม" คุณครามยังคิ้วตอบตกลง
"งั้นผมไปนอนนะครับ คุณเองก็ควรนอนได้แล้วนะครับ" ผมกำชับกลัวว่าเค้าจะเอางานขึ้นมาทำอีก
"อื้ม" ยิ้มมุมปากแล้วตอบรับเบาๆ คิดว่าตัวเองหล่อนักรึไง เหอะ!! ไปนอนดีกว่า คนอะไรเก๊กได้เก๊กดี
"เดี๋ยวขิง"
"ครับ?"
"ฝันดีนะ" ผมชะงักนิดนึง ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากเค้า
"ฝันดีเช่นกันครับ" อย่านะขิง เค้าแค่บอกฝันดีเอง แค่ประโยคธรรมดาอย่าคิดมาก ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่หัวใจเจ้ากรรม กลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำไงกับมันดี????
............................ จบ Khing's Part .................................,
"ฮัลโหล ว่าไงไอ้คราม?"
"ก็ไม่ไง"
"ไม่ไงแล้วมึงโทรมาหาพระแสงด้ามสั้นอะไรตอนนี้ครับ แหกตาดูบ้างว่าตอนมันกี่โมงแล้ว?"
"ตี1"
"เอ่อ ตี1 เวลาเค้าหลับเค้านอนเว้ย"
"อื่ม" หมอตั้นเอามือตบหน้าผากตัวเอง แล้วถอนหายใจเบาๆหลังจากได้ยินคำตอบ
"มีอะไรให้ช่วยอีก?"
"ช่วยเลื่อนนัดมาเป็นวันพุธแทนได้ไหม?"
"ทำไม?" หมอตั้นถาม
"กูมีธุระวันพุธพอดี ว่าจะไปรวดเดียวเลย ไม่อยากอยู่ที่นั่นหลายวัน"
"อื้ม เดี๋ยวพรุ่งนี้กูให้คำตอบละกัน ขอดูตารางนัดก่อน เผื่อกูติดเคสผ่าตัดด้วยไอ้เหี้ย มึงนี่มันเอาแต่ใจจริงๆ กูล่ะสงสารคุณขิงเค้าจริงๆ"
"สงสารทำไม ก็เลื่อนนัดเพราะเค้านั่นแหละ" ครามเผลอหลุดปา
"เดี๋ยวนะครับนายหัว ช่วยพูดใหม่อีกทีได้ไหมครับ พอดีเครื่องรับสัญญาณกูไม่ค่อยดี" หมอตั้นถามย้ำอีกที
"เปล่า ไม่มีอะไร"
"อย่ามึง เมื่อกี้กูได้ยินอยู่ แต่แค่ไม่มั่นใจ"
"อื้ม ตามนั้นแหละ งั้นแค่นี้นะกูจะไปนอนละ" ครามรีบชิงตัดสายวางไปก่อน เพราะรู้ว่าหมอตั้นจะถามอะไรต่อ เขาเองก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนั้นไปทำไม ครามเอามือลูบหน้าตัวเองแล้วถอนหายใจออก
.................................จบ Kram's Part ....................................,
"เห้ย!! ขอโทษ!! เดี๋ยวชั้นมาใหม่" คนบ้าอะไรเข้าห้องคนอื่นไม่เคาะประตู คิดจะเปิดก็เปิดมันเข้ามาอย่างงั้นนั่นแหละ นี่ยังดีนะที่ใส่บ๊อกเซอร์แล้ว แต่เสื้อไม่ได้ใส่ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณครามนะคุณคราม มันน่าแช่งให้ตาเป็นกุ้งยิงซะให้เข็ด
"ก๊อกๆๆ" หลังจากแต่งตัวอะไรเสร็จผมก็เดินมาเคาะห้องข้างๆ
"อื้ม เข้ามาสิ"
"คุณ..... มีอะไรรึเปล่าครับ?" ที่ถามนี่ไม่ใช่ว่าไม่อายนะ แต่พยายามจะไม่คิดถึงมันมากกว่า ถึงยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน
"เปล่า? อ๋อ!! ลืมไป..ชั้นจะบอกว่า จองตั๋วเครื่องบินแล้วนะ" เพิ่งเคยเห็นคนอย่างคุณครามเขินก็คราวนี้แหละ ถึงจะไม่มากแต่ก็พอดูออก
"นี่อย่าบอกนะว่าที่คุณพรวดพราดเข้าไปห้องผมแต่เช้าเพราะเรื่องนี้?" ผมยักคิ้วถามแบบที่เค้าชอบทำประจำ
"อื้ม" แค่เนี๊ยะนะ จะบ้าตาย
"เอาไว้บอกตอนที่ผมมาดูแลคุณก็ได้นิครับ?" ผมล่ะอยากดิ้นตายมันซะตรงนี้เลย
"ก็วันนี้เห็นนายยังไม่มา เลยว่าจะไปดูสักหน่อย" เขาตอบแล้วทำท่าจิบกาแฟไปพรางๆ
"ผมว่าผมตื่นตามปกตินะ ไม่ได้สายด้วย" ผมเหล่ตามองที่นาฬิกาติดฝาผนัง
"เหรอ? งั้นนาฬิกาห้องชั้นคงเสียแล้วล่ะ เดี๋ยวค่อยให้ลุงแช่มมาเอาไปซ่อม" ผมล่ะหมั่นไส้ ชักแถเก่งขึ้นทุกวันแล้วนะคุณคราม
"แล้ว...คุณได้เห็นอะไรไหมครับเมื่อกี้?"
"อุ๊!!!! อะแค๊กๆ" สมน้ำหน้า สำลักให้ตายไปเลย
"ถามอะไรของนาย?" คุณครามหันมาถามหลังจากสำลักกาแฟหน้าดำหน้าแดง
"ไม่รู้แหละครับ สรุปคือเห็นหรือไม่เห็น?"
"ไม่เห็น"
"จริงเหรอครับ?" ผมส่งสายตาคาดคั้นไปให้
"อื้ม ไม่เห็นเลย แล้วก็ไม่คิดเลยว่าจะขาวขนาดนี้" คุณครามตอนนี้สายตาโคตรเจ้าเล่ห์ มิน่าล่ะถึงเป็นเพื่อนกันหมอตั้นได้
"คุณคราม!!"
"หืม?" มาหงมาหืมอะไรเล่า ดูทำหน้าเข้า
"แล้วทำไมคุณไม่เคาะประตูห้องก่อนเล่า?"
"ก็ไม่คิดว่านายจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เลยไม่ได้เคาะ ปกติก็ไม่เคาะ" ติดนิสัยน่ะสิ คิดว่าเป็นบ้านตัวเองแล้วทำอะไรก็ได้รึไง
"ไม่รู้ล่ะ คราวหน้าต้องเคาะด้วยนะครับ ไม่งั้นผมจะแข่งให้คุณเป็นตากุ้งยิงจริงๆ ด้วย"
"นี่นายเขิน หรือว่า โกรธกันแน่?"
"......."
"จะอายทำไม? ทีของชั้นนายยังเห็นมาแล้วเลย" ยิ้มแบบนี้อีกละ
"พูดบ้าๆ ใครเห็นของคุณตอนไหนกัน?"
"ก็ตอนที่ชั้นเมาครั้งแรก แล้วก็ตอนมันเคารพธงชาติตอนเช้าไงนั้นไง"
"หยุดๆ คุณคราม พูดอยู่ได้หน้าไม่อาย"
"ก็มันจริง" >>>>>แนะ!! ยังมาพูดออกมาหน้าตาเฉยอีก
"แต่ยังไงเรื่องนี้คุณก็ผิด"
"โอเค ชั้นขอโทษละกัน" ครามยกมือขึ้นสองข้างบอกว่าขอยอมแพ้
"อะไร? ชั้นก็ขอโทษแล้วไง แถมชั้นก็ยังไม่ได้แตะต้องตัวนายอะไรเลยด้วยซ้ำ นอกจากวันนั้นที่ชั้นจู.....อื้อออ!!" ขิงเอามือปิดปากไว้ก่อนที่ครามจะพูดให้ตัวเองอายมากกว่านี้ คนยิ่งเขินๆ ไม่อยากนึกถึงอยู่
"เอาเป็นว่า ผมไม่โกรธแล้ว โอเคไหม?"
"........" คุณครามผยักหน้ารับคำ
"ห้ามพูดแล้วนะ สัญญาสิครับ?"
"อื้อ!!" เสียงรับคำอู้อี้ ในระยะห่างกันแค่นี้ทำให้รู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายเลย
"เจ็บไหมครับเมื่อกี้?"
"ไม่ แต่.....ขอจูบได้ไหม?"
"ห๊ะ?" ขิงถามเพราะยังจุนสมองตามไม่ทัน
"ขอจูบได้ไหม?" ครามถามเสียงนุ่ม มองขิงที่กำลังยืนนิ่งเม้มปากสับสนอยู่
"อ๊ะ!!" เสียงอุทานอย่างตกใจ พร้อมกับตาที่เบิกขึ้น นี่เป็นการจูบครั้งที่สอง ครั้งที่สองแล้วที่ผมจูบกับเค้า
"อ้าปากหน่อย" ไม่รู้ว่าทำตามที่เค้าบอกตอนไหน พอดึงสติกลับมาได้ก็ถูกจู่โจมไปแล้ว
"อื้ออออออออ" เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ จนเริ่มหายใจไม่ทัน ครามถึงผละออกมา แล้วก็ประกบจูบใหม่อีกครั้ง แถมยังเร่าร้อนมากกว่าเดิมอีก
"อื้ออออ!! ปึกๆ" ขิงใช้กำปั้นทุบประท้วงเพราะหายใจไม่ทัน จนครามยอมผละออกมา
"หยุดมองได้แล้ว!!"
"เอ่อ...อื้ม!!" พูดจบ ต่างคนต่างเงียบ อยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ใช่แค่ครามหรอกที่สับสน แต่ขิงก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยอมให้คนตรงหน้าทำแบบนั้น
"งั้น....ผมลงไปข้างล่างนะครับ?" พูดเสร็จก็หันหลังก้าวฉับๆออกไป
"อยากลงไปให้เค้าถามว่าปากไปโดนอะไรมาก็ตามใจ?" ผมชะงัก
"คุณ!!"
"ก็มันจริง ไม่เชื่อส่องกระจกสิ" เค้าบุ้ยปากไปทางห้องน้ำ
"......."
"ไม่โกรธชั้นใช่ไหม?" คุณครามเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วถามเบาๆ
"....." ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
"แล้วทำไมไม่มองหน้าชั้นล่ะ?"
"ก็...." จะให้บอกยังไงในเมื่อคุณไม่เคยเป็นแบบนี้ แล้วก็ไม่เคยใช้สายตาแบบนี้กับผมเลยนี่หน่า มันแปลกๆยังไงไม่รู้
"จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?"
"งั้น...ผมถามได้ไหม๊ว่า.....ทำไมถึงทำแบบนั้น?" ผมเงยหน้ามองเค้า
"ชั้นก็.......ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าอยากจูบนายแค่นั้น" นั่นสินะคุณเองก็ผู้ชายแท้ๆ จะมารู้สึกอะไรกับผู้ชายด้วยกัน คิดแล้วเจ็บบอกไม่ถูกแหะ รู้สึกผิดกับเจ แล้วก็รู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆ
"งั้นเหรอครับ?"
"อื่ม" ครามตอบสั้นๆ ขนาดตัวยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลย
"ผมเข้าใจครับ" เข้าใจว่า คุณแค่เผลอไปเพราะความใกล้ชิดแค่นั้นเอง
"ชั้น....."
"งั้นผมกลับห้องนะครับ คุณคงไม่ว่าใช่ไหมครับถ้าผมจะขอลาหยุดสักสองสามชั่วโมง"
....................
..........
.....
.........................................