Andaman in Love |♬ ☆ อันดามัน...ซ่อนรัก ☆ ♬ | Ch.25 ☆ P.11 >> (25/03/59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Andaman in Love |♬ ☆ อันดามัน...ซ่อนรัก ☆ ♬ | Ch.25 ☆ P.11 >> (25/03/59)  (อ่าน 68019 ครั้ง)

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

===================================================================


#เอาเรื่องใหม่มาประเดิม ฝากเนื้อฝากตัวด้วยจ้า
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2016 08:45:38 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1





อันดามัน...ซ่อนรัก
ตอนที่ 1







ร่างสวมส่วน ออกไปทางโปร่งบาง ผิวสีน้ำนมเดินมาหยุดหน้าร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจ ก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อเล็กน้อยเพราะ วันนี้อากาศอบอ้าว แถมตัวเขาเองยังวิ่งกระหืดกระหอบออกมาเรียกแท็กซี่หน้าที่ทำงานเพื่อไปหาเพื่อนรักที่นัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืนอีก พอขึ้นรถมาก็นึกว่าจะสบาย ลุงคนขับกลับบอกว่าแอร์เพิ่งเสีย ต้องขอโทษด้วย แล้วจะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อมันเป็นเหตุสุดวิสัย แถมเราก็ขึ้นมาแล้วนิ ร่างโปร่งยกแขนขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา ปรากฏว่าตอนนี้ก็เลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย เพื่อนรักของเขาต้องชะเง้อคอคอยแย่แล้วแน่เลย จะโทรศัพท์ไปบอกก็แบตหมด เพราะที่ชาร์ตมันชาร์ตไม่เข้า อยากจะด่าคนผลิตสายชาร์ตของโทรศัพท์ยี่ห้อนี้นัก แพงเสียเปล่าแต่สายชาร์จแบตพังบ่อยเหลือเกิน


"ขิงทางนี้!!" พอได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง ขิงก็รีบหันไปมอง แต่คนเยอะขนาดนี้จะหาเจอได้ยังไง?  ยังดีที่คีย์โบกมือให้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เลยไม่ต้องมองหา

"นั่งก่อนๆ เอาอะไรดี เดี๋ยวเราสั่งให้" คีย์ใช้มือตบลงเบาๆที่เก้าอี้ตัวข้างๆ แล้วเป็นธุระจัดการเรื่องเครื่องดื่มให้ ส่วนอาหารเจ้าตัวก็สั่งมารอไว้แล้ว แต่คงจะเย็นชืดไปหน่อยเพราะเขามาช้าไปเกือบชั่วโมงเลย

"เอาน้ำสัปปะรดปั่นก็ได้" ขิงไม่เรื่องมาก รีบตอบไปโดยไม่ต้องคิด เพราะเห็นมันขึ้นมาเป็นอันดับแรกในเมนูเครื่องดื่ม

"น้องๆ เอาน้ำสัปปะรดปั่นแก้วนึงครับ" คีย์โบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟในร้าน แล้วสั่งเครื่องดื่มให้ จะว่าไปพนักงานที่นี่คงจะเป็นเด็กมหาลัยเป็นส่วนใหญ่เพราะเห็นหน้าตายังดูเด็กกันอยู่เลย ถึงบางคนจะดูตัวโตกว่าพวกเขาสองคน แต่ก็พอดูออกว่ายังเรียนอยู่ เพราะรุ่นน้องเขาเองก็เคยทำงานอยู่ที่นี่ก่อนจะลาออกแล้วกลับมาเรียนอย่างจริงจัง เพราะใกล้จบแล้ว

"กว่าจะมาได้" คีย์นั่งลงแล้วเอามือกอดอก ทำหน้าบู้อย่างงอนๆ รอให้เขาไปง้อ เป็นแบบนี้ประจำตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน แต่ดูๆคงไม่ได้โกรธอะไรมากหรอกแค่แกล้วงอนไปเท่านั้นแหละ เพราะคีย์เป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธใครง่าย แต่ถ้าทำให้โกรธจริงๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงกันเลยทีเดียว แม้แต่ชื่อก็ยังไม่อยากได้ยิน

"โทษทีพอดีเราทำงานเพลินไปหาหน่อย เผลอแป๊บเดียว เลยเวลาเลย" ผมส่งสายตาขอโทษไปให้ พยายามทำให้มันดูน่าเอ็นดูที่สุด เผื่อคนแถวนี้จะใจอ่อนแล้วไม่ต้องง้อนาน ผมไม่ได้เป็นพวกบ้างานนะ แต่เวลาได้ทำงานแล้วก็อยากทำให้มันเสร็จเป็นอย่างๆไป ไม่ชอบทำอะไรที่ครึ่งๆกลางๆ อย่างวันนี้ตอนแรกคิดว่าจะเคลียร์งานแค่อย่างเดียว แต่พอทำไปทำมากลับอยากทำให้มันเสร็จหมดเลย เลยกลายเป็นว่าลืมดูเวลา จนเลยเวลานัดเพื่อนไป คีย์เป็นเพื่อนของผมที่สนิทที่สุดเลยก็ว่าได้ เรียนคนละคณะแต่เป็นเพื่อนกันได้เพราะรู้จักกันตอนรับน้องปี1 มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด จนจบมหาลัยมาความสัมพันธ์ของเราก็ยังเหนียวแน่น ผมเรียนจบสหเวชศาสตร์ สาขากายภาพบำบัดมา แต่มาทำงานเป็นเลขาเพราะเงินเดือนที่เค้าเสนอมามันเยอะมาก ส่วนคีย์เรียนบริหาร เพราะต้องกลับไปช่วยงานที่บ้าน พอมันเรียนจบก็กลับไปช่วยงานครอบครัวจริงๆนั่นแหละ ไม่เหมือนผม จบมาแต่ทำงานไม่ตรงสาย

"ช่างเหอะ มาช้ายังดีกว่าไม่มา" คีย์ถอนหายใจออกแล้วแกล้งงอนอีกหน่อยแต่พองาม

"แล้วทำไมต้องนัดที่ร้านแบบนี้อะ เสียงดังจัง"

"ร้านแบบนี้แหละจอยที่สุดละ กินไปด้วยฟังเพลงไปด้วย ร้านนี่เค้าร้องเพลงสดเลยนะ" ก็ถือว่าดีอะนะ กึ่งผับกึ่งเรสโตรองท์ ดีกว่าผับที่ไปกันครั้งก่อน คนยั้วเยี้ยนเต็มไปหมด แถมเพลงก็ดังจนคุยกันไม่รู้เรื่องเลย สรุปคือครั้งที่แล้วมากินมาเที่ยว ไม่ได้คุยงานหรืออะไรเลย ความจริงผมเป็นค่อนข้างมีโรคส่วนตัวนิดนึง แต่ก็ไม่ถึงกับไม่คบค้าสมาคมกับใครนะ ถ้าเรียกให้ดูดีหน่อยคือค่อนข้างอยู่ติดห้อง ไม่ชอบออกไปเที่ยวอะไรสักเท่าไหร่ ถ้ายิ่งเป็นผับหรือที่ที่มันเสียงดังแล้วนั่งกินเหล้ากัน ผมก็ไม่ค่อยไปนะ ชอบอยู่ห้องอ่านหนังสือการ์ตูน เช่าหนังมาดูที่ห้อง หรือถ้าเที่ยวก็ชอบเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติมามากกว่า แต่ถ้ามันจำเป็นก็ไปนะ อย่างไปกินเลี้ยงกับเพื่อน ปาร์ตี้วันเกิด หรือตอนสมัยเรียนก็เลี้ยงสายรหัส


"แล้วงานเป็นไงบ้างอะ โดนเจ้านายโรคจิตลวนลามอีกป่ะ?" คีย์ยัดผัดเปรี้ยวหวานใส่ปากแล้วเอ่ยถาม สงสัยคงหิวเพราะรอมาตั้งนานแล้วนี่เนอะ

"เห้ออออ....ก็นะ" พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็สยองทุกที ทำงานวันแรกก็ว่าดีอยู่ เห็นเป็นคนขรึมๆ มาดก็ดี แถมแมนเต็มร้อย แต่พอทำๆไป กลับกลายร่างเป็นเสือไบซะได้ คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆนะผมว่า ความจริงผมทำงานที่นี่มาได้ระยะหนึ่งแล้วนะ แล้วใกล้จะผ่านโปรแล้วด้วย ใจหนึ่งก็อยากจะเตะผ่าหมากหรือต่อยมันไปซักหมัด แต่ก็กลัวว่าจะไม่ผ่านโปร งานสมัยนี้ยิ่งหายากอยู่

"ถอนหายใจแบบนี้เจอมาอีกแล้วอะดิ" ขิงถามแล้วเบ้ปากใส่

"เราบอกให้ลาออกๆ ก็ไม่เชื่อ"

"ไอ้ลาออกน่ะมันได้ แต่งานใหม่เราล่ะ จะให้ไปทำอะไร งานสมัยนี้ก็หายากอยู่" ผมตอบแล้วตักข้าวใส่ปากตามแล้วคิดตามที่คีย์บอก แต่ปัจจัยหลัก คืองานมันหายาก นักศึกษาป.ตรีจบใหม่ก็มีเยอะแยะนะ แต่คุณสมบัติของแต่ละบริษัทที่เค้ารับเข้าทำงานก็เยอะยิ่งกว่าอะไร บ้างที่ก็รับแค่ผู้หญิง บ้างที่ก็เจาะจงสาขาที่จบมา แล้วบ้างที่ก็ระบุสถาบันที่จบมาด้วย เลยทำให้บัณฑิตที่จบมาใหม่ไม่มีงานทำ เดินเตะฝุ่นไปมาอยู่บ้าน

"งั้นถ้าเราช่วยหางานใหม่ให้ จะออกไหม?" คิ้วเงยหน้าจากจานแล้วยักคิ้วถาม ปากก็เคี้ยวมุบมมับไปด้วย

"งานอะไรอะ?" ผมหยุดกินแล้วขมวดคิ้วถาม

"ก็นี่ไง เรื่องที่เรานัดออกมาวันนี้เพราะจะขอร้องให้ขิงไปเป็นนักกายภาพให้พี่ชายเราหน่อย นะๆ ไหว้ล่ะ" คีย์ยกมือไหว้ผงกๆจนตัวเขาเองต้องรีบยกมือขึ้นจับไว้ ทำเอาตกใจหมด เล่นอะไรก็ไม่รู้

"นะๆ ช่วยพี่ชายเราหน่อยนะ" คีย์ส่งสายตาอ้อนๆมาให้

"พี่ชายเหรอ? ไหนว่าคีย์บอกเราว่าเป็นลูกคนเดียวไง?" ผมขมวดคิ้วแล้วถามออกไปอย่างใจคิด ตอนนี้พวกเราสองคงหยุดกินกันก่อนเพราะ เนื้อหามันเริ่มซีเรียสขึ้นแล้ว

"ก็ลูกพี่ลูกน้องเราไง ชื่อคราม เค้าได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสองสามเดือนก่อน เลยช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ป้าเราเลยอยากได้คนดูแล เราเลยคิดว่าขิงน่าจะทำได้ นะๆ จะได้ไปจากอีตาเจ้านายโรคจิตนั่นสักที" จำได้ล่ะ คีย์เคยพูดถึงเรื่องพี่ชายที่ชื่อครามให้ฟังอยู่ แต่ไม่เคยเจอ เห็นบอกว่าเป็นถึงนายหัวฟาร์มหอยมุกกับฟาร์มนกนางแอ่นด้วยนิ

"แต่..."

"นะๆ อย่าเพิ่งปฏิเสธดิ เงินเดือนดีด้วยนะ แค่ดูแลเรื่องอาหารการกินปกติ เข้าห้องน้ำกับทำกายภาพแค่นั้นเอง ไม่เหลือบ่ากว่าแรงขิงหรอก ไหนๆ ก็จบด้านนี้มาโดยเฉพาะแล้วนะ เอาวิชามาใช้หน่อย นะๆ ถือว่าช่วยเพื่อน"

"พอแล้ว ไม่ต้องมาส่งสายตาให้แบบนี้เลย" คีย์มันมักจะเป็นแบบนี้ตลอดเวลาจะอยากได้หรืออยากให้ช่วยอะไร มันก็จะอ้อนแบบนี้ตลอดแหละ แต่ก็นะ ไม่ค่อยมีใครจะจะปฏิเสธมันหรอก น้อยคนเท่านั้น โดยเฉพาะผม เพราะหนึ่งมันคือเพื่อนสนิทที่สุดของผม สองคือมันน่ารักนะเวลาอ้อน ผมเป็นลูกคนสุดท้อง มีทั้งพี่ชายแล้วก็พี่สาว เคยคิดว่าอยากมีน้องสักคน แต่ก็ไม่มีเพราะแม่ทำหมันแล้ว พอมาเจอมัน ตัวก็เล็กน่ารัก ทำให้รู้สึกเหมือนได้ทั้งเพื่อนแล้วก็น้องชายในคนๆเดียวกัน

"ไม่อยากให้ส่งสายตาให้ก็รับปากสิว่าจะทำให้?" คีย์เต๊ะท่าขึงขัง ทั้งๆที่ไม่ได้ดูขึงขังเลยสักนิด

"แต่เราเพิ่งเข้าไปทำงานที่นั่นได้สองเดือนกว่าเองนะ มาลาออกแบบนี้ เสียประวัติการทำงานหมด นี่ก็ใกล้ผ่านโปรแล้วด้วย" ผมตอบแล้วยกน้ำสับปะรดขึ้นดูด

"ช่างหัวมันประไรสิ ทำงานกับพี่ชายเราสบายกว่าตั้งเยอะ ไม่ต้องถูกลวนลาม โลมเลียทางสายตาอีกด้วย" คีย์พูดอย่างไม่สนใจเหตุผล แต่พูดอีกก็ถูกอีกนั่นแหละ แล้วถ้าทำกายภาพจบล่ะจะไปทำงานอะไรต่อ? งานมันไม่ได้ถาวรสักหน่อย

"เราขอคิดก่อนได้ไหมอะ?"

"โถ่ขิงอะ จะคิดอะไรอีก มันเป็นงานที่ขิงชอบไม่ใช่เหรอ อุตส่าห์เรียนมา ได้ทำงานตามสายที่ตัวเองเรียนมาน่าจะดีกว่านะ หรือว่าขิงติดใจเรื่องเงินเดือน ขิงต้องการเท่าไหร่ว่ามาเลย? เดี๋ยวเราไปคุยคุณป้าเราให้" คีย์ทำหน้ามุ้ยแล้วจับมือผมบีบเบาๆ อย่างเอาอกเอาใจก่อนจะร่ายมนต์ใส่อีกยาวเหยียด

"เปล่า มันไม่ใช่เรื่องเงินเดือน"

"เอ่อจริง ลูกพ่อเลี้ยงคำปัน พ่อค้าไม้รายใหญ่ของเชียงใหม่ เรื่องเงินคงไม่ใช่ปัญหา แล้วติดที่อะไรล่ะ?" เจ้าตัวพูดไปด้วยขมวดคิ้วตั้งคำถามไปด้วย เพราะอุตส่าห์ลงทุนนัด ลงทุนพูดชักแม่น้ำทั้งห้าแล้วแต่ผมก็ยังไม่ตกลงสักที เลยทำให้เจ้าตัวขมวดคิ้วใส่อย่างเซ็งๆแล้วล่ะ

"คีย์แน่ใจเหรอว่าเราจะเอาพี่นายไหว ครั้งที่แล้วก็อาละวาด จนต้องเปลี่ยนนักกายภาพ กับพยาบาลไปไม่ใช่เหรอ?" นี่แหละเหตุผลที่กลัว คุณครามพี่ชายคีย์ยิ่งเจ้าอารมณ์อยู่ ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งฉุนเฉียวไปกันใหญ่ แค่ 2 เดือน เปลี่ยนนักกายภาพไปตั้ง 4 คน แล้วเราล่ะจะไหวไหม?

"เราเชื่อว่าขิงจะทำได้ ขิงเป็นคนใจเย็น ถ้าได้ตั้งใจทำอะไรก็จะทุ่มเทกับมันมาก ช่วยเรากับคุณป้าเถอะนะ เราไม่รู้จะไปเพิ่งใครแล้ว คุณป้าท่านเป็นห่วงพี่คราม ไหนจะงานที่บริษัทอีก เราสงสารพี่คราม สงสารคุณป้า ฮึกๆ เป็นเพราะผู้หญิงสารเลวคนนั้นคนเดียว ที่ทำให้พี่ครามเป็นแบบนี้ ฮึก!!"

"อย่าร้องนะคีย์ ปัญหาทุกอย่างมันทางแก้ โอ๋ๆๆ" ผมพยายามปลอบอย่างใจเย็น

"เราไม่รู้ ฮึก!! จะช่วยยังไงดี" ดูสิยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง จะทำยังไงดีเนี๊ยะ

"โอเคๆ อย่าร้องนะคีย์ เรารับปากว่าจะดูแลพี่ชายคีย์ให้ ดูสิคนเค้ามองกันใหญ่แล้ว อายเค้า ไม่ร้องๆนะ" ขิงขมวดคิ้วแล้วเม้มปากคิดนัก จะไหวไหมเนี๊ยะ??

"ขอบใจนะขิง"

"แล้วเราต้องทำยังไงอะ? พี่ชายคีย์รักษาตัวอยู่ที่ไหนตอนนี้?" ที่ผมถามออกไปเพราะผมไม่รู้อะไรเกี่ยวพี่ชายคีย์เลย รู้แค่ว่าประสบอุบัติเหตุแล้วเปลี่ยนคนดูแลย่อยแค่นั้นเอง

"พี่ครามรักษาตัวอยู่ที่กระบี่ ขิงคงต้องลงใต้ไปดูแลพี่ชายเราแล้วล่ะ"

"ไกลจัง" ผมยู่หน้าใส่คีย์บ้าน

"ก็ไหนว่าเบื่อกรุงเทพ เบื่อรถติด เบื่อควันรถไง" ผมเคยบ่นๆกับคีย์ไว้นานแล้วนะว่า ไม่ค่อยชอบกรุงเทพฯ รถเยอะควันก็เยอะ รถก็ติด จะไปไหนทีก็ต้องเผื่อเวลาไว้ก่อนเยอะๆ เผื่อรถติด เวลาน้ำท่วมทีก็เกิดปัญหาถ่ายเทน้ำไม่ทัน จนทำให้กรุงเทพนองไปด้วยน้ำเป็นเดือนเลย แล้วทีนี้จะทำไงล่ะ ก็ต้องเดินคีบอีแตะไปทำงาน แล้วค่อยเอากางเกง กับถุงเท้า รองเท้าไปเปลี่ยนที่ทำงานไงครับ บ้านไหนที่มีรถก็ต้องเอารถไปฝากในที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง ไม่งั้นก็คงต้องเสียรถไปเป็นคันๆ แล้วก็ต้องซื้อใหม่ ผมเป็นคนเหนือมาเรียนที่กรุงเทพฯ จนตอนนี้ทำงานแล้ว หลายปีที่นี่ทำให้ผมรู้สึกว่าได้ผจญภัยอยู่ตลอดเวลา แล้วก็คิดว่าไม่มีที่ไหนดีและสุขใจเท่าบ้านเราแล้วล่ะ เพราะมันทั้งวุ่นวายสารพัด

"มันก็ใช่ แต่จู่ๆ จะให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นเลยมันก็ใจหายนะ"

"เอาหน่าเดี๋ยวก็ปรับตัวได้เอง ท้องฟ้าสวย ทะเลใส ฝั่งอันดามันด้วยนะ ถือว่าทำงานไป พักผ่อนไง" มันก็ใช่อย่างที่คีย์ว่า ทะเลอันดามันคือสวรรค์ของนักเดินทาง ผมเคยมีความคิดนะว่าอยากมาหางานทำที่นี่ตอนจบใหม่ๆ แต่พอมีแฟนแล้ว ความฝันนั้นก็ต้องถูกโยนทิ้งไป เพราะผมค่อนข้างติดแฟนนะ ติดชนิดที่ว่าเพื่อนแอบบ่นอยู่บ่อยๆว่า ไม่มีเวลาให้ โดยเฉพาะคีย์ รายนี้บ่นประจำ แต่ก็บ่อยครั้งนะที่สามารถแยกผมแยกออกจากแฟนได้ แต่พอคบกันไปได้สักระยะหนึ่งเราก็ต้องปรับตัวเข้าหาคนอื่น จากคนที่ติดแฟนก็ค่อยๆ ลดลง เค้าก็ต้องมีเพื่อน มีสังคมของเค้าบ้าง จะให้มาอยู่กับเราตลอดเวลาคงไม่ได้ จนตอนนี้ผมว่าผมดีขึ้นมากแล้วนะ รู้จักแบ่งเวลาให้ทั้งเพื่อนแล้วก็แฟนอย่างลงตัว แล้วก็มีเหลือให้ตัวเองด้วย เช่น วันหยุดบางวันก็จะนอนอยู่ห้องอ่านหนังสือการ์ตูนเฉยๆบ้าง เหมือนเราได้มีสเปซเป็นของตัวเอง มีเวลาให้กับตัวเองบ้าง

"แล้วจะให้เราเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ?"

"คงต้องเร็วที่สุดแหละ พี่ครามต้องการคนดูแล" นี่ก็อีกอย่างหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบคือการที่ต้องทำอะไรปุ๊บปั๊บ ไม่ได้เตรียมการ วางแผนหรือเตรียมใจอะไรไว้เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำอะนะ เพื่อนขอร้องมาซะขนาดนี้แล้วนิ แต่จะว่าไปที่ทำงานผมตอนนี้ก็ดีนะ พี่ๆที่ทำงาน ก็นิสัยดี เป็นกันเอง แล้วก็เฮฮา มันก็คงมีบ้างนิดหน่อยที่จะไม่อยากเปลี่ยนงาน


...................................................


ตอนนี้ผมกลับมาถึงห้องแล้วครับ เหนื่อยมาก รถก็ติด ฝนก็ตกอีก สรุปคือตอนนี้อยากอาบน้ำแล้วนอนเล่นเน็ตหรืออ่านหนังสือสักเล่มจนกว่าจะง่วง ส่วนเรื่องงานที่คุยกับคีย์เมื่อกี้ คือผมต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้แล้วไปดูแลพี่ชายของคีย์แทนในฐานะนักกายภาพบำบัด แอบหวั่นใจอยู่ลึกๆนะ เพราะผมไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งอะไรที่มาปุ๊บปั๊บแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ยิ่งไม่ชอบไปกันใหญ่ ส่วนคืนนี้ขอนอนหลับให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้ไปยื่นใบลาออก แล้วก็เคลียร์งานทั้งหมด แค่คิดก็หัวหมุนแล้วว่าไหม๊?

"แกร๊ก!!"

"กลับมาแล้วเหรอขิง? ไปไหนมาอะ? เจมารอตั้งนาน"

"โทษทีๆ ขิงไปทานข้าวกับคีย์มา รอนานไหม? พอดีแบตขิงก็หมดเจเลยไม่รู้ว่าเจมารอ" ผมเอากระเป๋าสะพายวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วหันมาถาม ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมครับว่าเจเป็นใคร? เจเป็นแฟนผมเองครับ เรารู้จักกันตอนปีหนึ่งแต่อยู่คนละคณะ ผมเรียนสหเวช กายภาพบำบัด ส่วนเจเรียนเศรษฐศาสตร์ มารู้จักกันได้เพราะงานรับน้องนี่แหละ พร้อมๆกับคีย์เลย แต่ผมจะสนิทกับคีย์ซะมากกว่าเพราะเจ้าตัวเค้าเข้ากับคนง่าย พูดเก่ง ส่วนเจก็พูดกันบ้างนะ แต่ก็ยังไม่ค่อยสนิทกัน เพราะเค้าก็มีเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันด้วยแหละ หลังจากนั้นก็จะเห็นเจบ่อยๆ ทั้งในมหาลัยแล้วก็นอกมหาลัย แถวๆหอก็ยังเห็นเลย ตอนนั้นยังไม่ได้เอ๊ะใจหรอก เพราะคิดว่าเจคงอยู่หอแถวนี้ หลังจากนั้นก็เจอกันบ่อยขึ้น มีทักทายกันบ้าง นั่งกินข้าวโต๊ะข้างๆกันบ้าง ขอนั่งกันด้วยบ้าง จนวันที่เจมาบอกว่าชอบนั่นแหละ ทีแรกก็อึ้งๆนะ ยังคิดเลยว่าเจล้อเล่น แต่พอมองตา มันไม่มีความล้อเล่นอยู่เลย เจบอกว่าไม่รู้ว่าชอบตั้งแต่ตอนไหน แต่ชอบแอบมองบ่อยๆเพราะยิ้มเก่ง น่ารัก พอเผลอแป๊บเดียวก็คอยมองหาไปแล้ว จนเพื่อนแซวแล้วแอบไปสืบตารางเรียนมาให้นั่นแหละ คิดแล้วก็เขินแหะ!! ยังแปลกใจอยู่เลยว่าคนที่หล่อ หุ่นดี อัธยาศัยดีแบบเจจะมาชอบเราได้ยังไง? ตัวก็ผอม หน้าตาก็ธรรมดา สูงแค่ 175 เซติเมตร จะดีหน่อยก็แค่ขาว กับลักยิ้มเท่านั้น แถมเจก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเกย์เลยสักนิด



"เอาเป็นว่าเจมารอขิงเกือบชั่วโมงกว่าแล้วล่ะ กะว่าจะชวนไปทานข้าว แต่ขิงทานกับเพื่อนมาแล้วก็ไม่เป็นไร เอาไว้ครั้งหน้าก็ได้" เจยิ้มให้น้อยๆ แล้วเดินมาหยิกแก้มผมเบาๆ ส่วนผมก็ยิ้มตอบแล้วลงมือแกะกระดุมแขนเสื้อตัวเอง

"มานี่สิเดี๋ยวเจถอดเนคไทให้ ฟ๊อด!! หอมจัง" ขิงยิ้มให้กับการเอาอกเอาใจเล็กน้อยๆของเจ ทั้งๆที่ตัวเองก็เพิ่งเลิกงานมาเหนื่อยๆเหมือนกัน แต่ก็ยังทำให้

"หอมอะไร มีแต่เหงื่อล่ะไม่ว่า ปากหวานนะเราอะ"

"ก็หอมจริงๆ ตัวขิงหอม ขนาดหมอนกับที่นอนยังมีกลิ่นหอมๆ ติดอยู่เลย" เจพูดแล้วทำท่ายักคิ้วใส่สองทีอย่างกวนๆ

"นี่ขิงมีแฟนเป็นโรคจิตใช่ไหมเนี๊ยะ? อิอิ" ผมเอ่ยแซวหลังจากที่เจแกะเนคไทออกให้

"พูดแบบนี้เดี๋ยวเหอะ จะโดนทำโทษ" อะโด่แกล้งทำหน้าโหดแต่ตัวเองยังยืนอมยิ้มอยู่ แล้วคนอื่นเค้าจะกลัวไม่ล่ะครับคุณเจษฏา

"ไม่กลัว!! แบร่!!! " แลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างยั่วยวน แล้วก็กระโดดหนีสิ ใครจะอยู่เฉยๆให้เสือร้ายมาตะครุบกัน

"ทำแบบนี้ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อยนะครับหนูขิง หึๆๆ"

"โอ๊ะ!! น่ากลัวจุง ฮ่าๆๆ" ผมเบี่ยงตัวไปทางซ้ายเจก็ไปซ้าย โดยที่มีโซฟาตัวเล็กกั้นอยู่ "อ๊ากกกกก ปล่อยนะไอ้โรคจิต ปล่อยยยย ฮ่าๆๆๆ" โซฟานี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย ทีแรกก็เหมือนจะช่วยกั้นไม่ให้เสือหิวกระโดดเข้ามาได้ แต่ลืมนึกไปว่ารายนั้นเค้าเร็ว

"จับได้แล้ว มาม๊ะ!! มาให้ป๋าลงโทษซะดีๆ"

"จะยอมดีๆไหม๊?" เจถามแล้วแกล้งทำหน้าโหดเหมือนโจรที่กำลังจะทำร้ายสาวน้อยใส่

"ไม่" เรื่องอะไรจะยอม ยอมง่ายๆก็ไม่สนุกดิ

"ได้ แบบนี้มันต้องโดนลงโทษซะให้เข็ด ฟ๊อดๆ" พอจับตัวได้ ก็ถูกฟัดแก้มไปแรงๆสองที กับจี้เอวจนหอบ หายใจแทบไม่ทัน

"ยอมแล้วววว หือๆ เหนื่อย!!" เสียงตอบกลับสลับกับเสียงหอบ พร้อมกับแก้มขาวๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงไปแล้วเพราะเหนื่อยแล้วก็ร้อน จนเจอดไม่ได้ที่จะลูบมันเบาๆ

"ก็ได้ครับ แต่ขอป๋าทำโทษอีกนิดนึงก่อนถึงจะปล่อยไป จุ๊บ!!" วินาทีนี้จะทำอะไรก็ทำเถอะ เหนื่อย ไม่ไหวแล้ว ยิ่งกว่าลงแข่งสิ่งซีเกมส์อีก

"ยี้!! น้ำลายเลอะแก้มคนอื่นด้วย" ผมทำสีหน้ารังเกียจแต่ก็ยิ้ม เพราะไม่ได้คิดรังเกียจตั้งแต่แรกแล้วเหอะ ขนาดจูบกันยังทำมาแล้วเลย นับประสาอะไรกับแค่น้ำลาเลยแก้มแค่นี้

"คนอื่นที่ไหน? หื้ม ฟ๊อดดดด"

"ฮ่าๆๆๆ พอก่อน ไม่เล่นแล้ว"

"แบบนี้ไม่เล่น แล้วจะเล่นอะไรดีน้าาา?" เจแกล้งทำเสียงหื่นๆใส่ แล้วส่งสายตาพราวระยับมาให้อย่างคนเล่นหูเล่นตา

"ไม่เล่นอะไรทั้งนั้นแหละ แต่มีข่าวดีมาบอก"

"ข่าวดีอะไร หื้ม?" เจหยุดแกล้งแล้วเอ่ยถามเสียงเบา แต่ตากลับมองขิงจนแทบจะกลืนกินไปทั้งตัวแล้ว เพราะตอนนี้ท่าของพวกเขามันชวนให้ทำอะไรมากกว่านี้จริงๆ คนหนึ่งคร่อมอยู่ด้านบน ส่วนอีกคนก็อยู่ด้านล่างเอามือยันหน้าอกคนตัวโตกว่าไว้

ขิงกลืนน้ำลายแล้วดันอกเจให้ลุกขึ้น ส่วนตัวเองก็ถอยมาอีกนิดนึงจะได้ดูไม่ล่อแหลมเกินไป "คือ....ขิงจะบอกว่า..." เสียงตอบสั่นๆ แกมประหม่าพราะมือเจเริ่มไม่อยู่สุข ทั้งจับมาดมบ้าง หอมบ้าง หนักสุดคงเป็นการลูบที่ทำให้สยิวกิ้วจนขนหนาวลุก

"ขิงได้งานใหม่แล้วนะ" ขิงรีบเอ่ยอย่างรวดเร็วเพราะตกใจที่จู่ๆ เจก็เอาปากมาเล็มที่นิ้วมือแล้วเลียเบาๆ

"โอเคๆ ไม่แกล้งละ ว่าแต่งานอะไรครับ?" เจถามแล้วเอามือลูบผมขิงเบาๆ เพราะรู้ว่าเจ้าตัวคงตกใจที่จู่ๆตัวเองก็รุกไปแบบนั้น แต่ตัวเองนี่สิแย่ ต้องข่มอารมณ์ไม่ให้จับคนตรงหน้านี้ปล้ำซะก่อน

"ก็นักกายภาพแหละ" ขิงตอบไปก็เหลือบมองเจไปด้วย เพราะใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเจกำลังเป็นอะไร แค่ดูต่ก็รู้ละ

"ดีครับที่รัก จะได้ไม่ต้องทำงานกับเจ้านายบ้ากามอีก เจเป็นห่วง"

"เอาหน่า ไหนๆ ก็จะลาออกแล้ว อย่าไปพูดถึงมันอีกเลยนะ" ใช่ว่าเจจะรำคาญมันคนเดียว ผมก็รำคาญนะ ถ้าไม่ติดว่างานเลขาบริษัทนี้มันได้เงินเยอะนะ ผมไม่ยอมทนถึงขนาดนี้หรอก แต่ตอนนี้เรามีตัวลือกที่ดีกว่าแล้วนี่หน่า เรื่องอะไรจะทนอยู่ที่เดิมให้มาลูบๆคลำๆล่ะ ส่วนงานต่อไปหลังจากที่ทำงานให้กับพี่ชายคีย์เสร็จก็ค่อยว่ากันอีกที ไม่ไปสมัครเป็นนักกายภาพสักที ก็คงหางานทำแถวๆนี้ หรือไม่งั้นก็กลับไปช่วยงานที่บ้านดีกว่า

"แล้วเค้าให้เริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ?"

"วันพุธที่จะถึงนี้แล้ว"

"ก็ดีแล้วไง แล้วทำไมถึงทำหน้าเหมือนไม่ค่อยดีใจอย่างนั้นล่ะ หื้ม?" เจขยี้ผมเบาแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่มทุ้ม

"ก็..ขิงต้องไปทำงานไกล ต้องลงไปใต้เลยนะ ใจนึงก็ไม่อยากไป แต่ใจนึงก็อยากไป" ขิงตอบแล้วเอ็นหัวพิงกับไหล่ของเจ

"งั้นก็ไปต้องไปสิ อยู่กับเจ เดี๋ยวเจหาเงินเลี้ยงเอง"  พูดน่ะมันง่าย แต่ไม่เอาด้วยหรอก จบมาตั้งสูงให้อยู่เฉยๆเบื่อจะตาย แถมมันฟังดูแปลกๆนะ เหมือสามีคุยกับภรรยาว่าให้อยู่บ้าน ดูแลลูกดีกว่า ส่วนหน้าที่หาเงินเลี้ยงครอบครัวเป็นของผมเอง

"ไม่พูดเล่นสิ ขิงจริงจังนะ"

"โอเคคราบบบ แล้วสรุปรับงานเค้าไปรึยังล่ะ?"

"อื้อ" ผมก็เล่าให้ฟังหมดแหละว่าที่รับงานนี้เพราะเค้าเป็นพี่ชายของคีย์ บลาๆ

"แล้วจะมาคิดอีกทำไม? คิดซะว่าได้ทำงานที่ตัวเองรักสิจะได้สบายใจ" เจปลอบ

"แต่มันตั้งกระบี่เลยนะ ไม่กลัวความไกลห่าง รักแท้แพ้ระยะทาง หรืออะไรแบบนี้บ้างเหรอ?"

"ก็กลัวอยู่ แต่จะให้เจทำอะไรได้ล่ะครับ นั่นมันก็อนาคตขิง คนที่เจรัก เจจะขัดขวางได้ยังไง" มันก็ถูกของเจนะ แต่มันอดคิดมากไม่ได้ กรุงเทพฯ กับกระบี่เลยนะ ถึงจะไม่ไกลไปมาสะดวก แต่เจทำสำนักงานใหญ่ เสาร์อาทิตย์บางครั้งก็แทบจะไม่ได้หยุดเลยด้วยซ้ำ

"อย่าคิดมากนะ ถ้าว่างๆ เดี๋ยวเจจะลงไปหา แฟนทั้งคนเจไม่ปล่อยให้อยู่ห่างหูห่างตานานๆหรอก เดี๋ยวคนอื่นมาแย่ง" เจแกล้งทำสีหน้าจริงจัง

"จะว่าไปเจก็ช่างอาภัพแฟนเนอะ กว่าจะได้มาเป็นแฟนก็ยากแสนยาก แถมยังต้องมาอยู่ไกลกันอีก เห้ออออ!!!" เจพูดปลอบแล้วแกล้งตัดพ้ออย่างไม่จริงจัง ออกแนวหยอกเสียมากกว่า

"อย่ามาทำเป็นพูดดี ไม่ใช่ว่าพอขิงไป เจก็แอบไปมีคนอื่นนะ ถ้าขิงรู้นะ จะจับตอนแล้วสับให้เป็ดกินเลยคอยดู" ขิงทำท่าตัดน้องชายเจทิ้งแล้วบุ้ยปากใส่

"โถ่ ไม่หรอกครับที่รัก ใครจะกล้า ขิงทั้งน่ารัก ทั้งแสนดีขนาดนี้ เจจะไปหาใครมาแทนได้อีกครับ หื้ม?"

"ให้มันแน่เถ๊อะ นี่ขิงพูดจริงนะ ถ้าเจนอกใจขิงเมื่อไหร่ วันนั้นเราก็จบกัน ขิงไม่ชอบคนเจ้าชู้ เจก็รู้" ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้ อันนี้เจรู้ดี เพราะเราเคยคุยกันก่อนที่จะคบกัน ว่าแต่ละคนไม่ชอบอะไร ดังนั้นสิ่งที่ถือว่าเป็นกฏเหล็กของผมก็คือการไม่ซื่อสัตย์ต่อแฟน แล้วเจก็รับปากว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นแน่

"สาบานเลยคราฟ เจจะรักขิงคนเดียว จะไม่นอกกาย จะไม่นอกใจ ถ้าผิดคำสัญญาขอหะ...อื้อ!!" ผมรีบเอามือปิดปากเจไว้เพราะไม่อยากให้เค้าพูดออกมา มันเหมือนเป็นการแช่งตัวเอง ถ้าเกิดวันข้างหน้าเค้าทำไม่ได้อย่างที่พูดไง เคยเห็นหลายคู่นะที่ตอนรักกันก็ไปสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่พออีกฝ่ายทำไม่ได้ก็เลยต้องมานั่งถอนคำสาบาน ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันจะเชื่อได้รึเปล่า แต่ผมเชื่อตัวเองมากกว่านะ ไม่ได้ลบลู่ด้วย ของแบบนี้มันพิสูจน์ไม่ได้จริงๆ นี่หน่า

"ไม่ต้องสัญญาหรอก ขิงเชื่อใจเจ ว่าเจจะไม่ทำให้ขิงเสียใจ"

"แน่นอนอยู่แล้วครับก็เจรักขิงมากนี่หน่า งั้นคืนนี้เราต้องฉลองกันสักหน่อยแล้วล่ะ" เจลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นสักเท่าไหร่

"ฉลองเนื่องในโอกาสอะไร?"

"ก็เนื่องในโอกาสที่ขิงได้งานใหม่ หลุดพ้นจากไอ้หื่นกาม แล้วก็ได้ทำงานที่ตัวเองรักไง" ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เจก็ทำตัวน่ารักสม่ำเสมอดีนะ เราคบกันไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวาอะไร เจเป็นคนอัธยาศัยดี ยิ้มง่าย เข้ากับคนอื่นง่าย ทำให้มีคนหลายคนมาชอบ แต่ก็มีหลายครั้งนะที่มีผู้หญิงเข้ามาหา แต่เจก็ไม่ได้นอกลู่นอกทาง ทำให้ผมไว้ใจเจได้ในระดับหนึ่ง อีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนที่ต้องมาคอยกำกับแฟนหรือตามหึงหวงไปทั่วแบบนั้น"

"เอางั้นก็ได้ อิอิ" หัวเราะออกมาได้แต่ใช่ว่าใจจะไม่กังวลนะ มันรู้สึกโหวงๆบอกไม่ถูก

"ว้า...เสียดายจัง ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย นอกจากรูทเบียร์ งั้นเอาแค่นี้พอเนอะ เอาไว้พรุ่งนี้เจพาไปฉลองใหม่ จุ๊บ!!" เจก้มลงจูบเบาๆที่แก้มทีหนึ่ง แล้วนั่งข้างๆ จากนั้นก็จัดการเปิดกระป๋องรูทเบียร์ให้ เครื่องดื่มพวกนี้ผมเป็นคนซื้อมาเก็บไว้ให้เองแหละ เพราะเจชอบดื่มเป็นพิเศษ นอกจากนี้ก็มีชเวฟมะนาวโซดาอีกอย่างหนึ่งที่ชอบ

"อื้ม!!"


...




....................

มันเกินจำนวนตัวอักษรอะ ต่อข้างล่างเนอะ


......................................... TO BE CON
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2015 11:55:05 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

[ต่อ]




"อะไรกัน จุ๊บแค่นี้ต้องเขินจนหน้าแดงด้วย แล้วถ้าเจทำมากกว่านี้ขิงไม่แดงไปทั้งตัวเลยเหรอ? หึๆๆๆ" เจแกล้งทำเสียหื่นๆใส่จนขิงฟาดมือลงที่ต้นแขนดังป๊าบ

"ทะลึ่ง!!"

"ทะลึ่งอะไรกัน คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องมีบ้างสิ แล้วเมื่อไหร่ขิงจะให้เจแบบนั้นสักทีล่ะ? เจรอจนจะทนไม่ไหวแล้วนะครับ ไม่สงสารเจบ้างเหรอ? นะๆ เป็นขอเจสักทีนะ? เจสัญญาว่าจะรักขิงแค่คนเดียว จะไม่นอกกาย นอกใจเด็ดขาด" เจทำหน้าเหมือนหมาที่งุ้งงิ้กับเจ้าของมันเลย ไม่เข้ากับเจ้าตัวเลยแหะ ผู้ชายตัวโต น่าจะสูงประมาณ 185 เซนติเมตรได้มั้ง มาทำแบบนี้แล้วมันตลกดีนะ แต่เรื่องนี้ใช่ว่าผมไม่คิดนะ คิดมาตลอดว่าคนเป็นแฟนกันมันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ผมอยากให้มั่นใจอะไรสักนิดก่อนแค่นั้นเอง อีกอย่างคนกำลังจะห่างกัน อะไรมันก็ไม่แน่นอนหรอก

"เอ่อ...เจ...........คือว่า..........ขิงยังไม่พร้อมอะ เจเข้าใจขิงนะ ขิงกลัว" ที่บอกว่ากลัวก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง คือเข้าใจไหมว่าคนมันไม่เคย มันก็ต้องมีกลัวบ้าง ขนาดคนที่จะบริจาคเลือดหรือเจาะเลือดครั้งแรกยังกลัวเลย แล้วนับประสากับเรื่องนี้กันล่ะ

"เอาไว้เสร็จงานนี้แล้วค่อยว่ากันนะ นะเจ ขอให้ขิงทำใจก่อน" ผมอ้อนเต็มที่ ทั้งส่งสายตา ทั้งสกินชิพ อันไหนที่คีย์เคยทำผมงัดมาใช้หมด เผื่อจะช่วยได้

"ทำไมแฟนเจใจร้ายจัง ขิงไม่รักเจเหรอครับ? บอกให้รอแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะที่รัก" เจอ้อนเสียงงุ้งงิ้ง

"รักสิ ขิงรักเจนะ แต่มันยังไม่พร้อม รออีกนิดนะ นะ "

".........."

"โกรธขิงเหรอ?"

".........."

"ขิงขอโทษ อย่าโกรธขิงเลยนะ ขอเวลาอีกนิด นิดเดียวจริงๆ ถ้าผ่านงานนี้ไป ขิงจะไม่ปฏิเสธอีกแล้ว  เชื่อขิงนะ สัญญา" ผมชูนิ้วก้อยเพื่อเป็นสัญญาระหว่างเรา

"ก็ได้ครับ ขิงสัญญากับเจแล้วนะ จำไว้ด้วย!! แต่ตอนนี้น้องชายเจมันพยศอะ ช่วยปราบมันหน่อยสิ นะๆขิง ขอนิดเดียวเอง ช่วยทำให้เจหน่อย แค่ใช้ปากเองนะครับ เจจะได้มีกำลังใจรอขิงไง ให้รอเฉยๆ คนรอมันท้อนะ ไม่สงสารมันบ้างเหรอ?"

"ตะ...แต่ขิงไม่เคยทำนะ ขิงกลัวว่ามันจะทำให้เจเจ็บ ชะ..ใช้มือแทนได้ไหมอะ?" เกิดจากท้องพ่อท้องแม่มายังไม่เคยทำให้ใคร เคยเห็นแต่ในคลิปวีดีโอหรือในหนังเอวี แล้วจะทำได้ไหมล่ะเนี๊ยะ? บอกตรงๆคือกล้าๆกลัวๆ บอกไม่ถูก ก็สงสารเจนะ ตั้งแต่คบกันมา อย่างมากก็แค่กอด กับจูบ แล้วก็มีช่วยตัวเองบ้าง ต่างฝ่ายต่างทำ ผมรู้ว่าเจต้องอดทนมากแค่ไหนเวลาอยู่ด้วยกัน ผมไม่ได้จะทดสอบความอดทนของแฟนตัวเองหรอกนะ แต่เรื่องแบบนี้ช้าเร็วมันก็ต้องเป็นของกันและกันไม่ใช่เหรอ? งั้นช่วยรออีกนิดคงไม่เป็นไรใช่ไหม? มีหลายคนคงคิดว่าผมเล่นตัว แต่คำตอบผมคือไม่ สิ่งเดียวที่ยังติดอยู่ในใจตอนนี้คือผมรอ รออะไรอยู่ก็ไม่รู้ อยากให้มั่นใจอีกนิด คงไม่ผิดใช่ไหมที่จะให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน

"ไม่เป็นไรหรอกหน่า ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเจสอนขิงเอง นะครับ?"

"ก็ได้ แต่ขิงไม่รับรองนะว่ามันจะออกมาดี"

"คราฟฟฟฟ" ไม่ต้องมายิ้ม!! >\\<


...



เครื่องลงจอดแล้ว กระเป๋าก็เอาแล้ว คีย์บอกว่าคุณป้าของคีย์จะส่งคนมารับ แล้วจะรู้ได้ไงว่าคนไหน?? อ่ะ!!นั่นไง มีคนถือป้ายรอรับที่ประตูทางออกแล้ว โล่งอกนึกว่าจะต้องหาทางไปเองซะแล้ว แล้วยิ่งไม่เคยมาที่นี่เลยด้วย

"สวัสดีครับ ผมขิง นักกายภาพที่จะมาดูแลคุณครามครับ"

"สวัสดีครับ ผมลุงแช่มครับ มาครับผมถือกระเป๋าให้ครับ"

"ไม่เป็นไรครับลุงแช่ม ผมถือเองได้ครับ ไม่ได้หนักอะไรมาก"

"ได้ครับ งั้นเชิญทางนี้ครับ รถของเราอยู่ทางด้านโน้นครับ" ลุงแช่มแกน่าจะเป็นคนขับรถหรืออะไรสักอย่างของบ้านคุณครามแน่ๆ แกดูเหมือนเป็นคนดุๆ ตามหน้าตาของแก แต่ความจริงแกใจดีไม่เบาเลยแหะ การพูดการจาก็ดี ไม่กระโชกโฮกฮากเสียงดัง ถึงจะติดสำเนียงทองแดงบ้างก็เหอะ ผมว่าถ้าปู่กับย่าหรือตากับยายผมยังอยู่ ท่านก็คงรุ่นราวคราวกับลุงแช่มเนี๊ยะมั้งครับ คงไม่ห่างกันไกลหรอก เห็นแบบนี้แล้วผมหลานรักนะครับ จำได้ว่าสมัยเด็กปู่กับย่าก็จะแย่งกันอุ้มตลอด ฝ่ายตากับยายก็เหมือนกัน แย่งกันเอาใจกันใหญ่ เพราะผมเป็นหลานชายแล้วก็เป็นหลานคนเล็กสุดด้วยมั้งครับในบรรดาญาติพี่น้อง เลยทำให้ทุกคนรุมกันโอ๋ขนาดนี้ แต่เห็นแบบนี้แล้วผมไม่ใช่ลูกคุณหนูหรือทำอะไรไม่เป็นนะครับ ครอบครัวผมก็เป็นครอบครัวธรรมดา ไม่ได้สปอยลูกหรือสอนลูกผิดๆ ยิ่งเป็นเรื่องการใช้เงินด้วยแล้ว ยิ่งถูกพูดกรอกหูอยู่บ่อยๆ จนผมกลายเป็นคนจะใช้จ่ายอะไรก็ต้องคิดก่อน เรียกว่าขี้เหนียวยังได้เลย เพราะพ่อกับแม่เคยพูดอยู่เสมอว่ากว่าครอบครัวเราจะมาถึงตอนนี้ได้ต้องลำบากมากขนาดไหน?


ระหว่างทางลุงแช่มก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไร ส่วนผมก็ได้แต่มองวิวข้างๆทางแทน สวยดีนะ มีทั้งสวนยาพารา สวนปาล์ม แล้วก็วิวทะเล แต่ก็ร้อนมากเหมือนกัน มีทั้งไอแดด ไอทะเล


"ถึงแล้วครับคุณขิง เดี๋ยวผมยกกระเป๋าไปให้ครับ เชิญในบ้านเลยครับ" โอ้โหแหะ บ้านหรือว่าคฤหาสน์ ทำไมสวยย่างนี้ ทางเข้ามาก็ว่าสวยแล้วนะ มีแต่ต้นไม้ดอกไม้เต็มไปหมด ตัวบ้านเป็นปูนสีขาวสไตล์ยุโรป ทางที่รถผ่านมาก็มีรูปปั้นเทพนิยายกรีกเรียงยาวมาจนถึงน้ำพุหน้าบ้าน ทั้งรูปอีรอส และเทพีต่างๆ เจ้าของบ้านออกแบบตกแต่งได้สวยมีสไตล์ดีนะ ผมชอบนะ แต่ชอบน้อยกว่าบ้านทางเหนือ แล้วก็ยกใต้ถุนแบบบ้านผม ถึงแม้จะไม่ได้หรูหราแบบที่นี่ แต่ก็สวยในสไตล์ทางเหนือนะครับ แบบบ้านผมเค้าเรียกว่า กาแล มันคือชื่อส่วนประดับอยู่บนหลังคาเรือน มีลักษณะเป็นไม้แบบเหลี่ยมแกะสลักให้มีลวดลายเป็นส่วนที่ต่อจาก
ปลายบนของปั้นลมเหนือจั่วและอกไก่โดยติดในลักษณะไขว้กันมีหลายขนาด สั้นยาวหนาไม่เท่ากัน นอกจากนั้นกาแลยังมีการแกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม ถือเป็นการตกแต่งให้เรือนกาแลงดงามยิ่งขี้น ดังนั้นจึงมีการยึดเอากาแลเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการทำหลังคาบ้าน และเป็นสัญลักษณ์ประจำทางล้านนา

"บ้านสวยดีนะครับลุงแช่ม"

"ใช่ครับ นายหัวท่านออกแบบตกแต่งเองครับ ส่วนสวนพวกนี้ท่านก็ปลูกไว้ให้นายหญิงน่ะครับ"

"นายหญิงคือภรรยาของนายหัวใช่ไหมครับลุงแช่ม?"

"เอ่อ..ใช่ครับ"

"ทางด้านหลังตรงนั้นก็จะเป็นทางออกไปชายหาดนะครับคุณขิง เอากระเป๋าไปไว้แล้วค่อยออกมาเดินชมรอบๆ บ้านก็ได้ครับ ถ้าคุณขิงต้องการ"

"โอเคครับลุงแช่ม แล้วปกติใครดูแลคุณครามล่ะครับ ถ้าไม่มีพยาบาลหรือนักกายภาพ?"

"นายหญิง คุณแม่ของคุณครามเธอเป็นคนดูแลครับ แต่เธอก็มีงานที่ต้องดูแลอีกเยอะแยะ พวกเราเลยต้องช่วยๆ กันดูแลสลับสับเปลี่ยนกันไปน่ะครับ"

"เข้าไปข้างในกันเถอะครับนายหญิงใหญ่คงรออยู่" อะไรกันมีทั้งนายหญิง แล้วก็นายหญิงใหญ่ ชักเวียนหัวแล้วสิ

"ครับ"

"สวัสดีครับนายหญิง" ผมยกมือไหว้ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทุกคนที่นี่เรียกว่านายหญิง หรือคุณแม่ของคุณคราม ตอนแรกนึกว่าจะดูมีอายุมากกว่านี้ แล้วออกดุๆ แบบคนใต้ซะอีก แต่พอมาเห็นตัวจริงกลับตรงกันข้ามเลย นายหญิงของที่นี่สวยมากแม้จะดูมีอายุบ้างตามกาลเวลา มีผมสีดอกเลาแซมอยู่บ้าง ใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ ดูเป็นคนใจดี เห็นแบบนี้แล้วทำให้คิดถึงแม่เลยแหะ

"สวัสดีจ๊ะ หนูขิงใช่ไหมลูก เรียกป้าก็ได้ลูก คนกันเอง ป้าต้องขอบใจมากนะลูกที่ตอบตกลงมาช่วยดูแลตาครามลูกชายของป้า มาๆ นั่งใกล้ๆ ป้านี่ลูก"

"ขอบคุณครับคุณ...ป้า" เขินแหะ บอกไม่ถูก ยิ่งท่านเอามือลูบหัวยิ่งเขิน

"หึๆๆ นุ้ยๆ เอาน้ำมาให้คุณขิงหน่อย" อ้อ!! พี่คนนี้ชื่อนุ้ย คงเป็นคนดูแลบ้าน เดี๋ยวว่างๆ ค่อยไปตีสนิท พี่นุ้ยก้มหัวให้นายหญิงแล้วเดินจ้ำเข้าไปอีกทางด้านหนึ่ง คิดว่าน่าจะเป็นห้องครัวแน่ๆ

"เดินทางเหนื่อยไหมลูก?"

"ไม่เหนื่อยครับคุณป้า"

"ป้าได้ยินตาคีย์บอกแล้วว่าหนูเป็นเพื่อนของเค้าเหรอลูก? ป้าต้องขอบใจหนูอีกครั้งนะที่ตอบตกลงมาดูแลลูกชายป้าให้ อยู่ที่นี่ก็ทำตัวตามสบายนะลูก คิดซะว่าเป็นบ้านของหนู"

"ขอบคุณครับ" ผมยกมือไหว้คุณป้าอีกครั้งแล้วหันไปดูรอบๆบ้าน ทั้งตู้โชว์ โซฟา ชั้นวางหนังสือ หรือแม้กระทั่งกรอบรูปที่ห้อยฝาผนัง

"นั่นตาครามลูกชายป้าเองจ๊ะ หล่อใช่ไหมล่ะ?" เธอคงเห็นผมมองรูปครอบครัวอันใหญ่ที่แขวนอยู่กลางบ้านอยู่นาน เลยเอ่ยแนะนำ ผมก็มองตามทีละคนๆในรูป มีทั้งนายหัวคนก่อนซึ่งก็คือพ่อของคุณคราม คุณป้า แล้วก็คุณครามที่ยืนอยู่อีกข้างของคุณป้า ท่านทั้งสองคนดูทั้งหล่อทั้งสวยสง่าจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณครามถึงหล่อแล้วก็ดูดีได้ขนาดนี้

"แหะๆ ครับ" คุณครามหน้าตาหล่อเหลาเอาการเชียวล่ะ ใบหน้าคมคร้ามแดด คิ้วดกหนาแต่ไม่รกพาดอยู่เหนือดวงตาคม รับกับเคราบางๆ ที่ได้รับการโกนมาเป็นอย่างดี และปากบางที่ดูเป็นกระจับ แต่ดูดุไปหน่อย ไม่ว่ารูปไหนก็ไม่ยิ้มเลย อายุน่าจะประมาณ 32-33 ได้มั้ง

"ตาครามเค้าได้พ่อมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเค้าโครงหน้าหรือแม่แต่นิสัย ก็ได้พ่อเค้ามาหมด ถ้าตอนนี้สามีป้ายังอยู่ก็คงเป็นห่วงลูกอยู่เหมือนกัน" นายหญิงของบ้านปาดน้ำตาออกจากหางตา เห็นแบบนี้แล้วก็อดสงสารแล้วก็อดนึกถึงแม่ไม่ได้

"คุณป้าอย่าเป็นกังวลเลยนะครับ เท่าที่คีย์เล่าให้ฟังคุณครามยังมีโอกาสหายเป็นปกติอยู่นะครับ ถ้าหมั่นทำกายภาพบำบัดบ่อยๆ ที่สำคัญคือกำลังใจนะครับคุณป้า คนป่วยท้อได้ แต่คนรอบข้างห้ามท้อนะครับ ไม่งั้นคนป่วยอาจจะท้อตามไปด้วย คุณป้าต้องคอยเป็นกำลังใจให้คุณครามนะครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณครามต้องกลับมาเดินได้อย่างปกติแน่นอนครับ"

"ขอบใจหนูขิงมากเลยนะลูกที่นั่งฟังคนแก่บ่นให้ฟัง แล้วยังช่วยเตือนสติป้าอีก"

"ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมยินดีช่วยครับ" ตอนนี้นายหญิงของบ้านกลับมายิ้มได้อย่างเข้มแข็งอีกครั้งแล้ว คงจะมีบ้างที่ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องท้อบ้าง เพราะนอกเหนือจากลูกแล้วตอนนี้เธอก็ไม่มีใครที่จะสามารถยืดเหนี่ยวเอาไว้ได้เลยยามท้อ แต่คุณป้าท่านก็เข้มแข็งนะครับ ลุงชายเป็นถึงขนาดนี้คงขาดเสาหลักของบ้านไปเลย


"น้ำค่ะ"

"เดี๋ยวนุ้ย นี่คุณขิง เพื่อนคุณคีย์ เธอจะมาช่วยดูแลนายหัวของเราที่นี่ ถ้ายังไงฝากดูแลเธอด้วยนะ"

"ค่ะนายหญิง" พี่นุ้ยเป็นคนใต้ของแท้เลยล่ะ ทั้งหน้าตา สีผิว แล้วก็สำเนียงการพูด อายุน่าจะไม่ไกลจากผมมาก น่าจะสักประมาณ 29-30

"ฝากตัวด้วยนะครับพี่นุ้ย มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ" ผมยิ้มให้เธอ แล้วเธอก็ยิ้มโชว์ฟันขาวมาทั้ง 32 ซี่เลย ดูจริงใจดีนะ ทำงานที่นี่ก็คงไม่ได้แย่อย่างที่คิดแหะ

"แล้วคุณครามล่ะนุ้ยให้ทานยารึยัง?"

"ว๊ายยย....แกร๊ง!!เปรี้ยง!! เอาออกปายยย กูม้ายยกิน เอาเหล้ามา เหล้ากูอยู่หนายย? ไปเอาเหล้ามาให้กู" เสียงอะไร? เหมือนว่าจานหรือแก้วอะไรตกสักอย่าง แล้วเสียงคนอาละวาด หรือว่าจะเป็นคุณคราม!! โอ้ไม่นะ...ถ้าจะอาละวาดขนาดนี้แล้วเราจะรับมือไหมไหม ดูท่าจะงานใหญ่แล้วล่ะ คีย์นะคีย์ทำไมไม่บอกเราว่าพี่ชายคีย์?จะอาละวาดรุนแรงขนาดนี้

"นุ้ยรีบไปดูคุณครามเร็ว เดี๋ยวชั้นตามไป"

"หนูขิงรอป้าจ๊ะ เดี๋ยวป้าให้คนมาพาไปที่ห้องนะลูก ป้าขอไปดูพี่ครามก่อน ตาแช่มๆ มาพาคุณขิงไปที่ห้องหน่อย ถ้าขาดเหลืออะไรก็หาให้เธอด้วย"

"เชิญทางนี้ครับคุณขิง ห้องคุณขิงอยู่ชั้นบน แต่ไม่ได้ติดกับห้องคุณครามหรอกครับ ไม่ต้องทำหน้าซีดขนาดนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวอยู่ไปสักพักก็จะชินไปเองครับ"

"ลุงหมายความว่ายังไงครับ หมายความว่านายหัวของลุงเป็นแบบนี้ประจำเหรอครับ?" ตายๆๆ ชีวิตอันสงบสุขของไอ้ขิง จะรอดไหมเนี๊ยะ ความจริงผมเคยทำงานแบบนี้มาก่อนนะ แค่เคสแบบคุณครามนี้ผมไม่เคยเจอมาก่อน มีบางคนเค้าที่ประสบอุบัติเหตุแล้วเดินไม่ได้แบบนี้ เค้าก็แค่เศร้า หรือซึมไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีใครอะลาวะจนบ้านแทบพังแบบนี้นะ ผู้ป่วยแบบนี้อาจมีบ้างที่สูญเสียกำลังใจ หรือท้อบ้าง คนรอบข้างและสภาพแวดล้อม รวมไปถึงกำลังใจเท่านั้นแหละครับที่จะช่วยเป็นภูมิคุ้มกันให้เค้าได้

"ครับ อยู่กับพวกเรานานนะครับคุณขิง พวกเราอยากให้นายหัวกลับมาเดินได้ แล้วก็กลับมาเป็นนายหัวคนเดิมสักที"

"แหะๆ คงจะพยายามครับลุงแช่ม ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง หรือเหลืออดแล้วก็นะ"

"ต้องได้สิครับ ลุงเอาใจช่วย"

"ขอบคุณครับ"

"ถ้ามีอะไรขาดเหลือ หรือต้องการอะไรบอกลุงได้นะครับ"

"ขอบคุณครับลุงแช่ม เดี๋ยวผมจัดเสื้อผ้าใส่ตู้แล้วจะตามลงไปนะครับ ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างวันนี้"

"ครับ คงต้องรอนายหญิงบอกก่อนครับ"

"ครับลุง"



.............................................. TO BE CON >>>


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2015 15:01:47 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

อันดามัน...ซ่อนรัก
ตอนที่ 2
[/b]



"ออกไป!! กูไม่กิน กูจะกินเหล้า เอาเหล้ากูมา!!"

"ครามลูก กินข้าวสักหน่อยนะลูก ฮึก!! จะได้หายเร็วๆ" คนเป็นแม่ร้องไห้ออกมาจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดเพราะลูกชายคนเดียวนอนเมามายไม่ได้สติอยู่บนเตียง ยกข้าวปลาอะไรมาให้ก็ไม่กิน แถมยังปัดทิ้งจนหกเลอะเทอะไปทั่วอีก

"ครายเรียกชื่อกู คราย?" คุณครามตอบเสียงยานคางจนไม่เป็นภาษา สองมือก็ปัดป่ายไปทั่วเหมือนที่คนเมาเค้าทำกันนั่นแหละ ถ้าภาษาบ้านผมคงเรียกว่า เมาเหมือนหมานั่นแหละครับ

"ตาครามกินข้าวสักหน่อยนะลูก ฮึก!! เดี๋ยวแม่ป้อน" มือข้างหนึ่งพยายามถือชามข้าว อีกมือหนึ่งก็ตักขึ้นป้อน น้ำตาก็ไหลไปด้วย คำแล้วคำเล่าแต่ก็ถูกปัดทิ้งจนหกเลอะเสื้อผ้าไปหมด ผมเห็นแล้วก็สงสารท่านนะ แต่เราเป็นคนนอก จะพูดอะไรออกไปก็คงไม่ดี

"ครายว่ะ? เสียงเหมือนแม่กูเลย" เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวพูดถ้อยคำหยาบคายออกมา ผมก็เข้าใจแหละนะว่าเหล้าคือน้ำเปลี่ยนนิสัย ขนาดแม่ตัวเองอยู่ตรงหน้ายังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร แบบนี้ถ้าไม่ตกนรกก็ไม่รู้จะว่าไงละ ทำพ่อแม่น้ำตาตกขนาดนี้

"ครามลูก นี่แม่ไง ฮึก!! แม่ของครามไงลูก.....อย่ากินมันอีกเลยนะลูก มันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าลูกกินแล้วเมื่อไหร่จะหาย" เสียงของผู้หญิงมีอายุพูดกับลูกชายปนสะอื้นอย่างไม่อายใคร

 "อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยลูก แม่ทนไม่ได้ที่เห็นลูกเป็นแบบนี้ ฮื้อๆๆๆ" ผมเห็นท่านเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตามตัวที่เปื้อนข้าวต้มให้คุณครามแล้วก็อดเวทนาไม่ได้ ยิ่งสองมือเหี่ยวๆ ค่อยๆ ประคองใบหน้าลูกชายไว้อย่างถนุถนอม ยิ่งทำให้พวกเราน้ำตาคลอ ผมกับพี่นุ้ยแอบปาดน้ำตาออกแล้วเบนหน้าไปทางอื่นเพราะทนเห็นไม่ได้

ผมเคยเห็นแม่ร้องไห้หนักแบบนี้ตอนที่พี่ชายของผมรถมอเตอร์ไซค์ล้ม จำได้อยู่ว่าตอนนั้นกำลังทานข้าวกันอยู่ ขาดแต่พี่ขุนคนเดียวเพราะติดเที่ยวกับเพื่อน คุยกันไปทานกันไปก็มีเสียงโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าพี่ขุนรถล้ม แม่ก็แทบจะเป็นลมล้มทั้งยืน เพราะเป็นคนเดินไปรับสาย ดีนะทีพ่อรับไว้ทัน  ไม่งั้นคนที่เจ็บก็อาจเป็นแม่อีกคนก็ได้ พอถึงโรงพยาบาลหมอก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมากแค่ขาหักต้องเข้าเฝือกไว้ก่อนสักสองสามเดือน แต่แม่ก็ยังร้องไห้ไม่หยุด จนพี่ขุนรู้สึกผิด พี่ขุนสมัยนั้นยังเป็นวัยรุ่นเที่ยวบ้างเรียนบ้างตามประสา แต่พอรู้ว่าแม่แทบเป็นลมล้มไปเมื่อรู้ข่าวก็ปรับปรุงตัว เลิกเที่ยว แล้วหันมาช่วยงานที่บ้าน จนเป็นผู้เป็นคนเหมือนอย่างทุกวันนี้แหละ

"คุณป้าครับเดี๋ยวผมช่วยป้อนให้เองครับ คุณป้าไปพักผ่อนนะครับ" สภาพท่านตอนนี้แทบไม่เหลือความเป็นนักธุรกิจหรือนายหญิงของบ้านเลยครับ ตาบวม สองแก้มเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เครื่องสำอางที่บรรจงแต่งมาก็เลอะไปหมด บอกตรงๆนะครับ ถึงไม่ใช่แม่เรา แต่ก็อดสงสารไม่ได้จริงๆ

"ป้าฝากพี่เค้าด้วยนะลูก"

"ครับ" ผมตอบรับแล้วบีบมือท่านเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

"พี่นุ้ยครับ เอาลงไปเก็บก่อนก็ได้ครับ ตอนนี้เค้าเมาไม่ได้สติขนาดนี้ คงยังทานอะไรไม่ได้หรอกครับ เอาไว้รอให้สร่างเมาก่อนค่อยเอามาให้ทานใหม่ แล้วผมรบกวนเอากะละมังใส่น้ำมาให้ด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้คุณคราม" ผมหันมามองสำรับข้าวที่ยกมาให้ใหม่หลังจากที่เอาเก่าถูกเก็บไปแล้ว คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าทำไมถึงต้องยกมาใหม่ เพราะอันเก่าถูกปัดทิ้งจนหกเต็มถาดไปหมด แม้กระทั่งเตียงก็เต็มไปด้วยซากข้าวต้ม  ยิ่งเนื้อตัวเจ้าของห้องยิ่งแล้วไปใหญ่ ยิ่งกว่าสงครามอ๊วกอีก เละเทะไปหมด เหมือนจริงๆนะ

"ค่ะคุณขิง เดี๋ยวพี่จัดการให้ค่ะ"

"เป็นถึงขนาดนี้ แล้วใครเป็นคนเอาเหล้าพวกนี้ให้คุณครามกินอีกล่ะครับลุงแช่ม ไม่รู้รึไงว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพคนป่วย?" ผมกวาดตามองข้างเตียงก็พบว่ามีขวดเหล้านอกยี่ห้อหนึ่งนอนอยู่ จนอดถามไม่ได้จริงๆว่าใครเป็นเอามาให้ เพราะเจ้าตัวก็ลุกไปเอาเองไม่ไหวอยู่แล้ว

"พวกเรานี่แหละครับคุณขิง เพราะถ้าไม่เอามาให้ นายหัวก็จะอาละวาด ไม่ยอมทานข้าวทานยาเลย พวกเราเลยจำใจต้องเอาให้ ขนาดนายหญิงร้องไห้ขอร้องให้หยุดกิน ก็ยังทำหยุดกินไม่ได้เลยครับ พวกเราก็เลยจนปัญญา" ลุงแช่มที่เป็นทั้งคนรถกับคนสวนตอบอย่างจนใจ คุณครามจะรู้ไหมนะว่าทำแม่ตัวเองต้องทุกข์ใจขนาดไหน รีบๆ รู้สึกตัวสักทีเถอะครับคุณคราม อย่าทำให้ท่านต้องเสียใจอีกเลย น้ำตาพ่อแม่ตก เท่ากับว่าตัวเองก็ต้องตกนรกด้วยนะครับ


"เห้อ!! เอาเถอะครับ ตอนนี้ผมขอสั่งห้ามเด็ดขาดเลยนะครับเรื่องนี้ ห้ามใครเอาเหล้าให้นายหัวของลูกแช่มกินอีกถ้าอยากให้เค้าหายเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน" ผมถอนหายใจเบาๆอย่างเหนื่อยหน่าย การที่คนในบ้านเอาเหล้ามาให้กินทุกวันแบบนี้ก็เท่ากับว่าทำร้ายกันทางอ้อมนะผมว่า แล้วเมื่อไหร่เค้าจะหายล่ะครับ วันๆก็เอาแต่กินเหล้าเมาจนไม่ดูแลตัวเอง กายภาพบำบัดก็ไม่ได้ทำ

"นี่ค่ะคุณขิง เดี๋ยวพี่ไปเตรียมเสื้อผ้านายหัวให้นะค่ะ" พี่นุ้ยที่ยกสำรับข้าวไปเก็บไว้กลับขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วก็จัดเสื้อผ้าใหม่ให้คนเมา งานหนักเหมือนกันนะผมว่า เพราะงานเก่ายังไม่เสร็จ กลับมีงานใหม่แทรกเข้ามาอีก จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะเราเป็นลูกจ้างเค้า

"ขอบคุณครับพี่นุ้ย" ผมเอ่ยขอบคุณแล้วยิ้มให้แก

"ลุงแช่มครับช่วยเอาเหล้าในบ้านนี้ไปซ่อนหรือเอาทิ้งเลยนะครับ ถ้านายหัวของลุงถามก็ให้บอกเลยนะครับว่าไม่มีแล้ว แล้วอย่าไปซื้อมาให้เค้าอีกนะครับลุงแช่ม ผมรบกวนลุงบอกคนอื่นๆด้วยนะครับ" ผมไหว้วานลุงแช่มแล้วหันมามองคนป่วยพ่วงด้วยคนเมาอีกครั้ง ความจริงทุกคนน่าจะรู้นะครับว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ ถ้าเป็นผมนะ ถึงจะอาละวาดจนบ้านพังแค่ไหนก็ไม่เอามาให้กินหรอก

"ได้ครับคุณขิง" ลุงแช่มกล่าวแล้วเอาขวดเหล้าอันเก่าไปเก็บ

"พี่นุ้ยมีงานอื่นก็ไปทำเถอะครับ เดี๋ยวผมดูแลเค้าเองครับ" เมื่อกี้พี่นุ้ยกับลุงแช่มได้ช่วยกันเปลี่ยนผ้าปูที่นอนไปแล้ว ส่วนฟากที่ข้าวต้มคว่ำใส่ก็ต้องปล่อยไว้แบบนั้นก่อน รอให้แห้ง ไม่งั้นคงมีกลิ่นอับ ถึงแม้ว่าจะเอาน้ำยาซักผ้ามาขัดแล้วก็เช็ดแล้วก็เถอะ

"จะไหวเหรอค่ะคุณขิง? ขนาดพี่กับลุงแช่มยังแทบเอาไม่อยู่เลย"

"ไม่ไหวก็ต้องไหวครับ หนักกว่านี้ผมก็เจอมาแล้วครับ เพียงแต่ไม่เคยเจอคนเมาแบบนี้เท่านั้นเองครับ" จริงครับผมเคยเจอผู้ป่วยที่อาการใกล้เคียงนี้นะ แต่ไม่ได้อยู่ในสภาพเมามายแบบนี้ บางรายเป็นนักฟุตบอลหรือนักวิ่งที่ต้องผ่าตัดเอ็นร้อยหวาย หรือขาหักขณะฝึกซ้อม ถึงแม้พวกเค้าจะสูญเสียกำลังใจไปบ้าง แต่เราก็ต้องค่อยๆสร้างกำลังใจให้พวกเค้าใหม่ เพื่อให้กลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง เพราะนักกีฬาพวกนี้ การไปให้ถึงฝันเช่น โอลิมปิก หรือเอเชี่ยนเกมส์คือเป้าหมายสูงสุดอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน

"ดูสิกินแต่เหล้า ข้าวก็ไม่ยอมกิน ผมเผ้าก็ยุ่งรุงรัง หนวดเคราอีก ไม่เหลือสภาพนายหัวเลยสักนิด" ผมจับใบหน้าเค้าบิดไปมาแล้วส่ายหัวเบาๆกับสภาพตอนนี้ นอกจากสภาพที่บ่นออกไปก็ยังมีความหมองคล้ำบนใบหน้าอีก โดยเฉพาะตาที่ลึกโหลจนเป็นหมีแพนด้า แถมหนวดเคราขึ้นเป็นตออีก

"ในรูปก็หล่อดีอยู่หรอก สาวคงติดตรึม แต่ตอนนี้อย่าหวังแม้แต่สาวเลย แม่ม้ายก็คงจะไม่สนใจ กลิ่นละมุดหึ่งเชียว" เอ๊ะ!!ตั้งแต่มานี่ยังไม่เจอเมียของคุณครามเลยแหะ เธอน่าจะมาช่วยกันดูแลคุณครามบ้างนะ แต่กลับไม่เห็นเลย ขิงคิดในใจแล้วหันไปมองรอบๆห้อง แม้แต่กรอบรูปสักใบก็ไม่มีทั้งทีแต่งงานแล้ว ตอนแรกเดินขึ้นบันไดมาก็นึกว่าจะเห็นห้อยติดผนังตามทางเดินบ้าง แต่ก็ไม่มีเลย พอมาคิดอีกทีก็นึกได้ว่าเค้าโดนผู้หญิงทิ้งนี่หน่า เห็นคีย์บอกว่างั้น.......แบบนี้ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวแล้วทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย

"อึ๊บ!! ตัวก็ใหญ่  พลิกตัวหน่อยคุณคราม จะได้ถอดเสื้อออกได้" ดีนะใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นมีกระดุม ไม่งั้นคงงานยักษ์เลยล่ะ

"ฟู่!! เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันแหะ ทีนี้ก็เช็ดตัว ผมของสงวนสิทธิ์ส่วนตัวคุณกับผมไว้สักหน่อยนะครับคุณคราม ขอเช็ดแค่ท่อนบน กับท่อนล่าง แต่ท่อนกลางไม่เช็ด เย็นๆค่อยให้ลุงแช่มมาเช็ดให้นะครับ" เอาจริงๆคือพยาบาลหรือนักกายภาพต้องทำให้ได้ไม่มีข้อยกเว้น แต่ขอเวลาทำใจสักวันนะคุณคราม คือมันยังไม่ชินที่จะเห็นอะไรๆของคนอื่นอะ

"นอนดีๆ สิคุณคราม อย่าดิ้น ใกล้จะเสร็จแล้ว" เมาก็นอนดี แต่นี่ดิ้นไปดิ้นมายิ่งกว่าไส้เดือนถูกเสียมอีก ผมบ่นกับเจ้าตัวเบาๆ ถึงบ่นดังเจ้าตัวก็คงไม่ได้ยินหรอก

"แพร ๆ อย่าทิ้งผมไป อย่าไปนะแพร ครามไม่ให้แพรไป" เสียงแหบพูดขึ้นแล้วเอามือปัดป่ายไปทั่ว ปากก็เอาแต่เรียกชื่อผู้หญิงที่ชื่อแพร

"โอ๊ยยย จะบ้าตาย พงแพรอะไรอีกล่ะ ไม่รู้จัก นี่ขิงไม่ใช่แพร อยู่เฉยๆ สิคุณคราม อย่าดิ้น อ๊ะ!!" จะบ้าตาย...สมควรแล้วที่เค้าว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา ผมก็ไม่ว่าหรอกนะถ้าหากเค้าจะดึงเข้าไปกอดอย่างเดียว แต่นี่รัดจนจะเป็นงูเหลือมกินลูกวัวอยู่แล้ว คนมันหายใจไม่ออกนะเว้ย

"นี่คุณคราม ปล่อยผมได้แล้ว อึ๊บ!! ตัวก็ใหญ่ กอดคนอื่นเค้าขนาดนี้ ไม่คิดจะให้คนอื่นเค้าหายใจเลยรึไง อึ๊บ!!"

"ขนาดป่วยเดินไม่ได้นะเนี๊ยะ ยังแรงเยอะขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดถึงตอนสภาพดีๆ เลยว่าจะแรงเยอะขนาดไหน คงล้มควายได้เป็นตัวๆอะ" ขิงบ่นอย่างไม่จริงจัง

"อึ๊บบบบ!! ฮ้าๆ สงบสักทีนะคุณ ทีนี้ก็ทาแป้งตัวจะได้หอมๆ นะคุณคราม ตัวเหม็นแต่เหล้าแบบนี้ ผมไม่ดูแลนะจะบอกให้" ขิงจัดการทาแป้งให้ครามจนหอมฉุย ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าที่ตอนนี้ถูกละเลงจนเหมือนแมวไปเลย

"โอ๊ะ!! อีกแล้วนะคุณคราม ผมไม่ใช่หมอนข้างคุณนะ ปล่อย!! โอ๊ย!! อย่าสิคุณครามมันเจ็บ หนวดเคราคุณมันทิ่ม หื้ย!! ผมทนไม่ไหวแล้วนะ อึ๊บบบบ!!" ผมผลักตัวเขาออกแล้วกระโดดออกจากเตียง

"ที่โกนหนวดอยู่ไหนนะ?" บ่นอยู่คนเดียวแล้วเดินหาจนทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอ ถ้าเจอนะพ่อจะโกนให้ไม่เหลือคราบนายหัวหฤตในจำเลยรักเลย

"ที่นี่ก็ไม่มี ๆ อ๊ะนี่ไงเจอแล้ว!! อาฟเตอร์เชฟด้วย" ลืมไป ปกติผู้ชายทุกคนต้องเก็บที่โกนหนวดไว้ในห้องน้ำนิเนอะ เวลาหยิบมาโกนจะได้สะดวก แอบบื้ออยู่ได้ตั้งนาน ปกติผมก็มีหนวดนะแต่ขึ้นหลอมแหลมมาก เลยใช้วิธีถอนเอา เคยโกนเพื่อให้มันขึ้นมาเยอะๆเหมือนกันนะ แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะมันก็แค่ดำขึ้นแต่ไม่ได้ขึ้นเยอะขึ้นเลย แถมยังทุเรศอีกต่างหาก ขึ้นเป็นทีๆ

"นอนนิ่งๆ นะคุณคราม เดี๋ยวผมทำหล่อให้ ถ้าดิ้นผมไม่รับรองนะว่ามันจะบาดเนื้อคุณรึเปล่า ดังนั้นให้ความร่วมมือกันหน่อยนะ ขอร้อง!! เหนื่อยแล้ว"

"ขออนุญาตนะคุณคราม" ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโกนหนวดให้ใครมาก่อนนอกจากตัวเอง แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้โกนให้ใครด้วยนะ ขนาดเจเป็นแฟนกันก็ยังไม่เคย ตัดเล็บให้ก็ไม่เคย เพราะรายนั้นเนี๊ยบไปหมดทั้งตัว


...........................................

พอจัดการคุณครามเสร็จผมก็ทาแป้งให้อีกทีแล้วก็ปล่อยให้นอนต่อไป ตื่นมาค่อยว่ากันอีกที ส่วนตอนนี้ก็เป็นเวลาพักยกของผม เพราะเหนื่อยมาเยอะละวันนี้ เล่นเอาเหงื่อโซกเหมือนกันนะ นี่แหละนะเค้าเรียกว่า ถ้าเหงื่อไม่ออก ก็ไม่ได้เงิน

"ฮัลโหล ว่าไงคีย์?"

"ไม่ว่าไงอะ เป็นไงบ้าง? พอไหวไหมดูแลพี่ชายเรา?"

"ไม่รู้สินะ เพิ่งผ่านมาได้วันเดียวเอง แต่เหนื่อยเป็นบ้า ไม่เคยสู้รบกับผู้ป่วยที่กินเหล้าเมามายขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมคีย์ไม่บอกเราว่าพี่ชายนายเป็นถึงขนาดนี้ แค่ช่วงล่างเดินไม่ได้ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่กินเหล้าแล้วอาละวาดไปทั่ว แถมยังไม่ยอมกินข้าวกินปลาอีก" ผมอดบ่นกับคีย์ไม่ได้ ก็เจ้าตัวเล่นไม่บอกอะไรเลยสักอย่างนอกจากที่เล่าไปวันนั้น ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ผมไม่รับปากทำหรอก

"เราขอโทษ นะๆ ขอโทษนะขิง เราลืมบอกไป มัวแต่ดีใจไปหน่อยที่ขิงรับดูแลพี่ชายเรา" คีย์แก้ตัวเสียอ่อยๆ

"ลืมหรือตั้งใจไม่บอกกันแน่? นี่มันงานหินชัดๆนะ ถ้าเราทนไม่ไหวเราก็จะขอลาออกตามคนก่อนหน้านั้นไปเหมือนกันนะ บอกไว้ก่อน"

"โถ่ขิง อย่าเพิ่งตัดพ้อต่อว่ากันสิ ก็มันลืมจริงจริ๊งงงง ช่วยอดทนหน่อยนะ ถือว่าสงสารพี่คราม สงสารคุณป้าเราเถอะนะ นะ... คิดซะว่าเค้าเป็นพี่ชายขิงอีกคนสิ จะได้อดทนมากขึ้น" ผมล่ะอยากให้คีย์มาเห็นกับตาตัวเอง จะได้รู้ว่าพี่ชายตัวเองฤทธิ์มากแค่ไหน

"ไม่เอาหรอกพี่ชายขี้เมาอะ" นี่ถ้าพี่ขุนเมาหยำเปขนาดนี้ ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่ขอเข้าใกล้ ไม่ขอดูแลอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะแค่เห็นคุณครามก็ขยาดแล้ว แต่ดีที่พี่ขุนไม่ใช่คนกินแล้วไม่รู้ลิมิตตัวเอง ขืนเป็นแบบนั้นผมจะปล่อยให้นอนใต้ถุนบ้าน ไม่งั้นก็ชานบ้านแล้วปล่อยให้ยุงหามไปกินซะให้เข็ดเลย

"งั้นก็คิดซะว่าสงสารคุณป้า ขิงลองนึกถึงหัวอกคนเป็นแม่สิ ลูกทั้งคนนะขิง จะไม่ดูแล แล้วปล่อยให้เป็นอย่างนั้นก็ทำไม่ได้" เห้อออ!! ที่อดทนอยู่ก็เพราะสงสารคุณป้านี่แหละ ถ้าไม่มาเห็นกับตาเมื่อกี้ว่าคุณป้าถึงกับน้ำตานองเพราะลูกชายคนเดียวไม่สบาย ไม่ยอมทานข้าวทานปลา ผมคงจะไม่ยอมทนถึงขนาดนี้หรอก เอาวะถือว่าทำบุญไปด้วย

"โอเคๆ ไม่ต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้า เราจะพยายามอดทนให้ถึงที่สุดละกัน" พอได้ระบายไปบ้างก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เป็นแบบนี้แหละผม อะไรที่พอยอมได้ก็ยอมนะ แต่อะไรที่มันเกินลิมินก็ไม่ไหวเหมือนกัน คีย์ก็พอจะรู้จักผมดี

"ขอบใจมากจ๊ะขิง ขิงใจดีที่สุดเลย เอาไว้ว่างๆ เราจะลงไปเยี่ยมนะ"

"อื้ม งั้นแค่นี้นะ เราออกมานานละ ไม่รู้ว่าคุณครามตื่นรึยัง?"

"จ้า บายจ๊ะขิง ดูแลตัวเองด้วยนะ"

"บาย" พอคีย์โทรหาก็อดคิดถึงใครอีกคนที่อยู่ทางโน้นด้วยไม่ได้ ป่านนี้จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้? อยากโทรหาแต่นี่มันเวลางาน เลยต้องตัดใจ เอาไว้ตอนดึกๆค่อยโทรหารวดเดียวทั้งครอบครัวทั้งแฟนเลย


"นายเป็นใคร? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" พอคุยโทรศัพท์เสร็จผมก็เข้าไปดูคนป่วย ปรากฏว่าตื่นแล้ว แล้วก็คงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆผมก็เข้ามาในห้องส่วนตัวของเค้า

"สวัสดีครับคุณคราม ผมขิงครับ เป็นคนดูแลคุณแล้วก็เป็นนักกายภาพด้วยครับ" แนะนำตัวกันพอเป็นพิธี แล้วตามด้วยรอยยิ้มนิดหน่อยเพื่อเป็นการผูกมิตร

"หึ!!" คือไม่ตอบอะไรสักคำผมไม่ว่านะ แต่ทำเสียงแบบนี้หมายความว่าไง?

"หิวรึยังครับ?" ผมทำใจเย็นแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง คิดว่าเค้าคงแฮงค์เหล้าเลยแสดงสีหน้าแล้วก็ท่าทางแบบนั้นออกมา

"......" ครามไม่ตอบอะไรแต่กลับตวัดสายตามองตามขิงอย่างไม่พอใจ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วมองย้อนกลับขึ้นไปใหม่

"โอเคผมว่าคุณคงหิวแล้ว งั้นเดี๋ยวผมไปเอาข้าวต้มมาให้นะครับ" เห็นสายตาแบบนั้นแล้วผมอึดอัด ทำตัวไม่ถูกเลยลุกไปเอาข้าวต้มที่เพิ่งอุ่นเสร็จมาให้ ผมว่าผมเข้ากับคนอื่นค่อนข้างยากแล้วนะ แต่คุณครามนี่ยิ่งกว่าอีก แล้วสายตาแบบนั้นจะฆ่ากันรึไง ผมไม่ได้เป็นคนร้ายหรือทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วย


"คุณจะทานเองหรือจะให้ป้อนครับ?"

"......" ตั้งใจจะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหมเนี๊ยะ? ถามก็ไม่ตอบ ขิงแอบบ่นในใจ

"โอเค!! งั้นผมป้อนให้แล้วกัน เผื่อคุณยังไม่มีแรงถือช้อนตัก เพราะคงแฮงค์เหล้าหนักไปหน่อย" ความจริงผมไม่ใช่คนขี้ประชดประชันนะ แต่เห็นแบบนี้แล้วอดไม่ได้เหมือนกันนะ

"อ้ำ อ้าปากสิครับ"

"......"

"คุณครามครับ คุณต้องทานนะครับ จะได้มีแรงทำกายภาพบำบัด จะได้กลับเดินได้ไงครับ นะๆ อ้าปาก"

"......"

"ทานนะครับ ข้าวต้มกุ้งหอมน่าทาน กุ้งก็ตัวโต๊โต อ้าปากนะครับ"

"เอามันออกไป กูไม่กิน ไม่ต้องมาทำเหมือนกูเป็นเด็ก กูจะกินเหล้า เอาเหล้ามาให้กู" หยาบคายจริงๆผู้ชายคนนี้ เกิดมาไม่เคยเจอ เดี๋ยวก็เอายาเบื่อหนูผสมข้าวให้กินซะหรอก โอ๊ะลืมไปเราต้องมีจรรยาบรรณในอาชีพ ไม่ดีๆขิง

"ไม่ได้ครับ คุณป่วยอยู่ กินเหล้าไม่ได้ เอาไว้คุณหายก่อนแล้วค่อยกินนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้อมาให้เลย" นี่ทั้งปลอบ ทั้งปะเหลาะยิ่งกว่าเด็กเลยนะ อะไรจะขนาดนั้นพ่อคูณ

"มึงมีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู บังคับกู กูจะกินไม่กินอะไรมันก็เรื่องของกู ไปเอาเหล้ามา!!" เสียงที่แหบเมื่อกี้คงดีขึ้นเพราะเห็นเจ้าตัวเอื้อมไปหยิบเอาน้ำในแก้วมาดื่ม คิดว่าคงจะกระหายเพราะตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แต่คำพูดที่พูดออกมานี่สิ ขึ้นมึงขึ้นกูผมไม่ว่านะถ้าสนิทกัน กับเพื่อนบางคนผมก็พูด แต่ผมกับเค้าสนิทกันแล้วเหรอถึงพูดแบบนั้น? โคตรของโคตรหยาบคายเลยตั้งแต่เคยเจอมา ความจริงเพื่อนผมก็มีนะที่พูดแบบนี้แต่มันไม่ได้พูดกับทุกคนไง

"นี่คุณ ถึงผมจะเป็นลูกจ้างคุณ แต่ก็ใช่ว่าคุณจะสามารถพูดแบบนี้กับผมได้นะครับ"

"หึ!! ต้องพูดภาษาดอกไม้งั้นเหรอ? รับไม่ได้ก็ลาออกไปสิ มาทนอยู่ทำไม? ออกไป๊!!!!!!!" ถ้าไม่ใช่ญาติคีย์ กูจะไม่ทนนะเว้ย เกิดจากท้องพ่อท้องแม่มา ยังไม่เคยมีใครมาไล่เหมือนหมูเหมือนหมาอย่างนี้ นับ 1-10 ไว้ขิง แล้วทำใจให้เย็น นั่นมันคนป่วย คนป่วยย่อมมีอารมณ์หงุดหงิดบ้างเมื่อตกอยู่ในสภาพแบบนี้ นับ1 2 3 4 5

"คุณขิงค่ะ เป็นยังไงบ้างค่ะ?เสียงดังออกไปจนถึงข้างนอกเลย ให้พี่ช่วยไหมค่ะ?" พี่นุ้ยคงได้ยินเสียงเอ๊ะอะโวยวายดังไปถึงข้างล่างเลยขึ้นมาดู

"ไม่เป็นไรครับพี่นุ้ย ผมไหวอยู่ครับ แค่อารมณ์หงุดหงิดของคนป่วยน่ะครับ" พอพูดจบครามก็หันมาจ้องหน้าขิงทันที รู้แล้วว่าโกรธ ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้ จะดุไปไหน

"นุ้ย แพรอยู่ไหน? เมื่อกี้แพรมาหาชั้นใช่ไหมตอนชั้นหลับอยู่?" ครามเลิกสนใจขิงแล้วหันกลับมาถามนุ้ยแทน

"ไม่มีนะค่ะนายหัว คุณแพรเธอไม่ได้มาที่นี่ตั้งแต่วันนั้นแล้วนะคะ" นุ้ยตอบตามความจริงด้วยสีหน้าแหย่ๆ

"ไม่จริง เมื่อกี้ฉันยังกอดแพรอยู่ แพรอยู่ไหนนุ้ย ไปตามแพรมาให้ชั้นที" แพรที่ไหนจะมาให้กอดล่ะ มีแต่ขิงนี่แหละที่กอดไปเมื่อกี้ นี่แหละนะคนเมา ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าใครคือแพร แต่ถ้าให้เดา คงจะเป็นภรรยาของคุณครามล่ะมั้ง เห็นเพ้อหาได้แม้กระทั่งในฝันนี่หน่า

"ขอโทษด้วยค่ะนายหัว คะ..คือคุณแพรเธอไม่ได้มาที่นี่จริงๆ ค่ะ" พี่นุ้ยตอบ

"ไม่จริง ออกไป!! ออกไปให้หมด!!" อยู่ๆ จะอาละวาดก็อาละวาด ผมชักจะทนไม่ไหวเหมือนกันนะ

"ตุ๊บ!! โอ๊ย!!" เสียงหมอนที่ถูกขว้างมาโดนหน้าของขิงเข้าอย่างจังดังตุ๊บ จนเจ้าตัวต้องเอามือปัดป้องไว้ รวมถึงนุ้ยด้วย

"หยุดนะคุณคราม หยุดเดี๋ยวนี้ เป็นบ้าไปแล้วรึไง? คนอื่นเค้าก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ"

"นายหัวคะอย่าทำแบบนี้ค่ะ นายหัว..."

"ไปกันเถอะครับพี่นุ้ย ปล่อยให้เค้าสงบเอง เดี๋ยวเราค่อยมาใหม่" ผมดึงแขนพี่นุ้ยให้เดินออกมา รอให้พายุบ้าของเค้าสงบแล้วค่อยเข้าไป

......................










































.................................................... TO BE CON >>>



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2015 21:12:30 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
(ต่อ)




"เป็นไงบ้างค่ะคุณขิง เจ็บตรงไหนไหมค่ะ?"

"ไม่ครับพี่นุ้ย แค่หมอนเฉยๆ เราไปทานข้าวกันก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวค่อยกลับไปดูเค้า ปล่อยให้เค้าอยู่กับตัวเองบ้าง เผื่อเค้าจะได้สงบลง"

"ค่ะคุณขิง" ผมกับพี่นุ้ยก็เดินตามกันเข้าไปในครัว พอนึกถึงข้าวก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เพราะนี่ก็บ่ายโมงกว่าแล้วด้วย ถึงว่าท้องร้องเชียว

"แล้วคุณป้าไปไหนครับพี่นุ้ย?"

"นายหญิงออกไปบริษัทแล้วค่ะ เธอฝากบอกคุณขิงให้ช่วยดูแลนายหัวด้วยนะคะ"

"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงไม่บอกผมก็ดูแลให้อยู่แล้ว เพราะมันคือหน้าที่ของผม อีกอย่างสงสารคุณป้าท่านด้วย คุณครามมาป่วยแบบนี้คงจะเหนื่อยน่าดู ไหนจะงานบริษัทไหนจะลูกอีก"

"คุณขิงเป็นคนดีจังค่ะ ทั้งน่ารัก ทั้งมีน้ำใจ ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดีแน่ๆเลย"

"มายอกันแบบนี้ผมก็เขินแย่สิครับพี่นุ้ย อิอิ"

"พี่ไม่ได้แกล้งยอนะค่ะ แต่คุณขิงน่ารักจริงๆนะค่ะ ไม่เชื่อเดี๋ยวทานข้าวเสร็จลองออกไปเดินที่ชายหาดตรงโน้นดูสิค่ะ รับรองหนุ่มๆสาวๆมองตรึม ทั้งขาว ทั้งน่ารักขนาดนี้ใครไม่มองก็แปลกแล้วค่ะ ถึงว่าเป็นเพื่อนคุณคีย์ได้ รายนั้นก็น่ารัก หน้าหวานเหมือนผู้หญิงเลย" อย่าเอาผมไปเปรียบกับคีย์เลยครับ มันคนละชั้นกัน คีย์มีมันน่ารัก หน้าหวานอย่างที่พี่นุ้ยว่านั่นแหละ แต่ผมเรียกว่าน่ารักคงไม่ได้หรอกครับ แต่มีหลายคนบอกว่า ผมเป็นคนที่ไม่ได้ดูน่ารักแบบคีย์ แต่เป็นคนที่น่ามองอะไรแบบนี้แหละครับ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

"แหะๆ"

"พี่ลืมบอกไป เดี๋ยวบ่ายสามคุณหมอคณินที่เป็นหมอประจำตัวนายหัวจะเข้ามาตรวจดูอาการนะค่ะ คุณขิงน่าจะอยู่ด้วย เผื่อจะได้สอบถามอาการจากคุณหมอ" พี่นุ้ยหันมาบอกขณะที่ตัวเองก็กำลังตักแกงนั่นแกงนี่ใส่ถ้วยอยู่ วันนี้มีทั้งแกงไตปลา ผัดสะตอ ไข่เจียว แล้วก็อะไรไม่รู้อีกอย่างที่ผมไม่รู้จัก แต่คิดว่าน่าจะอร่อยแหละ เพราะกลิ่นหอมเชียว

"โอเคครับพี่นุ้ย งั้นเราทานกันดีกว่าครับ เสร็จแล้วจะได้ไปช่วยกันจัดห้องให้คุณครามใหม่" 

"คุณขิงออกไปเดินเล่นแถวๆชายหาดนี่ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่ไปจัดเอง มันไม่ได้กระจัดกระจายเท่าไหร่ เพราะเราเอาของที่อยู่ใกล้มือนายหัวออกหมดแล้วเหลือแต่หมอน อิอิ"

"คงโดนบ่อยจนรู้ทางหนีทีไล่ใช่ไหมครับ คิๆ" 

"พี่กับป้าน้อยโดนบ่อยจนชินแล้วค่ะ นี่ถ้าป้าน้อยแกอยู่คงจะเป็นลมเสียให้ได้ เพราะนายหัวของแกปาข้าวจนเกลื่อนห้องซะขนาดนั้น"

"ที่นี่อยู่กี่คนครับ ผมก็ลืมถามไปเลย?" ผมถามแล้วตักแกงไตปลาเข้าปาก ถึงแกงจะเผ็ดแต่ก็อร่อยนะ กินไปด้วยเช็ดเหงื่อไปด้วย ได้รสชาติดีออก

"ที่นี่ก็จะมี 6 คนค่ะ มีนายหัว นายหญิงใหญ่ นายหญิง ตาแช่ม ยายน้อย แล้วก็พี่จ๊ะ แต่ตอนนี้ป้าน้อยแกกลับไปเยี่ยมบ้านแกที่ต่างจังหวัด อีกสองสามวันถึงจะกลับค่ะ" พี่นุ้ยตอบยิ้มๆแล้วเทน้ำใส่แก้วให้ แก้วนี้เป็นแก้วที่สองแล้ว กินไปด้วยสูดปากไปด้วยจนพี่นุ้ยอดยิ้มออกมาไม่ได้

"แล้วที่บอกว่านายหญิง ทำไมถึงมีสองคนครับ เป็นใครกัน?"

"จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไปนะค่ะ นายหญิงใหญ่เธอห้ามพูด เพราะกลัวว่านายหัวได้ยินแล้วจะอาละวาดอีก ความจริงที่นี่มีนายหญิงใหญ่ก็คือคุณแม่ของนายหัว แล้วก็นายหญิงที่เป็นคุณผู้หญิงเมียของนายหัวค่ะ แต่เธอไม่อยู่ที่นี่แล้ว"

"อ้าวทำไมเหรอครับ?" ถามแบบนี้เค้าจะหาว่าเรายุ่งเรื่องชาวบ้านไหม๊นะ??

"ก็เพราะนายหัวเธอจับได้ว่าเมียตัวเองแอบมีชู้ ซึ่งชู้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ดันเป็นเพื่อนสนิทของนายหัวนั่นเอง รู้แล้วเหยียบไว้ให้มิดเลยนะค่ะคุณขิง" พี่นุ้ยพูดแล้วทำสีหน้าจริงจัง ส่วนผมก็อึ้ง คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่หล่อเหลา เอาการเอางานอย่างคุณครามจะถูกผู้หญิงทำแบบนี้ ตอนแรกนึกว่าแค่ถูกทิ้งเฉยๆซะอีก

ผมพยักหน้ารับคำแล้วก็รวบช้อนไว้ด้านข้าง รู้สึกเหมือนอิ่มๆตื้อๆไงไม่รู้ สงสัยจะอิ่มน้ำเพราะกินข้าวคำน้ำคำ

"คือนายหัวเธอมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งที่ชอบไปมาหาสู่กันบ่อยๆ บ่อยจนชนิดที่ว่าเข้าออกบ้านนี้เป็นว่าเล่นเลยก็ว่าได้ค่ะ บางวันนายหัวอยู่ก็มาพูดคุยกินข้าว กินเหล้ากันปกติ แต่บางวันนายหัวไม่อยู่ก็มาคลุกอยู่ที่บ้านเป็นครึ่งค่อนวันแล้วก็กลับไป จนวันนึงนายหัวไม่อยู่ออกไปดูฟาร์มหอยมุก แล้วเพื่อนเธอก็มาหา แล้วทีนี้เหมือนสวรรค์เป็นใจอยากให้ความจริงปรากฏ นายหัวเกิดกลับบ้านเร็วเพราะลูกค้าขอเลื่อนนัดหรือว่าอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ เลยทำให้กลับบ้านเร็ว แต่พอมาถึงบ้านกลับพบว่าเมียตัวเองกำลังนอนอยู่กับชู้ซึ่งเป็นถึงเพื่อนสนิท ของตนเอง ความเลยแตก โป๊ะเชะพอดี" ฟังพี่นุ้ยเล่ามาถึงตอนนี้แล้วก็อดสงสารคุณครามขึ้นมาไม่ได้ คงไม่แปลกหรอกที่เค้าจะเอาเหล้าเป็นที่ตั้งของจิตใจขนาดนี้ แค่ผมฟังยังรู้สึกนอยด์ตามเลย แล้วเจ้าตัวเค้าล่ะจะขนาดไหน?

"คุณขิง...คุณขิงค่ะ ฟังพี่อยู่รึเปล่า?"

"คะ..ครับ ฟังอยู่ครับ พี่นุ้ยเล่าต่อเลยครับ"

ผมฟังพี่นุ้ยก็เล่าต่อบ้างไม่ฟังบ้างเพราะมัวแต่คิดตามไปเรื่อย ถ้าเป็นผมก็คงจะเสียใจจนชีวิตเป๋ไปเหมือนกันนั่นแหละ ตอนนี้พี่นุ้ยเล่าจบแล้วแต่ผมยังรู้สึกเหมือนหนังยังฉายไม่จบเลย จนกระทั่งได้ยินเสียงรถเข้ามาในบ้าน ผมจึงเดินตามพี่นุ้ยออกไปดูอย่างมึนๆงงๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเดินตามออกมาทำไม เพราะถึงยังไงเค้าก็ต้องเดินเข้ามาในบ้านอยู่ดี



"สวัสดีค่ะคุณหมอ" คุณหมอคณินตัวสูงหนาแต่ไม่เท่าคุณคราม ขาวแล้วก็ตี๋ สวมแว่น ออกแนวเกาหลีๆ ตามสมัยนิยม แต่ดูจากสายตาแล้วคงเจ้าชู้ไม่เบา

"สวัสดีครับนุ้ย" คุณหมอทักทายพี่นุ้ยเล็กน้อยและปรายสายตามองผมยิ้มๆ "แล้วนั่นใครครับไม่แนะนำให้ผมรู้จักสักหน่อยเหรอ?"

"นี่นายหญิงคนใหม่ค่ะคุณหมอ ชื่อคุณขิง" ผมเพิ่งมาได้สติเต็มๆตอนที่พี่นุ้ยแนะนำผมกับคุณหมอว่าเป็นนายหญิงคนใหม่ของที่นี่นั่นแหละ จะเล่นอะไรไม่บอกกันเลยพี่นุ้ย นี่ถ้าผมหัวใจวายไปจะทำยังไง นายหญิงที่ไหนเป็นผู้ชาย ผมส่ายหัวเบากับคำตอบของพี่นุ้ย

"ฮั่นแหน่!! อย่ามาอำผมหน่อยเลย ไอ้ครามมันเพิ่งประสบอุบัติเหตุไปเมื่อสองเดือนก่อน มันคงจะมีแรงนอนกับใครหรอกครับ คึๆ" หมอคณินให้เหตุผลแล้วหันมายักคิ้วให้ผมสองที ผมก็ยิ้มให้เหลอหลาๆ

"โอเคค่ะ ไม่เล่นแล้วก็ได้ อุตส่าห์ว่าจะแกล้งอำสักหน่อย คุณหมอล่ะก็ ฉลาดเกิ๊น" พี่นุ้ยแกล้งงอนกระเง้ากระงอด

"แล้วสรุปใครครับ?"

"คุณขิงค่ะ เป็นคนดูแลคุณครามแล้วก็เป็นนักกายภาพคนใหม่"

"สวัสดีแล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องขิง"

"สวัสดีครับคุณหมอคณิน" ผมยกมือไหว้คุณหมอเพราะเค้าเป็นเพื่อนคุณคราม อายุก็น่าจะมากกว่าผม

"เสียงเพราะอะ!!! ....เนื้อคู่"  บอกตามตรงคือผมตั้งตัวไม่ทันกับการได้เจอคุณหมอที่ไม่เหมือนหมอเลยสักนิดแบบนี้ หมอคณินดูล้นๆ เกินๆยังไงก็ไม่รู้นะผมว่า

"เอ่อ...มาตรวจคุณครามใช่ไหมครับคุณหมอ งั้นเชิญทางนี้ดีกว่าครับ"

"ค่อยยังชั่วหน่อยที่ไม่ใช่เมียไอ้คราม เพราะไม่อย่างนั้นผมคงต้องอกหักอีกแน่ ครึๆ" หมอคณินพูดขณะที่เดินตามผมขึ้นบันไดมา

"ค่อยกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาหน่อย ได้เห็นคนน่ารัก มาบ้านนี้ทีไรมีแต่หน้าเดิมๆ ไม่ชุ่มชื่นหัวใจเลย" ผมหันไปมองเห็นคุณหมอแกล้งทำหน้าห่อเหี่ยว จนผมแอบอมยิ้มตามด้วยไม่ได้

"ทำร้ายจิตใจสุภาพสตรีจังนะค่ะคุณหมอ นุ้ยไม่สวยบ้างก็ใหัมันรู้ไป ถ้าถูกหวยจะบินไปทำหน้าที่เกาหลี ชิส์!!" ได้ยินคำพูดนี้ก็เลยนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาได้ (ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้ ฮ่าๆๆ)

"โอ๋ๆ ล้อเล่นครับนุ้ย ขำๆ หัวเราะบ่อยๆจะได้ไม่แก่เร็ว ครึๆ"


"เฮลโหลไอ้ครามเพื่อนยาก ยังไม่ตายใช่ไหมเอ่ย??" คุณหมอส่งเสียงทักทายเจ้าของห้องตั้งแต่หน้าประตู แล้วเดินเข้าไปหา ผมยังแปลกใจอยู่เลยว่านี่เค้าทักทายกันอย่างนี้เหรอ? ดูฮาร์ดคอร์ไปนะผมว่า

"ไอ้ห่าหมอ มึงมาก็ดีแล้ว เอาเหล้ามาให้กูหน่อย กูอยากกินเหล้า" เพิ่งจะสร่างไปหยกๆ ยังจะกินอีก อย่าหวังเลยคุณ ผมให้คนเอาไปทิ้งไปหมดแล้ว

"กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้กินเหล้า แล้วหันมาแดกข้าวซะบ้าง ไม่งั้นร่างกายมึงจะทรุด แล้วเป็นโรคกระเพาะ" คุณหมอดุเพื่อนตัวเอง แล้วก้มลงดูขาที่ดามเหล็กให้ ผมว่าดุบ่นไปก็เท่านั้นแหละครับ เจ้าตัวก็ไม่สนใจหรอก เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาล่ะไม่ว่า คุณหมอเลยได้แต่ส่ายหัวแล้วถอนหายใจออกเบาๆ อย่างปลงๆ

"ไม่ต้องมาสั่งสอนกู ถ้ามึงเป็นเพื่อนกู มึงต้องเอาเหล้าไม่ให้กู ไม่งั้นกูจะตัดเพื่อนกับมึง"

"ช่างกล้านะมึง ไอ้นายหัวหย่ายจะมาตัดเพื่อนกับกู ถ้าไม่มีกูป่านนี้มึงตายเป็นผีเฝ้าข้างทางแล้วล่ะให้เพื่อนชั่ว ก่อนที่จะปากดี มึงลุกมาเดินให้ได้ก่อนเถอะ เร็วๆนะกูรออยู่ ถ้ามึงเดินได้เมื่อไหร่กูให้มึงเตะก้นกูสิบทีเลยอ่ะ"

"พูดมาก นี่มึงจะไม่เอาเหล้ามาให้กูใช่ไหม๊? ห๊ะ?"

"ก็เอ่อดิ แดกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มาๆกูจะตรวจดูขามึงให้ อย่ามัวมางุดหงิด จิตหงุดเงี้ยวไปหน่อยเลย ว่าแต่ขามึงแค่เดินไม่ได้แต่ยังรู้สึกเจ็บอยู่นี่หว่า แสดงว่ายังมีโอกาสหาย แล้วที่แน่ๆ.......... ลูกชายมึงยังอยู่ดีใช่ไหมวะ? หรือว่ามันตายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว?? โอ้ไม่นะ!!" หมอคณิตแกล้งกระซิบแต่เสียงดังจนขิงที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งยังได้ยิน

"ไอ้ห่าหมอ มันยังอยู่ดีเว้ย อย่ามาแช่งกูไอ้เหี้ย"

"งั้นก็ดีใจด้วยเว้ยพวก ที่มึงยังได้มีความสุขกับมันอีกนาน งั้นที่มึงหงุดหงิดนี่ไม่ได้เอาน้ำออกหรือว่าไม่ได้กินเหล้าวะพวก?"

"ยุ่ง!!! ตรวจเสร็จแล้วกลับไปเลยป่ะ แล้วก็ไม่ต้องมาบ้านกูบ่อย บ้านกูไม่ต้อนรับหมอบ้ากามแบบมึง" นั่นไงขนาดคุณครามยังว่าเลย ผมเห็นด้วยนะ สมแล้วล่ะพี่เค้าว่าคนเป็นหมอจะเซ็กส์จัด ท่าจะจริงอย่างที่เค้าว่าแหะ

"โวะๆๆไอ้นี่ คนอุตส่าห์มาเยี่ยม มาตรวจให้ กูบอกไว้เลยนะว่าต่อไปกูจะมาบ้านมึงบ่อยกว่าเดิมอีก หึๆๆ"

"มาทำไม?"

"เพราะบ้านมึงมีของดี หึๆๆ" หมอตั้นพูดแล้วปรายตามาทางขิงพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ

"หึ!!"










อันดามัน...ซ่อนรัก
 ตอนที่ 3
[/b]




"นุ้ย!! ตาแช่ม!! มีใครอยู่แถวนี้ไหม? เอาเหล้ามาให้หน่อย" เสียงเอ๊ะอะโวยวายแบบนี้ไม่ต้องเดาหรอกครับว่าดังมาจากไหน ก็จากห้องของคุณครามเหมือนทุกวันนั่นแหละครับ เพราะเจ้าตัวช่างขยันส่งเสียงซะเหลือเกิน ตั้งแต่เรื่องเล็กเรื่องน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ทำให้บ้านหลังนี้แทบแตกได้มากที่สุดคงจะเป็นเรื่องอยากกินเหล้าแล้วไม่มีคนเอามาให้นี่แหละ ตลอดหลายวันที่ผมอยู่ที่นี่ จะว่าเริ่มชินแล้วก็ไม่ใช่นะ มันเหมือนก่ำกึ่งมากกว่า ถึงแม้จะเห็น จะได้ยินทุกวัน แต่บางครั้งก็อดตกใจไม่ได้นะกับเสียงดังแบบนี้

"ค่ะนายหัว?" สงสารพี่นุ้ยนะ อุตส่าห์รีบวิ่งมาจากข้างล่าง กระหืดกระหอบเชียว

"เอาเหล้ามาให้ชั้นหน่อย" ขนาดเสียงทั้งแหบทั้งไอขนาดนี้ยังจะกินอยู่อีก ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไร

"คงไม่ได้ค่ะนายหัว คุณหมอสั่งห้ามไม่ให้ดื่ม ทานข้าวดีกว่านะค่ะเชื่อนุ้ย" ผมแอบฟังอยู่ข้างนอกนี้สักพักแล้วครับ แต่ยังไม่เข้าไป เพราะอยากรู้ว่าทั้งหมอทั้งผมสั่งห้ามขนาดนี้ ยังจะมีใครแอบเอาเหล้ามาให้คุณครามกินอยู่อีกไหม พี่นุ้ยน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลุงแช่มนี่สิผมไม่มั่นใจ

"ไม่ได้ดั่งใจ ตาแช่ม ตาแช่มโว้ย ได้ยินไหมวะ? เอาเหล้ามาให้กูหน่อย!!"  พอไม่ได้ดั่งใจก็เป็นซะแบบเนี๊ยะ แล้วใครมันจะทนไหว ผมเข้าใจนักกายภาพกับพยาบาลคนก่อนเลยว่าทำไมเค้าถึงลาออกไปง่ายๆ ทั้งที่เงินเดือนก็ดีขนาดนี้

"ตาแช่มไม่อยู่ ออกไปดูสวนปาล์มค่ะนายหัว"

"เอ่อดี!! หายหัวกันไปหมด ไปเอาเหล้ามาได้ยินไหม?" ปกติถ้าพี่นุ้ยหรือลุงแช่มแกอยู่กับคุณครามก็จะพูดภาษาใต้กัน แต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยก็จะพูดภาษากลาง อย่างเมื่อกี้นี่ก็เหมือนกัน ผมเพิ่งเคยได้ยินคุณครามแหล่งใต้ก็เมื่อกี้นี่แหละครับ ปกติจะได้ยินพูดภาษากลางตลอดเลย เสียงทุ้มๆห้าวๆติดแหบ ฟังไปฟังมาก็ดูมีเสน่ห์ดีเหมือนกันนะ แต่มันใช่เวลาไหมที่จะมาชมตอนนี้

"เอ่อ..นุ้ยเอามาให้ไม่ได้จริงค่ะนายหัว" พี่นุ้ยแหล่งใต้กับคุณคราม ถึงบางครั้งจะฟังไม่ค่อยออก แต่ผมว่าประโยคเมื่อกี้ผมเข้าใจนะ

"ทำไมถึงเอามาให้ไม่ได้? เอาเหล้ากูมา เอามาให้กูเดี๋ยวนี้ กูสั่งไม่ได้ยินกันรึไง? เดี๋ยวพ่อไล่ออกให้หมดเลยนิ"

"คุณขิง" พี่นุ้ยเหมือนจะดีใจมากที่เห็นผมเข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลาพอดี แต่ผมอยากบอกพี่นุ้ยเหลือเกินว่า ผมมาช่วยพี่ไว้ได้ทัน แต่ตัวผมนี่สิจะโดนอะไรบ้างก็ยังไม่รู้เลย

"ไปทำงานเถอะครับพี่นุ้ย เดี๋ยวผมจัดการเอง"

"ค่ะคุณขิง" พี่นุ้ยรีบคานเข่าออกไป ส่วนผมก็มองตามแล้วหันกลับมามองเจ้าของห้องที่กำลังจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย นี่ถ้าเป็นปลากัดคือท้องแล้วนะ แต่นี่ไม่ใช่ไง ผมเลยต้องทำใจดีสู้เสือ ฉีกยิ้มหวานๆให้ เผื่อมันจะช่วยได้ แต่ก็ไม่เลย..ยิ่งถูกจ้องหนักกว่าเดิมอีก

"เอาเหล้ามาให้หน่อย อยากกินเหล้า" น้ำเสียงอ่อนลงกว่าตะกี้แล้ว แต่สายตายังดุเหมือนเดิม

"กินข้าวดีกว่านะครับ จะได้มีแรงฝึกทำกายภาพ คุณครามไม่อยากเดินได้เหรอครับ?" สาบานเลยว่าไม่เคยทำเสียงแบบนี้กับใครเลย ถ้าพูดตรงๆคือน้ำเสียงหวานจนจะอ๊วก ขนาดพูดเองยังขนหนาวลุกเองเลย

"เดินได้แล้วยังไง? หึ!!" ผมไม่รู้หรอกครับว่าต้องตอบยังไง เพราะฟังจากน้ำเสียงที่เหมือนประชดตัวเองแล้วทำให้ผมเห็นใจเค้านะ เค้าคงคิดว่าถ้าหายแล้วเมียเค้าก็คงไม่กลับมาหรอก อย่างงี้มั้ง

"ไปเอาเหล้ามาให้หน่อย" เค้าเอ่ยออกมาหลังจากที่เราต่างคนต่างเงียบกันมานาน

"ผมให้คนเอาไปทิ้งแล้วครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพ"

"ใครบอกให้มึงเอาเหล้ากูไปทิ้ง มึงมีสิทธิ์อะไร...ห๊ะ?" เข้าใจนะว่าโกรธแต่ก็ไม่ควรขึ้นมึงขึ้นกูแบบนี้นะ ถ้าเป็นที่บ้านผมคงโดนแม่หยิกแน่ๆ ขนาดพี่ขุนยังต้องเรียกตัวเองว่า "อ้าย" ซึ่งหมายถึงพี่ชายในภาษาเหนือเลย พี่ขิมเป็นผู้หญิงแม่ไม่ห่วง เพราะแม่สอนให้พูดเพราะอยู่แล้ว ส่วนผมก็ต้องเรียกพวกพี่ๆว่า "อ้าย" สำหรับพี่ขุน แล้วก็ "ปี้" สำหรับพี่ขิมที่เป็นพี่สาว ห้ามมีคำ"คิง" ที่หมายถึง "มึง" ในภาษากลาง หรือห้ามขึ้น "ไอ้" ด้วย

นอกจากนี้ยังต้องแทนตัวเองว่า "น้อง" หรือ "ขิง" เวลาพูดกับทุกคน แล้วคิดว่าผมเรียกตัวเองว่าอะไรล่ะ ถูกแล้วล่ะครับ ผมแทนตัวเองว่าน้องมาตั้งแต่เด็ก พอโตมาอยากเปลี่ยนแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะมันเรียกจนติดปากไปแล้วไง มีครั้งหนึ่งเคยพาเพื่อนมาทำรายงานที่บ้านตอนสมัยมัธยม พอพวกมันได้ยินผมแทนตัวเองแบบนั้นก็หัวเราะเยาะกันใหญ่ จนผมอยากไล่พวกมันกลับไปซะตอนนั้นเลย แถมยังเอาไปล้อที่โรงเรียนต่ออีก

"ผมเป็นคนดูแลคุณ ถ้าคุณยังกินเหล้าอยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่คุณจะเดินได้ครับคุณคราม?"

"เมื่อไหร่ก็ช่างมัน เป็นตายยังไงก็ช่างมันไม่เกี่ยวกับมึง แล้วถ้าไม่เอาเหล้ามาให้ก็ออกไปซะ" ตอนแรกผมก็ว่าจะออกไปตามที่เค้าบอกนะ แต่มาคิดไปคิดมา ผมเป็นดูแลเค้านิ ถึงเค้าจะโมโหร้ายยังไงก็ต้องทน แต่มันไม่ดีตรงที่ พอผมไม่ออกไปตามคำสั่ง เค้าก็ขว้างปาข้าวของไปทั่วห้องนี่สิ เห็นแล้วอยากจะปรี๊ดใส่เหมือนกันนะ

"นี่คุณคราม หยุดอาละวาดสักทีได้ไหม ถึงคุณจะโวยวายยังไง เค้าก็ไม่เอาเหล้ามาให้คุณหรอก เสียแรงเปล่าๆ ถ้าแรงเยอะขนาดนี้ก็รีบเดินให้ได้แล้วมาทำหน้าที่นายหัวแล้วกับทำหน้าที่ลูกที่ดีซะ"

"ไม่ต้องมาสั่งสอนกู มึงไม่ใช่แม่กู ไม่ต้องอวดดีมาสั่งสอนกู ออกไป!!"

"ตุ๊บ!! ฟื๊บ!!" เสียงหมอนหนุน หมอนอิง แล้วก็หมอนข้างถูกปามาใส่

"โอ๊ย!! เจ็บนะคุณคราม หยุดอาละวาดสักทีได้ไหม๊ ไม่งั้นจะหาว่าผมไม่เตือนนะ"

"ทำไมมึงจะทำอะไรกู ออกไปจากห้องกูไอ้ตุ๊ด!!"

"คุณคราม!!!"

"ก็มึงมันตุ๊ดจริงๆนี่หว่า หรือว่าไม่ใช่?" น้ำเสียงแบบนี้กับคนแบบนี้ผมไม่อยากใส่ใจหรอก ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงจะโกรธมาก แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะครับ โกรธพวกเค้าไปก็ไม่ได้อะไร ตัวเรานั่นแหละจะทุกข์ใจเองมากกว่า

"คุณจะเรียกยังไงก็เรื่องของคุณเถอะ แล้วแต่คุณ ทีนี้สงบได้รึยังครับ?" ภูมิต้านทานเรื่องนี้ผมมีมากพอแล้วครับ ไม่ดิ้นตามให้เหนื่อยหรอก

"เรื่องของกู"

"โอเคครับ เรื่องของคุณก็เรื่องของคุณ แต่ผมต้องดูแลคุณไงครับ ทานข้าวนะครับคุณคราม สักนิดก็ยังดี ถ้ามีแรงแล้วค่อยลุกมาด่าผมต่อก็ได้"

"แปร๊ง!!! กูไม่หิว ไม่กินโว้ย!!" เสียงจานข้าวถูกปัดลงกับพื้นห้อง ช้อนส้อมหรืออาหารกระเด็นเต็มไปหมด นึกแล้วก็เสียดายแทนคนที่เค้าไม่มีกินนะ เด็กในสลัม คนขอทาน หรือประเทศที่ยากจนไง บ้างก็กินมื้ออดมื้อ บางครั้งก็ต้องแย่งข้าวสารอาหารแห้งจากทหารที่มาควบคุมดูแลจนถูกลงโทษ ส่วนน้ำก็เหมือนกัน บางประเทศเห็นแล้วก็เวทนานะ ไม่มีแหล่งน้ำเหลืออยู่เลย ต้องคอยน้ำฝนที่นานๆทีจะตกลงมา แต่ถ้าฝนไม่ตกก็ต้องเอาขันไปตักเอาน้ำจากแอ่งเล็กๆข้างทางที่ออกสีขุ่นๆดำๆมากิน


"นี่คุณคราม คุณจะมาทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน ไม่สงสารตัวเองก็สงสารแม่คุณบ้าง อายุท่านก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ ยังต้องคอยมาวิ่งลอกดูแลคุณ ดูแลบริษัทอีก แล้วถ้าคุณยังทำตัวงี้เง้า อ่อนแออยู่แบบนี้ก็รอให้บริษัทคุณมันล้มละลาย ไม่มีบ้านอยู่ แล้วก็รอให้ผู้หญิงคนนั้นมาหัวเราะเยาะคุณล่ะกัน"


........................


เมื่อกี้หลังจากที่ผมออกจากห้องมาก็ปล่อยให้เค้าอยู่กับตัวเอง แต่ก็แอบคิดเหมือนกันว่าจะอาละวาดมากกว่าเดิมรึเปล่า แต่ก็ไม่เลย ผิดคาดแหะ พอเอาข้าวเข้าไปให้กินก็ไม่ปฏิเสธอะไร จนผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่

"ชั้นชอบทานร้อนๆ" ก็แหงสิครับ เค้าทำไว้ให้ตั้งนานแล้ว รอแต่คุณมากินเท่านั่นแหละ ถ้าคุณไม่มัวเล่นตัวซะก่อน

"เดี๋ยวผมไปอุ่นมาให้ใหม่ก็ครับ" ผมลงไปห้องครัวแล้วก็เอาข้าวต้มอุ่นกับหม้อใบเดิม แค่นี้จิ๊บๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเหมือนจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะตาขาวเริ่มกระตุกถี่ๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

"ทีนี้ก็ทานได้แล้วนะครับ" 

"ยัง" อ้าวอะไรอีกล่ะ? ข้าวต้มก็อุ่นให้เสร็จแล้ว แล้วจะเอาอะไรอีก

"มีอะไรอีกเหรอครับ?"

"ไม่อยากกินข้าวต้ม เบื่อ!!" แล้วทำไมไม่ต้องตั้งแต่แรกล่ะเนี๊ยะ มาบอกตอนที่เค้ายกขึ้นมาให้แล้วเนี๊ยะนะ มองไปที่เจ้าของห้องก็ยังทำหน้าปกติอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด แต่ก็นะเรามันลูกจ้างเค้านี่หน่า จะให้ขึ้นลงๆแบบนี้อีกสักสิบรอบก็ยังทำได้เลย

"แล้วคุณอยากทานอะไรครับ ผมจะได้บอกให้พี่นุ้ยทำให้" ผมเก็บสำรับข้าวต้มกลับมาแล้วพยายามคิดว่า เค้าคงเบื่อข้าวต้มจริงๆนั่นแหละ ขนาดเราทานแบบนี้ทุกวันยังเบื่อแย่เลย นับประสาอะไรกับคนป่วยแบบคุณคราม

"นายทำกับข้าวเป็นไหม?" ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ คงไม่ได้จะให้ผมไปทำกับข้าวมาให้กินหรอกนะ

"ทำเป็นบ้างนิดหน่อยครับ แต่ก็ไม่ค่อยถนัดครับ" ที่ตอบไปคือเรื่องจริงครับ ผมไม่ค่อยถนัดทำกับข้าวสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยมีเวลาทำด้วย อยู่ที่กรุงเทพฯก็ออกไปกินข้างนอกหรือซื้อเค้ามากินมากว่า อย่างมากสุดก็ไข่เจียวหมูสับ กับต้มมาม่านี่แหละครับเวลาขี้เกียจออกไปกินข้างนอก ไม่งั้นก็โทรสั่งพิซซ่า เคเอฟซีมากิน สะดวกดี

"งั้นนายทำให้หน่อย" 

"ห๊ะ!! ผมเหรอครับ?" ผมคงแสดงอาการตกใจมากไปหน่อย เลยเผลออุทานออกไปซะเสียงดังเลย จากนั้นก็เอามือชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันว่าจะให้ผมเป็นผมทำจริงๆเหรอ?

"ทำไม ทำไม่ได้รึไง?"  เค้ายักคิ้วทั้งสองข้างแล้วถามออกมาเรียบๆ แต่ผมกลับฟังดูเหมือนเค้ากำลังเยาะเย้ยซะมากกว่านะ ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าเค้าอยากกินจริงๆ หรืออยากทำอะไรกันแน่ แววตามันบอกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างมากกว่านั้นแน่ๆ

"ได้ครับ คุณอยากทานอะไรล่ะครับ?"

"ง่ายๆ ข้าวผัดหมูก็ได้" ผมว่าเค้าเป็นคนกวนประสาทคนใช้ได้เลยทีเดียวนะ ทั้งน้ำเสียงทั้งอะไรต่างๆนานา ดูอย่างข้าวผัดนี่สิ จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย จะว่ายากก็ไม่ยากนะ

"ครับ" แล้วจะยืนอยู่ทำไมล่ะครับ ก็ลงมาในครัวอีกรอบเพื่อทำข้าวผัดหมูให้เค้าสิครับ ชักช้าถ้าเกิดโมโหหิวแล้วอาละวาดอีกจะทำไง ยิ่งอารมณ์แปรปรวนอยู่








....................................................... TO BE CON >>>



[/size][/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2015 17:20:06 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
(ต่อ)


"อ้าวทำไมเอากลับมาล่ะคะคุณขิง หรือนายหัวไม่ยอมทาน?" พี่นุ้ยคงเห็นว่าผมเพิ่งยกข้าวต้มขึ้นไปเมื่อกี่นาทีก่อนหน้านี้เอง เลยสงสัยว่ายกกลับลงมาทำไมอีก

"ยอมครับ แต่เค้าไม่อยากทานข้าวต้ม อยากทานข้าวผัดหมู" พี่นุ้ยคงจะแปลกใจเหมือนกับผมนั่นแหละครับ ถ้าอยากกินอย่างอื่นก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก มาบอกทำไมตอนที่เค้าอุ่นแล้วยกขึ้นไปให้แล้วทำไม

"เดี๋ยวพี่ทำให้ค่ะ คุณขิงไปดูนายหัวเถอะ" พี่นุ้ยคงจะสงสารที่ผมขึ้นลงๆหลายครั้งแล้วเลยอาสาทำให้

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเองดีกว่า นายหัวของพี่นุ้ยคงอยากทานฝีมือผมน่ะครับ" พอตอบออกไปแบบนั้นปุ๊บ พี่นุ้ยก็ทำท่าเหมือนถูกผีหลอกปั๊บ แบบว่าไม่น่าเชื่ออะไรประมาณนี้

"แปลก!! ปกตินายหัวจะไม่ยอมทานกับข้าวฝีมือใครง่ายๆ"

"อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ" จริงครับ ผมจะไปรู้กับเจ้าตัวเค้าได้ยังไง? บอกมาตามนี้ ผมก็ทำตามนี้แหละครับ ขัดใจไปเดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียใส่อีก

"แล้วคุณขิงทำเป็นเหรอคะ?" พี่นุ้ยถามอย่างแปลกใจ แล้วก็เป็นห่วงว่าผมจะทำครัวไหม้มั้งครับ อิอิ

"คงเป็นอยู่มั้งครับ เคยลองทำกินอยู่ครั้งสองครั้งตอนอยู่ที่บ้านครับ" ไม่ต้องตกใจไปครับพี่นุ้ย เห็นไม่ได้เข้าครัวบ่อยแบบนี้ ผมมีพรสวรรค์อยู่นะ แต่ไม่ค่อยได้ใช้มันแค่นั้นเอง?????

"แน่ใจนะคะว่าทำได้ หรือจะให้พี่ทำ นายหัวไม่รู้หรอกค่ะ" นายหัวพี่นุ้ยไม่ใช่เด็กอนุบาลนะครับ ที่จะได้จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะรสมือมันไม่เหมือนกันสักหน่อย ขืนให้พี่นุ้ยทำ ผมน่ะสิที่จะถูกเหวี่ยงใส่

"นุ้ย!! มานี่หน่อย" เห็นไหม เสียงเรียกตามมาแล้วนั่น พูดยังไม่ทันขาดคำ

"ค่ะนายหัว"

"สงสัยคุณขิงคงต้องทำเองแล้วค่ะ พี่ไปหานายหัวก่อนนะคะ สู้ๆค่ะ" พี่นุ้ยชู่กำปั้นแล้วบอกว่าสู้ๆ

"ขอบคุณครับพี่นุ้ย" ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าผมเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา ดังนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับเรื่องทำอาหาร ถึงไม่ได้ถนัดอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ เพราะสมัยมัธยมผมเคยขอแม่สอนอยู่บ่อยๆ เข้าไปช่วยแม่กับพี่ขิมบ้างเป็นบางครั้ง ทำให้พอได้วิชาติดตัวมาบ้าง แต่ไม่ได้ทำนานแล้วกลัววิชาที่ติดตัวมาสนิมมันจะขึ้นนะสิ

"ก่อนอื่นต้องหาวัตถุดิบก่อน หมูน่าจะอยู่ในช่องฟรีซในตู้เย็น แล้วก็ผักคะน้า" ผมเดินไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ในห้องครัว แล้วก็ก้มๆเงยๆหาวัตถุดิบที่ใช้ทำ นึกไปนึกมาชีวิตเราก็ค่อนข้างคล้ายอีเย็นเรื่องนางทาสเหมือนกันนะ คิดตลกๆเล่นๆจะได้ไม่เครียด จากนั้นก็เอามาวางบนโต๊ะแล้วหั่นใส่ถ้วยไว้ทีละอย่างๆ เริ่มตั้งแต่หั่นหมู ส่วนผักคะน้านั่นต้องเอาไปแช่เบคกิ้งโซดาไว้ก่อน สมัยนี้สารพิษมันเยอะ

ตอนนี้คะน้ากับหอมหัวใหญ่หั่นเสร็จแล้ว แต่กว่าจะเสร็จก็ได้ตั้งหลายแผลแหนะ คงห่างการเข้าครัวนานไปหน่อย เลยเงอะๆงะๆจนได้เลือดแบบนี้

"ว้ายคุณขิง ร้องไห้ทำไมคะ?"

"เปล่าครับพี่นุ้ย พอดีหั่นหอมหัวใหญ่แล้วมันแสบตาน่ะครับ" ผมเดินไปล้างมือแล้วหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตา แต่เหมือนยิ่งเช็ดยิ่งแสบมาขึ้นนะ เพราะผมเผลอขยี้มันด้วย น้ำตาไหลพรากๆเลย

"พี่บอกเคล็ดลับให้เอาไหมคะ?"

"ครับ" ผมพยักหน้าเบาแล้วเอาทิชชู่เป็นที่เช็ดแล้วไปทิ้ง

"ก่อนหั่นเราต้องแบ่งมันออกเป็นสองส่วนก่อน แล้วเอาไปแช่ไว้ในน้ำเกลือสักพัก แล้วค่อยเอาไปล้าง มันจะช่วยไม่ให้แสบตาเวลาหั่นได้ค่ะ" พี่นุ้ยบอกช้าไปละครับ เหอะๆๆ

"ขอบคุณครับพี่นุ้ย ผมจะจำไว้ครับ เผื่อครั้งหน้าได้ทำอีก" ผมบอกไว้ก่อนเผื่อเจ้านายพี่นุ้ยนึกครื้มฟ้าครื้มฝนอยากทานฝีมือผมอีกไง

"นุ้ยบอกเค้าว่าชั้นหิวแล้ว เร็วๆ" แหมเร่งอยู่ได้ ไม่มาทำเองเลยล่ะ มีดก็ปาดมือ แสบตาก็แสบอีก

"ค่ะ!!"

"ปกติไม่เห็นนายหัวอยากทานข้าวอะไรแบบนี้เลย ทานแต่เหล้า วันนี้นึกครึ้มฟ้าครื้มฝนอะไรไม่รู้นะคะ อยากทานฝีมือคุณขิงด้วย"

"ดีแล้วล่ะครับพี่เค้ายอมทาน"

"ค่ะ พี่ว่ารีบๆ ทำเถอะค่ะ เดี๋ยวนายหัวเธอจะส่งเสียงเรียกอีก" ผมก็ว่างั้นแหละครับ

"แก๊สนี่เปิดยังไงครับพี่นุ้ย?" ผมหันไปถามพี่นุ้นเพราะแก๊สแบบนี้ผมใช้ไม่เป็น มีปุ่มอะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด สรุปคือมันไฮโซกว่าที่บ้านผมนั่นแหละครับ

"หมุนแบบนี้ค่ะ ให้มันมาอยู่ตรงกลางนี่ก็พอ ไฟจะได้ไม่แรงจนเกินไป" ผมก็พยักหน้าแล้วรีบเอามันใส่สมองทันที เผื่อวันดีคืนดีจะได้ใช้มันอีก

"โอเคครับ ทีนี้ก็ใส่กระเทียมก่อนใช่ไหมครับ?" เคยทำนะแต่นานมาแล้ว แล้วก็ไม่ได้ทำอีกเลย มันก็ต้องมีลืมกันบ้างสิเนอะ

"ค่ะ พอมันเหลืองแล้วก็เอาหอมหัวใหญ่ใส่ลงไปคั่วต่อได้เลยนะคะ" ผมพยักหน้างึกหงักแล้วทำตามคำสั่งพี่นุ้ย

"นุ้ยมานวดให้ชั้นหน่อย!!"

"พี่ไปก่อนนะคะ วันนี้ไม่รู้นายหัวเป็นอะไร เรียกใช้พี่บ๊อยบ่อย" จะเป็นอะไรล่ะครับพี่นุ้ย ก็คงอยากแกล้งผมนี่แหละครับ ที่เรียกไปแบบนี้คงไม่อยากให้มาช่วยผมอีกนั่นแหละ นิสัยเด็กจริงๆ นายหัวของพี่นุ้ย

กว่าจะออกมาเป็นข้าวผัดหมู เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะสำหรับผม ทั้งมีดบาด ทั้งแสบตา ทั้งน้ำมันกระเด็นใส่ แต่ดีนะข้าวไม่ไหม้ ไม่งั้นคงโดนด่าแล้วเททิ้งถังขยะแน่ๆ สีสวย หน้าตาหน้าก็น่ากินอยู่นะ แต่รสชาติจะถูกปากคุณครามไหม อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อกี้ผมแอบชิมแล้วนะ อร่อยใช้ได้อยู่ ไม่เสียแรงที่ไปกวนแม่กับพี่ขิมในครัวบ่อยๆ อิอิ ต่อไปก็ตักใส่จาน แล้วหั่นแตงกว่ากับต้นหอมใส่เป็นเครื่องเคียงก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว



"หน้าตาน่ากินดีนิ" ได้ยินคำชมแบบนี้ค่อยมีกำลังใจขึ้นหน่อย แต่ยังแอบหวั่นว่ารสชาติจะถูกปากไหม ถ้าหน้าตาน่ากิน แต่รสชาติแย่ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะผมว่า

"เพล้ง!!! / ว้าย!!" เสียงจานข้าวผัดตกลงบนพื้น พร้อมๆกับเสียงตกใจของพี่นุ้ย ส่วนผมก็ได้แต่อึ้งๆ พูดไม่ออก

"โทษที กล้ามเนื้อมันยังไม่ชิน" นี่ไงที่ผมบอกว่าตาขวากระตุก พูดออกมาได้ไงว่ากล้ามเนื้อมันยังไม่ชิน ผมว่าเค้าตั้งใจทำมากกว่า ถึงว่าบอกให้ผมทำกับข้าวให้กิน ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ชอบทานฝีมือคนอื่นอยู่แล้ว แถมตอนสั่งยังทำหน้าทำตาแปลกๆอีก ผมน่าจะเอ๊ะใจตั้งแต่แรกนะ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเค้าจะทำถึงขนาดนี้ เหนื่อยกับคนป่วยผมไม่ว่า แต่ถ้าทำแบบนี้อีก ผมก็ท้อเป็น เหนื่อยเป็น โมโหเป็นเหมือนกันนะ

"นี่คุณแกล้งผมใช่ไหมครับ?" ผมพยายามท่องขันติในใจแล้วถามออกไปอย่างใจเย็น ทั้งๆที่อยากจะระเบิดออกไปให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย

"ใครว่าชั้นแกล้ง นายก็น่าจะเข้าใจว่ากล้ามเนื้อผู้ป่วยมันไม่ค่อยได้ใช้งาน มันอ่อนแรง" ผมมองหน้าเค้าอย่างระงับอารมณ์ ถึงปากเค้าจะบอกว่าขอโทษแต่น้ำเสียงกับสีหน้าเค้าไม่ได้บอกเลยว่าสำนึกผิด มันยิ่งทำให้ผมเสียความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกแหะ อุตส่าห์ตั้งใจทำจนเจ็บตัว แต่กลับทำแบบนี้

"คุณบาดเจ็บที่ขานะครับคุณคราม ไม่ใช่แขน แล้วอีกอย่างผมก็ยังเห็นคุณใช้มือหยิบจับได้ตามปกติ ไม่เห็นมีอาการอย่างที่คุณว่าเลยสักนิด" ผมมองเค้าอย่างเอาเรื่อง

"โอเค๊!! ชั้นแกล้งนายเอง จะทำไม? ไม่พอใจก็ลาออกไปสิ" อ้อที่ทำแบบนี้เพราะว่าต้องการบีบให้ผมลาออกงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ ถ้าผมจะลาออกก็ไม่ใช่เพราะวิธีเด็กเล่นแบบนี้ ผมพูดกับตัวเองในใจ

"คุณมันเป็นคนนิสัยเสีย นิสัยแย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา" ผมเดินออกจากห้องนั้นมาสงบสติอารมณ์ตัวเองข้างนอก ถ้าขืนอยู่ในนั้นผมต้องกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนแน่ๆ

"คุณขิง คุณขิงคะ" ได้ยินเสียงพี่นุ้ยเรียกตามมาอยู่นะครับ แต่วินาทีนี้ผมไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้วครับ เดินจ้ำมาถึงในห้องแล้วปิดประตูห้อง ไม่คิดเลยว่าคนที่โตแล้วอย่างคุณครามจะทำนิสัยเป็นเด็กแบบนี้ นี่คงเอาคืนที่ผมว่าไปเมื่อตอนเช้าสินะ



"ฮัลโหลครับ" ผมรับสายตามอารมณ์ที่กำลังร้อนอยู่ ไม่ได้ดูหรอกครับว่าใครโทรมา ปกติผมเป็นคนใจเย็นนะ แต่ไม่รู้ทำไมพออยู่ใกล้คนๆนี้ถึงได้อารมณ์ร้อนตามไปด้วยก็ไม่รู้

"ทำไมถึงทำเสียงแบบนั้นครับ?" ผมคงหงุดหงิดจนพาลใส่อารมณ์มากไปหน่อย คิดแล้วสงสารเจแหะ

"ขอโทษนะเจ แต่ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องงานนิดหน่อยน่ะ" ใจจริงอยากบอกนะว่าเข้ากับเจ้านายคนใหม่ไม่ค่อยได้นะ แต่กลัวเจเป็นห่วง

"อื้ม มีอะไรก็บอกเจได้นะ เจเป็นห่วง" นั่นไงพึ่งคิดไปเมื่อกี้เอง ดีแล้วล่ะที่ไม่ได้บอก

"ครับ แล้วเจล่ะเป็นไงบ้าง สบายดีไหม?"

"ก็เรื่อยๆครับ ร่างกายสบายดี แต่หัวใจนี่สิไม่ดี คิดถึงขิงอยู่ตลอดเวลาเลย" ผมเผลอหลุดยิ้มออกมา ก็รู้นะว่าเจเป็นคนปากหวาน แต่มันก็เขินนะเวลาที่ได้ยินแบบนี้ ไม่ชินสักที

"ปากหวานเนอะ" ผมพูดแก้เขินออกไป

"ก็มันจริงนี่หน่า คิดถึงจนจะทนไม่ไหวแล้ว นี่ขิงเพิ่งไปอาทิตย์เดียวเอง แล้วต่อไปเจจะทนไหวไหมเนี๊ยะ?" เสียงเจงอแง

"ทนเอานะ ถ้าเค้าอาการดีขี้นแล้ว ขิงจะขอลากลับไปหาเจนะ" ใช่ว่าเจจะคิดถึงผมคนเดียว ผมก็คิดถึงเค้าเหมือนกัน คนมันเคยเจอ เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน พอไม่ได้เจอกันแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึง

"ครับ......เห้ออออ อยากกอดขิงจัง" ใครที่ต้องอยู่ห่างแฟนแบบนี้คงเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง แม้ว่าจะได้ยินเสียงแต่ความรู้สึกมันไม่พอหรอกครับ เคยเป็นไหม?

"คิดถึงกันมากไหม?" ผมถามไปงั้นแหละ แต่ก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างคิดถึงกันมากแค่ไหน

"มากครับ แล้วขิงล่ะคิดถึงเจบ้างไหม?"

"คิดถึงสิ แฟนทั้งคน"

"ฮ้าาาา ชื่นใจ แฟนบอกคิดถึง มีแรงทำงานต่อแล้วเรา" ได้ยินเสียงเจก้องๆ คงออกมาเข้าห้องน้ำ ขนาดอยู่ในห้องน้ำยังมีอารมณ์อ้อนเนอะคนเรา

"เวอร์อะ หึๆๆๆ"

"หัวเราะได้แบบนี้ อารมณ์ดีขึ้นแล้วสิ" เจถาม

"อื้ม ขอบใจนะเจ" พอได้ยินเสียงเจแบบนี้แล้วค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เห้ออออ เหนื่อย!!! จะอดทนได้อีกนานแค่ไหนเนี๊ยะขิง คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงพี่ขุนพี่ขิม

"ยินดีครับ แล้วกับเจ้านายใหม่เป็นไงบ้าง?" ก็นี่แหละที่เป็นต้นเหตุทำให้อารมณ์เสียแบบนี้

"ก็....ดีมั้ง บอกไม่ถูก"

"แล้วเค้าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ?" เจเป็นคนแบบนี้แหละครับ จะหวงทุกอย่างที่เป็นผม แต่ผมไม่ได้รู้สึกแย่หรืออึดอัดหรอกนะ เวลาจะออกไปไหนกับใครเจก็ถามแบบนี้ตลอด ขนาดบอกว่าไปกับพี่ๆที่ทำงานก็ยังไม่วายถามแบบนี้เลย

"ผู้ชาย"

"หนุ่มหรือแก่ครับ?"

"ยังหนุ่มอยู่ อายุน่าจะสักประมาณ 30 กว่าๆนี่แหละ" ผมตอบไปตามความจริง

"แล้วหล่อไหม หรือว่าเจหล่อกว่า?"

"อืมมมมมมม ถามทำไมเหรอ? หึงรึไง?" ผมแกล้งลากเสียงเหมือนกำลังคิดหนัก ทำให้คนปลายสายเริ่มฮึดฮัดเล็กน้อย

"หึงสิ หวงด้วย ไม่อยากให้เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำถ้าเป็นไปได้" พอละไม่แกล้งแล้วครับ สงสารเจ ผมนี่ก็โรคจิตเนอะ รู้ว่าแฟนตัวเองขี้หึง ขี้หวงก็ยังชอบทำให้แฟนหึงแล้วก็หวงบ่อยๆ

"อย่าหึงเลย เค้าเป็นผู้ป่วย จะทำอะไรขิงได้" นอกจากเป็นผู้ป่วยทางกายแล้ว ยังเป็นผู้ป่วยทางจิตด้วย ผมแอบนินทาในใจ

"ไม่รู้สิ กลัวคนไข้ของขิงจะหล่อกว่าเจ แล้วขิงแอบปันใจให้พราะความใกล้ชิดไง ถ้าเป็นแบบนั้นเจคงแย่" ผมก็คิดแบบเดียวกับเจแหละครับ ความห่างไกลทำให้ใจห่าง พอเกิดเป็นช่องว่างก็ไม่ทันแล้ว

"ไม่เป็นแบบนั้นหรอกหน่า เชื่อใจขิงดิ อีกอย่างเค้าก็เป็นผู้ชายแท้ๆด้วย" ผมยืนยันกับเจ

"กลัวจะเป็นแมนๆ เตะบอลครัชน่ะสิ ขิงของเจยิ่งน่ารักน้อยเสียที่ไหน" เจชอบพูดแบบนี้ตลอด ถ้าน่ารักต้องแบบคีย์โน้น แต่เจก็ชอบบอกว่า คีย์น่ารักหวานๆ แต่ขิงน่ารักแบบเด็กผู้ชายไง ผมก็เลยหัวเราะกับคำอธิบายของเจไง ช่างสรรหาคำมาชมแฟนตัวเองได้ตลอด

"ก๊อกๆๆ คุณขิงคะ คุณครามให้มาตามค่ะ" เวลาของซินเดอเรล่าคงใกล้หมดลงแล้วครับ เพราะอสูรกำลังให้คนรับใช้มาตามแล้ว

"โอเคครับพี่นุ้ย เดี๋ยวผมลงไปครับ"

"งั้นขิงวางก่อนนะเจ เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกัน" ยังไม่อยากวางเลยอะ เพิ่งคุยกันได้แป๊บเดียวเอง แต่หน้าที่ต้องมาก่อน จะหลีกเหลี่ยงก็คงไม่ได้

"บายครับที่รัก"

"บายครับ" ผมวางสายจากเจแล้วเดินไปที่ห้องคุณคราม ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่นุ้ยจะเก็บกวาดห้องเสร็จแล้วหรือยัง  เสียดายเนอะ ข้าวผัดหมูตั้งจานหนึ่ง วัตถุดิบก็ดีๆทั้งนั้น ถ้าให้คนที่เค้ารู้จักคุณค่าของมัน คงจะดีกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละนะ คนที่มีโอกาสกับคนที่ไม่มีโอกาสได้รับสิ่งเหล่านี้มันไม่เหมือนกัน แล้วก็รู้คุณค่าไม่เหมือนกัน



...............








....................................................... TO BE CON >>>













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2015 17:34:47 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้าเพิ่มบทบรรยายเล็กๆน้อยๆระหว่างประโยคคำพูดน่าจะอ่านรื่นกว่านี้นะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ปล.ขิงมีแฟนอยู่แล้ว...ทีนี้จะทำยังไงล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อ่านแล้วสนุกดีค่ะ แต่ขอบรรยายประโยคเพิ่มตามเม้นแรกจะฟินมากค่ะ เป็นกำลังใจค่ะ  :L2:
รออ่านครามจะแกล้งอะไรน้องจิงอีกนะ  :impress2:

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1



@sirin_chadada & PFlove  : บทบรรยายเล็กๆน้อยๆยังไงอะตัวเอง เค้าแต่งใหม่ยังไม่เข้าใจอะ?แต่ก็ขอบคุณตัวเองนะที่มาบอก ยังไงเค้าจะไปศึกษาแล้วก็เอาไปปรับปรุงเนอะขอบคุณจ้าที่มาติดตามแล้วก็ให้กำลังใจ

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
เขาก็แต่งไม่เก่งหรอก แต่มีบรรยายตรงคำพูดนิดหนึ่ง บรรยายกิริยาอาการ หรือบรรยายความรู้สึกที่พูดประโยคนั้นออกนั้น เราเข้าใจอย่างนั้นนะ โครงเรื่องน่าอ่านอยู่แล้วจร๊า เพิ่มอีกนิดเดียว  :z13:

รอติดตามตอนต่อไป  :3123: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เจก็ออกจะรักขิง

ที่จะแยกกันเพราะขิงดันรักครามไปแล้วหรือยังไง @ @

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 :katai2-1:  เอ๊ะ ยังไง คีย์ชอบหมอตั้นใช่ไหม แต่หมอตั้นดูท่าจะเจ้าชู้นะ

อยู่ด้วยกันแบบนี้ ขิงคงหลงรักครามแน่ๆเลย  :mew2:

ออฟไลน์ Satang_P

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ว๊าวๆ มาลงนี้แล้วดีใจจัง รออ่านคะ :L2:

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

มาเมาท์กันเถอะ :)

@suikajang : แสดงว่าอ่านที่อื่นมาแล้วสินะ ขอบคุณครับที่มาติดตามที่นี่ด้วย ส่วนตอนนี้เค้า กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงแก้ไขบทอยู่อะตัวเอง ยังไงก็รอนิดนึงนะ จุ๊บๆ

@PFlove : เค้าไม่บอกตัวหรอก เดี๋ยวมันจะดูไม่น่าติดตาม นิยายสนุกมันต้องดูลึกลับซับซ้อนนะตะเอง พีเอฟเลิฟ

@BlueCherries : ติดตามต่อไปนะเชอรี่สีฟ้า เชื่อเค้าสิเฉลยตอนนี้ไม่หนุกหรอก สู้ปูเสื่อรออ่านต่อไปมันฟินกว่านะ 555555

@Satang_P : ขอบคุณนะพ่อคนรวยที่มาให้กำลังใจ (ชื่อสตางค์แสดงว่าเป็นคนมีเงิน :)



ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชื่อเรื่องแปลกดีค่ะ เนื้อเรื่องน่าสนใจ น่าลุ้นมากค่ะว่าจะรักกันยังไง o13
ส่วนนิยายภาษายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่เนอะ แต่ของแบบนี้มันอยู่ที่การฝึกฝน เขียนต่อไปเรื่อยๆเดี๋ยวดีเอง หานิยายดีๆอ่านเยอะๆ จะช่วยได้เรื่องการหาถ้อยคำมาเลือกใช้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ประโยคมันสละสลวยขึ้นค่ะ
คำผิดเยอะอยู่นะคะ เป็นสะกดผิดนะ ไม่ใช่พิมพ์ผิด อันนี้การอ่านเยอะๆก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ
"น่าเกลียด" "รังเกียจ" เขียนแบบนี้นะคะ ที่อ่านผ่านมามีผิดอยู่ จำไม่ได้ว่าบทไหน
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ รออ่านตอนต่อไปค่ะ :bye2:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบค่ะ สู้ๆนะคนเขียน ติดตามอยู่นะคะ  :mew3:

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 :3123: เข้ามาให้กำลังใจค่ะ น่าอ่านค่ะ น่ารักมากเลยขิมเขินครามได้น่ารักมากเลย  :mew4:

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เข้ามาให้กำลังใจเรื่องนนี้หน้าอ่านมาก แต่ติดที่นายเอกดูมีพันธะอ่ะคงลำบากแน่

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

เค้าขอลบตอนที่ 4-7 ออกก่อนนะตัวเอง จะเอากลับแก้ เพราะดูมันเว้าๆแหว่งๆยังไงไม่รู้ เหมือนที่ตัวเองว่า จริงๆแหละ  แต่จะรีบกลับมาพร้อมกับตอนที่ 8 นะจ๊ะ

จะพยายามปรับปรุงแก้ไขให้เต็มที่แต่ก็ไม่รู้จะดีรึเปล่านะ ? เป็นกำลังใจให้หน่อยน้า  (ยากเนอะแต่งนิยาย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2015 17:38:00 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
นายหัวนี่ดูท่าว่าจะระแวงคนอื่นๆไปซะหมดนะ

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1


อันดามัน...ซ่อนรัก
ตอนที่ 4


หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทั้งผมและเค้าก็ยังทำตัวตามปกติ เคยดูแลเค้ายังไงผมก็ทำอย่างนั้น ส่วนเค้าก็ดูเหมือนว่าจะทำตัวดีขึ้นนะ แต่บางครั้งก็กลับมาทำตัวร้ายๆเหมือนเดิม จะบอกว่าไงดี สรุปคือเค้าทำตัวดีขึ้นนั่นแหละครับ ส่วนวันนั้นที่ถูกเรียกเข้าไปก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ อย่าคิดว่าคนอย่างเค้าจะเอ่ยคำขอโทษออกมาเชียว ไปถึงก็เห็นหน้าทำหน้าตาปกติ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดอะขึ้น แล้วบอกว่าหิวข้าว ให้ไปเอาข้าวผัดแบบเมื่อกี้มาให้หน่อย ผมไม่เข้าใจเค้าเลยจริงๆว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่ก็ยอมไปเอามาให้แหละนะ เพราะมันคือหน้าที่ ส่วนเรื่องขอโทษหรือไม่ขอโทษ ผมก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจแล้วล่ะครับ เพราะถึงยังไงเค้าก็เป็นพี่ชายคีย์ แถมยังเป็นเจ้านายอีก แล้วผมจะมีสิทธิ์อะไรไปโกรธเค้าล่ะ ในเมื่อเค้าทำตัวเป็นปกติ  ไม่ร้ายขึ้น ผมก็ว่าดีแล้วครับ

"ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ชั้นจะเข้าห้องน้ำ มาช่วยพยุงหน่อย!!" เสียงทุ้มๆ ติดกระด้างตะโกนออกมาจากในห้อง

"คุณครามจะเข้าห้องน้ำเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมเรียกตาแช่มให้ช่วยก่อนนะครับ" ที่บอกไปแบบนั้นเพราะตัวเค้าใหญ่ขนาดนี้ แล้วคิดเหรอว่าผมจะแบกไหว กลัวพยุงไปพยุงมาแล้วพากันล้มจนบาดเจ็บขึ้นมาอีกน่ะสิ

"ไม่ต้องเรียก นายเป็นคนดูแลชั้น แค่นี้ก็ทำไม่ไหวรึไง?"

"ไหวครับ" ผมตอบแล้วพยายามพยุงเขาลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ดูเหมือนเค้าจะรู้ว่าตัวเค้าเองหนักเกินไปสำหรับผม เลยไม่ได้ทิ้งน้ำหนักมาหมด แล้วช่วยพยุงตัวเองอีกแรง

"คุณหมอบอกว่า ขาของคุณก็ดีขึ้นบ้างแล้ว เพราะแผลเข้าที่ได้เร็ว ดังนั้นคุณก็ควรหัดใช้กำลังขาบ้างนะครับ จะได้ไม่เป็นกล้ามเนื้อลีบ" ผมพูดกับเค้าขณะที่พวกเราลุกขึ้นจากเตียงได้แล้ว แล้วก็กำลังจะเดินไปห้องน้ำ

"รู้จักไอ้หมอมันแล้วสินะ?"

"ครับ"

" ก็ดี!! แต่จะทำอะไรก็รักษาหน้าชั้นกับคุณแม่ไว้บ้างนะ" ผมจ้องหน้าเค้าอยู่ครู่หนึ่ง อยากรู้จริงๆว่าเค้าคิดยังไงกันแน่ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย

"หมายความว่ายังไงครับ?"

"ไม่น่าเชื่อนะว่าจะต้องแปลไทยเป็นไทยให้ฟัง"

"พูดมาตรงๆเถอะครับ ผมเองคิดไม่ออกจริงๆว่าคุณต้องการสื่ออะไร?

"หน้าที่นายตอนนี้คือดูแลชั้น เรื่องอื่นเอาไว้เสร็จงานแล้วค่อยทำ เพราะชั้นไม่อยากให้มีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้นภายในบ้าน หวังว่านายคงเข้าใจ"

"ครับ ผมเข้าใจว่าหน้าที่ของผมคืออะไร ว่าแต่คุณเองเถอะครับรู้หน้าที่ของตัวเองรึเปล่าว่าต้องทำยังไงให้ตัวเองกลับมาเดินได้ตามปกติ ไม่ใช่เอาแต่กินเหล้าเมาแบบนี้"

"แล้วยังไง?" เค้ายักไหล่ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของผม

"ไม่ยังไงหรอกครับ ผมแค่นึกถึงคนงานอีกไม่รู้กี่ร้อยชีวิตของคุณ ที่อีกไม่นานก็คงอดตาย ถ้าเกิดว่าคุณยังเป็นนายหัวขี้เมาอยู่แบบ" ผมไม่คิดเลยครับว่าตัวเองจะพูดอะไรยาวๆแบบนี้เป็นกับเค้าด้วย แถมแต่ละคำยังแสบทรวงจนเค้าจ้องผมแล้วจ้องผมอีก แต่ก็ช่างเถอะครับ ทีเค้ายังว่าผมเรื่องคุณหมอได้เลย ทั้งที่มันไม่เป็นความจริงเลยสักนิด

"ดูเหมือนนายจะมั่นใจเหลือเกินนะว่าทำให้ชั้นกลับมาเดินได้" เค้าถามแล้วแสยะยิ้มมุมปาก

"แน่นอนครับ เป็นหนักกว่าคุณผมก็ช่วยทำให้กลับมาเดินได้แล้ว แต่มันก็ขึ้นอยู่กับคุณนะครับว่าให้ความร่วมมือดีแค่ไหน?" 

"ก็ดี..งั้นเรามาทำสัญญากันไว้ก่อนไหมล่ะ ถ้านายทำให้ชั้นเดินได้ภายในเวลาหกเดือนนี้ ชั้นจะให้เงินเดือนนายเพิ่มเป็นสองเท่า พร้อมเงินสดอีกล้านนึงสำหรับความพยายามของนาย แต่ถ้าไม่ได้ก็เชิญออกไปจากที่นี่ได้เลย ตกลงไหม?" เค้าคงจะมั่นใจว่าผมไม่มีทางทำได้อย่างที่พูดถึงยอมเสียเงินมากมายขนาดนี้ แต่ก็นะถ้าผมไม่มั่นใจผมคงไม่พูดออกไปแบบนั้นหรอก เชื่อผมสิ

"โอเคครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยไหมครับ?" ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดแล้วครับ จะได้เริ่มกันสักที เพราะเราเสียเวลามาเยอะแล้ว

"ก็ดี ชั้นไม่ชอบคนที่ชอบคุยโว อวดอ้างสรรพคุณตัวเอง" ผมว่าทำงานกับคุณครามเหมือนได้ทำควิซทุกวันนะ เพราะแต่ละวันก็จะมีปัญหา มีการทดสอบหลายๆอย่างแตกต่างกันไป บางวันก็เป็นการทดสอบความอดทน ทดสอบความใจเย็น แต่ผมว่าอดทนและใจเย็นอย่างเดียวคงจะไม่พอหรอก คงต้องเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลกถึงจะพอ คนอะไรขยันหาเรื่องคนอื่นได้ทุกวัน

"เดี๋ยวผมให้คุณนั่งชักโครกนะครับ คุณจะได้จัดการธุระของคุณได้ตามสะดวก ถ้าเสร็จแล้วตะโกนเรียกผมนะครับ อื๊บ!!" หนัก!! บอกเลย

"โอ๊ะ!! ขอโทษครับ"

"ถ้าคิดจะอ่อยชั้น ขอบอกว่ามันไม่ได้ผล" แค่ล้มหน้ากระแทกอกเอง มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้ตั้งสักหน่อย ใครเค้าคิดจะอ่อยคุณกัน

"ผมก็ไม่คิดจะอ่อยคนแบบคุณหรอกครับ รับรองได้" 

"คนแบบชั้นมันทำไม?" เสียงถามสะบัดไม่พอใจ

"อย่าสนใจเลยครับ เอาเป็นว่าผมขอโทษที่ว่าคุณไปเมื่อกี้แล้วกันนะครับ คุณจะได้ทำธุระส่วนตัวของคุณให้เสร็จ แล้วเราจะได้เริ่มกันสักที" ผมเหนื่อยแล้วครับ เถียงกันไปก็เท่านั้น

"ไม่!! นายต้องบอกมาก่อนว่าคนอย่างชั้นมันทำไม ไม่งั้นก็ไม่ต้องออกไป" จะบ้ารึไง ให้มาเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องในห้องน้ำแบบนี้เนี๊ยะนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมกับเค้ามองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายหลบสายตา แล้วเดินออกไปก่อน

"เดี๋ยว!! กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน"

"คุณนี่มันชอบเอาแต่ใจตัวเองจริงๆนะครับ พอไม่ได้ดั่งใจก็เอ๊ะอะโวยวาย แบบนี้ไงครับคนแบบคุณ ได้คำตอบแล้วก็ทำธุระของคุณได้แล้วใช่ไหมครับ?"  ผมเห็นเค้ากัดเขี้ยวกัดฟัน คงจะโกรธผมน่าดู แต่ใครจะสนกัน ก็อยากฟังเองนี่หน่า

"อื้ม นายออกไปได้ละ แล้วก็ปิดประตูให้ชั้นด้วย" เห็นไหม๊พอพูดตรงๆออกไปก็ทำท่าไม่พอใจอีก เอาใจยากนะว่าไหม๊?



"นี่นาย เข้ามาได้แล้วชั้นทำธุระเสร็จแล้ว"

"คราวหลังก็เรียกชื่อผมนะครับ ผมจะได้รีบมา"

"อื้ม แล้วชื่ออะไร?"

"ขิงครับ" จำได้ว่าครั้งที่แล้วก็แนะนำตัวไป มัวแต่อาละวาดใส่คนอื่นน่ะสิเลยจำไม่ได้

"พยุงไปเกาะที่ราวข้างอ่างล้างหน้าหน่อย จะล้างหน้าแปรงฟัน"

"คุณ!! ช่วยอย่าทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งหมดได้ไหมครับ ผมอยากให้คุณใช้กำลังขาคุณบ้าง ขาจะได้มีแรง ถ้าไม่ลองหัดเดิน หัดใช้กำลังขา แล้วเมื่อไหร่คุณจะเดินได้ครับ"

"อื้ม"

"จับราวให้แน่นๆนะครับ" ผมปล่อยให้เค้ายืนจับราวเอง โดยที่มีผมคอยพยุงไว้เล็กน้อย เค้าจะได้ลองรับน้ำหนักตัวเองดูว่าไหวไหม

"ใครโกนหนวดชั้น????" เค้าหันมาถามเสียงเย็น ดูก็รู้ว่าคงโกรธมากจริงๆ

"ผะ...ผมเองครับ" ผมตอบเสียงเบา เพราะรู้ว่าตัวเองคงหวังดีเกินไปเอง

"ยุ่ง!! ออกไปได้ละ ชั้นจะอาบน้ำ"

"แล้วคุณจะอาบยังไงครับ? หรือจะให้ลุงแช่มมาช่วยครับ?" ที่ถามก็เพราะลุงแช่มบอกว่าปกติถ้าเมาไม่มากก็จะแค่เช็ดตัว แต่ถ้าวันไหนทั้งเมาทั้งอ๊วกก็ต้องลากมาอาบกันอย่างทุลักทุเล

"ชั้นอาบได้ มันมีเก้าอี้อยู่ด้านนอก ไปหยิบมาสิ"

"แน่ใจนะครับ? หรือว่าจะให้ผมช่วย?"

"ไม่ต้อง ชั้นอาบเองได้"

"ครับ" ผมออกไปเอาเก้าอี้แบบพับที่อยู่ด้านนอกเข้ามา คิดไม่ออกจริงๆครับว่าเค้าจะอาบยังไงทั้งที่ขาก็ไม่ดีอย่างนี้ คนช่วยก็ไม่มี

"เอามาวางข้างอ่างอาบน้ำ ถ้าเสร็จแล้วจะเรียก" พอเข้าใจแล้วล่ะครับว่าเขาจะอาบยังไง เลยเข้าไปพยุงเค้ามานั่งที่เก้าอี้ เพราะอีกเดี๋ยวเค้าก็คงเปิดฝักบัวบังอาบเอง ส่วนครีมอาบน้ำก็วางอยู่ใกล้ๆอ่างเค้าคงหยิบเองได้






..................................

หลังจากโทรหาที่บ้านเสร็จ ผมก็คุยกับเจจนดึก แล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน จนตอนนี้เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ผมก็ยังข่มตานอนไม่ลง เพราะมัวคิดถึงแต่เรื่องเมื่อตอนบ่าย เป็นเพราะความหวังดีของผมเองแท้ๆ ทำให้เค้าโกรธจนไม่พูดกับผมอีกเลยหลังจากอาบน้ำเสร็จ ทานข้าวเย็นก็ไม่พูด กลับเป็นผมซะอีกที่พูดกับเค้าอยู่คนเดียว โดยที่เค้าไม่ตอบผมเลยสักคำ จากที่คิดว่าจะขอโทษ ก็เลยกลายเป็นไม่กล้าไปเลย ไม่คิดว่าเค้าจะโกรธขนาดนี้ ปกติเจอแต่โหมดเจ้าอารมณ์ แต่พอเจอโหมดนี้ไป ผมก็ไปไม่ถูกเหมือนกันนะ

"ตื่นเช้าเลยนะคะคุณขิง?" ใครบอกว่าตื่นเช้าครับ ผมยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องจนนอนไม่หลับ จนต้องหาหนังสือมาอ่านจนถึงเช้านี่แหละ

"แหะๆ มันชินแล้วครับพี่นุ้ย ปกติกว่าจะอาบน้ำ ขับรถไปทำงานอีก ต้องใช้เวลานานครับกับการจราจรกรุงเทพฯ"

"อิอิ จริงด้วยค่ะ"

"คุณขิงรับอะไรดีคะ เช้านี้มีโจ๊กหมู แล้วก็ไส้กรอกกับเบคอนค่ะ?"

"ขอเป็นโจ๊กหมูดีกว่าครับเบาๆ ดี" ขืนทานอะไรหนักๆไป ยิ่งง่วงหนักไปอีกน่ะสิ

"เดี๋ยวพี่ไปตักมาให้ค่ะ รออยู่ที่โต๊ะเลย" ทั้งบ้านนี้ผมสนิทกับพี่นุ้ยที่สุดเพราะได้ช่วยงานแกบ่อย เลยได้คุยกับแกบ่อย ที่เหลือก็ไม่ค่อยได้เจออย่างเช่นลุงแช่มเพราะเห็นพี่นุ้ยบอกว่าออกไปสวนปาล์มบ่อยๆ แล้วก็มีป้าน้อย  คนนี้ยังไม่เคยเจอ

"ขอบคุณครับพี่นุ้ย" ผมเอามือป้องปากแล้วหาวออกมาชุดใหญ่ แทบจะกินดาวกินเดือนได้เลย

"ทานให้เยอะๆนะคะ จะได้มีแรงดูแลนายหัว" ไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอแจ็คพ็อตอะไรอีก ถ้าเจอชุดใหญ่ผมคงสู้ไม่ได้แน่ๆเพราะไม่มีแรงแม้แต่จะเดินเลยตอนนี้ คิดถึงเตียงกับผ้าห่มที่สุด

"ครับ"

"ทานเยอะๆนะคะ พี่ดีใจที่อย่างน้อยทำกับข้าวแล้วยังมีคนกิน"

"อ้าว แล้วปกติไม่มีคนกินเหรอครับ?" ผมถามพาซื่อ

"ก็มีอยู่ค่ะ มีแต่พวกพี่นี่แหละค่ะที่กินกัน นายหัวก็ง่ายๆ กาแฟถ้วยนึงแล้วก็ขนมปัง ส่วนนายหญิงก็อยู่อีกหลังหนึ่ง ถ้านายหญิงเมียนายหัวยังอยู่ก็คงทานนิดเดียว เพราะเธอกลัวอ้วน" เป็นบ้านผมถ้าแม่ทำกับข้าวแล้วไม่มีใครกิน คงมีน้อยใจ ดราม่ากันบ้างแหละเพราะคงคิดว่าทุกคนคงเบื่อกับข้าวฝีมือตัวเองแล้ว แต่ถ้าวันไหนทุกคนฟาดเรียบจนไม่เหลือ วันนั้นคุณนายก็จะยิ้มแก้มปริเลยล่ะ แม่จะจำได้หมดว่าลูกคนไหนชอบทานอะไร ไม่ชอบทานอะไร อย่างพี่ขุนกินได้หมดเพราะพ่อสอนให้กินหมดทุกอย่างที่ขวางหน้ามาตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้พี่ขุนเป็นเด็กอ้วนเหมือนโฆษณาซีอิ้วขาวตราเด็กสมบูรณ์ ดีนะที่โตมาแล้วยืด แล้วก็หุ่นดี ได้พ่อมาเกือบทั้งหมดเลย ส่วนพี่ขิมไม่ชอบกินกระเทียมเจียว บอกว่ากินแล้วเหม็นติดปาก ก็นะผู้หญิงนิเนอะ ส่วนผมจะไม่ชอบกินผักชีที่สุดเลย ถ้ามีคนหั่นผักชีแล้วผมเดินผ่าน เชื่อไหมว่าผมก็จะได้กลิ่นจนต้องวิ่งไปอ๊วกเลยทีเดียว แม่บอกว่าจมูกดีเหมือนจมูกหมา พ่อเลยชอบเรียกผมว่าไอ้ลูกหมา ฮ่าๆๆ

"อ้อครับ แล้วปกตินายหัวของพี่นุ้ยเค้าตื่นกี่โมงครับ?" ผมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วถามพี่นุ้ย

"7 โมงก็ตื่นแล้วค่ะ ตื่นเสร็จก็จะอาบน้ำแต่งตัวครึ่งชั่วโมง แล้วก็ลงมาทานกาแฟขนมปังนิดหน่อย แล้วก็ออกไปทำงานในฟาร์มค่ะ" พี่นุ้ยถามแล้วทำท่าว่าจะตักข้าวต้มให้ผมอีก แต่ผมเบรคไว้ก่อน แกเลยยิ้มแล้วพยักหน้าให้

"แล้วถ้าไม่สบายแบบนี้ล่ะครับ?" ผมเคี้ยวข้าวต้มแล้วกลืนลงคอก่อนจะถามพี่นุ้ย

"ก็เวลาเดิมค่ะ สายสุดก็เจ็ดโมงครึ่ง" อีกสิบห้านาทีจะเจ็ดโมงต้องรีบกินแล้วรีบขึ้นไป ยังไงวันนี้ผมก็ต้องขอโทษเค้าให้ได้ เป็นแบบนี้ไม่ไหวมันอึดอัด ไม่สบายใจ

"งั้นผมขึ้นไปดูคุณครามก่อนนะครับ" เห็นไหมครับพออิ่มมันก็เลยง่วง นี่ขนาดไม่ได้จัดหนักนะ ปกติผมจะกินข้าวเช้าเยอะพอสมควรนะเพราะติดนิสัยตั้งแต่อยู่บ้านแล้ว แม่จะตื่นมานึ่งข้างเหนียวหรือหุงข้าวสวยให้แต่เช้ามืด แล้วทำกับข้าวง่ายๆให้ผมทานก่อนไปเรียนเสมอ เพราะแม่บอกว่าข้าวเช้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

"ค่ะ เอาทิ้งไว้บนโต๊ะก็ได้ค่ะเดี๋ยวพี่เก็บเอง คุณขิงรีบขึ้นไปหานายหัวเถอะค่ะ เดี๋ยวเธอจะอารมณ์เสียอีก"

"ขอบคุณครับพี่นุ้ย" ความจริงผมแอบจินตนาการการนะว่าคุณครามตอนออกไปทำงานข้างนอกคงจะเท่ห์ไม่เบา เพราะเห็นรูปถ่ายที่ใส่กรอบโต๊ะทำงาน ไม่รู้เหมือนกันว่าถ่ายได้กี่ปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนนี้สักเท่าไหร่ ในรูปคุณครามใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินออกยีสต์แต่เนื้อผ้าน่าจะบางกว่า ปลดกระดุมเสื้อเม็ดนึง ใส่กางเกงยีสต์สีเข้มกับรองเท้าบูทแบบหนังสีน้ำตาล แล้วเอามือเกาะระเบียงหน้าบ้านไว้ข้างนึง ถึงไม่ยิ้มเลย แต่ก็ดูดีนะผมว่า น้อยกว่าพี่ขุนพี่ชายผมนิดนึง พี่ชายผมทั้งหล่อแล้วก็เท่ห์ที่สุดเลยล่ะ ถึงไม่ได้ดูคมเข้มแบบคุณคราม แต่ก็ดูคมเข้มแบบคนเหนือ ไม่อยากจะบอกว่าพี่ชายผมก็เนื้อหอมมากเหมือนกันนะ  มีสาวๆมาส่องถึงบ้านบ่อยจนแม่แซวว่าเสน่ห์แรงจนหัวกระไดไม่แห้ง ส่วนพ่อก็ชมไม่ขาดปากว่าเลือดพ่อมันแรง เชื้อมันเลยไม่ทิ้งแถว ได้พ่อมาเต็มๆ ฮ่าๆๆ

"ตอนกลางวันอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ? พี่จะได้ทำไว้ให้ หรือจะลองทานอาหารใต้แบบพี่ดู" พี่นุ้ยถามขณะที่ตัวเองกำลังทำนั่นทำนี่อยู่ คิดว่าน่าจะเป็นแกงอะไรสักอย่างของทางใต้

"ลองทานอาหารใต้ดีกว่าครับ ไหนๆ ก็มาอยู่ใต้ทั้งที" ผมเป็นกินง่ายอยู่ง่ายเหมือนกันนะ อาหารข้างทางหรืออะไรก็ได้ แต่ขอแค่ไม่มีผักชีก็พอ

"โอเคค่ะ วันนี้พี่จะทำแกงไตปลา รับรองอร่อยเด็ดแน่ นายหัวเธอก็ชอบทาน" ดูๆแล้วคนที่นี่เค้าก็รักคุณครามมากเลยนะ ทั้งที่รายนั่นเจ้าอารมณ์ซะขนาดนั้น

"ครับผม"

"ไปไหนมา สายป่านนี้แล้วเพิ่งขึ้นมา?" เช้ามาก็โดนเหวี่ยงละ ขิงส่ายหัวปลงๆ แต่ก็ไม่คิดจะแก้ตัวอะไร เพราะตัวเองยังมีความผิดอยู่

"ขอโทษครับ คราวหลังผมจะมาเร็วกว่านี้"

"ทำไมถึงมาช้า ตื่นสายรึไง?"

"เปล่าครับ ผมขึ้นมาดูคุณก่อนหน้าที่จะลงไปทำธุระข้างล่างแล้ว แต่คุณยังไม่ตื่น ผมเลยให้คุณนอนต่ออีกนิด แล้วค่อยขึ้นมาปลุก"

"คราวหลังก็ปลุกได้เลย ชั้นไม่อยากนอนตื่นสาย เดี๋ยวจะเคยตัว"

"ครับ"

"ยืนมองอะไร? ช่วยผยุงไปห้องน้ำหน่อย ปวดฉี่จะตายอยู่ล่ะ?" ปวดฉี่ก็ไม่บอก มัวแต่ว่าคนอื่นอยู่นั่นแหละ ถ้าบอกแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ได้ฉี่ละ

"ความจริงถ้าคุณปวดฉี่ ก็ฉี่ใส่โถ่สำหรับผู้ป่วยได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมเอาไปเทแล้วล้างเอง" ถามว่าทำงานแบบนี้เคยรังเกียจไหม บอกเลยว่าสมัยเรียน หรือสมัยฝึกงานแรกๆ ก็มีบ้างนิดหน่อย แต่พอคิดว่ามันคือกระบวนการทำงานหรือกลไกทางร่างกายของมนุษย์ ทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมด เลยทำให้เฉยๆ ไปแล้วล่ะ

"ชั้นไม่ชอบฉี่ใส่โถแบบนั้น ไม่มีใครบอกนายเหรอ?" ครามมองหน้าขิงอย่างดุๆ ก็จริงแหละนะเป็นใครก็คงไม่ชอบฉี่ใส่โถฉี่แบบนี้ เพราะมันทำให้ดูเหมือนคนพิการหรือผู้เป็นทุพพลภาพ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ คุณครามเองก็คงเหมือนกัน ผมน่าจะฉุกคิดถึงข้อนี้ได้ก่อนหน้านี้นะ เค้าจะได้ไม่รู้สึกแย่แบบนี้

"ไม่ครับ เอาเป็นว่าผมขอโทษนะครับ คราวหน้าผมจะมาสแตนด์บายรอคุณแต่เช้าแล้วกันนะครับ คุณจะได้ไม่เป็นท่อปัสสาวะอักเสบ ถ้าผมมาช้าก็ให้คนไปเรียกนะครับ เพราะมันไม่ดีถ้าเกิดอั้นฉี่ไว้" ผมว่าตั้งแต่วันนี้ไปผมต้องใจเย็นให้มากขึ้น ถ้าอะไรที่ทำให้โมโหหรือหงุดหงิดก็ให้ท่องไว้ ขันติ ขันติ เพราะเมื่อวานก็ว่าเค้าไปเยอะเหมือนกัน แถมยังทำเค้าโกรธเพราะแอบโกนหนวดเค้าอีก รู้สึกเหมือนทำดีชดเชยความผิดเลย

"อื๊บ!! คุณครามครับ ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้คุณทำยังไง? อย่าทิ้งน้ำหนักตัวลงมาใส่ผมหมดแบบนี้สิ เพราะคุณต้องหัดช่วยเหลือตัวเองบ้าง" ผมดุแบบอย่างไม่จริงจัง เพราะหวังดีกับเค้าจริงๆ

"อย่าบ่นหน่า ก็มันไม่ชิน"

"ก็ต้องทำให้ชินสิครับ งั้นผมวางคุณลงที่เดิมนะครับ ถ้าฉี่เสร็จก็เรียกผม ผมจะได้เอาเก้าอี้มาให้ คุณจะได้อาบน้ำด้วย"

"อื้ม!!"



"ขิง เสร็จแล้ว เอาเก้าอี้เข้ามาได้เลย" เพิ่งเคยได้ยินเค้าเรียกชื่อผมแบบนี้ บอกตรงตรงๆฟังดูแล้วมันจั๊กกะจี้ยังไงไม่รู้แหะ บอกไม่ถูก ผมรีบสะบัดความคิดแบบนี้อกจากหัวแล้วเดินไปเอาเก้าอี้ตัวเดิมที่ใช้เมื่อวานเข้าไป

"ระวังลื่นด้วยนะครับ ห้ามลุก ถ้าเสร็จแล้วก็เรียกผมนะครับ" ต้องย้ำไว้ก่อน ถ้าพลาดมามันจะได้ไม่คุ้มเสีย

"อื้ม"

ผมออกมาอยู่ข้างนอกรอเค้าอาบน้ำ จนอ่านหนังสือพิมพ์จบไปหนึ่งเล่มแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเค้าก็ยังไม่เรียกผมสักที หรือว่ายังอาบน้ำไม่เสร็จก็ไม่รู้ ผมยกมือขึ้นดูเวลา นี่ก็นานแล้ว ทำไมวันนี้อาบน้ำนานจัง ปกติแค่สิบถึงสิบห้านาทีก็เสร็จแล้ว มันผิดปกติ หรือว่าหกล้ม เป็นอะไรในห้องน้ำไปแล้วก็ไม่รู้


"คุณครามเสร็จรึยังครับ? ทำไมนานจัง ก๊อกๆๆ" เรียกก็ไม่ตอบหรือว่าเป็นอะไรในห้องน้ำไปแล้วจริงๆ ขิงเอาหูแนบกับประตูห้องน้ำฟัง

"ซี๊ดดดดด อ้าห์..... อ่าห์ อ้าห์!!"

"อาห์.......อย่าเพิ่งเข้ามา ใกล้เสร็จ..แล้วววว อื้มมมม!!!" คนบ้าไอ้เราก็นึกว่าเป็นลมหัวฟาดพื้นห้องน้ำไปแล้ว ที่ไหนได้.....

"ขิง!! เข้ามาได้" สูดหายใจเข้าลึกๆขิง มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย

"เป็นอะไร หน้าแดง?"

"ปะ...เปล่าครับ"

"นึกว่าไม่สบาย มาทำงานได้ไม่กี่วันก็ป่วยซะแล้ว"

"ผมไม่ได้ป่วยง่ายขนาดนั้นครับ"

"ใครจะไปรู้ นึกว่าเป็นพวกผิวบาง กระหม่อมบาง" ครามยิ้มมุมปากแล้วมองขิงตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างแกล้งๆ เพราะคิดว่าขิงคงได้ยินเขาทำอะไรเมื่อกี้แน่

"ผมลูกชาวสวน ไม่ใช่ลูกคุณหนู กระหม่อมคงไม่บางหรอกครับ"

แถวๆบ้านผมมีแต่ทุ่งนา สวนลำไย แล้วก็สวนส้มเยอะมาก ทั้งสวนของเราแล้วก็ของคนอื่นเค้า โดยเฉพาะทุ่งนา สมัยเป็นเด็กผมก็ใช่ว่าจะเรียบร้อย ออกจะดื้อบ้างซนบ้างตามประสา ตากแดดตากลมตามเด็กแถวบ้านที่เป็นรุ่นเดียวกันไปเที่ยวเล่นไปเรื่อยแหละ ทั้งปีนต้นไม้ ตกปลา งมหาปลาในน้ำที่มันตื้นแล้วบ้างก็มี พอแม่รู้เข้าก็โดนฟาดด้วยก้านมะยม ด้วยแป้นมือบ้าง พอถูกสั่งห้ามก็กลับมาทำตัวติดพี่ขุนเหมือนเดิม พี่ขุนเล่นอะไรก็อยากเล่นด้วย  มาคิดมาคิดไปก็แอบสงสารพี่ขุนเหมือนกันนะ จะเล่นก็เล่นไม่สะดวก ต้องดูแลน้องไปด้วย แต่ส่วนมากพี่ขุนมักจะแอบออกไปเล่นกับเพื่อนคนเดียวมากกว่า พอไปฟ้องแม่ แม่ก็บอกว่าสงสารน้อง น้องเหงาให้พาน้องไปเล่นด้วย แต่ต้องดูแลน้องดีๆนะ ตั้งแต่นั้นมาพี่ขุนก็จะไม่ค่อยออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน แต่มาขลุกอยู่กับผมซะมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นทำหนังสติ๊กให้แล้วสอนยิงกับกระป๋องนมตรามะลิที่เป็นอลูมิเนียม ปั้นดินจากทุ่งนาให้เป็นลูกหนังสติ๊ก ซื้อดินน้ำมันมาปั้นเล่นกัน แล้วก็อื่นๆอีก แต่พอผมโตขึ้นมาหน่อยก็รู้ตัวว่าทำให้พี่ขุนเหงาไม่มีเพื่อน เลยหัดอยู่บ้านเล่นคนเดียวบ้าง ออกไปเที่ยวบ้างนิดหน่อยจนติดนิสัยชอบอยู่กับตัวเองเหมือนทุกวันนี้

"ก็ดี"

"คุณหิวรึยังครับ ผมจะได้ไปเอาข้าวมาให้?" ผมถามขนาดที่คุณครามกำลังติดกระดุมเสื้อตัวเองอยู่

"ชั้นยังไม่หิว ไว้ค่อยกินสายๆ" นี่ก็สายแล้วนะ ผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนติดผนังห้อง แปดโมงกว่าแล้ว

"ไปเรียกตาแช่มให้หน่อย" เขาพูดขึ้นมาหลังจากเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

"ตาแช่มออกไปสวนปาล์มแต่เช้าแล้วครับ คุณจะใช้อะไรตาแช่มเหรอครับ? เผื่อผมทำแทนได้"

"เปล่า!!" เขาตอบแล้วรีบหลบสายตาผม

"คุณจะให้ตาแช่มไปซื้อเหล้าให้ใช่ไหมครับ? เพราะเมื่อคืนคุณใช้ให้ตาแช่มไปซื้อมาให้อีก"

"......."

"งั้นก็ไปทานข้าวกันครับ คุณยังป่วยอยู่ควรจะทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ทุกหมู่ เพราะมันจะช่วยให้ร่างกายคุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้น" ในเมื่อไม่ตอบผมก็ไม่คาดคั้นหรอกครับ คิดว่าเจ้าตัวเค้าน่าจะรู้ดีที่สุด

"คุณครามครับ เป็นอะไรรึเปล่า?" ผมก็ตกใจสิ อยู่เค้าก็ตัวสั่น มือสั่นเหมือนคนจับไข้ แถมสีหน้าก็ไม่ดีด้วย

"อย่ามายุ่ง!!" ครามตะวาดใส่จนขิงตกใจ เหงื่อก็แตกพลักๆตามไรไรผมและใบหน้า

"คุณอยากกินเหล้าเหรอครับ?" ผมก็เดาไปงั้นแหละครับ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงแย่แน่ เพราะกว่าจะเลิกได้มันไม่ใช่ง่ายๆ พอๆกับเลิกบุหรี่นั่นแหละ

"หาให้หน่อยได้ไหม?" เขาพูดเสียงแหบพร่า

"คุณเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มใช่ไหมครับ?" ถามว่าตกใจไหมก็ตกใจนะ แต่ตอนนี้ผมต้องใช้สมองคิดว่าจะทำยังไงดีกับสถานการณ์แบบนี้

"ไม่รู้ แต่ช่วยไปหามาให้หน่อยได้ไหม?" เสียงหอบสั่นเพราะอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

"ไม่ได้ครับ คุณต้องเลิกมันให้ได้ ไม่งั้นร่างกายคุณต้องแย่แน่ๆ" ผมพูดอย่างจริงจัง ถ้าไม่เลิกตอนนี้ต่อไปคงต้องแย่กว่านี้แน่ๆ ไหนจะไม่กินข้าวกินปลาอีก ผมต้องไปถามลุงแช่มว่าเค้ามีอาการแบบนี้นานแค่ไหนแล้วจะได้ช่วยถูก

"ก็คนมันติดไปแล้ว แล้วตอนนี้มันก็อยากโว้ย!! จะให้เลิกง่ายๆ ได้ไง" ครามโวยวายตอบ

"ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเอง แล้วเรื่องนี้แม่คุณรู้รึเปล่าครับ?" ผมลองเรียบๆเคียงๆถาม แต่ถ้าให้เดาคงไม่มีใครรู้หรอก บางทีลุงแช่มก็อาจไม่รู้ด้วยก็ได้ เพราะเจ้าตัวเก็บอาการเก่ง แต่วันนี้อาการคงจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ได้กินเลยเก็บอาการไม่อยู่ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมไม่เอะใจทั้งที่ผมเป็นที่ดูแลเค้า เพราะเจ้าตัวคงจะฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแน่ๆ ผมเห็นตั้งบนหัวเตียง อีกอย่างเค้าก็คงกำลังพยายามเลิกมันอยู่เหมือนกัน

"ไม่ อย่าบอกท่าน"

"ถ้าคุณไม่อยากให้ผมบอกท่าน คุณก็ต้องให้ความร่วมมือกับผมด้วย เลิกมันได้ไหมครับ?"

"มันทำได้ง่ายๆที่ไหนล่ะ? จิ๊!!"

"ครับมันไม่ง่าย แต่ผมว่าถ้าคุณพยายามคุณทำได้นะครับ คนอย่างคุณไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ ใช่ไหมครับ?" สรุปตอนนี้มีหน้าที่เพิ่มมาอีกหนึ่งแล้วคือช่วยคนป่วยเลิกเหล้า เป็นทั้งนักกายภาพ แล้วก็นักจิตวิทยาด้วยสินะ

"อะไร?" เค้าถามผมงงๆเมื่อผมยื่นลูกโอมมายมิ้นท์ให้

"อมอันนี้ไปก่อนนะครับ เผื่อมันช่วยได้" เค้าไม่รับมันไป ผมเลยแกะให้ แล้วยื่นไปให้อีกครั้ง

"คิดว่ามันช่วยได้รึไง ลูกอมแบบนี้?"

"ไม่รู้ครับ แต่อมดูเผื่อมันช่วยลดอาการอยากเหล้าได้"



.................



"พี่นุ้ยครับ ลุงแช่มอยู่ไหนเหรอครับ?" ผมปล่อยให้เค้าสงบสติตัวเองอยู่บนห้องก่อน แล้วลงมาถามหาลุงแช่มนี่แหละครับ

"อยู่หลังบ้านค่ะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกมาให้" พี่นุ้ยวางมือจากการเช็ดกระจกตู้เครื่องเรือนแล้วเดินออกไปตามลุงแช่มมาให้

"ขอบคุณครับ"

"มีอะไรให้ลุงรับใช้เหรอครับคุณขิง?" ลุงแช่มเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับสภาพที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ คิดว่าน่าจะซ่อมอะไรอยู่หลังบ้านสักอย่างเพราะเห็นคราบน้ำมันยังติดอยู่ที่หน้าลุงแกอยู่เลย

"ไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ผมจะคุยกับลุงเรื่องคุณครามนิดหน่อยน่ะครับ" ผมเหลือบไปเห็นพี่นุ้ยอยู่ใกล้ๆ เลยพยักหน้าบอกให้แกตามออกมาที่มุมรับแขกดีกว่า

"มีอะไรเกี่ยวกับนายหัวเหรอครับคุณขิง?"

"ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับลุง ผมแค่อยากจะขอลุงอย่างจริงจังนะครับว่า คราวหลังอย่าเอาเหล้าไปให้คุณครามอีก ไม่ว่านายหัวของลุงจะสั่งหรือจะขู่ยังไงก็ช่าง ห้ามเอามาให้อีกนะครับถ้าลุงรักนายหัวของลุงแล้วอยากให้เค้ากลับมาเป็นนายหัวคนเดิมได้เร็วๆ เพราะตอนนี้เค้าติดเหล้ามากจนเรียกได้ว่าเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มไปแล้วนะครับ"

"จริงเหรอครับ?" ผมเห็นลุงแกเบิกตาขึ้นอย่างตกใจที่ได้ยินแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นสลด คงเป็นเพราะสำนึกผิดต่อคุณครามกับคุณป้าแน่ๆ

"จริงครับ"

"โถ่นายหัวของลุง....ลุงขอโทษครับคุณขิง ลุงผิดไปแล้ว"

"ผมไม่ได้ว่าลุงหรอกครับเพราะผมรู้ว่าลุงทำไปเพราะไม่อยากขัดใจนายหัวของลุง ครั้งนี้ผมจะไม่บอกคุณป้านะครับ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก ผมคงต้องบอก ลุงเข้าใจผมด้วยนะครับ" ความจริงผมแกล้งพูดไปงั้นแหละครับ ไม่ได้จะทำจริงๆหรอก ถ้าไม่บอกแบบนั้นเกรงว่าลุงแกจะใจอ่อนออกไปซื้อมาให้อีก

"ขอบคุณครับคุณขิง ลุงสัญญาว่าจะไม่ทำอีก" ลุงแช่มยกมือไหว้ จนผมต้องรีบยกมือไหว้แกตอบแทบไม่ทัน บอกไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่าไม่ต้องยกมือไหว้ผม เพราะผมก็เป็นลูกจ้างเค้าเหมือนกัน แถมลุงแกก็อาวุธโสกว่าผมอีก

"ถ้าเค้าสั่งแล้วขัดไม่ได้ก็รับปากแล้วออกมานะครับ จะได้หลบเลี่ยงได้"

"ครับ"

"ไม่มีอะไรแล้วครับลุง ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือกับผม" ผมยกมือไหว้ลุงแล้วเดินขึ้นไปดูคุณครามต่อ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2015 16:19:30 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านยาวเลย

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
นายครามดื้อกับขิงขนาดนี้ ..สงสารขิงจริงๆเลย  ไม่อยากหายหรือไงนะ  :hao3:
สู้ๆนะขิง .ว่าแต่ถ้าหลงรักนายครามขึ้นมาจริงๆ แล้วเจแฟนขิงละ ... :hao7:

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
อันดามัน...ซ่อนรัก
ตอนที่ 5
[/color][/size]



วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกตินิดนึง จะได้มีเวลาทำนั้นทำนี่แล้วค่อยขึ้นไปปลุกคุณชาย ขืนไม่เผื่อเวลาแล้วไปปลุกสายสิ มีหวังโดนด่าเปิงอีก ความจริงก็ไม่ถึงกับด่าหรอก แค่ดุๆนิดหน่อยแค่นั้นเอง ปกติถ้าทำงานที่เดิม ผมคงต้องรีบจัดการธุระส่วนตัวอะไรให้เสร็จ แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ดีนะที่คอนโดอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเท่าไหร่ ไม่งั้นคงต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่โน่นแหละ แต่พอมาทำงานที่นี่เหมือนได้อยู่อีกโลกหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน แต่ชีวิตความเป็นอยู่กลับไม่เหมือนกันเลยสักนิด เอาง่ายๆคือ ไม่ต้องเร่งรีบทำอะไรเหมือนเดิม ตอนเช้าๆก็มีเวลาออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเล ยืนดูพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากน้ำบ้าง บางวันก็ไปช่วยลุงแช่มรดน้ำต้นไม้บ้าง ผมชอบชีวิตแบบนี้นะ ดูไม่เร่งรีบ ไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่นเค้าดี นี่แหละมั้งที่เค้าเรียกว่าชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ชีวิตที่ไม่ดูวุ่นวายเหมือนเมืองหลวง



"อรุณสวัสดิ์ครับพี่นุ้ย"

"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณขิง เช้านี้ไปแย่งงานลุงแช่มทำอีกรึเปล่าคะ? อิอิ" ความจริงลุงแช่มแกก็ห้ามผมตลอดแหละ ห้ามทุกวันจนแกคงเบื่อที่จะห้ามไปแล้วมั้ง พอห้ามไม่ให้รดน้ำต้นไม้ ผมก็ย้ายไปถอนหญ้าแทน พอแกห้ามอีกผมก็เอาเสียมมาพรวนดินเลย จนแกยอมแพ้นั่นแหละ ผมถึงยิ้มแล้วไม่กวนแกอีก ส่วนงานประเภทจับจอบจับเสียมแกบอกว่าจะเป็นคนทำเอง ผมก็เออออกับแกไป ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร น่าเบื่อออก

"นิดหน่อยครับ ก็คนมันไม่มีอะไรทำนิหน่า"

"คุณขิงนี่ดื้อจริงๆนะคะ บอกว่าอย่าทำๆ ยังทำอีก" พี่นุ้ยบ่นอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่

"ช่วยๆกัน ลุงแช่มจะได้มาทานข้าวเช้าเร็วๆไงครับ แล้วเช้านี้ทำอะไรทานครับพี่นุ้ย หิวจัง" ที่หิวเพราะใช้พลังงานไปเยอะ เช้านี้นอกจากรถน้ำต้นไม้แล้ว ยังช่วยลุงแกถอนหญ้ากับขนย้ายกระถางอีกด้วย ได้ออกกำลังกายเล็กน้อยๆตอนเช้าแบบนี้ดีจังแหะ ปกติถ้าทำงานที่เดิมคงไม่ได้ทำอย่างนี้หรอก เพราะทุกอย่างต้องเร่งรีบ ไม่งั้นคงไปทำงานไม่ทันกันพอดี

"เช้านี้พี่ไม่ได้เป็นคนทำค่ะ ป้าน้อยแกกลับจากต่างจังหวัดมาแล้วตั้งแต่ตอนเช้ามืด แกเลยเป็นคนทำค่ะ"

"อ้อครับ" ผมตอบรับคำสั้นๆ แล้วจินตนาการว่าป้าน้อยแกจะหน้าตาเป็นยังไง จะใจดีเหมือนพี่นุ้ยกับลุงแช่มรึเปล่าน๊า

"ตอนนี้แกอยู่ในครัวอยู่ค่ะ อีกเดี๋ยวคุณขิงคงได้เจอ คนนี้เนี๊ยบนะคะขอบอก"

"งะ!! พูดแบบนี้ผมก็ใจฟ่อกันพอดี"

"อิอิ พี่ล้อเล่นค่ะ ป้าน้อยแกเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี ไม่เชื่อคุณขิงรอดูสิคะ"

"โอเคครับ งั้นผมขึ้นไปปลุกคุณครามก่อนนะครับ ได้เวลาแล้ว" ผมก้มดูนาฬิกาแล้วรีบขึ้นไปปลุกคุณคราม กว่าจะเดินขึ้นบันไดมาอีก หมดพลังงานไปตั้งเยอะ บันไดบ้านคนรวยเป็นแบบนี้กันทุกหลังเลยรึเปล่านะ ถึงจะสวยก็เหอะ ถ้าเป็นบ้านผมนะไม่โค้งขนาดนี้หรอก ถึงบ้านจะยกพื้นสูงยังไง บันไดก็เป็นแนวตรงขึ้นไปแบบนั้นแหละ จะมีโค้งก็ตรงหัวกระไดบ้านแค่นั้นเอง ที่สำคัญมีตุ่มเล็กๆเอาไว้ล้างเท้าตรงหัวบันไดด้วยนะ พูดแล้วคิดถึงบ้านจัง


"ก๊อกๆๆ" เคาะแล้วไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยถึงวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเลย คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่ายังไม่ตื่น พอมาปลุกเร็วตัวเองก็ยังไม่ตื่น พอมาปลุกช้าก็ว่าอีก เอาใจยากนะว่าไหม? ปลุกก็แล้วเขย่าตัวก็แล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น จะว่าไปถ้าไม่ชอบทำหน้าดุ คิ้วชนกัน ก็ดูหล่อดีอยู่หรอกนะ คิ้วก็ดก หนาก็หนา ตาก็คม จมูกก็โด่ง ปากก็บางเป็นกระจับเชียว แต่สีคล้ำไปหน่อย คงจะสูบบุหรี่เยอะล่ะสิท่า มองโดยรวมถือว่าหล่อเลยทีเดียวล่ะ แบบนี้สาวๆคงกรี๊ดมากน่าดู

"โอ๊ะ!!"

"คิดจะลักหลับชั้นรึไง?" คนเสียงทุ้มติดแหบรี่ตาถาม

"ห๊ะ????"

"ชั้นถามว่านายคิดจะลวนลามชั้นรึไง?" เสียงยียวนกวนประสาทเริ่มต้นเช้าวันใหม่ได้ดีมาก ขิงคิดในใจ

"อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นกัน?"

"ก็หน้านายแทบจะติดหน้าชั้นขนาดนี้ คิดจะขโมยจูบชั้นล่ะสิ?"

"คะ..ใครเค้าทำแบบนั้นกัน ผมแค่ก้มลงดูว่าคุณแล้วรึยังต่างหาก แล้วก็ไม่ได้ใกล้อย่างที่คุณว่าด้วย" ไอ้เสียงบ้านี่ไม่รู้ว่าจะสั่นไปทำไม แล้วจะมาติดอ่างอะไรตอนนี้ พิโถ่!!

"อ้อเหรอ?" ครามรี่ตามองอีกครั้ง แล้วชันตัวเองพิงหัวเตียง

"ก็อย่างนั้นน่ะสิ!!" ขิงตอบอย่างกล้าๆเกร็งๆ

"แต่ชั้นรู้สึกเหมือนมีคนเอามือมาลูบๆตรงหน้านะ" ดูใช้คำพูดสิ ใครเค้าลูบกัน แค่จับๆดูเฉยๆต่างหาก พูดซะน่าเกลียดเชียว

"ก็....แค่เอามือปัดไล่ยุงให้แค่นั้นเอ๊ง เดี๋ยวจะเป็นไข้เลือดออก" ถูกจับได้แน่ๆถ้าเสียงจะสูงซะขนาดนี้ ทำไงดี ขิงเอ๊ยขิง

"หลงชอบชั้นแล้วล่ะสิ?" ครามถามเสียงทะเล้น

"คุณไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนกัน? ผมถามจริง"

"ใครๆ เค้าก็บอกแบบนั้น"

"บอกว่าไงครับ?" ขิงถาม แต่ก็ในใจก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าที่เจ้าตัวพูดมามันก็จริงแหละ อายุแค่สามสิบกว่าเอง ได้เป็นถึงนายหัว แถมหน้าตาก็ห่างไกลจากคำว่าขี้เหร่มากโขเลยล่ะ โปรไฟล์ดีแต่เสียที่นิสัยนี่แหละ เจ้าอารมณ์เหลือเกิน

"ก็บอกว่าเป็นนายหัวตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังหล่ออีก นายไม่คิดงั้นรึไง?" ครามถามแล้วเขยิบหน้าเข้าใกล้  จนคนตัวเล็กกว่าต้องเอามือดันหน้าอกไว้

"หึๆๆ"

"ไม่อะ ไม่เลย แล้วก็ช่วยเอาหน้าคุณออกไปไกลๆเลยคุณคราม" ขิงเบ้ปาก แล้วทำเสียงแข็งดุคนตัวโตกว่า เล่นอะไรไม่รู้จักเล่น โตจนป่านนี้แล้ว

"จริงเหร๊อ?" ครามแกล้งทำเสียงยียวน

"จริงสิ"

"แต่ชั้นรู้สึกเหมือนว่านายจะแอบจับดั้งจมูกชั้นด้วยนะ หรือว่าไม่จริง?" ขิงทำสีหน้าไม่ถูก ถ้ารู้สึกตัวตั้งนานแล้วทำไมไม่ตื่นล่ะ ปล่อยให้คนอื่นเค้าปลุกอยู่ได้ ขิงแอบบ่นขมุบขมิบกับตัวเองเบาๆ

"ว่าไง?"

"กะ.....ก็แค่ลองจับดูว่าเป็นของจริงรึเปล่า" อึดอัดเว้ย อย่ามาจ้องกันแบบนี้นะ เสียมารยาท ขิงตอบเสียงอึกอัก

"แล้วคิดว่ามันเป็นของจริงไหม?"

"ไม่รู้!!!" เสียงตอบบ่งบอกเลยว่ากำลังอารมณ์เสีย ครามยิ้มกับหน้าตาของคนตรงหน้าที่ไม่ว่าจะคิดอะไรก็แสดงออกมาหมดเลย

"นี่ของจริง พ่อแม่ให้มา ไม่เชื่อลองจับดูอีกทีดิ" ครามเอ่ยถามแต่ขิงส่ายหน้าปฏิเสธ ใครมันจะกล้าทำแบบนั้นกัน แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว แอบแต๊ะอั้งเค้าตอนนอน อยากตีมือตัวเองนัก ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงกล้าทำ

"มองอะไรของคุณ? ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟันสิครับ สายแล้ว" พอถูกมองนานเข้าก็เริ่มเขิน เลยต้องรีบไล่ให้ไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ แล้วจะได้ทานข้าว ทำกายภาพต่อ

"อื้ม มาผยุงชั้นสิ?" ครามดึงผ้าห่มออกจากตัว ความจริงคงจะเรียกห่มคงไม่ได้เพราะมันคลุมแค่ครึ่งตัวเฉยๆ แต่ไอ้ตาเจ้ากรรมดันไปเห็นสิ่งที่กำลังตุงดันกางเกงบ็อกเซอร์ออกมานี่สิ ให้ตายวันนี้ทำไมมีแต่เรื่องที่ทำให้ตกใจตลอดเลยแหะ

"เขินเหรอ? มันเป็นปกติของผู้ชายนะที่ต้องแข็งตัวตอนเช้า" ครามพูดหน้าตาเฉย แถมยังยักคิ้วใส่ขิงไปสองที

"น่าไม่อาย"

"อ้าว!! ก็มันจริงนี่ หรือว่าตอนเช้าของนายไม่เคารพธงชาติกัน?" ครามแกล้งตีหน้ามืนถาม อยากยิ้มแต่ยิ้มไม่ได้ เพราะกลัวจะไม่สมบทบาท

"หยุดพูดแบบนี้เถอะครับคุณคราม ผมยังหน้าบางอยู่ ไม่ได้หน้าหนาเหมือนคุณนะ" ถึงจะโดนว่า แต่ก็แค่แมวขู่เท่านั้น ใครจะกลัวกัน ครามคิดในใจ

"เขินสินะ ไม่เคยเห็นของคนอื่นมาก่อนเหรอ?" ถามแบบนี้หมายความว่าไง ขิงขมวดคิ้ว เท้าสะเอวใส่บอกว่าเริ่มยั๊วแล้วนะ

"โอ๋ๆๆ แค่หยอกเล่นเอง ทำเป็นจริงจังไปได้ หรือว่านายยังซิงอยู่?" นี่เป็นอีกคำถามเด็ดที่ทำให้ขิงอ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออก จะบอกได้ไงว่าตัวเองยังซิงอยู่ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นเลยนะ

"ไม่เกี่ยวกับคุณ" ขิงขมวดคิ้วแล้วสะบัดหน้าหนี

"เห้ย!! ไม่จริงอะ นายยังไม่มีแฟนเหรอ?" ครามถามออกไปเพราะไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครที่อายุขนาดนี้แล้วซิงอีก ขนาดตัวเขาเองยังมีอะไรกับผู้หญิงตั้งแต่อายุ 15 เลย

"ผมขอไม่ตอบนะครับเรื่องนี้" จะอยากรู้ทำไมนักหนาก็ไม่รู้ นี่มันเรื่องส่วนตัวนะเว๊ย ถามอย่างกับ "กินข้าวรึยังงั้นแหละ"

"ตอบหน่อยสิ มันข้องใจอะ"

"เป็นอะไรของคุณ ปกติไม่เห็นสนใจอะไร แล้วไม่หงุดหงิด โวยวายแล้วเหรอครับ?" ก็คนมันอดถามไม่ได้ ปกติเป็นอย่างนี้ซะที่ไหน

"ไม่รู้สิ คงโดนนายด่าบ่อยๆมั้ง เลยคิดได้"

"ด่าที่ไหน เค้าเรียกเหน็บแนมให้คิดต่างหาก"

"นายนี่ตลกดีเนอะ บางครั้งก็ดูจริงจังไปซะทุกอย่าง แต่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่สนใจใคร แต่ก็เก็บรายละเอียดไปซะหมด"

"ผมไม่ใช่ตัวตลกของคุณนะครับคุณคราม"

"ใครว่านายเป็นอย่างนั้นกัน ชั้นพูดผิด แต่นายเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว อยู่ด้วยแล้วสบายใจดี ส่วนเรื่องเมื่อกี้ชั้นแค่แกล้งนายเล่นเฉยๆ อย่าถือสาเลยนะ"

"ครับ แต่คราวหลังห้ามเล่นแบบนี้แล้วนะ"

"แกล้งนิดแกล้งหน่อยเอง หรือนายอยากให้ชั้นเป็นแบบเมื่อก่อน?" ใครเค้าจะอยากให้เป็นอย่างนั้นกัน คุณน่ะร้ายจะตาย ผมอดทนมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าบุญของตัวเองละ ไม่งั้นต้องลาออกแล้วกลับไปหางานใหม่อีก

"ไม่ดีกว่าครับ เอาล่ะครับหมดช่วงเวลาสนทนายามเช้าแล้ว ทีนี้คุณก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันได้สักทีนะครับ" ขืนไม่หยุดสนทนาตอนนี้คิดว่าเช้านี้ก็คงไม่ได้ไปไหน แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีก

"อื๊บ!! ขอบคุณครับที่คุณให้ความร่วมมือ ไม่ทิ้งหน้าหนักลงมาทั้งหมด ต้องการไม้เท้าไหมครับ?" ผมถามเค้าหลังจากที่เราสองคนลุกขึ้นยืนได้โดยที่ผมเป็นคนพยุงเค้าอยู่ข้างๆ

"อื้ม!!"

"รีบๆเข้าไปทำธุระส่วนตัวของคุณเถอะครับ เดี๋ยวจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ" ว่าจะไม่มองก็เผลอมองจนได้ จะบ้าตาย ช่วยจัดระเบียบมันหน่อยก็ไม่ได้

"ขอโทษที คือมันยังไม่เข้าทีอะ ต้องรออีกสักพักหนึ่งก่อน มันถึงจะลง" จะสุขภาพดีไปไหน??? ขิงคิดในใจ

"นายเป็นนี้ตลอดเลยรึไงเวลาเขิน?"

"ห๊ะ?? เป็นแบบนี้ แบบไหน?"

"ก็เวลาเขินแล้วชอบทำหน้าแดงแล้วกัดปากตัวเอง"

"หา?" ขิงทำตาโตตกใจ ขนาดตัวเองยังไม่รู้เลยว่าเวลาเขินแล้วเผลอทำอะไรแบบนั้นด้วย

"อื้มมมม แต่ก็ช่างมันเหอะ พยุงต่อสิ" ขิงพยักหน้ารับคำอย่างงงๆ ปรับอารมณ์ตามไม่ถูก แต่ก็ยอมทำตาม

"งั้นจับไม้เท้าให้ดีๆ นะครับ ค่อยๆเดิน" ความจริงร่างกายเค้าแข็งแรงมากนะ เพียงแต่ดื้อไม่ยอมทำกายภาพบำบัดแค่นั้นเอง เหมือนกับตอนนี้ถ้าได้ลงน้ำหนักที่ขาบ้าง จะได้ชินกับการรับน้ำหนักและการใช้ไม้เท้าด้วย

"จะแอบมองชั้นก็ไม่ว่าหรอกนะ ตามสบาย" แหนะยังจะเล่นอีก ขิงส่ายหัวไปมากับคนตรงหน้า แต่ก็โล่งอกที่ได้คุยกับเจ้านายแบบนี้ ต่อไปก็เหลือแต่การทำให้เค้ากลับมาเดินได้ปกติแค่นั้นเอง

"ใครแอบมองคุณกัน?"

"ก็นายไง ชั้นเห็นอยู่"

"ที่ผมมองเพราะผมต้องประคองคุณอยู่ แล้วก็ต้องดูด้วยว่าคุณเสร็จแล้วรึยัง? จะได้พาไปนั่งที่เดิม แล้วอาบน้ำ" ขิงแอบยิ้มกับความคิดของตัวเอง คิดว่าเมื่อคืนตัวเองเอายาผิดให้ครามกินรึเปล่า เช้านี้ถึงได้สมองกลับแบบนี้

"อ้อ งั้นเหรอ? สงสัยชั้นคงตาฝาดไปเอง" ครามถามอย่างล้อเลียน แล้วหัวเราะหึๆๆในลำคอ คนปกติเดินแป๊บเดียวก็คงถึงห้องน้ำแล้ว แต่ผู้ป่วยแบบคุณครามต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะถึง เพราะสภาพร่างกายยังไม่เอื้ออำนวย ไหนจะไม้เท้านั่นอีก ถึงอย่างนั้นตัวเขาเองก็ไม่เคยเร่ง เพราะเข้าใจดีว่าเป็นยังไง

"นี่ถามหน่อยดิ ตอนชั้นเมา นายเป็นคนเช็ดตัวให้ชั้น แล้วยังไม่ชินอีกเหรอ เวลาเห็น....?"

"คุณคราม!!" ขิงเป่าลมออกจากปากอย่างเซ็งๆ ก็รู้อยู่ว่าคนอื่นเค้าเขินยังจะถามแบบนี้อีก

"ที่ถามนี่เพราะอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่จะแซวอะไรนายนะ" ครามยกสามนิ้วขึ้นชูเพื่อยืนยัน

"ผมเช็ดตัวให้คุณก็จริงแต่ส่วนนั้นผมให้ลุงแช่มเป็นคนทำ" ทีแรกตอบชัดถ้อยชัดคำแต่พอปลายประโยคกลับเสียงแผ่ว ครามยิ้มมุมปากกับปฏิกิริยาของนักกายภาพบำบัดของตัวเอง ไม่คิดว่าจะขี้อายขนาดนี้

"อ้าว นายเป็นคนดูแลชั้นนะ ทำไมให้ลุงแช่มเป็นคนทำล่ะ?" ครามถามอย่างคนขี้สงสัย เพราะมันผิดวิสัยของพยาบาลหรือนักกายภาพ

"ก็มันยังไม่ชิน" เสียงแผ่วไปเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับแก้มที่แดงขึ้นเรื่อยๆ ตาก็มองแต่พื้นห้องอย่างเดียว

"แล้วคนที่นายไปดูแลก่อนหน้านี้ล่ะ ทำยังไง?"

"ก็ทำตามปกติ" ขิงตอบพาซื่อ

"เดี๋ยวก่อนนะปกติของนายคือยังไง? ดูแลเช็ดตัวให้ทุกส่วนน่ะเหรอ?" ครามหยุดเดินแล้วหันมาถาม

"อื้ม" ตอบก็ตอบไปแล้วเดินต่อสิพ่อคูณเอ๊ย จะได้อาบน้ำอาบท่า ทานข้าวแล้วทำกายภาพบำบัดต่อ

"แล้วทำไมกับชั้นนายไม่ทำแบบนั้นบ้างล่ะ?" ครามเอ่ยถามแล้วก้าวตามพร้อมกับมืออีกข้างที่จับไม้เท้าไว้

"ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ คุณจะอาบน้ำเลยไหมครับ? ผมจะได้ไปเอาเก้าอี้มาให้" อยากจบบทสนทนานี้จะแย่ ยิ่งถามก็ยิ่งเหมือนตัวเองจะเสียเปรียบ อีกอย่างผมรู้ว่าตัวเองบกพร่องในหน้าที่จริงๆนั่นแหละ กับคนอื่นทำได้หมด แต่กับคนนี้ทำไมถึงไม่กล้ากันนะ

"เฮ้ นายอย่าเปลี่ยนประเด็นสิ!!" ถ้าไม่เปลี่ยนก็เข้าตัวเองสิ ถามได้ ผมคิดในใจ

"งั้นผมออกไปก่อนนะครับ เสร็จแล้วค่อยเรียก"

"เดี๋ยวก่อนสิ โกนหนวดให้หน่อย" ครามยอมแพ้ไม่ถามต่อ แต่กลับขอร้องให้ทำอย่างอื่นแทน รู้สึกเหมือนวันนี้จะขี้เกียจไงไม่รู้

"แล้วเมื่อกี้คุณทำไมไม่โกนครับ?" ขิงหันมาถาม

"ไม่รู้สิ มัวถามนายมั้ง โกนให้หน่อยนะ" ครามพูดเสียงอ้อนๆ จนขิงยังแปลกใจ แถมยังเผลอใจสั่นแปลกๆตามอีก บ้าหน่า ขิงสะบัดหน้าไล่ความคิดแปลกๆออกจากสมอง เผลอคิดว่าเค้าอ้อนตัวเองเนี๊ยะนะ เป็นไปไม่ได้อะ หูคงเพี้ยน ต้องไปหาหมอเช็คเครื่องรับสัญญาณใหม่

"ก็ได้ครับ หลายวันมานี้คุณก็ทำตัวดี ไม่อาละวาด ไม่โวยวาย ถือว่าให้รางวัลคุณก็แล้วกัน" ขิงเดินออกไปเอาเก้าอี้ข้างนอก แล้วปล่อยให้ครามยืนจับราวอยู่คนเดียว

"ทาอาฟเตอร์เชฟก่อนนะครับ" นิ้วเรียวๆมือขาวๆค่อยๆ ละเลงออฟเตอร์เชฟลงบนใบหน้าคม คร้ามแดดทีละส่วน รวมไปถึงเคราที่คางและตรงจอนด้วย

"คุณอย่าดิ้นสิครับ เดี๋ยวมันบาดเนื้อคุณ" แม้แต่แฟนก็ยังไม่เคยทำขนาดนี้ให้ ค่อยๆโกนที่ละส่วน เริ่มจากหนวดบนริมปีปากบน ลงมาจนถึงคาง แล้วก็เคราที่ใต้คางแล้วก็จอน เป็นมนุษย์ขนเยอะเหมือนกันนะเนี๊ยะ ยิ่งทำให้หน้าคมเข้าไปอีก แต่ถ้าเยอะเหมือนตอนแรกที่เจอกัน ก็เหมือนคนป่าไปนะ (ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงหนุ่มสเปน คิ้วดกๆหนาๆ ตาสวยๆนะครับ คนเขียนขอแนะนำ)

"คุณ!! อย่าจ้องแบบนั้นสิ มันทำไม่สะดวก" ขิงหยุดทำ แล้วเท้าสะเอวทำเสียงเข้มดุคนตัวโตกว่า แต่ก็ใช่ครามจะสำนึก ยังมองสำรวจนักกายภาพของตัวเองอยู่ จนขิงอดจิ๊ปากเบาๆไม่ได้

"ทำไม?" ครามถามหน้าตาย

"ไม่รู้ มันทำตัวไม่ถูก แล้วก็เกรงเวลามีคนจ้อง" ไม่รู้รึไงว่ามันเขิน จะจ้องทำไมนักหนาไม่เคยเห็นคนโกนหนวดรึไง

"แล้วจะให้มองอะไรล่ะ? ก็นายยู่ตรงหน้าชั้น" ตอบกำปั้นทุบดินมาก ขิงพูดในใจ

"มองอะไรก็แล้วแต่คุณเถอะ!!" ขิงตอบเสียงสะบัดๆคล้ายกับคนงอนแล้วลงมือโกนต่อ จนครามอดยิ้มมุมปากไม่ได้กับสีหน้าของขิงตอนนี้ นี่ก็คงจะไม่รู้ว่าตัวเองเผลอแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา

"งั้นชั้นก็มองนายเหมือนเดิมนี่แหละ" ครามตอบหน้าตายเหมือนเดิม จนทำให้ขิงหยุดชะงักแล้วก้มลงทำต่อ ใจก็ภาวนาให้มันเสร็จเร็วๆสักที จะได้ออกไปจากสถานการณ์บ้าๆนี่สักที



....................................




Kram's Part



"บ้าที่สุด!! ดันเผลอมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันซะได้" มันจะกัดปากของมันทำไมวะ? ปากมันบาง สีส้มน่าจูบ เฮ้ย!! ห้ามคิดแบบนั้น ห้ามคิด นั่นมันผู้ชายนะเว้ยไอ้คราม

"ไอ้ห่านี่อีก มึงจะแข็งไปถึงไหน? แค่เช้านี้มึงแข็งมากี่ครั้งแล้ว? ขายหน้าเค้าจริงๆ" ครามคิดในใจ

"ไม่ทงไม่ทนมันแล้วโว้ย เรื่องปกติของผู้ชายนี่หว่า" แต่ไอ้ที่ไม่ปกติก็เพราะเผลอคิดแปลกๆกับเด็กนี่แหละ หรือเป็นเพราะเราไม่ค่อยได้เอาออกแน่ๆ ถึงได้มีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกัน ครามคิดในใจ แล้วเริ่มสาวมือขึ้นลง พอถึงฝั่งฝันแล้วก็จัดการเปิดฝักบัว ถูสบู่อย่างรวดเร็ว เพราะเสียเวลามานานแล้ว เดี๋ยวคนข้างนอกจะสงสัย

"เสร็จแล้ว เข้ามาได้แล้วขิง"

"เอ่อ.....จัดปมผ้าเช็ดตัวให้แน่นๆ นะครับ" คงกลัวมันหลุดแล้วเห็นอนาคอนด้ายักษ์อะดิ หึๆๆ ครามขมวดปมผ้าแล้วเน็บกับเอว จากนั้นก็หันมายักคิ้วหลิ่วตาอย่างล้อๆใส่ขิง

"เกาะไว้ดีๆนะครับ ระวังพื้นลื่นด้วย" ขิงเม้มปากทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดแก้มแดงด้วยไม่ได้ ในใจอยากแช่งชักหักกระดูกนักคนทะลึ่งแบบนี้ ระหว่างทางเขาแทบจะกลั้นหายใจไปด้วย เพราะกลัวผ้าเช็ดตัวนั่นหลุดกลางทาง

"เดี๋ยวผมวางคุณที่เตียงก่อนนะครับ แล้วจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้" ถึงเตียงโดยสวัสดิภาพโดยที่ผ้าไม่หลุด แถมคนก็ไม่หกล้มด้วย ขิงถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก

"โอ๊ะ!!"

"เป็นอะไรไหมครับ?"

"ไม่เป็นไร ถามตัวนายเองเหอะ เอาตัวมารับชั้นไว้เจ็บไหม?"

"ไม่ครับ ไม่เจ็บ" ดีนะที่ล้มลงที่เตียง ไม่งั้นได้เจ็บตัวทั้งคู่แน่ ตัวก็บางกว่าเรา ไหนจะส่วนสูงอีก ยังดีที่แข็งแรงอยู่บ้าง ไม่ได้ดูอ่อนปวกเปียก ไม่งั้นคงดูแลผู้ป่วยลำบาก ครามคิดในใจ

"บอกว่าอย่ากัดปาก" ไอ้เด็กนี่ดื้อชะมัด บอกว่าอย่ากัดปากก็ไม่ฟัง แต่ตัวมันหอมดีนะ หอมแบบไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม เหมือนกลิ่นแป้งเด็กอ่อนมากกว่า

"ครับ??" ยังมาทำตาใสใส่อีก

"ช่างมันเหอะ"

"คุณเท้าแขนขึ้นก่อนได้ไหมครับ ผมจะได้ลุกขึ้นได้ แล้วผยุงคุณลุกด้วย"

"อื้ม" เผลอจ้องปากมันอีกแล้ว เป็นบ้าแล้วกู ชิบหายมาก

"อื๊บ!!!"

"คุณจะใส่เสื้อตัวไหนครับ? ผมจะได้หยิบมาให้"

"ตัวไหนก็ได้หยิบมาเถอะ ชั้นใส่ได้หมดนั่นแหละ"

"งั้นตัวนี้แล้วกันนะครับ" มันหยิบเสื้อโปโลสีกรมท่า คอสีขาวกับตัวหนังสือบอกยี่ห้อสีกรมท่าเหมือนกันออกมาให้ คิดไว้อยู่พอดีว่าจะใส่ตัวนี้

"เอากางเกงในออกมาด้วย" แค่บอกให้กางเกงในมาให้แค่เนี๊ยะก็เขินซะละเด็กน้อย หึๆๆ

"ครับ"

"ออกไปก่อนสิ ชั้นจะได้เปลี่ยนผ้า หรือนายจะอยู่ดูด้วย?" ครามแกล้งหยอก

"ปะ...เปล่าครับ"

"หึๆๆๆ"






"วันนี้เรามาเริ่มทำกายภาพกันเลยไหมครับ? เท่าที่ทราบจากหมอตั้นมา เค้าบอกว่าคุณเองก็ทำกายภาพมาบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ เลยทำให้คุณยังเดินไม่ได้เหมือนทุกวันนี้ ดังนั้นผมอยากให้คุณเชื่อ ว่าคุณสามารถกลับมาเดินได้อย่างปกติอีกครั้ง แต่คุณต้องให้ความร่วมมือกับผมด้วยนะครับ"

"อื้ม" ครามมองหน้าขาวๆ ปากบางๆสีส้มขยับพูด แล้วตอบรับทั้งที่ฟังบ้างไม่ฟังบ้างแต่พอรู้เรื่อง ถึงไม่ทั้งหมดก็เหอะ

"ขอบคุณครับ"

"แล้วเมื่อไหร่ชั้นจะหายเป็นปกติล่ะ?" ครามถามอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะไม่อยากนอนอยู่เฉยๆบนเตียงไปวันๆแล้ว

"ส่วนใหญ่ หลังจากที่ทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 2 เดือน ก็น่าจะใช้งานได้เกือบปกติ อันนี้เป็นกรณีของกระดูกที่แขน ส่วนกระดูกต้นขาหรือหน้าแข้ง ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน เพื่อให้กระดูกแข็งแรงพอที่จะยืนหรือเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า เพราะขาหรือแข้งจะต้องรองรับน้ำหนักร่างกายของคุณไว้ทั้งหมด แต่จะแข็งแรง 100% ก็ประมาณปี ถึงปีครึ่งครับ"

"เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ?"

"ขึ้นอยู่กับตัวคุณมากกว่าครับ ถ้าคุณไม่ขี้เกียจทำกายภาพมันก็อาจจะหายเร็วและกลับมาเดินได้เร็วขึ้นก็เป็นไปได้ แต่ก็ต้องรอคุณหมอเค้าอนุญาตก่อนว่าร่างกายคุณพร้อมแล้วรึเปล่า ผมเข้าใจว่าคุณอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้เร็วๆ อยากกลับไปทำงานที่คุณรัก แต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลานะครับ"

"อื้ม"

"งั้นนั่งตรงเก้าอี้นี่นะครับ แล้วเราจะได้เริ่มท่าแรกกันเลย มีทั้งหมด 4-5 ท่า แต่ละท่าควรใช้เวลาในการบริการกล้ามเนื้อหรือทำกายภาพประมาณ 15-20 นาที ทำวันละสองครั้ง เช้าและเย็น หรือมากกว่านั้นก็ได้ครับแล้วแต่ความพร้อมของผู้ป่วย"

"ถ้าทำบ่อยๆแล้วก็นานขึ้นจะทำให้หายเร็วขึ้นรึเปล่า?"

"ทุกอย่างมันควรอยู่ความพอดีครับ ไม่ควรหักโหมมากจนเกินไป เอาไว้ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันนะครับว่าร่างกายคุณไหวรึเปล่า?"







== TO BE CON ====>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2015 10:56:56 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ครามที่ไม่เจ้าอารมณ์นี้ก็น่ารักดีนะ ยียวนกวนขิงนิดหน่อย  :mew4:
 :3123: :3123:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
นี่แค่พักยกหรือครามจะคิดได้แล้ว

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
 ขิงอย่าลืมเรามีแฟนที่ดีรออยู่นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด