Andaman in Love |♬ ☆ อันดามัน...ซ่อนรัก ☆ ♬ | Ch.25 ☆ P.11 >> (25/03/59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Andaman in Love |♬ ☆ อันดามัน...ซ่อนรัก ☆ ♬ | Ch.25 ☆ P.11 >> (25/03/59)  (อ่าน 68056 ครั้ง)

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1




อันดามัน...ซ่อนรัก
ตอนที่ 12



ลงจากรถที่คุณครามและน้าพัฒน์มาส่ง ผมก็ใช้คีย์การ์ดผ่านประตูขึ้นมาข้างบน ห้อง 1703 นี่แหละที่ผมตั้งใจจะมาเซอร์ไพร์ซเจ้าของเค้า สงสัยกันใช่ไหมว่าทำการ์ดหรือพี่ยามหน้าคอนโดถึงปล่อยให้ผมเข้ามาได้ง่ายๆ เพราะเค้าคงคุ้นหน้าผมดี รวมถึงนิติบุคลของที่นี่ด้วย คีย์การ์ดนี่เจก็เป็นคนให้ไว้ตั้งแต่คบกันแรกๆ

มาถึงนี่ก็ห้าโมงกว่าพอดี หกโมงโน้นแหละกว่าเจจะกลับมา คอนโดเจดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ อีกอย่างเจจ้างแม่บ้านมาดูแลอาทิตย์ละครั้งด้วย อยู่ๆไม่รู้ว่าความคิดบ้าๆนี้ผุดเข้ามาในสมองได้ไง ความคิดที่ว่าเจจะแอบพาใครมานอนที่นี่รึเปล่า ยังไม่ทันได้คิดต่อ สองขาก็พาตัวเองเดินมาจนถึงห้องนอนของเจซะแล้ว มองดูทั่วไปก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินะ แม้แต่ตู้เสื้อผ้าก็ไม่มีเสื้อผ้าของคนอื่นเลย อาจมีบ้างสามสี่ชุด สงสัยเจจะซื้อมาใหม่เพราะรายนั้นแต่งตัวเก่ง ผมส่ายหัวกับความคิดบ้าๆพวกนี้แล้วเดินออกไปรอเจที่ห้องนั่งเล่น ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะขี้ระแวงเหมือนกัน ผมถอนหายใจแล้วลุกไปล้างหน้าเผื่อจะช่วยลดความฟุ้งซ่านออกไปบ้าง

ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว แต่เจยังไม่กลับ จะว่าไปทำงานธนาคารก็ไม่น่าจะเลิกดึกขนาดนี้ หรือว่ามีเลี้ยงฉลองกับเพื่อนที่ทำงาน รออีกหน่อยก็ได้ ไหนๆก็รอมาตั้งนานละ กับข้าวก็โทรสั่งมาแล้ว ไว้จะทานค่อยเอามาอุ่นอีกที แต่ถ้าเจทานข้างนอกมาแล้วล่ะ กับข้าวพวกนี้ก็เป็นหมันน่ะสิ ทำไงดี ลองโทรถามดีไหม๊จะได้เตรียมตัวทัน

"ฮัลโหลเจ"

"ครับขิง โทรมาได้เวลาพอดี เจกำลังคิดถึงอยู่พอดี" คุยกันปกติไม่เห็นตื่นเต้นเลย แต่ทำไมวันนี้ถึงตื่นเต้นขนาดนี้ก็ไม่รู้

"คิดถึงจริงเปล่า?"

"จริงดิ ถ้าอยู่ใกล้จะฟัดแล้วนะเนี๊ยะ ทำเสียงแบบนี้"

"แล้วเจอยู่ไหนตอนนี้ ทานข้าวรึยัง?"

"ทานแล้วครับ กำลังจะกลับคอนโด"

"กลับดึกนะเนี๊ยะ" ผมแกล้งหยอกไป

"ออกไปกินข้าวกับเพื่อนนิดหน่อย ถึงคอนโดแล้วเนี๊ยะ งั้นเจวางก่อนนะ อาบน้ำเสร็จแล้วจะโทรหา"

"ครับ" ตื่นเต้นจัง คนที่ห่างแฟน แล้วกำลังจะได้เจอกันครั้งแรกในรอบหลายเดือน มันรู้สึกอย่างนี้เอง

"แกร๊ก!!" เสียงประตูเปิด ผมอดอมยิ้มไม่ได้ เราจะได้เจอกันแล้ว

"อื้ออออ เจ!! อย่าเพิ่งสิ อาบน้ำก่อน" เสียงใคร? ผมก้าวเท้าออกจากมุมหนึ่งของห้อง แม้ว่ายังไม่เปิดไฟแต่ก็ยังเห็น เห็นคนสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตั้งแต่ประตูห้องมาจนถึงห้องนั่งเล่น จูบกันจนเสื้อผ้าหลุดหรุ้ย จนแทบไม่เหลืออะไรติดตัว สภาพตอนนี้คิดว่าเป็นเพื่อนกันธรรมดาคงไม่ได้แล้วล่ะ ใจเหมือนจะขาดเลยแหะ บอกไม่ถู

" ไม่ไหวแล้วขอเจเหอะครับที่รัก" >>>ที่รักงั้นเหรอ? มีที่รักเยอะจังเนอะ ผมประชดตัวเองในใจ

"แต่มันเหม็นเหงื่อนะเจ"

"ใครว่า หอมจะตาย จุ๊บ!!"

"อื้อออ จั๊กจี้.....!!"

 "เจขอนะครับ ให้รางวัลเจนะครับ วันนี้เจพามาร์คไปกินข้าว ไม่ดื้อแล้วก็ไม่ซนด้วย" มาร์คงั้นเหรอจะบังเอิญไปหน่อยมั้ง ผมคิดในใจแต่พอได้เห็นหน้าจริงๆตอนที่ทั้งคู่พลิกตัว ผมกลับคิดว่าบางทีโชคชะตามันก็เล่นตลกกับคนเราดีนะ ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่เจ็บเป็นร้อยเท่าขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อเนอะว่าเพื่อนกันจะทำกันถึงได้

"อื้ม!!!"

"ขอบคุณครับ มาร์คน่ารักที่สุดเลย จุ๊บ!!"

"อื้อออออ!! ๆ เจ........!!!" จะร้องทำไมนะ ทั้งๆทีก็เห็นว่าผมยืนดูอยู่ข้างหลังตั้งนานแล้ว

"เห้ย!! ขิง / อ๊ะ!!" เสียงเจผลักเขาออก

"อื้ม ขิงเอง" ผมตอบแล้วเช็ดน้ำตาออก เจ็บเนอะว่าไหมที่ถูกทั้งแฟนทั้งเพื่อนทรยศหักหลังแบบนี้

"ขิงฟังเจก่อนนะ คือว่า.."

"ขิงว่าไม่ต้องอธิบายแล้วเนอะ !! มันทั้งเห็นแล้วก็ได้ยินชัดเจนขนาดนี้แล้ว"

"ฟังหน่อยนะขิง ฟังเจก่อน เจขอโทษคนดี" เจคุกเข่าขอโทษ มือก็ฉุดรั้งผมไว้ จะว่าไปความจริงวันนี้ผมตั้งใจจะมาเซอร์ไพร์ซวันเกิดเจด้วยแหละ เซอร์ไพร์ซล่วงหน้าเพราะวันเกิดจริงๆวันวันพรุ่งนี้ แต่ไม่คิดว่าจะถูกเซอร์ไพร์ซซะเอง ตลกไหม?

"นี่คือเหตุผลที่เจไม่ค่อยโทรหา โทรไปก็ตอบว่าไม่ว่าง ติดงานใช่ไหม?" พูดไปก็เหมือนตอกย้ำตัวเองเนอะ ใครใช้ให้มึงไปทำงานอยู่ไกลล่ะ

"เจมันไม่ดีเอง เจมันนอกใจ นอกกายขิง แต่ได้โปรด..ขิงอย่าร้องไห้เลยนะ" ผมใช้หลังมือปาดน้ำตา แล้วสะบัดแขนเจออก ส่วนอีกคนน่ะเหรอก็ยืนมองเหมือนผู้ชนะไง ก็ดีต่อไปจะได้รู้ว่าใครเป็นยังไง ผมสะบัดเจออกอีกครั้งแล้วเดินออกมา

"ขิงอย่าไป เจขอโทษ ยกโทษให้เจนะ ขอร้อง"

"กลับไปหาเค้าเถอะเจ เรื่องของเราถือว่าจบลงตรงนี้เถอะ ขิงรับไม่ได้ที่แฟนตัวเองไปมีคนอื่น ขิงไม่ใช่คนดีอะไร แล้วก็ไม่ใช่คนใจกว้างด้วย ขิงก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากให้แฟนตัวเองมีเราแค่คนเดียว รักเราแค่คนเดียวเท่านั้น ปล่อย!!" ผมปาดน้ำตาออก แล้วมองหน้าเจทั้งน้ำตาสลับกับอีกคนที่ยืนเกาะแขนอยู่ไม่ห่าง

"ไม่เอาเจไม่เลิก เจรักขิง รักขิงคนเดียว" รักบ้าอะไรทำแบบนี้ คนรักกันที่ไหนเค้าทำร้ายกันแบบนี้

"ตลกไปไหม รักหลอกลวงน่ะสิไม่ว่า ถอยอย่ามาจับ"

"เจขอโทษครับ ขอโทษ ได้โปรดให้อภัยเจสักครั้งนะครับ ได้โปรด" จะมาเสียใจตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ ไม่มีค่าอะไรหรอก กฏเหล็กของผมมีอยู่ขอเดียว ข้อเดียวจริงๆนั่นก็คือ ห้ามนอกกาย ห้ามนอกใจ ผมสบัดแขนแล้วผลักเจออก ส่วนตัวเองก็เดินออกมาเงียบๆ เจก็คงตามออกมาไม่ได้ตอนนี้เพราะเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ถ้ากล้าเดินออกมาก็เกินไปแล้วล่ะ


"ไปโรงแรม xxxx ครับลุง" ผมโบกรถแท็กซี่แถวนั้น

"ขิงๆ ก๊อกๆ อย่าเพิ่งไป ฟังเจก่อน ปึกๆๆ" เสียงเจใช้มือทุบกระจกรถ

"ไม่ลงไปคุยกันให้เข้าใจก่อนอะพ่อหนุ่ม?"

"ไม่ดีกว่าครับ ไปเลยครับลุง"

"ทะเลาะกันมาเหรอพ่อหนุ่ม?" ผมไม่ตอบ

"ถ้ามันไม่หนักมากก็ลองให้อภัยเค้าดู แต่ถ้ามันหนักจนให้อภัยไม่ได้ก็ตัดใจซะ ถึงมันทำยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้นะ ความรักมันก็มีแค่นี้ ความสุขกับความทุกข์ ทุกอย่างเราเลือกให้ตัวเราเองได้"

"ขอบคุณครับลุง"

"งั้นลุงขอเปิดวิทยุนะ"

"ครับ"

"คลับฟรายเดย์วันนี้ฝากไว้กับประโยคนี้ค่ะ #อ้างว่ารักมาก #ไม่อยากเสียเราไป #รักเราแค่ไหนเชียว #มีเราคนเดียวยังไม่ได้เลย" จริงสินะ พี่อ้อยพูดถูก รักเรายังไง ถึงทำแบบนี้กับเราได้

"อ้าวจบซะละ ไม่ทันได้ฟังเลย"


ตลอดทางเหมือนเวลามันหมุนไปอย่างช้าๆ ให้เราได้ย้อนคิด ก่อนหน้าที่จะคบกันมีแต่คนบอกว่าเจเจ้าชู้มาก แต่เราก็ยังคบ ความรักทำให้เรามองทุกอย่างให้เป็นเรื่องเล็กได้ แม้แต่เรื่องความเจ้าชู้ เป็นเรื่องที่เรายอมรับมันเอง แม้แต่เฟซบุ๊คหรือไอจีเค้า เราก็ไม่เคยเข้าไปยุ่ง โทรศัพท์มือถือเค้าเราก็ไม่เคยขอดู เพราะถือว่ามันเป็นของส่วนตัว เป็นคนไม่ชอบคนเจ้าชู้ แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งเกลียดอย่างไหน ก็ได้อย่างนั้น


ตอนนี้หัวสมองมีแต่ภาพที่เห็นเมื่อกี้ แล้วก็เสียงของเจที่ก้องอยู่ในหูเต็มไปหมด กว่าจะถึงโรงแรมก็ไม่รู้ว่ากี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ไม่ได้สนใจ พอถึงห้องปุ๊บก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว แม้แต่น้ำก็ไม่อยากอาบ ส่วนข้าวเย็นก็เลิกพูดถึงไปได้เลย กะว่าจะได้กินกับแฟน แต่ก็นะ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดถึงมันอีก บอกกับตัวเองแบบนั้น แต่ใจมันกลับดื้อด้านไม่ยอมฟัง ยิ่งหาวิธีจะลืมมัน กลับเหมือนหาวิธีจำมันอย่างนั้นแหละ

"หลับซะขิง พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว"




.........................



"เมื่อคืนนอนไม่หลับรึไง? ตาคล้ำเชียว"

"ครับ สงสัยคงแปลกทีมั้งครับ"

"ยังโกหกไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะ"

"......"

"รู้ไหม๊สายตานายมันไม่เคยโกหก เหมือนอย่างที่เจ้าของมันกำลังทำตอนนี้หรอก" ผมเงียบไม่รู้จะตอบว่าไง

"ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร งั้นก็ไปกันเถอะ นายพัฒน์มารอแล้ว"


ใช่เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาลเพราะวันนี้รถไม่ติดเท่าไหร่ ทำให้มาถึงก่อนเวลานัดนิดหน่อย ทั้งผมและคุณครามเลยเดินไปที่ห้องตรวจตามหมอนัดได้เลยทันที เพิ่งรู้ว่าคุณพ่อของหมอตั้นเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้ด้วย ถึงว่าสามารถเปลี่ยนตารางนัดหมอได้ด้วย แถมคนที่ทำการผ่าตัดคุณครามก็เป็นคุณพ่อของหมอตั้นด้วย รวมหมอตั้นด้วยก็สองคน

"ขิง"

"เจ มาทำไมที่นี่?" ผมหยุดชะงักไปแป๊บนึง ไม่คิดว่าเจจะตามมาถึงที่นี่ได้

"เจมาหาขิง"

"แล้วรู้ได้ไงว่าขิงอยู่ที่นี่?"

"เจโบกแท็กซี่ตามขิงไปที่โรงแรมนั่นตั้งแต่เมื่อคืน ขิง...เจขอโทษ ให้อภัยกันสักครั้งได้ไหม" เมื่อคืนผมปิดเสียงไว้ เห็นแล้วล่ะว่าเจโทรมา แต่ก็ไม่อยากรับ ไม่คิดว่าเจจะตามมา แล้วก็อยู่เฝ้าจนถึงเช้าขนาดนี้ สงสารอยู่นะ ดูจากหน้าตาคงจะไม่ได้นอนทั้งคืน แถมเสื้อผ้ายังเป็นชุดเก่าเมื่อวานอยู่เลย

"เจมีเรื่องจะพูดกับเราแค่เนี๊ยะเหรอ?" เจมองผมอย่างตัดพ้อ เพราะผมเปลี่ยนมาใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าเรา เหมือนตอนรู้จักกันใหม่ๆ เหมือนตอนที่ไม่สนิทกัน

"เจแค่อยากมาขอโทษ แล้วก็ขอโอกาสกับขิง"

"เราไม่มีโอกาสให้เจหรอก ถึงเราให้โอกาสไป แต่ใจเรา ความรู้สึกของเรามันก็ไม่เหมือนเดิมหรอก    เราไม่อยากคบกันไป แล้วต้องคอยระแวงกันไป ว่าวันไหนเจจะนอกใจเราอีก พูดตรงๆ คือเราไม่สามารถเชื่อใจเจได้อีก กลับไปเถอะ"

"แต่เจรักขิง รักขิงคนเดียว ถึงเจอาจจะเผลอใจกับคนอื่นไปบ้าง แต่เจก็ไม่เคยจริงจัง ได้โปรดเถอะครับขิง ให้โอกาสเจเถอะ อย่าทิ้งเจไปเลย เจไม่ได้รักเค้า เจรักขิง ได้ยินไหม?" ผมว่าจะไม่ร้องอีกแล้วหลังจากที่ร้องไปจนหมดเมื่อคืน

"คนรักกันเค้าไม่กันแบบนี้หรอกเจ แล้วก็อย่ามาพูดง่ายๆ แบบนั้นอีก รักเค้าหรือไม่รักเค้า แต่เจก็นอกใจเราไปแล้ว เข้าใจไหม? ถ้าเรายอมกลับไป แล้วจะเอาไรมายืนยันว่าเจจะไม่ทำอีก? ก็ไม่มีใช่ไหมล่ะ?"

"ทำไมล่ะขิง ขิงรักเจไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงให้อภัยเจสักครั้งไม่ได้?" เจเริ่มเสียงดังจนผู้ป่วย นางพยาบาล หรือญาติผู้ป่วยแถวนั้นหันมามอง

"อย่าเสียงดังสิเจ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ"

"เจไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ ขอให้ขิงให้อภัยเจก็พอ"

"งั้นเจก็อยู่ให้เค้ามองเจไปเถอะนะ เราไปละ"

"นี่ปล่อยนะเจ ปล่อยเรา จะลากเราไปไหน?"

"ไปหาที่คุยกัน แล้วเราก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่องด้วย"

"เราไม่ไป ปล่อยเดี๋ยวนี้ เราเจ็บได้ยินไหม๊?"

"นี่คุณนี่มันโรงพยาบาลนะคะ กรุณาอย่าเสียงดัง แต่ถ้าจะทะเลาะกัน ก็ช่วยไปทะเลาะกันที่อื่นด้วย มันรบกวนผู้ป่วยค่ะ"

"ขอโทษครับ พอดีแฟนผมงอน งั้นขอตัวนะครับ" เจพูดเสร็จก็ลากผมออกมาจากตรงนั้น

"เจ อย่าทำแบบนี้ เจทำให้เรากลัวนะรู้ไหม๊?"

"กลัวเจทำไม เจรักขิงออกจะตาย เจไม่ทำร้ายขิงหรอกครับ หึๆๆๆ" ยิ่งเจหัวเราะแบบนี้ ยิ่งน่ากลัว โรงจอดรถของโรง'บาล แม้จะมีกล้องวงจรปิด แต่ก็แค่กล้อง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา กว่าคนจะมาช่วย คงไม่ทันแล้วล่ะ

"เจใจเย็นๆนะ ฟังขิง ถึงเลิกกันไปแล้ว แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ เหมือนเมื่อก่อนไง" ผมพยายามเกลี้ยกล่อม

"เจไม่อยากเป็นเพื่อนกับขิง รู้ไหมกว่าเจจะได้ขิงเป็นแฟนมันยากแค่ไหน? แถมเป็นแฟนกันแม้แต่มีอะไรกันก็ยังไม่เคย แล้วจะให้เจปล่อยขิงไปเนี๊ยะนะ" หมายความว่าไง? ที่เจยังอยู่เพราะเรื่องนี้เองเหรอ?

"เจ...."

"ตามมาดีๆ เถอะขิง เจสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร? ขอเพียงแค่ขิงยอมกลับไปกับเจ แล้วก็ยอมยกโทษให้เจ"

"ขิงยอมยกโทษให้เจ ไม่ติดใจอะไรอีกแล้ว แต่จะให้กลับไปคบกันเหมือนเดิมคงไม่ได้ เชื่อขิงนะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้" ผมกลับไปใช้สรรพนามเหมือนตอนที่คบกันเพื่อนให้เจรู้สึกว่าผมหายโกรธแล้ว

"เพื่อนงั้นเหรอ? เจไม่อยากเป็น เจอยากเป็นคนที่ขิงรัก" ถามว่าตอนนี้ยังรักไหม? บอกเลยว่ายังรัก แต่มันเหมือนรักไม่สุด หรือทั้งรักทั้งกลัว ทั้งระแวง ถ้าเป็นแบบนี้เราจะไปกันรอดได้ไง สู้จบกันตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็ยังเหลือความเป็นเพื่อนไว้อยู่


"ขิง!!"

"คุณคราม!!" ผมดีใจจริงๆที่เห็นเค้าตอนนี้

"มาอยู่ที่นี่เอง ตามหาซะทั่ว" เค้าพูดแล้วเหลือบมองเจ

"มีอะไรรึเปล่าครับ?" ผมพยายามทำเสียงไม่ให้สั่นแล้วตอบเค้าไป

"ก็นายต้องดูแลชั้นตอนตรวจ แต่นี่นายกลับบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็หายไปเลย ชั้นก็เลยออกมาตาม" ครามส่งสายตามบอกให้ขิงเข้าใจว่า ให้เออออตามน้ำไปก่อน

"ผมขอโทษครับ พอดีเจอเพื่อน เลยออกมาคุยกันนิดหน่อย"

"งั้นก็ไปได้แล้ว หมอรอตรวจอยู่" คุณครามพูดโดยไม่ได้สนใจเจที่กำลังจับแขนผมอยู่

"ครับ"

"ครับก็มาพยุงชั้นสิ"

"ไม่ได้ คิดว่าใช้มุขนี้แล้วผมจะโง่ดูไม่ออกงั้นเหรอ?" เจเริ่มขึ้นเสียง

"หมายความว่าไง?" คุณครามถาม

"ผมดูขิงอยู่ตั้งนานจนคุณเข้าไป ถ้าคุณต้องการให้ขิงเข้าด้วยจริง ก็คงให้เข้าไปตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นอย่ามายุ่งเรื่องของแฟนเค้าทะเลาะกัน"

"คงไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะนี่คือคนของชั้นเหมือนกัน"

"หมายความว่าไง คนของคุณ?" เจเริ่มเสียงดังตามอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ

"เค้าทำงานให้ชั้น มากับชั้น ถ้าเกิดเค้าเป็นอะไรไป ชั้นก็ต้องรับผิดชอบ นายนั่นแหละกลับไปซะ ก่อนที่ชั้นจะให้ รปภ มาลากตัวนายไป"

"ผมไม่ใช่ผู้ร้าย แค่มาคุยกับแฟน คุณนั่นแหละเป็นแค่เจ้านาย อย่ามายุ่งดีกว่า" เจเริ่มโมโหจนหน้าดำหน้าแดง

"แฟนงั้นเหรอ? เท่าที่แอบได้ยินมา เค้าเลิกกับนายแล้วนิ"

"คุณคราม!!" ผมอุทานออกมา

"มึงไม่ต้องมาเสือกเรื่องของพวกกู ถ้ายังตามมาอีก ระวังจะเป๋ไปตลอดชีวิต ไม่เชื่อก็ลองดู" เจพูดแล้วเหลือบมองไม้เท้าที่คุณครามถือมาด้วย

"ตุ๊บ!! / เฮ้ย!! / โอ๊ย!!" เสียงคุณครามเหวี่ยงไม้เท้าใส่เจจนหัวแตก อีกเสียงเป็นเสียงผมกับเจร้องขึ้นพร้อมกัน เจใช้สองมือกุมหัวที่แตกเลือดไหลออกมา ผมกำลังจะเข้าไปดูแต่คุณครามจับแขนไว้ไม่ให้ไป

"เป็นไงฤทธิ์ไอ้เป๋อย่างชั้น ขอบอกอีกครั้งนะ ถ้าไม่อยากโดนเรียกตำรวจมาจับก็รีบไสหัวไป"

"ไอ้เหี้ยเอ๊ย!! มึงทำกูเลือดไหล มึง!!"

"ผลั๊วะ!!"

"คุณคราม!!" ดีที่ผมรับตัวเค้าไว้ได้ทันไม่งั้นถ้าล้มขึ้นมาคงหนักกว่าคนธรรมดาเค้าเป็นสองเท่าแน่ๆ

"เจหยุด!! อย่าทำเค้า ถ้าจะทำให้เค้าบาดเจ็บละก็ แม้แต่คำว่าเพื่อนขิงก็จะไม่มีให้นะ คิดดูว่าจะเอาแบบไหน?" ผมจ้องตาเจไม่ลดละ ส่วนคุณครามก็เอามือเช็ดเลือดที่มุมปากตัวเอง แล้วถุยน้ำลายที่ปนเลือดออกมา

"นี่ขิงปกป้องมันงั้นเหรอ? เป็นอะไรกับมันล่ะ? หรือว่าตลอดเวลาที่ไปอยู่ที่โน้นมา เสียตัวให้มันแล้ว พอมาเจอเจทำบ้าง ก็เลยจะหาเรื่องเลิกพอดีงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!!" นี่เหรอคำพูดของคนที่รักกัน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้ยินคำพวกนี้หลุดออกจากปากเจมา

"เป็นบ้าไปแล้ว ขิงเป็นยังไงเจก็น่าจะรู้ดี อย่าต้องให้พูดเลย ตลอดเวลาที่คบกันมาตั้งหลายปี เจน่าจะรู้จักตัวขิงดีที่สุด พอเถอะ!! ทุกอย่างเจเป็นคนเลือกมันเอง ถ้าจะโทษใครก็ต้องโทษตัวเจนั่นแหละ ส่วนเรื่องขิงกับเค้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เค้าเป็นเจ้านายขิง"

"เจ้านายห่าอะไรจะมองคนอาณัติตัวเองด้วยสายตาอย่างนั้น มองแป๊บเดียวก็รู้ว่ามันก็คิดจะยังไง ไม่เชื่อลองมองตามันสิ"

"ไม่จริงหรอกเจ เค้าเป็นผู้ชายจะมาสนใจอะไรเกย์อย่างขิง อย่าพาลเจ ขิงขอร้อง แล้วก็ช่วยกลับไปทำแผลซะ ก่อนที่เลือดมันจะไหลออกมาหมด" ใช่ว่าผมจะเชื่อเจ แต่ผมเชื่อตัวเองมากกว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมาหลายเดือนนี้ มันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ไง

"หึ!! รู้น้อยไปสิ จำได้ไหม๊ว่าแต่ก่อนเจก็เป็นผู้ชายเหมือนกับมัน แต่ยังมารักขิงได้ แล้วทำไมไอ้หมอนี่มันจะเป็นไปไม่ได้ ห๊ะ?"

"เป็นไง? ตอบไม่ได้ล่ะสิ"

"คุณครามครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ?" น้าพัฒน์มาพร้อมกับ รปภ.อีกสองสามคน

"ไม่มีอะไรมาก ไปกันเถอะ"

"ขิงอย่าไป!! กลับมาคุยกันก่อน ปั๊ดโธ่เว้ย ปล่อยกู!!" ผมหันหลังก้าวเดิน แต่ยังไม่เคยได้ยินเสียงเจตามหลังมา รปภ.พวกนั้นคงกันตัวเจไว้ไม่ให้ตามมา

"จำไว้นะว่าเจไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ๆ ยังไงขิงก็ต้องเป็นของเจ" ผมถอนหายใจกับวันที่วุ่นวายแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าเจจะเป็นแบบนี้







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2015 12:10:44 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เจนี่เลวจริงๆ. รักภาษาอะไรถึงทำแบบนี้ เผยด้านมืดออกมาแล้วสินะ :fire: :fire:

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เจนี่เลวจริงๆ. รักภาษาอะไรถึงทำแบบนี้ เผยด้านมืดออกมาแล้วสินะ :fire: :fire:


ตอนแรกว่าจะแต่งให้จบดีกว่านี้แหละ แต่เดี๋ยวมันจะง่ายเกินไป ไม่หนุก แอบสงสารเจนิดนึง ความห่างไกลทำร้าย แต่ก็ต้องโทษตัวเองที่อ่อนไหวไปกับคนอื่นเอง

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เย้ กลับมาต่อแล้ว  :mc4:
เราไม่สงสารเจเลยนะ เราสงสารขิงมากกว่า คนที่ทำผิดแล้วได้รับการลงโทษสมควรได้รับความสงสารด้วยหรอ? เจหน้าด้านมากนะ  :z6:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สงสารขิงอ่ะ  T_T

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เย้ กลับมาต่อแล้ว  :mc4:
เราไม่สงสารเจเลยนะ เราสงสารขิงมากกว่า คนที่ทำผิดแล้วได้รับการลงโทษสมควรได้รับความสงสารด้วยหรอ? เจหน้าด้านมากนะ  :z6:

แรง นิยามความเป็นตัวเจได้ถึงพริกถึงขิงมาก ฮ่าๆๆ #ขอบคุณครับที่มาให้กำลังใจกันตลอด อย่าทิ้งกันไปไหนนะ^^

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
สงสารขิงอ่ะ  T_T

นั่นแหละ ขิงน่าสงสารนะ พระเอกของเราก็ยังไม่แน่ใจตัวเองสักที ยักแย่ยักยันอยู่นั่นแหละเนอะ. 55555

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อ่านตอนนี้แล้วอยากบอกว่าคุณครามเท่มากค่ะ...เอาใจไปเลย   o13
ส่วนเจเอา....  :z6: ห้าสิบทีปฏิบัติจร๊า ... ไม่สงสารหรือเห็นใจอะไรทั้งนั้น .. 
ต่อให้ห่างกันถ้าใจมั่นแกจะทำแบบนี้เหรอ   :beat: :beat: 
สงสารเจ....  :mew6:  คุณครามคงทำให้เจเขึ้นได้  เชียร์ขาดใจ คุผณครามน้องเจ  :mc4:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :fire:


เรื้อนนนมากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aoraor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่มีความรู้สึกสงสารเจอยู่เลยซักนิด 5555555

คงเพราะตอนที่เจหลุดปากพูดว่า ยังไม่เคยได้ขิงเลยซักครั้ง  ล่ะมั้ง
เขาว่าคำพูดตอนโกรธมักออกมาจากใจ

อีกอย่าง เกลียดการนอกใจมาก ตอนให้พลั้งเผลอไปก็ตาม
จะบอกครั้งแรกก็มักง่าย ในเมื่อได้ทำแล้ว คิดเหรอว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้นอีก

อีมาร์คไรนั้นก็อีก เบะปากแรงมาก ผีเน่ากับโลงผุ  ชัดๆ อยากได้นักเอาไปเลย//เดี๋ยวๆ ได้ข่าวว่าแฟน(เก่า)ขิง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
บางคนอาจจะให้โอกาสได้แต่บางคนการที่นอกใจแบบนี้มันให้ความเชื่อใจหมดไป ก็อย่างที่ขิงบอกนั่นแหล่ะว่าก็ยังรักแต่ถ้าอยู่กับความหวาดระแวงว่าเค้าจะทำอีกมั้ย มันก็คงจะไปไม่รอดแล้ว เพราะความรักมันต้องมากับความเชื่อใจด้วย และอย่างคนเจ้าชู้แบบเจถ้ามีครั้งแรกย่อมมีครั้งต่อไปแน่ๆ เลิกตอนนี้ย่อมดีสำหรับขิงแน่นอนอยู่แล้ว

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
อ่านตอนนี้แล้วอยากบอกว่าคุณครามเท่มากค่ะ...เอาใจไปเลย   o13
ส่วนเจเอา....  :z6: ห้าสิบทีปฏิบัติจร๊า ... ไม่สงสารหรือเห็นใจอะไรทั้งนั้น .. 
ต่อให้ห่างกันถ้าใจมั่นแกจะทำแบบนี้เหรอ   :beat: :beat: 
สงสารเจ....  :mew6:  คุณครามคงทำให้เจเขึ้นได้  เชียร์ขาดใจ คุผณครามน้องเจ  :mc4:

เดี๋ยวๆนะครับ คุณ PFlove เชียร์คุณครามกับเจ แล้วเอานายเอกของเราไปไว้ไหนอะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 07:27:02 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ไม่มีความรู้สึกสงสารเจอยู่เลยซักนิด 5555555

คงเพราะตอนที่เจหลุดปากพูดว่า ยังไม่เคยได้ขิงเลยซักครั้ง  ล่ะมั้ง
เขาว่าคำพูดตอนโกรธมักออกมาจากใจ

อีกอย่าง เกลียดการนอกใจมาก ตอนให้พลั้งเผลอไปก็ตาม
จะบอกครั้งแรกก็มักง่าย ในเมื่อได้ทำแล้ว คิดเหรอว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้นอีก


คุณAoraor  จัดเต็มเจมาก อย่ามาจัดเต็มคนแต่งแบบนี้นะคุณอ้อ คนแต่งจะร้องไห้ให้ดูเลย

อีมาร์คไรนั้นก็อีก เบะปากแรงมาก ผีเน่ากับโลงผุ  ชัดๆ อยากได้นักเอาไปเลย//เดี๋ยวๆ ได้ข่าวว่าแฟน(เก่า)ขิง

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
บางคนอาจจะให้โอกาสได้แต่บางคนการที่นอกใจแบบนี้มันให้ความเชื่อใจหมดไป ก็อย่างที่ขิงบอกนั่นแหล่ะว่าก็ยังรักแต่ถ้าอยู่กับความหวาดระแวงว่าเค้าจะทำอีกมั้ย มันก็คงจะไปไม่รอดแล้ว เพราะความรักมันต้องมากับความเชื่อใจด้วย และอย่างคนเจ้าชู้แบบเจถ้ามีครั้งแรกย่อมมีครั้งต่อไปแน่ๆ เลิกตอนนี้ย่อมดีสำหรับขิงแน่นอนอยู่แล้ว


งั้นตอนนี้เราก็ต้องคอยลุ้น คอยให้กำลังใจคุณครามให้จีบขิงสักทีแล้วล่ะ ^^ ส่วนเจก็ปล่อยมันไปตามทางมันเหอะ

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อ่านตอนนี้แล้วอยากบอกว่าคุณครามเท่มากค่ะ...เอาใจไปเลย   o13
ส่วนเจเอา....  :z6: ห้าสิบทีปฏิบัติจร๊า ... ไม่สงสารหรือเห็นใจอะไรทั้งนั้น .. 
ต่อให้ห่างกันถ้าใจมั่นแกจะทำแบบนี้เหรอ   :beat: :beat: 
สงสารเจ....  :mew6:  คุณครามคงทำให้เจเขึ้นได้  เชียร์ขาดใจ คุผณครามน้องเจ  :mc4:

เดี๋ยวๆนะครับ คุณ PFlove เชียร์คุณครามกับเจ แล้วเอานายเอกของเราไปไว้ไหนอะ ^^
Omg!   มัวแต่อินในความเลวของอีเจเลยพิมนางเอกผิดเลยกำ! เชียร์ขิงกับครามซิค่ะ...อายจังหลับไปร้องไห้หนักมาแพร๊บ!  :o8:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นี้ถ้าเคยได้แล้วคงจะทิ้งๆขว้างๆไปนานแล้วละสิ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
คนประเภทนี้มันเลวจริงๆเขาถึงว่า"คนมันจะเลวมันก็เลวจากกมลสันดารน่ะแหละ เปลือกนอกฉาบฉวยอ่ะฉาบสันดานจริง
ไม่ได้หรอก" นอกใจก็ไม่ดีแล้วนีทีไม่เลิกเพราะยังไม่ได้กันชั่วจริงๆแบบนี้มันต่ำเกินกว่าคนล่ะจริงๆถ้าไม่รู้จักสำนึก
ผิดชอบชั่วดีแบบนี้

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คนประเภทนี้มันเลวจริงๆเขาถึงว่า"คนมันจะเลวมันก็เลวจากกมลสันดารน่ะแหละ เปลือกนอกฉาบฉวยอ่ะฉาบสันดานจริง
ไม่ได้หรอก" นอกใจก็ไม่ดีแล้วนีทีไม่เลิกเพราะยังไม่ได้กันชั่วจริงๆแบบนี้มันต่ำเกินกว่าคนล่ะจริงๆถ้าไม่รู้จักสำนึก
ผิดชอบชั่วดีแบบนี้


แต่ละคนมาเต็ม มาแรงกันทั้งนั้น อิเจเป็นตัวโกงเลยรับไปเต็มๆ 55555 คุณบูมเบสถ้าเคืองคนแต่ง ก็ห้ามว่าเค้าแบบนี้นะ เค้าจิตใจบอกบางรับม้ายด้ายยยย ^^

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
นี้ถ้าเคยได้แล้วคงจะทิ้งๆขว้างๆไปนานแล้วละสิ

อ่านแล้วขึ้นเลยใช่ไหมคุณ B52. อิอิ ฆ่ามานนนนน ฝากฆ่ามาร์คด้วยคนนะ.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1







อันดามัน...ซ่อนรัก
 ตอนที่ 13


ตอนนี้ผมกลับมาทำงานได้หลายวันแล้ว ส่วนมือถือก็ได้คืนจากคุณครามตั้งแต่ตอนไปกรุงเทพฯแล้วด้วย หลังจากวันนั้นเจก็ยังโทรมาหาเรื่อยๆ จนผมรำคาญ เลยปิดเครื่องแล้วเอายัดใส่ในลิ้นชักไว้นั่นแหละ

ชีวิตผมกลับเข้าสู่โหมดปกติอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ คือการมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีสติ สุดท้ายไม่ว่าผลจะออกมายังไงเราก็ต้องตั้งรับมันให้ได้ และใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ผมคิดนะครับว่าไม่ว่าจะคู่ชายหญิง คู่ชาย-ชาย หรือคู่หญิง-หญิงก็ตาม เมื่อทางรักของเรามันจบลง สิ่งหนึ่งที่ไม่เกี่ยวเลยคือเวลา ต่อให้คบกันมาเป็นสิบปี สุดท้ายเมื่ออีกฝ่ายยังไม่เลิกเสาะแสวงหา ก็ทำให้คำว่ารักมันยุติลง แต่อย่างน้อยก็ยังเหลือความทรงจำดีๆ ในวันเก่าให้เราได้มองย้อนกลับไปได้อยู่


ผมเคยคิดนะว่าอยากใช้ชีวิตธรรมดาๆ อยู่ที่บ้าน หรือที่ไหนสักแห่งกับคนที่รัก ออกบ้านไปทำงานของใครของมัน แล้วกลับมาอยู่ด้วยกัน ทานข้าว ดูหนัง ดูทีวีด้วยกัน บอกกู๊ดไนท์ เข้านอนพร้อมกัน แล้วก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นคนที่เรารักนอนอยู่ข้างๆ ถ้าเป็นแบบนั้นชีวิตคงมีความสุข แต่ในเมื่อตอนนี้มันไม่มีสิ่งเหล่านั้นแล้ว เราก็แค่พับมันเก็บไว้ในใจแค่นั้นเอง แล้วก็ค่อยๆ ถอยหลังกลับไปสู่ความเป็นจริงตอนนี้ ทำวันนี้ตอนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แค่นั้นเอง


ไม่อยากจะบอกเลยว่าที่ผมเข้มแข็งได้ขนาดนี้เพราะความคิดของพี่ต้นหอม ที่เพิ่งเลิกกับพี่แทคไป ผมว่าเธอมีสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับความรักตรงนี้ดีนะครับ ถึงแม้จะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้คร่ำครวญจนเสียสติไป แล้วก็พยายามอยู่กับปัจจุบัน


ถามว่าผมเข้มแข็งได้อย่างพี่ต้นหอมไหม๊? ต้องตอบเลยว่าไม่ แต่ก็ใช่ว่าเราจะทำไม่ได้เลย พอได้มีเวลาคิด ผมกลับมองว่าความความรักมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกเนอะ ความรักจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กับใครก็ไม่รู้? แล้วจะจบลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เช่นกัน แล้วอีกอย่างหนึ่ง...ในช่วงที่เรายังมีความรักนั้นอยู่กับตัวเรานั้น เราก็ต้องรักษามันไว้ให้ดี เพราะไม่แน่ว่าอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันบุกมาเซอร์ไพรส์เราถึงหน้าบ้านเลยก็เป็นไปได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทุกอย่างเราก็ต้องมีสติกับมันและทำมันให้ดีที่สุด เผื่อวันหนึ่งที่เสียมันไปแล้ว จะได้ไม่ต้องมารู้สึกเสียใจว่าตอนนั้นทำไมไม่ทำ?


 หลังจากวันนั้นที่เจบอกว่าจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น ผมก็แอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันนะ แต่คิดในทางที่ดี ผมอยู่ไกลถึงกระบี่ขนาดนี้ เจคงตามหาไม่เจอหรอก

วันนี้คุณครามออกไปดูฟาร์ม แต่ไม่เอาผมไปด้วย ก็ดีเหมือนกันแหะ เมื่อเช้าพี่นุ้ยมาชวนออกไปตลาดนัดแถวๆนี้ ผมเลยตอบตกลงไปกับพี่นุ้ยซะเลย เพราะอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ฟุ้งซ่านเปล่าๆ ตลาดนัดที่ว่าอยู่ห่างจากบ้านเราไม่ถึงกิโลเอง เดินไปก็ได้ แค่เลาะชายหาดนี้ไปก็ถึงแล้ว จะว่าไปผมก็ไม่ได้มาเดินเที่ยวแบบนี้นานเหมือนกันแล้วนะ ตั้งแต่มาทำงานกับคุณคราม

หลังจากที่เดินจนทั่ว ผมก็ได้ของกินมาเต็มสองมือเลย ส่วนพี่นุ้ยก็ได้เสื้อผ้ากับเครื่องสำอางผู้หญิงนั่นแหละ เราสองคนเดินกลับไปทางเดิม เดินกันไปคุยกันไป ทะเลตอนเย็นสวยดีนะครับ แต่กลับดูเหงาๆยังไงไม่รู้ ถ้าให้เลือก ผมคงเลือกทะเลตอนพระอาทิตย์ขึ้นมากกว่า สวยเหมือนกัน แต่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน ในความคิดผมเหมือนมันมีกลิ่นอายของการเริ่มใหม่อยู่ ผมกับพี่นุ้ยเดินเลาะมาจนถึงชายหาดหน้าบ้านแล้ว แต่ที่ยังไม่เข้าไปเพราะเจอคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีก คนที่ว่านั่นก็คือเจนั่นแหละครับ อุตส่าห์อยู่ถึงกระบี่ยังอุตส่าห์ตามหาเจอจนได้ ยอมรับว่าตกใจ แล้วก็หวั่นๆด้วย

"มาทำไม?"

"เจบอกแล้วไงครับ ว่ายังไงเจก็ไม่ยอมปล่อยขิงไปกับไอ้หมอนั่นหรอก" ผมถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

"แล้วรู้ได้ไงว่าขิงอยู่ที่นี่?" ผมไม่เคยบอกเลยนะว่าอยู่ที่ไหน บอกแค่ว่ามาทำงานที่กระบี่

"อย่าลืมสิว่าพ่อเจเป็นใคร?"

"นั่นสินะ" ลืมคิดไปเลยว่าเจเป็นลูกชายนักการเมือง แค่ตามหาคนแค่นี้คงไม่ยาก ผมเบ้ปากแล้วเหลือบมองคนที่เพิ่งวิ่งตามมาเกาะแขนเจ ไม่นึกนะว่าจะตามกันมาถึงขนาดนี้ จากที่คิดว่าวันนี้คือวันสบายๆชิลๆ คงไม่ชิลแล้วล่ะ

"สวัสดีขิง สบายดีไหม คือเราอยากจะบอกว่าขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ"

"ทุกอย่างเรารู้ว่าเราผิด ขิงจะโกรธเราก็ไม่ว่า แต่ช่วยให้โอกาสเจหน่อยได้ไหม?"

"หยุดทำท่าทางแบบนั้นสักทีเถอะ ถ้าเป็นนักแสดง คนดูเค้าก็คงไม่อินหรอก มันไม่สมบทบาท...แล้วถามจริงเหอะ..ที่บอกว่าอยากให้เราให้โอกาสเจน่ะ กลั้นใจพูดนานไหม?"

"ไม่นะขิง เราอยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เรารู้ว่ามันคือความผิดพลาด ยากให้อภัย แต่เราก็...."

"มีแค่นี้ใช่ไหมที่อยากจะบอก" ผมพูดตัดบท ขืนถ้ายืนฟังนานกว่านี้คงจะเอียน

"ไปกันเถอะครับพี่นุ้ย" ผมยืนฟังสองคนนั่นจนลืมไปเลยว่ามากับพี่นุ้ย ซึ่งแกยืนมองดูสถานการณ์ตาพริบๆ คงไม่คิดว่าจะเห็นฉากละครน้ำเน่าที่เผอิญมีคนเอามาใช้ในชีวิตจริง

"เดี๋ยวก่อนสิขิง" ผมหันมามองเจ

"ถึงขิงจะบอกว่าเราเลิกกัน แต่ยังไงเจก็ไม่ยอมปล่อยขิงไปกันมันหรอกนะ"

"เจ..แล้วมาร์คล่ะ เจเอามาร์คไปไว้ที่ไหน มาร์คเป็นแฟนเจนะ" นั่นไงหางโผล่ออกมาละ ไม่รู้ว่าผมทนคบมาได้ยังไงนะตั้งสี่ห้าปีเพื่อนแบบนี้ ผมเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วปล่อยให้เค้าเคลียร์กันเอง

"หื้ย...ปล่อย" ได้ยินเสียงสองคนนั่นเถียงกันตามหลังมา ไม่อยากได้ยินหรอกแต่มันเข้าหูมาเอง แอบสะใจนิดๆนะที่เห็นเพื่อนรักโดนแบบนี้ หรือว่าเรากลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไปแล้ว


หลังจากที่มาถึงบ้านแล้ว ผมกับพี่นุ้ยก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน เรื่องนี้ผมคิดว่าพี่นุ้ยคงจะปะติปะต่อเรื่องเอาเองได้เลยไม่ถามอะไร เพราะที่เห็นมันก็มาจากพ็อตละครหลังข่าวที่พี่นุ้ยชอบดูทั้งนั้น

"ปากร้ายไม่เบานะ หึๆๆ"

"คุณ!!" อยู่ก็โผล่มาเงียบๆ

"ไม่คิดเลยนะว่านายจะมีมุมแบบนี้กับเค้าด้วย" คุณครามพูดแล้วยิ้มมุมปาก

"ถ้าจะมากวนกัน ผมขอตัวนะครับ ไม่มีอารมณ์"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นปลุกอารมณ์ให้ก็ได้"

"ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมก็ชักเริ่มมีอารมณ์แล้วเหมือนกัน.....อารมณ์อยากฆ่าคนน่ะ" ผมจ้องหน้าแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านเลย กลับยิ้มออกมาซะอีก

"หึๆๆ ดุจังนะ ตัวแค่นี้"

"นี่คุณ ผมบอกแล้วไงว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี ถ้าจะมากวนก็ไปเหอะ"

"อ้าว จะให้ชั้นไปไหน นี่มันบ้านชั้นนะ ถ้านายจะลืม" ผมว่าจะระงับสติอารมณ์แล้วนะ แต่มาเจอคนกวนอารมณ์แบบนี้ จะให้มันระงับอยู่ได้ยังไง

"ไปเองก็ได้วะ" บอกเลยว่าตอนนี้อารมณ์ไม่ดี แล้วก็ไม่ดีมากๆด้วย

"แหนะ!! พูดไม่เพราะ มันโว้งมาวะกับผู้ใหญ่" เหอะ!! ห่างกันแค่ 7-8 ปีเอง

"จะทำไม ก็ผู้ใหญ่มันไม่น่าเคารพนิ" พูดจบผมก็กลับหลังหันเดินหนีออกมา

"เดี๋ยวคิดว่า ว่ากันขนาดนี้แล้วจะปล่อยให้เดินหนีไปง่ายๆงั้นเหรอ?"

"โอ๊ย!! ปล่อยนะคุณ"  คนป่วยอะไรจะแรงเยอะขนาดนี้

"ขอโทษชั้นก่อน แล้วชั้นจะปล่อย"

"ไม่ คุณนั่นแหละที่มากวนผมเอง"

"นับ 1-3 ถ้าไม่ทำ ชั้นจับปล้ำนะ" 

"เหอะ!! ผู้ชายแท้ๆอย่างคุณคงไม่กล้าทำหรอก ปล่อย!!"

"ก็ลองดู หนึ่ง!!" ครามเริ่มนับ ขิงก็ยิ่งทำหน้างอ

"สอง!!"

"จะยอมรึยัง?"

"ไม่ โอ๊ยยยย..คนบ้า!!อย่ารัดคนอื่นเค้าแรงแบบนี้สิ อย่าคิดว่าตัวโตแล้วจะรังแกคนอื่นได้ง่ายๆรึไง"

"สาม!! "

"อื้อออออ....." ขิงเม้มปากโดยอัตโนมัติไม่ยอมปล่อยให้ครามส่งลิ้นเข้ามา แต่ครามก็ไม่ยอม กัดเบาๆที่ริมฝีปากขิง จนเจ้าตัวร้องออกมา จากนั้นก็ได้โอกาสสอดลิ้นเข้าไป ยิ่งหลบครามก็ยิ่งชอบ ยิ่งอยากไล่ต้อนให้จนมุมเข้าไปอีก สองมือที่คอยผลักไสตอนนี้กลับกลายเป็นเกาะไหล่หนาไว้อย่างหมดแรง

"ยังจะปากดีอยู่อีกไหม? ยอมขอโทษรึยัง?" ถามไปงั้นแหละ แต่ในใจกลับคิดว่า ยิ่งเห็นหน้างอๆของคนบางคนตอนนี้ ตัวเองยิ่งอารมณ์ดี อยากแกล้งเข้าไปอีก

"..........." ขิงไม่ตอบอะไรๆ เงยหน้าขึ้นมามองครามแป๊บนึง เม้มปากอย่างคนพ่ายแพ้แล้วสะบัดหน้าหนี ใครจะว่าตัวเองงอนเป็นตุ๊ดยังไงก็ช่าง ก็มันน่างอนไม่ล่ะ...เอ๊ะอะอะไรก็จูบคนอื่นตลอด ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่คิดอะไร คนนิสัยเสีย

"นิ่งแบบนี้หมายความว่าไง หรือยังอยากโดนอีก?"

"ไม่ๆ ปล่อยนะคุณ ผมยอมแล้ว"

"หึๆๆ แล้วไหนล่ะคำขอโทษ?"

"ขอโทษ ....นี่คุณขอโทษแล้วก็ปล่อยสิ จับไว้อีกทำไม"

"ก็มันนิ่ม แล้วก็หอม"

"คุณ!!" ผมมองหน้าคนที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่เข้าใจเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม




........................................

.............................
....................

เช้าวันต่อมา ผมเข้ามาทำธุระในเมืองกับคุณคราม เห็นเค้ายังทำตัวตามปกติ ผมเลยอดหงุดหงิดไม่ได้ กลับเป็นผมซะอีกที่คิดมาก เป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว นอนก็ไม่ได้นอน แต่อีกคนยังทำหน้าแป้นแล้นยิ้มให้สาวอยู่ได้

"เป็นอะไร? ทำหน้าอย่างกับผู้หญิงประจำเดือนไม่มา" มาทำคนอื่นเค้าเป็นแบบนี้แล้วยังมาว่าอีกนิสัยเสีย นิสัยแย่ๆๆๆๆๆ

"ถ้าร้อนก็รออยู่ตรงนี้ หิวก็สั่งอะไรกินก่อนได้เลย" ครามแอบยิ้มที่เห็นอีกคนกำลังทำหน้างอ แต่ก็ยังแกล้งอยู่

ร้านที่คุณครามนัดคุยธุรกิจเป็นร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ชายทะเล บรรยากาศดี ตกแต่งมีสไตล์ ผมถอนหายใจออกแล้วสั่งน้ำมะพร้าวสดเป็นลูกมากินแก้กระหาย ไม่รู้ว่าจะเอาผมมาด้วยทำไมทั้งๆที่ตัวเองก็มีเลขาอยู่แล้ว เอาผมมาด้วยก็ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากนั่งรออยู่เฉยๆ

"โอ๊ะ!! ไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนรักที่นี่ มาคนเดียวเหรอ?" อุตส่าห์ว่ามาที่แบบนี้แล้วไม่ได้เจอ แต่ก็ยังเจอ สงสัยคงยังไม่หมดเวรหมดกรรมกันล่ะมั้ง ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ

"จะมากี่คนแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย?"

"อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิขิง เพื่อนอุตส่าห์มาคุยด้วยเห็นว่าอยู่คนเดียวหรอก"

"ไม่จำเป็น" ผมตัดบทเพราะขี้เกียจจะคุย

"นักเลงจังเนอะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ไม่น่าเชื่อเนอะ..คนที่แสนดี เรียบร้อยในสายตาคนอื่นจะเป็นแบบนี้ไปซะได้"

"เบื่อจัง มายื่นเห่าหอนอยู่ได้ ที่บ้านมีปัญหา หรือว่าเจมันไม่เอาล่ะ ถีงมาระรานคนอื่นแบบนี้" ผมชักเริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จะมาตอแยอะไรนักหนา อยากได้เจก็ได้ไปแล้วนิ จะเอาอะไรอีก

เมื่อคืนเจโทรมาหาเกือบห้าสิบสาย สุดท้ายผมเลยกดรับ ได้ยินเสียงเพลงดังสนั่นกับเสียงเจ้าตัวที่กำลังเมาได้ที่เลย ผมเลยไล่ให้กลับห้องไปนอน เพราะออกมาดื่มข้างนอนดึกๆดื่นๆแบบนี้คนเดียว แล้วก็ไม่ใช่ถิ่นตัวเองอีก มีแต่เสี่ยงกับเสี่ยง ผมรู้ว่าคนเมามีหลายประเภท แต่คนเมาแบบเจนี่แหละปากดีที่สุด กลัวจะจะโดนรุมกระทืบเอาน่ะสิ ลูกนักการเมืองก็นักการเมืองเถอะ ตอนคนมันหน้ามืดขึ้นม เค้าสนซะที่ไหนล่ะ



"มีอะไรรึเปล่าขิง?" คุณครามเดินออกมาถาม

"เปล่า ไม่มีอะไรครับ"

"แล้วสั่งอะไรมากินรึยัง สั่งเผื่อชั้นด้วยนะเดี๋ยวกลับมากินด้วย" จังหวะเดียวกันกับที่คุณครามกำลังจะเดินออกไป

"ใครกันเหรอขิง ไม่แนะนำให้เพื่อนฝูงรู้จักบ้างเลย"

"ผมครามครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" คุณครามส่งมือไปทักทาย

"ผมมาร์คครับ เป็นเพื่อนสนิทของขิง ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ" ผมอดส่งเสียงหึ!! ออกไปไม่ได้ แต่เจ้าตัวยังฉีกยิ้มอยู่ได้ ผมล่ะนับถือจริงๆ

"ว่าแต่เป็นอะไรกับขิงครับถึงมาด้วยกันได้ อิอิ?" ถึงจะเป็นคำถามแซว ที่คนอื่นได้ยินคงไม่เอ๊ะใจ แต่เชื่อผมเถอะว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

"ความลับครับ หึๆๆ" คุณครามตอบคำถามแล้วหันมายักคิ้วใส่ผม

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ออกมานานแล้วจะเสียมารยาท"

"จำได้ใช่ไหมว่าชั้นชอบกินอะไร?" ผมพยักหน้าตอบ

"ดีมาก กลับไปเดี๋ยวให้รางวัล" คุณครามตอบแล้วเอามือมาขยี้หัวผมจนผมต้องปัดออกเบาๆ เพราะกลัวผมยุ่ง อีกอย่างเค้าไม่เคยทำแบบนี้ด้วย ผมเลยมือเร็วไปหน่อย

คุณครามเดินออกไปแล้วเหลือแต่ผมกับไอ้เพื่อนทรยศที่มองตามหลังคุณครามไป

"ดีเนอะ...อกหักปุ๊บก็มีคนมาดามอกให้ปั๊บเลย แต่จะรวยสู้เจได้รึเปล่าเหร๊อ?" 

"ก็ไม่รู้สิ คุณครามเค้าก็ไม่รวยมากอะนะ แค่นายหัวฟาร์มหอยมุกจนๆแค่นั้นเอง"

"ไปทำยังไงถึงจับเค้ามาได้ล่ะ เก่งไม่เบาเนอะ"

"ขอไม่ตอบคำถามแล้วกันนะ ไร้สาระ เสียเวลา .....น้องครับพี่ขอเมนูอาหารด้วยครับ" บริกรเอาเมนูอาหารมาให้ ผมเลยเปิดดู ถือว่าเป็นการไล่ทางอ้อมด้วย แต่ถ้ายังไม่ไปก็ไม่รู้จะทำยังไงละ

"ฝากไว้ก่อนเหอะ แล้วก็เฝ้าไว้ให้ดีๆล่ะ เดี๋ยวจะถูกคาบไปกินอีก หึๆๆ"

"ใช้คำกริยาได้ถูกดีนะ คำว่าคาบมันเหมาะกับสัตว์สี่ขาดีนะ คุ้นๆไหม?" ได้ยินแบบนี้มันก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกจากร้านไป ดีละที่ไม่อยู่ต่อ ขี้เกียจฟัง หนวกหู แล้วก็ขี้เกียจต่อปากต่อคำ

เหนื่อยนะที่ต้องสู้รบปรบมือกับคนอื่นแบบนี้ ผมถอนหายใจแล้วยกมือเรียกบริกรอีกครั้ง เพราะเมื่อกี้ผมเป็นคนส่งซิกให้น้องเค้าออกไปก่อนเอง ขืนมายืนรับรู้เรื่องบ้าบอพวกนี้คงน่าอายแย่



........................................

.............................
....................

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1




อันดามัน...ซ่อนรัก
(Andaman In Love)
ตอนที่ 14







ผมลืมบอกไปว่าวันนี้แม่ของคุณครามกลับมาจากต่างประเทศแล้ว คงจะถึงแล้วมั้งไม่แน่ใจเพราะเห็นลุงแช่มเตรียมรถไปรับตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้ว ช่วงที่คุณครามยังพักรักษาตัวอยู่ ก็ได้คุณป้าเนี๊ยะแหละที่เป็นคนดูแลกิจการให้ทั้งหมด หลายเดือนมานี้เลยไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลย แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็โทรมาถามข่าวคราวลูกชายตลอด อันนี้ฟังพี่นุ้ยเค้าเล่ามาอีกที

"คุณแม่สวัสดีครับ" คุณครามยกมือไหว้แม่

"สวัสดีจ๊ะลูก......แม่ดีใจเหลือเกินที่ลูกของแม่กลับมาเป็นคนเดิมได้สักที" คุณป้ากอดคุณครามแน่นแล้วปาดน้ำตาออก แกคงจะดีใจเพราะไม่ได้เห็นหน้ากันมาตั้งหลายเดือน ไปครั้งก่อนคุณครามยังอาละวาดจนบ้านแทบพังอยู่เลย กลับมาตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่อาละวาด แถมยังลุกเดินได้เองแล้วด้วย จะไม่ให้ท่านร้องไห้ได้ยังไงล่ะ

"สวัสดีครับคุณป้า"

"สวัสดีจ้าหนูขิง มาให้ป้ากอดที่เร็วลูก"

"ขอบใจมากนะลูกที่ทำให้ลูกของป้ากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ถ้าไม่ได้หนู ป้าก็ไม่รู้ว่าครอบครัวของป้าจะเป็นยังไงบ้าง ขอบใจอีกครั้งนะลูก" ผมละอายใจจริงๆ เพราะไม่ได้ดูแลอะไรเค้ามากมายเลย อย่างเก่งก็ทำกายภาพให้ปกติเพราะเค้าเดินได้ก่อนที่ผมจะมาอยู่ที่นี่ซะอีก

"ยินดีครับคุณป้า" ผมตอบรับอ้อมแอ้มไม่เต็มปาก

"ยินดีต้อนรับกลับค่ะนายหญิง" ป้าน้อยกับพี่นุ้ยก็ยิ้มแก้มปริกับภาพสองแม่ลูกเค้ากอดกัน ขนาดผมเห็นยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจไปด้วยเลย นี่แหละนะเค้าเรียกว่าครอบครัว

"เดินทางมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักก่อนไหม๊ครับคุณแม่"

"ก็ดีเหมือนกันจ๊ะ ไว้ตอนเย็นค่อยมาทานข้าวด้วยกันนะลูก"

"ครับ" คุณป้าคงจะดีใจมากที่ลูกชายคนเดียวของท่านเกือบหายเป็นปกติแล้ว ก่อนเดินขึ้นห้องไปยังเดินกลับมากอดคุณครามอีกครั้ง แล้วก็ให้ลุงแช่มยกกระเป๋าขึ้นไปไว้บนห้องเลย


"วันนี้จะทำเมนูอะไรต้อนรับนายหญิงกันดีคะป้า?"

"ว่าจะทำปลานึ่งมะนาว ของโปรดนายหญิง อยู่ที่โน้นคงไม่ได้กินนานแล้ว" ที่โน้นคงหมายถึงต่างประเทศนั่นแหละเพราะคุณป้าไปติดต่อลูกค้าแทนคุณครามหมดเลยนี่หน่า

"แต่ปลาเราหมดแล้วนิจ๊ะ"

"เอ่อจริงของเอง"

"งั้นเดี๋ยวผมกับพี่นุ้ยเอารถมอไซค์ออกไปซื้อที่ตลาดให้ก็ได้ครับ" ผมรีบอาสาเพราะไม่ได้ขี่มอไซด์นานละ เห็นสกู๊ปปี้ไอสีฟ้าขาวจอดอยู่ในโรงจอดรถตั้งนานแล้วด้วย แต่ไม่มีคนเอาไปใช้

"จริงจ๊ะป้า ของใช้ส่วนตัวชั้นหมดพอดี จะได้ออกไปซื้อด้วยเลย" ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่อยากออกไปขี่รถเล่น พี่นุ้ยก็เหมือนกัน เห็นไหมผมมนวว

"อื่ม งั้นก็แล้วแต่พวกเอง รีบไปรีบกลับล่ะ"

"จ๊ะ/ครับ"

"งั้นผมขอไปหยิบกระเป๋าตังค์ก่อนนะครับพี่นุ้ย"







"ก๊อกๆๆ"

"เข้ามา"

"ผมมาขออนุญาติคุณไปตลาดกับพี่นุ้ยครับ?"

"ไปทำไม?"

"ไปซื้อปลามาทำกับข้าว ส่วนพี่นุ้ยก็จะไปซื้อของใช้ส่วนตัวครับ"

"ไปสิ เดี๋ยวชั้นไปด้วย รอแป๊บนึง"

"เอ่อ.....งั้นผมลงไปรอข้างล่างนะครับ" ฝันสลาย ไม่รู้ว่าคุณครามจะไปด้วยทำไมกัน แต่ก็นะคงอยากไปซื้อของอะไรสักอย่าง ไม่งั้นก็อยากออกไปนอกบ้านบ้าง เพราะอยู่แต่บ้านก็อุดอู้ ยิ่งเดินได้แล้วแบบนี้ด้วย ลืมบอกไปว่าครั้งก่อนที่หมอนัด คุณหมอบอกว่าอาการของคุณครามดีขึ้นมากแล้ว เรียกได้ว่าดีเกือบสมบูรณ์เลยก็ว่าได้ ที่เหลือก็แค่หมั่นทำกายภาพ หมั่นลุกเดินบ้างตามปกติ แล้วก็อย่าให้หกล้มหรืออะไรที่จะทำให้บาดเจ็บซ้ำที่เดิมอีก จากนั้นก็รอผ่าเอาเหล็กออกแค่นั้นเอง คุณหมอพ่อของหมอตั้นยังแซวอีกว่า เพราะเป็นคนหนุ่ม ร่างกายเลยหายเร็ว ถ้าเป็นคนแก่อย่างคุณลุงหมอ (ท่านให้เรียกแบบนี้) คงหายช้ากว่านี้อีกนานเลย แถมยังสำทับอีกว่า หายเร็วแบบนี้ก็ดี จะได้รีบๆ หาเมียมาดูแลสักที ยังหนุ่มยังแน่นแบบนี้ รีบๆมีเมียจะได้มีลูกได้ทันใช้ เกิดล่วงพ้นวัยไปแล้วจะได้ไม่เสียดายเวลาตอนหนุ่มๆ ไม่นึกเลยว่าพ่อของหมอตั้นจะเป็นคนอารมณ์ดีแบบนี้ ถึงว่าหมอตั้นอารมณ์ดีจนล้นเชียว

"อ้าว นายหัวก็จะไปเหรอคะ?"

"อื้ม"

"จะซื้ออะไรรึเปล่าคะ ฝากนุ้ยซื้อก็ได้นะคะ"

"ไม่ได้จะซื้ออะไร แค่จะออกไปด้วยเฉยๆ" พี่นุ้ยทำหน้าเหวอ คงจะแปลกใจพอๆกับผมตอนแรกๆนั่นแหละ

"อ๋อค่ะ" พี่นุ้ยรับคำงงๆ  แล้วเดินตามออกมา

"ไปสะพานปลานะลุงแช่ม ตอนนี้น่าจะยังพอมีเรือหาปลาขึ้นฝั่งมาอยู่"

"ครับ" ในเมื่อมากันสี่คนแบบนี้ แน่ล่ะว่าผมก็ต้องนั่งข้างหลังกับคุณคราม ส่วนพี่นุ้ยก็นั่งข้างหน้ากับลุงแช่ม วันนี้คุณครามใส่เสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีน้ำเงิน กับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีครีมอ่อน รองเท้าแตะ ส่วนผมก็ใส่เสื้อโปโลสีเปลือกมังคุด กับกางเกงสามส่วนสีขาว รองเท้าแตะเหมือนกัน






"อยากไปเที่ยวไหนไหม๊? ตั้งแต่มาอยู่นี่นายยังไม่ได้ไปไหนเลยนิ"

"ครับ?" ผมถามกลับเพราะไม่ทันได้ฟัง มัวแต่มองวิวข้างนอก

"อยากไปเที่ยวไหนรึเปล่า? เผื่อวันหลังชั้นจะได้พาไป"

"ไม่เป็นไรครับ รอเสร็จงานค่อยเที่ยวทีเดียวเลยก็ได้ครับ เผื่อจะได้ซื้อของฝากกลับบ้านเลย"

"หมายความว่าไง?" แล้วทำเสียงเข้มทำไม? พูดแค่นี้เอง

"ก็...หมายความว่า พอคุณหายดีแล้ว ผมค่อยหาเวลาเที่ยวก่อนกลับก็ได้ไงครับ จะได้ไม่รบกวนเวลางานด้วย"

"แล้วนายคิดว่าชั้นหายดีแล้วงั้นเหรอ? ถึงได้เตรียมแผนเที่ยวไว้แล้ว" ถามแบบนี้หมายความว่าไงอีกล่ะเนี๊ยะ? เดาใจไม่ถูก

"ความจริงก็ยังไม่ได้เตรียมหรอกครับ แค่คิดๆ ไว้เฉยๆครับ ส่วนเรื่องอาการของคุณก็ดีขึ้นมากแล้วนิครับ แทบไม่ต้องให้ผมช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ คิดว่าอีกเดือนสองเดือนก็คงเดินได้ตามปกติแล้ว"

"ไปดูปลากันเถอะครับ" จะว่าผมหลบเลี่ยงการสนทนากับคุณครามตอนนี้ก็คงใช่แหละ ใครจะไปอยากคุยกับคนที่กำลังทำหน้าเป็นยักษ์ล่ะ

ผมค่อนข้างชอบวิถีชีวิตชาวเลนะ อาจเป็นเพราะมันดูแตกต่างจากที่บ้านผมที่มีแต่ดอย หรือที่กรุงเทพฯที่มีแต่ตึกกับอาคารมั้งครับ ผมชอบดูอะไรที่มันเป็นวิถีชีวิตแบบนี้ เพราะมันทำให้เรารู้ว่าแต่ละที่เค้าเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันยังไง เหมือนอย่างสะพานปลาตรงนี้ก็ทำให้เราเห็นการออกเรือไปหาปลาของชาวเล แล้วกลับขึ้นมาพร้อมกุ้งหอยปูปลา ทำแบบนี้ทุกวันเพื่อเลี้ยงชีวิตเลี้ยงครอบครัว ผมเคยได้ยินนะครับว่าชาวเลเค้าดูดาวเป็นด้วย เพราะเค้าจะใช้ดาวแทนเข็มทิศในการเดินเรือ ดูคลื่นลมท้องฟ้าเป็นว่าวันนี้จะมีพายุรึเปล่า? เพราะถ้าเกิดมีพายุ พวกเค้าก็จะไม่ออกเรือหาปลากัน เพราะมันเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ยิ่งถ้าเป็นหน้ามรสุมก็จะยิ่งลำบาก

"คุณขิงอยากทานปลาอะไรเป็นพิเศษไหม๊คะ? พี่จะได้ซื้อไปเลย"

"ผมทานได้หมดครับ ถ้าเป็นเมนูปลา พี่นุ้ยเลือกเลยครับ" มาอยู่บ้านท่านจะมาเลือกกินเป็นเจ้าของบ้านคงจะไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนว่าเหมือนครั้งก่อนอีก

"แล้วอยากทานปูไหมคะ?"

"ครับ เอาปูก็ได้ครับ กำลังอยากกินปูผัดผมกะหรี่อยู่พอดี" ถ้าไม่เลือกเอาสักอย่างพี่นุ้ยคงจะไม่หยุดถาม ผมเลยเลือกเอาปูนี่แหละ

"เดี๋ยวพี่ถามก่อนนะคะ"

"ลุงคะมีปูไหม๊คะ?"

"มีอิหนู เอากี่โล?"

"2 โลก็ได้จ๊ะ"

"นายหัวเป็นอะไรอีกเหรอคะ?" เสียงพี่นุ้ยกระซิบถาม

"เป็นอะไรเหรอครับ?" ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้

"ก็ดูสิคะ หน้าหงิกเชียว ตอนออกมายังดีอยู่เลย หงุดหงิดอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้?" ผมเหลือบไปมองตามที่พี่นุ้ยบอกนิดนึงแล้วหันกลับ

"ปล่อยเค้าไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวก็คงหาย อาจหงุดหงิดเพราะอากาศร้อนก็ได้ครับ"

"ไม่มีทางหรอกค่ะที่นายหัวจะหงุดหวิดกับอากาศร้อน ออกจะชินเสียด้วยซ้ำ เพราะบางวันก็ต้องออกไปดูฟาร์ม นั่นก็ร้อนใช่เล่นเหมือนกันนะคะ"

"งั้นก็ไม่รู้แล้วล่ะ คงต้องรอถามนายหัวของพี่นุ้ยเองแล้วล่ะครับ" ผมแกล้งหยอกพี่นุ้ย

"ใครจะไปกล้าถามกันล่ะค่ะ  คุณขิงล่ะก็ ...งั้นพี่จ่ายเงินแล้วเรากลับกันเถอะค่ะ"

"ก็ดีเหมือนกันครับ เผื่อคุณครามอยากพัก"

"เท่าไหร่จ๊ะลุง?"

"xxx บาท"



กลับมาถึงบ้านพี่นุ้ยก็แยกเอาของทะเลสดไปเก็บไว้ในครัว ส่วนผมกับคุณครามก็กลับห้องใครห้องมัน ออกไปข้างนอกแป๊บเดียวเอง ไม่ถึงชั่วโมง แต่เหงื่อนี่ออกเต็มเลย ยิ่งกว่าไปวิ่งออกกำลังกายมาซะอีก ผมเลยต้องอาบน้ำใหม่อีกครั้ง คุณครามก็คงเหมือนกัน รายนั้นเหงื่อออกเยอะยิ่งกว่าผมอีก ผมใช้เวลาอาบนำ้ประมาณ 10 นาที ก็แต่งตัวแล้วรีบเข้าไปหาคุณครามเค้าเผื่อมีอะไรให้ช่วย


"คุณจะทำงานใช่ไหมครับ งั้นผมลงไปช่วยพี่นุ้ยทำกับข้าวนะครับ" ผมถามคุณครามหลังจากเดินมาส่งเค้าที่ห้องเสร็จ ถ้าถามว่าหลังจากวันที่เจอเจครั้งแรก ผมกับคุณครามเป็นไงบ้าง? คงต้องบอกเลยว่า เหมือนเดิมครับ ผมยังดูแลเค้าตามปกติ แต่หลีกเลี่ยงอะไรที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์เหมือนครั้งก่อนอีกแค่นั้นเอง จะว่าไปก็ตลกดีนะครับ หลังเหตุการณ์ของผมกับเจ ผมก็ทำใจได้เร็วมาก ถึงจะบอกว่าเป็นเพราะความคิดของพี่ต้นหอม แต่ลึกๆ แล้วผมก็อาจจะมีใจให้คุณครามเหมือนอย่างที่เจว่าจริงๆ ก็ได้ครับ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเค้าไม่ได้คิดเหมือนกับเรา สักหน่อย เค้าเป็นผู้ชาย ไม่ใช่เกย์ ถึงเจจะบอกว่าผู้ชายเต็มร้อยแบบเจ ทำไมถึงยังมารักผมได้ล่ะ? อันนี้ผมก็ไม่รู้หรอก เจอาจเป็นไบเซ็กซวลแต่ไม่รู้ตัวเองก็ได้ ใครจะไปรู้

"ไปช่วยทำไม?"

"แค่อยากช่วยเฉยๆ ครับ ไม่มีอะไรทำ"

"งั้นก็ไปดูแลต้นชมนาดของนายสิ เดี๋ยวมันก็ตายหรอก" น้ำเสียงดีขึ้นกว่าตอนที่อยู่สะพานปลา

"ลุงแช่มเพิ่งรดน้ำไปตอนเช้านี้เองครับ ผมก็ไปดูมาแล้ว" จริงนะผมไปดูมาเมื่อตอนเช้านี้เอง ใบเก่าร่วงหมดแล้ว ส่วนใบเล็กๆกำลังแตกหน่ออกมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่ามันยังไม่ตาย

"งั้นผมไปช่วยในครัวนะครับ" ผมถามอีกครั้ง

"ถ้าอยากทำงานมากก็มาช่วยชั้นสิ"

"ไม่ดีหรอกครับ ครั้งก่อนผมเกือบทำบัญชีตกหล่น กว่าจะเสร็จก็ต้องตรวจทานไปตั้งหลายครั้ง ช่วยในครัวน่าจะดีกว่า"

"ไหนบอกว่าช่วยที่บ้านทำบ่อยๆ ส่วนครั้งที่แล้วก็ทำออกมาได้ดีนิ ไม่เห็นผิดตรงไหน"

"ก็......"

"ช่างมันเถอะ ไม่อยากทำชั้นก็ไม่ว่า งั้นมานั่งคุยกันหน่อย"

"คุยอะไรครับ?"

"เรื่องที่นายบอกจะกลับบ้านเมื่อชั้นหายไง" อ๋อเรื่องนี้เอง ผมพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินไปนั่งเกาอี้ตรงข้าม

"เข้าเรื่องเลยล่ะกัน แล้วถ้าชั้นยังไม่หายล่ะ นายก็จะอยู่ต่อใช่ไหม๊?"

"จะเป็นไปได้ไง ในเมื่อคุณก็ใกล้หายแล้วนิครับ"

"กลับไปแล้วจะไปทำอะไรต่อ?" คุณครามถามต่อ

"คงช่วยงานที่บ้านมั้งครับ" ผมตอบไปอย่างนั้น  ความจริงผมยังไม่ได้คิดจริงๆจังๆด้วยซ้ำว่าจะทำอะไรต่อ

"แล้วถ้าชั้นจ้างให้ทำงานกับชั้นต่อล่ะ?"

"ตำแหน่งอะไรครับ?"

"ไม่รู้สิ เลขามั้ง คิดว่าไง?"

"ขอบคุณครับ แต่ผมคิดไว้แล้วครับว่าจะกลับไปช่วยงานที่บ้านดีกว่าครับ" อันนี้โกหกเพิ่งคิดได้ปุ๊บปั๊บเมื่อกี้นี่แหละ ผมว่าอยู่ใกล้กันเกินไปคงไม่ดีต่อตัวผมหรอก ผมกลัวใจตัวเอง

"อื้ม" คุณครามตอบเสียงหนักแน่น แต่ฟังดูน่าสงสารยังไงไม่รู้ ผมหันมามองหน้าเค้าอีกครั้ง เรามองหน้ากันแต่ผมก็ไม่เข้าใจเค้าเลยสักนิดว่าต้องการอะไรจากคนอย่างผมกันแน่

"งั้นผมขอลงไปช่วยข้างล่างนะครับ ถ้าเสร็จแล้วจะขึ้นมาตามนะครับ"

"อื้ม"



.....................................................



"เฮลโหลลลล เพื่อนครามมมม!!" เสียงมาก่อนตัวอีก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร

"มาทำไมไอ้หมอ?" จากหน้ายิ้มๆ คุณครามเบรคหมอตั้นด้วยคำพูดแรงๆตลอด น่าสงสารเหมือนกันนะนั่น

"คำถามนี้อีกละ ไม่เบื่อบ้างรึไง?" หมอตั้นยักคิ้วใส่เพื่อนรักของเค้า

"ไม่เบื่อ"

"คนอะไรเพื่อนมาเยี่ยมทั้งที กลับชอบขับไล่ไสส่ง" หมอตั้นแกล้งตัดพ้อแล้วเบ้ปากใส่

"เอ่อ!! แล้วมาไม?"

"ได้ยินข่าวว่าคุณป้ากลับมาถึงแล้วเลยแวะมาเยี่ยม"

"อื้ม"

"แล้วท่านอยู่ไหนวะ?" หมอตั้นนั่งลงที่โซฟาข้างๆคุณคราม

"แม่กูไปสปากับเพื่อน เย็นๆคงกลับ"

"โอ๊ะ!! คุณขิง สวัสดีครับ" หมอตั้นหันมาทักทายผมที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณครามแต่เป็นอีกฟากหนึ่ง

"สวัสดีครับคุณหมอ"

"ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในหน้าที่หมอ เรียกพี่ตั้นเฉยๆ ก็พอมั้งครับ อิอิ"

"ครับคุณตั้นเฉยๆ"

"ฮ่าๆๆๆๆ คุณขิงนี่ก็กวนใช่เล่นเหมือนกันนะครับ" หมอตั้นหัวเราะลั่น

"รับน้ำอะไรดีครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้" ผมลุกไปเอาน้ำมาให้เพราะจะได้ให้คุณครามคุยธุระกับหมอตั้นด้วย

"ไม่ต้อง เดี๋ยวมันก็กลับแล้ว" คุณครามตัดบทหน้าตาย

"ใครบอก กูจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยต่างหาก"

"ไปกินบ้านมึงโน้น บ้านกูไม่ใช่โรงทาน" หยอกเพื่อนแรงตลอด ผมเป็นหมอตั้นคงกระอักเลือดบ้างแหละ ไม่รู้ว่าคบกันมาถึงขนาดนี้ได้ไง

"งั้นกูยืมคุณขิงออกไปทานข้าวด้วยได้ไหม๊ นะครับคุณขิง" หมอตั้นทำตาพริบๆ ออดอ้อน แต่ดูยังไงก็ไม่ได้น่าสงสารเลยนะ ดูน่าเตะมากกว่า ผมหันไปมองคุณครามว่าจะเอายังไงดี

"แล้วแต่เจ้าตัวเค้าสิ" ใจจริงผมก็ไม่อยากไปหรอกนะ แต่ในเมื่อเค้าสนับสนุนเพื่อนเค้าขนาดนี้ผมจะไปขัดเค้าทำไมล่ะ เจ็บลึกๆแหะ

"นะครับคุณขิง พลีส.....ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียว มันเหงา นะครับ"

"ครับ" ผมตอบตกลงโดยที่ไม่หันไปมองเค้าอีก แต่ได้ยินเสียง "หึ!!" คำเดียวตามหลังมา


"ปั่ง!!!!"

"คนอะไรไร้มารยาท ปิดประตูใส่แขกเสียงดังเชียว" หมอตันบ่นกระปอดกระแปด หน้ายู้

"คุณหมอแคร์ด้วยเหรอครับ? ผมคิดว่าคุณหมอชินแล้วซะอีก"

"ก็ชินแล้วล่ะครับ หึๆๆๆ"

"งั้นผมขอตัวไปแต่งตัวสักครู่นะครับ"

"ตามสบายเลยครับ"



ใช้เวลา 15 นาทีไม่ขาดไม่เกิน ผมก็แต่งตัวเสร็จ ปกติเร็วกว่านี้อีกแต่มัวลังเลเพราะไม่รู้ว่าหมอตั้นจะพาไปกินข้าวร้านแบบไหน สุดท้ายเลยเอาแบบง่ายๆที่ผมเป็นนั่นแหละ ขืนมัวเลือกนานกว่านี้ก็เกรงใจหมอตั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้นั่งรอจนหลับไปแล้วรึยัง หรือหิวจนไส้กิ่วไปแล้วก็ไม่รู้


"รอนานไหม๊ครับ?"

"ไม่นานหรอกครับ นานกว่านี้ก็รอได้"

"งั้นเดี๋ยวผมไปบอกพี่นุ้ยก่อนนะครับว่าวันนี้ไม่ทานข้าวเย็นที่บ้าน" ตอนแรกนัดกับคุณป้าไว้ แต่ตอนนี้คุณป้ามีนัดแล้ว เพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้ พวกเราเลยไม่ต้องอยู่รอทานข้าว

"ครับ"


"ไปกันเถอะครับ"

"เดี๋ยว!!"

"มีอะไรไอ้คราม?" ผมกับหมอตั้นหันไปหาต้นเสียง

"กูจะไปด้วย"

"ห๊ะ!!! / หึๆๆ" อันแรกน่ะเสียงผมเองครับ ส่วนหมอตั้นอันหลัง

"หัวเราะอะไรของมึง?"

"เปล๊า!!" หมอตั้นตอบเสียงกวนๆ

"แล้วนี่มองทำไม?" มองก็ไม่ได้ ก็คนมันแปลกใจ อยู่ๆ ก็จะไปด้วย ทั้งทีเมื่อกี้ไม่เห็นว่าอะไร

"ก็เปล่าครับ"

"นึกว่าอยากไปกับไอ้หมอสองคน?" อะไรกัน ก็คุณเองไม่ใช่รึไงที่สนับสนุนเพื่อนตัวเอง

"............."

"ไปกันเถอะครับคุณขิง ไม่ต้องไปสนใจเด็กโข่งเลยครับ"

"ครับ" ผมรับคำแล้วเดินไปนั่งข้างหลัง ปล่อยให้สองเพื่อนซี้เค้านั่งด้วยกันไป หวังว่าคงไม่ตีกันกลางทางหรอกนะ 

"ผมบอกรึยังครับว่าวันนี้คุณขิง แต่งตัวน่ารัก" วันนี้ผมใส่เสื้อสีขาว สลับดำแบบทีมรักบี้ ส่วนกางเกงก็เข้าชุดกันเลย มีแอคเซสเซอรี่แค่หมวกสีเดียวกันกับชุดกับแว่นตากันแดดแค่นั้นเอง ส่วนรองเท้าก็คีบอีแตะเหมือนเดิมสะดวกดี

"หมายความว่า ปกติไม่น่ารักอย่างงั้นเหรอครับ?" เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้ตัวเองเขินแล้วถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวกันล่ะ

"โถ่...ผมจะหมายความอย่างนั้นได้ไงกันล่ะครับ ผมหมายความว่าน่ารักเป็นพิเศษต่างหากล่ะครับ" ถ้าผมเป็นสาวๆคงเขินแล้วก็ตกหลุมรักหมอตั้นแล้วล่ะครับ แต่เผอิญผมมีภูมิต้านทานตอนอยู่มหา'ลัยเลยไม่รู้สึกอะไร กลับดูขำๆเสียมากกว่า

"คุณหมอพูดอย่างกับเห็นผมทุกวันงั้นแหละครับ"

"จริงด้วยสิ แต่ผมเดาเอาว่าต้องน่ารักเหมือนทุกวันนั่นแหละครับ อิอิ" ผมยิ้มไม่ตอบอะไรต่อ

"หึ!!" เสียงคุณครามดังขึ้นมา ผมที่นั่งอยู่ข้างหลังเลยเงยหน้าขึ้นมองกระจกหลัง เห็นเค้ากำลังมองมาพอดี แต่ผมก็ไม่ได้หลบนะเพราะไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

"อะไรไอ้คราม กูพูดความจริง"


พอถึงร้าน คุณหมอก็บอกชื่อไป แล้วพนักงานก็พาไปที่โต๊ะ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าคุณหมอจะพามาทานร้านแบบนี้  ต้องบอกเลยว่าสวยมากเลยครับ เป็นร้านอาหารริมทะเล มีต้นมะพร้าวอยู่หน้าร้านสองต้น ประดับไปด้วยไฟกระพริบติดรอบๆ โคนต้น แล้วก็ธงชาติไทยเล็กๆ ร้อยจากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง  ข้างๆ ร้านก็จะมีต้นอะไรสักอย่างกับเปลยวนที่ผูกติดอยู่ ตามทางขึ้นไปยังตัวร้านก็จะมีกังหันลมที่ทำจากกระป๋องเบียร์ แล้วก็กังหันลมที่ทำจากกะลามะพร้าวหมุนอยู่ ตัวร้านเป็นกึ่งไม้กึ่งปูนสีขาว แบ่งแยกส่วนบาร์เครื่องดื่มกับแคชเชียร์อยู่ติดตัวร้านเลย จากนั้นก็มีระเบียงเทอเรซตรงข้ามกับบาร์เครื่องดื่ม มีโคมไฟเล็กๆ สีนวลติดตามหัวเสารอบๆ ระเบียง ส่วนโต๊ะของพวกเราเป็นโต๊ะที่อยู่ตรงระเบียงสุดติดกับทะเลเลยครับ ทำให้ได้ยินเสียงคลื่นกับเสียงเพลงคลอเบาๆไปด้วย ส่วนเพลงก็มีทั้งเปิดแผ่นแล้วก็ร้องสดแล้วแต่วัน อันนี้เห็นเขียนติดอยู่ตรงหน้าร้าน

"ทานอะไรดีครับ" คุณหมอถามหลังจากพนักงานเอาเมนูให้

"คุณขิงชอบกินกุ้งไม่ใช่เหรอครับ? ผมจำได้อยู่"

"ครับ" ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมเคยคุยกับคุณหมอทางเฟซบุ๊ค เรื่องทะเลกับดอย เพราะผมเป็นเด็กดอยเลยชอบทะเล ชอบอาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง

"งั้นลองกุ้งเผาราดน้ำจิ้มซีฟู๊ดไหมครับ? กุ้งเผาร้านนี้ตัวโตนะครับ แถมยังสดด้วย"

"งั้นเอาอันนี้ก็ได้ครับ" คุณหมอเห็นผมยิ้มตาวาว เลยทำหน้าแซวๆที่ได้กินของถูกใจ สำหรับผมเรื่องกินคือเรื่องใหญ่นะครับ ไม่เหมือนคีย์ รายนั้นต้องเสื้อผ้ากับแฟชั่นครับเท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

"เลือกอีกสิครับ นานๆ ทีผมจะได้ทานข้าวกับคุณขิงสักที"

"ให้คุณหมอเลือกบ้างดีกว่าครับ ทานด้วยกัน ต้องช่วยกันเลือกสิครับ" ขืนให้ผมเลือกเองหมดก็น่าเกลียดสิ มาด้วยกันตั้งหลายคน แต่ผมกับเลือกอยู่คนเดียวตามใจชอบ

"งั้นผมเอาผัดปูนิ่มแล้วกันครับ"

">\\<"

"ทำไมเหรอครับ หรือว่าคุณขิงไม่ชอบทานปูนิ่ม?"

"เปล่าครับ ผมทานได้ครับ อร่อยดี แต่มันน่าสงสารนะครับ..."

"สงสารทำไมเหรอครับ?"

"ผมได้ยินว่า...กว่าเค้าจะเอามันขึ้นมาต้องเลือกตัวที่เพิ่งลอกคราบใหม่ๆ แต่ถ้าเป็นปูที่เค้าเลี้ยงในกระชังก็จะจับมันมาดึงกระดองออก เพื่อรอกระดองมันขึ้นมาใหม่ถึงจะเอามาทำเป็นปูนิ่มได้ใช่ไหมครับ?"

"โถ่คุณขิงครับ มันเป็นของเลี้ยงโลกนะครับ ขี้สงสารจริง งั้นผมเปลี่ยนก็ได้ครับ หึๆๆ"

"เปลี่ยนเป็นหมึกไข่ทอดกระเทียมแล้วกันนะครับ หวังว่าอันนี้ไม่สงสารมันอีกนะครับ" คุณหมอยิ้มมุมปากให้ ผมก็เลยก้มหัวแล้วยิ้มแหยๆให้เพื่อเป็นการขอบคุณที่ไม่สั่งมันมาทาน เพราะถ้ายิ่งมีคนสั่งกินเยอะ มันก็ยิ่งถูกจับมาเยอะใช่ไหมล่ะ? ถ้าเป็นปูปกติผมก็ยังโอเคอยู่ เพราะไม่ต้องมาดึงกระดองมันออก แล้วรอให้มันมีกระดองนิ่มๆ ขึ้นมา สงสารมันนะครับ คงจะเจ็บน่าดู ทีแรกผมก็ชอบกินมันมากเลยล่ะครับ แต่พออ่านเจอในเน็ตก็เลยหยุดกินเลย สงสารมัน

"แล้วมึงล่ะไอ้คราม?"

"............"

"ถามไม่ตอบ งั้นเราสั่งกันเถอะครับคุณขิง" ผมเหลือบมองคนที่นั่งตรงข้ามนิดหน่อยแล้วก้มดูเมนูต่อ

"เอาเอาปลานึ่งบ๊วยไหม๊ครับ อันนี้ก็เมนูเด็ดของร้านนะครับ" ผมพยักหน้าให้หมอตั้น เพราะกำลังอยากกินอยู่พอดี

"เครื่องดื่มล่ะครับ?"

"เอาสับปะรดปั่นก็ได้ครับ"

"ผมเอาไฮเนเก้นแล้วกันครับ แล้วมึงล่ะไอ้คราม?" หมอตั้นหันมาถามเพื่อนตัวเองที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ในรถแล้ว

"จินโทนิก"

"ไม่ได้นะครับ คุณยังกินเหล้าไม่ได้นะ" ผมตกใจเผลอพูดเสียดังไปเลย ก็ใครใช้ให้คนป่วยอย่างเค้าดื่มแอลกอฮอล์กันเล่า

"เกี่ยวอะไร"

"เกี่ยวสิครับ เพราะผมเป็นคนดูแลคุณอยู่ ขอห้ามไม่ให้คุณกิน" ไม่รู้ล่ะผมห้าม มันไม่ดีต่อสุขภาพคนป่วย

"เป็นห่วงรึไง?" คุณครามกระซิบข้างๆหู

"ห๊ะ??......" ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยิน แต่ตกใจ ไม่คิดว่าเค้าจะถามแบบนี้ ใกล้ๆแบบนี้ แล้วก็ต่อหน้าหมอตั้นเลยด้วย

"หึ!!" ในที่สุดผมก็ได้เห็นเค้ายิ้มสักทีถึงจะเป็นยิ้มร้ายๆก็เหอะ

"น้องงั้นเอาเบียร์แบบพี่มาอีกขวดละกัน" เป็นหมอตั้นเองที่สั่งเบียร์มาให้อีกขวดแทนเหล้านั่น ส่วนเจ้าตัวก็มองหน้าผมไม่หยุดเลย ในหัวผมตอนนี้มีแต่คำว่า "เป็นห่วงรึไง?" รีเพลย์เป็นร้อยๆรอบเต็มไปหมด

"ครับ" น้องพนักงานเดินออกไปพร้อมกับรายการอาหาร ส่วนใครอีกคนก็กำลังหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม





"ชอบไหม๊ครับร้านนี้?" หมอตั้นถาม

"ชอบครับ สวยดี"

"คุณหมอรู้จักร้านนี้ได้ไงครับ?"

"แหนะ!! ยังจะเรียกคุณหมออยู่อีก เรียกตั้นสิครับ บอกตั้งหลายครั้งแล้ว" หมอตั้นทำตาหวานใส่

"เอ่อ...."

"ผมมีช้อยส์ให้คุณขิงสองข้อ ข้อหนึ่ง เรียกชื่อผมเฉยๆ เหมือนที่เรียกไอ้คราม ส่วนข้อสอง...เรียกผมว่าพี่ตั้น เลือกเอาครับ"

"แกร๊ง!!" ไม่รู้ว่าเสียงช้อนหรือส้อมตก ผมกับหมอตั้นรีบหันไปมองต้นเสียงทันที แต่เจ้าตัวกลับทำหน้านิ่งไม่สะทกสะท้าน มองพวกผมกลับอีก

"ยังไม่ทันเมาก็ทำของตกเลยนะไอ้คราม  มีสติหน่อยสิครับ"

"เลือกข้อไหนดีเอ่ย?" หมอตั้นหันกลับมาพูดกับผมต่อ

"ข้อหนึ่งก็ได้ครับ แหะๆๆ" ใครจะไปกล้าเรียกพี่ตั้นกัน ฟังดูแปลกๆ

"ว้าาา เสียดายจัง นึกว่าคุณขิงจะเลือกข้อสองซะแล้ว ฟังดูน่ารักดีนะครับถ้าคุณขิงเรียกผมแบบนั้น ครึๆ"

"ขออนุญาติเสิร์ฟอาหาร มีทั้งหมดสามรายการนะครับ....."

"ทานเลยครับคุณขิง มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง"

"ในโอกาสอะไรครับ?"

"เนื่องในโอกาสอะไรดีนะ เอาเป็นว่า...แด่ความสัมพันธ์ของเราเป็นไงครับ?"

"อะแค๊กๆ" พูดประโยคเดียวสำลักได้ตั้งสองคนเลย ผมสำลักข้าว ส่วนคุณครามสำลักเบียร์

"ทิชชู่ครับ"

"มึงก็อีกคนสำลักทำไม?" หมอตั้นยักคิ้วถามเพื่อน

"เรื่องของกู"

"ทานต่อเลยครับคุณขิง ลองทานนี่ดู ปลานึ่งที่นี่เค้าเด็ดจริงๆนะครับ" หมอตั้นตักปลานึ่งมาใส่ในจานผมให้

"ขอบคุณครับ"

"ทานสิครับเพื่อนคราม อย่ามัวแต่ทำหน้าหงิกโว้ย"


อาหารมื้อนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อร่อยแต่ก็กดดัน ฟังดูแปลกๆไหมครับ ตอนนี้ผมกับคุณครามมาถึงบ้านแล้ว โดยที่หมอตั้นเป็นคนขับรถมาส่ง


"ฝันดีเว้ยไอ้คราม แล้วก็กู๊ดไนท์ครับคุณขิง "

"กู๊ดไนท์เช่นกันครับ ขับรถกลับดีๆนะครับ"

"ครับ ถ้าถึงแล้วผมจะส่งไลน์มาหานะครับ หรือว่าเฟซดี?" หมอตั้นถาม

"อะไรก็ได้ครับ" วันนี้คุณหมอดื่มพอสมควร ดีที่ยังพอขับรถไหว ถึงไม่เมามากแต่ผมก็อยากรู้ว่าถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไม่เอารถไปจนอะไรก็โอเคละ หมอตั้นโบกมือให้แล้วขับรถออกไป




"ดีนิ เลิกกับแฟนไม่ถึงอาทิตย์ก็มีคนมาปลอบใจแล้ว"

"คุณหมายถึงใครครับ?" ผมรู้ว่าเค้าหมายถึงผม แต่เรื่องอะไรผมจะยอมรับล่ะ

"อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลย"

"ถ้าคุณหมายถึงคุณหมอตั้น ผมก็ขอยืนยันคำเดิมที่เคยพูดไว้ครับ" พูดจบผมก็หันหลังเดินออกไป

"แล้วไปแลกเฟซ ส่งไลน์หากันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?" ผมมีไลน์คุณหมอตั้งนานแล้ว เพราะมันขึ้นมาอัตโนมัติตามเบอร์ในเครื่อง แล้วก็ไม่ค่อยได้คุยกันด้วย ส่วนเฟซคุณหมอเพิ่งขอไปเมื่อวันที่พาคุณครามไปตรวจที่กรุงเทพฯเอง จะแปลกอะไรถ้าเพื่อนจะมีเฟซกับไลน์เพื่อน คนมีอคติเท่านั้นแหละคิดแบบนั้น

"ผมไม่จำเป็นต้องตอบคนพาลครับ ขอตัว"

"โอ๊ย!!!" ผมถูกลาก มาที่สวนหน้าบ้าน คุณครามคงกลัวคนอื่นได้ยินเพราะมันค่อนข้างดึกแล้ว

"คุณคราม ถ้าคุณจะยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ผมจะโกรธคุณแล้วนะ"

"โกรธสิ โกรธเลย เค้าชวนออกไปทานข้าวนิดเดียวก็ทำหน้าบานเชียว แล้วไหนใครบอกว่าจะไม่ยุ่งกับมันล่ะ?"

"ผมเคยบอกไปแล้วว่า ผมจะไม่ปฏิเสธมิตรภาพที่ดี แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมก็ไม่รู้จะพูดว่าไงครับ" ผมสะบัดแขนออกแล้วเดินออกมา

"เดี๋ยว!!"

"อย่ายุ่งกับมัน" คุณครามพูดนิ่งๆ จ้องหน้าผม

"ทำไมครับ ผมขอเหตุผลดีๆ สักข้อ ถ้าคุณมีเหตุผลพอ ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณหมออีก แต่ถ้าไม่มี คำตอบผมก็คือไม่เช่นกันครับ" ผมจ้องหน้าเค้าตอบ

"ไม่มี..............."

"งั้นคำตอบของผมก็ไม่ครับ" ผมแกะข้อมือของตัวเองออกจากการจับกุม










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 13:44:42 โดย รักเจ้าเอย »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ aoraor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อิมาร์ค อิมาร์ค อิมาร์คคคคคคคคคค  :angry2:

คิดจะจับนายหัวเหรอ  :beat: :beat:
กลับไปหาอิเจไป๊ แล้วม้วนหางกลับกรุงเทพไปเลย ทั้งสองคนน่ะ !!

แล้วก็นายหัวจ๋า อย่าซึนอย่าคิดไปเองนะะ เอาแต่ฟึดฟัดคนเดียว น้องเขาไม่่รู้ตัวหรอกค่าา

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
นายหัวนี่นะ จะจีบน้องขิงก็แสดงตัวสักทีสิ
มัวแต่หวงก้างอยู่ได้  :katai4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ทำไมมาร์คถึงเป็นคนที่น่ารำคาญแบบนี้เนี่ย ขิงก็บอกอยู่ว่าจะไม่ยุ่งกับเจแล้ว แล้วยังจะมากระแหนะกระแหน่อยู่นั่นแหล่ะ ขิงรีบๆตัดเพื่อนไปเลยคนแบบนี้เนี่ย ส่วนคุณครามก็รีบๆ รู้ใจตัวเองและกล้าๆ สารภาพกับขิงเร็วๆ นะคะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ครามไม่ใจเลย

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
อิมาร์ค อิมาร์ค อิมาร์คคคคคคคคคค  :angry2:

คิดจะจับนายหัวเหรอ  :beat: :beat:
กลับไปหาอิเจไป๊ แล้วม้วนหางกลับกรุงเทพไปเลย ทั้งสองคนน่ะ !!

แล้วก็นายหัวจ๋า อย่าซึนอย่าคิดไปเองนะะ เอาแต่ฟึดฟัดคนเดียว น้องเขาไม่่รู้ตัวหรอกค่าา



อิมาร์ค ถ้ามันไม่ม้วนหัว ม้วนหาง กลับเมืองกรุงไป คนแต่งขอแนะนำให้เอามันไปคั่ว แล้วเอาไปทำน้ำพริกค่ะ 55555

ส่วนคุณคราม ถ้าขืนยังซืนอีก เดี๋ยวเค้าจะแก้บทให้อิหนูขิงของเราจับปล้ำเอง ง่ายดี 5555

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
นายหัวนี่นะ จะจีบน้องขิงก็แสดงตัวสักทีสิ
มัวแต่หวงก้างอยู่ได้  :katai4:

เค้าว่าต้องรอให้ มคปด ก่อนนายหัวของเราถึงจะรู้ตัว ซืนๆแล้วหวงก้างแบบนี้มันน่าจับกล้ำนัก. 55555

ออฟไลน์ รักเจ้าเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ทำไมมาร์คถึงเป็นคนที่น่ารำคาญแบบนี้เนี่ย ขิงก็บอกอยู่ว่าจะไม่ยุ่งกับเจแล้ว แล้วยังจะมากระแหนะกระแหน่อยู่นั่นแหล่ะ ขิงรีบๆตัดเพื่อนไปเลยคนแบบนี้เนี่ย ส่วนคุณครามก็รีบๆ รู้ใจตัวเองและกล้าๆ สารภาพกับขิงเร็วๆ นะคะ


คนอย่างอิมาร์คต้องมัดรวมกับเจแล้วเอาไปขายชายแดน ไม่ก็ปอยเปรต จะได้เข็ดหลาบ ส่วนนายหัวของเรายังมิมีความกล้า ต้องรอลุ้นกันต่อไปเจ้าค่ะ 55555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด