อันดามัน...ซ่อนรัก
(Andaman In Love)
ตอนที่ 15
เช้านี้ได้ยินพี่นุ้ยบอกว่านายหัวอารมณ์ไม่ค่อยดี ขลุกอยู่กับกองเอกสาร ตั้งแต่ตอนสายๆแล้ว เอาอะไรไปให้ก็ไม่ทาน แม้แต่น้ำก็แทบจะไม่แตะเลยด้วยซ้ำ ใครเข้าไปหาก็ทำแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่จนทุกคนพากันเข้าหน้าไม่ติด แม้แต่คุณป้าไปหาก็บอกว่าอยากอยู่คนเดียว ผมเลยไม่กล้าเสี่ยงที่จะเข้าไป กลัวจะโดนลูกหลงอีก รู้ๆฤทธิ์กันอยู่
"สวัสดีครับคุณแม่"
"สวัสดีจ๊ะหมอตั้น เข้ามาก่อนลูก แล้วนั่นถืออะไรมาเยอะแยะกัน?"
"อ๋อ เมื่อวานตั้นมาหาคุณแม่แล้วไม่เจอ พอดีคุณพ่อท่านฝากโสมมาให้คุณแม่น่ะครับ" หมอตั้นยกกระเช้าเครื่องโสมยื่นให้พี่นุ้ยเอาไปเก็บ
"ฝากขอบคุณคุณพ่อด้วยนะลูก"
"ครับ" หมอตั้นตอบแล้วหันมายิ้มให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆคุณป้า
"แล้วตั้นหยุดงานเหรอลูกถึงมาเยี่ยมแม่ได้?"
"ครับ ช่วงนี้ตั้นลาพักร้อนสองอาทิตย์ครับ เลยมาพักผ่อนแล้วแวะเยี่ยมไอ้ครามด้วยครับ"
"พอดีเลยงั้นอยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนนะลูก แม่ทำต้มข่าไก่ กับพะแนงหมูไว้"
"ครับ"
"นุ้ยๆ ไปตามคุณครามมา บอกว่าหมอตั้นมาเยี่ยม แล้วก็บอกให้น้อยตั้งโต๊ะเลย"
"ค่ะนายหญิง" พี่นุ้ยรับคำแล้วเดินออกไป ส่วนพวกเราก็เดินมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่น ไม่นานคุณครามก็เดินลงมาสมทบข้างล่าง
ผมรู้แล้วล่ะครับว่ามีคนมอง แต่ทำเฉยๆไม่สนใจแค่นั้นเอง นึกถึงเมื่อคืนผมก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาหน่อยๆ ทำเหมือนหวงแต่ตัวเองก็ไม่อะไร ผมถอนหายใจเบาๆแล้วก้มมองมือตัวเอง
"ไหนบอกป้าหน่อยสิว่าอาการของเพื่อนเราเป็นไงบ้างหมอตั้น?"
"เท่าที่คุณป้าเห็นเลยครับ สามารถเดินเหินได้ตามปกติแล้ว แต่พยายามอย่าให้เกิดอุบัติเหตุกับส่วนดังกล่าวอีกแค่นั้นครับ หลังจากนั้นก็รอผ่าเอาเหล็กออกอย่างเดียวครับ"
"แล้วมีอาการอื่นอีกไหมลูก?"
"สุขภาพโดยรวมถือว่าแข็งแรงดีเลยนะครับ กระดูกก็เชื่อมต่อเร็วมากเลยครับ"
"ป้าดีใจมากที่ตาครามจะหายเป็นปกติสักที ขอบใจมากนะลูก"
"ยินดีครับคุณป้า ผมแค่หมอผ่าตัด แต่ถ้าไม่ได้นักกายภาพเก่งๆ อย่างคุณขิงมา เชื่อเถอะครับ ยังไงมันก็ยังเดินไม่ได้หรอกครับ" ผมหันไปหาหมอนั้นท็อป อันนี้ก็พูดซดเกิน
"ขอบใจมากนะลูกขิง"
"หมอตั้นก็พูดชมเกินไปครับ ถ้าไม่ได้หมอรักษา แล้วส่งต่อมาให้ผมดูแล มันจะเป็นไปได้ไงล่ะครับ"
"เอ้าชมกันไปชมกันมาอีกละ เอาเป็นว่าแม่ขอบใจทั้งสองคนนั่นแหละ"
"ครับ/ครับ" ผมกับหมอตั้นยิ้มรับ
"งั้นอีกไม่นานหนูขิงก็ต้องกลับบ้านแล้วใช่ไหมลูก? ป้าไม่อยากให้กลับเลย อยากให้อยู่ด้วยกันซะที่นี่เลย"
"ผมเสนอให้มาเป็นเลขาแล้วครับ แต่ก็ไม่เอา" ผมหันไปมองอีกคนที่กำลังพูดอยู่
"ทำไมล่ะลูก มาเป็นเลขาพี่เค้า ป้าจะได้วางใจ ได้หนูมาช่วยดูแลพี่เค้า ป้าคงโล่งใจไปอีกเปราะ" อยากจะบอกคุณป้าเหลือเกินว่าลูกชายคุณป้าเค้าโตขนาดนี้แล้ว อีกอย่างก็หายดีแล้ว คงไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแลแล้วล่ะครับ
"คือว่า...."
"หรือว่าหนูกลัวคนอื่นเค้าจะว่าเราเรื่องใช้เส้นใช้สาย ไม่ต้องห่วงนะลูก แม่จะบอกทุกคนเองว่าหนูเป็นลูกแม่อีกคน หนูจะได้สบายใจ" คุณป้าไม่เว้นช่องให้ผมพูดเลย ส่งสัญญาให้คุณครามก็ทำเป็นไม่สนใจ
"ว่าแต่หนู มาเป็นลูกแม่อีกคนไหมลูก ตาครามล่ะว่าไง ถ้าแม่จะรับน้องเค้าเป็นลูกด้วยอีกคน?" ผมตกใจ อยู่ๆคุณป้าก็ถามแบบนี้
"ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ อะไรที่เป็นความสุขของคุณแม่ ผมไม่ขัดหรอกครับ"
"ขอบใจนะลูกที่เข้าใจแม่ ความจริงแม่อยากมีน้องให้ครามมาตั้งนานแล้ว แต่ติดที่แม่ไม่สบายเลย มีน้องให้ครามไม่ได้ ทั้งที่ครามก็รบเร้าพ่อกับแม่ตลอดตอนเด็กๆ"
ฟังอย่างนี้แล้วผมไม่กล้าปฏิเสธเลย กลัวคุณป้าจะเสียใจ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเจ็บแปลบๆ ไม่น่าคิดไปเองตั้งไกลเลย การที่เค้าทำแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเค้าจะคิดแบบเดียวกับเราสักหน่อยนี่เนอะ
"แล้วขิงล่ะลูกว่าไง อยากมาเป็นครอบครัวเดียวกับแม่ไหมลูก?" ผมเงยหน้ามองคุณป้าสลับกับคุณคราม ตอนนี้ทุกคนรอฟังคำตอบจากผมอยู่ รวมถึงป้าน้อย พี่นุ้ย แล้วก็หมอตั้นด้วย
"เอ่อ....ถ้าคุณป้าไม่รังเกียจ ผมก็ยินดีครับ"
"แม่จะรังเกียจหนูทำไม ออกจะดีใจด้วยซ้ำ รู้สึกถูกชะตากับหนูตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยก็ว่าได้ มานี่สิลูก..มาให้แม่กอดหน่อย"
"แล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หนูได้ไปเที่ยวไหนมาบ้างรึยัง?" คุณป้าถาม
"ยังเลยครับ"
"นั่นสินะ คงมัวแต่ดูแลคนป่วยจนไม่มีเวลา งั้นว่างๆ ก็ให้พี่เค้าพาไปนะลูก"
"ผมก็กำลังจะขออนุญาติคุณป้าอยู่พอดีเลยครับ" หมอตั้นถาม
"ไม่ให้" คุณครามตอบมาอย่างรวดเร็ว
"อ้าว ตาคราม ไหงเป็นงั้นล่ะลูก น้องมาดูแลเราตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ไม่สงสารน้องบ้างรึไง?" คุณป้าหันมาดุคุณคราม
"ถ้าว่างผมจะพาไปเองครับ" ผมแอบหันไปมองเค้าแว๊บหนึ่ง แล้วหันกลับมองที่หมอตั้นและคุณป้า
"เอางั้นเหรอ?" คุณป้าถามเพื่อความแน่ใจ
"ครับ"
"งั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่ก็ได้ครับ หลายๆคนสนุกดี" หมอตั้นตอบแล้วยักคิ้วให้เพื่อน
"งั้นแม่ฝากด้วยนะตั้น ถ้าตั้นไปด้วยแม่ก็หมดห่วง ตาครามก็เพิ่งจะหายดี ส่วนหนูขิงก็คนต่างถิ่น"
"ครับ"
"แม่ได้ข่าวว่าตาคีย์กลับมาช่วยงานพ่อเค้าแล้วเหรอ?" คุณป้าหันมาถาม
"ครับ กลับมาได้เกือบเดือนแล้วเหมือนกันครับ ครั้งก่อนก็มาเยี่ยมอยู่ ตอนนี้คงจะกำลังหัวหมุนกับการเรียนรู้งานจากคุณอาอยู่ครับ" คุณครามตอบ
"แม่ก็นึกว่าหลงแสงสีเมืองกรุงแล้วซะอีก งั้นก็ชวนน้องไปด้วยสิลูก ขืนรู้ว่าไปเที่ยวแล้วไม่ชวน จะมางอนอีก" ก็ดีเหมือนกันมีคีย์ไปด้วยผมจะได้มีเพื่อน
"ครับ"
คุยกับคุณป้าเสร็จ หมอตั้นก็ขอตัวกลับ เห็นบอกว่ามีธุระต่อ เมื่อคืนหมอตั้นส่งไลน์มาบอกว่าถึงบ้านแล้ว แล้วก็คุยกันนิดหน่อยก่อนจะบอกฝันดีแล้วแยกย้ายกันไปนอน ผมเลยเข้าไปอาบน้ำแต่พอออกมาอีกทีก็เห็นคุณครามกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ผมก็อยู่ที่เตียง เพราะรหัสผมก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยตั้งแต่ได้โทรศัพท์คืนมาจากที่หงุดหงิดอยู่แล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก ผมเลยไปขอคืน แล้วต่อว่าเค้าไปนิดหน่อย สรุปคือออกมาอย่างที่เห็นตอนเช้านั่นแหละ เค้าอ่านไลน์ที่หมอตั้นส่งมาแล้วคิดว่าหมอตั้นกำลังจีบผมอยู่ บ้ารึเปล่า ไม่เห็นมีสักข้อความที่บอกอย่างนั้นเลยสักนิด
"ยังไม่หายโกรธชั้นอีกรึไง?" คุณครามพูดขึ้นมาหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันเสร็จแล้ว
"หายแล้วครับ"
"ถ้าหายแล้วก็ต้องไม่ทำหน้าตูมแบบนี้สิ"
"ใครทำหน้าตูม พูดให้มันดีๆเลยนะคุณ" ผมชักเริ่มยั๊วขึ้นมาแล้วนะตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
"ก็นายไง ไม่เชื่อไปส่องกระจกดูสิ" คุณครามบุ้ยปากไปทางห้องน้ำ
"นี่คุณ!!" ผมยกมือขึ้นมาแล้วก็ต้องเอาลง เพราะนี่มันบ้านเค้า อีกอย่างก็เป็นเจ้านายด้วย เป็นคนอื่นผมบีบคอไปนานละ
"เอาหน่า ชั้นขอโทษที่แอบค้นโทรศัพท์นาย แล้วก็หยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้วนะ"
"พูดเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ผมจะได้ไปเอายามาให้" ขอหลบไปสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนที่ตัวเองจะฆ่าคนตาย
"อ๊ะ!!"
"เอาอีกแล้วนะคุณ ทำไมถึงชอบทำแบบนี้กับคนอื่นนักนะ แล้วปล่อยได้แล้วเดี๋ยวคนอื่นมาเห็น" ผมทำหน้าดุ
"เห็นก็ช่างประไร พี่ชายกอดน้องชายผิดตรงไหน??"
"ผมไม่ใช่น้องคุณ แล้วผมก็มีพี่ชายอยู่แล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่ม"
"ดื้อจริงนะ แบบนี้ต้องโดนลงโทษ"
"ฟ๊อด!!"
"คุณ!!"
"ครับ"
"คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับผมนะ" ผมพูดช้าๆชัดถ้อยชัดคำ
"ทำไมจะทำไม่ได้ คนเป็นพี่น้องกัน จะกอดหรือหอมกันก็ได้ไม่แปลกสักหน่อย อีกอย่างนายตอบตกลงแม่ชั้นไปแล้ว ดังนั้นยอมรับซะเถอะว่าชั้นเป็นพี่นาย"
"คนบ้า..กลับไปทบทวนตัวเองก่อนไป๊ว่าคิดยังไงกันแน่ มากอดๆหอมๆคนอื่นแบบนี้ นิสัยไม่ดี" ผมว่าแล้วเดินขึ้นไปข้างบน ไม่อยากเห็นหน้าคนบางคน อยู่ด้วยก็ประสาทเสีย วันๆหนึ่งเปลี่ยนได้เป็นร้อยอารมณ์
..........................................
ตอนเย็นทานข้าวด้วยกัน คุณป้าคงเห็นผมกับคุณครามไม่คุยกันเลยเป็นเรื่องเลย คุณป้าถามว่างอนอะไรพี่เค้า ผมจะปฏิเสธอยู่แล้วเชียวถ้าคุณครามไม่พูดออกมาก่อนว่าผมงอน อุตส่าห์ทั้งส่งสายตาทั้งจ้องหน้าว่าห้ามบอก สุดท้ายได้ยินเสียงหึๆ แล้วตอบว่าตัวเองเป็นคนแกล้งผมเอง สรุปคุณป้าเลยตีไปทีหนึ่ง ไม่เจ็บหรอก น่าจะเอาไม้เรียวนั่นแหละตี
คุณป้าบอกว่าพี่เค้าไม่เคยมีน้องอาจจะขี้แกล้งไปบ้าง อย่าโกรธพี่เค้าเลยนะลูก สุดท้ายผมเลยต้องหายโกรธอย่างที่คุณป้าว่านั่นแหละ เพราะงอนไปก็แค่นั้น คุณครามเคยเข้าใจคนอื่นซะที่ไหน เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งทั้งนั้น
........................................
.............................
.....................
"ดื่มนมก่อนนอนสักหน่อยนะครับ จะได้หลับสบาย"
"เอาวางไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้ รอเสร็จนี่ก่อนค่อยกิน"
"ขืนรอคุณทำงานเสร็จก็คงเย็น เสียรสชาติพอดี ทานให้หมดก่อนนะครับ แล้วค่อยทำต่อ"
"อื้ม"
"พรืบ!!" อยู่ดีๆ ไฟก็ดับ พายุก็ไม่มี หรือว่ากระแสไฟตกก็ไม่รู้
"นายอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวชั้นจะไปหาไฟฉายกับเทียนมา" ผมยืนอยู่ที่เดิม มองไม่เห็นคุณครามเพราะสายตายังปรับไม่ได้
"เดี๋ยวผมไปเองดีกว่าครับ ขืนคุณไปแล้วเกิดหกล้มมาจะแย่เอา"
"แล้วนายรู้รึไงว่ามันอยู่ตรงไหน?" ผมส่ายหัว
"คุณก็บอกสิครับว่ามันอยู่ตรงไหน?"
"ชั้นก็ไม่แน่ใจ ปกติไฟไม่ค่อยดับ ถึงดับก็มีคนเอาเทียนมาให้" แต่วันนี้มันไม่มีใครอยู่ไงครับ พี่นุ้ยก็กลับไปเยี่ยมบ้าน พรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับมา ส่วนป้าน้อยก็คงหลับไปตั้งนานแล้วเพราะมันดึกแล้ว ส่วนลุงแช่มก็ขับรถไปงานสโมสรกับคุณป้า แต่ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับมากันเลยครับ
"งั้นผมจะลงไปหาแถวๆ ห้องครัว ก็คงมีอยู่มั้งครับ" ผมเดาเอา
"ไฟก็ไม่มีจะลงไปได้ยังไง เกิดหกล้มตกบันไดไปจะทำไง?" คุณครามท้วง
"เอามือถือส่องไปคงได้อยู่มั้งครับ" ผมเอามือถือขึ้นมาเปิด ถึงสว่างไม่มากแต่ก็คงไม่ทำให้ตกบันไดแบบที่คุณครามว่าหรอก
"คิดว่ามันพอรึไง ไม่ต้องไปเลย อยู่รอมันแบบนี้แหละ" ผมจนคำตอบ เลยเดินไปเปิดหน้าต่างห้องให้ลมมันเข้าดีกว่า เพราะไม่มีไฟ แอร์ก็เลยไม่ทำงาน
"นั่นคุณจะไปไหนครับ?" ผมหันมาถาม
"ชั้นจะไปนั่งที่โซฟา ไฟดับแบบนี้คงทำงานต่อไม่ได้แล้ว"
"งั้นผมช่วยครับ" ที่ช่วยเพราะกลัวเดินชนอะไรล้มแล้วจะแย่เอา
"ไม่เป็นไรชั้นเดินเองได้แล้ว"
"อย่าดื้อสิครับ เกิดชนอะไรเจ็บมา มันจะไม่คุ้มเอา"
"อื้ม"
"ชั้นชอบจริงๆ นะเวลานายทำเสียงเป็นห่วงแบบนั้น"
"ผมกำลังเอ็ดคุณอยู่ต่างหากเล่า ยังจะหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ได้"
"ค่อยๆ เดินนะครับ" ยังดีที่คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย ทำให้มีแสงลอดหน้าต่างมาบ้าง ไม่งั้นคงมองไม่เห็นแน่ๆ
"แล้วนายจะไปไหน?"
"ผมก็จะกลับห้องสิครับ ไหนๆ ไฟก็ดับแล้ว เข้านอนเลยดีกว่า แล้วคุณไม่เข้านอนเลยล่ะครับ?"
"ชั้นยังไม่ง่วง"
"งั้นผมขอตัวไปนอนนะครับ"
"จะบ้ารึไง มืดขนาดนี้ยังจะดื้อคลำทางไปอีก อยู่นี่แหละ รอไฟมาก่อนค่อยไป ถ้านายง่วงนอนก็ขึ้นไปนอนบนเตียงชั้นก่อนเลยก็ได้ ไฟมาแล้วจะปลุก" ตลกละห้องก็อยู่ติดกันแค่นี้จะกลัวอะไร
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็ยังไม่ง่วงเหมือนกัน" ที่บอกว่าไม่ง่วงน่ะไม่จริงหรอกครับ ดึกป่านนี้แล้วไม่ง่วงได้ไง ยิ่งตอนเย็นไปช่วยลุงแช่มทำสวนมา ยิ่งเพลีย เอาวะนั่งรอที่โซฟาก็ได้ ขอให้ไฟมาเร็วๆ ทีเถอะ
"ขิง!!"
"ครับ??" อยู่ดีๆ ก็เรียก ตกใจหมด ยิ่งมืดๆอยู่
"ตกใจเหรอ? โทษที"
"ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณมีอะไรรึเปล่าครับ?"
"เปล่า!! เพียงแค่ไม่ชอบ มันเงียบเกินไป นายเล่าเรื่องที่บ้านนายให้ฟังหน่อยสิ"
"เรื่องที่บ้านผม?"
"อื้ม เรื่องอะไรก็ได้"
"อยู่ๆ ให้มาเล่าแบบนี้ผมคิดไม่ออกหรอกครับ เปลี่ยนคุณเล่าบ้างสิครับ"
"เรื่องชั้นไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก"
"ต้องมีบ้างสิครับ เรื่องที่ทำงาน เรื่องครอบครัว หรือตอนเป็นเด็กก็ได้ ผลัดกันเล่านะครับ แต่คุณต้องเล่าก่อน"
"อื้ม........ตอนชั้นเป็นเด็ก ชั้นเคยฝันอยากมีน้องกับเค้าสักคนหนึ่ง เอาไว้เล่นด้วย จะน้องผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ถ้าเป็นน้องผู้หญิงชั้นก็จะยอมเล่นตุ๊กตาบาร์บี้เป็นเพื่อน เพราะคิดว่าน้องผู้หญิงต้องน่ารักมากแน่ๆเวลาเรียกชั้นว่าพี่ แต่ถ้าเป็นน้องผู้ชายก็ดี โตมาจะได้เล่นหุ่นยนต์ เตะบอลกัน ปีนต้นไม้กันก็ได้ เล่นแรงๆ ก็ได้"
"แล้วไงต่ออีกครับ"
"เวลาไปเรียนแล้วเห็นเพื่อนจุงแขนน้องไปซื้อขนม ซื้อไอติมให้บ้าง ก็มองตามตลอด มีวันหนึ่งชั้นกำลังนั่งเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียน ก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ น่ารักคนหนึ่งวิ่งร้องไห้มาหาเพื่อนชั้นแล้วบอกว่ามีคนแกล้ง เพื่อนชั้นก็ยืนปลอบแล้วบอกว่าเดี๋ยวจะไปจัดการมันให้ ตัวเล็กนั่นก็พยักหน้างึกๆ สะอึกสะอื้น มันจูงแขนน้องเข้าไปหาไอ้ตัวยักษ์นั่น แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เด็กอ้วนนั่นก็ร้องไห้จ้าแล้วก็วิ่งออกไปเลย ส่วนน้องชายมันก็ยิ้มแป้น ชมว่าพี่ชายมันเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนั้นยิ่งทำชั้นอิจฉา อยากมีน้องเข้าไปอีก เป็นน้องผู้ชายได้ยิ่งดี เพราะชั้นอยากเป็นฮีโร่แบบนั้นบ้าง อยากให้น้องชมว่าพี่เก่ง"
"นี่หลับรึยัง?"
"ยังครับ เล่าต่อสิ" กำลังเพลินเลย เรื่องเล่าของเด็กชายคราม
"พอกลับมาถึงบ้านชั้นก็ไปอ้อนพ่อกับแม่ว่าอยากมีน้อง แม่ก็ลูบหัวเบาๆ ไม่ตอบอะไร ส่วนชั้นก็เริ่ม
งอแงใส่ จนพ่อบอกว่าแม่มีน้องให้ไม่ได้เพราะแม่ไม่แข็งแรง ตอนนั้นชั้นก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมถึงมีให้ไม่ได้ ทำไมไม่แข็งแรง เลยงอแงลั่นบ้านเลย แล้วก็ซึมๆไปตั้งหลายวัน จนนมมาอธิบายให้ฟังว่า ถ้าแม่มีน้องให้ แม่ก็จะต้องตาย คุณครามไม่รักคุณแม่เหรอคะ? นมถามแบบนี้ ชั้นเลยคิดว่าถ้าต้องทำให้แม่ตาย ชั้นไม่มีน้องก็ได้ ถึงจะรู้สึกเหงาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร วันเสาร์อาทิตย์ หรือตอนเย็นก็เล่นคนเดียวก็ได้ ส่วนวันไปโรงเรียนค่อยเล่นกับเพื่อน" คุณครามวัยเด็กก็น่ารักกับเค้าเหมือนกันนะเนี๊ยะ ไม่เหมือนตอนโตขึ้นมาเลย ร้ายจะตาย
"อยากเห็นรูปคุณตอนเด็กจัง" คงจะน่ารัก ขนาดตอนนี้ยังหล่อ ตอนเด็กก็คงไม่แตกต่างเท่าไหร่หรอกมั้ง
"ไว้จะเอามาให้ดู"
"สัญญาแล้วนะครับ"
"อื้ม"
"แล้วสรุปคุณทำยังไงต่อครับ? ฮ้าวววว!!" ง่วงนอนอะ แต่นอนที่นี่ไม่ได้
"คุณพ่อสงสารที่เห็นชั้นต้องนั่งเล่นคนเดียว เลยไปซื้อลูกหมามาให้เลี้ยง ชั้นรักมันนะ ติดมันมาก คิดว่ามันเป็นเพื่อนรักเลยล่ะ ชนิดที่ว่าอยากเอามันไปนอนบนเตียงเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่ห้าม เลี้ยงจนมันโตขึ้นมาอีกนิด มันก็จากชั้นไป เพราะโรคลำไส้อักเสบ ชั้นเอาขนมให้มันกินเองแหละ หลังจากนั้นมาชั้นก็เลยไม่อยากมีเพื่อนเล่นอีก เพราะกลัวมันตายเหมือนอย่างลูกหมานั่น เลยพยายามเล่นคนเดียวจนมาเจอกับไอ้หมอนี่แหละ"
"นี่!! หลับแล้วเหรอ?"
"อุตส่าห์เล่าให้ฟัง มาหลับแบบนี้ได้ไง? หืม?? หึๆๆ"
.
.
.
"จุ๊บ!! ขอโทษนะ ชั้นอดใจไม่ได้อีกแล้วล่ะ ถือว่าเป็นค่าเล่าเรื่องวัยเด็กของชั้นก็แล้วกันนะ" สัมผัสเย็นๆที่ริมฝีปากทำให้ผมใจเต้นแรง แต่ก็ไม่เข้าใจคำพูดของเค้าเมื่อกี้อยู่ดี พี่น้องกันเค้าคงไม่จูบกันหรอก ถึงจะเป็นจูบที่ไม่ได้รุกล้ำก็ตาม
"อื๊บ!! ไปนอนบนเตียงเถอะ ที่นี่คงนอนไม่ค่อยสบายหรอก" คุณครามอุ้มผมมานอนที่เตียง แล้วห่มผ้า ผมรู้สึกตัวตลอด แต่ก็ไม่กล้าลืมตา เพราะกลัวเขาจะรู้ว่าผมยังไม่หลับกลัว
"บางทีชั้นก็สับสนนะว่าชั้นรู้สึกกับนายยังไงกันแน่? มันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับมัน ขอเวลาชั้นอีกหน่อยนะ จุ๊บ!! ฝันดีนะ" ปากบางๆชื้นแตะลงที่บนหน้าผากของขิงเบาๆ แล้วเจ้าตัวก็ล้มตัวลงนอนบ้าง
ขณะที่เขาหลับตามผมก็แอบลืมตามองเขาในความมืด "ขอโทษนะครับที่ทำให้สับสน แล้วก็รู้ใจตัวเองเร็วๆนะครับ เพราะผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณรู้สึกยังไงกับผมกันแน่ ไม่ใช่คิดอยากจูบก็จูบ อยากทำอะไรก็ทำแบบนี้"
..............................................
....................................
...........................