ความลับที่ 8.2 การกลับมา
“คุณตั้งโอ๋มาแล้วเหรอค่ะ เชิญข้างในเลยค่ะ”เลขาหน้าห้องทำงานของผู้เป็นพ่อเดินมาทักเมื่อเห็นเขาหอบแปลนของงานโฆษณาที่จะทำให้กับบริษัทของพ่อรุ่มร่าม
เพราะว่ารถติดมากกว่าที่คิดเอาไว้ทำให้ค่อนข้างจะใช้เวลาไปมากกับการเดินทางทำให้มาสายและรีบร้อนอย่างที่เห็น
“ครับ ขอโทษทีที่มาสายนะครับ”ตั้งโอ๋หันไปขอโทษเลขาหน้าห้องทำงานของประธานบริษัททัวร์รายใหญ่
“ขอโทษนะครับ พอดีรถ มันติด อะ เอ่อ”กำลังจะอธิบายก็ชะงักสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบคู่สีน้ำตาอ่อนที่ไม่ต่างอะไรกับ
ของผู้เป็นพ่อ
“เป็นถึงเข้าของบริษัท แต่ดันมาสาย ไม่ได้เรื่องเลยนะครับ”เสียงคล้ายหยอกเย้าถามพร้อมกับริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปาก
หัวใจดวงเล็กกระหน่ำเต้นรัวราวกับผืนกลองที่กำลังถูกตีอย่างไม่ปราณี
“อะ อัน อัน”เขาเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาคล้ายกับกำลังหลุดเข้าไปในภวังค์
“เจอกันตั้งนาน ใจคอจะยืนอยู่ตรงนั้นรึไงครับ….พี่ชาย”
“อ่า โทษที”เขาแก้ตัวก่อนจะหอบม้วนกระดาษและแปลนงานวางกองลงบนโต๊ะทำงานกลางห้อง
เขาปลายตามองสำรวจน้องชายอยู่วูบหนึ่งอย่างเก็บรายละเอียดก่อนจะหลบสายตา
รูปร่างของน้องชายเปลี่ยนไปเยอะมากน้องชายที่อยู่ในชุดสูทดูสุขุม จากที่สูงอยู่แล้วก็สูงใหญ่กว่าเดิมพอพอกับผู้เป็นพ่อ
ใบหน้าที่เคยเกลี้ยงเกลาก็มีเคราขึ้นมาเล็กน้อยดูคมเข้ม น้องชายดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจนเขาแทบจะจำไม่ได้
“เอ่อ แล้วพ่อล่ะ”เขาถามเมื่อความเงียบเริ่มเข้าปรกคลุม
“พ่อให้ผมรับหน้าที่นี้ไปทำแทน”
สรรพนามแทนตัวทำให้ตั้งโอ๋หัวใจกระตุกวูบ
“งั้นเหรอ แล้ว เอ่อ กลับมาเมื่อไรล่ะ”เขาถามแก้เก้อ มือสาละวนกับม้วนกระดาษที่ตอนนี้ไม่มีสมาธิจะคิดว่าม้วนไหนมี
ข้อมูลอะไรบ้าง
“ใจเย็นๆ ผมไม่รีบ”มือที่ควานหาแปลนงานถูกหยุดเอาไว้ด้วยมือใหญ่ของน้องชาย
เหมือนกับถูกกระแสไฟอ่อนๆช๊อตจนเกือบสะดุ้ง
“อ่า นั่นสิ พี่ขอโทษที”
“กลับมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนว่าพี่จะยุ่งมาก”น้องชายบอก ใจก็นึกโกรธเคืองที่อาทิตย์หนึ่งแล้วที่กลับมา แต่
ไม่มีวี่แววของพี่ชายเลยแม้แต่เงา
“ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เลย สงสัยว่าพี่จะยุ่งจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”เขาขอโทษอีกครั้งพลางชักมือกลับมาแล้วหลุบตาลงมองพื้น
“พ่อได้บอกเกี่ยวกับคอนเซปไว้รึเปล่า ว่าอยากได้แบบครอบครัว”เขาเริ่มเปิดประเด็นงานเพราะเริ่มอึดอัดกับสายตาที่ดูห่าง
เหินคู่นั้น
“บอกไว้แล้ว แต่ ผมไม่ต้องการแบบนั้น”
“ทำไมล่ะ”คอตอบของอันเดรสทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมาด้วยความงุนงง
“ผมอยากจะได้โฆษณาที่เหมือนกับยี่สิบปีที่แล้ว”
“แต่นั่นมันตอนที่เราถ่ายกันนี่”
“ใช่ ผมอยากให้โฆษณาออกมาเป็นแบบภาพของการเปลี่ยนแปลงที่ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้”
“จริงสิ อืม ความคิดนี่ก็โอเค แล้วเอ่อ นักแสดงล่ะ”พี่ชายถามพลางจดแผนงานที่ได้ฟังพร้อมกับใช้ความคิด แต่ก็ยังอดที่
จะประหม่าไม่ได้กับสายตาของน้องชาย
“ผมอยากได้นักแสดงชุดเดิม หวังว่ามืออาชีพอย่างพี่คงจะไม่มีปัญหา”
“แต่”
ตั้งโอ๋ชะงัก มองใบหน้าที่นิ่งเฉยของน้องชาย ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่น้องชายต้องการ นั่นก็หมายความว่า จะต้องมีเขาที่อยู่ใน
โฆษณาครั้งนี้ด้วย
“คิดว่าบริษัทโฆษณาที่น่าเชื่อถือจะทำได้ไม่ยากนะครับ”
“แต่พ่อจะยอมเหรอ แล้วอัน อัน เอ่อ อันเดรส จะสะดวกเหรอ”เขาถามเสียงเบา
“ไม่มีปัญหา ผมบอกพ่อเอาไว้แล้ว จากนี้ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของพี่ไปจัดการเรื่องสถานที่และเวลา”
“จะเอางั้นก็ได้”เขาตอบรับ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธกับสิ่งที่น่าอึดอัดนี้อย่างไร
มือขาวพยายามเพ่งสมาธิและจดโน้ตลงในสมุดพลางขมวดคิ้วมุ่น
เขาไม่ได้เตรียมใจมารับเรื่องราวเซอไพรส์เช่นนี้สักหน่อย
แล้วอีกอย่าง ช่องว่างที่มีมากกว่าเมื่อก่อนทำให้คิดไม่ออกเลยว่าจะทำตัวยังไงดี
“อ้อ เห็นว่าพ่อให้บ้านหลังนั้นเป็นของขวัญเรียนจบกับพี่ มันยังอยู่ดีใช่ไหม”
คำถามน้องชายทำให้ชะงักมือ
“อืม ยังอยู่เหมือนเดิม”
ใช่ เขาเก็บของทุกอย่างในห้องของน้องชายเอาไว้เหมือนเดิม และดูแลมันเป็นอย่างดี
“งั้นเหรอ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว พี่จะอยู่ต่อก็ได้นะครับ เผื่อจะจดอะไรเพิ่มเติม”
“อ้อ ไม่หรอก พี่คงจะกลับไปคิดแพลนใหม่ที่ออฟฟิตกับคนอื่นๆ”
“งั้นก็ตามสบายนะครับ”
น้องชายพูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมกับความเงียบงันที่เข้ามาปรกคลุม
ตั้งโอ๋ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อความอึดอัดคลายลง
ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงกับความห่างเหินที่เกิดขึ้นทั้งที่อยู่ใกล้ชิดขนาดนี้
ขอบตาที่เหือดแห้งจู่ๆก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆเอ่อขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว ใบหน้าขาวสะอาดเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ
จู่ๆน้ำตามันก็เอ่อออกมาเอง นี่เขาเป็นอะไรไป
“เฮ้ นึกว่าวันนี้จะไม่กลับเข้ามาอีกแล้ว”แขกประจำของออฟฟิตขนาดเล็กแบบโฮมออฟฟิตทักทายเจ้าของพื้นที่ที่หอบงานเข้ามาด้วยสภาพหนักใจ
“มีอะไรอีกล่ะครับ”เขาถามอย่างปลงตกเมื่อนักแสดงรุ่นพี่ที่ร่วมงานกันมานานเดินเข้ามากอดคออย่างสนิทสนม
“ก็จะมาของานเจ้าของบริษัทโฆษณาทำสักหน่อย พอดีมันว่างๆ”สกายยิ้มเมื่อแขนที่เกี่ยวเอาไหล่ของตั้งโอ๋ถูกปัดออก
อย่างเคย
ตั้งโอ๋เดินเข้าไปที่โต๊ะตัวเองมุมห้องทำงานแล้วรื้อเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะออกมาแล้วยื่นเอาเอกสารที่หาจนเจอให้กับสกา
ยอย่างรู้งาน
แขกที่ไม่ได้รับเชิญแต่กลับเป็นแขกประจำอย่างสกายชอบเข้ามาและวางท่าทีว่ามาของานทำ แต่ที่จริงแล้ว งานที่เจ้าตัว
มาทำท่าทีเป็นขอก็เป็นงานที่เจ้าตัวมั่นใจว่าจะได้รับเลือกจากผู้ว่าจ้างอยู่ก่อนแล้วตลอด
“เส้นใหญ่ก็แบบนี้”สกายยักไหล่แล้วหันไปยิ้มกับพนักงานคนอื่นๆ
ที่ก็รู้กันดีกว่านักแสดงนายแบบหนุ่มที่กำลังนิยมคนนี้ไม่ได้มาของาน แต่หาขออ้างมาใกล้ชิดและก่อกวนเจ้าของบริษัท
ด้วยการมารับงานที่ได้ทำต่างหาก
“เฮ้อ”ตั้งโอ๋ถอนหายใจ
ถามว่ารำคาญไหมก็รำคาญ แต่มันชินไปแล้วกับการที่มีนักแสดงรุ่นพี่คนนี้คอยมาป่วนออฟฟิตของเขา
“เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าสักหน่อย”ตั้งโอ๋ตอบ
“งั้นก็ ไปกินข้าวเย็นกันไหม วันนี้ไม่มีคิวงาน”
“ไม่เอา ต้องคิดแพลนงานใหม่ แล้วจะเอาอะไรอีกไหม ถ้าไม่เอาอะไรก็กลับไปได้แล้ว ขี้เกียจมีข่าวไร้สาระ”
“ไร้สาระที่ไหน ออกจะเป็นความจริง”
“เป็นความจริงที่ไหน ถ้าไม่ออกไป ผมจะบอกพนักงานว่าห้ามให้พี่เข้ามาที่นี่อีกแล้วนะ”ตั้งโอ๋ขู่
“โอเค ก็ได้ ยอม ว่าแต่งานอะไร”สกายยกมือทำท่ายอม
“งานโฆษณาของพ่อน่ะ”
“โอ้ แล้วทีมงานเป็นอะไร”
“ครอบครัว”
“อืม น่าสนใจดี แล้วนักแสดงล่ะ”
พอถูกถามคำถามแทงใจดำก็ทำเอาชะงักมือที่กำลังเก็บโต๊ะที่รกให้เข้าที่เพื่อเตรียมเริ่มโปรเจกใหม่
“แล้วเมื่อไรจะกลับล่ะครับ ผมไม่มีสมาธิทำงานแล้วนะ”ตั้งโอ๋เงยหน้าขึ้นบอก
“โอเค งั้นก็ได้ ไว้พรุ่งนี้มาใหม่”
“ตามใจ”ตั้งโอ๋ถอนหายใจ ไม่ว่าไม่เคยห้าม แต่ห้ามแล้วไม่เคยฟังต่างหาก”
เขาไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จะต้องทำยังไง จะวางตัวยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าครอบครัว ในเมื่อสิ่งที่อยู่ในใจมันแทบจะเอ่อล้นออกมา
แล้วก็เป็นตามดั่งที่คาดเอาไว้ นิตยสารข่าวซุบซิบประจำเดือนก็ยังคงมีข่าวซุบซิบของเขากับดาราหนุ่มรุ่นพี่อย่างสกายที่ยัง
คงมีอยู่เรื่อยๆ
ถึงจะเป็นกรอบเล็กๆที่อยู่เกือบจะท้ายเล่มหรือกลางเล่มบ้างในบางเดือนเพราะมันเป็นข่าวที่ยังไม่มีความแน่ชัด จึงเป็น
ประเด็นที่หลายคนเริ่มชินกับมัน
เขาวางนิตยสารลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบบอร์ดกับม้วนแพลนงานที่เตรียมเอาไว้เพื่อเข้าไปคุยที่บริษัทของพ่ออีกที
นานมากแล้วจนจำไม่ได้เลยว่านานๆครั้งจะกลับบ้านครั้งหนึ่ง จากหลายวันเป็นอาทิตย์ แล้วยิ่งช่วงนี้งานรัดตัวทำให้ไม่ค่อย
มีเวลาให้บรรดาพ่อๆที่ค่อนข้างจะเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่จะให้ทำยังไงได้ ถ้าให้เลือกระหว่างโดนคนแก่งอนกับการที่ทำตัวไม่ถูกเมื่อยู่ต่อหน้าน้องชาย เขาคงเลือกอันแรก
แต่กับเรื่องงานมันคงจะเลี่ยงกันไม่ได้
ร่างสูงโปร่งผิวขาวติดผู้เป็นพ่อที่มีเชื้อสายเวียดนามถอนหายใจอยู่หน้าประตูห้องทำงานของพ่อบุญธรรมก่อนจะหันหลังใช้
หลังดันประตูเข้าไปข้างใน
“นึกว่าวันนี้จะมาสายซะอีกนะครับ”น้องชายเงยหน้าทัก พลางวางนิตยสารเล่มเดียวกับที่เขาอ่านเมื่อก่อนที่จะออกมาลงบน
โต๊ะ
ตั้งโอ๋มองวันแวบหนึ่งอย่างแปลกใจ เพราะปกติคนอย่างน้องชายจะไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
แต่อย่างว่า ระยะเวลาห้าปีมันมากพอที่จะทำให้คนเราเปลี่ยนกันได้
เช่นเดียวกับระยะห่างที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
“พอดีว่ากลัวรถติด ก็เลยออกมาเร็วน่ะ”
เขาหันไปบอกกับน้องชายที่นั่งแทนที่ของพ่อ น้องชายที่ได้รับคำสั่งให้เรียนรู้งานเพื่อที่จะเป็นคนสืบทอดกิจการต่อไป
ตั้งโอ๋อธิบายแผนงานที่วาดเอาไว้ให้อันเดรสฟังโดยที่ความอึดอัดยังคงไม่คลายลง
กำหนดการและสถานที่ถูกอธิบายและนัดหมายเอาไว้อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีผู้ว่าจ้างหลาย
รายถึงได้ไว้ใจบริษัทน้องใหม่แห่งนี้ให้ทำงานให้
“งั้นเรื่องที่พักเดี๋ยวพี่จะแจ้งให้อีกทีนะ”
“เอาตามที่สะดวกก็แล้วกัน”
น้องชายตอบ เขาหลุบตาเก็บแผนงานที่ถูกแก้ไขจนจนเรียบร้อยให้เข้าที่ ก่อนจะเหลือบมองไปยังนิตยสารเล่มคุ้นเคย
อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“อ่านข่าวซุบซิบด้วยเหรอ”
“นี่น่ะเหรอ” น้องชายหยิบนิตยสารเจ้าปัญหาขึ้นมา “แฟนพันธ์แท้เลยล่ะ พอดีเห็นมันวางขายอยู่ที่ร้านหนังสือที่มาดริก ก็
เลยลองซื้อมาอ่าน มีอะไรน่าสนใจอยู่เยอะกว่าที่คิด”น้องชายแสยะยิ้มมุมปากคล้ายกับกำลังแฝงอะไรอยู่ในคำพูด
ตั้งโอ๋ชะงักมือชั่วครู่ก่อนจะเก็บของต่อ หากน้องชายบอกว่าอ่านเป็นประจำล่ะก็ ข่าวซุบซิบที่เกี่ยวกับเขาคงจะรู้หมด
“งั้นพี่กลับก่อนนะ ต้องไปเตรียมงานอื่นอีก”
“ตามสบาย”น้องชายผายมือไปทางประตูเป็นมารยาทด้วยท่าทีเหินห่าง
ตั้งโอ๋กลับมายังโฮมออฟฟิตที่เป็นสถานที่ตั้งของบริษัทโฆษณาเล็กที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยเงินเก็บจากการทำงานของตัวเอง
เขาหยิบกระดาษขึ้นมาร่างแพลนงานที่เพิ่งได้รับหัวข้อมาใหม่ แต่สมองที่ควรจะคิดเรื่องงานมันกลับหนักอึ้งจนคิดอะไรไม่
ออก
เขากุมขมับตัวเองอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่รู้เลยว่าควรจะจัดการกับชีวิตของตัวเองยังไงดี
มันเหมือนมีคนที่เขาไม่รู้จักก้าวเข้ามาใกล้ชิดกับเขาทั้งที่คนคนนั้นคือคนที่เคยใกล้ชิดมาก่อน
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมาก พนักงานต่างก็กลับไปกันหมดเหลือแค่เขาที่ยังคงอยู่ทำงานต่อ
“นึกว่าจะไม่อยู่ซะแล้ว”เสียงทักของแขกที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นพร้อมกับร่างของเจ้าตัวแทรกผ่านประตูเข้ามาในสำนักงาน
“นี่มันเวลาเลิกงานแล้วนะครับ ยังจะมากวนกันอีก”
“ไม่ได้มากวนสักหน่อย เอาไอ้นี่มาให้ แวะซื้อมาจากข้างทาง”สกายยกถุงที่มีประบอกข้าวหลามลายกระบอกอวดพลางยิ้ม
เผล่
“ถ่อมาจนได้”
ทั้งที่มีงานถ่ายแบบต่างจังหวัดมาเหนื่อยๆควรจะพักผ่อนแต่ก็ดันถ่อสังขารมาก่อกวนเขา
“งั้นก็เอามานี่ แล้วก็กลับไปนอนพักผ่อนได้แล้วครับ ผมจะทำงาน”ตั้งโอ๋รับถุงของฝากมา
“แล้วตั้งโอ๋เถอะ ไม่กลับไปพักผ่อนรึไง ดูเหนื่อยๆ วันนี้ไปดินเนอร์กันไหม”
“ไม่เอา”ขืนไปคงมีหวังมีข่าวแย่ๆหลุดออกมาอีกตามเคย
ไม่เข้าใจว่าข่าวพวกนี้มันยังคงอยู่ได้ไงทั้งที่เขาปฏิเสธไปจนนับครั้งไม่ถ้วน
อาจจะเพราะคำพูดกำกวมของสกายเวลาให้สัมภาษณ์ทำให้คนอื่นต่างก็คิดกันไปไกลไม่จบไม่สิ้น
“น่า ไปเถอะ ปฏิเสธมาหลายรอบแล้ว”สกายเดินเข้าไปด้านหลังของเจ้าของใบหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อนแล้วนวดลงบนไหล่
อย่างเอาใจ
“ผมบอกว่าไม่ก็ไม่สิ แล้วก็อย่ามาแตะตัวกันง่ายๆ ผมไม่ชอบ ทำไมต้องให้พูดซ้ำ”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไร ไม่มีใครเห็นสักหน่อย ไม่เห็นจะต้องกลัวเป็นข่าวขนาดนั้นก็ได้ มานี่”ไม่พูดเปล่า แต่ก็ยังออกแรงนวด
ไหล่ให้เจ้าของพื้นที่
“บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ถ้ายังพูดยากก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”ตั้งโอ๋หันไปบอก แต่การหันไปก็ทำให้รู้ว่าตัวเขากับนักแสดงรุ่นพี่ใกล้ชิด
กันมากแค่ไหน จนต้องถอยงานหลังไปชิดกับโต๊ะทำงาน
“ได้ไง แล้วพี่จะเอางานที่ไหนทำล่ะ อย่าเครียดเลยไปเลย ผ่อนหลายแล้วไปดินเนอร์กัน”สกายเดินเข้ามาจนตั้งโอ๋จนใกล้
แล้วจับลงชนหัวของเขาแล้วลูบอย่างเบามือ
“ก็บอกว่าไม่เอา อย่ามะ”
ยังไม่ทันจะพูดได้จบประโยคเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างของคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมาปรากฏกายขึ้นเรียกให้เขาและสกาย
หันไปมอง
ตั้งโอ๋ดันสกายออกด้วยความเคยชินและตกใจ ดวงตาคมกริบที่มองมาทำให้หัวใจหล่นวูบจนแทบจะกองลงกับพื้น
“อะ เอ่อ มีอะไรรึเปล่า”ตั้งโอ๋ถามน้องชายที่อยู่ในชุดสูทดูสุขุมเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งเฉย
“เห็นว่าลืมไอ้นี่เอาไว้ เลยเอามาให้เผื่อต้องการจะใช้ แต่ก็คงมาผิดเวลา”น้องชายตอบพร้อมกับวางกระเป่าเงินใบคุ้นตาลง
บนโต๊ะทำงานของพี่ชาย
“ขอบคุณนะที่อุตส่าห์เอามาให้”
“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ขอโทษที่มารบกวนเวลา”
แล้วน้องชายก็เดินออกไป ไม่กี่ประโยคที่พูดออกมาจากปากได้รูปนั้น แต่ความเหินห่างและความเจ็บปวดที่ก่อขึ้นมาในใจ
มันมีมากเกินที่เขาจะห้ามมันเอาไว้ได้
“นั่น อันเดรสเหรอ”สกายถาม
“อืม”
“เฮ้ โตขึ้นตั้งเยอะ เรียนจบแล้วสินะ ไม่เห็นตั้งนานคิดถึงเมื่อก่อนตอนที่เจ้านี่ชอบทำท่าทางหวงพี่ชาย”
“จะหยุดพูดได้รึยัง จะไปดินเนอร์กันใช่ไหม งั้นก็ไปสิ จะได้หยุดพูดสักที บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่จ่าย”ตั้งโอ๋ตัดบทก่อนที่
สกายจะถามซักไซ้เกี่ยวกับตัวน้องชายของเขาไปมากกว่านี้
น้องชายที่เขาแทบจะไม่รู้จักเลยในเวลานี้
“จริงสิ จะไปจริงๆนะ โอเค พี่จ่ายก็ได้ครับ งั้นไปกันเลย”
สกายมีท่าทีระริกระรี้ก่อนจะรีบช่วยนักแสดงรุ่นน้องเก็บของ
ในขณะที่ตั้งโอ๋ถอนหายใจให้กับการตัดสินใจของตัวเอง
คงไม่พ้นมีข่าวอีกตามเคยหากมีปาปารัชซี่มาเจอเข้า แต่ก็ดีกว่ามีสกายมาก่อกวนเวลาทำงาน และที่สำคัญเขาเองก็ไม่มี
กระจิตกระใจที่จะคิดอะไรเกี่ยวกับงานตอนนี้เลย
ต่อให้กลับไปพักผ่อนก็คงจะคิดมากจนนอนไม่หลับ
================================================================
แฟนเพจของโซอึนจ้าอะโลห้าาาาาาาาาา อาหารญี่ปุ่นซองน้อยๆ ว่ายาวแล้วนะ สิบกว่าหน้า นักใครชอบใครก็เชียร์กันนะจ๊ะ มาดูกันว่าลมเพรชหึงมันจะเป็นยังไง โอ๋จะเจ็บอีกไหม แล้วอันจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน