Nightmare อยากให้คืนนี้ไม่ต้องฝันร้าย (END) #ตอนพิเศษ...คืนของรัณย์กาล...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Nightmare อยากให้คืนนี้ไม่ต้องฝันร้าย (END) #ตอนพิเศษ...คืนของรัณย์กาล...  (อ่าน 138534 ครั้ง)

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
อ้างถึง
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************





Warning!

นิยายเรื่องนี้มีการกล่าวถึง เรื่องเพศ ความรุนแรง

และประเด็นอ่อนไหวทางครอบครัว

กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านและคอมเม้นต์นะคนับ!

อ้างถึง

Nightmare ... อยากให้คืนนี้ไม่ต้องฝันร้าย

(YAOI : PSYCHO-DRAMA 18+)


.

.

"กลางคืนที่สดใสน่ะ มันมีแต่ในความฝันเท่านั้นแหละ"

.

.

สารบัญ

twilight .. before the night begin
1st Night …Circle...
2nd Night  …Backward...
3rd Night …Encounter...
4th Night …Pain...
5th Night …A Bad Start...
6th Night …Hate...
7th Night  …Cigarettes...
8th Night  …Escape...
9th Night  …Make up...
10th Night  …Hunters...
11th Night  …Unconscious...
12th Night  …Astray...
13th Night  …White Lies...
14th Night  …Selfish... 50%
14th Night  …Selfish... 100%
15th Night  …Dinner...
16th Night  …Saliva...
17th Night  …Choice...
18th Night  …First Step...
อิมเมจตัวละคร
19th Night  …Rain...
20th Night  …Strom...
Special Night I  …Jealous...
21st Night  …Tomb Keeper & Cerberus...
22nd Night  …HuaHin...
23rd Night  …Habitude...
24th Night  …Unspoken Word...
25th Night  …Secret...
26th Night  …Broken past...
27th Night  …Normal...
28th Night  …I’m not joking...
29th Night  …Thank you...
30th Night …Begin again...
31st Night  …Sand Castle...
32nd Night  …Happiness...
33rd Night  …Promise...
34th Night  …When people die...
35th Night …Betray...
36th Night  …Dote & Lost...
37th Night  …On the chair...
38th Night  …As Same As...
39th Night  …Hope...
40th Night  …Happy Birthday...
41st Night  …Truth...
42nd Night …Truth II...
43rd Night …Truth III...
44th Night  …Suspicion... + อวดปก
45th Night  …Let's play the game...
46th Night …The last game I...
47th Night …The last game II...
48th Night  …Bang...
49th Night  …Separation...
50th Night …Morning...
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2016 19:25:09 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Twilight ... before the night begin

         เสียงดนตรีบรรเลงดังแว่วมากับสายลม ทำให้ร่างโปร่งที่กำลังจมอยู่กับกองหนังสือตรงหน้ารู้ว่าได้เวลาที่เขาต้องลุกขึ้นมาแล้วออกไปเผชิญกับโลกภายนอกสักที เสื้อโค้ทตัวใหญ่ถูกหยิบขึ้นสวมพร้อมด้วยถุงมือหนังสีน้ำตาลที่ชวนให้คิดถึงผู้เป็นเจ้าของที่มอบให้เขาก่อนที่จะจากมาไกลถึงอิตาลี

 

 

      "สองปีแล้วสินะ... ตอนนี้คงกำลังซนได้ที่เลย"

 

 

      ใบหน้าหวานคมยกยิ้มหน่อยๆทั้งที่ดวงตาโศกเศร้า แม้จะไม่มีรูปสักใบไว้ดูต่างหน้าแต่ความทรงจำมากมายก็ยังคงตราตรึงแน่นเหมือนกับพันธนาการที่ไม่มีกุญแจให้ไขออก แสงสีทองส้มเริ่มเลือนหายไปจากท้องฟ้า ความมืดมิดเริ่มเข้าโอบล้อมกรุงมิลานให้เข้าสู่รัตติกาลอันยาวนานอีกครั้ง

 

      ร่างบางเค้นยิ้มกับตัวเองก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่เริ่มตีตื้นขึ้นมา เขารีบใส่ถุงมือหนาก่อนจะหยิบเอากระเป๋าเงินพร้อมกับกุญแจห้องใส่โค้ทไว้แล้วหมุนตัวออกไปจากห้อง โดยได้ทิ้งเจ้าขวดยาแก้วที่ควรจะต้องติดตัวไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษซึ่งถูกขย้ำทิ้งกองเท่าภูเขา

 

      โดยข้างๆกันนั้นก็มีกรอบรูปสองใบ ของคนสองคน

 

      ที่คงไม่มีวันได้พบกันอีก...

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

 

สวัสดีคนับ!ชาวเล้าเป็ดทุกท่าน!

วันนี้ได้โอกาสลงนิยายที่นี่เป็นครั้งแรก(หลังจากสิงเล้ามาสักพัก)
ในนามนักเขียนหน้าใหม่ที่ใช้ชื่อว่า 'Vivace' ขอบอกว่าตื่นเต้นมากกับความโนเนมของตัวเอง
กลัวจะเขียนแล้วแป๊กอยู่เหมือนกัน!

บอกก่อนนะคนับ ว่าเช่ไม่ใช่นักเขียนที่เก่งอะไร แต่เรื่องทั้งหมดเช่มั่นใจได้เลยว่าเกิดจากความตั้งใจของเช่จริงๆ
ซึ่งหวังแค่ว่าคนที่ผ่านมาอ่านจะมีความสุขกับมัน และเช่ก็อยากให้ทุกคนมีความสุข
(เอาง่ายๆ อยากให้มีคนอ่านเยอะเย้ออออ!!)

อยากติชมอะไรก็เม้นทิ้งไว้หรือแวะไปคุยกันได้ที่แฟนเพจเช่เลย

https://www.facebook.com/pages/Vivace-Story/1449951678656400 (เปิดใหม่เหมือนกัน ร้างคนมว๊าก!)

 

สุดท้ายนี้ เช่จะพยายามมาอัพให้บ่อยๆนะคนับ
แม้ว่าจะเรียนรัดตัวมากแต่จะเป็นนักเขียนที่มีวินัยให้ได้

ขอฝากเช่ และโลกของเช่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะ^^

ออฟไลน์ Aurum

  • Love u
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แวะมาเจิมเรื่องใหม่ รอติดตามครับ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
1st Night

…Circle...




 


                         แสงไฟที่ลอดออกมาจากห้องของผู้บริหารบริษัทสำนักพิมพ์ชื่อดังแม้เวลาจะล่วงเข้าสู่วันใหม่ไปแล้ว ร่างสูงโปร่งของ “รัตติกาล” กำลังนั่งเอนเหมอมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ถูกแซมด้วยแสงไฟของกรุงเทพมหานครอย่างเหม่อลอยจนกระทั่งมือถือของเจ้าตัวที่กำลังสั่นอย่างเอาเป็นตายดึงสติของเขากลับมา

 

                “ว่าไง”

 

                “ไอ้กาล ทำไมมึงยังไม่กลับบ้าน”

 

                เสียงของ “นิล” ที่ควบตำแหน่งทั้งเพื่อนสนิทและนักเขียนมือทองประจำสำนักพิมพ์ของรัตติกาลดังลอดออกมาพร้อมกับเสียงดนตรีที่คลอมาตามสายทำให้รัตติกาลรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีคงกำลังนั่งดื่มอยู่ที่คลับประจำของพวกเขา ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเอกสารใบย่อมพลางปิดไฟที่โต๊ะก่อนออกมาจากห้องอย่างไม่รีบร้อนอะไร

 

                “อยู่เคลียร์เอกสารนิดหน่อย เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน”

 

                “ห่า ไม่ต้องมา กลับบ้านไปพักบ้างไป”

 

                “หึ ไปแดกเหล้ากับมึงนี่ไงพักของกู”

 

                รัตติกาลปล่อยให้เพื่อนตัวดีบ่นกระปอดกระแปดไปคนเดียวอย่างนั้นจนตัดสายไปเอง เขาพาร่างของตนมายังรถที่จอดไว้ก่อนจะขับออกไปอย่างไม่รีบร้อน แต่ด้วยถนนโล่งๆยามนี้ก็ทำให้เขามาถึงสถานบันเทิงตามที่ตั้งใจไว้ในเวลาไม่นานนัก

 

 

                    แม้ว่าเวลาจะดึกมากแล้วแต่นักท่องราตรีทั้งหลายก็ยังคงมีอยู่ไม่น้อยและสายตาเหล่านั้นก็กำลังจับจ้องมาที่ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปากซึ่งเดินตรงไปยังส่วนของบาร์ที่มีเพื่อนของตนนั่งหมุนแก้ววอดก้าในมือเล่นไปมา รัตติกาลเลือกนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆโดยไม่ต้องขออนุญาตซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทางอะไรกับการมาของเขา นิลทำเพียงแค่เลื่อนแก้วเครื่องดื่มอีกใบส่งให้โดยไม่พูดอะไรปล่อยให้เขากระดกแก้วขึ้นดื่มแล้วค่อยๆสูบบุหรี่ที่คาบไว้จนหมดมวน ก่อนจะเปิดปากพูดทำลายความเงียบ

 

                 “มึงรู้ได้ยังไงว่ากูยังไม่กลับบ้าน”

 

                        “ป้าจันทร์โทรมาถามว่ามึงอยู่กับกูรึเปล่า แต่เอาจริงๆกูก็กะแล้วว่าอย่างมึงถ้าไม่นั่งบ้าทำงานยันเที่ยงคืนอยู่บริษัท ก็คงไปหาที่ลงอยู่แถวๆนี้”

 

                      “รู้ดี”

 

                      “หึ ว่าแต่คืนนี้จะกลับบ้านหรือหาอะไรแดกก่อน”

 

                     “...น่าจะอย่างหลัง”

 

                    นิลแสยะยิ้มมาให้กาลอย่างรู้ทัน เพราะตั้งแต่ที่เพื่อนเขาคนนี้เดินเขามาทั้งสาวสวยและแม้แต่หนุ่มหน้าตาดีหลายคนก็ลอบมองร่างกายสูงโปร่งของกาลกันไม่วางตา แต่ในกรณีของผู้หญิงอย่างสาวในชุดเดรสรัดรูปสีขาวโต๊ะขวามือนั้นคงไม่ได้สานต่ออะไรกับเพื่อนเขาของแน่นอนเพราะเป็นอันรู้กันดีว่าเจ้าของใบหน้าหวานแต่ยังคงมีความคมเข้มอย่างรัตติกาลนั้นไม่ชอบผู้หญิง ซึ่งคนที่มีแววจะผ่านเข้ารอบน่าจะเป็นชายหนุ่มโต๊ะถัดมาที่มองเพื่อนของเขาอยู่เงียบๆโดยไม่มีทีท่าจาบจ้วงใดๆเพราะคนมี ‘พันธะ’ อย่างรัตติกาลนั้นจะไม่เลือกคนที่ส่อแววสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตตนเองแน่นอน

 

 

                     รัตติกาลอยู่คุยกับนิลอีกครู่ใหญ่เรื่องงานที่สำนักพิมพ์ก่อนจะขอตัวเดินออกไปจากคลับพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนอย่างที่นิลคาดเอาไว้ โดยที่ก่อนหน้านี้ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ร่างโปร่งก็ฝากให้บริกรส่งโน้ตเล็กๆไปให้อีกฝ่ายเป็นการทำการรู้จักพร้อมกับเหล้าราคาแพงแทนไมตรีจิตที่มอบให้ เขายืนรออีกฝ่ายอยู่ที่ลาดจอดรถเพื่อนัดแนะเรื่องสถานที่ก่อนที่ต่างฝ่ายจะขับรถของตัวเองออกไปยังโรงแรมที่นัดกันไว้ ดวงตาของกาลยังคงเรียบเฉยแม้จะยกยิ้มให้คนข้างกายที่กำลังใช้ปลายนิ้วสัมผัสไปตามสันกรามของเขาอย่างแผ่วเบา ไม่จำเป็นต้องตกลงอะไรให้มากความ ร่างกายของบุรุษเพศทั้งสองก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงของโรงแรมอย่างไม่สนใจโลกภายนอก

 

                  “อ๊ะ บะ เบาหน่อยครับ ลึกไปแล้ว”

 

                 “อืม อา แล้วนายไม่ชอบรึไง”

 

                        รัตติกาลถดสะโพกออกมาก่อนจะตบเข้าไปใหม่อย่างหนักหน่วง ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังครวญครางอย่างทรมานอยู่ใต้ร่างเขายิ่งไม่มีความคิดจะผ่อนแรงอย่างที่อีกคนร้องขอก่อนจะจับขาทั้งสองขึ้นพาดบ่าทำให้สะโพกกลมพร้อมกับช่องทางแดงช้ำที่ถูกเติมเต็มด้วยกลางกายของเขาลอยเด่น เขาเสือกกายใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนอีกคนต้องร้องขอให้เขาเร่งความเร็วขึ้นอีก ซึ่งเขาก็ทำตามจนเกิดเสียงเฉอะแฉะดังไปทั่วทั้งห้อง อีกฝ่ายเอื้อมคว้าคอเขาลงไปละเลียดเลียแล้วดึงดูดย้ำอยู่จนเกิดรอยแดงประปรายด้วยความเสียวซ่าน ปกติแล้วรัตติกาลไม่ค่อยชอบให้ใครทิ้งรอยไว้ตามร่างกายของเขาเพราะไม่อยากที่จะตอบคำถามขอใครแต่เพราะเรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขามาตลอดทั้งวันทำให้เขาละเลยเรื่องจุกจิกพวกนี้หนำซ้ำเจ้าตัวเองก็เป็นฝ่ายฝากทั้งรอยดูดและรอยกัดไว้ตามร่างกายของคนที่เพิ่งรู้จักกันไปไม่น้อย

 

                        เสียงหวีดร้องของคนใต้ร่างดังขึ้นบ่งบอกว่าใกล้จะถึงปลายทางแต่รัตติกาลยังไม่อยากจะให้มันจบลงตรงนี้ ร่างโปร่งชะลอความเร็วลงแล้วจับร่างที่เล็กกว่าพลิกคว่ำลงทั้งที่ตัวตนของเขายังสอดใส่อยู่ มือเรียวลูบไล้ก่อนบีบขย้ำก้นกลมตรงหน้าอย่างหนักมือพลางขยับสะโพกอย่างเชื่องช้าจนอีกคนตัวสั่นระริก

 

                     “อย่ากะ แกล้งกันสิ ผมจะไม่ไหวแล้วนะ”

 

                    “อืม ใจเย็นๆสิ รัดผมไว้แน่นๆอย่างนั้นแหละ อา”

 

                   “อึก แต่ว่า..”

 

                    “นะ”

 

                    “อ๊า อา อา”

 

                    “ได้โปรด...อยู่กับผมก่อน”

 

                       รัตติกาลพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะบรรเลงลีลาบนร่างกายอีกฝ่ายโดยไม่เอ่ยอะไรอีก แม้ว่าจะใกล้แตะขอบสวรรค์กี่ครั้งเขาก็ดึงอีกฝ่ายที่อารมณ์กำลังไต่สูงให้ตกลงมาอย่างโหดร้ายและสุขสมไปพร้อมกัน จนเสียงเตือนจากโทรศัพท์ที่ตั้งไว้ดังขึ้นบอกเวลา รัตติกาลเอื้อมมือขึ้นไปกดปิดเสียงมันทำให้กลางกายดันลึกเข้าไปจนอีกฝ่ายต้องยกมือดันหน้าท้องของเขาไว้อย่างทนไม่ไหว เขาก้มลงสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างจาบจ้วงก่อนจะรัวสะโพกไม่ยั้งเพื่อจบเกมที่ดำเนินมาอย่างเนินนานตลอดทั้งคืน รัตติกาลสอดใส่ตัวตนที่ร้อนระอุด้วยแรงอารมณ์พร้อมกับใช้มือชักรูดกลางกายให้เพื่อดึงอารมณ์ของอีกคนให้จบลงพร้อมกัน เหงื่อที่ไหลซึมตามไรผมทำให้กาลสะบัดใบหน้าปัดเส้นผมที่ปรกลงมาก่อนจะแหงนมองดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าให้เห็น

 

                      ในขณะที่อารมณ์ทางกายกำลังดิ่งขึ้นสูง

 

                    แต่รัตติกาลกลับเอาแต่ครุ่นคิดและจมลงเรื่อยๆ

 

                    คิดถึงแสงของดวงตะวันที่เคยสาดส่องตัวเขาและ “ใครคนนั้น”...

 .

.

.

 

 

                    ‘จันทร์’ คนดูแลบ้านที่ทำหน้าที่นี้ให้กับ ‘บ้านพัฒนเดชา’ มาตั้งแต่สมัยพ่อและแม่ของรัตติกาลยืนมองรถของคุณหนูที่เธอรักเหมือนลูกขับเข้ามาจอดในโรงรถหลังจากไม่ได้กลับมาพักที่บ้าน ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่ารัตติกาลนั้นดูแลตัวเองได้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่เธอก็ไม่สามารถคลายความเป็นห่วงในตัวคุณหนูของเธอได้ อีกทั้งเสียงร้องไห้เล็กๆที่ร้องหารัตติกาลทุกครั้งที่ไม่กลับบ้านยังคงดังก้องอยู่ในหูของจันทร์ที่ทำได้แค่อยู่ปลอบคุณหนูเล็กของเธอจนคล้อยหลับไปทั้งที่น้ำตานองหน้า

 

                 “สวัสดีครับป้าจันทร์”

 

                      รัตติกาลยกมือไหว้หญิงแก่ตรงหน้าอย่างไม่ถือตัว กลับกันเขารู้สึกเคารพรักจันทร์เหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ไม่เคยถือตัวว่าเป็นเจ้านาย รอยยิ้มอ่อนถูกส่งให้อย่างรู้สึกผิดที่ตนเองทำให้หญิงชราผู้นี้ต้องคอยห่วงกังวลในตัวเขาอยู่เสมอแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยปริปากบ่นเลยกับการกระทำของเขา

 

                     “ทานอะไรมารึยังคะ”

 

                     “ยังเลยครับ”

 

                     “งั้นอยู่ทานข้าวต้มสักหน่อยก่อนค่อยขึ้นไปพักผ่อนนะคะ ป้าให้นิ่มเตรียมไว้ให้แล้ว”

 

                      “ผมไม่...”

 

                       “ไม่ต้องห่วงหรอกคะ คุณพีเธอเพิ่งตื่นยังไม่ลงมาตอนนี้หรอก”

 

                       “...”

 

                       ช่วงขายาวชะงักก่อนจะยอมเดินไปยังโต๊ะอาหารของบ้านอย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งที่อยากขึ้นไปพักผ่อนบนห้องแต่เมื่อโดนคนที่ผ่านโลกมามากอย่างจันทร์พูดดักทางออกมารัตติกาลเลยไม่กล้าขัด เขารีบลงมือกินข้าวต้มกุ้งที่เด็กในบ้านยกมาให้ทันทีที่ถูกจัดเสร็จ แต่วันนี้คุณหนูเล็กของจันทร์ที่เพิ่งตื่นได้ไม่นานจะจัดการตัวเองได้เสร็จเร็วกว่าทุกที 

 

                       แขนป้อมของเด็กน้อยในชุดนักเรียนชั้นอนุบาลคว้าเอวของรัตติกาลจากด้านข้างโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของ “รพี” ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเงยขึ้นมองคนเป็นพ่อพร้อมกับเสียงสะอื้นน้อยๆที่ถูกส่งออกมาพร้อมกับไหล่เล็กที่สั่นเทา

 

                       เขาชายตามองดวงตากลมแดงกล้ำจากการร้องไห้กำลังมองมาที่เขาอย่างตัดพ้อแต่ก็ยังแสดงความดีใจอย่างเก็บไว้ไม่มิด ริมฝีปากแบะออกทั้งที่ยังสั่นยิ่งมองดูยิ่งน่าสงสารในสายตาของจันทร์และนิ่มแต่กับรัตติกาลที่เป็นพ่อยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยมองดูลูกชายสะอึกสะอื้นต่อหน้าตนเองอยู่อย่างนั้น

 

                    “พ่อกาล ฮึก พ่อกาลไปไหนมา”

 

                      “...”

 

                      “พีรอพ่อกาล ฮึก ไหนยายจันทร์บอกว่าพ่อกาลจะกลับบ้าน”

 

                      “พ่อต้องทำงาน”

 

                      “แต่พีคิดถึงพ่อกาล เมื่อวาน ฮึก พีรอพ่อกาลทั้งคืนเลย พีรอให้พ่อกาลดูรูปที่พีวาดที่โรงเรียน ฮึก”

 

                       จันทร์ที่ทนไม่ไหวเดินมาดึงร่างป้อมนั้นให้ออกห่างจากคนเป็นพ่อพลางตบแผ่นหลังเล็กที่สั่นเพราะแรงสะอื้นเบาๆก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้ แต่เด็กน้อยก็ยังคงดื้อดึงผละตัวออกมาหาพ่อของตนอีกครั้ง รัตติกาลเริ่มขมวดคิ้วกับการกระทำดื้อดึงของลูกชายแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้สึกถึงความไม่พอใจของคนเป็นพ่อ สิ่งที่เด็กตัวน้อยคิดตอนนี้มีเพียงอยากให้พ่อกาลที่รักแสดงความสนใจออกมาเท่านั้น

 

                         แม้จะอยู่บ้านหลังเดียวกันแต่รัตติกาลก็ไม่ค่อยกลับบ้าน ไม่ต้องพูดถึงความเอาใจใส่ในฐานะพ่อที่แทบไม่ถูกแสดงออกมาตั้งแต่รพียังเด็ก ตั้งแต่รพีจำความได้มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่พ่อจะยอมอยู่กับตนนานๆ คนที่ดูแลรพีมาตลอดนั้นกลับเป็นจันทร์ นิ่ม และคนดูแลบ้านทั้งหลายที่ช่วยกันดูแลและพยายามให้ความอบอุ่นกับคุณหนูเล็กของบ้านเพื่อทดแทนความอบอุ่นที่เด็กน้อยไม่เคยได้รับทั้งจากคนเป็นพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ก็เหมือนไม่มี และแม่ที่รพีไม่เคยพบเจอมาก่อน

 

                    ใช่...

 

                    รพี ไม่มีแม่

 

 

                          “คุณพีปล่อยคุณพ่อแล้วมานั่งทานข้าวก่อนนะคะ”

 

                          “ไม่เอา ฮึก พีจะอยู่กับพ่อกาล”

 

                         “รพี...อย่าดื้อ”

 

                          รัตติกาลดุลูกชายด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นจนคนฟังรู้สึกได้ถึงความเย็นชา จันทร์เข้าไปดึงเด็กน้อยออกมาอีกครั้งก่อนจะพยายามยิ้มปลอบรพีที่เม้มปากจนสั่นแต่ก็ยังจ้องพ่อของตนไม่วางตาราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปอีกถ้าเขาเผลอหันไปที่อื่น

 

                          “ทานข้าวก่อนนะคะ คุณพ่อจะได้ทานเหมือนกัน ถ้าคุณพ่อไม่ได้ทานข้าวจะไม่สบายนะ คุณพีไม่อยากเห็นคุณพ่อป่วยใช่ไหมคะ”

 

                          จันทร์ยกสุขภาพของรัตติกาลมาอ้างเพราะรู้ว่าเด็กชายรักและเป็นห่วงพ่อของตนมากแค่ไหน กลับกันเธอไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้จากอีกคนเลยแม้แต่น้อย

 

                         “จะ จริงหรอฮะ”

 

                        รพีมองหน้ารัตติกาลด้วยความเป็นห่วงลืมความกลัวที่ถูกคนเป็นพ่อดุเมื่อกี้ไปจนหมด จันทร์พยักหน้าให้เบาๆแทนร่างโปร่งที่กินข้าวต้มต่ออย่างไม่สนใจอะไร เด็กชายรีบพาตัวเองขึ้นไปนั่งเก้าอี้ข้างคนเป็นพ่อด้วยความช่วยเหลือของจันทร์ทำให้รัตติกาลชะงักมือที่กำลังจะตักอาหารตรงหน้าแต่ก็พูดอะไรไม่ได้เมื่อสบตากับหญิงแก่ที่ส่งสายตาขอร้องมาให้

 

                      พอข้าวต้มร้อนๆถูกนำมาเสิร์ฟรพีก็ลงมือกินทันทีด้วยความหิว เพราะความดีใจที่เห็นรถของพ่อขับเข้ามาในบ้านทำให้พีรีบจัดการตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบวิ่งมาหาอย่างไม่กลัวจะหกล้ม แม้จะยังอยู่ในชั้นอนุบาลแต่รพีเป็นเด็กที่พยายามช่วยตัวเองทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ นอกจากการร้องขอเวลาจากรัตติกาลแล้วแทบไม่มีเลยที่พีจะงอแงอย่างที่เด็กทั่วไปเป็นกัน ความเข้มแข็งที่รพีพยายามแสดงออกทำให้หลายคนที่ทั้งรู้สึกเอ็นดูและสงสารไปพร้อมๆกัน

 

                    “อยู่ส่งคุณพีขึ้นรถไปโรงเรียนก่อนนะคะ ป้าขอ”

 

                            จันทร์พูดขอออกมาเบาๆเมื่อร่างโปร่งทำท่าจะลุกออกไปทันทีที่กินเสร็จ ทั้งคู่มองตากันอยู่สักพักก่อนรัตติกาลจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ถอนหายใจออกมาทำให้หญิงแก่ระบายยิ้มอ่อนอย่างดีใจที่วันนี้เธอได้มีโอกาสทำให้คุณหนูเล็กมีความสุขหลังจากที่อดทนรอคนเป็นพ่อมาหลายวันโดยไม่ได้พบหน้ากัน ถึงแม้จะเล็กน้อยแค่ไหน จันทร์ก็อยากจะทำทุกอย่างที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ของคนที่เธอรักทั้งสองดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

 

 

                            จันทร์ให้นิ่มยกน้ำขิงร้อนมาเสิร์ฟให้รัตติกาลจิบแทนกาแฟรอจนรพีทานข้าวเสร็จพลางมองดูเด็กน้อยที่เมื่อครู่ยังร้องไห้งอแงทานข้าวข้าวไปสลับกับหันมาเล่าเรื่องราวที่โรงเรียนให้พ่อฟังไป เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายทำให้บรรยากาศในบ้านเช้านี้ดูอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย มือเล็กๆเอื้อมขวามือเรียวที่แม้จะเย็นแต่กลับทำให้ตนรู้สึกอบอุ่นเต็มหัวใจมาจับไว้ก่อนจะพากันมายังรถอีกคันที่คนขับรถจอดรอไว้หน้าบ้าน แม้ว่าจะยังอยากคุยกับพ่ออยู่แต่รพีก็รู้ดีว่าตัวเองจะต้องไปโรงเรียนแล้ว เด็กน้อยหมุนตัวหันมาหาร่างโปร่งที่รับกระเป๋าเป้ใบเล็กจากนิ่มมาสวมให้ลูกชายที่กำลังมองเขาเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง

 

                         “คือ พ่อกาลฮะ”

 

                         “มีอะไร”

 

                      “ที่น้องพีบอกเมื่อเช้าว่าได้วาดรูปพ่อกาลที่โรงเรียน”

 

                      “...”

 

                         “น้องพีได้คะแนนเต็มด้วย คุณครูก็ชมว่าน้องพีเก่ง”

 

                      “...”

 

                      “น้องพีเลยอยากได้รางวัลจากพ่อกาล...ได้ไหมฮะ”

 

                     ดวงตากลมเล็กสบกับดวงตาคมอย่างเว้าวอน ชายเสื้อของร่างโปร่งที่ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้กระตุกตามแรงมือที่บีบเข้าหากันอย่างกังวลว่าจะทำให้คนเป็นพ่อไม่พอใจกับความเอาแต่ใจของตนเอง รัตติกาลถอนหายใจยาวก่อนจะถามออกไปเพราะอยากขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเต็มที

 

                      “อยากได้อะไร”

 

                       “น้องพีอยากให้พ่อกาลไปรับที่โรงเรียน!”

 

                      เด็กชายรีบบอกออกมาอย่างรวดเร็ว ใช่ว่าโอกาสแบบนี้จะมีบ่อยๆเสียเมื่อไหร่ที่พ่อจะยอมทำตามใจเขา รพีรู้สึกดีใจที่ตัวเองพยายามตั้งใจวาดภาพ ‘ครอบครัวของฉัน’ อย่างสุดความสามารถจนได้คะแนนเต็ม แต่ก็จะได้มาร่างเล็กก็ต้องหยิบมาให้จันทร์ช่วยดูหลายรอบกว่าตัวเองรู้สึกพอใจ แม้ว่ารูปของเขาจะไม่เหมือนของเพื่อนคนอื่นในห้องที่ในรูปมีทั้งพ่อและแม่ ในขณะที่รูปของรพีมีเพียงพ่อและตนเองยืนจับมือกันเท่านั้น

 

.

.

                     “พ่อคงไม่ว่าง”

 

                     รอยยิ้มที่ระบายเต็มหน้าค่อยๆหายไปจากดวงหน้าเล็กที่กำลังคิดว่าจะไปอวดกับเพื่อนที่โรงเรียนว่าพ่อจะมารับเย็นวันนี้ จันทร์รีบเดินมายืนขนาบข้างรัตติกาลก่อนจะจับแขนร่างโปร่งไว้แล้วส่งสายตาขอร้องมาให้

 

                      “คุณกาลคะ..”

 

                      “ผมไม่ว่างจริงๆครับป้า บ่ายนี้มีประชุมกับฝ่ายขาย”

 

                        “เริ่มตอนบ่ายไม่ใช่หรอคะ กว่าโรงเรียนอนุบาลจะเลิกก็เกือบเย็น อย่างน้อยรับปากป้ากับคุณพีได้ไหมว่าถ้าประชุมเลิกเร็วจะมารับ”

 

                       รัตติกาลมองหน้าจันทร์อย่างลำบากใจ ถ้าจันทร์ไม่ช่วยพูดเขาคงจะยืนยันกับร่างป้อมไปแล้วว่าไปรับไม่ได้แม้ว่าความจริงคงจะไม่ได้ประชุมยืดเยื้อขนาดนั้น แต่จันทร์ที่เห็นรัตติกาลมาตั้งแต่เด็กก็รู้นิสัยคุณหนูของเธอดี แม้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัดถึงเธอก็เลือกที่จะผลักดันให้ร่างโปร่งทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อบ้าง

 

 

                      เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มที่แสนเย็นชาตรงหน้าผ่านอะไรมาบ้าง ถึงอยากจะแบ่งเบาบาดแผลของคนที่รักเอาไว้บ้าง แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอดีตของใครได้ สิ่งที่เธอทำได้นั้นมีเพียงพยายามเยียวยา ‘ปัจจุบัน’ของคนที่เธอรักทั้งสองคน ไม่ว่า ‘อดีต’ จะเคยมีอะไรเกิดขึ้น ให้มันไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้

 

                    “เฮ้อ ก็ได้ถ้างานเสร็จเร็ว แต่ถ้ายังประชุมไม่เสร็จพ่อจะให้ลุงสิทธิไปรับ"

 

                    “ตกลงฮะ พีรักพ่อกาลที่สุดในโลกเลย!”

 

                  ร่างป้อมกระโดดกอดเอวพ่อไว้แน่นจนร่างโปร่งเซไปด้านหลังเล็กน้อย รัตติกาลมองดูรอยยิ้มที่เหมือนกับ ‘ใครคนนั้น’ ซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของรพีจนเกือบเผลอสัมผัสแผ่นหลังเล็กเข้า มือเรียวบีบจนแน่นเหมือนตอกย้ำอะไรบางอย่างให้จำขึ้นใจ จันทร์มองการกระทำด้วยสายตาหดหู่ สงสารคุณหนูทั้งสองของเธอจับใจ

 

                     ไม่ว่ากี่คืนจะผ่านพ้นไป

 

                         ไม่ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นมาใหม่อีกกี่ครั้ง

 

                         แต่สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงรัตติกาลที่เหน็บหนาว

 

                         และฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนไม่รู้จบ

.

.

.

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

 

ลงให้แล้วนะคนับกับตอนแรก นิยายเช่เป็นแบบโคตรบรรยายอาจจะมีหลายคนไม่ค่อยชอบ

ตัวอักษรเยอะไปนิด แต่นี่มันเป็นสไตล์เช่จริงๆฮะ แก้ไม่ได้ (เคยลองแล้ว) ฮ่าๆ ^^

ฝากแฟนเพจด้วยนะ แวะมาพูดคุยกับเช่หน่อย เช่เหงา T^T

https://www.facebook.com/pages/Vivace-Story/1449951678656400

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
ชี้แจงนิดนึงนะคนับ!

นิยายเรื่องนี้จะเป็นการเล่าเรื่องพาร์ทปัจจุบันแทรกด้วยพาร์ทอดีตแทรกมา

มีทั้งเป็นพารากราฟเลยและเป็นเพียงคำพูดบางประโยค

ดังนั้นส่วนที่เป็นพาร์ทอดีต เช่จะเขียนด้วย ตัวเอียง เพื่อให้ง่ายแก่การสังเกตนะคนับ!

 

-------------------------------------------------------------------------------

 

2nd Night

…Backward...


 

“หลบไป”

 

เลขาส่วนตัวของรัตติกาลมองเพื่อนรักเจ้านายของเธออย่างนิลมายืนจังก้าขวางเต็มประตูทันทีที่การประชุมตอนบ่ายเสร็จ หญิงสาวไม่ได้สนใจเรื่องของทั้งสองคนนิดในหัวมีแต่งานกองโตบนโต๊ะที่อยากรีบกลับไปเคลียร์ให้เสร็จๆก่อนที่ของเซลในห้างดังที่เธอเล็งไว้จะถูกคว้าไปจนหมด ‘ธิชา’ ถอนหายใจพลางขมวดคิ้วใส่ร่างสูงแต่นิลกลับไม่มีทีท่าสนใจเธอเลย แม้แต่สายตาดุๆและเสียงเรียบเย็นของเจ้านายเธอยังทำอะไรผู้ชายคนนี้ไม่ได้สักนิด

 

“ไปรับพีด้วยกันเลยไอ้กาล”

 

“เพ้อเจ้ออะไร”

 

“ห่า ดูปากกูนะ...ไป-รับ-ลูก-ซะ-ไอ้-พ่อ-เฮง-ซวย!!!”

 

   “กูไม่ไป”

 

หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เดินดุ่มๆมานิลลากคอเจ้านายของเธอออกไปทำให้เธอสามารถกลับโต๊ะทำงานไปได้สักที เสียงของทั้งสองคนเดินเถียงกันมาตลอดทางไม่ได้ทำให้เธอสนใจเท่าไหร่แต่ความสงสัยที่ติดใจเธอมาตั้งแต่เธอมาตลอดทำเอาคิ้วที่บรรจงเขียนอย่างดีขมวดน้อยๆ เธอรู้ดีว่ารัตติกาลเป็นเกย์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนนี้ไม่เคยปกปิดรสนิยมเรื่องเพศของตัวเอง ด้วยความสามารถและการวางตัวในที่ทำงานอย่างดีนั้นทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้ามีปัญหากับรัตติกาลสักเท่าไหร่

 

จากที่เธอเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากสาวๆในบริษัทที่เสียดายในความหล่อเหลาของเจ้านายเธอพูดคุยกันก็ทำให้เธอรู้ว่ารัตติกาลเป็นเกย์มานานแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ๆรัตติกาลกับนิลนักเขียนมือทองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ โดยที่รัตติกาลเป็นเกย์ในขณะที่นิลเป็นไบเซ็กชวล หญิงสาวยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ในเมื่อรัตติกาลเป็นเกย์ ทำไมถึงมีคุณหนูรพีได้?

 

เสียงปิดประตูดังดึงสติของเลขาสาวให้กลับเข้าที่พร้อมกับร่างของชายหนุ่มทั้งสองหายไปหลังประตูบานใหญ่ ภายในห้องนั้นนิลกำลังจ้องมองกาลที่กำลังจุดบุหรี่สูบทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจ ทำไมอยู่ดีๆไอ้เพื่อนคนนี้ถึงนึกครึ้มเดินเข้ามาในบริษัททั้งที่ปกติปีๆหนึ่งจะโผล่มาแบบนับครั้งได้ แล้วยังมาบังคับให้เขาไปรับลูกชายที่โรงเรียนอีก แม้จะรู้ดีว่านิลเองก็เอ็นดูลูกชายของตนไม่น้อยแต่มันก็ไม่ก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของเขาเลยสักครั้ง

 

“ไม่ต้องหาข้ออ้างอะไรทั้งนั้น ยังไงเย็นนี้มึงก็ต้องเป็นคนไปรับรพีที่โรงเรียน”

 

“อย่าเซ้าซี้ได้ไหมวะ กูมีงานต้องเคลียร์”

 

“เคลียร์เหี้ยอะไร ลายมือธิชาเขียนอยู่โต้งๆว่าให้เซ็นก่อนอาทิตย์หน้า รวยจะตายห่าไม่ต้องเสือกมาขยันตอนนี้”

 

“แต่กูจะทำ”

 

“ไม่ได้ ไอ้ห่าลูกรออยู่”

 

“มึงเป็นบ้าอะไรวะไอ้นิล ทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่”

 

รัตติกาลเพ่งมองนิลอย่างกดดันแต่อีกคนกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน กลับเดินลอยหน้าลอยตาไปหยิบกระเป๋าเอกสารของร่างโปร่งมาไว้กับตัวแล้วลากเจ้าตัวให้ออกจากห้องไปด้วยกัน แต่ยังไม่ทันจะพ้นเขตประตู รัตติกาลก็ออกแรงขืนตัวเอาไว้พร้อมกับมองตาเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง

 

“เฮ้อ เออๆ เมื่อสายป้าจันทร์โทรมาบอกว่าทำแกงขี้เหล็กไว้ กูเลยแวะไปฝากท้องที่บ้านมึงมาเขาเลยเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ฟัง”

 

“แล้วยังไง? ป้าจันทร์เขาขอให้มึงมาลากกูไปรับรึไง?”

 

“ป่าว ป้าแกไม่ได้ขอ กูคิด กูทำของกูเอง”

 

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่มึงจะต้องเข้ามายุ่ง..”

 

รัตติกาลกระชากแขนตัวเองกลับมาพร้อมกับจ้องหน้านิลอย่างฉุนเฉียว พวกเขาเป็นเพื่อนกันมานานพอที่จะยอมรับพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย ดังนั้นการที่นิลเข้ามายุ่งเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจไม่น้อย ร่างสูงถอนหายใจออกมาก่อนพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงและเต็มไปด้วยความห่วงใยซึ่งหวังให้คนฟังเข้าใจถึงความเป็นห่วงของเขาต่อเรื่องนี้

 

“กูแค่เป็นห่วง กูไม่อยากเห็นมึงทรมานตัวเองแบบนี้”

 

“กูไม่ได้ทรมานอะไร”

 

“กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีไอ้กาล ถึงกูจะไม่เข้าไปยุ่งแต่กูก็ไม่ได้ตาบอดจนมองไม่เห็นว่ามึงมองพีด้วยสายตาแบบไหนมาตลอดเกือบหกปี”

 

“งั้นมึงคงรู้ว่ากูเกลียดเด็กนั่น”

 

รัตติกาลเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาอย่างไม่ยี่หราสักนิด

 

ใช่...เขาเกลียดรพีที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกของตัวเอง

 

เกลียดดวงตาซื่อๆ เกลียดมือเล็กๆที่พยายามไขว่คว้าตัวเขาทุกครั้งที่เจอหน้า ริมฝีปากแดงที่เอาแต่ร่ำร้องหาคนเป็นพ่อไม่เคยทำให้รัตติการรู้สึกอะไรนอกจากความรำคาญ ไม่ว่ารพีจะพยายามแค่ไหนก็ไม่เปลี่ยนความรู้สึกของคนเป็นพ่อได้เลย

 

“รพีไม่ได้เป็นคนผิด มึงเองนั่นแหละเป็นคนที่รู้ดีที่สุด”

 

“...”

 

“ ไม่ว่ามึงจะเกลียดรพีแค่ไหน สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยน เกือบหกปีแล้วนะไอ้กาล เมื่อไหร่มึงจะเกิดไปข้างหน้าสักที อดีตก็คืออดีต มึงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว”

 

แรงบีบที่หัวไหล่ไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งรู้สึกดีขึ้น คำพูดของนิลเป็นจริงทุกอย่าง แต่ความจริงที่ทุกคนอยากให้เขายอมรับมันกลับไม่เคยช่วยให้หัวใจของเขาเจ็บน้อยลงเลยสักนิด เสียงล้อของเตียงผู้ป่วยที่บดเบียดไปตลอดแนวทางเดินมุ่งหน้าสู่ห้องฉุกเฉิน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกับร่างของคนสองคนที่นอนนิ่งไม่ได้สติยังอยู่ตรงหน้าเขา ภาพ เสียง และกลิ่นที่เหมือนยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกราว แม้ว่าจะผ่านมาเกือบหกปีแต่กลับไม่มีวันไหนเลยที่รติกาลจะลืมความทรงจำเหล่านั้นลง

 

.

,

,

,

,

,

 

รัตติกาลที่ดูอ่อนวัยกว่าปัจจุบันกำลังยืนนิ่งมองดูแพทย์และพยาบาลช่วยกันยื้อชีวิตของผู้ป่วยสองคนอย่างสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนพิษบาดแผลที่รุนแรงจากการถูกซากรถบดขยี้ร่างทำให้กราฟแสดงอัตราการเต้นของหัวใจนั้นถี่น้อยลงเรื่อยๆ ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงทางด้านซ้ายได้รับแรงกระแทกโดยตรงจนแขนและขาขวาบิดเบี้ยวผิดรูป ลิ่มเลือดที่ไหลออกจากศีรษะกลบใบหน้าคมจนจำแทบไม่ได้ ส่วนเตียงทางด้านขวามีร่างของหญิงสาวที่เขารู้จักดี กำลังนอนหายใจรวยรินแม้บาดแผลตามร่างกายจะไม่มากเท่ากับอีกคน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือหน้าท้องโป่งนูนที่มือเล็กๆนั้นประคองกอดไว้แม้ยามไม่ได้สติราวกับต้องการจะปกป้องสิ่งที่อยู่ภายใน

 

ร่างโปร่งจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอัดแน่นในหัวใจ จ้องมองอยู่อย่างนั้นจนเกิดเสียงแหลมดังยาวออกมาจากเครื่องมือทางเตียงทางฝั่งซ้าย ลมหายใจของคนตรงหน้าดับสิ้นลงต่อหน้าต่อทางเขาที่หัวใจแหลกสลายไม่มีสติพอที่จะร้องไห้ออกมา มีเพียงเสียงกรีดร้องจากข้างในที่ไม่ใครได้ยินและจะไม่มีแม้โอกาสได้ยินอีกแล้ว และเหมือนมัจจุราชจะยังไม่พอใจ อีกร่างก็เริ่มกระอักออกมาเป็นเลือดกองใหญ่ความวุ่นวายโกลาหนเกิดขึ้นอีกระรอกในห้องฉุกเฉินแห่งนี้ แพทย์ที่แสดงสีหน้าเคร่งเครียดตะโกนสั่งพยาบาลหลายคนที่กำลังช่วยกันยื้อชีวิตผู้ป่วยคนเดียวที่ยังอยู่แต่ก็เกือบหมดทางที่จะยื้อและหนึ่งชีวิตเล็กๆในท้องที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก

 

“เราต้องผ่าเด็กออกเดี๋ยวนี้!!”

 

.

.

.

.

.

 

“กาล ไอ้กาล!!!”

 

ร่างโปร่งถูกดึงสติกลับมาด้วยแรงเขย่าจากนิลที่มองเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บุหรี่ที่เคยอยู่ในมือของเขาร่วงหล่นบนพื้นพรมจนเกิดรอยไหม้เป็นดวง

 

“กูไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น”

 

“กู...ขอโทษวะ”

 

“ไม่ต้องขอโทษ มันก็แค่อดีตอย่างที่มึงว่า แต่มันเป็นอดีตที่ไม่ยอมเป็นอดีต อดีตที่ยังดื้อดึงคาบเกี่ยวอยู่ปัจจุบันแล้วทำร้ายคนที่จำมันได้อย่างร้ายกาจ”

 

“...”

 

“มันเป็นแค่ฝันร้าย ฝันร้ายที่ยาวนาน”

 

“มึงไม่ได้ตัวคนเดียว รู้ใช่ไหมไอ้กาล”

 

“...”

 

“มึงจะอ่อนแอแค่ไหนก็ได้ จะพึงพาคนอื่นก็ได้ ขอแค่มึงกล้าก้าวออกมาข้างหน้า ตื่นจากฝันร้ายนั้นซะ มึงติดอยู่ในความฝันนั้นตลอดไปไม่ได้”

 

“ถ้ากูทำได้ไม่ใช่แค่เรื่องวันนั้นที่กูเลือกที่จะลืม ความทรงจำทั้งหมด เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘คนสองคนนั้น’ กูไม่อยากเก็บมันไว้แม้ว่าครั้งหนึ่งกูจะเคยคิดว่ามันคือฝันดีที่กูต้องการ”

 

“ไม่ใช่เพราะว่ามึงเคยเชื่อว่ามันเป็นฝันดีหรอวะ มึงถึงทิ้งมันไม่ลง”

 

ดวงตาหวานคมวูบไหวเล็กน้อยจากคำพูดของคนตรงหน้า เป็นอย่างที่นิลว่านั่นแหละ เพราะยังคงโหยหาในฝันดีที่ไม่มีวันกลับมา รัตติกาลจึงยอมกอดมันไว้ทั้งที่ยากที่จะแบกรับ ทรมานตัวเองมาตลอดจนความเจ็บปวดนั้นกัดกินตัวตนเปลี่ยนให้เขาเป็นคนเย็นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘ผลพวงของอดีต’ อย่างรพีซึ่งโดนอดีตทำร้ายผ่านความเกลียดชังของรัตติกาล

 

“ปล่อยมันไปสักทีกาล ทิ้งมันไปแล้วอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับคนที่รักมึงอย่างไม่มีข้อแม้อย่างรพี...เด็กจะคนนั้นไม่มีวันหันหลังให้มึง”

 

“หึ...กูไม่มีทางทำให้รพีมีความสุข”

 

“แล้วการทำแบบนั้นมันทำให้มึงมีความสุขขึ้นตรงไหน”

 

“...”

 

“ความหมายของ ‘รพี’ หมายถึงดวงอาทิตย์ ชื่อที่มึงตั้งให้เด็กคนนั้น หรือไม่ใช่ว่ามึงเองก็หวัง... หวังให้ดวงอาทิตย์ดวงนั้นนำพาเช้าวันใหม่มาให้ ขอแค่มึงลืมตาขึ้นมาแค่นั้นเองไอ้กาล ตอนเช้าที่ไม่มีฝันร้ายอาจจะอยู่ตรงหน้ามึงมานานแล้วก็ได้”

.

.

.

.

.

.

 

 

“พีๆ ไปเล่นอันโยกๆกับข้าวนะ”

 

รพีมอง ‘ข้าว’ ที่ตัวเล็กกว่าเขาหน่อยวิ่งเข้ามาหาพร้อมดึงเขาไปทางม้ากระดกหรืออันโยกๆที่เจ้าตัวเรียกซึ่งว่างอยู่พอดี ตอนนี้เพิ่งเลิกเรียนไม่นานสนามเด็กเล่นของโรงเรียนจึงแน่นไปด้วยเพื่อนวัยเดียวกันวิ่งเล่นกันเต็มสนาม และถือว่าโชคดีมากที่วันนี้ม้ากระดกซึ่งปกติไม่ค่อยจะได้เล่นเพราะคนแย่งกันว่างอยู่ ข้าวที่เห็นจึงรีบวิ่งมาตามรพีไปเล่นด้วยกันก่อนที่มันจะถูกแย่งไปโดยแก๊งเด็กอันธพาลประจำห้องซึ่งตัวโตกว่าที่ตอนนี้กำลังสนุกอยู่กับการเล่นลูกแก้วที่กระบะทรายไม่ไกลนัก

 

ร่างป้อมมองม้ากระดกอย่างลังเล เขาอยากเล่นกับข้าวก่อนเหมือนกันแต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าถ้าคนเป็นพ่อมารับแล้วจะไม่เห็นตน รพีมองมันกระดกตรงหน้าสลับกับประตูทางเข้าที่เริ่มมีผู้ปกครองทยอยมารับลูกกลับบ้านกันบ้างแล้ว ท่าทีเลิ่กลั่กของรพีทำเอาข้าวเกาหัวยุ่งๆจากการนอนกลางวันอย่างฉงน

 

“พีไม่อยากเล่นกับข้าวหรอ”

 

“เปล่า แต่วันนี้พ่อกาลบอกว่าจะมารับพีที่โรงเรียน”

 

“จริงอะ! พ่อกาลของพีอะนะ”

 

ข้าวเขย่าแขนของรพีไปมาอย่างตื่นเต้นเพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ตนเองจะได้เจอกับพ่อกาลของรพีที่เคยได้ยินแต่ชื่อมานาน รพีชอบพูดถึงพ่อของตนให้ร่างเล็กฟังบ่อยๆว่าใจดีและเป็นคนเก่ง น่าชื่นชมมากแค่ไหน ซึ่งข้าวก็เชื่อแบบนั้นเพราะในสายตาของตนเองรพีเองก็ทั้งใจดีและเก่งมากๆ ข้าวที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนวัยเดียวกันมักจะถูกคนอื่นแกล้งอยู่เสมอมีแต่รพีนี่แหละที่ใจดีกับร่างเล็กและคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ

 

“งั้นเราไปนั่งรอพ่อกาลของพีกันเถอะ ข้าวจะไปด้วย!”

 

“พีไปรอคนเดียวก็ได้ ข้าวอยากเล่นม้ากระดกไม่ใช่หรอ”

 

ร่างป้อมพูดออกมาเสียงแผ่วเกรงใจ เขารู้ดีว่าเพื่อนตัวเล็กอยากเล่นเครื่องเล่นนี้มากขนาดไหน แต่ข้าวกลับยิ้มยิงฟันมาให้อย่างสดใสแทนที่จะทำสีหน้าเสียดายเหมือนที่รพีคิด

 

“เอาไว้เล่นวันอื่นก็ได้ ตอนนี้ข้าวอยากเจอพ่อกาลของพีมากกว่า”

 

“แต่ว่า...”

 

“นะๆ ถ้าไม่ได้เล่นกับพีข้าวก็ไม่สนุกอยู่ดี”

 

“งั้นเอาแบบนี้ ข้าวนั่งฝั่งนี้นะ แล้วพีจะนั่งฝั่งนี้จะได้เห็นถ้าพ่อกาลเดินเข้ามา”

 

รพีจัดแจงให้เพื่อนตัวเล็กนั่งอีกฝั่งขณะที่ตัวเขาเลือกนั่งฝั่งที่หันหน้าออกไปทางเข้าที่พอจะทำให้เห็นได้ว่ามีใครเดินเข้ามาบ้าง ข้าวพยักหน้ารัวก่อนจะปีนขึ้นม้ากระดกแล้วสลับกันโยกไปมาด้วยความสนุกสนาน โดยที่รพีมองข้าวและทางเข้าสลับกันเป็นระยะ

 

จนเวลาผ่านไปสักพักร่างสูงโปร่งของรัตติกาลก็เดินเข้ามาพร้อมกับนิล รพีที่เห็นพ่อของตนก็ฉีกยิ้มกว้างร้องบอกเพื่อนอย่างตื่นเต้นก่อนจะพากันลงมาจากม้ากระดกแล้ววิ่งจับมือมาหารัตติกาลที่กำลังยืนกอดอกแล้วมองไปรอบๆ

 

“พ่อกาลมารับน้องพีจริงๆด้วย!!”

 

ร่างป้อมปล่อยมือจากเพื่อนแล้ววิ่งเข้าไปสวมกอดรัตติกาลแน่น รพีกำลังดีใจมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่รัตติกาลยอมมารับตนที่โรงเรียน ที่ผ่านมาหน้าที่รับส่งรพีถูกมอบหมายให้ลุงสิทธิหรือคนอื่นๆในบ้านเป็นคนดูแล ในส่วนของธุระกับทางโรงเรียนไม่ว่าจะวันพบผู้ปกครองหรือกิจกรรมอื่นๆจะเป็นหน้าที่ของจันทร์ที่รับหน้าที่เป็นผู้ปกครองให้

 

เสียงตะโกนของรพีทำให้ครูที่ยืนส่งเด็กคนอื่นกลับบ้านรู้ในทันทีว่าหนึ่งในผู้ชายสองคนที่เธอไม่คุ้นหน้านั้นเป็นพ่อของรพีที่เธอเองไม่เคยเจอมาก่อน ครูสาวเดินมาทักทายพ่อของเด็กชายก่อนจะพูดถึงเรื่องราวของรพีให้คนเป็นพ่อฟังซึ่งรัตติกาลก็รับฟังโดยไม่โต้ตอบอะไรมากนัก รพีลืมทุกอย่างรอบตัวทันทีที่เห็นคนเป็นพ่อมายืนอยู่ตรงหน้า ลืมแม้แต่ข้าวที่กำลังมองตาแป๋วอยู่ข้างๆและอานิลเพื่อนของพ่อกาลที่ถึงแม้จะดูน่ากลัวไปบ้างแต่ก็ใจดีชอบซื้อของฝากมาให้ตนบ่อยๆ

 

“เจอพ่อแล้วไม่ทักอาเลยนะ”

 

“อานิลสวัสดีฮะ”

 

รพีผละออกจากคนเป็นพ่อก่อนจะหันมาพนมมือไหว้นิลที่ยืนยิ้มมองอยู่ก่อนจะหัวเราะแหะๆไปให้อย่างขัดเขิน พอถูกนิลทักขึ้นทำให้รพีจำได้ว่าตัวเองตั้งใจพาข้าวซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมาทักทายพ่อกาลที่ตัวเองเคยพูดถึงให้คนตัวเล็กฟังอยู่บ่อยๆ

 

“พ่อกาลฮะ อานิลฮะ นี่เพื่อนของน้องพีเองชื่อข้าว ข้าวนี่พ่อกาลของพีนะ ส่วนนี้อานิลเป็นเพื่อนของพ่อกาล”

 

รพีสิ่งยิ้มสดใสมาให้ข้าวที่พนมมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างที่เคยถูกสอนมาซึ่งนิลก็ส่งยิ้มน้อยๆทักทายออกมาส่วนรัตติกาลนั้นทำเพียงหันหน้ามามองเท่านั้น

 

ข้าวมองดูเพื่อนตัวเองที่ส่งยิ้มกว้างส่งเสียงเจื้อยแจ้วคุยกับพ่อไม่หยุดอย่างแปลกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าวเห็นความสดใสสมวัยของรพีซึ่งปกติมักจะดูโตกว่าเพื่อนในห้องทุกคนในขณะที่มือเล็กของรพีหยิบคว้ามือของผู้เป็นพ่อมาจับไว้ ยืนฟังคุณครูประจำชั้นคุยกับพ่อของตนอย่างตื่นเต้น เขาอยากให้พ่อรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กดีแค่ไหนระหว่างอยู่ที่โรงเรียน คำชมมากมายที่หญิงสาวเอ่ยออกมาจุดความหวังในตัวรพีว่ามันคงทำให้รัตติกาลภูมิใจในตัวเขาได้บ้าง

 

นิลยืนมองเพื่อนรักและลูกชายด้วยความหวังว่าสักวันภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นในทุกๆวัน หลังจากที่รัตติกาลเงียบไปพักใหญ่ นิลได้พูดขออีกครั้งโดยอ้างว่าอยากมานั่งดื่มด้วยกันที่บ้านของร่างโปร่ง แล้วขอให้มาแวะรับรพีที่โรงเรียนซึ่งเป็นทางผ่านอยู่แล้วเท่านั้น แน่นอนว่าตอนแรกรัตติกาลทำท่าจะปฏิเสธแต่จู่ๆธิชาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับขอเอกสารบนโต๊ะไปเรียบเรียงใหม่เพราะเอกสารบางส่วนเพิ่งถูกส่งมาให้ ร่างโปร่งหมดข้ออ้างที่จะไม่มารับรพีที่โรงเรียน ถึงอย่างนั้น แม้ว่าวันนี้นิลจะพารัตติกาลมาได้แต่เขาก็รู้ดีว่า ความห่างเหินที่อีกฝ่ายมอบให้กับลูกตัวเองเป็นเวลาเกือบหกปีคงไม่ถูกลบไปง่ายๆ

 

ความเป็นห่วงในตัวรัตติกาลและรพีเป็นเรื่องจริง แต่ก็มีอีกเหตุผลที่ทำให้เขาออกมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนที่นิลไม่ได้ออกไป ม่านหมอกแห่งฝันร้ายที่ปกคลุมมาเนินนานกลับค่อยๆคลายออกจนเห็นเงาตะคุ้มเงาหนึ่งที่ทำให้นิลสังหรณ์ว่ามันจะนำพาความวุ่นวายมาสู่ชีวิตของรัตติกาลอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าภายหลังม่านหมอกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่

 

เบอร์โทรศัพท์ของนักสืบเอกชนอยู่บนรายชื่อโทรออกล่าสุดของเขาก่อนที่จะเข้าไปที่บริษัทเมื่อตอนบ่าย คำไหว้วานที่เขามอบให้กับคนปลายสายเป็นสิ่งที่เขาจะให้รัตติกาลรู้ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด

 

 

มีคำพูดที่ว่า สายน้ำ การกระทำ และเวลาเป็นสิ่งที่ไม่อาจย้อนกลับ

ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาอยากให้มันเป็นจริงเท่าครั้งนี้

เพราะนิลเองก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า

ถ้า ‘อดีต’ ที่โหดร้ายย้อนกลับมา

‘ปัจจุบัน’ ที่เปราะบางนี้จะถูกทำร้ายจนย่อยยับแค่ไหน

 .

.

.

 

ภาพครอบครัวตรงหน้าอยู่ในสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องอยู่ไม่ไกลพร้อมกับรูปถ่ายใบเก่าในมือ ภาพของคนสี่คนในชุดนักศึกษาโดยที่แต่ละคนต่างก็มีรอยยิ้มประดับใบหน้า สองในสี่คนนั้นกำลังยืนอยู่กับเด็กน้อยที่กำลังโบกมือลาเด็กอีกคนด้วยรอยยิ้ม แม้จะผ่านมาหลายปีแต่ดวงหน้าหวานคมนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มีเพียงแค่รอยยิ้มสดใสในรูปใบนี้กลับไม่มีเหลืออยู่แล้ว ส่วนอีกสองคนที่เหลือคือชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนเคียงข้างกัน ในภาพชายที่ตัวใหญ่กว่ากำลังกอดคอรัตติกาลไว้แน่นขณะที่มืออีกข้างก็กำลังกอบกุมมือของผู้หญิงอีกคนไว้ไม่ยอมปล่อยเช่นกัน

 

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

นี่ก็เข้าตอนสองแล้ว อาจจะดำเนินเรื่องช้าไปสักนิดนะฮับ แล้วก็อย่างที่แจ้ง ปมเรื่องนี้ผูกกันอดีตซะมาก

อาจจะทำให้สับสนกันไปหน่อย แต่พอผ่านไปสักพักจะเริ่มเห็นเค้าร่างแล้ว อดีตที่พ่อกาล มันเว่อวังมาก ปวดหัวสุดๆ!

และที่สำคัญ พระเอก(?) ของเรายังไม่ออกมาเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ อดใจรอกันหน่อยนะๆ เปิดตัวแซ่บๆสมกับเป็นพระเอกหน่อย

นิยายเช่ อาจจะไม่ใช่แนวตลาดมากนัก เอาตรงๆเช่เขียนพวกแนวหวานๆแอ๊วๆไม่ค่อยได้ เอ็นซีนี่ไม่ต้องพูดถึง(จะพยายามจัดให้บ้างนะฮับ)

อาจจะเป็นเรื่องที่อ่านไปยาวๆถึงจะว่าสนุก เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงจุดนั้นก็ขอให้ติดตามเช่ต่อไปด้วยนะ^^

อยากอ่านต่อ อยากให้กำลังใจเช่ ก็เม้นก็โหวตกันตามศรัทธานะ ราบุ~~

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1

3rd Night

…Encounter...


 “ป้าขอบคุณคุณนิลมากเลยนะคะ ที่ช่วยพูดให้คุณกาลเธอไปรับคุณพีที่โรงเรียนจนได้”

 

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นกับข้าวสักสองสามอย่างให้ผมเอากลับไปกินที่คอนโดก็แล้วกันนะครับป้าจันทร์”

 

จันทร์ยิ้มอ่อนออกมาพลางมองดูสองพ่อลูกที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่นของบ้าน รัตติกาลที่โดนลูกชายลากตัวมานั่งที่โซฟาทันทีที่ก้าวลงมาจากรถ ร่างป้อมหันไปอ้อนขอให้นิลเฝ้าพ่อของตนไว้ให้ก่อนรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านจนโดนจันทร์ดุเอ็ดที่ทำอะไรไม่ระวัง ทันทีที่รพีวิ่งไปลับสายตาร่างโปร่งก็หันหลังเตรียมเดินขึ้นห้องแต่อานิลที่แสนใจดีก็ไม่ทำให้รพีต้องผิดหวัง ร่างสูงทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวแม้ว่าก้อนน้ำแข็งเดินได้อย่างรัตติกาลกำลังทำสีหน้าไม่พอใจใส่เขาอยู่

 

ไม่นานนักร่างป้อมก็กลับลงมาพร้อมกับภาพวาดสีเทียนที่ทั้งไม่ละเอียดอ่อนและสวยงามในสายตาของผู้ใหญ่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่เจ้าของภาพแสดงออกไว้อย่างเต็มที่ ภาพของพ่อและเด็กน้อยข้างกายยืนจับมือกันอยู่ท่ามกลางบ้านติดภูเขาเป็นแพตเทิร์นเดิมๆเหมือนกับภาพที่เด็กวัยนี้มักวาดกัน แต่ที่ดูแปลกตาเห็นจะเป็นรูปประกอบอื่นๆที่ไม่ได้เข้ากับเนื้อหาภายในภาพ ทั้งลูกฟุตบอล แผนที่ รถยนต์ กล้องถ่ายรูป และสิ่งที่รัตติกาลเดาเอาว่ามันคือตะหลิววาดอยู่ประปรายเต็มรูปภาพไปหมด แม้ทีแรกเขาจะไม่รู้สึกสนใจภาพนี้เลยสักนิด แต่ด้วยความประหลาดของภาพทำให้ร่างโปร่งอดที่จะถามไม่ได้

 

“นี่มัน..ตะหลิว? ใช่ไหม?”

 

“นั่นไม้กอล์ฟฮะ...พีวาดไม่เหมือนหรอ”

 

 “แล้วทำไมถึงมีไม้กอล์ฟอยู่ในรูปล่ะ ทั้งลูกบอล รถพวกนี้อีก”

 

รัตติกาลรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อเห็นรพีกำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะผิดหวังที่รูปซึ่งเจ้าตัวตั้งใจวาดไม่เหมือนของจริงจนร่างโปร่งไม่เข้าใจ เขาไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ไม่อยากได้ยินเสียงร้องไห้น่าปวดหัวอย่างเมื่อเช้าอีกเท่านั้น

 

“คือ...พีเห็นว่าถึงจะเป็นวันหยุดแต่พ่อกาลไม่ค่อยอยู่บ้าน ยายจันทร์บอกว่าพ่อกาลออกไปตีกอล์ฟกับเพื่อนทุกที”

 

“...”

 

“พีก็เลยอยากไปตีกอล์ฟกับพ่อกาลบ้าง จะได้อยู่กับด้วยกันทั้งวันเหมือนคนอื่น”

 

ริมฝีปากเล็กเอ่ยอ่อมแอ้มออกมาราวกับว่าความหวังนั้นมันน่าอาย รพีไม่อยากบอกพ่อว่าตัวเองพยายามให้ยายจันทร์อธิบายตั้งนานว่ากอล์ฟคืออะไรแต่ก็ยังไม่เข้าใจสักที ทั้งที่หวังว่าถ้าตัวเองเข้าใจเรื่องพวกนี้มากขึ้นแล้วคงจะขอพ่อติดสอยห้อยตามไปในช่วงวันหยุดได้ ถึงแม้จะยาก ถึงแม้จะมีแต่เรื่องไม่เข้าใจก็อยากจะพยายาม แม้สุดท้ายจะทำไม่ได้ เขาก็แค่หวังว่าจะได้ใช้เวลาร่วมกันกับพ่อมากขึ้นเท่านั้นเอง

 

ร่างโปร่งมองกริยาของลูกชายอย่างคาดไม่ถึงว่ารพีจะแสดงออกถึงความว้าเหว่ออกมาในรูปแบบนี้ ไม่ต้องถามต่อให้มากความ เขาเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของรูปที่เหลือ มันล้วนเป็นกิจกรรมที่เจ้าตัวเล็กอยากทำร่วมกับเขาทั้งนั้น มือเล็กบีบเข้าหากันอย่างเก้อๆราวกับไม่รู้ว่าจะเอามันไปวางไว้ตรงไหน รพีที่เคยพูดไม่หยุดเสียความมั่นใจไปไม่น้อยจากการที่ต้องเปิดเผยความเป็นเด็กออกมาให้ผู้เป็นพ่อได้เห็น

 

รัตติกาลเกือบจะยื่นมือออกไปลูบกลุ่มผมเรียบนุ่มนั้น แต่ส่วนลึกในจิตใจก็หวนนึกถึงความทรงจำโหดร้าย ความรู้สึกเจ็บหน่วงยังคงฉุดรั้งเขาให้ฝังลึกลงไปจนยากจะก้าวเดินออกมา

 

อย่างที่เขาเคยบอกกับเพื่อนรักเอาไว้

 

ว่ารัตติกาลไม่มีวันทำให้รพีมีความสุข

 

นั่นก็เพราะเขา...ไม่อยากเห็นรพีมีความสุข

 

อยากให้เด็กคนนี้สัมผัสถึงความรู้สึกโหยหาอย่างที่เขาเป็น

 

ทรมานเหมือนกับตัวเขาที่ถึงแม้จะผ่านเวลามาเนิ่นนาน

 

ก็ยังคงหลงอยู่ในฝันร้ายเพียงลำพัง...

 

.

.

.

.

 

 

เสียงกลองสันทนาการถูกตีดังสนั่น รุ่นพี่หลายคนออกมาเต้นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงเนื่องในโอกาสพิเศษวันเปิดสายรหัสหลังจากที่ผ่านการรับน้องอันยาวนานมาร่วมสองเดือน รัตติกาลในชุดนักศึกษานั่งต่อแถวจากเพื่อนๆเรียงตามรหัสนิสิตเพื่อรอให้พี่รหัสของตัวเองเดินเข้ามาหาเหมือนกับเพื่อนในคณะคนอื่นๆ

 

ร่างโปร่งสังเกตเพื่อนคนอื่นเป็นระยะ มีทั้งคนที่โชคดีก็ได้รับขนมกองใหญ่ที่มาพร้อมกับตะกร้าใส่ผ้าที่ถูกใช้แทนถุงพลาสติกเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ต่อได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่จะขนขึ้นมอเตอร์ไซค์กลับหอกันยังไงเนี่ยสิ กลับกันบางคนก็ไม่ได้อะไรเลยนอกจากขนมไม่กี่ห่อที่เขาคิดว่าพวกรุ่นพี่ตั้งใจแกล้งให้น้องรหัสใจเสียเล่นซะมากกว่า แต่ก็นะอย่างน้อยทุกคนก็ยังมีรุ่นพี่มาหา ไม่เหมือนเขาที่นั่งกร่อยอยู่คนเดียวไร้วี่แววของพี่รหัส จนรุ่นพี่ของนิลเพื่อนใหม่ของเขาซึ่งนั่งต่อแถวอยู่ใกล้ๆนำเลย์สองห่อมาให้เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่มีอะไรในมือเลย

 

ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ของอะไรมากมาย แต่เขาที่เสียเวลามานั่งทำกิจกรรมกว่าชั่วโมงแล้วไม่เจอใครแบบนี้ก็อดเสียความรู้สึกไม่ได้ ร่างโปร่งนั่งอยู่อย่างนั้นจนรุ่นพี่ในคณะเริ่มทยอยเดินกันออกไปเพื่อเริ่มกิจกรรมอื่นต่อ เขาถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆที่สุดท้ายตัวเองก็มาเสียเที่ยว ในขณะที่กำลังนึกตำหนิพี่รหัสที่ไม่เคยเห็นหน้าอยู่นั้นก็มีเสียงฮือฮาจากผู้หญิงดังขึ้น ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร

 

ในตอนนั้นเองถุงบะหมี่เกี๊ยวแยกน้ำก็ถูกยื่นมาจากด้านหลัง ถึงแม้กลิ่นหอมของน้ำซุปจะเรียกน้ำย่อยของคนที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นได้เป็นอย่างดีแต่รัตติกาลกลับหันไปมองหาคนที่ยื่นมันมาให้เขามากกว่าจะให้ความสนใจกับของตรงหน้า

 

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมใส่เสื้อยืดสีขาวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออยู่ภายใต้เสื้อช็อปสีเลือดหมูยื่นถุงร้อนๆนั้นมาให้เขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างทั้งที่หอบจนตัวโยน ใบหน้าเข้มสมชายรับเข้ากับดวงตาขี้เล่นที่ทำให้คนคนนี้ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย แต่มากกว่าความสนใจกลับเป็นความสงสัยซะมากกว่า ร่างโปร่งมองคนตรงหน้าสลับกับถุงบะหมี่เกี๊ยวไปมาอย่างตั้งคำถาม แน่ล่ะเขาเรียนคณะอักษรศาสตร์นะ ทำไมรุ่นพี่วิศวะถึงได้เอาของมาให้เขาได้

 

“น้องรัตติกาล รหัส0056 ใช่ไหม”

 

“ครับ...แล้วนี่อะไร”

 

“บะหมี่เกี๊ยวไง ไม่เคยกินหรอ”

 

รัตติกาลขมวดคิ้วมุ้ยอย่างไม่ชอบใจที่โดนกวนประสาทเข้าให้ จริงอยู่ที่ภาพลักษณ์ของเขาออกจะเหมือนคุณชายไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยกินของพวกนี้ ทางบ้านของร่างโปร่งเป็นคนมีฐานะโดยที่ทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นอาจารย์ในระดับมหาวิทยาลัยกันทั้งคู่ซึ่งนอกจากนอกจากรับเงินเดือนประจำแล้ว ท่านทั้งสองคนก็มีรายได้จากการเล่นหุ้นและธุรกิจเล็กๆน้อยๆทางภาคใต้ซึ่งทำให้ฐานะทางการเงินของบ้านพัฒนเดชาค่อนข้างมั่นคงและถือว่าร่ำรวยในสายตาคนนอก แต่พ่อแม่ของเขามักสอนเสมอถึงคุณค่าของเงินและความไม่แน่นอนของมันทำให้ตัวเขาไม่เคยหลงระเริงกับเงินที่พ่อแม่หามาให้ เขาบอกตัวเองเสมอว่าคนที่รวยคือบิดามารดาของตนมากกว่าไม่ใช่ตัวเขาที่ยังทำงานหาเงินเองไม่ได้สักแดง

 

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ พี่ล้อเล่น อะ พี่ซื้อมาให้”

 

“ซื้อให้ผม? พี่อาจจะไม่สังเกตที่นี่คือคณะอักษรไม่ใช่วิศวะนะครับ”

 

“ฮ่าๆๆๆ ฉลาดพูดซะด้วย พี่รู้หรอกว่าที่นี่ตึกอักษร ยังอยู่แค่ปีสองไม่ได้แก่จนตาฟางขนาดนั้น”

 

“แล้ว? ยังไง?”

 

“ความจริงแล้วพี่ไม่ใช่พี่รหัสน้องหรอก พี่รหัสน้องน่ะ อะ นั่นไงมาพอดี”

 

ร่างโปร่งมองตามไปยังทางที่อีกคนชี้ไป หญิงสาวในชุดนิสิตห้อยตุ้งติ้งของคณะอักษรกำลังเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน กวาดสายตามองอยู่สักพักก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นร่างสูงในชุดช็อปยืนโบกมือให้ ร่างเล็กเดินตรงเข้ามาก่อนจะหันมามองน้องรหัสที่เธอสืบหาตัวมาได้สักพัก เคยแต่แอบมองอยู่ไกลๆ พอมาเจอกันตัวต่อตัวแบบนี้ ‘พะแพง’ ยิ่งรู้สึกว่าน้องรหัสของเธอน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ คิ้วที่ขมวดกันอย่างสงสัยไม่ได้ทำให้รัตติกาลดูแย่เลยแม้แต่น้อยกลับทำให้ใบหน้าขาวนี้ดูดีขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ

 

“ขอโทษทีมาช้านะน้องกาล ขอเรียกสั้นๆแล้วกันเนอะ พี่ชื่อพะแพงนะ เป็นพี่รหัส0056ปีสอง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

 

“สวัสดีครับ”

 

รัตติกาลพนมมือไหว้รุ่นพี่ตรงหน้าแล้วถือโอกาสขอบคุณสำหรับบะหมี่เกี๊ยวที่อีกฝ่ายให้รุ่นพี่วิศวะคนนี้วิ่งเอามาให้ก่อนที่ตัวเองจะรีบเดินตามมา พะแพงขอโทษที่ตัวเองทำให้รัตติกาลต้องรอนานแต่เนื่องจากรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งที่ใช้ประจำเกิดเสียขึ้นมาทำให้ต้องวุ่นวายหาร้อนซ่อมเสียแทบตายจนเกือบมาไม่ทัน รัตติกาลยิ้มให้แล้วบอกกับอีกฝ่ายว่าตนเองไม่ได้โกรธเคืองอะไร ถึงแม้ตอนแรกจะหงุดหงิดนิดหน่อยแต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็รีบมาจนทันด้วยสภาพนี้ ต่อให้ไม่มีขออะไรมาให้เขาก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว

 

พะแพงพูดคุยกับรัตติกาลอย่างเป็นกันเองสลับกับชายหนุ่มข้างกายเป็นพักๆโดยที่มีรัตติกาลมองอย่างสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ และดูเหมือนหญิงสาวจะรับรู้ถึงความคิดนั้นเธอยิ้มน้อยๆก่อนจะแนะนำตัวชายหนุ่มข้างกายที่ทั้งสองกำลังจับมือกันไม่ยอมปล่อย

 

“จริงสิ คุยมาตั้งนานยังไม่ได้แนะนำเลย พี่คนนี้ชื่อ ‘นที’ นะน้องกาล แฟนพี่เองจ๊ะ เรียนอยู่วิศวะที่นี่แหละ”

 

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ รัตติกาล..”

 

เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์เอ่ยชื่อของเขาออกมา รัตติกาลพยักหน้าก่อนจะเงยสบตากับคนตรงหน้าที่มอบรอยยิ้มอบอุ่นที่ให้เขาอย่างมีไมตรีจิต ริมฝีปากบางขยับเอ่ยกลับไปด้วยคำพูดเดียวกัน โดยที่เขาเองก็ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เขานึกเสียใจที่ได้รู้จักคนคนนี้

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่นที..”


 

.

.

.

 

 

  ยิ่งนานวันร่างโปร่งยิ่งสงสัย...ตลอดเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมานิลพยายามช่วยให้รัตติการและรพีใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งให้ไปรับไปส่งที่โรงเรียน พากันไปกินข้าวนอกบ้าน และแม้แต่การที่นิลที่ปกติแทบจะไม่โผล่มาที่บริษัทถ่อมาลากเขาที่กำลังจะออกไปดื่มเหมือนทุกครั้งให้กลับบ้านตั้งแต่หัวค่ำ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนิลทำให้ เขารู้สึกว่านิลกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง ทั้งที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานิลยืนอยู่ในตำแหน่งของผู้สังเกตการณ์มาตลอดกลับพาตัวเองเข้ามาในวังวนแห่งความวุ่นวายแบบนี้มันผิดปกติเกินไปจนเขารู้สึกสังหรณ์ใจ

 

รัตติการอ่านข้อความที่นิลส่งมาให้เมื่อชั่วโมงที่แล้วระหว่างที่เขากำลังประชุมกับฝ่ายจัดพิมพ์อยู่ โดยอีกฝ่ายชวนให้เขาไปรับลูกชายที่โรงเรียนแล้วออกไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เคยไปด้วยกันบ่อยๆ ร่างโปร่งขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่นิลกำลังทำ แม้จะถามไปหลายครั้งคำตอบก็ยังคงวนเวียนอยู่แค่ความห่วงใยความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ แต่เขารู้สึกว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น ใช่ว่าเขาเพิ่งจะมาทำตัวเย็นชากับลูกชายซะเมื่อไหร่ เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วทำไมทุกคนถึงพยายามสมานรอยร้าวให้พวกเขาในตอนนี้

 

ควันสีเทาลอยฟุ้งออกมาจากริมปากบางที่คาบแท่งนิโคตินมวนที่ห้าของวัน ร่างโปร่งจำเป็นต้องสูบอัดควันพิษนี้เพื่อกระตุ้นให้ตื่นตัวและสามารถทำงานต่อไปได้ทั้งที่อดนอนมาตลอดสองสัปดาห์ที่เรื่องบ้าๆนี่เกิดขึ้น ร่างกายที่เคยชินกับการดำรงชีวิตยันเช้ากลับต้องมาเข้านอนก่อนเที่ยงคืน ตารางชีวิตที่เปลี่ยนไปสร้างภาระให้ร่างกายของเขาไม่น้อยเพราะไม่สามารถข่มตาหลับลงได้

 

 

รัตติกาลใช้เวลาเกือบทั้งคืนนั่งฟุ้งซ่านถึงอดีตเพียงลำพังในห้องนอนที่เมื่อก่อนตัวเองไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ถ้าเป็นปกติเขาคงโหมทำงานอย่างบ้าคลั่งไม่ก็หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนยันเช้าเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ที่เขาควงหนุ่มที่คลับเข้าโรงแรมก่อนจะกลับบ้าน

 

ร่างโปร่งอ่านข้อความในมือถืออีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจต่อสายถึงเจ้าของข้อความที่ชักจะเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตเขามากเกินไปจนแทบรับไม่ไหว เสียงรอสายดังอยู่สักพักก่อนอีกฝ่ายจะพูดทักทายออกมาก่อน

 

“ว่าไงไอ้กาล”

 

“เย็นนี้กูไม่ว่าง ถ้ามึงยังอยู่ที่บ้านกู ช่วยบอกลุงสิทธิด้วยว่าให้ไปรับพีเย็นนี้”

 

“อย่ามาโกหกกูไอ้กาล กูเช็คตารางงานมึงจากธิชามาแล้ว วันนี้มึงมีประชุมตอนบ่ายแต่ก็ไม่ใช่ประชุมใหญ่อะไร ยังไงมึงก็ไปรับลูกที่โรงเรียนทันอยู่แล้วต่อให้รถติดก็เถอะ”

 

“มึงชักจะยุ่งเรื่องของกูมากไปแล้ว...ไอ้นิล”

 

นิลรับรู้ถึงเสียงกดต่ำจากปลายสาย ถ้าเป็นปกติเขาคงจะขอโทษแล้วเลิกทำอะไรที่ขัดใจเพื่อนของตน แต่เพราะเรื่องที่เขาให้คนไปตามสืบนั้นยังไม่มีอะไรคืบหน้า ร่างสูงเป็นกังวลถึงอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับเขาตอนนี้การทำให้รัตติกาลหลุดพ้นจากบ่วงนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แล้วคนที่จะทำลายบ่วงนั้นได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ...รพี

 

“กูยอมรับว่ากูเสือก แต่กูอยากทำให้เรื่องมันดีขึ้น”

 

“ไม่มีอะไรดีขึ้นทั้งนั้น และมันจะไม่มีวันดีขึ้นด้วย!!!”

 

ความอึดอัดที่ตีตื้นขึ้นทำให้รัตติกาลลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังสนั่นก่อนจะตะโกนใส่ปลายสายไปอย่างโกรธจัด

 

“หวังดีหรอ? เป็นห่วงหรอ? ถ้าเป็นห่วงกูจริงทำไมมึงไม่ถามกูบ้างว่ากูต้องการอะไร กูไม่เคยขอร้องให้มึงช่วย!!!”

 

“...”

 

“ทั้งๆที่กูเชื่อมาตลอด ว่ามึงคือคนเดียวที่เข้าใจความเจ็บปวดของกู แล้วทำไมวะ ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้”

 

“แล้วสิ่งที่มึงต้องการคืออะไรวะกาล”

 

“...”

 

“มึงต้องการอะไรจากพี มึงต้องการอะไรจากโลกใบนี้กันแน่ มึงทำร้ายพีเพราะมึงเจ็บ แต่ยิ่งทำมึงก็ยิ่งลืมไม่ได้ แล้วการที่มึงเจ็บปวดเพราะคนอื่นแต่มึงกลับเลือกที่จะโยนความผิดนั้นให้เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรมันถูกต้องแล้วหรอวะ"

 

“กูอยากทำให้มันเจ็บ!!! เจ็บยิ่งกว่าที่กูเคยเจ็บ!!! ให้สาสมกับสิ่งที่พ่อแม่มันทำไว้กับกู!!!”

 

“รพีไม่ได้ทำอะไรผิด คนผิดคือสองคนนั้น แต่พวกเขาก็ตายไปแล้ว พี่แพงกับพี่ทีเขาตายไปแล้วไอ้กาล!!!”

 

“แม้ว่าพวกมันจะตายไปแล้วกูก็จะทำให้มันรู้ ราคาที่พวกมันต้องจ่ายจากการทรยศกูมันแพงแค่ไหน”

 

“มึง... แม่งเอ้ย! พอสักทีเหอะไอ้กาล เมื่อไหร่มึงจะเข้าใจว่ามึงแค้นไปก็ไม่มีประโยชน์ แล้วสุดท้ายคนที่เจ็บก็คือมึง!”

 

“ไม่ใช่...มึงคิดผิดแล้วไอ้นิล”

 

“...”

 

“สุดท้ายคนที่จะต้องเจ็บ คือรพีไม่ใช่กู”

 

มือเรียวกดตัดสายทิ้งก่อนจะปิดเครื่องทันที เขาเก็บเอกสารต่างๆลงในลิ้นชักก่อนจะหยิบเพียงกุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ออกมาพาร่างของตัวเองไปยังรถคันหรูที่จอดไว้ วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยถนนทอดยาวออกไป ร่างโปร่งกำลังขับรถผ่านทางด่วนมอเตอร์เวย์เพื่อออกต่างจังหวัดเพื่อหวังสงบสติอารมณ์ที่เกือบจะขาดสะบั้น รัตติกาลคิดว่าดีแล้วที่เขาและนิลไม่ได้เผชิญหน้ากันตรงๆ เพราะร่างโปร่งไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะไม่ลงมือทำร้ายนิลได้

 

ร่างโปร่งตบไฟเลี้ยวซ้ายหมุนพวกมาลัยรถเข้าไปยังโรงแรมของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยอีกคนซึ่งเป็นลูกของเจ้าของ ด้วยความที่มาพักกะทันหันเขาจึงไม่มีสัมภาระอะไรมาก รีเซฟชั่นสาวรับบัตรเครดิตของเขาไปเพื่อจัดการชำระค่าห้องพักจำนวน1คืน

 

แม้ว่าจะอยากหนีไปให้ไกลๆแต่รัตติกาลก็ไม่สามารถทิ้งงานที่บริษัทไปได้ ที่นั่นแรกเริ่มเดิมที่เป็นเพียงโรงพิมพ์เล็กๆที่ร่างโปร่งเคยใช้บริการจัดพิมพ์หนังสือของตัวเองตอนที่กำลังเรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ แต่อาจจะเพราะเลือดนักบริหารในตัวเมื่อโรงพิมพ์แห่งนี้มีทีท่าจะไปไม่รอดจากพิษเศรษฐกิจเขาจึงตัดสินใจนำเงินมรดกที่พ่อและแม่ทิ้งไว้ให้หลังจากการเสียชีวิตขณะที่เขาเพิ่งขึ้นชั้นปีที่3ได้ไม่นานมาซื้อโรงพิมพ์นี้ไว้แล้วเข้ามาบริหารพัฒนาธุรกิจที่เกือบจะล้มจมจนกลายมาเป็นสำนักพิมพ์รายใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้

 

“เห้ย ไอ้กาลนี่หว่ามาไงวะ”

 

“เดินมามั้งไอ้ห่า”

 

รัตติกาลหันไปกอด ‘คณิต’ เพื่อนของตนซึ่งอยู่ในชุดผู้จัดการโรงแรมอย่างคิดถึงจนคนในล็อบบี้หันมามองแต่พวกเขาก็ไม่คิดสนใจอะไร คณิตเป็นผู้ชายแท้ๆเพียงไม่กี่คนในคณะที่เขารู้จัก ด้วยความที่คณะของพวกเขาบังเอิญรวมผู้คนที่มีรสนิยมทางเพศหลากหลายเอาไว้ด้วยกัน คณิตจึงเคยชินและไม่คิดรังเกียจอะไร  อีกทั้งรัตติกาลถือว่าเป็นเกย์ที่รู้จักการวางตัวในสังคมเป็นอย่างดี ถ้าไม่นับเรื่องที่เพื่อนของเขาชอบผู้ชายในสายตาของคณิต รัตติกาลนั้นเป็นเหมือนผู้ชายแสนเพอร์เฟ็คที่สาวๆทั้งหลายหมายปอง ในตอนที่ยังเรียนอยู่ด้วยกันแม้รัตติกาลจะเป็นเกย์แต่ก็ยังมีผู้หญิงพยายามเข้าหาอยู่เรื่อยๆ

 

“ไม่เจอกันนานเลยวะ ขึ้นไปกรุงเทพตอนนั้นได้เจอแต่ไอ้นิล”

 

“เออมันก็บอกอยู่ พอดีกูยุ่งๆเรื่องปิดต้นฉบับนิดหน่อยเลยไม่ได้ไปกินด้วย”

 

“แล้วนี่มาคนเดียวหรอวะ ของเขิงก็ไม่มี”

 

“พอดีเครียดๆเลยขับรถมาพักสักหน่อย”

 

“ห่า พักไกลเลยนะมึง ยิงยาวมาถึงบางแสนเนี่ย ว่าแต่มาทั้งทีคืนนี้ดื่มกันหน่อยไหม กูเลี้ยงเอง”

 

“หึหึ ไม่บอกก็กะจะให้เลี้ยงอยู่แล้ว”

 

“หาเรื่องแดกฟรีตลอด เงินเยอะแยะเอามาใช้บ้าง กะเก็บไว้ให้ลูกอย่างเดียวเลยรึไง”

 

อารมณ์ที่เพิ่งจะดีขึ้นหลังจากเจอเพื่อนเก่า ถูกฉุดให้ต่ำลงเมื่อรพีถูกพูดถึง คณิตที่สังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนแย่ลงจึงตบไหล่บางนั้นเบาๆอย่างขอโทษ รัตติกาลไม่ได้บอกเรื่องของรพีกับใครเลย มีเพียงป้าจันทร์และนิลเท่านั้นที่รู้ว่ารพีเป็นลูกของ นทีและพะแพง พี่รหัสของเขา

 

รัตติกาลเก็บความเจ็บปวดและเรื่องราวต่างๆในอดีตไว้โดยให้เพื่อนและญาติคนอื่นๆรู้จักรพีในฐานะลูกของรัตติกาลกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยหลับนอนด้วยความอยากลอง จนฝ่ายหญิงตั้งท้องขึ้นมารัตติกาลจึงเลือกที่จะรับลูกไว้เลี้ยงดูแล้วเลิกรากับฝ่ายหญิงไปเท่านั้น ทุกคนจึงคิดว่าที่ร่างโปร่งเย็นชากับรพีเพราะเป็นเด็กที่เกิดมาโดยความไม่ตั้งใจและรัตติกาลยังคงเสียใจกับผลการกระทำของตัวเองมาถึงทุกวันนี้ จึงไม่มีใครรับรู้ถึงความจริงที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานานเกือบหกปี

 

“เอาเป็นว่าหนึ่งทุ่มไปเจอกันที่บาร์ เดี๋ยวกูจะค้นไวน์เก่าๆมาให้ดื่มแก้เครียด”

 

“เออ ขอบใจวะ”

 

หลังจากนั้นร่างโปร่งก็ขึ้นมานอนพักบนห้องจนถึงเวลาพักเขาก็ไปนั่งดื่มกับคณิตตามที่นัดไว้ เรื่องราวมากมายที่ทั้งสองได้พบเจอถูกหยิบมาพูดผลัดกันอยู่เรื่อยๆจนขวดไวน์ว่างเปล่าวางอยู่เต็มโต๊ะ นาฬิกาตีบอกเวลาสองทุ่ม ข้างนอกฝนกำลังตกหนักจนรู้สึกหนาวกายไปหมด เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคณิตดังขึ้นจนเจ้าตัวกดรับสาย รัตติกาลที่กำลังสาละวนอยู่กับขวดไวน์ตรงหน้าไม่ได้สนใจฟังบทสนทนาของเพื่อนข้างกายจนกระทั่งอีกฝ่ายยื่นโทรศัพท์มาให้เขาพูดสาย

 

“ฮัลโหล”

 

“มึงไปอยู่ที่ไหนไอ้กาล!”

 

เป็นเสียงของนิลที่ดังมาจากปลายสาย ร่างโปร่งหันไปมองเพื่อนข้างๆ คณิตพูดโดยไม่ออกเสียงว่า ‘มันบอกธุระด่วน’ รัตติกาลจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วพูดตอบไป

 

“กูมาพักโรงแรมไอ้คณิต วันนี้คงไม่กลับ มึงช่วย...”

 

“เรื่องใหญ่แล้วไอ้กาล มึงต้องกลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

 

“เรื่องใหญ่? ทำไม? มีอะไรเกิดขึ้น?”

 

“พีหายตัวไป!!!”

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

ตัวละคนเริ่มโผล่กันมาแล้วนะคนับ! ตอนนี้พ่อกาลโคตรจะพาลเลย แอบสงสารน้องพีกันบ้างไหม T^T

แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เช่เป็นไรท์โรคจิต ชอบเห็นคนอ่านจิตตก และดราม่า ฮ่าๆๆๆๆ มันมีมากกว่านี้แน่นอน

แต่เชื่อเช่ดิ ดราม่าของเช่สุดท้ายแล้วทุกคนต้องประทับใจ ใครที่ผ่านมาอ่านแล้วคิดว่านิยายเรื่องนี้น่าเบื่อ

ก็ขอให้ลองติดตามกันยาวๆนะคนับ^^ ขอบคุณทุกคนนะ เอาจริงๆเช่ไม่คิดนะว่าจะมีคนมาอ่าน

โนเนมไม่มีไรไปสู้ใครเขาเลย ฟิคไม่ใช่แนวตลาดด้วย แต่เช่จะพยายามสร้างเรื่องดีๆออกมาให้อ่านกันนะ

ใครอยากพูดคุยหรือสอบถามไรเช่ เชิญได้ที่แฟนเพจหรือเม้นทิ้งไว้นะ

สุดท้าย...รักคนอ่าน หลงคนเม้น<3

ออฟไลน์ ชอร์ปสติ๊ก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เนื้อเรื่องน่าสนใจจจจ เรื่องภาษาบรรยายยาวๆ เราไม่ค่อยติดใจค่ะ อ่านได้หมด อาจจะต้องระวังเรื่องใช้คำเยิ่นเย้อไปบ้าง แต่รวมๆเราโอเคเลยนะคะ ชอบนิล ตอนแรกนึกว่ากาลเป็นพระเอก นิลเป็นนายเอก............. แต่ผิดโผไปมากทีเดียว ไม่เป็นไรค่ะ เราว่านะพระเอกต้องเป็นอะไรกับนทีแน่ๆ อาจจะชื่อ อัคคี ไม่รู้ เดามั่วสุดๆค่ะ  :laugh: เอาเป็นว่าติดตามตอนต่อไปจ้า

ปล.เราจะติดตามว่าpsycho-drama เรื่องนี้จะเป็นยังไง อิอิอิ ส่วนตัวชอบเสพดราม่าแนวชีวิตชิทแฮพเพ่นอยู่แล้ววว จัดมาหยักๆเลยค่าา   :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มาต่ออีกนะฮะ อยากอ่านไปเรื่อยๆ

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คือมันดีมาก

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 

4th Night

…Pain...


“พีหายตัวไป!!!”


“มึงว่าอะไรนะ”


ใบหน้าหวานคมเคร่งเครียดทันทีที่ได้ยิน ถึงเขาจะบอกตัวเองว่าเกลียดชังรพีมากแค่ไหนแต่ก็ปฏิเสธความรู้สึกกังวลในอกนี้ไม่ได้ การที่เด็กคนหนึ่งหายไปจากบ้านมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่เขาจะทำเป็นเมินเฉยไม่รับรู้ได้


“หลังจากมึงตัดสายไปกูโทรให้ลุงสิทธิไปรับพีที่โรงเรียนแล้วค่อยไปหามึงที่บริษัทแต่พอไปถึงธิชาก็บอกว่ามึงออกไปแล้วตั้งแต่บ่าย กูพยายามตามหามึงไปทั่วแต่ก็ไม่เจอเลยโทรไปถามป้าจันทร์ที่บ้านว่ามึงกลับถึงบ้านรึยัง”


“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่พีหายไป”


“ป้าจันทร์บอกว่าก่อนหน้าที่กูจะโทรไปก็ยังเห็นพีนั่งรอมึงอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่พอหกโมงตอนจะมาตามพีไปกินข้าวก็หายไปแล้ว”


“เด็กทั้งคนจะหายไปได้ยังไงวะ ค้นที่บ้านกันดีรึยังเผื่อไปเล่นซนอยู่ตรงไหน”


“ค้นจนทั่วแล้ว ทั้งในบ้านแล้วก็ซอยข้างๆแต่ก็หาไม่เจอ กูพยายามโทรหามึงก็ไม่ติดเลยไล่โทรหาพวกเพื่อนเราดูจนมาติดที่เบอร์ไอ้คณิตนี่แหละ”


“แล้วแจ้งตำรวจรึยัง”


“แจ้งแล้ว ตอนนี้พวกสายตรวจกำลังช่วยกันหาอยู่ มึงก็กลับมาที่กรุงเทพก่อนดีกว่า เดี๋ยวกูจะโทรหาเรื่อยๆถ้ามีอะไรคืบหน้า”


“อืม”


ร่างโปร่งหยุดคิดสักพักก่อนจะตอบกลับไป คณิตมองหน้าเพื่อนของตนด้วยความกังวลเมื่อพอจะประติดประต่อเรื่องได้ แม้คณิตเสนอตัวออกช่วยหารพีด้วยแต่รัตติกาลก็ปฏิเสธไปเพราะรู้ดีว่างานของเพื่อนนั้นรัดตัวมากแค่ไหน ทั้งคู่บอกลากันโดยที่ร่างใหญ่บอกย้ำกับเขาว่าถ้าหากต้องการความช่วยเหลืออะไรให้ติดต่อมา




แม้จะดื่มไวน์ไปพอสมควรแต่รัตติกาลก็ยังไม่มีอาการเมามายแต่อย่างใด   ไม่รู้ว่าด้วยเพราะความร้อนใจหรือเหตุผลอะไรทำให้เขาขับรถด้วยความเร็วมากกว่าปกติ ร่างโปร่งพยายามนึกถึงสถานที่ที่รพีน่าจะไปแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เพราะตลอดมาตัวเขาไม่เคยเข้ามาสนิทสนมใกล้ชิดให้เกินความจำเป็น นิลโทรมาหาเขาเรื่อยๆโดยบอกถึงตำแหน่งที่สายตรวจค้นหาแล้วไม่เจอ แม้ขอบเขตการค้นหาจะแคบลงแต่ก็ยังไม่สามารถคาดได้เลยว่าร่างป้อมไปอยู่ที่ไหน


รัตติกาลไม่อยากยอมรับว่าตัวเองกำลังร้อนใจ


ทั้งที่การหายตัวไปของอีกฝ่ายไม่น่าจะผลต่อความรู้สึกของตน


ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่ทำไม...หัวใจถึงรู้สึกหนักอึ้งขนาดนี้

.

.

.

“คุณกาลยังไม่กลับมาบ้านเลยค่ะ ส่วนคุณพีมาถึงแล้ว”


บทสนทนาที่มีชื่อของรัตติกาลเรียกความสนใจให้รพีที่กำลังเดินไปที่ห้องครัวเพื่อจะหาน้ำดื่มระหว่างรอให้พ่อของตนกลับมาบ้านหยุดฟังจันทร์ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครก็ไม่รู้ ร่างป้อมกำลังจะเดินเข้าไปแต่หาบทสนทนาต่อมากลับทำให้รพีรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังสั่นไหวด้วยความรู้สึกผิด


“อะไรนะคะ แล้วคุณกาลเธอออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”


“...”


“คุณพีมาถึงนานแล้วค่ะ กำลังรอให้คุณพ่อกลับบ้านพอดี”


“...”


“เป็นไปได้ไหมคะว่าคุณกาลเธออาจจะย้อนกลับไปรับคุณพีที่โรงเรียน”


เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าปลายสายคือใครหรือกำลังพูดอะไรรู้สึกตกใจกับคำพูดที่จันทร์เอ่ยออกมา ความรู้สึกผิดแล่นริ้วเข้ามาในอก ถ้าคนเป็นพ่อตั้งใจไปรับตนที่โรงเรียนนั่นหมายความว่าเขาได้ทิ้งให้รัตติกาลรอโดยที่ตนชิงกลับบ้านมาก่อน รพีทั้งรู้สึกแย่และเป็นกังวลว่าการกระทำครั้งนี้อาจสร้างความไม่พอใจจนรัตติกาลจะไม่ไปรับเขาที่โรงเรียนอีก


ร่างป้อมวิ่งออกไปทางบ้านพักคนงานที่อยู่ใกล้ๆเพื่อตามหาลุงสิทธิหวังจะขอให้ขับรถพาไปหารัตติกาลที่โรงเรียน แต่พอไปถึงรพีกลับเห็นลุงสิทธินอนให้นิ่มนวดหลังให้พร้อมกับบ่นว่าปวดเมื่อยไม่หยุด รพีซึ่งเป็นเด็กรู้สึกเกรงใจ ไม่อยากฝืนให้ลุงแกต้องทำตามใจเขาไปซะทุกเรื่อง


“เอาไงดีล่ะ ไม่อยากกวนลุงสิทธิ แต่ว่า...เราจะไปที่โรงเรียนยังไง”


ในตอนนั้นเองรายการข่าวในทีวีกำลังเสนอข่าวเกี่ยวกับการบริการของรถเมล์ทำให้เขานึกได้ว่าเขาเคยเห็นรถแบบนี้ขับผ่านที่โรงเรียนบ่อยๆ ไม่รอช้ารพีเดินไปยังประตูรั้วบ้านแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือโชคร้ายประตูที่ไม่มีใครในบ้านสังเกตเห็นคุณหนูเล็กของบ้านค่อยๆเดินลัดเลาะผ่านสนามหญ้าจนออกไปจากบ้าน



รพีรีบเดินไปตามถนนโดยหวังว่าจะพบเข้ากับป้ายรถเมล์ เท้าคู่เล็กลากเดินไปตามถนนในซอยอย่างเร่งรีบด้วยความร้อนใจ แต่ยิ่งหาก็เหมือนยิ่งหลง รพีใช้เวลาร่วมชั่วโมงแต่ก็ยังไปไม่ถึงหน้าปากซอย ด้วยความที่บ้านของตนอยู่ลึกเข้าไปข้างในโครงการมากทำให้แทบจะไม่มีรถผ่านเข้ามาเลยในบริเวณนี้ แต่ทันใดนั้นเองเด็กชายก็เห็นเด็กวัยรุ่นผู้ชายสามคนท่าทางผอมกะหร่องเดินผ่านมาพร้อมกับหอบขวดเบียร์กันเต็มสองมือ รพีที่คิดแต่จะไปหาพ่อไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไร รีบเดินตรงเข้าไปหาชายกลุ่มนั้นก่อนจะกระตุกชายเสื้อชายคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มซึ่งคาบมวนบุหรี่ไว้ในปาก


“เห้ย เด็กที่ไหนวะ”


“พี่ฮะๆ พีจะไปปากซอยต้องไปทางไหนฮะ”


“แม่งตัวอย่างขาว แต่งตัวก็ดีสงสัยพวกลูกคุณหนูแหงๆเลยวะ”


ชายกลุ่มดังกล่าวไม่ได้สนใจตอบคำถามของรพีเลยสักนิด เด็กน้อยไม่รู้ตัวเลยว่าเกือบชั่วโมงที่เขาพยายามหาทางออกได้เดินหลงเข้ามาใกล้กับแค้มป์คนงานก่อสร้างของโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังดำเนินการสร้างอยู่ห่างไปไม่มากจากบ้านของตน รพีไม่ได้รู้สึกถึงความไม่น่าไว้วางใจของคนพวกนี้เลยสักนิดจึงถามออกไปอีกครั้ง


“พีจะไปหาคุณพ่อ พี่ช่วยบอกทางไปปากซอยให้พีหน่อยได้ไหมฮะ พ่อกาลกำลังรอพีอยู่”


ด้วยคำพูดคำจาและท่าทางของเด็กชายทำให้กลุ่มวัยรุ่นพวกนี้ยิ้มกริ่มให้กันอย่างชั่วร้าย ชายคนที่รพีกระตุกเสื้อหันไปพูดอะไรบางอย่างกับชายคนที่ยืนข้างๆก่อนจะหันมายิ้มให้ร่างป้อมที่ยืนรออยู่


“มึงจะไปหาพ่อหรอวะ”


“ฮะ พ่อกาลรอพีอยู่ที่โรงเรียน”


“หรอ.. ว่าแต่มึงเรียนที่ไหนวะ”


“พี่อยากรู้ไปทำไมหรอฮะ?”


“ไอ้โง่! กูจะได้ไปส่งมึงหาพ่อที่โรงเรียนไง”


“ไม่เป็นไรฮะ พี่แค่บอกทางพีเฉยๆ เดี๋ยวพีไปเองก็ได้”


“ไม่เป็นไร พอดีพวกกูเป็นคนดีวะ ฮ่าๆๆ”


ทั้งสามคนหัวเราะลั่นก่อนจะจับมือของร่างป้อมไว้มั่นแล้วออกแรงลากไปตามทางที่รพีไม่รู้จัก ช่วงขาสั้นแทบจะเดินตามผู้ใหญ่ไม่ทันจนเหมือนกับรพีกำลังวิ่งอยู่ และเพราะเดินติดต่อกันมาแล้วเกือบชั่วโมงทำเอาความเหนื่อยล้าแล่นริ้วไปทั่วร่างกายจนไม่มีแรงที่จะขัดขืน



แสงอาทิตย์ที่เคยเป็นสีส้มบัดนี้เลือนหายไปแล้วหลงเหลือแต่เพียงความมืดมิดรอบกาย ขาของรพีปวดหนึบจนน้ำตาคลอ แรงบีบที่ข้อมือก็เหมือนคีมเหล็กจนผิวบางขึ้นรอยแดงเป็นทาง เด็กชายพยายามร้องขอให้ปล่อยตัวเขาแต่คนพวกนี้ก็ไม่สนใจสักนิด วิวรอบกายเปลี่ยนไป ร่างป้อมมองเห็นแค้มป์คนงานที่ทำขึ้นมาจากเศษไม้อัดต่อกันอย่างไม่เรียบร้อยนัก ที่ตรงนั้นมีทั้งผู้ใหญ่และเด็กใช้ชีวิตอยู่


รพีที่เริ่มรู้สึกกลัวพยายามร้องให้คนช่วยแต่ฝ่ามือหยาบกร้านก็เอื้อมมากดปิดริมฝากปากเล็กนั้นไว้อย่างแรงจนรับรู้ถึงรสเฝื่อนภายในปาก ชายคนที่เหลือโยนขวดเบียร์ที่พวกตนดื่มมาจนหมดตลอดทางทิ้งแล้วหันมาจับขาที่ไร้เรี่ยวแรงของรพียกขึ้นโดยที่เด็กชายไม่อาจขัดขืนอะไรได้เลย พวกมันช่วยกันพารพีมายังเพิ่งไม้ที่สุมกันไว้แค่พอมีที่บังแดดบังฝน ชายคนหนึ่งหยิบเศษผ้าสกปรกแถวๆพื้นมามัดมือ เท้าและปากของรพีไว้ก่อนจะโยนเด็กชายเข้าไปข้างใน


“อื้ออออ”


“หยุดดื้นซะ ไม่งั้นกูปาดคอมึงแน่!”


ชายตัวเล็กยื่นขวดเบียร์ที่ถูกทุบจนเป็นปากฉลามมาแถวลำคอขาวของรพีที่ชะงักกึกเมื่อเห็นความคมกริบของคมแก้ว ดวงตากลมแดงกล้ำ น้ำตาไหลเต็มใบหน้าที่เปื้อนฝุ่น ในจังหวะที่รพีหลุดสะอื้น คมแก้วก็สัมผัสเข้ากับผิวกายจนเด็กชายรู้สึกแสบที่ลำคอ โลหิตแดงไหลซึมออกมาตามรอยแผลพร้อมกับความรู้สึกเจ็บทำให้รพีแทบสติแตก ความรุนแรงที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตทำให้เด็กชายคิดถึงแต่หน้าพ่อของตน...คิดถึงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ


“เอาล่ะ ทีนี้มาคุยกันดีๆ อย่ามองหน้าพวกกูแบบนั้นสิ กูแค่มีเรื่องอยากให้มึงช่วยนิดหน่อย”


ผู้ชายคนที่เอามือปิดปากรพีพูดขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มเย็นๆน่าขนลุก ไหล่เล็กสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าจนคางเล็กถูกมือกร้านบีบแน่นก่อนจะดึงให้หันมาสบตากับผู้พูดอีกครั้ง


“พอดีช่วงนี้พวกกูกำลังเสี้ยนยา ถ้าไม่ได้แดกกูคงทรมานแย่”


ร่างใหญ่พูดไปเรื่อยๆพลางปลดปมผ้าปิดปากให้คลายออก แต่เพราะดวงตาเหี้ยมที่จ้องมาอย่างขมขู่ทำให้รพีไม่กล้าร้องตะโกนให้ใครช่วยเหลือ แม้แต่เสียงสะอื้นก็ยังไม่กล้าจะปล่อยออกมา ฝ่ามือหนาคว้ากระจุกผมตรงท้ายทอยของรพีก่อนจะกระชากอย่างรุนแรง  จนรพีขบกัดริมฝีปากแน่นด้วยความกลัว


“มึง...ต้องติดต่อพ่อคนรวยของมึง...เอาเงินมาให้พวกกู เข้าใจไหม?”


“ฮึก ฮือ อึก..”


“กูถามว่าเข้าใจไหม!!!!!”


“ไม่เอาแล้ว ฮือ พีจะหาพ่อกาล ฮึก พีกลัว”



เพี้ยะ!!


ใบหน้าเล็กหันไปเพราะแรงตบก่อนจะถูกกระชากกลับมาอีกครั้ง รพีที่สติหลุดพยายามดิ้นหนีอย่างรุนแรง ร้องเรียกหาพ่อไม่หยุดจนถูกวัยรุ่นพวกนี้ตบตีไปไม่น้อย ความเจ็บปวดตามร่างกายทำให้ร่างป้อมโต้ตอบไปตามสัญชาติญาณ มือเล็กยกขึ้นทุบตีคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดอย่างเอาเป็นเอาตาย จนหนึ่งในนั้นบันดาลโทสะหยิบคว้าเอาขวดปากฉลามที่ถูกทิ้งไว้อยู่ไม่ไกลมาไว้ในมือแล้วตวาดลั่นด้วยความโกรธ


“ฤทธิ์เยอะนักนะไอ้เด็กเวร ตายซะเถอะมึง!!!”

.

.

.


รัตติกาลกำลังยืนหน้าเครียดอยู่ในโรงพักพร้อมกับจันทร์ที่เอาแต่ร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงรพีที่หายตัวไปแล้วนานร่วม 3 ชั่วโมง ทันทีที่กลับถึงบ้านหญิงแก่ก็ตรงเข้ามาร้องไห้ขอโทษขอโพยร่างโปร่งเป็นการใหญ่ที่ปล่อยให้รพีคลาดสายตาจนหายไปอย่างนี้ รัตติกาลไม่ได้พูดอะไรออกไปทำเพียงแค่กอดร่างอวบตรงหน้าไว้อย่างปลอบโยนก่อนจะพากันมายังโรงพักโดยให้นิ่มและคนอื่นๆรอฟังสถานการณ์อยู่ที่บ้าน


“ถ้าคุณพีเธอเป็นอะไรไป ป้าคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง”


“อย่าโทษตัวเองเลยครับป้าจันทร์ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก”


“เป็นเพราะป้าไม่ดีเอง คุณเธอถึงได้หายไปทั้งที่มีคนอยู่เต็มบ้าน”


“ถ้าเรื่องนี้จะมีใครผิดก็เป็นเจ้าตัวนั่นแหละครับที่ไปไหนไม่ยอมบอกผู้ใหญ่ หยุดร้องไห้เถอะครับป้าจันทร์เดี๋ยวจะเป็นลมล้มพับไปซะก่อน”


ร่างโปร่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผู้ใหญ่ที่เคารพรักซึ่งมีสีหน้าอิดโรยจากความเครียดและเพลียหลังจากร้องไห้มาเป็นเวลานาน อีกไม่กี่ปีจันทร์ก็จะอายุย่างเข้าเลขเจ็ดแล้ว ต่อให้ตามปกติจะแข็งแรงแค่ไหนแต่ก็อาจเป็นอันตรายได้ง่ายๆ หลังจากกลับมาถึงรัตติกาลมีโอกาสได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณบ้าน ภาพของรพีที่เดินลัดผ่านสนามหญ้าออกประตูหน้าไปในจังหวะที่ไม่มีคนเป็นหลักฐานอย่างดีที่บอกได้ว่าไม่มีใครบุกเข้ามาเอาตัวเด็กหนุ่มออกไปจากบ้าน


“คุณกาลอย่าตำหนิคุณพีเลยนะคะ ปกติเธอเป็นเด็กดีไม่เคยทำให้ใครต้องเป็นห่วง ป้าเชื่อว่าเธอคงมีเหตุผลจริงๆที่ทำแบบนี้”


“ก็แค่อวดเก่งเท่านั้นแหละครับ”



จันทร์ถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยิน ร่างโปร่งเองถึงจะพูดแบบนั้นแต่คิ้วโก่งก็ยังขมวดกันเป็นปมแน่นไม่คลายลงเลยตั้งแต่กลับมาถึง นิลติดต่อมาเป็นระยะจนเวลาล่วงเข้าไปจนเกือบสี่ทุ่ม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รัตติกาลกดรับอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนรัก แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้พูดอะไรเสียงความวุ่นวายจากปลายสายก็ทำให้เขาเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว


“ไอ้กาลมึงรีบมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย!!”


“อะไร ทำไมต้องไปโรงพยาบาล เกิดไอ้ขึ้นไอ้นิล!?”


“เราเจอพีแล้ว พีโดนไอ้พวกติดยาแถวโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังสร้างลากไปทำร้าย ตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉินมึงรีบมาเดี๋ยวนี้เลย”

.

.

.

ตุบ!


“เป็นอะไรไปคะคุณกาล ทำไม มีอะไรเกิดขึ้นคะ!!!”


ทันทีที่ได้ยินมือของเขาก็เหมือนไร้เรี่ยวแรงจนโทรศัพท์ที่ถืออยู่ตกลงสู่เบื้องล่าง ร่างกายสูงโปร่งสั่นเทิมจนจันทร์รู้สึกใจไม่ดี หญิงแก่พยายามร้องเรียกให้รัตติกาลได้สติจนตำรวจที่กำลังทำหน้าที่อยู่วิ่งออกมาดู ใบหน้าหวานคมซีดขาวแทบไม่มีสี ภาพความโหดร้ายที่โรงพยาบาลในคืนที่รพีถือกำเนิดขึ้นฉายชัดขึ้นอีกครั้งทันทีที่รู้ว่าตอนนี้เด็กชายอยู่ที่ไหน


รัตติกาลเคยคิดว่าหนทางเดียวที่จะไม่ต้องสูญเสีย คือการไม่เคยครอบครองตั้งแต่แรก เขาถึงได้ทิ้งหัวใจของตัวเองไปตั้งแต่คืนนั้นที่เสียงร้องของทารกดังลอดออกมาจากห้องทำคลอดของโรงพยาบาล


ทั้งที่คิดว่าไม่มีแล้ว


แต่ทำไมถึง...


เจ็บขนาดนี้...

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

หายไปวันหนึ่ง T^T เมื่อวานเช่ทำงานถึงเกือบห้าทุ่ม ปั่นไม่ไหวเลยของดไปนะฮับ

แต่วันนี้ก็จัดให้แล้ว หนึ่งตอน ที่สั้นมาก 5555 กำลังพยายามดำเนินเรื่องให้เร็วขึ้น

เพราะผ่านมาสี่ตอน 'พี่ห้าว' ของเรายังไม่โผล่มาเลย (ห้าวอะไร ใครคือห้าว ชื่อคนหรืออะไร อิอิ)

จากตอนที่ผ่านมา เริ่มมีคนเม้นให้เช่เยอะขึ้น อยากบอกว่าเช่...ซึ้งใจค่ะ (ทำเสียงเหมือนโฆษณาชาวเกาะ)

อ่านทุกคอมเม้นต์แล้วนะคนับ อยากตอบทุกเม้นแต่ก็เกรงว่าจะเป็นการปั่นบอร์ด เลยไม่ทำ

แค่อยากบอกว่า หนึ่งเม้นของคุณต่อกำลังใจให้นิยายเรื่องนี้จริงๆ เพราะมีฟิลแอบท้ออยู่บ้าง

แต่ตอนนี้กำลังใจเริ่มกลับมาเต็มเปี่ยมแล้ว คำติชมที่ทุกคนให้มา เช่จะพยายามนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น

เพื่อให้ทุกคนไม่ผิดหวังที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ของนักเขียนโนเนมอย่างเช่นะคนับ! ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พ่อจริงๆของรพียังไม่ตายหรือเปล่านะ เดาๆ ชอบอะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบ ยังไม่รู้ใครจะคู่กับกาลลลลลลล

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
5th Night

…A Bad Start...


 “ไอ้กาล ทางนี้”

 

นิลเรียกร่างโปร่งที่เดินนำคู่มากับนายตำรวจคนหนึ่งและจันทร์ที่ได้พยาบาลคอยพยุงเดินตามมาข้างหลัง ไม่พูดพร่ำทำเพลงรัตติกาลเดินตรงไปยังประตูห้องฉุกเฉินแต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูเข้าไปขายาวก็หยุดชะงักอย่างลังเล นิลเดินมาตบบ่าเพื่อนรักอย่างให้กำลังใจก่อนจะพูดปลอบออกมาด้วยเสียงอ่อนแต่กลับมั่นคง

 

“พีจะต้องไม่เป็นอะไร”

 

“หมอ…บอกว่ายังไงบ้าง”

 

“ยังไม่มีใครออกมา มีคนโทรไปแจ้งสายตรวจว่าได้ยินเสียงเด็กร้องขอให้ช่วย กูอยู่แถวนั้นพอดีเลยเข้าไปด้วยกันเพราะคิดว่าน่าจะเป็นพี แล้วมันก็ใช่...”

 

“...”

 

“กูไม่แน่ใจว่าพีโดนทำร้ายอะไรบ้าง ตอนไปเจอพีก็สลบไปแล้ว บาดแผลตามตัวที่กูเห็นไม่น่าห่วง แต่ยังไงก็ต้องให้หมอตรวจโดยละเอียดก่อน”

 

 

พรึบ!!

 

ประตูห้องฉุกเฉินเปิดขึ้น เตียงผู้ป่วยถูกเข็นออกมาพร้อมกับร่างบอบช้ำของรพีที่ยังคงสลบอยู่ แขนเล็กๆถูกเข็มน้ำเกลือเจาะเสียบเข้าไป รอยฟกช้ำที่ใบหน้าและลำตัวทำให้จันทร์ร้องไห้โฮออกมาก่อนจะเดินไปลูบใบหน้าเล็กอย่างแผ่วเบา

 

รัตติกาลได้แต่ยืนอึ้ง ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบแต่ข้างในอกกลับเดือดพล่านเหมือนมีใครเอาไฟมาสุมไว้

 

“คนที่มันจับตัวรพีไปอยู่ที่ไหน...”

 

“ไอ้กาล ใจเย็นๆ”

 

“กูถามว่าพวกมันอยู่ที่ไหน!!!”

 

ร่างโปร่งตวาดเสียงดังลั่นแม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ในโรงพยาบาล นิลมองเพื่อนรักที่แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดอย่างไม่เข้าใจ รัตติกาลที่บอกเสมอว่าตนเองเกลียดแค้นรพีจนไม่อาจยินยอมให้อีกฝ่ายมีความสุขได้ ชายคนที่ไม่เคยเหลียวแลลูกนอกไส้อย่างรพีมาตลอดหกปีกลับแสดงท่าทางราวกับราชสีห์กางเคี้ยวเล็บเตรียมขย้ำศัตรูที่บังอาจมาทำร้ายลูกของตน

 

 

เสียงคนจำนวนหนึ่งเดินเท้าเข้ามาตามทางเดินเรียกสายตาของทุกคนให้หันไป ตำรวจสายตรวจและตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ร่างกายสกปรกเต็มไปด้วยฝุ่น เลือดสีแดงข้นไหลอาบแขนขวาไล่เรื่อยมาตั้งแต่หัวไหล่ หนวดเครารกรุงรังปิดบังใบหน้าที่แท้จริงไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้ ถึงจะไม่นับเรื่องรูปกายภายนอกแต่บาดแผลจากการต่อสู้พวกนี้ก็ยืนยันให้รัตติกาลรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือไอ้ระยำที่ทำร้ายรพีเป็นแน่

 

 

“ไอ้ระยำเอ้ย!!”

 

ร่างโปร่งประเคนฝาเท้าเต็มหน้าท้องของอีกฝ่ายจนร่างสูงใหญ่ล้มลงเพราะไม่ทันตั้งตัว วงแขนที่ถึงแม้จะเรียวยาวแต่ก็มีมัดกล้ามอยู่ประเคนหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายไม่ยั้งจนตำรวจที่เดินเข้ามาด้วยกันต้องมาช่วยห้าม แต่ในขณะที่รัตติกาลกำลังโดนตำรวจคนหนึ่งล็อคแขนไว้ หมัดหนักของคนที่ล้มลงก็กระแทกเข้ากับโหนกแก้มของเขาอย่างแรงจนรสเลือดเค็มปร่าคละคลุ้มทั่วทั้งปาก

 

“แม่งเอ้ย! เป็นบ้าอะไรวะ!!!”

 

เสียงห้าวแหบสบถดัง ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่องพร้อมกับร่างของอีกฝ่ายที่กระโจนเข้าใส่ทันที ความวุ่นวายเกิดขึ้นจนเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต้องออกมาช่วยห้าม ร่างโปร่งที่โดนความโกรธครอบงำไร้สติไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้าง จนร่างของนิลมายืนขวางรัตติกาลเอาไว้ก่อนที่เขาจะขว้างหมัดออกไป

 

“ไอ้กาลหยุด!!!”

 

“แม่ง... หลบไปไอ้นิล!!!”

 

“ฟังบ้างได้ไหมวะ ที่มึงกระทืบอยู่น่ะไม่ใช่คนร้าย เขาเป็นคนที่ไปช่วยพี!!!”

.

.

.

ร่างโปร่งเบิกตากว้าง คลายหมัดที่กำแน่นออกแล้วหันไปมองหน้าคนที่เขาพุ่งเข้าใส่ด้วยความเข้าใจผิดซึ่งกำลังมองหน้าเขาอย่างโกรธจัด มือเรียวที่ถูกใช้งานจนข้อแตกยกขึ้นบีบคลึงบริเวณขมับแล้วบีบมันไว้อย่างนั้น รัตติกาลไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะทำตัวเหมือนคนบ้าไม่มีเหตุผลแค่เพราะเห็นคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนร้าย ร่างโปร่งถอนหายใจแรงๆก่อนจะหันไปเผชิญหน้าของคู่กรณีที่ยังไม่คลายสีหน้าโกรธเคืองลงเลยแม้แต่น้อย

 

“ผมขอโทษ”

 

“ขอโทษเฉยๆแล้วมันหายหรอวะ! อยู่ดีๆก็พุ่งกัดคนอื่นอย่างกับหมาบ้า คิดว่าแค่ขอโทษกูจะยอมรึไง!!!”

 

“ผมขอเถอะครับคุณอารัณย์ ที่เพื่อนผมเป็นแบบนี้ก็เพราะลูกชาย ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะ”

 

 

นิลหันไปพูดกับอีกฝ่ายแม้คำพูดจะเป็นคำขอร้องแต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความกดดันจน ‘อารัณย์’ ยอมหยุด นิลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปขอโทษเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่เกิดทำเสียงดังรบกวนคนอื่นแต่ยังดีที่ห้องฉุกเฉินนี้จัดอยู่โซนด้านในจึงไม่ได้รบกวนใครมากนัก

 

“คุณรัตติกาล พ่อของเด็กชายรพีที่ถูกทำร้ายใช่ไหมครับ ผมร้อยตำรวจโท ‘ฤทธิชาติ’ เป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคดีนี้”

 

 

ตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่งเดินเข้ามาหารัตติกาลที่นั่งกุมขมับเครียดอยู่คนเดียว ในขณะที่จันทร์ตามเข้าไปหารพีที่ห้องพักฟื้น เมื่อสักครู่หมอได้เดินเข้ามารายงานรายการของเด็กชายให้เขาทราบ รพีมีแผลฟกช้ำจากการทำร้ายร่างกายอยู่จำนวนหนึ่งแต่ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ก็ยังแผลที่เกิดจากการโดนของมีคมบาดบริเวณลำคอทำให้รพีต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่เกิดอาการแทรกซ้อนใดๆ

 

“ครับ ผมเอง ขอโทษด้วยนะครับที่สร้างความวุ่นวายให้”

 

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณรับปากว่าจะไม่ทำมันอีก”

 

ตำรวจหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆก่อนจะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้รัตติกาลฟังด้วยท่าทีสบายๆเพื่อให้ร่างโปร่งคลายความเครียดลง

 

 

“มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวแค้มป์คนงานก่อนสร้างโทรมาแจ้งกับทางเราว่าได้ยินเสียงเด็กร้องโวยวายมาจากเพิงไม้ไม่ไกลจากแค้มป์ที่พวกเด็กวัยรุ่นชอบมามั่วสุมเสพยากันอยู่บ่อยๆ ซึ่งนับว่าโชคดีที่คนงานเห็นวัยรุ่นสามคนกำลังเดินจูงเด็กผู้ชายอายุประมาน6-7ขวบไปทางนั้น แต่เพราะการแต่งตัวที่ดีมากผิดกับอีกสามคนทำให้พวกเขาสงสัยเลยเดินมาบอกกับคนที่โทรแจ้งเราให้ไปตรวจสอบดู”

 

“ถ้าพวกเขาสงสัยทำไมถึงไม่เข้าไปช่วยทั้งที่ช่วยได้”

 

ร่างโปร่งกัดฟันพูดออกมาอย่างเจ็บใจกับความเมินเฉยของคนสมัยนี้

 

“ไม่แปลกหรอกครับที่พวกเขาจะไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ในแค้มป์คนงานเองก็มีอะไรหลายอย่างที่อยากเก็บไว้ให้ไกลหูไกลตาตำรวจอย่างพวกผม”

 

“หึ พูดแบบนี้เดี๋ยวผมก็คิดหรอกครับว่าคุณตั้งใจละเลยในหน้าที่”

 

“เรื่องบางเรื่องเราก็จำเป็นต้องทำเป็นมองไม่เห็นเพื่อคนที่อ่อนแอไร้ทางสู้และกฎหมายคุ้มกะลาหัว...อย่างน้อยก็ตราบที่พวกเขาไม่สร้างความวุ่นวายอะไร”

 

รัตติกาลหันไปมองหน้าฤทธิชาติที่กำลังมองเขาอยู่ก่อนด้วยรอยยิ้มเท่ๆ พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นทาบกับริมฝีปากเหมือนกับขอให้ร่างโปร่งเก็บเรื่องที่ตนพูดไว้เป็นความลับ เขาส่ายหัวเล็กน้อยอย่างอ่อนใจแล้วมองตาอีกฝ่ายตรงๆเพื่อให้พูดต่อ

 

 

“ในตอนที่เราไปถึงที่เกิดเหตุนั้นกำลังเกิดการต่อสู้อยู่ระหว่างคุณอารัณย์กับเด็กวัยรุ่นพวกนั้น ผมพาตำรวจเข้าไปควบคุมสถานการณ์ก่อนจะโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับเด็กชายรพีไป แต่คุณเชื่อไหม อันที่จริงตอนแรกผมก็คิดว่าคุณอารัณย์เป็นคนร้ายเหมือนกับคุณนั่นแหละครับ เกือบจะจับเขาใส่กุญแจมือแล้วเชียว ก็นะ ดูเถื่อนอย่างกับโจรป่าขนาดนั้น ฮ่าๆ”

 

“เหมือนกับคุณที่พูดจาเหมือนกับไม่ใช่ตำรวจสักนิดใช่ไหม”

 

“ก็มีคนบอกแบบนั้นอยู่บ่อยๆ^^”

 

“เฮ้อ.... ว่าแต่หลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”

.

.

.

.

.

.

 

“ฤทธิ์เยอะนักนะไอ้เด็กเวร ตายซะเถอะมึง!!!”

 

มือขวาที่ยกขึ้นเตรียมจ้วงแทงไปยังร่างของเด็กชายที่เบิกตาโพลงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว แต่ยังไม่ทันทีคมแก้วจะได้เข้าใกล้ คนร้ายก็โดนถีบเต็มแผ่นหลังจนร่างกายผ่ายผอมจากการติดยาล้มกลิ้งไปบนพื้นไม้ที่ปูหยาบๆด้วยเศษเสื่อน้ำมัน โดยที่ยังไม่ทันทีจะตั้งตัว อารัณย์พุ่งเข้าไปปล่อยหมัดแกร่งเต็มใบหน้าของอีกสองคนที่เหลือจนล้มกลิ้งไปตามๆกัน

 

ชายหนุ่มเจ้าของร่างกายสูงใหญ่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือขณะที่กำลังเดินผ่านเพื่อเดินทางกลับบ้าน อารัณย์รีบวิ่งเข้ามาก่อนจะเข้าไปถีบอีกฝ่ายเต็มแรงทันทีเมื่อเห็นขวดปากฉลามถูกยื่นเข้าไปใกล้ร่างของเด็กน้อยที่ส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัว

 

 

“ไอ้หนู!เป็นอะไรมากไหม”

 

อารัณย์ตบใบหน้าเล็กเบาๆเพื่อเรียกสติของรพีที่สลบนิ่งไปจากอาการช็อค ร่างใหญ่รีบอุ้มเด็กชายขึ้นเพื่อจะพาออกไปจากที่นี่ แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวพ้นประตูร่างของรพีก็ร่วงลงสู่พื้นห้องอีกครั้งเมื่อคนร้ายที่ตัวเล็กที่สุดลุกขึ้นมาถีบสีข้างของอารัณย์อย่างแรงจนทำให้ร่างไร้สติของรพีร่วงตกไป

 

“ไอ้สัตว์ อย่ามาแส่ไม่เข้าเรื่อง!!”

 

ขวดปากฉลามที่กลิ้งตกอยู่ไม่ไกลนักถูกหยิบขึ้นแล้วแทงไปยังร่างที่อารัณย์ที่ยังทรุดตัวอยู่ที่พื้น ในเสี้ยววินาทีร่างสูงก็เบี่ยงตัวไปข้างๆเพื่อหลบอันตรายที่พุ่งเข้ามาหา แต่ก็ยังไม่เร็วพอที่จะหลบได้โดยไร้รอยแผล อารัณย์ลุกขึ้นพร้อมกับกุมไหล่แกร่งข้างขวาถูกแก้วคมกริบเฉือนจนเลือดอาบ

 

ไม่มีแม้แต่เวลาจะร้องเจ็บ ร่างสูงพุ่งเข้าไปหมุนบิดข้อมือของอีกฝ่ายจนร้องอวดครวญด้วยความทรมาน ความเจ็บปวดที่ข้อมือทำต้องยอมปล่อยขวดแก้วตกลงสู่พื้น เขาเตะมันทิ้งไปไกลๆก่อนจะหันมาต่อยหนุ่มขี้ยาไม่ยั้ง ผู้ชายอีกคนที่เพิ่งลุกได้พยายามเข้ามาช่วยเพื่อนของตนแต่ก็โดนอารัณย์โยนร่างสะบักสะบอมที่กำลังโดนเขาปล่อยหมัดใส่ไปทางเดียวแล้วใช้จังหวะที่ทั้งสองคนเซตัวล้มลงกระทืบเข้าเต็มหน้าท้องจนเลือดข้นไหลทะลักออกปาก

 

 

อารัณย์ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ เขามองหาอาวุธที่อยู่ใกล้ๆเพราะไม่รู้ว่าที่วิ่งมาคือพรรคพวกที่เหลือของคนพวกนี้หรือใคร แต่นับว่ายังโชคดี ภาพที่ปรากฏทันทีที่เสียงฝีเท้าเหล่านั้นหยุดลงเป็นภาพของตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบวิ่งเข้ามาพร้อมกับยกปืนชี้ขึ้นมาทางตนที่ถืออาวุธอยู่คนเดียวในขณะที่คนร้ายขี้ยาสามคนนอนสะบักสะบอมอยู่บนพื้น

 

“วางอาวุธและยกมือขึ้นเหนือหัวซะ!”

 

“ผมเป็นคนที่ผ่านเข้ามาช่วย คนที่ทำร้ายเด็กคือสามคนนั้น เด็กที่โดนจับมาได้รับบาดเจ็บ โทรตามรถโรงพยาบาลด้วย!”

 

 

“พี!!!”

 

นิลที่วิ่งตามตำรวจมาตะโกนลั่นเมื่อเห็นรพีนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น ร่างกายแดงช้ำจากการถูกทำร้าย ร่างสูงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนกดปิดแผลที่ลำคอของเด็กชายเพื่อห้ามเลือดก่อนจะตะโกนให้คนโทรตามรถพยาบาล

 

ตำรวจเข้าควบคุมตัววัยรุ่นทั้งสามคนที่นอนอยู่บนพื้นทันทีพร้อมตรวจพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งที่ซุกซ่อนไว้ และแม้แต่อารัณย์เองก็ถูกตำรวจกักตัวเพราะไม่มีพยานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จริงอย่างที่อ้าง

 

 

“คุณตำรวจไม่เห็นสภาพพวกมันหรอ ถ้าพวกเดียวกันผมจะกระทืบมันทำไม”

 

“แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังไม่มีทั้งพยานและหลักฐาน ผมคงต้องกักตัวคุณไว้ก่อนจนกว่าเด็กจะฟื้นขึ้นมา ตอนนี้เขาคงเป็นคนเดียวที่เป็นพยานให้คุณได้”

 

“เหอะ! เวรจริงๆ”

 

 

ฤทธิชาติยิ้มให้อีกฝ่ายแต่อารัณย์กลับคิดว่ารอยยิ้มหลอกๆแบบนี้มันน่าขนลุกสิ้นดี ริมฝีปากแดงคล้ำสบถออกมาอย่างไม่พอใจ ก็รู้หรอกว่าบุคลิกของเขานั้นน่าสงสัย แต่พอนึกว่าถ้าตนเองไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเขาคงกำลังนอนจิบเบียร์ดูทีวีอยู่บนที่นอนนุ่มๆของตนไปแล้ว

 

 

เสียงไซเรนรถพยาบาลดังขึ้นพร้อมกับแสงไปสีแดงวูบวาบที่สาดส่องมาทั่วพื้นที่โล่ง บุรุษพยาบาลสองคนพร้อมอุปกรณ์ลงมือปฐมพยาบาลให้เด็กชายที่ชื่อรพีซึ่งยังคงไม่ได้สติอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มคนที่ดูเหมือนจะเป็นญาติของเด็กยืนดูอยู่ไม่ห่างจนร่างของเด็กถูกห่ามขึ้นรถพยาบาลไป นิลยืนคุยโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะเดินออกมา ช่วงขายาวของผู้ชายที่ตัวสูงน้อยกว่าอารัณย์หน่อยหยุดลงตรงหน้าพร้อมกับดวงตาคมกริบที่มองมาอย่างไม่ไว้ใจสักนิดซึ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย

 

 

“คุณมีแผล ไปโรงพยาบาลพร้อมกันเลยแล้วกัน”

 

“ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

 

“...ขึ้นรถซะ”

 

มันไม่ฟังกันเลยนี่หว่า! แม้คำพูดและท่าทางจะดูสุภาพแต่แววตาชอบออกคำสั่งแบบนั้นทำเอาอารัณย์กัดฟันกรอด นายตำรวจหนุ่มที่ยืนดูอยู่ข้างๆหัวเราะออกมาโดยไม่กลั้นขำรักษามารยาทเลยสักนิดกลับซ้ำยังดันหลังของเขาให้ขึ้นไปบนรถพยาบาลพร้อมกันอีกต่างหาก

.

.

.

 

ทั้งที่เคยคิดไว้ว่าบนรถแบบนี้น่าจะแคบและเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์มันกลับมีที่ว่างเหลือพอให้ผู้ชายตัวใหญ่ๆสามคนนั่งเบียดกันได้โดยที่อีกฝั่งเป็นบุรุษพยาบาลซึ่งสวมใส่เครื่องแบบของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่กำลังตรวจเช็คความดันของเด็กชายตัวเล็กที่บอบช้ำไปทั้งร่าง พอมาเห็นชัดๆร่างสูงยิ่งสงสัยว่าทำไมเด็กผู้ชายท่าทางสะอาดสะอ้านอย่างผู้ดีถึงได้พลาดท่าโดนพวกขี้ยาจับมาได้ ยิ่งบริเวณนั้นเป็นพื้นที่กำลังก่อสร้างเป็นไปไม่ได้เลยที่พ่อแม่เด็กจะยอมให้ลูกหลานมาเดินเล่นแม้ว่ารอบๆโครงการจะมีหมู่บ้านจัดสรรอื่นล้อมรอบอยู่ก็ตาม ถ้าเกิดวันนี้เขาไม่นึกขี้เกียจเดินอ้อมแล้วเลือกเดินลัดเข้ามาผ่านบริเวณนั้น ก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหนึ่งชีวิตเล็กๆตรงหน้าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

 

“ผมยังไม่ปักใจเชื่อว่าคุณเป็นผู้บริสุทธิ์”

 

นิลเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบบนรถที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว อารัณย์เสหน้าหันไปสบตากับอีกฝ่ายที่มองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาเรียบเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกอะไรแต่กลับรู้สึกกดดันอย่างประหลาด

 

“ไม่ต้องบอกก็รู้ ไม่งั้นคุณคงไม่บังคับให้ผมขึ้นรถมาด้วย”

 

“ใช่”

 

“...”

 

“และผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าคุณเป็นคนร้ายเหมือนกัน”

 

 

คำพูดต่อมาเรียกความสนใจของร่างสูงได้อีกครั้ง แต่คราวนี้คนพูดกลับไม่ได้หันมามองที่เขา สายตาที่ทอด้วยความเป็นห่วงเป็นใยถูกส่งผ่านไปยังเด็กชายที่ดูอิดโรย มือขาวเล็กถูกยกขึ้นมาบีบเบาๆโดยคนข้างๆที่มีทีท่าอ่อนโยนต่างออกไป

 

“ขอบคุณ”

 

“อย่าเพิ่งพูดเลยถ้าคุณยังไม่รู้สึกอยากจะพูด รอให้ทุกอย่างถูกพิสูจน์ก่อนค่อยบอกก็ยังไม่สาย”

 

“ไม่หรอก พูดตอนนี้แหละดีแล้ว”

 

“....”

 

“ถ้าคุณเข้าไปช้ากว่านี้อีกนิดเดียว รพีอาจจะเจ็บตัวยิ่งกว่านี้”

 

“คุณคงเป็นห่วงลูกชายมาก”

 

“เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกผมหรอก พ่อของเขากำลังเดินทางมาที่โรงพยาบาล”

 

 

ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจและไม่พอใจในสิ่งที่ได้ยิน จึงถามออกไปอย่างไม่ลังเล

 

 

“แล้วพ่อของเด็กนี่ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้”

 

“อะแฮ่ม!ผมก็ไม่อยากจะขัดหรอกแต่การซัดทอดผู้ต้องสงสัยขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สืบสวนนะครับคุณนิล”

 

“หูหนวกรึไงคุณ ผู้ต้องหาของคุณต่างหากที่กำลังสอบสวนผมอยู่!”

 

นายตำรวจหนุ่มที่นั่งอยู่ปิดท้ายกระแอมขึ้นก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงแบบไม่ได้ดูบรรยากาศ ทำเอานิลที่นั่งอยู่ด้านในพูดท้วงออกมาก่อนจะเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ อารัณย์มองทั้งคู่สลับกันไปมาแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรขึ้นมาอีก

 

 

บรรยากาศในรถเป็นไปด้วยความเงียบอีกครั้ง

 

สิ่งที่ยังเคลื่อนไหวมีเพียงเสียงและแสงวูบวาบของไซเรน

 

และความสงสัยในคำถามที่ไม่มีคำตอบ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

ใครโผล่มาแล้ว 555555 พี่รัณย์ของเราห้าวเป้งไปเลยใช่ไหมล่ะ ควรจั่วหัวนิยายว่าSMด้วยไหม -_-

แต่ที่ห้าวกว่าคงไม่พ้นคุณพ่อท่านนั่นแหละคนับ! บอกไว้เลยว่าพ่อกาลของเช่ไม่ใช่นายเอก(?)ประเภทบอบบางแน่ๆ

มันก็เป็นของมันอย่างเงี้ย! แถมต่อไปเราจะเห็นว่าอารมณ์ของพ่อกาลช่างไม่คงที่เอาซะเลย

ซึ่งมันจะส่งผลกับเรื่องยังไง อันนี้ต้องติดตามกันต่อไปนะคนับ!

ขอบคุณทุกเม้นทุกโหวต เช่ได้อ่านทั้งหมดเลยนะ ดีใจจริงๆแหละ :)

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เรื่องนี้ต้องดันๆๆๆ

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คืนนี้ไม่มาหรอ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คืนนี้ไม่มาหรอ

มะ มีคนรอด้วย!!!  :hao5: :hao5: :hao5:

เมื่อวานเน็ตมหาลัยเช่เสีย เจอกันคืนนี้นะคนับ! :o8:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 



6th Night

…Hate...

 

 

                เครื่องปรับอากาศในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยมแต่กลับสู้แรงกดดันจากคนภายในห้องนี้ไม่ได้เลยสักนิดในความรู้สึกของนิ่ม เด็กสาวเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อนำเสื้อผ้าและของใช้สำหรับรัตติกาลและนิลมาให้ พร้อมกับมาดูแลคุณๆทั้งหลายแทนจันทร์ที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านแทน

 

แก้วกาแฟหอมกรุ่นสองใบพร้อมกับแซนด์วิชง่ายๆถูกเสิร์ฟให้รัตติกาลและนิลที่เข้าไปทำธุระส่วนตัวพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อย ร่างสูงของนิลลงมือทานอาหารที่นิ่มเตรียมไว้ให้โดยไม่พูดอะไรผิดกับรัตติกาลที่ไม่แตะต้องจนเครื่องดื่มสีดำเข้มเย็นชืด ร่างโปร่งเอาแต่มองไปยังร่างป้อมบนเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่งผิดกับทุกครั้ง นิลไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเพื่อนรักได้เลยว่าความสงบในตอนนี้จะนำพามาซึ่งอะไร

 

เมื่อคืนหลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ รัตติกาลก็เดินทางเข้ามาในห้องแห่งนี้ ร่างโปร่งเอาแต่มองร่างของเด็กชายแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้แต่จันทร์ที่อยากจะเข้าไปพูดคุยด้วยความเป็นห่วงก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้ ส่วนของอารัณย์ที่ยังคงอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยยังคงอยู่ในการควบคุมของฤทธิชาติ ซึ่งทั้งคู่ได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่แปดโมงเพื่อเฝ้าดูอาการของรพีที่ยังคงไม่ได้สติ

 

 

“คุณกาลได้พักผ่อนรึยังครับ”

 

นายตำรวจหนุ่มใจกล้าเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาด้วยสีหน้าระรื่นไม่ดูบรรยากาศอีกทั้งยังเรียกชื่อเช่นของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ ร่างโปร่งที่ถูกถามเงยหน้าขึ้นมองตาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเช่นเดิมแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ฤทธิชาติมองการกระทำดังกล่าวอย่างไม่นึกโกรธเคืองกลับซ้ำยังยิ้มตอบไปให้

 

“พักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ สีหน้าคุณแย่มาก”

 

“ไม่เป็นไรครับ”

 

“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าน้องพีตื่นมาเห็นคงเสียใจที่ตัวเองทำให้คุณพ่อต้องเป็นห่วงขนาดนี้

 

“หึ ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอก ผมแค่หงุดหงิดจนนอนไม่หลับ”

 

 

“เฮอะ!”

 

ร่างโปร่งปฏิเสธออกมา ทำเอาทุกคนในห้องนึกหมั่นไส้ในความปากแข็งนั้นแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ผิดกับอารัณย์ที่สบถออกมาเสียงดังเรียกสายตาไม่พอใจจากรัตติกาลได้เป็นอย่างดี ท่าทางไม่เป็นมิตรของร่างสูงทำเอารัตติกาลที่เงียบมาตลอดอดรนทนไม่ไหวจึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

 

“คุณมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า”

 

“ปัญหาน่ะไม่มีหรอก แต่ถ้าหมั่นไส้ล่ะก็หลายเรื่อง”

 

“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืนล่ะก็ผมขอโทษด้วย จะให้ชดใช้ยังไงก็บอก”

 

“หึ พวกคนรวยนี่มันชอบคิดว่าปัญหาทุกอย่างแก้ได้ด้วยเงินสินะ”

 

อารัณย์พูดเย้อหยันกลับไป ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกของพ่อที่เป็นห่วงลูกชาย ไม่แม้แต่จะเก็บมาคิดแค้นเคืองเรื่องที่คนตรงหน้าต่อยเขาเพราะเข้าใจผิด แต่ท่าทางหยิ่งผยอง ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้ต่างหากที่ทำให้เขาไม่ชอบใจ

 

“เผื่อคุณจะไม่เข้าใจ คำว่าชดใช้ที่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุหรือเงินทอง แต่ถ้าคุณคิดได้แค่นี้มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”

 

 

ร่างสูงกัดฟันกรอดเมื่อโดนรัตติกาลตอกกลับอยากเจ็บแสบ พูดราวกับว่าเขาเป็นพวกใจแคบที่คิดแต่เรื่องเงินทอง ต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกันด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่นัยน์ตากลับฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใครทำเอานิลเหลือบมองด้วยความแปลกใจที่ผู้ชายหนวดเครารุงรังคนนี้ทำเพื่อนของเขาพูดออกมาเป็นประโยคยาวๆได้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบปากมาตลอด ในขณะที่นายตำรวจหนุ่มกลับนั่งมองการทั้งสองคนเถียงกันด้วยสีหน้าสนุกสนานราวกับมันเป็นรายการทีวีที่เพลิดเพลินจนหยุดดูไม่ได้

 

“หึ แทนที่จะมานั่งปากดี ผมว่าคุณเอาเวลาไปนั่งทบทวนตัวเองดีกว่ามั้ง ว่าเลี้ยงลูกภาษาอะไร ลูกคุณถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”

 

“คุณอารัณย์!”

 

นิลพูดชื่ออีกฝ่ายเสียงดังอย่างไม่พอใจ แม้แต่นายตำรวจหนุ่มที่เมื่อครู่เอาแต่ยิ้มแย้มก็หุบยิ้มลงก่อนจะหันไปมองหน้ารัตติกาลที่นั่งนิ่ง ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเคยแต่มือเรียวกลับกุมประสานกันอยู่บนตักบีบแน่นจนรู้สึกเจ็บ

 

ร่างโปร่งไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรขึ้นมา ไม่อยากแม้แต่จะมองใบหน้าดุเข้มนั้นอีก รัตติกาลเลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีวันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและเขาก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้เข้าใจด้วย

 

 

ในสายตาคนนอกรัตติกาลคงเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ได้รับคำตำหนิติเตียนจากคนรอบข้างที่ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่าทำตัวเย็นชากับรพีมากเกินไป แม้รพีจะเป็นเด็กที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของเขาก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยเก็บคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจเพราะเชื่อว่ายังคงมีคนที่เข้าใจความเจ็บปวดของเขาอย่างจันทร์และนิลอยู่ แต่ตอนนี้รัตติกาลกลับรู้สึกไม่มั่นใจในความคิดนั้นอีกแล้ว เมื่อเพื่อนที่ไม่เคยตำหนิเขาเรื่องนี้ก็กลับมาเรียกร้องให้เขาหันมาสนใจลูกนอกไส้อย่างรพี ทั้งที่นิลเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่ารัตติกาลต้องเจอกับอะไรมาก่อน

 

มันไม่ใช่ความน้อยใจหรืออะไรแบบนั้นหรอก

ก็แค่รัตติกาลอดคิดไม่ได้ว่าบนโลกนี้คงไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกขมขื่นของเขาเหลืออยู่อีกแล้ว

 

“คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก...”

 

เสียงแผ่วเบาของรัตติกาลถูกเอ่ยออกมาโดยมีเพียงนิลที่ได้ยิน ร่างสูงมองเพื่อนรักอย่างอ่อนใจ ท่าทางเฉยเมยไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบข้างเป็นเหมือนกำแพงหนาที่รายล้อมอยู่รอบตัวของรัตติกาลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทีท่าหยิ่งผยองไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ทำให้ภายนอกรัตติกาลก็เหมือนกับก้อนหินแกร่งที่ไร้หัวใจ แต่ภายในที่ไม่มีใครรู้นั้นกลับบอบบางจนน่าใจหาย ก้อนหินก้อนใหญ่ที่จริงแล้วเป็นเพียงซากไม้พุพังที่ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็แตกหักได้ง่ายจนแหลกคามือ

.

.

.

.

 

ภายในร้านค้าสวัสดิการของโรงพยาบาล ร่างสูงของนิลกำลังยืนเลือกซื้อของกินเล่นเล็กๆน้อยๆขึ้นไปฝากรัตติกาลที่ยังคงไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าขณะที่นิ่มกำลังเดินทางกลับไปที่บ้านเพื่อพาจันทร์มาที่นี่ นิลเลือกหยิบของกินที่เพื่อนของตนชอบอย่างรู้ใจแถมด้วยนมอีกนิดหน่อยเผื่อไว้ให้รพี นึกถึงตรงนี้นิลก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผ่านไปกว่าครึ่งค้อนวันรพีก็ยังไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมาแต่อย่างใด แพทย์ให้ความเห็นว่าเป็นเพราะความอ่อนเพลียและกระทบกระเทือนทางความรู้สึกจึงทำให้เด็กชายยังคงหลับลึกอยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่บาดแผลตามร่างกายไม่มีอาการติดเชื้ออย่างที่กังวล

 

“ทำหน้าบึ้งแบบนี้ เดี๋ยวพวกพยาบาลสาวๆที่แอบมองคุณก็หนีไปหมดหรอก”

 

นิลสะดุ้งน้อยๆเมื่อเสียงทุ้มติดสำเนียงทะเล้นของนายตำรวจหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง ท่าทางตกใจของร่างสูงเรียกเสียงหัวเราะจากฤทธิชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เขาเดินตามอีกฝ่ายออกมาจากห้องแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลยสักนิด ร่างกายสูงใหญ่ภายใต้ชุดเครื่องแบบตำรวจครึ่งท่อนจึงได้ยืนสำรวจท่าทางกริยาของนักเขียนหนุ่มอยู่สักพักก่อนจะเดินมาทักเมื่อเห็นว่าจู่ๆนิลก็มีสีหน้าเครียดขรึมขึ้นมา นิลเองเมื่อหันมาเจอกับนายตำรวจที่ทิ้งหน้าที่ลงมาซื้อของคนเดียวก็อดที่จะพูดจาค่อนแคะใส่ไม่ได้

 

“ทิ้งผู้ต้องหาไว้คนเดียวแล้วลงมาเดินเล่นแถวนี้ ถือว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที่รึเปล่าคุณตำรวจ”

 

“ถ้าว่าตามวินัยก็ถือว่าใช่”

 

“แล้วยังมีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้อีกหรอครับ?”

 

“ฮ่าๆๆ อย่าเครียดไปสิคุณ ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้านายอารัณย์เป็นคนร้ายจริง คุณกาลก็คงไม่ปล่อยให้เขาหนีไปง่ายๆ”

 

“นั่นยิ่งน่าเป็นห่วงกว่าเดิมอีกไม่ใช่รึไง”

 

ถึงรัตติกาลจะเคยทำผิดด้วยการไปต่อยอีกฝ่ายทั้งที่เป็นคนที่ช่วยรพีไว้ แต่นิลก็คิดว่าอารัณย์นั้นตั้งแง่หาเรื่องกับเพื่อนของเขามากเกินไป ตลอดทั้งวันสองคนนั้นทำตัวเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าใส่กันได้ตลอดเวลาที่มีโอกาส โดยทุกครั้งจะเป็นอารัณย์ที่เป็นฝ่ายพูดจาหาเรื่องรัตติกาลไม่ว่าร่างโปร่งจะทำอะไร ถึงแม้สิ่งเดียวที่เพื่อนของเขาทำจะเป็นการนั่งนิ่งๆ แต่นิลคิดว่าสิ่งที่ทำให้อารัณย์ไม่สบอารมณ์คงจะเป็นคำพูดเย็นชาบาดหูที่ออกมาจากปากของรัตติกาลนั่นแหละ

 

“เอาน่าๆ เพื่อนคุณก็ดูมีความอดทนสูงถ้าไม่นับตอนที่เลือดขึ้นหน้าแล้วไปต่อยผู้ต้องสงสัยเข้า ต่อให้นายอารัณย์กวนประสาทแค่ไหนก็คงทำเมินอยู่นิ่งๆ ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรบุ่มบ่ามแน่ๆ”

 

“ความอดทนสูงหรอ หึ สาบานได้ไหมว่าที่พูดมาไม่ได้ประชด”

 

“ฮ่าๆๆ ผมคงสาบานให้ไม่ได้หรอก”

 

นิลมองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนปลิ้นปล้อนเจ้าเล่ห์แบบนี้จะเป็นถึงนายตำรวจยศสูง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันตอนออกตามหารพีเขายังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทำงานอย่างจริงจังสักครั้ง แถมยังละหลวมจนอยากจะทำตัวเป็นคนขี้ฟ้องแจ้งไปยังต้นสังกัดซะให้เข็ด

 

“งั้นผมขอเปลี่ยนจากความอดทนสูง มาเป็น ‘คุณรัตติกาลเป็นคนชอบหนีปัญหา’ เรื่องนี้ผมสาบานให้คุณได้แน่”

 

 

คำพูดของคนข้างๆสะกิดใจของนิลเข้าอย่างจัง เพราะสิ่งที่ร่างสูงพูดนั้นเหมือนกับสิ่งที่เขาเคยคิดมาตลอด

 

“อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น”

 

“อืม อาจจะเพราะวิธีที่คุณกาลเลือกที่จะเงียบทุกครั้งที่เจอปัญหาล่ะมั้ง เมื่อก่อนผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ทำแบบนี้ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรหรือทำร้ายมันเท่าไหร่มันก็เลือกที่จะเงียบแล้วทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำแบบนั้นมาตลอด..”

 

น้ำเสียงที่เคยฟังดูทะเล้นกลับจริงจังมากขึ้นจนนิลต้องหันหน้ามามอง ยามที่ฤทธิชาติพูดถึงเพื่อนคนนั้นสีหน้าของร่างสูงนั้นแสดงความรู้สึกคิดถึงออกมาจนคนฟังรู้สึกได้ นายตำรวจหนุ่มที่รู้ว่านิลกำลังมองตนอยู่ก็หันมาสบตามพร้อมกับยิ้มอ่อนให้น้อยๆก่อนจะพูดต่อ

 

“แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดวิธีแบบนี้หรอกนะ คิดดูแล้วการทำเป็นไม่รับรู้มันอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าแก้ปัญหาแบบไร้สติ ผมว่าบางทีทั้งเพื่อนผมและคุณกาลอาจจะแค่ไม่อยากให้อะไรแย่ลงกว่าเดิม”

 

“หลอกตัวเองซะมากกว่า”

 

นายตำรวจหนุ่มขำออกมาเบาๆ ก่อนจะชวนนิลที่หยิบของเสร็จแล้วไปคิดเงินที่เคาท์เตอร์ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังห้องพักโดยที่ตัวเองไม่ได้ซื้อของอะไรเลยสักอย่าง นิลมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายคงหาเรื่องลงมาอู้งานข้างล่างเท่านั้น ท่ามกลางความเงียบขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกัน ไฟแสดงลำดับชั้นกำลังไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ฤทธิชาติก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา

 

“อาจจะฟังดูละลาบละล้วงไปสักหน่อย แต่ผมอยากรู้ว่าคุณแม่ของน้องพีไปไหนล่ะครับ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมไม่เห็นเลย”

 

“ไม่มีหรอก เลิกกันไปตั้งแต่รพีเกิด”

 

“คุณกาลเลยเลี้ยงลูกมาคนเดียวสินะ”

 

“ก็ ช่วยๆกันเลี้ยงมาทั้งนั้นทั้งผม ป้าจันทร์แล้วก็คนในบ้าน”

 

“หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณกาลทำตัวห่างเหินกับลูกตัวเองขนาดนี้”

 

“หยุดยุ่งเรื่องชาวบ้านได้แล้วมั้ง มันจะรักหรือไม่รักก็ไม่มีผลต่อคดีอยู่แล้ว”

 

“ฮ่าๆ ตรงจังเลยนะครับ”

 

“ไม่หรอก ความจริงอยากพูดว่า ‘อย่าเสือก’ ด้วยซ้ำ”

 

ฤทธิชาติหัวเราะลั่นจนชายหญิงคู่หนึ่งสะดุ้งตกใจทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ณ ชั้นที่หมาย นิลส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจในความหน้ามึนของอีกฝ่ายก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่หันมาสนใจอะไรอีกแต่ไม่นานนัก ช่วงขายาวของฤทธิชาติก็ก้าวตามมาทันก่อนจะชะลอความเร็วลงเพื่อให้เดินอยู่เคียงข้างกัน

 

“ผมล่ะไม่สงสัยเลยว่าทำไมคุณสองคนถึงเป็นเพื่อนกันได้ ฝีปากพอๆกันเลย”

 

“ก็มีแต่คนว่าอย่างนั้น”

 

“ว่าแต่เป็นเพื่อนกันมานานแล้วหรอครับ”

 

“ก็เพิ่งบอกว่าอย่าเสือกๆ”

 

“พอดีเป็นนิสัยที่แก้ยากครับ^^”

 

“เฮ้อ... อืม คบกันมาตั้งแต่สมัยอยู่มหาลัย”

 

“คบกันนานดีจัง ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนผมคงแอบคิดไปแล้วว่าคุณสองคนเป็นแฟนกันเห็นสนิทกันขนาดนี้”

 

“แล้วถ้าคบกันอยู่จริงๆล่ะ”

 

“ก็คง...น่าเสียดายสุดๆเลยแหละ”

 

“หึ คิดอะไรกับไอ้กาลมันจริงๆรึไง”

 

ร่างสูงส่ายหัวน้อยๆเมื่อคนข้างกายแสดงทีท่าว่าสนใจเพื่อนของตนอยู่ไม่น้อย นัยน์ตาคมมองป้ายชื่อของรพีที่แปะหราอยู่หน้าห้องหมายเลข7ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ในจังหวะที่นิลกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูบานใหญ่ตรงหน้า เสียงทุ้มนุ่มที่เจือไปด้วยความรู้สึกเอ็นดูจนคนฟังรู้สึกได้ก็ดังขึ้นพร้อมกับมือของนายฤทธิชาติที่เอื้อมซ้อนมาจากด้านหลังเพื่อเปิดประตูตรงหน้าให้แทน

 

“ผมหมายถึงคุณต่างหาก”

 

“คุณ...”

 

 

เพล้ง!

 

“คุณกาลพอเถอะค่ะ!!”

 

ยังไม่ทันที่นิลจะได้พูดอะไร เสียงดังเหมือนของตกแตกและจันทร์ที่ร้องขอจนเสียงหลงดังขึ้น ทำให้ผู้ที่เพิ่งมาถึงทั้งสองคนหยุดบทสนทนาเมื่อครู่แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เศษซากแจกันแก้วกองอยู่ที่พื้น ดอกไม้ที่นิ่มจัดใส่ไว้เมื่อเช้าโดนเหยียบย้ำจนไม่เหลือความสดใสเหมือนที่เคยเป็น

 

นิลรีบตรงเข้าไปจับรัตติกาลที่แสดงสีหน้าโกรธจัดพยายามเข้าไปหารพีที่ร้องไห้จ้าอยู่ภายในอ้อมกอดของจันทร์และนิ่มที่น่าจะเพิ่งมาถึง ส่วนฤทธิชาติก็เดินเข้าไปห้ามอารัณย์ที่ยืนขวางรัตติกาลอยู่ด้วยท่าทีโกรธขึงไม่แพ้กัน

 

“มึงจะโทษกูอีกรึไง จะโทษว่าเป็นเพราะกูใช่ไหมมึงถึงได้เจอเรื่องแบบนี้!!!”

 

“ไอ้กาลหยุด!!!”

 

“สร้างเรื่องให้กูไม่เว้นแต่ละวัน คิดบ้างไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนมากแค่ไหน!!!”

 

“ฮือออ พีขอโทษ ฮึก พีขอโทษ!!”

 

“เด็กอย่างมึงแม่ง ไม่น่าเกิ...”

 

 

ผัวะ!!

 

ร่างใหญ่ของอารัณย์พุ่งเข้าไปกระแทกหมัดใส่สันกรามของรัตติกาลโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดหมดประโยชน์ ฤทธิชาติและนิลที่ถูกผลักกระเด็นออกไปด้วยรีบตรงเข้าไปห้ามทั้งสองคนที่ซัดกันนัวอยู่บนพื้น นายตำรวจหนุ่มพยายามล็อคแขนทั้งสองข้างของอารัณย์ที่คร่อมร่างสูงโปร่งไว้บนพื้นแล้วรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง ในขณะที่อีกฝ่ายเองก็ถีบเข้าไปเต็มหน้าท้องแกร่งเมื่อได้โอกาส

 

“อย่าทำพ่อกาลนะ ฮึก พีผิดเอง อย่าทำพ่อกาล!!!”

 

ท่ามกลางความวุ่นวายเสียงร้องไห้ของรพีและจันทร์กับนิ่มที่พยายามร้องห้ามดังระงมไปหมด

 

“มึงมันเป็นพ่อภาษาเหี้ยอะไร มึงพูดหมาๆแบบนี้กับลูกมึงได้ไงวะ!!!”

 

“เป็นคนนอกอย่าเสือก ลูกกู กูจะด่าจะว่ามันยังไงก็ได้!!!”

 

“ทำตัวเหี้ยขนาดนี้ยังมีหน้าเรียกเด็กนี่ว่าลูกอยู่อีกหรอ มึงมีหน้าเรียกตัวเองว่าพ่ออีกรึไง!!!”

 

“เออกูนี่แหละพ่อมัน กูเป็นเจ้าชีวิตมัน ใครจะทำไมวะ!!!”

 

“ไอ้เหี้ยกาล หยุด กูบอกให้หยุดไง!!!”

 

นิลอาศัยจังหวะที่ทั้งคู่อ่อนแรงลงดึงร่างของเพื่อนตนไว้ให้ห่างจากอารัณย์ที่ถูกฤทธิชาติลากออกไปอีกมุมห้อง ร่างกายสูงใหญ่พยายามดิ้นเพื่อจะตรงเข้าไปหาคู่กรณีอีกครั้งก่อนเสียงลั่นกุญแจมือจะดังขึ้นพร้อมกับข้อมือทั้งสองข้างที่ถูกพันธนาการด้วยฝีมือของนายตำรวจหนุ่ม

 

“ใส่กุญแจมือกูทำไม ปล่อยสิวะ!!!”

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นายอารัณย์ ถ้ายังไม่หยุดผมคงต้องใช้มาตรการที่รุนแรงกว่านี้”

 

“เหอะ มึงตาบอดรึไงไอ้ตำรวจ คนที่มึงควรต้องจับโยนเข้าคุกไม่ใช่กูแต่เป็นมันต่างหาก!!!”

 

ดวงตาแข็งกร้าวมองไปยังรัตติกาลอย่างโกรธแค้น เช่นเดียวกับร่างโปร่งที่ส่งสายตาแบบเดียวกันกลับมาพร้อมกับยืนตัวสั่นด้วยความโกรธแต่ก็ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้เพราะร่างของนิลยืนขวางเอาไว้อยู่พร้อมกับส่งสายตาตำหนิมาให้

 

เด็กน้อยที่เพิ่งฟื้นร้องไห้จนดวงตาเล็กบวมแดงน่ากลัวพยายามผละร่างของตนออกจากอ้อมกอดของจันทร์ก่อนจะปีนลงจากเตียงด้วยความทุลักทุเลไม่ได้สนใจแม้แต่สายน้ำเกลือที่เสียบทิ่มอยู่ในแขนของตนแม้แต่น้อย จันทร์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเลือดข้นไหลย้อนออกมาตามท่อสายยางก่อนจะหลุดออกจากท่อนแขนเล็กที่แดงฉาน รพีพาร่างสะบักสะบอมของตนเดินกระโพลกกะเพลกมาหารัตติกาลที่มองมาที่ตนอย่างเดียดฉันท์ ถึงแม้จะรู้สึกหวาดกลัวความโกรธเกรี้ยวตรงหน้าแต่ความรู้สึกข้างในก็บอกให้เด็กชายเดินต่อก่อนจะมาทรุดนั่งลงกับพื้นพร้อมกับพนมมือไว้แนบอก

 

“พีขอโทษ ฮึก พีขอโทษ พีผิดเองที่ออกไปข้างนอกคนเดียว พีทำให้พ่อกาลเดือดร้อน...”

 

“...”

 

“พีสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ฮึก พีจะไม่ทำให้พ่อกาลเดือดร้อนอีกแล้ว พีจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังทุกอย่าง”

 

“...”

 

“ขอแค่ ฮึก.. ขอแค่พ่อกาลอย่าเกลียดพีเลยนะฮะ”

 

รพีร้องไห้จนร่างกายสั่นสะท้าน คำพูดที่กลั่นกรองจากความรู้สึกของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนในห้องยกเว้นรัตติกาลต่างมองร่างป้อมที่ทรุดตัวนั่งอยู่บนพื้นด้วยความเห็นใจสงสาร

 

จันทร์ที่ทนมองภาพนั้นไม่ไหวเดินมาตระกรองกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอดก่อนจะลูบหัวทุยนั้นอย่างแผ่วเบา สายตาตำหนิจากหญิงแก่ถูกส่งไปให้รัตติกาลที่กำลังยืนมองภาพเหล่านั้นอยู่

 

 

“ถ้าจะโกรธจะเกลียดใคร ขอให้คนนั้นเป็นป้าเถอะค่ะคุณกาล จะไล่ป้าออกก็ได้ แต่หยุด...หยุดทำร้ายคุณพีด้วยคำพูดพวกนั้นสักที”

 

“ป้าจันทร์...”

 

“ถ้าคุณอยากจะทำร้ายใครสักคนขอให้เป็นป้าแทนได้ไหม ถ้ามันจะช่วยหยุดความแค้นของคุณได้ป้าก็ยินดีที่จะทำ”

 

“ป้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น”

 

“คุณพีเธอก็ไม่เกี่ยวเหมือนกัน”

 

“...”

 

“ขอร้องเถอะค่ะ อย่าทำให้ป้าต้องผิดหวังในตัวคุณมากไปกว่านี้เลย”

.

.

.

สิ้นเสียงของจันทร์ รัตติกาลก็เหมือนนกปีกหักที่ร่วงลงสู่พื้น นัยน์ตาที่แสดงความผิดหวังไว้เต็มเปี่ยมถูกส่งมาให้อย่างไม่ปิดปัง วินาทีนั้นรัตติกาลได้รู้ถึงความโดดเดี่ยวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ร่างโปร่งผลักแขนของนิลที่จับตัวเองไว้แน่นออกก่อนจะหมุนตัวออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองจนยามที่ประตูห้องปิดลงพร้อมกับเสียงของนิลที่ร้องเรียกชื่อของตนจะเงียบหายไป

 

ร่างกายสูงโปร่งทรุดนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นลิฟต์โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมา ไหล่บางสั่นสะท้าน ดวงตาชอกช้ำแต่กลับไม่มีน้ำตาให้ไหล

 

“เกลียดชะมัด...”

 

 

ตัวเขานี่มัน...

น่ารังเกียจสิ้นดี...

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

ก่อนอื่นขอโทษนะคนับที่หายไปหนึ่งวัน เน็ตมอเน่ากระจุยทำไรไม่ได้เลย วันนี้เลยเอาตอน(โคตรเครียดมาฝาก)

ณ จุดๆนี้คงมีคนอยากฟาดกบาลพ่อกาลกันบ้าง 5555 โหดกับน้องมันเหลือเกิน อิตาพี่ห้าวคนนั้นก็ไม่แพ้กัน

แต่งานนี้เช่ชอบคุณตำรวจแหละ กวนได้ใจจริงๆ >////<  แถมนิลนี่ก็เป็นที่ชื่นชอบมากกว่าที่คิดนะ

ขอบคุณสำหรับทุกเม้น ทุกโหวตนะคนับ! อยากตอบทุกเม้นเลยแต่กลัวจะเป็นการปั่นมากเกินไป

ถ้าใครอยากคุยกับเช่ หรือติดตามการเคลื่อนไหวก็เข้าไปที่แฟนเพจนะ เช่รออยู่ วันไหนอัพไม่อัพจะได้รู้ ไม่รอเก้อเน้อ^^
 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เฮอ..สงสานน้องพีจังเลย.. :m15: :m15:

ไอ้คุณกาล..นั้นมันจะโกรธจะแค้นอะไรนักหนา.. :z6:

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อารัณนี่คู่คุณพ่อหรือเปล่า ว่าแต่ใครจะรุกจะรับล่ะ เหมือนจะแมนทั้งคู่เลย /ฉากของรพีคือเห็นภาพเลย น้ำตาล่วงอัตโนมัติ .__.)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะร้องไห้แล้วน่ะ

ออฟไลน์ iiduckii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไล่อ่านจากตอนแรกจนถึงล่าสุด บอกเลยว่าปวดใจมากกกกกกกกก สงสารน้องพีสุดๆ อยากให้น้องเจอชีวิตที่ดี ฮรึกกก  :mew6: :mew6: :mew6:

แล้วก็เบื่ออิรัตติกาลมาก ถ้าไม่รักก็ให้คนอื่นเลี้ยงไป!!!!!!!  :angry2: :angry2: :m31: :z6: :z6: :fire: :fire:

5555555555555555555555555 พอใจละมาระบายอารมณ์ในเม้นเดียว  :laugh: :laugh: :laugh:

เม้นให้กำลังใจให้คนเขียนค่ะ สู้ๆๆ :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
กาลนี่น่ารังเกียจจริงๆแค้นได้แม้กระทั่งเด็ก

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 

7th Night

…Cigarettes...


 

 

“วันนี้จะออกไปไหนไหมครับพี่กาล”

 

ร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนอาร์มแชร์ตัวใหญ่ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปมองท้องฟ้ากว้างที่ถูกบดบังด้วยควันบุหรี่ที่ลอยฟุ้ง ร่างกายสมส่วนของชายหนุ่มที่รัตติกาลมาพักอยู่ด้วยเป็นวันที่สามเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนตักแกร่ง ริมฝีปากสีแดงชาดกดจูบตามสันกรามที่มีไรเคราขึ้นอ่อนๆอย่างออดอ้อนเอาใจ รัตติกาลไม่ได้พูดอะไรออกไปทำเพียงแค่เอียงคอน้อยๆให้อีกฝ่ายมอบจูบให้เขาอย่างไม่อิดออด

 

“งั้นออกไปเที่ยวกันไหม”

 

“ไม่ล่ะ ถ้าอยากไปก็หยิบบัตรเครดิตในกระเป๋าพี่ไปแล้วกัน”

 

“ไม่เอาอะ ปูนไม่ได้อยากได้เงินพี่กาลสักหน่อยพูดงี้น้อยใจนะ”

 

รัตติกาลเอียงคอมองใบหน้าง้ำงอของเด็กหนุ่มข้างกายที่เขารู้จักเมื่อสามวันก่อนที่บาร์แถวอโศกหลังจากที่เขาเดินหนีออกมาจากโรงพยาบาล ในขณะที่ร่างโปร่งดื่มจนเมามายอยู่เพียงลำพังแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าหาเพราะสีหน้าเคร่งเครียดกลบเสน่ห์ดึงดูดที่ตนมีจนหมด มีเพียงแต่‘ปูน’ นักศึกษาปีสุดท้ายที่ทำงานพิเศษเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่นั่นเท่านั้นที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนคุยให้กับเขาและใจดีให้ที่พักพิงในยามที่เขาไม่อยากกลับไปที่บ้าน

 

“ขอโทษๆ”

 

“ไม่ต้องขอโทษหรอก ขอโทษที่กวนใจพี่กาลนะ ปูนไม่อยากเห็นพี่เครียด”

 

เด็กหนุ่มพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง แม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางแต่ปูนก็รู้ดีว่ารัตติกาลกำลังทุกข์ทรมานเพราะอะไรบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรเซ้าซี้ออกไป มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มตอบของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะประทับจูบลงไปด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาคมที่แสนเย็นชาของคนตรงหน้าทำให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แม้รู้ตัวว่ารัตติกาลไม่มีทางมาจริงจังกับเด็กหนุ่มธรรมดาแบบเขาแต่ก็ยังห้ามตัวเองไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายไม่ได้

 

“ขอบใจนะ วันนี้มีเรียนไหม”

 

“มีครับ เดี๋ยวตอนบ่ายปูนต้องเข้าไปเอางานกับเพื่อนที่คณะ พี่กาลรออยู่ที่ห้องก็ได้ ไปแป๊บเดียวแหละเดี๋ยวกลับมาทำของอร่อยให้กินนะ”

 

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

 

“ไม่เป็นไร ปูนไปเองก็ได้พี่กาลพักเหอะ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอน”

 

“บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งสิ เมื่อคืนเราเอาใจพี่มาเยอะแล้ว ให้พี่เอาใจเราบ้างแล้วกัน”

 

นิ้วเรียวยาวดีดหน้าผากมนของร่างบนตักเบาๆก่อนจะพาทั้งตัวเองและปูนลุกขึ้นไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาที่แต่งตัวเสร็จก่อนแล้วนั่งมองรัตติกาลที่ท่อนบนเปลื่อยเปล่าอวดหน้าท้องแกร่งเป็นลอนสมชายกำลังเลือกหยิบเสื้อโปโล่ของตนมาสวมใส่อย่างหลงใหล

 

“ถ้าพี่กาลอยู่เอาใจปูนตลอดไปก็คงดีเนอะ”

 

ปูนเผลอพูดออกมาตามที่ใจคิด ใบหน้าเรียบเฉยของร่างโปร่งหันมามองเขาที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนเตียงกว้าง เด็กหนุ่มที่รู้ตัวว่าพูดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกมาก็ส่งยิ้มอ่อนให้อีกฝ่ายก่อนจะหัวเราะน้อยๆ

 

“ทำไม อยากให้พี่อยู่ด้วยหรอ”

 

“ปูนจะไม่พูดหรอกถ้าพี่กาลไม่อยากฟัง”

 

“รู้ใจกันเกินไปแล้ว”

 

 

รัตติกาลพูดก่อนจะสวมเสื้อโปโลสีเทาอ่อน ส่องกระจกอยู่สักครู่ก่อนจะหยิบเอากุญแจรถและกระเป๋าเงินมาถือไว้ ช่วงแขนยาวออกแรงดึงร่างกายสมส่วนของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะพากันเดินออกไปที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวออกไปรัตติกาลก็เอื้อมคว้าร่างของเด็กหนุ่มมากอดจากทางด้านหลังพร้อมกับกดจูบไปที่ท้ายทอยขาวของอีกฝ่ายเบาๆ

 

“ขอโทษนะ”

 

“พูดคำนี้บ่อยไปแล้วนะครับ ไม่เอาอย่าคิดมากดิ ปูนเต็มใจเองพี่ก็รู้”

 

“งั้นเปลี่ยนเป็น ขอบคุณแทนแล้วกัน”

 

“ฮ่าๆ ยินดีครับ เอาที่พี่กาลสบายใจเลย”

.

.

.

.

 

รถยนต์คันหรูจอดเทียบฟุตบาทอยู่ไม่ใกล้จากตึกเรียนตามที่เด็กหนุ่มบอก รัตติกาลเอื้อมไปหยิบกระเป๋าของอีกฝ่ายจากเบาะหลังมาให้โดยมีปูนมองดูกาลกระทำเหล่านั้นอย่างรู้สึกดีใจเป็นที่สุด

 

“ใครได้พี่กาลเป็นแฟนนี่โชคดีชะมัด เอาใจเก่งเกินไปแล้ว”

 

“หึ มีเราคนแรกเลยมั้งที่คิดแบบนั้น”

 

“จริงอะ ฮ่าๆๆ ปูนนี่ตาถึงจริงๆด้วย”

 

“ตาถั่วล่ะสิไม่ว่า อย่าไว้ใจคนให้มันง่ายนัก ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้เราโดนฆ่าไปแล้วมั้งยอมให้ไปนอนด้วยง่ายๆแบบนั้น”

 

“ถึงได้บอกว่าไงปูนตาถึง ถึงได้ดูออกว่าพี่กาลไม่ใช่คนไม่ดี”

 

“ประมาทเกินไปแล้ว”

 

“เอาน่าๆ พี่กาลกลับไปรอที่ห้องเลยก็ได้เอากุญแจปูนไป เดี๋ยวปูนกลับเอง”

 

“อยู่นานรึเปล่าล่ะ”

 

“อืม.. ก็ไม่น่าจะนานนะ แค่เอางานกับเพื่อนแล้วก็อยู่คุยกันอีกนิดหน่อยอะ ป่านนี้พวกมันก็น่าจะมาถึงแล้ว”

 

“งั้นเดี๋ยวพี่รอเลยจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”

 

“แต่ว่า...”

 

“บอกว่ารอก็รอสิ”

 

“ ‘ให้พี่เอาใจเราบ้าง’ ฮ่าๆ โอเคครับ งั้นปูนไปนะ ไปรอที่สะพานริมสระน้ำก็ได้ มีร่มไม้เยอะเลย ถ้าเสร็จแล้วปูนจะตามไป”

 

เด็กหนุ่มแกล้งดัดเสียงแล้วพูดประโยคเดียวกับที่ร่างโปร่งพูดกับตนเมื่อเช้าก่อนจะส่งยิ้มกว้างมาให้แล้วเปิดประตูลงไปจากรถโดยไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก รัตติกาลส่ายหัวให้ความขี้เล่นนั้นน้อยๆก่อนจะเลี้ยวรถออกไปจอดบริเวณริมสระน้ำใหญ่ของมหาวิทยาลัยที่พอมีร่มไม้ให้ความร่มรื่นอยู่บ้าง

 

 

ร่างกายสูงโปร่งนั่งทอดขาอยู่ริมสะพานไม้ท่ามกลางความสงบ แม้แสงแดดช่วงกลางวันจะร้อนมาก แต่สายลมอ่อนๆที่พัดอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด นัยน์ตาคมทอดมองเหล่านักศึกษาที่กำลังนั่งคุยเล่น บ้างก็อ่านหนังสืออยู่ตามม้านั่งข้างทางพลางคิดถึงช่วงชีวิตในอดีตของตนเองที่ผ่านมาแล้ว

 

รัตติกาลกำลังคิดว่าตัวเองในวันนี้กับวันวานนั้นแตกต่างกันมากกันมากจริงๆแม้จะไม่ได้สดใสแต่ตัวตนในอดีตของเขากลับไม่ได้เน่าแฟะน่ารังเกียจเหมือนทุกวันนี้ รัตติกาลเป็นคนรักตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสนิยมทางเพศหรือลักษณะนิสัยที่คนอื่นมองว่าเย็นชาเขาก็รักมันทั้งหมด ไม่ว่าใครจะว่ายังไงเขาก็ไม่เคยเกลียดตัวเองเลยสักครั้ง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขายืนหยัดอยู่บนโลกนี้ได้มาตลอด

 

 

‘ยืนหยัดอยู่บนความเป็นตัวเองแม้ว่าใต้ฝ่าเท้าจะไม่มีพื้นให้เหยียบ’

 

 

นั่นแหละคือตัวตนที่รัตติกาลรัก

 

 

แต่ตอนนี้เขากลับไม่หลงเหลือความมั่นใจอยู่อีก การกระทำอันไร้สติและเหตุผลที่เกิดขึ้นวันนั้น อันที่จริงต้องบอกว่าตลอดเวลาเกือบหกปีที่ผ่านมา ย้อนกลับมาทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองเป็นครั้งแรกว่าสิ่งที่เขายึดถือมาตลอดนั้นทำไปเพื่ออะไร

 

เขารู้ดีว่ารพีหวังดีและเป็นห่วง เมื่อเด็กชายที่ฟื้นขึ้นจากหลับใหลร้องไห้หาเขาราวกับภาพที่ตัวเองโดนทำร้ายยังคงติดตา ตอนนั้นเขาทำเพียงยืนนิ่งๆ เก็บกลืนถ้อยคำที่อยากต่อว่าร่างเล็กนั้นไว้ข้างในเมื่อมองเห็นน้ำตาที่ไหลนองหน้าของเด็กชาย แต่พอได้ฟังเหตุผลในการกระทำนั้นสติของเขาก็ขาดผึง

 

 

‘เพราะพ่อกาลไม่กลับบ้านพีเลยเป็นห่วง’

 

 

‘เพราะพ่อกาลรออยู่พีเลยไปหา’

 

 

‘เพราะพ่อกาลหายไป’

 

 

‘เพราะพ่อกาล’

 

 

‘เพราะกาล’

 

 

‘มันเป็นเพราะกาล พี่เลยต้องทำแบบนี้!’


 

 

 

เสียงของรพีถูกซ้อนทับโดยภาพในอดีต สติสัมปชัญญะหมดไปพร้อมกับร่างของเขาที่พุ่งเข้าไปบีบกระชากคอของอีกฝ่ายเต็มแรง นิ้วมือของเขาบีบไปบนลำคอเล็กๆนั้นจนสัมผัสได้ถึงของเลวอุ่นไหลซึมออกมาจากรอยแผลที่บอบช้ำ ภาพในหัวของรัตติกาลพร่ามัวไปหมดจนกระทั่งร่างกายสูงใหญ่ของอารัณย์จะกระชากตัวเขาออกมาจนแจกันแก้วที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงจะหล่นลงมาแตกกระจายเต็มพื้นไปก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดจะดำเนินต่อไป

 

นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของคนที่เคารพรัก และเพื่อนสนิทที่ไม่เคยทอดมองมาที่เขาแบบนั้นทำให้รัตติกาลได้สติและรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังมองดูแผ่นหลังของคนที่เขารักค่อยๆเดินจากไปทีละคนๆ จนพอมารู้ตัวอีกทีเขาก็โดดเดี่ยว พอหันมามองอีกทีรอบตัวกลับไม่เหลือใคร เหน็บหนาวจนไม่อยากรับรู้อะไรอีก

 

สุดท้ายเขาก็เลือกทำสิ่งที่เลวร้ายอย่างการให้ความหวังกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่เขาเจอที่บาร์ แค่มองตาก็รู้ว่ากรีนชอบพอในตัวเขามากแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรทำแต่เขาก็เลือกที่จะกระโจนเข้าหากองไฟเล็กๆนั้นเพื่อบรรเทาความหนาวให้ตนเอง

 

แม้จะรู้ว่ามันไม่มั่นคงยาวนาน

 

แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าสุดท้ายเขาจะเกลียดตัวเองมากขึ้น

 

แม้จะรู้ทั้งรู้...แต่สุดท้ายก็ยังทำ

.

.

.

 

 .

“กาลกินโทสต์ด้วยกันนะ อยากกินอะแต่กลัวกินไม่หมด”

 

“โห้ย ไม่ต้องกลัวหรอกพี่แพง เห็นสั่งมาทีไรก็ฟาดเรียบตลอดไม่เคยเหลือไปถึงไอ้กาลสักครั้งอะ น้ำหนักขึ้นแล้วอย่ามาบ่นให้ได้ยินนะ”

 

“กะ ก็ถึงได้ไดเอทอยู่นี่ไง”

 

“ที่หลังคงต้องนั่งนับแล้ววะว่าพี่พูดอย่างนี้กี่รอบ น่าเอาไปแทงหวยชิบหาย”

 

“มาเนียนกินฟรีก็อย่าพูดมากดินิล”

 

ริมฝีปากแดงเป็นกระจับยู่เข้าหากันอย่างไม่พอใจ ก่อนจะยกเมนูในมือตีหัวทุยของนิล รุ่นน้องคนสนิทที่เป็นเพื่อนของรัตติกาลอย่างหมั่นไส้ ร่างโปร่งมองภาพตรงหน้ายิ้มๆ ดูเหมือนว่าเพื่อนตัวดีจะสนุกสนานกับการแหย่พี่รหัสของเขาเหลือเกิน

 

 

ในครั้งแรกที่พะแพงตั้งใจจะเลี้ยงข้าวรัตติกาลที่เป็นน้องรหัสก็มีน้ำใจให้เขาชวนนิลมากินด้วยกันเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิท หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะนิลที่เข้ากับพะแพงได้ดีมากกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่รัตติกาลก็ไม่เคยน้อยใจอะไรกลับดีใจเสียอีก เพราะถ้าปล่อยให้คนมนุษย์สัมพันธ์แย่อย่างเขามาคนเดียวรับรองว่าไม่มีทางที่เขาจะสนิทสนมกับอีกฝ่ายได้ขนาดนี้

 

 

“ว่าไงอะกาล กินป่ะ? นะๆๆๆ ช่วยหน่อยนะ”

 

“สั่งมาเลยครับ เดี๋ยวผมช่วย”

 

‘ถ้าเหลือให้ช่วยอะนะ’ ร่างโปร่งแอบพูดต่อในใจอย่างขำๆไม่ให้ใครได้ยิน หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจก่อนลงมือสั่งฮันนี่โทสต์ของโปรดพร้อมกับกาแฟปั่นของแฟนหนุ่มอย่างนทีที่นั่งอยู่ข้างๆกัน

 

นทีในชุดเสื้อช็อปส่งยิ้มอ่อนไปให้แฟนสาวข้างกายที่รู้ใจตนเป็นอย่างดี ก่อนจะหันมามองรพีที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันซึ่งกำลังให้ความสนใจกับเมนูในมือแต่ก็ยังเลือกไม่ได้สักที ต่างกับอีกสองคนที่ออเดอร์ส่วนของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“ยังเลือกไม่ได้อีกหรอกาล”

 

“อ่า ครับ”

 

“จริงๆพี่ว่ากาลไม่ต้องดูเมนูก็สั่งได้นะ น้องครับขอคาโบนาร่าทีนึง”

 

เสียงทุ้มเอ่ยสั่งกับบริกรให้อย่างถือวิสาสะจนทำให้รัตติกาลที่กำลังครุ่นคิดหันมามองหน้านทีอย่างงงงวยปนไม่พอใจเล็กๆ

 

“ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นน่า มาทีไรก็เห็นสั่งแบบนี้ทุกที”

 

“แล้วไม่คิดบ้างหรอว่าวันนี้ผมจะอยากกินอย่างอื่น”

 

“ไม่คิดหรอก ครั้งที่แล้วก็เลือกตั้งนานสุดท้ายก็สั่งเหมือนเดิมอยู่ดี หึหึ”

 

 

รัตติกาลสบตาอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจที่โดนรู้ทัน ดวงตาซุกซนมองที่เขาอย่างขำๆพลางหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ ซึ่งอากัปกิริยาดังกล่าวทำให้พะแพงซึ่งนั่งดูทั้งคู่เถียงกันอยู่ยิ้มขำออกมา

 

“ดูท่าทางกาลจะไม่ชอบทีน่าดูนะเนี่ย ทีก็แกล้งน้องเราน้อยๆหน่อยเหอะ”

 

 “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”

 

รัตติกาลปฏิเสธออกมาเพราะไม่อยากให้พะแพงเข้าใจผิดว่าตนเองไม่ชอบหน้าแฟนหนุ่มของเธอซึ่งเป็นพี่รหัส อันที่จริงเขาก็แค่หมั่นไส้อีกฝ่ายที่มักจะกวนประสาทเขาเสมอตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน แต่ถึงอย่างนั้นความเกรงใจในตัวหญิงสาวก็มีมากกว่าจึงทำให้รัตติกาลไม่เคยตอกกลับร่างสูงแรงๆสักครั้ง

 

“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก กวนประสาทขนาดนี้”

 

“อะไรอะแพง ไม่คิดจะปกป้องกันเลยว่างั้น น้อยใจว่ะบอกเลย”

 

ร่างสูงแกล้งร้องโอดครวญอย่างน้อยใจ มือเล็กๆของพะแพงยกขึ้นหยิกแก้มสากทั้งสองข้างของแฟนหนุ่มก่อนจับดึงยืดเข้ายืดออก เรียกเสียงหัวเราะของทุกคนได้เป็นอย่างดี

 

 

ไม่นานนักของที่สั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟทั้งสี่คนลงมือรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยพลางพูดคุยเกี่ยวกับงานโอเพ่นเฮ้าส์ที่เพิ่งผ่านพ่นไปอย่างสนุกสนานโดยมีนิลและพะแพงเป็นฝ่ายพูดเสียมากผิดกับรัตติกาลที่เอาแต่ฟังแล้วตอบกลับไปเมื่อถูกถามเท่านั้น

 

ผ่านไปได้สักพัก รัตติกาลก็ขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ ร่างโปร่งเดินออกมาบริเวณหลังร้านด้านนอกที่ห้องน้ำถูกสร้างไว้เป็นอาคารเล็กๆแยกออกมา เมื่อจัดการธุระเสร็จแล้วร่างโปร่งจึงถือโอกาสนั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมที่ถูกจัดไว้ข้างกันก่อนแทนที่จะเดินกลับเข้าไปในร้าน

 

ความง่วงสะสมจากการอยู่ทำพรีเซนเทชั่นโปรเจคสุดท้ายของเทอมนี้เกือบทั้งคืนตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ประกอบกับสายลมเย็นที่พัดปะทะผิวกายอ่อนทำให้รัตติกาลหลับตาอย่างเหนื่อยล้า อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะพะแพงชวนมาป่านนี้เขาคงกำลังนอนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ที่หอพักให้สมใจอยาก

 

ร่างโปร่งนั่งหลับตาคิดโน้นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยท่ามกลางความเงียบ แต่ไม่นานความสงบนั้นก็ถูกทำลายลงพร้อมกับกลิ่นฉุนของควันบุหรี่ที่ถูกพ่นออกมาโดยนทีที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างถือวิสาสะ

 

 

“หนีออกมานั่งคนเดียว ไม่สนุกรึไง”

 

ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นพลางสูบอัดนิโคตินจนชุ่มปอด ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางเพื่อปล่อยควันเมื่อสังเกตเห็นคนข้างๆเริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ

 

“ขอโทษที ไม่ชอบใช่รึเปล่า”

 

“ไม่ได้เกลียดหรอกครับ แค่ตอนนี้ได้กลิ่นแล้วปวดหัว”

 

“ไม่สบายหรอ”

 

นทีดับบุหรี่ในมือทิ้งก่อนจะยกฝ่ามือหนาขึ้นทาบทับไปยังหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายสัมผัสร่างกายของตนอย่างกะทันหัน ใบหน้าหล่อเข้มยื่นเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดจนรัตติกาลรู้สึกร้อนผ่าว ร่างโปร่งยกมือขึ้นดันอีกฝ่ายออกไปห่างตัวแล้วขยับออกมานั่งห่างไปจากเดิมเล็กน้อย

 

 “เห้ยอย่าเพิ่งดิ ขอวัดไข้ก่อน เขยิบมานี่มา”

 

“ไม่ต้องวัดหรอกครับ ผมไม่เป็นอะไร”

 

“ยังบ่นว่าปวดหัวอยู่เลยจะบอกว่าไม่เป็นไรได้ยังไง หรือว่า...เขิน?”

 

“ขอโทษนะครับ หน้าผมดูเหมือนเขินอยู่รึไง”

 

 

รัตติกาลตอบหน้าตายออกมาจนนทีหัวเราะลั่นก่อนจะยกมือขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างนึกเอ็นดู ร่างโปร่งเบ้ปากเล็กน้อยที่โดนอีกฝ่ายปฏิบัติด้วยราวกับว่าเขาเป็นเด็กๆ เป็นเพราะรูปร่างที่ไม่ใหญ่โตเหมือนคนในวัยเดียวกันและใบหน้าหวานคมเหมือนกับใบหน้าของแม่ทำให้เขามักจะโดนใครต่อใครเอ็นดูเกินความจำเป็นมาตั้งแต่เด็ก และถึงแม้เขาจะยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเสน่หาผู้ชายมากกว่าผู้หญิงแต่กลับไม่เคยมีความคิดว่าอยากถูกปกป้องดูแลอย่างสตรีเพศแต่อย่างใด ออกจะเกลียดเลยด้วยซ้ำ

 

“ฮ่าๆ อย่าทำหน้างี้ดิ พี่ล้อเล่น”

 

“ช่างเถอะครับ พี่กลับเข้าไปข้างในเถอะ ผมจะนั่งรับลมอยู่ตรงนี้สักพักก่อน”

 

“ไม่ล่ะ ขอสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้แหละ แพงเขาไม่ค่อยชอบ บอกว่าเหม็น”

 

“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ชอบเหมือนกันล่ะ”

 

 

ร่างโปร่งพูดขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขาอยากนั่งอยู่คนเดียวมากกว่า แต่นทีกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ใบหน้าหล่อเข้มส่งยิ้มกวนๆมาให้เหมือนทุกครั้งก่อนจะหยิบยื่นแท่งนิโคตินในมือประเคนให้เขาจนถึงปาก รสชาติขมเฝื่อนปลายลิ้นแผ่ซ่าน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รัตติกาลได้ลิ้มรสของบุหรี่จากที่เคยสงสัยมาตลอดว่ามีดีอย่างไรผู้คนถึงได้เสพติดมัน

 

 

ขมจนแสบลิ้น

 

ควันสีเทาก็ทำให้น้ำตาคลอไหล

 

เขายังคงไม่เข้าใจ ว่าสิ่งเสพติดนี้มีดีตรงไหน

 

ทั้งที่ไม่มีอะไรให้น่าพิสมัยเลยสักนิด

 

แต่ถึงอย่างนั้น...

 

รัตติกาลก็ไม่ได้ผลักไสมือของนทีออกไป...

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

กลิ้งสามตลบแล้วกอดขาพ่อกาล!! เช่ขอโทษ!!!!! จากตอนที่แล้วรีทแม่งสาบส่งแกมากเลยอะ *จ่ายโบนัสให้*

จะสงสารก็หมั่นไส้มัน (ขนาดว่าแต่งเอง) แต่เอานะ นิยายเช่บอกเลยว่าเป็นสีเทาเข้มๆออกดำ ทุกตัวละครไม่มีขาวสะอาด

จะเทามาก เทาน้อยก็แล้วแต่กันไป เหตุผลการกระทำของกาลอีกนานๆเราคงจะรู้กัน แต่ถึงตอนนั้นเช่ว่าคนก็ด่ามันอยู่ดี คิคิ

ตอนนี้เลยเอาพี่นทีกับน้องปูนมาเปรมพ่อกาลหน่อย เรื่องที่หลายคนสงสัยว่าพ่อกาลจะ รับ หรือ รุก

อืม...... นั่นสินะ 555555555 #หัวหน้าสมาคมนิยมคนห้าว!!!

ขอบคุณทุกเม้น ทุกโหวต อ่านทุกเม้นนะคนับ ดีใจที่มีคนอ่านมากขึ้นเรื่อยๆ เช่อยากได้ฟีดแบคจากทุกคนนะ

จะเอามาปรับปรุงการเขียนของตัวเองให้ดีขึ้น หวังว่าทุกคนจะพอใจกับโลกของเช่ นะคนับ!

 

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ต้องมีใครกี่คนที่ต้องเจ็บปวด คนที่ตายไปแล้วชดใช้ให้ไม่ได้เหรอ

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ชอบมากเลยค่ะ ตอนแรกไม่กล้าเข้ามาอ่านเพราะยังเห็นแค่หน้าเดียว
ประมาณว่าเจอบ่อย อ่านแล้วชอบจะมีไม่กี่หน้า แต่สักพักหาย
แต่อันนี้เข้ามาอ่านเพราะชอบแนวดราม่า และไม่ค่อยมีมาเท่าไหร่
แล้วก็ไม่ผิดหวัง ยาวมาก  :L2:
อ่านแล้วสงสารพี เกิดมากำพร้า พ่อบุญธรรมยังไม่รักอีก ก็เข้าใจนะรักมากเกลียดมากแค้นมาก
แต่เด็กเขาไม่รู้เรื่องอะไร ถึงต่อไปจะรู้เหตุของการกระทำก็คงบอกได้ว่าไม่ชอบกาลอยู่ดี
อยากรู้ใครคือคนที่นิลกังวลน่ะ เขาจะเข้ามาทำอะไร รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ iiduckii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่นทีกับกาลจะต้องมีซัมติ่งต่อกันแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ :hao7: :hao7: :hao7:

เราจะพยายามไม่เกลียดนายมากละกันนะกาล จะพยายามเข้าใจๆๆๆ ถึงแกจะบีบคอลูก ฮึ่มมมมมมมมมมม :z6: :beat: :m16: :m31: :angry2:

นี่พยายามใช่ป่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ชอร์ปสติ๊ก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
มีคำถามนิดหน่อยค่ะ คนับ แปลว่าอะไรอ่ะคะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน 55555 

ขออนุญาตวิจารณ์นะคะ แบบว่าถ้าทำให้อึดอัดหรือยังไง เราขออภัยล่วงหน้าจริงๆ เรายินดีลบเม้นท์ให้นะคะ ยิ่งพล้อตเรื่องน่าสนใจแต่รายละเอียดบางอย่างชวนขัดใจ (อาจจะเป็นแค่เรารึเปล่าไม่รู้) ทำให้เราอ่านแล้วอารมณ์สะดุดๆน่ะค่ะ  :hao5:

คือเราแอบหมั่นไส้พีนิดนึง แบบ นี่เด็ก 6 ขวบจริงเหรอ พฤติกรรมคำพูดมันดูโตกว่านั้น( อาจจะสัก 8-10 ขวบ ยังพอถูไถ) พิ่งโดนคนร้ายปาดคอมา ไม่มีอาการผวา กลัว ช็อก ซึม หรืออะไรเลย แล้วโดนพ่อดุด่าแล้วมีความคิดซัยซ้อนถึงขนาดบอกว่าตัวเองผิดเอง.... แง.... มันขัดความรู้สึกง่ะ  ส่วนกาล เราสับสนในตัวนายเหลือเกิน... อะไรคือการที่นายต่อยพี่ห้าว(รึเปล่า?) ด้วยความโกรธแค้น คิดว่าจะทำร้ายพี แต่พอเจอพี นายกลับดุด่าว่าเด็ก... เรางงอ่ะนาย อีกจุดเรารู้สึกว่าคนงานก่อสร้าง...มันดูตัวร้ายเหลือเกิน(แน่สิยะหล่อน มันเป็นตัวร้าย) ดูขาดมิติ คหสตถ้าเป็นคนต่างด้าว โหดๆ ไปเลย น่าจะทำให้มีมิติมากขึ้น



สู้ๆ นะคะคนเขียน เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ไม่รู้จะส่งสารใครดี

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
ขอตอบเม้นคุณ ชอร์ปสติ๊ก นะคนับ! (คนับอีกแล้ว 555)

ก่อนอื่นเลยขอบคุณมากนะฮะ เม้นยาวๆเช่ชอบ ^^ อยากตอบตั้งแต่ครั้งที่แล้วแต่ไม่อยากปั่นเม้น

คำถามแรกเลย 'คนับ!' คือคำวิบัติที่เลียนแบบคำว่า 'ครับ' จ้า เช่ชอบติดเวลาคุยกับเพื่อนแต่รับรองไม่เอาลงในนิยายแน่นอน!


ต่อมาคำถามที่คลุมขาว ขอคลุมขาวตอบเหมือนกัน เพราะเกรงว่าอาจจะเป็นการสปอยได้ (มันไม่สปอยตรงๆหรอก)
ใครไม่อยากอ่านก็ข้ามไปนะคนับ ทุกอย่างจะค่อยๆเผยในเรื่องแน่นอน!



เรื่องอายุรพีเอาตรงๆเช่ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบเลยแหละ ฮ่าๆ แต่การที่รพีดูโตกว่าวัย ก็เป็นความตั้งใจของเช่เอง...
บอกเลยฮะ ตัวละครทุกตัวของเช่ไม่มีสีขาว รพีเองก็ไม่ใช่เด็กธรรมดาเหมือนกัน ซึ่งรพีที่เช่สร้าง คือเด็กที่มีพัฒนาการผิดปกติฮะ
พอดีเช่เรียนครูอยู่ เลยต้องเรียนจิตวิทยาเด็กเยอะ มันจะมีทฤษฎีเกี่ยวกับพัฒนาการพวกนี้ ซึ่งอาจารย์ที่สอนก็เคยเล่าถึงหลายๆเคสที่น่าสนใจให้เช่ฟัง ในเรื่องเองเช่ก็จะแทรกเรื่องพวกนี้ไปด้วย (ในคลังที่ตุนไว้ ก็มีพาร์ทที่อธิบายนิสัยของรพีแล้ว)
กังวลกับความดูไม่สมเหตุสมผลเหมือนกัน แต่เช่คิดว่าปัญหาคือเช่ยังเขียนสื่อได้ไม่ดีพอเนี่ยแหละฮะ ร้างลามาหลายปีก็เหมือนเริ่มใหม่ จะพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นนะคนับ!

ส่วนพ่อกาล  :katai5: มันผีเข้าผีออกแบบนี้แหละ 5555555 แต่แน่นอนว่าทุกอย่างมีเหตุผล ความคิด บุคลิกของกาลที่ดูแปลกๆ
เช่ก็จะค่อยๆแทรกที่มาและอาการให้เห็นเหมือนกับรพี (แค่นี้ยังไม่หนักหรอกฮะ หนักๆมีกว่านี้อีก) เรื่องนี้ปมเล็กปมน้อยเยอะมาก เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายของเช่ที่ชอบวางปมจนคนอ่านสับสนและถามประจำว่าปมเยอะขนาดนี้ตอนจบลื้อจะจบยังไง 555 Nightmare เป็นนิยายที่โคตรพ่อโคตรแม่ยาวแน่ๆฮะ อาจจะเพราะเช่ร้างลามานานเลยยังเกร็งๆ บวกกับละเมียดเนื้อเรื่องเกินไป (แต่อ่านเองก็มองว่ายังชุ้ยอีกเยอะ) จะพยายามไม่ดึงเรื่องมากจนน่าเบื่อนะฮะ ขอบคุณมากเลยที่ติชมเช่มา ดีใจอะ เขินด้วย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ส่วนเรื่องคนร้าย ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆนะเออ  :z10: :z10: :z10:


มีคำถามนิดหน่อยค่ะ คนับ แปลว่าอะไรอ่ะคะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน 55555 

ขออนุญาตวิจารณ์นะคะ แบบว่าถ้าทำให้อึดอัดหรือยังไง เราขออภัยล่วงหน้าจริงๆ เรายินดีลบเม้นท์ให้นะคะ ยิ่งพล้อตเรื่องน่าสนใจแต่รายละเอียดบางอย่างชวนขัดใจ (อาจจะเป็นแค่เรารึเปล่าไม่รู้) ทำให้เราอ่านแล้วอารมณ์สะดุดๆน่ะค่ะ  :hao5:

คือเราแอบหมั่นไส้พีนิดนึง แบบ นี่เด็ก 6 ขวบจริงเหรอ พฤติกรรมคำพูดมันดูโตกว่านั้น( อาจจะสัก 8-10 ขวบ ยังพอถูไถ) พิ่งโดนคนร้ายปาดคอมา ไม่มีอาการผวา กลัว ช็อก ซึม หรืออะไรเลย แล้วโดนพ่อดุด่าแล้วมีความคิดซัยซ้อนถึงขนาดบอกว่าตัวเองผิดเอง.... แง.... มันขัดความรู้สึกง่ะ  ส่วนกาล เราสับสนในตัวนายเหลือเกิน... อะไรคือการที่นายต่อยพี่ห้าว(รึเปล่า?) ด้วยความโกรธแค้น คิดว่าจะทำร้ายพี แต่พอเจอพี นายกลับดุด่าว่าเด็ก... เรางงอ่ะนาย อีกจุดเรารู้สึกว่าคนงานก่อสร้าง...มันดูตัวร้ายเหลือเกิน(แน่สิยะหล่อน มันเป็นตัวร้าย) ดูขาดมิติ คหสตถ้าเป็นคนต่างด้าว โหดๆ ไปเลย น่าจะทำให้มีมิติมากขึ้น



สู้ๆ นะคะคนเขียน เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 

 

8th Night

…Escape...

 

 

ร่างโปร่งของรัตติกาลกำลังเดินตามหลังเด็กหนุ่มที่มองหาผักที่ตัวเองต้องการจากชั้นวางของในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆกับหอพัก รัตติกาลหยิบมือถือของตนเองขึ้นมาเปิดเครื่องในรอบสามวัน ทันทีที่ระบบปฏิบัติการทำงานของมันเสร็จ ข้อความแจ้งเตือนสายที่ติดต่อหาเขาตลอดเวลาที่ปิดเครื่องก็ไหลเข้ามาไม่หยุด ร่างโปร่งมองดูรายชื่อของเพื่อนหลายๆคนและเบอร์ของที่บ้านด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะปิดข้อความเหล่านั้น เปิดหาแอพพลิเคชั่นเพื่อเช็คอีเมล์ที่ตนใช้สำหรับเรื่องงานเพื่อตรวจดูว่าเลขาสาวอย่างธิชาได้ส่งงานมาให้เขาหรือไม่ตลอดเวลาสามวันที่ไม่ได้เข้าไปทำงาน

 

“แปลกแหะ พี่กาลจับมือถือด้วย”

 

ปูนที่กำลังถือแครอทอยู่เต็มสองมือหันมาพูดกับร่างโปร่งยิ้มๆ จนรัตติกาลเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยนั้นเบาๆอย่างเอ็นดูไม่ได้แคร์สายตาผู้คนที่มองมาอย่างสนใจแม้แต่น้อย

 

“เช็คงานน่ะ”

 

“โดดงานมาหลายๆวันไม่เป็นไรหรอครับ”

 

“ไม่เป็นไร ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากหรอก ยังอยู่กวนเราได้อีกหลายวัน”

 

“งั้นปูนขอเก็บค่าเช่าแล้วกันนะ”

 

“หึ เอาสิ”

 

เด็กหนุ่มแลบลิ้นให้เขาอย่างน่ารักก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับผักตรงหน้าต่อ พอได้ของจนครบทั้งสองคนก็เดินตามกันมาขึ้นรถของรัตติกาลที่จอดไว้ก่อนจะขับกลับไปยังหอพักของปูนที่อยู่ไม่ใกล้

 

 

ปูนเป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาที่ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ยากแค้นอะไร หอพักระดับกลางๆไม่เล็กไม่ใหญ่จึงสะดวกสบายพอให้ร่างโปร่งไม่รู้สึกอึดอัดอะไรหนำซ้ำยังมีที่จอดรถยนต์ให้ ถือว่าคุ้มค่าด้วยซ้ำกับหอพักระดับนี้

 

ทั้งสองคนเดินคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงชั้นห้าที่ห้องของเด็กหนุ่มอาศัยอยู่ แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปจู่ๆรัตติกาลก็ถูกดึงแขนจนผงะถอยไปทางด้านหลังปะทะกับแผ่นอกแกร่งเข้าอย่างจังจนของในมือที่ถืออยู่ร่วงตกไปที่พื้น

 

“อะไรวะแม่ง!”

 

“ทำไมมาอยู่ที่นี่!!”

 

 

เสียงทุ้มห้าวที่เคยได้ยินเมื่อสามวันก่อนดังขึ้นเรียกความสนใจให้รัตติกาลหันไปมอง ใบหน้าคมเข้มภายใต้หนวดเครารุงรังยังคงแสดงสีหน้าโกรธขึงใส่เขาเหมือนกับทุกครั้งที่เผชิญหน้า รัตติกาลเผลอแสดงสีหน้างงงวยใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อจู่ๆคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกกลับมายืนทำหน้าถมึงทึงใส่เขาอยู่ตรงนี้

 

“นาย...”

 

“หายตัวไปสามวัน ปิดมือถือใครก็ติดต่อไม่ได้ ทำคนอื่นเดือดร้อนตามหากันให้วุ่น หึ สุดท้ายกลายเป็นว่ามากกอยู่กับเด็ก”

 

 

ร่างสูงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้อหยันก็จะปรายตามองเด็กหนุ่มที่อยู่กับรัตติกาลด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ร่างโปร่งสะบัดมือของอีกฝ่ายทิ้งก่อนจะเดินมายืนบังปูนไว้ทั้งตัวเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มที่เสียไปนิดเมื่อถูกว่ากระทบเพราะเขา

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายจะเข้ามายุ่ง”

 

“ก็ไม่ได้อยากจะยุ่งนักหรอก แต่กูต้องมาเดือดร้อนเพราะมึงแค่ไหนรู้บ้างไหม ทำตัวแบบนี้แล้วยังมีหน้าไปด่าลูกว่าชอบสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น หึ ไม่ดูตัวเองเอาซะเลย”

 

 

ปูนที่ยืนฟังอยู่เงียบๆหน้าเจื่อนไปทันทีเมื่อได้ยินคำว่าลูกออกมาจากปากชายร่างสูงตรงหน้าที่เหมือนจะเป็นคนรู้จักของรัตติกาลที่นิ่งไปเหมือนกัน คำพูดส่อเสียดไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งเจ็บปวดมากเท่าการคิดถึงเรื่องของเด็กชายที่เขาพยายามหนีมาตลอดสามวันซึ่งถูกขุดคุ้ยออกมาด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว

 

อารัณย์หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาก่อนจะกดโทรออกพร้อมกับจ้องหน้ารัตติกาลไปด้วยราวกับว่าถ้าหันหน้าหนีไปคนคนนี้จะหายไปอีก เสียงรอสายดังรอไม่นานนัก อีกฝ่ายที่เขาโทรหาก็กดรับอย่างรวดเร็ว

 

“ไอ้คุณตำรวจ กูเจอแม่งแล้ววะ”

 

“...”

 

“ก็ไอ้คุณกาลห่าเหวอะไรของมึงนั่นแหละ เสียเวลาหาตั้งนานเสือกอยู่ใต้จมูก เจอแม่งกกอยู่กับเด็กที่อพาร์ทเม้นท์เดียวกับกู”

 

“...”

 

“ไม่ต้อง รอแม่งอยู่นั่นแหละเดี๋ยวกูลากมันไปเอง”

 

 

ร่างโปร่งไม่อยากอยู่รอฟังจนจบบทสนทนาตั้งแต่ได้ยินว่าอีกฝ่ายคือใคร รัตติกาลหันกลับก่อนจะดันหลังให้ปูนเดินไปที่ห้อง เด็กหนุ่มที่พอจะดูออกว่ารัตติกาลไม่อยากจะอยู่คุยกับคนน่าสงสัยคนนี้ต่อเลยรีบหยิบกุญแจห้องแล้วไขประตู แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินเข้าไป มือแกร่งของอารัณย์ก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอของรัตติกาลเต็มแรงก่อนจะดึงให้ร่างโปร่งที่กำลังเดินหนีหันหน้ามาเผชิญหน้ากับตน

 

 

“สัส! ปล่อย!!!”

 

ถึงแม้จะเจ็บที่ต้นคอแต่รัตติกาลก็เลือกที่จะข่มความเจ็บนั้นไว้แล้วหันไปกัดฟันพูดใส่อีกฝ่ายอย่างแค้นเคือง แต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้าน ชายหนุ่มเตรียมจะปล่อยหมัดใส่คนตรงหน้าแต่อารัณย์ก็ไวกว่า เขาคว้าเอาข้อมือบางข้างหนึ่งเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะดันร่างกายสูงโปร่งที่เล็กกว่าตนหันหน้าอัดเข้ากำแพงโดยไม่สนใจเลยว่าการกระทำของตนเองจะทำให้อีกฝ่ายร้องออกมาด้วยความเจ็บ

 

“อึก สัส ปล่อยสิวะ!!”

 

“คุณทำอะไรพี่กาลน่ะ ปล่อยนะ!!”

 

เด็กหนุ่มที่เห็นรัตติกาลโดยกระทำแบบนั้นก็หลงลืมความกลัวเดินเข้าไปหาคนที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองมากพร้อมกับตวาดเสียงดัง มือเรียวยกขึ้นพยายามจับแขนของอีกฝ่ายที่บีบรัดคอของร่างโปร่งเอาไว้ให้คลายออกเพราะสีหน้าของรัตติกาลเริ่มไม่สู้ดี แต่จะมีหรือที่คนตัวเล็กๆอย่างปูนจะทำอะไรอารัณย์ได้ ร่างสูงทำเพียงเปรยตามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกดดันเย็นชา

 

“คนนอก...อย่าเสือก”

 

“ไม่ต้องไปว่ามัน อึก มึงเองก็คนนอก เลิกเสือกกับกูสักที!!”

 

“หูหนวกหรอแม่ง กูก็บอกอยู่ว่าเพราะมึงกูถึงเดือดร้อน คิดว่ากูอยากเสือกเรื่องมึงนักรึไง หมดเรื่องเมื่อไหร่ไม่ต้องโผล่หน้ามาให้กูเห็นเลยสัส”

 

 

อารัณย์ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขากระชากตัวรัตติกาลให้เดินตามกันออกมาก่อนจะลากให้เดินลงบันไดไปทั้งอย่างนั้น แม้ร่างโปร่งจะดิ้นรนมากแค่ไหนแต่เพราะเรี่ยวแรงที่มากกว่าก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น รัตติกาลหวิดตกบันไดอยู่หลายครั้งแต่อารัณย์ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด มีเพียงปูนที่วิ่งตามมาด้วยมองตามด้วยความเป็นห่วง จนอารัณย์ลากร่างโปร่งมาถึงที่จอดรถเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจวิ่งไปขวางหน้าไว้

 

“คุณจะพาพี่กาลไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้”

 

“พูดไม่รู้เรื่องไงวะ กูบอกว่าเสือก!!”

 

“แต่พี่กาลเขาไม่ได้เต็มใจไปกับคุณ!”

 

“กูไม่สนใจว่ามันจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ก็รู้แต่ถ้ามันไม่ไปกับกู กูก็ยังจะติดคดีอยู่อย่างนั้น จะไปทำงานก็ทำไม่ได้ ถ้ากูรวยขนาดงอมืองอเท้าได้อย่างมันกูคงไม่ต้องมาเที่ยวตามหามันงงๆตลอดสามวันแบบนี้หรอก!!”

 

“...”

 

“แล้วก็นะ กูจะบอกอะไรให้มึงหายโง่สักหน่อยนะไอ้หนู... ไอ้เวรนี่มันมีลูกมีเมียแล้ว ถ้าอยากหาคนรวยๆเกาะแดกก็ไปหาเอาที่อื่นเถอะวะ”

 

 

คำพูดของอารัณย์เหมือนฝ่ามือหนาตบเข้าใบหน้าของปูนจนชา แม้จะรู้ดีว่ารัตติกาลไม่ได้จริงจังกับเรื่องของตนเองแต่การมารับรู้ว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวแล้วเขาคงไม่สามารถโกหกได้ว่าไม่รู้สึกอะไร

 

“มีเรื่องกับกูก็ด่ากู เรื่องนี้ปูนไม่เกี่ยว!”

 

ฝ่ายรัตติกาลเองพอได้ยินอารัณย์พูดแบบนั้นก็รู้สึกผิดจับใจที่ปูนต้องถูกคนถ่อยนี่ด่าทอว่าเป็นพวกหิวเงินทั้งที่ไม่ใช่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักหรือแม้แต่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายแต่เขาก็รู้สึกขอบคุณเด็กหนุ่มจากใจจริงที่ยอมเป็นที่พักพิงให้เขากอบโกยความสบายใจอยู่ฝ่ายเดียวอย่างเห็นแก่ตัว

 

“ถ้าไม่อยากให้กูด่าแม่งก็ไปขึ้นรถ ไม่งั้นกูจะป่าวประกาศให้รู้ไปทั่วว่าไอ้หน้าอ่อนนี่เป็นเด็กมึง”

 

 

ร่างโปร่งกัดฟันอย่างเจ็บแค้น ทั้งที่ไม่อยากจะไปแต่ก็ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ปูนมากไปกว่านี้ มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ล้วงหยิบกุญแจรถออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดรีโมทเพื่อปลดล็อค อารัณย์เห็นดังนั้นก็จับลากร่างโปร่งให้เดินไปรถหรูที่เพิ่งปล่อยไฟกระพริบออกมา แต่ยังไม่ทันจะไปถึงรถ ร่างกายสมส่วนของปูนก็วิ่งมาขวางทางไว้อีกครั้ง

 

“ถ้าพี่ไม่อยากไปก็บอกว่าไม่อยากไป ไม่ต้องห่วงผม ผมไม่เป็นอะไร”

 

“ปูน...”

 

“ผมไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว พี่ก็รู้”

 

“...”

 

“...”

 

“พี่...ขอโทษ”

 

 

สิ้นเสียงนั้นร่างสูงก็จับรัตติกาลเข้าไปนั่งในที่ข้างคนขับก่อนตนเองจะเดินอ้อมมานั่งอีกฝั่งแล้วออกรถไปทันทีโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มที่มองมายังรัตติกาลด้วยสายตาปวดร้าว ร่างโปร่งมองร่างของปูนผ่านกระจกมองหลังจนลับตาก่อนจะเบือนหน้าหันไปมองข้างทางด้วยเพราะไม่อยากจะเห็นหน้าของเจ้าคนถ่อยนี่แม้แต่สักวินาที

 

“หึ แค่นี้ทำเป็นจะเป็นจะตาย”

 

“หุบปากแล้วขับไปซะ”

 

 

ร่างสูงเหยียดยิ้มก่อนจะเหยียบคันเร่งให้แรงขึ้นอีก รถยนต์คันหรูขับไปตามถนนอย่างรู้ทางโดยที่เจ้าของบ้านไม่ต้องบอก ตอนแรกรัตติกาลค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกันแต่พอคิดได้ว่าตลอดเวลาที่เขาหายไปกว่าสามวันแล้วจากบทสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อครู่ ร่างสูงเองก็คงเป็นอีกคนที่คอยตามหาเขาจึงไม่น่าแปลกที่อารัณย์อาจจะเคยมาที่บ้านของตน

 

อารัณย์ตบไฟเลี้ยวก่อนจะหักพวกมาลัยเข้าไปในรั้วบ้านหลังใหญ่ที่ประตูบ้านเปิดอ้าไว้คอยผู้เป็นเจ้าของให้กลับมา ช่วงขายาวเหยียบเบรกอย่างรุนแรงจนตัวของรัตติกาลดันกระแทกไปทางด้านหน้า ใบหน้าหวานคมหันมามองอีกฝ่ายอย่างโกรธแค้นแต่ก็ไม่อยากแม้แต่จะเสวนากับคนป่าเถื่อนแบบนี้อีก

 

 

“คุณกาลกลับมาแล้วจริงๆด้วย”

 

เสียงเรียกของจันทร์ดึงสติของร่างโปร่งกลับมา หญิงแก่ในชุดแม่บ้านรีบเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นรัตติกาลกลับไม่อยากจะก้าวลงไปเผชิญหน้ากับจันทร์เลยสักนิด

 

ทั้งกลัว สับสน และผิดหวัง ความรู้สึกเหล่านี้ลอยวนอยู่เต็มอก มือเรียวจับที่เปิดประตูแต่ก็ยังไม่มีความกล้าพอที่เปิดมันออกไป ความเงียบนิ่งของร่างโปร่งอยู่ในสายตาของอารัณย์ที่มองมานิ่งๆ แต่ร่างสูงก็ไม่ได้คิดจะรอจนกว่ารัตติกาลจะทำใจได้ เขาเอื้อมตัวไปด้านที่นั่งข้างๆก่อนจะเปิดประตูให้เองอย่างถือวิสาสะ จนรัตติกาลหันมามองหน้าอีกฝ่ายที่อยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดใบหน้า

 

ดวงตาคมเข้มของอีกฝ่ายกำลังจ้องมองนัยน์ตาของเขาอย่างจริงจัง มันไม่มีความโกรธแค้นหรือกวนประสาทอย่างที่เคยเป็น มีเพียงสายตาที่เรียบนิ่งและดุดันจนรัตติกาลไม่กล้าพูดอะไรออกมา

 

“คนเราทำอะไรไว้ก็ต้องกล้ารับ”

 

“...”

 

“มึงหนีความจริงไปได้ไม่ตลอดหรอก เผชิญหน้ากับมันซะ”

 

 

หลังจากพูดจบร่างสูงก็ถอยกลับไปก่อนจะเปิดประตูฝั่งของตนออกบ้าง อารัณย์ยกมือไหว้จันทร์ที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะหันไปมองประตูฝั่งข้างคนขับที่ถึงแม้จะปลดล็อคออกมาแล้วแต่เจ้านายของเธอก็ยังไม่ก้าวลงมา

 

รัตติกาลนั่งนิ่งคิดถึงคำพูดของอารัณย์ที่พูดทิ้งไว้เมื่อครู่ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนังสือที่เปิดกว้างอยู่บนฝ่ามือของฝ่าย ถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เป็นเพราะสิ่งที่เขาทำเขาถึงได้สูญเสียสายสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อยากจะหนีไปให้ไกลๆแต่ตัวเขาก็รู้ดีว่าเรื่องมันไม่มีทางจบ ถึงจันทร์จะทำดีกับเขาเหมือนเคยแต่รัตติกาลก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเหมือนเดิม

 

ร่างโปร่งรู้ดีว่าจะนั่งอยู่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูแล้วก้าวลงมาจากรถ มองหน้าจันทร์ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นห่วง มีเรื่องมากมายที่เขาอยากจะพูด อยากจะอธิบายให้เข้าใจแต่มันกลับพูดไม่ออก หญิงแก่ที่ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานรู้ดีจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบให้แทน

 

“กินอะไรมารึยังคะ ป้ากำลังเตรียมข้าวเย็นอยู่เลย”

 

“กินมาแล้วครับ”

 

 

อารัณย์รู้ว่ารัตติกาลกำลังโกหก ภาพของที่ร่างโปร่งและเด็กนั่นกำลังหอบหิ้วของสดบ่งบอกได้ดีว่ารัตติกาลยังไม่ได้ทานอะไรมาแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ ไม่ว่าคนคนนี้จะกินหรือจะลีลาต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องของเขา

 

“ไอ้ตำรวจมาถึงรึยังครับป้า”

 

“ยังเลยค่ะ คุณชาติโทรมาบอกว่าจะเข้ามาพร้อมกับนิลทีเดียวเลย คุณรัณย์เองก็อยู่ทานอะไรด้วยกันก่อนนะคะ”

 

จันทร์เอ่ยชวนร่างสูงอย่างสนิทชิดเชื้อ ตลอดสามวันที่เขาไม่อยู่คนพวกนี้คงสนิทสนมกันมากขึ้นพอตัว และแม้แต่นิลเองก็คงจะเหมือนกัน ความรู้สึกเจ็บเสียดแทงไปทั่วทั้งอก ความรู้สึกว้าเหว่ทำให้เขาอยากหนีไปจากตรงนี้เต็มทน จึงเอ่ยปากบอกกับจันทร์ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนกับใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

 

“ผมขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อน ถ้าตำรวจมาถึงแล้วให้คนขึ้นไปตามแล้วกัน”

 

“คุณกาลคะ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณกาล”

 

รัตติกาลไม่สนใจเสียงของจันทร์ที่ร้องเรียก ช่วงขายาวเดินขึ้นไปบนห้องของตนพร้อมกับกดล็อคประตูทันทีที่เดินเข้ามา ร่างโปร่งทรุดนั่งลงบนพื้นพรมอย่างเหนื่อยล้า ทั้งที่ที่นี่คือบ้านของเขาแต่รัตติกาลกลับรู้สึกอึดอัดจนน่าแปลกใจ เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาในบ้านหลังนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว..

.

.

.

.

ร่างสูงปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปโดยที่ตัวเองหยุดนิ่ง จนท้องฟ้าสีครามค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีทองส้ม เสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นมาจากข้างล่างทำให้รัตติกาลรู้ว่าผู้มาเยือนได้มาถึงแล้วแต่เขาก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น

 

“กูเอง”

 

เสียงของนิลดังออกมาจากอีกฝากฝั่งของประตู ตามปกติเขาคงเปิดมันออกไปอย่างไม่ลังเลแต่ความรู้สึกเดียวกับตอนที่เผชิญหน้ากับจันทร์ทำให้ร่างโปร่งเอาแต่มองลูกบิดประตูนิ่งไม่ได้ขยับไปไหน

 

“กูเป็นห่วงมึงนะไอ้กาล”

 

ร่างสูงของนิลเอ่ยออกมาเพราะรู้ว่าเพื่อนของตนกำลังคิดอะไรอยู่ เวลาสามวันที่รัตติกาลหายไปนั้นไม่ได้เยียวยาความรู้สึกของร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำความห่างเหินกับคนรอบตัวกลับกว้างขึ้นจนเขาคิดค้านคำพูดของนายตำรวจหนุ่มที่เคยพูดเอาไว้ว่าการหนีปัญหาไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร

 

การที่รัตติกาลทำตัวเหมือนอยู่คนเดียวบนโลกแบบนี้หรอ

 

ที่เรียกว่าไม่แย่ลงกว่าเดิม?

 

 

บานประตูค่อยๆเปิดออกพร้อมกับร่างของรัตติกาลที่ยืนนิ่งอยู่อีกฝากฝั่ง สีหน้าเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ หรือทรมานแค่ไหน แต่ครั้งนี้มันกลับดูเงียบเหงาจนคนเป็นเพื่อนรู้สึกใจหาย

 

ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้

 

เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตนของรัตติกาลกำลังหายไป

 

ความรู้สึกไร้ตัวตน มันเป็นแบบนี้เองหรอ...

 

นิลเอื้อมคว้าร่างโปร่งเข้ามากอด พยายามถ่ายทอดความอบอุ่นและความเป็นห่วงเต็มหัวใจให้อีกฝ่ายรับรู้ อยากให้รัตติกาลนึกให้ออกว่าที่ผ่านมาเคยสำคัญกับเขายังไงวันนี้ก็ยังคงสำคัญเหมือนอย่างวันนั้น ไม่ว่าจะเคยผิดใจหรือโกรธเคืองกันแค่ไหนความหวังดีที่เคยให้ก็ไม่ลดลงเลยสักนิด

 

ร่างสูงรู้ตัวว่าทำผิด ผิดที่ไม่ตามรัตติกาลไปตั้งแต่ตอนนั้น เขาเลือกที่จะทิ้งให้รัตติกาลที่กำลังบอบช้ำเผชิญปัญหาแต่เพียงลำพัง ต่อให้แก้ตัวว่าต้องดูแลรพีก็ชดเชยกันไม่ได้ เขาชะล่าใจคิดว่าร่างสูงจะยังพยุงตัวเองอยู่ได้เขาถึงได้เลือกที่จะเข้าไปช่วยรพีก่อน แต่พอหันหลังกลับมา จิตใจของรัตติกาลก็จมดิ่งไปจนเขาสัมผัสไม่ถึง

 

“กูขอโทษ... ขอโทษจริงๆ”

 

“...”

 

“กลับมานะกาล กลับมาหากู”

 

“กูก็อยู่นี่แล้วไง”

 

“ไม่ใช่.. มันไม่ใช่แบบนี้”

 

“แล้วแบบไหนล่ะที่มึงอยากได้..นิล”

 

 

รัตติกาลผละนิลออกก่อนจะยิ้มชืดให้อีกฝ่าย นิลมองดูรอยยิ้มนั้นแล้วได้คิดว่าไม่มีครั้งไหนเลยในชีวิตที่เขาอยากเห็นรัตติกาลร้องไห้เท่าตอนนี้

 

รอยยิ้มที่ทั้งสวยงามและว่างเปล่า

 

มันไม่เหมาะกับเพื่อนรักของเขาเลย

 

 

“รัตติกาล ก็คือ รัตติกาล”

 

“...”

 

“กลางคืนที่สดใสน่ะ...มันก็มีแต่ในฝันเท่านั้นแหละ”

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

จริงๆเรื่องนี้แอบตอบเม้นท์ในเล้าไปแล้ว แต่ขอพูดรวมๆอีกทีนะคนับ! เรื่องนิสัยตัวละครที่บางทีดูไม่สมเหตุสมผล

เนื้อเรื่องต่อๆไปจะมีการพูดถึงสาเหตุต่างๆด้วย เรื่องนี้เช่จั่วหัวว่าเป็น PSYCHO DRAMA มันอาจจะไม่ใช่นิยายจิตจัดๆ

แต่เช่อยากจะแทรกเรื่องของจิตวิทยาไปด้วย มันยาก T^T แต่เช่ก็อยากจะทำมันให้สำเร็จ ฝีมืออาจจะยังไม่ถึงขั้นแต่จะ

พยายามทำให้ทุกคนไม่ผิดหวังนะคนับ!

เริ่มมีคนอ่านนิยายเช่เยอะขึ้นแล้ว จากตอนแรกๆที่ลงแทบไม่มีคนเข้ามาดู บอกเลยว่าขอบคุณมาก เพราะเกือบถอดใจไปแล้ว

นิยาย Nightmare เป็นเหมือนบทพิสูจน์สำหรับเช่บทหนึ่ง เป็นสิ่งที่มีค่ามาก ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่เช่อยากให้เกิด

ก็คืออยากให้มีคนคิดว่า "นิยายเรื่องนี้ดีจังเลยนะ" อะไรแบบนี้ ทางยังอีกยาวไกล แต่ก็จะสู้ต่อนะฮะ^^

สุดท้ายขอบคุณทุกเม้นทุกโหวต ติชมได้ พรุ่งนี้ไม่แน่ใจว่าจะมาอัพได้ไหม ทั้งสอบทั้งทำงานร่างสิ้นมาก T^T

อัพได้ไม่ได้ยังไงจะแจ้งทางเพจอีกทีนะคนับ! https://www.facebook.com/pages/Vivace-Story/1449951678656400

ปล. คุณชอร์ปสติ๊กฮะ เช่ตอบเม้นคุณไว้แล้วอยู่ข้างนะฮะ ^^
  :-[ :-[ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด