6th Night
…Hate...
เครื่องปรับอากาศในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยมแต่กลับสู้แรงกดดันจากคนภายในห้องนี้ไม่ได้เลยสักนิดในความรู้สึกของนิ่ม เด็กสาวเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อนำเสื้อผ้าและของใช้สำหรับรัตติกาลและนิลมาให้ พร้อมกับมาดูแลคุณๆทั้งหลายแทนจันทร์ที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านแทน
แก้วกาแฟหอมกรุ่นสองใบพร้อมกับแซนด์วิชง่ายๆถูกเสิร์ฟให้รัตติกาลและนิลที่เข้าไปทำธุระส่วนตัวพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อย ร่างสูงของนิลลงมือทานอาหารที่นิ่มเตรียมไว้ให้โดยไม่พูดอะไรผิดกับรัตติกาลที่ไม่แตะต้องจนเครื่องดื่มสีดำเข้มเย็นชืด ร่างโปร่งเอาแต่มองไปยังร่างป้อมบนเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่งผิดกับทุกครั้ง นิลไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเพื่อนรักได้เลยว่าความสงบในตอนนี้จะนำพามาซึ่งอะไร
เมื่อคืนหลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ รัตติกาลก็เดินทางเข้ามาในห้องแห่งนี้ ร่างโปร่งเอาแต่มองร่างของเด็กชายแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้แต่จันทร์ที่อยากจะเข้าไปพูดคุยด้วยความเป็นห่วงก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้ ส่วนของอารัณย์ที่ยังคงอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยยังคงอยู่ในการควบคุมของฤทธิชาติ ซึ่งทั้งคู่ได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่แปดโมงเพื่อเฝ้าดูอาการของรพีที่ยังคงไม่ได้สติ
“คุณกาลได้พักผ่อนรึยังครับ”
นายตำรวจหนุ่มใจกล้าเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาด้วยสีหน้าระรื่นไม่ดูบรรยากาศอีกทั้งยังเรียกชื่อเช่นของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ ร่างโปร่งที่ถูกถามเงยหน้าขึ้นมองตาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเช่นเดิมแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ฤทธิชาติมองการกระทำดังกล่าวอย่างไม่นึกโกรธเคืองกลับซ้ำยังยิ้มตอบไปให้
“พักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ สีหน้าคุณแย่มาก”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าน้องพีตื่นมาเห็นคงเสียใจที่ตัวเองทำให้คุณพ่อต้องเป็นห่วงขนาดนี้
“หึ ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอก ผมแค่หงุดหงิดจนนอนไม่หลับ”
“เฮอะ!”
ร่างโปร่งปฏิเสธออกมา ทำเอาทุกคนในห้องนึกหมั่นไส้ในความปากแข็งนั้นแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ผิดกับอารัณย์ที่สบถออกมาเสียงดังเรียกสายตาไม่พอใจจากรัตติกาลได้เป็นอย่างดี ท่าทางไม่เป็นมิตรของร่างสูงทำเอารัตติกาลที่เงียบมาตลอดอดรนทนไม่ไหวจึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“คุณมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า”
“ปัญหาน่ะไม่มีหรอก แต่ถ้าหมั่นไส้ล่ะก็หลายเรื่อง”
“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืนล่ะก็ผมขอโทษด้วย จะให้ชดใช้ยังไงก็บอก”
“หึ พวกคนรวยนี่มันชอบคิดว่าปัญหาทุกอย่างแก้ได้ด้วยเงินสินะ”
อารัณย์พูดเย้อหยันกลับไป ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกของพ่อที่เป็นห่วงลูกชาย ไม่แม้แต่จะเก็บมาคิดแค้นเคืองเรื่องที่คนตรงหน้าต่อยเขาเพราะเข้าใจผิด แต่ท่าทางหยิ่งผยอง ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้ต่างหากที่ทำให้เขาไม่ชอบใจ
“เผื่อคุณจะไม่เข้าใจ คำว่าชดใช้ที่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุหรือเงินทอง แต่ถ้าคุณคิดได้แค่นี้มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
ร่างสูงกัดฟันกรอดเมื่อโดนรัตติกาลตอกกลับอยากเจ็บแสบ พูดราวกับว่าเขาเป็นพวกใจแคบที่คิดแต่เรื่องเงินทอง ต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกันด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่นัยน์ตากลับฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใครทำเอานิลเหลือบมองด้วยความแปลกใจที่ผู้ชายหนวดเครารุงรังคนนี้ทำเพื่อนของเขาพูดออกมาเป็นประโยคยาวๆได้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบปากมาตลอด ในขณะที่นายตำรวจหนุ่มกลับนั่งมองการทั้งสองคนเถียงกันด้วยสีหน้าสนุกสนานราวกับมันเป็นรายการทีวีที่เพลิดเพลินจนหยุดดูไม่ได้
“หึ แทนที่จะมานั่งปากดี ผมว่าคุณเอาเวลาไปนั่งทบทวนตัวเองดีกว่ามั้ง ว่าเลี้ยงลูกภาษาอะไร ลูกคุณถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“คุณอารัณย์!”
นิลพูดชื่ออีกฝ่ายเสียงดังอย่างไม่พอใจ แม้แต่นายตำรวจหนุ่มที่เมื่อครู่เอาแต่ยิ้มแย้มก็หุบยิ้มลงก่อนจะหันไปมองหน้ารัตติกาลที่นั่งนิ่ง ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเคยแต่มือเรียวกลับกุมประสานกันอยู่บนตักบีบแน่นจนรู้สึกเจ็บ
ร่างโปร่งไม่ได้พูดโต้ตอบอะไรขึ้นมา ไม่อยากแม้แต่จะมองใบหน้าดุเข้มนั้นอีก รัตติกาลเลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีวันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและเขาก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้เข้าใจด้วย
ในสายตาคนนอกรัตติกาลคงเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ได้รับคำตำหนิติเตียนจากคนรอบข้างที่ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่าทำตัวเย็นชากับรพีมากเกินไป แม้รพีจะเป็นเด็กที่เกิดจากความไม่ตั้งใจของเขาก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยเก็บคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจเพราะเชื่อว่ายังคงมีคนที่เข้าใจความเจ็บปวดของเขาอย่างจันทร์และนิลอยู่ แต่ตอนนี้รัตติกาลกลับรู้สึกไม่มั่นใจในความคิดนั้นอีกแล้ว เมื่อเพื่อนที่ไม่เคยตำหนิเขาเรื่องนี้ก็กลับมาเรียกร้องให้เขาหันมาสนใจลูกนอกไส้อย่างรพี ทั้งที่นิลเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่ารัตติกาลต้องเจอกับอะไรมาก่อน
มันไม่ใช่ความน้อยใจหรืออะไรแบบนั้นหรอก
ก็แค่รัตติกาลอดคิดไม่ได้ว่าบนโลกนี้คงไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกขมขื่นของเขาเหลืออยู่อีกแล้ว
“คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก...”
เสียงแผ่วเบาของรัตติกาลถูกเอ่ยออกมาโดยมีเพียงนิลที่ได้ยิน ร่างสูงมองเพื่อนรักอย่างอ่อนใจ ท่าทางเฉยเมยไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบข้างเป็นเหมือนกำแพงหนาที่รายล้อมอยู่รอบตัวของรัตติกาลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทีท่าหยิ่งผยองไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ทำให้ภายนอกรัตติกาลก็เหมือนกับก้อนหินแกร่งที่ไร้หัวใจ แต่ภายในที่ไม่มีใครรู้นั้นกลับบอบบางจนน่าใจหาย ก้อนหินก้อนใหญ่ที่จริงแล้วเป็นเพียงซากไม้พุพังที่ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็แตกหักได้ง่ายจนแหลกคามือ
.
.
.
.
ภายในร้านค้าสวัสดิการของโรงพยาบาล ร่างสูงของนิลกำลังยืนเลือกซื้อของกินเล่นเล็กๆน้อยๆขึ้นไปฝากรัตติกาลที่ยังคงไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าขณะที่นิ่มกำลังเดินทางกลับไปที่บ้านเพื่อพาจันทร์มาที่นี่ นิลเลือกหยิบของกินที่เพื่อนของตนชอบอย่างรู้ใจแถมด้วยนมอีกนิดหน่อยเผื่อไว้ให้รพี นึกถึงตรงนี้นิลก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผ่านไปกว่าครึ่งค้อนวันรพีก็ยังไม่มีทีท่าจะฟื้นขึ้นมาแต่อย่างใด แพทย์ให้ความเห็นว่าเป็นเพราะความอ่อนเพลียและกระทบกระเทือนทางความรู้สึกจึงทำให้เด็กชายยังคงหลับลึกอยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่บาดแผลตามร่างกายไม่มีอาการติดเชื้ออย่างที่กังวล
“ทำหน้าบึ้งแบบนี้ เดี๋ยวพวกพยาบาลสาวๆที่แอบมองคุณก็หนีไปหมดหรอก”
นิลสะดุ้งน้อยๆเมื่อเสียงทุ้มติดสำเนียงทะเล้นของนายตำรวจหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง ท่าทางตกใจของร่างสูงเรียกเสียงหัวเราะจากฤทธิชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งที่เขาเดินตามอีกฝ่ายออกมาจากห้องแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลยสักนิด ร่างกายสูงใหญ่ภายใต้ชุดเครื่องแบบตำรวจครึ่งท่อนจึงได้ยืนสำรวจท่าทางกริยาของนักเขียนหนุ่มอยู่สักพักก่อนจะเดินมาทักเมื่อเห็นว่าจู่ๆนิลก็มีสีหน้าเครียดขรึมขึ้นมา นิลเองเมื่อหันมาเจอกับนายตำรวจที่ทิ้งหน้าที่ลงมาซื้อของคนเดียวก็อดที่จะพูดจาค่อนแคะใส่ไม่ได้
“ทิ้งผู้ต้องหาไว้คนเดียวแล้วลงมาเดินเล่นแถวนี้ ถือว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที่รึเปล่าคุณตำรวจ”
“ถ้าว่าตามวินัยก็ถือว่าใช่”
“แล้วยังมีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้อีกหรอครับ?”
“ฮ่าๆๆ อย่าเครียดไปสิคุณ ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้านายอารัณย์เป็นคนร้ายจริง คุณกาลก็คงไม่ปล่อยให้เขาหนีไปง่ายๆ”
“นั่นยิ่งน่าเป็นห่วงกว่าเดิมอีกไม่ใช่รึไง”
ถึงรัตติกาลจะเคยทำผิดด้วยการไปต่อยอีกฝ่ายทั้งที่เป็นคนที่ช่วยรพีไว้ แต่นิลก็คิดว่าอารัณย์นั้นตั้งแง่หาเรื่องกับเพื่อนของเขามากเกินไป ตลอดทั้งวันสองคนนั้นทำตัวเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าใส่กันได้ตลอดเวลาที่มีโอกาส โดยทุกครั้งจะเป็นอารัณย์ที่เป็นฝ่ายพูดจาหาเรื่องรัตติกาลไม่ว่าร่างโปร่งจะทำอะไร ถึงแม้สิ่งเดียวที่เพื่อนของเขาทำจะเป็นการนั่งนิ่งๆ แต่นิลคิดว่าสิ่งที่ทำให้อารัณย์ไม่สบอารมณ์คงจะเป็นคำพูดเย็นชาบาดหูที่ออกมาจากปากของรัตติกาลนั่นแหละ
“เอาน่าๆ เพื่อนคุณก็ดูมีความอดทนสูงถ้าไม่นับตอนที่เลือดขึ้นหน้าแล้วไปต่อยผู้ต้องสงสัยเข้า ต่อให้นายอารัณย์กวนประสาทแค่ไหนก็คงทำเมินอยู่นิ่งๆ ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรบุ่มบ่ามแน่ๆ”
“ความอดทนสูงหรอ หึ สาบานได้ไหมว่าที่พูดมาไม่ได้ประชด”
“ฮ่าๆๆ ผมคงสาบานให้ไม่ได้หรอก”
นิลมองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนปลิ้นปล้อนเจ้าเล่ห์แบบนี้จะเป็นถึงนายตำรวจยศสูง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันตอนออกตามหารพีเขายังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทำงานอย่างจริงจังสักครั้ง แถมยังละหลวมจนอยากจะทำตัวเป็นคนขี้ฟ้องแจ้งไปยังต้นสังกัดซะให้เข็ด
“งั้นผมขอเปลี่ยนจากความอดทนสูง มาเป็น ‘คุณรัตติกาลเป็นคนชอบหนีปัญหา’ เรื่องนี้ผมสาบานให้คุณได้แน่”
คำพูดของคนข้างๆสะกิดใจของนิลเข้าอย่างจัง เพราะสิ่งที่ร่างสูงพูดนั้นเหมือนกับสิ่งที่เขาเคยคิดมาตลอด
“อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น”
“อืม อาจจะเพราะวิธีที่คุณกาลเลือกที่จะเงียบทุกครั้งที่เจอปัญหาล่ะมั้ง เมื่อก่อนผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ทำแบบนี้ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรหรือทำร้ายมันเท่าไหร่มันก็เลือกที่จะเงียบแล้วทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำแบบนั้นมาตลอด..”
น้ำเสียงที่เคยฟังดูทะเล้นกลับจริงจังมากขึ้นจนนิลต้องหันหน้ามามอง ยามที่ฤทธิชาติพูดถึงเพื่อนคนนั้นสีหน้าของร่างสูงนั้นแสดงความรู้สึกคิดถึงออกมาจนคนฟังรู้สึกได้ นายตำรวจหนุ่มที่รู้ว่านิลกำลังมองตนอยู่ก็หันมาสบตามพร้อมกับยิ้มอ่อนให้น้อยๆก่อนจะพูดต่อ
“แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดวิธีแบบนี้หรอกนะ คิดดูแล้วการทำเป็นไม่รับรู้มันอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าแก้ปัญหาแบบไร้สติ ผมว่าบางทีทั้งเพื่อนผมและคุณกาลอาจจะแค่ไม่อยากให้อะไรแย่ลงกว่าเดิม”
“หลอกตัวเองซะมากกว่า”
นายตำรวจหนุ่มขำออกมาเบาๆ ก่อนจะชวนนิลที่หยิบของเสร็จแล้วไปคิดเงินที่เคาท์เตอร์ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังห้องพักโดยที่ตัวเองไม่ได้ซื้อของอะไรเลยสักอย่าง นิลมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายคงหาเรื่องลงมาอู้งานข้างล่างเท่านั้น ท่ามกลางความเงียบขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกัน ไฟแสดงลำดับชั้นกำลังไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ฤทธิชาติก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
“อาจจะฟังดูละลาบละล้วงไปสักหน่อย แต่ผมอยากรู้ว่าคุณแม่ของน้องพีไปไหนล่ะครับ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมไม่เห็นเลย”
“ไม่มีหรอก เลิกกันไปตั้งแต่รพีเกิด”
“คุณกาลเลยเลี้ยงลูกมาคนเดียวสินะ”
“ก็ ช่วยๆกันเลี้ยงมาทั้งนั้นทั้งผม ป้าจันทร์แล้วก็คนในบ้าน”
“หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณกาลทำตัวห่างเหินกับลูกตัวเองขนาดนี้”
“หยุดยุ่งเรื่องชาวบ้านได้แล้วมั้ง มันจะรักหรือไม่รักก็ไม่มีผลต่อคดีอยู่แล้ว”
“ฮ่าๆ ตรงจังเลยนะครับ”
“ไม่หรอก ความจริงอยากพูดว่า ‘อย่าเสือก’ ด้วยซ้ำ”
ฤทธิชาติหัวเราะลั่นจนชายหญิงคู่หนึ่งสะดุ้งตกใจทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ณ ชั้นที่หมาย นิลส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจในความหน้ามึนของอีกฝ่ายก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่หันมาสนใจอะไรอีกแต่ไม่นานนัก ช่วงขายาวของฤทธิชาติก็ก้าวตามมาทันก่อนจะชะลอความเร็วลงเพื่อให้เดินอยู่เคียงข้างกัน
“ผมล่ะไม่สงสัยเลยว่าทำไมคุณสองคนถึงเป็นเพื่อนกันได้ ฝีปากพอๆกันเลย”
“ก็มีแต่คนว่าอย่างนั้น”
“ว่าแต่เป็นเพื่อนกันมานานแล้วหรอครับ”
“ก็เพิ่งบอกว่าอย่าเสือกๆ”
“พอดีเป็นนิสัยที่แก้ยากครับ^^”
“เฮ้อ... อืม คบกันมาตั้งแต่สมัยอยู่มหาลัย”
“คบกันนานดีจัง ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนผมคงแอบคิดไปแล้วว่าคุณสองคนเป็นแฟนกันเห็นสนิทกันขนาดนี้”
“แล้วถ้าคบกันอยู่จริงๆล่ะ”
“ก็คง...น่าเสียดายสุดๆเลยแหละ”
“หึ คิดอะไรกับไอ้กาลมันจริงๆรึไง”
ร่างสูงส่ายหัวน้อยๆเมื่อคนข้างกายแสดงทีท่าว่าสนใจเพื่อนของตนอยู่ไม่น้อย นัยน์ตาคมมองป้ายชื่อของรพีที่แปะหราอยู่หน้าห้องหมายเลข7ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ในจังหวะที่นิลกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูบานใหญ่ตรงหน้า เสียงทุ้มนุ่มที่เจือไปด้วยความรู้สึกเอ็นดูจนคนฟังรู้สึกได้ก็ดังขึ้นพร้อมกับมือของนายฤทธิชาติที่เอื้อมซ้อนมาจากด้านหลังเพื่อเปิดประตูตรงหน้าให้แทน
“ผมหมายถึงคุณต่างหาก”
“คุณ...”
เพล้ง!
“คุณกาลพอเถอะค่ะ!!”
ยังไม่ทันที่นิลจะได้พูดอะไร เสียงดังเหมือนของตกแตกและจันทร์ที่ร้องขอจนเสียงหลงดังขึ้น ทำให้ผู้ที่เพิ่งมาถึงทั้งสองคนหยุดบทสนทนาเมื่อครู่แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เศษซากแจกันแก้วกองอยู่ที่พื้น ดอกไม้ที่นิ่มจัดใส่ไว้เมื่อเช้าโดนเหยียบย้ำจนไม่เหลือความสดใสเหมือนที่เคยเป็น
นิลรีบตรงเข้าไปจับรัตติกาลที่แสดงสีหน้าโกรธจัดพยายามเข้าไปหารพีที่ร้องไห้จ้าอยู่ภายในอ้อมกอดของจันทร์และนิ่มที่น่าจะเพิ่งมาถึง ส่วนฤทธิชาติก็เดินเข้าไปห้ามอารัณย์ที่ยืนขวางรัตติกาลอยู่ด้วยท่าทีโกรธขึงไม่แพ้กัน
“มึงจะโทษกูอีกรึไง จะโทษว่าเป็นเพราะกูใช่ไหมมึงถึงได้เจอเรื่องแบบนี้!!!”
“ไอ้กาลหยุด!!!”
“สร้างเรื่องให้กูไม่เว้นแต่ละวัน คิดบ้างไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนมากแค่ไหน!!!”
“ฮือออ พีขอโทษ ฮึก พีขอโทษ!!”
“เด็กอย่างมึงแม่ง ไม่น่าเกิ...”
ผัวะ!!
ร่างใหญ่ของอารัณย์พุ่งเข้าไปกระแทกหมัดใส่สันกรามของรัตติกาลโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดหมดประโยชน์ ฤทธิชาติและนิลที่ถูกผลักกระเด็นออกไปด้วยรีบตรงเข้าไปห้ามทั้งสองคนที่ซัดกันนัวอยู่บนพื้น นายตำรวจหนุ่มพยายามล็อคแขนทั้งสองข้างของอารัณย์ที่คร่อมร่างสูงโปร่งไว้บนพื้นแล้วรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง ในขณะที่อีกฝ่ายเองก็ถีบเข้าไปเต็มหน้าท้องแกร่งเมื่อได้โอกาส
“อย่าทำพ่อกาลนะ ฮึก พีผิดเอง อย่าทำพ่อกาล!!!”
ท่ามกลางความวุ่นวายเสียงร้องไห้ของรพีและจันทร์กับนิ่มที่พยายามร้องห้ามดังระงมไปหมด
“มึงมันเป็นพ่อภาษาเหี้ยอะไร มึงพูดหมาๆแบบนี้กับลูกมึงได้ไงวะ!!!”
“เป็นคนนอกอย่าเสือก ลูกกู กูจะด่าจะว่ามันยังไงก็ได้!!!”
“ทำตัวเหี้ยขนาดนี้ยังมีหน้าเรียกเด็กนี่ว่าลูกอยู่อีกหรอ มึงมีหน้าเรียกตัวเองว่าพ่ออีกรึไง!!!”
“เออกูนี่แหละพ่อมัน กูเป็นเจ้าชีวิตมัน ใครจะทำไมวะ!!!”
“ไอ้เหี้ยกาล หยุด กูบอกให้หยุดไง!!!”
นิลอาศัยจังหวะที่ทั้งคู่อ่อนแรงลงดึงร่างของเพื่อนตนไว้ให้ห่างจากอารัณย์ที่ถูกฤทธิชาติลากออกไปอีกมุมห้อง ร่างกายสูงใหญ่พยายามดิ้นเพื่อจะตรงเข้าไปหาคู่กรณีอีกครั้งก่อนเสียงลั่นกุญแจมือจะดังขึ้นพร้อมกับข้อมือทั้งสองข้างที่ถูกพันธนาการด้วยฝีมือของนายตำรวจหนุ่ม
“ใส่กุญแจมือกูทำไม ปล่อยสิวะ!!!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นายอารัณย์ ถ้ายังไม่หยุดผมคงต้องใช้มาตรการที่รุนแรงกว่านี้”
“เหอะ มึงตาบอดรึไงไอ้ตำรวจ คนที่มึงควรต้องจับโยนเข้าคุกไม่ใช่กูแต่เป็นมันต่างหาก!!!”
ดวงตาแข็งกร้าวมองไปยังรัตติกาลอย่างโกรธแค้น เช่นเดียวกับร่างโปร่งที่ส่งสายตาแบบเดียวกันกลับมาพร้อมกับยืนตัวสั่นด้วยความโกรธแต่ก็ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้เพราะร่างของนิลยืนขวางเอาไว้อยู่พร้อมกับส่งสายตาตำหนิมาให้
เด็กน้อยที่เพิ่งฟื้นร้องไห้จนดวงตาเล็กบวมแดงน่ากลัวพยายามผละร่างของตนออกจากอ้อมกอดของจันทร์ก่อนจะปีนลงจากเตียงด้วยความทุลักทุเลไม่ได้สนใจแม้แต่สายน้ำเกลือที่เสียบทิ่มอยู่ในแขนของตนแม้แต่น้อย จันทร์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเลือดข้นไหลย้อนออกมาตามท่อสายยางก่อนจะหลุดออกจากท่อนแขนเล็กที่แดงฉาน รพีพาร่างสะบักสะบอมของตนเดินกระโพลกกะเพลกมาหารัตติกาลที่มองมาที่ตนอย่างเดียดฉันท์ ถึงแม้จะรู้สึกหวาดกลัวความโกรธเกรี้ยวตรงหน้าแต่ความรู้สึกข้างในก็บอกให้เด็กชายเดินต่อก่อนจะมาทรุดนั่งลงกับพื้นพร้อมกับพนมมือไว้แนบอก
“พีขอโทษ ฮึก พีขอโทษ พีผิดเองที่ออกไปข้างนอกคนเดียว พีทำให้พ่อกาลเดือดร้อน...”
“...”
“พีสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ฮึก พีจะไม่ทำให้พ่อกาลเดือดร้อนอีกแล้ว พีจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังทุกอย่าง”
“...”
“ขอแค่ ฮึก.. ขอแค่พ่อกาลอย่าเกลียดพีเลยนะฮะ”
รพีร้องไห้จนร่างกายสั่นสะท้าน คำพูดที่กลั่นกรองจากความรู้สึกของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนในห้องยกเว้นรัตติกาลต่างมองร่างป้อมที่ทรุดตัวนั่งอยู่บนพื้นด้วยความเห็นใจสงสาร
จันทร์ที่ทนมองภาพนั้นไม่ไหวเดินมาตระกรองกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอดก่อนจะลูบหัวทุยนั้นอย่างแผ่วเบา สายตาตำหนิจากหญิงแก่ถูกส่งไปให้รัตติกาลที่กำลังยืนมองภาพเหล่านั้นอยู่
“ถ้าจะโกรธจะเกลียดใคร ขอให้คนนั้นเป็นป้าเถอะค่ะคุณกาล จะไล่ป้าออกก็ได้ แต่หยุด...หยุดทำร้ายคุณพีด้วยคำพูดพวกนั้นสักที”
“ป้าจันทร์...”
“ถ้าคุณอยากจะทำร้ายใครสักคนขอให้เป็นป้าแทนได้ไหม ถ้ามันจะช่วยหยุดความแค้นของคุณได้ป้าก็ยินดีที่จะทำ”
“ป้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น”
“คุณพีเธอก็ไม่เกี่ยวเหมือนกัน”
“...”
“ขอร้องเถอะค่ะ อย่าทำให้ป้าต้องผิดหวังในตัวคุณมากไปกว่านี้เลย”
.
.
.
สิ้นเสียงของจันทร์ รัตติกาลก็เหมือนนกปีกหักที่ร่วงลงสู่พื้น นัยน์ตาที่แสดงความผิดหวังไว้เต็มเปี่ยมถูกส่งมาให้อย่างไม่ปิดปัง วินาทีนั้นรัตติกาลได้รู้ถึงความโดดเดี่ยวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ร่างโปร่งผลักแขนของนิลที่จับตัวเองไว้แน่นออกก่อนจะหมุนตัวออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองจนยามที่ประตูห้องปิดลงพร้อมกับเสียงของนิลที่ร้องเรียกชื่อของตนจะเงียบหายไป
ร่างกายสูงโปร่งทรุดนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นลิฟต์โดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมา ไหล่บางสั่นสะท้าน ดวงตาชอกช้ำแต่กลับไม่มีน้ำตาให้ไหล
“เกลียดชะมัด...”
ตัวเขานี่มัน...
น่ารังเกียจสิ้นดี...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกับเช่!ก่อนอื่นขอโทษนะคนับที่หายไปหนึ่งวัน เน็ตมอเน่ากระจุยทำไรไม่ได้เลย วันนี้เลยเอาตอน(โคตรเครียดมาฝาก)
ณ จุดๆนี้คงมีคนอยากฟาดกบาลพ่อกาลกันบ้าง 5555 โหดกับน้องมันเหลือเกิน อิตาพี่ห้าวคนนั้นก็ไม่แพ้กัน
แต่งานนี้เช่ชอบคุณตำรวจแหละ กวนได้ใจจริงๆ >////< แถมนิลนี่ก็เป็นที่ชื่นชอบมากกว่าที่คิดนะ
ขอบคุณสำหรับทุกเม้น ทุกโหวตนะคนับ! อยากตอบทุกเม้นเลยแต่กลัวจะเป็นการปั่นมากเกินไป
ถ้าใครอยากคุยกับเช่ หรือติดตามการเคลื่อนไหวก็เข้าไปที่แฟนเพจนะ เช่รออยู่ วันไหนอัพไม่อัพจะได้รู้ ไม่รอเก้อเน้อ^^