Nightmare อยากให้คืนนี้ไม่ต้องฝันร้าย (END) #ตอนพิเศษ...คืนของรัณย์กาล...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Nightmare อยากให้คืนนี้ไม่ต้องฝันร้าย (END) #ตอนพิเศษ...คืนของรัณย์กาล...  (อ่าน 131770 ครั้ง)

ออฟไลน์ iiduckii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมรู้สึกสะใจเวลาที่รัณย์ด่านะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :hao7: :hao7: :hao7:

รอคุณตำรวจกับนิล อิอิอิ อยากจะรู้ว่าเป็นไงแล้วววว  :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ขอให้รพีเปลี่ยนใจกาลได้สักทีนะ
เพี้ยง

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตกแล้ว ดันๆๆๆๆ รอตอนต่อไปนะคะ :katai4:

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พาร์ทอดีตแซ่บดีอะ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 

17th Night

…Choice...

 

 

 

อารัณย์ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมานั่งก้มหน้าสำนึกผิดในห้องปกครองตอนอายุยี่สิบปลายๆ ขนทั่วร่างลุกชันเพราะอุณหภูมิที่เย็นผิดกับอากาศข้างนอกพาลให้คิดสงสัยว่าห้องปกครองทุกห้องใช้แอร์ยี่ห้อเดียวกันหมดรึเปล่า ไม่ว่าจะตอนเด็กๆที่โดนครูเรียกเพราะแอบไปตกปลาในบ่อของวิชาเกษตร หรือตอนนี้ที่ต้องมานั่งสงบนิ่งเพราะรอยช้ำตามใบหน้า บรรยากาศเย็นๆแบบนี้น่ะ คนอารมณ์ร้อนแบบเขาไม่ชอบเป็นที่สุด

 

“คุณอยากอธิบายเกี่ยวกับแผลพวกนี้บ้างไหม”

 

หญิงแก่ท่าทางใจดีกำลังส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับเสียงพูดเนิบนาบแต่ก็แฝงด้วยความกดดัน อยากพูดสิ อยากอธิบายใจจะขาดแต่จะบอกได้ยังไงว่าโดนผู้ปกครองนักเรียนเล่นมาเพราะดันไปจูบปากเขาต่อหน้าแฟนเด็ก

 

ทันทีที่พูดประโยคน่าอายนั่นจบ ทั้งรัตติกาลและเด็กปูนก็ช่วยกันรุมประชาทัณฑ์เขาด้วยทั้งเท้าและมือกันอย่างแข็งขันอย่างกับนักโทษคดีข่มขืน โดยเฉพาะเด็กนั่นเห็นตัวเล็กๆแบบนั้นโดนเข้าไปเยอะๆก็เจ็บไม่ใช่เล่น แถมต่อยไปร้องไห้ไปจนรัตติกาลต้องหยุดหมัดของตัวเองแล้วหันมากอดปลอบเด็กมันก่อนจะพากันเข้าห้องโดยหันมาด่าด้วยภาษาผู้ดีตบท้าย เรียกได้ว่างานนี้เขาเล่นเองเจ็บเองไม่มีสปอนเซอร์ช่วยจ่ายค่ารักษาเลยสักราย ให้ตายสิ คนที่เริ่มก่อนมันไอ้เกย์นั่นไม่ใช่รึไง คนที่โดนฝืนใจน่ะ นั่นมันเขานะ!

 

นั่งนึกแล้วก็อยากต่อยตัวเองสักสองที หมัดแรกให้กับความกล้าบ้าบิ่นที่จูบรัตติกาลตอบเพราะเกลียดความพ่ายแพ้ แม้จะรู้สึกขนลุกจากสัมผัสนั้นแต่ถ้าเขาแสดงอาการออกมาก็เท่ากับหมอนั่นแกล้งเขาได้สำเร็จ ใครจะยอมกันล่ะ! งานนี้ต่อให้อยากกัดลิ้นตายแค่ไหนก็ต้องสู้สุดฤทธิ์

 

และหมัดที่สองขอมอบให้กับสติของตัวเองที่หลุดลอยไปตั้งแต่เห็นหน้าที่ขึ้นสีจัดของรัตติกาล ที่ไม่รู้ว่าเกิดจากความโมโหหรือเพราะเขินกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรตอนที่เห็นหูแดงๆนั่นเขาก็เอาแต่หัวเราะเป็นคนบ้า จนเหมือนกับที่ตัวร้ายในละครทำหลังจากได้ลวนลามนางเอก แล้วมันก็ไปกระตุ้นต่อมโมโหของสองคนนั้นเข้าอย่างจัง จนช่วยกันกระทืบเขาชนิดที่ทบต้นทบดอกงานนี้ไม่มีขาดทุน

 

“ขอโทษครับ ผมจะระวังไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”

 

เมื่อคิดว่าอธิบายไปก็ไม่ได้ความ อารัณย์จึงศิโรราบต่อดวงตาดุๆภายใต้กรอบแว่นนั้นด้วยใบหน้าสลด หญิงแก่ส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะยกกาแฟหวานหอมขึ้นจิบเพื่อระงับอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเอง

 

“คุณยังเด็ก อย่างน้อยก็สำหรับครู แต่อย่าลืมว่าที่โรงเรียนนี้มีคนที่เด็กกว่าคุณมากและพวกเราก็เป็นแบบอย่างให้กับเด็กพวกนั้นไม่ใช่แค่ในชั้นเรียน  การที่คุณไม่อธิบายอะไรออกมา นั่นแปลว่าคุณมีเหตุผลที่จำเป็นจริงๆที่จะไม่พูด ครูจะไม่คาดคั้น แต่ก็ขอให้คุณระวังการกระทำของตัวเองให้มากกว่านี้”

 

“...”

 

“ถ้าสายตาของยายแก่อายุหกสิบปลายๆคนนี้ยังไม่ฝ้าฟางจนเกินไป ฉันก็คิดว่าตัวเองเลือกคนมาทำงานนี้ได้ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว จนกว่าแผลจะหายดีขอให้คุณไปช่วยครูอ๋องดูแลสระว่ายน้ำไปก่อน แล้วก็รับนี้ไปด้วยนะคะ”

 

ครูใหญ่ส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับพลาสเตอร์ยาและหน้ากากอนามัยมาให้ ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ รับของมาแล้วออกจากห้องมุ่งตรงไปยังสระน้ำใหญ่ของโรงเรียนด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งเล็กๆจากคำพูดของหญิงแก่คนนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะความคะนองของตัวเองทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนมากแค่ไหน

 

“คิดง่ายไปหน่อยแหะ...”

 

อารัณย์เงยหน้ามองท้องฟ้าที่สว่างจ้าจนแสบตาแล้วตัดสินใจบางอย่างก่อนจะก้าวให้เร็วขึ้น มุ่งหน้าไปยังสระน้ำสีฟ้าสดใสและหน้าที่ใหม่ที่รอเขาอยู่

 

.

.

.

.

.

.

 

 

บรรยากาศภายในห้องกินข้าวของบ้านพัฒนเดชาอบอวลไปด้วยความสุข เด็กชายรพีส่งยิ้มกว้างให้บิดาหลังจากที่ทานหน่อไม้ฝรั่งและบล็อกโคลี่คำใหญ่จนหมดทั้งที่ผักที่ตัวเองไม่ชอบรองจากมะเขือพวง รัตติกาลยิ้มให้ลูกชายก่อนจะลูบหัวกลมๆนั้นแทนคำชมแล้วลงมือทานอาหารในจานของตัวเองต่อ โดยมีจันทร์และนิ่มคอยบริการและยืนมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

 

เสียงของรพีพูดเจื้อยแจ้วเกี่ยวกับชีวิตในโรงเรียนดังมาไม่ขาดสาย ร่างโปร่งพยักหน้าราวกับให้ความสนใจเสียเต็มประดาแต่ในห้วงความคิด รัตติกาลกำลังวางแผนในใจว่าในวันเสาร์ที่จะถึงนี้จะนำรถซีอาร์วีคันใหญ่ของบ้านออกต่างจังหวัดแทนคันที่ใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อพาปูนไปทำงานที่จังหวัดชลบุรีแล้วถือโอกาสเที่ยวพักผ่อนตามที่รับปากอีกฝ่ายไว้แล้ว

 

“กว่าพีกับข้าวจะหารามเจอก็เกือบถึงเวลากินนมแล้ว ก็ช้างเล่นไปแอบอยู่ในห้องแต่งตัวที่สระ เลยโดนน้ารัณย์ดุใหญ่เลย”

 

เด็กชายเล่าถึงตอนที่พยายามตามหา ’ราม’ เพื่อนร่วมห้องที่เล่นซ่อนหาด้วยกันในช่วงเบรกก่อนพักทานนม รัตติกาลที่นั่งฟังอยู่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ในเย็นหลังจากวันที่มีเรื่องกัน รพีได้เล่าให้เขาฟังเรื่องที่อารัณย์ถูกวานให้ไปช่วยครูพละดูแลความเรียบร้อยที่สระว่ายน้ำ จนเด็กๆในห้องโอดครวญกันเป็นแถวรวมถึงลูกชายของเขาด้วย

 

ตามปกติแล้วแต่ละห้องเรียนนอกจากครูประจำชั้นแล้วจะต้องมีพี่เลี้ยงประจำอยู่ด้วยห้องละหนึ่งคนเพื่อช่วยดูแลเหล่าทโมนน้อยทั้งหลาย จากคำบอกเล่าของครูสา ก่อนหน้าที่ทางโรงเรียนจะรับอารัณย์เข้ามาพี่เลี้ยงคนเก่าได้ลาออกไปเพื่อเตรียมตัวเลี้ยงลูกที่กำลังจะเกิดมา จนต้องรีบจัดหาคนมารับหน้าที่แทนกันให้วุ่น ดังนั้นการที่ให้อารัณย์เข้าไปช่วยในส่วนอื่นแทบจะไม่สามารถทำได้หาไม่มีเหตุผลอันสมควร สาเหตุเดียวที่รัตติกาลคิดได้ ก็คงเป็นเพราะรอยฟกช้ำที่เขาฝากไว้นั่นแหละที่ทำให้พี่เลี้ยงหนุ่มต้องถูกย้ายให้ไปช่วยงานในส่วนอื่น

 

“อารัณย์กลับมาช่วยงานที่ห้องแล้วหรอ”

 

“ฮะ ตั้งแต่วันพุธแล้ว แต่ครูอ๋องบอกว่าน้ารัณย์เก่ง เลยยังให้ไปช่วยที่สระอยู่ วันนี้น้ารัณย์สอนพีตีนขาในน้ำด้วย”

 

เด็กชายพูดไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงความสนุกยามที่ได้เล่นอยู่ในน้ำ รพีพูดเจื้อยแจ้วเหมือนเดิมจนรัตติกาลต้องเอ็ดดุแล้วขู่ว่าจะไม่ช่วยสอนทำการบ้านให้ ร่างป้อมปิดปากเงียบแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเร่งรีบเสียจนรัตติกาลต้องคอยบอกให้ค่อยๆกินช้าลงหน่อย เด็กชายยิ้มและพยักหน้าให้บิดาแล้วคิดในใจว่าไม่อยากให้มีอะไรมาพรากช่วงเวลาดีๆแบบนี้ไปเลย

 

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการรับประทานอาหารของสองพ่อลูก รัตติกาลล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องจิ๋วจากกระเป๋ากางเกงที่ส่งเสียงเรียกพร้อมกับชื่อของปูนที่ถูกบันทึกเอาไว้ ร่างโปร่งนึกสงสัย ว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงได้โทรหาเขาในตอนนี้ ปูนรู้ตัวดีว่าควรหรือไม่ควรทำอะไรและการติดต่อมาในเวลาแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้น รัตติกาลลังเลเล็กน้อยแต่เพราะรพีที่มองมาอย่างสงสัยทำให้เขาตัดสินใจรับสายด้วยท่าทางปกติ

 

“ฮัลโหล”

 

“พี่กาล นี่ปูนนะ”

 

“อืม ว่าไง โทรมาตอนนี้มีอะไรรึเปล่า”

 

“คือ...พี่กาลกินข้าวรึยัง มาหาปูนได้ไหม ปูนทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย”

 

“ถือสายรอแปปนึงนะ...พี กินข้าวไปก่อนนะครับ ขอพ่อคุยโทรศัพท์แปปนึง”

 

 รัตติกาลว่าก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะโดยมีรพีมองตาม ร่างโปร่งหลบฉากมายังอีกมุมหนึ่งของบ้านที่ไม่มีใครอยู่ เขายกหูขึ้นเพื่อจะคุยกับร่างเล็กต่อแต่เสียฮึดฮัดเหมือนคนกำลังร้องไห้ทำให้ ความโมโหเล็กๆที่อีกฝ่ายโทรมารบกวนหายไปทันที

 

“ปูนเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”

 

“ปะ เปล่าฮะ ปูไม่ได้ร้อง แค่ไม่สบายนิดหน่อย”

 

“อย่าโกหกพี่”

 

“ไม่ได้ร้องจริงๆฮะ เมื่อคืนฝนตกตอนกลับห้องเลยโดนฝนนิดหน่อย ว่าแต่พี่กาลกินข้าวแล้วหรอฮะ...”

 

รัตติกาลคิดว่าปูนคงได้ยินที่เขาพูดกับลูกชายเมื่อครู่ ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบปลายสายกลับไป

 

“อืม ว่าแต่เราเถอะ นึกยังไงทำกับข้าวรอ พี่บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าวันธรรมดาพี่ต้องทานข้าวกับที่บ้าน”

 

“ขอโทษครับ ปูนแค่ป่วยแล้วงอแงนิดหน่อยน่ะ...”

 

“เอาเถอะ ว่าแต่เป็นอะไรมากรึเปล่า ไปโรงพยาบาลไหม”

 

“มีไข้นิดหน่อยครับ แต่...อยากให้พี่กาลมาหา...ได้ไหม”

 

“ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอปูน”

 

ปลายสายสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจเล็กๆของรัตติกาลที่ตัวเองโทรมารบกวนเวลาครอบครัวทั้งที่ไม่ควรทำ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรกลับไป เสียงเล็กๆเหมือนเสียงเด็กก็ดังขึ้นให้ได้ยินจนปูนเผลอกำมือถือในมือแน่น

 

“พ่อกาลฮะ พีกินข้าวเสร็จแล้วสอนการบ้านพีหน่อย”

 

“อย่าวิ่งครับพี พ่อคุยโทรศัพท์อยู่เห็นไหม”

 

รัตติกาลหันมาพูดกับลูกชายที่รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกอดขาของเขาไว้ ร่างโปร่งตีเบาๆที่ขาของรพีแต่ไม่ได้ทำท่าคุกคามอะไรทำให้เด็กชายรู้ว่าพ่อแค่ดุที่ตนวิ่งเข้ามาหาเท่านั้น รพียกมือขึ้นไหว้แล้วกล่าวคำขอโทษก่อนจะออดอ้อนบิดาให้ช่วยสอนตนคัดภาษาอังกฤษ รัตติกาลรับปากแล้วบอกให้ร่างป้อมไปรอตนที่ห้องนั่งเล่น แต่พอจะหันมาพูดกับปลายสายอีกที ปูนก็ตัดสายทิ้งไปซะแล้ว

 

‘ขอโทษครับที่กวน’

 

ร่างเล็กส่งข้อความมาให้ทางโปรแกรมแชท รัตติกาลอยากโทรกลับไปแต่เสียงพูดคุยของรพีกับจันทร์กลับทำไม่ให้เขาทำแบบนั้น ชายหนุ่มจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดความวุ่นวายรอบตัว เขาเลือกส่งข้อความกลับไปหาเด็กหนุ่มแทนก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแล้วเดินไปหารพีที่นั่งรอเขาอยู่พร้อมกับสมุดคัดลายมือเล่มโต

 

‘กินยาแล้วนอนซะ พรุ่งนี้พี่จะเข้าไปหา’

 

.

.

.

.

.

.

 

 

รัตติกาลดับเครื่องยนต์ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบผลไม้และกระเพาะปลาเจ้าโปรดที่ปูนเคยพาเขาไปกินเมื่ออาทิตย์ก่อน หอพักในช่วงบ่ายวันทำงานเงียบสนิทเช่นเดียวกับห้องตรงข้ามที่ไม่มีเสียงใดๆลอดออกมาให้ได้ยิน รัตติกาลมองดูประตูห้องบานใหญ่แล้วนึกถึงเรื่องวันนั้น ที่ตนเองเสียเหลี่ยมให้อารัณย์ป้อนจุมพิตให้ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

 

เขาไม่ใช่สาวน้อยวัยรุ่นที่ต้องอาลัยอาวรณ์ริมฝีปากตัวเอง กลับกันด้วยซ้ำ สัมผัสชวนให้ใจหวิวแต่กลับไม่ลึกซึ้งเป็นสิ่งที่เขามักมอบให้ใครมากมายโดยไม่คิดอะไรมาก  แต่จูบที่มาพร้อมกับแววตาอยากเอาชนะแบบนั้นต่างหากที่ทำให้เขาหงุดหงิดและรู้สึกเสียหน้า คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายที่ไม่มีรสนิยมใคร่ในเพศเดียวกันจะกล้าตลบหลังเขาด้วยวิธีเดียวกัน ทำให้รัตติกาลรู้ว่านอกจากไม่รักตัวกลัวตายแล้ว อารัณย์เป็นพวกที่เกลียดความพ่ายแพ้จนยอมทำได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเขาจะประมาทไม่ได้...

 

ร่างโปร่งใช้กุญแจสำรองที่เจ้าของห้องมอบไว้ให้ไขเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ด้วยเพราะเป็นห้องฝั่งที่ไม่หันปะทะแดดโดยตรงแม้จะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศก็ยังคงรู้สึกเย็นสบายประกอบกับระเบียงห้องที่เปิดโล่งจนผ้าม่านสีขาวขุ่นพลิ้วไหวไปตามลม รัตติกาลวางของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะตัวเล็กแล้วเดินไปยังห้องนอนที่เขาคาดว่าเจ้าของมันกำลังหลับอยู่ข้างใน

 

“ปูน”

 

รัตติกาลเรียกร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ผ้าปูที่นอนสีขาวทำให้ปูนดูเหมือนกับจมหายไปในกองผ้า จมูกโด่งเป็นสันสูดความหอมที่ซอกคอของคนที่นอนหลับใหลจนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าปกติ นิ้วยาวเกลี่ยแก้มคนขี้เซาเบาๆ สัมผัสที่รบกวนเวลานอนทำให้ปูนค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะยกยิ้มอ่อนเมื่อเห็นว่าใครกำลังนอนมองหน้าเขาอยู่บนเตียงหลังเดียวกันเหมือนกับในความฝันที่เพิ่งตื่นขึ้นมา

 

“พี่กาล...”

 

“ตัวยังอุ่นอยู่เลย”

 

“ดีขึ้นแล้ว...เพราะพี่กาลมาหา”

 

“ป่วยแล้วอ้อนหรอเรา”

 

ชายหนุ่มพูดแล้วลูบหน้าผากมนของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ปูนยิ้มเพราะสัมผัสนั้นก่อนจะถดตัวเข้ามาใกล้ความอบอุ่นที่ใฝ่หา ฝังใบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างที่เจ้าของกำลังลูบหลังเขาด้วยความอ่อนโยน

 

“แล้วปูน...อ้อนได้ไหม”

 

“ได้สิ อยากได้อะไรล่ะ”

 

“วันเสาร์นี้ พี่ไปชลบุรีกับปูนนะ ค้างที่นั่นสักคืน...ได้ไหม”

 

“พี่ก็ตกลงจะพาเราไปอยู่แล้วไง กลัวพี่ลืมหรอ”

 

“อืม ปูนกลัวจริงๆนั่นแหละ...ขอโทษนะครับ”

 

รัตติกาลไม่รู้ว่าคำขอโทษนั้นมีไว้ให้กับเรื่องไหน แม้จะหงุดหงิดที่เมื่อวานโดนรบเร้าอย่างที่ปูนไม่เคยทำ แต่พออารมณ์เย็นลงบ้างเขาก็คิดได้ว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มเรียกร้องจากเขามันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาเอาเปรียบมาโดยตลอด ร่างโปร่งประคองใบหน้าหวานแล้วกดจูบลงบนกลีบปากนิ่มที่อุ่นกว่าปกติพาลให้รู้สึกดี ลมหายใจอุ่นร้อนของร่างเล็กหอบแรงขึ้นเรื่อยๆตามจังหวะของท่อนลิ้นหยาบที่พันเกี่ยว หยอกล้อกัน จนรู้สึกเหมือนไข้ที่ลดลงจากเมื่อวานกำลังพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

 

“พะ พี่กาล...”

 

“ขอโทษนะ ที่ไม่ได้มาหา”

 

“ไม่เป็นไรครับ ปูนผิดเองแหละ”

 

“ขอโทษ...ที่เลือกปูนไม่ได้”

 

“.....ไม่เป็นไร...แต่ขอแค่ตอนนี้...พี่เลือกปูนทีนะ”

 

ร่างเล็กยิ้มให้เขาพร้อมกับหยดน้ำที่ไหลออกจากดวงตา รัตติกาลจุมพิตเบาๆบนหน้าอกด้านซ้ายแทนคำตอบและยืนยันว่าตอนนี้ตัวเขานั้นอยู่กับใคร ฝ่ามือเล็กลูบไล้ไปตามแนวสันหลังไล่มาถึงแผ่นอกอุ่นของคนที่ตนรักแล้วทำสิ่งเดียวกันกลับไปทั้งน้ำตา ผ้าเนื้อบางถูกปลดเปลื้องออกจากกายของทั้งสองที่ดึงดูดเข้าหากันเป็นจังหวะ จนหยดเหงื่อที่ไหลเคลือบทั่วร่างค่อยๆซึมหายไปพร้อมกับผ้าปูที่นอน เหลือไว้เพียงเสียงกระทบกันของโมบายที่ดังมาตามสายลม

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

ร่างป้อมของรพีกำลังก้มลงเก็บของเล่นที่วางอยู่เกลื่อนกลาดลงกล่องใบใหญ่ ท่าทางตั้งใจยามที่ต้องแยกประเภทของตัวต่อตามสีเรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเหล่าผู้ปกครองที่มองเห็นการกระทำนั้นจากทางเดินห้องขณะที่กำลังจูงมือลูกของตนออกไป เหลือไว้เพียงรพีที่ยังอยู่เป็นคนสุดท้ายของห้อง

 

“เก็บถึงไหนแล้วพี ให้น้าช่วยไหม”

 

“ใกล้เสร็จแล้วฮะ น้ารัณย์ไม่ต้องช่วยนะ พีจะทำคนเดียว”

 

“ฮ่าๆๆ ทำไมล่ะ ให้น้าช่วยดีกว่า จะได้ออกไปเล่นข้างนอกด้วยกันไวๆไง”

 

อารัณย์ว่าดังนั้นก่อนจะนั่งลงบนพื้นช่วยรพีคัดแยกตัวต่อที่เหลืออยู่ไม่มากต่อ โดยที่อีกฝ่ายยู่ปากใส่อย่างไม่พอใจเล็กๆ ที่พี่เลี้ยงหนุ่มยืนยันจะช่วยตนเองทั้งที่เขาสามารถทำมันได้ ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็เอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มนั้นเบาๆอย่างหมั่นเคี้ยวในความดื้อรั้นแบบเด็กๆของรพีที่ไม่ค่อยแสดงออกมาบ่อยนัก

 

“วันนี้ลุงสิทธิมาช้าจัง”

 

“ป้าจันทร์โทรมาบอกน้าว่า แถวหน้าบ้านพีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรถเลยติดหนัก แต่นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้วไม่นานลุงแกก็คงถึง”

 

“อุบัติเหตุ? คืออะไรหรอฮะ”

 

“ก็แบบเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรแบบนั้น สิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นน่ะ”

 

“อืม...งั้น...พ่อกาลกับพีก็เป็นอุบัติเหตุใช่ไหมฮะ”

 

“หื้ม ฮ่าๆๆๆ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”

 

รพีที่เห็นอารัณย์หัวเราะคำพูดของตนเองก็ตีหน้ายุ่งน้อยๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบด้วยความไม่มั่นใจ

 

“ก็...เดี๋ยวนี้พ่อกาลใจดีกับพีมากๆ มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่หรอ...”

 

“พูดอย่างนี้หมายความว่าพ่อเขาใจร้ายกับเรามากรึไง”

 

ถึงในใจอารัณย์จะมีคำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากรับฟังความคิดของเด็กชายที่ถูกคนเป็นพ่อหวังร้ายอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว และเขาก็คิดว่าดีแล้วที่ไม่รู้ สีหน้ายามที่รพีพูดถึงบิดาที่ตัวเองไม่รู้ว่าจริงๆแล้วรัตติกาลไม่ใช่พ่อแท้ๆมันดูมีความสุขมากแม้จะเคยถูกมือคู่นั้นทำร้ายมาโดยตลอด แผลเป็นเล็กๆบนลำคอขาวตอกย้ำถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นทุกครั้งที่มองเห็น ภาพที่ร่างโปร่งกำลังบีบลำคอเล็กๆนี้ด้วยความเกรี้ยวกราดยังคงฝั่งลึกอยู่ในความทรงจำของอารัณย์แล้วเติบโตกลายเป็นอคติที่ทำให้เขาไม่อยากยอมรับคนที่ทำร้ายเด็กที่ไม่มีทางสู้ได้

 

“พ่อกาลใจดีออก ทำไมคนอื่นชอบบอกว่าพ่อกาลใจร้ายก็ไม่รู้”

 

“คนอื่น? ใครหรอ?”

 

“รามกับคนอื่นในห้อง... รามชอบพูดแบบนี้ตอนที่ลุงสิทธิมารับพี”

 

“แล้วพีไม่โกรธพ่อหรอ ที่เมื่อก่อนไม่เคยมารับ”

 

เด็กน้อยส่ายหน้าแรงๆจนผมสะบัด รพีฉีกยิ้มกว้างแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข

 

“ไม่โกรธฮะ ก็เดี๋ยวนี้พ่อมาส่งพีทุกวันเลยนี่นา แล้วครูสาก็สอนไว้ว่า เพราะมีพ่อรพีถึงได้เกิดมา เห็นไหม...พ่อกาลใจดีจะตาย”

 

รพีพูดถึงพ่อด้วยความภาคภูมิใจ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นลูกกาเหว่ที่ถูกฟูมฟักโดยแม่กา ยิ่งเห็นว่ารพีรักและเทิดทูนรัตติกาลมากแค่ไหนอารัณย์ก็ไม่กล้าจะปล่อยให้ความจริงทำลายโลกความฝันของเด็กชายที่เชื่อว่าคนใจร้ายคนนั้นคือผู้ให้กำเนิดตัวเอง และนั่นคงเป็นเหตุผลข้อเดียวที่รพียอมให้อภัยบิดาที่ทำร้ายตัวเองเรื่อยมาทุกครั้ง

 

“รพี...”

 

“ฮะ?”

 

“รพี...รักพ่อกาลมากไหม”

 

“รักมากฮะ รพีรักพ่อกาลที่สุดในโลกเลย”

 

อารัณย์คว้ารพีที่ยิ้มจนตาหยี่เข้ามากอดไว้เต็มอ้อมแขน คนโดนกอดได้แต่มองแผ่นอกกว้างด้วยความสงสัยก่อนจะยกมือเล็กๆขึ้นลูบไปตามลำแขนแกร่งของอีกฝ่ายแทนคำปลอบโยนเพราะคิดว่าร่างสูงกำลังรู้สึกไม่สบายใจ

 

“น้ารัณย์เป็นอะไร...ไม่เอาไม่ร้องนะ”

 

“ฮ่าๆ น้าไม่ได้ร้องสักหน่อย รพีใจดีจังนะ”

 

“พีก็ใจดีเหมือนกันหรอ?”

 

“อื้ม เพราะฉะนั้นน้าจะให้รางวัลคนใจดี ให้พีกับคุณพ่อนะ”

 

อารัณย์ล้วงหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อกันเปื้อนที่ตัวเองสวมอยู่ รพีมองกระดาษสองแผ่นที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ตัวเองไม่เข้าใจ เด็กชายเงยหน้ามองอารัณย์ที่จ้องตนอยู่ก่อนแล้วยกยิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน

 

 “‘วานา นาวา’...ไปเที่ยวหัวหินกัน”

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2015 21:06:26 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คุยกับเช่!

แพ็คของแล้วไปเที่ยวกัน!!! ว่าแต่พ่อกาลจะจัดการกับรถไฟสองขบวนนี้ยังไง 'ลูกปลอม ปะทะ กิ๊กเด็ก' งานงอกแล้วคุณพ่อ  :hao3:

รู้ไหมวันนี้วันอะไร? วันครบรอบ1เดือนของไนท์แมร์ไงคนับ! ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนกับ17ตอน (เยอะอะ!)  :mc4: :mc4: :mc4:

เทียบกับตอนแรกๆที่แทบไม่มีคนอ่าน เช่รู้สึกภูมิใจและดีใจกับพื้นที่เล็กๆของตัวเองมาก เนื้อเรื่องยังอีกไกล

หวังว่าทุกคนจะยังติดตาม อยู่เป็นเพื่อนเช่จนกว่าฝันนี้จะจบนะคนับ เช่ก็จะทำให้ดีที่สุดเลย ขอบคุณนะ^^

 

ตอบไม่ได้ว่าจะอัพตอนหน้าวันไหน ศุกร์-อังคาร เช่ติดถ่ายงานกับตัดต่อสารคดีเรื่องนึง แล้วก็โฆษณาอีกตัว  :katai4: :hao5:

งานงอกพอกพูนมากๆช่วงนี้ แล้วสอบอีก ปวดหัวปวดตับปวดไตไปหมดแล้วคนับ แต่จะไม่ทิ้งไปนานแน่นอน

มีเวลาเมื่อไหร่จะเขียนทีละนิดละหน่อย เตรียมแพ็คกระเป๋ารอวานา นาวากันได้เลย ซัมเมอร์~

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ปูนชักจะเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ

กาลจะเลือกไปไหน ชลบุรีหรือหัวหิน :really2:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง รออ่านต่อนะ

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 อ่านแล้วน้ำตาไหลไม่รู้ตัว

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอค่าๆๆ จะอัพไหม :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1


18th Night

…First Step...

 

 

“ครับ พรุ่งนี้เจ็ดโมงพี่ไปรับนะ”

 

นิลนั่งหาวจนปากกว้างอย่างไม่ไว้ฟอร์ม ฟังเสียงเพื่อนรักคุยโทรศัพท์กับเด็กของมันเคล้าเพลงสากลอยู่ภายในรถซึ่งติดแหง็กยาวเป็นหางว่าวจนเห็นไฟสีแดงส่องเป็นทาง แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงเรียกสติให้ชายหนุ่มหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดู โปรแกรมแชทสีเขียวยอดนิยมขึ้นแจ้งเตือนว่าเจ้าคนน่ารำคาญนั่นส่งข้อความมาหาเขาทั้งที่ไม่จำเป็นอีกแล้ว

 

‘ผู้ต้องหายังมีแฟนมาเยี่ยม แต่ผมต้องกินข้าวคนเดียว...อิจฉาจัง’

 

ข้อความที่หาสาระไม่ได้ถูกส่งมาพร้อมกับภาพข้าวในกล่องโฟมที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารเย็นของคนปลายทางที่ยังคงต้องทำงานทั้งที่เป็นเย็นวันศุกร์ นิลเผลอส่ายหัวอย่างระอาในความดื้อดึงของอีกฝ่ายที่หมั่นส่งข้อความมารายงานการดำเนินชีวิตทุกฝีเก้ายิ่งกว่าคนเป็นแฟนกัน แม้ว่าเขาจะไม่เคยส่งอะไรกลับไป มีเพียงสถานะข้อความที่ขึ้นว่าอ่านแล้วจากฝั่งของเขาเท่านั้นที่ทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้ว่าบัญชีนี้มีการใช้งานจริงแต่เจ้าของมันไม่อยากจะเสวนาด้วยเท่านั้น

 

“ไม่ตอบหรอวะ”

 

คนข้างๆที่จัดการกับกิ๊กเด็กของมันเสร็จหันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้าราบเรียบอย่างเคย แต่มีหรือเพื่อนที่คบกันมานานอย่างเขาจะไม่เห็นแววตาล้อเลียนที่แฝงอยู่นั่น ให้ตายสิ ใครบอกว่ารัตติกาลเป็นคนที่ทั้งนิ่งและเย็นชา สำหรับเขามันก็แค่ไอ้เชือดนิ่ม กวนประสาทหน้าตายเท่านั้นแหละ!

 

“เสือก”

 

“เป็นแฟนกันยัง”

 

“เสือก”

 

“ใครกดใครวะ”

 

“โอ้ย ไอ้เหี้ยกาล! เลิกเสือกเรื่องกูแล้วเอาเวลาไปสไลด์กับเด็กมึงไป!”

 

แทนที่จะสลดรัตติกาลกลับหัวเราะร่วน แถมยังไม่มีความเกรงใจคว้ามือถือของเขาไปเลื่อนอ่านหน้าตาเฉยทั้งที่ไม่ได้ขออนุญาต นิลถอนหายใจอย่างนึกรำคาญแต่ก็ปล่อยให้เพื่อนรักเปิดอ่านข้อความที่นายตำรวจหนุ่มส่งมาหยอดเขาเรื่อยๆตั้งแต่ช่วงที่เรื่องของรพีจบลงด้วยดี

 

“แซวแต่กู จะพากิ๊กเด็กไปเที่ยว ขอลูกรึยังเหอะมึง”

 

“ทำไมต้องขอ?”

 

“ไอ้ห่านี่ดีแตก ไหนบอกจะกลับตัว?”

 

“ไปเที่ยวกับปูนไม่ได้แปลว่ากูละเลยรพีสักหน่อย อีกอย่างตั้งใจพาน้องมันไปทำงานเลยได้โอกาสไปพักบ้างแค่นั้น”

 

“กูไม่ใช่ผัวมึง ไม่ต้องแก้ตัวปัญญาอ่อนแบบนั้นก็ได้ จะไปไหนก็ไปเหอะแต่แค่บอกรพีด้วย มึงทำงานมาเกือบทั้งอาทิตย์ วันหยุดเด็กมันก็หวังจะได้อยู่กับพ่อมันบ้าง”

 

“อืม กะจะบอกว่าไปสัมมนา”

 

“ซั่มมนาล่ะสิไม่ว่า เช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้ไม่พาเข้าบ้านซะให้รู้แล้วรู้รอด”

 

“หึ อย่างกับว่าจะทำได้ หลานรักมึงคงได้ร้องไห้ลั่นบ้าน”

 

“เรื่องรพีก็เรื่องหนึ่ง ประเด็นหลักคือมึงไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใครมากกว่า ใครจะไปรู้ ถ้ามึงมีใครสักคนตอนนี้รพีอาจจะชอบใจก็ได้ ถือซะว่าได้แม่ใหม่ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ”

 

“ยุ่งยาก ให้รพีคิดว่าแม่ของตัวเองทิ้งไปตั้งแต่เล็กก็พอ อีกอย่างเด็กนั่นก็ไม่เห็นเคยจะสนใจเรื่องแม่”

 

“เคยครับ แต่มึงลืม แล้วที่รพีไม่กล้าพูดก็เพราะตอนนั้นมึงเหวี่ยงจนบ้างแทบพัง แถมขู่อีกว่าถ้าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกจะออกไปจากบ้าน ห่า อารมณ์มึงนี่นะ...กูล่ะสงสัยว่าใครกันแน่เป็นเด็กอนุบาล”

 

นิลจิกกัดเพื่อนของตนจนรัตติกาลหันมาขมวดคิ้วใส่อย่างไม่ชอบใจนัก คำพูดของร่างสูงทำให้เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเคยมีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นตอนรพีน่าจะเพิ่งขึ้นอนุบาลสามได้ไม่นาน ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเป็นคืนก่อนวันแม่ที่โรงเรียนจะส่งหนังสือเชิญผู้ปกครองให้มาร่วมกิจกรรม แม้แต่เด็กที่กำพร้าแม่อย่างรพีก็ยังถูกดึงเข้าไปมีส่วนร่วมโดยเชิญเขาที่มีศักดิ์เป็นบิดาให้ไปแทน

 

แต่คิดหรอว่าคนอย่างรัตติกาลในตอนนั้นจะไป จำได้ว่าเขาเสียแจกันใบโปรดของพ่อไปในวันนั้นเพราะความโมโหที่เด็กชายเซ้าซี้ถามถึงแม่ที่ไม่เคยพบว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เขาเลือกตอบเหมือนกับที่บอกคนอื่นๆว่าไม่มีแล้ว เขาและแม่ของรพีเลิกรา และแยกกันใช้ชีวิตตั้งแต่วันที่คลอดรพีออกมา

 

แต่เด็กน้อยวัยเพียงห้าขวบไม่เข้าใจถึงคำว่าหย่าร้าง เอาแต่เว้าวอนให้เขาออกตามหาแม่ของตนเอง ที่ความจริงแล้วไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ความรำคาญและอดีตที่หวนนึกถึงทำให้เขาขาดสติคว้าเอาแจกันจีนใบใหญ่เขวี้ยงใส่ผนังเสียจนเต็มแรงพร้อมกับลั่นคำขู่ไว้ว่าหากมีใครพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกรัตติกาลจะไม่ออกไปใช้ชีวิตคนเดียวข้างนอกแล้วไม่กลับมาอีก ความสงสัยใคร่รู้ทั้งหมดถูกฝังกลบไปพร้อมกับแจกันแตกๆใบนั้น และรพีก็ไม่เคยพยายามตามหาแม่ของตัวเองอีกเลย

 

“ช่างเถอะ อายุตั้งขนาดนี้แล้ว”

 

“ไอ้กาลครับ ขอโทษเถอะ มึงลืมไปรึเปล่าว่ารพียังอายุไม่ถึงหกขวบด้วยซ้ำ ไม่มีเด็กอายุเท่านั้นคนไหนยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆหรอก รพีแค่ไม่อยากให้มึงโมโหเลยทำเป็นเข้มแข็งก็แค่นั้น หึ ขนาดไม่พ่อลูกกันจริงๆแต่นิสัยอวดเก่งนี่เหมือนกันฉิบหาย พี่แพงกับพี่ทีก็ไม่เห็นมีนิสัยแบบนี้สักหน่อย”

 

“เลิกพูดเถอะ”

 

รัตติกาลพูดขัดขึ้นเพราะไม่อยากได้ยินชื่อของสองคนนั้นอีก นิลเหนื่อยใจกับนิสัยชอบหนีปัญหาของคนข้างกาย จนต้องเบือนหน้าหันไปมองวิวข้างนอกที่เปลี่ยนไปพร้อมกับรถยนต์ที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้งอย่าเชื่องช้า อากาศครึ้มฝนยิ่งทำให้ความอึนครึมในห้องโดยสารขนาดเล็กนี่ทวีความรุนแรงขึ้นอีก รัตติกาลชำเลืองมองเพื่อนรักที่เงียบตามที่ตนบอกด้วยความไม่สบายใจที่ตนเองไม่เคยเข้มแข็งพอที่จะดูแลตัวเองได้อย่างที่ปากว่า

 

“ขอโทษว่ะ...กูยังไม่พร้อมที่จะฟัง”

 

“อืม...กูรอมึงได้เสมอแหละ แต่มึงอย่าลืมนะเว้ยกาล”

 

“...”

 

“การที่รพีกำลังจะอายุครบหกขวบ มันหมายความว่าพี่แพงกับพี่ทีจากเราไปจะหกปีแล้วเหมือนกัน กูรู้ว่ามึงเบื่อที่จะฟัง แต่ไอ้กาล... เวลาหกปีกูว่ามันมากพอที่จะพิสูจน์แล้วนะว่าต่อให้มึงรอแค่ไหนพวกเขาก็ไม่มีวันกลับมาชดใช้ความผิดที่ทำไว้กับมึงได้ และมันก็นานพอที่มึงควรจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคนที่มึงต้องการ ความรักของมึงกับพี่ทีจบลงแล้ว มึงต้องเดินต่อแล้ว...เข้าใจนะ”

 

นิลพูดในสิ่งที่ตนคิดพร้อมกับเอื้อมไปกุมมือของรัตติกาลไว้ อยากให้คนโง่ที่ทรมานตัวเองมานานรู้ว่าโลกนี้มันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างที่คิด คำถามที่รัตติกาลถามอารัณย์ในวันนั้น เขาก็ยังหาคำตอบของมันไม่ได้ สิ่งที่อยู่ในหัวหลังจากที่ได้ยินมีเพียงความกลัวใจที่บางครั้งก็เด็ดเดี่ยวเกินไปสำหรับการตัดสินใจบางอย่าง

 

ตั้งแต่เรื่องวุ่นวายทั้งหมดเกิดขึ้น นิลถามกับตัวเองตลอดว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะยังคงเลือกทำในสิ่งเดิมไหม คำพูดที่เขาบอกกับรัตติกาลที่กำลังร้องไห้ สารภาพถึงความรักที่ผิดบาปกับคนรักของพี่รหัสให้เขาฟัง...เขาที่ยืนมองนทีก้มลงจูบรัตติกาลโดยที่ไม่ทำอะไรในวันแรกพบของคณะตอนขึ้นปีสอง

 

ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้...

 

ตัวเขาที่รับรู้โศกนาฏกรรมระหว่างทั้งสามคน...

 

จะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมดบ้าง?

 

.

.

.

.

.

.

 

 

“มึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟังป่ะ”

 

รัตติกาลเงยหน้าขึ้นมองนิลที่กำลังกระดกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นดื่ม ร่างโปร่งแขวนเสื้อตัวสุดท้ายที่เปียกหมาดไว้กับราวตากผ้าก่อนจะเดินมายืนอยู่เคียงข้างนิลที่ยังคงมองไปยังแสงสีมากมายที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดบ่งบอกถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่หลับใหล

 

“ถามอะไรของมึงวะ”

 

“กูถามก็ตอบมาเถอะน่า”

 

“อยากรู้อะไรก็ถามมาตรงๆดิวะ พูดแบบนี้กูก็นึกว่ามึงจะหลอกถามเรื่องที่แอบไปกินเด็กเก่งมึงเข้าน่ะสิ”

 

ร่างโปร่งตอบกวนๆกลับไปแล้วหันไปคว้าเบียร์กระเป๋าใหม่มาเปิดกินบ้าง มือเรียวหยิบเอาซองบุหรี่ที่วางอยู่ข้างๆกันขึ้นมาจุดสูบโดยที่นิลไม่ได้ต่อว่าอะไร กลิ่นหอมเมทอลอ่อนๆกลายเป็นเหมือนกลิ่นประจำกายของรัตติกาลไปซะแล้ว

 

“วันนั้นพี่ทีเขาจูบมึงทำไมวะ”

 

นิลถามไปตรงๆอย่างที่เพื่อนว่า เลยทำให้รัตติกาลกลายเป็นฝ่ายนิ่งเงียบไปซะเอง ร่างโปร่งสูบอัดควันสีเทาเข้าปอดอีกครั้งแล้วขยี้ปลายมวนแดงลงบนขอบปูนของระเบียงอย่างไม่สบอารมณ์นัก

 

“ไอ้เหี้ยนั่นมันกวนตีนกู”

 

สรรพนามที่หยาบคายชนิดที่ไม่น่าเป็นคำใช้เรียกคนคุ้นเคยทำให้นิลหันกลับมามองหน้าเพื่อนรักที่บูดบึ้งไปเสียแล้ว

 

“พี่มันทำอะไรมึง”

 

“มันรู้ว่ากูเป็นเกย์ เลยแกล้งกูเล่น”

 

“เรื่องที่มึงเป็นเกย์? มึงก็ไม่เคยปิดป่าววะ พี่แพงก็รู้”

 

“อืม กูก็ไม่แน่ใจว่ามันรู้ตั้งแต่ตอนไหน แต่คืนวันที่เราไปแดกเหล้าหลังสอบเสร็จ มันเห็นกูออกมาจากห้องน้ำกับเด็กเสิร์ฟที่ร้านนั่น แล้ว...”

 

“แล้ว?”

 

รัตติกาลนิ่งไปนิดเพราะไม่รู้ว่าตัวเองสมควรพูดเรื่องที่รับรู้มาด้วยตาตัวเองให้นิลรับรู้ดีหรือไม่ อย่างที่เขาบอกกับนทีว่าตัวเองไม่ใช่พวกชอบสอดเรื่องชาวบ้าน ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ว่านิ่งดูดายไม่สนใจว่าพี่รหัสจะต้องโดนสวมเขาแต่รัตติกาลคิดว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคนไม่ว่าจะเป็นตอนที่เริ่มต้นหรือวันที่จากลา สิ่งที่เขาเห็นอาจเป็นเพียงสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวอย่างที่ชายคนนั้นพูด หรืออาจจะลึกซึ้งกว่านั้นตัวเขาก็ไม่อาจรู้และไม่มีสิทธิก้าวเข้าไปตัดสินชีวิตใคร ที่พูดไปวันนั้นก็เพียงแค่อยากเตือนให้อีกฝ่ายรู้ ว่าสิ่งใดควรทำและสิ่งใดควรหยุดเท่านั้น

 

“กูไม่เล่าได้ป่าววะ”

 

“ทำไม มีเรื่องอะไรที่ใหญ่กว่ามึงจูบกับแฟนพี่รหัสอีกหรอวะ”

 

“กูไม่ได้จูบมัน มันจูบกูเองแล้วมันก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย”

 

“หึ ใครจะไปรู้ ไอ้เหี้ยเพรียวมันยังเล่าให้ฟังอยู่เลยว่าเด็กวิทยาที่มันแดกไปเมื่อวันก่อนตามติดมันแจ”

 

“มันแดก? ไม่ใช่ว่าโดนแดกหรอ?”

 

“เออ มันนั่นแหละแดกเอง ขนาดไอ้เพรียวนะเว้ย ยังล้างผลาญทรัพยากรผู้ชายได้ แล้วหน้าอย่างมึงจะทำให้พี่ทีหวั่นไหวไม่ได้เลยรึไง”

 

“ใครจะหวั่นไหวก็เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับกู”

 

“มึงไม่สนใจว่างั้น”

 

“ถึงกูเป็นอย่างนี้ กูก็คิดเป็นป่าววะ...พี่แพงเขาดีกับกูมากแล้วก็กับมึงด้วย”

 

“ห่า อย่าเอากูไปเกี่ยว งานนี้ใครจะเอาใครกูไม่อยากยุ่ง แต่ถ้ามึงคิดได้แบบนี้ก็ดี พูดตรงๆกูไม่อยากเห็นคนใกล้ตัวมาผิดใจกันเองว่ะ”

 

นิลว่าอย่างนั้นแล้วก้มลงเก็บกระป๋องเบียร์ว่างเปล่าใส่ถังขยะที่วางอยู่ใกล้ๆ รัตติกาลหยุดคิดแล้วเหลือบไปมองเพื่อนที่ถึงเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่กลับสนิทใจกันยิ่งกว่าเพื่อนคนอื่นๆที่ตัวเองเคยมี

 

“นิล”

 

“หื้ม?”

 

“ถ้าเกิดวันหนึ่งกูต้องผิดใจกับพี่แพงขึ้นมาจริงๆ...มึงจะทำยังไงวะ”

 

รัตติกาลเอ่ยถามทั้งที่ไม่รู้ว่าอยากจะรู้ไปทำไม เขามั่นใจว่าตัวเองจะไม่มีวันหลงไปกับความใกล้ชิดที่นทีมอบให้ มันเป็นเพียงความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจในชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น นิลเงยหน้าขึ้นมองรัตติกาลก่อนจะลุกขึ้นยืนพิงระเบียงอยู่ข้างๆเพื่อนสนิท ที่ไม่ได้มองหน้าเขาตอบ ทำราวกับว่าไม่ใส่ใจในคำถามนั้นเท่าไหร่

 

“กูคงไม่ทำอะไรเลยมั้ง...ไปกินข้าวกับพี่แพงอย่างที่เคยทำ อยู่กับมึงเหมือนที่เคยอยู่ กับพี่ทีจะให้กูไปฆ่าแกงเขาก็ไม่ใช่...สิ่งที่กูทำได้คงมีแค่ ยอมรับการตัดสินใจของทุกคน”

 

“อืม...”

 

“ผิดหวังรึเปล่าวะ ที่กูไม่เข้าข้างมึง”

 

“ไม่หรอก...มึงที่เป็นอย่างนี้แหละดีแล้วนิล...ดีแล้วจริงๆ”

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

“ลุงครับ ช่วยเตรียมรถคันใหญ่ให้ผมที พรุ่งนี้จะขับออกต่างจังหวัดแต่เช้า”

 

รัตติกาลหันไปบอกลุงสิทธิที่กำลังเดินมารับกุญแจรถที่ตน ชายวัยห้าสิบต้นๆขมวดคิ้วอย่างงงๆ แต่ก็รับมันมาโดยไม่ถามอะไรมาก

 

“หรือว่าคุณกาลจะรู้แล้ว...”

 

ในขณะที่ร่างโปร่งกำลังหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน เสียงพูดงึมงำของคนขับรถที่ดังไล่มาสร้างความสงสัยให้ร่างโปร่งจนต้องหันหลังกลับมามองหน้าคนพูดอีกครั้ง

 

“ลุงว่าอะไรนะครับ?”

 

“ปะ เปล่าครับคุณ”

 

ชายแก่ส่ายหน้าก่อนจะขอตัวไปจัดการเรื่องรถให้เรียบร้อย รัตติกาลยังนึกสงสัยแต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก เขาพาตัวเองเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่มีเสียงพูดของรพีดังเจื้อยแจ้วออกมาให้ได้ยินตั้งแต่ยังไม่ก้าวเข้าไปภายในบ้าน รัตติกาลมองดูเด็กชายเงยหน้าขึ้นพูดกับเพื่อนรักของตนที่มาฝากท้องที่บ้านด้วย

 

“พี ทำไมไม่พาอานิลเข้าไปข้างในก่อนล่ะ”

 

ถึงปากจะดุว่าลูกชายที่ปล่อยให้แขกคนสนิทยืนคุยกับตัวเองไม่ให้เข้าไปพักข้างใน แต่รัตติกาลก็แสร้งส่งยิ้มให้รพีได้อย่างแนบเนียนในความคิดของตนเอง ร่างป้อมที่ได้ยินเสียงของพ่อก็ละความสนใจกับคุณอาที่ตัวเองเคารพ ขาสั้นๆพาร่างแกร็นเข้ามาหา มือสองข้างชูขึ้นสูงเพื่อขอกระเป๋าเอกสารใบใหญ่หวังว่าจะได้ช่วยถือ การประจบเอาใจเล็กๆนั่นสร้างรอยยิ้มให้ใครต่อใครที่มองดู แม้แต่รัตติกาลเอง ครู่หนึ่งก็เผลอยิ้มให้การกระทำนั้นโดยที่ไม่รู้ตัว

 

ชายหนุ่มเลือกที่จะส่งเสื้อสูทตัวใหญ่ให้ลูกชายถือแทนกระเป๋าที่ดูท่าจะหนักเกินไปสำหรับเด็กตัวเล็กๆ ถึงแม้จะขัดใจอยู่บ้างแต่รพีก็รับมันมาถือไว้โดยไม่อิดออด จันทร์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องทานอาหาร กวักมือเรียกรพีที่พยายามยกผ้าตัวหนาให้ไม่ตกระพื้นให้เข้าไปหา รัตติกาลยกมือไหว้คนที่เคารพ ก่อนจะพานิลเดินไปทางห้องทานอาหารที่ดูท่าเพิ่งจะจัดโต๊ะเสร็จได้ไม่นาน

 

แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึง กระเป๋าเดินทางใบย่อมสองใบที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นทำให้ร่างโปร่งต้องหยุดมองด้วยความสงสัย เขาจำไม่ได้ว่าได้บอกใครเรื่องที่จะไปต่างจังหวัดยกเว้นนิล ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีคนในบ้านรู้แล้วถือวิสาสะเก็บสัมภาระไว้ให้

 

 

“อะไรวะเนี่ย”

 

“คุณพีเธอบอกให้ช่วยจัดไว้ให้น่ะค่ะ”

 

นิ่มที่ยืนอยู่แถวนั้นเอ่ยขึ้นตอบความสงสัยของเจ้านายที่เอาแต่มองกระเป๋าสองใบนั้นไม่วางตา แม้อยากจะพูดมากกว่านี้แต่ก็คิดได้ว่าเรื่องสำคัญแบบนี้ควรจะให้เจ้าของความคิดเป็นคนอธิบายด้วยตัวเองดีกว่า ยังไม่ทันที่รัตติกาลจะได้ถามต่อ ร่างป้อมที่เพิ่งเอาเสื้อสูทของบิดาเข้าไปเก็บด้านในตามคำบอกของจันทร์ก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมกับถืออะไรบางอย่างเข้ามาด้วย

 

“ให้เก็บกระเป๋าไปทำอะไร รพี”

 

เด็กชายไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มให้แล้วยื่นสิ่งที่ตนถือมาให้เขา พร้อมกับนิลที่ชะโงกหน้ามาดูด้วยความอยากรู้ บัตรเข้าสวนน้ำแนววอเตอร์ จังเกิ้ล ชื่อดังซึ่งตั้งอยู่ที่หัวหินสองใบไม่ใช่สิ่งที่เด็กอย่างรพีจะหามาได้ รัตติกาลกำลังจะเอ่ยปากถามถึงที่มาของบัตรแต่รพีก็พูดขัดขึ้นซะก่อน

 

“อานิลฮะ น้ากาลบอกว่าให้โทรหา”

 

ชื่อของบุคคลที่สามถูกพาดพิงถึงทำให้รัตติกาลและนิลรู้ได้ทันทีว่ารพีได้บัตรของวานา นาวาจากใคร นิลรีบส่ายหน้าใส่รัตติกาลที่จ้องมาอย่างเอาเรื่องเพื่อปฏิเสธว่าตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้สักนิด พลางนึกด่าอารัณย์ในใจที่หาเรื่องมาให้เขาไม่รู้จักหยุดจักหย่อน แม้อยากจะคาดคั้นความจริงจากปากผู้ต้องสงสัยมากแค่ไหน แต่รัตติกาลก็เลือกที่จะถามตัวต้นเรื่องที่กำลังจ้องเขาตาแป๋วราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง

 

“รพี...ไปเอาบัตรนี่มาจากไหน”

 

รัตติกาลถามในสิ่งที่ตัวเองค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้วอีกครั้ง

 

“น้ารัณย์ให้พีมาฮะ เป็นรางวัลให้พีกับพ่อกาล”

 

“ให้พ่อ?”

 

“ฮะ! น้ารัณย์บอกว่าพ่อกาลใจดี เลยต้องให้รางวัล”

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

 

นิลที่ยืนฟังอยู่ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่ไหว นี่มีใครมาตั้งกล้องแอบถ่ายแถวนี้รึเปล่า? อย่างไอ้รัณย์เนี่ยนะบอกว่าไอ้กาลใจดี?? ให้ไอ้กาลไปฟันชะนียังจะดูเป็นไปได้มากกว่า ปกติก็ตีกันจะตายห่า ไม่เคยพูดกันดีๆสักครั้งแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง งานนี้ถ้าไม่ใช่รพีเข้าใจผิดไปเอง ไอ้รัณย์ก็คงเลี้ยงเด็กจนบ้าไปแล้วแน่ๆ

 

คนใจดีที่ว่ากำลังโกรธจนตัวสั่น ทั้งที่ใจก็ไม่ได้เชื่อหรอกว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากพี่เลี้ยงเด็กคนนั้นได้แต่มันก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี รัตติกาลนับหนึ่งถึงสิบในใจ จนเลยไปถึงสามสิบความครุกรุ่นในใจก็ไม่ได้ทุเลาลง จนต้องระบายออกด้วยกันหันไปฟาดแขนล่ำภายใต้เสื้อแขนยาวของนิลเข้าเต็มแรง แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้มีท่าทางโกรธอะไร หนำซ้ำยิ่งขำมากกว่าเดิมซะอีก

 

 “บัตรนี่แพงมาก รพีไม่ควรไปรับของน้าเขามานะครับ”

 

รัตติกาลสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อตั้งสติ ก่อนจะหันมาพูดกับลูกชายที่มองเขาและนิลสลับกันอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจแต่ก็ยังคงรอยยิ้มไว้อย่างเดิม แต่คำพูดที่ชวนให้คนฟังรู้สึกว่าต้องเกรงใจกลับไม่ทำให้รพีสะทกสะท้าน

 

“น้ารัณย์บอกว่าได้มาจากครูอ๋องฮะ ไม่ต้องเกรงใจ”

 

“ครูอ๋อง?”

 

“ครูสอนว่ายน้ำฮะ ครูอ๋องให้น้ารัณย์มาตอนไปช่วยที่สระ”

 

เด็กชายอธิบายไปตามสิ่งที่อารัณย์บอกตัวเองมาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะคิดว่าพ่อของตนคงจะเกรงใจน้ารัณย์ที่แสนใจดีคนนั้นแน่ๆ รัตติกาลทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ข้ออ้างที่เพิ่งคิดได้ถูกโต้กลับมาด้วยเหตุผลที่ดักทางไม่ให้เขาปฏิเสธได้เลย ร่างโปร่งอ่านรายละเอียดในบัตรอีกครั้ง ตราปั้มสีแดงที่เขียนว่า ‘Not for sale’ บ่งบอกว่าบัตรนี่ไม่ได้ได้มาจากการซื้อขายแบบปกติ ตัวอักษรเล็กๆในมุมด้านขวาระบุถึงวันสุดท้ายที่บัตรนี้จะสามารถใช้ได้ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เท่านั้น

 

 “พีครับ”

 

“ฮะ! พ่อกาลจะไปใช่ไหม พีให้ยายจันทร์จัดของไว้หมดแล้ว!”

 

“พ่อต้องทำงานวันเสาร์”

 

รพีที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วหยุดนิ่งไปทันทีที่ได้ยิน รอยยิ้มที่เคยระบายเต็มใบหน้าค่อยๆหดหายไป เด็กน้อยมองหน้าพ่อของตนก่อนจะก้มลงมองพื้นแข็งๆราวกับว่ามันน่าสนใจหนักหนา ไหล่เล็กสั่นน้อยๆเหมือนกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง นิลที่มองอยู่กำลังจะเดินเข้าไปหารพีด้วยความสงสารแต่เด็กชายก็เงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพ่อก่อนจะส่งยิ้มอ่อนๆให้ทั้งที่ดวงตากำลังสื่อถึงความผิดหวัง

 

“มะ ไม่เป็นไรฮะ”

 

“ไอ้กาล...”

 

นิลเผลอเรียกชื่อเพื่อนของตนทั้งที่ไม่ควรทำ งานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่ารัตติกาลจะอยากพารพีไปเที่ยวหรือไม่แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังรอเพื่อนของเขาด้วยความหวังเช่นกัน ร่างโปร่งรู้สึกกดดันยิ่งขึ้นอีกแค่นิลเอ่ยชื่อเขาออกมา ยอมรับว่าต่อให้นิลไม่พูดเขาก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย ทั้งที่น่าจะรู้สึกสะใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

 

ความเจ็บปวดที่คนที่เรารักเลือกคนอื่นน่ะ...

 

รพีก็ควรได้รู้สึกถึงมันไม่ใช่หรอ?

 

จากเดิมที่ตั้งใจไว้ เขากับปูนจะเดินทางไปที่ชลบุรีตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าแล้วกลับมากรุงเทพพร้อมกันในวันอาทิตย์ตอนเย็น ไม่มีทางเลยที่เขาจะขับรถกลับมาพาเด็กชายไปเที่ยวในสถานที่ไกลพอๆกันได้ ใจหนึ่งรัตติกาลบอกตัวเองว่าไม่ต้องทำอะไร รพีก็พูดเองว่ามันไม่เป็นไรเพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อเด็กนั่น แต่กลับมีอีกเสียงหนึ่งที่แม้จะแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบแต่เขากลับสลัดมันทิ้งไม่ได้

 

‘ความรู้สึกที่ต้องเป็นฝ่ายรอ...เราเข้าใจมันดีไม่ใช่หรอกาล’

 

เสียงกระซิบที่ฟังคล้ายกับเสียงของตัวเขาเองดังขึ้นอยู่อย่างนั้น หากแต่มันไม่ฟังดูแห้งแล้งเหมือนตัวเขาที่แสนโสมมในวันนี้ นิลมองดูรัตติกาลที่มีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด เขานึกว่ารัตติกาลอาจจะพอใจกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าหากอยากให้รพีเข้าใจความเจ็บปวดของตัวเอง รัตติกาลคงจะฉวยโอกาสนี้ไว้โดยไม่ต้องคิดหนัก แต่สีหน้าของเพื่อนรักตอนนี้ไม่มีสักส่วนเสี้ยวเลยที่บ่งบอกถึงความคิดนั้น

 

“ไอ้กาล...”

 

“กู...กูขอใช้โทรศัพท์หน่อย”

 

รัตติกาลว่าดังนั้นแล้วเดินเลี่ยงออกมาด้านนอก ก่อนจะที่ก้าวพ้นประตูไปร่างโปร่งแอบหันกลับมามองยังร่างเล็กที่ไหล่ตกลู่อย่างน่าสงสาร เขาคิดว่ารพีคงจะต้องมองดูเขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความหวังเหมือนที่เคยทำ แต่เด็กน้อยกลับยังคงก้มลงมองปลายเท้าของตัวเองอยู่อย่างนั้นไม่แม้แต่จะร้องไห้

 

เขามองเบอร์ของปูนอย่างลังเล ภาพของรพีเมื่อครู่ไม่อาจทำเป็นลืมได้เช่นเดียวกับปูนที่เคยมองเขาด้วยสีหน้าแบบเดียวกัน ทั้งที่บอกตัวเองว่าทั้งคู่คือคนที่เราไม่จำเป็นต้องแคร์แต่สุดท้ายเขาเองกลับลำบากใจที่ต้องเลือก ทั้งที่คำตอบมีแค่หนึ่งเดียวแต่กลับรู้สึกเหมือนไร้หนทาง

 

พี่ทีครับ...

 

ตอนที่พี่ต้องเลือกระหว่างผมกับพี่แพง...พี่รู้สึกเหมือนผมรึเปล่า?

 

 

“ฮัลโหลพี่กาล โทรมาเร็วเชียว”

 

“ปูน...”

 

“ปูนเก็บของเรียบร้อยแล้วนะ พี่กาลเก็บรึยัง อ่อ ไม่ต้องเอาครีมกันแดดไปนะ ปูนเอาไปเผื่อแล้ว”

 

“ปูน...พี่...”

 

“ครับ? พี่กาลเป็นอะไรรึเปล่า?”

 

ปลายสายจับน้ำเสียงที่ผิดปกติของรัตติกาลได้จึงหยุดฟังด้วยหัวใจที่จู่ๆก็บีบรัดจนรู้สึกเจ็บ เสียถอนหายใจยาวดังขึ้นยิ่งทำให้ปูนเผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่นเข้าไปอีก รัตติกาลตั้งสติสักครู่ก่อนจะพูดในสิ่งที่น่าหนักใจออกไปด้วยความรู้สึกผิด

 

“เพิ่งมีธุระด่วนเข้ามา...”

 

“งานหรอครับ”

 

“...”

 

“น้องพีใช่ไหมครับ”

 

“ปูน...”

 

“ไม่เป็นไรครับ ปูน...ไม่เป็นไร”

 

คำนี้อีกแล้ว...รัตติกาลไม่เคยคิดว่าฝ่ายที่โดนยกโทษให้จะต้องรู้สึกอึดอัดขนาดนี้ ทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสองคนนั้นเต็มไปด้วยความหลอกลวงแต่สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการให้อภัย

 

“แค่วันเสาร์ได้ไหม พี่อยู่กับเราได้แค่วันเดียวได้ไหมปูน...อีกวันพี่ต้องกลับมาหาเขา...”

 

ปูนที่นั่งนิ่งเบิกตาโพลงพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ

 

“ได้หรอครับ... เวลาของพี่กาล...”

 

“ได้สิ แต่พี่ขอโทษที่ให้เราได้แค่วันเดียว”

 

“แค่นี้ก็ดีแล้วครับ ถึงจะแค่นาทีเดียวที่พี่เลือกปูน...แค่นั้นก็พอแล้ว”

 

รัตติกาลยืนฟังเสียงร่ำไห้ที่ไม่รู้ว่าของมันกำลังรู้สึกแบบไหน เสียใจ หรือดีใจที่เยื่อบางๆระหว่างเราไม่ถูกสะบั้นลงในคราวเดียว เขาเดินกลับเข้าไปภายในบ้านที่เงียบสนิทไม่คึกคักอย่างที่เคย ทั้งที่บ้านหลังนี้เพิ่งกลับมามีเสียงหัวเราะได้ไม่นานแต่มันกลับทำให้รู้สึกโหวงเหมือนกับสิ่งสำคัญมันหายไป

 

รพีนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว พอเขาเดินเข้ามาเด็กชายก็เงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มมาให้ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น กระเป๋าสองใบหายไปจากห้องนั่งเล่น ไม่มีใครพูดตำหนิเขาเลยแม้แต่ป้าจันทร์หรือนิลที่นั่งอยู่ในที่ประจำ หญิงแก่เอ่ยบอกให้นิ่มตักข้าวให้ทุกคนเพื่อเริ่มมื้ออาหาร เด็กชายใช้แขนสั้นๆนั้นตักเอาเนื้อไก่ตุ๋นชิ้นใหญ่ใส่จานของพ่อก่อนตัวเอง แล้วถึงลงมือทานอาหารตรงหน้าด้วยท่าทาฝืดคอ

 

“พี...”

 

“ฮะ...”

 

“วันเสาร์พ่อไม่ว่าง”

 

“ไม่เป็นไรฮะ พีขอให้อานิลโทรหาน้ารัณย์ให้แล้ว น้ารัณย์บอกว่าไม่เป็นไร”

 

“ถ้าไปแค่วันอาทิตย์ได้ไหม คงไม่ได้ค้าง แต่ต้องออกแต่เช้านะ ถ้าพีอยากจะเล่นน้ำที่นั่น”

 

“...”

 

“ไปเที่ยวกัน...นะ”

 

เด็กชายส่งเสียงฮึดฮัด หยดน้ำกลมไหลกลิ้งออกจากดวงตาอาบเต็มใบหน้าที่เจ้าของพยายามฝืนมันไว้จนเหยเก หัวกลมผงกขึ้นลงยอมรับข้อเสนอของพ่อ มือเล็กวางช้อนลงแล้วยกขึ้นปาดน้ำตาด้วยท่าทางน่าสงสารแต่คนที่อยู่ในห้องนั้นกลับมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม

 

นิลมองรัตติกาลที่ยกมือขึ้นอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็วางมันลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทแล้วลูบมันอย่างแผ่วเบา รัตติกาลคงไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหน แววตาที่เขาไม่เคยเห็นมานานหลายปี ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็ยังสะท้อนอยู่ในนั้น

 

อย่างที่กูบอกแหละกาล สุดท้ายแล้วกูก็ไม่ทำอะไรเลย

 

เพราะลึกๆแล้ว กูก็ยังอยากเชื่อว่าเวลาจะรักษาทุกอย่างได้

 

ถึงมันจะนานเกือบหกปี แต่วันนี้มันก็เริ่มขึ้นแล้วนะ

 

ถึงจะเป็นแค่ก้าวเล็กๆ แต่มึงก็เดินออกไปแล้ว

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คุยกับเช่!

 

ตอนนี้มัน...ดีเนอะ พอจะมองกาลในแง่ดีกันขึ้นหน่อยไหม 5555 ถึงจะลมเพลมพัดไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็มีพัฒนาการนะ :hao3:

บางคนอาจจะคิดว่ากาลเหมือนจะกลับตัวง่ายไปหน่อย ไม่ง่ายหรอกคนับ เรื่องมันยาว มีอะไรให้เล่นอีกสักพัก

ส่วนเรื่องเสียงที่กาลได้ยิน ก็คือเสียงของตัวเองในอดีตนะคนับ เป็นเสียงที่ทำให้ตอนนี้กาลฉุกคิดได้ ว่าตอนที่ตัวเองเป็นฝ่ายรอ

มันเจ็บปวดแค่ไหน กาลเลยตัดสินใจแบบเซฟที่สุด ว่าจะแบ่งเวลาอันน้อยนิดของหนุ่มฮอตให้กับทั้งสองคน

ตอนนี้พระเอกเราไม่มา ค่าตัวแพ๊งแพง เดี๋ยวแม่เปลี่ยนเป็น กาลปูนซะเลย! ล้อเล่น555 :katai3:

 

น่าจะหายไปสองสามวันเหมือนเดิมนะคนับ งานทับตายจะอ้วกแล้ว อาจจะต้องรอหน่อย ขอโทษนะ แต่ไม่ทิ้งแน่นอน

ขอบคุณทุกเม้นทุกโหวต หวังว่าตอนนี้จะพอทำให้คนติดตามหายใจหายคอโล่งๆบ้างนะ ^^

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
เอาอิมเมจตัวละครมาฝากประกอบการจิ้นกันนะคนับ
อนึ่งเรื่องราวในนิยายทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลผู้ปรากฎในภาพ  :man1:

รัตติกาล อารัณย์
นที ปูน รพี
นิล ฤทธิชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2015 14:12:54 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบนิลมากอะ เอฟซีเลย
ดีใจที่กาลเริ่มจะคิดอะไรได้บ้าง
อย่าให้มีอะไรมาทำให้คลั่งอีกเลย

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นะ ก็ยังบีบหัวใจอยู่

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มันจะโอเคใช่มั้ย ^^!

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 

19th Night

…Rain...


 

รัตติกาลขับรถพาปูนออกจากกรุงเทพตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แม้สภาพจราจรบนถนนมอเตอร์เวย์ไม่ได้ติดขัดมากอย่างที่เคยเป็นแต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็เลือกที่จะเดินทางเร็วกว่าทุกครั้งเพราะฟ้าครึ้มในช่วงปลายฝนต้นหนาวทำให้รัตติกาลต้องการเผื่อเวลาไว้สักหน่อยให้แน่ใจว่าเด็กหนุ่มจะไปให้ทันทำงานตอนเก้าโมง

 

ร่างโปร่งอ้าปากงับแซนด์วิชชิ้นเล็กที่ปูนป้อนให้ถึงปาก เพราะไม่อยากเสียเวลากับการแวะกินอาหารข้างทาง ร่างเล็กจึงเลือกที่จะตื่นให้ไวขึ้นกว่าที่ตั้งใจเพื่อเตรียมของทานเล่นง่ายๆให้กับเขาและตนเอง ส่วนมื้อหลักเราทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไปกินกันที่โรงแรมอันเป็นสถานที่ทำงานเลย

 

“น้องพี น่ารักจังนะครับ”

 

ปูนพูดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะดูรูปถ่ายของรพีและเขาที่นิลอัดมาให้ตั้งแต่เมื่อวาน รัตติกาลไม่เคยมีความคิดอยากให้ทั้งสองคนทำความรู้จักกันแต่เพราะทนแรงรบเร้าของคนข้างกายไม่ไหว เขาจึงหยิบมันติดมือมาด้วย เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นรูปอีกใบที่มีภาพของนิลและรพีที่ทำท่าโพสประหลาดๆในขณะที่เขายังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม ร่างโปร่งชำเลืองมองดวงหน้าหวานที่แสดงออกถึงความสุขอย่างนึกประหลาดใจ ทั้งที่รพีขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ทำให้กำหนดการพักผ่อนของเราพังลงแล้วทำไมปูนถึงยังยิ้มให้กับคนที่แย่งความสุขของตัวเองไปได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

 

“ทำไมถึงไม่โกรธล่ะ”

 

“ครับ?”

 

รัตติกาลเผลอถามไปตามที่ใจคิด ร่างเล็กหันมาสบตาเขา ทำหน้าเหลอหลาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาถาม

 

“รพีน่ะ...”

 

“อ่อ นั่นสินะครับ...ทั้งๆที่รู้สึกอิจฉาน้องมากๆ...จนถึงเมื่อวาน”

 

“จนถึงเมื่อวาน?”

 

เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้เขาก่อนจะมองออกไปนอกกระจกรถ ผมสีอ่อนถูกจัดไว้เป็นทรงถูกปัดให้เรียบไปทางด้านหลังเพราะต้องรับหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ในงานเลี้ยงใหญ่ที่ถูกจัดขึ้นในโรงแรมที่บังเอิญเป็นคู่แข่งกับโรงแรมของคณิตเพื่อนของเขา

 

“ผมนึกว่าพี่ จะเกลียดน้องพีซะอีก”

 

แทนที่จะตอบคำถาม ปูนกลับตอบเขาด้วยคำถามอื่นแทน ถึงจะไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง แต่รัตติกาลเคยเปรยเกี่ยวกับความรู้สึกและส่วนหนึ่งของความตั้งใจที่จะทำให้คนข้างกายได้ทราบ และนั่นก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับการตัดสินใจของรัตติกาล

 

“มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่...”

 

“แล้วทำไมถึงเลือกที่จะผิดสัญญากับผมล่ะ”

 

“โกรธรึไง?”

 

“ไม่หรอกครับ อันที่จริงพี่กาลจะไม่มากับปูนเลยก็ได้ ถ้าทำแบบนั้น...น้องพีคงเจ็บปวดเหมือนกับที่พี่หวังเอาไว้”

 

“นั่นสินะ...”

 

อย่าว่าแต่ปูนที่แปลกใจ รัตติกาลเองก็ขบคิดถึงการตัดสินใจของตัวเองเกือบทั้งคืน เสียงที่ดังอยู่ในหัว แม้แต่การคำนึงถึงความรู้สึกของนที คนที่เขาบอกกับตัวเองว่าต่อให้ตายไปแล้วก็จะไม่มีวันให้อภัย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่รัตติกาลไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเลยสักนิด

 

“ใจอ่อนแล้วหรอครับ”

 

“คิดว่างั้นหรอ”

 

“ก็นะ น้องพีน่ารักขนาดนั้น พี่กาลจะรู้สึกเอ็นดูบ้างก็ไม่แปลกอะไร ขนาดปูนยังชอบน้องเลย”

 

“คิดว่าพี่ควรใจอ่อนให้ลูกของคนที่พี่เกลียดไหมล่ะ”

 

“แม่ของน้องหรอครับ”

 

รัตติกาลไม่ได้ตอบ เพราะถ้าตอบไปคงเลี่ยงที่จะให้เด็กหนุ่มรับรู้เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ ถึงแม้จะมั่นใจว่าต่อให้รู้เรื่องปูนจะยังคงยืนอยู่เคียงข้างเขา แต่เพราะพื้นที่ข้างกายเด็กหนุ่มเหมือนที่พักพิงที่รัตติกาลเลือกจะมาอาศัยยามที่เหน็ดเหนื่อยจากการเสแสร้งทั้งหลาย เขาต้องการพักผ่อน...ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น แม้แต่เรื่องที่ว่าความจริงแล้วความรู้สึกนี้มันไม่ใช่ความรัก

 

“ปูนคงถามมากไปสินะครับ”

 

“อืม...”

 

“ครับ แต่ขอปูนบอกพี่กาลสักอย่างได้ไหม”

 

“.....ว่ามาสิ”

 

เด็กหนุ่มยิ้มให้เขาก่อนจะหันไปมองถนนแล้วพูดต่อ

 

“พี่อย่าหลอกตัวเองนะ...ไม่ว่าจะเกลียด...หรือรัก...พี่กาลต้องซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองนะรู้ไหม”

 

“...”

 

“ไม่ว่าจะล้างแค้น หรือให้อภัย ก็ขอให้ทำมันด้วยความรู้สึกจริงของตัวเอง อย่าฝืนนะครับ”

 

“เชื่อแล้วว่าเราชอบรพีจริงๆ”

 

“ฮ่าๆ คิดว่าปูนพูดแบบนี้เพราะน้องหรอ ปูนไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกน่า”

 

“...”

 

“ปูนแคร์แค่พี่กาลเท่านั้นแหละ”

.

.

.

.

.

.

 

 

ร่างโปร่งขับพาเด็กหนุ่มมาส่งยังที่หมาย อันเป็นหนึ่งในสาขาของโรงแรมชื่อดังระดับประเทศที่ได้รับความไว้วางใจจากนักท่องเที่ยวทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ ตามกำหนดการเดิมเขาควรจะต้องเข้าพักที่นี่สองคืนแล้วตีรถกลับกรุงเทพในช่วงเช้าวันจันทร์ แต่เพราะแผนที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้สามารถพารพีเดินทางไปหัวหินได้ตั้งแต่เช้าตรู่วันอาทิตย์ รัตติกาลจึงต้องเดินทางกลับตั้งแต่เย็นวันนี้ไม่ได้อยู่ค้างอย่างที่หวัง ด้วยเพราะงานเลี้ยงที่เด็กหนุ่มต้องเข้าไปดูแล ถูกจัดตั้งแต่เช้าเรื่อยไปจนถึงเย็น ทำให้การมาชลบุรีครั้งนี้เป็นไปเพื่อรับส่งปูนเท่านั้น

 

“เสร็จงานแล้วโทรตามพี่นะ”

 

รัตติกาลว่าดังนั้นแล้วจึงเปลี่ยนเป้าหมายเดินทางมายังโรงแรมของเพื่อนแทน แม้จะไม่มีสาขามากมายแต่เพราะความเก่าแก่และชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นแรกทำให้สามารถพูดได้เต็มปากว่าโรงแรมของคณิตเป็นก้างชิ้นโตที่คอยขวางทางคู่แข่งหลายๆเจ้าไม่ให้ตีตลาดทั้งหมดของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ไปได้

 

 “เห้ย ไอ้กาล!”

 

ชายหนุ่มยกมือขึ้นทักทายเพื่อนในชุดสูทหรูที่กำลังก้าวยาวๆมาทางเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ คณิตกอดแล้วตบไหล่คนที่ตัวเล็กกว่าตนเล็กน้อย ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างซึ่งไม่ได้เห็นได้บ่อยๆของนักบริหารหนุ่มเรียกสายตาของพนักงานและแขกเหรือที่มาเข้าพักหันมามองเป็นทางเดียวกัน

 

“มาโผล่ที่นี่ได้ไงวะ แล้วนี่มาคนเดียว?”

 

“พอดีพาคนมาทำธุระแถวนี้ เลยกะมานั่งรอที่โรงแรมมึง แขกเยอะเลยนี่หว่า”

 

“กว่าจะได้มาขนาดนี้ก็วางแผนกันแทบแย่ ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวได้ขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ว่าแต่อย่าทำเนียนๆ...แอบพาใครมากก สารภาพมาดีๆ”

 

คณิตชี้หน้าร่างโปร่งอย่างรู้ทัน รัตติกาลส่ายหน้าอย่างระอาในความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนที่ถึงไม่อาจพูดได้ว่าสนิทเท่านิล แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่รู้ใจเขาดีพอสมควร

 

“รุ่นน้องที่รู้จักน่ะ มารับจ็อบเป็นบาร์เทนเดอร์ให้งานเลี้ยงโรงแรมคู่แข่งมึง”

 

“อ่อ ไอ้งานประมูลที่ว่านั่นหรอ...ช่างเรื่องน่าปวดหัวพวกนั้นเถอะ กูว่าระดับที่คุณรัตติกาลผู้งานรัดตัวอุตส่าห์ขับรถพามาส่งถึงบางแสนนี่ คงไม่ใช่รุ่นน้องธรรมดาซะล่ะมั้ง”

 

“ก็ตามนั้น”

 

“ร้ายว่ะ! รุ่นน้องที่ทำงาน?”

 

“เปล่า ยังเรียนมหาลัยอยู่”

 

“เห้ย! เดี๋ยวนี้หัดเลี้ยงต้อยหรอวะ”

 

ทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่สักพักก่อนจะพากันมายังห้องอาหารของโรงแรม ด้วยเพราะกว่าจะเดินทางมาถึงก็ใกล้เวลาที่นัดหมายทำให้ปูนและรัตติกาลไม่ได้ทางอาหารเช้าด้วยกันอย่างที่ตั้งใจไว้ อาหารเบาๆจึงถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำผลไม้และกาแฟรสเข้ม รัตติกาลลงมือทานไปพูดคุยกับคณิตไป โดยส่วนมากเป็นเรื่องของงานเขียนที่ยังคงเป็นหัวข้อบทสนทนาที่สนุกเสมอสำหรับเด็กอักษรอย่างพวกเขา

 

“ว่าแต่มีเด็กเลี้ยงอย่างนี้ ลูกไม่ว่าเอาหรอวะ”

 

“ไม่รู้สิ ไม่ได้บอก”

 

“เอาดีๆนะเว้ย พีก็ยังเด็กจะทำอะไรก็คิดถึงใจลูกหน่อยแล้วกัน”

 

“หึ ตอนแรกยังเห็นดีเห็นงามกับกูอยู่เลย”

 

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ไม่อยากเห็นมึงมีปัญหากับลูกอีก คราวก่อนโทรไปหาไอ้นิลมันเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้เรื่องมึงกับพีดีขึ้นแล้ว”

 

“อืม...ก็ตามนั้น”

 

“อ้าว แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ”

 

คณิตมองหน้ารัตติกาลที่ทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง สีหน้าที่ดูสนุกยามพูดถึงสิ่งที่ชอบดูสับสนเมื่อพูดถึงลูกชายที่กำลังรอคอยพ่ออยู่ที่บ้าน

 

“...ไม่มีอะไรหรอก”

 

“อืม กูก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรมากนะเว้ย แค่เป็นห่วงวะ กูเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่จะปรับกันง่ายๆ แต่เอาเถอะ...ไม่ว่ามึงจะหาผัวหรือเมียเข้าบ้าน ไอ้นิลก็ตามล้างตามเช็ดมึงได้อยู่ดี”

 

รัตติกาลหัวเราะร่วนกับคำพูดของเพื่อน คณิตอยู่คุยกับร่างโปร่งอีกนิดหน่อยก่อนจะขอตัวออกไปดูแลความเรียบร้อยในโรงแรมตามเดิมโดยไม่ลืมกำชับรัตติกาลว่าให้แจ้งชื่อของตนไว้ในบิลทุกใบเพื่อแสดงไมตรีจิต

 

ร่างโปร่งใช้เวลาทั้งบ่ายไปกับสายลมเย็นๆและหนังสือปกหนาที่เขาหยิบติดตัวมาด้วย โซนสระน้ำของโรงแรมซึ่งเป็นที่เปิดโล่งรับกลิ่นไอทะเลแม้จะทำให้รู้สึกเหนียวตัวแต่รัตติกาลกลับรู้สึกผ่อนคลายจนกว่าจะรู้ตัวอีกทีหนังสือเล่มใหญ่สองเล่มก็ถูกอ่านจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว แสงไฟวูบวาบและแรงสั่นสะเทือนจากโต๊ะตัวข้างๆทำให้ชายหนุ่มต้องวางหนังสือในมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ปรากฏชื่อของจันทร์ขึ้นมาดูแทน

 

“สวัสดีครับ”

 

“พ่อกาล! นี่พีเองนะฮะ”

 

เสียงเด็กน้อยดังเจื้อยแจ้วมาจากปลายสายเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนรัตติกาลหลุดขำ บริกรหนุ่มที่กำลังเดินเก็บแก้วน้ำที่ลูกค้าคนอื่นวางไว้เผลอหันมามองรอยยิ้มสวยนั้นอย่างหลงใหลโดยที่เจ้าของมันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด

 

“ว่าไงครับ”

 

“นี่เย็นแล้ว พ่อกาลจะกลับบ้านรึยัง”

 

ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เข็มสั้นชี้เลยจากเลขห้ามาเล็กน้อยทั้งที่ท้องฟ้ายังสว่างจ้าเหมือนตอนบ่าย ถ้าจำไม่ผิด ปูนบอกเขาไว้ว่าส่วนของงานเลี้ยงตอนเย็นจะเลิกตอนหกโมงครึ่งซึ่งก็ยังอีกนานกว่าเขาจะได้เดินทางกลับตามที่ตั้งใจไว้

 

“ยังครับ ประมานหนึ่งทุ่มพ่อถึงจะกลับได้ พีกินข้าวได้เลยไม่ต้องรอ”

 

“หรอฮะ...แล้วพ่อกาลจะกลับมาทันใช่ไหม”

 

เสียงที่เมื่อครู่ยังฟังดูร่าเริงเจือไปด้วยความกังวลเมื่อได้ยินคำตอบนั้น

 

“ทันสิ บางแสนใกล้แค่นี้เอง”

 

“เอ๋ บางแสน? พ่อกาลไปหาอานิดหรอฮะ”

 

รพีนึกถึงใบหน้าคมเข้มที่มักแย้มยิ้มให้ตนเสมอเมื่อได้มีโอกาสเจอกัน แม้จะไม่บ่อยนักแต่เด็กน้อยก็จดจำเพื่อนของพ่อตนได้เสมอโดยเฉพาะกับคนที่มักส่งของขวัญมากมายมาให้เขาในวันสำคัญต่างๆ อย่างเช่นวันเกิดที่กำลังจะเวียนมาถึงในอีกไม่นาน รพีก็คงได้รับของขวัญจากบรรดาอาๆทั้งหลายเหมือนเคย

 

“พ่อมาทำธุระครับ แต่ก็ได้เจออานิดอยู่ดี นี่อาเขาฝากของมาให้พีด้วยนะ”

 

รัตติกาลชำเลืองมองน้ำองุ่นคั้นสดของฝากขึ้นชื่อที่ปลูกและผลิตโดยโรงแรมจำนวนหนึ่งแพ็ค แถมด้วยตุ๊กตาโลมาตัวใหญ่ที่เจ้าตัวยืนยันจะฝากไปให้หลานทั้งที่ร่างโปร่งทักท้วงแล้วว่ารพีเลยวัยที่จะเล่นตุ๊กตายัดนุ่นแล้ว

 

“จริงหรอฮะ พีอยากเจออานิดจัง”

 

“ไว้ครั้งหน้าพ่อจะพามานะ อะ เอ้ย...”

 

“จริงหรอฮะ! พ่อกาลใจดีที่สุดเลย!”

 

รัตติกาลอยากตบปากฉาดใหญ่ ฝ่ามือเรียวยกขึ้นกุมขมับอย่างเคร่งเครียด เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงหลุดเผลอทำดีกับเด็กชายบ่อยนักทั้งที่มันอยู่นอกแผนที่วางเอาไว้ ชายหนุ่มได้ยินเสียงรพีพูดอวดกับจันทร์เป็นกาลใหญ่ เป็นการตัดสิทธิที่จะกลับคำจึงได้แต่ถอนหายใจในความสับเพร่าของตัวเอง

 

หลังจากพูดคุยต่อสักพัก เด็กชายก็เปลี่ยนมาให้คนเก่าแก่ของบ้านเป็นคนพูดแทน จันทร์ย้ำเรื่องการขับรถในยามวิกาลกับเขาด้วยน้ำเสียงเจือความห่วงใยจนคนฟังรู้สึกดี ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณแล้วให้สัญญากับรพีอีกครั้งก่อนจะวางสาย

 

“พ่อกาลต้องมารับพีนะฮะ...สัญญานะ”

 

“....อืม...พ่อสัญญา”

 

ทั้งที่เป็นคนไม่ให้สัญญากับใครง่ายๆแต่รัตติกาลก็พูดมันออกมา นึกฉงนในความคิดอ่านของตัวเองที่หวั่นไหวจนน่าตกใจเพียงเพราะเสียงในหัวที่ได้ยิน ณ ตอนนั้น เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่าไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไรสุดท้ายการกระทำทุกอย่างจะทำให้เด็กชายรักและเชื่อใจในตัวเขา

 

ขอแค่ให้รพีรักเขา...ยิ่งกว่ารักตัวเอง

 

แผนการสุดท้ายจะได้เริ่มขึ้นสักที

 

 

ชายหนุ่มย้ายที่นั่งมายังห้องอาหารของโรงแรมที่ถูกเปลี่ยนจากการออเดอร์ตามเมนูมาเป็นบัฟเฟ่ต์อาหารค่ำที่มีทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ รัตติกาลเลือกหยิบอาหารที่ไม่หนักท้องมานักมาทานเพราะไม่รู้ว่าปูนจะได้ทานมื้อเย็นมาเลยรึเปล่า ถ้าไม่เขาก็คงจะต้องแวะพาเด็กหนุ่มทานอาหารสักที่แล้วค่อยตีรถกลับกรุงเทพ

 

รัตติกาลเลือกนั่งในโซนด้านในที่คนไม่พลุกพล่านแทนที่จะเป็นที่นั่งติดกระจกอย่างที่คนทั่วไปนิยม ร่างโปร่งนั่งทานอาหารที่ตัวเองตักมาพร้อมกับสั่งเบียร์ขึ้นมากินแกล้มกันอย่างไม่รีบร้อน บรรยากาศภายในร้านเป็นไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัวที่พากันมาเที่ยวพักผ่อน ณ ทะเลบางแสน แม้จะมีบ้างที่เด็กตัวเล็กๆร้องไห้งอแงกันระงมแต่คนเป็นพ่อแม่ก็จะช่วยปลอบลูกของตนจนสงบลงได้ราวกับมีเวทย์มนต์

 

ร่างโปร่งนึกย้อนไปถึงเมื่อรพียังเป็นเพียงเด็กทารกที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ นอกจากวันที่พารพีมาให้จันทร์ช่วยเลี้ยงดูรัตติกาลก็แทบไม่มาดูดำดูดีเด็กนั่นเลยแม้แต่น้อย ในช่วงเวลาที่เขาจมอยู่กับคำว่าสูญเสีย แทบไม่มีสักส่วนเสี้ยวในหัวใจที่ว่างพอจะใส่ใจเลือดเนื้อเชื้อไขของคนตายที่ไม่มีวันกลับมาให้เขาได้ทวงคืนความสุขที่ถูกฝ่ายนั้นช่วงชิงไป

 

จันทร์และนิลเคยถามเขาหลายครั้ง ว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะรับอุปการะเด็กคนนั้นไว้ทั้งที่เขาเกลียดชังพ่อแม่ของรพีจนไม่ยอมไปเผาผี

 

 แต่รัตติกาลไม่ตอบ...เพราะไม่เคยมีคำตอบ...

 

นอกจากทรมานที่เหมือนคมมีดถูกกรีดลงในอก เขานึกอะไรไม่ออกเลย...

 

 

“อ๊ะ ขอโทษคะ”

 

แรงกระทบที่หน้าขาเรียกความสนใจของรัตติกาลให้ก้มลงมองต่ำลง เด็กผู้หญิงตัวเล็กอายุน่าจะไล่เลี่ยกับรพี กำลังยืนมองเขาพร้อมกับลูบหน้าผากที่ปรกด้วยปอยผมเบาๆด้วยความเจ็บ ร่างโปร่งมองเห็นอมยิ้มอันใหญ่ซึ่งแตกออกเป็นสองเสี่ยงตกอยู่ที่พื้นทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเด็กหญิงคนนี้คงก้มลงหยิบขนมที่ตกโดยไม่ระวังจนชนเข้ากับช่วงขายาวของเขาที่นั่งเบนตัวออกด้านข้าง

 

“ไม่เป็นไรนะ”

 

รัตติกาลเอ่ยกับเด็กหญิง ถามถึงอาการบาดเจ็บและขนมที่เสียไปซึ่งเจ้าตัวดูจะเสียดายอยู่ไม่น้อยเห็นได้จากแววตาเศร้าที่มองไปยังอมยิ้มที่ตกอยู่ที่พื้น

 

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”

 

เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นบอกกับเขาพร้อมกับพยายามฝืนยิ้มให้ทั้งๆที่กำลังเสียใจและเสียดายเจ้าอมยิ้มที่เธอยังไม่ได้กิน รัตติกาลมองอาการนั้นออกก็นึกเอ็นดูก่อนจะควานหาของดีบางอย่างที่ติดอยู่ในกระเป๋า เจ้าตัวยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะยื่นไปให้คนตรงหน้าที่ยื่นมือออกมารับอย่างไม่รู้อะไร

 

“อะ... น้าให้ ถึงจะใหญ่สู้ของหนูไม่ได้ก็เถอะ”

 

“ลูกอม! รสองุ่นด้วย!”

 

ร่างเล็กยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นลูกอมรสองุ่นยี่ห้อที่เห็นบ่อยๆในโฆษณาทีวี ทำให้ลืมความเศร้าไปหมดสิ้น รัตติกาลรู้สึกดีใจที่เขายังไม่ได้ทิ้งขนมที่รพีให้มาเมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน รอยยิ้มไร้เดียงสาทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปลูบหัวกลมๆนั้นด้วยความเอ็นดู จนพาลทำให้คิดถึงรอยยิ้มของรพีขึ้นมา

 

“ขอบคุณนะคะคุณน้า”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ที่หลังก็เดินระวังๆนะ”

 

“ค่ะ!”

 

รัตติกาลโบกมือลาเด็กหญิงที่ส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินกลับไปอีกทาง ร่างโปร่งมองตามไปเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กนั่นจะไม่ไปซุ่มซ่ามเดินชนอะไรเข้าอีก แต่ก่อนที่จะละสายตากลับมา แผ่นหลังที่คุ้นเคยซึ่งนั่งอยู่ในอีกมุมหนึ่งของร้านกลับดึงดูดให้เขาไม่สามารถหันหนีไปที่ไหนได้

 

นัยน์ตาคมเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ตนเองเห็น เหงื่อกาฬไหลออกทางฝ่ามือจนชุ่ม ก้อนเนื้อในอกเต้นเร็วจนต้องมือขึ้นบีบมันไว้

 

 

“พี่ที...”

 

 

:hao5:(มีต่อเม้นล่าง) :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2015 16:16:39 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1




ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว... รัตติกาลลุกขึ้นยืนกะทันหันโดยไม่สนใจว่าจะทำให้เกิดเสียงดังเพียงใด  เขาก้าวยาวๆไปยังอีกมุมร้านที่แผ่นหลังอันคุ้นเคยนั่งอยู่โดยไม่ปล่อยให้คลาดสายตา ทุกย่างก้าวที่เดินเหมือนมีกลองรบตีรัวอยู่ในอกราวกับว่าเขาเป็นโรคหัวใจ หน่วยตามีน้ำเอ่อล้นคลอเบ้า ริมฝีปากสีชาดเม้มแน่นจนสั่นแต่รัตติกาลก็ไม่ได้ลดความเร็ว ช่วงแขนยาวยื่นไปตรงหน้าพร้อมกับกระชากให้คนที่นั่งอยู่หันกลับมามองเขา...

 

โครงหน้าได้รูปผิวพรรณสะอาดสะอ้าน รับกับดวงตาเรียวรีภายใต้กรอบแว่นจับจ้องมาที่เขาด้วยความตกใจ แต่นั่นกลับไร้ความหมายสำหรับรัตติกาลเมื่อความผิดหวังถาโถมเข้ามาซัดความคาดหวังที่เกิดขึ้นซ้ำๆทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

 

“ไม่ใช่....ไม่ใช่พี่ที”

 

“เอ่อ...คุณ...มีอะไรรึเปล่าครับ”

 

“ทำไมกัน...อึก...ทั้งๆที่...”

 

“คุณครับ...”

 

เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมากระจุกอยู่ที่คอหอย มือที่กำสาบเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นคลายลงก่อนจะเดินถอยออกมาพร้อมกับส่ายหน้าราวกับว่ารับความจริงตรงหน้าไม่ได้

 

อ่อนแอ... รัตติกาลรู้สึกอ่อนแออย่างถึงที่สุดเพียงแค่มองเห็นแผ่นหลังที่คล้ายกับของคนคนนั้น แผ่นหลังที่เขาชอบที่จะซบเมื่อยามเหนื่อยล้า แผ่นหลังที่ทั้งเย็นชาและอบอุ่นเมื่อได้มองตอนที่อยู่บนเตียงเดียวกัน แผ่นหลังที่หันให้กับเขาและจากไปพร้อมกับความโหดร้ายที่ยังคงฝังลึกอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

“พี่ที...ไม่ใช่พี่ที...”

 

“คุณ คุณเป็นอะไรไหม”

 

“ไม่ใช่..ไม่ใช่...อ่า... บ้าชะมัด โง่...โง่ที่สุด”

 

“รัตติกาล!”

 

เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นจางทางด้านหลัง แผ่นอกกว้างปะทะเข้ากับหลังที่ลู่ลงอย่างที่ไม่เคยเป็นจนคนที่พบเห็นรู้สึกหัวใจกระตุกวูบ ใบหน้าหวานคมหันมามองคนข้างหลังที่ประคองเขาไว้ก่อนจะพบเข้ากับเจ้าของใบหน้าหล่อเหล่าและดวงตาที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจเจือปนด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิด

 

“อารัณย์...”

 

“มึง...เป็นอะไร...แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่?”

 

คำพูดของอารัณย์ดึงสติของร่างโปร่งให้กลับมา รัตติกาลผละออกมาจากวงแขนของคนตัวสูงกว่าก่อนจะสังเกตไปรอบตัว แขกหลายคนหันมามองเขาด้วยความสงสัย รวมไปถึงคนที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นนทีกำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยความเป็นห่วง

 

“ผม...เอ่อ...”

 

“เป็นอะไรไหมครับ สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”

 

“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษด้วย ผม...จำคนผิด”

 

รัตติกาลพูดตอบอีกฝ่ายที่ถามไถ่ด้วยความกังวลก่อนจะหันกลับมาหาร่างสูงที่ยังคงยืนมองเขาอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าอ่านยาก ร่างกายกำยำถูกปกคลุมด้วยเสื้อโปโล่สีน้ำเงินดูดีผิดไปจากทุกครั้ง ร่างโปร่งขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัยแล้วถามอารัณย์ที่ยังคงไม่พูดอะไร

 

“นายมาทำอะไรที่นี่”

 

“เรื่องของกูมันไม่สำคัญหรอก ว่าแต่มึงเถอะ ทำไมมาอยู่ที่นี่...มึงควรอยู่กับรพีที่หัวหินไม่ใช่รึไง”

 

“ผม...มาทำธุระ”

 

“เอ่อ...รัณย์ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ขอตัวกลับก่อนนะ”

 

ชายหนุ่มที่สวมแว่นพูดกับร่างสูงเพื่อขออนุญาตก่อนจะปลีกตัวออกไป ทำให้รัตติกาลรับรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงเป็นคนรู้จักของนายอารัณย์เป็นแน่ แต่รัตติกาลก็ไม่ได้สนใจ เขาไม่อยากคิดอะไรอีกเพราะความผิดหวังที่จุกแน่นอยู่เต็มอก ความคาดหวังลมๆแล้งๆที่เขาไม่อยากให้อภัยตัวเองที่ยังมีมันอยู่ลึกๆข้างใน

 

อารัณย์คว้าแขนของร่างโปร่งไว้แล้วลากตัวออกมาด้านนอก บริกรที่เดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าลูกค้ากำลังจะมีปัญหากันถูกร่างสูงพูดปัดไปว่าพวกเขารู้จักกัน จึงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง ลมทะเลพัดเอื่อยๆมาปะทะร่างของทั้งสองที่ยืนประจันหน้ากันอยู่บริเวณสระน้ำที่ไร้เงาของแขกคนอื่น รัตติกาลดึงแขนของตัวเองกลับมาด้วยความหงุดหงิดทันทีที่อารัณย์หันกลับมาประชันหน้ากับเขาอีกครั้ง

 

“ว่าไง ทำไมมึงถึงไม่พารพีไปเที่ยว”

 

“หูหนวกรึไง ผมบอกแล้วว่ามีธุระ”

 

“ธุระบ้าอะไร กูเห็นแต่มึงนั่งชิลกินอาหาร ไหนล่ะธุระที่ว่า”

 

“ผมจำเป็นต้องรายงานคุณทุกเรื่องรึไง! เลิกยุ่งเรื่องผมสักทีเถอะ บัตรนั่นก็ทีนึงแล้ว ทำไมถึงชอบสร้างเรื่องปวดหัวให้ผมนัก!”

 

รัตติกาลระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อโดนอารัณย์ถามต้อน ความรู้สึกมากมายที่ประดังประเดเข้ามาทำให้ร่างโปร่งรู้สึกปวดหัวจนต้องกุมขมับ ช่วงขายาวก้าวไปยังเก้าอี้นอนตัวยาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลแล้วนั่งลงทั้งแบบนั้น อารัณย์ที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติดังกล่าวจึงเดินตามมาแล้วยื่นมือไปทาบทับหน้าผากมนนั่นอย่างถือวิสาสะ

 

“เป็นอะไรไป ปวดหัวอีกแล้วหรอ”

 

อารัณย์เผลอถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล รัตติกาลเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ไม่เคยพูดจาดีด้วยสักครั้ง มีแต่ประชดประชันและว่ากล่าวด้วยคำพูดหยาบคายจนอดแปลกใจในความอ่อนโยนเล็กๆน้อยๆนี้ไม่ได้

 

“เพราะใครกันล่ะ...”

 

“กูแค่ถาม ยังไม่ทันว่าอะไรเลย”

 

“หึ แค่คำถามก็หาเรื่องกันชัดๆ”

 

รัตติกาลปัดฝ่ามือหยาบออกไปก่อนจะยืดตัวขึ้นสูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด แต่นอกเหนือจากไอทะเลาเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นชื้นๆที่ลอยมาตามลมเช่นกัน ร่างโปร่งมองดูคนอารมณ์แปรปรวนที่พยายามผ่อนคลายตัวเอง เขายกมือเรียกบริกรที่ยืนมองมาทางนี้อยู่แล้ว ขอน้ำเปล่ามาหนึ่งแก้วแล้วยื่นให้กับรัตติกาลที่มองมาอย่างไม่เข้าใจ

 

“ทำหน้างงอะไร นี่น้ำ ถือสิ”

 

ชายหนุ่มรับมาอย่างงงๆ พอมือว่างแล้วอารัณย์ก็หยิบเอากระเป๋าสตางค์ท่าใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงทางด้านหลัง พาราเซตามอนแผงเล็กตัดแบ่งไว้ติดตัวถูกหยิบออกมาพร้อมแกะพลาสติกที่ซีนอยู่ออกให้เสร็จแล้วยื่นให้กับคนตรงหน้า

 

“กินซะ”

 

“อะไร?”

 

“พาราไง อย่าบอกนะว่าแพ้”

 

“เปล่า...แต่คุณให้ผมทำไม”

 

“เอ้า ก็มึงปวดหัว อย่าถามมาก แดกๆเข้าไปซะ”

 

รัตติกาลอยากปฏิเสธแต่เพราะความหน่วงในหัวทำให้เขาตัดสินใจรับเม็ดยาสีขาวสองเม็ดไว้แล้วทานอย่างไม่อิดออด เขาหลับตาลงช้าๆพยายามไม่คิดอะไรให้อาการปวดนี้หนักขึ้นไปอีก

 

“เอาล่ะ อธิบายมาได้รึยังว่าทำไมไม่ไปหัวหินกับรพี”

 

“ถ้าไม่อยากให้ผมปวดหัวมากไปกว่านี้ก็อย่าถามอีก”

 

“ชิ...ตอบๆมาเถอะน่า...กูไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

 

น่าเชื่อตายแหละ...ใบหน้าคมเสหันไปมองด้านข้างราวกับเด็กที่โดนจับได้ว่ากำลังพูดโกหก รัตติกาลหัวเราะหึออกมาเพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายแสดงด้านเด็กๆให้เขาเห็น จนเกือบลืมไปแล้วว่าพี่เลี้ยงหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่าตัวเอง

 

“มาทำธุระ ส่วนหัวหิน...จะไปพรุ่งนี้”

 

“กับรพี?”

 

“ถ้าไม่ใช่รพีจะให้ไปกับใคร”

 

“หึ ก็เด็กมึงไง”

 

ให้ตายสิ พูดดีกันได้ไม่นานอีกฝ่ายก็หัดมาจิกกัดเขาราวกับว่าตัวเองเป็นพวกผู้หญิงปากเปราะ ทั้งที่ต่อหน้าคนอื่นไม่เห็นจะแสดงท่าทางแบบนี้ออกไปเลยแท้ๆ

 

“ถ้าจะมาแดกดันกันแบบนี้จะไปไหนก็ไป ขอบคุณสำหรับยา”

 

“แล้วมึงจะไม่กลับบ้านรึไง”

 

“กลับ...แต่ธุระยังไม่เสร็จ”

 

อารัณย์ขมวดคิ้ว เห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีทีท่าเหมือนกำลังทำธุระสำคัญแต่อย่างใด อีกทั้งเวลาที่ล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็นจึงทำใจเชื่อได้ยากว่าร่างโปร่งมาทำธุระจริงอย่างที่ปากว่า พี่เลี้ยงหนุ่มจ้องมองดวงตามีดำแวววาวล้อกับแสงไฟ เสื้อผ้าสบายๆที่อีกฝ่ายสวมใส่ไม่เป็นที่คุ้นชินมากนัก ยกเว้นแต่ครั้งนั้นที่เขาเจอรัตติกาลกำลังก้อร่อก้อติกอยู่กับเด็กมหาลัยซึ่งพักอยู่ที่เดียวกับตน

 

 

“วันเสาร์หน้าพี่กาลว่างไหม”

 

“อืม ทำไมหรอ”

 

“ปูนต้องไปทำงานแทนเพื่อนที่ชลบุรี พี่กาลไปกับปูนนะ”

 

 

บทสนทนาในร้านอาหารตามสั่งลอยขึ้นภายในหัว อารัณย์เบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้โดยมีรัตติกาลสังเกตเห็นท่าทีที่แปลกไปของคนตรงหน้า

 

“มากับเด็กนั่นสินะ”

 

“ห๊ะ?”

 

“พาเด็กปูนนั่น มากกถึงนี่เลยสินะ”

 

อารัณย์พูดเชิงเย้อหยันอยู่ในที รัตติกาลเองก็ตกใจที่ร่างสูงคาดเดาถูกว่าเขามาที่นี่กับใคร ร่างโปร่งพยายามแปลกใจไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้ ริมฝีปากสีชาดยกยิ้มอ่อนๆแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้สึกตกใจที่อีกฝ่ายรู้ทัน

 

“ใช่ แล้วยังไงล่ะ”

 

“ก็ไม่ยังไง แค่หลงคิดไปว่ามึงจะคิดได้บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นพวกมากตัณหาอยู่ดี"

 

“จะพูดยังไงก็เชิญเถอะ เรื่องนี้กับเรื่องของรพีไม่เกี่ยวกัน...คุณไม่มีสิทธิมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบนเตียงของผม”

 

“กูจะไม่ยุ่ง ตราบใดที่เรื่องคาวๆของมึงไม่ทำให้รพีเดือดร้อน”

 

รัตติกาลรู้สึกไม่ชอบใจคำพูดแล้วการเป็นห่วงเกินพอดีของอารัณย์ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้รัตติกาลก็ขบคิดมาตลอดว่าอารัณย์ดูเป็นห่วงเป็นใยรพีมากเกินไป แม้จะบอกว่าเป็นพี่เลี้ยงที่โรงเรียนหรือถูกชะตากันก็เถอะ ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัวเที่ยวยุ่งเรื่องของชาวบ้านที่ตัวเองไม่มีส่วนได้ส่วนเสียขนาดนี้หรอก

 

“ดูท่าคุณจะเป็นห่วงรพีมากเลยนะ”

 

เขาถามไปตามที่ใจคิด ดวงตาดุดันหันมาสบกับเขา รัตติกาลสาบานว่านัยน์ตาคู่นั้นวูบไหวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าของมันจะปรับให้แข็งกร้าวดังเดิมแล้วตอบเขา

 

“ก็เพราะคนเป็นพ่ออย่างมึงไม่ดูดำดูดีลูกตัวเองไง”

 

“ก็นั่นน่ะสิ ขนาดผมเป็นพ่อยังไม่สนใจ แล้วคุณเป็นใคร...ทำไมต้องมาหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อน”

 

อารัณย์ตีหน้าครึมเดินเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายที่พูดจาไม่มีความรับผิดชอบออกมากระแทกใจเขาจังๆ ใบหน้าของคนประเภทที่เขาเกลียดกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ยอมแพ้ มุมปากหนายกเหยียดขึ้นด้วยรังเกียจความเห็นแก่ตัวของผู้ใหญ่ที่ทำเหมือนเด็กอย่างพวกเขาเป็นผักปลา ไม่ดูดำดูดี...ไม่เคยมีคุณค่า

 

“อยากรู้หรอว่ากูเป็นใคร...”

 

“...”

 

“กูก็คือ...คนที่รู้ดีว่าต่อให้เป็นพ่อแม่...ก็เกลียดลูกของตัวเองได้”

 

รัตติกาลมองนิ่งไปในดวงตาคมคู่นั้น ไม่มีความเจ็บปวดหรือโหยหาเจือปนอยู่ มีแต่ความเย็นชาและหมดหวัง ร่างโปร่งเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อสัมผัสได้ถึงความกดดันที่ไม่เคยได้รับมาก่อนจากคนตรงหน้า แม้จะต่อปากต่อคำกันมาตลอด ต่อยตีก็หลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่รัตติกาลจะรู้สึกหวาดกลัวอารัณย์เหมือนอย่างตอนนี้...แพนโดร่า...อารัณย์เหมือนกล่องปริศนาที่กักเก็บความโหดร้ายไว้ภายใน

 

“หมายความว่ายังไง”

 

“ไม่สิ...คำพูดนี้ใช้กับมึงไม่ได้นี่นะ”

 

“อย่ามาเล่นลิ้นนะอารัณย์...”

 

“กูไม่ได้เล่นลิ้น กูพูดผิดเองแหละ”

 

“...”

 

อารัณย์ถอยหลังออกมาให้ห่างจากรัตติกาล แผ่นหลังกว้างเหยียดตรงทำให้ร่างโปร่งรู้สึกเหมือนตัวเองยิ่งตัวเล็กลงเมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายซึ่งกำลังมองมาที่เขาพร้อมกับยิ้มเหยียดเหมือนที่ชอบทำ กลิ่นความชื้นติดปลายจมูกชัดเจนขึ้นเมื่อละอองน้ำจากฟ้าค่อยตกกระทบผิวกายที่เย็นลงเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป เม็ดฝนที่ใหญ่ขึ้น ตกลงมาเรื่อยๆ ทำให้ผ้าเนื้อดีเริ่มลู่ติดผิวแต่ทั้งสองก็ยังคงเผชิญหน้ากันอยู่ตรงนั้น

 

“ในเมื่อพ่อแม่แท้ๆยังเกลียดลูกของตัวเองได้...นับประสาอะไรกับพ่อจอมปลอมอย่างมึง...ใช่ไหมรัตติกาล”

 

“...!”

 

“บอกกูมา...ว่าพ่อที่แท้จริงของรพีคือใคร”

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คุยกับเช่!

ขอโทษคับ หายไปหลายวันเลย เพิ่งจะเคลียร์งานเสร็จสดๆร้อนๆ เมื่อวันก่อนก็ไปเข้าโรงพยาบาลมา ชีวิตฮ็อตมากจริงๆ  :katai1:

จู่ๆตอนนี้ก็ดราม่าซะงั้น แต่ถ้าเช่บอกว่าตอนหน้าคู่พระนายของเราจะมีพัฒนาการมากขึ้นจะเชื่อเช่ไหมเนี่ย หุหุ

ควรจะมีได้แล้วแหละ ปาไปจะยี่สิบตอนแล้ว เดี๋ยวมันจะยืดเป็นร้อยตอนเอา แค่นี้ก็มีคอมเม้นต์มาว่าตารัณย์ไม่เด่น

แหมๆ ใจเย็นๆนะคับ ตามประวัติเช่ พวกเด่นที่หลังนี่มาแรงทุกคน ^^ ตั้งแต่ตอนหน้าเรื่อยยาวไปจนจบทริปหัวหิน

รับรองว่ารัณย์กาลพี ยึบยับแน่นอน (เอาน้องปูนไปพักก่อน จะโดนหนามทุเรียนอยู่แล้ว)  :hao7: :hao7:

 

ถึงจะเคลียร์งานเสร็จแต่สอบยังไม่เสร็จนะคับ อาทิตย์หน้าโน้นกว่าเช่จะปิดซัมเมอร์ (และงานนอกก็จ่อรออยู่เช่นกัน)

อาจจะช้าไปบ้าง แต่เพราะแต่ละตอนเริ่มมีความยาวเยอะขึ้น ช่วยรอกันหน่อยนะคับ เช่เองก็อยากอัพให้เหมือนกัน


อย่าม่ากันนะ เดี๋ยวท้ายๆเรื่องก็ไม่ม่าแล้ว  o13

 

ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวต  :z2: :heaven

เช่รออ่านคอมเม้นต์จากทุกคนอยู่นะ มีอะไรอยากให้เพิ่มเติมหรือติชมแนะนำก็โพสไว้ได้ อยากเม้าท์มอยก็เชิญที่เพจได้เลย

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ว่าจะไม่อ่านแล้วน่ะ แต่มันอดไม่ได้  :hao5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
ว่าจะไม่อ่านแล้วน่ะ แต่มันอดไม่ได้  :hao5:

หายไปนานเลยนะคับ  :mew6: :mew1:

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
เพ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้
ไม่น่าพลาดเลย
ดาร์กได้ใจมาก
กาลเป็นอะไรรึเปล่า ปวดหัวบ่อยๆ
เครียดมากไปไม่ดีนะ
ไม่รู้จะเม้นยังไง
เอาเป็นว่าชอบกาลมากๆๆๆๆๆๆ
รออ่านตอนต่อไปจ้า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
ชอบมากๆเลย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออออTT

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กาลจะตอบว่าไงล่ะเนี่ย ยิ่งอ่านนิ่งรู้สึกว่ารัณย์นี่ไม่ค่อยมีมาดพระเอกเลยเหะ ประชดเก่งจริงๆ :katai3:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 

20th Night

…Strom...

 

“ในเมื่อพ่อแม่แท้ๆยังเกลียดลูกของตัวเองได้...นับประสาอะไรกับพ่อจอมปลอมอย่างมึง...ใช่ไหมรัตติกาล”

 

“...!”

 

“บอกกูมา...ว่าพ่อที่แท้จริงของรพีคือใคร”

 

ทันที่ที่สิ้นประโยค หมัดแกร่งก็ประเคนเข้าสันกรามของอีกฝ่ายเต็มแรง  รัตติกาลไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายตั้งตัว ร่างโปร่งอัดเข่าเข้ากลางลำตัวของอารัณย์จนต้องร้องออกมาด้วยความจุก เขาคว้าเข้าคอเสื้อโปโล่แล้วกระชากให้เข้ามาเผชิญหน้ากัน ดวงตาที่เหมือนมีกองเพลิงสุมอยู่ข้างในบอกอารมณ์ของรัตติกาลได้ดีโดยไม่ต้องเอ่ยถาม แต่อารัณย์ก็ไม่มีทีท่าว่าหวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

“กูไม่สนว่ามึงไปฟังเรื่องเหลวไหลนี่มาจากไหน...แต่เลิกยุ่งเรื่องนี้ซะ”

 

“....”

 

“เด็กนั่นเป็นของกู และจะเป็นตลอดไป...ไม่ว่าใครก็แย่งมันไปจากกูไม่ได้”

 

“หึ เรื่องเหลวไหลอย่างเดียวที่กูรู้ คือแม่กาอย่างมึงยอมปล่อยให้ลูกนกกาเหว่โตขึ้นมาในรังของตัวเองทั้งที่รังเกียจเชื้อมันจะตายห่า กูสิต้องถามว่ามึงไปเอาความคิดเหลวไหลนี่มาจากไหน...นี่ชีวิตจริงไม่ใช่ละครรัตติกาล...รพีเป็นคนและมึงก็ไม่มีสิทธิเล่นตลกกับชีวิตใครแม้ว่ามึงจะส่งเสียเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ แล้วยิ่งมึง...คนที่ไม่เคยมอบความรักใคร...ยิ่งไม่มีสิทธิเล่นกับความรักของคนอื่น”

 

“คนอย่างมึงมันจะไปรู้อะไร!!!”

 

“เออ ก็กูไม่รู้ไง!!! บอกกูสิ...เหตุผลที่มึงเที่ยวทำร้ายคนอื่นอย่างกับคนบ้า”

 

“...”

 

“มึงทำตัวเหมือนสัตว์เจ็บ...ทั้งที่ต้องการความช่วยเหลือแต่ก็ไม่ไว้ใจใคร...อะไรทำให้มึงเป็นแบบนี้รัตติกาล”

 

 “หึ...บอกมึงหรอ น้ำหน้าอย่างมึงจะช่วยอะไรกูได้ ไม่มีใครช่วยอะไรใครได้ทั้งนั้น!! ไม่ว่าจะรพีหรือกู สุดท้ายคำพูดสวยหรูของมึงก็ช่วยใครไว้ไม่ได้สักคน!!!”

 

ไม่รู้ว่าเพราะดวงตาอันแสนเศร้าหรือคำพูดที่สะท้อนความสิ้นหวังออกมา อารัณย์ไม่อยากได้ยินคำพูดที่ทำให้เขาเห็นเหมือนคนตรงหน้ากำลังเหนื่อยล้าและพร้อมจะล้มลงทุกเมื่อ กลีบเนื้อหนาประกบลงบนริมฝีปากเย็นชืดของอีกฝ่าย นัยน์ตาสีดำแววเบิกกว้าง ร่างกายที่ถึงแม้จะสมชายแต่ก็ยังเล็กกว้างดิ้นคลุกคลักอยู่ภายใต้กรงแขนแกร่งของอารัณย์ที่กกกอดรัตติกาลไว้เต็มแรง

 

“ยะ หยุด! อื้อ!!...”

 

ละออกมาเพียงชั่วครู่อารัณย์ก็ปิดปากอีกฝ่ายอีกครั้ง ลิ้นหยาบกวาดเก็บหยาดฝนที่ปะปนกับน้ำลายซึ่งไหลออกทางมุมปากยามที่เขากระวัดรัดก้อนลิ้นนุ่มของรัตติกาลอย่างดุดัน หมัดที่เคยว่าหนักถูกร่างสูงรวบไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวยิ่งรัตติกาลพยายามดันเจ้าคนหยาบคายนี้ออกไปมากเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ยิ่งกวดตามราวกับจะต้อนเขาให้จนมุมก็ไม่ปาน

 

ชายหนุ่มปรือตามองคนอายุน้อยกว่าที่เอาแต่ป้อนจุมพิตเอาแต่ใจให้เขาไม่รู้จักเหน็ดจากเหนื่อย เพราะฝนที่ตกไม่หยุดกอปรกับความปวดหน่วงในศีรษะที่ยังไม่ทุเลาลงทำให้รัตติกาลรู้สึกเหมือนถูกสูบเอาแรงไปจนหมดสิ้น พยายามปฏิเสธ พยายามดิ้นรนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ผละมาได้เพียงครู่ก็ถูกไล่ตามมาจนกลีบเนื้อสีชาดรู้สึกชา

 

ในเสี้ยววินาทีที่อารัณย์ลืมตาขึ้นแล้วดวงตาสองคู่ได้สบกันเหมือนหยดน้ำรอบกายหยุดนิ่ง อารัณย์หยุดแล้ว...รัตติกาลก็หยุดเช่นกัน...ลมหายใจหอบของทั้งสองดังแผ่วท่ามกลางเสียงธรรมชาติ ต่างฝ่ายต่างพยายามหาคำตอบในการกระทำของอีกคนแต่กลับไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม่แม้แต่จะพยายามผละถอยจากกันไป

 

อารัณย์ไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับรัตติกาลที่ไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้สึกสับสนแต่ใบหน้าคมเข้มกลับโน้มเข้าไปใกล้ดวงหน้าหวานที่ซีดลงเพราะอุณหภูมิที่ลดต่ำ มีเพียงลมหายใจร้อนของร่างสูงเท่านั้นที่ทำให้รัตติกาลรู้สึกอบอุ่นในยามนี้ ห่างเพียงเส้นผมกางกั้น ในขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองกำลังดึงดูดเข้าหากันอีกครั้ง พื้นกระเบื้องที่ลื่นเพราะน้ำฝนก็ทำให้ร่างกายสูงโปร่งของรัตติกาลเอนวูบไปทางด้านหลัง

 

ตู้ม!!!

 

กลิ่นคลอรีนฉุนขึ้นจมูก รัตติกาลเผลอกลืนน้ำไปหลายอึกจนแสบไปทั่วทั้งอก รัตติกาลไม่ถูกกับน้ำ...ไม่ได้อ่อนด้อยขนาดว่าว่ายน้ำไม่เป็นแต่พอตกลงมาในสระโดยไม่ทันได้ตั้งตัวสมองที่ตื้ออยู่แล้วก็ประมวลผลช้าลงจนไม่รู้ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง

 

ในขณะที่แขนขาพยายามตะกายเพื่อเอาชีวิตรอดอ่อนแรงลงจนร่างเหนื่อยอ่อนค่อยๆจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ท่อนแขนแกร่งที่กอดกักเขาไว้เมื่อครู่กอดรัดเข้าที่เอวบาง แรงกระชากตัวทำให้ชั่วอึดใจร่างทั้งสองก็โผล่พ้นผิวน้ำ ริมฝีปากเย็นเฉียบอ้าเอาอากาศเข้าไปเมื่อหายใจไม่ทัน อารัณย์ที่ยังคงมีแรงอยู่เต็มเปี่ยมลากรัตติกาลที่สิ้นฤทธิ์ว่ายเข้าขอบสระ ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามดันลำตัวที่ซีดขาวให้ขึ้นไปนอนเกยอยู่บนบกก่อนตนจะปีนขึ้นมานั่งหอบอยู่ข้างๆกัน

 

“กาล!!! เป็นอะไรไหม!!!”

 

อารัณย์ตบใบหน้าของคนที่ตนเผลอเรียกด้วยชื่อเล่นเบาๆเพื่อเรียกสติ ทำให้เจ้าของขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจที่โดนคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้มาพูดจาสนิทสนมทั้งที่เพิ่งก่อเรื่องไว้ ร่างกายที่สั่นเทาเพราะความหนาวพยายามลุกขึ้นยืนโดยคนตัวสูงกว่าคอยให้ความช่วยเหลือ แต่รัตติกาลก็ถือทิฐิปัดมันทิ้งพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

 

“ทำบ้าอะไร...”

 

“...”

 

“คุณนั่นแหละที่กำลังเล่นตลกกับชีวิตคนอื่น…”

 

ร่างสูงเถียงไม่ออก แม้แต่จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอารัณย์ก็ไม่อยากทำ ฝนยังคงตกหนักจนเหมือนกลายเป็นพายุ เสียงหวีดร้องของสายสมกรีดแทงจนแสบหูแต่ทั้งคู่ก็ยังคงยืนนิ่งจ้องกันอยู่อย่างนั้น

 

“เห้ยไอ้กาล! เป็นอะไรป่าววะ!”

 

เจ้าของโรงแรมหนุ่มถือร่มสีดำคันใหญ่วิ่งมาทางนี้โดยที่ไม่กลัวลื่น คณิตที่กำลังรับรองลูกค้าวีไอพีวิ่งตรงไปยังสระน้ำทันทีที่พนักงานเข้ามารายงานเขาว่าเจ้าเพื่อนตัวดีกำลังต่อยตีกับลูกค้าคนอื่นอยู่ที่สระกลางแจ้ง ในขณะที่ฟ้ารั่วฝนตกหนักจนเขาต้องสั่งให้พนักงานที่ทำหน้าที่อยู่ด้านนอกทั้งหมดกลับเข้ามาด้านใน

 

คณิตยื่นร่มไปทางรัตติกาลที่ยืนตัวสั่นจ้องชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ไม่วางตา เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครและทำไมถึงมาชกต่อยกับรัตติกาลได้ แต่เพราะหน้าที่และใจรักบริการที่ถูกปลูกฝังมาตลอดทำให้คณิตตัดสินใจเชิญทั้งสองคนเข้าไปข้างในก่อนที่จะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นอีก

 

“เข้ามาข้างในก่อน แล้วค่อยเคลียร์กัน”

 

เขาดันหลังรัตติกาลให้เดินนำไปก่อนจะผายมือให้แขกอีกคนเดินตามอย่างมีมารยาท พนักงานโรงแรมที่ไม่กล้าเข้ามาขวางมวยคู่เอก ยืนรออยู่พร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่สองผืนยื่นให้แขกของเจ้านายและคู่กรณีพร้อมกับพาทั้งสองไปยังห้องรับรองส่วนตัวของเจ้านายที่ปรับอุณหภูมิไว้ให้อุ่นกำลังดี

 

“เอาล่ะ จะบอกผมได้รึยังมีเรื่องอะไรกัน”

 

สรรพนามสุภาพถูกเลือกใช้เพราะมีแขกคนอื่นอยู่ด้วย คณิตมองทั้งคู่ที่ตัวเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้า หากจะบอกว่าเป็นการทะเลาะวิวาทเขาเองก็ไม่อยากเชื่อเพราะใบหน้าหวานคมของรัตติกาลไม่ยักกะมีรอยฟกช้ำอะไรให้เห็น ผิดกับคนตัวโตข้างๆที่มุมปากแตกจนเห็นได้ชัด

 

“ไม่มีอะไร คณิต...ขอเสื้อผ้าเปลี่ยนหน่อย”

 

“กาล...”

 

“บอกว่าขอเสื้อเปลี่ยนหน่อย...หนาว”

 

คณิตถอนหายใจ รู้ดีว่าอารมณ์ตอนนี้ของรัตติกาลคงไม่ยอมปริปากบอกอะไรแน่ๆ ร่างกายสูงใหญ่ไม่แพ้อารัณย์ลุกออกไปด้านนอกไม่นานนักก็ได้ชุดลำลองของตัวเองซึ่งถูกเก็บไว้ที่ห้องพักและชั้นในที่พอมีขายในร้านค้าของโรงแรมสำหรับสองคนถูกยื่นให้กับทั้งรัตติกาลและแขกที่เขาไม่รู้ชื่อ ร่างโปร่งหันมามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ที่จัดหาเสื้อผ้าให้คนที่มันเพิ่งมีเรื่องกัน แต่จะให้ทำยังไงได้ ยังไงเขาก็เป็นเจ้าของโรงแรมและยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้ใครผิดใครถูก จะทำมึนตึงเพราะอีกฝ่ายเป็นศัตรูของเพื่อนก็ทำไม่ได้

 

“มึงไปเปลี่ยนในห้องน้ำแล้วกัน ส่วนคุณ...ตามผมมาครับ”

 

รัตติกาลไม่พอใจแต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียง หลังจากร่างโปร่งเดินเข้าห้องน้ำไปคณิตก็พาอารัณย์มาเปลี่ยนชุดในห้องพักของพนักงานที่อยู่ติดกัน เขายืนมองร่างกายสูงใหญ่ตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ถึงแม้ลึกๆรัตติกาลจะเป็นคนอารมณ์ร้ายอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่น่าจะมีเรื่องถึงขั้นชกต่อยกับคนแปลกหน้าได้โดยที่ไม่มีเหตุผล

 

“คุณรู้จักกับกาลมาก่อนรึเปล่า”

 

เจ้าของโรงแรมเอ่ยปากถาม อารัณย์ที่เพิ่งสวมเสื้อตัวใหม่เสร็จหันมามองก่อนจะตอบกลับไป

 

“ครับ ผมชื่ออารัณย์”

 

“ผมคณิตครับ เป็นเพื่อนของกาลแล้วก็เป็นเจ้าของโรงแรมนี้”

 

ร่างสูงพยักหน้า ในหัวตื้อเกินกว่าจะคิดเรื่องใด ทั้งสับสนในการกระทำตัวเอง และสั่นไหวเพราะคำพูดของคนที่ไม่อยากยอมรับ คณิตมองดูอาการมึนตึงของอารัณย์ ดูท่าอีกฝ่ายไม่ได้ดูเหมือนกับคนมีรสนิยมรักร่วมเพศเหมือนเพื่อนของเขา แล้วทำไมถึงได้ไปยืนปล้ำจูบกับเกย์ตัวพ่ออย่างรัตติกาลจนพากันร่วงลงไปในสระได้

 

ใช่...คณิตเห็นมันทั้งหมดนั่นแหละ แต่ ณ จุดๆนั้นใครกล้าเข้าไปขวางก็บ้าแล้ว ถึงจะไม่ได้ยินว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกันแต่สีหน้าท่าทางที่สับสนของอารัณย์ก็ทำให้เขานึกสนใจในตัวชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อย

 

“กาลมันไม่ยอมพูด...แต่ผมอยากรู้ว่าพวกคุณมีเรื่องอะไรกัน”

 

“...ผมว่าคุณไปถามเพื่อนคุณดีกว่า”

 

“นอกใจมันหรอ?”

 

“...!!!?”

 

“ถ้าจะไม่จริงจังกับเพื่อนผมก็หยุดซะ ไปหาคนอื่นเถอะ”

 

“หมายความว่ายังไง”

 

คณิตเดินประชิดตัวอีกฝ่าย แม้จะมีส่วนสูงพอๆกันแต่ออร่าบางอย่างทำให้อารัณย์รู้สึกถึงความน่าเกรงขามภายใต้ความสุภาพจนอดขนลุกไม่ได้

 

“ผมไม่ใช่เกย์ แต่ไม่ใช่ไม่รู้ว่าความรักแบบนั้นมันไม่มักไม่สมหวัง และผมก็รู้ว่ามันฝืนกันไม่ได้ ถ้าคุณไม่รักกาลมันจริงก็ถอยออกมาซะ”

 

“...”

 

“กาลมันเป็นคนแข็งๆ จนคนชอบคิดว่ามันไม่รู้สึกอะไร แต่คุณรู้ไหม คนที่เข้มแข็งอยู่แล้วไม่จำเป็นเลยที่ต้องสร้างเกราะหนาให้ตัวเองขนาดนั้น กาลมันเคยผิดหวังและผมก็ไม่อยากเห็นมันอยู่ในสภาพนั้นอีก ถ้าแววตาสั่นไหวของมันตอนอยู่ที่สระเกิดขึ้นเพราะคุณ ผมขอร้อง...หยุดมันซะ”

 

อารัณย์ยืนนิ่ง ปล่อยให้คนที่เข้าใจผิดต่อว่าเขาอยู่แบบนั้น แม้ไม่ใช่เรื่องที่เกินจะคาดเดา แต่พอได้ยินจากปากคนอื่นก็ทำให้อารัณย์รู้สึกผิดพอๆกับความอยากรู้ว่าในอดีตดวงตาแข็งกร้าวดวงนั้นเคยสะท้อนภาพของใคร และมันเกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่รัตติกาลมักหยิบมาใช้รึเปล่า

 

“เขา...เคยเจออะไรมา”

 

ท่าทางอยากรู้ของอารัณย์ทำให้คณิตปักใจเชื่อว่าอีกฝ่ายคงเป็น ‘เด็ก’ ที่รัตติกาลบอกว่าพามาทำธุระด้วยเป็นแน่ ถึงจะดูโตเกินกว่าจะเป็นเด็กมหาลัยไปซะหน่อยแต่เขาก็มองข้ามมัน เด็กสมัยนี้โตเร็วจะตาย...

 

“ตกลงนอกใจมันจริงๆใช่ไหม”

 

“...ผมเปล่า”

 

อารัณย์ปลอบใจตัวเองว่าเขาไม่ได้โกหก แค่ไม่แก้ความเข้าใจผิดนั้นเพื่อรอฟังในสิ่งที่เขาสงสัย

 

“งั้นผมขอถามสักข้อ นอกจากกาล...คุณคบผู้ชายคนอื่นในทำนองนี้อีกไหม”

 

“ไม่...”

 

อารัณย์ส่ายหน้า ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายคนอื่น แค่กับรัตติกาลก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ถึงจะคิดแบบนั้นร่างสูงก็เผลอแลบเลียริมฝีปากที่แตกเพราะบทจูบร้อนแรงที่เขาป้อนมันให้กับรัตติกาลที่สระน้ำ

 

“คุณไม่ใช่เกย์?”

 

“ผมไม่ได้เป็นเกย์”

 

“เฮ้อ...ไอ้กาลนะไอ้กาล ทำไมชอบไปยุ่งกับของที่กินไม่ได้นักวะ”

 

เจ้าของโรงแรมดูเหมือนรำพันกับตัวเองมากกว่ากำลังบอกมันกับเขา

 

“กาล...เคยคบกับผู้ชายแท้ๆมาก่อนหรอ”

 

ร่างสูงเลือกที่จะเรียกชื่อเล่นของรัตติกาลแทนที่ชื่อเต็มๆเพื่อความแนบเนียน ถ้าอีกฝ่ายเข้าใจว่าเขากำลังคบกับหมอนั่นจริง การที่เขาถามซอกแซกแบบนี้คงไม่น่าสงสัยจนเกินไป...

 

คณิตมองหน้าอารัณย์แล้วนึกถึงคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้กัน รุ่นพี่ที่มักโผล่หน้ามาที่ตึกอักษรเสมอแม้เจ้าตัวจะสวมเครื่องแบบของวิศวะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พี่นที แฟนหนุ่มของพี่พะแพงจะมารับส่งคนรัก แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่ใครๆต่างก็สังเกตเห็น ว่าแฟนหนุ่มคนนั้นดูสนิทกับน้องรหัสของแฟนจนน่าสงสัย

 

เขาไม่เคยถาม...เพียงแต่สังเกตมาตลอด สมัยเรียนคณิตเองก็เป็นนักเที่ยวตัวยงพอๆกับนิล เขารู้ดีว่าหนุ่มวิศวะคนนั้นมีนิสัยยังไง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นเพียงคนนอกที่นั่งมองอยู่ในมุมมืดเงียบๆ

 

 

มองดูความรักต้องห้ามของทั้งสองที่เริ่มต้นขึ้น

 

และเสียใจที่ไม่ได้หยุดเพื่อน จนกระทั่งมันล้มลง...โดยที่เขาได้แค่มอง

 

 

“นที”

 

“...!!”

 

“ชื่อไอ้สาระเลวคนนั้นไง”

 


:katai2-1:(อ่านต่อเม้นท์ล่าง) :katai2-1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2015 15:02:13 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 

ร่างของผู้คนกำลังเบียดเสียดกันด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น คณิตชำเลืองมองหน้าท้องขาวของสาวเจ้าที่กำลังขยับร่างกายไปมาตามเสียงเพลง ใบหน้าสวยเฉี่ยวหันมามองแล้วส่งยิ้มเชิญชวนให้กับเขา ชายหนุ่มจึงยกแก้วขึ้นเพื่อทักทายอีกฝ่ายกลับไป

 

“มานานยังมึง”

 

“นานแล้วสัด ไม่รอจนร้านปิดก่อนล่ะถึงจะโผล่มา โคโยตี้เหลืออีกแค่รอบเดียวแล้วเนี่ย อดไปไอ้ห่า”

 

นิลยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ มันคว้าเอาแก้วทรงสูงที่ใส่เบียร์ไว้จนเต็มยกขึ้นดื่มทีเดียวจนหมด เรียกเสียงโห่ร้องจากเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นได้ดี

 

“ไอ้กาลอะ?”

 

“กำลังมา เดี๋ยวมีพี่มานั่งด้วย เป็นไรป่าววะ”

 

“เอาดิ ว่าแต่ใครวะ”

 

“พี่ที”

 

“นทีวิศวะ แฟนพี่พะแพงอะนะ”

 

“อืม”

 

“สนิทกันหรอวะ”

 

“ก็...มั้ง พี่เขยไอ้กาลมันนิ”

 

คณิตพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่นานนักร่างสูงโปร่งของรัตติกาลก็เดินหน้าบึ้งเข้ามาในร้านพร้อมกับนทีที่มีสีหน้าตรงกันข้าม รัตติกาลตวัดหางตามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆเขาปล่อยให้นทีไปนั่งข้างนิลในฝังตรงข้าม

 

“แดกไรมึง”

 

“เหล้าน้ำ”

 

คณิตจัดแจงชงเครื่องดื่มให้เพื่อนตามที่ขอ แล้วเผื่อแผ่ไปยังรุ่นพี่ที่เอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดียามที่มองใบหน้าบูดบึ้งของรัตติกาล นทีเอ่ยขอบคุณเขาพร้อมกับส่งเงินจำนวนหนึ่งให้เพื่อเป็นค่าเหล้า คณิตก็ไม่อิดออดที่จะรับไว้ ถึงไม่ได้ใช้ก็ยังเก็บเผื่อไว้เป็นกองกลางสำหรับการสังสรรค์ครั้งหน้า

 

“ได้ที่ฝึกงานยังพี่”

 

คณิตเองก็พอมีเพื่อนที่เรียนวิศวะอยู่ ถ้าเขาจำไม่ผิดที่มหาลัยของเขาวิศวะจะฝึกงานกันในช่วงซัมเมอร์ก่อนขึ้นปีสี่ แต่ถ้าหากอยากได้ที่ฝึกงานดีๆบางคนก็จะเตรียมติดต่อบริษัทตั้งแต่เนิ่นๆ

 

“ก็มองๆไว้อยู่ ไม่อยากไปไกลจากมอเท่าไหร่วะ”

 

“อ้าว ทำไมวะพี่ เพื่อนผมมีแต่คนบอกว่าถ้าจะฝึกจะไปไกลๆ มันเบื่อร้านเหล้าแถวมอกันแล้ว”

 

“ฮ่าๆก็เบื่ออยู่หรอก...แต่ไม่อยากห่างคนทางนี้น่ะ”

 

นทียิ้มแล้วส่งสายตามายังรัตติกาลที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆเขา คณิตเอะใจแล้วก็ยั้งความอยากรู้ไว้ไม่อยู่เมื่อแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้เขากล้ากว่าปกติ

 

“ใครอะ...กิ๊กพี่หรอ ระวังนะ เดี๋ยวไอ้กาลเอาไปฟ้องพี่แพงมาจะยุ่ง”

 

“ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วง กาลไม่บอกแพงหรอก...จริงไหม”

 

“...”

 

“ก็คนที่พี่ไม่อยากห่าง...คือแพงนี่นะ”

 

รัตติกาลเหยียดยิ้มก่อจะลุกไปทักเพื่อนโต๊ะข้างๆ ทิ้งให้คนที่มาด้วยกันนั่งหัวเราะราวกับเรื่องที่คุยมันตลกนักหนา นทีคุยกับพวกเขาอยู่สักพักก่อนจะขอตัวออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก ทั้งโต๊ะเหลือเพียงเขากับนิลที่นั่งชนแก้วกันเรื่อยๆในขณะที่คนอื่นวิ่งไปเกาะขอบเวทีรอซื้อดริ้งโคโยตี้ในรอบสุดท้าย

 

“นิล...พี่ทีกับไอ้กาลนี่ยังไงวะ ตอนพี่แกตอบกูเผลอแดกจุดไปนิดนึงเลย”

 

“ก็...ไม่ยังไง”

 

“ไอ้ห่านี่กั๊ก รู้อะไรก็บอกกูบ้าง เป็นห่วงไอ้กาลมันนะเว้ย พี่ทีแม่งไม่ใช่เล่นๆ”

 

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ไอ้กาลมันดูแลตัวเองได้”

 

“มึงไม่ห่วงมันเลยหรอวะ ไหนจะเรื่องที่พี่ทีเป็นแฟนพี่รหัสมันอีก”

 

“ห่วงอะไร? มันบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร กูขี้เกียจเสือก”

 

“เซฟโซนตลอด กูล่ะเกลียดนิสัยแบบนี้ของมึงฉิบหาย”

 

“เรื่องของกูเหอะ มึงก็อย่าไปเสือกเรื่องมันมาก ระวังไอ้กาลจะจับทำเมียเอา”

 

“ขู่กูจัง คิดว่ากูกลัวรึไง”

 

“แล้วกลัวไหมล่ะ?”

 

“กูไม่กลัวมันหรอก กูกลัวป๊ากูกระทืบข้อหาพาผู้ชายเข้าบ้าน”

 

“หึ หงอไอ้สัด”

 

สักพักรัตติกาลก็กลับมานั่งคุยด้วย ส่วนนทีก็หายหัวไปพร้อมกับบุหรี่ซองนั้นแล้วไม่ได้กลับเขา แต่ร่างโปร่งที่มาด้วยกันก็ไม่มีทีท่าเดือดร้อนอะไร พวกเขาสามคนนั่งดื่มกันไปอย่างนั้น มีคนมาขอชนแก้วด้วยก็ชนกลับไปเพื่อความสนุกสนาน พอมารู้ตัวอีกทีนิลเป็นคนแรกที่ออกไปนั่งคลอเคลียกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้งที่ก่อนหน้านี้มันยังซื้อดริ้งโคโยตี้อยู่เลย รัตติกาลเองก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน คณิตมึนงงจนไม่อยากสนใจใคร ความปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยทำให้เขาเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อขับของเสียออกมาบ้าง แต่พอเดินเข้ามาเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นว่าคนที่ขอตัวไปสูบบุหรี่ข้างนอกกำลังไล่งับติ่งหูหญิงสาวในชุดรัดรูปอยู่ คณิตมองไปยังห้องน้ำด้านนอกสุดที่ประตูเปิดทิ้งไว้แล้วรีบพาร่างของตนเข้าไปข้างในเพราะไม่อยากขัดจังหวะของคนทั้งคู่

 

เสียงครางอย่างสุขสมดังอยู่สักพัก คณิตที่พยายามจัดการตัวเองให้เบาที่สุดนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนฝาชักโครกรอเวลาให้ได้ออกไป ไม่นานนักเสียงอื้ออึงนั่นก็เงียบลง ชายหนุ่มลุกขึ้นปัดกางเกงแล้วเตรียมตัวออกไปด้านนอก

 

“เมื่อไหร่พี่จะเลิกทำตัวมักง่ายแบบนี้สักที”

 

เสียงเพื่อนของเขาดังขึ้นก่อนที่คณิตจะผลักประตูออกไป เขาหยุดมือที่กำลังจะปลดล็อคกลอนแล้วยืนนิ่ง รอฟังบทสนทนาต่อไปโดยที่รัตติกาลและนทีไม่รู้ตัว

 

“หึงหรอครับ”

 

“รำคาญต่างหาก ทีหลังถ้าจะไปเอากับใครก็อย่าโทรมา ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น ถ้าพี่ชอบอยากให้คนอื่นเห็นตัวเองตอนทำเรื่องอุบาทว์ก็ไปหาที่อื่น”

 

“ฮ่าๆ ใครว่าละ พี่อยากให้กาลหยุดพี่ต่างหาก ผิดหวังแหะ”

 

“ไปบอกพี่แพงเถอะครับ ถ้าแฟนพี่ยังหยุดพี่ไม่ได้ คนอื่นก็ไร้ประโยชน์”

 

“ใครว่าล่ะ ไม่แน่นะกาลอาจจะหยุดพี่ได้ก็ได้...”

 

“ตลกตายล่ะ”

 

“พูดจริงนะครับ”

 

“งั้นก็ยืนยันได้เลยว่าตอแหล”

 

“ฮ่าๆ กาลกำลังทำให้พี่เป็นบ้านะ ฟังกาลด่าทีไรรู้สึกเหมือนกำลังได้รับความรักอยู่เลย”

 

“พี่บ้าของพี่อยู่แล้ว อย่าลากผมเข้าไปยุ่ง”

 

“น่าน้อยใจจังนะ ทั้งๆที่พี่กำลังบ้ากาลอยู่แท้ๆ”

 

 

ตึง!!

 

คณิตสะดุ้งเฮือก ประตูไม้อัดที่เขากำลังยืนพิงอยู่ถูกกระแทกเข้าเต็มแรงจนเผลอผงะไปทางด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไร บทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าสงสัยทำให้เขาอยากปีนออกไปดูด้านนอก

 

“ออกไป”

 

“ฮ่าๆ พี่ชอบหน้ากาลตอนโมโหจัง”

 

“ขอแก้ความเข้าใจผิดหน่อยแล้วกัน ไม่ได้โมโห แต่รังเกียจ”

 

“ปากร้ายๆนี่ก็ชอบนะ”

 

“เฮ้อ พี่จะทำอะไรก็เรื่องของพี่ เลิกวุ่นวายกับผมสักทีเถอะ”

 

“ปากไม่ตรงกับใจ”

 

“ทั้งปาก ใจ และเท้าผมตรงกันครับ อยากลองไหม?”

 

“ไม่ไหวแล้ว มีเสน่ห์เกินไปแล้ว”

 

“เฮ้อ เลิกแกล้งทำเป็นว่าสนใจผมสักที มันทำให้ผมรำคาญมากกว่าจะรู้สึกดี”

 

“รู้ได้ไงว่าพี่แกล้ง พี่รู้สึกดีกับกาลนะ”

 

น้ำเสียงที่ดูล้อเล่นมาตลอดเปลี่ยนเป็นจริงจังในประโยคสุดท้าย ทั้งห้องน้ำตกอยู่ในความเงียบจนคณิตนึกสงสัยว่าคนในผับมากมายไม่มีใครปวดห้องน้ำแบบผิดเวลาเหมือนเขาบ้างรึไง ทำไมเขาถึงต้องเป็นคนได้ยินเรื่องบ้าๆนี่ทั้งหมดด้วย

 

“ผมนึกว่าพี่จะฉลาด”

 

“...”

 

“ความรู้สึกดีกับความรัก...ไม่เหมือนกันนะครับ”

 

รัตติกาลพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนคณิตจะได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินจากไป เขายืนนิ่ง ไม่มั่นใจว่าตัวเองควรเดินออกไปไหม จนเวลาล่วงเลยไปกว่าสามนาที เขาปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีใครยืนอยู่ข้างนอกนั่น แต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไป คณิตก็ต้องชะงักมืออีกครั้ง

 

“นั่นสินะ...มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”

 

“...”

 

“แต่อย่าลืมล่ะ ว่าความรักที่เติบโตจากความเกลียดชัง...มันก็มีเหมือนกัน”


 

.

.

.

.

.

.

 

 

เสียงฝนสาดดังขนาดห้องข้างในยังได้ยิน โทรทัศน์ในห้องรับรองกำลังรายงานข่าวพายุซึ่งกำลังเคลื่อนที่ผ่านอ่าวไทย แต่มีหรือคนที่อื่นจะรู้ซึ้งเท่ากับคนในพื้นที่ เวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มกว่า ความโกลาหลจากธรรมชาติก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง เขาส่งข้อความบอกปูนให้จองห้องพักในโรงแรมไปก่อน ส่วนตัวเองต้องมานั่งจับเจ่าอยู่กับคนที่ไม่ชอบหน้าโดยที่คณิตออกไปจัดการธุระข้างนอกยังไม่กลับมา มีเพียงอารัณย์ในชุดคล้ายๆกันเดินหน้านิ่งมานั่งบนโซฟาตัวข้างๆ ไม่พูดไม่จาแต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดี เขาเองก็ไม่อยากพูดเหมือนกัน

 

“ดูท่าจะไม่หยุดตกจนถึงเช้า”

 

คณิตที่ดูเหนื่อยล้าเดินเข้ามาพร้อมกับปลดเนคไทออก เสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มวางพาดกับเก้าอี้ ร่างสูงวางจานของวางลงบนโต๊ะกลางห้องให้เป็นของรองท้องแขกทั้งสองที่ต่างก็ทำทีท่าเฉยชาใส่กัน อารัณย์เองพอได้ยินชื่อของนทีก็ยืนนิ่ง สีหน้าครุ่นคิดของคนที่เขาเข้าใจว่าเป็นคนรักของเพื่อนทำให้คณิตเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการเวลา จึงไม่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก

 

แค่รู้ชื่อยังเป็นขนาดนี้...ถ้าเขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังจะขนาดไหน...

 

 

“กูจะกลับกรุงเทพ”

 

รัตติกาลเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

 

“ฝนตกยังกับห่าลง ลมก็แรงขนาดต้นมะพร้าวยังไหว ต่อให้มึงขับรถแข็งแค่ไหนก็อย่าเสี่ยงเลยไอ้กาล ไปนอนข้างบนเดี๋ยวกูเปิดห้องให้”

 

“ไม่ล่ะ กูต้องพารพีไปหัวหินแต่เช้า”

 

“หัวหิน?”

 

“อืม...สัญญาไว้แล้ว”

 

รัตติกาลนั่งชั่งใจอยู่นาน จริงอย่างที่คณิตว่า...เขาไม่ควรเสี่ยงขับรถฝ่าพายุออกไปตอนนี้ แต่เพราะคำสัญญาที่เขามอบให้อีกฝ่ายไปโดยไม่มีจุดประสงค์อื่น และยิ่งกว่านั้น...รัตติกาลเกลียดคนที่ผิดสัญญา ถ้าหากเป็นไปได้เขาเองก็ไม่อยากทำมันกับคนอื่นเช่นกัน

 

“แต่ฝนมัน...”

 

“ไม่เป็นไร ใช่ว่ากูจะไม่เคยขับฝ่าพายุมาก่อน พอพ้นชลบุรีไปน่าจะซากว่านี้”

 

ร่างโปร่งลุกขึ้น หยิบถุงเสื้อผ้าและของฝากที่คณิตให้มาตั้งแต่กลางวัน เพื่อนตัวสูงรู้ดีว่าถ้าตัดสินใจแล้วก็เกินความสามารถจะห้ามปราม รอยคล้ำรอบดวงตาบอกได้ดีกว่าคณิตแทบจะฝืนสังขารไม่ไหวแล้ว รัตติกาลให้คณิตพักผ่อนอยู่ในห้องไม่ต้องออกไปส่งตัวเอง เขาเดินผ่านพนักงานที่จับกลุ่มคุยกันเดินทะลุออกมาถึงลานจอดรถ แต่ก่อนที่ร่างโปร่งจะได้กดรีโมทเพื่อปลดล็อค เสียงพูดที่ดังจากทางด้านหลังก็ทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง

 

“ไปรถกู”

 

“...ไม่ต้องมายุ่ง”

 

“กูก็จะกลับกรุงเทพเหมือนกัน แล้วถ้ามึงขับรถกลับเด็กมึงจะทำยังไง อย่าบอกนะว่าจะปล่อยให้มันนั่งรถตู้”

 

คำพูดนั้นทำให้รัตติกาลนึกขึ้นได้ เขาเชื่อว่าปูนจะไม่ว่าอะไรหากเขาตีรถกลับไปก่อน แต่ก็เหมือนกับเรื่องของรพี...เขารับปากอีกฝ่ายไว้แล้วว่าจะคอยไปรับไปส่ง หากต้องผิดสัญญาอย่างน้อยต้องไม่ใช่ว่าเขาปล่อยให้ปูนนั่งรถตู้กลับเพียงลำพังอารัณย์สังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของร่างโปร่ง เขาเดินนำไปยังรถรุ่นโฟล์ครุ่นเก่าที่จอดถัดจากรถของรัตติกาลไปไม่กี่คัน

 

“ไม่ต้องห่วง ถึงจะเก่าแต่เจ้าของเขาก็ดูแลดี ขับฝ่าฝนได้สบาย”

 

รัตติกาลไม่โต้เถียงอะไร เขายอมฝากของไว้บนรถคันนั้นก่อนจะเดินกลับไปฝากกุญแจรถไว้กับรีเซฟชั่น แจ้งชื่อจริงของปูนแล้วติดต่อเด็กหนุ่มว่าให้มาขับรถของเขากลับไปกรุงเทพในวันพรุ่งนี้

 

“พี่กาลจะขับรถไปตอนนี้จริงๆหรอ”

 

“อืม ไม่ต้องห่วง ถ้าถึงแล้วพี่จะโทรหา”

 

“ครับ...บอกเพื่อนพี่ขับช้าๆนะ”

 

 

ร่างโปร่งบอกลาโดยปล่อยให้ปูนเข้าใจผิดไปทั้งแบบนั้น จะให้บอกได้ยังไงว่าเขาต้องนั่งรถกลับกับโจทย์เก่าที่ทั้งเขาและปูนเคยมีเรื่องด้วยมาก่อน สีหน้าไม่พอใจของร่างเล็กในวันนั้นรัตติกาลยังจำได้ดี เด็กหนุ่มที่ดูเป็นมิตรกับทุกคนปฏิเสธตัวตนของอารัณย์อย่างสุดใจแม้แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ และแม้แต่เขาเอง ก็เกลียดชังอารัณย์เช่นกัน...

 

ใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มสะท้อนกับไฟส่องถนนยิ่งทำให้ดูคมคาย รัตติกาลเผลอจ้องมองริมฝีปากของอีกฝ่ายที่มอบสัมผัสให้กับเขาเป็นครั้งที่สองโดยปราศจากเหตุผล ทั้งที่เคยคิดว่าตอนที่จูบกันครั้งแรกนั้นเลวร้ายจนไม่อยากจดจำ แต่ครั้งนี้กลับเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะรัตติกาลหาสาเหตุที่อารัณย์จูบตนไม่ได้เลย...

 

“ไปเส้นหลังเขาเขียวนะ ฝ่าตัวเมืองไปไม่ไหวทั้งรถติดทั้งน้ำท่วม”

 

รัตติกาลไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ได้แต่เปรยตามองคนที่ย้ำนักย้ำหนาก่อนออกมาว่ารถบุโรทั้งคันนี้สามารถขับฝ่าฝนได้ เขาถอนหายใจนั่งฟังเพลงจากเทปคลาสเสดที่ไม่คิดว่าจะยังมีคนใช้อยู่ในยุคสมัยนี้ จังหวะดนตรีพิมพ์นิยมในยุค90’s เคล้ากับเสียงฝนได้อย่างน่าประหลาดใจ ยาแก้หวัดที่คณิตเพิ่งให้เขาทานก่อนออกมาเริ่มออกฤทธิ์ รัตติกาลแอบนึกดีใจที่ตัวเองไม่ดื้อดึงขับรถกลับด้วยตนเอง ต่อให้เขาขับรถแข็งขนาดไหนก็มีสิทธิประสบอุบัติเหตุได้เมื่อร่างกายขาดความพร้อม

 

“ถ้าง่วงก็นอนไป ผ้าห่มอยู่หลังเบาะ”

 

“ไม่ต้อง”

 

“อย่าหยิ่ง เป็นหวัดขึ้นมาแล้วจะยุ่ง มึงยอมฝ่าพายุกลับเพื่อจะรักษาสัญญากับรพีไม่ใช่รึไง...อย่าทำมันพังเพราะทิฐิบ้าๆ”

 

“มีคนเคยทักคุณไหม ว่าคุณเป็นคนพูดมาก”

 

อารัณย์ไม่ได้เถียงอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มมุมปากมองดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีแรงระเรื่อเพราะพิษไข้ ทั้งเขาและคณิตสังเกตตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องรับรองแล้วว่ารัตติกาลกำลังไม่สบาย มีเพียงเจ้าตัวนี่แหละที่ไม่ประมานตนเอาซะเลย

 

ถึงปากจะจิกกัดแบบนั้น แต่รัตติกาลก็ยอมเอื้อมตัวไปหยิบผ้าสำลีเนื้อนุ่มมาจากหลังเบาะคนขับ ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้รัตติกาลต้องการพักผ่อนเกินกว่าจะมาโต้เถียงกับใคร ร่างกายสูงโปร่งเอนพิงเบาะที่ปรับให้ได้องศา ผ้าห่มเนื้อบางแต่ทว่าอบอุ่นคลุมทั่วร่าง กอปรกับฤทธิ์ยาทำให้รัตติกาลเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

 

ในชั่วขณะก่อนรัตติกาลจะไม่ได้สติ

 

เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบดังลอยมาจากที่ไกลๆ

 

พร้อมกับกระแสแห่งความคิดถึงที่หวนกลับมา

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

รีบอัพให้ก่อนจะไม่ว่างคับ ดีใจอะ ตอนนี้รัณย์กาลเพียบเลย (หลังจากโดนบ่นว่าพระเอกของเราบทน้อยเกิน หึหึ)

ตอนนี้ทั้งสองคนมันรวนมาก ทั้งสับสนและอะไรหลายอย่างเลยบังเกิดเป็นโมเม้นดีๆอย่างที่เห็น (นี่ดีแล้ว??)

เนื้อเรื่องต่อๆไปคงจะดำเนินเร็วขึ้นไม่ช้าอย่างที่ผ่านมาแล้วคับ กำลังเข้าเฟสที่สองของเรื่องแล้ว

จำนวนตอนอาจจะไม่มากอย่างที่คิด ถ้าเช่ไม่พาออกทะเลอีก เท่าที่จัดหน้าสำหรับตีพิมพ์ ก็300นิดๆแล้ว  o22

ใช่แล้วคับ อ่านไม่ผิด จัดหน้าสำหรับตีพิมพ์ =w=  อย่าถามว่าเช่ไปเอาความมั่นใจว่าจะมีคนซื้อมาจากไหน 555

ทำเพื่อสนองนี๊ดตัวเองล้วนๆ ตั้งแต่ตอนแต่งฟิคแล้ว อยากรวมก็รวม ไม่ค่อยสนจำนวน (จริงๆก็สนนิดหน่อย)

ไนท์แมร์ก็ลังเลนะว่าจะรวมดีไหม แต่ก็ตัดใจ จำนวนเท่าไหร่ก็เอาเหอะ หลักสิบเช่ก็ปลื้มแล้ว อยากเก็บงานตัวเองเป็นเล่ม

ดังนั้นถ้าใครอยากเก็บงานเช่เก็บตังวันละ5บาท 10บาทนะ อีกนานแหละ แต่ก็เก็บไว้เรื่อยๆ ราคาไม่แพงเกินจริงแน่นอน :katai4:

ตอนนี้กำลังเขียนสเปไว้ตอนนึง รอให้คนไลค์เพจครบ100คน (ดีใจยังกับครบ1000) เป็นสเปที่ไม่เครียดและแหวกมาก

เพิ่งรู้นี่แหละว่าแต่งแนวสบายๆมันดีแบบนี้นี่เอง ไม่ต้องคิดไรเลย T^T เปลี่ยนตอนนี้ทันไหม ฮ่าๆ รออ่านกันนะคับ

ไปไลค์เพจกันได้ อัพไม่อัพเช่จะบอกไว้ แล้วก็มีสเปอัพให้ตามโอกาส^^

 

ป.ล. เหมือนเดิม ขอบคุณทุกเม้นทุกโหวตคับ ช่วงนี้อาจจะเว้นสักหน่อยเพราะแต่ละตอนเริ่มยาวขึ้น เวลาเขียนนานขึ้น

แต่จะไม่หายหน้าไปเลยนะ ยังไงก็น่าจะได้อาทิตย์ละตอนเป็นอย่างต่ำ อย่างขยันก็วันเว้นวัน^^



ขอตอบเม้นท์หน่อย อยากบอกว่าคุณ Fujoshi เป็นคนแรกเลยที่บอกว่าชอบกาลนะคับ ปลื้มมมมม
 :sad4: :z2:
เพ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้
ไม่น่าพลาดเลย
ดาร์กได้ใจมาก
กาลเป็นอะไรรึเปล่า ปวดหัวบ่อยๆ
เครียดมากไปไม่ดีนะ
ไม่รู้จะเม้นยังไง
เอาเป็นว่าชอบกาลมากๆๆๆๆๆๆ
รออ่านตอนต่อไปจ้า
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
ชอบมากๆเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2015 16:20:28 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รัณย์แอบหวั่นไหวแล้วใช่ไหม

คณิตพลาดอะ แต่ก็ดีนะ รัณย์จะได้มาดามใจกาลสักที

นทีเลวแบบไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ iiduckii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ชื่นใจ กาลเริ่มเปลี่ยนแล้ว จุดพลุฉลองดีไหมเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

น้องพีหนูต้องเอาความน่ารักของหนูเข้าสู้นะลูก :-[ :-[

ได้อ่านโมเม้นของรัณย์กาลแล้วปริ่ม นี่มุ้งมิ้งที่สุดแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ :hao7: :hao7:

ป.ล.หายไปนานเลย ยอมรับเลยค่ะว่าที่หายไป ไปทำใจมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ พอมาเจอโมเม้นรัณย์กาลแล้วดีใจมากค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ถือเป็นก้าวเล็กๆ  o13 o13

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออ!! กาลน้อกาล

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด