V
v
v
ยิ่งดึกก็ยิ่งคึก วันนี้คนเยอะจริง ส่วนมากก็จะเป็นผู้หญิง ผู้ชายที่มีๆ อยู่ในนี้ครึ่งหนึ่งคงมาดูผู้หญิงที่มาในวันนี้ ส่วนอีกครึ่งไม่แน่ใจว่าใช่ผู้ชายแท้ๆ เลยหรือเปล่า ผมกินไปเบียร์ไปสี่ขวด ก็ยังคงรู้สึกปกติอยู่ แค่ร้อนรุมๆ ที่คอกับหน้าแล้วก็ที่ตัวนิดหน่อย ค่อนข้างมั่นใจว่าแก้มผมคงแดงปลั่งไม่น้อย
“ขอเบรกคั่นความมันส์ด้วยการแจกรางวัลกันสักครู่นะครับ!!” เสียงพิธีกรดังลั่นลำโพง ผู้คนที่ออกันอยู่ในร้านส่งเสียงเฮ้วๆ ตอบรับกันใหญ่
“สำหรับค่ำคืนนี้เป็นคืนของหญิงสาวอย่างที่เรารู้กัน ผมมีกิจกรรมมาให้ร่วมสนุกแล้วก็มีรางวัลมาแจกด้วย กติกาไม่ยากอะไรเลย แค่แต่ละโต๊ะส่งตัวแทนขึ้นมาบนเวที ผมขออย่างน้อยห้าคน แต่จะมากกว่านั้นก็ได้ ไม่มีปัญหา ใครเต้นได้แซ่บ ได้โดนใจ เรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุด รับรางวัลจากเราไปเลย!!!” มีเสียงกรี๊ด เสียงเฮ ดังระงม แล้วก็มีสาวๆ หลายคนขึ้นไปยืนบนเวทีกันเกือบแน่น แต่ละคนแต่งตัวเด็ดๆ ทั้งนั้น ผมยิ้มออกมาน้อยๆ มองพวกเธอแต่ละคนยืนรอสัญญาณจากพิธีกร
“พี่ๆ ขอส่งเพื่อนผมสู้สักคนได้ป้ะ แม้ร่างกายเป็นชาย แต่ใจมันหญิงมากพี่!!” ผมอ้าปากค้างนิดหนึ่ง มองเห็นแมทกำลังถูกเพื่อนดันขึ้นไปบนเวทีหลังจากที่พิธีกรตอบรับคำขอนั้น คนในร้านส่งเสียงเฮเสียงโห่กันยกใหญ่ พวกเพื่อนผมส่งเสียงฮากันตรึม ผมมองแมทยิ้มๆ หน้าตาเขาดูเหมือนจะอยากจะด่าใครอยู่ตลอดเวลา แต่พอขึ้นไปบนเวทีแล้วผมก็เห็นเขาปั้นหน้ายิ้มโดยมีเสียงเชียร์จากเพื่อนๆ เขาที่อยู่ด้านหน้าเวที
“กูว่าเขาไม่น่าเป็นอะไรมากนะ” ไอ้ไนน์บอกพลางใช้สายตาสำรวจแมทผ่านแว่นที่ยืนเงอะงะอยู่บนเวที ผมมองเขาแล้วก็ยิ้มออกมา ขึ้นไปบนเวทีแบบนั้นได้ก็คงไม่มีส่วนไหนของร่างกายชำรุดรุนแรงละมั้ง
“ดีเจ ขอเพลงหน่อยครับ!!” หลังจากแบ่งสายแข่งขัน (แลดูจริงจัง เปล่าหรอก คนบนเวทีเยอะมาก) เสร็จเรียบร้อย ดีเจก็เปิดเพลงตามคำบอกของพิธีกร เขาแบ่งให้เต้นรอบละสี่คน ใครเต้นดี เข้าตากรรมการ (คนในร้าน) ก็ได้เข้ารอบไป ผมมองแมทที่ยืนเกาหัวงงๆ เหมือนเด็กหลงทาง วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีขาว ใส่รองเท้าหนังหัวมนสีแดง ผมรอดูเขาเต้นเนี่ยแหละ จากครั้งก่อนก็พอจะรู้ว่าเขานั้นเต้นเก่งไม่เบาเลย
“แล้วก็มาถึงทีเด็ดที่เพื่อนๆ เขารับประกันว่าเด็ดไม่แพ้สาวๆ แน่นอน จะสมคำเพื่อนบอกรึเปล่าเรามาดูกันนะครับ!!” เสียงเฮดังขึ้นจากพวกเพื่อนเขาและมีบางกลุ่มผสมด้วย ที่สำคัญพวกเพื่อนผมก็ส่งเสียงเชียร์แมทกันสนั่นหวั่นไหว
“โอ้โห ท่าทางแม่ยก พ่อยกเยอะเว้ย” เสียงหัวเราะครืนๆ ดังขึ้นหลังจากที่พิธีกรได้ยินเสียงเชียร์แมท พอเสียงสงบลง เขาก็ยกมือส่งสัญญาณให้ดีเจเปิดเพลง เหมือนแมทจะยังงงๆ อยู่ตอนที่เพลงขึ้นแรกๆ ปล่อยให้ผู้หญิงอีกสามคนที่อยู่ล็อตเดียวกับเขาโยกนำไปก่อน ผมกำลังจะหัวเราะเขา แต่สักพักเหมือนเขาจับจังหวะได้แล้ว เขาก็ปล่อยสเต็ปที่ไม่ใช่เต้นมั่วซั่ว แต่เป็นสเต็ปและท่าทางที่เข้ากับเพลงจนดูไหลลื่น
“โห ไอ้เหี้ย ไม่คิดว่าเจ้าแม่แกจะเด็ดปานนั้น!” ใครสักคนในกลุ่มผมพูด แต่ผมไม่ได้หันไปสนใจ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์แมทดังกระหึ่มกว่าใครเพื่อน ยิ่งพอเขาเล่นท่าล่าง ก็ยิ่งได้ใจคนดูเข้าไปอีก ผมเห็นสามคนที่เหลือเริ่มเหมือนจะเต้นต่อไม่ถูกเพราะโดนแมทกลบ
“วู้วววว!!!” เสียงเชียร์ยังคงดังต่อเนื่องหลังจากที่เวลาของทีมแมทจบลง แมทยืนเซหน่อยๆ ดูท่าเขาจะมึนๆ สงสัยจะกินเหล้าเข้าไป
“ผมว่าไม่ต้องถามแล้วครับว่าจะให้น้องเสื้อฟ้าเขาเข้ารอบรึเปล่า เสียงกรี๊ดเมื่อกี้ยังลั่นอยู่ในหูผมอยู่เลย เอาเป็นว่า เข้ารอบไปชิงชัยได้เลย!!!” เสียงปรบมือ เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ดังลั่น แมทยิ้มร่า ชูสองมือขึ้นสูงด้วยความดีอกดีใจ ผมมองเขาแล้วยิ้ม หน้าตาเขาดูเปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวล ดูอิ่มเอิบ แต่ไม่ได้อ้วนนะ ผมว่าตอนนี้เขาหุ่นดีขึ้นเยอะเลย เมื่อกี้ตอนเต้นท่ากระดกก้น เห็นชัดเลยว่าก้นเขาแน่นมาก ผมคิดแล้วก็ขำ แต่ลึกๆ ในใจก็จึ้กอยู่เหมือนกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นมาจากไอ้ฝรั่งนั่นทั้งนั้น
“อ้าว รอบชิง เอาให้เต็มที่ครับ!!!” รอบชิงผ่านเข้ารอบมาแค่ห้าคนสุดท้าย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีแมท เขาถูกจัดให้อยู่ตรงกลาง พอเพลงขึ้นทุกคนก็เริ่มโยก จะมีแมทที่ยืนนิ่งสักพัก ผมว่าเหมือนเขายืนจับจังหวะเพลงสักแปบ พอจับได้ว่าควรใส่ท่าไหนให้เข้ากับเพลง เขาก็จะใส่เต็มที่
It’s going down for reaaaal~แมทบิดสะโพกอย่างช้าๆ เข้ากับจังหวะเพลงที่มันส์แบบเนิบนาบแต่เน้นถ่วงแรงๆ เขาบิดสะโพกซ้ายขวาแล้วสะบัดมือขึ้นประกบเหนือหัว ก่อนจะบิดยกสะโพกไปซ้ายขวาเหมือนระบำหน้าท้องของอินเดียอย่างช้าๆ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงโคตรเซ็กซี่มาก แต่แค่นี้แมทก็ดึงดูดมากพอแล้ว ผมเพิ่งคอยมองดีๆ ว่าเขามีสะเนินสะโพกด้วย
“เหี้ย ไร้นมแต่อารมณ์เกินหญิงอีกสี่คนข้างๆ มาก” เหมือนจะเป็นเสียงไอ้เจ๋งที่พูด ผมมัวแต่มองแมทก้มหัวแล้วสะบัดขึ้นมาตรงจังหวะเพลง ก่อนจะย่อเข่าสองข้างลงแล้วทำท่าชกพื้นแรงๆ ตามจังเพลงที่เร่งเร้ามากขึ้น เสียงกรี๊ดใส่แมทดังสนั่น ผมว่าก็คงมาจากคนที่เชียร์อีกสี่คนบนเวทีด้วย เพียงแต่เสียงมันจะชัดขึ้นเวลาแมทเปลี่ยนท่าใหม่ บอกได้เลยว่าเขาช่างเป็นคนที่มองไม่น่าเบื่อ ยิ่งเวลาเต้นยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“เอาละๆ แม้จะเห็นชัดแล้วว่าเสียงกรี๊ดใครดังสุดแต่จะลองซาวด์เสียงอีกสักทีนะ!” พิธีกรประกาศตามสีเสื้อที่แต่ละคนใส่มาในวันนี้ จนกระทั่งมาหยุดที่แมทเป็นคนที่สาม
“ใครคิดว่าน้องเสื้อฟ้า เลดี้พิเศษหนึ่งเดียวสมควรได้รางวัล ขอเสียงกรี๊ดหน่อย!!!”
“วู้วววว!!!!!!!!” ผมว่าแค่เสียงจากพวกผมกับเสียงจากกลุ่มเพื่อนเขาก็ดังพอแล้วนะ แต่ยังมีจากกลุ่มอื่นๆ บางกลุ่มช่วยอีก เสียงเชียร์แมทเลยดังกลบสองคนก่อนหน้านี้ไปเลย
สรุปสุดท้ายไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แมทคว้ารางวัลไปอย่างเอกฉันท์ รางวัลที่ได้ก็คือไวน์รสอะไรไม่รู้ที่ดูแล้วท่าทางจะแพงเอาการ แมทส่งเสียงร้องดีใจ ชูขวดไวน์สีดำขึ้นเหนือหัว จูบขวดไวน์โชว์รัวๆ ก่อนที่จะเดินลงไปหาเพื่อนเขาด้านล่าง แล้วก็เดินเซไปกับเพื่อนๆ
“มึงไม่ลงไปทักเขาจริงๆ เหรอ” ไอ้ไนน์ถาม ผมไม่ต้องถามตัวเองอีกแล้ว เพราะตอนนี้ใจผมเต้นตึกๆ นึกอยากเข้าไปคุยกับเขามาก ผมพยักหน้า วางขวดเบียร์ไว้บนโต๊ะ เดินลงไปข้างล่าง พยายามสอดส่องฝ่าความมืดมองหาโต๊ะแมท แล้วผมก็เห็นพวกเพื่อนเขายืนออกันอยู่ตรงเสาร์ต้นหนึ่ง
“แมทอยู่ไหนเหรอ??!!” ผมสะกิดเพื่อนผู้หญิงแมทคนหนึ่ง เธอหันมาหรี่ตามองผมงงๆ ผมเลยต้องโน้มหน้าเข้าไปใกล้หูเธออีกรอบแล้วถามคำถามเดิมจนเธอทำหน้าว่าเข้าใจ
“มันออกไปข้างนอก บอดี้การ์ดแฟนมันมาตามอ่ะ!!!” ผมพยักหน้า แล้วหมุนตัวเดินออกไปทางประตูหลังของร้าน นึกในใจว่าถ้าผมเป็นคนอื่นคงนึกแปลกใจว่ามีบอดี้การ์ดมาเกี่ยวข้องด้วยเหรอ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ชายที่มาช่วยเขาในเหตุการณ์ที่ไอ้เบียร์เล่าก็น่าจะเป็นคนนี้แหละ
“What the fuck do you want from me? More tears??!! (ต้องการห่าอะไรจากผมอีก น้ำตาอีกงั้นเหรอ?!)” ผมยืนมองจากบันไดขั้นแรกที่เป็นทางเข้าประตูหลังร้าน แมทกำลังยืนผลักผู้ชายฝรั่งหัวเกรียนคนหนึ่งออกจากตัวเอง เขาคนนั้นเหมือนกำลังพยายามจะฉุดแมทขึ้นรถคันหนึ่ง
“I just want you to back home, now. Because my boss is fucking worry about you! (ผมแค่ต้องการให้คุณกลับบ้านตอนนี้ เพราะเจ้านายผมโคตรจะเป็นห่วงคุณเลย!)” ผู้ชายฝรั่งคนนั้นพูดเสียงเข้ม และพยายามดึงแมทให้เข้าไปในรถ แต่คนตัวเล็กกว่าก็ขืนตัวไว้เต็มที่
“Worry me? That’s no need. Tell him—go to worry about his ex—Andreana, the girl that he cheats on me! (ห่วงผมงั้นเหรอ?! ไม่จำเป็นหรอก บอกเขาด้วยว่าไปห่วงยัยแฟนเก่าอันเดรียนาคนที่เขานอกใจผมนู่น!)” แมทตะเบ็งเสียงใส่หน้าผู้ชายฝรั่งคนนั้นที่ทำหน้าอดทนอดกลั้นกับแมทเต็มทน ผมยืนมองด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้แมทคงเมาไม่น้อย ไม่งั้นไม่กล้าเอะอะแบบนี้หรอก
“Matt. Go home. You don’t want him to be mad. (คุณแมท กลับบ้านเถอะครับ คุณไม่อยากให้เขาคลั่งหรอก)”
“Oh, do I? But you know what—I’m fucking completely mad at your boss! (อ้อ งั้นเหรอ รู้อะไรมั้ย ตอนนี้ผมโคตรโกรธเจ้านายคุณเลย!)” ผู้ชายหัวเกรียนพยายามลากแมทขึ้นรถ แต่แมทขืนตัวไว้แล้วระดมทุบตีผู้ชายคนนั้นอย่างหนัก แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้าน เพราะด้วยความที่อีกฝ่ายตัวใหญ่กว่า ผมเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในเหตุการณ์ ตอนนี้มีคนมุงดูแมทกับฝรั่งหัวเกรียนนั้นมากพอแล้ว
“แมท! แมท!” แมทหยุดทุบตีผู้ชายฝรั่งคนนั้นแล้วหันมามองผมด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ผมเหลือบมองฝรั่งคนนั้น เขาขมวดคิ้วใส่ผมนิดหน่อย สองมือยังจับแขนแมทไว้ไม่ยอมปล่อย
“เอิร์ท เอิร์ท บอกให้ไอ้ฝรั่งห่านี่ปล่อยแมทสักที แมทไม่อยากไปกับมัน แมทไม่อยากอยู่ใกล้ฝรั่ง ตอนนี้เกลียดฝรั่งที่สุดเลย!” เขาพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากบอดี้การ์ดตัวเอง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุด แมทเลยหยุดแล้วหันมามองผม และสะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก
“Hey. Can you leave him with me for a while? I—I think he needs the time to stop crying. (เฮ้ ปล่อยเขาไว้กับสักพักได้มั้ย ผม… ผมว่าเขาต้องการเวลาหยุดร้องไห้นะ)” ผมพยายามพูดอย่างเป็นมิตร ไม่ใช่ว่าผมอยากผูกมิตรกับไอ้ฝรั่งหัวเกรียนคนนี้หรอก แต่ผมอยากเอาแมทออกมาจากมันก่อน
“Mr.Raymond will not happy surely. (คุณเรย์มอนด์ต้องไม่แฮปปี้แน่นอน)” ไอ้หัวเกรียนตอบกลับเสียงนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยแทบจะไร้อารมณ์ ผมแอบรู้สึกเคืองแวบหนึ่งตอนมันเอ่ยชื่อไอ้พระเอกนั่น
“Fuck it Mr.Raymond! And tell him go to fuck his Andreana! Oh—maybe Sharon. (ช่างหัวไอ้คุณเรย์มอนด์เถอะ! แล้วบอกให้มันไปเอากับอันเดรียนาเถอะ โอ้! หรืออาจจะชารอนก็ได้)” แมทพูดเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ จ้องหน้าบอดี้การ์ดด้วยความกราดเกรี้ยว สองมือเขากำแน่น ตัวสั่นเทิ้มเหมือนกำลังโกรธอย่างแรง สุดท้ายบอดี้การ์ดเขาถอนหายใจแล้วหันมาทางผม
“I will waiting on the car, but just a moment. (ผมจะรออยู่บนรถ แต่แค่แปบเดียวนะ)” แมทสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายแล้วเดินเข้ามาหาผม ผมรีบโอบไหล่เขาเอาไว้เพื่อประคองไม่ให้เขาล้มลงไป ผมกดหน้าลงเล็กน้อยให้กับบอดี้การ์ด เขาไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับมา ทำแค่เข้าไปนั่งรออยู่บนรถตามที่บอก
“ไปนั่งก่อนนะแมท” เจ้าตัวพยักหน้า ยกแขนเสื้อทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม ผมพยุงแมทให้เดินไปนั่งตรงม้านั่งที่เราเคยนั่งด้วยกันคราวก่อน
ผมสำรวจใบหน้าเขา คราบน้ำตาเปรอะสองแก้ม ตาแดงเพราะร้องไห้ แก้มแดงเพราะแอลกอฮอล์ ผมพยายามมองหาร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย แต่ดูท่าแล้วไอ้บอดี้การ์ดคงเข้าไปช่วยไว้ไวมาก กำลังจะโล่งใจเต็มอก แต่ก็เหลือบเห็นแผลที่ฝ่ามือซ้ายของเขา ผมยื่นมือจะไปจับมาดู แต่แมทชักมือหนีแล้วโบกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร
“นิดเดียว เจ็บไม่เท่าตอนเห็นผัวจูบกับคนอื่นหรอก” ผมยิ้มขำ แมทถอนหายใจแรงๆ แล้วเบ้ปากน้อยก่อนที่จะนั่งนิ่งๆ สักพักแล้วก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง หยิบทิชชูออกมากำหนึ่ง แล้วเอาเช็ดน้ำตาบนแก้มไปมาจนมันเริ่มหายๆ ไปแต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่ ผมเลยหยิบทิชชูมาจากมือเขาแล้วเช็ดให้เขาจนมันเกลี้ยง แมทยิ้มอ่อนๆ
“เมารึเปล่า” แมทหลับตาลงคล้ายง่วงนอนก่อนจะลืมตาตอบ
“เมา แต่ก็ยังมีสติด่าได้อยู่” ผมยิ้มขำน้อยๆ แมทยิ้มเบื่อๆ
“ฟิวส์ขาดน่าดูเลยนะ” ผมยื่นทิชชูคืนไปให้ แมทรับไปแล้วสั่งน้ำมูลออกมาแรงๆ แล้วใช้ทิชชูเช็ดจมูกไปมา
“แฟนไปเอากับคนอื่น คิดว่าแมทควรทำตัวยังไงดีอ่ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกประหลาดใจ
“สรุปว่านั่นเรื่องจริงเหรอ” แมทเม้มปาก น้ำตาคลอ แต่ไม่ปล่อยให้มันไหลออกมา
“ตอนแรกแมทก็เชื่อว่าไม่จริงนะ เชื่อที่เขาบอก…” แมทหยุดพูด หยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋า ก้มลงกดอะไรสักพักแล้วยื่นมาให้ผม
“…แต่พอเห็นภาพพวกนี้ แมทยอมโดนด่าว่าอีคิดมากก็ไม่ได้ ยอมโดนด่าว่าอีเวิ่นเว้อก็ได้ แต่ใครไม่มาเป็นแมท แม่งรู้เหรอวะว่ามันรู้สึกยังไง” แมทยกมือปาดน้ำตา เขาขบกรามแน่น มันไม่ใช่มีแค่ความเสียใจ แต่มันคือความโกรธด้วย
ผมก้มลงมองรูปในมือถือแมท ถึงผมจะไม่ได้สนิทกับไอ้ฝรั่งนั่นมาก และคงไม่คิดจะไปสนิทด้วยแน่ๆ แต่ผมก็จำได้ว่ารูปผู้ชายยืนถอดเสื้อในห้องนอนใครสักคนนั้นคือไอ้ฝรั่งแฟนแมทแน่นอน รูปมีหลายช็อตอยู่เหมือนกัน เหมือนไอ้ฝรั่งมันเดินไปเดินมาในห้องโดยที่เปลือยท่อนบน
“ถ้าเป็นเอิร์ทเห็นขวัญอยู่ในสภาพนี้ในห้องแฟนเก่า หรือผู้ชายคนอื่น เอิร์ทจะคิดยังไง” แมทหันมาสบตากับผมนิ่ง ขนาดผมเป็นผู้ชาย ไม่ใช่คนคิดเยอะ คิดมากอะไรด้วย ผมเห็นภาพนี้ผมยังจินตนาการเลยว่าไอ้ฝรั่งนั่นแม่งไปทำอะไรในห้องนอนคนอื่น
“แล้วถ้าเห็นภาพเขาเดินออกมาส่งกันหน้าห้องแบบนี้ จะเอามาเชื่อมต่อกันป้ะ จะคิดป้ะว่ามันไม่เย็xกัน” แมทเลื่อนรูปต่อไปให้ผมดู รูปเช็ทต่อมาคือรูปไอ้ฝรั่งใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ยืนอยู่หน้าประตูห้อง มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อเชิ้ตขาวตัวโคล่งกำลังยืนกอดมันอยู่ ก่อนที่จะเป็นภาพไอ้ฝรั่งนั่นเดินจากเธอไป
“คิดป้ะ” แมทถามย้ำอีกที ผมยิ้มขำกับท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋ฝึกหัดของเขาพร้อมกับยื่นมือถือคืนให้ แมทรับไปเก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม
“ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหนเนี่ย”
“เซฟมาจากข่าว คนตามหาภาพหลุดของสองคนนี้กันให้วุ่นไปหมด สุดท้ายก็ได้สมใจ ช็อตเด็ดๆ ทั้งนั้น แล้วไอ้ผัวตัวดีแม่งก็มาโกหกแมทว่าเปล่า ยืนกรานเป็นยักษ์ขาเดียวว่าไม่ๆ แล้วเป็นไงอ่ะ ไม่มีทางห้ามใจได้ หึ ก็เข้าใจอยู่ สวยเซี้ยขนาดนั้น อีแบนๆ ราบๆ หน้าเห่ยๆ อย่างแมทจะเอาอะไรไปสู้” แล้วแมทก็เบะปากน้ำตาไหลออกมา นั่งสะอึกสะอื้น ยกทิชชูเช็ดน้ำตาไปเรื่อยเปื่อย
“แมทว่านะ ไม่ใช่ไม่ว่า ที่มันไปเอากับคนอื่น แต่ที่เสียความรู้สึกคือทำไมต้องโกหกด้วย มาบอกว่าเขาเมามากเลยอยู่ดูแล เช็ดอ้วกให้ โถ่ ยอมรับแล้วเคลียร์กันสิ ถ้ากลัวเสียแมทไป แล้วทำทำไมวะ ทำแบบนี้ยังไงแม่งก็ต้องเลิกกันอยู่แล้ว” ผมยกมือลูบหลังแมท เขาไม่ได้ร้องไห้ดราม่าชิงรางวัล แต่เป็นการร้องไห้เหมือนได้ปลดปล่อย คาดว่าคงเพราะน้ำเมาด้วยที่ช่วยเขาปลดปล่อยออกมา
“แล้วเลิกกันรึยังล่ะ” เขาหันมามองคล้ายจะมีแววตำหนิอยู่ในดวงตา แต่ใบหน้าเขาก็มีแววตกใจ เหมือนคนใจเสียอยู่ด้วย
“ฮึก ถามอย่างงี้จะเสียบรึไง ฮึกๆ” ผมหัวเราะขำกับสีหน้าและท่าทางของเขา อันนี้คือเสียใจอยู่ใช่มั้ย
“ก็เป็นไปได้ นี่จังหวะของเอิร์ทเลยนะ” แมทเบะปาก น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา
“แล้วก็เป็นจังหวะของเมียเก่าผัวแมทด้วย” แมทหยิบทิชชูในกระเป๋าขึ้นมาเช็ดน้ำตาเพิ่มอีก
“แล้วแมทจะปล่อยให้มันเป็นจังหวะหรือโอกาสดีๆ ของคนอื่นต่อไปอย่างนี้รึเปล่าล่ะ”
“มันไม่ใช่จังหวะอะไรแล้วเอิร์ท วิคเตอร์มันไปนอนกับคนอื่น มันนอกใจแมท แมทอยากเลิก แต่ก็รักมัน ปากแมทบอกว่าพร้อมจะไปจากมัน แต่เอาจริงๆ แม่งไม่ได้ง่ายเลยเว่ย” แมทน้ำตาไหล เสียงพูดขาดเป็นห้วงๆ เพราะสะอื้นไห้ไปด้วย
“แมทมั่นใจว่าถูกแฟนตัวเองนอกใจขนาดนั้นเลยเหรอ” แมทเช็ดน้ำตาจบแห้ง แต่ตาเขาแดงไปหมด เขาสั่งน้ำมูกอีกสองสามที แล้วพูดด้วยเสียงที่แน่วแน่
“ตอนแรกก็ไม่มั่นใจอ่ะ แต่พอเห็นภาพพวกนี้แมทมั่นใจ”
“แมทเชื่อใจภาพพวกนี้มากกว่าแฟนตัวเองอีกอ่อวะ” ผมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ แมทชะงักไปนิดหน่อย แววตาเขาวูบไหว สีหน้าดูเสียความเชื่อมั่นไปมากทีเดียว
“ก็… ก็ไม่ใช่แบบนั้น แค่ภาพมันชัดเจนอ่ะ”
“เอิร์ทว่าถ้ามีภาพตอนเขาเอากันหลุดออกมาเมื่อไหร่ ตอนนั้นแมทค่อยเครียดจริงๆ ก็ยังทันนะ”
“แล้วใครเขาจะถ่ายตอนเอากันล่ะเอิร์ท” แมทว่าเสียงสั่น ผมเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง
“ก็จริงอะเนอะ”
“แมทก็ไม่ได้อยากเชื่อภาพมากกว่าผัว แต่แมทก็รู้จักวิคเตอร์มานาน ทำไมแมทจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง” แมทมองตรงไปข้างหน้าเหมือนกำลังรำลึกความหลังกับความคิดตัวเองอยู่ ผมเองก็กำลังคิด ผมมองหน้าเขาแล้วคิดอะไรบางอย่าง ไม่อยากมีความรู้สึกอย่างนี้เลย แต่ผมว่าผมเข้าใจไอ้ฝรั่งนั่นอยู่นะ เข้าใจในสถานการณ์ที่มันเจอ เข้าใจกับสิ่งที่มันทำ ถึงจะไม่รู้เรื่องหรือรู้ความจริง แต่ผมแค่คิดว่าตัวเองเข้าใจมัน
“รู้จัก แล้วรู้จักดีขนาดไหนแมท บางทีตัวเราเองยังไม่รู้จักตัวเองดีเลย ผัวเมียบางคู่ หมายถึงคนที่แต่งงานกันแล้วน่ะ บางคู่ยังไม่รู้จักกันดีเลย…” แมทเม้มปาก พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย แต่ก็เหมือนเขาทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอยู่ด้วย
“…คืองี้แมท ไอ้ห่านั่นอ่ะ ไอ้ฝรั่งอ่ะ มันเป็นคนมีชื่อเสียง แล้วที่เอิร์ทเห็นคือมันก็ไม่ได้คิดปิดบังเรื่องแมทเลยนะ มันไม่น่าจะไปมีใครแล้วอ่ะ”
“แต่ภาพ…”
“…หยุดเอาภาพมาตัดสินสักแปบแมท โฟกัสที่คนของแมทก่อน เอิร์ทไม่รู้ว่ามันยืนยันยังไงกับแมทนะ แต่ให้แมทตัดสินจากท่าทีของมันตอนที่มันบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับใคร แมทรู้ดีที่สุด” แมทนิ่งไป แววตาเขาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ผมมองหน้าเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ ออกมา สลัดความรู้สึกอยากเอาชนะทั้งหลายทิ้งไป
“วันนั้น วันที่เอิร์ทออกไปรับขวัญ คืนนั้นเราก็ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ยอมรับว่านอนเตียงเดียวกัน แต่ก็แค่กอดกันไว้” สีหน้าแมทดูงงสงสัย แล้วค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอึ้งปนตกใจ สายตาที่มองมานั้นเหมือนกำลังถามผมว่า
จริงเหรอ ผมพยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเอง
“มันดูไม่น่าเชื่อใช่มั้ย เพราะคำพูดใครก็พูดได้ แต่เอิร์ทเองก็ไม่ได้มีอะไรกับขวัญจริง แต่ที่ไม่พูดเพราะว่าพูดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ไม่ได้มีกันวันนั้น แต่วันอื่นๆ เอิร์ทก็มีไง” แมทเหมือนกำลังสับสนปนงงจนพูดไม่ออก เขาอ้าปากค้าง หันมามองหน้าผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองลานจอดรถหลังผับอีกรอบ แล้วสักพักเขาก็มีสีหน้าสลดลงไปนิด
“จริงๆ มีเพื่อนวิคเตอร์คนนึงไปสืบมาให้ แล้วเขาบอกว่าสองคนนั้นไม่มีอะไรกันจริงๆ แต่ตอนแมทเห็นรูปพวกนี้ แมทก็…” เขาถอนหายใจ แล้วตามด้วยการสะอึกไปหนึ่งที
“…สติแตก” ผมยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปาก แมทนั่งก้มหน้าก้มตามองหัวเข่าของตัวเอง
“ทำไมแมทเชื่อคนอื่นไปหมด แต่ไม่เชื่อแฟนตัวเอง” แมทเบิกตากว้าง ท่าทีเขาตื่นตะลึงกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไป ผมพยักหน้ายืนยันคำพูดตัวเองอีกที
“แมทแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาถามน้ำตาคลอ ริมฝีปากสีชมพูซีดสั่นน้อยๆ
“ไม่แย่ แต่ก็ไม่ดีอะ”
“เนอะ ฮึก…” แมทถอนหายใจออกมา เขาหยุดร้องไห้แล้ว กำลังนั่งเหม่อคิดอะไรอยู่ แล้วเขาก็หันมามองผม
“…แล้วนี่ทำไมเอิร์ทถึงมาช่วยพูดปกป้องวิคเตอร์ โชว์บทพระเอกเหรอ” ผมคลี่ยิ้มกว้าง แมททำหน้าหงอยเหงา
“ไม่อยากเห็นแมทเศร้า ไม่อยากเห็นแมทคิดมาก อยากทำให้แมทรู้สึกดีขึ้น เอิร์ทไม่ใช่พระเอกหรอก เป็นพระรองต่างหาก” สีหน้าแมทเปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจขึ้นมาทันที
“โห อย่าคิดอย่างงั้น เอิร์ทเป็นพระเอกนะ แต่นางเอกอาจไม่ใช่แมทไง” แล้วเขาก็หัวเราะคิกคัก ผมนี่อดขำเสียงดังออกมาไม่ได้กับอารมณ์ที่สับเปลี่ยนไปมาของเขา
“ครั้งก่อนขอโทษนะเอิร์ทที่พูดจาไม่ดีใส่” พอหยุดหัวเราะได้เขาก็กลับมาเข้าโหมดจริงจังขึ้นมาหน่อย
“เอิร์ทก็ปากหมาเองด้วยแหละ…” ผมยักไหล่ “…เอาจริง อยากให้แมทเลิกกับมันนะ” แมทอ้าปากหวอ หน้าตาตื่นตระหนกตกใจจนผมต้องขำออกมาอีก
“เหยยะ! ทำไมอย่างนั้นล่ะ”
“เอิร์ทจะได้แย่งไง”
“เพิ่งรับบทพระเอกไป นี่โดนทางสถานีลดเป็นตัวโกงเมื่อไหร่เนี่ย” ผมหัวเราะเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้ดังจนคนแตกตื่น แมทบุ้ยปากไปมา ทำหน้าตาอ่อนอกอ่อนใจ
“แล้วนี่ทะเลาะกับมันอยู่ใช่มั้ย” สีหน้าแมทหงอยลงไปอีก แล้วพยักหน้ารับหงึกหงัก
“ตอนแรกทะเลาะ แล้วก็ดีกัน แล้วก็ตีกัน แล้วก็ดีกัน แล้วก็กลับมาตีกัน ช่วงนี้ชีวิตแมทกับเขาวนเวียนอยู่แค่นี้” เขาพูดเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนเด็กท่องกอไก่ถึงฮอนกฮูก
“จากใจป้ะ ไม่อยากให้ดีกันอ่ะ เลิกๆ ไปเหอะ” แมทขมวดคิ้วแน่น ยกกำปั้นทุบผมไปหนึ่งที ผมหัวเราะกับหน้าตามุ่ยๆ ของเขา
“ไม่เลิกหรอก เดี๋ยวนังแฟนเก่าจะมาเอาไปน่ะสิ” เขาทำปากยื่นเหมือนเด็กดื้อ
“ถ้าจะเลิกอะไรนะ เลิกคิดมากก่อน บางทีปัญหาแม่งไม่มีอะไรหรอก แต่มันใหญ่โตเพราะคิดมากเนี่ยแหละ” แมทเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่งพร้อมทำหน้าเซ็ง เขายักไหล่ยึกยักไปมาอยู่ครู่หนึ่ง
“แล้วถ้าไอ้หรั่งมันเอากับเขาจริงๆ แมทควรทำไงดีเอิร์ท” แมทถามเสียงเบาหวิว หน้าตาขาดความมั่นใจอย่างมาก ผมเม้มปาก กำลังใช้ความคิด เอาจริงๆ ถ้าแมทจะคิดมากก็ไม่ผิดหรอก ภาพมันชวนคิดซะขนาดนั้น ถ้าแฟนผมมีภาพแบบนั้นออกมา ยังไงก็เป็นชนวนได้ไม่น้อยอ่ะ
“ไม่รู้ว่ะ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ช่วงเวลานึงเราอาจจะบอกว่าเลิก แต่อีกช่วงเวลามันอาจจะมีอะไรมาทำให้เรารู้สึกว่าเราให้อภัยเขาได้” แมทพยักหน้าแข็งขันเหมือนว่าเห็นด้วยกับที่ผมพูดเต็มที่ ก่อนที่จะทำหน้าคล้ายว่าหยีอะไรสักอย่าง
“ประสาทจะแดก” แมทเอ่ยเสียงแผ่ว หน้าแปรเปลี่ยนเป็นเซ็งสุดขีด ผมยิ้มอีกรอบ นึกสงสัยว่าคนๆ นี้มีกี่หน้ากันในแต่ละวันเนี่ย
“แล้วเอิร์ทกับขวัญเป็นไงบ้าง” ผมเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะตอบ
“เลิกกันไปนานแล้ว หมายถึงเลิกกันจริงๆ ไม่มีอะไรต่อกันเด็ดขาดแล้ว” แมททำสีหน้าเหลื่อเชื่อ เปลือกตาเบิกกว้างขึ้นนิดหนึ่ง
“จริงอ้ะ”
“เฮ้ย เชื่อบ้างก็ได้ ทำไมติดใจสงสัยไปซะทุกอย่าง” ผมหัวเราะกับกิริยาไม่อยากเชื่อของเขาตอนนี้ เขาดูเหมือนเจ้าหนูจำไมที่คล้ายจะไม่เชื่อไปหมดหากยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตาตัวเอง
“เชื่อก็ได้” เขาว่าออกมาง่ายๆ หลังจากชั่งใจอยู่นาน ผมว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับชีวิตเขาหรอก นึกแบบนี้แล้วก็ใจหายเหมือนกัน
“คุณแมทครับ” เสียงบอดี้การ์ดของแมทขัดจังหวะขึ้น เราสองคนหันไปมองฝรั่งตัวใหญ่หัวเกรียนคนนั้น
“ผมรู้แล้ว กลับเลยก็ได้ อ้อ…” แมทลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดบอดี้การ์ดตัวโตที่มีสีหน้าตกใจไปนิดหนึ่ง
“…ขอโทษนะครับที่ทำร้ายร่างกายคุณ ผมสติแตกมากไปหน่อย” บอดี้การ์ดหัวเกรียนทำแค่ยกมือตบไหล่แมทกลับเบาๆ เป็นการบอกว่าไม่เป็นไร
“ที่คุณควรรู้ไว้ตอนนี้คือ คุณเรย์มอนด์กำลังจะบินมาไทย” แมทผละออกจากบอดี้การ์ดตัวตัว เงยหน้ามองด้วยความตะลึง
“เขาถ่ายหนังเสร็จแล้วรึไง”
“ยังครับ แต่เขาจะมาคุยกับคุณ” แมทหลับตาลงเหมือนกำลังเหนื่อยล้าเหลือเกิน
“ให้ตายสิ รวยติดอันดับโลกขนาดนั้นเลยเรอะ” บอดี้การ์ดเลิกคิ้วขึ้นพร้อมไหวไหล่หนึ่งที แมทถอนหายใจแล้วหันมาหาผมตรงๆ เขาเดินเข้ามากอดผมไว้ ผมยกแขนตอบกลับไป ผมแอบเห็นฝรั่งหัวเกรียนเสมองไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเนียนๆ
“ขอบคุณมากเอิร์ท วันนี้ได้ปลดปล่อยไปเยอะเลย” ผมลูบหลังแมทไปมาเบาๆ แมทผละออกจากตัวผม เราสบตากัน แมทยิ้มบางเบา
“แล้วเจอกัน แมทจะไม่ล่ำลาประหนึ่งว่านี่คือวันสุดท้ายของเราสองคนเด็ดขาด” ผมยิ้มมุมปาก พยักหน้ารับหนึ่งที ปล่อยให้แมทบีบสองมือผมไว้เบาๆ
“ขออยู่ในสถานะรักแฟนชาวบ้านสักแปบได้มั้ย ยังตัดใจไม่ได้ว่ะ” แมทยิ้มกว้างอย่างขบขัน
“โอ๊ย ได้เลย นี่ชอบมาก รู้สึกสวย ผู้ชายชอบ คิกๆๆ” ไม่รู้ว่าพูดเพราะเมาหรือพูดอำเล่นกันแน่ แต่ก็ทำผมยิ้มกว้างออกมาได้
“ไปก่อนนะพ่อยิ้มหวาน ตาหวาน เอ้อ ฝากบอกเพื่อนแมทที มันไลน์มาเต็มเลย แต่ขี้เกียจตอบ พิมพ์ไม่ถูกละ กู๊ดไนท์นะเอิร์ท” แมทเขย่งตัวมาจุ๊บแก้มผมหนึ่งที ได้ยินเสียงกระแอมจากบอดี้การ์ดราวกับเสียงสาดกระสุนจากปืนอาก้า
“ไม่เอาน่าออสติน ไม่ได้จูบปากแบบที่เจ้านายคุณทำสักหน่อย” บอดี้การ์ดที่ผมเพิ่งรู้ชื่อว่าชื่อออสติน ทำหน้าว่างเปล่าตอบกลับมา แมทจิ๊ปากใส่เขาแล้วหันกลับมาหาผมอีกรอบ
“ไปละนะ ไว้เจอกัน” เราโบกมือให้กัน แมทหมุนตัวเดินไปพร้อมกับบอดี้การ์ด ผมมองตามหลังแมทไปจนกระทั่งเขาขึ้นไปนั่งบนรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำ ก่อนที่รถจะขับออกไปจากร้าน ผมยิ้มกับตัวเองแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านตามเดิม เดินไปพร้อมกับความคิดที่ว่า ทำไมผมถึงรักผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อแมท

เม้าท์เม้าท์เม้าท์ อยู่ด้านล่างงง
v
v
v