:Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18  (อ่าน 799501 ครั้ง)

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
ตอนพิเศษพาร์ท You and I :: Victor's Moment. [ตอนสุดท้ายที่ลงเว็บ]




#เดือนมกราคม

           

 

พรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายเกิดของผม แต่ผมจัดงานเลี้ยงฉลองล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพราะพรุ่งนี้ผมมีภารกิจ ผมชวนเพื่อนๆ ทุกคนมารวมตัวกันที่บ้าน ก็มีแค่พวกไอ้เบนเท่านั้นแหละที่ผมชวน ผมไม่อยากชวนคนที่ไม่สนิทกันมาร่วมงาน เพราะถึงแม้จะรู้จักกัน แต่ผมก็คงทำตัวไม่ถูก กลายเป็นว่าจะรู้สึกอึดอัดจนหมดสนุกซะเปล่าๆ เราจัดปาร์ตี้กันในบ้าน เพราะวันนี้เรากะสนุกเต็มที่ เลยอาจจะเปิดดนตรีเสียงดังหน่อย เลยทำให้ไม่กล้าไปจัดในสวนหลังบ้านเพราะอาจจะเสียงดังจนรบกวนบ้านข้างๆ ได้ ผมจ้างเชฟมาทำอาหาร เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำเอง จะได้มีเวลาสนุกกับเพื่อนได้อย่างเต็มที่

 

 

“วิคเตอร์!  กองถ่ายแบบของนิตยสาร V แจ้งฉันมาว่านายไปสายตั้งหนึ่งชั่วโมง ไม่ทราบว่านายทำอะไรอยู่!” เอมิลี่เจ้าเดิมเสียงเดิม ถามผมเสียงเขียว หน้าตาถมึงทึง ทุกคนหัวเราะกันครืนที่ผมโดนเธอบ่นแทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

 

 

“เอาสาวอยู่” ผมตอบกลับกวนๆ ทั้งที่จริงๆ ผมแค่นอนตื่นสายเพราะคืนก่อนหน้านั้นไปแฮงค์เอ้าท์กับพวกไอ้เบนมานั่นแหละ

 

 

“ทุเรศจริงๆ! เมื่อไหร่นายจะปรับปรุงพฤติกรรมตรงนี้นะ!”

 

 

 

“เอาน่าเอ็ม วันนี้วันเกิดมัน อย่าเพิ่งบ่นมันนักเลย เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศหมด” ชาร์ลีเป็นคนสงบเอมิลี่ ผมยิ้มกริ่ม ยกแก้วไวน์ขึ้นเป็นเชิงขอบคุณมัน เอมิลี่ได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะ และหยิบมือถือขึ้นมาดู แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

 

 

“เป็นอะไรรึเปล่าเอมิลี่” อันเดรเอ่ยถามพลางยัดขนมเข้าปาก คนถูกถามส่ายหัวเซ็งๆ ก่อนจะตอบ

 

 

“มีเด็กส่งอีเมลมาตื๊อขอฝึกงานน่ะ แต่พวกนายก็รู้ว่าฉันไม่รับเด็กฝึกงาน”

 

 

“แสดงว่าตื๊อมากน่าดู” โจนาธานถามพลางเลิกคิ้วขึ้น เอมิลี่ทำหน้าเบื่อหน่ายน้อยๆ

 

 

“ที่สุด! ส่งมาตั้งแต่หลังปีใหม่ จนตอนนี้ยังไม่เลิกส่ง ฉันปฏิเสธไปหลายรอบแล้ว แต่ไอ้เด็กนี่ไม่ยอมเลิกรา”

 

 

“น่ารักมั้ยล่ะ ถ้าน่ารักส่งมาทำงานกับฉันก็ได้” ผมแกล้งว่าแซวๆ ด้วยรอยยิ้มขบขัน เอมิลี่ยิ้มมุมปากขวาหน่อยๆ

 

 

“เอามั้ยล่ะ แต่ว่าเป็นผู้ชายนะ” ผมหน้าเหวอไปนิด แต่ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมกลับหัวเราะเสียงดัง รวมทั้งแฟนใหม่ของไอ้ชาร์ลีด้วย

 

 

“ว่าไงวะไอ้วิคเตอร์ สนใจรับมาอยู่ด้วยมั้ยล่ะ” ชาร์ลีแซวผมด้วยความตลกขบขัน ผมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

 

 

“ถ้าผู้ชายต้องส่งให้ไอ้เบนโน่น” ผมโบ้ยไปทางไอ้เบนที่นอนเอกเขนกเล่นมือถือไปด้วยหยิบเฟรนฟรายด์เข้าปากไปด้วย มีไมเคิลที่ตอนนี้ตัวอ้วนบัก ขนฟูสวยงาม นอนเกยคางบนหน้าท้องมันอยู่

 

 

“เออ ส่งมาให้ฉันนี่เอ็ม ว่าแต่หน้าตาเด็กคนนั้นเป็นไง”

 

 

“ก็น่ารักดีนะ แต่หน้าเด็กมาก เป็นคนเอเชีย ส่งประวัติมาบอกฉันว่าอายุ 23 แล้ว แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”

 

 

“คนเอเชียส่วนใหญ่ก็หน้าเด็กอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้เบนเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ

 

 

“ก็ใช่ แต่เด็กคนนี้เหมือนเด็กมากกว่า แบบว่า ถ้ามาเดินกับชาร์ลี คนคงนึกว่าพ่อกับลูก”

 

 

“อ้าว ละทำไมเป็นฉันวะ” แล้วพวกเราก็หัวเราะกัน เข้าใจได้ว่าในที่นี้ไอ้ชาร์ลีตัวใหญ่สุดและมีใบหน้าที่ล้ำอายุไปมากกว่าใครเพื่อน พอเปรียบเทียบกับเด็กเอเชียที่เอมิลี่พูดถึง คงเหมือนพ่อลูกอย่างชัดเจนที่สุดในบรรดาพวกเรา

 

 

เราจบประเด็นเด็กจอมตื๊อนั่นตรงที่เอมิลี่กำลังเริ่มคิดว่าจะรับเขาเข้ามาฝึกงานดีมั้ย เพราะตื๊อมาสักพักแล้ว แถมเห็นว่าไอ้เด็กนั่นพรีเซ้นต์ตัวเองซะเอมิลี่อยากจะเจอตัวจริง ไอ้เบนเลยเสนอว่ารับมาก็ได้ ไม่เสียหาย เพราะยังไงก็ไม่เสียเงินจ้างอยู่แล้ว แต่เอมิลี่ก็ขอเก็บไปคิดก่อน เพราะชีวิตเธอตอนนี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว เนื่องด้วยนายแบบนางแบบในสังกัดมีเยอะมากขึ้นจนเธอแทบจะดูแลไม่ไหว นั่นจึงทำให้เธอไม่ค่อยมีเวลามาดูแลผมบ่อยนัก และนั่นจึงทำให้ผมเอ้อระเหยบ้างในบางครั้ง

 

 

ปาร์ตี้วันเกิดผมดำเนินไปด้วยความคึกคัก ผมมองเพื่อนๆ ทุกคนแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าไอ้พวกนี้มันคือเพื่อนรักของผมจริงๆ ในวันที่ผมแย่ที่สุด ก็ยังมีพวกมันคอยอยู่ข้างๆ แม้จะไม่สามารถอยู่กับผมได้ตลอดเวลา แต่ถ้าพวกนี้มีเวลาก็จะมาหาผมทันที พวกเราไม่ค่อยบอกรักกันหรอก แต่จะแสดงออกด้วยความห่วงใยกันซะมากกว่า อย่างเอมิลี่ถึงเธอจะจู้จี้ขี้บ่น แต่เธอก็ทำไปเพราะห่วงจริงๆ แถมเธอยังดูแลผมกับไอ้เบนมาตั้งแต่สมัยพวกผมเข้าวงการนายแบบกันแรกๆ เปรียบได้ว่าเธอเป็นแม่พวกผมอีกคนได้เลยแหละ จริงๆ ถ้าเธอจะเป็นแม่ผมก็ได้นะ เพราะอายุเธอมากกว่าพวกผมอีก

 

 

“วันนี้แกคงไม่ได้นัดสาวมานอนด้วยใช่มั้ย”

 

 

“แกเห็นฉันเป็นคนยังไงวะไอ้เบน”

 

 

“เซ็กส์จัด” มันว่าง่ายๆ แต่ทำเอาทุกคนปรบมือ ส่งเสียงหัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ผมหยิบถั่วปาใส่มัน แต่มันดันอ้าปากรับไว้ได้

 

 

“ไม่มีเว้ย!”

 

 

“แหม่… นึกว่าจะจัดฉลองข้ามวันข้ามคืน” แม้จะโดนไอ้เบนแซะซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมก็อดขำไปกับการแซะของมันไม่ได้ มันกัดผมแต่ล่ะทีมีแต่เรื่องโดนๆ ทั้งนั้น

 

 

“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปอังกฤษ ไปหาแม่กับย่าน่ะ” ผมพูดเสียงปกติและยิ้มน้อยๆ ทุกคนหันมามองผม

 

 

“ไม่เห็นบอกพวกฉันเลย” อันเดรเป็นคนเอ่ยถาม

 

 

“อ้าว บอกทำไมอ่ะ แกจะไปด้วยรึไง”

 

 

“อ้าว ก็อยากไปน่ะสิวะ ถึงได้ถาม” ผมยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มหนึ่งอึกพลางส่ายหน้า

 

 

“ฉันไปแค่สองวัน พวกแกจะไปทำไม ก็ไปเยี่ยมแม่กับย่า แล้วก็ไปหาเธอนั่นแหละ” ผมยักคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถึงใครอีกคนที่พวกมันก็รู้จัก

 

 

“โธ่ ฉันก็นึกว่าจะไปหลายวัน ฉันกะจะไปเที่ยวด้วยสักหน่อย” อันเดรบ่นอย่างเสียดาย

 

 

“ฉันก็มีงานต้องทำนะเว้ย ไปนานๆ เดี๋ยวยัยแก่เอมิลี่ก็บ่นฉันสามวันสามคืนหรอก” พวกมันหัวเราะครืน เอมิลี่ที่นั่งดูทีวีเงียบๆ คนเดียวหันมามองค้อนผมและหยิบขนมปังแซนวิชไส้ทูน่าปามาที่ผม ดีที่ผมหลบได้ มันเลยกระเด็นตกไปที่พื้น เจ้าไมเคิลพอเห็นว่าเป็นอาหารมันก็ลุกขึ้น กระโดดลงจากเตียงโซฟา วิ่งไปคาบแซนวิชและเคี้ยวตุ้ยๆ สร้างเสียงหัวเราะขบขันให้พวกเราทุกคน

 

 

แม่กับย่าครับ ผมหัวเราะได้มากขึ้นแล้วนะ ถึงจะยังไม่ได้หัวเราะด้วยใจทั้งใจ แต่ผมก็ทุกข์ใจน้อยลงแล้ว ผมยังคิดถึงแม่กับย่าเสมอ  และผมยังคงรอในสิ่งที่ย่าบอกผมไว้ก่อนย่าจะจากผมไปอยู่นะ

 

 

“Someday he will send another gift of him to you. (สักวันพระเจ้าเขาจะส่งของขวัญของท่านอีกชิ้นมาให้หลาน)”

 

 

ผมยังนึกสงสัยว่ามันจะมีจริงรึเปล่า ผมเคยอ้อนวอนต่อพระเจ้าว่าขอให้แม่กับย่าอย่าจากผมไป แต่สุดท้ายก็พรากคนที่ผมรักทั้งสองคนไปอย่างไม่มีวันกลับ แล้วพระเจ้าจะส่งอะไรมาให้ผมได้อีกล่ะ

.

.

.

.

.

อ๊ะๆ อย่าเพิ่งไป เลื่อนลงไปดูตัวอย่าง (สั้นๆ) หลังจากพระเจ้าส่งเอเลี่ยนน้อยมาให้วิคเตอร์ก่อนเร้ว

v

v

v

v

v

v

v

v

v

v

 

Example.

 

 

“Good morning. Mr.Raymond! (สวัสดียามเช้าครับคุณเรย์มอนด์)” เสียงแจ้วๆ ดังมาจากหน้าประตูห้อง แต่ผมก็นอนชีเปลือยอย่างไม่สนใจ ไม่คิดจะลืมตาขึ้นไปดู แต่รู้ว่าเป็นไอ้ตัวสั้นแน่ๆ

           

 

“นี่! ทำไมไม่ตื่นสักทีเนี่ย รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ผมเจอฟอกซ์อยู่หน้าประตูบ้าน มันร้องเหมียวๆ เหมือนเยี่ยวจะแตกและมันก็…อะ! อ้าก!” ด้วยความรำคาญผมเลยหยิบโคมไฟบนตู้ข้างเตียงเขวี้ยงไปหาอีกฝ่าย

           

 

“หน็อย! ปลุกดีๆ ไม่ชอบ แถมยังทำร้ายร่างกายกันอีก!” ผมได้ยินเสียงแว้ดๆ แว่วๆ แล้วก็หายไป ไม่ได้ใส่ใจอะไร นอนกอดหมอนหลับตาต่อไป ได้ยินเสียงตึงตังๆ กลับเข้ามาในห้องอีกรอบ แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรดังกวนใจ ใช่ ไม่มีเสียงอะไรเลย เพราะมันมาเงียบๆ แล้วก็ช็อตใส่ผมเต็มที่

           

 

“เหี้ยยยย!!!!” ผมสบถดังลั่นด้วยอาการสะดุ้งแล้วกลิ้งตกเตียงเมื่อรู้สึกแปลบๆ ที่ก้นเปลือยเปล่าของตัวเอง ผมรีบตะกายขึ้นมาจับขอบเตียงไว้ มองไปก็เห็นไอ้เอเลี่ยนถือที่ช็อตยุงอันใหญ่ไว้ในมือ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะสะใจ



----------------------------------------------TBC. in Part II (เจอกันเส้นเรื่องหลักภาคสองค่ะ)--------------------------------------

พบกับตอนพิเศษที่เหลือได้ในเล่มนะคะ ^^


:hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 16:15:37 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::TRAILER:: 03.07.58 ดูสารบัญ
«ตอบ #121 เมื่อ03-07-2015 17:08:20 »



TRAILER:

Love, no boundaries. Part: Only You.

 

การมีความสัมพันธ์แบบคนรักกับใครสักคน สำหรับผมเป็นเรื่องแปลกใหม่ ผมเคยแต่แอบชอบคนอื่น ไม่เคยมีใครมาชอบ ไม่เคยมีใครมารักในฐานะคนรักหรือที่เรียกๆ ง่ายๆ ว่า แฟน

การคบกันของคนสองคน นั่นหมายถึงเราต้องแชร์พื้นที่ให้กันและกัน

แต่มันก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยวาดฝันไว้ ความสัมพันธ์มันซับซ้อนเกินกว่าที่ผมจะรับมือไหวไปหรือเปล่านะ เพราะเขาก็ยังเป็นเขา...

 

LEARN & TRY TO UNDERSTAD & TRUST & MANYTHINGS

เรียนรู้กัน พยายามเข้าใจกัน ไว้ใจกัน และอะไรอีกหลายอย่าง



I TRUST YOU BUT YOU MAKE ME REGRET FINALLY.

ไว้ใจ แต่สุดท้ายก็ทำให้เสียใจ

…………………………..



“YOU ARE MINE, AREN’T YOU?”

“YES, I’M YOURS.”

“ONLY ME, HUH?”

“YES, ONLY YOU.”

 

……………………………

 

“YOU’RE NOT REALIZE HOW MUCH I LOVE YOU, DON’T YOU?”



---------------------

“I WANT A RELATIONSHIP! NOT A RELATIONSHIT!”





………………………



To the world you may be one person, but to one person you may be the world.

คุณอาจเป็นเพียงใครคนหนึ่งในโลกนี้ แต่สำหรับใครบางคนคุณอาจคือโลกทั้งใบของเขา




-----------------------------TBC.-------------------------------


เดี๋ยวเจอกับเนื้อหาภาคสองค่ะ สรุปไม่แยกลิงก์ละค่ะ ลงที่เดิมต่อไปจนจบ ฝากด้วยนะคะ


 :hao3:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::TRAILER:: 03.07.58 ดูสารบัญ
«ตอบ #122 เมื่อ03-07-2015 19:13:58 »

อิพี่วิคจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่น้องอีกเนี่ย  :hao4:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
«ตอบ #123 เมื่อ05-07-2015 18:18:04 »



Only You :: Episode 1




จุ๊บ~ ตร๊อก~ จ๊วบ~



ฮึบ!



“พะ… พอแล้ว… เดี๋ยวผมไม่ทันขึ้นเครื่อง” ผมฝืนดันตัวเองออกจากปากที่ดูดดึงไม่ยอมปล่อยและบอกเสียงหอบ วิคเตอร์มองด้วยสายตาที่บอกว่าพร้อมจะมีอะไรกับผมในรถได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกกลัวใจเขาซะจริง เลยทำท่าควานหามือถือขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา



“เดี๋ยว… นาฬิกาก็มีแล้ว ทำไมไม่ใช้” เขาร้องเตือนเสียงเบา สายตาก็ยังมองอย่างกับจะกินผมไม่เลิก ผมเลยได้แต่ทำแก้มป่องนิดๆ และหลบสายตาเขาไปดูนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย ระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็หอมแก้ม ซุกไซ้ซอกคอผมไปเรื่อย สองมือก็สอดเข้าไปใต้เสื้อยืดผม ลูบไล้ไปทั่วตัว



“ฮื่อออ… ไม่เอา ต้องไปเช็กอินแล้ว” ผมหน้างอใส่เขา และจับหน้าเขาออกจากซอกคอ พอเอาหน้าออกได้ ก็ต้องสู้รบปรบมือกับมือปลาหมึกที่บีบหน้าอกผมไปมา



“บอกให้กลับสิ้นเดือนอย่างเดิมก็ไม่เอา” เขาว่าหน้ามุ่ย ผมเลยเบ้ปากใส่เขาเล็กน้อยพลางดึงมือเขาออกจากใต้เสื้อยืดตัวเองจนได้



“ไม่ ผมเลื่อนไฟล์ทไปมา จนสายการบินจะเอากรรไกรเสียบหูผ่านโทรศัพท์แล้วมั้ง” วิคเตอร์ถอนใจแรงๆ ซุกหน้าลงกับซอกคอผมและนั่งแช่ไว้แบบนั้น ไอ้สยิวมันก็สยิวนะ แต่ตอนนี้ผมเสียวจะไม่ทันขึ้นเครื่องมาก ที่จริงผมควรจะลงรถตั้งนานแล้ว แต่ก็โดนคนตัวโตขี้โมโหนี่ฉุดมานั่งคร่อมตักและลวนลามด้วยการจูบและเริ่มจะลามปามไปทั่วตัว



“ขอเอารอบนึงก่อนได้มั้ย…” โอ๊ยยย! มาใช้เสียงออดอ้อน เมื่อวานผมก็เกือบไม่ได้จัดกระเป๋า เล่นโยกเอวใส่ผมจนสลบไปหลายชั่วโมง นี่ดีนะไฟล์ทบินกลับเป็นช่วงหัวค่ำเลยมีเวลาเตรียมตัวพอสมควร



“ไม่อาววว… เมื่อวานคุณก็ทำไปแล้วไง”



“ก็นี่มันวันใหม่แล้ว” เขาว่าหน้าตาย และเริ่มออกอาละวาดกับตัวผมอีกครั้งด้วยการละเลงลิ้นที่ติ่งหู ขนผมลุกซู่และส่วนกลางตัวก็ลุกตาม แต่ตอนนี้คือผมจะกลับบ้านนน!



“วิคเตอร์อะ” ผมงอแง เบะปากเหมือนจะร้องไห้ ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นแหละเขาถึงจะยอมหยุด (ให้แปบเดียว) ถ้ายิ่งต้าน ยิ่งดื้อ เขาจะจับผมขืนใจตามสไตล์เขา และวิธีขืนใจเขาก็ชอบทำให้ผมยอมใจเขาอยู่เรื่อย



“เฮ้อ… ป่ะๆ เข้าไปในสนามบิน” จากที่เบะปาก น้ำตาคลอ ผมเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่ง เอามือคล้องคอเขาแล้วหอมแก้มเขาทั้งสองขางแรงๆ ปิดท้ายด้วยการจูบหน้าผากหนักๆ



“น่ารักที่สุด!” ผมบอกเสียงระรื่นชื่นมื่น ตาเป็นประกาย วิคเตอร์ยิ้มมุมปาก ยกมือขวาขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ พร้อมหน้าตาที่บ่งบอกว่ามันเขี้ยวผมเป็นที่สุด
   


เขาเปิดประตูรถให้ผมเดินลงไปก่อน ส่วนเขาหยิบหมวกกับแว่นออกมาใส่เพื่อปกปิดตัวเอง ช่วงนี้ข่าวระหว่างเขากับผมยังคงเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อย เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษ ผมเองก็เห็นด้วย เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากเป็นข่าวไปมากกว่านี้แล้ว การเป็นข่าวไม่ได้สนุกนักหรอก มองจากภายนอกอาจจะคิดว่าดีจะตายได้เป็นข่าวดังออกสื่อกับผู้ชายหล่อๆ คนหนึ่ง แต่เอาจริงๆ มั้ย ไอ้แบบนี้น่ะ มันทำให้ผมใช้ชีวิตโคตรลำบากเลย
 


ผมหันไปมองรอบๆ สนามบิน JFK รู้สึกเบาโหวงไปทั่วตัวอยู่เหมือนกัน นึกถึงวันที่บินมาถึงที่นิวยอร์กวันแรกก็ใจหาย จะว่าเวลาผ่านไปเร็ว มันก็เร็วอยู่นะ แต่จะว่าช้ามันก็พูดได้อยู่เหมือนกัน แต่จะช้าจะเร็ว วันนี้ก็เป็นวันที่ผมจะต้องเซย์กู๊ดบายมหานครแห่งนี้ และบอกลาผู้ชายหน้าหนวดตรงหน้าที่กำลังแบกกระเป๋าผมลงมาจากรถ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะตามผมไปที่ไทยแน่ๆ หรือเปล่า
   


พ้อยท์หลักในตอนนี้คือ ผมกับเขา เรายังไม่มีสถานะใดๆ ต่อกัน ถ้าจะมี ก็คงเป็นคนพิเศษอย่างที่เขาบอกนั่นล่ะมั้ง ผมเองก็ไม่กล้าทวงถาม หรือถามอะไรจากเขา เพราะเขาก็บอกเองว่าขอเวลาให้ตัวเขาก่อน ผมไม่รู้ว่าเขาจะขอนานเท่าไหร่ แต่ผมเองก็เริ่มบอกตัวเองว่าให้เตรียมตัวและเตรียมใจรับกับทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
   


“ไปถึงญี่ปุ่น ก็อยู่แต่ในสนามบินนะ อย่าให้พวกยากูซ่ามาฉุดไปเล่นหนังโป๊ได้ ถ้าจะเล่น มาเล่นกับฉันคนเดียว เดี๋ยวฉันเป็นพระเอกให้” เขายิ้มมุมปากหล่อๆ ส่งผลให้ผมหน้าแดงกับประโยคและรอยยิ้มของเขา ได้แต่ก้มหน้างุดอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เราเดินลากกระเป๋าไปเช็กอินที่เค้าน์เตอร์ เขาลากให้ผมสองใบ ส่วนผมลากใบเดียวและสะพายเป้ด้านหลัง น้ำหนักกระเป๋าผมเท่าเดิม ของเท่าเดิม ไม่ต้องเสียเวลาจัดให้ยุ่งยาก เพราะผมไม่มีโอกาสได้ไปช้อปปิ้งเพิ่มน้ำหนักให้กระเป๋าที่ไหนเลย ยิ่งช่วงหลังๆ ที่ไปอยู่กับวิคเตอร์ ผมไม่ได้ไปไหนเลย ที่มีเพิ่มขึ้นมาก็นาฬิกาที่เขาให้เท่านั้นแหละ
   


“เพื่อนผมจะกลับด้วย คุณก็ไม่ให้เขากลับ” ผมพูดถึงบาส ตอนแรกบาสยืนยันจะซื้อตั๋วใหม่และกลับพร้อมผม แต่พอวิคเตอร์รู้ เขาเล่นงานผมแบบไม่มีออมแรงจนขาเตียงนอนของบ้านป้าแมร์รี่แทบหัก และบังคับให้ผมบอกบาสไปว่าไม่ต้องกลับพร้อมกัน ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากให้บาสกลับพร้อมกันหรอก เกรงใจเขา ค่าตั๋วไม่ใช่ถูกๆ
   


“พูดแบบนี้ อยากเดินขาเป๋ใช่มั้ย” เขาว่าเสียงเหี้ยม หน้าตาเหี้ยมเกรียมไม่แพ้เสียง ผมเลยนิ่งเงียบพร้อมทำหน้าแหยๆ เขาไม่ได้ขู่หรอก ผมเชื่อว่าเขาทำได้จริงๆ อีกอย่างผมไม่อยากหาประเด็นมาให้เขาอารมณ์เสีย เพราะเราทะเลาะกันไปแล้วรอบนึงเนื่องจากผมว่าเขางี่เง่า
   


“ไม่ให้กลับพร้อมกัน ไม่งั้นไม่ต้องกลับ” เขาบอกเสียงเรียบแต่ฟังแล้วรู้เลยว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ซึ่งไอ้อย่างหลังมันเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามาอยู่แล้ว แต่ผมก็ยืนยันที่จะกลับ ถึงเขาจะตามมาหา (ซึ่งอันที่จริงเหมือนจะตามมาเพื่อเรื่องอย่างนั้นซะมากกว่า) ตามมาเคลียร์ไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่ใจผมก็อยากกลับบ้านแล้วด้วยแหละ อีกอย่าง ผมว่าเราห่างกันก็ดี เขาจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและคิดถึงเรื่องระหว่างเขากับผมอย่างจริงจัง คิดให้มากขึ้นว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่
   


“นายเป็นของฉัน และฉันหวงนายมากด้วย” เขาว่าเสียงเรียบๆ หน้าตานิ่งจริงจัง ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี จะดีใจ จะเขินอาย ก็ทำไม่ถูก เลยได้แต่ยิ้มเงอะๆ งะๆ แต่ก็รู้สึกว่าหน้าแดงๆ ร้อนๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้พูดหน้าตาเฉยโดยไม่แสดงอาการเขินอายใดๆ 
    


อันที่จริงวิคเตอร์จะบินไปส่งผมด้วยซ้ำ แต่เขามีงานต้องทำอีกเยอะ และที่สำคัญคุณเอมิลี่เหมือนจะรู้ว่าเขามาขลุกอยู่กับผมก่อนวันผมบินกลับ ซึ่งผมไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ เลยไม่ให้เขาไปส่ง ผมเองก็ไม่อยากให้เขาลำบาก บินไปส่งแล้วก็บินกลับอีกวัน แบบนั้นเสียเวลา เสียเงินไปเปล่าๆ ถึงเขาจะมีเงินมากมาย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำอะไรขนาดนั้นให้กับใครคนหนึ่งซึ่งยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แถมที่สำคัญผมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก
   


“มานั่งนี่มา” เขายื่นมือมาดึงมือผมหลังจากผมเดินกลับจากไปเช็กอิน ผมก้าวเท้าไปตามแรงดึงของเขาและนั่งลงบนตักแกร่ง แต่สายตาก็มองไปรอบๆ สนามบินอย่างหวาดระแวง
   


“เดี๋ยวก็มีปาปาราซซี่เห็นหรอก” ผมบอกน้ำเสียงเป็นกังวล แต่วิคเตอร์กลับไม่สนใจ ดึงให้ผมเอนหลังพิงกับอกของเขา ยกมือขวาขึ้นมาดันผมที่ปรกหน้าผากอยู่ขึ้นและก้มลงมาหอมหน้าผากหนักๆ มีผู้หญิงฝรั่งผมทองกับผมดำสองคนเดินผ่านมาทางนี้ และมองเราสองคนด้วยรอยยิ้มกว้าง ทำเอาผมรู้สึกอายๆ ไม่รู้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มแบบไหนกันแน่ แต่ไอ้คนตัวโตข้างหลังผมนี่ไม่สนใจ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น
   


“พวกนั้นไม่ตามมาสนามบินหรอก ฉันไม่ได้มีแพลนจะบินออกนอกประเทศสักหน่อย” เขาพูดง่ายๆ ซึ่งมันก็จริง พวกนักข่าวจะตามมาสนามบินเพื่อเก็บภาพดารานักแสดงคนที่มีคิวบินไปนั่นไปนี่หรือเพิ่งบินกลับมาจากที่ไหนสักแห่ง ไม่รู้ว่าเอาข่าวมาจากไหน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี
   


“หัดระแวงบ้างก็ได้นี่นา” ผมทำปากยื่นเหมือนเป็ด วิคเตอร์หัวเราะเสียงทุ้ม สองแขนโอบรัดรอบร่างผมไว้ ผมเอาฮู้ดเสื้อกันหนาวขึ้นมาสวมปิดหัว อย่างน้อยกันหน้าไว้ก็ยังดี วิคเตอร์ยื่นหน้ามามอง ผมเลยแหงนหน้าไปมองเขาเพื่อให้เขาเห็นหน้าชัดๆ เดี๋ยวจะบ่นเอาอีก เขาฉีกยิ้มกว้าง ไม่รู้ว่าเขามองด้วยสายตายังไงเพราะแว่นดำสี่เหลี่ยมปิดตาเขาอยู่
   


“ครั้งต่อไปมีอะไรกัน ใส่ฮู้ดไว้แบบนี้ ฉันชอบ เห็นแล้วอยากฟัดหนักๆ” ผมทำแก้มพองลม ขมวดคิ้วใส่เขา ที่ชอบคิดแต่เรื่องแบบนี้
   


“โรคจิตจริงๆ”
   


“เป็นแค่กับนายแหละ” เขาว่าแล้วก้มลงหอมกลางกระหม่อมผมผ่านฮู้ดเสื้อกันหนาว ผมตาโตตกใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ ทันที คือคนมันก็ไม่ได้น้อยๆ ทำไมเขาถึงหน้ามึนไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้นะ
   


“นี่ มีคนมองแล้วนะ” วิคเตอร์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ดึงฮู้ดออกจากหัวผมเล็กน้อยเพื่อให้เห็นหน้าชัดๆ
   


“จะระแวงอะไรนักหนาเนี่ย ใครจะมองก็ปล่อยให้มองไปสิ” ก็ก่อนหน้านี้ที่ทะเลาะกัน เขายังบอกอยู่เลยว่าจะให้เขามานั่งกอดจูบลูบคลำผมเหมือนที่ทำอยู่บ้านได้ยังไง ตอนนั้นผมน้อยใจนะ แต่ตอนนี้ผมว่าวิคเตอร์ควรยืนยันความคิดนั้นกับตัวเองเถอะ ทำแค่ในบ้านเวลาอยู่กันสองคนก็ได้มั้ง
   


“แต่ว่า…”
   


“ที่ฉันระแวงตอนนี้คือเรื่องที่นายจะมีคนอื่น ห้ามมีใครนะ ต้องรอฉันคนเดียว ถ้าฉันรู้ นายโดนฟัดฟ้าเหลืองแน่” ผมเบิกตากว้างขึ้น มองหน้าเขาที่ดูท่าจะเอาจริงกับประโยคนั้น วิคเตอร์หน้านิ่งไม่มีรอยยิ้ม ผมกลืนน้ำลายและพยักหน้าหงึกๆ
   


“ผมรักคุณคนเดียว…” ผมบอกเสียงค่อย แล้วจู่ๆ ในใจมันก็รู้สึกสั่นๆ ก่อนจะเปล่งเสียงที่พยายามไม่ให้มันสั่นออกมา
   


“คุณต่างหากที่จะมีคนอื่น คุณมันพวกเจ้าชู้” วิคเตอร์ยักคิ้วเข้มๆ ขึ้นหนึ่งที ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
   


“ฉันไม่เจ้าชู้สักหน่อย” หูย! กล้าพูดนะไอ้ยักษ์ ผมเลยมองค้อนควักเข้าให้ อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ ที่มุมปาก เอาคางเกยอยู่บนหัวผมเบาๆ
   


“ไม่ต้องฝืนตัวเองนะวิคเตอร์ ถ้าคิดได้แล้วว่าอยู่ได้โดยไม่มีผม คุณไม่ต้องกังวลใจอะไร แต่ขอให้บอกกันได้มั้ย อย่าหายไปเงียบๆ โดยที่ปล่อยให้ผมคิดฟุ้งซ่านไปเอง” ผมบอกออกไปเพื่อที่จะกันความเสียใจในอนาคตด้วย อย่างน้อยพูดออกมาเองจะได้เตรียมใจกับตัวเองไว้ด้วยคำพูดของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าถึงวันที่วิคเตอร์บอกลาผมขึ้นมาจริงๆ ผมคงไม่ยิ้มหน้าระรื่นชื่นมื่นอย่างแน่นอน
   


“ฉันไม่ปล่อยให้เอเลี่ยนน้อยคอยเก้อหรอกน่า” เขากดจูบลงบนกลางกระหม่อมผมผ่านฮู้ดอีกรอบ ผมยิ้มเล็กน้อย ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบแขนเขาไว้เบาๆ
   


“ให้เวลาฉันหน่อยนะ…”
   


“ครับ…” ผมรับปากทั้งที่ไม่แน่ใจเลยว่า เวลาของเขากับผมนั้นมันเท่ากันหรือไม่
.
.
.
.
.
.
.
.

และในทุกๆ วันผมก็ยังใช้ชีวิตปกติ ถึงจะพยายามบอกตัวเองว่าอย่ารอเขา เพราะเขาอาจไม่กลับมาแล้ว แต่มันทำได้อย่างที่พูดที่ไหนล่ะ
   


และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมรอเขา…


--------------------------TBC.--------------------------------




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 16:09:59 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
«ตอบ #124 เมื่อ05-07-2015 18:56:40 »

มาแล้วววววว
รอดูความสัพันธ์ก้าวต่อไปของเอเลี่ยนน้อย :กอด1: และไอ้ยักษ์ o18

ออฟไลน์ meeoldly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
«ตอบ #125 เมื่อ05-07-2015 19:11:07 »

รอตอนต่อไปจร้า

ออฟไลน์ jeesu

  • ก็มัน Y
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
«ตอบ #126 เมื่อ05-07-2015 20:12:11 »

รอลุ้นว่าพี่ยักษ์จะตามน้องแมทไปรึปล่าว
มาต่อเร็วๆนะฮับ

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::CH.1 35%:: 05.07.58
«ตอบ #127 เมื่อ05-07-2015 20:26:28 »

มาแล้ววว มาส่งเสียงแล้ว

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::EP.1 65%:: 09.07.58
«ตอบ #128 เมื่อ09-07-2015 00:56:43 »


Episode 1 [65%]




ผมลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดานสีขาวในห้องนอน รู้สึกเหมือนทุกคำพูด ทุกความรู้สึกของวิคเตอร์ยังลอยอบอวลอยู่รอบๆ กาย ราวกับเขาอยู่กับผมด้วยในตอนนี้


แต่เปล่าเลย เขาไม่ได้อยู่ใกล้ผมสักนิด เราอยู่ไกลกัน โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรอยู่ ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นยังไง เพราะเขาไม่เคยติดต่อผมเลยนับตั้งแต่วันที่ส่งผมขึ้นเครื่องบินกลับไทย เขาเงียบหายไป ทิ้งให้ความหวั่นใจก่อตัวขึ้นข้างในใจผมที่ล่ะเล็กทีล่ะน้อยจนมันค่อยๆ เกาะกุมใจผมจะหมดอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังเชื่อว่าเขาจะติดต่อกลับมาบ้าง แม้ติดต่อกลับมาเพื่อบอกลาผมก็ยังดี ดีกว่าปล่อยให้ผมคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียวแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมพยายามที่จะห้ามตัวเองไม่ให้จมปลักอยู่กับความคิดถึงเขา แต่มันก็ไม่ได้ทำง่ายๆ


นี่ก็จะสองเดือนแล้ว คล้ายว่าเขาหายไปจากชีวิตผม หายไปเงียบๆ อย่างที่ผมกลัว มีหลายครั้งที่น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ทันหรือบางครั้งผมก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังร้องไห้ และหลายครั้งที่ผมเหม่อลอยคิดถึงเขาจนคนรอบข้างเริ่มเป็นห่วงว่าผมเป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่า ผมได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธและหาเรื่องแถไปเรื่อยตามสไตล์คนกำลังคิดมากเรื่องความรัก


ผมไม่ได้ข่าวอะไรจากตัวเขาเองเลยสักนิด ผมได้ข่าวเขาจากสื่อทั้งนั้น และยังถือว่าผมเอ็กซ์คลูซีฟกว่าใครหน่อยคือได้ข่าวจากเพื่อนสนิทเขาอย่างคุณเบนเนดิคท์ แต่คุณเบนก็ไม่ค่อยได้บอกอะไรผมหรอก ไม่รู้ว่าเขาไม่รู้จริงๆ หรือไม่อยากบอกอะไรผมกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าผมรู้ว่าสิ่งที่เขาไม่อยากบอกนั้นคืออะไร นั่นก็คือข่าวที่วิคเตอร์กำลังควงอยู่กับนางแบบสาวอนาคตไกลอย่างอันเดรียนา ผู้ซึ่งสวยเพียบพร้อมและถือว่าโดดเด่นพอสมควรในวงการนางแบบ


ตอนเห็นข่าวครั้งแรก ผมทำได้แค่นิ่ง ก่อนที่ทั้งตัวจะค่อยๆ ชาไปทีล่ะน้อยจนกลายเป็นตัวเย็นเฉียบ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไมได้เต้นรัวๆ ด้วย แต่มันเต้นคล้ายว่าขาดๆ หายๆ รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลออกมาเงียบๆ ได้แต่บอกกับตัวเองให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ถึงจะเคยมีอะไรลึกซึ้งกับผม แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะจริงจังกับผมสักหน่อย ที่ผมรู้สึกแย่ ไม่ใช่เรื่องที่เขาคบกับนางแบบคนนั้น แต่เป็นเรื่องที่เขาทำไมไม่บอก ทำไมไม่ติดต่อผมกลับมา ผมบอกแล้วไง ติดต่อกลับมาเอ่ยลากันก็ยังดี จะได้ไม่ต้องให้ผมอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ แบบนี้


หรือว่านี่จะเป็นการบอกลาของเขาทางอ้อม ไม่พูด แต่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน


ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง เช็ดน้ำตาออกเงียบๆ จะว่าตัวเองร้องไห้บ่อยก็พูดไม่เต็มปาก เพราะบางครั้งมันก็ร้องไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ความคิดไหลวนช้าๆ แต่ถ้าถามว่าคิดอะไรอยู่ ผมไม่สามารถตอบอะไรใครได้เลย ตอนที่นั่งนิ่งๆ เหมือนทุกอย่างมันปิดการรับรู้ ดับวูบไปหมด รับรู้ว่าใจยังเต้นอยู่


ใช่… มันยังเต้นอยู่ นั่นแปลว่าผมยังหายใจ แต่มันก็เต้นอ่อนลงทุกทีๆ


“แมท! ลงไปกินข้าว” เสียงแม่ตะโกนมาจากหน้าประตูห้องนอน ผมนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป นั่งถอนหายใจแรงๆ หนึ่งครั้ง ลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียงและเดินอย่างเชื่องช้าไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้อง มองสภาพตัวเองแล้วก็ได้แต่สงสารตัวเอง ผมรู้ว่าสภาพตัวเองย่ำแย่มากแค่ไหน และมันจะแย่ไปมากกว่านี้ ถ้าผมยังใช้ชีวิตแบบหายใจทิ้งไปวันๆ


แต่ถึงอย่างนั้น ผมว่าผมยังโชคดีที่ไม่ได้ตรอมใจถึงขั้นกินอะไรไม่ได้ กินอะไรไม่ลง แค่อาจจะกินไม่มากตามนิสัยปกติก็เท่านั้น เรื่องกินนี่ยังไงก็ไม่ได้ จะเป็นจะตายยังไงขอกินก่อน ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่ได้กิน เสียใจแค่ไหน ทุกข์ใจแค่ไหน อย่างน้อยขอกินเพิ่มเติมพลังงานชีวิต จะได้มีแรงมานั่งเสียใจทุกข์ใจต่อ ผมเลยไม่ได้น้ำหนักลดลงจนน่าเกลียด ก็ยังเนื้อหนาเหมือนเดิม เพียงแค่หน้าตาดูโทรมๆ ขอบตาคล้ำ ใบหน้าที่เคยขาวใสนั่นหมองลงเล็กน้อย มันไม่ได้หมองเพราะแดด แต่มันหมองเพราะมีเรื่องให้คิดมาก มีเรื่องให้คิดเยอะ และเรื่องเหล่านั้นก็ทำให้จิตใจเราเศร้า หดหู่ พอจิตใจเราไม่ดี มันก็ส่งผลออกมาทางสีหน้า หน้าตารวมถึงผิวพรรณนี่แหละ


ผมเดินลงมาข้างล่างบ้านด้วยสภาพล่องลอย เดินเข้าไปในครัวก็เห็นถ้วยอาหารและจานใส่ข้าวตั้งรอไว้แล้ว แม่ก็เป็นแบบนี้เสมอแหละ จัดเตรียมไว้ให้ทุกอย่างตามประสาคนเป็นแม่บ้าน ผมนั่งมองอาหารตรงหน้า วันนี้มีชะอมทอดกับน้ำพริกกะปิ เห็นแล้วก็ดันนึกไปถึงวิคเตอร์ เพราะเขาชอบกินน้ำพริกกะปิเหมือนกัน จำได้ว่าเคยทำให้เขากินแค่สองครั้งเอง


“เตรียมของอะไรเรียบร้อยรึยัง พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ” แม่พูดไปพลางล้างกระทะ ล้างครกไปด้วย ผมหยิบช้อนขึ้นมาเตรียมตักอาหารเข้าปาก


“จะให้เตรียมอะไรล่ะ ไม่ใช่เด็กประถมสักหน่อย” ผมบอกเสียงเนือย ตักน้ำพริกกะปิราดชะอมหนึ่งชิ้นพอดีคำ ก่อนจะตักเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ สายตาก็นั่งมองตู้กับข้าวสีเงินขนาดใหญ่ที่ตั้งติดกับผนังในครัว


“จะให้พ่อไปส่งหรือจะไปเอง” แม่ถามในตอนที่คว่ำกระทะไว้บนตระแกรงเหล็ก ผมตักข้าวเข้าปากพร้อมชะอมจิ้มกะปิอีกคำ เคี้ยวช้าๆ แล้วค่อยกลืน ก่อนจะตอบคำถามแม่


“ให้พ่อไปส่งก็แล้วกัน” แม่พยักหน้ารับ คว่ำครกไว้บนผ้าสีขนหนูสีขาว ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วก็เดินเอาไปแขวนไว้กับตะขอที่ติดผนังอยู่ข้างตู้เย็น ผมชะโงกหน้าไปดูหน้าบ้านก็เห็นทีวีเปิดทิ้งไว้


“แล้วพ่อไปไหนล่ะ”


“ไปรับน้องพรีมมาอยู่ด้วย พ่อแกติดน้องพรีมมากเลยนะ” แม่พูดยิ้มๆ ในขณะที่เทน้ำใส่แก้วเพื่อเตรียมให้ผมดื่ม ผมพยักหน้ารับรู้ช้าๆ ว่าพ่อไปรับเด็กอายุหกเดือนที่เป็นลูกสาวของคนที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันมาเล่นด้วย ตั้งแต่ผมกลับมาก็ยังไม่เคยไปสุงสิงกับน้องพรีมอะไรนั่นหรอก เพราะเอาแต่อยู่กับตัวเองในห้อง  ขนาดเก้ากับแบมชวนไปไหน ผมยังไม่อยากไปเลย เคยออกไปเที่ยวกับพวกมันครั้งเดียว แล้วก็ไปนั่งเหม่อจนมันบ่นกันนั่นแหละ จากนั้นผมก็ไม่ออกไปไหนอีก อยู่แต่ในบ้าน ใช้ชีวิตไปวันๆ ตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าว กินเสร็จ เล่นเน็ต นอน แล้วก็กินข้าว อาบน้ำ เข้านอน วนเวียนซ้ำๆ ในทุกๆ วัน



“ไหนเรียกย่าดาซิ ย่าดาจ๋า น้องพรีมมาแล้ว…” เสียงหยอกเด็กดังมาจากหน้าบ้าน พร้อมกับเสียงเด็กหัวเราะอ้อแอ้ ผมมองเห็นพ่อผ่านชั้นวางขายของหน้าบ้านที่เปิดเป็นร้านขายของชำกำลังอุ้มเด็กตัวจ้ำม่ำคนหนึ่ง เสียงกระดิ่งที่ข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊งยามที่เด็กตัวน้อยสั่นขาแรงๆ


แม่ผมเดินออกไปพร้อมกับส่งเสียงหยอกล้อตั้งแต่ยังไม่ทันถึงตัวน้องพรีมด้วยซ้ำ ผมยิ้มนิดหน่อย ก่อนจะนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบๆ ในห้องครัวจนหมด เก็บอาหารเข้าตู้และล้างจานข้าวคว่ำไว้บนตะแกรง เดินออกมาหน้าบ้านที่แบ่งโซนเป็นร้านขายขนม เครื่องดื่มต่างๆ คล้ายๆ เซเว่น แต่บ้านผมขายของหลากหลายกว่า นอกจากของกินก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้บางอย่า จะว่าบ้านผมก้อปเซเว่นไม่ได้นะ เซเว่นที่เพิ่งมาเปิดละแวกใกล้ๆ กันต่างหากที่ก้อปบ้านผม ร้านผมเปิดมาตั้งแต่แม่เพิ่งท้องผมได้สามเดือน


“สัวสดีค่ะพี่แมทก่อนเร็ว พี่แมทสวัสดีค่า…” แม่ผมที่อุ้มน้องพรีมอยู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม น้องพรีมเด็กแก้มยุ้ย มองผมด้วยความไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ตากลมโตกระพริบช้าๆ ผมยืนกินไอติมที่หยิบขึ้นมาจากตู้ไปด้วยและส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับน้อง


“ดู๊ ดูมันจ้องเจ้าแมทสิพ่อ…” พ่อผมหันมายิ้มให้กับน้องพรีม ที่ยังเอาแต่จ้องมองผม


“นั่นไม่ใช่พ่อหนูน้า พ่อหนูอยู่บ้าน สงสัยพี่แมทหล่อกว่าพ่อหนูล่ะสิ” แม่ผมว่าและหอมแก้มยุ้ยๆ ของน้องพรีม เด็กน้อยยิ้มเขินอายทันที สร้างเสียงหัวเราะให้กับพ่อและแม่ของผม


“อุ้มมั้ยแมท ดูท่าทางน้องอยากจะเล่นด้วย” แม่เอ่ยถาม ผมมองหน้าแม่แวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ และรีบยัดไอติมแท่งเข้าปากให้หมด เดินไปรับน้องมาจากแม่อย่างเก้ๆ กังๆ


“จ้องไอ้แมทไม่วางตาเลยหรอน้องพรีม” พ่อผมเอ่ยแซวเด็กน้อยที่แหงนหน้ามองผมด้วยความประหลาดใจ ผมส่งยิ้มให้ และทำหน้าทำตาหยอกน้อง เด็กตัวอ้วนยิ้มเขินสะบัดแข้งขาพร้อมกรีดร้องเสียงหัวเราะเล็กๆ แหลมๆ ออกมา


“นี่ถ้าแมทมีลูกก็จะมีเสียงเด็กร้องอย่างนี้ทั้งวัน” แม่เอ่ยยิ้มๆ ผมที่กำลังยิ้มกับน้องพรีมถึงกับหุบยิ้มทันที ใบหน้าผมเรียบเฉย มองแม่ด้วยอาการเซ็ง


“เราคุยเรื่องนี้กันบ่อยมากแล้วนะแม่ รู้อยู่ว่าแมทเป็นอะไร แมทเป็นยังไง เมื่อไหร่แม่จะเลิกหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สักที” ผมพูดเสียงหนักด้วยความไม่พอใจ รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่คนเป็นลูกไม่ควรทำกับบุพการี แต่ถ้าใครไม่ได้มาอยู่ในจุดที่ผมอยู่ก็พูดแบบนั้นทั้งนั้นและ ว่ามันบาป ไม่ดี แต่บางครั้งพ่อกับแม่ก็สร้างความกดดันให้ผมบ่อยๆ เช่นกัน


“แม่ก็แค่พูดเฉยๆ เอง” แม่บอกเนียนๆ หน้าตาไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ผมบิดปากเล็กน้อยพร้อมหน้าตาเอือมๆ เดินเอาน้องพรีมไปส่งให้แม่ เหลือบไปมองพ่อที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา


“แม่แน่ใจนะว่าแม่แค่พูดเฉยๆ ไม่ได้คิดตามที่พูดจริงๆ”


“เอ๊ะ… แมทนี่ยังไง จะหาเรื่องเถียงกับแม่ตลอดเลยใช่มั้ย” แม่ว่าอย่างหงุดหงิดกลับมาเช่นกัน วงแขนโอบอุ้มร่างอวบๆ ของน้องพรีมเอาไว้


“แมทรู้ว่าแม่อยากอุ้มหลาน แต่แมททำให้ไม่ได้ แม่ก็รู้ พ่อเองก็รู้ เมื่อไหร่จะยอมรับความจริงกัน” แม่ถอนหายใจหนักหน่วง ยื่นน้องพรีมให้พ่อไปอุ้มไว้


“แมท พ่อกับแม่มีลูกชายคนเดียวนะ มันจะเป็นอะไรถ้าพ่อกับแม่จะหวังอย่างนั้น”


“มันไม่เป็นอะไรหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องให้แมทพูดมั้ยว่าแมทเป็นอะไร…” ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด รู้สึกอึดอัดในใจขึ้นมาทันที


“กี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ที่แมทต้องอยู่ในบ้านหลังนี้แบบที่ไม่ใช่ตัวเอง มันอึดอัดนะแม่ แต่ที่แย่กว่าการอยู่แบบไม่ใช่ตัวเอง ก็คือการที่คนที่เรารักที่สุดรับในสิ่งที่เราเป็นไม่ได้สักที” ผมรู้สึกแย่อยู่แล้ว พอได้พูดปัญหาที่ไม่มีทางแก้ไขได้ในชีวิตตัวเองก็ยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก ผมอยู่บ้านผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยนะ แต่บอกตรงๆ ผมหาความสุขได้น้อยมาก


“แล้วจะให้พ่อกับแม่ยอมรับปุบปับได้ยังไง มันต้องใช้เวลาสิ”


“แมทไม่เคยห้าม ถ้าพ่อกับแม่ต้องการเวลา แต่หยุดหวัง หยุดคิดว่าแมทจะเป็นในแบบที่พ่อกับแม่หวังสักทีเถอะ แมทบอกไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ว่าสิ่งที่แมทเป็นมันไม่ใช่โรคติดต่อ มันหายไม่ได้ และมันไม่ใช่สิ่งผิด…”


“เออๆ เอาๆ พอเถอะแมท เดี๋ยวก็ทะเลาะกันเสียงดัง แม่ก็พอได้แล้ว ไม่รู้จะพูดย้ำอะไรกับลูกมันนักหนา รู้ทั้งรู้ว่ามันพร้อมจะอาละวาด” พ่อส่ายหน้าเอือมๆ ใส่แม่ ส่วนแม่ก็ได้แต่นั่งนิ่ง นั่งเงียบ ใบหน้าเรียบเฉย ผมถอนหายใจด้วยความเซ็ง หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนบ้านพร้อมอารมณ์ที่ดิ่งลงต่ำ ความรู้สึกย่ำแย่กำลังยำจิตใจผมเละเลยตอนนี้


-------------------------TBC.-------------------------------

มาต่อแล้นนน ในส่วนตรงนี้อยากให้ได้เห็นปมปัญหาส่วนตัวอีกอย่างของแมท นั่นก็เรื่องที่พ่อกับแม่ไม่เข้าใจตัวน้องในสิ่งที่น้องเป็น เลยทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแมทกับครอบครัวเบาๆ

และก็ได้รับรู้ละเนอะว่าตอนนี้เอเลี่ยนน้อยนั้นคอยอียักษ์อยู่ น่าหมั่นไส้เนอะ 55555 เดี๋ยวยุให้อดัมจีบแมทดีกว่า ฮี่ๆ



:hao3:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 16:10:35 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::EP.1 65%:: 09.07.58
«ตอบ #129 เมื่อ09-07-2015 07:09:45 »

ร้องไห้ตามแมทเลยอ่ะ พี่วิคใจร้ายย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU::EP.1 65%:: 09.07.58
« ตอบ #129 เมื่อ: 09-07-2015 07:09:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.1 100%}11.07.58
«ตอบ #130 เมื่อ10-07-2015 23:59:34 »



EPISODE 1 [100%]




ผมกลับขึ้นมาบนห้องพร้อมอารมณ์ขุ่นมัว ผมไม่ได้โกรธแม่ แต่ผมน้อยใจมากกว่า แม่แคร์สายตาคนอื่นเสมอ แม่กลัวคนอื่นรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ แม่แคร์ความคิดคนอื่นจนมีครั้งหนึ่งผมถามแม่ว่า แม่คลอดผมออกมา หรือว่าแม่คลอดคนอื่นๆ เหล่านั้นกันแน่ ทำไมถึงได้แคร์ความรู้สึกคนพวกนั้นจัง แม่พยายามให้ผมระมัดระวังการวางตัว ซึ่งมันทำให้ผมอึดอัดใจ แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายอยู่แล้ว



นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมกับพ่อและแม่ไม่สนิทใจกัน ครอบครัวผมไม่มีอารมณ์หวานใส่กัน หมายถึงพ่อกับแม่หวานใส่ผมน่ะนะ แต่สำหรับเขาสองคนก็ตามประสาคนเป็นผัวเมียที่ต้องมีบ้าง แต่กับผม ไม่มีหรอก ไม่ใช่เขาไม่อยากหวานกับลูก แต่เป็นผมเองที่ปิดกั้นตัวเองจากเขา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องที่เขารู้ว่าผมไม่ใช่ลูกชายโดยสมบูรณ์แบบอีกต่อไป มันก็ทำให้ผมมีระยะห่างจากพ่อจากแม่มากขึ้น ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ค่อยสนิทกับพวกเขามากอยู่แล้ว เพราะว่าผมต้องคอยปกปิดตัวเอง แล้วพอได้เปิดเผยตัวเองกับพ่อและแม่ กลายเป็นว่าช่องว่างระหว่างเรายิ่งมากขึ้นไปอีก เพราะพวกเขาไม่เคยรับได้เลยกับสิ่งที่ผมเป็น ปากบอกจะพยายามๆ แต่ไม่เคยทำหรอก



ผมรู้ว่าต้องให้เวลาเขา เนื่องด้วยพ่อและแม่ผมเป็นคนในยุคที่เห็นชีวิตมนุษย์โตมาแบบมีรูปแบบที่ตายตัว นั่นคือ เติบโต เรียนหนังสือ เรียนจบ ทำงาน บวช แต่งงานมีลูกสืบสกุล นั่นคือสิ่งที่พ่อกับแม่เห็นในยุคของเขา และเขาก็คิดว่าลูกจะต้องเป็นไปตามนั้น แต่พอมันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เขาเลยค่อนข้างผิดหวัง ผมเองก็พยายามตั้งใจเรียน ทำชีวิตให้ดีเข้าไว้ จะได้มาทดแทน ชดเชยกับสิ่งที่ผมทำให้เขาไม่ได้ ตัวผมเองก็ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่ระหว่างนั้นผมก็ต้องการกำลังใจและความเข้าใจจากเขาทั้งสองคนบ้าง



ผมหลับตาลงพร้อมๆ กับถอนหายใจหนักๆ เพื่อระบายความเครียดต่างๆ ออกมาบ้าง ช่วงนี้สมองทำงานหนักเหลือเกิน มีเรื่องให้คิดเยอะแยะไปหมด พาลทำให้จิตใจย่ำแย่เข้าไปอีก จากที่มันแย่อยู่แล้วก็ไม่รู้จะแย่ไปกว่าหน้าผมอีกหรือเปล่า ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง เหม่อลอยมองเพดานที่มีสติ๊กเกอร์ดาวเรืองแสง เวลาปิดไฟในห้อง มันจะเรืองแสงอย่างกับจักรวาลขนาดย่อม ผมกับพ่อช่วยกันปีนขึ้นไปติด เพราะผมดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร แต่ในห้องนอนของตัวเอกที่เป็นเด็กจะมีแสงระยิบระยับจับตายามค่ำคืน เลยทำให้ผมอยากมีบ้าง



ผมควานหามือถือที่วางอยู่บนเตียง หยิบขึ้นมาเปิดดูโซเชียลต่างๆ ที่ผมแทบไม่ได้เล่นอยู่พักหนึ่งในตอนที่อยู่กับวิคเตอร์ แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยมีอะไรทำ เลยชอบเปิดดูโซเชียลบ่อยๆ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง ผมเปิดเพื่อตามข่าววิคเตอร์นั่นแหละ ผมว่ามันโคตรงี่เง่าเลยที่คอยตามติดชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่คล้ายว่าเราจะอยู่กันคนล่ะโลกด้วยซ้ำไป เขาเป็นดารานักแสดง แต่ผมเป็นคนธรรมดา แถมยังเป็นผู้ชายธรรมดาๆ อีกด้วย แล้วยังงี่เง่ามากที่เสียเวลาตามข่าวคราวของเขา ทั้งที่เขาไม่เคยติดต่อกลับมาหาผมเลยสักครั้ง



แต่จะให้ผมทำยังไง ผมยอมรับว่าผมยังแอบหวัง ถึงจะเห็นข่าวเขากับผู้หญิงคนอื่นแล้วก็ตาม เพราะอย่างน้อยครั้งนึงโลกของเราสองคนก็เปรียบเสมือนเป็นโลกเดียวกัน และอย่างน้อยผมก็หวังให้เขาติดต่อกลับมาบ้าง  บอกผมให้ชัดเจนก็ยังดีว่าเขามีคนใหม่  เขาอยู่ได้โดยไม่มีผมแล้วจริงๆ บอกผมหน่อยว่าสิ่งที่เขาพูดมาตอนนั้นก็แค่ต้องการจะรั้งผมไว้ให้ถึงเวลาที่เขาจะปล่อยผมไป



ผมเปิดดูไอจีเขา ถึงจะมีรหัสผ่าน แต่ผมไม่เคยไปก้าวก่ายเขาอีกเลยนับตั้งแต่ผมจบฝึกงาน ไม่รู้ว่าเปลี่ยนรหัสไปแล้วหรือยัง ครั้งล่าสุดที่เขาลงรูปคือเมื่อวานนี้ เป็นรูปในกองถ่ายหนังที่เริ่มถ่ายทำแล้ว วิคเตอร์ไม่ใช่คนอัพรูปบ่อยเท่าไหร่ ช่วงที่ผมอยู่กับเขา ก็ผมนี่แหละที่คอยอัพรูปให้สัปดาห์ล่ะครั้งหรือสองครั้ง เพื่อที่แฟนๆ ของเขาจะได้หายคิดถึงเขาบ้าง  เพราะก่อนจะเจอผม อินสตาแกรมเขาอัพแต่ล่ะครั้ง แฟนคลับนี่แห่กันมาคอมเม้นต์กรีดร้องด้วยความดีใจ พอผมกลับมา เขาก็ยังคงอัพอยู่ แต่ก็ตามนิสัยเขาคือนานๆ ครั้งจะอัพ รูปเมื่อวานนี้ที่ผมเห็น นั่นคือการอัพในรอบหนึ่งเดือน



ผมยังโล่งใจได้อยู่บ้างที่เขาไม่ได้ลงรูปคู่กับผู้หญิงคนไหน แต่อันที่จริงวิคเตอร์ไม่เคยลงรูปตัวเองกับคู่ควง หรือสาวที่คั่วด้วยสักคนหรอก แน่นอนว่าถ้าลงนั่นคือการผูกมัดตัวเขา ซึ่งเขาไม่พร้อมอย่างแน่นอน ยิ่งกับผมอย่าได้หวังว่าจะเปิดตัว เขาก็บอกแล้วว่า จะให้เขาเปิดตัวว่าคบกับผู้ชายได้ยังไง ในตอนนั้นเขาอาจจะพูดเพราะระเบิดอารมณ์ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมว่านั่นมันก็ถูกอย่างที่เขาพูดนะ ลำพังแค่ผู้ชายปกติธรรมดาบางคนยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้เลย แต่กับเขาซึ่งเป็นพระเอกกำลังดัง (ตอนนี้ก็คงดังมากขึ้นแล้วล่ะ) คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกให้ชาวโลกรับรู้แบบปุบปับ



เขาไม่ลงรูปคู่กับใครก็จริง แต่รูปที่ถูกแท็กมาในไอจีจากสาวๆ นั้นก็มากมาย ทั้งจากแฟนคลับ ดารานักแสดงสาวๆ สวยๆ นางแบบหุ่นดีๆ หน้าเด่นๆ ทีมงานเบื้องหลังต่างๆ ต่างก็แท็กหาเขาจนล้นไปหมด แต่ล่ะคนก็ดูดีและดูไม่ดีสลับกันไป มีทั้งภาพยืนคู่ถ่ายกันแบบปกติ ภาพแนบชิดสนิทสนมก็มี ภาพโอบกอดก็มี หนักสุดก็คงหอมแก้ม นี่ดีนะยังไม่มีภาพจูบปากกับใครให้ใจผมสั่นไหวไปมากกว่านี้  แต่ที่ผมไม่เห็นคือ ไม่มีภาพคู่กับอันเดรียนาเลย ไอจีอันเดรียนาเองก็ไม่เคยอัพรูปคู่กับเขาเลยสักครั้ง มันดูเหมือนจะดี แต่ผมว่ามันนิ่งสงบเกินไป สงบจนบางทีรู้สึกกระวนกระวายกว่ารูปสาวๆ ที่แท็กเขามาอีก เพราะถ้าเขาเงียบ นั่นเท่ากับว่าผมจะไม่รู้เรื่องราวระหว่างพวกเขาเลยสักนิด นี่แหละวิคเตอร์ ถ้าเขายังไม่แน่ใจ ยังไม่พร้อมจะคบ เขาก็จะกินเงียบๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีไม่ดี พอเบื่อแล้ว อันเดรียนาก็อาจจะไม่ได้ออกสื่อหรือออกหน้าออกตาคู่กับวิคเตอร์เลยแม้แต่นิด



ผมก็บ้านั่งดูนะ ทำตัวอย่างกับเมียหลวงจับผิดสามีว่ากำลังมีเมียน้อยหรือเปล่า ทั้งที่จริงผมยังไม่มีสถานะอะไรจากเขาเลย และไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ บางครั้งผมก็คิดว่าทำไมเราต้องมานั่งรอนอนรอการติดต่อจากผู้ชายคนหนึ่งมากขนาดนี้ โอเค ถ้าตอบว่าเพราะรัก นั่นคือคำตอบที่เบสิคที่สุดแต่มันก็จริงที่สุด ใช่ที่สุด ในตอนที่เราอยู่ในห้วงรัก เราจะไม่รู้หรอกว่าอะไรถูกหรือผิด หรืออะไรควรไม่ควร เราจะรู้อย่างเดียวว่าเรารัก จนกว่าสติจะมานั่นแหละถึงจะเริ่มรู้ตัว



แต่ในทุกๆ วันนี้ ผมก็พยายามบอกกับตัวเองว่าให้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ซะ และตั้งสติใช้ชีวิตอย่างที่บอกกับคุณเบนไว้ ผมรู้ว่าผมต้องทำได้ ทำได้แน่ๆ แต่ก็อีกว่า… มันคงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก เวลาอาจไม่ได้ทำให้ลืมเขา แต่มันจะทำให้ผมค่อยๆ รับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ พรุ่งนี้ผมก็เปิดเทอมแล้ว ผมจะใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ให้เต็มที่ คงไม่ลืมได้ทันที และคงไม่มีวันลืม เวลาก็แค่ทำให้ผมรับกับความรู้สึกแย่ๆ ตรงนี้ได้ดีขึ้น



ติ๊ง!



เสียงข้อความแชทในเฟซบุ๊คดังขึ้นพร้อมกับเด้งหน้าต่างแชทมาให้ ผมมองนิ่งอยู่พักหนึ่งเพื่อดูว่าใครทักมา พอเห็นว่าเป็นอดัมผู้หล่อล่ำขย้ำใจผมเสมอ ก็ฉีกยิ้มน้อยๆ และนอนพิมพ์ตอบแชทเขา (ลืมวิคเตอร์แล้ว - -)



Adam Hunten : เฮ้! เป็นไงบ้าง



Matt Thanaphat : ขี้เกียจครับ พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว ไม่อยากไปเรียนเลย
   


อดัมหัวเราะกลับมาและชวนคุยหลายๆ เรื่อง พอเขาชวนคุยมา ผมก็ตอบกลับ และผมก็ชอบชวนเขาคุยอยู่เรื่อย เรื่องที่คุยส่วนมากคือเป็นเรื่องสัพเพเหระ ออกแนวไร้สาระมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็ทำเอาผมขำอยู่เสมอ อดัมชอบทักมาคุย แต่อย่าคิดว่าเสน่ห์ผมแรงล่ะ เพราะผมเองก็ชอบทัก (อ่อย) เขาเช่นกัน คุยกันจนบางทีผมเผลอคิดว่านี่เรากำลังจีบกันอยู่หรือเปล่า แต่ก็เปล่าเลย เราคุยกันแบบเพื่อน พี่น้องจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริง ตอบอย่างคนที่กำลังจิตตกเลยนะว่า
   


ผมล่ะอยากให้อดัมจีบผมจริงๆ ฮ่าๆๆ ถึงยังไงเขาก็เป็นชายในฝันของผมนี่นา ไม่แน่ผมอาจจะลืมวิคเตอร์ไปเลยก็ได้ถ้าได้คบกับอดัม แล้วถ้าถามว่าทำไมผมไม่จีบเขาซะเลยล่ะ จะไปจีบได้ยังไง ก็เขายังคบกับแฟนเขาที่ผมเคยเจอที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่เลย เขาไม่ได้บอกหรอก แต่ผมก็ไปเผือกในเฟซบุ๊คและไอจีเขามา อีกอย่างเอาจริงๆ นะ ช่วงเวลานี้ กระดี๊กระด๊าไม่ค่อยออก ถึงเวลาคุยกับอดัมผมจะยิ้มและหัวเราะอยู่บ้าง แต่ใจจริงของผมนั้นก็อยากยิ้มและหัวเราะเพราะผู้ชายอีกคนหนึ่งมากกว่า



เพราะผู้ชายคนนั้น ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะด้วยความสุขใจจริงๆ ผมยอมรับเลยว่าคิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ วงแขนแข็งแรง แผงอกแกร่งและกล้ามท้องแน่นๆ ของเขา คิดถึงทุกสัมผัสที่เขาเคยมอบให้ ผมจะไม่บอกหรอกว่ามันยังไม่จางหายไปไหน ต้องบอกอย่างยอมรับความจริงว่า มันกำลังจะจางหายไป เหมือนกับตัวเขานั่นแหละ



ถ้าจะหายไป อย่างน้อยบอกกันหน่อยได้มั้ยไอ้ยักษ์ เพราะผมรู้ตัวเองว่าถ้าคุณยังไม่บอกอะไร ใจผมมันจะยังหวังแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งผมไม่อยากเหนื่อยหัวใจกับการรอที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง…



ผมคิดถึงคุณนะไอ้ยักษ์ขี้โมโห



-------------------------------TBC.----------------------------------

หน่วงเบาๆ เนาะ ไม่แรงมาก >__<

เตรียมตั๋วบินไปนิวยอร์กเพื่อไปทุบอียักษ์กันมั้ย -..-

กดไลค์เพจเฟซบุ๊คหรือฟอโล่วทวิตเตอร์กันได้นะจ๊ะ อัพเดตข่าวสารใดๆ ก่อนใคร และร่วมเม้าท์มอยหอยกาบกันได้ที่นั่นค้า

 :mew1:



ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.1 100%}11.07.58
«ตอบ #131 เมื่อ11-07-2015 06:41:00 »

ฮือ ยังคงสงสารน้องแมท

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
«ตอบ #132 เมื่อ17-07-2015 15:43:49 »



ONLY YOU EP.2 :: Begin Again? [70%]


เสียงหึ่งๆ อย่างกับเสียงผึ้งรังใหญ่ๆ แตกรัง ดังมาจากในตึกคณะ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ส่งเสียงทักทายเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนานในช่วงปิดเทอม พอเดินเข้าไปใต้ตึกคณะก็รู้ว่านั่นไม่ใช่เสียงผึ้งแตกรังหรอก แต่เป็นเสียงเม้าท์มอยหอยกาบดังลั่นไปทั่วใต้ตึกคณะของผมในวันเปิดเทอมวันแรก ผมก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปด้านในตึก หยุดยืนอยู่ตรงกลางทางเข้า มองซ้ายมองขวาอยู่สักพักก็เห็นพวกเพื่อนๆ โบกไม้โบกมือให้พร้อมส่งเสียงเรียกเสียงดัง


ผมฉีกยิ้มและเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ ในระหว่างที่กำลังเดินไปโต๊ะเพื่อนๆ ผมก็รู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากโต๊ะหนึ่งในมุมห่างไกล เมื่อมองไป ก็เห็นว่าเป็นรุ่นน้องในเอก คือทุกคนทำเป็นมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ผมรู้ว่าจริงๆ แล้ว พวกน้องๆ กำลังมองผมอยู่นั่นแหละ เพียงแต่พอผมหันไปมองก็เลยแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่น บางทีก็อยากจะเดินเข้าไปบอกว่า หนูจ๋า มันไม่เนียนเลย ถ้าจะมองก็มองเถอะ ขออย่างเดียว มองแล้วอย่าเดินเข้ามาตบก็แล้วกัน เพราะเดี๋ยวพี่จะเจ็บ


“น้องเขามองฉันทำไมกัน” ผมถามสีหน้าคล้ายพะอืดพะอมตอนที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานอเนกประสงค์ที่อยู่ติดกับใต้ตึกคณะ ขนาดไม่หันไปสบตาก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่มองมาอยู่เลย


“ก็มึงมีข่าวกับผู้ชายไม่ใช่รึไงไอ้แมท” ไอ้แชมป์ หนึ่งในเพื่อนชายในกลุ่มบอกเสียงที่แฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมเบิกตากว้างขึ้นมองมันงงๆ เล็กน้อย ก่อนที่สมองจะประมวลความเข้าใจให้กับตัวเองอย่างรวดเร็วว่าผู้ชายที่มันพูดถึงน่าจะหมายถึงวิคเตอร์ นี่ขนาดเห็นหน้าผมไม่ค่อยชัดนะ คนรอบข้างยังรู้เลย


“ไม่ใช่แค่น้องๆ หรอก เดี๋ยวพอมึงเจอคนอื่นๆ ในเอก เขาก็จะมองมึง ช่วงที่ข่าวนี้ออกมา ในเอกเราฮือฮากันใหญ่” เสียงห้าวๆ ของไอ้วอร์ม เพื่อนชายคนที่สองของกลุ่มเอ่ยบอกพลางโยนถั่วหวานเข้าปากแล้วเคี้ยวแกรบๆ


“นี่กูควรซ้อมแจกลายเซ็นมั้ยเนี่ย” ผมบอกเสียงแหยพอๆ กับสีหน้า แอบเหลือบหันไปมองกลุ่มน้องๆ โต๊ะเยื้องๆ กันที่กำลังมองผมและซุบซิบอยู่ด้วยสายตาฉับไว คือไม่อยากมองนานเดี๋ยวเขาจะรู้ตัวว่าเรารู้แล้วว่าเขามองเราอยู่ (งงมั้ย)


“แล้วสรุปใช่แกจริงปะวะแมท” เหมียวสาวสวยแต่สติไม่ค่อยดีประจำกลุ่มเอ่ยถามขึ้น แต่มือก็ยังมิวายยกบรัชออนมาปัดแก้มไปด้วย สายตาไม่ได้มองผมเลยนะ มองแต่กระจก ไอ้นี่มันรักสวยรักงาม เคยเกือบได้ประกวดดาวมหาวิทยาลัย แต่มันไม่เอา เลยไปเป็นลีดคณะแทน มันบอกว่าดาวมหาลัย ยิ่งใหญ่เกินคนสติป้ำๆ เป๋อๆ อย่างมันเกินไป (มันก็รู้ตัวมันนะ)


“ถามคำถามเดียวกับไอ้เก้าไอ้แบมเลย แกสองคนบอกเพื่อนๆ ซิ” บางทีผมก็สับสนตัวเอง เพราะเวลาคุยกับเพื่อนผู้ชายในกลุ่ม ผมจะใช้กูมึงตามปกติ แต่พอคุยกับน้องนีแสนซนอีกสี่ตน ผมจะชอบใช้คำสุภาพ เคยลองใช้กูมึงแล้ว แต่ผมรู้สึกแปลกประหลาด มีความรู้สึกว่าระหว่างผม กับเก้า กับแบม กับเหมียวและแคท (เพื่อนสาวอีกคนในกลุ่ม) ควรใช้คำแบบซอฟต์ๆ จะดีกว่า อาจดูกระแดะนะ แต่เคยเป็นกันมั้ย ที่กับเพื่อนบางคน บางกลุ่มจะไม่กล้าใช้คำหยาบด้วย นอกจากเวลาเผลอ


“เป็นไอ้แมทจริงค่า แต่ว่ามันไม่ได้กิ๊กกับเขา แค่ไปเดินเล่นกันตามประสาเจ้านายลูกน้อง” เก้าบอกเสียงมีจริต พลางกระดกชาเขียวฟูจิเข้าปากดังอึกๆ เห็นแล้วก็อยากกินบ้าง ผมชอบกินมากเลยไอ้ชาฟูจิฝาเขียวเนี่ย


“เฮ้ย! นี่ตอนแกไปนิวยอร์ก แกไปทำงานกับวิคเตอร์เหรอ” แคท ผู้ซึ่งมีชื่อความหมายเดียวกับเหมียว ถามด้วยความตระหนกตกใจ แคทเป็นผู้หญิงเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม หัวดีแบบที่ไม่ต้องอ่านอะไรมาก มันก็สอบได้


“อ้าว แกไม่รู้หรอวะแคท” ผมถามงงๆ แคทจิ๊ปากใส่เล็กน้อย ก่อนจะว่าเสียงจิกกัดเบาๆ


“รู้ได้ยังไงล่ะคะ แกไม่เห็นเม้าท์อะไรในไลน์เลย” แรกๆ ที่ผมไม่เม้าท์เพราะไม่อยากให้แตกตื่น แต่หลังๆ ผมไม่เม้าท์อะไร เพราะผมลืม และช่วงก่อนกลับยิ่งไม่ได้เม้าท์ เพราะโทรศัพท์โดนยึด


“โอ๊ย อย่าว่าแต่แกเลยค่ะ ขนาดฉันสองคนที่ชอบเสือกเรื่องคนอื่น ยังมารู้ตอนมีข่าวนั่นล่ะค้า!” แบมบอกพลางเงยหน้าหยอดน้ำตาเทียมใส่ดวงตาที่นางใส่คอนแท็กเลนส์อยู่ เออ ทำไมทุกคนแลมีกิจกรรมให้ทำหมดเลย


“ต้องบอกว่าฉันอิจฉาแกมากกก! ฉันชอบเขามากอ่ะแก เป็นผู้ชายที่ฉันว่าไม่หล่อเว่อร์ แต่โคตรมีเสน่ห์ ที่สำคัญฉันว่าเขาแซบมากค่ะ!” อนิจจา แม้นว่าแคทมันจะเรียนเก่ง แต่เรื่องผู้ชายนางก็เนเวอร์ดายเช่นกัน


เออ แต่ขอยืนยันในใจให้แคทมันแล้วกัน ว่าเขาแซบจริง โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง อะ…อ้าว ร้อนหน้าขึ้นมาซะงั้น


“แกเคยเห็นรูปเขาก่อนเข้าวงการปะ ที่คล้ายๆ ถ่ายนู้ดหน่อยอ่ะ หูยยย! อีแคทเห็นแล้วใจเต้น ตับ ตับ ตับ!” แคทว่าแล้วเอามือตบอกเบาๆ สีหน้าดูเปรี้ยวปากมาก เล่นเอาทั้งกลุ่มหัวเราะ คือแคทไม่ได้ว่าหน้าตาเรียบร้อยหรอก มันก็มีจริตตามประสาผู้หญิง เพียงแต่มันเรียนเก่งมาก เกียรตินิยมลอยมาเห็นๆ แต่นิสัยมันเป็นแบบเนี้ย มันเลยขัดๆ กัน เลยทำให้พวกเราฮาบ่อยๆ


ว่าแต่วิคเตอร์เคยถ่ายนู้ดด้วยเรอะ ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย ผมว่าผมก็สนใจเขาในระดับหนึ่งแล้วนะ แต่คงไม่เท่าพวกแฟนคลับจริงๆ นั่นแหละ แต่ช่างเถอะ จะนู้ดแค่ไหน ผมก็ไม่อยากเห็นหรอก ก็ผมเห็นมากกว่าภาพซะอีก แถมยังเป็นภาพสี่มิติอีกต่างหาก ได้ลูบ รส กลิ่น เสียง ครบเซ็ท!


“เดี๋ยวนะอีแคท ทำไมแกถึงได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้ด้วยวะ” เหมียวที่กำลังปัดมาสคาร่าถึงกับหยุดปัดขนตาหันไปถามแคทที่นั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าทึ่งเล็กน้อย แคทยักไหล่เบาๆ อย่างมีจริต แต่แค่นั้นก็ทำเอาทั้งกลุ่มส่งเสียงหัวเราะครื้นเครง ผมเห็นเก้ากระดกชาเขียวแล้วก็อดคอแห้งไม่ได้ เลยขอตัวไปซื้อน้ำที่หลังคณะ ซึ่งจะมีรวงร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเครื่องดื่ม ตั้งเป็นล็อคๆ อยู่เกือบสิบร้าน ระหว่างเดินก็ไม่ค่อยมีคนมองผมหรอก ผมว่าส่วนใหญ่ที่จะมองๆ กันก็น่าจะเป็นเด็กในเอกอิ๊งเนี่ยแหละ ด้วยเพราะทุกคนรู้จักผมอยู่แล้ว ไม่ใช่คนดังอะไรหรอก แต่เอกผมไม่ได้มีคนเยอะมาก มันก็มีพี่ๆ น้องกันอยู่ไม่กี่คน พอเกิดเรื่องอะไรที ก็หาตัวกันไม่ยากหรอก


“เอาฟูจิฝาเขียวสองขวดครับ” ผมบอกคนขายพลางหยิบเงินในกระเป๋าเสื้อนิสิตขึ้นมาห้าสิบบาท นึกสงสัยตัวเองอยู่เหมือนว่าที่บ้านก็มีขาย ทำไมก่อนมามหา’ลัยไม่หยิบมาสักขวด สงสัยอยากเสียเงินให้ร้านค้านอกบ้านบ้าง


“โค้กขวดนึงครับ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ กัน ผมกระเถิบที่ให้เขาในระหว่างที่กำลังหยิบหลอด ตัวเขาสูงจนผมต้องแอบหันไปมองว่าคนอะไรทำไมมันสูงจังโดยที่ลืมนึกไปว่าตัวเองนั้นเตี้ยเอง


“อ้าว เอิร์ท” ตอนแรกกะแอบมองแว้บเดียวตามประสาคนขี้เผือก แต่พอเห็นว่าเป็นเอิร์ท ผมก็ตัวเย็นแปลกๆ คือผมไม่ได้เจอเขานานมาก เพราะเขาหนีกลับมาไทยก่อนผม ก่อนบาสด้วยซ้ำ พอกลับมาไทย ผมก็ไม่ได้ออกไปไหน เราเลยขาดการติดต่อกันไป ผมเองก็ลืมขอเฟซบุ๊คเขาจากบาส แรกๆ ก็คิดว่าจะขอไว้เพื่อเอาไว้ติดต่อกันบ้าง แต่หลังๆ คิดเรื่องไอ้ยักษ์มาก เลยทำให้ลืมเรื่องอื่นไปเลย


“เป็นไง” เอิร์ทส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ พลางรับน้ำจากคนขายและจ่ายเงินไปตามจำนวน


“เป็นไงอะไรล่ะ เอิร์ทหนีกลับมาไทยคนแรกเลย” เราเขยิบมายืนข้างๆ ร้านเพื่อให้คนอื่นที่รอซื้อน้ำได้ยืนตรงพื้นที่นั้น เอิร์ทยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเรียบ


“ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม จบงานแล้วอ่ะ” เขาบอกพลางกระดกโค้กเข้าปาก


“โห ไม่คิดจะอยู่เที่ยวก่อนรึไง ทิ้งบาสให้เที่ยวคนเดียวซะงั้น”


“มันเอาตัวรอดได้น่าไอ้ห่านั่นอ่ะ เราดิจะไม่รอดเพราะแมท” พุก! แค่กๆ


ผมที่กำลังดูดน้ำชาเขียวเข้าปากถึงกับน้ำพุ่งออกมา และก็เกิดอาการสำลักตามระเบียบ ดีที่ไม่พุ่งไปโดนเอิร์ท ผมยกแขนขึ้น ใช้เสื้อนักศึกษาเช็ดรอบๆ ปากที่เปียกชุ่มไปด้วยชาเขียว มองหน้าเอิร์ทด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนเอิร์ทกลับมองมาด้วยสายตาขบขัน


“เอาซะน้ำพุ่งเลย”


“อยากเอาให้น้ำพุ่งเหมือนกันแหละ แต่หมดสิทธิ์แล้วนี่หว่า” โอ๊ย! จะเป็นลมมันตรงนี้แหละ


ผมแยกเขี้ยว ถลึงตามองเอิร์ทที่ยิ้มกว้างหล่อๆ จนเก้งสาวที่สาวมากนางหนึ่งเหลียวหลังมามองในขณะที่กำลังเดินกลับไปที่โต๊ะทานข้าวของตัวเอง ทำไมรอบข้างผมถึงได้มีแต่ผู้ชายช่ำชองเรื่องอย่างว่าด้วยนะ ไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มก็เหมือนกัน ชอบแซวเล่นเรื่องอย่างนี้กับผมตลอด พูดเปิดช่องโหว่ไม่ได้เลยเชียวล่ะ ไม่งั้นมันเสียบด้วยคำสองแง่สองง่ามชวนให้หื่นกามตามเสมอ


“ขอโทษนะเอิร์ท” ผมสีหน้าหงอยๆ รู้สึกผิดอยู่ในใจ ทั้งที่จริงเรื่องแบบนี้มันไม่มีใครผิดใครถูก นอกซะจากว่าถ้าคบกัน แล้วผมหรือเอิร์ทไปมีคนอื่น อันนั้นอ่ะ มีคนผิดแน่ๆ แต่นี่มันอยู่ในช่วงขั้นต้น เรียกได้ว่าระยะฟักตัว (?)


“เย็นนี้ไปหาไรกินกัน” เอิร์ทไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอโทษจากผม แต่กลับกระดกโค้กชิวๆ และเอ่ยชวนอย่างสบายๆ


“ไปสิ” ผมตอบรับอย่างว่าง่าย เพราะไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ก็แค่ไปหาอะไรกินกัน ตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันนี่แหละ


“งั้นเอาเบอร์แมทมา” ผมแบมือขวาและทำท่ากดแป้นโทรศัพท์ เอิร์ทหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ และยื่นมาให้ผมกดหมายเลขโทรศัพท์ที่เมืองไทยให้ก่อนจะยื่นคืนกลับไปพร้อมกับกดโทรเข้าเครื่องตัวเอง


“แล้วนี่เอิร์ทมาทำอะไรที่ตึกคณะแมทล่ะ” ผมถามพลางกดตัดสายเรียกเข้าจากเอิร์ท อีกฝ่ายกำลังจะตอบแต่ก็มีเสียงใสๆ เสียงหนึ่งพร้อมกับร่างสูงระหงแต่เตี้ยกว่าเอิร์ทเล็กน้อยเข้ามายืนขนาบข้าง ผมมองเธออย่างงงๆ เธอหน้าตาสวย ย้อมผมสีทองสว่างมาก หน้าขาว ผิวขาว ที่สำคัญคืออึ๋มโพด แถมยังแต่งชุดนักศึกษาซะรัดติ้ว กระโปรงก็สั้นจนหวาดเสียวว่าเธอจะเผลอโชว์อะไรด้านในไปบ้างหรือเปล่า ผมยืนมองเธอคุยกับเอิร์ทด้วยท่าทีสนิทสนมด้วยใบหน้าเอ๋อๆ


“เย็นนี้เดี๋ยวเราไปกินข้าวกับเพื่อนที่นิวยอร์กอ่ะขวัญ เจอกันที่หอนะ” เธอหันมามองผมและส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย ผมเลยฉีกยิ้มแห้งๆ แบบไม่ทันตั้งตัวให้กลับไป


“โทรมาแล้วกันนะ เดี๋ยวขวัญลงไปรับ” เอิร์ทยิ้มพร้อมพยักหน้ารับคำ คนชื่อขวัญหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะของเธอ ที่เพื่อนสาวสวยๆ นั่งอยู่เต็ม ผมมองด้วยความชื่นชม เธอหุ่นดี๊ดี หน้าตาก็สวย


“แฟนเอิร์ทหรอ” ผมละสายตากลับมาถามเอิร์ทที่กำลังมองผมอยู่


“แฟนเก่า” ผมขมวดคิ้วมองพ่อหล่อหน้าไทยนี่งงๆ เอิร์ทยักคิ้วให้หนึ่งทีแล้วกระดกโค้กจนหมดขวด


“แต่คือตอนนี้เป็นเพื่อนกัน แบบนั้นอ่ะเหรอ” ผมมองเอิร์ทเปลือกตาแทบไม่ขยับ เอิร์ทยิ้มมุมปากเท่ๆ โยนขวดโค้กลงไปในถังขยะหน้าร้าน เดินเข้ามาประชิดผมและยกมือซ้ายขยี้หัวผมเบาๆ


“เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน และไม่ใช่กิ๊กด้วย” ผมอ้าปากหวอเล็กน้อย ต่อมเผือกและต่อมรับรู้ทำงานประสานกันทันทีว่าสถานะของคนคู่นี้ต้องมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนตายอยู่แน่ๆ


“ว่าแต่ ไปกับเอิร์ทเย็นนี้ ไอ้ฝรั่งนั่นมันจะไม่ว่าอะไรเหรอ” จากที่กำลังหน้าตื่นนิดๆ กับความคิดเรื่องความสัมพันธ์ของเอิร์ทและผู้หญิงคนนั้น ผมก็รู้สึกว่าสีหน้าตัวเองเจื่อนลงไปจนเอิร์ทเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย ผมยิ้มขื่นๆ เล็กน้อย ก่อนจะตอบเอิร์ทเสียงอ่อย


“ไม่ว่าหรอก และคงไม่ว่าอะไรแล้วด้วย” เอิร์ทนิ่งไปเล็กน้อย สักพักเขาก็พยักหน้าคล้ายว่าจะเข้าใจกับความหมายของประโยคที่ผมพูดออกไป


“เจอกันเย็นนี้นะ เอิร์ทน่าจะเสร็จก่อนแมท เพราะวันแรกไม่ได้เรียนอะไรหรอก ไปนั่งคุยเล่นกับอาจารย์ซะมากกว่า” ผมยิ้มอ่อนๆ และพยักหน้ารับ


“แมทก็คงไม่นานหรอก วันแรกอาจารย์คงแจกแค่ครอสซิลลิบัส” เอิร์ทพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ยกมือขยี้หัวผมอีกทีแล้วหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง ซึ่งก็คือโต๊ะเดียวกับผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละ ผมมองภาพเขาสองคนที่นั่งใกล้ชิดสนิทสนมกัน คุยกันด้วยรอยยิ้ม ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ นั่นคือทางที่เอิร์ทควรเดินต่อไป ไม่ใช่หลงผิดเดินมาหาผม


ดูเหมือนผมจะเป็นคนดีที่อยากให้เอิร์ทมีความสุขกับผู้หญิงตามปกติ แต่จริงๆ แล้วไม่หรอก เพราะลึกๆ ในใจผม อยากให้ผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินทางมาหาผม มาหาเพื่อที่จะได้รักกันอย่างที่เขาพูด ผมถอนหายใจ คิดถึงให้ตายยังไง ก็ยังไร้วี่แววจากเขาอยู่ดี





เปิดเทอมวันแรกก็เหมือนกันทุกปี ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่คือยังไม่มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็เม้าท์สนุกๆ กับอาจารย์และเพื่อนๆ ในคาบมากกว่า อาจารย์แค่บอกว่าเทอมนี้จะสอนอะไรบ้าง แล้วก็บอกให้พวกผมเตรียมตัวสำหรับการเรียนจบในอีกสองสามเดือนข้างหน้า เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานในโลกกว้าง วิชาที่เรียนในเทอมสุดท้ายนี้ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาที่เตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานทั้งนั้น เรียนไม่หนักมาก เพราะพวกผมลงเรียนหนักๆ ไปตั้งแต่สามปีแรกแล้ว พอปีสี่เลยเบาลง แต่วิชาที่เรียนก็โหดอยู่ดี


“เดี๋ยวอาทิตย์สุดท้ายของเดือนนี้ จะมีพรีเซ้นต์โปรแกรมการฝึกงานที่ห้องประชุม xxx ยังไงก็เตรียมตัวกันให้ดีๆ นะจ๊ะ ทำพาวเวอร์พ้อยท์มาสวยๆ นะยะพวกเธอ ยี่สิบคะแนนเลยนะ แล้วก็เตรียมข้อมูลให้พร้อม พร้อมกับส่งหนังสือฝึกงานในวันนั้นด้วย วันเวลาครูจะมาแจ้งอีกที…” อาจารย์ณัฐวัฒน์ อาจารย์ที่ปรึกษาของผมยืนอยู่หน้าห้องและเอ่ยบอกกับนิสัตทุกคนด้วยลีลาท่วงท่าตามแบบฉบับของชายใจสาวมาก แต่เห็นแกฮาๆ แบบนี้ ความรู้แกก็เหมาะสมกับดีกรีปริญญาโทจากอังกฤษ และตอนนี้แกก็กำลังเรียนปริญญาเอกที่ไทยอยู่ แกบอกว่าตอนไปเรียนโท คิดว่าไปเรียนโก้ๆ เท่านั้น แบบว่าบ้านฉันมีตังค์ ฉันจะไปใครจะทำไม แต่พอไปเรียนจริงๆ แกบอกว่าแกทิ้งความโก้หรูทุกอย่าง เพราะการแข่งขันด้านการเรียนที่นั่นสูงมาก แกกัดฟันสู้สุดใจ ช่วงไปแรกๆ แกท้อมากเพราะเรียนหนักมากจริงๆ แต่แกไม่อยากกลับไทยมือเปล่า เลยมุมานะเรียนจนจบ


นี่แหละ ความตั้งใจของตุ๊ดไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก ถึงแกจะปากจัด ดูบ้าๆ บอๆ ในสายตาของคนเหยียดเพศบางคน แต่ความรู้ความสามารถของอาจารย์ ผมเชื่อว่าดีกว่าพวกเหยียดเพศบางคนซะอีก


“ใครที่ฝึกงานต่างประเทศ ครูขอเลิศนะจ๊ะ ไม่เอาไก่กาอาราเร่ด๊อกเตอร์เซมเบ้นะ…” อาจารย์บอกพลางชี้นิ้วจิ้มไปที่เพื่อนให้ห้องอีกสองสามคน ก่อนจะมาหยุดที่ผม


“…เจ้าแมท อย่าให้เสียชื่อผู้กำกับละครเวที ครีเอทอะไรออกมาก็ทำให้มันดีๆ แถมเธอยังไปฝึกงานที่เก๋กว่าใครอีก” ผมยิ้มกว้างขบขันกับคำสั่งของแก ปีที่แล้วอาจารย์เขาเป็นคนสอนผมวิชาดราม่า หรือละครเวทีที่ทำให้ผมกับเอิร์ทเจอกันนั่นแหละ


“ทีนี้มาที่เรื่องเรียน เทอมนี้เรียนแค่สี่ห้าวิชา อย่าคิดว่ามันง่ายๆ นะ ยังไงก็ตั้งใจให้เต็มที่ อย่าเรียนๆ เพื่อจบ ถ้าไม่คิดถึงประเทศชาติ คิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง ถ้าจบไปอย่างไม่มีคุณภาพ มันเสียชื่อตัวเองมากสุดนะ มหา’ลัยอาจจะเสียชื่อตามไปด้วย แต่ครูรู้ว่า พวกเธอไม่แคร์หรอก แต่ทุกอย่างมันสะท้อนจากตัวพวกเธอเป็นอันดับแรก…” ทุกคนนั่งฟังอาจารย์สอนนิ่งๆ อาจารย์กวาดตามองไปรอบห้องด้วยท่าทีจริงจัง แต่ผมรู้ว่าแกเป็นห่วงพวกผมนั่นแหละ


“…ยังไงก็ทำตัวให้มีคุณภาพหน่อย อย่าทำตัวเป็นสินค้าก้อปเกรดเอ เกรดเอยังไงก็สู้ของแท้ไม่ได้หรอกจ้ะ ที่บอกให้ตั้งใจเรียน มันก็เพื่อตัวพวกเธอทั้งนั้นนั่นแหละ พอออกไปทำงาน พวกเธอก็เหมือนเข้าปีหนึ่งใหม่ เริ่มจากระดับเด็กๆ ค่อยๆ ไต่เต้าไประดับใหญ่โต…” แล้วอาจารย์ก็พร่ำสอนพวกเราในเรื่องการใช้ชีวิตของการเป็นนิสิตนักศึกษาที่เหลืออยู่ให้เต็มที่ เมื่อจบไปก็ให้ทำงานเต็มที่เช่นกัน


อาจารย์ชวนคุยราวๆ หนึ่งชั่วโมงพร้อมกับแจ้งเรื่องสำคัญต่างๆ นอกเหนือจากตารางเรียนเทอมนี้ด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็ถูกปล่อยออกจากห้องพร้อมๆ กันทั้งหมด ผมไม่ต้องไปเข้าพบอาจารย์ที่ไหนอีก เพราะจริงๆ วันนี้มีเรียนแค่คาบเดียวแล้วก็เข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษานี่แหละ


“จะไปไหนกัน กลับกันเลยปะ” แบมเอ่ยถามตอนที่เรายืนรอลิฟต์อยู่บนชั้นแปดของตึกคณะ


“หาซื้ออะไรไปกินหอไอ้แชมป์มั้ย” แคทเสนอขึ้นมาหน้าซื่อ แต่ไอ้เจ้าของห้องกลับมองด้วยสายตาเหลือเชื่อ


“อ้าว ทำไมเป็นห้องกูวะ มึงถามกูซักคำยังเนี่ย”


“ก็ห้องมึงใหญ่สุดแล้วในบรรดากลุ่มเรา แล้วกูก็ไม่คิดถามหรอก เพราะเดี๋ยวมึงไม่ให้ไป ต้องจับมัดมือชกแบบนี้แหละ” แคทมันว่าอย่างมึนๆ เล่นเอาไอ้แชมป์ ยกมือเกาหัวสีหน้ายอมแพ้


“เออ ก็ดีนะแชมป์ กูขออาศัยห้องมึงหน่อย ตอนเย็นกูมีนัดกับเพื่อนที่ไปเจอกันที่นิวยอร์ก แต่ไม่อยากไปๆ กลับๆ บ้าน” ผมรีบสมทบกับข้อเสนอของแคทมันทันที แล้วกลายเป็นว่าทุกคนก็เออออห่อหมกไปกับแคทด้วย แชมป์มันเลยปฏิเสธไม่ได้ จริงๆ ไปห้องมันก็สะดวกที่สุดแล้วล่ะ เพราะว่าห้องแชมป์คือคอนโดใหญ่โตมาก


เราเดินเข้าไปในลิฟต์ตอนที่ลิฟต์มาถึงชั้นแปดและเปิดออก ระหว่างนั้นก็เป็นการพูดคุยว่าจะซื้ออะไรไปกินที่หอแชมป์กันดี ผมเสนอหมูน้ำตก ส้มตำปูปลาร้า ทุกคนก็เห็นด้วย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้ำลายสอ ผมเองตั้งแต่กลับมาไทย ยังไม่ได้กินอาหารอะไรทำนองนี้เลย


“ไปร้านตรงเซเว่นในซอยข้างมหา’ลัยดีกว่าแก อันนั้นแซบ… เฮ้ย นั่นมันคนที่เราฝากแมทไว้กับเขาตอนมันเมาเปล่าวะแบม” เก้าที่กำลังจ้อเรื่องร้านส้มตำอย่างเมามันส์ เปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็วและหันมาถามแบมที่กำลังยืนหน้าเอ๋อหันไปมองตามที่เก้ามันชี้ ผมเองพอได้ยินชื่อตัวเองก็เลยหันไปมองตามมันบ้าง พอหันไปก็เห็นเอิร์ทกำลังนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ๆ ตรงสะพานเชื่อมระหว่างตึกคณะมนุษย์ฯ กับตึกสถาปัตย์ฯ 


“เออ ใช่ๆ คนนั้นแหละๆ” แบมรีบตอบรับคำถามเก้าอย่างกระตือรือร้นทันที ส่วนผมก็ย่นคิ้วเล็กน้อย


“แกฝากฉันไว้กับใครตอนเมาวะ”


“ก็คนนั้นไง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้ว่ะ แต่จำหน้าแม่น เพราะหน้าเขาหล่อ” เก้าเกาหัวแกรกๆ สีหน้ามันดูอึดอัดมากที่นึกชื่อผู้ชายคนนั้นไม่ออก


“อีเก้าๆ เขาหันมามองว่ะ หรือเขาจำคนสวยๆ อย่างเราได้วะ”


“โอ๊ย อีแบมอีเพ้อ วันนั้นแกกับฉันเละพอๆ กับอ้วกอีแมท เขาคงประทับใจหรอก” ผมย่นคิ้ว ย่นจมูกฟังสองคนนี้ยืนพูดในเรื่องที่พวกมันสองคนรู้กันเอง หันไปมองทางเอิร์ทอีกทีก็เห็นเขากำลังเดินมาทางผมที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างๆ ตึกคณะ


“เฮ้ย เขาเดินมานี่ว่ะ…” เก้ามันหันรีหันขวางเหมือนหาใครสักคน พอมันเจอผมมันก็ทำหน้าประมาณว่า อ้าว กูเจอแล้ว


“…แมท คนนี้แหละ ที่ช่วยดูแลแกวันที่แกเมาตอนเลี้ยงฉลองปิดละครเวทีอ่ะ” ผมอ้าปากหวอนิดๆ เลิกคิ้วขึ้นงงๆ หน้าตาดูเหลอหลา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เอิร์ทก็เดินเข้ามาถึงกลุ่มเราพอดี พ่อหนุ่มหล่อเข้มส่งยิ้มให้กับคนอื่นๆ ก่อนจะละสายตามามองที่ผม


“เลิกแล้วเหรอ” ผมยังรู้สึกงงๆ กับสิ่งที่เก้าและแบมบอกเลยพยักหน้าตอบรับเอิร์ทไปแบบเงอะงะ


“เอ้อ ใช่ๆ เพิ่งเลิกเลย”


“งั้นไปตอนนี้เลยปะ”


“อ้าว ไม่รอตอนเย็นหรอกเหรอ”


“ไหนๆ ก็เลิกแล้ว ไปเลยก็ได้ไง” ผมหันไปมองเพื่อนๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไร แบมมันสวนขึ้นมาก่อน


“แกมีนัดกับเขา แกก็ไปเหอะ ไม่มีแก พวกฉันก็กินส้มตำได้น่า” ผมส่งสายตาจิกกัดไปให้มันหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยลาพวกเพื่อนๆ และเลือกที่จะไปกับเอิร์ทแทน ก่อนไปเก้ากับแบมแอบดึงผมไว้และก้มลงมากระซิบกับผมทั้งสองคน


“นี่แกไปสืบสานความสัมพันธ์กับเขาได้ยังไง แกต้องบอกพวกฉันนะ”


“เรื่องมันเริ่มจากคืนนั้นรึเปล่า นี่แกเสียบริสุทธิให้เขายังวะคืนนั้น” ผมได้แต่ขมวดคิ้วกับแม่สองสาวที่ทำหน้าตาสงสัยสุดฤทธิ์ ผมทำหน้าเอือมเล็กน้อย และดึงตัวเองออกจากการเกาะกุมของสองคนนั้น


“เสียบริสุทธิอะไรล่ะ เพ้อเจ้อ” ถึงเสีย ก็ไม่ได้เสียกับคนนี้เว้ย! โน่น ไอ้คนที่พรากบริสุทธิฉันไป ป่านนี้มันมีเมียใหม่ไปแล้วมั้ง


“เออ ยังไงต้องเล่าให้พวกฉันฟังด้วย ว่ามันอะไรยังไง” เก้าย้ำกับประโยคเดิมของมันอีกที ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไปก่อน เพราะตอนนี้เอิร์ทยืนรออยู่ ผมบอกลาเพื่อนๆ อีกทีและรีบเดินไปหาเอิร์ท ก่อนจะเดินไปพร้อมกัน เอิร์ทพาผมเดินมาหาเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่มีกันเกือบสิบคน พวกนั้นกำลังนั่งคุยพร้อมสูบบุหรี่กันอยู่ บางคนผมก็พอจะจำหน้าได้ลางๆ จากการที่เคยทำละครเวทีด้วยกันเมื่อปีก่อน


“เฮ้ยๆ เจ้าแม่มาว่ะ มึงรีบดับบุหรี่ก่อนเลย” หนึ่งในเพื่อนเอิร์ทบอกเสียงแซวๆ และขยี้บุหรี่ลงกับพื้นปูน ผมยิ้มขำหน่อยๆ น่าจะจำได้ว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ เคยเผลอด่าไปทีนึงตอนที่ไปดูฉากที่พวกเขาวาดให้


“กูไม่รู้ว่าต้องแนะนำอีกรอบมั้ย พวกมึงน่าจะจำกันได้ นี่แมท เรียนมนุษย์ฯ เอกอิ๊ง” เอิร์ทแนะนำผมให้เพื่อนๆ เขาได้รู้จัก ผมยิ้มเหลอหลาไปให้ทุกคนที่มองด้วยสีหน้าขบขันกลับมา


“จำไม่ได้ก็แปลกแล้วครับมึง ด่าที พวกกูสะดุ้งแทนพ่อแทนแม่กูเลย” แล้วทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ผมแอบย่นจมูกนิดหน่อย พอหันไปมองเอิร์ทก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มขำๆ อยู่


“ก็ตอนนั้นเขาทำงาน พวกมึงก็ชอบกวนตีนเขาไม่ใช่รึไง”


“โห ไอ้เอิร์ท มึงปกป้องเจ้าแม่เขาขนาดนี้เลยหรอวะ” ผู้ชายผิวคล้ำ หน้าตาไม่หล่อมาก แต่ก็ดูดี ตัวสูงผอมเอ่ยด้วยเสียงแซวเต็มที่ เอิร์ทยิ้มน้อยๆ แทนคำตอบ


“เออ ถ้าเราเคยด่าใครไป ขอโทษด้วยนะ แต่เวลาทำงานทีไร ชอบลืมตัวทุกที” ผมยิ้มเหงือกแห้งให้พวกเขา ทุกคนส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ


“เฮ้ย ไม่เป็นไร คิดไรมาก พวกผมไม่ได้เก็บมาคิดเล็กคิดน้อยหรอก เข้าใจว่าทำงาน” คนนี้แอบหน้าตาดูดีนะ แต่ถ้าให้บอก ก็ต้องยอมรับว่าเอิร์ทยังหล่อนำหน้าอยู่อีกไกล


แล้วนี่เป็นอะไรเนี่ย มายืนพิจารณาใบหน้าผู้ชายไปเรื่อย


“กูกลับก่อนนะ เจอกันวันพรุ่งนี้ที่บ้านไอ้จิม”


“เออๆ แล้วนี่มึงไม่ไปส่งขวัญหรอวะ” พ่อหน้าตาดีคนเดิมเอ่ยถาม เอิร์ทส่ายหัวด้วยใบหน้าเรียบเฉย


“ตอนแรกว่าจะไปส่งแหละ พอดีเจอแมทก่อน เลยให้กลับเอง กูนัดกันไว้แล้วไง ตอนอยู่นิวยอร์กไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกัน” จริงๆ เอิร์ทต้องบอกว่า เรานัดกันตอนเย็นนะ นี่มันเพิ่งจะเที่ยงเอง ได้ยินแบบนี้แล้วสงสารคนชื่อขวัญเลย ต้องเป็นผู้หญิงสวยๆ คนนั้นแน่ๆ


“อ้าว มึงไปเจอกับเขาที่นิวยอร์กด้วยหรอวะ” หนุ่มหน้าคมคล้ายคนใต้เอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ


“เออ บังเอิญพักบ้านเดียวกัน”


“แล้วได้กันยังวะ” ผมหันไปมองคนที่ถามด้วยสายตาตื่นๆ พ่อรูปหล่อใส่แว่นคนหนึ่งถามหน้ามึนๆ ออกมา ราวกับกำลังถามเรื่องสภาพอากาศประจำวัน


“ยังไม่ได้ แต่ก็อยากได้” ผมที่ตื่นตะลึงอยู่แล้ว หันกลับไปมองเอิร์ทด้วยความตะลึงยิ่งกว่าเดิม พ่อหล่อฉบับไทยแท้ ยืนยิ้มอย่างเท่ แต่ทำเอาผมอยากเตะให้มันตัวเอียงกระเท่เร่ซะจริง!


“เฮ้ย ยังไงของมึงวะเนี่ย นี่กูถามเล่นๆ นะ” เอิร์ทสูดลมหายใจแรงๆ หนึ่งที แต่ไม่ได้สูดแบบเรียกขวัญกำลังใจหรอกนะ สูดปกตินั่นแหละแค่แรงไปนิด ก่อนจะโอบแขนซ้ายรอบเอวผมไว้


“ถ้ากูจะคบผู้ชาย พวกมึงจะเลิกคบกูปะ กูถามตรงนี้เลย ถ้าไม่โอเค จะได้ไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน”



V
v
v

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
«ตอบ #133 เมื่อ17-07-2015 15:44:27 »


ผมเบิกตากว้าง หันไปมองเอิร์ท และพยายามอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่มันอึกอัก พูดไม่ออก คือมันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ ถามกันแบบนี้ แล้วถ้าคำตอบไม่ดี ก็คือเลิกคบเงี้ยหรอ พอหันกลับไปมองเพื่อนๆ เอิร์ท ทุกคนก็ดูทึ่งปนงงๆ ไปนิดนึง ผ่านไปสักพักราวๆ หนึ่งถึงสองนาที ดูเหมือนทุกคนจะค่อยๆ คืนสติกัน



“ไอ้เหี้ย แมนๆ ตรงๆ ตลอดนะมึงเนี่ย” เพื่อนเอิร์ทคนหนึ่งที่ผมไม่อยากพิจารณาหนังหน้าเขาแล้วเอ่ยขึ้น พร้อมหน้าตาที่บ่งบอกว่า มึงแมนมากจริงๆ อะไรประมาณนี้



“คือยังไงวะ มึงชอบเจ้าแม่แมทหรอ” พ่อหนุ่มแว่นที่เป็นตัวจุดประเด็นเอ่ยถามอย่างงงๆ



“เออ ชอบดิ ไม่ชอบกูจะพูดงี้หรอ ตอนอยู่นิวยอร์กกูก็พยายามจีบ แต่แม่งไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่”



“เอิร์ท…” ผมรู้สึกเอ๋อแดกไปแล้ว ทำได้แค่เรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา เอิร์ทหันมามองยิ้มๆ แล้วหันกลับไปมองเพื่อนๆ เขาต่อ



“พวกมึงว่าไงวะ ถ้ากูจะจีบแมท”



“เรื่องของมึงดิ อยากจีบ อยากชอบใครก็ตามใจ กูไม่เลิกคบเพื่อน แค่เพราะเพื่อนชอบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ พวกกูไม่ได้ปัญญาอ่อน” หนุ่มหน้าตาดีที่ผมเอามาเปรียบเทียบกับเอิร์ทบอกอย่างชิลๆ แล้วสักพักทุกคนก็ส่งเสียงระงมอย่างเห็นด้วย ผมแอบซาบซึ้งใจกับเพื่อนๆ เอิร์ทมาก คือประทับใจที่เขาไม่ได้นึกดูถูกหรือรังเกียจเอิร์ทเลย กับตัวผมไม่เป็นอะไรหรอก เพราะเราไม่ได้รู้จักกันลึกซึ้ง แต่กับเอิร์ทที่เป็นเพื่อนกันมาสี่ปีหรือบางคนอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แล้วถ้าวันนึงจะถูกเพื่อนเลิกคบเพราะชอบผู้ชายอย่างผม อันนั้นผมคงยอมให้เอิร์ททำอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่นอน



“แต่มึงเคลียร์ขวัญให้รู้เรื่องด้วยนะไอ้ห่า นี่ถ้าเขารู้ คงช็อกว่ะ”



“ไม่ใช่แค่ขวัญหรอก สาวๆ ในลิสต์มันคงมีมึนกันเป็นแถบ”



“เรื่องนั้นเดี๋ยวกูจัดการเอง กูขอแค่พวกมึง กับที่บ้านกูเข้าใจก็พอละ” เอิร์ทบอกง่ายๆ แต่สีหน้าเขาดูโล่งใจมาก เขาคงปลอดโปร่งล่ะมั้งที่ได้บอกเพื่อนแล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานะไหนในเรื่องความรัก ผมว่าเขาก็คงเครียดอยู่ไม่น้อยที่ความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆ ดันมาเกิดกับผู้ชาย แทนที่จะเกิดกับผู้หญิงตามปกติ ผมเข้าใจเขานะ กว่าจะยอมรับตัวเองได้ก็คงไม่ง่ายเหมือนกัน แล้วไหนจะคนรอบข้างอีก ถ้าเกิดคนรอบข้างรับไม่ได้ก็แย่อีก ถึงจะคิดว่าไม่เป็นไร แต่เอาจริงๆ ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนสักหน่อย



“แล้วนี่จะพาเจ้าแม่ไปเปิดตัวที่บ้านเมื่อไหร่ล่ะ” หนุ่มใต้หน้าคมถามขึ้น มือก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาเตรียมสูบ แต่ก็ถูกเพื่อนเขาตีมือเป็นการเตือน แถมยังมีการบุ้ยปากมาที่ผมอีก



โอย… ซึ้งใจเหลือเกินพ่อคุณที่จำกันขึ้นใจว่าผมไม่ชอบบุหรี่ นึกสงสัยตัวเองจังว่าตอนนั้นที่ด่าพวกเขาไป ผมด่าไปแรงขนาดไหนนะ ถึงได้จำฝังใจกันขนาดนี้ (ตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่าด่าอะไรไป เพราะตอนนั้นด่าคนไปทั่ว)



“กูพาไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้กูยังจีบเขาไม่ติดเลย” เอิร์ทบอกและยกมือซ้ายขึ้นมาโยกหัวผมแรงๆ ผมหันไปทำหน้ามุ่ยใส่เขา อีกฝ่ายกลับยิ้มกว้างใส่ เพื่อนๆ เขาส่งเสียงแซว แต่ไม่ได้แซวน่าเกลียด



“โห่ ไรวะ เสียชื่อขุนแผนแห่งสถาปัตย์ฯ หมด” ท่าทางเอิร์ทจะเจ้าชู้มากแน่ๆ นอกจากรอบกายผมจะเจอแต่ผู้ชายหื่น ช่ำชองเรื่องอย่างว่าแล้ว ผู้ชายพวกนั้นยังมีนิสัยเจ้าชู้อยู่ในสายเลือดอีกด้วย แต่วิคเตอร์กับเอิร์ทนี่เจ้าชู้ต่างกันนะ ไอ้ยักษ์จะเจ้าชู้แบบมึนๆ ทำเหมือนไม่เจ้าชู้ ไม่พูดหยอดอะไรมากมาย แต่แปบเดียวได้กินสาวใหม่ตลอด ส่วนเอิร์ทนี่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนหรอก แต่ด้วยแววตาอันแพรวพราวและคารมของเขา มันบอกได้ชัดเจนเลยว่าเจ้าชู้มากๆ



“กูกะว่าถ้าจีบไม่ติดจะจับปล้ำแม่งละ” เอิร์ทบอกด้วยรอยยิ้ม ยกมือซ้ายกดหัวผมลงซบไหล่หนาของเขา พวกเพื่อนๆ เขาส่งเสียงหัวเราะกันดังลั่น ทำเอาคนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามอง และเมื่อได้มอง เขาก็มองมาที่ผมกับเอิร์ทที่ยืนซบกันอยู่นี่ไง



“ยังไง พรุ่งนี้เชิญเจ้าแม่ไปปาร์ตี้เปิดเทอมใหม่กับพวกผมได้นะครับ” อาตี๋มีลักยิ้มคนหนึ่งเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มแสนน่ามอง ผิวเขาขาวผ่องไปทั้งตัว ดวงตาที่แทบจะเป็นสระอิมองผมอย่างจริงใจ



“เออๆ ถ้ามาได้ก็มานะครับ ถือว่ามาในฐานะแม่หญิงคนใหม่ของพ่อขุนแผนแห่งสถาปัตย์ฯ” หนุ่มใต้คนเดิมบอกอย่างอารมณ์ดี ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคนใต้จริงเปล่านะ แต่หน้าเขาคมเหมือนคนใต้มาก แถมยังดูอารมณ์ดี ใจดีตามสไตล์คนใต้อีก ผมเลยติ๊ต่างว่าเขามาจากภาคใต้ก็แล้วกัน



“เอ่อ ถ้าว่างจะไปนะ ขอบคุณมากเลยที่ชวน” ผมบอกอย่างเขินๆ รู้สึกประหม่าอยู่เหมือนกัน เพราะเหมือนผมกับเอิร์ทยืนอยู่บนเวทีแล้วมีคนเหล่านี้มองมาเป็นตาเดียว



“กูไปละนะ เดี๋ยวพาแมทไปกินข้าวก่อน เจอกันพวกมึง”



“พาเขาไปกินข้าวนะไอ้อัคร อย่าพาเขาไปกิน” เอิร์ทยกนิ้วกลางให้เพื่อนที่แซวขึ้นมา ก่อนจะยกมือคล้องคอผมและพาเดินผ่ากลางวงเพื่อนๆ ออกไป



“เอิร์ทชื่ออัครหรอ” ผมถามตอนที่เอิร์ทพาผมเดินไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซด์ด้านหลังคณะสถาปัตย์ฯ



“อือ แม่ตั้งให้ เพราะปะ” เขาถามเรื่อยเปื่อย เอามือที่คล้องคอผมอยู่ออกเพื่อดึงรถมินิไบค์สีแดงดำคันหนึ่งออกมาจากซอกที่เขาจอดเอาไว้



“เพราะดี แล้วนี่รถเอิร์ทเหรอ”



“อ้าว เอิร์ทนั่งคร่อมขนาดนี้แล้วก็ต้องรถเอิร์ทดิ ตอนแรกจะซื้อบิ๊กไบค์ แต่แม่บอกว่าซื้อตอนเรียนจบดีกว่า เอิร์ทก็เลยซื้ออันนี้มาก่อน” เขาอธิบายเสร็จสรรพ ราวกับกลัวว่าผมจะถามอะไรเกี่ยวกับรถเขาอีก ซึ่งผมก็ว่าจะถามเขาต่อนั่นแหละ



“จะนั่งได้มั้ยเนี่ย ทำไมที่มันดูเล็กจัง”



“ได้ดิ นั่งเบียดๆ นิดหน่อย แต่แปบเดียว ไม่นานหรอก” เอิร์ทเขยิบไปข้างหน้าอีกนิด เพื่อให้ด้านหลังเขามีที่ว่างให้ผมนั่ง ผมก้าวขาขึ้นไปนั่งเก้ๆ กังๆ เคยนั่งแต่มอเตอร์ไซค์โปกติ ไม่เคยนั่งรถแนวบิ๊กไบค์หรือมินิไบค์อะไรนี่สักที เคยแต่เห็นผู้หญิงซ้อนท้ายผู้ชายที่ขับบิ๊กไบค์แล้วนั่งก้นโด่งๆ ผมว่ามันดูลำบากกับคนซ้อนมากไปนะ



“หรือเปลี่ยนมานั่งข้างหน้ามั้ยแมท”



“ไม่เป็นไร นั่งอย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็ชินมั้ง” ผมกระเถิบให้ตัวเองนั่งอย่างเข้าท่ามากที่สุด แม้จริงๆ กระเถิบไปแล้วจะไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะที่มันก็มีอยู่แค่นี้ เอิร์ทหันไปสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์นุ่มๆ ดังขึ้น ผมวางเท้าลงบนที่วางเท้าด้านหลังที่เหมือนจะทำเพิ่มขึ้นมาเอง



“อยากกินไร เดี๋ยวพาไปกิน”



“จริง? อยากกินหมูน้ำตก ส้มตำอ่ะ แล้วก็อยากกินนมเย็นด้วย”



“ได้ จัดไป เดี๋ยวเลี้ยงเอง” เอิร์ทเข้าเกียร์ที่เท้าได้ก็พุ่งตัวออกไปนิ่มๆ เขาพาไปผมร้านส้มตำเพื่อซื้อของที่อยากกิน ตอนแรกผมนึกว่าจะกินกันที่ร้าน แต่เปล่า เอิร์ทตีเนียนซื้อทุกอย่างมาให้ แถมยังเดินไปซื้อนมเย็นมาให้ผมแล้วด้วย ก็ว่าอยู่ให้นั่งรอที่รถทำไม



“กินที่ห้องเอิร์ทแหละ จะได้ทีเดียวจบไง” เขาบอกอย่างเนียนๆ และขับรถพาผมไปที่หอเขา เอิร์ทจอดรถไว้ใต้หอ พาผมขึ้นลิฟต์ไปชั้นแปดซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของหอนี้ เอิร์ทอยู่หอปกติ ไม่ใช่คอนโด แต่หอเอิร์ทดูดีมาก เหมือนจะเพิ่งสร้างใหม่ ภายในห้องก็กว้างขวาง เปิดเข้าไปก็เจอโซนนั่งเล่น มีทีวีและโซฟาตัวยาววางอยู่ ห้องเขาแบ่งโซนเป็นห้องนั่งเล่น โซนที่นอน หนึ่งห้องน้ำติดกับระเบียงด้านอก และมีครัวเล็กๆ ใกล้กับประตูห้องน้ำด้วย เกือบจะเหมือนคอนโด แต่ก็ยังไม่ใหญ่โตขนาดนั้น



ห้องเอิร์ทตกแต่งตามสไตล์ผู้ชาย คือไม่เยอะสิ่ง แต่งโล่งๆ แต่ดูมีคลาส ผนังสีขาวในห้องสะอาดตาไม่มีอะไรติดประดับประดาไว้ เตียงนอนไม้สีน้ำตาลเข้มก็กว้างขวางสะอาดสะอ้าน ตู้ที่กั้นโซนที่นอนกับห้องนั่งเล่นไว้ก็ดูไม่เทอะทะ เป็นตู้ไม้เป็นช่องโล่งๆ และมีของวางประดับไว้ตามแต่ล่ะช่อง มีหนังสือวางตั้งเป็นแนวยาวในช่องยาวๆ ด้วย



“ห้องเอิร์ทสะอาดเกินเด็กสถาปัตย์ฯ ไปรึเปล่าเนี่ย ทำไมไม่เห็นรถอย่างที่เคยได้ยินเลยอ่ะ” ผมถามในตอนที่วางถุงอาหารไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นปลายเตียง เอิร์ทหันมายิ้มมุมปากก่อนตอบ



“พวกโครงงาน รายงาน เอิร์ทขนไปไว้บ้านเพื่อนหมด เวลาจะทำงานก็ไปบ้านเพื่อน ที่ห้องก็มีไว้นอน ไว้พักผ่อน” ผมทำหน้า อ้อ พร้อมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ



“ขอเข้าห้องน้ำได้ปะเอิร์ท ปวดฉี่”



“เข้าไปเลย” ผมเดินผ่านเอิร์ทไปเข้าห้องน้ำ ปลดเข็มขัดออกได้ก็ดึงกางเกงลงและนั่งฉี่ จะว่าผมกระแดะก็ไม่ผิด แต่ผมนั่งฉี่มาตั้งแต่เด็ก เลยชินมาจนโต อีกอย่างพอโตแล้วรู้ว่าตัวเองเป็นแนวไหน ก็ยิ่งไม่ชอบยืนฉี่ เวลาไปเข้าห้องน้ำตามห้างหรือที่สาธารณะผมก็รอจนกว่าห้องน้ำจะว่าง ไม่งั้นไม่ฉี่หรอก มันเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้



ผมฉี่เสร็จ ก็ล้างมือให้สะอาดเพราะเดี๋ยวต้องกินข้าว เช็ดมือกับผ้าขนหนูที่ห้อยไว้ตรงอ่างล้างหน้าจนมือแห้งก็เดินออกไปข้างนอก แต่พอมาข้างนอกผมก็แทบลมหายใจสะดุด เพราะว่าเอิร์ทกำลังเดินไปเดินมาแบบที่เปลือยท่อนบน ด้านล่างใส่กางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ ผมเคยเห็นหุ่นเอิร์ทมาแล้วครั้งนึง ตอนที่เจอกันครั้งแรก ที่ผมลื่นไถลไปดึงกางเกงเขานั่นแหละ หุ่นเอิร์ทไม่ได้หุ่นซิกส์แพ็คแบบวิคเตอร์ แต่คือลีน คือเนียนไปทั้งตัว ไม่มีไขมันส่วนเกินใดๆ อกเป็นอก แบ่งสัดส่วนชัดเจนกับหน้าท้องที่แบนราบ ช่วงเอวเขายาวสวย ถึงจะไม่ซิกส์แพ็ค แต่ก็มีวีเชฟเหมือนกัน ไม่รู้ออกกำลังกายยังไง หุ่นถึงได้ออกมาดูดีแต่ไม่มีซิกส์แพ็คแบบนี้



“เป็นอะไรแมท ยืนนิ่งเชียว” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้น ตอนที่หยิบรีโมตกดเปิดแอร์ ผมกลืนน้ำลายลงคอ และเรียกสติกลับมาหาตัวเอง



“เปิดแอร์แล้วถอดเสื้อเนี่ยนะ”



“เอิร์ทชอบถอดเสื้อเวลาอยู่ห้อง บางทีก็ใส่แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว นี่เกรงใจแมทนะถึงได้ใส่กางเกงด้วย” นี่เกรงใจแล้วใช่มั้ย คือถ้าเป็นผู้ชายปกติด้วยกัน เขาคงไม่คิดอะไรหรอก แต่เผอิญผมชอบผู้ชายด้วยกันไง แล้วเอิร์ทกับผมก็ใช่ว่าจะไม่เคยใกล้ชิดกันมาก่อน



“เขินหรอ” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้นสูง และยิ้มแซว มองผมที่ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนหน้าโง่อยู่หน้าห้องน้ำ เอิร์ทเดินยิ้มกริ่มเข้ามาหาผม ก่อนจะต้อนให้ผมถอยหลังไปชนกับกำแพงใกล้ประตูห้องน้ำ ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ยิ้มน้อยๆ พร้อมส่งสายตาสำรวจมองไปทั่วหน้าผม สองมือเขายกขึ้นค้ำกับกำแพงห้องน้ำไว้ ส่งผลให้ผมตกอยู่ในอนาเขตของเขาทันที เราสบตากัน แม้ผมจะไม่ได้ใจเต้นระรัว แต่ก็อดรู้สึกวูบวาบไม่ได้



“เลิกกับไอ้ฝรั่งนั่นแล้วใช่มั้ย…” เอิร์ทถามเสียงนุ่ม สองมือก็ยังคงไม่ขยับไปไหน ใบหน้าเขาก้มลงมาใกล้ผม จนผมต้องดันหัวตัวเองติดกับกำแพง แต่ก็ยังใกล้กันอยู่ดีนั่นแหละ



“เลิกอะไรล่ะ ยังไม่ได้คบกันเลย” ผมบอกด้วยรอยยิ้มแหย น้ำเสียงเขวไปเล็กน้อยเพราะดวงตาหวานๆ ของเอิร์ท



“เอิร์ทไม่สนใจว่ามันกับแมทจะไปถึงไหนกันแล้ว แต่ไม่ได้คบกัน นั่นก็พอแล้วสำหรับเอิร์ท” ผมมองหน้าเอิร์ทที่มองกลับมาด้วยสายตาละมุนแต่แฝงความจริงใจไว้ ผมทั้งดีใจและรู้สึกเศร้าใจว่าทำไมวิคเตอร์ไม่เป็นแบบนี้บ้าง ทำไมเขาถึงปล่อยให้ผมรอเขาอยู่แบบนี้ ทำไมไม่มาแสดงความจริงใจอย่างที่เอิร์ทกำลังทำ ผมไม่ได้คิดจะเปรียบเทียบ แต่พอเอิร์ททำแบบนี้แล้ว มันก็ยิ่งชัดเจนว่าวิคเตอร์กำลังหายไปจากชีวิตผมแล้ว



“ขอบคุณนะเอิร์ท ขอบคุณสำหรับความจริงใจ…” ผมห้ามน้ำตาไม่ทัน มันตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วและไหลออกจากดวงตา ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ เบะปากน้อยๆ มองหน้าเอิร์ทที่ยิ้มอบอุ่นกลับมาให้



“นับวันแมทว่าแมทจะไปเล่นละครน้ำเน่าได้แล้วล่ะ คนดีๆ มีไม่ชอบ ชอบคนที่มันไม่ดี แถมยังอยู่ไกลอีก” ผมยิ้มขำทั้งน้ำตา พยายามเช็ดเท่าไหร่มันก็ยิ่งไหลออกมา



“ชอบตอนนี้ก็ยังไม่ช้าไปนะ…” เอิร์ทยิ้มุมปากขวาอย่างน่ามอง



“…แต่ขอแก้หน่อย เอิร์ทไม่ใช่คนดี เอิร์ทยังมีมุมเหี้ยๆ ที่แมทยังไม่เคยสัมผัสมากกว่า”



“แหม เอิร์ท ไม่ต้องเน้นเหี้ยใส่แมทขนาดนั้นก็ได้” แล้วเราสองคนก็หัวเราะพร้อมกันเบาๆ ผมก็หัวเราะทั้งคราบน้ำตานั่นแหละ เอิร์ทค่อยๆ หยุดหัวเราะและมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มหล่อๆ ผมหยุดเสียงหัวเราะตัวเองและยิ้มตอบเขากลับไป เอิร์ทค่อยๆ หุบยิ้มลง จ้องมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่รู้ความหมาย และไวกว่าที่ความคิดจะคิดอะไรทัน เอิร์ทก้มลงมาจูบผมอย่างรวดเร็ว ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่สักพักก็ปรับตัวรับได้ เอิร์ทแช่ริมฝีปากเขาไว้บนริมฝีปากผมเบาๆ



แต่สักพักเอิร์ทก็เริ่มขยับริมฝีปาก เริ่มบดขยี้ริมฝีปากผมแรงขึ้น ผมอ้าปากจะร้องห้าม แต่นั่นกลายเป็นว่าผมเปิดโอกาสให้เขาสอดลิ้นเข้ามา เอิร์ทไม่ได้จาบจ้วง แต่ค่อยๆ ทะลวงเข้ามาทีล่ะนิด ทีล่ะนิด จนผมเปิดปากรับเขาเต็มๆ และเริ่มส่งลิ้นตัวเองไปตอบโต้ลิ้นอุ่นนุ่มของเขา เอิร์ทเล็มเลียอย่างอ่อนโยน จนผมตัวร้อนวูบวาบ เอิร์ทใช้สองมือดึงเอวผมเข้าไปประชิดตัวเขา สองมือผมโอบรัดรอบลำคอเขาอย่างช้าๆ


-------------------------------TBC.-----------------------------------


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 16:11:19 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
«ตอบ #134 เมื่อ17-07-2015 20:37:26 »

เลือกเอิร์ทเถอะน้องแมท เพราะวิคเตอร์ยังไงก็ดูท่าจะยากนะ ไม่แน่ไม่นอน เปิดใจให้เอิร์ทเข้ามาจะดีกว่า ปล่อยให้คนขี้โลเลอย่างวิคเตอร์ไปที่ชอบๆเถอะ  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 70%}17.07.58
«ตอบ #135 เมื่อ18-07-2015 10:32:16 »

เอาที่แมทสบายใจเถอะ อยู่กับไอ้ยักษ์ก็ทุดข์เหลือเกิน อย่าไปรอมันเลย  :z6:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 100%}19.07.58
«ตอบ #136 เมื่อ19-07-2015 00:53:40 »

Only You EP.2 :: Begin Again? [100%]



เสียงจูบแลกลิ้นของเราสองคนดังไปทั่วห้อง เสียงหายใจของเอิร์ทเริ่มหนักหน่วงขึ้น ริมฝีปากก็เริ่มดูดดึงริมฝีปากผมแรงขึ้น เอิร์ทเลื่อนมือซ้ายมาลูบขึ้นลูบลงที่เป้ากางเกงผมเบาๆ ด้วยความที่ยังไงผมก็ยังมีสะรีระร่างกายที่เป็นผู้ชาย พอถูกกระตุ้นขึ้นมา สิ่งที่มันสงบอยู่ในกางเกงก็เริ่มขยายตัวมากขึ้น เอิร์ทใช้มือขวาจับมือซ้ายผมไปลูบคลำเป้ากางเกงของเขาที่นูนใหญ่ออกมาเพราะความเป็นชายที่แข็งตัวเต็มที่


“ฮ่ะ…” ผมผ่อนลมหายใจแรงๆ ตอนที่เอิร์ทผละออกไป เขาก้มลงช้อนตัวผมไว้ในอ้อมแขน และพาเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว เอิร์ทปล่อยร่างผมนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ ปลดกระดุมเสื้อนิสิตนักศึกษาและดึงเสื้อออกจากตัวผมอย่างรวดเร็ว ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ มองเขาด้วยอาการใจเต้นหนักๆ หัวสมองตีกันด้วยความคิดรู้สึกผิดชอบชั่วดี


เอิร์ทตามลงมาไซ้ซอกคอผมเพื่อปลุกอารมณ์ต่อเนื่อง ผมแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยยามที่โดนเขาขบเม้มที่ซอกคอ สองมือเอิร์ทสัมผัสไปตามตัวผมช้าๆ ผมยกมือขึ้นไปคล้องคอเขาไว้ ปล่อยให้เขาหอมลำคอผมไปเรื่อย


“อืม…” ผมส่งเสียงคราง รู้สึกได้ว่าเอิร์ทกำลังถอดกางเกงผมออก เอิร์ทผละออกจากลำคอ ดันตัวขึ้นมาสบตาผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม เขาลุกขึ้นไปยืนที่ข้างเตียง ปลดกระดุมกางเกงและดึงกางเกงยีนส์พร้อมกางเกงชั้นในลงไปกองที่ข้อเท้า ก่อนจะเตะออก ความเป็นชายอันใหญ่โตและอวบอัดของเขา ชี้ตรงมาที่ผม


ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น วินาทีนั้นความคิดถึงวิคเตอร์พุ่งวาบขึ้นมาจับใจ ยังไม่ทันได้กรองอะไร เอิร์ทก็ขึ้นมาคร่อมร่างผมไว้อีกรอบ เขาค่อยๆ พรมจูบไปทั่วใบหน้า ไล่ลงไปที่ซอกคออีกครั้ง


มันก็คือการที่เนื้อแนบเนื้ออย่างที่วิคเตอร์ทำกับผม แต่มันก็ให้ความรู้สึกต่างกัน เอิร์ทให้สัมผัสที่อ่อนโยนกว่า ให้ความรู้สึกทะนุถนอมกว่า ส่วนวิคเตอร์นั้นเขาดุดัน ดิบเถื่อน โหมใส่ผมราวกับไฟร้อนๆ แผดเผาไปทั่วร่าง แล้วก็จาบจ้วงอย่างรุนแรง


แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับชอบสัมผัสของวิคเตอร์มากกว่า เพราะแม้จะรุนแรง แต่มันแฝงไปด้วยความต้องการในตัวผมอย่างเปี่ยมล้น เต็มไปด้วยความปรารถนาในตัวผมอย่างเร่าร้อน และผมก็มักชอบร้อนตามกับความต้องการและสัมผัสของเขา


“เอิร์ท… เดี๋ยว…” ผมเริ่มตั้งสติ พยายามจับไหล่เอิร์ทไว้ แต่อีกฝ่ายก็กลับไซ้คอผมไม่หยุด ขนผมลุกซู่เป็นระยะๆ ตามจังหวะที่เขาดูดดึงเนื้อที่ซอกคอผม


“ไม่ไหวแล้วแมท… เสร็จข้างนอกก็ยังดีนะ…” ความงงตีใส่หน้าผมทันที อะไรคือการเสร็จข้างนอก ทำแบบไหนกัน ถึงผมจะเคยมีอะไรกับวิคเตอร์แล้ว แต่เรื่องพวกนี้ผมก็ยังไม่ช่ำชองนักหรอก


เอิร์ทก้มลงไปดูดดึงที่ยอดอกซ้าย ทำเอาผมต้องแอ่นตัวรับกับสัมผัสจากลิ้นและริมฝีปากจากเขา สองมือขยุ้มเส้นผมเขาเต็มมือ สองมือของเอิร์ทดึงกางเกงผมลงไปเรื่อยๆ อย่างเนียนๆ จนกระทั่งชายน้อยของผมโผล่พ้นขึ้นมาชูชันอยู่ด้านนอก เอิร์ทเลื่อนมือซ้ายไปรูดขึ้นรูดลงให้ผมอย่างอ่อนโยน โดยที่ปากเขาก็ยังไม่หยุดทรมานหัวนมผม


“ฮ้า…” ผมอ้าปากผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อเอิร์ทใช้ลิ้นเลียตั้งแต่หัวนมเข้าไปใต้วงแขนซ้ายของผมอย่างเชื่องช้า ผมบิดตัวด้วยความเสียว เอิร์ทผละออกจากหน้าอก เลื่อนตัวลงไปข้างล่าง ใช้สองมือดึงกางเกงนิสิตพร้อมกางเกงชั้นในสีดำออกจากขาผมแล้วโยนไปข้างเตียง เขาจับขาผมให้อ้าตั้งฉากไว้ แทรกตัวเข้ามานอนทับตรงกลางระหว่างขาผม


ผมมองเขาด้วยอาการประหม่า หน้าวิคเตอร์ลอยไปลอยมา ความรู้สึกนึกคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัว หนึ่งในนั้นคือความรู้สึกผิดต่อวิคเตอร์ ถ้าไอ้ยักษ์รู้ เข้าจะโกรธขนาดไหนกันนะ ถ้าเขารู้เขาจะอาละวาดรึเปล่า ถ้าเขารู้แล้วเขาจะว่าอะไรผมบ้าง


ถ้า… ใช่ ก็ได้แค่ถ้า เพราะเขาไม่มีวันรู้หรอก เพราะเขาไม่กลับมาแล้วแมท เขาเดินหน้าไปแล้ว เราก็ควรเดินหน้าบ้างนะ


“ยังไม่ต้องคบกับเอิร์ท แต่เราลองดูใจกันไปก่อนมั้ย…” เอิร์ทถามในขณะที่ช่วงล่างชูชันของเราสองคนสีไถกันไปมา ผมยกแขนขึ้นไปคล้องคอเขาเบาๆ ในหัวนึกทบทวนคำพูดของเขา


ผมไม่อยากให้โอกาสเอิร์ทอีก เพราะผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากวิคเตอร์ได้ตอนไหน แต่ตอนนี้ผมควรจะบอกตัวเองให้ยอมรับความจริงได้แล้วว่าเขาไม่มาแล้ว เขาไม่มาตามสัญญาแล้ว ที่เขาบอกว่าห้ามมีใคร มันก็ไม่มีผลอะไรอีกต่อไป ในเมื่อเขาเองเป็นคนเลือกที่จะลืมผม ถ้าผมจะเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างมันก็ไม่ผิดอะไรไม่ใช่เหรอ


“ขอเวลาแมทหน่อยนะ…” แต่สุดท้าย ผมก็ยังไม่กล้าเปิดโอกาสให้ตัวเองอย่างเต็มที่อยู่ดี ส่วนสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ผมก็จะถือว่าผมไม่ผิด เพราะผมกับวิคเตอร์ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน  ฉะนั้นผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับใครก็ได้ แต่คงไม่ใช่ทุกคน คงมีแค่เอิร์ทเท่านั้น ถ้าหากเอิร์ทจะเปิดใจผมได้ ผมก็อยากลองให้เขาเปิดมันดูเหมือนกัน
 

“ไม่เป็นไร เอิร์ทให้เวลาแมทได้เสมอ” เอิร์ทบอกยิ้มๆ ก้มลงมาจูบหน้าผากผมแผ่วเบา ก่อนผละขึ้นไปเอาแขนค้ำร่างเขาไว้ ดันสะโพกเข้าออกช้าๆ ให้ความแข็งขืนของเราสองคนถูสัมผัสผิวของกันและกัน เอิร์ทกดน้ำหนักเพิ่มลงมาอีกนิด และเพิ่มแรงดันเข้าออกอีกหน่อย ความเสียวแล่นไปทั่วแก่นกายจนผมสีหน้าบิดเบี้ยว เอิร์ทเองก็หลับตากัดฟันแน่น ยามที่ความอวบอัดและใหญ่โตของเขาเสียดสีไปกับเนื้ออุ่นๆ ของผม


“โอ๊ย…” เอิร์ทครางเบาๆ ก่อนจะซี๊ดปากเสียงดัง เขาหยุดถูแก่นกายด้วยสีหน้าทรมาน เลื่อนตัวลงไปด้านล่างของผม สองมือจับต้นขาผมแบะออก ใช้ปากครอบครองแมทน้อยเอาไว้ ความรู้สึกอุ่นซ่านจากโพรงปากของเอิร์ททำให้ผมต้องครางออกมา


ภาพวันที่ผมมีอะไรกับวิคเตอร์ในห้องเซ็กส์ทอยลอยเข้ามาในห้วงความคิด วันนั้นเป็นวันแรกที่เขาใช้ปากกับผมความรู้สึกอุ่นและความเสียวจากปลายลิ้นเขายามที่เขาตวัดลิ้นลงที่ปลายสีชมพูสดยังคงติดอยู่ในความรู้สึก วิคเตอร์ใช้ปากและลิ้นได้ดีตามประสาคนมีประสบการณ์ แม้เขาจะไม่เคยทำกับผู้ชายมาก่อน แต่ก็ถือได้ว่าเล่นเอาผมตัวบิดแล้วบิดอีก บิดด้วยความทรมานจากความเสียวซ่าน


อย่าสิแมท… มันไม่ยุติธรรมกับเอิร์ท ตอนนี้คือเอิร์ท ไม่ใช่วิคเตอร์ และเอิร์ทเองก็ทำได้ดีไม่แพ้วิคเตอร์เลย แถมยังอ่อนโยนกว่าด้วย ผมกดหน้าลงสบตากับเอิร์ทที่มองมาอย่างแน่วแน่ ปากเขาก็ไม่หยุดขยับขึ้นลง ความเสียววาบอาบไปทั่วร่าง ผมปัดมือไปมาทั่วเตียง ก่อนจะเหวี่ยงขึ้นไปจิกหมอนไว้ ขาสองข้างหุบเข้าหุบออกน้อยๆ สองมือของเอิร์ทยกขึ้นมาลูบไล้ไปทั่วหน้าท้องของผม


“อะ… เอิร์ท…” ผมครางเรียกชื่อเขา ในตอนที่ความเสียวเริ่มมากระจุกอยู่ที่โคน ก่อนที่มันจะพุ่งขึ้นมาที่ปลายและปลดปล่อยของเหลวขุ่นๆ ออกมาเต็มโพรงปากของเอิร์ท ผมนอนหอบน้อยๆ ไม่ถึงกับหมดแรงแต่เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ผมกลืนน้ำลายลงคอ ค่อยๆ ดันข้อศอกขึ้นมองเอิร์ทที่เลียไปทั่วกลางลำตัวของผม จนน้ำสีขาวที่เปรอะอยู่เล็กน้อยหายไปจนหมด


“แมทขอโทษ… เอาออกจากปากเอิร์ทไม่ทัน…” ผมบอกอย่างรู้สึกผิด เอิร์ทยกมือเช็ดปาก พร้อมกับยิ้มร้ายกาจนิดหน่อย เขาลุกขึ้นนั่งคล้ายท่าขัดสมาธิ แต่แบะขากว้างเล็กน้อย มือซ้ายยันร่าตัวเองเองไว้ด้านหลัง มือขวาก็รูดอาวุธคู่กายของเขาขึ้นลง พร้อมส่งสายตาคล้ายคนเจ้าเล่ห์มาให้ ผมเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมา เมื่อรู้ว่าเขาสื่อถึงอะไร แต่ผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เพราะเมื่อกี้เขาก็ทำให้ผมจนเสร็จเหมือนกัน


ผมคลานเข่าเข้าไปหาเขา พอถึงตัวเอิร์ท เขาก็ยกมือขวามาจับที่หลังคอผมและดึงลงไปรับจูบอันดูดดื่ม ลิ้นที่เขาส่งมาเกี่ยวกระหวัดของผมยังมีกลิ่นคาวปะแล่มๆ ของน้ำในตัวผมติดอยู่เล็กน้อย เราจูบนัวเนียกันสักพัก เอิร์ทก็ผละออก และใช้สองมือยันร่างตัวเองไว้ด้านหลัง ส่วนด้านหน้าตรงกลางตัวของเขา ตั้งตรงแข็งแรงรอผมจัดการอยู่


ผมก้มลงไปใช้ปากให้กับเขา เป็นครั้งแรกที่ผมใช้ปากให้กับผู้ชายคนอื่น ขนาดวิคเตอร์ผมยังไม่เคยเลย รสชาติเนื้ออุ่นๆ กระจายไปทั่วลิ้น เหมือนกับมีแท่งเหล็กร้อนอยู่ในปาก ปลายลิ้นผมสัมผัสกับส่วนปลายของน้องชายเอิร์ท รสชาติเค็มๆ ฝาดๆ ของน้ำใสๆ ติดอยู่ที่ปลายลิ้น ผสมกับรสชาติเนื้ออุ่นๆ อันอวบอัดของเอิร์ท


“อ้า… อืม… ดี แมทดี…” เอิร์ทครางอย่างสุขใจ ใบหน้าแหงนขึ้น นั่งเอาแขนยันตัวเองไว้นิ่งๆ ปล่อยให้ผมจัดการกับกลางลำตัวของเขาอย่างเงอะงะ ผมระวังไม่ให้ฟันไปโดนส่วนเนื้อของเขา เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ ผมผงกหัวขึ้นลงช้าๆ น้ำลายช่วยในการหล่อลื่นได้ดี


“บ๊วบ…” เสียงลมจากปากที่คับแน่นไปด้วยความเป็นชายอันใหญ่โต ยามที่ผมกดหัวลงจนแท่งร้อนของเอิร์ทมิดเข้าไปในปากเกือบถึงลำคอด้านใน เอิร์ทส่งเสียงซี๊ดซ๊าดตอนที่ผมกดปากแช่ไว้และเม้มปากแน่นจนรัดน้องเขา


“แมท…โอยยย… จะออกแล้ว…” ผมกดแช่ไว้อย่างนั้น จนในที่สุดเอิร์ทก็ตัวกระตุกแรงๆ หนึ่งทีพร้อมกับปลดปล่อยน้ำข้นๆ รสชาติฝาดเฝื่อนเข้าไปเต็มปากและลำคอของผมจนผมสำลัก


“อุก…อุก…” ผมสำลักจนน้ำสีขาวล้นออกมาอาบเอ็นแข็งๆ ของอีกฝ่าย เอิร์ทรีบดึงหน้าผมออกเมื่อเห็นว่าผมกำลังสำลักทั้งที่ความแข็งขืนของเขายังแช่อยู่ในปาก


“เฮ้ย… เป็นไรมั้ย…” ผมไอเบาๆ อีกสี่ห้าครั้ง เอิร์ทใช้มือเช็ดน้ำที่เลอะไปรอบปากผมจนมันสะอาด พอเห็นว่าผมเริ่มหยุดไอ เอิร์ทก็ยิ้มกริ่ม ดึงหน้าผมไปรับจูบอันอ่อนโยน เขาส่งลิ้นเข้ามาในปาก กวาดไปรอบๆ ราวกับจะทำความสะอาดให้ เสียงจูบจุ๊บจั๊บดังอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เอิร์ทจะผละออก พร้อมกับส่งยิ้มให้ผม ส่วนผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไปให้ พอพายุแห่งอารมณ์พัดผ่านไป ความไม่สบายใจก็เข้ามาแทนที่ในใจ


“เดี๋ยวนอนพักก่อนแล้วกัน ค่อยตื่นมากินข้าว” เอิร์ทว่าในขณะที่ขยับตัวลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดทำความสะอาดตัวเขา ผมพยักหน้ารับเพลียๆ รู้สึกอยากนอนเหมือนกัน มีกิจกรรมอย่างนี้ทีไร เหมือนโดนสูบพลังทุกที เอิร์ทเอาพาขนหนูพาดไว้บนราวแขวนผ้าในห้อง เดินกลับมาที่เตียง ถลกผ้านวมสีน้ำตาลออก สอดตัวเข้าไปและเอื้อมมือมาดึงผมให้เข้าไปนอนด้วยกัน ผมหันหลังให้เขา เอิร์ทเลยดึงให้แผ่นหลังผมไปชิดกับด้านหน้าของเขา มือซ้ายเอื้อมไปดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมร่างของเราสองคน เอิร์ทกระชับอ้อมกอดรอบตัวผมไว้ ขาซ้ายก่ายขึ้นมาบนสะโพกผมเล็กน้อย


“แมทไม่ได้อยู่หอใช่มั้ย เดี๋ยวเอิร์ทไปส่งที่บ้านนะ” ผมแหงนหน้าไปยิ้มอ่อนให้เขาและพยักหน้ารับ หันหน้ากลับมาตามเดิม เอิร์ทกดจูบลงบนแก้มซ้ายผมหนึ่งที แล้วนอนกอดผมไว้จากทางด้านหลัง


ผมนอนลืมตาอย่างครุ่นคิด ในหัวมีความคิดมากมาย แต่จับประเด็นไม่ได้สักทีว่าตัวเองกำลังคิดอะไรกันแน่ ผมนึกถึงหน้าคนชื่อขวัญ ถึงเอิร์ทจะบอกว่าไม่ได้เป็นไรกัน แต่ดูท่าทางขวัญจะชอบเอิร์ทมาก แม้ความสัมพันธ์ของเขาสองคนจะคลุมเครือ แต่ผมกำลังคิดว่า ที่ผมเข้ามาแบบนี้นี่ ผมเป็นมือที่สามใครหรือเปล่า


อีกคนที่ผมกำลังคิดถึงคือวิคเตอร์ แน่นอนว่าต้องคิดถึง เขาเคยบอกว่าผมเป็นของเขา เป็นเอเลี่ยนน้อยของเขาคนเดียว ส่วนเขานั้นไม่รู้ว่าเคยเป็นของผมบ้างหรือเปล่า และในตอนนี้ผมอาจจะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเอิร์ท ทั้งที่จริงผมไม่ได้นอกใจวิคเตอร์เลยสักนิด ก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมก็มีโอกาสอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมรักเขา คิดถึงเขาก็จริง แต่การรักและคิดถึงแบบที่ไม่มีวันรู้ว่าจะสมหวังหรือไม่แบบนี้ บางทีมันก็ท้อใจนะ


รอรักกับรอบอกลา ไม่ว่ายังไงมันก็คือวิคเตอร์คนเดียวที่จะให้คำตอบนี้กับผมได้


แต่ตอนนี้นะวิคเตอร์… คุณจะว่าผมไม่ได้หรอก คุณไม่มีสิทธิ์ว่าผม เหมือนกับที่ผมไม่มีสิทธิ์ว่าคุณที่คุณมีคนอื่น ถ้าตอนนี้ที่ผมทำคงเรียกว่านอกกาย แต่บางคนอาจจะเรียกว่านอกใจก็ได้ แต่ถึงนอกใจยังไง ใจผมก็ยังรักเขา ผมไม่อยากบอกว่ารักเขาแค่คนเดียวอีกแล้ว เพราะผมหวังว่าสักวันผมจะรักเอิร์ท อย่างที่เอิร์ท (บอกว่า) รักผมบ้าง


TBC...




พบกันตอนหน้าค่าาา ชาวเล้าเป็ดดด  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 16:16:20 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 100%}19.07.58
«ตอบ #137 เมื่อ19-07-2015 08:11:10 »

แมทน้อยเลือกเอิร์ทเถอะ ปล่อยอีพี่วิคเตอร์ปายยยย

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.2 100%}19.07.58
«ตอบ #138 เมื่อ19-07-2015 21:26:58 »

บางทีก็คิดว่าได้กับเอิร์ทให้อิวิคอกแตกตายไปเลยยยยยยย
แต่เราเป็นมาโซเราเชียร์วิคนะ แงงงงงงงงงง 55555
โอยยยยยย เอาใจช่วยนุ้งแมทท

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 50%}22.07.58
«ตอบ #139 เมื่อ22-07-2015 16:14:59 »

Only You EP.3 :: Ending of beginning. [50%]



เปิดเทอมมาสองอาทิตย์แล้ว สภาพจิตใจผมเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น ที่บอกว่าอยู่ตัวเพราะผมทำอะไรไม่ได้กับเรื่องวิคเตอร์ เขาเงียบหายไปจริงๆ ไม่มีการติดต่ออะไรกลับมาทั้งสิ้น และผมก็ไม่คิดจะสืบเสาะหาข่าวคราวของเขาจากคุณเบนหรือคุณเอมิลี่อีกแล้ว ผมอยากจะปล่อยให้เรื่องนี้จบลงไปเงียบๆ เหมือนกับข่าวระหว่างเขาและผมที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรยืดยาวอีกต่อไป เพราะไม่มีภาพหลุดใดๆ ระหว่างผมกับวิคเตอร์มาตอกย้ำ นักข่าวเลยเลิกเล่นประเด็นเรื่องที่เขาเป็นเกย์ไปแล้ว แต่ตอนนี้มีภาพหลุดระหว่างเขากับนางเอกหนังเรื่องใหม่ของเขาแทน ผมกำลังงงและสับสนว่า เขาไม่ได้ควงกับอันเดรียนา นางแบบสาวคนนั้นแล้วเหรอ ถ้าให้ผมเดา คงเลิกไปแบบที่ไม่มีสื่อไหนจับภาพของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน


วิคเตอร์ก็ยังเป็นวิคเตอร์ที่เปลี่ยนผู้หญิงได้เรื่อยๆ แบบไม่คิดอะไรมาก จะหวงจะหึง ผมก็ทำได้ไม่เต็มที่ หรือเรียกได้ว่าไม่มีสิทธิ์ทำเลยมากกว่า รู้สึกแย่ รู้สึกเฟลดาวน์ยังไง ผมก็ได้แต่บอกให้ตัวเข้มแข็ง และใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป ตอนนี้เปิดเทอมแล้วเลยทำให้ในแต่ล่ะวันของผมไม่ค่อยเงียบเหงา เพราะมีเพื่อนๆ คอยสร้างสีสันให้กับชีวิตผม และอีกอย่างผมคิดว่าในเคสของผมนั้นมันไม่ได้เรียกว่าอกหักหรือเลิกรักกัน หรือแตกหักกัน แต่มันเป็นความสัมพันธ์เงียบๆ ที่เงียบสงัดจนหาจุดของความสัมพันธ์นี้ไม่เจอ พอไม่เจอก็เลยปล่อยให้มันจางหายไป มันคงเป็นแค่เซ็กส์ชั่วคราวเท่านั้น


ถึงจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ ทุกวัน เพราะเทอมนี้เรียนน้อย แต่ผมก็ยังหาเรื่องออกจากบ้าน เพราะตอนนี้ผมกับเอิร์ทเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น แต่ก็ยังไม่คบกันหรอกนะ เหมือนเอิร์ทจะรู้ว่าขอผมคบไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา มันไม่ใช่ว่าผมกั๊กหรือทำตัวเลือกได้ หรือว่าทำตัวให้เอิร์ทง้อ ผมไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก เพียงแต่ผมรู้สึกว่า อยากขอเวลาอย่างที่บอกเขาไป อยากให้มันค่อยๆ เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น แม้เราสองคนจะเกินเลยกันทางกายไปแล้วก็ตาม แต่ในเรื่องระดับความสัมพันธ์ผมคงต้องขอตั้งสติใหม่ในการสานต่อกับเขา จะพยายามไม่อ่อนไหวหรือใช้ความอ่อนแอของตัวเองมาตอบรับเขาอีก เอิร์ทเองก็เหมือนรู้ว่าผมยังแอบมีวิคเตอร์อยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร และเอิร์ทเองก็ไม่แสดงออกว่าจีบผมอย่างชัดเจนเหมือนตอนอยู่นิวยอร์ก แต่เรื่องแทะเล็มนั้นก็มีมาเรื่อยๆ บางทีเวลาอยู่กับเพื่อนๆ เขา เอิร์ทก็ชอบโชว์ซีนหวานๆ ให้เพื่อนๆ ดู ยิ่งเวลาตั้งวงเหล้าที่บ้านเพื่อนเอิร์ทแล้วล่ะก็ เลเวลเอิร์ทจะยิ่งคึกคะนองมากขึ้น อย่างตอนนี้ก็เช่นกัน


“ไหนไอ้เอิร์ท จูบเจ้าแม่ให้ดูหน่อยดิ๊วะ” ไนน์ พ่อหนุ่มแว่นที่เป็นคนจุดประเด็นเรื่องผมกับเอิร์ทว่าได้กันหรือยัง ยุด้วยหน้าขึ้นสีจากฤทธิ์แอลกอฮอล์


“มึงท้าคนผิดแล้ว เดี๋ยวมึงดู… มามะแมทที่รัก ให้ว่าที่สามีจูบทีซิจ๊ะ…” ผมย่นคิ้วใส่เอิร์ทและพยายามผลักหน้าเขาออกไป แต่สุดท้ายเขาก็จับหน้าผมให้หันไปรับจูบที่ริมฝีปากจนได้ เพื่อนๆ เขาส่งเสียงเฮกันยกใหญ่ เอิร์ทจุ๊บผมเสร็จ ก็ส่งเสียงคึกครื้นดังลั่นบ้าน ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มเอือมๆ และพยายามห้ามเอิร์ทไม่ให้กินเหล้าเยอะนัก เพราะเดี๋ยวเขาต้องขับรถกลับหอ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เอิร์ทขอให้ผมมานอนด้วย แต่เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยอย่างวันนั้นอีกแล้วล่ะ มากสุดก็แค่กอด จูบ หอมแก้มกันเท่านั้น แม้เอิร์ทจะอยากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ขืนใจ หรือบังคับอะไรผมเลย


อีกอย่าง ความรู้สึกผิดตงิดใจยังคั่งค้างอยู่ในใจผมอยู่เลย ทั้งที่จริงผมไม่สมควรรู้สึกแบบนี้ด้วยซ้ำ


“ไอ้นี่มันหน้าด้านจริง จูบเมียต่อหน้าเพื่อนเป็นสิบคน” พ่อตี๋มีลักยิ้มนามว่าเปาบอกด้วยเสียงติดตลก ทำเอาทุกคนส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ไม่รู้เพราะฮาจริงๆ หรือเพราะเมาผสมกับบารากุกันแน่เลยส่งเสียงดังกันขนาดนี้ แต่แถวนี้ไม่มีใครด่าหรอก ส่วนมากเป็นนิสิตนักศึกษานี่แหละที่เช่าอยู่ เรื่องเสียงดังเลยกลายเป็นเรื่องปกติ


“แล้วอย่าเผลอไปจูบใครต่อหน้าเจ้าแม่เมียมึงนะไอ้เอิร์ท” ไนน์บอกด้วยสีหน้าเอาเรื่อง ตั้งแต่รู้จักกันกับเพื่อนๆ เอิร์ท ไนน์ที่มีท่าทีกวนๆ มึนๆ คนนี้แหละที่คอยปกป้องผมเวลาที่โดนเพื่อนเอิร์ทคนอื่นแกล้งหนักๆ ส่วนเอิร์ทบางทีก็ชอบร่วมแกล้งผมไปกับคนอื่นด้วย แต่พวกนี้ไม่ได้แกล้งอะไรรุนแรงหรอก แค่แกล้งขำๆ หยอกๆ เท่านั้น เช่น รุมเอาแป้งเด็กมาเทใส่หัวและตัวผมจนขาวไปทั้งตัว ผมผู้ซึ่งเป็นคนตัวเล็กๆ คนเดียวได้แต่ปล่อยเลยตามเลย


“ไอ้เหี้ยไนน์ อย่าหาประเด็นให้ครอบครัวกูร้าวฉาน” เอิร์ทชี้หน้าไนน์ แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายที่ทำหน้าตายพร้อมกับยักไหล่กวนๆ ผมหันไปมองเอิร์ทแล้วหรี่ตามองคล้ายว่าจับผิด


“อะไร ท่าทางร้อนตัวนะ นี่แอบมีชู้ล่ะสิ” ผมเบ้ปากใส่ผู้ชายที่นั่งข้างๆ ไม่ได้คิดจริงจังหรอก แต่ก็แอบคิดกับตัวเองนะว่าถ้าเอิร์ทมีคนอื่นขึ้นมาจริงๆ ผมจะรู้สึกยังไง คงไม่หนักมากมั้ง เพราะเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย


“เปล่า เปล่าเลยที่รัก สามีไม่มีใครจริงๆ” เอิร์ททำหน้าอ้อน ผมยิ้มกว้าง เวลาปกติไม่ค่อยเห็นเขาในมุมนี้เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเมาๆ ทีไร จะได้เห็นมุมมุ้งมิ้งของเขา ที่จริงเอิร์ทก็ไม่ใช่คนคออ่อนนะ เพียงแต่พอกินเหล้าเข้าไป เหมือนเขาจะอารมณ์ดีมากขึ้น



“โอ๊ยยย จะอ้วกกก!” ทุกคนรอบวงเหล้าพร้อมใจกันส่งเสียงเหมือนอยากจะอ้วกออกมาจริงๆ เอิร์ทไม่สนใจ ยังคงลอยหน้าลอยตาทำท่าอ้อนใส่ผม เอาหัวมาถูไหล่ไปมาเหมือนตอนแมวคลอเคลียเจ้าของไม่มีผิด


“พอแล้ว อายมั่งเถอะ” ผมพยายามดันหัวเขาออกจากไหล่ เอิร์ทแกล้งทำฝืนตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายผมก็ดันเขาออก และลุกขึ้นยืน เอิร์ทรีบโอบแขนรอบเอวผมทันที


“จะไปไหนอ่ะ”


“ไปเข้าห้องน้ำ” ผมย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย เอิร์ทยิ้มแป้น ตาเยิ้ม หน้าแดงปลั่ง จูบลงบนหน้าท้องผมหนักๆ


“รีบกลับมานะ” ผมแอบกลอกตาหนึ่งที แต่ก็มีรอยยิ้มที่ปาก ดึงแขนเขาที่โอบรอบเอวออกและเดินเข้าในบ้านเพื่อไปเข้าห้องน้ำ จัดการปลดทุกข์และล้างมือเรียบร้อยก็เดินออกมา แต่ในจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปด้านนอก ผมก็หยุดเดินเพื่อแอบฟังอะไรนิดหน่อย


“กูพูดเล่น มึงอ่ะแหละร้อนตัวไปเอง!”


“มึงก็รู้ว่ายังไงกูก็ร้อนตัว ยังจะพูดให้กูรู้สึกอีก!” เสียงเอิร์ทดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนฝูง ผมแอบฟังและส่ายหัวเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม นี่ถ้าให้เดาจากประโยคที่คุยกัน เอิร์ทคงมีชนักอะไรสักอย่างติดหลังอยู่แน่ๆ


“มึงก็เคลียร์อีกคนให้เด็ดขาดหน่อยเถอะไอ้เอิร์ท กูสงสารเขา มึงจะเล่นทั้งหน้าทั้งหลังแบบนี้ไม่ได้นะ” เสียงของเปาดังขึ้น คล้ายจะมีน้ำเสียงจริงจังเจือปนอยู่ด้วย


“เออ เดี๋ยวกูเคลียร์เองแหละ”


“เคลียร์เหี้ยไรล่ะ อาทิตย์ที่แล้วมึงยังไปหาเขาอยู่เลย”


“ไอ้เหี้ยเปา เบาๆ หน่อย เดี๋ยวแมทได้ยิน” ผมแอบยิ้มเบ้ปาก อยากจะเดินออกไปบอกเหลือเกินว่าได้ยินแล้ว และพอจับเรื่องมาโยงหากันได้อยู่บ้าง เอิร์ทคงมีใครอีกคนอยู่แน่ๆ ก็ต้องยอมรับนะว่าใจผมมันกระตุกวูบบางเบา คือไม่ใช่ว่าผมลึกซึ้งอะไรกับเอิร์ทหรอก ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพิ่งคลุกคลีกันจริงจังอาทิตย์สองอาทิตย์เอง เพียงแต่นึกถึงที่เขาพูดคล้ายกับว่าจริงจังกับผมแล้วมันก็แอบเสียความรู้สึกนิดนึงเหมือนกัน


ผมรอจังหวะที่ทุกคนเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วทำเนียนว่าเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เอิร์ทหันมายิ้มเนียนๆ และดึงให้ผมลงไปนั่งข้างๆ เขาตามเดิมทันที แขนซ้ายกอดเอวผมไว้ไม่แน่นไม่หลวมเกินไป


ทุกคนพร้อมใจกันเปลี่ยนเรื่องคุย ผมก็มีแอบคิดเรื่องที่เอิร์ทคุยกับเพื่อนๆ บ้าง ตอนนี้ที่อยากรู้คือคนที่เอิร์ทไปหานั้นเป็นใคร ผมกำลังนึกถึงผู้หญิงที่ชื่อขวัญ คนที่เป็นแฟนเก่าของเอิร์ท อย่างที่ผมเคยสงสัยว่าท่าทางความสัมพันธ์ของสองคนนี้น่าจะซับซ้อนพอควร ขนาดเอิร์ทเองยังบอกเลยว่าเธอไม่ใช่แฟน แต่ก็เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่เรียกว่ากิ๊ก สรุปผู้หญิงคนนั้นนี่อยู่ในสถานะไหนก็ไม่รู้


“เป็นอะไรอ่ะแมท ดูเหม่อๆ นี่แอบคิดถึงไอ้ฝรั่งนั่นปะเนี่ย” เอิร์ทถามหลังจากเราสองคนขอตัวกลับก่อนในเวลาเที่ยงคืน เรากำลังเดินไปที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เอิร์ททิ้งไว้


“จะพูดถึงคนอื่นทำไมเนี่ย” ผมขมวดคิ้วใส่เขาน้อยๆ ยกมือตีไหล่เขาเบาๆ แบบไม่จริงจัง


“อ้าว ก็เห็นเหม่อ นึกว่ากำลังใจลอยถึงมัน” เอิร์ทเบ้ปากใส่ผมตอนที่เราเดินมาถึงรถที่จอดไว้ตรงปาทางเข้าซอยหมู่บ้านของเพื่อนเอิร์ท


“คิดเรื่องเอิร์ทนั่นแหละ” เอิร์ทเลิกคิ้วขึ้น มองผมด้วยความประหลาดใจ แต่ริมฝีปากเขาก็แอบคลี่ยิ้มน้อยๆ


“จริงดิ คิดเรื่องเอิร์ทอยู่หรอ คิดว่าไร”


“คิดว่าเอิร์ทต้องมีชู้อยู่แน่ๆ” เอิร์ทแอบสะดุ้งไปนิดหนึ่ง ผมเลยยิ้มเบ้ปากกลับ เอิร์ทรีบดึงให้ผมไปที่รถทันที เขานั่งลงบนเบาะและดึงผมให้เข้าไปยืนตรงหว่างขาเขา สองแขนโอบรอบเอวผมไว้แน่น สีหน้าเขาเริ่มมีแววลนลาน


“ไปเชื่อไอ้ไนน์มันทำไม ไม่เอาๆ ลืมๆ เอิร์ทไม่มีใครจริงๆ นะ” เอิร์ทบอกสีหน้าอ้อน เอาคางมาเกลี่ยที่อกผมไปมาเบาๆ ผมยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นโอบรอบคอเขา


“ไม่มีใคร เพราะมีอยู่แล้วรึเปล่า” เอิร์ทชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะทำหน้าตีเนียนและส่ายหัวนิดหน่อย ผมแอบทำหน้าเอือมนิดๆ กำลังคิดว่าแค่ยอมรับความจริงมันจะเป็นอะไรไป จะได้เคลียร์กันไปเลย


“ไม่มี ถ้าแมทหมายถึงขวัญ เราไม่ได้มีอะไรกันนะ เออ… เคยมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว” ผมอยากจะถามเขาต่อว่าตอนนี้น่ะตอนไหน คือหมายถึงแค่ในช่วงอาทิตย์ใหม่นี่ใช่หรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันซะเปล่าๆ


“มีอะไรให้บอกกันนะเอิร์ท บอกกันตรงๆ อย่าแอบไปทำอะไรลับหลังแมท” แม้จะมืดสลัว แต่ผมก็เห็นว่าสีหน้าเอิร์ทแอบฉาบไปด้วยความกังวลอยู่ไม่น้อย เขาพยักหน้ารับรัวๆ มีการยกมือขึ้นสามนิ้วเป็นสัญลักษณ์ของการสาบานอีก


“ไม่มีจริงๆ ครับว่าที่เมีย เชื่อใจว่าที่ผัวนะ” ผมยิ้มเพลียและพยักหน้ารับ เอิร์ทยิ้มกว้าง ยื่นหน้ามาจุ๊บริมฝีปากผม และหันไปจัดการสตาร์ทรถเพื่อพาผมกลับไปที่หอเขา


กลับมาถึงหอ เขาก็ให้ผมเข้าไปอาบน้ำก่อน พอผมอาบเสร็จเขาก็เข้าไปอาบบ้าง ผมนั่งอยู่บนเตียงใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวให้แห้ง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงไลน์ในโทรศัพท์เอิร์ทเด้งไม่หยุด ด้วยความขี้เผือกและอยากรู้อยากเห็น ผมเลยหยิบโทรศัพท์เขาขึ้นมาดู แต่ไม่ได้ปล็ดล็อคเข้าไปดูหรอก อ่านจากที่มันเด้งๆ บนหน้าจอเอา ผมเอียงคอเล็กน้อยอ่านข้อความที่เพิ่งส่งมาใหม่รัวๆ ไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก เพราะอีกฝ่ายพิมพ์เร็วมาก มันเลยเด้งๆ จนอันเก่าหายไป จะให้เปิดอ่านเลยก็ดูจะเสียมารยาท (ยังพอมีจิตสำนึก)


Kwan: จะทิ้งขวัญจริงๆ เหรอ ขวัญรักเอิร์ท…


Kwan: ทำไมวะเอิร์ท ขวัญยอมเอิร์ทขนาดนี้แล้ว ทำไม…
   

ผมอ่านข้อความได้แค่นั้น เพราะมันล้นจนตัดข้อความที่เหลือออก ใจผมกระตุกนิดๆ ถึงจะไม่เห็นข้อความก่อนหน้านี้ หรือข้อความหลังจากนี้ แต่แค่ประโยคพวกนี้ก็พอจะรู้ได้ว่า กำลังมีดราม่าระหว่างเอิร์ทกับขวัญอยู่แน่นอน ผมถอนหายใจหนักๆ วางโทรศัพท์ลงที่เดิม ปล่อยให้เสียงไลน์เด้งต่อไป


เอิร์ทเดินเปลือยท่อนบนใส่แต่กางเกงบอลตามนิสัยออกมาด้านนอก มีผ้าขนหนูคล้องคอและเขากำลังใช้มันเช็ดหัวให้แห้ง เขามองหน้าผมตาใส สีหน้าเขาหน้ามึนจนผมอดยิ้มขำไม่ได้ เอิร์ทเห็นผมยิ้มเลยยิ้มตาม เขาเดินอ้อมเตียงมาฝั่งที่ผมนั่งอยู่ นั่งลงข้างๆ กัน จากนั้นก็ยกตัวผมขึ้นไปนั่งบนตักเขา ผมหยุดเช็ดหัวตัวเอง หยิบผ้าขนหนูที่คล้องคอเขาอยู่มาเช็ดหัวเขาเบาๆ


“แต่งงานกันปะ” เอิร์ทถามพร้อมรอยยิ้มหวานพอๆ กับดวงตาของเขา ผมแสร้งทำหน้าเชิดใส่ อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ กับท่าทีผม


“สินสอดแพงนะ แมทกะจะเรียกให้ล้มละลายเลย” ผมบอกพลางขยุ้มเส้นผมเขาอย่างเบามือ เอิร์ทยิ้มกว้างอย่างที่ว่าหล่อมากมาให้


“ละลายได้เท่าใจเอิร์ทเวลาแมทจูบเอิร์ทเปล่า”


“เสี่ยวอีกละ เปิดเพจมุขเสี่ยวเกี้ยวสาวเลยมั้ยล่ะ”


“เกี้ยวแมทคนเดียวได้ปะล่ะ” ผมยิ้มกว้างเขินๆ แอบจับหัวเขาโยกไปมาแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ เอิร์ทหัวเราะเสียงทุ้ม จับมือผมไว้และดึงออกจากหัว ยื่นหน้ามาจูบปากผม ค่อยๆ โลมเลียอย่างช้าๆ แล้วก็สอดลิ้นเข้ามาอย่างอ่อนโยน เอิร์ทพาผมล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมนั่งคร่อมเขาไว้ เอิร์ทยกมือขวามากดท้ายทอยผมไว้ จูบแลกลิ้นกับผมอย่างอ่อนนุ่ม


กริ๊งงง~ กริ๊งงง~


เสียงโทรศัพท์เอิร์ทดังขึ้น เจ้าของมือถือส่งเสียงในลำคออย่างขัดใจทั้งที่ยังจูบผมอยู่ ผมดึงหน้าตัวเองออกจากเขา เอิร์ทจิ๊ปากหน้ามุ่ย


“รับโทรศัพท์ก่อน”


“ใครแม่งโทรมาตอนตีสองวะ” เขาสบถด้วยอาการหัวเสีย เอื้อมแขนยาวๆ ไปหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะหัวเตียงมาดูหน้าจอ เขาเหลือบมองหน้าผมนิดหน่อย ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้เขารับสาย


“ฮัลโหล… คุยไรอีก ก็คุยไปแล้วไง… เออ ก็ตามนั้นอ่ะ… ยังไม่ได้คบกัน… เฮ้ย เมาแล้ว ไปนอนก่อนมั้ย… ไปได้ไงอ่ะ เอิร์ทอยู่กับเขาเนี่ย… เพื่อนไปไหนหมด… เออ เอิร์ทมันเหี้ย ก็รู้ตัวเองอยู่หรอก…” ผมจะล้มตัวลงนอนข้างๆ เขา แต่เอิร์ทกลับไม่ยอม ยื่นมือซ้ายมาดึงผมให้นอนลงไปบนแผ่นอกและแผ่นท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาแทน ผมเลยยกมือมาวางซ้อนคางตัวเองไว้ นอนมองเขาคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเครียดขรึม


“ไม่ไป… อย่าเกรียนตอนนี้ดิวะ… เฮ้ย…” ผมดึงมือถือออกจากหูของเอิร์ท ก่อนที่เขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ยกมือปิดตรงลำโพงที่คุยเอาไว้


“ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่เขาคงอยากเจอเอิร์ทมาก เอิร์ทไปเถอะ” เขาทำหน้าตาตื่น และส่ายหัวปฏิเสธทันที


“ได้ไง คืนนี้เอิร์ทจะนอนกับแมท”


“ก็ไม่ได้บอกว่าให้ไปนอนกับเขา แค่ออกไปเจอ ไปพูดกับเขาหน่อย เสร็จแล้วก็กลับมานอน” เขาชั่งใจกับคำพูดผมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้ารับเบาๆ


“เดี๋ยวเอิร์ทรีบไปรีบกลับ แค่ไปรับเขาจากผับแถวนี้ แล้วก็ไปส่งหอ” ผมผงกหัวขึ้นสองสามที ลุกออกจากตัวเขา เอิร์ทลุกขึ้นยืน เดินไปหาเสื้อยืดมาใส่ ก่อนออกไปก็เดินมาจูบหน้าผากผมก่อน


“รอเอิร์ทด้วยนะ เดี๋ยวกลับมานอนด้วย”


“รีบไปเถอะ” เอิร์ทเดินออกจากห้องไป ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นและถลกผ้านวมออก สอดตัวเข้าไปนอน เหม่อมองเพดานสีขาวสะอาดตาอย่างครุ่นคิด ทำไมช่วงนี้ผมใช้ความคิดบ่อยจัง บางทีก็อยากให้ตัวเองเอาเวลาที่คิดมากเรื่องพวกนี้ไปคิดเรื่องเรียน เรื่องหางานทำเยอะๆ บ้าง


ผมนอนคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งเริ่มคล้อยหลับ ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่าที่ให้เอิร์ทออกไปตอนนั้น แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาไม่กลับมาที่ห้องอีกเลย



TBC.    :hao5:


ไม่รู้จะพูดอะไร เอิร์ทคะ 555555

ไม่รู้จะเม้าท์อะไรดี เอาเป็นว่าขอบคุณชาวเล้าเป็ดที่ยังติดตามกันอยู่เนาะ อาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ขอบคุณค่ะ เข้าใจว่าส่วนใหญ่จะไปอยู่อีกที่มากกว่า ตอมมาที่นี่ช้าเอง 5555 ไว้เรื่องใหม่จะลงพร้อมๆ กันทั้งสองที่

แต่ฝากเพลงนี้ไว้ละกันค่ะ... อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ... ช่างเข้ากับบรรยากาศนิยายช่วงนี้เหลือเกิน

พูคคุยสนุกๆ กันนอกรอบได้ที่เพจหรือทวิตค่ะ คนเขียนชอบเม้าท์กับคนอ่านนอกรอบบ่อยๆ เปิดประเด็นหนุกๆ คุยกัน และกดไลค์ไว้ก็จะได้อัพเดตข่าวสารอย่างรวดเร็ว แจ้งอะไรไปก็จะได้รับรู้พร้อมกันเนอะะ


 :sad4:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 50%}22.07.58
« ตอบ #139 เมื่อ: 22-07-2015 16:14:59 »





ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 50%}22.07.58
«ตอบ #140 เมื่อ22-07-2015 19:58:07 »

คืออะไรวะ 55555555555555 คือแมทเนี่ยอะไรวะ 55555
ดูจะกั๊กๆเอิร์ทอ้ะแบบจะอ๊ะเปิดใจมั้ย อ๊ะไม่เอาดีกว่า - -
เอิร์ทก็แบบ...ค่ะ  ตัดอีกคนไม่ขาดแต่คนนี้ก็จะเอางี้  ไปค่ะเข้าลัทธิอีวิคเตอร์ไปอีกคน

แมท.... ถอยห่างเรื่องรักๆใครๆมั้ยลูก หนูดูจะไม่รุ่งเลย 5555555 

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
«ตอบ #141 เมื่อ23-07-2015 16:39:59 »



Only You EP.3 [100%]




ผมตื่นตอนเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ยังคงไร้วี่แววของเอิร์ท จะบอกว่าผมไม่รู้สึกอะไรเลยมันก็เป็นไปไม่ได้ ตื่นขึ้นมาแล้วยังไม่เจอเขา มันก็โหวงๆ เหมือนกันนะ เหมือนอกมันกลวงๆ แปลกๆ ยิ่งพอรู้ว่าจริงๆ แล้วเมื่อคืนนี้เขาไปหาใคร ใจมันยิ่งเย็นยะเยือก ผมไม่ว่า ถ้าเขาจะยังอะไรกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ แต่ช่วยเคลียร์ผมให้รู้เรื่องก่อนมั้ย ปากบอกว่าจริงจัง จริงใจกับผม แต่การกระทำอีกส่วนหนึ่งกลับทำให้ผมไม่มั่นใจในคำพูดของเขาเอง ที่บอกว่าส่วนหนึ่ง เพราะอีกส่วนหนึ่งของการกระทำเขา ก็ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนกัน


ผมสลัดความคิดทั้งหลายออกจากหัวและลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ผมไม่มีเรียนหรอกเพราะวันนี้วันเสาร์ เอิร์ทเองก็ไม่มีเรียนเหมือนกัน แต่เขามีนัดทำงานกับเพื่อนๆ ซึ่งเห็นว่านัดกันตอนเที่ยงนี้ แต่นี่ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาอาบน้ำแต่งตัวเลย


ตอนที่ผมแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เอิร์ทก็ยังไม่กลับมา ผมเริ่มรู้สึกหิว เพราะนี่มันแปดโมงกว่าแล้ว กำลังชั่งใจว่าจะออกจากหอเขาไปเลยดีกว่ามั้ยหรือจะรอเขากลับมาดี สุดท้ายผมเลยเลือกที่จะโทรหาเขา เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรเอายังไงกับตัวเองดี


[ฮัลโหลค่ะ…] เสียงผู้หญิงดังมาตามสาย ทำเอาผมใจแป้ว เกิดอาการชะงักพูดไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงเหมือนคนติดอ่างไปตามสาย


[ถ้าจะคุยกับเอิร์ท เขาอาบน้ำอยู่ค่ะ เดี๋ยวให้เขาโทรกลับ… ใครโทรมา] ได้ยินเสียงเอิร์ทดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ ผมแอบข่มอารมณ์วูบไหวในอกเอาไว้ พยายามคุมสติไม่ให้กระเจิดกระเจิง


[ไม่รู้ดิ ตอนเขาโทรมาขวัญรับมึนๆ อ่ะ] เสียงกุกกักดังขึ้น คงเป็นตอนที่เอิร์ทดึงมือถือไป ผมแอบได้ยินเสียงเอิร์ทสบถว่า เชี่ย เบาๆ


[ฮัลโหลแมท!] น้ำเสียงร้อนลน ฟังดูกระวนกระสายดังมาตามสาย ผมกลืนน้ำลายลงคอและกรอกเสียงปกติธรรมดาลงไปในโทรศัพท์


“คือแมทจะโทรมาถามว่า เอิร์ทจะกลับรึเปล่า พอดีแมทหิวข้าว ถ้ายังไม่กลับไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวแมทไปกินข้าวแล้วจะได้กลับเลย”


[เดี๋ยวเอิร์ทกลับตอนนี้เลย อย่าเพิ่งไปไหนนะ]


“เอ่อ… แน่ใจหรอ เพื่อนเอิร์ทเหมือนยังไม่โอเคนะ อยู่ดูเขาก่อนก็ได้”


[ไม่เป็นไร แมทรอที่ห้องนะ อย่าเพิ่งไปไหน] เอิร์ทตัดสายทิ้งไป ผมได้แต่ยืนงงพักหนึ่ง ถอนหายใจช้าๆ รู้สึกชาๆ ที่หัวใจอยู่เหมือนกัน


รอประมาณสิบยี่สิบนาทีเอิร์ทก็เปิดประตูห้องเข้ามาด้วยชุดเดิม ในมือเขาถือกล่องข้าวขนาดใหญ่มาสองกล่อง ใบหน้าเขาออกอาการอึกอัก แลดูอึดอัดเล็กน้อย ผมคลี่ยิ้มบางให้เขาและลุกขึ้นยืน


“อ้าว ซื้อมาแล้วหรอ นึกว่าจะไปกินที่ร้าน” เอิร์ทหน้าตึงเครียดเล็กน้อย เขาวางถุงข้าวลงบนโต๊ะทำงาน เดินมาหาผมและดึงเข้าไปกอดเอาไว้


“กินที่นี่แหละ…” ผมยกมือขึ้นตบแผ่นหลังเขาเบาๆ


“…เอิร์ทขอโทษ ขอโทษที่ไม่กลับมาตามที่บอก เมื่อคืนรอนานรึเปล่า” ผมดันตัวเขาออกช้าๆ และส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขาที่กำลังมีสีหน้าเครียดขึง


“ก็สักพักนึงนั่นแหละ แต่ไม่ทันไรก็หลับ ไม่ต้องขอโทษหรอก เอิร์ทก็คงต้องดูแลเพื่อนทั้งคืน” คล้ายว่าเอิร์ทจะสะอึกไปเล็กน้อย ผมคลี่ยิ้มอ่อนตอบกลับไป


“แมท โกรธเอิร์ทมั้ย” ผมส่ายหัวยิ้มๆ


“ไม่โกรธ…” เอิร์ทมองหน้าผมอย่างจริงจังราวกับอยากได้คำตอบจริงๆ ผมถอนหายใจหนักๆ และพูดเสียงเรียบ


“…ไม่โกรธ แต่เอิร์ทก็น่าจะโทรบอกกันบ้างว่าจะไม่กลับห้อง” สีหน้าเอิร์ทมีแววรู้สึกผิดปรากฏอย่างชัดเจน


“เอิร์ทขอโทษ เอิร์ทไม่ได้ตั้งใจลืมนะ” ผมยิ้มมุมปากหน่อยๆ


“ถ้าตั้งใจ ก็ใจร้ายเกินไปแล้ว”


“ไม่…” เอิร์ทบอกด้วยน้ำเสียงมีแววเจ็บปวด แววตาเขาเหมือนคนรู้สึกทรมานกับอะไรสักอย่าง


“เอาตรงๆ เอิร์ทไปนอนกับเขามาใช่มั้ย” คนถูกถามเงียบสนิท แววตาเขาเปลี่ยนเป็นตื่นกลัว ใบหน้าเขาแทบจะถอดสีจนจะซีดเป็นไก่ต้ม ถึงไม่ตอบ ผมก็ได้คำตอบจากกิริยาของเขาแล้วล่ะ


“เอิร์ท… ถ้าเอิร์ทยังตัดคนชื่อขวัญไม่ขาด เอิร์ทก็ไม่ควรมีแมท หรือมีใคร” เอิร์ทส่ายหัวสั่นๆ ทันที


“เราตัดขวัญแล้ว แต่ขวัญไม่ยอมไป…”


“…อย่าเห็นแก่ตัวสิ เอิร์ทเองก็ไม่ยอมตัดขาดจากขวัญเหมือนกัน เอิร์ทเองก็ยังรั้งเขาไว้อยู่ ไม่ว่าจะรั้งไว้ด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แต่คือเอิร์ทรั้งเขาไว้ จะบอกว่าขวัญรั้งเอิร์ทฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ ก็การกระทำของเอิร์ท มันทำให้เขาไม่ไปไหนไง เพราะเขายังมีความหวังอยู่” ผมพูดน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ดุด่าหรือว่ากล่าวอะไรเขาเลย ไม่ได้สอนด้วย แค่พูดไปตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง


“เอิร์ทบอกว่าแมทมีใครอีกคนอยู่ในใจ เอิร์ทเองก็เหมือนกันนั่นแหละ โอเค เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในใจเอิร์ท แต่กายเอิร์ทก็ไม่เคยห่างเขา แล้วแบบนี้เราสองคนจะไปรอดได้ยังไง ในเมื่อต่างคนต่างยังมีใครอยู่แบบนี้”


“รอดดิแมท เอิร์ทจะเลิกกับขวัญเด็ดขาด และเอิร์ทก็ขอให้แมทตัดขาดจากไอ้ฝรั่งนั่นจริงๆ”


“สำหรับแมท ถึงแมทไม่ตัดเขา เขาก็ตัดแมทไปแล้ว เขากับแมทไม่มีวันกลับมาเจอกันอีกแล้ว แต่เอิร์ทกับขวัญสิ อยู่ใกล้กันแค่นี้ แล้วความสัมพันธ์เอิร์ทกับเขา ก็มีมายาวนานแล้วด้วย ถ้าจะตัดจริงๆ แมทว่าเอิร์ทตัดไปนานแล้วแหละ…”


“เอิร์ทตัดแล้วจริงๆ นะ แต่ทุกวันนี้มันเป็นแค่เซ็กส์…” ผมรู้สึกว่าเหมือนโดนเอิร์ทตบหน้าเลยแฮะ นึกถึงสถานะตัวเองตอนอยู่กับวิคเตอร์แล้วก็อดสงสารขวัญไม่ได้


“เอิร์ท ขวัญเขามีหัวใจนะ ผู้หญิง พอรักแล้ว เขาก็รักเลย เขาไม่ได้มองเป็นแค่เรื่องเซ็กส์หรอก แต่เขารัก เอิร์ทอย่าทำร้ายขวัญโดยการทำเหมือนว่าขวัญคือเครื่องระบายทางเพศสิ” เอิร์ทนิ่ง แต่ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด จ้องหน้าผมแทบไม่กระพริบตาเลยสักนิด ส่วนผมรู้สึกเหมือนกำลังรีเพลย์พูดเรื่องตัวเองไม่มีผิด


“เอิร์ทจะไม่ทำอย่างนั้นกับขวัญอีก เลิก เลิกจริงๆ” เขาบอกสีหน้าเสริมประโยคนั้น ความหวาดกลัวเจือปนอยู่ในน้ำเสียงและสีหน้าของเขา


“ถามใจตัวเองให้ดี ว่าทุกวันนี้รักเขาอยู่มั้ย ถ้ารัก กลับไปหาเขาได้เลยนะ แมทยินดี อะ… โอเค เมื่อเช้าตอนตื่นมา แมทรู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่ไม่เจอเอิร์ท ปกติตื่นมาก็จะเจอเอิร์ทนอนอยู่ข้างๆ” เอิร์ททำหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็เป็นยิ้มที่ไม่เต็มปากนัก


“แมทยอมรับนะว่าก็รู้สึกดีกับเอิร์ท ฉะนั้นแมทเลยอยากให้ความรู้สึกดีๆ แบบนี้มันยังคงอยู่กับเราสองคนต่อไป แมทไม่อยากให้สิ่งที่เอิร์ทกำลังทำมาทำลายมิตรภาพระหว่างเราสองคน”


“แมทจะเลิกดูใจกับเอิร์ทหรอ…” เขาว่าเสียงอ่อย


“ทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อเอิร์ทยังมีอีกคนอยู่ ถึงไม่ได้คบกับเขาก็ตาม แต่แมทไม่อยากอยู่แบบนี้นะ แมทไม่อยากเจ็บ แมทเจ็บกับความรักมาเยอะแล้ว และแมทไม่อยากเจ็บเพราะเอิร์ท คนที่แมทรู้สึกขอบคุณเสมอที่รักแมทขนาดนี้” ผมเม้มปาก รู้สึกถึงความชุ่มชื่นที่ขอบตาตัวเอง พอเอาเข้าจริงๆ ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่เอิร์ททำ ขนาดแค่ลองคิดว่าถ้าเกิดคบกันไป แล้วผมต้องมานอนรอเขาแบบนี้ทั้งคืน โดยที่เขาไปอยู่กับใครอีกคน มันคงเป็นบรรยากาศที่เศร้ามาก ขนาดยังไม่ได้คบกัน ผมยังรู้สึกจิตใจอ่อนไหวเลย


“แมท อย่าร้องไห้ ด่าเอิร์ท ตบเอิร์ท แต่อย่าร้องไห้ เอิร์ทมันเหี้ย…” เอิร์ทบอกด้วยสีเจ็บปวด ผมยกมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม นึกว่ามันจะไม่ไหลแล้วนะ แต่ผมรับกับเรื่องทำนองนี้ไม่ค่อยได้ ผมไม่เคยมีแฟนก็จริง แต่เวลาได้ยินเรื่องของคนรอบข้างว่าแฟนแอบไปมีคนอื่น ผมก็อดจะรู้สึกใจไม่ดีแทนเขาไปด้วยเสมอ เพราะผมรู้สึกว่าคนรักกัน ทำไมไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ทั้งๆ ที่เอ่ยปากตกลงคบกันแล้วไม่ใช่เหรอ


แล้วอีกอย่างผมก็อ่อนแอและอ่อนไหวที่หัวใจมากพออยู่แล้ว พอเจอเรื่องแบบนี้เข้าไป มันยิ่งแอทแทคใจผมเหลือเกิน ผมคงต้องเรียนรู้เรื่องความรักอีกมาก บางทีแค่สถานะที่มีต่อกัน มันอาจไม่ได้การันตีว่าเขาจะไม่นอกใจเรา ดูอย่างดาราบางคู่สิ แต่งงานกันมาตั้งหลายปี สุดท้ายฝ่ายชายก็แอบไปมีชู้


“จะด่าอะไร มันเป็นสิทธิ์ของเอิร์ท เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย…” เอิร์ทนั่งลงบนเตียงและดึงผมลงไปนั่งตัก


“…ที่แมทร้องไห้ เพราะแมทรู้สึกเศร้าใจกับการกระทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะเอิร์ท ไม่ว่ากับใครก็อย่าทำ ความรู้สึกของคนไม่ใช่ของเล่นนะจริงๆ” ผมยิ้มเศร้า ไม่รู้ว่าเศร้าเพราะผู้ชายคนนี้หรือเพราะผู้ชายอีกคนที่ตอนนี้ไม่มีตัวตนในชีวิตผมไปแล้ว


“ถ้าเราคบกัน เอิร์ทจะไม่ทำแบบนี้อีก ไม่จริงๆ” เขาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ถ้าเป็นตอนที่อยู่นิวยอร์ก แล้วไม่มีวิคเตอร์ ผมคงเชื่อเขามาก แต่พอเกิดเรื่องเมื่อคืน ผมว่าแค่คำพูดมันก็ไม่น่าจะใช่คำตอบทุกอย่าง


“ก็พูดได้สิ ตอนนี้ยังไม่ได้แมทนี่ พอได้แล้วก็คงทิ้งๆ ขว้างๆ อย่างที่ทำกับผู้หญิงคนนั้น” ผมยิ้มขมขื่น เอิร์ทมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เขายกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ราวกับจะปลอบโยน


 “ถ้าเอิร์ทเคลียร์เรื่องขวัญได้ แมทจะกลับมาหาเอิร์ทรึเปล่า”


“เอาให้ถึงตอนนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เอิร์ทยังตัดเขาไม่ขาด ก็อย่าเพิ่งอะไรกับแมทเลย จริงๆ แล้วกับแมท เอิร์ทอาจจะแค่รู้สึกว่ามันตื่นเต้น ท้าทายแปลกใหม่อยู่ก็ได้ ที่แบบว่า ปกติเอิร์ทชอบและจีบผู้หญิงมาตลอด วันนึงก็แค่อยากลองเปลี่ยนรสนิยมเล่นๆ” เอิร์ทส่ายหัวเร็วๆ


“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆ เอิร์ทไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับแมท” ผมยิ้มอย่างรู้สึกดีกับคำพูดของเขา แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย


“อันที่จริงว่าแต่เอิร์ทไม่ได้หรอก แมทเองก็ยังเคลียร์ใจตัวเองไม่เรียบร้อยเลย แต่ก็มาให้ความหวังเอิร์ทเฉย เรามันก็นิสัยไม่ดีทั้งคู่แหละเนอะ…” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา รีบยกมือขึ้นมาปาดมันออกไปจากแก้ม รู้สึกจุกอยู่ที่คอ ความคิดมากมาย และความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว เอิร์ทมองผมด้วยสายตาห่วงใย ผมคลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง


“…ขอบคุณมากนะเอิร์ท ขอบคุณมากจริงๆ ที่รักแมท แมทไม่เคยได้รับความรู้สึกที่พิเศษขนาดนี้จากใครมาก่อนเลย เอิร์ทเป็นผู้ชายคนแรกที่มองแมท ชอบแมท แล้วก็จีบแมท และคิดจะคบแมทจริงจังด้วย รู้มั้ยว่าสำหรับคนที่ไม่เคยมีใครเข้ามาอย่างแมท มันรู้สึกดีแค่ไหน” น้ำตาผมแห้งเหือดหายไป ผมถอนหายใจยาวเหยียด รู้สึกโล่งอยู่เหมือนกันที่น้ำตาไหลเอาความอึดอัดออกมาจากในอก


“งั้นเรามาเริ่มใหม่กันเลยมั้ย” ผมยิ้มบาง เลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง ส่ายหน้าไปซ้ายขวาเป็นสัญญาณปฏิเสธ


“อย่าเพิ่งเลย เริ่มทั้งๆ ที่เอิร์ทยังไปนอนกับอีกคนเงี้ยอ่ะหรอ แมทไม่อยากมีฟีลแบบว่าเมียหลวง เมียน้อยนะเอิร์ท”


“ถ้าเป็น แมทก็เป็นเมียหลวง เมียหลวงของเอิร์ทคนเดียวด้วย” โธ่ พ่อดร.อนิรุทธ์แห่งเมียหลวง กะจะเก็บอิฉันไว้บนหิ้งบูชา แล้วก็ไปสนุกสุขสันต์กับนางอื่นบนเตียงน่ะเหรอ


“พูดทั้งๆ ที่เพิ่งไปนอนกับคนอื่นมาเนี่ยนะ นี่แมทควรรู้สึกดีมั้ยเนี่ย” ผมยิ้มขำๆ ที่ผสมความขื่นให้เขา เอิร์ทยิ้มตอบกลับมาเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นไม่แพ้กัน


“เราขอโทษที่ทิ้งแมทไว้คนเดียว”


“ช่างเถอะ ก็นอนได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ตื่นมาแล้วรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยเท่านั้น…” ผมมองหน้าเขาที่หน้ายังตึงเครียดอยู่นิดๆ


“…ถ้าเราคบกันไป แล้วเอิร์ทยังมีนิสัยอย่างนี้อยู่ บอกตรงๆ แมททำใจไม่ได้หรอก ตอนนี้เรายังไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก แมทยังร้องไห้เลยอ่ะ ถ้าคบกันจริงจังแล้วเจอแบบนี้ แมทกลัวจะเกลียดเอิร์ท แล้วกลายเป็นว่าเราจะไม่หลงเหลืออะไรดีๆ ระหว่างกันเลย” เอิร์ทมองหน้าผมราวกับกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ครู่หนึ่ง สักพักเขาก็ถอนหายใจราวกับระบายความเครียดออกมาทางลมหายใจนั้น


“เอิร์ทจะรีบเคลียร์ตัวเอง” ใจผมกระตุกกับประโยคนั้น คล้ายว่าผมเคยได้ยินใครอีกคนเคยพูดประโยคนี้ แล้ว ณ ตอนนี้เขาก็หายไปเคลียร์ตัวเองนานมากแล้ว


“อย่ารีบมาก เดี๋ยวจะเคลียร์แบบค้างๆ คาๆ มันไม่ดี” เอิร์ทยิ้มน้อยๆ โน้มมาจูบหน้าผากผมหนึ่งที


“คืนนี้อย่าเพิ่งกลับเลยนะ นอนด้วยกันอีกคืนเถอะ” ผมส่ายหัวเนือยๆ พร้อมรอยยิ้มเนือยๆ ไม่แพ้กัน


“เอิร์ท… คือเอิร์ทเพิ่งไปมีอะไรกับแฟนเก่ามานะ แล้วตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยแม้แต่นิด จะให้แมทนอนอีกทำไมเนี่ย ไปนอนกับขวัญนู่นไป๊!” ว่าจะไม่ประชดแล้วนะ แต่พอได้พูดแล้วมันก็อดไม่ได้จริงๆ เอิร์ทหน้าเสียไปทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น


“อย่าไล่เอิร์ทแบบนั้น แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว” เขาโอดครวญ สีหน้าเหยเกราวกับโดผมเหยียบเล็บขบที่ตีน


“อะ… แล้วถามจริงๆ ว่าทำแบบนี้ทำไมล่ะ ที่แมทให้ออกไปเมื่อคืน คือให้ไปเคลียร์กัน แต่ดันไปเคลียร์กันบนเตียง คือถึงแม้ว่าแมทจะเป็นแฟนเอิร์ท แต่ถ้าเอิร์ทจะออกไป มันก็เป็นสิทธิ์ของเอิร์ทอยู่ดี แมทไม่มีสิทธิ์ห้าม รู้ทั้งรู้ว่าแฟนตัวเองจะออกไปหาคนอื่น ไม่มีใครทำใจได้หรอก แต่พอดีเรายังไมได้เป็นอะไรกันมันเลยยังไม่ได้หนักหน่วงมาก แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกนะ อย่างที่บอก” ผมเม้มปากและยักคิ้วหนึ่งทีพร้อมกับส่ายหัวน้อยๆ สีหน้าและแววตาของพ่อรูปหล่อหน้าไทยเต็มไปด้วยความเสียใจและความรู้สึกผิด


“อย่าเกลียดกันนะ…”


“ตอนนี้ยัง แต่ถ้าเราดันทุรังฝืนกันต่อไปทั้งที่เอิร์ทยังคาราคาซังกับอีกคน แมทว่าแมทอาจเกลียดเอิร์ทได้”  เอิร์ทผ่อนลมหายใจออกทางจมูกแรงๆ ใบหน้าเขาตึงเครียด เขามองหน้าผมแล้วพยักหน้าเบาๆ


“งั้นกินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวเอิร์ทไปส่งนะ” ผมคลี่ยิ้มกริ่มและพยักหน้ารับคำของเขา


สุดท้ายที่อยากลองเปิดใจให้กับเอิร์ท ก็ดันทำได้ไม่เต็มที่ ยอมรับเลยว่าผมกำลังแง้มใจตัวเองทีล่ะนิดบ้างแล้ว แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ใจที่เริ่มแง้มก็ปิดลงตามเดิม ยังโชคดีเหลือเกินที่เราสองคนไม่ได้ล้ำลึกอะไรกันไปมากกว่านี้ ยังอยู่แค่ในช่วงดูใจกันอยู่ มันเลยไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายถึงขั้นจะเป็นจะตาย


แต่ที่ผมแอบเสียใจและรู้สึกนอยด์นั่นคือ ความรักของผมมันจะแย่อย่างนี้อยู่เรื่อยเลยใช่มั้ย ทำท่าว่าจะดีๆ สุดท้ายก็เหลวไม่เป็นท่าจนได้ หรือชีวิตผมจะไม่รุ่งกับเรื่องความรักกันนะ



TBC.


 :o12:

ออฟไลน์ ao16

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +253/-4
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
«ตอบ #142 เมื่อ23-07-2015 18:08:32 »

 :L1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
«ตอบ #143 เมื่อ23-07-2015 19:04:11 »

 :mew1:

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
«ตอบ #144 เมื่อ23-07-2015 19:16:36 »

มาดันค่ะ เพิ่งเห็นว่าลงบอร์ดแล้ว  สู้ๆ นะคะ นิยายเรื่องนี้ละเอียดและสมจริงดี ฉากอีโรติกก็สุดยอด  :laugh: แต่บางทีเม้นท์ทีานี่น้อยก็ไม่ต้องน้อยใจหรอกค่ะ ดูจากยอดอ่านก็พอชื่นใจไกเบ้าง เพราะบางท่านก็ไม่มีล้อกอินเพื่อเม้นท์ แต่ยังคอยติดตาม

เราชอบเรื่องนี้ (มาก) ของขุ่นเจ้ตั้งแต่บอร์ดเด็กดีแล้ว เม้นท์ที่ยาวๆ และพล่ามมากหน่อย บทวิจารณ์ก็ชมอย่างเดียว   :laugh:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.3 100%}23.07.58
«ตอบ #145 เมื่อ25-07-2015 14:41:02 »

ตามลุ้นไปกับแมทตั้งนาน
เราว่าแมททิ้งแม่มให้หมดทุกคนนี่ละ
ไปกิ๊กแชทกับพี่อดัมยังจะแฮปปี้กว่า
เซ็งทั้งพี่ยักษ์ ทั้งเอิร์ท  :m16:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
«ตอบ #146 เมื่อ26-07-2015 00:06:19 »



ONLY YOU EP.4 :: Heart failure. [50%]



“อ้าว นี่สรุปแกไม่ได้กิ๊กกับเขาหรอกเหรอ ฉันนึกว่าแกกับเขามีซัมติงกันซะอีก” เก้าบอกน้ำเสียงประหลาดใจ เบิกตากว้างมองไปที่เอิร์ทกับขวัญที่กำลังเดินออกไปจากตึกคณะของผมด้วยกัน ผมมองตามและได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปตอบเก้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
   

“เป็นเพื่อนกัน ก็ตอนที่อยู่นิวยอร์ก มีเด็กไทยเยอะที่ไหนล่ะ พอเจอเด็กไทยด้วยกันก็เลยเกาะกลุ่มกันไว้ เลยสนิทกันตามประสาเพื่อนนั่นแหละ” ผมยัดขนมสแน็คแจ๊ครสบาร์บีคิวเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ 
   

“ก็สองอาทิตย์ก่อนดูแกกับเขาตัวติดกันจะตาย”
   

“แกไม่เคยเป็นหรอที่ช่วงนึงจะสนิทกับเพื่อนคนนึงมากๆ เพราะมีเรื่องคุยกันตลอด แต่พอห่างกัน มันก็ไม่ได้ว่าไม่สนิทกันแล้ว แค่เรื่องที่คุยกันมันน้อยลงเฉยๆ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงปกติ เก้ากับแบมและคนอื่นๆ หันไปสนใจกิจกรรมที่ตัวเองกำลังทำ ตอนนี้เป็นเวลาว่างก่อนขึ้นเรียนคาบบ่าย พวกเราเลยมานั่งกันใต้ตึกคณะ
   

ผมกับเอิร์ทคุยกันน้อยลง แต่ก็ยังคุยกันอยู่บ้างทางเฟซบุ๊ค ทางว้อทแอพ เวลาผมอัพรูปอะไรในไอจี เอิร์ทก็ชอบมากดไลค์ มาคอมเม้นต์แซวๆ ตลอด หรือสถานะ รูปต่างๆ ในเฟซบุ๊ค เอิร์ทก็ตามมากวนประสาทไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ก็ใช่ว่าเขาตามติดผมแบบรักและเทิดทูนบูชาขนาดนั้น ความรู้สึกเหมือนเพื่อนสนิททั่วๆ ไปมากกว่า
   

ผมไม่รู้ว่าเขากับขวัญเป็นยังไงบ้าง เพราะไม่ได้ถามไถ่ใดๆ จากเขาอีก เวลาเจอเพื่อนๆ เอิร์ท ทุกคนก็ยังทักทายผมด้วยความสนุกสนานตามปกติ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเอิร์ทอีก ไม่รู้ว่าพวกเขารู้เรื่องระหว่างเราสองสามคนมากน้อยแค่ไหน แต่ผมว่ามันก็ดีกว่าการที่จะเอาเรื่องผมมาเป็นประเด็นในวงสนทนาของพวกเขา ถึงผมจะไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง แต่ผมเห็นขวัญแท็กรูปคู่กับเอิร์ทมาบ่อยๆ ส่วนเอิร์ทไม่เคยลงรูปคู่กับขวัญเลย อันที่จริงเขาไม่ค่อยอัพเดตอะไรเลยต่างหาก ตามประสาผู้ชายที่มีไลฟ์สไตล์ไม่ได้ติดโซเชียลขนาดหนัก
   

จากการลงรูปคู่ของขวัญในเฟซบุ๊ค ผมว่าผมก็พอจะรู้แล้วว่าเอิร์ทเลือกแบบไหนกันแน่ แม้จะแอบหวิวๆ ในหัวใจ แต่ผมก็ยินดีกับเขาด้วยที่เขากลับไปสู่หนทางตามปกติที่เขาเป็นมาตั้งแต่แรก ไม่มีใครอยากจริงใจกับเพศอย่างผมหรอก ขนาดคนที่ได้กันแล้วอย่างพ่อหนุ่มอังกฤษยังเลือกที่จะกลับไปเดินทางปกติเลย แล้วมันจะแปลกอะไรกับพ่อหนุ่มไทยที่ยังไม่ได้กัน แล้วเขาจะหันหลังกลับไปสู่ชีวิตปกติของเขา
   

“หูยยย! จริงหรอไอ้วอร์ม แกมีอะไรกับผู้หญิงได้สามสี่รอบต่อวันเลยหรอ แกถึกไปปะวะ” เสียงอยากรู้อยากเห็นของแคทดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งกินขนมพร้อมกับนั่งทำสไลด์เตรียมพรีเซ้นต์ฝึกงาน
   

“มึงจะเสียงดังทำไมเนี่ยแคท เบาๆ หน่อยก็ได้” ไอ้วอร์มมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าอายๆ แคทยกมือปิดปากหน้าตาตกใจ และรีบลดเสียงลง
   

“ก็ฉันรู้สึกตกใจนี่หว่า แกมีอารมณ์ขนาดนั้นเลยหรอ”
   

“ไอ้วอร์มมันออกกำลังกาย เล่นกล้าม กินแต่อาหารเพื่อสุขภาพ มันเลยฟิตไง” แชมป์เป็นผู้เฉลยให้กับแคทที่กำลังทำสีหน้าสนอกสนใจ และตอนนี้ไม่ใช่แค่แคท แต่ทั้งกลุ่มเรากำลังสนใจในหัวข้อนี้ของไอ้วอร์มเหลือเกิน
   

“แต่แกก็ไปฟิตเนสกับมันไม่ใช่หรออีแชมป์ แกก็ดูปกตินะ…” คนถูกทักยิ้มมุมปากเขินๆ เล็กน้อย ก่อนที่ซี้ของมันจะเป็นคนพูดแทน
   

“มึงรู้ได้ไงว่ามันปกติ” ชะนีทั้งกลุ่มอ้าปากหวอ มองไปทางไอ้แชมป์ผู้โสดใสซื่อ โอเค ถึงมันจะโสดแต่ผมว่าหน้าตาดีอย่างมันก็คงไม่น่าร้างเรื่องผู้หญิง แถมมันยังรวยมากมาย ผู้หญิงน้อยคนแหละที่จะปฏิเสธมัน
   

“โอ้! มายก็อด นี่ไอ้วอร์มวันล่ะสามสี่รอบ แล้วมึงเท่าไหร่เนี่ยไอ้แชมป์” แคททำด้วยสีหน้าทึ่งๆ แชมป์ทำหน้าเขินอายแบบประหม่านิดหน่อย ผมเข้าใจมันนะ จู่ๆ ก็โดนผู้หญิงถามเรื่องบนเตียง ถึงจะเพื่อนสนิทกัน แต่มันก็คงกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบ
   

“ก็แล้วแต่ว่ะ ถ้าเว้นไปนาน ก็ห้าหกรอบในครึ่งวันก็มี…”
   

“อู้ววว! ตายๆ พังค่ะ ชะนีพังค่ะเจอมึงสองคนเนี่ย!” ผมยิ้มขำกับอาการโอเวอร์ของแคท แล้วสักพักหน้าของวิคเตอร์ก็ลอยเข้ามา ไม่ได้ว่าคิดถึงทุกช่วงเวลาจนเพ้อถึงเขาหรอกนะ แต่พอคุยเรื่องแบบนี้ ผมก็อดนึกถึงเขาไม่ได้ เพราะวิคเตอร์เป็นคนที่แฮปปี้กับเรื่องเซ็กส์มาก ยิ่งพอไอ้วอร์มกับไอ้แชมป์พูดถึงเรื่องการมีอะไรครั้งล่ะหลายๆ รอบ ผมยิ่งนึกถึงเขา
   

“แล้วถ้าแบบว่า ไม่ได้เว้นนาน แต่สามารถมีต่อเนื่องได้หกเจ็ดรอบนี่แปลกปะวะ” ผมถามเสียงอ่อยพร้อมรอยยิ้มแหยๆ ทุกคนหันมามองผมด้วยสายตาตื่นๆ
   

“เฮ้ย อีแมท นั่นคนปะวะ มีเซ็กส์ติดต่อกันหกเจ็ดรอบเนี่ย” เหมียวทักด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
   

“คือมันก็ไม่ได้คอนตินิวท์ต่อเนื่องอ่ะ คือ… ฉันหมายถึงคนๆ นั้นอาจจะมีช่วงพักเบรกบ้าง แต่สักพักก็จะมีต่อได้เลย” พูดไปก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแฉตัวเอง ผมเลยพยายามบิดเบือนคำพูดเต็มที่
   

“ถ้ามีพักเบรกก็ไม่แปลก มันก็เป็นเรื่องปกตินะ แต่ถ้ามีอะไรต่อเนื่องแบบไม่พักเบรกเลย กูว่านั่นไม่ใช่คนละ แม่งคงฟิตปั๋งจริงๆ อ่ะ อย่างกูถึงมีอะไรได้สามสี่ครั้ง แต่ปวดจู๋ชิบหาย ไอ้ที่แบบเอาต่อเนื่องทั้งที่เสร็จแล้ว แบบยังแข็งไม่ยอมลง มากสุดแค่สองสามรอบแหละกูว่า” ผมมองหน้าไอ้แชมป์ ยิ้มแห้งๆ แล้วแอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ก็ไอ้ยักษ์วิคเตอร์มันสามารถคอนติวนิวท์ทั้งที่ยังแข็งไม่ยอมลงได้ถึงสามรอบ ถ้าเกินนั้นมันก็หยุดพักแปบนึงเพื่อเรียกคืนพละกำลัง งั้นแบบนี้ไอ้ยักษ์ก็ไม่ใช่คนแล้วปะวะเนี่ย
   

“อ้าว ถ้าพวกมึงปวดน้องมึงอย่างงั้น แล้วจะมีทำตั้งหลายรอบวะ วันล่ะครั้งนี่ก็พอแล้วมั้ง” แบมบอกด้วยสีหน้าสอดเสือกเต็มที่
   

“บางคนก็มีวันล่ะครั้ง บางคนอาทิตย์ล่ะครั้ง เดือนล่ะครั้ง ก็แล้วแต่พฤติกรรมและนิสัยเรื่องเพศของแต่ล่ะคน หรือเรียกบ้านๆ ก็คือความหงี่นั่นแหละ สุขภาพก็สำคัญ พวกที่รักษาสุขภาพตัวเองดีๆ อ่ะ ถ้าได้มีเซ็กส์ทีนะ แม่งโคตรอึด พวกที่เล่นกล้ามกับกูบางคน เคยพาเมียไปโรงบาลมาแล้วก็มี เพราะว่ามีอะไรหลายรอบเนี่ยแหละ” เหล่าชะนีส่งเสียงอื้ออึงด้วยความอึ้งเมื่อได้ฟังประโยคสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากไอ้วอร์ม ผมรู้สึกปากแห้งคอแห้งไปขึ้นมาทันใด เพราะผมก็เคยไปโรงพยาบาลมาเพราะมีเซ็กส์ แต่นั่นแค่รอบเดียวนะน่ะ ไอ้รอบปกติในบ้านนั่นจัดหนักจนแทบสลบ ถือว่าผมโชคดีและร่างกายแข็งแรงพอที่จะรับมือกับวิคเตอร์ได้สินะ ยิ่งเวลาเข้าไปในห้องเซ็กส์ทอย วิคเตอร์จะยิ่งมีพลังมากกว่าเดิม  ผมรอดออกมาได้นี่ถือว่าบุญยังคุ้มครอง ดีไม่ตายคาเตียง ไม่ตายคาเชือกที่มัดแขนมัดขาไว้
   

“แต่อย่างนึงที่กูว่าแม่งเป็นตัวชนวนสำคัญของอารมณ์ผู้ชาย คือคู่นอนเราว่ะ คือถ้าแฟนเรา หรือคู่นอนเราน่าเอา น่านอนด้วยนะ แม่งกกทั้งวันยังได้”
   

“เออ อันนี้กูเห็นด้วย ถ้ายิ่งเจอแบบรักถวายหัวนะ ยิ่งอยากเอา กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม” ไอ้แชมป์เสริมประโยคของไอ้วอร์มทันที ประโยคจากปากผู้ชายแท้ๆ สองคนในกลุ่ม ทำเอาผมสะดุดใจ ใจที่เคยเหี่ยวเฉา เกิดอาการเต้นแรงขึ้นมา ทั้งๆ ที่มันก็เคยเกิดอาการเต้นแรงแบบนี้มาก่อน แต่พอมันเต้นแรงขึ้นมาอีกรอบหลังจากนิ่งสงบมาเป็นเดือนๆ ก็ทำเอาผมแทบคุมมันไม่อยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะเต้นแรงอะไรนักหนาทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรชวนให้ใจเต้นแรงๆ เลยสักนิด
   

“ไม่ลองมีเองวะแมท จะได้รู้คำตอบว่าผู้ชายอย่างเราๆ สามารถมีเซ็กส์ได้กี่รอบ” แชมป์แซวด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ ผมถลึงตาใส่มัน นั่นจึงทำให้มันกับไอ้วอร์มหัวเราะออกมา
   

“แกสองคนก็ถามไม่ให้เกียรติสภาพเพศเพื่อนเลยนะคะ แมทมันจะไปเอาใครล่ะ นอกจากมันจะโดนเอาเอง ใช่มั้ยแก”  เก้าหันมาพยักเพยิดกับผม ผมย่นคิ้วทำหน้าเอือมใส่มัน ไม่ได้จะทำใสซื่อหรอก แต่ก็ไม่อยากพูดไรมาก เดี๋ยวจะเผลอหลุดว่าตัวเองเสียซิงไปแล้ว
   

“แล้วมึงโดนเอายังวะแมท ถ้ายังไม่เคย กูช่วยมั้ย เพื่อนกัน แบ่งปันน้ำใจกันได้เว้ย!” แล้วทั้งกลุ่มก็ฮากับประโยคอันมีน้ำใจของอีแชมป์ ผมหยิบกระดาษเอสี่ที่เขียนประโยคสำหรับพรีเซ้นต์ฝึกงานไว้ขึ้นมาฟาดหัวมันไปหนึ่งที ทุกคนยิ่งหัวเราะเมื่อผมแยกเขี้ยวใส่มันและระดมตีหัวมันไม่เลิก จนมันดึงผมเข้าไปกอดนั่นแหละ ผมถึงหยุดและหันมาดิ้นๆ พยายามดันตัวเองออก คนอื่นๆ ส่งเสียงแซวสนุกสนาน อีแชมป์ก็ได้ใจ แกล้งหอมแก้ม หอมหัวผมยกใหญ่
   

“อั๊ยยย! อีแชมป์ ไอ้เชี่ยม!” แทนที่มันจะหยุด กลับส่งเสียงหัวเราะอยู่ได้
   

“พี่แมทคะ…” เสียงใสๆ พร้อมหน้าสวยๆ ของรุ่นน้องในเอกคนหนึ่งดังขึ้น นั่นจึงทำให้ไอ้แชมป์หยุดเล่นกับผม และเราทุกคนก็หันไปมองน้องคนสวยในเอกประจำปีสาม
   

“อาจารย์ณัฐวัฒน์เรียกพี่ไปพบที่ห้องพักของอาจารย์ค่ะ” ผมทำหน้าว่าอ้อ และพยักหน้ารับประโยคนั้น น้องคนสวยยิ้มให้และเดินไปหาเพื่อนๆ ที่รออยู่ พอน้องเดินไป ผมก็หันไปมองเพื่อนๆ งงๆ
   

“อาจารย์แกมีไรวะ”
   

“อ้าว ถามพวกฉัน แล้วฉันจะไปถามผีที่ไหนล่ะแก ก็นั่งอยู่ด้วยกันเนี่ย” แบมทำหน้าว่า มึงบ้าปะเนี่ย? ใส่ผม ส่วนผมก็ยังคงทำหน้างงต่อไป
   

“ก็ขึ้นไปหาแกดิ แกมีอะไรจะให้มึงทำแหละถึงได้เรียกขึ้นไป” แชมป์บอกพลางยกมือซ้ายมาโยกหัวผมเบาๆ ผมปัดออกสีหน้ามุ่ย ไอ้หน้าเกือบตี๋ยิ้มแฉ่งกวนตีนกลับมา
   

“ทำไมอาจารย์เขาไม่ลงมาหาฉันเองวะ”
   

“โอ้โห! อีเน่! แกคิดจะเล่นกับอาจารย์ใช่มะ เดี๋ยวก็โดนแกจิกกัดสามวันสามคืนหรอก” ผมหัวเราะกับประโยคของเหมียว ก่อนจะลุกขึ้นยืน ในจังหวะที่ลุกขึ้นยืนไอ้แชมป์ก็เอามือมาบีบก้นผมแรงๆ
   

“ฮิ้ววว! ก้นแน่นจังเลยนะครับน้องแมท!” ไอ้ดวกแชมป์ กูเนี่ยรุ่นพี่มึงอีกนะ ถึงจะห่างกันแค่ปีเดียวก็เถอะ ผมหยิบขนมปาใส่มัน แล้วเดินออกจากโต๊ะ ตรงไปที่ลิฟต์ กดเรียกลิฟต์สักพักมันก็ลงมา ผมก้าวเข้าไปข้างในคนเดียวแล้วกดเลขแปด ช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีคนใช้ลิฟต์เท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็กำลังเรียนอยู่
   

ผมเดินออกจากลิฟต์ เดินตรงไปยังห้องพักของอาจารย์ณัฐวัฒน์ เคาะประตูเป็นการขออนุญาต พอได้ยินเสียงอาจารย์เรียกให้เข้าไปได้ ผมถึงเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับดันประตูปิดตามหลัง
   

“มีอะไรหรอครับอาจารย์” ผมยกมือไหว้แกพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับอาจารย์ แกหยิบกระดาษโปสเตอร์แผ่นหนึ่งยื่นมาให้ผม ผมยื่นมือไปรับสีหน้างุนงง
   

“งานฟิล์มเฟสติเวิลของไทย?” อาจารย์ยิ้มกริ่มและพยักหน้าให้ ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยเสียงเป็นการเป็นงาน
   

“ครูรู้ว่าเธอชอบงานด้านภาพยนตร์ แต่ที่เอามาให้ดูเนี่ย ไม่ได้จะให้ไปทำหนังหรืออะไรหรอกนะ แต่พอดีทางทีมงานเขาติดต่อมาทางภาควิชา ว่าขอให้เธอไปร่วมงานด้วย” คราวนี้ผมทำหน้างงหนักเข้าไปอีก งานใหญ่โตระดับประเทศขนาดนี้ เขาควรติดต่อพวกดารานักแสดงไปร่วมงานไม่ใช่เหรอ แล้วเด็กปีสี่อย่างผมนี่มีความสำคัญกับงานนี้ตรงไหนเนี่ย
   

“ให้ผมไปร่วมงานเนี่ยนะครับ ไปในฐานะอะไรอะครับอาจารย์”
   

“เขาบอกให้เป็นเบื้องหลัง จริงๆ ทางทีมงานของไทยไมได้รีเควสเธอมาหรอก แต่เขาบอกว่าทีมงานต่างประเทศที่จะมาร่วมงานด้วยต่างหากที่รีเควสว่าอยากให้เธอไปร่วมงานด้วย” ผมก็ยังคงทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ดี ถึงขั้นยกมือขึ้นมาเกาหัวงงๆ และก้มลงมองแผ่นโปสเตอร์โปรโมตงานภาพยนตร์นานาชาติในประเทศไทย
   

“คืองี้ ดาราที่ชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์อ่ะ เขาให้ทีมงานติดต่อมา ว่าขอให้เธอไปดูแลเขา ในระหว่างที่เขาอยู่ที่ไทย” คล้ายว่าลมหายใจผมจะหายไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังหายใจอยู่รึเปล่า ตอนที่ได้ยินชื่อวิคเตอร์ ใจผมกระตุกอย่างรุนแรง กระตุกวูบเดียวหนักๆ แล้วเหมือนกับมันหยุดเต้นไปเลย ตัวผมค่อยๆ เย็นวาบช้าๆ ผมเงยหน้ามองอาจารย์ด้วยลำคอที่แห้งผาก
   

“ได้ข่าวว่าตอนที่เธอไปฝึกงานที่นิวยอร์ก ก็คือไปดูแลเขาอ่ะหรอ” อาจารย์ถามยิ้มๆ ผมหุบหากที่อ้าอยู่เล็กน้อยลง พร้อมกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ พยักหน้ารับด้วยอาการสติหลุดลอย
   

“อ้าว แล้วนี่เป็นอะไรจ๊ะ หน้าซีด นั่งตัวแข็งทื่อเชียว” ผมทำหน้าตื่นตกใจ เหมือนว่าเพิ่งได้สติตอนที่อาจารย์ถาม ผมกระพริบตาเพื่อให้ตัวเองมีการขยับบ้าง
   

“เขาติดต่ออาจารย์มาเมื่อไหร่ครับ”
   

“ก็เมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง พอครูเลิกสอนก็เลยให้เด็กลงไปตาม” ใจผมที่คล้ายจะหายไป กลับมาเต้นให้รู้สึกว่ามันยังอยู่ในอก ไม่ได้ไปไหน ผมก้มลงมองหากำหนดการวันงานในโปสเตอร์
   

“งานมีเดือนหน้า…”
   

“ใช่ แต่ว่าไอ้พระเอกคนเนี้ย เขาจะมาเที่ยวไทยก่อนอาทิตย์นึง แต่อย่าไปบอกใครล่ะ เขาขอให้ปิดข่าว เพราะเขาอยากไปเที่ยวแบบส่วนตัว” ตอนนี้ผมรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องไปหมด เหมือนอะไรสักอย่างที่สงบไปนานแล้วกำลังตื่นตัวขึ้นมาอีกรอบ
   

“เธอเคยทำงานกับเขามาก่อน เขาก็คงอยากได้คนที่เคยร่วมงานกัน มาทำงานด้วย” และแล้วสมองกับใจผมก็ตีกันจนได้ แน่นอนว่าสมองบอกว่าไม่ให้ไป แต่ใจบอกให้ไปอย่าไปรีรอ
   

“ทำหน้าเหมือนไม่อยากทำ มีอะไรรึเปล่า” อาจารย์ถามเมื่อเห็นผมมีท่าทีอึดอัดใจ
   

ใจผมอยากไป มันกระโดดโลดเต้นตั้งแต่ได้ยินชื่อเขาแล้ว พอรู้ว่าเขาจะมาไทยยิ่งดีใจเข้าไปอีก แม้จะไม่ได้มาเพราะผม แต่อย่างน้อยเขาก็จะมาอยู่ใกล้ผมอีกครั้ง ผมควรจะตกปากรับคำกับการรีเควสนี้ทันที แต่ความทุกข์ใจที่เกาะกินใจผมมาตลอดสองเดือน มันกำลังเตือนผมว่าเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับเขาอีกเลย เขามาครั้งนี้ก็มาเพราะงาน ไม่ได้มาเพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับผม และพอจบงานนี้เขาก็จากผมไปพร้อมกับความหวังอีกมากมายที่ทิ้งไว้ให้กับผม เขาจะกำลังจะกลับมาทำให้ผมตกหลุมรักเขาซ้ำซาก
   

ผมไม่อยากอยู่ในสภาพอับเฉาและใจอันห่อเหี่ยวแบบนั้นอีก
   

“ผมขอปฏิเสธได้มั้ยครับ” ผมตัดสินใจเอ่ยออกมาในที่สุดพร้อมกับวางโปสเตอร์ลงบนโต๊ะ อาจารย์ทำหน้าประหลาดใจที่เห็นผมปฏิเสธแทนที่จะตอบรับ
   

“ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกับเขารึเปล่า แต่ครูว่าไม่น่านะ เพราะทีมงานไทยบอกว่าเขาพูดว่า I need only him.”
   

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ แต่ผมแค่ไม่สะดวกจะไปทำ อาจารย์ก็รู้ว่าผมยังมีหน้าที่เรียนอยู่ ตอนที่ทำงานกับเขานั่นคือช่วงฝึกงาน มันไม่เหมือนกัน”
   

“อุ๊ย ไม่เป็นไรเลย เดี๋ยวครูทำเรื่องลาให้ ถือว่าเธอสร้างชื่อเสียงให้กับมหา’ลัยด้วยซ้ำ ถ้าเธอไป ครูมีคะแนนพิเศษให้สำหรับวิชาครูในเทอมนี้ด้วย จะได้เอาเอจากครูไปอีกตัว” อาจารย์บอกด้วยรอยยิ้ม ผมยิ้มเฝื่อนกลับไปจนอาจารย์ทำสีหน้าไม่เข้าใจ อาจารย์แกสอนละครเวที แกเป็นคนสอนผมให้ดูเรื่องแอคติ้งของนักแสดง ทำไมสีหน้าอมทุกข์ของผมแกจะดูไม่ออก
   

“ผมก็อยากไปนะครับ แต่ผมไม่สะดวกใจจะไปจริงๆ” อาจารย์มองหน้าผมนิ่งๆ สักพัก ก่อนจะถอนหายใจราวกับยอมแพ้ที่จะตื๊อผมต่อ อาจารย์เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้สีดำ พูดด้วยเสียงอ่อนโยนตามประสาคนเป็นอาจารย์
   

“ครูไม่รู้นะว่าเธอมีปัญหาส่วนตัวกับเขารึเปล่าในระหว่างที่อยู่นิวยอร์ก แต่ถ้าเธอไม่พร้อมจะไปครูก็ไม่อยากบังคับ…” ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อย อาจารย์ถอนหายใจพร้อมสีหน้าหนักใจ
   

“แต่ทีนี้เขาฝากมาบอกว่า ถ้าเธอไม่ไป เขาก็จะไม่ยอมมาร่วมงานที่ประเทศไทย ประเด็นคือเขารับค่าตัวไปแล้ว และค่าตัวเขาที่จ้างมาไม่ใช่ล้านสองล้าน มันมากกว่านั้นเยอะ” ผมที่กำลังอยู่ในโหมดเศร้า ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน
   

ไอ้ยักษ์ ไอ้เจ้าเล่ห์
   

“แล้ว… แล้วทำไมทางเราถึงไปจ่ายค่าตัวเขาก่อนล่ะครับ” ผมถามด้วยสีหน้าโง่ๆ ตอนนี้กำลังทึ่งกับกลอุบายของวิคเตอร์อยู่ ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยังมีลูกล่อลูกชนตลอดจริงๆ
   

“อ้าว ก็ทางเราอยากได้เขามาร่วมงานนี่ เห็นว่าพระเอกคนนี้กำลังดัง กำลังมีกระแสในด้านวงการภาพยนตร์ ทางผู้จัดงานเขาก็เชื่อว่าถ้าเอาเขามาแล้ว ก็จะสามารถโปรโมตงานนี้ให้เป็นที่รู้จักได้ในระดับสากล” ผมขมวดคิ้ว นึกโมโหอียักษ์แทนคนจัดงานจริงๆ แล้วคนจัดงานก็ดันยอมจ่ายไป ผมรู้หรอกว่ามันคุ้มค่ากับการที่จะได้โปรโมตงานนี้ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกโดยใช้ชื่อเสียงของพระเอกคนหนึ่งในวงการฮอลลีวูด แต่ทำไมถึงไม่จ่ายทีล่ะครึ่งอะไรแบบนี้นะ
   

“อาจารย์ คนจัดงานเขาคิดไม่ทันหรือไม่ทันคิด ว่าไม่ควรจ่ายเงินทีเดียว”
   

“เธอรู้มั้ยว่าพระเอกคนนี้ไม่รียกร้อง ไม่เรื่องมากอะไรเลย สิ่งเดียวที่เขาขอคือให้เธอไปดูแลเขาเท่านั้น นอกนั้นเขาแล้วแต่ทางทีมงานไทยจะจัดการให้ แต่เขาขอแค่ว่าคนดูแลต้องเป็นเธอเท่านั้น” ผมไม่รู้ว่าควรจะดีใจและเป็นปลื้มใจดีมั้ยที่กลายเป็นที่ต้องการของพระเอกดาวรุ่งกำลังดังอย่าง วิคเตอร์ เรย์มอนด์
   

“แบบนี้ก็เท่ากับว่า ยังไงผมก็ปฏิเสธเขาไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ยครับ”
   

“ถ้าเอาแบบไม่อ้อมค้อม ก็ถูกต้อง เรียกได้ว่าความอยู่รอดของประเทศอยู่ในมือเธอแล้ว” โอ้! ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน เก้งสาวตัวเตี้ยๆ ตันๆ คนหนึ่งกับภารกิจสำคัญระดับชาติ
   

“ผมต้องดูแลเขากี่วันครับ”
   

“น่าจะสักสองอาทิตย์นะ เขามาไทยก่อนงานเริ่มอาทิตย์นึง พองานจบก็เห็นว่าเขาจะอยู่เที่ยวต่อ” ผมถอนหายใจหนักๆ นึกถึงหน้าวิคเตอร์ตอนนี้ออกเลยว่าเขาจะยิ้มร้ายกาจแค่ไหนที่บีบผมได้อีกครั้ง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าไม่คิดจะมาหาผมอยู่แล้ว จะยังบังคับให้ผมไปหา ไปใกล้เขาอีกทำไม
   

“ผมควรตอบตกลงสินะครับ ถ้าไม่ตกลง งานคงขาดทุนย่อยยับ เพราะค่าตัวพระเอก” อาจารย์ยิ้มจนแก้มอิ่มและพยักหน้าหนักๆ หนึ่งที
   

อียักษ์ อีคนเจ้าเล่ห์ อีจอมบงการ ต้องการอะไรของแกอีก ถ้าคิดจะหายไปแล้ว ทำไมไม่หายไปตลอดเลยล่ะ มายุ่งกันอีกทำไม ถึงจะมาไทย ก็ไม่จำเป็นต้องให้ผมไปอยู่ใกล้ๆ สักหน่อย สองเดือนที่ผ่านมา ไม่มีผมก็อยู่ได้แล้วไม่ใช่หรอ ก็ไม่เห็นตายอย่างที่ปากว่า ไม่เห็นทุรนทุรายสักนิด พอความคิดตกตะกอนแล้วก็น่าจะรู้ตัวแล้วนี่ว่าไม่มีผมก็ใช้ชีวิตได้
   

หรือถ้าเขาจะบอกว่านี่คือการมาหาผมตามสัญญา ผมจะด่าเขาจนเทพีเสรีภาพหนีกลับฝรั่งเศส* เลยคอยดู  มาหาห่าอะไรทำไมต้องใช้กลอุบายทุเรศแบบนี้มาบีบบังคับกัน หรือไอ้นิสัยเอาแต่ใจนี่ไม่เคยจางหายไปเลยใช่มั้ย เออ แน่ล่ะสิก็นั่นมันตัวตนเขาเลยแหละ ไอ้ยักษ์เอาแต่ใจ แล้วพอไม่ได้ดั่งใจต้องการก็จะพาลหงุดหงิด โมโห ส่งเสียงดังและพังข้าวของ
(*เทพีเสรีภาพเป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419)
   

แล้วนี่ทำไมผมถึงคิดแบบหลงตัวเองว่าเขามาเพราะคำสัญญาที่บอกไว้ ผมว่าเขาน่าจะมาเพราะงาน แล้วที่ต้องการให้ผมไปดูแล ก็เพราะผมทนมือทนตีนเขาไง ผมเคยผ่านความลำบากยากแค้นจากเขามาก่อน เขาเลยไม่อยากหาใครคนอื่นมาทนกับนิสัยของเขา และถ้าเป็นคนอื่นเขาจะเรื่องมาก เอาแต่ใจ วีนเหวี่ยงได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าเป็นผม เขาจะใส่อารมณ์แค่ไหนก็ได้ เพราะเขารู้ว่าผมทนได้กับนิสัยของเขา ใช่ผมทนได้ ไม่ใช่แค่เพราะผมมีความอดทนหรอก แต่เป็นเพราะเขารู้ต่างหากว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา
   

ทำไมคุณยังใจร้ายเหมือนเดิมเลยนะคุณเรย์มอนด์


TBC.


 :hao5:

ออฟไลน์ holefiller

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
«ตอบ #147 เมื่อ26-07-2015 00:28:56 »

อิคุณวิคเตอร์  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

หนูแมทต้องเชิดใส่ไปเลย สวยๆเกร๋ๆ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
«ตอบ #148 เมื่อ26-07-2015 02:05:43 »

อยากให้อิยักษ์กับอิเอิรธ์ได้รับความเจ็บปวดบ้างอะ  :ling1:  :fire:  :m31:  :angry2:

เกลียดจริ๊งงงนิสัยแบบนี้ อิเอิรธ์ก็นึกว่าจะดีปากก็บอกรักเค้างู้นงี้แต่สุดท้ายก็มีดีแค่ลมปากกก  :m16:

แค้นแทนน้อง T_T อยากกระทืบให้สาแก่ใจจจ ฮึ่มมมม ขอโทษทีค่ะอินไปหน่อย 55555555

แต่เรื่องให้บทเรียนอิสองคนนั้นเค้าเอาจริงนะ อย่าปล่อยให้มันลอยนวลลลลล  o18


ปล. มาต่อไวๆน้าาา  :o12: :sad4:  :z13:

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
«ตอบ #149 เมื่อ26-07-2015 17:07:04 »

ดวงความรักกับหนูแมทไปด้วยกันไม่ได้เลยนะะ เสียใจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด