:Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18  (อ่าน 799625 ครั้ง)

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
«ตอบ #150 เมื่อ26-07-2015 17:43:34 »

วิคเตอร์มันจะทำอะไรแมทอี๊กกกกก  :katai1:

ออฟไลน์ Glitterycandy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
«ตอบ #151 เมื่อ26-07-2015 18:32:38 »

เอิร์ธ วิคเตอร์ พอกันทั้งคู่  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ cakecoke

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU{EP.4 50%}26.07.58
«ตอบ #152 เมื่อ27-07-2015 17:52:14 »

 :-[  :man1:  กอดคนเขียนแรงๆ  :pig4:


 :z6: มอบให้พ่อวิค ขาคู่ใส่มันเลยยยยยยย  :z3:

สนุกมากฮับผมมมมมม  o13  :ling1:


ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%}28.07.58
«ตอบ #153 เมื่อ28-07-2015 00:50:50 »

ONLY YOU EP.4 [100%]


#2 วันผ่านไป


ผมกำลังยืนทบทวนสคริปที่จะใช้พรีเซ้นต์การฝึกงานของตัวเองด้วยเสียงงึมงำราวกับกำลังสวดมนตร์ ไม่ได้ตื่นเต้นจนขาสั่นหรือพูดติดๆ ขัดๆ หรอก แต่การที่คนในเอกมาฟังเยอะๆ และทุกคนรอฟังการพรีเซ้นต์ของผมมากที่สุด นั่นต่างหากที่คือการกดดัน ผมรู้ว่าทุกคนสนใจอยากฟังเรื่องราวของไอ้พระเอกร่างยักษ์แล้วก็ชอบทำหน้าเหมือนยักษ์จอมเอาแต่ใจคนนั้น ไม่ได้สนใจอยากมาฟังพรีเซ้นต์ของผมจริงๆ หรอก
   

“แมท คิวต่อไปแล้วนะ” เพื่อนที่เป็นพิธีกรในการพรีเซ้นต์ครั้งนี้เดินเข้ามาบอก ผมยิ้มเงอะงะและพยักหน้ารับเร็วๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และผ่อนออก
   

งานพรีเซ้นต์การฝึกงานครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งอีเว้นต์ใหญ่ของภาควิชาภาษาอังกฤษ ไม่ได้จัดขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานหรือจัดเพื่อเพิ่มงานให้นิสิตแต่ว่ามันคือส่วนหนึ่งของวิชาการฝึกงานงานจริงๆ เป็นการประเมินขั้นไฟนอลจากอาจารย์ หากเราทำพรีเซ้นต์ไม่ดี ที่ตั้งใจทำมาสองสามเดือนก็เปล่าประโยชน์เช่นกัน เพราะอาจารย์เขาจะดูว่าเราไปฝึกงานมานั้น เราได้อะไรมาบ้าง เนื่องจากมันส่งผลต่อภาควิชาด้วย คือถ้าเด็กไปฝึกงานแล้วได้ประโยชน์จริงๆ ก็เท่ากับว่าวิชานี้ควรจะยังอยู่ต่อไปได้โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันเปลืองงบประมาณของทางมหาวิทยาลัย และเป็นการบังคับเด็กไปในตัวด้วยว่า ต้องตั้งใจฝึกงานนะ ต้องทำให้เหมือนการทำงานจริงๆ เพราะถ้าเราไม่ตั้งใจทำ เราจะไม่สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกมารายงานตรงนี้ได้ อีกอย่างอาจารย์ในภาคทุกคนทั้งอาจารย์ไทยและฝรั่งก็จะมาร่วมนั่งฟังพรีเซ้นต์เทชั่นในวันนี้ด้วย และอาจารย์ทุกคนก็มักจะมีคำถามคนล่ะคำถามสองคำถามเสมอ ถ้าเราผ่านการฝึกที่ไม่ดีมา ก็จะตอบคำถามได้ไม่ดี แล้วจะทำให้ถูกหักคะแนน ยี่สิบคะแนนก็จะค่อยๆ หายไป และถ้ามันหายเกินสิบเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็คือความหายนะของชีวิตนิสิตฝึกงาน
   

ผมรู้สึกขอบคุณเอมิลี่มากที่สั่งให้ผมทำเดลี่รีพอร์ตทุกครั้งเวลาที่วิคเตอร์ไปทำงาน เพราะผมสามารถดึงไฟล์เหล่านั้นมาใช้ในการรายงานครั้งนี้ได้ด้วย สไลด์พรีเซ้นต์ผมเลยไม่ได้ทำอะไรเยอะมาก เพราะดึงมาจากเดลี่รีพอร์ตของคุณเอมิลี่มาใช้ได้เลย แค่ตกแต่งแต่ล่ะสไลด์ให้ดูมีสีสันเท่านั้น  ส่วนข้อมูลในสไลด์ ผมก็เติมตามหัวข้อที่อาจารย์กำหนดมาในสมุดฝึกงานว่าต้องมีอะไรบ้าง ในด้านรายละเอียดยิบย่อยผมก็จะพูดเสริมขึ้นมาเอง แถมเดลี่รีพอร์ตที่ทำส่งคุณเอมิลี่ทุกครั้งนั้น มันยังมีประโยชน์ต่อผมในการเมมโมรี่ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างดี เชื่อว่าถ้าอาจารย์ถามอะไรมา ผมน่าจะตอบได้อย่างไม่ขัดข้อง
   

“Next presentation is the most exciting internship that I believe most of us in here have been waiting for… (การพรีเซ้นต์ต่อไป ดิฉันเชื่อว่าส่วนใหญ่รอคอยกันอยู่)” เสียงเพื่อนผู้หญิงที่เป็นพิธีกรของงานนี้พูดด้วยเสียงทุ้มน่าฟังพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจสาดไปทั่วห้อง ผมมองไปทางคนที่มานั่งฟัง ก็เห็นคนล้นไปถึงท้ายห้องประชุม มีหลายคนต้องยืนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้สังเกตว่าก่อนหน้านั้นคนเยอะขนาดนี้อยู่แล้ว หรือมันเพิ่งมาเยอะเอาตอนที่ผมกำลังจะขึ้นพรีเซ้นต์กันแน่
   

“เป็นไรวะมึง ตื่นเต้นหรอ” ไอ้แชมป์เข้ามายืนข้างๆ ในขณะที่ผมยืนรอให้พิธีกรเรียกขึ้นไปบนเวทีเล็กๆ ผมหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยอาการตื่นๆ
   

“นิดหน่อยอ่ะ คนเยอะเหมือนกันนะ ไม่คิดว่าเอกเราจะมีคนเยอะขนาดนี้”
   

“เอกเราอย่างเดียวซะที่ไหน มีเด็กนิเทศฯ มาฟังด้วย พอเขารู้ว่ามึงไปฝึกงานเกี่ยวกับเบื้องหลังซีรีส์ ภาพยนตร์อะไรแนวๆ นั้น เขาก็แห่มาฟังกันเต็ม” ผมเบิกตากว้างขึ้น มองไอ้แชมป์ด้วยความตะลึง มันพยักหน้าขึงขังกลับมาเป็นเชิงยืนยันว่าเรื่องจริง
   

“ใครไปบอกพวกนั้นเนี่ย”
   

“มึงก็รู้ว่างานนี้เปิดให้ใครเข้ารับฟังก็ได้ แต่พอดีเอกเรามันก็บอกกันปากต่อปากว่ามึงไปฝึกงานกับไอ้พระเอกนั่น คนเลยยิ่งสนใจ” คือถ้ามีแค่เอกผม ความประหม่าอาจไม่มากขนาดนี้ อาจจะมีนิดๆ หน่อยๆ แต่เดี๋ยวก็คงสงบลง แต่นี่พอมีคนอื่นที่ไม่ใช่คนในเอกมาฟังเพิ่มด้วย ผมเลยรู้สึกเกร็งๆ ขึ้นมา
   

“ทำตัวตามสบายเหอะน่า มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยมึง ทีตอนเดินเปิดตัวผู้กำกับละครเวที กูไม่เห็นมึงอายที่จะเดินก้นบิดไปมา บิดจนกูอยากเอาตูดมึงเลย” ไอ้แชมป์หัวเราะเสียงทุ้ม ผมทำหน้าดุใส่มันและยกมือฟาดไหล่หนาๆ ของมันทันที
   

“ไอ้เชี่ยนี่ มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ” แชมป์ยกแขนโอบไหล่ผมไว้และโยกไปมาแรงๆ สองสามครั้ง ก็เป็นจังหวะที่พิธีกรเรียกให้ผมขึ้นไปบนเวที พร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับ ผมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วก้าวเท้าเดินออกไป ข่มใจให้นิ่ง รับไมค์มาจากเพื่อน หันไปมองสบตาคนในห้องประชุมเล็กของตึกคณะนิดหน่อยพอเป็นพิธี ให้ดูว่าเรานั้นไม่ได้มีอาการตระหนกตกใจแต่อย่างใด ทั้งที่จริงใจสติแทบเตลิดแล้ว
   

“Good afternoon everyone. I have to say that I feel shock with amount of people in here. (สวัสดียามบ่ายครับ ต้องบอกว่ารู้สึกตกใจกับจำนวนคนในนี้อย่างมากเลย)” หลายๆ คนในห้องส่งเสียงหัวเราะกับมุกตลกกากๆ ของผม สายตาผมสอดส่องไปทั่วห้อง เห็นคนนั่งกันแน่น และคนยืนกันเต็มหลังห้องไปหมด
   

“Okay, today I’m gonna present my internship experience in New York City with this guy… (ก็ วันนี้ผมจะมาพรีเซ้นต์เกี่ยวกับประสบการณ์การฝึกงานของผมที่นิวยอร์กกับผู้ชายคนนี้…)” ผมเคาะปุ่มเอ็นเทอร์บนแป้นแล็ปทอป และรูปหน้าของวิคเตอร์ก็โผล่ขึ้นมา เกิดเสียงฮือฮาวิ้ดวิ้วขึ้นในห้องประชุม ผู้หญิงบางคนถึงขั้นกรี๊ดออกมาก็มี เพราะรูปที่ผมใช้เป็นรูปตอนเขาถ่ายแบบกับอดัมในวันที่เรามีอะไรกันครั้งแรกบนฝากระโปรงรถหรูของเขา เป็นรูปที่เขาใส่กางเกงยีนส์ ท่อนบนเปลือยเห็นหุ่นอันอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามของเขา เป็นตอนที่เขากำลังเปลี่ยนเสื้อหน้าเซ็ทและดึงกางเกงยีนส์ลงต่ำเพื่อจะเปลี่ยนกางเกง เลยทำให้กางเกงห้อยอยู่ที่สะโพกเขาอย่างเซ็กซี่
   

“If I make someone shocking—I have to say sorry. (ถ้าทำให้ใครบางคนช็อก ต้องขออภัยด้วยนะครับ)” ผมหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของอาจารย์บางคนที่เบิกตากว้างด้วยความตะลึง
   

หลังจากนั้นผมก็แนะนำตัวเอง และเริ่มเกริ่นเข้าเรื่องการฝึกงานของตัวเองว่าไปทำได้ยังไง ไปแล้วไปทำอะไรบ้าง ผมก็เล่าเรื่องเบื้องหลังกองถ่ายซีรีส์ว่ามีวิธีการทำงานกันอย่างไร ผมเห็นเด็กนิเทศฯ ที่มาร่วมฟังนั่งจดกันยิกๆ ผมเลยเสริมเรื่องระบบการทำงานของต่างประเทศเข้าไปอีกหน่อย จนพูดไปถึงการทำงานของด้านสายหนังที่ผมมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสมาแบบสั้นๆ เพราะผมต้องกลับก่อนที่วิคเตอร์จะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ ส่วนในด้านเกี่ยวกับวงการนายแบบนางแบบ ผมก็พูดเท่าที่รู้ เพราะผมเองก็ไม่ได้เข้าไปคลุกคลีส่วนนั้นมากเท่าไหร่ มีแต่วุ่นวายกับงานถ่ายแบบของวิคเตอร์ซะมากกว่า
   

“ก็ดูแลเขาเกือบทุกเรื่อง เหมือนเราไปเป็นผู้จัดการเขาเลย ดูแลตั้งแต่อาหารการกิน เสื้อผ้าหน้าผม จัดการตารางงานต่างๆ ให้เขา และเวลาเขาเอ่ยปากขอให้ทำอะไรก็คือต้องทำให้ จริงๆ เรียกผู้จัดการอาจจะดูดีไป น่าจะเรียกว่าไปเป็นคนใช้เขาจะเหมาะกว่า …” ทุกคนในห้องส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ ส่วนผมนั้นอมยิ้ม เพราะแอบคิดถึงภาพวันเวลาที่รับใช้เขาอย่างหนักหน่วงในช่วงแรก จะว่าไปมันก็ฝึกความอดทนของผมให้เพิ่มขึ้นนะ จากที่เป็นคนถึก เป็นคนอดทนกับเรื่องงานอยู่แล้ว พอเจอวิคเตอร์เข้าไป เลยยิ่งต้องถึกกว่าเดิม แม้จะลำบากตรากตรำ แต่มันก็มีมุมดีๆ เยอะนะ ยิ่งช่วงหลังๆ ที่เราลึกซึ้งต่อกัน มันยิ่งดีมากเลยล่ะ แม้ช่วงนึงจะเป๋ไปเพราะใจเขาก็ตาม
   

แต่ตอนนี้มันคงเป๋แบบที่ไม่มีวันตั้งตรงๆ อีกแล้วมั้ง
   

“What is the hardest thing for you? (อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับคุณ)” อาจารย์หัวหน้าภาคยกมือขึ้นแล้วถามคำถาม ผมยืนนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างติดตลก
   

“Him.” ผมตอบพร้อมยิ้มยิงฟัน และชี้นิ้วไปด้านหลังโปรเจ็คเตอร์ที่มีรูปวิคเตอร์ฉายอยู่ เป็นรูปที่เขากำลังเข้าฉากซีรีส์ในสตูดิโอ ทั้งห้องหัวเราะกับคำตอบของผมอย่างครึกครื้น
   

“Why?” อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงคนหนึ่งยกมือถามด้วยรอยยิ้มใจดี ผมยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย กระแอมคอให้โล่งและตอบเสียงดังฟังชัด
   

“เขาค่อนข้างดื้อ แล้วก็เอาแต่ใจอยู่บ่อยๆ บางทีก็ตื่นสาย ต้องให้ผมคอยปลุก มีครั้งนึงผมเอาที่ช็อตยุงช็อตเขาเพื่อให้เขาตื่น…” คราวนี้เสียงหัวเราะดังมากกว่าเดิม ขนาดผมเองยังยิ้มกว้างด้วยความตลก เมื่อนึกถึงวันที่เขานอนชีเปลือยแล้วผมเอาที่ช็อตยุงไปช็อตก้นเขา แล้วเราก็ทะเลาะตบตีกันเป็นพัลวัน
   

“…แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีน้ำใจและใจดีกับผมเสมอ ถึงจะเพิ่งมาเป็นช่วงก่อนกลับไม่กี่อาทิตย์ก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เขาเริ่มเปิดใจให้ผมบ้าง ก่อนหน้านั้นผมเข้าใจเขานะ ผมเป็นใครก็ไม่รู้ แล้วอยู่ๆ ก็ถูกส่งให้ไปดูแลเขา จะให้เขามาไว้ใจคนแปลกหน้าเลยก็ไม่ใช่” ผมยิ้มน้อยๆ และเอื้อมมือไปกดเลื่อนภาพต่อไปในสไลด์ ขึ้นมาเป็นภาพที่เขากำลังนอนเล่นกับไมเคิลอยู่ในบ้าน เหล่าผู้หญิงในห้องส่งเสียงฮือกันเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะภาพมันดูเอ็กซ์คลูซีฟ
   

“What is the best experience for you in New York? (แล้วอะไรคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณที่นิวยอร์ก)” อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงคนเดิมถามเสียงนุ่ม ผมทำหน้าคิดเล็กน้อยและตอบคำถามเธอ
   

“Him—again.” ผมยิ้มกว้าง ในห้องเริ่มส่งเสียงแซววี้ดวิ้ว อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงยิ้มกริ่ม แล้วถามต่อ
   

“Why him?”
   

“เพราะผมใช้ชีวิตกับเขาแทบจะตลอดเวลาครับ ถึงเขาจะดื้อ เอาแต่ใจไปบ้าง แต่อย่างที่บอกว่าเขาก็มีมุมที่ดีต่อผม จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เขาหรอกครับที่เป็นประสบการณ์ที่ดี ทุกๆ คนที่ผมพบเจอที่นั่นคือเรื่องราวดีๆ หมดเลย เพียงแต่ผมกับวิคเตอร์เจอกันบ่อยเท่านั้นเอง”
   

“อย่างนี้ข่าวที่ว่าพี่กับเขากิ๊กกันก็จริงปะคะ” รุ่นน้องในเอกคนหนึ่งยกมือขึ้นถามด้วยท่าทีกระตือรือร้น และทุกคนเองก็ดูจะสนใจกับคำถามนี้ อาจารย์คนไทยหันไปแปลให้เหล่าอาจารย์ฝรั่งฟัง
   

“น้องรู้จักคำว่าขายข่าวมั้ยล่ะครับ นั่นแหละ มีแค่นั้น ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรที่จริงเลยสักนิด”
   

“แล้วสำหรับพี่ วิคเตอร์เป็นยังไงบ้างคะ นอกจากที่พี่บอกมา” น้องผู้หญิงที่นั่งอีกฟากหนึ่งยกมือขึ้นแล้วถาม ผมยิ้มเบาๆ ก่อนจะตอบเสียงใส
   

“เขาเป็นผู้ชายที่น่ารัก ถ้าน้องเป็นแฟนคลับเขา บอกได้แค่ว่าน้องรักคนไม่ผิดหรอก” แล้วน้องนีหลายคนก็ส่งเสียงละลายใจ อย่างกับว่าวิคเตอร์ตัวเป็นๆ มายืนอยู่ในห้องนี้ด้วย
   

“And if you have a chance—do you wanna go back to NYC again? (แล้วถ้าคุณมีโอกาส คุณอยากจะกลับไปที่นั่นอีกมั้ย)” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากสักมุมของห้อง ผมกวาดสายตาไปมองพร้อมกับคนที่นั่งอยู่ แทบจะทุกคนที่หันหลังไปมอง วินาทีแรกที่สบกับดวงตาสีน้ำตาล ใจผมกระตุกวูบ ยิ่งเห็นใบหน้าหนวดเคราใจก็เริ่มสั่น แต่พอพิจารณาดีๆ ก็ถึงได้รู้ว่าผมตาฝาดไปเองที่คิดว่าเป็นวิคเตอร์ แต่นั่นคืออาจารย์ฝรั่งในภาควิชาที่ไปนั่งปะปนกับเด็กในเอกเฉยๆ แน่นอนว่าทำให้ผมหลอนได้ขนาดนี้ เพราะเป็นอาจารย์จากเกาะอังกฤษ และดันมีดวงตาสีน้ำตาลบวกกับใบหน้าอันดูดี มีหนวดช่วยเพิ่มความหล่อเข้ม และยังเป็นอาจารย์ที่เด็กเอกอิ๊ง (เพศหญิงและตุ๊ดเก้งกวาง) กรี๊ดกร๊าดกันทุกครั้งที่ได้เรียนกับเขา
   

ผมพ่นลมหายใจออกเพื่อระบายความหลอนของตัวเอง ยกยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย จับไมค์ให้มั่นคงและตอบคำถามของอาจารย์สุดหล่อด้วยเสียงเรียบเรื่อย
   

“Yes, I do” ผมยกมุมปากทั้งสองขึ้นเป็นรอยยิ้ม อาจารย์สุดหล่อยกนิ้วโป้งเป็นเชิงบอกว่าเยี่ยมให้ ไม่รู้ว่ามันเยี่ยมตรงไหนกับการที่จะบินกลับไปนิวยอร์กอีกรอบ
   


จากนั้นก็มีอาจารย์ท่านอื่นถามอีกคนล่ะข้อสองข้อ ส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามเชิงทัศนคติ เพราะว่ารายละเอียดผมได้พรีเซ้นต์ไปค่อนข้างละเอียดแล้ว เชื่อว่าทุกคนที่มาฟังวันนี้น่าจะได้รับข้อมูลแบบเน้นๆ สำหรับเด็กนิเทศฯ ผมว่าเขาน่าจะได้ประโยชน์จากผมอยู่บ้างนะ ไม่รู้ว่าจะเป็นการเสียเที่ยวของเขาหรือเปล่าที่มาฟังผมพูดในวันนี้
   

“Anyone question? (มีใครมีคำถามอีกมั้ยครับ)” ผมยกไมค์ถามเมื่อผมตอบคำถามของรุ่นน้องในเอกปีสามคนหนึ่งเรื่องวิธีการเตรียมตัวไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ผมว่าการพรีเซ้นต์ของผมนี่ใช้เวลานานกว่าใครเลยนะ ผมกวาดตามองไปรอบๆ ห้องประชุมเพื่อหาว่ามีใครยกมือถามอีกหรือไม่ แล้วผมก็เห็นแขนยาวๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กลุ่มอาจารย์ฝรั่งอังกฤษสุดหล่อคนนั้น ผมยิ้มและพยักหน้าให้เขา
   

“Do you want to see him again? (อยากเจอเขาอีกครั้งมั้ย)” คำถามของผู้ชายใส่หมวกคนนั้นทำเอาผมนิ่งมึนไปเล็กน้อย ผมมองเสี้ยวหน้าจากใต้หมวกของเจ้าของคำถามที่นั่งอยู่รอฟังคำตอบ แอบขมวดคิ้วนิดหน่อยที่เขาใส่หมวกเข้ามาในห้องแอร์ที่ไม่มีแดดเลยสักนิด ผมกำลังจะอ้าปากตอบคำถามเขา พลันสายตาก็สะดุดอักษรตัว V สีเงินที่อยู่บนหมวกแกปสีดำที่เขาใส่อยู่ และตอนนั้นเองที่ใจผมกระตุกวูบอย่างแท้จริง กระตุกราวกับว่ามันกระเด้งออกไปจากอกผมเลย
   

“วิคเตอร์…” ผมเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว แต่เนื่องจากผมถือไมค์อยู่ใกล้ปาก จึงทำให้เสียงนั้นดังไปรอบห้องประชุม ตอนนั้นเองที่ทุกสายตาหันไปมองผู้ชายใส่หมวกแกปสีดำที่กำลังส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ผม เสียงฮือฮาเกิดขึ้นไปรอบห้องประชุมทันทีที่เขาเงยเสี้ยวหน้าใต้หมวกขึ้นมามองผมเต็มตา



TBC.


เอ้า มาละเหวยย ยักษ์มาแล้วหว่าา ฮิฮิ้ววว
ไม่ต้องคิดมากค่ะ ยักษ์ไม่ทำไรน้องละ มาหาเองละนะ 55555
เขียนเองยังตื่นเต้นเอง 5555 เอาเป็นว่าดีใจแทนแมท และดีใจแทนคนอ่านเหลือเกินที่พี่แกปรากฏตัวมาทวงบัลลังก์พระเอกคืน หลังจากหายสาบสูญไปพักใหญ่
พูดคุยเพิ่มเติมกันได้ที่เพจเฟซบุ๊คหรือทิวตเตอร์นะคะ ^__^
 ขอบคุณชาวเล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ
 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 16:07:14 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ Autonomyz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #154 เมื่อ28-07-2015 01:24:32 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
มาประกาศตัวแบบนี้ดีใจแทนน้องแมทททท!!!!
ใจไม่ดีกันเลยยยทีเดียว
มาเปิดตัวหรอคะ
ไปบอกใครว่าไม่กิ๊กกัน ใครจะเชื่อออยะ
มาเอาตำแหน่งพระเอกคืนแล้วหรออออ
55555555
เปิดตัวได้อลังมากกกกกกก
ให้โลกรู้กันไปเลย อิวิค อย่าได้แคร์
อิ๊อิ๊

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #155 เมื่อ28-07-2015 03:52:16 »

กรี๊ด! ในที่สุดก็มาแล้วพ่อพระเอกชั้น

(วิ่งเข้าไปหาและ...ยื่นมือไปบีบคออย่างรักใคร่?)

แต่คุณพี่คะ คุณพี่ใช้เวลาเดินทางมาหาแมทน๊านนานนะคะ ฮึๆๆ (^*^)

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #156 เมื่อ28-07-2015 10:42:52 »

ต๊ายยยยยยยย อิพระเอก รักปนหมั่นไส้นายมากเลย

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #157 เมื่อ28-07-2015 11:54:52 »

มันมาแล้ววววววววว  :katai1:
ดีใจปนหมั่นไส้ที่ได้เจอแกอีกครั้งอย่างบอกไม่ถูก  o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2015 12:01:30 โดย EverGreen™ »

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #158 เมื่อ28-07-2015 12:25:01 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #159 เมื่อ28-07-2015 14:04:18 »

 :ling1: :katai1: o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
« ตอบ #159 เมื่อ: 28-07-2015 14:04:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Glitterycandy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #160 เมื่อ28-07-2015 23:24:59 »

แทน แท๊น แท่นนนน

เฮียแกเปิดตัวได้อลังการมาก พี่ยักษ์เอ้ย 55555555

รอพี่แกรู้เรื่องเอิร์ทก่อนเถอะ สองคำสั้นๆ หนักแน่!

ออฟไลน์ ปิยฉัตร

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #161 เมื่อ29-07-2015 06:14:56 »

หึหึหึ มาเเล้วสินะวิคเตอร์.......(ลับมีดคอย) :z6: :z6:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #162 เมื่อ29-07-2015 21:45:18 »

เรามานั่งตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งวันเพิ่งตามทัน55
เราชอบมากเลยคะ เราแบบ ชอบเรื่องที่ตัวเอกเป็นฝรั่ง
เป็นพิเศษ ยิ่งไปรักกันที้นู่นนี่ฟินมากเลย
ตอนที่อีตาวิคจับแมทฟัด เรานี่เขิ๊นเขิน หอมนู่นนี่มั่วไปหมด
แต่มาตายตอบจบภาคแรกนี่ละ ทำตัวไม่ชัดเจน เฮอะ
เราจะคอยดูการกลับมาของยูนะวิค ทำตัวดีๆละ หึหึ o18

ออฟไลน์ So_Da_Za

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
Re: Love, no boundaries; Part ONLY YOU {EP.4 100%} 28.07.58
«ตอบ #163 เมื่อ30-07-2015 08:07:09 »

กรี๊ดซิคะ รออะไรกันอยู่
พี่ยักษ์นางกลับมาทวงบัลลังค์คืนแล้วค่ะ
55555+

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
«ตอบ #164 เมื่อ31-07-2015 00:00:33 »


ONLY YOU EP.5 :: The return of Victor Raymond. [35%]



เหมือนทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว เหมือนทุกคนหายไป มีเพียงเราสองคนที่จ้องมองตากัน ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นคู่คมคู่นั้นมองผมด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มจากริมฝีปากแดงหม่นที่ส่งมาให้ผม ทำเอาใจที่หายไปจากอกกลับมาเต้นกระแทกผนังอกอย่างรุนแรง น้ำตาผมเอ่อคลอขึ้นมาที่ขอบตา มือที่ถือไมค์อยู่ค่อยๆ ลดลง ความสับสน ความไม่แน่ใจผสมปนเปกันไปหมด


“Is that him?” อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงคนที่ถามคำถามผมเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น และไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นที่ตื่นเต้น ตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นยืนและชะเง้อมองไปที่ผู้ชายคนนั้นกันยกใหญ่


ผมยืนหน้าโง่อยู่บนเวที มองความอลหม่านที่เริ่มก่อตัวขึ้นในห้องประชุมผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา เสียงกรี๊ดดังขึ้นตอนที่ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาไม่ได้มองใครเลย แต่กลับจ้องมองมาที่ผมคนเดียวที่ยืนมองเขาด้วยสีหน้าสับสนอยู่


นั่นเขาจริงๆ หรอ เขาจริงๆ ใช่มั้ย วิคเตอร์ เรย์มอนด์ ตัวจริงเสียงจริงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง


“วิคเตอร์จริงๆ มึง อีเหี้ย! พระเอกฮอลลีวูดอยู่ตรงหน้ากูแล้ว!” เสียงใครสักคนกรีดร้องขึ้น แล้วทุกคนก็กรูกันเข้าไปหาเขา ผมที่กำลังยืนน้ำตาคลอหน้าเซ่อ อยู่บนเวที ถึงกับน้ำตาแห้ง สะดุ้งตกใจกับภาพที่เห็น ด้วยสัญชาตญาณที่เคยดูแลเขา ทำเอาขาผมเกือบก้าวไปดึงเขาออกมา แต่ก่อนที่ทุกคนจะถึงตัวเขา ก็มีผู้ชายฝรั่งหนึ่งคนก้าวเร็วๆ มาพร้อมกับผู้ชายไทยอีกสามคนและมายืนกันเหล่าแฟนคลับเขาไว้ คนที่ไม่ใช่แฟนคลับเขา เดินหลบมุมไปอยู่ริมห้อง แต่กระนั้นทุกคนก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า


“อ้าว นี่เธอรู้รึเปล่าเนี่ยว่าเขาจะมาที่นี่” อาจารย์ณัฐวัฒน์ถาม ผมหันไปส่ายหัวหน้าตั้ง ทำสีหน้างุนงงใส่อาจารย์ที่มองกลับมาอย่างงุนงงเช่นกัน


“ไหนว่าจะบินมาถึงไทยพรุ่งนี้ไง ทำไมโผล่มาวันนี้ล่ะเนี่ย” ผมส่ายหัวโง่ๆ มึนๆ อีกครั้ง มองภาพความวุ่นวายที่การ์ดพยายามกันแฟนคลับออกจากวิคเตอร์ และกำลังพาเขาเดินตรงมาที่ผมยืนอยู่ ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย กลอกตาไปซ้ายขวา มีหลายคนกำลังมองมาที่ผมอยู่ด้วยสายตาลุ้นๆ ผมเองก็ลุ้น มือที่ถือไมค์อยู่ ค่อยๆ วางมันลงบนโต๊ะวางแล็บท็อป เสียงกรี๊ดและเสียงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปดังรัวไม่หยุด พร้อมกับวงล้อมพระเอกดังแห่งฮอลลีวูดที่ค่อยๆ เคลื่อนมาหน้าเวที


“Move please!” ผู้ชายฝรั่งผมสั้นเกรียน ผิวขาวหน้าหล่อคม จมูกโด่ง  หุ่นล่ำบึ้กที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าการ์ดใช้แขนกันวิคเตอร์ไว้และเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ผมยืนทำตัวไม่ถูกอยู่บนเวที จะก้าวจะเดินไปทางไหนก็ตัดสินใจไม่ถูกสักที เลยได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ จนกระทั่งพ่อผมเกรียนหน้าดุ เดินมายืนตรงหน้าผม ก่อนที่เขากับการ์ดคนไทยอีกคนหนึ่งจะแหวกทางออกให้วิคเตอร์และกันแฟนคลับที่พยายามยื่นโทรศัพท์มาถ่ายรูปเขา วิคเตอร์ไม่ได้พูดอะไร ก้าวยาวๆ มาก้าวเดียวก็มาถึงตัวผม แล้วดึงให้ผมเข้าไปอยู่ในวงล้อมของการ์ดด้วย


“ออกไปข้างนอกกับฉัน” เขาก้มลงมากระซิบ ผมยังรู้สึกงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น คือผมไม่คิดว่ามันจะเป็นจังหวะนี้ เป็นตอนนี้ที่เขามา คือกำลังงงว่าเขาควรปรากฏตัวในสถานที่ที่มิดชิดกว่านี้มั้ย มันใช่เวลามั้ยที่เขาควรมาอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ผมงงและสับสนไปหมด กับผู้ชายคนนี้นี่คาดเดาอะไรยากจริงๆ ขนาดจะได้เสียกัน ผมก็วาดฝันไว้บนเตียงอย่างดี แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็บนฝากระโปรงรถ จนเกือบได้เป็นพระเอกนายเอกหนังโป๊กันมาแล้ว


ผมเดินไปตามแรงดันของวิคเตอร์ วงล้อมการ์ดพยายามฝ่าฝูงชนออกไป เสียงกรี๊ดดังขึ้นเป็นระยะๆ ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองวิคเตอร์ก็เห็นเขาทำหน้านิ่ง ความอึดอัดระบายไปทั่วใบหน้าเขา แต่พอเขาก้มลงมามองผมที่มองเขาตาแป๋ว เขาก็ส่งยิ้มหล่อละมุนมาให้ เสียงกรี๊ดดังขึ้นเมื่อวิคเตอร์ยิ้มให้ผม เสียงชัตเตอร์จากมือถือบางคนดังรัวถี่ๆ ตากล้องประจำภาควิชาภาษาอังกฤษก็เดินตามวงล้อมการ์ดเพื่อเก็บภาพพ่อพระเอกหน้ายักษ์คนนี้


“แมท! อีแมท! แอร๊ย! แก๊! เขามาหาแกโดยเฉพาะเลยหรอวะ ฟินอะดีออก!” เสียงแบมหรือเก้าไม่รู้ดังโหวกเหวกโวยวายมาจากด้านนอกวงล้อม แต่ตอนที่ผมพยายามชะเง้อมองพวกมันคือเห็นมันสองคนกำลังโบกไม้โบกมือให้ผมอยู่ ข้างพวกมันมีเพื่อนผมครบทุกคน แต่ล่ะคนชะเง้อมองสุดคอ ผมทำหน้าแหยและส่ายหัวให้พวกนั้น คือเรื่องที่ผมจะไปดูแลเขาระหว่างที่เขาอยู่ไทย ผมก็ยังไม่ได้บอกใครเลยสักคน และยังไม่ทันได้ตอบตกลงชัดเจนเลยด้วยซ้ำ


“คนพวกนี้นี่มันอะไรกันนัก” เสียงบ่นงึมงำดังขึ้นด้านบน ผมแหงนหน้าไปมองก็เห็นวิคเตอร์กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดน้อยๆ ผมแอบตกใจที่เห็นเขาทำสีหน้านั้น กลัวว่าจะมีคนจับภาพจังหวะนั้นได้ แล้วเดี๋ยวก็เอาด่าเขาในโลกโซเชียลอีก ผมเลยเอื้อมมือจะไปสะกิดมือเขา แต่ดันไปสะกิดโดนเป้ากางเกงยีนส์สีซีดของเขาแทน ผมอ้าปากหวอด้วยความตกใจ ไอ้ยักษ์หันมายิ้มกริ่มแบบมีเลศนัยทันที เขาโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูผมให้ได้ยินกันแค่สองคน


“Miss him? Yeah—he miss you, too. (คิดถึงมันหรอ แน่นอนว่ามันก็คิดถึงนายนะ)” ผมเบิกตากว้าง หน้าร้อนวูบวาบ ไม่กล้าสบตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขา แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขายิ้มได้แล้วล่ะนะ


กว่าจะเดินฝ่าฝูงชนออกมาจากห้องประชุมได้ก็แทบตาย พ่อการ์ดหัวเกรียนและการ์ดคนไทยช่วยกันตะโกนห้ามปรามเหล่าแฟนคลับ และก็มีพวกไม่ใช่แฟนคลับแต่แค่อยากมารุมดูดาราดัง พอออกมาจากห้อง ก็ต้องมาผจญภัยกับฝูงชนที่เพิ่มมากขึ้นในตัวตึกคณะ ผมแอบหงุดหงิดใจไอ้ยักษ์ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง ก็ยังจะมาที่นี่อีก เดี๋ยวก็ได้หงุดหงิด อาละวาดอีกหรอก


“Okay, Victor go, go, go!” เสียงการ์ดหัวเกรียนดังขึ้นในตอนที่เราใกล้เดินถึงทางออกด้านหลังของตึก ซึ่งมีรถตู้สีดำคันใหญ่เปิดประตูรออยู่ วิคเตอร์จับไหล่ผมดันให้เดินไปข้างหน้า โดยยังคงมีวงล้อมของการ์ดกันเหล่าบรรดาแฟนคลับที่ยังล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ บางคนตะโกนขอจับมือกับวิคเตอร์ แต่เขากลับทำเฉย ผมเลยต้องยื่นมือไปสะกิดแขนเขา พ่อพระเอกหน้ายักษ์ก้มลงมามองผมด้วยใบหน้านิ่วคิ้วย่น ผมย่นคิ้วหรี่ตาและพยักหน้าไปทางแฟนๆ เป็นสัญญาณให้เขารู้ว่าควรทำอะไร แต่เขากลับส่ายหน้าว่าไม่เอา ผมเลยแบะปากเหมือนจะร้องไห้ นั่นแหละเขาถึงถอนหายใจอย่างจำยอม และยื่นมือไปให้แฟนคลับจับ


“กรี๊ดดด!!!!” เท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นลั่นใต้ตึก คนที่เดินตามาด้านหลัง พอได้ยินเสียงดังแบบนั้น ก็วิ่งกรูกันเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้น ยิ่งวิคเตอร์ยื่นมือคาไว้ ปล่อยให้จับ ให้ลูบให้คลำได้หนำใจ ยิ่งถูกอกถูกใจเหล่าแฟนคลับเป็นนักหนา บางคนถึงกับเอาแก้มมาแนบมือเขาแล้วกดถ่ายรูปด้วยก็มี


“อีดอกกก! แค่มือกูก็ฟินละ อย่างน้อยกูก็มีรูปคู่กับเฮียแกละเว้ย!” เสียงใครสักคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเฮฮาหลังจากได้ยินประโยคนั้น ผมแอบอมยิ้มเล็กน้อย แหงนหน้ามองวิคเตอร์ที่ยิ้มตอบแฟนคลับนิดหน่อย ก่อนจะก้มกลับลงมามองทางด้านหน้า ก็เห็นว่าเราเข้าใกล้รถตู้มากแล้ว ยามที่เฝ้าอยู่ตรงทางเข้าออกหลังตึกคณะถึงกับทำหน้างงเมื่อเห็นฝูงชนที่มากมายมหาศาลอัดแน่นกันจนไม่มีที่เดิน


“เดี๋ยวขอให้เขาขึ้นรถก่อนนะครับ!” เสียงการ์ดคนไทยดังขึ้น พร้อมกับแหวกทางให้วิคเตอร์กับผม เขาดันผมขึ้นไปบนรถ ผมเดินไปนั่งเบาะในสุดด้วยความมึนงง วิคเตอร์เดินตามขึ้นมา เขานั่งหันหลังให้ทุกคนด้วยใบหน้าบึ้งตึง ผมมองแฟนคลับที่ตะโกนเรียกชื่อเขาพร้อมกับทำท่าว่าอยากจับมือ ผมเข้าใจพวกเขา เพราะถ้าผมเจอพี่อดัม มารูนไฟว์ ผมก็คงมีสภาพแบบนี้แหละ


“หันไปโบกมือให้พวกเขาหน่อยสิ”


“ไม่” ถึงไม่ได้เจอกันนาน ความดื้อด้านเขาก็ยังไม่ลดลง


“ถ้าไม่ทำ ผมลงจากรถนะ” เขาหรี่ตามองผม มองด้วยสายตาประเมิน ผมถลึงตามองเขากลับเป็นการยืนยันว่าให้เขาทำอย่างที่บอก เขามองผมด้วยสายตาคาดโทษ


“เดี๋ยวนี้รู้จักขู่ฉันซะด้วย…” ขู่เป็นมานานแล้วเหอะ


ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เขาก็หันกลับไปโบกมือให้แฟนคลับที่ส่งเสียงกรี๊ดสนั่นดังกลับมา การ์ดหัวเกรียนหน้าดุวิ่งขึ้นไปนั่งหน้าข้างหน้า ข้างๆ คนขับที่เป็นการ์ดคนไทย ส่วนการ์ดที่เหลือเดินขึ้นมาบนรถและไปนั่งอยู่ด้านท้ายของรถตู้ ประตูค่อยๆ เลื่อนปิด ผมพยายามสอดส่องมองหาเพื่อนตัวเอง แต่ก็ไม่เจอพวกมันอยู่ในฝูงชนเลย ไม่รู้ว่ามันโดนเบียดจนจมหายหรือมันไม่ได้ตามมา


“ออกรถเลย” เสียงการ์ดฝรั่งสั่งการ์ดที่ขับรถตอนประตูปิดสนิท วิคเตอร์หันกลับมามองผมด้วยใบหน้าบูดๆ ส่วนผมหันหน้าหนีเขาไปมองนอกหน้าต่างแทน


ตอนนี้ผมไม่รู้จะจัดการกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองยังไงแล้ว มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ผมคาดหวังให้เขาตามมาหาผมอย่างที่เขาบอก ผมรอเขาด้วยความหวังจนกระทั่งมันเริ่มจะหมดไปจากใจ จนผมไม่อยากคาดหวังอะไรจากเขาอีก แต่แล้ววันนี้เขาก็มาปรากฏตัวที่นี่ ปรากฏตัวในช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าถ้าเจอเขาจะทำยังไง ซึ่งก่อนหน้านั้นผมคิดอะไรไว้มากมาย ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำที่อยากทำเมื่อเขามาหาผม


“หันมามองหน้าฉัน” เขาก็ยังเหมือนเดิมที่ยังชอบออกคำสั่ง ผมถอนหายใจ หันกลับไปมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย วิคเตอร์ยิ้มมุมปากขวาน้อยๆ กลับมา ใบหน้าเขายังคงดูดีเช่นเคย แต่เหมือนหนวดเคราจะครึ้มขึ้นมาก สีผิวก็ดูคร้ามแดดมากขึ้น แทนที่จะทำให้เขาดูดรอป ดูหมดออร่า แต่สีผิวนี้กลับทำให้เขาดูฮ็อตและเซ็กซี่มากกว่าเดิม


“ทำไมไม่ยิ้มให้ฉัน” เขาเลิกคิ้วขึ้นถามเมื่อผมยังคงทำหน้านิ่งสนิท ผมเบนหน้าหลบสายตาเขาเล็กน้อย ความคิดกระอักกระอ่วนในอกเต็มไปหมด มันเหมือนจะดีใจก็ดีใจได้ไม่เต็มอก จะเสียใจก็ใช่เรื่อง จะโกรธก็ไม่รู้ว่าควรโกรธมั้ย จะซาบซึ้งตรึงใจก็ไม่น่าจะใช่ฟีลนั้น


“คุณไม่ควรมาที่นี่” ผมหันกลับไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้าจริงจัง และเริ่มมีอาการเครียดเล็กน้อย รู้สึกจิตตกขึ้นมาทันทีเมื่อคิดได้ว่ามีคนเห็นเขาเยอะมากแค่ไหน ถึงจะไม่มีนักข่าว แต่ถ้าเกิดคนที่เจอเขาวันนี้ เอารูปถ่ายและเรื่องเล่าไปลงโซเชียล แปบเดียวเท่านั้นแหละที่จะเป็นข่าวใหญ่ แล้วนักข่าวก็จะขุดประเด็นระหว่างผมกับเขาขึ้นมาอีกรอบ


“อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ นี่ฉันมาหานายนะ” เขาว่าหน้าเครียด คิ้วย่นตึงหน่อยๆ


“คุณไม่กลัวสื่อจะรู้เรื่องนี้รึไง” ไอ้ยักษ์ยักไหล่พร้อมยักคิ้วเท่ๆ ทำสีหน้าว่าไม่แคร์


“ถ้ากลัวจนจะมาอยู่ตรงนี้เหรอ จะเป็นข่าวอะไรก็เป็นไปสิ”


“วิคเตอร์ มันมีผลต่อชื่อเสียง และหน้าที่การงานของคุณนะ” ผมบอกอย่างอ่อนใจ และรู้สึกร้อนใจ เริ่มคิดอะไรไปไกลแล้วว่านักข่าวจะเล่นประเด็นนี้ยังไง หากรู้ว่าเขามาหาผมที่นี่


“ไม่เป็นไร ฉันรวย ไม่ทำงานก็ได้…” เขาก็ว่าหน้ามึนๆ ตามเคย ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าเครียดกับนิสัยเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เขามองผมกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น


“วิคเตอร์ คนอื่นจะมองคุณไม่ดีนะ” เขาขมวดคิ้วฉับ แล้วพูดเสียงห้วน


“อะไรคือไม่ดี”


“ก็คนเกือบทั่วโลกจะมองว่าคุณเป็นเกย์ เป็นพวกผิดเพศแบบผม” วิคเตอร์ขมวดคิ้วและเอียงคอมองหน้าผมเหมือนไม่เข้าใจอะไรอยู่


“ทำไมนายต้องว่าตัวเองอย่างนั้นด้วย”


“ก็มันจริงนี่ ผมไม่ใช่เพศปกติ ใครๆ ก็บอกแบบนั้น”


“ไอ้ใครๆ ที่ว่านั่นมันคือใคร แล้วทำไมต้องไปสนใจมันด้วย นายจะเป็นอะไรแต่คุณค่าในตัวนายก็ไม่ได้ลดลงเพราะคนพวกนั้นสักหน่อย” ผมนิ่งไปกับประโยคของเขาที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจและคล้ายว่าจะเป็นกำลังใจให้ด้วย



“แต่ตัวคุณเองยังเคยบอกเลยนะ” ผมไม่ได้โกรธเขาที่เขาพูดอย่างนั้นหรอก แต่ตอนนี้รู้สึกผมหงุดหงิดที่เขาหายไปนานต่างหากเลยพาลไปถึงประโยคนั้นที่เขาพูด วิคเตอร์สีหน้าตะลึงไปนิด ก่อนที่หน้าเขาจะหมองลง


“ฉันขอโทษที่เคยพูดให้นายคิดแบบนั้น แต่ถ้าเอาจริงๆ ประโยคที่ฉันพูด ฉันไม่ได้ว่านายผิดเพศสักหน่อย นายตีความเพี้ยนไปเอง” ผมถึงกับอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง และเบิกตากว้างมองเขาอย่างทึ่งเช่นกัน วิคเตอร์ทำหน้าประมาณว่า ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ


“นายจะมามองหน้าฉันอย่างนั้นไม่ได้นะ ก็ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ นี่ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่สนด้วยว่าใครจะมองฉันยังไง ถ้าการที่ฉันรักนาย ขาดนายไม่ได้มันคือเรื่องผิดเพศ ฉันยอมผิดก็ได้ แต่ฉันมั่นใจว่าการที่ฉันรักนาย นายรักฉัน มันไม่ผิด” เขาบอกด้วยสีหน้าสบายๆ ราวกับกำลังพูดประโยคทั่วๆ ไปไม่ได้พิเศษอะไร แน่นอนว่าผมใจเต้นกับสิ่งที่เขาบอก บางทีก็อยากให้เขาพูดแบบหวานๆ แบบที่เป็นการบอกรักในโมเม้นต์ดีๆ บ้าง แต่เขากลับชอบพูดออกมาแบบง่ายๆ ชิวๆ คือเขิน แต่มันทื่อไป ขอแบบใจละลายบ้างได้มั้ย


“คุณอาจจะมาหาผมเพราะชีวิตคุณว่างเปล่าจนทนไม่ได้ต่างหาก” วิคเตอร์ขมวดคิ้วงงหนัก


“ทำไมถึงชอบพูดประโยคที่มันต้องคิดแล้วคิดอีก แล้วพอคิดไปก็ไม่รู้จะถูกรึเปล่า เอาเป็นว่าชีวิตฉันมันว่างเปล่าก็เพราะไม่มีนาย” ผมก็ดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น  แต่พอนึกถึงช่วงเวลาที่รอเขา ความเหงาเปล่าเปลี่ยวก็เกาะกุมหัวใจ เป็นช่วงเวลาที่ถือว่ายากลำบากต่อชีวิตผมไม่น้อย มันน่ากลัวเหมือนกันนะกับการรอโดยที่ไม่มีทางรู้เลยว่าควรหยุดหรือรอต่อไป


“แล้วคุณหายไปไหนมา” ผมมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด เขาจะรู้มั้ยว่าการที่เขาหายไปโดยที่ไม่ส่งข่าวมาหาผมเลยแม้แต่นิดเดียว มันทำให้ความรู้สึกผมสั่นคลอนแค่ไหน


“นี่ นายจะร้องไห้เหรอ ไม่เอา อย่าร้องนะ…” เขามีท่าทีตื่นๆ เมื่อเห็นผมเริ่มมีน้ำตาคลอที่ขอบตา


“…อีกนานมั้ยกว่าจะถึงโรงแรม” เขาหันไปถามหัวหน้าการ์ดที่นั่งอยู่ด้านหน้า


“อย่างเร็วก็หนึ่งชั่วโมงครับ” วิคเตอร์พยักหน้าให้กับการ์ดหัวเกรียน หันกลับมาหาผมที่ยังมีสีหน้าทุกข์ใจอยู่ เขายื่นแขนมาอุ้มผมตัวลอยและยกผมไปนั่งบนตักเขา ผมไม่ได้ผลักเขาหนีแบบที่นางเอกละครไทยชอบทำกันและบอกว่าให้ปล่อยนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ แม้จะน้อยใจและโกรธเขายังไง แต่ผมก็คิดถึงเขา และผมไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง


“I’m sorry.” เขาบอกเสียงแผ่วตอนที่กดหัวผมให้ลงไปซบกับอกเขา น้ำตาที่คลออยู่ถึงกับร่วงเมื่อได้รับสัมผัสอันคุ้นเคย วิคเตอร์ยกมือซ้ายขึ้นลูบหัวผมแผ่วเบาและกดจูบลงบนเส้นผมนุ่มๆ (ที่ผ่านการหมักมาอย่างดี) ของผม มือขวาก็ลูบแขนซ้ายผมไปมาเบาๆ ผมนั่งเอาหัวพิงอกเขาไว้อย่างนั้นด้วยความอบอุ่นใจ ความหงุดหงิดใจ ความโกรธเคืองใดๆ ที่ผมมีก่อนหน้านี้แทบจะหายไป แต่ก็ไม่หายไปหมดหรอก เก็บไว้ตุนเพื่อจุดอารมณ์ต่อดีกว่า ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องเขานะ แต่ผมอยากด่าเขาสักยก



TBC.

เดี๋ยวอีพี่ยักษ์ต้องเจอขนมตุ้บตั้บจากน้องแน่ๆ -.,- โหะๆ
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยค่ะ สำหรับกำลังใจ ขอบคุณมากนะก๊าาา

 :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2015 13:19:04 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
«ตอบ #165 เมื่อ31-07-2015 08:10:24 »

หมั่นไส้วิคเตอร์~~ อธิบายมากกว่านี้ก็ได้นะ สงสารแมทน้อย

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
«ตอบ #166 เมื่อ31-07-2015 10:20:54 »

สงสารน้องแมท  :m15: :m15:

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
«ตอบ #167 เมื่อ31-07-2015 12:37:28 »

 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
«ตอบ #168 เมื่อ31-07-2015 13:20:15 »

รอคำอธิบายจากตาวิค ถ้าฟังไม่ขึ้นละก็
จะไม่ยอมยกแมทให้แกปู้ยี้ปูยำแน่ๆ หึ!

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
«ตอบ #169 เมื่อ31-07-2015 13:29:13 »

ขอคำอธิบายสวยๆหน่อยนะไอ้ยักษ์  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
« ตอบ #169 เมื่อ: 31-07-2015 13:29:13 »





ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 35%} 31.07.58
«ตอบ #170 เมื่อ31-07-2015 21:24:57 »

อย่าลืมพูดให้อิพี่วิคมันสลดเยอะๆนะ เอาคืนหน่อย หมั่นไส้

แล้วขอคำอธิบายที่หายไปด้วยนะคุณยักษ์ 

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #171 เมื่อ01-08-2015 13:25:47 »


Only You EP.5 :: [75%]




เพราะมหาวิทยาลัยผมไม่ได้อยู่ในเมืองกรุงฯ เลยใช้เวลาในการเดินทางระยะหนึ่ง เราสองคนเลยนั่งนิ่งๆ เงียบๆ ราวกับรับรู้กันเองว่าควรรอจังหวะเวลาเคลียร์กันแค่สองคนโดยไม่มีคนอื่นอยู่ ผมเลยนอนซบอกเขาไปอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เขาลูบหัว ลูบแขนจนผล็อยหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนเขาสะกิดเรียกเบาๆ ว่าถึงหน้าประตูโรงแรมแล้ว ประตูรถเลื่อนเปิดออกช้าๆ การ์ดสองคนด้านหลังเดินลงจากรถไปก่อน ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากตักเขา แต่วิคเตอร์กระชับอ้อมแขนโอบร่างผมไว้แน่น ค่อยๆ กระเถิบก้นออกจากเบาะนุ่มๆ ของรถตู้ โดยที่พยายามอุ้มผมไว้ด้วย

 

 

“ผมเดินเองได้” ผมบอกเขาเสียงนิ่ง

 

 

“แต่ฉันจะอุ้ม อย่าดื้อนะ ไม่งั้นฉันทุ่มนายลงพื้นแน่” เขาขู่สีหน้าโหดนิดๆ ผมได้แค่ทำหน้าขัดใจเงียบๆ และปล่อยให้เขาอุ้มลงจากรถไปยืนบนพื้น ผมแอบหันหน้าออกจากอกเขาไปมอง พนักงานโรงแรมยืนต้อนรับกันเป็นทิวแถว พอเห็นว่ามีคนเยอะผมเลยมุดหน้าหนีแนบเข้ากับอกวิคเตอร์จนได้ยินเสียงเขาหัวเราะทุ้มหนัก

 

 

ผมปล่อยให้เขาอุ้มเข้าไปด้านในโรงแรม เดินไปเรื่อยๆ โดยที่ผมยังคงซุกหน้าเข้ากับอกเขา มือซ้ายยกขึ้นมาดึงเสื้อยืดสีขาวที่เขาใส่ไว้แน่น ไม่รู้ว่ามีใครมองบ้างรึเปล่า แต่ผมเริ่มใจไม่ดีอีกแล้ว เมื่อคิดได้ว่านี่มันประเจิดประเจ้อไปมั้ยสำหรับพระเอกฮอลลีวูดผู้มีชื่อเสียง แม้อาจจะยังไม่ดังทั่วโลก แต่เดี๋ยวพอหนังเขาฉาย ผมกล้าคอนเฟิร์มเลยว่า เขาจะเป็นที่รู้จักวงกว้างกว่านี้แน่นอน แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ดังวงกว้าง แต่ชื่อวิคเตอร์ เรย์มอนด์ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องผม มันเพิ่งสงบไป ผมไม่แน่ใจว่าการที่ทำแบบนี้ จะมีประเด็นข่าวหลุดลอด เล็ดลอดออกไปให้สื่อต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน เอาแค่สื่อไทย ผมยังภาวนาว่าอย่าเพิ่งรู้เลย ถ้ารู้ก็จงรู้แค่ว่าเขามาไทยเท่านั้น ไม่ได้มาหาผม

 

 

“Austin—could you find some chocolate for him? (ช่วยหาช็อคโกแล็ตให้เขาทานหน่อยได้มั้ยออสติน)”

 

 

“เขาชอบทานแบบไหนครับ” เสียงของการ์ดหัวเกรียนถามตอนที่เรากำลังรอลิฟต์อยู่

 

 

“แบบไหนก็ได้ ขอแค่เป็นช็อคโกแล็ตเขาชอบกินหมดนั่นแหละ” ผมแอบเอาหน้าออกจากหน้าอกเขา เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหนวดเคราดกหนากว่าเดิม เขาก้มลงมามองผมพร้อมรอยยิ้ม

 

 

“บอดี้การ์ดคุณหรอ” ผมถามและแอบชำเลืองมองไปทางออสตินหัวเกรียนหน้าดุ ที่ยืนมองผมกลับมาด้วยความนิ่งสงบ ท่าทางจะถูกฝึกมาอย่างดีแฮะ

 

 

“ใช่ ค่ายหนังเขาบอกว่าฉันควรมีคนดูแลและคุ้มครอง ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ”

 

 

“แปลก คุณยอมให้คนอื่นเข้าใกล้คุณด้วยเหรอเนี่ย”

 

 

“ออสตินเป็นพวกที่ไม่ยุ่งวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของฉัน เขาเลยอยู่ได้ เรียกง่ายๆ ว่าเขาไม่จุ้นจ้านแบบนาย” เขายิ้มทะเล้น ผมแอบย่นคิ้วและส่งสายตาจิกกัดไปให้เขา

 

 

“ผมอยากจุ้นจ้านกับคุณจังแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าที่เด็กฝึกงาน ผมไม่ทำหรอก”

 

 

“ดีแล้วที่นายจุ้นจ้าน ไม่งั้นฉันจะรักนายเหรอ” ผมรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า เลยได้ทำแก้มป่องน้อยๆ วิคเตอร์ยิ้มอย่างร้ายกาจและก้าวเท้าเดินเข้าไปในลิฟต์ ออสตินยื่นบัตรคีย์การ์ดมาให้ ผมเลยอาสายื่นมือซ้ายออกไปรับ แล้วเขาก็หมุนตัวเดินกลับออกไปทางเดิม คงไปหาซื้อช็อคโกแล็ตมาให้ แถวนี้คงมีเซเว่นให้เขานะ

 

 

“นี่ ไม่เมื่อยรึไง เดี๋ยวผมลงไปยืนเองก็ได้” ผมว่าหน้ามุ่ย รู้สึกหมั่นไส้กับความเจ็นเทิลแมนของเขานิดหน่อย ทำมาเป็นโชว์แมนอุ้มไม่ยอมวาง

 

 

“สองเดือนที่ผ่านมา ฉันอุ้มแต่ไมเคิลกับฟอกซ์ ให้ฉันได้อุ้มนายบ้างเถอะ” พอได้ยินชื่อเจ้าสองตัวนั้น ผมก็มองเขาตาแป๋วด้วยความคิดถึงทันที

 

 

“พวกมันเป็นยังไงบ้าง” เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นที่ยี่สิบของตึก ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกฝั่งที่วิคเตอร์อยู่ เขาก้าวเท้าเดินออกไปบนทางปูพรมพร้อมกับพูดถึงเจ้าสองพี่น้องนั่นให้ผมฟัง

 

 

“มันคิดถึงนายกันนะ โดยเฉพาะไมเคิล มันไม่เห่าก่อนกินข้าวอีกเลยตั้งแต่นายกลับมาที่ไทย”

 

 

“ผมก็คิดถึงพวกมัน” ผมบอกเสียงหงอยๆ นึกถึงหน้าตาน่ารัก ตัวอ้วนๆ จ้ำม่ำของเจ้าสองพี่น้องแล้วก็อยากกอดมันจัง

 

 

“แล้วไม่คิดถึงฉันบ้างรึไง” ผมทำหน้างอใส่เขาทันที ประเด็นนี้ยังไม่เคลียร์ เดี๋ยวต้องมีสักตุบสองตุบ เอาให้หายหงุดหงิดใจ วิคเตอร์หัวเราะน้อยๆ ให้กับสีหน้าที่ผมแสดงออก วิคเตอร์หยุดยืนที่ประตูสีน้ำตาลบานหนึ่ง ผมเลยยื่นคีย์การ์ดไปเสียบและดึงออกเร็วๆ ไฟสัญญาณสีเขียวขึ้นกระพริบเป็นการบอกว่าประตูปลดล็อคแล้ว ผมเลยจับที่เปิดประตู หักลงและดันเข้าไป วิคเตอร์เดินเข้าไปในห้อง ผมเอื้อมมือเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดไฟและแอร์ วิคเตอร์ใช้เท้าปิดประตูตามหลัง ผมมองไปรอบห้องอันใหญ่โตโอ่อ่า รับรู้ได้ทันทีว่านี่คือห้องสูทขนาดใหญ่สุดของโรงแรมแน่นอน ด้านนอกเป็นห้องนั่งเล่น ไว้ทานข้าว ดูทีวี นั่งทำงาน ทำได้หมด ส่วนห้องนอนน่าจะอยู่หลังประตูบานใหญ่ที่ปิดเอาไว้อยู่

 

 

“คุณเช่าห้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ผมถามทั้งที่ตายังคงมองสำรวจความหรูหราของห้องสูทชุดใหญ่ของโรงแรม

 

 

“เปล่า ฉันเช่าทั้งชั้นนี้และชั้นล่าง” เขาบอกในขณะที่พาผมนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ยาว ผมเบิกตากว้างอย่างตะลึงหันไปมองเขาที่เลิกคิ้วขึ้นมองกลับมาอย่างงุนงง ประมาณว่ามีอะไรผิดแปลกงั้นเหรอ

 

 

“ผมรู้ว่าคุณรวย แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องเสียเงินเยอะแบบนี้เลย”

 

 

“ก็ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ชั้นล่างเลยให้พวกการ์ดคนไทยอยู่ตามใจชอบ ชั้นบนมีแค่ฉัน ห้องตรงข้ามก็ห้องของออสติน” ผมเอียงคอเล็กน้อย มองเขาด้วยความเอ๋อเหรอ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม โน้มหน้ามาหอมแก้มขวาผมแรงๆ แล้วผละออก ก่อนจะยกตัวผมขึ้น ทำอย่างกับผมเป็นตุ๊กตา จับผมให้นั่งคร่อมตักเขาไว้ และใช้สองแขนโอบรอบเอวผมไว้แน่น ผมใช้สองมือยกขึ้นมาจับที่ไหล่กว้างของเขา

 

 

“แล้วถ้างั้นวันนี้คุณจะไปหาผมที่มหาวิทยาลัยทำไม รู้ทั้งรู้ว่าที่นั่นมันจะต้องวุ่นวาย”

 

 

“ก็นายจะไม่ยอมมาดูแลฉัน ตามที่ฉันขอมา ฉันเลยต้องมารับตัวนายเอง” เขาว่าด้วยสีหน้าตึงเครียด

 

 

“แล้วทำไมคุณไม่มาหาดีๆ ไม่มาหาแบบปกติทั่วไป ทำไมต้องเอาเรื่องงานมาอ้าง” เขานิ่ง มองผมด้วยสายตาสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าเขามีแววหวาดกลัวติดอยู่

 

 

“ก็ฉันกลัวว่านายไม่อยากเจอฉัน กลัวว่านายจะบ่ายเบี่ยง แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน นายต้องมาแน่ๆ ยิ่งเป็นงานใหญ่ขนาดนี้ นายต้องมา แต่นายกลับไม่มา ทั้งที่ฉันให้ทีมงานหลอกนายว่าจ่ายค่าตัวฉันมาหมดแล้ว” ผมน้ำตาเอ่อคลอ มองเขาด้วยความโกรธ ความน้อยใจ ยกมือขึ้นทุบอกเขาดังตุบตับทันที พร้อมกับพูดเสียงดังทั้งน้ำตา

 

 

“ไอ้ยักษ์ ไอ้บ้า ไอ้หนวด คิดมาได้ยังไงว่าผมไม่อยากเจอ รู้มั้ยว่าผมรอคุณทุกวัน แต่คุณก็ หาย! หัว! ไป! ไหน! มา?!!” ผมทุบไหล่และอกเขาตามจังหวะคำที่พูดท่อนท้าย วิคเตอร์นั่งนิ่งให้ผมทุบตีโดยที่ไม่ปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย เขามองผมด้วยสายตารู้สึกผิด ผมร้องไห้สะอึกสะอื้น และค่อยๆ หยุดทุบตีเขา

 

 

“ผมพยายามใช้ชีวิตตามปกติ แต่มันก็ไม่ปกติตั้งแต่มีคุณเข้ามา คุณทำให้มันพิเศษแล้วคุณก็เงียบหายไป คุณทำได้ยังไง ไอ้ยักษ์นิสัยไม่ดี…” ผมน้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจห้ามได้ พยายามเข้มแข็งแล้ว แต่ก็อ่อนแอเพราะเขาอีกตามเคย

 

 

“อย่าร้องไห้สิ…” เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาให้ แต่ผมปัดมือเขาออก

 

 

“จะให้หัวเราะรึไงเล่า!” วิคเตอร์ยิ้มหล่อ หน้าหนวดๆ เคราๆ นั่นดูอารมณ์ดี ไอ้นี่! เห็นคนน้ำตาไหลแล้วยังจะมายิ้มกริ่มอีก

 

 

“อย่างน้อยก็ยิ้มดีใจหน่อยสิที่เห็นหน้าฉัน”

 

 

“ถ้าเมื่อช่วงอาทิตย์แรกๆ หลังจากกลับมาไทย ผมจะยิ้มอยู่หรอก” ผมว่าเสียงอู้อี้ ติดอาการสะอื้นในอกแผ่วเบา

 

 

“นี่ นายจะไม่ให้ฉันใช้ชีวิตฉันเลยเหรอ ฉันรักนายก็จริง แต่ชีวิตฉันก็มีอย่างอื่นต้องทำนะ” ผมรู้นะว่านั่นมันเป็นเรื่องจริง แต่พอเขาพูดตรงๆ ออกมาในสภาวะที่จิตผมกำลังรวนอย่างนี้ก็อดแบะปากร้องไห้ไม่ได้

 

 

“ฮือออ” วิคเตอร์ถึงกับทำหน้าตกใจแบบคนทำอะไรไม่ถูกที่เห็นผมร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ

 

 

“ก็รู้แล้วอ่ะว่าคุณก็ต้องใช้ชีวิต แต่คุณหายไปเลย คุณปล่อยให้ผมคิดถึงคุณอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ติดต่อ ไม่ส่งข่าวหาผมบ้างเลย จะใช้ชีวิตยุ่งอะไรขนาดนั้นอ่ะ ฮือออ” วิคเตอร์อ้าปากค้างไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงทุ้ม นั่นทำให้ผมที่กำลังร้องไห้สะอื้นถึงกับหยุดชะงักมองไอ้ยักษ์ที่กำลังยิ้มกว้างอารมณ์ดีพร้อมเสียงหัวเราะ

 

 

“หัวเราะอะไร นี่มันไม่ตลกนะ!” ผมบอกหน้าง้ำหน้างอ พยายามตีหน้าจริงจัง แต่เหมือนจะยังทำได้ไม่ดีเพราะวิคเตอร์ยังคงหัวเราะ ถึงจะพยายามหยุดแล้วก็เถอะ

           

 

“Giant! (ยักษ์!)” ผมเบะปากใส่เขา ทำท่าจะร้องไห้อีก วิคเตอร์เลยพยายามหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มขำๆ ติดอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั่นอยู่

           

 

“คิดไปเองน่ะสิว่าคิดถึงฉันอยู่ฝ่ายเดียว”

           

 

“ก็ถ้าคุณคิดถึงผม…”

         

 

“…ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าฉันคิดถึงนาย” เขาสวนกลับขึ้นมายิ้มๆ ทำเอาใจผมหล่นวูบ ก่อนจะเบะกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความหมั่นไส้

           

 

ตุบ! ทุบไปสักที ทำหน้าจุกไปเลย สมน้ำหน้า!

           

 

“นี่ไม่ได้เจอกันแค่แปบเดียว นายมีวิวัฒนาการในการต่อกรกับฉันขึ้นนะเอเลี่ยน” เขาหรี่ตามองคล้ายจับผิด แต่ริมฝีปากเขาก็บิดเป็นรอยยิ้มน้อยๆ

           

 

“แปบเดียวของคุณกับของผมมันไม่เหมือนกันสักหน่อย” ผมว่าหน้าบู้ ยังติดสะอื้นอยู่เล็กน้อย สองมือยกมาป้ายน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็ก แววตาสีน้ำผึ้งข้นของวิคเตอร์มองสำรวจหน้าผมไปมา ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงหม่นของเขาจะค่อยๆ คลี่ยิ้มละมุนละไมออกมา เขาโน้มหน้ามาจูบหน้าผากผมหนักๆ หนึ่งทีแล้วผละออก เปลี่ยนเป็นหอมแก้มซ้าย แก้มขวาแรงๆ และปิดท้ายการจุ๊บปากหนึ่งที

           

 

“คิดถึง ฉันคิดถึงนายจะตายอยู่แล้ว”

           

 

“แต่คุณก็เงียบหายไป ผมนึกว่าคุณเสียชีวิตแต่ลืมแจ้งตายกับทางการไปแล้วซะอีก” วิคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะน้อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาลูบหัวผมแผ่วเบา

           

 

“ฉันขอโทษ แต่ฉันต้องรู้จริงๆ ว่าฉันจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีนายอยู่ข้างกัน…” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเหงาๆ พอๆ กับสีหน้าและแววตาที่แสดงออกถึงความเหงาออกมา เห็นแบบนั้นผมก็นึกใจอ่อน เลยโน้มหน้าจุ๊บหน้าผากเขาเบาๆ ผละออกมามองหน้าเขาก็เห็นว่าเขายกยิ้มที่มุมปากขึ้นด้วยความพอใจ

           

 

“ฉันคิดถึงสัมผัสนี้มากนะรู้มั้ย” เขาลดมือขวาลงมาไว้ที่เอวผมตามเดิม ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปสัมผัสกับแก้มสากเพราะหนวดเคราของเขา ลูบสองมือไปมาอย่างแผ่วเบา

           

 

“ทำไมไม่รู้จักโกนหนวดบ้าง ในนิยายที่ผมอ่าน พระเอกไม่ต้องไว้หนวดเครายาวขนาดนี้นี่นา” เขายิ้มอบอุ่นเอียงหน้าซ้ายขวาน้อยๆ เพื่อถูไปกับฝ่ามือของผมเหมือนกับกำลังอ้อน ผมเลยยิ้มบางๆ และถูมือไปมากับแก้มเขา

           

 

“รอให้นายโกนให้” เขายิ้มกริ่ม ผมก็ถูมือสองข้างไปมาบนแก้มเขาด้วยความมันเขี้ยวและหมั่นไส้ผสมกัน โดยที่ไม่ทันได้รู้สึกถึงส่วนอื่นนอกจากมองหน้าเขาไว้ มือใหญ่ๆ แต่ไม่สากของเขาทั้งสองมือก็เลื่อนเข้าไปอยู่ใต้เสื้อนักศึกษาของผม และกำลังลูบๆ บีบๆ หน้าอกทั้งสองข้างของผมอยู่ พอรู้ตัวผมก็เลยจิกตาใส่อีกฝ่ายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา

           

 

“ไม่เอา…” ผมบอกเสียงสั่นๆ และพยายามดึงมือเขาออกจากร่างกายตัวเอง นี่กระดุมถูกปลดมาถึงครึ่งตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย

           

 

“เอา” เขาว่าง่ายๆ สองมือลูบไล้ไปทั่วร่างกายใต้เนื้อผ้า แล้วมือที่ผมส่งไปสู้ดึงออกนี่ทำอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย

           

 

“วิคเตอร์!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดุ แต่เจ้าของชื่อกลับทำหน้ามึน

           

 

“นายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องนึกถึงหน้านายบ่อยแค่ไหนตอนช่วยตัวเอง” สีหน้าเขาดูบริสุทธิ์ใจที่พูดประโยคนั้นมาก ราวกับเรื่องการช่วยตัวเองเป็นทอปปิคที่สลักสำคัญจริงๆ

           

 

แต่ผมก็ไม่ดีใจหรอก กลับหน้าบึ้งใส่เขา เพราะอะไรน่ะเหรอ?!

           

 

“อย่ามาโกหก คุณคบกับอันเดรียนาไม่ใช่รึไง แล้วนี่ก็คือหนึ่งในการใช้ชีวิตของคุณสินะ” วิคเตอร์ชะงักกึก สีหน้าสะดุด มือที่กำลังบีบเค้นไปทั่วตัวผมค่อยๆ คลายออก ผมทำหน้านิ่ง แล้วถอนหายใจออกมา ท่าทีแบบนี้ก็บอกได้แล้วว่าข่าวที่เขียนนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงจะไม่มีภาพหรือแหล่งข่าวยืนยันที่ชัดเจน แต่ผมได้รับรู้จากเจ้าตัวนี่ไง

           

 

“ไม่ได้คบสักหน่อย แค่ลองคุยกันเฉยๆ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม ก้มหน้าเพื่อให้ปีกหมวกแก็ปบดบังสายตาเขาไว้ ผมก้มหน้าตามไปจ้องเขา แล้วตัดสินใจดึงหมวกออก ผมเขาสั้นลงกว่าเดิม ดูเข้ารูปเข้าทรงมากขึ้น น่าจะเพราะบทบาทในหนังบังคับให้เขาต้องตัดผม จำได้ว่าเดี๋ยวภาคสองสามผมจะสั้นกว่านี้อีก และภาคสี่จะเริ่มกลับมายาว ส่วนภาคห้านี่ยาวจนมัดได้ แล้วค่อยกลับมาสั้นอีกทีก่อนจบเรื่อง วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าและสายตาเหมือนคนที่ทำผิดและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่ผมเชื่อเขานะว่าเขาไม่ได้คบกับเธอจริงๆ

 

 

ใช่ ไม่ได้คบหรอก แต่ระดับวิคเตอร์ มีหรอจะแค่คุยๆ กัน

           

 

“คุณนอนกับเธอรึเปล่า” ผมถามเขาเสียงปกติ คือจริงๆ ผมก็พอรู้อยู่แล้วล่ะ แค่อยากได้ยินคำตอบชัดเจนจากเจ้าตัว สิ่งที่ผมคิดและถาม มันเป็นสิ่งที่ทำร้ายใจผมเอง แต่ผมก็อยากถาม คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาเต็มหน้า สบตากับผมด้วยแววตาจ๋อยๆ เล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงอ่อย

         

 

“แมท คือฉัน…”

           

 

“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกครับ ผมถามเฉยๆ ถึงยังไงในตอนนั้นเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณมีสิทธิ์ที่จะทำอยู่แล้ว” วิคเตอร์คลี่ริมฝีปากบางแทบจะเป็นเส้นตรง เขาเบี่ยงหน้าหลบผม ส่วนผมมองหน้าเขาไว้ แต่ไม่ได้มองแบบกดดันใดๆ ทั้งสิ้น แค่มองแบบที่ตัวเองก็ลืมละสายตาไปเหมือนกัน สุดท้ายวิคเตอร์หันกลับมาพร้อมกับถอนหายใจและยักคิ้วสองข้างขึ้นเร็วๆ พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแทบจะเป็นกระซิบ

           

 

“นอน” ผมเม้มปาก ถึงจะเตรียมใจว่าคำตอบเขาต้องเหมือนที่คิดแน่ๆ แต่ก็แอบวูบๆ ไหวๆ เหมือนกันนะ อย่างที่บอกกับเขาไปว่าตอนนั้นเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาขอเวลาเพื่อทบทวนตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สิทธิ์ยุ่งกับใคร

           

 

ก็เหมือนผมไง แฮะๆ เพราะแบบนี้ผมถึงไม่โกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟหรือหึงหน้ามืดตามัว ก็กลัวว่าถ้าพูดอะไรไป หรือดราม่าอะไร มันก็จะย้อนเข้าตัวเองน่ะสิ

           

 

“ฉันนอนกับเขา แต่ฉันไม่ได้รักเขา มันแค่ความสัมพันธ์ทางร่างกายเท่านั้น” เขาสบตาผมด้วยความจริงจังกับประโยคที่เขาพูดออกมา เขาไม่หลบตาผมสักนิดและแทบไม่กระพริบตา ราวกับจะบอกว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ผมเชื่อเขานะว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าผมอยู่แบบนี้หรอก

           

 

“ผมเข้าใจ ไม่เป็นไรนะครับ แค่อย่ามีอีกก็พอ…” เข้าส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง

           

 

“ฉันไม่ชอบสัญญานะ แต่ฉันเชื่อว่าจะไม่มีอีกแล้ว” ผมนึกหวั่นใจว่าเขาจะทำได้จริงมั้ย เพราะสำหรับวิคเตอร์ รักกับเซ็กส์แทบจะเป็นเรื่องเดียวกัน เขาไม่เคยลงหลักปักใจรักกับใครอย่างจริงจัง และเขาไม่เคยคบใครแบบจริงจังสักคนอย่างนาตาชาก็อย่าเรียกว่าคบเลย เขาแค่ทำไปเพราะอยากเอาชนะอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าเขาจะชินกับการที่มีผู้หญิงใหม่เรื่อยๆ อยู่หรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยิ้มขอบคุณเขา วิคเตอร์ยิ้มตอบกลับมา เขาก้มลงมาจูบที่ปลายจมูกผมอย่างอารมณ์ดี

           

 

“งานนี้ถือว่าเราเท่าเทียมกันก็แล้วกันนะครับ” ผมยิ้มแหยๆ เห็นว่าเขากำลังยิ้มเลยโพล่งไปเลยแล้วกัน รอยยิ้มวิคเตอร์หายไปจากใบหน้า แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้างุนงง แววตามีความไม่เข้าใจ ผมยิ้มเหงือกแห้ง กระแอมคอให้โล่ง โน้มตัวไปด้านหลังนิดหน่อย มองหน้าเขาที่กำลังมองกลับมาอย่างสงสัย

           

 

“ผมคิดว่าคุณคงไม่มาหาผมแล้ว ผมเลยลองคุยๆ กับผู้ชายคนอื่นดู…” แทบจะฉับพลันทันทีที่หน้าเขาตึงนิ่งสนิท เล่นเอาผมเสียววาบ บรรยากาศคล้ายกับผู้คุมวิญญาณกำลังลอยอยู่รอบตัวเต็มไปหมด


 
TBC.

ไอ้ยักษ์โดนทุบตุ้บตั้บ แต่ยังไม่โดนด่าหนำใจเนาะ 555555
เหมือนเกมส์จะพลิก กลายมาเป็นแมทโดนไล่ล่าเลยแฮะ -.,-
 :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2015 17:37:06 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #172 เมื่อ01-08-2015 13:56:32 »

ยกนี้ถือซะว่าเสมอละกันนะยักษ์นะ
 :o8:

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #173 เมื่อ01-08-2015 19:08:52 »

ยักษ์หน้าตึงอย่างนี้ เอเลี่ยนรับศึกหนักแหงๆ ส่วนเอิร์ท...รายนั้นปล่อยไปอยู่ป่ากับชะนีเถอะ อย่ามาหึงหวงรังควานอีกล่ะ

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #174 เมื่อ01-08-2015 20:50:29 »

 :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #175 เมื่อ01-08-2015 21:49:58 »

อืม...โดนซะบ้างไอ้ยักษ์

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #176 เมื่อ01-08-2015 22:14:44 »

ง่ะ ขนมตุ้บต้บมีให้กินแค่นี้เองหรอ
โถ่ ยังไม่อิ่มเลย
นี่ตาวิค บอกก่อนเลยนะ ห้ามมีคงมีเคืองแมทนะ
เพราะตัวเองก็ทำ เข้าใจ่????
รออ่านต่อจ้าาาาา

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #177 เมื่อ01-08-2015 23:59:55 »

โอยยย สนุกมากกกก เพิ่งมาเจอ ตามอ่านตั้ง 3 วันแน่ะ
ว่าแล้วก็ไปจองหนังสือดีกว่า สนุกขนาดนี้จะพลาดได้ไง  :katai2-1:

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #178 เมื่อ02-08-2015 04:04:43 »

เข้ามาบอกว่า เป็นคนที่รอติดตามอ่านด้วยอีกคนนะคะ

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: Love, no boundaries::Only You::{EP.5 75%} 01.08.58
«ตอบ #179 เมื่อ02-08-2015 11:19:39 »

 :hao7: :hao7ไงละ.  เอเลี่ยนเราก็ไม่ยอมนะ :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด