“มีอะไร” เสียงทุ้มนิ่งๆ ดังขึ้น จนผมตัวกระตุกเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้วก็ไม่รู้ ผมชะโงกตัวออกไปมองซ้ายขวา ก่อนจะเจอร่างสูงนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ชิงช้าไม้ตัวยาวสีน้ำตาลเข้มทางด้านขวามือผมที่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ หน้าต่างกระจกของห้องสมุด มีดอกไม้หลากสีในกระถางสีน้ำตาลวางเรียงรายอยู่สองข้างเสาชิงช้าที่เป็นไม้รูปสามเหลี่ยม บนกำแพงด้านหลังมีไม้เลื้อยสีน้ำตาลแก่เป็นฉากหลัง เป็นมุมน่ารักๆ ในสวนไม่ใหญ่แห่งนี้ ผมขมวดคิ้วนิดๆ ที่เห็นเขาสูบบุหรี่ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะสูบ
“คุณสูบบุหรี่ด้วยเหรอเนี่ย” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ ความรู้สึกคือยังไม่อยากเชื่อ มันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผมแค่ไม่คิดว่าวิคเตอร์จะสูบด้วยก็เขาดูเป็นนักรักสุขภาพ เห็นออกกำลังกายทุกเช้า
“แล้วในมือฉันมีใครเรียกอมยิ้มรึไง” เขาบอกแล้วสูดควันเข้าปากก่อนจะพ่นควันฟุ้งออกมา ผมเดินลงบันไดไปยืนบนพื้นหญ้า มีเจ้าไมเคิลเดินตามลงมาไปนอนหมอบลงข้างๆ เสาชิงช้า ใกล้ๆ กับขาวิคเตอร์ ผมยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู ไม่ยอมเดินเข้าไปหาเขา ส่วนเขาก็ไม่ได้ว่า หรือถามอะไร ยังนั่งสูบบุหรี่นิ่งๆ ต่อไป
จนผ่านไปอึดใจหนึ่งผมก็เริ่มรู้สึกว่ากลิ่นบุหรี่มันพัดผ่านมาทางที่ผมยืนอยู่ ผมย่นจมูกยกมือปัดควันจางๆ ที่ลอยมา ไอ้คนที่ปล่อยควันหันมามองนิ่งๆ แต่ก็ยังสูบต่อไป ยิ่งเห็นผมทำท่าปัดแรงๆ เบ้ปากและย่นจมูกจนหน้าย่น เขาก็ยิ่งพ่นควันมาทางผม
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!
“แอะๆ” ผมโบกมือไล่ควันไปมา และส่งเสียงเหมือนจะไอ ทำหน้าเบ้เพราะเหม็นกลิ่นบุหรี่ ไอ้ฝรั่งหน้าหนวดหน้าเครายังคงพ่นควันมาทางผมอย่างจงใจ
“นี่! มันเหม็นนะ!” ผมแหวออกมา และพยายามถลึงตาใส่เขา แต่ควันบุหรี่ก็พวยพุ่งไปมาจนไม่กล้าแหกตากว้างนัก
“หึๆ” เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้น ผมปัดควันจนมันเริ่มจางลง พอมองไปที่พ่อฝรั่งก็เห็นเขากำลังยิ้มกริ่ม แววตาดูซุกซน ใบหน้าเริ่มคลายความตึงออกไปบ้างแล้ว ผมที่กำลังจะอ้าปากด่าเลยต้องหยุดเอาไว้ ความรู้สึกโล่งใจเกิดขึ้นในอก
“ถ้าแกล้งผมแล้วคุณอารมณ์ดี คุณแกล้งผมอีกก็ได้นะ” ผมมองมองเขาตาแป๋ว ยิ้มที่มุมปากทั้งสองข้างนิดๆ วิคเตอร์ที่กำลังยิ้มขำ ค่อยๆ หุบยิ้มลง ใบหน้ากลับมาเรียบเฉย ก่อนจะหรี่ตามองกลับมา ผมตาโต รีบส่ายหัวและโบกมือที่ไม่ได้ถือช็อคโกแล็ตเมื่อรับรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ผมเปล่าประชดนะ ผมพูดจริงๆ ถ้าแกล้งผมแล้วมันทำให้คุณยิ้มได้ คุณก็ทำเถอะ แต่… อย่าแกล้งแรงนะ” ท้ายประโยคผมบอกเสียงอ่อย แล้วส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เขา อีกฝ่ายมองกลับมานิ่งๆ แต่แววตาเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิด
แกล้งได้ แต่อย่าให้ทำอะไรแปลกๆ นะ เช่น ให้แก้ผ้าแล้วไปวิ่งรอบเซ็นทรัลปาร์คห้ารอบอะไรแบบนี้ ถ้าแบบนั้นผมยอมกินขี้ไมเคิลดีกว่า (เอ่อ…เอาจริงเหรอ)
“ไหนลองเล่าเรื่องตลกให้ฉันฟังซิ” เขาเอ่ยออกมานิ่งๆ หลังจากสูบบุหรี่ที่อยู่ในมือจนหมดมวนแล้ว ผมรู้สึกอึนและหน้าตาคงมึนๆ ด้วย เอาอีกละ คำสั่งลูกผีลูกคนอีกละ แล้วฉันจะเอาเรื่องตลกที่ไหนมาเล่าให้แกฟังเนี่ย
“ให้เล่าอะไรล่ะ ผมไม่รู้ว่าจะเล่าอะไร” เขายักคิ้ว ยักไหล่ ท่าทางสบายๆ ก่อนจะว่า
“เล่าอะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันขำ”
“มันไม่ตลกแน่ๆ”
“แต่หน้านายออกจะตลก ฉันว่านายน่าจะทำได้” ผมทำตาปรือมองเขา ถามเสียงติดจะเหวี่ยงๆ เล็กน้อย
“นั่นเป็นคำชมหรือเปล่า”
“ถ้าไม่ได้มีนิสัยหลงตัวเองก็อย่าคิดว่ามันเป็นคำชมเลย” ผมแอบจิกตาใส่เขาอย่างขุ่นเคืองที่กัดผมได้ทุกเม็ด ทุกช่องไฟไม่ว่างเว้น
“แล้วถ้าคุณไม่ขำล่ะ”
“ก็ไม่ตลกไง”
“ก็นั่นไง ผมทำไม่ได้หรอก สั่งให้หมายิ้มยังง่ายกว่าเลย” พอพูดไปแล้ว ผมก็ต้องไหล่กระตุกแล้วรีบเอามือมาปิดปากตัวเองเอาไว้ จ้องเขาตาแทบไม่กระพริบ
ปากหนอปาก โพล่งไม่รู้เวลา เขากำลังจะอารมณ์ดีอยู่แล้วเชียว วิคเตอร์จ้องหน้าผมนิ่ง แต่ไม่ได้มีแววความโกรธหรือพร้อมอาละวาดใส่ ผมค่อยๆ ดึงมือออกแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“ขะ… ขอโทษครับ”
“Let cricket—twenty rounds. (ปั่นจิ้งหรีด ยี่สอบรอบซิ)”ผมตาโตฉับพลัน ลูกตาแทบเด้งออกมาจากเบ้าตาเมื่อได้ยินคำสั่งของเขา
“ยี่สิบรอบ! คุณกะให้ผมหมุนจนน้ำในหนูแห้งเลยรึไง” ผมร้องออกมาเสียงหลง เขาเบ้ปาก ยักไหล่น้อยๆ ทำหน้าตาว่าไม่สนใจคำพูดของผม
“ไหนว่ายอมให้แกล้งไง”
“กะ… ก็…”
“ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ ไม่ได้บังคับ ไม่ทำ ฉันก็แค่อยู่แบบนี้ทั้งวัน” เขาบอกเสียงเรียบ แล้วหยิบบุหรี่ออกมาจากซองอีกตัว
“แต่วันนี้คุณมีถ่ายซีรีย์ที่สตูดิโอนะ”
“ก็แค่สามฉาก…” เขาบอกง่ายๆ แล้วเริ่มจุดไฟแช็ค ผมเห็นแบบนั้นก็รีบโพล่งทันที
“ก็ได้! ผมจะทำ แต่คุณต้องหยุดสูบบุหรี่นะ” เขาชะงักมือที่กำลังจะจุดบุหรี่ตัวใหม่ แล้วหันมามองผมนิ่งๆ ผมเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วยื่นช็อคโกแล็ตให้เขาหนึ่งกล่อง
“ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็กินนี่ไปดูผมปั่นจิ้งหรีดไปก็ได้ หยุดสูบเถอะ มันช่วยทำให้ปอดคุณเย็นและรู้สึกหายเครียดได้ มันก็ทำให้ปอดคุณเป็นมะเร็งได้เหมือนกัน” ผมบอกเขาอย่างจริงจังด้วยความเป็นห่วง เขามองหน้าผมอยู่สักพัก ก่อนจะลดไฟแช็คและบุหรี่ในมือลง ผมฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เขายอม
“ทำสิ” เขาบอกหลังจากคว้ากล่องช็อคโกแล็ตไป ผมยิ้มดีใจที่เขายอมถึงแม้จะยอมเพราะอยากเห็นผมโดนแกล้งก็เถอะ ผมวางอีกกล่องไว้บนชิงช้าไม้ แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าเขา วิคเตอร์แกะช็อคโกแล็ตพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะกัดเข้าปากหนึ่งคำ เขาเอนหลังกับพนักพิงของชิงช้า พาดแขนซ้ายไปตามความยาวของพนักพิงด้านหลัง ท่าทางดูผ่อนคลายราวกับจะดูโชว์อะไรสักอย่างในโรงละคร
“Do it! (เอาสิ!)” ผมพ่นลมหายใจแล้วเอาแขนขวาไพ่แขนซ้าย ใช้มือขวาจับหูซ้ายไว้ ส่วนแขนซ้ายเหยียดตรงแล้วก้มหน้าลง ก่อนจะเริ่มหมุนช้าๆ
“One… two… three… four… five…” ผมหมุนช้าๆ แบบไม่เร่งรีบ และนับช้าๆ พยายามรักษาระดับการหมุนเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองมึนจนเกินไป แต่เหมือนผมจะโลกสวยไปหน่อย เพราะรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ต่างจากการหมุนเร็วเลยสักนิด ยังไงมันก็มึน ก็โลกเหวี่ยงเหมือนกัน
“ห้ามล้ม! ถ้าล้มเริ่มใหม่หมด!” เสียงดุๆ ของวิคเตอร์ดังขึ้นเมื่อผมทำท่าจะล้มในตอนที่นับถึงรอบที่สิบสาม ผมเลยต้องพยามแข็งใจหมุนต่อไปโดยที่ต้องประครองตัวเองไม่ให้ล้ม รู้สึกว่าพอยิ่งใกล้หมุนครบรอบ ทำไมมันดูยาวนานจัง
“Seventeen… eighteen… nineteen… twenty!!” พอครบยี่สิบรอบผมก็ตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ ปล่อยแขนอันอ่อนแรงสองข้างที่ไพ่กันไว้ แล้วใช้มือยันหัวเข่าไว้สักพัก ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวและหัวขึ้นมาด้วยอาการมึน
“ยืนนิ่งๆ ให้ครบสองนาที ถ้าโงนเงนหรือล้มลง ฉันจะให้นายเริ่มใหม่!” สมองผมรับรู้คำสั่งของเขานะ แต่ตอนนี้ภาพตรงหน้ามันเบลอและเหวี่ยงหวือๆ ไปหมด ผมสะบัดหัวเพื่อเรียกสติแต่ยิ่งสะบัดกลายเป็นว่ายิ่งมึน ภาพวิคเตอร์ที่ยิ้มกริ่มด้วยความขำมันดูไหลไปซ้ายทีขวาที
“บอกให้ยืนนิ่งๆ ไง อยากเริ่มใหม่ใช่มั้ย?!” น้ำเสียงเหมือนตะคอกแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวดังขึ้นเมื่อตัวผมเริ่มเอียง เท้าที่พยายามยืนให้มั่นมันก็เริ่มขยับเป๋ไปเป๋มา
“โอ๊ยยย ไม่ไหวล้าววว…” ผมร้องเสียงอ้อแอ้เป็นภาษาไทย อาการมึนจากการปั่นจิ้งหรีดผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนที่มันยังมีคั่งค้างอยู่เล็กน้อย พอเจอแบบนี้มันเลยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวยิ่งกว่าโซดากับแสงโสม
ตุบ!
“เฮ้ย!” ภาพเหมือนดับวูบไปชั่วขณะ รับรู้ได้ถึงความมืด แต่ก็พอมีแสงแดดยามบ่ายแทรกเข้ามาในลูกตา กลิ่นอุ่นๆ ของเนื้อหนังชิดอยู่ที่จมูก ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมสูดกลิ่นหญ้าเข้าไปเต็มปอดหรือยัง
“บอกให้ยืนครบสองนาทีก่อนไง นี่ยังไม่ถึงนาทีเลยนะ!”
“โอยยย… ผมไม่อ้วกก็วิเศษสุดๆ แล้วนะ” ผมบอกเสียงยาน รู้สึกพะอืดพะอมอยู่เหมือนกันแต่ยังไม่ถึงกับจะพ่นอ้วกออกมา รู้สึกดีจังที่ได้นอนสูดกลิ่นหญ้า แม้ว่ากลิ่นหญ้ามันจะมีกลิ่นเหมือนเนื้ออุ่นๆ ของคนก็เถอะ มันมีมั้ย? หญ้ากลิ่นนี้ หรือผมเบลอจนคิดไปเอง ตอนนี้ไม่อยากลืมตาเลย เพราะรู้สึกว่าโลกภายนอกมันยังหมุนคว้างอยู่
“นายจงใจล้มมาที่ฉันรึเปล่า” เขาถามเสียงนุ่มทุ้ม ผมย่นคิ้ว และพยายามยกเปลือกตาขึ้น พอปรับโฟกัสม่านสายตาให้เข้าที่ ภาพเริ่มไม่หมุนรุนแรง ผมก็นั่งเอ๋ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นว่าวิวแรกที่เห็นคือหนวดเคราครึ้มของพ่อฝรั่ง ผมไม่ได้ทำท่าตกใจอะไรหรอก เพราะมันเบลอและมึนอยู่หน่อยๆ เลยได้แต่ย่นคิ้วหรี่ตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่อยู่ห่างกันแค่นิดเดียว เขากำลังก้มมองผมด้วยสายตาแพรวพราวพร้อมรอยยิ้มขำขัน จมูกผมอยู่ตรงริมฝีปากสีแดงหม่นของเขา ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงเพื่อไล่ความมึนที่ยังมีอยู่นิดหน่อย
“คุณยิ้มแล้ว…” ผมพูดออกมาได้แค่นั้น เพราะโลกภายนอกของผมตอนนี้มันยังหมุนอยู่นิดๆ แต่คิดว่าอีกสักพักน่าจะหายดี
“ใช่…” เขาบอกเสียงนุ่ม ผมเงยหน้ามองเขา ตอนนี้ภาพต่างๆ รอบๆ ตัวเริ่มไม่โคลงไปมา และผมก็เริ่มรับรู้ได้อย่างเต็มสติว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของอีกฝ่าย ผมเบิกตากว้าง กระพริบตาปริบๆ ก็เป็นจังหวะที่วิคเตอร์ยิ้มกริ่มราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
“แต่ถ้านายใช้วิธีที่ทำให้ฉันผ่อนคลายแบบที่ฉันชอบ ฉันอาจจะยิ้มกว่านี้ และอารมณ์ดีกว่านี้ก็ได้นะ” เขาบอกเสียงแผ่วอย่างเซ็กซี่ แววตาอันพร่ามัวของเขาจ้องกลับมาอย่างร้ายกาจ ผมขมวดคิ้วมุ่นไม่ทันครุ่นคิดในสิ่งที่เขาบอก
“วิธีไหน?” เขายิ้มอ้าปากน้อยๆ แล้วดันปลายลิ้นออกมาแล้วเลียริมฝีปากล่าง ก่อนจะบอกเสียงทุ้ม
“บนเตียง…” ผมแบะปากเมื่อรับรู้ความหมายที่เขาสื่อมา ทำตาปรือแบบเซ็งๆ แล้วดันหัวตัวเองออกห่างจากใบหน้าเขา
“ได้สิ เดี๋ยวผมไปตามยัยสองแมลงสาบเพื่อนซี้กลับมาให้นะ”
“เสียเวลาตามน่า นายก็ทำได้” เขาบอกแล้วกระชับอ้อมแขนซ้ายที่โอบไหล่ผมไว้แน่นขึ้น ผมยกมือขวาไปตีมือซ้ายเขาดัง เพี๊ย! แต่คนหน้าด้านที่ไม่รู้ว่าด้านเพราะหนังหน้าหรือเพราะหนวดที่เริ่มดกครึ้มกว่าอาทิตย์แรกที่เจอกันกลับยิ้มไม่รู้สึกรู้สา
“ถึงคุณจะหล่อ มีเซ็กส์แอพเพียลจนอาจจะทำให้ผมเกิดอารมณ์ แต่ผมก็ไม่ทำหรอก” เขายกยิ้มมุมปากอย่างขำๆ ไม่รู้ว่าขำประโยคที่ผมพูด หรือขำที่ผมเบะปาก ทำหน้ายู่ใส่เขากันแน่
“นายไม่กลัวรูตันรึไง” โอ๊ย! ประสาทจะเสีย ผมกลอกตาแว้บหนึ่งกับความลามกของเขา นึกจะพูดถึงรูก็พูดออกมาหน้าตาเฉย
“ไม่กลัว ผมอึทุกวัน รูมันไม่ตันหรอก”
“อันนั้นมันเอาออก นายไม่อยากลองเอาอะไรเข้าไปบ้างหรอ” เขาถามน้ำเสียงและสีหน้าทะเล้น จนผมต้องกลั้นยิ้มที่จะยิ้มตามเขา
ชอบจริงๆ เวลาเห็นเขามีรอยยิ้มซุกซนและแววตาขี้เล่นแบบนี้
“ผมรู้นะว่าคุณก็พูดเล่นไปงั้น แต่ผมเป็นผู้ชาย ซึ่งคุณชอบผู้หญิง แล้วอย่ามองว่ามันก็แค่เซ็กส์ ผมเคยบอกแล้วไง ว่าผมจะทำกับคนที่ผมรักเท่านั้น ถ้าไม่ได้รักผมก็ไม่ทำ” วิคเตอร์ขมวดคิ้วคล้ายกับงงและไม่เข้าใจในประโยคที่ผมพูดไป
“พอมีอะไรกัน นายอาจรักฉันก็ได้ ใครจะไปรู้” ผมทำหน้าเอือม แล้วเอานิ้วจิ้มจมูกเขาเบาๆ วิคเตอร์ทำหน้ายู่ แล้วเอามือขวามาวางพาดบนตักผมไว้
“วิคเตอร์ เอ่อ… คุณเรย์มอนด์ คุณอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่วัยรุ่นที่ฮอร์โมนเพิ่งพุ่งพล่านนะ คุณจะมาใช้เซ็กส์ตามหารักได้ยังไง คุณต้องใช้ใจตามหาสิ…” ผมจิ้มนิ้วชี้ลงไปที่อกซ้ายอันอวบอิ่มของเขาเน้นๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา คราวนี้วิคเตอร์นิ่งไป นิ่งไปเหมืนว่าเขาสะดุดหรือฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง แววตาที่เขามองผมกลับมานั้นดูสับสน และดูเหมือนสนใจในสิ่งที่ผมพูด
“ทำไมนายพูดแบบนั้น” เขาถามสีหน้างงๆ เหมือนไม่เข้าใจ ผมเลยขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจตามไปด้วย
เริ่มงงตามเขาไปด้วยละ
“ก็คุณพูดแบบนั้นจะให้ผมเข้าใจคุณว่ายังไงล่ะ คุณบอกว่าเราอาจรักกันหลังจากมีอะไรกัน งั้นคุณไม่รักผู้หญิงทุกคนที่คุณมีอะไรมาด้วยหมดเลยเหรอ” วิคเตอร์กระพริบตามองกลับมา ผมย่นคิ้วมองเขา ผมว่าเขาเหมือนคนงงๆ เหมือนคนหลงทางที่หาไปทางไปไม่เจอจริงๆ นะ แล้วขาก็ย่นคิ้วบ้าง เหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าให้เดาอาจกำลังนึกหน้าผู้หญิงที่เขาเคยมีอะไรมาด้วยล่ะมั้ง
จะนึกหมดมั้ยน่ะ อย่างวันนี้ก็ล่อเข้าไปตั้งสองคน
“ก็อาจมีมั้ง…” เขาบอกออกมาหลังจากทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แววตามองไปข้างหน้าเหมือนกำลังมองภาพเหตุการณ์อะไรบางอย่างอยู่
“นี่อย่าบอกนะ ที่คุณเงียบไป คุณกำลังนึกถึงบรรดาสาวๆ ที่คุณเคยมีเซ็กส์มาด้วย” เขาเลื่อนสายตากลับมามองผมนิ่งๆ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง
“Not quit. (ก็ไม่เชิง)” สีหน้าเขาดูสลดลงไปเล็กน้อย แววตาเขาดูหมองลงไป นี่ผมปั่นจิ้งหรีดจนเพี้ยนหรือเปล่า ถึงได้มองเห็นว่าแววตาเขาเป็นแบบนั้น
“ฉันไม่ได้รักผู้หญิงทุกคนที่ฉันเคยนอนมาด้วยหรอก” เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา ผมเม้มปากขยับตัวเล็กน้อย วิคเตอร์กระชับแขนซ้ายที่โอบไหล่ผมอยู่ ก่อนจะเลื่อนมือขวามาจับที่เอวซ้ายผมไว้ เหมือนกับกันไม่ให้ผมตกลงไปจากตักเขา ผมนิ่งไป เงยหน้าขึ้นมองคางเขา เขาไม่ได้มองผมอยู่แต่กำลังมองไปข้างหน้า เหมือนกับว่าที่เขากระชับอ้อมแขนทั้งสองข้าง เขาจะทำไปโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ทุกคน แสดงว่าก็ต้องมีหนึ่งในนั้นที่คุณรู้สึกรัก” เขาก้มลงมามองผมอีกครั้งด้วยสายตาเรียบนิ่ง ผมมองตอบกลับไป ตอนแรกไม่ค่อยอยากรู้อยากเผือกเท่าไหร่ แต่พอพูดมาแบบนี้ ก็เริ่มอยากรู้ภูมิหลังเขาเหมือนกัน
“ไม่รู้เหมือนกันว่านั่นเรียกว่ารักมั้ย”
“แล้วกับคนนั้น เซ็กส์กับความรู้สึกรัก อันไหนเกิดขึ้นก่อนกันล่ะ” ยอมรับเลยว่าผมกำลังหลอกถามเขา และถ้าเขาตอบไปมากกว่านี้ ก็ถือว่าการเผือกของผมเป็นไปได้ด้วยดี
“เซ็กส์…” เขาตอบเสียงเรียบ แล้วยักไหล่น้อยๆ
ผมมองหน้าเขาแล้วทำปากยื่นเหมือนเป็ดก่อนจะพยักหน้าเข้าใจเบาๆ เขามองกลับมานิ่งๆ และนั่นก็ทำเอาผมนิ่งตามไปด้วย เกิดความนิ่งสงบขึ้นรอบตัวเราสองคน มีเพียงดวงตาสองดวงของคนสองคนที่จ้องมองกันอย่างเงียบๆ ในท่าที่ผมนั่งอยู่บนตักเขา แล้วเขาก็โอบไหล่ผมไว้ด้วยแขนซ้าย กอดเอวซ้ายผมไว้แน่นด้วยแขนขวา ท่าทางแบบนี้ที่จริงๆ แล้ว มันควรเป็นท่านั่งของคนที่เป็นคู่รักกันหรือเปล่า พอคิดแบบนั้นผมก็รู้สึกรุมๆ ที่หน้า ค่อยๆ หดคอลง แต่ไม่กล้าหลบสายตาของวิคเตอร์ เหมือนดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นตรึงผมไว้
แล้วมันก็เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน

[อ่านตอนต่อไปที่ด้านล่างได้เลยค่ะ]