Yours and Mine EP.37 :: It's all about love. (ทั้งหมดทั้งมวลคือรัก)
Special POV from Victor Raymond
ผมยืนสูบบุหรี่รอไอ้เบนกับแฟนมันอยู่ด้านข้างตึกแกลเลอรีที่เป็นสถานที่จัดงานแสดงภาพถ่ายของไอ้อดัม งานเริ่มไปได้สักพัก แต่ผมยังไม่เข้า กะรอเข้าไปพร้อมสองคนนั้น เซล่าส่งสเตฟาเนียมาดูแลผมที่งานนี้แม้จริงๆ เธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่เพราะมีนักข่าวมาด้วยเธอเลยส่งคนมาคุมผมนี่แหละ
“แอบคุณแมทสูบเหรอคะ” สเตฟาเนียยิ้มล้อ ผมกระตุกยิ้มและยกนิ้วขึ้นทำจุ๊ปาก
“เดือนนี้แมทให้สูบสามครั้งเอง”
“คุณเลยเพิ่มครั้งที่สี่เอง” ผมสั่นหัวเบาๆ
“หกแล้ว” สเตฟาเนียยักคิ้ว ผมยิ้มขำ
เอเลี่ยนยังไม่ได้สั่งให้เลิกเด็ดขาดหรอก แต่ไอ้นี่ก็ทำฉลาดเนียนๆ ด้วยการลดจำนวนการสูบต่อเดือนไปทีละนิดทีละหน่อย อยู่ต่อหน้าเขาผมก็ไม่สูบหรอก แต่พอห่างกันหรือไม่ได้อยู่ด้วยกันก็มีเกินโควต้าแหละ ให้ความรู้สึกเด็กไฮสคูลแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโดยที่ครูคนนั้นคือเมียตัวเอง คือถ้าผมจะเข้าใกล้เขาหรือไอ้ลูกหมูแล้วเขาได้กลิ่น ผมจะโดนถีบกระเด็นให้ไปอยู่ไกลๆ ทันที
“รู้มั้ยคะว่าแมทเป็นคนที่น่าอิจฉา…” ผมพ่นควันสีขาวออกจากปากและมองสเตฟาเนียแบบอึนๆ
“…ความรักที่คุณมีให้เขา ฉันว่ามันน่าอิจฉามาก” ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงก็เลยยักคิ้วหนึ่งที
“แต่แมทก็ร้องไห้เพราะฉันบ่อยนะ”
“อันนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าอิจฉาค่ะ เป็นเรื่องที่น่าสงสาร ซึ่งยังดีนะคะที่คุณเองก็รู้ตัวว่าทำนิสัยไม่ดีกับเขา”
“รู้สึกเหมือนโดนด่า” สเตฟาเนียทำตาโตและสั่นหัวรัวๆ จนผมขำ
“เปล่านะคะ คือผู้ชายบางคนก็ไม่รู้ตัวน่ะค่ะว่าทำให้คนที่เรารักเสียใจ” ผมพ่นลมหายใจและพยักหน้า ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากจมูกฟุ้งอยู่ในอากาศ
“ฉันจะพยายามรู้ตัวไว้ตลอด”
“ไม่ต้องพยายามหรอกค่ะ แค่ใช้ความรักที่คุณมีให้กับแมท คุณก็จะไม่อยากทำให้เขาเสียใจ” สเตฟาเนียไม่รู้เรื่องส่วนตัวผมหรอก แต่เหมือนผมกำลังโดนเธอสั่งสอนแบบหลอกด่า และให้ความรู้สึกว่าแมทฝากเธอมาด่าผมยังไงก็ไม่รู้
“และความรักที่แมทมีให้คุณ ก็น่าอิจฉามากๆ เช่นกัน ฉันประทับใจเขามากเลยนะคะที่เขาเลือกคุณมากกว่าความฝันตัวเอง นั่นแสดงว่าเขารักคุณมากจริงๆ” ผมคลี่ยิ้มด้วยความภูมิใจ ประเด็นนี้มักทำให้ใจผมพองโต
“ยินดีด้วยนะคะที่คุณสองคนจดทะเบียนกันแล้ว” สเตฟาเนียยิ้มอย่างจริงใจ ผมยิ้มตอบกลับไป
“ขอบใจนะ”
ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์!
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน หยิบขึ้นมาดูหน้าจอก็เห็นเป็นไอ้เบนโทรมา
“ว่าไง… อยู่ข้างตึก… ฉันเห็นแกละ” ผมกดวางสายแล้วชูมือเรียกไอ้เบนกับบาสเก็ตบอล ทั้งสองคนใส่เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเดียวกับที่ผมใส่ เป็นเสื้อที่ไอ้อดัมส่งมาให้ เป็นลายการ์ตูนผู้หญิงผู้ชายหัวกลมๆ แบบที่ชอบติดตามหน้าห้องน้ำ ยืนจับมือกันเป็นคู่ๆ ทั้งคู่ผู้ชายกับผู้หญิง คู่ผู้ชายกับผู้ชาย และคู่ผู้หญิงกับผู้หญิง ทั้งหมดยืนอยู่ในระนาบเดียวกัน
“สวัสดีบาสเก็ตบอล” ผมทักทายแฟนไอ้เบนพลางบี้บุหรี่ลงบนหัวถังขยะที่ใส่ทรายไว้จนมอดแล้วทิ้งลงในถัง
“ไอ้อันเดร เอริค โจนาธาน ตามมาอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ชาร์ลีไม่มา อยู่บาหลี” ผมพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีให้ไอ้เบน พวกเราทุกคนพากันไปทางประตูทางเข้างาน โจชัวเพื่อนออสตินเดินตามประกบหลังกับสเตฟาเนีย
พอเข้ามาด้านในตึกก็เจอกับฝูงชนมากมาย ผมพ่นลมหายใจเซ็งๆ กับการที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนมากๆ แบบนี้ มีช่างภาพหันมาถ่ายรูปผมสามสี่คน แสงแฟลชรัวใส่จนมึนไปแปบนึงก่อนจะเดินต่อได้ ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรในงานนี้บ้าง แต่อันที่ผมเพิ่งรู้จากสเตฟาเนียคือมีการขายภาพเดี่ยวของพวกดาราศิลปินพร้อมลายเซ็น และพบปะกันแบบส่วนตัวตลอดช่วงการจัดงาน จะมีตารางของแต่ละคนเลยว่าใครมาวันไหนบ้าง ผมว่าเป็นการโปรโมตที่ยิ่งใหญ่ดี ก็ต้องยอมรับแหละว่าชื่อเสียงของคนเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดให้คนมาร่วมงานและเป็นแรงจูงใจในการบริจาคได้ด้วย
“พอพิธีกรเชิญ นายก็ขึ้นไปได้เลย” เอมิลี่ไม่มีทักทายใดๆ เห็นหน้าผมปุ๊บก็บอกเลยว่าผมต้องทำอะไรยังไงบ้าง ผมทำเพียงพยักหน้ารับ ยืนรออยู่ด้านหลังเวที จากลิสต์ที่สเตฟาเนียให้ดูตอนช่วงยืนรอไอ้เบน วันนี้มีนักแสดงกับศิลปินมาร่วมงานอยู่สามคน รวมผมด้วยก็เป็นสี่ สองในสี่ไม่ได้มีแฟนหรือคู่ชีวิตเป็นเพศเดียวกัน แต่รณรงค์เรื่องความเท่าเทียมกันมาตลอด เลยมาร่วมงานนี้ด้วยแบบฟรีๆ ผมว่าทุกคนมาฟรีแหละ มาด้วยใจกันทั้งนั้น
“แล้วแมทไปไหน ทำไมไม่มาด้วยล่ะ”
“เออ ฉันก็คิดว่าแมทจะตามเข้ามา ไม่มาเหรอ” ผมสั่นหัวให้เอมิลี่กับไอ้เบน
“ไม่มา เลี้ยงลูก” เอมิลี่ย่นคิ้วน้อยๆ
“แมทบอกกับฉันว่าจะมา จะพาแฝดมาด้วย เปลี่ยนใจเหรอ หรือแฝดงอแง”
“เปล่า ฉันหวง ไม่อยากให้เขาออกงาน” ผมตอบหน้ามึน ยักคิ้วสมทบคำตอบตัวเองอีกที สามคนที่ยืนฟังอยู่หันมองหน้ากันแบบสับสนปนงง
“ก็ตอนแรกแกจะให้เขามาไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้เบนถามสีหน้าสับสน
“ตอนเอากันอยู่แมทมันทำตัวน่าหวง ฉันเลยไม่ให้มา” เอมิลี่อ้าปากค้างก่อนจะใช้นิ้วนวดขมับเบาๆ บาสเก็ตบอลเองก็หน้าเหวอไปเช่นกัน ไอ้เบนยกมือเกาหัวแกรกๆ
“แกกลัวคนอื่นมาเอาแมทกลางงานรึไง” ผมยักไหล่สองข้าง หน้าตาไม่หือไม่อือ หน้ามึนแบบที่แมทชอบด่า
“อีกอย่าง ฉันไม่อยากให้ไอ้ลูกหมูสองตัวนั้นออกสื่อเยอะด้วย แค่ให้ถ่ายภาพก็พอแล้ว”
“แล้วเธอจะเอาพวกเขามานิวยอร์กด้วยทำไมเนี่ย น่าจะให้เขาอยู่บ้าน” เอมิลี่ถลึงตาใส่ผม
“ก็ตอนแรกว่าจะให้มา แต่…” ผมย่นจมูกย่นคิ้ว “…ก็นั่นแหละ เปลี่ยนใจ ไม่อยากให้มาแล้ว แต่เดี๋ยวอาฟเตอร์ปาร์ตี้ฉันจะไปรับสามคนนั้นมาร่วมงานด้วย”
บาสเก็ตบอลขำเบาๆ ผมยักคิ้วให้เขาหนึ่งที เอมิลี่ที่ดูจะชินกับผมที่สุดก็ทำเพียงกลอกตามองบนและทำหน้าประมาณว่าเรื่องของมึงเถอะ
“And now I would like to invite…” ผมหันไปมองเอมิลี่ เธอผายมือให้ผมไปทางเวที ผมก้าวเดินไปข้างหน้า เจอกับเพื่อนนักแสดงชายคนหนึ่งที่เราไม่เคยร่วมงานกันแต่ก็รู้จักกันผ่านสื่อตรงบันไดเวที เราทักทายกันสั้นๆ แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนพร้อมกัน แสงแฟลชสาดแสงสว่างไปทั่วงาน เสียงดนตรีรื่นเริงดังคลอแบบไม่น่ารำคาญ พอขึ้นมาบนเวทีก็เห็นว่าคนมาเยอะกว่าที่คิดไว้มาก แต่ทุกคนที่มาก็ไม่ได้ว่ามายืนออกันตรงนี้หรอก มีอีกหลายคนที่กำลังเลือกเดินชมผลงานไอ้อดัมแทนมาดูพวกเรา
“Hi everyone. (สวัสดีทุกคน)…” พิธีกรหญิงที่มีชื่อเสียงมากจากรายการทอล์คโชว์ในอเมริกาทักทายพวกเราอย่างเป็นกันเอง ผมเคยไปออกรายการเธออยู่ครั้งนึงตอนโปรโมตหนังคู่กับชารอน เธอเอ็นเตอร์เทนเก่ง พูดจาน่าฟัง และมีแฟนเป็นผู้หญิง
“…ฉันต้องถามอะไรพวกเขาบ้างเนี่ย” มีเสียงหัวเราะดังครืนๆ ไอ้อดัมขวัญใจแมทนั่งอยู่ข้างพิธีกรหญิง ผมว่าคิดถูกแล้วที่ไม่ให้แมทมา วันนี้ไอ้ช่างภาพพ่องาน ใส่เสื้อแบบเดียวกับผมแต่ตัดแขนเสื้อออกโชว์รอยสักทั้งสองแขน นี่ถ้าไอ้เอเลี่ยนมาคงนั่งตาเยิ้มหน้าเคลิ้ม ลืมลูกลืมผัว อาฟเตอร์ปาร์ตี้ไม่ให้มาซะดีมั้ง
“ใครมีรูปโชว์อยู่ในงานนี้” เราทั้งสี่คนยกมือ แล้วก็มีเสียงหัวเราะ ผมงงว่ามันจะอารมณ์ดีอะไรนักหนา เลยทำเพียงกระตุกยิ้มพอ ถ้าแมทอยู่ผมคงโดนหยิก
“ฉันก็เหมือนกัน ใครได้ถ่ายคู่แบบฉันบ้างล่ะ…” เป็นผมกับศิลปินหญิงผมบลอนด์คนหนึ่งยกมือขึ้นพร้อมกัน เธอหันมาจับมือกับผมและเช็กแฮนด์กันเบาๆ
“…งั้นฉันคงต้องถามคนที่ฉันเซอร์ไพรส์ที่สุดก่อน” เธอมองมาทางผมและยิ้มกว้าง ผมเลิกคิ้วขึ้นงงๆ และชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พิธีกรหันไปมองคนล่างเวทีที่นั่งเก้าอี้ดูพวกเราอยู่แบบขำๆ ก่อนหันกลับมาหาผมอีกที
“ผมเหรอ” เกิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง จนผมเริ่มคิดแล้วว่าไอ้อดัมมันปล่อยแก๊สหัวเราะในงานรึเปล่า
“ฉันมองคุณจนจะกลืนกินไปทั้งตัวขนาดนี้ เป็นใครไปไม่ได้แล้วละ…” และก็มีเสียงหัวเราะอีกครั้ง ผมยิ้มขำน้อยๆ แล้วพยักหน้าหนึ่งที
“…เราได้ยินข่าวของคุณกับหนุ่มน้อยคนนั้น อ้อใช่ เขาหน้าเด็กมากจนฉันไม่คิดว่าเขาเป็นแฟนคุณ แต่คิดว่าเขาเป็นลูกคุณแทน” ผมกระตุกยิ้ม สามคนที่เหลือก็หัวเราะ ด้านล่างก็ครื้นเครงกันใหญ่
“Then I am a daddy and he is my step son. (งั้นผมก็เป็นพ่อเขาและเขาก็คือลูกชายบุญธรรมผม)”
“Awww, is that a plot of porn or something? (อ่อววว นั่นเป็นพล็อตหนังโป๊หรือยังไง)” เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม ผมเลิกแปลกใจไปตั้งแต่ตอนไปออกรายการเธอแล้วละว่าทำไมเรทติ้งรายการเธอถึงดีนักหนา
“It’s gonna be lovely when he call you daddy. (มันต้องน่ารักมากแน่เวลาที่เขาเรียกคุณว่าแด๊ดดี้)” ผมหันไปมองเพื่อนนักแสดงชายคนข้างๆ แล้วยกมือซ้ายขึ้นชี้เขาพร้อมกับยิ้มเบ้ปากนิดๆ และพยักหน้าหน่อยๆ
“On the bed. (บนเตียง)” เพื่อนนักแสดงหนุ่มผิวขาวตัวสูงล่ำพอๆ กับผมหัวเราะอารมณ์ดีก่อนที่จะยกมือแท็กกับผมหนึ่งที
“We can’t go far than this point. We have to come back. (เราไปไกลจากจุดนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องกลับมา)” พิธีกรหญิงทำหน้าตาคล้ายว่าลำบากใจ แต่ก็เข้าใจว่าเธอกำลังแกล้งทำ ในงานหัวเราะกันครื้นเครงเฮฮา
“We have been hearing about you and him for long time. And you never say anything. But you make it clear through this campaign. (เราได้ยินเรื่องของคุณกับเขามานาน คุณไม่พูดอะไรเลย แต่คุณทำให้มันกระจ่างโดยผ่านแคมเปญนี้)”
“I have to say that I didn’t mean to hide or fear to tell. But I just don’t know what to say. We are good. We just live our life, that’s all. And we are still the same. Nothing change. We are in this campaign because it is a very good campaign. (ผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลบซ่อนหรือกลัวที่จะบอกใคร ผมแค่ไม่รู้จะพูดอะไร คือเราก็ปกติกันดี ใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไป และเราก็ยังเป็นแบบนั้น ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน ที่เราร่วมแคมเปญนี้เพราะมันเป็นแคมเปญที่ดีจริงๆ)” ผมยกนิ้วโป้งให้อดัม หมอนั่นพยักหน้ารับหนึ่งที ผมอ้าปากค้างทำท่าจะพูดแต่ก็กำลังประมวลและเรียบเรียงคำพูดตัวอยู่ เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองต้องพูดเยอะพูดยาวมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตเลยก็เป็นได้
“I just want to tell the world that love is not about what gender you are or who you are. It is about your heart. When you love someone I think it comes from your feeling, your heart, and your soul. I have to accept that I was very confuse for the first time when I know I have a thing for him. But at the end, I just accept with myself that I am so happy when I have him beside. And yeah, I love the guy not the girl. (ผมแค่อยากจะบอกกับโลกนี้ว่า ความรักมันไม่เกี่ยวเลยว่าคุณเป็นเพศอะไร หรือคุณเป็นใคร มันเป็นเรื่องของหัวใจ เวลาที่คุณรักใครสักคน ผมคิดว่ามันมาจากความรู้สึก จากหัวใจ และจิตวิญญาณ ก็ต้องยอมรับนะว่าตอนแรกๆ ผมสับสนกับตัวเองมากพอรู้ว่าผมมีความรู้สึกดีๆ ให้เขา แต่สุดท้ายผมก็แค่ยอมรับกับตัวเองว่า ผมมีความสุขมากเวลามีเขาอยู่ข้างกัน ก็นั่นแหละครับ ผมรักผู้ชาย ไม่ได้รักผู้หญิง)” มีเสียงหัวเราะเบาๆ ผมยิ้มน้อยๆ แล้วพูดต่อ
“Actually, the point is not about gender as equal as he makes me so happy. He accept everything about me. I can really be me when I am with him. And he makes my world so bright. (ซึ่งจริงๆ เรื่องเพศไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับการที่เขาทำให้ผมมีความสุข เขารับตัวตนของผมได้ทุกอย่าง ผมเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่เวลาอยู่กับเขา แล้วเขาก็ทำให้โลกผมสดใส)” เป็นครั้งแรกที่ตัวเองพูดเยอะและยาวที่สุดกับคนอื่นนอกจากแมท แต่คิดอีกทีเพราะมันเกี่ยวกับแมทนี่แหละเลยพูดได้ยาว
“Awww.” มีเสียงครางคล้ายกำลังเขินเบาๆ จากคนดู ผมยิ้มขำเขินๆ มันเลี่ยนแหละผมรู้ แต่ผมก็พูดตามที่รู้สึก
“I couldn’t agree more with you. When we found someone who can accept who we are—that’s really amazing. That is the most happiness in life. Really. (ฉันเห็นด้วยกับคุณมากๆ เวลาที่เราเจอใครสักคนที่รับตัวตนของเราได้ มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก มันเป็นความสุขอย่างมากในชีวิต จริงๆ นะ)” นักร้องสาวผมบลอนด์หันมาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ผมพยักหน้าตอบกลับไป
“Yeah. I see that happiness from my brother when he is with his boyfriend. (ใช่ ผมก็เห็นความสุขนั้นจากน้องชายผมเหมือนกันเวลาที่เขาอยู่กับแฟน)” เพื่อนนักแสดงชายข้างผมยกไมค์ขึ้นพูดสมทบอีกคน นักแสดงหญิงผมสีน้ำตาลแดงพยักหน้าเห็นด้วย
“Most of people think in a different way. They think you are gay. They focus only gay word. (หลายคนคิดอีกแบบ พวกเขาคิดว่าคุณคือเกย์ พวกเขาสนใจแค่คำว่าเกย์)” พิธีกรพูดต่อ ผมไม่ได้รู้สึกว่าเธอจี้หรือเสียมารยาท เพราะเธอเองก็เป็นเลสเบี้ยน เธอก็แค่พูดความจริงของคนเหล่านั้นให้ฟังว่ามันคิดกันแบบนี้จริงๆ
“I can’t control anybody though. And I have never been thinking to control it or try to do it. I am happy. My family is happy—that’s all. What they want to think about me, what gender they want to define me, what status they want to give me—It’s depend on them. I don’t have any problems with it. I am still a man who is happy with another man. You can call me gay, and faggot or something you want to. It’s just a vocabulary of gender. Love is the feeling between me and him. (ผมบังคับความคิดใครไม่ได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะไปบังคับ และไม่คิดพยายามที่จะบังคับด้วย ผมมีความสุข ครอบครัวผมมีความสุข ก็จบ เขาจะคิดยังไงกับผม เขาจะกำหนดเพศให้ผม จะกำหนดสถานะอะไรให้ผม ก็แล้วแต่พวกเขา ผมยังเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่มีความสุขกับผู้ชายอีกคน จะเรียกผมเกย์ กะเทย หรืออะไรก็ตามแต่เถอะ มันก็แค่คำศัพท์ที่ใช้แยกเพศ แต่ความรักมันมาจากความรู้สึกของผมกับเขา)” เสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้องทั้งจากคนบนเวทีและด้านล่างเวที ผมหันไปยิ้มให้กับคนดูด้านล่าง มีคนผิวปากให้อยู่สามสี่ครั้งเป็นการประกอบเสียงปรบมือ บางคนก็ส่งเสียงร้องวู้วๆ เป็นการซัพพอร์ต
“That’s true. My brother is my inspiration to join this campaign. When people know that he is in relationship with a guy, he became a gay immediately. But I am still see him as a normal man. He is a big boy, tall, muscle and strong. He just has a boyfriend. When he has boyfriend, many people judge him in another way. Just because he is gay it doesn’t mean he can’t be a man. I think he is a real man more than some man who have been insulting him.” (เรื่องจริงเลย น้องชายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเข้าร่วมแคมเปญนี้ พอมีคนรู้ว่าเขาคบกับผู้ชายคนหนึ่ง เขากลายเป็นเกย์ทันที แต่ผมยังรู้สึกว่าเขาก็เป็นผู้ชายปกติคนนึงนี่แหละ เขาเป็นผู้ชายตัวโต สูง ล่ำ และแข็งแรง ก็แค่มีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วพอเขามีแฟนเป็นผู้ชาย คนก็ตัดสินเขาไปอีกแบบนึง แค่เพียงเพราะเขาเป็นเกย์ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นลูกผู้ชายไม่ได้ ผมว่าน้องผมแมนกว่าพวกผู้ชายที่ชอบดูถูกเขาอีก)”
“I really don’t understand why some people always judge gay as something weird. They are people like us. I have been hearing that they say Gay is unnatural. I wonder if they were born from vagina or tree roots! (ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมบางคนถึงชอบตัดสินว่าคนเป็นเกย์ไม่ปกติตลอด พวกเขาก็เป็นมุนษย์เหมือนเราอะ ฉันได้ยินมาตลอดเลยนะไอ้เรื่องที่มีคนพูดว่าเกย์ผิดธรรมชาติ ฉันสงสัยมากเลยว่าคนพวกนั้นเกิดจากช่องคลอดหรือรากต้นไม้)”
“Whoah! That is the quote of today, right? (เฮ้ย นั่นเป็นคำคมประจำวันนี้เลยรึเปล่าเนี่ย)” ไอ้อดัมเอ่ยแซวพร้อมยิ้มกว้างขำขัน พวกเราทุกคนขำไปคำพูดของนักแสดงหญิงร่างเล็กอีกคนที่นิ่งเงียบฟังพวกเราพูดมานาน แต่พอพูดออกมาทีคือเอาไทม์มิ่งไปครองที่ตัวเองคนเดียวเพรียวๆ คนในงานปรบมือกันกึกก้อง โห่ร้องด้วยความชอบอกชอบใจ บวกกับดนตรีที่มีจังหวะสนุกสนานเลยยิ่งทำให้ครื้นเครงบรรเลงกันคึกคัก ผมอ้าปากหัวเราะเสียงดัง ถึงกับต้องยื่นมือไปจับมือเธอแล้วเช็กแฮนด์แรงๆ เป็นการบอกว่าถูกใจคำพูดของเธอเหลือเกิน
“I got it now why they cling to ‘Natural’ word so much. Because of they were born from underground. (มิน่าล่ะ พวกเขาถึงยึดติดกับคำว่าธรรมชาติเหลือเกิน เกิดจากใต้ดินนี่เอง)” พิธีกรพูดต่อแล้วก็ขำมุกของตัวเอง ทุกคนในงานก็ขำตามกันยกใหญ่
“My brother was bullied because they think he is uncommon. He tried to commit suicide many times because he surrounded by people who were born from the dump. I think they will be happy if my brother dies but I won’t let it happen. I took him back to the good life. I told him that if they are not happy with who you are, then let them suffer from seeing you are happy in the way you are. (น้องชายฉันโดนรังแกเพราะเขาเป็นเกย์ พวกที่แกล้งเขาคิดว่าเขาไม่ปกติ น้องฉันพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งเพราะเขาอยู่ท่ามกลางคนที่เกิดจากขยะ และคนเหล่านั้นดูจะยินดีมากถ้าน้องฉันตายไป แต่ฉันไม่ยอมหรอกค่ะ ฉันพาเขากลับมามีชีวิตที่ดีจนได้ ฉันบอกกับน้องว่า ใครที่มันไม่มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น ก็ให้มันทุกข์ทรมานกับการเห็นเรามีความสุขไปนั่นแหละ)” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง และผมก็ร่วมปรบมือชื่นชมกับการสอนของเธอที่มีต่อน้องชายด้วย ตอนพูดเธอไม่มีทีท่าอ่อนแอหรือเศร้าใจอะไรเลย เธอดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก
“Don’t divided the love by gender. Love could happen to everyone, every gender and every age. Everyone has privilege to love. It’s going to be a happy ending or not. It’s not your problem to solve. The civilized person won’t insult the love of other people. (อย่าแบ่งแยกความรักด้วยเพศ ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศและทุกวัย คนทุกคนมีสิทธิ์จะมีความรัก จะสมหวังหรือไม่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของคุณ คนที่เจริญแล้วจะไม่ดูถูกความรักของคนอื่น)” นักร้องหญิงคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังสมกับที่เป็นนักร้อง พวกเราทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
จากตอนแรกที่ผมอึดอัดที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางคนมากมายเหล่านี้ ตอนนี้กลายเป็นว่าผมรู้สึกสบายตัวสบายใจกับการที่ได้มาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่สนับสนุนความรักทุกรูปแบบของมนุษย์ มันไม่ใช่ความโลกสวยอะไรทั้งนั้นแหละ มันก็แค่คนดีๆ มีการศึกษา มีระบบความคิดที่ดีมารวมตัวกันเท่านั้นเอง วันนี้ฟ้าโปร่งสะอาดตา ไม่มีฝนตก ไม่มีขี้หมูไหล ไม่มีคนจัญไรมาพบกัน
V
v
v