:Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18  (อ่าน 799756 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
«ตอบ #2370 เมื่อ21-06-2018 21:17:36 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
«ตอบ #2371 เมื่อ21-06-2018 22:50:34 »

เสียใจกับการจากไปของไวโอลา หวังว่าลุงยักษ์จะประคับประคองแมทกับแฝดไปได้อย่างมีความสุขที่สุดนะคะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
«ตอบ #2372 เมื่อ21-06-2018 22:53:57 »

เศร้าจัง ไวโอล่ทไม่น่าตายเลยอ่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
«ตอบ #2373 เมื่อ22-06-2018 03:42:13 »

 :sad12: บาย นางฟ้าของแฝด

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
«ตอบ #2374 เมื่อ02-07-2018 14:08:34 »

เข้ามาดัน  และรอน้องแมท :katai5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.34 100% :21.06.61:
«ตอบ #2375 เมื่อ04-07-2018 00:01:33 »

 :katai5:

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2376 เมื่อ06-07-2018 00:27:46 »

Yours and Mine EP.35 :: Mommy Matt and Daddy Tor. (แม่แมทกับพ่อเตอร์) [100%]







ผ่านพ้นงานศพไวโอล่ามาได้เกือบสองอาทิตย์ วิคเตอร์ก็ต้องกลับไปทำงานต่อ ผมก็รู้สึกใจหาย รู้สึกเคว้งเปล่าเปลี่ยว เพราะปกติถ้าเขาไม่อยู่ ผมก็จะมีไวโอล่าอยู่ด้วย ถึงแม้จะมีออสตินคอยอยู่ดูแลด้วยก็ตาม แต่ออสตินกับไวโอล่าก็คนละคน และมีนิสัยคนละขั้วเลย ไม่ใช่ว่าออสตินไม่ดี และไม่ใช่ว่าผมทำตัวรู้สึกแปลกกับออสติน เพราะก่อนหน้าจะย้ายมาอยู่อังกฤษ ผมก็เคยอยู่กับออสตินสองคนออกจะบ่อย เพียงแต่พอมีไวโอล่ากับแฝดเพิ่มเข้ามาในชีวิต มันก็เลยเป็นความรู้สึกที่เพิ่มขึ้น แต่พอไม่มีไวโอล่ามันเหมือนลดลง ไม่ชินแปลกๆ

           

 

[ถ้าพ่อมาพูดอะไร เลือกอยู่เฉยๆ ปล่อยให้อาดอมจัดการ เขาเอาพ่ออยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก] วิคเตอร์พูดถึงเรื่องที่คุณลุคจะเอาแฝดไปเลี้ยงดูด้วยตัวเอง ไม่ยอมให้ผมกับวิคเตอร์เลี้ยงดูต่อ อาดอมกำลังช่วยพูดอยู่ ผมก็นึกเป็นห่วงว่าเขาจะผิดใจกันนะ แต่พอนึกว่าเพื่อให้แฝดอยู่ด้วยกัน ผมเลยไม่คิดช่วยพูดให้ใครใจเย็นทั้งนั้น เพราะผมหัวร้อนกับเรื่องนี้มาก

           

 

“พ่อคุณเขาไม่ได้อยากแฝดไปเลี้ยงจริงๆ หรอก เขาแค่อยากเอาชนะเรา แล้วเอาไวโอล่ามาอ้าง” พูดกันตามตรง คุณลุคแกก็แพ้เราสองคนระเนระนาดอยู่เหมือนกัน พยายามจับคู่วิคเตอร์กับไดอาน่า แต่กลายเป็นทำให้ไดอาน่ากับออสตินได้เจอกันแล้วมาคบกัน แทนลูกชายตัวเอง ขัดขวางไม่ให้ผมกับวิคเตอร์รักกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ จนมาเรื่องที่ไวโอล่ากับแฝดจะมาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ยอม แต่ก็ไม่สำเร็จ ผมว่าเขาก็คงแค้นใจหน่อยๆ ทำอะไรผมสองคนไม่ได้สักที เลยจะมาเล่นเรื่องแฝดแทน แต่ขอโทษเถอะ งานนี้ผมก็มั่นใจอีกว่า เขาต้องแพ้เหมือนเดิม

           

 

[ฉันขอแค่พ่ออย่าฟ้องศาลให้มันวุ่นวายไปมากกว่านี้ ฉันขี้เกียจบินไปๆ กลับๆ] วิคเตอร์ทำหน้าเซ็ง ผมก็เซ็งด้วย คือถ้าเขาเล่นถึงขั้นนั้น ผมว่าต้องพิจารณาความเป็นพ่อลูกระหว่างคุณลุคกับวิคเตอร์แล้วละว่ามันแย่แค่ไหน

           

 

“ถึงฟ้องไปเขาก็แพ้ ฐานะเรา เอ่อ คุณคนเดียวดีกว่า คือไม่ได้แย่ ดูแลเด็กเป็นทีมฟุตบอลยังได้”

           

 

[แค่ไอ้ลูกหมูสองตัวนี้ก็เหมือนทีมฟุตบอลแล้ว] ผมก้มลงมองสองลูกหมูที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนพื้นห้องแฟมิลี่ ตัวยังคงกลมตุ๊ต๊ะ เจ้าของหมาที่ไมเคิลไปติดพันธุ์ใจดีมากกก เธอแบ่งนมให้แฝดทุกอาทิตย์เลย แต่ผมก็พยายามสลับกับนมผงเพื่อให้แฝดชิน จะได้ไม่รบกวนเธอเยอะจนเกินไป แม้ผมจะเห็นแล้วละว่าวันๆ นึงเธอคั้นนมออกมาได้มากกว่าไวโอล่าคั้นสองวันรวมกันซะอีก

           

 

“I love them. (ผมรักพวกเขา)” ผมพูดเสียงแผ่วเบา ความรู้สึกรักอบอวบอยู่ในอก

           

 

[Not more than me. (ห้ามมากกว่าฉัน)] วิคเตอร์มองตาดุ ผมทำหน้าเอือมแต่ก็ขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มขำน้อยๆ

           

 

“It’s different. You know that. (ผมรักคนละแบบน่า คุณก็รู้อยู่แล้ว)”

           

 

[It must be different, but not than me anyway. I’m gonna donate them to charity if you love them more than me. (รักคนละแบบ ก็ห้ามมากกว่าฉัน ไม่งั้นฉันจะเอาไอ้ลูกหมูสองตัวไปบริจาคให้การกุศล)] ผมขมวดคิ้วอ้าปากหวอกับการใช้คำว่าบริจาคกับเด็กสองคน

           

 

“Don’t be cruel. (อย่าใจร้ายกับลูกสิ)…” ไอ้ยักษ์กลอกตา ผมขำเบาๆ

           

 

“…Let them call you daddy, okay? (ให้เด็กๆ เรียกคุณว่าพ่อนะ)”

           

 

[And call you mommy? (แล้วเรียกนายว่าแม่งั้นเหรอ)] ผมส่ายหัวช้าๆ

           

 

“They have only one mommy, which is Viola. I want them to call you dad because I want them have a feeling of a son and daddy. (พวกเขามีแม่คนเดียวคือไวโอล่า ที่ผมอยากให้พวกเขาเรียกคุณว่าพ่อ เพราะอยากให้แฝดได้มีความรู้สึกความเป็นพ่อลูกบ้าง)”

           

 

[What about Christian? (แล้วไอ้คริสเตียนล่ะ)]

           

 

“He is still dad of twins, but I think it’s okay to call you daddy. (เขาก็ยังเป็นพ่อแฝดนั่นแหละ แต่ผมว่ามันก็โอเคที่จะเรียกคุณว่าพ่อนะ)” วิคเตอร์ขมวดคิ้วหน้าตายังไม่เข้าใจ

           

 

[But you are close with them than me. (แต่นายใกล้ชิดไอ้ลูกหมูมากกว่าฉันนะ)]

           

 

“Yes, I am their god mother. They don’t need to call me mother. Just call my name, but let them feel that I am their mother from their feeling. Is it going to be weird if they call me mother or mommy, huh? (ก็ใช่ ผมก็เป็นแม่ทูลหัวพวกเขาไง พวกเขาไม่ต้องเรียกผมว่าแม่หรอก เรียกชื่อผมเอาก็ได้ แต่ให้พวกเขารู้สึกว่าผมเป็นแม่จากข้างในเอา มันไม่แปลกเหรอถ้าพวกเขาจะเรียกผมว่าแม่อะ)”

           

 

[I call you wife. (ฉันยังเรียกนายว่าเมียเลย)] ผมเอียงคอไปด้านขวา มองบนแปบหนึ่งแล้วก็กลับไปมองหน้าเขาในจอโทรศัพท์ต่อ

           

 

[And if they call your name—are they going to feel with you just being a mommy, huh? (แล้วถ้าพวกนั้นเรียกชื่อนาย มันจะรู้สึกกับนายแค่การเป็นแม่ใช่มั้ย)] ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะอ้าปากน้อยๆ เมื่อคิดได้ว่าเขาคิดยังไง

           

 

“They are not like you and your Lisa. (พวกเขาไม่เหมือนคุณกับยัยลิซ่าของคุณนะ)” วิคเตอร์ทำหน้าดื้อเหมือนเด็กขึ้นมาทันที

           

 

“How do you know? Everything is unsure! (รู้ได้ไง ทุกอย่างมันแน่นอนที่ไหนล่ะ)”

           

 

“Stop your fantasy now. (หยุดมโนได้แล้ว)” ไอ้ยักษ์มุ่ยหน้า

           

 

“Victor, I love them as our son. I love you as my husband, okay baby? (วิคเตอร์ ผมรักพวกเขาแบบลูกชาย รักคุณในแบบสามี โอเคมั้ยที่รัก)” ไอ้ยักษ์ผมยาวทำปากยื่น ก่อนจะยักคิ้วขึ้นหนึ่งที และทำหน้าประมาณว่าก็โอเคแบบน่ายื่นมือทะลุโทรศัพท์ไปตบสักที

           

 

[เหงามั้ย] ผมพยักหน้าแบบไม่ลังเล

           

 

“ผมคิดถึงไวโอล่า สามเดือนเกือบสี่เดือนที่ผ่านมา ผมใช้ชีวิตอยู่กับเธอตลอด พอไม่มีเธอแล้ว มันก็…” ผมพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกอ้างว้าง ดวงตาสีน้ำผึ้งของวิคเตอร์มองผมตาใสหน้าซื่อจนผมต้องกระตุกยิ้ม

           

 

“…แต่เพราะผมมีคุณ มีแฝด มีออสติน ไมเคิล ฟอกซ์ แล้วก็พ่อแม่ และก็เพื่อนๆ ผมเลยค่อยๆ ผ่านมันไป”

           

 

[เยอะจัง แค่ฉันคนเดียวไม่ได้เหรอ]

           

 

“ก็ช่วยๆ กันไง แต่คุณก็เป็นหลัก” ไอ้ยักษ์เบะปาก ผมขำน้อยๆ ได้ยินเสียงเรียกชื่อวิคเตอร์ดังเข้ามาในโทรศัพท์ เขาหันไปมองก่อนหันกลับมามองผม

           

 

[เสร็จงานแล้วจะวิดีโอคอลไปหา เรื่องนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่อาดอมเขา ไม่ต้องเครียด] ผมพยักหน้าเบาๆ วิคเตอร์ส่งจูบให้ ผมใช้มือจุ๊บปากแล้วส่งจูบกลับไปก่อนที่หน้าจอจะดับ ผมวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว นั่งมองแฝดหลับตัวกลมแล้วก็ยิ้ม เพิ่งพาไปฉีดวัคซีนตามนัดเมื่อตอนครบสี่เดือนมา คุณหมอปรามๆ เรื่องกิน กลัวจะอ้วนเกิน จริงๆ ผมก็ค่อยๆ ลดนมลงเป็นสามหรือสี่มื้อแทนทุกสี่หรือหกชั่วโมงแบบแต่ก่อนแล้วละ กลัวจะส่งผลเรื่องสุขภาพของแฝดเหมือนกัน แล้วก็กลัวจะอุ้มสองคนพร้อมกันไม่ไหวด้วย คือถ้าอุ้มคนใดคนหนึ่ง อีกคนจะเรียกร้องความสนใจให้อุ้มด้วยทันที

           

 

“คุณแมท ไดอาน่ากำลังจะมาที่นี่ เอาอะไรมั้ยครับ” ผมหันไปมองออสตินที่โผล่หน้าเข้ามาในห้อง ผมทำท่านึกสักแปบก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

           

 

“ผมคิดว่าตอนนี้บ้านเราไม่น่าจะขาดอะไร วันนี้เธอนอนนี่มั้ย” ออสตินพยักหน้า ผมยิ้มดีใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนมานอนด้วยเพิ่มอีกคน ไดอาน่าก็จะไปๆ มาๆ แบบนี้แหละ บางทีก็ออสตินไปหา ไปรับมาบ้าง แล้วแต่โอกาส

           

 

“คุณลุคก็จะมาที่นี่ด้วยนะครับ เขาบอกว่าจะมาเยี่ยมเด็กๆ” ผมเบะปากเล็กๆ แต่ก่อนผมก็ไม่คิดสู้ ไม่คิดเถียงเขาขนาดนี้หรอก แต่พอมีเรื่องแฝดเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็รู้สึกว่าต้องยืนหยัดและต่อต้านให้ถึงที่สุด และผมก็เริ่มรู้สึกรำคาญเขาเล็กๆ ว่าเขาจะอะไรกับผมและวิคเตอร์นักหนา แก่จนมีลูกคนที่สามแล้วควรปล่อยวางได้แล้วมั้ง

           

 

“ปิดบ้านหนีเขาได้มั้ยเนี่ย” ออสตินทำตาโตก่อนจะเลื่อนประตูปิด จังหวะนั้นโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฎบนหน้าจอเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย แต่ผมก็กดรับสาย เพราะใครสักคนอาจจะได้เบอร์ผมมาจากใครอีกคนแบบที่อดัมได้จากเอมิลี่

           

 

[แมท ฉันเอง ตีน่า]

           

 

“อ้อ ว่าไงตีน่า” ผมออกจะแปลกใจนิดหน่อยที่เธอโทรมา แล้วนึกงงๆ ว่าเธอได้เบอร์ผมมาจากไหน แต่คิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือลึกลับอะไรขนาดนั้นหรอก

           

 

[เรื่องที่ลุคจะไปที่บ้านเธอวันนี้น่ะ ฉันเบรกเขาให้แล้วละ ไม่ต้องรอต้อนรับเขาที่หน้าประตูบ้านหรอกนะ] ผมคิดว่าตีน่าน่าจะประชดแบบขำๆ ผมเลยขำตามเธอไปด้วย

           

 

“ขอบใจนะ ฉันเดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเขาจะมาทำไม” เสียงตีน่าถอนหายใจยาวๆ

           

 

[ฉันนั่งคุยกับเขาจริงจังว่าเขาควรพอ ควรหยุดทุกอย่างได้แล้ว เด็กที่เขาควรโฟกัสคือลูกเขา ไม่ใช่ลูกคนอื่น ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยกล้าแสดงอารมณ์กับเขา แต่ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าเขาเองก็เกรงใจฉันอยู่เหมือนกัน] เธอหัวเราะเบาๆ ได้ยินเสียงเธอแล้วก็ทำให้นึกไวโอล่า ไม่ใช่ว่าเสียงเธอเหมือนกันหรอก แต่ด้วยสถานการณ์ที่เธอกำลังท้องและโทรมาเม้าท์มอยต่างหากที่ทำให้ผมหวนนึกถึง

           

 

“เธอทำดีแล้ว” ผมยิ้มขำน้อยๆ

           

 

[ฉันคิดว่าหลังจากนี้เขาน่าจะมีสติกว่าเดิม ฉันเตือนเขาไปแล้วเรื่องอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ของเขา คนเราจะวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นมากอะไรขนาดนั้นกันเชียว ฉันไม่เข้าใจเลย]

           

 

“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…” แต่การที่ฉันสอดเสือกเรื่องคนอื่น ฉันแค่อยากรู้ให้หายคลายสงสัยเท่านั้นนะตีน่า ไม่คิดเข้าไปยุ่งวุ่นวายแบบที่พ่อวิคเตอร์ทำแน่ๆ

 

 

“….และฉันก็หวังแบบที่เธอบอก ฉันไม่คิดจะมีปัญหาอะไรกับเขาเลย แฝดยังเป็นหลานเขาเหมือนเดิม เขาน่าจะดีใจสิที่ฉันกับวิคเตอร์จะแบ่งเบาภาระ”

           

 

[ฉันพูดแบบนี้แหละ แต่เพิ่มความหงุดหงิดนิดหน่อย เขาก็เลยจ๋อยๆ ไป] ผมทำตาโต นึกอยากเห็นคุณลุคผู้ดุดันและวางมาดวางอำนาจแทบจะตลอดเวลาอยู่ในอาการที่ตีน่าว่าจริงๆ

           

 

“ยังไงฉันก็ขอบคุณเธอมากเลยนะที่ช่วยพูดให้ แล้วตอนนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้าง”

           

 

[ก็ดีจ้ะ เด็กแข็งแรงดี แล้วฉันก็ดูแลตัวเองตามที่หมอบอก คลอดเมื่อไหร่คงต้องขอคำปรึกษาเธอเยอะเลย] ยิ่งคุยกันก็ยิ่งนึกถึงไวโอล่าช่วงตั้งท้องแรกๆ จริงๆ

           

 

“ถ้าคุณลุคไม่ว่าอะไรนะ”

           

 

[ถ้าเขาจะว่า เดี๋ยวฉันแกล้งทำหงุดหงิดใส่เอง] เราสองคนหัวเราะ ผมคิดว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่รู้สึกว่าเธอใช้ได้ ไม่ใช่ผู้หญิงสไตล์แรงๆ และคิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวดองการเป็นเครือข่ายตระกูลเดียวกัน ตีน่าทำให้ผมคิดถึงไวโอล่า แต่ก็ไม่ใช่คิดถึงแบบดราม่า เป็นการคิดถึงในแง่ความรู้สึกดีๆ มากกว่า

 

 

           

อิทธิฤทธิ์ของตีน่าและคำภาวนาของเราสองคนได้ผล บวกกับที่อาดอมช่วยพูด เสริมด้วยการ์ดที่ไวโอล่าเขียนให้ผม ก็ทำให้คุณลุคถอยทัพกลับไปเอง ซึ่งผมโล่งอกมาก เพราะจะได้มาวุ่นวายแค่เรื่องการขอรับแฝดเป็นบุตรบุญธรรมเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องคอยปวดหัวกับเรื่องคุณลุคมาวอแวจะแย่งแฝดไปดูแลด้วย

           

 

“เชื่อฉันสิว่าไม่ยากหรอก สถานะและฐานะของเธอสองคนดูแลเด็กสองคนนี้ได้สบาย การ์ดใบนั้นมีส่วนสำคัญมาก” อาดอมบอกในวันที่มาคุยกับผมในเรื่องการเตรียมตัวไปคุยกับทางราชการในส่วนต่างๆ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้

           

 

วิคเตอร์ต้องบินกลับมาแสดงตัวแสดงตนอยู่ราวสามวันกว่าจะเสร็จเรื่อง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะพอเขากลับไปหลังจากนั้นได้หนึ่งอาทิตย์ ทางการก็รับรองเรื่องการรับสองแฝดมิชลินเป็นบุตรของเราสองคนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารรับรองต่างๆ อย่างถูกต้อง

           

 

เราสองคนมีสิทธิ์ดูแลแฝดอย่างเต็มที่ในฐานะพ่อแม่บุญธรรม

           

 

“แฝดดีใจมั้ยครับ แมทกับพ่อเตอร์ได้ดูแลหนูอย่างเต็มที่แล้วนะ”

           

 

“แออออ แออออ๊ะ / แอ๊ะ แอ่ๆๆ”

           

 

“อะดีใจเหรอ ฮ่าๆ แมทก็ดีใจ งึ่มๆ” ผมก้มลงฟัดพุงของทั้งสองคน มิชลินหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี วันเวลาผ่านพ้นมาจนกระทั่งสองหนุ่มมีอายุครบห้าเดือนแล้ว ร่างกายยังคงอ้วนท้วมสมบูรณ์ดี และเริ่มกินนมผงได้มากขึ้น แต่ผมก็ยังสลับกับนมแม่เจ้าของแฟนไมเคิลอยู่ เพราะอยากให้แฝดได้รับสารอาหารในน้ำนมแม่มากๆ ตามที่ไวโอล่าต้องการ

           

 

“แมทรักแฝดนะครับ”

           

 

“มะ มะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเฮคเตอร์มองหน้าผมแล้วส่งเสียงเล็กๆ ออกมา

           

 

“เรียกแมทเหรอ นี่แมท นี่แมทครับ”

           

 

“มะ” ผมคลี่ยิ้มขำ หันไปมองแฮคเตอร์ที่กำลังพยายามพลิกตัวไปด้านซ้าย แต่ด้วยความที่อ้วนหรือยังพลิกไม่แข็งแรงมากพอก็ไม่แน่ใจเลยทำให้พลิกไม่ถึงเป้าหมายสักที

           

 

จากที่เจอคุณหมอล่าสุด หมอบอกว่าแฝดถือว่าเป็นเด็กที่มีพัฒนาการที่ดีและเร็วมาก เพราะพูดอ้อแอ้ได้ตั้งแต่สองสามเดือนแรก แสดงสีหน้าเก่งแต่เล็กแต่น้อย ยิ่งพอถึงวัยที่จะเริ่มออกเสียงพูดตามพ่อแม่หรือคนเลี้ยง และเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้สิ่งรอบตัว ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาหมูๆ ของลูกหมูทั้งสอง หมอเอ็นดูเวลาแฝดทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยความไม่มีลูกผมก็ไม่คิดว่ามันแปลก แต่หมอบอกจริงๆ เด็กจะเริ่มทำแบบนั้นได้ก็เป็นช่วงวัยห้าเดือนนี้แหละ แต่มิชลินทั้งสองกลับทำเป็นก่อน แสดงว่ามีตัวกระตุ้นดี ซึ่งวินาทีนั้นผมนึกถึงใครไม่ออกเลยนอกจากไอ้ยักษ์ หัดให้หลานแอคติ้งเก่งตั้งแต่ช่วงใกล้สามเดือน

           

 

“แฮคเตอร์เก่งครับ เก่งๆ” ผมเอ่ยชมเมื่อเจ้าตัวเล็กคนน้องพลิกตัวนอนคว่ำหน้าได้สำเร็จ พอผมเอ่ยชม เจ้าตัวเล็กก็กะพริบตาเจ้าชู้และยิ้มหวาน ผมยื่นมือซ้ายไปลูบผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆ

           

 

“มะๆ” ผมก้มลงมองเฮคเตอร์  เจ้าคนพี่ชูแขนสองข้างขึ้น เหมือนกำลังเรียกร้องให้อุ้ม ผมจับเฮคเตอร์ลุกขึ้นยืน มิชลินเบอร์หนึ่งมองหน้าผมแล้วยื่นมือมาจับแก้มผมเบาๆ โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งทำท่าคีบ ผมคลี่ยิ้ม เฮคเตอร์อ้าปากยิ้มตาม ดวงตาสีฟ้าแซมเทาอ่อนๆ มองผมอย่างสนอกสนใจ

           

 

“อันนี้แมทครับ แมท”

           

 

“มะ” ผมหัวเราะ พอเห็นผมหัวเราะ เฮคเตอร์ก็หัวเราะตาม และสิ่งที่ตามมาคือเสียงกรีดร้องอิ๊อ๊าจากคนน้องก็ดังขึ้น ผมเลื่อนสายตาไปมองก็เห็นแฮคเตอร์กำลังแหงนหน้า และทำตาโตมองมาที่ผม สองแขนยื่นมาข้างหน้าเหมือนซูเปอร์แมน สองมือป้อมๆ กำยุบยิบ

           

 

“แฮคเตอร์อยากให้แมทอุ้มเหรอ”

           

 

“อั้ยยย” ผมยิ้มกว้าง จัดการจับเฮคเตอร์นั่งพิงกับโซฟา เจ้าคนพี่นั่งพิงขอบโซฟาจนพุงพลุ้ย ผมเห็นแล้วก็ขำ เฮคเตอร์ยิ้มหวานและส่งเสียงหัวเราะแฮๆ ผมโน้มตัวไปอุ้มแฮคเตอร์ขึ้นมายืนตรงหน้า มิชลินเบอร์สองดีดขาตื่นเต้นยกใหญ่แล้วก็หัวเราะเริงร่าคนเดียว สักพักก็กะพริบตามองหน้าผม

           

 

“แมทครับ คนนี้แฮคเตอร์ คนนี้แมท” แฮคเตอร์ยิ้มแก้มยุ้ย แล้วก็ดีดตัวด้วยท่าทีเขินอายจนผมขำ

           

 

“ถ่ายรูปคู่กันหน่อยๆ” ผมจับแฮคเตอร์นั่งข้างๆ พี่ชายที่กำลังนั่งทำหน้างงๆ วันนี้มิชลินทั้งสองใส่ชุดบอดี้สูทฮู้ดหมีสีน้ำตาล น่ามันเขี้ยวที่สุด ผมดึงฮู้ดสวมให้ทั้งสองคน แล้วเตรียมจะถ่ายรูป แต่เฮคเตอร์ก็ดึงออกจากหัวแล้วก็มองหน้าผมแบบงงงวย ผมขำอยู่คนเดียว จับฮู้ดใส่ให้คนพี่อีกรอบ คราวนี้เขานั่งเฉยๆ ผมยกมือถือขึ้นเตรียมถ่ายรูป หลอกล่อให้สองแฝดยิ้ม

           

 

“ยิ้มหวานหน่อยคร้าบ อุๆๆๆ”

           

 

“อูๆๆๆ”

           

 

“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะเสียงดังเพราะสองแฝดทำเสียงตามผม พอเห็นผมหัวเราะ คราวนี้สองหนุ่มก็เลยหัวเราะตาม ผมเลยได้ช็อตที่น่ารักน่าเอ็นดู แชะไปหลายช็อตจนพอใจก็ถอดฮู้ดหมีออกให้แล้วก็จับกลับมานอนบนเตียงเดี่ยวอันใหญ่ที่ซื้อมาใหม่ให้เหมาะกับช่วงเดือนการพร้อมกลิ้ง พร้อมดิ้นแรงกว่าเดิม

           

 

“ส่งไปให้คุณตาคุณยาย ส่งไปให้น้าๆ อาๆ ลุงๆ ป้าๆ ทั้งหลายดูเนาะ อ้อ ส่งให้พ่อยักษ์ดูด้วย” ผมจัดการส่งรูปให้วิคเตอร์ก่อนคนแรก แล้วก็ตามด้วยพ่อกับแม่ สองตายายเคยวิดีโอคอลมาคุยกับหลานแล้ว แค่เจอผ่านรูปกับวิดีโอคอลก็หลง บ่นอยากเจออยากมาหา รึไม่ก็ให้พาไปหาที่เมืองไทยบ้าง แต่ตอนนั้นสภาพจิตใจผมก็ไม่ค่อยจะดีเลยบอกว่าพร้อมแล้วเดี๋ยวจะพาไปเจอหรือไม่ก็ให้มาเจอกันที่นี่ พ่อกับแม่เข้าใจแล้วก็คอยให้กำลังใจผมเรื่องไวโอล่าอยู่บ่อยๆ คอยถามถึงสภาพจิตใจของผมทุกครั้งที่ได้คุยกัน ก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ทำให้ผมเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

           

 

BamBoObie : น่ารักมากกกก โอ๊ย อยากเจออะ

           

 

MATTLE : เรื่องรับรองบุตร ผ่านเรียบร้อยแล้วนะ ตอนนี้วิคเตอร์กับฉันมีสิทธิ์ดูแลแฝดเต็มร้อยแล้ว

           

 

ผมหันไปมองสองหนุ่มที่กำลังฝึกพลิกตัวกันสนุกสนาน พลิกคว่ำหน้าคว่ำหลังกันอยู่นี่แหละ เหมือนหมูหันเลยอะ

           

 

KattyKitty : เออ แม่เขาหมดห่วงจริงๆ แล้วแหละทีนี้

           

 

Champion : แล้วมึงจะพามาไทยเมื่อไหร่อะ ไอ้เปาเห็นรูปแล้วดิ้นจะเจอลูกมึงให้ได้

           

 

WarmUP : กูอยากให้เมียกูมีลูกแฝดว่ะ

           

 

MATTLE : รอวิคเตอร์เคลียร์งานเสร็จแหละ เดี๋ยวคงพาไปเมืองไทย

           

 

BamBoObie : ปรึกษาหมอได้นะอีวอร์ม

           

 

NineNineNine : เอ็นดูววววว ลู๊กกกกก

           

 

ผมออกจากห้องแชท ปล่อยให้ข้อความเด้งไปสักแปบค่อยไปไล่อ่านแล้วก็ไล่ตอบ ผมอยากอัปรูปลงโซเชียลมีเดียนะ แต่ไอ้ยักษ์เตือนว่าไม่ควร เห็นชอบแซะลูกแบบนั้นแต่เขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของแฝดมาก เขากลัวว่าอัปลงโซเชียลแล้วจะเป็นอันตรายต่อเด็กไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตัดความกังวลใจไปด้วยการไม่ลงดีที่สุด ใช้วิธีส่งหาคนสนิทๆ แบบนี้แทนถ้าอยากจะโชว์ความคิ้วท์ของแฝด ถึงอย่างนั้นผมก็ถ่ายภาพถ่ายคลิปแฝดไว้เต็มเครื่อง ถือเป็นการเก็บพัฒนาการของเด็กๆ ไว้เป็นความทรงจำด้วย

           

 

“ฟิตเนสในบ้านก็มี ออกกำลังกายบ้างไอ้ลูกหมู”

 

 

ข้อความวอทสแอพจากวิคเตอร์เด้งขึ้นมาหลังจากส่งรูปไปให้ดูสักพัก

           

 

‘แฝดเป็นลูกเราแล้วนะยักษ์ พ่อต้องไม่แซะลูกนะ’

         

 

“รูปที่ไอ้อดัมมาถ่าย จะได้ดูเมื่อไหร่”

 

 

ก่อนวิคเตอร์บินกลับไปทำงาน อดัมแวะมาหาพวกเราที่บ้าน มาถ่ายรูปเราไปใช้ในโปรเจ็คต์การแสดงภาพถ่ายของเขาที่เคยติดต่อมาก่อนหน้านี้ แล้วเขาก็ถือโอกาสนี้มาเก็บภาพถ่ายคู่รักเพศเดียวกันคู่อื่นๆ ที่เขาจะสามารถพบเจอในอังกฤษได้ไปด้วย หลายคู่ยินยอม ยิ่งบอกว่าเอาไปใช้ทำอะไร ทุกคนก็ไม่มีปฏิเสธ พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านความรุนแรง และต่อต้านคนที่ต่อต้านความรักของกลุ่ม LGBT 

 

 

อดัมถ่ายทั้งรูปคู่ของเราสองคน แล้วก็มีรูปที่ถ่ายกับแฝดเป็นครอบครัวด้วย วิคเตอร์ยินดีที่จะให้ใช้รูปแฝดได้ถ้ามันจะทำให้โปรเจ็คต์นี้อิมแพ็คมากขึ้น แต่ขอไม่ให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ ของแฝด ซึ่งอดัมเขาก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับแฝดมากไปกว่าการเป็นลูกของไวโอล่าแล้วล่ะ และคิดว่าเขาคงไม่ไปบอกใครว่าให้มาจับเด็กสองคนนี้ไปขายหรอกนะ

 

 

‘ไม่รู้สิ เขาบอกเขาต้องการสามร้อยคู่ ไม่รู้ได้ถึงไหนแล้ว เขาบอกว่าถ้านิทรรศการพร้อมเมื่อไหร่จะบอกอีกที’ มันขึ้นว่าวิคเตอร์อ่านแล้ว และไม่ได้มีการพิมพ์อะไรตอบกลับมา ผมเลยพิมพ์ต่อ

 

 

‘คุณเตรียมตอบคำถามกับสื่อเถอะ ครั้งนี้เป็นการเปิดเรื่องราวของเราสองคนแบบชัดเจน’ หลังจากที่คลุมเคลือมานาน ไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน มีแต่ให้สื่อตีประเด็นกันไปเองจากภาพ จากคำบอกเล่าต่างๆ คราวนี้ถือว่าวิคเตอร์ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับทุกคนที่ติดตามประเด็นนี้อยู่ผ่านนิทรรศการภาพถ่ายของอดัม ตอนที่มีประเด็นเรื่องคลิปกับพวกเพื่อนคริสเตียน อันนั้นก็เป็นที่สนใจอย่างมาก ข่าวเล่นกันโครมๆ วิคเตอร์ก็เงียบขรึมๆ ตามสไตล์ ไม่ตอบ ไม่ออกสื่อ แต่ภาพถ่ายนี้ก็จะแบบว่า ตู้ม หายสงสัย เลิกตั้งคำถามต่างๆ กันสักที

 

 

“ถ้าฉันไม่ตอบ โลกจะวุ่นวายมั้ย หรือก๊าซเรือนกระจกจะเพิ่มขึ้นรึเปล่า” ผมถลึงตาใส่หน้าจอโทรศัพท์กับความกวนตีนนี้

 

 

‘ถามพ่อคุณดูสิ’ มันขึ้นว่าอ่าน แล้วตามด้วยกำลังขึ้นพิมพ์ สักพักข้อความก็เด้งขึ้นมา

 

 

“โอเค เดี๋ยวจะลองโทรถามเขาดู” โอ๊ย เบื่อผัว

 

 

ผมหยุดคุย ปิดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ มองไปที่แฝดอีกทีก็นอนหงายท้องหลับปุ๋ยคู่กัน โชคดีของผมอย่างนึงคือเด็กสองคนนี้เลี้ยงไม่ยาก ไม่ใช่เด็กชอบงอแง อารมณ์ดีมากกว่าอารมณ์เสีย นี่คงเป็นข้อดีที่เราทุ่มเทเวลาให้เขาได้เต็มที่ ไม่มีหน้าที่การงานอื่นๆ มาแทรก แต่ก็ใช่ว่าไม่ร้องงอแงหรือไม่เอาแต่ใจเลย ซึ่งถ้าไฟท์ขึ้นมา ก็พายุลมบ้าลูกหมูสองลูกย่อมๆ เลยละ

 

 

มิชลินของแม่แมท ลูกหมูของพ่อยักษ์

 

 

ของขวัญจากพ่อคริสเตียนและแม่ไวโอล่า

         

           

เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้



               โอยยยย มีงานด่วน งานเร่งแทรกเข้ามาค่ะ แทนที่จะได้เขียนนิยายแบบสุขกายสบายใจ กลายเป็นว่า หมดแรงไปกลับการทำงาน  อยากจะถ่างตาสู้เขียน แต่ไม่ไหวจริงๆ เพลียร่างมาก กว่าจะเสร็จก็เกือบปลายเดือนกรกฎาคม จากที่บอกจะไม่ดองพี่แซ็คกับน้องฮุน ตอนนี้กลายเป็นจะดองเค็มแล้ว แต่ยังดีที่วันนี้เราก็ได้กลับมาอัปพี่แซ็คแล้ว กรี๊ดดดด ส่วนน้องฮุนเดี๋ยวตามๆ กันมานะคะ T^T เจ้งานยุ่งเหยิงจีๆ สมองรับมิหวายยยย

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2377 เมื่อ06-07-2018 00:52:18 »

คิดถึงครอบครัวนี้มากกกกก ทำงานเยอะเลยเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2378 เมื่อ06-07-2018 00:53:53 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2379 เมื่อ06-07-2018 01:08:15 »

ลูกหมูน่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
« ตอบ #2379 เมื่อ: 06-07-2018 01:08:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2380 เมื่อ06-07-2018 01:23:17 »

 o13 ให้กำลังใจกับทุกๆคนนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2381 เมื่อ06-07-2018 02:05:04 »

พากลับไทยเลย ๆ หาตายาย ๆ  :hao3:

ออฟไลน์ Pinkping

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2382 เมื่อ06-07-2018 13:39:15 »

ชอบๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2383 เมื่อ06-07-2018 14:46:39 »

แฝดมิชลินน่ารัก  อยากฟัดๆเลย   :z3:
พ่อยักษ์อยากเอาแฝดไปเลี้ยงเอง
ทั้งที่เมียตัวเองก็จะคลอดลูกแท้ๆ
หาเหาใส่หัว และทำให้แฝดทุกช์ทรมานน่ะสิ   :serius2:

ยักษ์  แมท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2384 เมื่อ06-07-2018 21:48:12 »

แมทเริ่มเข้าสู่การเป็นคุณแม่ และการเลี้ยงลูกอย่างเต็มตัว

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2385 เมื่อ07-07-2018 14:24:55 »

ความเป้นแม่มาเต็มมาก ครอบครัวสมบูรณ์สุดพ่อแม่ลูก แม้ว่าพ่อจะขี้อิจฉาไปซักหน่อยก็เหอะ  :laugh:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2386 เมื่อ08-07-2018 09:17:56 »

แฝดน่ารักกกกกก

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2387 เมื่อ09-07-2018 14:12:21 »

 :hao5: จากน้ำตาที่ท่วมจอไปตอนที่แล้ว ได้ความน่ารักของแฝดมาเยียวยาจิตทำไมน่ารักจุง

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2388 เมื่อ09-07-2018 16:38:16 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zoiesty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
«ตอบ #2389 เมื่อ12-07-2018 21:59:23 »

แฝดน่ารักมากกกกกกก  ฟัดสักทีได้มั้ย :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.35 100% :06.07.61:
« ตอบ #2389 เมื่อ: 12-07-2018 21:59:23 »





ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2390 เมื่อ20-07-2018 19:15:14 »


Yours and Mine EP.36 :: The proposal. (ขอแต่งงาน) [100%]






“Heyyy, Are you excited twins, it’s the first time on the plane?! (เฮฮฮ ตื่นเต้นมั้ยครับแฝด จะได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก!)” ผมมองแฝดตัวน้อยๆ ในชุดเสื้อไหมพรมประจำตัวที่ปักตัวอักษร H บนอก ด้านล่างใส่แค่แพมเพิสแต่มีผ้าห่มคลุมความโป๊เอาไว้ ด้วยสายตาตื่นเต้นเพื่อให้แฝดอารมณ์ดี
   

“แอ๊ อื๊ออออ แอ๊ะๆ แมะๆ”
   

“Oh,  are you Hector? Oh yeah, that smile is so lovely. (เฮคเตอร์ตื่นเต้นเหรอครับ อ้า ยิ้มหวานเชียวนะ)” เจ้าตัวเล็กดีดดิ้นและหัวเราะแฮ่ๆ ในลำคอ
   

“อูมม อูมม อูมม” ผมหันไปมองแฮคเตอร์ที่ทำปากคล้ายปากจู๋และส่งเสียงงึมงำๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดน้อยๆ ผมหัวเราะให้มิชลินเบอร์สองที่ไม่รู้ว่านั่นคือคำตอบหรือเปล่าว่าหนูไม่อยากขึ้นเครื่องบิน
   

“Why? Your giant-daddy takes all first class seats for both of you, you don’t like it? (ทำไมล่ะ พ่อยักษ์เหมาที่นั่งชั้นหนึ่งเพื่อหนูสองคนเลยนะ ไม่ชอบเหรอครับ)”
   

“ฮืมมมมๆ” ผมหัวเราะเบาๆ แฮคเตอร์ยกมือขึ้นดูดแล้วส่งเสียงในลำคอ ผมดึงมือป้อมๆ ออกจากปากเจ้าตัวเล็ก ใช้ผ้าอ้อมเช็ดน้ำลายทั้งที่มือและปากให้
   

“ไม่อยากขึ้นก็กลับไปเฝ้าบ้านแทนออสตินเลย” ไอ้ยักษ์ผมยาวที่ใส่แว่นดำโน้มตัวจากเก้าอี้ลงมองสองลูกชาย (บุญธรรม) ของตัวเอง แฮคเตอร์ในวัยหกเดือนที่แสดงสีหน้าแอคติ้งเก่งยิ่งกว่าเดิมย่นคิ้วใส่คุณพ่ออย่างน่าเอ็นดู ส่วนเฮคเตอร์กะพริบตาปริบๆ มองพ่อแบบงุนงงสงสัย
   

“บอกคุณพ่อซิครับว่าผมอยากขึ้น ผมแค่ไม่เคย” ผมกระซิบบอกแฝดพลางดึงมือแฮคเตอร์ออกจากปากอีกครั้ง เฮคเตอร์อ้าปากแล้วส่งเสียงอ้อแอ้
   

“อึม อึม งึมๆๆ” ผมยิ้มขำ หันไปมองวิคเตอร์ที่นั่งมองลูกนิ่ง มีออสตินนั่งอยู่ข้างๆ
   

“เนี่ย ลูกบอกว่าอยากขึ้น”
   

“นายเอาวุ้นแปลภาษาของโดเรม่อนให้ไอ้ลูกหมูกินรึไง ถึงได้รู้ว่ามันพูดอะไร” วิคเตอร์จะรู้จักโดเรม่อนก็ไม่แปลก เพราะผมชอบเปิดให้แฝดดูบ่อยๆ เขาเลยรู้จักไปด้วย ไอ้ฝรั่งมันชอบว่าผมเรื่องให้แฝดดูการ์ตูน แต่ตัวเองจำได้หมดนะ
   

“ขี้บ่นจริงๆ เลย” ผมยกมือขวาไปตีแขนเขาด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ ไอ้ยักษ์ยกมือซ้ายผลักหัวผมกลับเบาๆ ผมหันกลับไปมองแฝด สองหนุ่มมองไปรอบสนามบินแบบที่ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นการสำรวจความแปลกที่แปลกทาง
   

เรากำลังจะบินไปนิวยอร์ก เพื่อไปร่วมเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายของอดัมที่เป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อยแล้ว ตอนเขาโทรมาบอกก็ตื่นเต้นและดีใจไปกับเขามาก เขาตามถ่ายรูปคู่รักครบทั้งสามร้อยคู่จากทั่วโลกอย่างที่ตั้งใจไว้จนสำเร็จ คือมันก็อาจจะไม่ได้ทั่วโลก รอบโลกทุกซอกมุม แต่ก็ถือว่าเป็นการรวบรวมคู่รักเพศเดียวกัน เพศทางเลือกต่างๆ มาได้เยอะที่สุดเท่าที่จะหาได้จากหลายๆ ประเทศในโลกนี้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่ผู้ชายลุคซ์แบดบอยคนหนึ่งเห็นถึงความสวยงามของความรักของคนในเพศนี้ และคิดที่จะถ่ายมันออกมาให้คนอื่นๆ ได้รับชมกัน


งานจัดที่แกลเลอรี่แห่งหนึ่งแถบชานเมืองแมนแฮทตัน อดัมบอกว่าเป็นแกลเลอรี่ที่ไม่ได้ดังมาก เขาอยากจะช่วยเหลือให้ที่นี่บูมขึ้นมาเลยเลือกที่นี่เป็นที่แสดงงานตัวเอง เป็นผู้ชายที่ดี๊ดีมีน้ำใจ และคิดถึงคนอื่น เหมาะแล้วจริงๆ ที่เป็นชายในฝันของผม


“โอะ โอ๊ย!” จู่ๆ ภาพฟุ้งๆ หวานๆ ก็ดับวูบและมีความมึนงงวิ้งๆ เข้ามาในหัวแทน ผมหันไปมองด้านข้างตัวเองงงๆ ก็เจอกับไอ้ยักษ์ตีหน้ายักษ์หน้าเหี้ยมใส่


“หน้านี่แสดงออกชัดเชียวนะว่ากำลังคิดเพ้อถึงไอ้อดัม” ผมกะพริบตาปริบๆ ด้วยความทึ่งเล็กๆ ก่อนจะทำตาโตแล้วยิ้มยิงฟัน


“โอเค ครั้งหน้าจะทำให้เนียนกว่านี้” วิคเตอร์ยกแขนซ้ายดึงคอผมเข้าไปใกล้แล้วใช้มือขวาขยี้หัวผมแรงๆ


“โอ๊ยยยย ปล่อยยยนะ เจ็บบบ” ผมยกมือซ้ายขึ้นตีแบบมั่วซั่วกะให้โดนวิคเตอร์สักช็อค แต่ก็ดูจะสะเปะสะปะตีไม่ตรงส่วนใดเลย


“แอออออ้!!!! แอ้ๆๆ”


“เอ้อๆ เอิวววว แอะ แอะ” สองแฝดโวยวายเสียงดังขึ้นมา ทำให้วิคเตอร์หยุดความรุนแรงที่กำลังกระทำอยู่ ผมดึงแขนวิคเตอร์ออกจากคอแล้วเด้งตัวขึ้นนั่ง สองแฝดตีมือกับราวจับรถเข็นด้านหน้าของตัวเองเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรอยู่


“โวยวายอะไรไอ้ลูกหมู” วิคเตอร์ล็อคคอผมอีกรอบ คราวนี้แฝดดิ้น ทั้งตีมือและทำท่ากระทืบเท้า แล้วก็ส่งเสียงวอแว


“แอ๊ะ!” แฮคเตอร์ยกมือชี้มาทางวิคเตอร์กับผม ทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังสวดมนต์ไล่


“ฮื่อ ฮื่อ!” เฮคเตอร์มองผมกับวิคเตอร์ตาโตและส่งเสียงขู่ฮึ่มๆ ในลำคอ ผมอ้าปากกว้างเป็นรอยยิ้ม มองสองแฝดด้วยความตลกขบขัน


“สงสัยเด็กๆ คงกำลังไม่พอใจที่คุณแมทโดนแกล้ง” ออสตินพูดยิ้มๆ มองแฝดทั้งสองคนด้วยสายตาอ่อนโยน ขนาดออสตินผู้แข็งทื่อยังใจอ่อนกับแฝดเลย มีไอ้ยักษ์นี่แหละที่ใจยักษ์ใจมารกับลูก


“แฝดช่วยด้วยๆ” ผมแกล้งทำเป็นโดนกดหัวแต่ก็แอบมองสองหนุ่มที่จ้องมาทางผมตาแทบไม่กะพริบ


“แย๊ยๆๆๆ”


“มะๆๆ”


ทั้งสองคนส่งเสียงโวยวายและทำท่าจะโผเข้ามาหา ผมยกแขนวิคเตอร์ออกจากคอแล้วก็หัวเราะ ทั้งตลกและเอ็นดู ผมดึงรถเข็นแฝดให้เข้ามาใกล้ตัวเองอีกนิด ก้มตัวลงหัวเราะกับสองหนุ่มที่มองผมกันเป็นตาเดียว


“ออววว องครักษ์ของแมท” ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มสองมิชลินคนละข้าง แล้วก็ก้มหน้าให้ทั้งสองยื่นมือมาจับเหมือนปลอบใจ ผมยิ้มกว้าง ยกมือลูบหัวทั้งสองคนที่ตอนนี้ผมหนาขึ้น ยิ่งจำง่ายกว่าเดิมด้วยสีผมที่แม้จะเหมือนกันแต่ก็มีความต่างตรงที่สีผมอีกสีแซมอยู่ในผมสีน้ำตาลเข้มอันเป็นสีผมหลักของทั้งคู่ ไม่รู้ว่าโตขึ้นจะกลายเป็นหัวสีน้ำตาลล้วนเลยหรือจะมีสีอื่นแทรกปนกันมาแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้


“ไหน แกจะทำอะไรฉันได้ไอ้ลูกหมู” วิคเตอร์ล็อคคอผมแล้วดึงไปนอนซบไหล่ ผมแกล้งทำท่ายื่นมือขอความช่วยเหลือ สองแฝดมองผมตาแป๋ว สองมือเริ่มตีราวกั้นรถเข็น


“อื้อ! อื้อ! อื้อ! แออออ!!” แฮคเตอร์โวยวายหน้าตาจริงจังจนผมต้องกลั้นขำ


“แออออ๊ แอออ แออออ!” เฮคเตอร์ขมวดคิ้ว และเริ่มมีอาการหงุดหงิด สักพักก็เบะปาก น้ำตาคลอก่อนจะร้องไห้


“แออออออ่!!! แออออ้!” ผมตาโตตกใจ ยกแขนวิคเตอร์ออกจากคอแล้วโน้มตัวไปอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาปลอบ


“โอ๋ๆ โอ๋ แมทไม่เป็นไรครับ แมทไม่เป็นไรแล้ว” เฮคเตอร์ร้องฮือในลำคอ ผมคุกเข่าตรงหน้ารถเข็น ยื่นมือซ้ายไปลูบหัวแฮคเตอร์ที่กำลังมองอย่างงงๆ กลัวว่าเขาจะร้องไห้ขึ้นมาอีกคน


“ร้องไห้สู้เหรอวะ ฮะ” ผมหันไปจิ๊ปากและจิกตาใส่ไอ้ยักษ์ พึมพำปลอบโยนเฮคเตอร์จนมิชลินเบอร์หนึ่งสงบลง ส่วนมิชลินเบอร์สองก็กำลังเพลินที่โดนลูบหัว


“ผมว่าได้เวลาแล้วละครับ” ผมดึงมือออกจากหัวแฮคเตอร์ ลูบหลังเฮคเตอร์อีกสักแปบก็จับเขานอนในรถเข็นตามเดิม ใช้ผ้าอ้อมเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มแดงระเรื่อ ผมมองทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มเอ็นดู แก้มยุ้ยพุงพลุ้ยน่ามันเขี้ยวมาก


“พาไดอาน่ามานอนเป็นเพื่อนได้นะ หรืออยากจะพาเพื่อนบอดี้การ์ดมาที่บ้านก็ได้” วิคเตอร์หันไปคุยกับออสติน พ่อบอดี้การ์ดทำเพียงพยักหน้า


“อยู่กับลูกๆ ไมเคิลก็คงจะไม่เหงาแล้วละ คงวุ่นวายแทน” เขากระตุกยิ้มน้อยๆ ผมโบกมือลาบ๊ายบายให้ เขาทำเพียงพยักหน้ากลับมาอย่างเรียบเฉย


แฝดอายุแค่หกเดือน ยังแสดงสีหน้าได้มากกว่าออสตินอีก



ผมอุ้มสองแฝดเข้ามาในส่วนของที่นั่งชั้นหนึ่งโดยมีวิคเตอร์เดินตามเข้ามาพร้อมกับถือกระเป๋า สองแฝดไม่ยอมให้วิคเตอร์หรือแอร์ฯ ช่วยอุ้ม โผเข้าหาผมทั้งสองคน ผมเลยต้องอุ้มลูกหมูของพ่อยักษ์มาเต็มสองแขน เห็นว่าเป็นระยะทางไม่ไกลผมเลยอุ้มมาเอง ที่นั่งของพวกเรามีแต่พวกเราสี่คนเท่านั้น วิคเตอร์เหมาโซนนี้ทั้งหมด เขาไม่ได้คิดจะประกาศความร่ำรวยของตัวเองแต่อย่างใด แต่เพื่อความสบายใจและสบายหูของผู้โดยสารคนอื่น เราเลยเลือกทำแบบนี้เผื่อในกรณีที่แฝดไม่ชินกับเครื่องบิน ร้องไห้งอแงเสียงดังขึ้นมาจะได้ไม่มีใครมานั่งรำคาญพวกเรา ได้แต่หวังว่าแอร์ที่ดูแลโซนนี้จะไม่กินหัวแฝดซะก่อน ตอนแรกจะเช่าเครื่องบินเจ็ทบินไปกัน แต่หาไม่ได้ เลยเอาวิธีนี้แทน ราคาก็ช็อคหัวจิตหัวใจมาก ผมลมจับตอนเขาจ่ายเงิน วิคเตอร์เองก็มีเหงื่อตกเหมือนกัน แต่คิดว่าเราคงไม่ได้พาแฝดบินไปต่างประเทศบ่อยๆ นักหรอก หรือถ้าไปครั้งหน้าก็ต้องรอให้โตกว่านี้ แพลนที่จะไปเมืองไทย คงต้องเบรกไว้ก่อน น่าจะเป็นพ่อกับแม่ที่บินมาหาแล้วละ ผมกลัวแฝดไปงอแงใส่คนอื่น แต่ถ้าทริปนี้สองหนุ่มสงบเสงี่ยมเรียบร้อยดี ก็มีลุ้นบินไปไทยกันเอง


“นั่งกับคุณพ่อนะครับ” ผมอุ้มแฮคเตอร์ให้วิคเตอร์รับไปดูแล ไอ้ยักษ์ถอดแว่นดำเหน็บไว้กับปกเสื้อ ยื่นแขนข้ามรั้วกั้นที่นั่งรับลูกหมูตัวที่สองไปนั่งบนตักแบบหันหน้าเข้าหาตัวเอง คนลูกแหงนหน้าขึ้นมองคนพ่อที่หนวดเคราครึ้ม


“ไง หรืออยากไปนั่งคนเดียว เลือกเอาเลยว่าอยากจะนั่งตรงไหน” แฮคเตอร์กะพริบตาปริบๆ มองพ่อสักแปบก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยตากลมๆ โตๆ พักหนึ่งแล้วก็หันกลับไปมองวิคเตอร์ต่อ แล้วก็ยกมือซ้ายขึ้น ใช้นิ้วชี้สั้นป้อมชี้ไปที่หน้าวิคเตอร์


“อู”


“เออ ฉันเอง” แฮคเตอร์กะพริบตาปริบๆ มองสำรวจหน้าคุณพ่อแบบช้าๆ


“อูมมม” แล้วเจ้าตัวเล็กก็ใช้สองมือตีๆ ตามตัววิคเตอร์และส่งเสียมงึมงำในลำคอราวกับสวดคาถาบูชายัญ ผมยิ้มขำ จับเฮคเตอร์ให้นอนพิงตัวผมอย่างสบายๆ ผมกดปรับให้เบาะช่วงล่างยกขึ้นมาเพื่อให้ขาตัวเองเหยียดได้เต็มที่


“แก้แค้นเมื่อกี้รึไง ไอ้ลูกหมู”


“ที่คุณเรียกลูกหมูๆ เพราะว่าจำชื่อลูกไม่ได้ใช่มั้ย” วิคเตอร์หันมามองผมหน้ามึน แล้วก็ทำเนียนไม่ตอบ บอกให้มองเส้นผม แต่วิคเตอร์ชอบเลือกมองหน้าแล้วก็สับสนเอง เขาปรับเบาะแบบที่ผมทำ จับแฮคเตอร์นั่งหันหลังเอนพิงตัวเขา เจ้าตัวเล็กนอนพิงตัวคุณพ่อจนคอหาย อ้วนจุมปุ๊กเชียว


“ดูการ์ตูนมั้ยครับ มีมินเนี่ยนมั้ยน้า” ผมใช้รีโมตกดเปิดจอทีวีของตัวเอง เลือกหาหมวดหมู่การ์ตูนแอนนิเมชั่น แล้วก็เจอกับเจ้าตัวสีเหลืองตัวโปรดของแฝด ผมจัดการสวมหูฟังให้มิชลินเบอร์หนึ่ง หรี่เสียงในระดับเบาที่สุด พอหนังเล่นไปได้สักพัก เหมือนเฮคเตอร์จะจำได้ก็เหวี่ยงแขนขึ้นลงด้วยความดีใจและส่งเสียงหัวร่อแฮ่ๆ


“วิคเตอร์ เปิดมินเนี่ยนให้แฮคเตอร์ดูสิ” ผมหันไปบอกสามีหน้ายักษ์ที่กำลังกดเลือกหมวดหมู่หนัง พี่แกสวมหูฟังให้ลูกเรียบร้อย สักพักผมก็อ้าปากค้างเมื่อเขากดเลือกหนังเรื่อง Captain America Civil war ให้แฮคเตอร์ดู


“ไอ้ยักษ์ ให้เด็กดูหนังอะไรเนี่ย?!”


“หนังซูเปอร์ฮีโร่ไง ไฟล์ทนี้ไม่มีหนังฉัน ว่าจะเปิดให้ดูความหล่อฉันสักหน่อย” ผมย่นคิ้วอ้าปากหวอ มองหน้าพี่คริส อีแวนส์ในจอด้วยความก่งก๊ง


“แต่ลูกยังเด็กอยู่นะ ควรให้ดูอะไรที่เหมาะกับวัยก่อนสิ”


“มันมีอะไรรุนแรงที่ไหนเล่า หนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลสดใสจะตาย เด็กดูได้สบายน่า” ผมเลื่อนสายตามองแฮคเตอร์ที่มองหน้าจอตาแป๋ว


“ไม่เอาอะ เปิดการ์ตูนเลยนะ เดี๋ยวลูกซึมซับความรุนแรง” วิคเตอร์ทำหน้าว่าอะไรของมึงกลับมา


“มันมีอะไรรุนแรงที่ไหนล่ะ ดีไม่ดีไอ้ลูกหมูอาจจะอยากเป็นฮีโร่ด้วยก็ได้” ไม่ทันขาดคำ แฮคเตอร์ก็สะดุ้งกับฉากระเบิดในเรื่อง ส่วนเฮคเตอร์กำลังนั่งมองไอ้ตัวเหลืองๆ ตาใสอย่างสบายใจ


“วิคเตอร์ เปลี่ยนเรื่องเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวถึงวัยเขาแล้วผมจะให้เขาดูเองแหละ เดี๋ยวจะให้เลือกด้วยว่าอยากเป็นกัปตันหรือไอร่อนแมน” ไอ้ยักษ์ตีหน้ามึน ผมยื่นมือซ้ายไปจับไหล่เขา ไอ้หนุ่มผมยาวหันมามองแล้วก็กลอกตาเซ็ง ก่อนจะยอมกดเปลี่ยนเป็นการ์ตูนตัวสีเหลืองให้ลูกดู


“เบาเสียงรึยัง”


“เบากว่านี้ก็ปิดเสียงไปเถอะ” เขาประชดหน้าเอือม ผมทำตาโตใส่เขา ยื่นมือไปจับคางเขาแล้วบิดหน้าเขามาหาตัวเอง


“ไหนยื่นหน้ามาซิ” ไอ้ยักษ์ที่หน้างอนๆ ยื่นหน้าเข้ามา ผมยื่นหน้าไปกดจูบบนริมฝีปากเขาค้างไว้สักพักก็ดึงออก


“My good big boy.” วิคเตอร์กะพริบตาสองสามทีก่อนที่จะมีสีหน้าพึงพอใจมากขึ้น


“We don’t fuck for three months. (เราไม่ได้เอากันสามเดือนแล้วนะ)” ตั้งแต่ไวโอล่าเสียเราก็ไม่ได้มีอะไรกันเลย มันไม่มีอารมณ์นั้นอยู่ในหัวเลยแม้แต่นิด แค่นอนกอดกันผมก็มีความสุขแล้วในตอนนั้น แล้วพอวิคเตอร์กลับไปทำงานเราก็ยิ่งไม่ได้ทำอะไรกันเลยนอกจากคุย วาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็ดินเนอร์กันผ่านวิดีโอคอล เป็นการสวีทกันในวันวาเลนไทน์อีกหนึ่งรูปแบบ อาหารที่กินก็ไม่มีอะไรยาก ไข่เจียวกุ้งของโปรดวิคเตอร์นั่นแหละ


“Make it happen in New York. (ที่นิวยอร์กแล้วกัน)” วิคเตอร์คลี่ยิ้ม ยื่นหน้ามาจูบปากผมอีกรอบก่อนจะกลับไปนั่งตัวตรงตามเดิม ผมก้มลงมองเฮคเตอร์ ก็เห็นเจ้าตัวเล็กกำลังพยายามดึงหูฟังออก แต่ดันไปติดตรงซอกคอเป็นชั้นของตัวเอง ผมเลยช่วยดึงออกให้


“Why? Are you bored? (ทำไมล่ะ หนูเบื่อเหรอ)” ผมหันไปมองแฮคเตอร์ ขานั้นนอนพิงคุณพ่อแอ้งแม้งสบายใจเฉิบ แต่หูฟังไม่อยู่ตรงแก้มนะ ไม่ใช่ตรงหู


“อะ! แอ!” เฮคเตอร์เริ่มทำท่าจะงอแงในขณะที่เครื่องกำลังจะเทคออฟ ผมจับเขาลุกขึ้นยืน แหวกแพมเพิสดูก็ไม่เจออึหรือฉี่


“หิวเหรอครับ” ผมว่าพลางหยิบวดนมที่ในนั้นมีนมเตรียมพร้อมเรียบร้อยขึ้นมา เป็นนมอภินันทนาการจากคุณแม่ของแฟนไมเคิล เธอปั๊มนมได้เยอะมากกก คือการที่เยอะจนมีเผื่อมาถึงเด็กอีกสองคนนอกจากลูกตัวเอง ก็คือเยอะมากที่แท้ทรู หลังจากนมไวโอล่าหมดไป ก็ได้เธอคนนี้มาช่วยต่อแต้มบุญในส่วนนี้ให้ เธอทำให้แฝดได้รับนมแม่ครบหกเดือนอย่างที่ไวโอล่าตั้งใจไว้จริงๆ ขึ้นอายุเจ็ดเดือนเมื่อไหร่ก็จะเป็นนมผงล้วนๆ แล้ว


“ขอให้ไอ้ลูกหมูตัวที่สองหน่อย มองปากตัวที่หนึ่งอยู่เนี่ย” ผมหันไปมองแฮคเตอร์ เจ้าคนน้องชะเง้อมองพี่ชายนอนดูดนมตาละห้อย เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ผมหยิบขวดนมออกมาส่งให้วิคเตอร์ เขาถอดหูฟังที่ไม่ได้ฟังออกให้แฮคเตอร์ จับตัวนอนบนตัวเขาแล้วส่งขวดนมให้ ช่วงนี้ผมพยายามฝึกให้แฝดถือขวดนมเองอยู่ แต่ก็ยังไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้


“เงียบๆ ไปตลอดแปดชั่วโมงเลยจะดีมาก รู้เปล่า” วิคเตอร์ก้มลงคุยกับลูกในขณะที่มือขวาก็ถือขวดนมให้ แฮคเตอร์ไม่หือไม่อือ นอนพุงพลุ้ยกินนมบนตัวพ่ออย่างเอร็ดอร่อย ผมมองสองหนุ่มแล้วยิ้มดีใจที่เห็นทั้งคู่ได้กินนมแม่ตามที่ไวโอล่าต้องการ ถ้าเธอรับรู้ได้ เธอต้องสบายใจมากแน่ๆ




และแล้วแฝดก็ทำได้ ตลอดแปดชั่วโมงกว่าๆ บนเครื่อง ทั้งสองคนไม่โหวกเหวกโวยวาย ไม่เสียงดังรบกวนแอร์ฯ มีงอแงตอนไม่สบายตัวเพราะฉี่กับอึ แล้วก็ตอนหิวนม เอาแต่ใจบ้างเล็กน้อย แต่ก็ปลอบกันอยู่หมัด ผมกังวลเรื่องหูอื้อ เรื่องเมาเครื่อง แต่แฝดดูกลมกลืนกับการขึ้นเครื่องบิน ก่อนเครื่องจะลงจอดก็หลับตัวกลมปุ๊ก ผมกับวิคเตอร์อุ้มสองหนุ่มมาขึ้นรถด้านหน้าสนามบิน JFK โจชัวเพื่อนออสตินและเพื่อนโจชัวอีกสองคนรับหน้าที่ดูแลเราสองคนระหว่างที่อยู่ในนิวยอร์ก เขาพาเราไปขึ้นรถครอสโอเวอร์คาร์แบบที่บ้านเรามีแต่คนละแบรนด์ มีช่างภาพที่ไม่รู้ไปรู้มาได้ยังไงว่าวิคเตอร์มาไฟล์ทนี้ตามมาถ่ายรูป แต่ก็ถูกโจชัวกับเพื่อนกันเอาไว้ เพราะวิคเตอร์ไม่โอเคถ้าจะถ่ายแฝดติดไปด้วย หน้าที่ขู่เลยเป็นของพวกโจชัวไปว่าถ้ามีรูปเด็กๆ หลุดไปแม้แต่สำนักเดียว ฟ้องกระจาย


“How are you doing? (เป็นไงบ้างครับ)” ผมถามโจชัวที่นั่งอยู่ข้างคนขับ เขาหันกลับมายิ้มก่อนตอบ


“Good. Glad to see both of you. And the little pig. (ก็ดีครับ ดีใจที่ได้เจอคุณสองคน แล้วก็ลูกหมูตัวน้อย)” ผมหัวเราะเบาๆ ก้มลงมองเฮคเตอร์ที่นอนหลับอยู่บนตัก ส่วนแฮคเตอร์หลับอยู่บนตักคุณพ่อ


“You see? Everyone think about pig when they see them because they are fat. (เห็นมั้ย ทุกคนที่เจอสองคนนี้คิดถึงหมูทั้งนั้นแหละ เพราะมันอ้วน)”


“Why do you like to bully your kids? (ทำไมชอบบูลี่ลูกตัวเองเนี่ย)” วิคเตอร์ไหวไหล่ เดี๋ยวจะตั้งแคมเปญหยุดบูลี่เด็กวัยหกเดือนบ้างดีกว่า


เราจะมาอยู่นิวยอร์กแค่สองคืนสามวัน มันก็แปลกนิดหน่อยที่คราวนี้มาแล้วต้องมาอยู่ในห้องพักของโรงแรม จากปกติที่จะมีบ้านอยู่ที่นี่ เราเอาแฝดมาด้วยเพราะไม่มีใครดูแลแฝดให้ จะไปฝากคนอื่นหรือจ้างใครมาเลี้ยงผมก็ไม่ไว้ใจ จะฝากออสตินเลี้ยงคนเดียวก็ไม่ไหวแน่ๆ ทั้งลูกคนลูกหมา ไดอาน่าก็มีงานต้องทำ ใช่ว่าจะมาดูแลให้ได้ตลอด ตอนแรกผมขอไม่มาเพราะมีแฝดต้องดูแล แต่วิคเตอร์บอกว่าอยากให้ไปร่วมงานด้วยกัน มันเป็นเหมือนงานคู่ เปิ้นว่าจะอั้น น้องก่อเลยมา และทางปี้อดัมเองก็อยากให้พาทั้งตัวน้องและแฝดมาร่วมงานโตย เลยกระเตงๆ กันมาจะอี๊


“เดี๋ยวตอนเย็นเราจะมารับคุณสองคนไปร่วมงานนะครับ” โจชัวบอกตอนที่เดินมาส่งพวกเราถึงห้องพัก เรามาถึงนิวยอร์กช่วงเที่ยง อากาศอบอุ่น ต้นไม้สีเขียวชอุ่ม รู้สึกขอบคุณอดัมมากที่ไม่จัดงานช่วงฤดูหนาว อาจเป็นได้ว่าที่เขาเลือกจัดงานช่วงนี้นอกจากงานจะเสร็จช่วงนี้พอดีแล้ว คงเลือกช่วงอากาศดีๆ ด้วย


“Giant, hungry? (ยักษ์ หิวมั้ย)” ผมถามหลังจากวางแฝดลงบนเตียงนอนแบบปูพื้นที่รีเควสมาเพื่อแฝด วิคเตอร์ส่ายหัวพลางวางแว่นไว้บนโต๊ะข้างเตียง


“So, you want to sleep or take a shower? (งั้นจะนอนมั้ย หรืออยากอาบน้ำ)” ช่วงหิมะที่ผ่านมา เรารู้จักคำว่าอาบน้ำน้อยมาก ซึ่งปัจจุบันที่บ้านเราก็ยังรู้จักคำนี้น้อยอยู่เนื่องจากยังมีหิมะโปรยปรายกรุยกรายอยู่เลย ฉะนั้นที่นิวยอร์กกำลังอากาศแจ่มใส มีโอกาสอาบน้ำต้องคว้าไว้


“I want to go to bathroom, but I don’t want to take a shower. (อยากเข้าห้องน้ำ แต่ไม่ได้อยากอาบน้ำ)” ผมห่มผ้าให้แฝดเสร็จก็หันไปมองเขางงๆ สักแปบ พอเห็นดวงตาวิบวับกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเขาและการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจากตัวผมก็รู้สึกร้อนที่ใบหน้า ผมหลุบสายตาลงต่ำด้วยความรู้สึกเขิน ได้ยินเสียงเขาถอดกางเกงยีนออกจากขาก็หัวใจกระตุกวูบวาบ พอเขาเดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าผมก็เริ่มรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูก อย่างกับกำลังโดนจีบ แต่เป็นการจีบไปได้เสียกัน


“Piggy is sleeping now. Would a piggy’s mother go to make out with their father? (ลูกหมูกำลังหลับ แม่หมูแว้บไปจู๋จี๋กับพ่อหมูได้มั้ย)” ผมกัดริมฝีปากล่างกลั้นเขิน วิคเตอร์ยื่นมือมาจับมือซ้ายของผมให้ไปจับเป้าของเขา ผมวางฝ่ามือลงบนกางเกงชั้นในสีขาว สัมผัสความตุงที่ชัดยิ่งกว่าโฮโลแกรมแล้วก็พยักหน้า


รู้ตัวแหละว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว แต่ทุกครั้งที่ห่างกายกันไปนานก็ชอบรู้สึกว่ากำลังจะเสียสาวตลอดเลย
   
V
v
v

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2391 เมื่อ20-07-2018 19:16:16 »

V
v
v

วิคเตอร์ช่วยผมถอดเสื้อผ้าออกจนตัวเปลือยเปล่า ส่วนเขาเหลือกางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียว วิคเตอร์เดินไปหยิบครีมอาบน้ำนมขวดเล็กที่สำหรับเอาขึ้นเครื่องได้ออกมาจากกระเป๋าเดินทาง แล้วก็จูงมือผมเข้าไปในห้องน้ำ ผมหันไปมองแฝดที่นอนอยู่บนฟูกแว้บหนึ่ง พอเห็นว่าทั้งคู่หลับปุ๋ยก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น


“ทำความสะอาดสิ” ผมพยักหน้า เดินไปนั่งชักโครก หยิบสายฉีดก้นมาจะจัดการตัวเอง แต่ก็ชะงักกึกเมื่อเจอกับสายตาเป็นประกายและรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของวิคเตอร์


“อย่ามองสิ…” ผมพูดเสียงเบาหวิว กะพริบตาปริบๆ ด้วยความอาย ใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งเพิ่มอุณหภูมิเข้าไปอีก วิคเตอร์ยกสองแขนกอดอกอยู่ตรงกำแพง ยืนทิ้งสะโพกไปด้านซ้ายอย่างสบายๆ ยืนมองผมอย่างกับดูรายการวาไรตี้


“…วิคเตอร์ หันไปทางอื่น”


“ทำไมล่ะ ใช่ว่าฉันไม่เคยเห็น” ผมย่นคิ้ว เลือกไม่ถูกว่าจะวางสายตาตัวเองไว้ตรงไหนของเขา หน้าก็กรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ แผงอกและท่อนแขนก็แน่น เป้าก็ตุงบวม ลำขาก็แข็งแรงแบบที่เตะก้านคอคนสลบ วางสายตาตรงไหนก็ใจหวิวไปหมดเลย


“หึๆ” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่นเมื่อเขาเลื่อนสายตามองแมทน้อยที่ขยายตัวขึ้นแบบที่ผมไม่อาจห้ามปรามมันได้ ผมขมวดคิ้ว รู้สึกโกรธลูกชายตัวเองที่ตั้งตัวง่ายซะเหลือเกิน ไม่คิดจะลำบาก ฝ่าฟันอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น มีผัวรวยปุ๊บตั้งตัวได้เร็วปั๊บ


“วิคเตอร์อ้ะ!” ผมย่นคิ้วบึนปากเมื่อไอ้ยักษ์ยังคงมองผมนั่งอยู่บนชักโครกตาเป็นมัน เห็นแบบนั้นผมก็งึดเล็กๆ แต่สักพักผมก็คลายคิ้วออกแล้วเปลี่ยนเป็นกะพริบตาปริบพร้อมกับเอียงคอไปด้านซ้าย มองเขาแบบงงๆ ปนสงสัย ใบหน้ากรุ้มกริ่มหายไปแทนที่ด้วยการขบกรามแน่น แววตาล้อเปลี่ยนเป็นแววตาลุกโชน รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแทนที่ด้วยการแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างช้าๆ


“Oh, you dare? (โอ้ ท้าท้ายเหรอ)” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น ผมเบ้ปากกลับแล้วข่มใจให้หยุดเขินอาย จัดการทำความสะอาดก้นตัวเองให้เรียบร้อย พอมั่นใจและรู้สึกตามสัญชาตญาณของการเป็นรับว่าสะอาดพร้อมสู้แล้ว ก็เสียบที่ฉีดก้นกลับเข้าไปไว้ที่เดิม วิคเตอร์เดินเข้ามาแล้วฉุดผมขึ้นยืน ก่อนจะก้มหน้าลงมาไซ้คอผมอย่างหนักหน่วง มือขวาเขาดึงมือซ้ายผมไปจับเป้าของเขาที่ตอนนี้ตุงแน่นจนอึดอัดแทนยักษ์น้อย ผมหลับตาพริ้ม มือซ้ายบีบความเป็นชายของวิคเตอร์แน่น


“อา…” ผมครางเสียงเบา วิคเตอร์ดันผมเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขาไซ้คอผมไม่หยุด ผมก้าวเท้าตามแรงที่เขาดันมาจนกระทั่งก้นติดกับของอ่างล้างหน้า สองมือผมวางค้ำกับขอบอ่าง แหงนคอให้วิคเตอร์ไซ้ได้ตามใจ เปลือกตาผมปิดลงด้วยความรู้สึกวูบวาบและเสียววาบไปทั้งตัว ขนลุกชันไปเกือบทั้งร่างยามที่โดนเขาดูดเนื้อตรงลำคอ


วิคเตอร์ยื่นมือซ้ายมาจับแมทน้อยไว้แล้วรูดเข้ารูดออกเบาๆ ผมครางเสียงสั่นไหว ยกสองมือขึ้นบีบไหล่กว้างและเต็มไปด้วยมัดกล้าม ก่อนจะเลื่อนมือลงไปตามกล้ามเนื้อแผ่นหลังที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเน้นๆ ลากสองมือลงไปเรื่อยจนถึงช่วงบั้นท้าย ผมดันสองมือเข้าไปในกางเกงชั้นในของเขา บีบก้นที่แน่นไม่แพ้กล้ามเนื้อส่วนอื่นเต็มสองมือ วิคเตอร์ไล่จูบขึ้นจากซอกคอมาที่แก้ม ผมหลับตาพริ้ม สองมือบีบก้นเขาค้างไว้เบาๆ วิคเตอร์ดึงหน้าออก ก้มลงมองผมด้วยดวงตาสีน้ำผึ้งข้นอย่างอ่อนโยนแต่ก็ดูเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน ผมปล่อยมือออกจากก้นเขา เขยิบตัวขึ้นนั่งบนอ่างล้างหน้า วิคเตอร์วางขวดครีมอาบน้ำลงบนขอบอ่างแล้วนั่งคุกเข่าลงกับพื้น ผมยกสองขาขึ้น กระเถิบและยกก้นขึ้นอีกนิด ใช้สองแขนเกี่ยวไว้ใต้ข้อพับขา วิคเตอร์สบตากับผมแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ สองมือลูบวนก้นกลมๆ ของผมเบาๆ


“Hello.” วิคเตอร์กระซิบเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าซุกลงตรงซอกก้นของผมแล้วสูดลมหายใจแรงๆ หัวใจผมแทบหยุดเต้นตอนที่รู้สึกถึงแรงดึงดูดจากจมูกของเขาที่สูดดมตรงรูสีเนื้ออมชมพูคล้ำอ่อนๆ


“Excited? (ตื่นเต้นรึไง)” วิคเตอร์ยิ้มล้อ พลางเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางบนอ่างล้างหน้ามาเช็ดน้ำบนก้นผมเบาๆ


“A little bit. (นิดหน่อย)” ผมตอบแล้วพ่นลมออกทางจมูกด้วยความตื่นเต้น วิคเตอร์ยิ้มมุมปาก แววตาวิบวับชวนตื่นเต้นมากกว่าเดิม มือซ้ายใช้ผ้าขนหนูเช็ดก้นให้ผมจนแห้งสนิท เขาวางผ้าขนหนูไว้ข้างตัวผมแล้วก้มหน้าลงซุกซอกก้นผมอีกที คราวนี้เขาขยี้จมูกขึ้นลง สูดดมเสียงฟึดฟัด ผมหัวเราะคิกคัก ทั้งรู้สึกจั๊กจี๋และเขินกับการสูดดมของเขาราวกับกำลังหอมแก้มผมอยู่ วิคเตอร์มองหน้าผมแล้วหรี่ตาลงมองจนผมเลิกคิ้วขึ้นงงๆ


“You don’t have to go to the event this evening. (นายไม่ต้องไปงานเย็นนี้แล้วนะ)” ผมทำหน้าเหลอหลา งงกับสิ่งที่เขาพูด


“Why? (ทำไมล่ะ)” วิคเตอร์สั่นหัวเบาๆ พลางแหย่นิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างซ้ายเข้ามาในรูก้นผมจนอัดเต็มรู ผมหดท้องลงด้วยความเสียววูบ


“I don’t have a ‘because’ for this ‘why’ . I want you to stay here with piggy. If they have an after party I will pick you up again. (ฉันไม่มีคำตอบให้ ฉันอยากให้อยู่ที่โรงแรมกับไอ้ลูกหมู ถ้ามีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เดี๋ยวฉันมารับอีกที)” ผมย่นคิ้วงงๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นย่นคิ้วเพราะความเสียวตอนเขากระตุกสองนิ้วขึ้นแรงๆ หลายทีติดกัน


“อา… อ้า” ผมครางเสียงสั่น ตาเหลือกน้อยๆ ด้วยความปั่นป่วนด้านใน วิคเตอร์ยืนขึ้นแล้วโน้มตัวลงมาใช้ปากครอบครองแมทน้อยไว้ในขณะที่สองนิ้วนั้นก็ยังคาอยู่ด้านใน วิคเตอร์ดูดส่วนหัวของลูกชายผมเสียงดังจุบจับ ปลายลิ้นของเขาวนที่ด้านบนนั้นอย่างอ่อนโยนจนผมรู้สึกว่าทั้งร่างกำลังหลอมละลาย


“Deal? (ตกลงมั้ย)” วิคเตอร์หยุดกลางคัน เงยหน้าขึ้นสบตากับผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น ผมมองเขาแบบเบลอๆ


“Deal what? (ตกลงอะไรเหรอ)”


“Stay here with piggy. (อยู่ที่นี่กับไอ้ลูกหมู)” ผมกำลังจะอ้าปากถามว่าทำไม แต่เมื่อกี้เขาก็บอกแล้วว่าไม่มีคำตอบให้สำหรับคำถามนี้ ผมเลยพยักหน้ารับแบบงงๆ ถามว่าอยากไปมั้ย ก็อยากไป แต่ผมก็ขี้เกียจเซ้าซี้ อีกอย่างผมก็กังวลว่าแฝดจะไปร้องงอแงกลางงานเขารึเปล่า ไว้ไปแสดงความยินดีกับอดัมหลังเลิกงานก็น่าจะได้อยู่


“Tell Adam for me why I can’t go. (บอกอดัมให้ผมด้วยว่าทำไมผมไปไม่ได้)” วิคเตอร์กระตุกยิ้มร้าย ดึงกางเกงในสีขาวลงไปอยู่ใต้ไข่กลมกลึงของเขา ยักษ์น้อยผงาดประกาศศักดากลางอากาศ ผมเห็นแล้วก็หัวใจเต้นรัว


เราไม่บริสุทธิ์แล้ว เราไม่บริสุทธิ์แล้ว ของคุ้นเคยทั้งนั้น


“Because you were fucked by me till you can’t walk. (เพราะนายถูกฉันเอาจนนายเดินไม่ไหว)”


พูดเล่นสักครั้งก็ได้นะยักษ์ ไม่ต้องจริงใจตลอดก็ได้




“อื้อ… โอ่ย…” ผมนอนคว่ำหน้าหมดแรงอยู่บนเตียง วิคเตอร์ไล่จูบจากต้นคอผมไปตามแผ่นหลังจนกระทั่งถึงก้น เขาจูบแก้มก้นทั้งสองค้างดังจุ๊บหลายที จูบค้างตรงรอยสักไว้สักพักก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างผมแล้วดึงผมเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง เขาใช้มือขวาพลิกหน้าผมให้ไปรับจูบ ลิ้นของเราสองคนเกลี่ยไล้กันไปมา มือซ้ายวิคเตอร์ลูบก้นผมเบาๆ


“It’s mine like you written on it. (มันเป็นของฉันเหมือนที่นายสักไว้)” วิคเตอร์บีบก้นผมเบาๆ แล้วเขย่าแรงๆ หลายที ผมกะพริบตาปริบๆ วิคเตอร์ขบกราม เลื่อนมือซ้ายขึ้นมาจับกรามผมแน่นแล้วก้มลงจูบผมอย่างมูมมาม ผมพยายามตอบโต้เขาเท่าที่ไหวแต่ก็สู้ความจูบตะกละตะกลามของอียักษ์ไม่เคยได้สักที พอจูบจนเหมือนสูบวิญญาณผมออกไปจากร่างเสร็จแล้ว เขาก็หยุด มองหน้าผมนิ่งแล้วกัดริมฝีปากล่างแน่น วิคเตอร์คำรามในคอฮึ่มๆ ก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งทีเน้นๆ ผมคลี่ยิ้มกว้างแบบงงๆ แต่ก็ตลกที่เขาทำเหมือนผมเวลาที่มันเขี้ยวแฝด


“It’s yours. (ก็ของคุณแหละ)”


“อยู่กับไอ้ลูกหมูในนี้ ห้ามออกไปไหน โอเค๊” ผมย่นคิ้วน้อยๆ


“ทำไมอะ มีคนดักตีผมอยู่เหรอ”


“เปล่า บอกให้อยู่ก็อยู่สิ” ผมหรี่ตาจับผิด


“หรือจะแอบไปหาชู้ ซุกเมียน้อยไว้ที่นี่ใช่มั้ย” เขาคลี่ยิ้มขำ ผมเบ้ปากเบาๆ มองเขาด้วยความหมั่นไส้


“ให้คนเห็นแค่ในรูปก็พอแล้ว จะออกไปให้วุ่นวายทำไม” ผมยกมือดึงผมของเขาด้วยความหมั่นหนึ่งที วิคเตอร์หัวเราะอารมณ์ดี


“เซล่าทำใจได้รึยังเนี่ยที่คุณมางานวันนี้” ก็ตามสเต็ปของเซล่า คือแทบจะบ้าเมื่อตอนรู้ว่าวิคเตอร์ร่วมแคมเปญของอดัม ตอนแรกเราก็ปิดเงียบได้ สักพักไม่รู้ว่าเธอไปรู้มาได้ยังไง มาวี้ดๆ ยิ่งพอรู้ว่าจะมาร่วมงานที่มีนักข่าวมาทำข่าวเยอะแยะมากมาย เธอคัดค้านต่างๆ เท่าที่พลังจะมี แต่สุดท้ายพลังใดก็มิอาจต้านทานพลังแห่งความมึนของไอ้ยักษ์ได้


“ฉันบอกให้พวกสเตพาเธอไปพบจิตแพทย์แล้ว…” ผมทำตาโตเหมือนนกฮูก วิคเตอร์เบาะปากน้อยๆ พร้อมกับไหวไหล่ซ้ายนิดๆ


“…ฉันบอกว่าฉันรักษาที่ไทยแล้วหาย ถ้าอยากไปจะแนะนำหมอให้”


“อุ๊ย คิๆ” ที่ผมขำเพราะนึกหน้าเซล่าออกว่าคงหงุดหงิดแค่ไหนที่โดนวิคเตอร์กวนประสาท เธอเหมือนจะชินแต่ก็ไม่ชินสักทีหรอก ไอ้ยักษ์มันกวนตีนหน้ามึน มันน่าโมโหจริงๆ นะบางที


ตอนที่วิคเตอร์มีปัญหาเรื่องอาการทางจิตในการควบคุมอารมณ์ของตัวเองจนเสี่ยงจะเป็นโรคซึมเศร้าในขั้นต้น ก็ได้หมอที่ไทยนี่แหละช่วยเยียวยาเขาไว้ ผมถึงเคยบอกว่าโชคดีมากที่วิคเตอร์แสดงอาการออกมาให้เราได้เห็นชัด เลยดักไว้ทัน ผมไม่เคยบอกเขาสู้ๆ หรือบอกให้เขาลืมปัญหาอะไร คือตามใจเขาเอาที่เขาอยากทำ แต่ก็นั่นแหละ วิคเตอร์เพิ่งเริ่มต้น ไม่ได้เป็นหนัก ผมยังคิดถึงทุกวันนี้ว่าถ้าอาการเขาถลำลึกเข้าไปมากกว่าที่เป็น ผมจะต้องวางตัวกับเขายังไง


“นายพร้อมจะแต่งงานรึยัง” ผมหันไปมองเขาแบบเอ๋อๆ แปบหนึ่งก่อนจะเข้าใจว่าเขาถามถึงเรื่องแต่งงาน


“จริงๆ ผมอยากแต่งวันเกิดแฝด ฉลองที่แฝดได้หนึ่งขวบด้วย” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น มือซ้ายยกเสยผมไปด้านหลัง เขาเบ้ปากเบาๆ


“พ่อกับแม่นายบอกว่าอยากให้แต่งเดือนเมษายน” ผมขมวดคิ้วอ้าปากค้างเอ๋ออ๋า


“ไปบอกกันตอนไหน”


“ให้ไอ้ล่ามไปคุยให้ แล้วเขาก็ไปหาอะไรนะ วันดีๆ ตามความเชื่อของคนไทยมาน่ะ” เขาน่าจะหมายถึงฤกษ์งามยามดีอะไรแบบนั้น


“หลังวันสงกรานต์ที่ไทยน่ะ แต่ฉันบอกไปแล้วละว่างานจะจัดที่บ้านเรา ฉันว่าก็ดีนะ เมษายนอากาศไม่หนาวมาก ดอกไม้บานเยอะดี จะได้ไม่เปลืองค่าดอกไม้จัดงานด้วย ให้ดอกไม้ในสวนมันบานกันเอง” ผมยิ้มขำน้อยๆ กับความคิดเขา และที่จริงเขาไม่ได้จะประหยัดอะไรหรอก การจัดดอกไม้อะไรแบบนั้นมันไม่ใช่เทสต์วิคเตอร์


“ก็โอเค บรรยากาศคงสวยมาก…” วิคเตอร์มีสีหน้าโล่งอก เขายิ้มออกมาด้วยความสบายใจ


“..ทำไมล่ะ”


“ตาแก่นั่นต้องการให้เราแต่งเดือนนั้นน่ะสิ บอกว่าถ้านายไม่ยอมแต่งเดือนนี้ก็ไม่ให้แต่งอีกเลย”


“ถึงไม่แต่ง แต่ก็จดทะเบียนไปแล้วอยู่ดี” วิคเตอร์ยกมือซ้ายตบแก้มขวาผมเบาๆ


“ตาแก่กับแม่นาย มีนายเป็นลูกคนเดียว เขาก็อยากให้ฉันจัดงานเป็นเรื่องเป็นราว…” เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยเหมือนกำลังนึกคำพูดอยู่


“…แบบว่าให้เกียรตินายน่ะ อันนี้ไอ้ล่ามแปลมาให้ฟังอีกที ฉันก็คิดจะจัดอยู่แล้ว ฉันน่ะวันไหนก็ได้ แต่ตาแก่ไม่ใช่”


“ทำไมเรียกพ่อหยาบคาย เรียกแม่ซะเพราะเลย…” วิคเตอร์บึนปากหน้ามึน ผมจิกตาใส่เขาหนึ่งที


“…ก็เอาตามนั้นแหละ พ่อกับแม่จะได้สบายใจ”


“มันแน่อยู่แล้ว เดี๋ยวหาเรื่องมาแกล้งฉันอีก” วิคเตอร์ทำหน้าเบื่อ ผมขำน้อยๆ กับการเป็นไม้เบื่อไม้เมาของพ่อตาและลูกเขยฝรั่งคู่นี้ เวลาอยู่ด้วยกันเขาทะเลาะกันแบบน่ารักๆ แหละ ไม่เคยจริงจัง วิคเตอร์ก็ปากร้ายใส่พ่อไปงั้น แต่เขาก็เคารพพ่อผมมากเลย ไม่งั้นผมคงไม่ปล่อยให้ตัวเองขำเป็นเรื่องตลกงี้หรอก


“แล้วจะมีเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานมั้ย” ผมยิ้มกว้าง ถึงจะเคยโดนขอไปแล้วในสุสาน แต่ก็อยากให้เขาขออีกทีแบบที่เห็นตามคลิปในเฟซบุ๊คอะไรอย่างเงี้ย


“หึ ขี้เกียจคิด นี่แหละขอแล้ว ที่เหลือรอเตรียมงาน” ผมหุบยิ้มวืด และรู้เลยว่าคำว่า หึ ของวิคเตอร์ คือไม่จริงๆ ไม่มีซ่อนเร้น ไม่มีแอบไปทำอะไรใดๆ เพื่อเซอร์ไพรส์ ไม่คือไม่ และนี่คือบทสนทนาสำหรับการขอแต่งงานไปแล้วด้วย


“ไม่ต้องมามองค้อน ขอต่อหน้าแม่น่ะเซอร์ไพรส์สุดแล้ว แต่นายเล่นตัวเอง”


“ในสุสานเนี่ยนะ?!”


“ใช่…” เขาเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าผมเป็นเชิงถามว่าทำไมเหรอ


“…นายคิดว่าจะมีใครขอแต่งงานได้เท่กว่าฉันอีกมั้ยล่ะ ไม่มีหรอกนะขอแฟนแต่งงานในสุสาน ฉันน่ะเจ๋งสุดแล้ว” ผมเบ้ปาก มองเขาด้วยหางตาด้วยความงึด คนๆ นึงมันจะมั่นหน้ามั่นใจอะไรได้ขนาดนี้


เอาละ ผิดเองนะแมทที่หล่อนเล่นตัวไม่ตอบรับเขาในสุสานแห่งนั้น เพราะนั่นน่ะคือเซอร์ไพรส์สุดแล้ว วิญญาณมากมายร่วมเป็นพยาน


“ฉันหงี่อีกแล้ว” ผมตาโตตกใจ


“สามรอบที่แล้วไม่พอเหรอ”


“จบไปแล้วก็จบไปสิ” วิคเตอร์ดันตัวขึ้นเตรียมตัวจะคร่อมผม แต่สักพักเราสองคนก็ต้องชะงัก


“แอะ…” ผมตาโตเมื่อได้ยินเสียงแฝดร้องเบาๆ วิคเตอร์ตาโตกลับและสั่นหัวรัวๆ


“…แอ๊!” ผมดันวิคเตอร์ออกจากตัวเมื่อเสียงแฝดเริ่มออกไปทางงอแง ผมลุกคลานไปที่ขอบเตียงฝั่งใกล้กับหน้าต่าง ก้าวขาลงจากเตียงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแฝด สองหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาแบบงัวเงียๆ เฮคเตอร์บิดตัวหน้ามุ่ย แฮคเตอร์อ้าปากหวอและกะพริบตาปริบๆ


“ตื่นแล้วเหรอครับ…” ผมทำท่าหยอกล้อกับทั้งสองคน สองหนุ่มเลื่อนสายตามามองผมเป็นตาเดียว มองนิ่งอยู่สักพักก่อนจะคลี่ยิ้ม


“…นอนจนพุงพลุ้ยเลย”


“เดี๋ยวฉันจะเอายานอนหลับใส่นมให้มันกิน” ผมหันไปมองไอ้ยักษ์ที่นอนพิงหัวเตียง อ้าขาอ้าซาโชว์ลูกชายที่กำลังแข็งตัวอ่อนๆ นอนราบอยู่บนกล้ามท้อง


“ใจดำจริงๆ มาช่วยกันอุ้มแฝดไปเปลี่ยนแพมเพิสหน่อย” วิคเตอร์ย่นคิ้ว


“อะไรวะ จะเอาเมียก็ไม่ได้เอา ยังต้องมาเช็ดขี้ให้ไอ้ตัวขัดขวางอีก”


“ไอ้เตอร์” ผมพูดเป็นภาษาไทย ก้มหน้าลงมองเขาด้วยสายตาดุ วิคเตอร์กลอกตาเซ็งแล้วขยับตัวออกจากหัวเตียง ผมคลี่ยิ้มด้วยความพอใจ พอเขาลงมานั่งข้างกันผมก็หอมแก้มคนหน้าบึ้งไปหนึ่งที ไอ้ยักษ์หันมามองหน้าเซ็ง ผมยิ้มขำ ยื่นมือซ้ายไปบีบกระบองของเขาเบาๆ แล้วขำคิกคัก ไอ้ยักษ์พ่นลมหายใจ หันมาหอมหน้าผากผมไปทีแล้วก็ทำตัวเป็นสามีที่ดีในการช่วยเลี้ยงลูก


อิๆ น่าร้าก






เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้



               กรี๊ดดดด งานเร่งงานด่วนเสร็จแล้วววว กลับมาแล้นค่าาา

               เราจะไปต่อกับนิยายยาวๆ พี่แซ็คที่ค้างอยู่ เดี๋ยวเราจะไปต่อกันแบบลื่นๆ ไม่สะดุดแล้ว (แน่ใจ?) ส่วนน้องฮุน T_T ถ้านับไม่ผิดตอนนี้สามเดือนแล้วมั้งที่ทิ้งมา คนอ่านหายหมดแล้วแน่เลย TTOTT แต่ก็จะยังเขียนต่อไป ฮึกๆ T.T

               ส่วนพี่ยักษ์กับน้องเอเลี่ยนไร้ปัญหาค่ะ เพราะต้นฉบับเสร็จครบจบหมดแล้ว หนังสือส่งไปหมดแล้ว เฮ้


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2392 เมื่อ20-07-2018 19:36:58 »

อยากให้เตอร์เจอกับพ่อตาจังเลย  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2393 เมื่อ20-07-2018 20:31:06 »

แฝด น่ารักมีปกป้องแมทด้วย  :mew1: :mew1: :mew1:

ยักษ์  แมท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2394 เมื่อ20-07-2018 20:32:34 »

 o13

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2395 เมื่อ20-07-2018 20:36:29 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2396 เมื่อ20-07-2018 23:28:49 »

นี่คือขอแต่งงานฉบับวิคเตอร์ 5555

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.36 100% :20.07.61:
«ตอบ #2397 เมื่อ21-07-2018 10:12:14 »

ยักษ์หวงนั่นเอง

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
«ตอบ #2398 เมื่อ29-07-2018 23:25:45 »



Yours and Mine EP.37 :: It's all about love. (ทั้งหมดทั้งมวลคือรัก)




Special POV from Victor Raymond

         

          ผมยืนสูบบุหรี่รอไอ้เบนกับแฟนมันอยู่ด้านข้างตึกแกลเลอรีที่เป็นสถานที่จัดงานแสดงภาพถ่ายของไอ้อดัม งานเริ่มไปได้สักพัก แต่ผมยังไม่เข้า กะรอเข้าไปพร้อมสองคนนั้น เซล่าส่งสเตฟาเนียมาดูแลผมที่งานนี้แม้จริงๆ เธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่เพราะมีนักข่าวมาด้วยเธอเลยส่งคนมาคุมผมนี่แหละ

           

 

“แอบคุณแมทสูบเหรอคะ” สเตฟาเนียยิ้มล้อ ผมกระตุกยิ้มและยกนิ้วขึ้นทำจุ๊ปาก

           

 

“เดือนนี้แมทให้สูบสามครั้งเอง”

           

 

“คุณเลยเพิ่มครั้งที่สี่เอง” ผมสั่นหัวเบาๆ

           

 

“หกแล้ว” สเตฟาเนียยักคิ้ว ผมยิ้มขำ

           

 

เอเลี่ยนยังไม่ได้สั่งให้เลิกเด็ดขาดหรอก แต่ไอ้นี่ก็ทำฉลาดเนียนๆ ด้วยการลดจำนวนการสูบต่อเดือนไปทีละนิดทีละหน่อย อยู่ต่อหน้าเขาผมก็ไม่สูบหรอก แต่พอห่างกันหรือไม่ได้อยู่ด้วยกันก็มีเกินโควต้าแหละ ให้ความรู้สึกเด็กไฮสคูลแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำโดยที่ครูคนนั้นคือเมียตัวเอง คือถ้าผมจะเข้าใกล้เขาหรือไอ้ลูกหมูแล้วเขาได้กลิ่น ผมจะโดนถีบกระเด็นให้ไปอยู่ไกลๆ ทันที

           

 

“รู้มั้ยคะว่าแมทเป็นคนที่น่าอิจฉา…” ผมพ่นควันสีขาวออกจากปากและมองสเตฟาเนียแบบอึนๆ

           

 

“…ความรักที่คุณมีให้เขา ฉันว่ามันน่าอิจฉามาก” ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงก็เลยยักคิ้วหนึ่งที

           

 

“แต่แมทก็ร้องไห้เพราะฉันบ่อยนะ”

           

 

“อันนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าอิจฉาค่ะ เป็นเรื่องที่น่าสงสาร ซึ่งยังดีนะคะที่คุณเองก็รู้ตัวว่าทำนิสัยไม่ดีกับเขา”

           

 

“รู้สึกเหมือนโดนด่า” สเตฟาเนียทำตาโตและสั่นหัวรัวๆ จนผมขำ

           

 

“เปล่านะคะ คือผู้ชายบางคนก็ไม่รู้ตัวน่ะค่ะว่าทำให้คนที่เรารักเสียใจ” ผมพ่นลมหายใจและพยักหน้า ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากจมูกฟุ้งอยู่ในอากาศ

           

 

“ฉันจะพยายามรู้ตัวไว้ตลอด”

           

 

“ไม่ต้องพยายามหรอกค่ะ แค่ใช้ความรักที่คุณมีให้กับแมท คุณก็จะไม่อยากทำให้เขาเสียใจ” สเตฟาเนียไม่รู้เรื่องส่วนตัวผมหรอก แต่เหมือนผมกำลังโดนเธอสั่งสอนแบบหลอกด่า และให้ความรู้สึกว่าแมทฝากเธอมาด่าผมยังไงก็ไม่รู้

           

 

“และความรักที่แมทมีให้คุณ ก็น่าอิจฉามากๆ เช่นกัน ฉันประทับใจเขามากเลยนะคะที่เขาเลือกคุณมากกว่าความฝันตัวเอง นั่นแสดงว่าเขารักคุณมากจริงๆ” ผมคลี่ยิ้มด้วยความภูมิใจ ประเด็นนี้มักทำให้ใจผมพองโต

           

 

“ยินดีด้วยนะคะที่คุณสองคนจดทะเบียนกันแล้ว” สเตฟาเนียยิ้มอย่างจริงใจ ผมยิ้มตอบกลับไป

           

 

“ขอบใจนะ”

           

 

ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์! ไอ้เตอออออร์!

         

 

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีน หยิบขึ้นมาดูหน้าจอก็เห็นเป็นไอ้เบนโทรมา

           

 

“ว่าไง… อยู่ข้างตึก… ฉันเห็นแกละ” ผมกดวางสายแล้วชูมือเรียกไอ้เบนกับบาสเก็ตบอล ทั้งสองคนใส่เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเดียวกับที่ผมใส่ เป็นเสื้อที่ไอ้อดัมส่งมาให้ เป็นลายการ์ตูนผู้หญิงผู้ชายหัวกลมๆ แบบที่ชอบติดตามหน้าห้องน้ำ ยืนจับมือกันเป็นคู่ๆ ทั้งคู่ผู้ชายกับผู้หญิง คู่ผู้ชายกับผู้ชาย และคู่ผู้หญิงกับผู้หญิง ทั้งหมดยืนอยู่ในระนาบเดียวกัน

           

 

“สวัสดีบาสเก็ตบอล” ผมทักทายแฟนไอ้เบนพลางบี้บุหรี่ลงบนหัวถังขยะที่ใส่ทรายไว้จนมอดแล้วทิ้งลงในถัง

           

 

“ไอ้อันเดร เอริค โจนาธาน ตามมาอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ชาร์ลีไม่มา อยู่บาหลี” ผมพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีให้ไอ้เบน พวกเราทุกคนพากันไปทางประตูทางเข้างาน โจชัวเพื่อนออสตินเดินตามประกบหลังกับสเตฟาเนีย

           

 

พอเข้ามาด้านในตึกก็เจอกับฝูงชนมากมาย ผมพ่นลมหายใจเซ็งๆ กับการที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนมากๆ แบบนี้ มีช่างภาพหันมาถ่ายรูปผมสามสี่คน แสงแฟลชรัวใส่จนมึนไปแปบนึงก่อนจะเดินต่อได้ ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรในงานนี้บ้าง แต่อันที่ผมเพิ่งรู้จากสเตฟาเนียคือมีการขายภาพเดี่ยวของพวกดาราศิลปินพร้อมลายเซ็น และพบปะกันแบบส่วนตัวตลอดช่วงการจัดงาน จะมีตารางของแต่ละคนเลยว่าใครมาวันไหนบ้าง ผมว่าเป็นการโปรโมตที่ยิ่งใหญ่ดี ก็ต้องยอมรับแหละว่าชื่อเสียงของคนเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดให้คนมาร่วมงานและเป็นแรงจูงใจในการบริจาคได้ด้วย

           

 

“พอพิธีกรเชิญ นายก็ขึ้นไปได้เลย” เอมิลี่ไม่มีทักทายใดๆ เห็นหน้าผมปุ๊บก็บอกเลยว่าผมต้องทำอะไรยังไงบ้าง ผมทำเพียงพยักหน้ารับ ยืนรออยู่ด้านหลังเวที จากลิสต์ที่สเตฟาเนียให้ดูตอนช่วงยืนรอไอ้เบน วันนี้มีนักแสดงกับศิลปินมาร่วมงานอยู่สามคน รวมผมด้วยก็เป็นสี่ สองในสี่ไม่ได้มีแฟนหรือคู่ชีวิตเป็นเพศเดียวกัน แต่รณรงค์เรื่องความเท่าเทียมกันมาตลอด เลยมาร่วมงานนี้ด้วยแบบฟรีๆ ผมว่าทุกคนมาฟรีแหละ มาด้วยใจกันทั้งนั้น

           

 

“แล้วแมทไปไหน ทำไมไม่มาด้วยล่ะ”

           

 

“เออ ฉันก็คิดว่าแมทจะตามเข้ามา ไม่มาเหรอ” ผมสั่นหัวให้เอมิลี่กับไอ้เบน

           

 

“ไม่มา เลี้ยงลูก” เอมิลี่ย่นคิ้วน้อยๆ

           

 

“แมทบอกกับฉันว่าจะมา จะพาแฝดมาด้วย เปลี่ยนใจเหรอ หรือแฝดงอแง”

           

 

“เปล่า ฉันหวง ไม่อยากให้เขาออกงาน” ผมตอบหน้ามึน ยักคิ้วสมทบคำตอบตัวเองอีกที สามคนที่ยืนฟังอยู่หันมองหน้ากันแบบสับสนปนงง

           

 

“ก็ตอนแรกแกจะให้เขามาไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้เบนถามสีหน้าสับสน

           

 

“ตอนเอากันอยู่แมทมันทำตัวน่าหวง ฉันเลยไม่ให้มา” เอมิลี่อ้าปากค้างก่อนจะใช้นิ้วนวดขมับเบาๆ บาสเก็ตบอลเองก็หน้าเหวอไปเช่นกัน ไอ้เบนยกมือเกาหัวแกรกๆ

           

 

“แกกลัวคนอื่นมาเอาแมทกลางงานรึไง” ผมยักไหล่สองข้าง หน้าตาไม่หือไม่อือ หน้ามึนแบบที่แมทชอบด่า

           

 

“อีกอย่าง ฉันไม่อยากให้ไอ้ลูกหมูสองตัวนั้นออกสื่อเยอะด้วย แค่ให้ถ่ายภาพก็พอแล้ว”

           

 

“แล้วเธอจะเอาพวกเขามานิวยอร์กด้วยทำไมเนี่ย น่าจะให้เขาอยู่บ้าน” เอมิลี่ถลึงตาใส่ผม

           

 

“ก็ตอนแรกว่าจะให้มา แต่…” ผมย่นจมูกย่นคิ้ว “…ก็นั่นแหละ เปลี่ยนใจ ไม่อยากให้มาแล้ว แต่เดี๋ยวอาฟเตอร์ปาร์ตี้ฉันจะไปรับสามคนนั้นมาร่วมงานด้วย”

           

 

บาสเก็ตบอลขำเบาๆ ผมยักคิ้วให้เขาหนึ่งที เอมิลี่ที่ดูจะชินกับผมที่สุดก็ทำเพียงกลอกตามองบนและทำหน้าประมาณว่าเรื่องของมึงเถอะ

           

 

“And now I would like to invite…” ผมหันไปมองเอมิลี่ เธอผายมือให้ผมไปทางเวที ผมก้าวเดินไปข้างหน้า เจอกับเพื่อนนักแสดงชายคนหนึ่งที่เราไม่เคยร่วมงานกันแต่ก็รู้จักกันผ่านสื่อตรงบันไดเวที เราทักทายกันสั้นๆ แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนพร้อมกัน แสงแฟลชสาดแสงสว่างไปทั่วงาน เสียงดนตรีรื่นเริงดังคลอแบบไม่น่ารำคาญ พอขึ้นมาบนเวทีก็เห็นว่าคนมาเยอะกว่าที่คิดไว้มาก แต่ทุกคนที่มาก็ไม่ได้ว่ามายืนออกันตรงนี้หรอก มีอีกหลายคนที่กำลังเลือกเดินชมผลงานไอ้อดัมแทนมาดูพวกเรา

           

 

“Hi everyone. (สวัสดีทุกคน)…” พิธีกรหญิงที่มีชื่อเสียงมากจากรายการทอล์คโชว์ในอเมริกาทักทายพวกเราอย่างเป็นกันเอง ผมเคยไปออกรายการเธออยู่ครั้งนึงตอนโปรโมตหนังคู่กับชารอน เธอเอ็นเตอร์เทนเก่ง พูดจาน่าฟัง และมีแฟนเป็นผู้หญิง

           

 

“…ฉันต้องถามอะไรพวกเขาบ้างเนี่ย” มีเสียงหัวเราะดังครืนๆ ไอ้อดัมขวัญใจแมทนั่งอยู่ข้างพิธีกรหญิง ผมว่าคิดถูกแล้วที่ไม่ให้แมทมา วันนี้ไอ้ช่างภาพพ่องาน ใส่เสื้อแบบเดียวกับผมแต่ตัดแขนเสื้อออกโชว์รอยสักทั้งสองแขน นี่ถ้าไอ้เอเลี่ยนมาคงนั่งตาเยิ้มหน้าเคลิ้ม ลืมลูกลืมผัว อาฟเตอร์ปาร์ตี้ไม่ให้มาซะดีมั้ง

           

 

“ใครมีรูปโชว์อยู่ในงานนี้” เราทั้งสี่คนยกมือ แล้วก็มีเสียงหัวเราะ ผมงงว่ามันจะอารมณ์ดีอะไรนักหนา เลยทำเพียงกระตุกยิ้มพอ ถ้าแมทอยู่ผมคงโดนหยิก

           

 

“ฉันก็เหมือนกัน ใครได้ถ่ายคู่แบบฉันบ้างล่ะ…” เป็นผมกับศิลปินหญิงผมบลอนด์คนหนึ่งยกมือขึ้นพร้อมกัน เธอหันมาจับมือกับผมและเช็กแฮนด์กันเบาๆ

           

 

“…งั้นฉันคงต้องถามคนที่ฉันเซอร์ไพรส์ที่สุดก่อน” เธอมองมาทางผมและยิ้มกว้าง ผมเลิกคิ้วขึ้นงงๆ และชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พิธีกรหันไปมองคนล่างเวทีที่นั่งเก้าอี้ดูพวกเราอยู่แบบขำๆ ก่อนหันกลับมาหาผมอีกที

           

 

“ผมเหรอ” เกิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง จนผมเริ่มคิดแล้วว่าไอ้อดัมมันปล่อยแก๊สหัวเราะในงานรึเปล่า

           

 

“ฉันมองคุณจนจะกลืนกินไปทั้งตัวขนาดนี้ เป็นใครไปไม่ได้แล้วละ…” และก็มีเสียงหัวเราะอีกครั้ง ผมยิ้มขำน้อยๆ แล้วพยักหน้าหนึ่งที

           

 

“…เราได้ยินข่าวของคุณกับหนุ่มน้อยคนนั้น อ้อใช่ เขาหน้าเด็กมากจนฉันไม่คิดว่าเขาเป็นแฟนคุณ แต่คิดว่าเขาเป็นลูกคุณแทน” ผมกระตุกยิ้ม สามคนที่เหลือก็หัวเราะ ด้านล่างก็ครื้นเครงกันใหญ่

 

 

            “Then I am a daddy and he is my step son. (งั้นผมก็เป็นพ่อเขาและเขาก็คือลูกชายบุญธรรมผม)”

           

 

“Awww, is that a plot of porn or something? (อ่อววว นั่นเป็นพล็อตหนังโป๊หรือยังไง)” เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม ผมเลิกแปลกใจไปตั้งแต่ตอนไปออกรายการเธอแล้วละว่าทำไมเรทติ้งรายการเธอถึงดีนักหนา

           

 

“It’s gonna be lovely when he call you daddy. (มันต้องน่ารักมากแน่เวลาที่เขาเรียกคุณว่าแด๊ดดี้)” ผมหันไปมองเพื่อนนักแสดงชายคนข้างๆ แล้วยกมือซ้ายขึ้นชี้เขาพร้อมกับยิ้มเบ้ปากนิดๆ และพยักหน้าหน่อยๆ

           

 

“On the bed. (บนเตียง)” เพื่อนนักแสดงหนุ่มผิวขาวตัวสูงล่ำพอๆ กับผมหัวเราะอารมณ์ดีก่อนที่จะยกมือแท็กกับผมหนึ่งที

           

 

“We can’t go far than this point. We have to come back. (เราไปไกลจากจุดนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องกลับมา)” พิธีกรหญิงทำหน้าตาคล้ายว่าลำบากใจ แต่ก็เข้าใจว่าเธอกำลังแกล้งทำ ในงานหัวเราะกันครื้นเครงเฮฮา

           

 

“We have been hearing about you and him for long time. And you never say anything. But you make it clear through this campaign. (เราได้ยินเรื่องของคุณกับเขามานาน คุณไม่พูดอะไรเลย แต่คุณทำให้มันกระจ่างโดยผ่านแคมเปญนี้)”

           

 

“I have to say that I didn’t mean to hide or fear to tell. But I just don’t know what to say. We are good. We just live our life, that’s all. And we are still the same. Nothing change. We are in this campaign because it is a very good campaign. (ผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลบซ่อนหรือกลัวที่จะบอกใคร ผมแค่ไม่รู้จะพูดอะไร คือเราก็ปกติกันดี ใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไป และเราก็ยังเป็นแบบนั้น ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน ที่เราร่วมแคมเปญนี้เพราะมันเป็นแคมเปญที่ดีจริงๆ)” ผมยกนิ้วโป้งให้อดัม หมอนั่นพยักหน้ารับหนึ่งที ผมอ้าปากค้างทำท่าจะพูดแต่ก็กำลังประมวลและเรียบเรียงคำพูดตัวอยู่ เนื่องจากรู้สึกว่าตัวเองต้องพูดเยอะพูดยาวมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตเลยก็เป็นได้

 

 

“I just want to tell the world that love is not about what gender you are or who you are. It is about your heart. When you love someone I think it comes from your feeling, your heart, and your soul. I have to accept that I was very confuse for the first time when I know I have a thing for him. But at the end, I just accept with myself that I am so happy when I have him beside. And yeah, I love the guy not the girl. (ผมแค่อยากจะบอกกับโลกนี้ว่า ความรักมันไม่เกี่ยวเลยว่าคุณเป็นเพศอะไร หรือคุณเป็นใคร มันเป็นเรื่องของหัวใจ เวลาที่คุณรักใครสักคน ผมคิดว่ามันมาจากความรู้สึก จากหัวใจ และจิตวิญญาณ ก็ต้องยอมรับนะว่าตอนแรกๆ ผมสับสนกับตัวเองมากพอรู้ว่าผมมีความรู้สึกดีๆ ให้เขา แต่สุดท้ายผมก็แค่ยอมรับกับตัวเองว่า ผมมีความสุขมากเวลามีเขาอยู่ข้างกัน ก็นั่นแหละครับ ผมรักผู้ชาย ไม่ได้รักผู้หญิง)” มีเสียงหัวเราะเบาๆ ผมยิ้มน้อยๆ แล้วพูดต่อ

 

 

“Actually, the point is not about gender as equal as he makes me so happy. He accept everything about me. I can really be me when I am with him. And he makes my world so bright. (ซึ่งจริงๆ เรื่องเพศไม่ใช่ประเด็นหลักเท่ากับการที่เขาทำให้ผมมีความสุข เขารับตัวตนของผมได้ทุกอย่าง ผมเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่เวลาอยู่กับเขา แล้วเขาก็ทำให้โลกผมสดใส)” เป็นครั้งแรกที่ตัวเองพูดเยอะและยาวที่สุดกับคนอื่นนอกจากแมท แต่คิดอีกทีเพราะมันเกี่ยวกับแมทนี่แหละเลยพูดได้ยาว

 

 

“Awww.” มีเสียงครางคล้ายกำลังเขินเบาๆ จากคนดู ผมยิ้มขำเขินๆ มันเลี่ยนแหละผมรู้ แต่ผมก็พูดตามที่รู้สึก

 

 

“I couldn’t agree more with you. When we found someone who can accept who we are—that’s really amazing. That is the most happiness in life. Really. (ฉันเห็นด้วยกับคุณมากๆ เวลาที่เราเจอใครสักคนที่รับตัวตนของเราได้ มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก มันเป็นความสุขอย่างมากในชีวิต จริงๆ นะ)” นักร้องสาวผมบลอนด์หันมาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ผมพยักหน้าตอบกลับไป

 

 

“Yeah. I see that happiness from my brother when he is with his boyfriend. (ใช่ ผมก็เห็นความสุขนั้นจากน้องชายผมเหมือนกันเวลาที่เขาอยู่กับแฟน)” เพื่อนนักแสดงชายข้างผมยกไมค์ขึ้นพูดสมทบอีกคน นักแสดงหญิงผมสีน้ำตาลแดงพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

“Most of people think in a different way. They think you are gay. They focus only gay word. (หลายคนคิดอีกแบบ พวกเขาคิดว่าคุณคือเกย์ พวกเขาสนใจแค่คำว่าเกย์)” พิธีกรพูดต่อ ผมไม่ได้รู้สึกว่าเธอจี้หรือเสียมารยาท เพราะเธอเองก็เป็นเลสเบี้ยน เธอก็แค่พูดความจริงของคนเหล่านั้นให้ฟังว่ามันคิดกันแบบนี้จริงๆ

 

 

“I can’t control anybody though. And I have never been thinking to control it or try to do it. I am happy. My family is happy—that’s all. What they want to think about me, what gender they want to define me, what status they want to give me—It’s depend on them. I don’t have any problems with it. I am still a man who is happy with another man. You can call me gay, and faggot or something you want to. It’s just a vocabulary of gender. Love is the feeling between me and him. (ผมบังคับความคิดใครไม่ได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะไปบังคับ และไม่คิดพยายามที่จะบังคับด้วย ผมมีความสุข ครอบครัวผมมีความสุข ก็จบ เขาจะคิดยังไงกับผม เขาจะกำหนดเพศให้ผม จะกำหนดสถานะอะไรให้ผม ก็แล้วแต่พวกเขา ผมยังเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่มีความสุขกับผู้ชายอีกคน จะเรียกผมเกย์ กะเทย หรืออะไรก็ตามแต่เถอะ มันก็แค่คำศัพท์ที่ใช้แยกเพศ แต่ความรักมันมาจากความรู้สึกของผมกับเขา)” เสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้องทั้งจากคนบนเวทีและด้านล่างเวที ผมหันไปยิ้มให้กับคนดูด้านล่าง มีคนผิวปากให้อยู่สามสี่ครั้งเป็นการประกอบเสียงปรบมือ บางคนก็ส่งเสียงร้องวู้วๆ เป็นการซัพพอร์ต

 

 

“That’s true. My brother is my inspiration to join this campaign. When people know that he is in relationship with a guy, he became a gay immediately. But I am still see him as a normal man. He is a big boy, tall, muscle and strong. He just has a boyfriend. When he has boyfriend, many people judge him in another way. Just because he is gay it doesn’t mean he can’t be a man. I think he is a real man more than some man who have been insulting him.” (เรื่องจริงเลย น้องชายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเข้าร่วมแคมเปญนี้ พอมีคนรู้ว่าเขาคบกับผู้ชายคนหนึ่ง เขากลายเป็นเกย์ทันที แต่ผมยังรู้สึกว่าเขาก็เป็นผู้ชายปกติคนนึงนี่แหละ เขาเป็นผู้ชายตัวโต สูง ล่ำ และแข็งแรง ก็แค่มีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วพอเขามีแฟนเป็นผู้ชาย คนก็ตัดสินเขาไปอีกแบบนึง แค่เพียงเพราะเขาเป็นเกย์ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นลูกผู้ชายไม่ได้ ผมว่าน้องผมแมนกว่าพวกผู้ชายที่ชอบดูถูกเขาอีก)”

 

 

“I really don’t understand why some people always judge gay as something weird. They are people like us. I have been hearing that they say Gay is unnatural. I wonder if they were born from vagina or tree roots! (ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมบางคนถึงชอบตัดสินว่าคนเป็นเกย์ไม่ปกติตลอด พวกเขาก็เป็นมุนษย์เหมือนเราอะ ฉันได้ยินมาตลอดเลยนะไอ้เรื่องที่มีคนพูดว่าเกย์ผิดธรรมชาติ ฉันสงสัยมากเลยว่าคนพวกนั้นเกิดจากช่องคลอดหรือรากต้นไม้)”

 

 

“Whoah! That is the quote of today, right? (เฮ้ย นั่นเป็นคำคมประจำวันนี้เลยรึเปล่าเนี่ย)” ไอ้อดัมเอ่ยแซวพร้อมยิ้มกว้างขำขัน พวกเราทุกคนขำไปคำพูดของนักแสดงหญิงร่างเล็กอีกคนที่นิ่งเงียบฟังพวกเราพูดมานาน แต่พอพูดออกมาทีคือเอาไทม์มิ่งไปครองที่ตัวเองคนเดียวเพรียวๆ คนในงานปรบมือกันกึกก้อง โห่ร้องด้วยความชอบอกชอบใจ บวกกับดนตรีที่มีจังหวะสนุกสนานเลยยิ่งทำให้ครื้นเครงบรรเลงกันคึกคัก ผมอ้าปากหัวเราะเสียงดัง ถึงกับต้องยื่นมือไปจับมือเธอแล้วเช็กแฮนด์แรงๆ เป็นการบอกว่าถูกใจคำพูดของเธอเหลือเกิน

 

 

“I got it now why they cling to ‘Natural’ word so much. Because of they were born from underground. (มิน่าล่ะ พวกเขาถึงยึดติดกับคำว่าธรรมชาติเหลือเกิน เกิดจากใต้ดินนี่เอง)” พิธีกรพูดต่อแล้วก็ขำมุกของตัวเอง ทุกคนในงานก็ขำตามกันยกใหญ่

 

 

“My brother was bullied because they think he is uncommon. He tried to commit suicide many times because he surrounded by people who were born from the dump. I think they will be happy if my brother dies but I won’t let it happen. I took him back to the good life. I told him that if they are not happy with who you are, then let them suffer from seeing you are happy in the way you are. (น้องชายฉันโดนรังแกเพราะเขาเป็นเกย์ พวกที่แกล้งเขาคิดว่าเขาไม่ปกติ น้องฉันพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งเพราะเขาอยู่ท่ามกลางคนที่เกิดจากขยะ และคนเหล่านั้นดูจะยินดีมากถ้าน้องฉันตายไป แต่ฉันไม่ยอมหรอกค่ะ ฉันพาเขากลับมามีชีวิตที่ดีจนได้ ฉันบอกกับน้องว่า ใครที่มันไม่มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น ก็ให้มันทุกข์ทรมานกับการเห็นเรามีความสุขไปนั่นแหละ)” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง และผมก็ร่วมปรบมือชื่นชมกับการสอนของเธอที่มีต่อน้องชายด้วย ตอนพูดเธอไม่มีทีท่าอ่อนแอหรือเศร้าใจอะไรเลย เธอดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก

 

 

“Don’t divided the love by gender. Love could happen to everyone, every gender and every age. Everyone has privilege to love. It’s going to be a happy ending or not. It’s not your problem to solve. The civilized person won’t insult the love of other people. (อย่าแบ่งแยกความรักด้วยเพศ ความรักเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศและทุกวัย คนทุกคนมีสิทธิ์จะมีความรัก จะสมหวังหรือไม่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของคุณ คนที่เจริญแล้วจะไม่ดูถูกความรักของคนอื่น)” นักร้องหญิงคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังสมกับที่เป็นนักร้อง พวกเราทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

จากตอนแรกที่ผมอึดอัดที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางคนมากมายเหล่านี้ ตอนนี้กลายเป็นว่าผมรู้สึกสบายตัวสบายใจกับการที่ได้มาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่สนับสนุนความรักทุกรูปแบบของมนุษย์ มันไม่ใช่ความโลกสวยอะไรทั้งนั้นแหละ มันก็แค่คนดีๆ มีการศึกษา มีระบบความคิดที่ดีมารวมตัวกันเท่านั้นเอง วันนี้ฟ้าโปร่งสะอาดตา ไม่มีฝนตก ไม่มีขี้หมูไหล ไม่มีคนจัญไรมาพบกัน

V
v
v

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Yours and Mine|| EP.37 100% :29.07.61:
«ตอบ #2399 เมื่อ29-07-2018 23:26:43 »

V
v
v

หลังจากพูดคุยกันบนเวทีร่วมหนึ่งชั่วโมงเสร็จ พวกเราก็ถ่ายรูปด้วยกัน มีการประมูลภาพถ่ายภาพแรกเป็นภาพของเพื่อนนักแสดงชายที่ผมเพิ่งรู้จักมักคุ้นกันวันนี้แหละ แฟนคลับสาวๆ ก็ประมูลกันไปหลายร้อยดอลล่าห์ รายได้ทั้งหมด หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วก็จะมอบให้กับองค์กรการกุศล ที่เอาไว้สำหรับช่วยเหลือเพศที่สามในหลายๆ เรื่อง

 

 

เราแยกย้ายกันเดินดูงานภาพถ่ายของไอ้อดัม ผมคิดว่าไม่น่าจะมีสื่อมาสัมภาษณ์อะไรเพิ่มเติมแล้ว เพราะเราก็คุยกันบนเวทีไปกันเยอะมาก แต่ผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับแมทให้ฟังหรอก อย่างเจอกันที่ไหน เจอกันยังไง คบกันแล้วเป็นไงบ้าง เนื่องจากผมไม่อยากพูด และดูจะไม่ตรงกับจุดประสงค์ของงานนี้เท่าไหร่

 

 

“ขอโทษนะคะวิคเตอร์…” ผมหันไปมองสเตฟาเนียในขณะที่กำลังยืนดูภาพถ่ายของคู่รักผู้หญิงกับผู้หญิงคู่หนึ่งที่มีคำบรรยายใต้ภาพว่าเป็นคู่รักจากประเทศหนึ่งในประเทศเขตอเมริกาเหนือ

 

 

“…มีนักข่าวจะสัมภาษณ์คุณน่ะค่ะ แต่ฉันมาถามก่อนว่าอนุญาตมั้ย ฉันสกรีนให้แล้ว เขาจะถามอัปเดตเรื่องงานแล้วก็ความรักไม่เกินสามคำถาม”

 

 

“ผมให้คำถามเดียวเกี่ยวกับความรัก เพราะผมพูดไปเยอะแล้ว” สเตฟาเนียพยักหน้าแล้วหันกลับไปคุยกับผู้ชายสองคน หนึ่งในนั้นที่ดูหนุ่มกว่าพยักหน้า สเตฟาเนียหันมาพยักหน้ากับผมและปล่อยให้สองคนนั้นเดินเข้ามา ผมยื่นมือไปเช็กแฮนด์ทักทายแล้วเราก็เริ่มบทสัมภาษณ์ด้วยคำถามเกี่ยวกับงาน ถามว่าผมมีผลงานอะไรให้ติดตาม การถ่ายทำภาพยนตร์ การถ่ายทำซีรีส์เป็นยังไง มีอะไรยากในแต่ละบทมั้ย และผลงานด้านการแสดงชิ้นต่อไปหลังจากนี้จะมีอะไร ผมก็อัปเดตตามตารางานของตัวเองนั่นแหละ ไม่รู้จำถูกบ้างรึเปล่า

 

 

“แล้วตอนนี้ความรักของคุณกับคู่รักเป็นยังไงบ้างครับ”

 

 

“มีความสุขดี เราเพิ่งจดทะเบียนกัน เดี๋ยวจะมีงานแต่งงานอีกสองเดือนข้างหน้า”

 

 

“ยินดีด้วยนะครับ” ผมยิ้มให้กับนักข่าวคนนั้น เขายื่นมือมาเช็กแฮนด์กับผมแล้วก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมแบบเร็วๆ ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างรู้งาน ผมอ้าปาก ขมวดคิ้วงง รู้สึกเคืองเล็กๆ ที่โดนขโมยหอมแก้มไปแบบหน้าตาเฉย

 

 

“เขาคงชื่นชมคุณน่ะค่ะ” สเตฟาเนียหัวเราะเบาๆ ผมส่ายหัว จะว่าไม่พอใจมันก็ไม่นั่นแหละ แต่จะให้วิ่งไปต่อยคืนก็ไม่ทำ ผมแค่งงๆ ปนตกใจว่ามันนึกอยากทำก็ทำเลยงี้เหรอ ความรู้สึกเหมือนเวลาผมอยากหอมแก้มแมทก็หอมมันซะดื้อๆ แบบนั้นอะนะ

 

 

“ต่อไปสกรีนให้ด้วยนะว่านักข่าวผู้ชายแต่เขาดูท่าทางจะชอบผู้ชายด้วยรึเปล่า” สเตฟาเนียหัวเราะพร้อมกับพยักหน้า ผมหันกลับไปมองรูปถ่ายต่อ แล้วก็เดินดูต่อไปเรื่อยๆ จนเจอกับไอ้เบนและบาสเก็ตบอล เราสามคนเลยไปเดินดูภาพด้วยกัน มีภาพมันสองคนด้วย เป็นภาพยืนจับมือกันอยู่บนสะพานโกลด์เด้นท์บริดจ์ในซานฟรานซิสโก

 

 

“ฉันว่าอดัมแม่งถ่ายรูปสวยดีนะ ฉันก็ไม่เก่งเรื่องถ่ายภาพ แต่ฉันรู้สึกว่าภาพสวยดี”

 

 

“บางอันผมว่าก็เท่ เหมือนเขาถ่ายสื่ออารมณ์ของคู่รักในภาพ” บาสพูดเสริมจากไอ้เบนพลางมองสำรวจรูปถ่ายของคู่ตัวเอง

 

 

“แกเห็นรูปแกยังวะ” ผมส่ายหัว

 

 

“เพิ่งเดินดูได้สองแถวเอง”

 

 

“อดัมบอกว่ารูปคุณคือไฮไลท์ไม่ใช่เหรอ น่าจะอยู่ในจุดที่เด่นๆ หน่อย” ผมสั่นหัวมึนๆ ให้บาสเก็ตบอล ไอ้สองคนนั้นพาผมเดินซอกถัดไป แล้วผมก็เจอรูปครอบครัวตัวเอง ไอ้ที่ว่าเด่นก็ดูจะเด่นจริง ไอ้อดัมเล่นซะใหญ่เลย ใหญ่ในที่นี้คือขนาดภาพ สูงเท่าตัวแมทได้ ยังดีนะมีภาพคู่ของดารานักร้องคนอื่นที่ไซซ์ขนาดเท่ากันติดอยู่ด้วย ไม่ได้เป็นภาพโดดเดี่ยวเดียวดาย

 

 

“ดูดีนี่หว่า” ไอ้เบนว่าพลางมองภาพด้วยความชื่นชม ผมเองพอมองแล้วก็ยิ้มตาม วันนั้นถ่ายไปหลายช็อต ไอ้อดัมบอกว่าเดี๋ยวเลือกช็อตเอง ซึ่งช็อตที่เลือกมาผมว่าก็น่ารักดี เป็นภาพผมกับแมทนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในแฟมิลี่รูม ตอนถ่ายผมคิดว่าภาพมันน่าจะย้อนแสง แต่อดัมมันก็สมกับเป็นช่างภาพนะ ทำภาพออกมาซะสวย

 

 

ไอ้ลูกหมูสองตัวนั่งอยู่บนตักแมทที่นั่งพิงโซฟาอีกที ให้ความรู้สึกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตตัวกลมๆ มากกว่าจะบอกว่าเป็นเด็ก กำลังอ้าปากหัวเราะเริงร่าดวงตาเป็นประกายพอๆ กับลูกหมูตัวแม่ที่หัวเราะอ้าปากกว้าง แต่ลูกหมูตัวแม่อาจจะมีริ้วรอยตามวัย ยิ้มทีหางตาย่นเป็นริ้วเชียว เห็นแล้วก็ขำพรืด แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมโปรดปรานอย่างหนึ่งในตัวเขา ส่วนผมนั่งพิงโซฟาอยู่ข้างเขาฝั่งซ้ายมือ หันหน้ามองเขาหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ มือขวากุมมือซ้ายของเขาไว้

 

 

“หลานฉันมีแววเป็นนายแบบโว้ย” ไอ้เบนมองภาพครอบครัวผมแล้วก็ยิ้มขำ บาสเก็ตบอลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

 

“จริงนะ ถ้าเป็นที่เมืองไทยคนคงติดต่อแฝดไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เยอะแยะ”

 

 

“ออกงานนี้งานเดียวพอแล้ว เดี๋ยวเด่นกว่าฉัน” สองคนนั้นหัวเราะ ผมยืนมองภาพตัวเองแล้วก็คลี่ยิ้มอ่อน ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้เบนว่าไอ้อดัมมันเลือกภาพตามอารมณ์และความรู้สึกของคู่รักแต่ละคู่ ของผมก็คงสื่อถึงความสุข เพราะมองแล้วรู้สึกแบบนั้น

 

 

“คนก็มากันเยอะดีว่ะ” ไอ้เบนพูดพลางหันไปมองรอบๆ ที่ผู้คนกำลังเดินชมภาพถ่ายตามจุดต่างๆ ที่จัดวางเอาไว้ หรือติดไว้ตามบนผนัง ผมหันมองตาม สักพักสายตาก็หยุดอยู่ที่เจ้าของฝีมือภาพถ่ายหลายร้อยรูปในงานนี้กำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับผู้หญิงผมดำคนหนึ่ง ในมือหมอนั่นถือกรอบรูปขนาดใหญ่มาด้วย

 

 

“ขอบคุณมากนะที่มา ถึงจะเสียดายหน่อยๆ ที่แมทกับแฝดไม่ได้มาด้วย”

 

 

“ถ้าไอ้ลูกหมูสองตัวนั้นไม่หลับก่อน อาฟเตอร์ปาร์ตี้จะไปรับ” ขอให้หลับ แมทจะได้ไม่ต้องมากรี๊ดรอยสักของไอ้อดัม

 

 

“หวังว่าจะได้เจอกัน…” อดัมยกกรอบรูปขึ้นมา

 

 

“…ฉันมีของขวัญวันแต่งงานล่วงหน้ามาให้” ผมมองกรอบรูปขนาดใหญ่แต่ไม่เท่าที่ติดบนผนังขึ้นมาจากพื้น พอพลิกด้านหน้ามาให้ดูผมก็เบิกตากว้างแล้วคลี่ยิ้ม

 

 

“ว้าว มีถ่ายเซ็กซี่ด้วยเหรอวะเนี่ย” เสียงไอ้เบนร้องอยู่ด้านหลัง รูปที่อดัมเอามาให้เป็นรูปผมกับแมทเปลือยท่อนบน ใส่กางเกงยีนคนละตัวและคนละสี ผมสีดำ แมทสีน้ำเงิน เอเลี่ยนยืนหลับตาซบอกซ้ายผมข้างรอยสัก มือซ้ายของแมทวางลงบนอกขวาของผม โชว์ให้เห็นแหวนเพชรทอประกายชัดเจน ขอบกางเกงยีนของแมทล่นลงไปเกือบครึ่งก้นเพื่อให้เห็นรอยสักบนก้น มีมือซ้ายของผมโอบบั้นท้ายปิดร่องก้นของเขาไว้ แต่ก็ยังเห็นแหวนสีเงินที่แมทซื้อให้บนนิ้วนาง มือขวาล้วงกระเป๋ากางเกงยีน ยืนก้มหน้าหอมหน้าผากแมท ยิ่งได้ฉากสีเทาและการแต่งภาพสีเข้มทึมๆ เลยยิ่งทำให้ภาพดูเย้ายวนชวนสยิว

 

 

“สวยดี ขอบใจนะ” ผมยื่นมือไปรับภาพมาถือไว้ ก้มลงมองสำรวจภาพนั้นอีกทีด้วยรอยยิ้ม

 

 

“แมทไปสักมาเหรอเนี่ย ไม่ธรรมดาเว้ย” ผมหันไปยิ้มขำกับบาสเก็ตบอลที่กำลังมองรอยสักแมทด้วยความทึ่ง

 

 

“’S Victor  โอ่โห ของวิคเตอร์  เอเลี่ยนน้อยมันร้าย” ไอ้เบนเบ้ปากน้อยๆ และพยักหน้าเบาๆ เป็นการเห็นด้วยกับความคิดตัวเอง ผมยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต ผมเงยหน้าขึ้นมองอดัมกับผู้หญิงอีกคนที่ทั้งคู่กำลังคลี่ยิ้มให้

 

 

“นี่มิลลี่ แฟนฉัน” ผมทำปากว่าอ้อ ยื่นมือขวาเช็กแฮนด์กับเธอเป็นการแสดงความรู้จัก

 

 

“รูปครอบครัวคุณน่ารักมากเลยนะคะ ฉันอยากเจอแฝดมากเลยละค่ะ” ผมปล่อยมือออกจากเธอแล้วยิ้มน้อยๆ

 

 

“เดี๋ยวพามาแล้วกันนะครับ น่าจะยังไม่หลับ” แฟนไอ้อดัมยิ้มตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ผมกระตุกยิ้มมุมปาก

 

 

“เดี๋ยวเจอกันที่อาฟเตอร์ปาร์ตี้นะ” ผมพยักหน้าให้อดัม ทั้งสองคนเดินผ่านพวกเราไปเดินดูงานตามจุดต่างๆ ผมหันกลับไปหาไอ้เบนกับแฟนมัน

 

 

“หลังจากถ่ายรูปนี้เสร็จ แกขึ้นเตียงกันต่อหรือว่ายังไง” ผมย่นคิ้ว

 

 

“แค่แมทหยุดร้องไห้จากเรื่องวีได้ ฉันก็ดีใจจะตายละ” ผมว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาแมท รอไม่นานเขาก็กดรับสาย

 

 

“กำลังจะไปรับมาอาฟเตอร์ปาร์ตี้นะ… ก็ยังมีคนดูภาพถ่ายอยู่แหละ แต่เราก็เข้าไปรอในงานเลี้ยงก็ได้… ไอ้ลูกหมูจะหลับรึยัง มีแต่คนอยากเจอมันเนี่ย… ได้ เดี๋ยวเจอกัน เตรียมตัวให้พร้อม”

 

 

[คุณยอมให้ผมไปได้แน่เหรอ] ผมคลี่ยิ้มขำ

 

 

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ อดัมกับแฟนมันอยากเจอนายแล้วก็ไอ้ลูกหมูจะแย่”

 

 

[ฮะ?! อดัมมีแฟนแล้วเหรอ เอาเวลาไหนไปมีอะ]

 

 

“น้อยๆ หน่อยไอ้เอเลี่ยน เดี๋ยวเถอะๆ”

 

 

[หูย ไม่อยากไปแล้วอะ หมดกำลังใจจะไป] ผมทำตาโต ไอ้เบนกับบาสที่ไม่รู้หรอกว่าผมคุยอะไรกับแมท แต่มันก็ขำกันสองคนเพราะเห็นสีหน้าผมเหมือนอยากจะจับไอ้เอเลี่ยนมาฟาดก้นแรงๆ

 

 

“ฉันเป็นผัวนายนะ ให้เกียรติกันหน่อย” แน่ะ ดูมันทำ ส่งเสียงกระฟัดกระเฟียด

 

 

[เออ ก็ได้ จะมารับก็มาสิ เฮ้อ ทำไมพรหมลิขิตไม่พาผมไปฝึกงานกับอดัมนะ]

 

 

“ไอ้เอเลี่ยน!!!” ตื๊ดๆๆๆ

 

 

โห ปีกกล้าขาแข็ง ตัดสายทิ้ง เดี๋ยวต้องมีการอบรมบ่มนิสัยกันใหม่แล้ว

 

 





เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้


               หายไปเป็นติ่งมาค่ะ ขอสารภาพบาป 555555 หวีดลูกสาวไม่หยุดหย่อน

               แต่นอกจากจะไปติ่งมาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกหมดไฟ หมดกำลังใจในการเขียนนิยาย (ดีที่เรื่องนี้เขียนเสร็จแล้ว) อาจเพราะใช้แรงกับงานเร่งงานด่วนก่อนหน้านี้จนรู้สึกเหนื่อย พอเสร็จงานเลยเป็นฟีลลิ่งแบ็ตหมดรึเปล่าไม่แน่ใจ เลยไปพักชาร์จแบตด้วยการติ่งนี่แหละ แต่อาจจะชาร์ตนานไปหน่อย เกือบพักยาวววว

               ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แต่มันเหนื่อยๆ ล้าๆ จริง แต่ก็ไม่คิดทิ้งอะไรนะ ไม่ขนาดนั้นนน ยังคงรักการเขียนเหมือนเดิม ยังคงอยากมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเม้นจากคนอ่าน แต่มโนอาจไม่รุนแรงช่วงนึงเท่านั้นเองงง

               มีคนถามถึงเรื่องรีปริ้นหนังสือภาคสุดท้ายของเรื่องนี้อยู่บ้าง ไม่ได้เยอะมาก ประมาณหนึ่ง ก็เดี๋ยวจะทำการสำรวจจำนวนคนอยากได้อีกทีนะคะ เดี๋ยวเอาลิงก์ลงชื่อมาแปะให้ ขอดูจำนวนคนอยากได้ก่อนค่อยตัดสินใจอีกทีเน้อ

               เจอกันตอนหน้าค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด