Chapter : 27 : ยิ่งมากยิ่งไม่พอ & วันเกิดฝน
(พี่หมอ...♡)
♡
♡
___________________________________________________________________________
“คุณหมอคะ”
“หือ” ผมหันไปรับคำจากนางพยาบาลคนสนิท
“เป็นไรหรือเปล่าคะ ช่วงนี้ดูเหม่อ ๆ จัง”
ผมยิ้มนิดหนึ่ง
“ไม่เป็นไรครับ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
“เรื่องคุณฟ้ารึเปล่าเอ่ย แต่คุณฟ้านี่น่ารักจริง ๆ นะคะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก ใจดีอีกต่างหาก เคยแวะเอาขนมมาฝากให้คนที่แผนกเราตั้งเยอะแน่ะ พอดีคุณหมอไม่อยู่ ไม่งั้นคงได้กินด้วย”
ผมยิ้มนิด ๆ รับ แต่จริง ๆ แล้วคนที่ผมคิดถึงไม่ใช่ฟ้าหรอก แต่เป็นคนที่ผมเพิ่งบุกไปหามาต่างหาก ใจจริงวันนี้อยากเรียกมันมาหามาก แต่ติดประชุม แถมพรุ่งนี้ยังต้องบินไปดูงานเพิ่มเติมอีก จริง ๆ ผมไม่เกี่ยงเรื่องการไปดูงานหรอก แต่ช่วงนี้ผมไม่อยากไปเลย ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะไม่อยากให้ใครได้มีโอกาสได้กอดฝนต่างหาก
ผมถอนหายใจเบา ๆ พอเซ็นเอกสารเรียบร้อยก็ส่งคืนนางพยาบาลไป เสียงมือถือดังขึ้น ผมหันไปมอง พอเห็นชื่อก็รีบหยิบมากดรับทันที
“ครับพ่อ”
“อยู่โรงบาลเหรอลูก”
“ครับ”
“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะกลับบ้านนะ บอกน้องด้วย”
“ครับ แต่พรุ่งนี้ผมไม่อยู่นะ ไปดูงานต่างประเทศ กลับอีกทีก็เสาร์เลย”
“อ้าวเหรอ ไม่เป็นไร งั้นพ่อกับแม่เลื่อนไฟท์กลับวันเสาร์เลยทีเดียวก็ได้ อยากกลับไปแล้วเจอลูก ๆ พร้อมหน้าพร้อมตากันมากกว่า บอกน้องด้วยนะ”
ผมรับปาก วางโทรศัพท์ลง กลับมานั่งทำงานต่อ ดีแฮะ ช่วงหลัง ๆ มานี่เวลาพ่อจะกลับก็บอกก่อน อย่างน้อยก็มีเวลาเตรียมตัวได้ทัน
กว่าจะเสร็จจากงานก็เที่ยงคืนพอดี ผมกลับบ้าน เขียนข้อความเอาไปแปะไว้หน้าห้องไผ่มันเหมือนเดิม กลับเข้าห้อง อาบน้ำอาบท่า แพ็คกระเป๋าไว้สำหรับวันพรุ่งนี้
พอเรียบร้อย ผมก็มาทิ้งตัวลงนอน คว้าโทรศัพท์มามอง กดเลื่อนไปที่เบอร์ฟ้า กำลังจะกดเพื่อส่งเมสเสจบอกราตรีสวัสดิ์ แม้จะรู้ว่าฟ้าหลับไปแล้วก็ตาม ก่อนหยุดนิ้วไว้ เลื่อนไปที่เบอร์ของใครอีกคน ผมค้างนิ้วไว้ที่หมายเลขนั้น
ชั่งใจอยู่ว่าผมควรจะกดโทรหามันดีหรือไม่กดดี โทรติดแล้วจะคุยอะไรกับมัน เรียกมันมาหางั้นเหรอ แต่นี่มันดึกเกินเวลาที่มันจะออกจากบ้านแล้วนะ
แต่ผมเคยแคร์ด้วยเหรอ…
แต่ก่อนตอนมันอยู่กับไผ่ อันตรายกว่านี้ผมก็เคยมาแล้ว อยู่บ้านฟ้าผมก็เคยทำมาแล้ว แล้วผมจะแคร์ทำไม
“พี่หมอ”
ได้ยินเสียงมันดังลอดออกมาจากลำโพง ผมตกใจรีบกดตัดสาย ผมมองโทรศัพท์ตัวเองงง ๆ
นี่ผมเผลอกดออกตั้งแต่เมื่อไหร่
ตีหนึ่งกว่า จริง ๆ มันคงหลับไปแล้ว ผมมองตัวเครื่องอยู่ครู่ ก่อนตัดสินใจ โทรหามันอีกรอบ ไม่ต้องรอนานมันก็รับสาย
“ครับ” ถึงผมจะทำเลวร้ายกับมันแค่ไหน แต่มันก็ยังนับถือผมในฐานะพี่ชายคู่ขามันเสมอ
“ทำอะไรอยู่” ผมถามไป
“นอน” มันตอบกลับสั้น ๆ
“กับใคร”
“คนเดียว”
ผมยิ้มนิด ๆ ดีใจที่คืนนี้มันไม่ได้เอาใครมานอนเคียงข้าง
“ออกมาเจอกันหน่อย”
“พี่หมอ นี่มันดึกมากแล้วนะ” มันท้วงเสียงขุ่น
“อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันหน้าบ้าน ฉันจะไปรับ”
“พี่หมอ!”
ผมไม่รอให้มันท้วงอีก กดวางสาย คว้ากระเป๋าเดินทางเดินออกจากห้อง วิ่งลงบันได ตรงไปที่รถ ขับตรงไปบ้านหลังนั้นทันที
พอไปถึง ก็เห็นมันมายืนหน้าบูดอยู่ในชุดนอนเซอร์ ๆ ผมจอดรถ ก้าวลงไปฉุดแขนมันมายัดใส่รถทันที
“พี่หมอ” มันหันมาท้วง
“จะพามาส่งก่อนเช้า” ผมบอกแค่นั้น ขับรถพามันตรงไปยังคอนโดผมทันที มันนั่งเงียบ หันมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเดียว พอถึงคอนโด ผมคว้ากระเป๋ากับแขนมันก้าวฉับ ๆ ขึ้นห้องไปทันที
“พี่หมอ” มันยื้อ แต่ผมไม่สน ลากมันจนมาถึงห้อง ปิดประตูลง โยนกระเป๋าไว้กับพื้น จับมันจูบตรงนั้นเลย
ไม่ไหวแล้วครับ ภาพครางสะท้านของมันก้องไปทั่วทั้งหัวผมเลย มันยื้อขัดขืนนิด ๆ พยายามดันตัวเองออก
“พี่หมอ”
แต่ผมไม่สน ซุกหน้ากับซอกคอมันอยู่อย่างนั้น
“พะ พี่หมอ ภาพ” มันยังมีกะจิตกะใจท้วงทั้งที่สีหน้ามันเริ่มคล้อยตามการนำของผมแล้ว ผมไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ซุกซอกคอมันต่อ เลิกชายเสื้อมันขึ้นสูง ก่อนก้มลงไปงับหัวนมมันเบา ๆ มันขยุ้มหัวผมทันที ครางออกมาเสียงเบา
“พี่หมอ…” มันครางเรียกด้วยน้ำเสียงหวิวไหว เวลาผมมีไม่มาก นี่มันตีสองกว่าแล้ว อีกชั่วโมงกว่า ๆ ผมก็ต้องตีรถไปสนามบินอีก ผมรีบลากมันไปที่เตียง จับมันถอดกางเกง เชื่อมร่างกับมันทันที
เวลามันก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ชั่วโมงกว่า ๆ แต่ผมรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปแค่ห้านาทีเอง อยากกอดมันให้นานกว่านี้ แต่ไม่ทันแล้ว ผมเบรกตัวเองลง ลุกขึ้นแต่งตัว คว้าเสื้อผ้ามาโยนให้มันด้วย
“รีบแต่งตัว ฉันจะไปส่ง”
มันมองผมงง ๆ รีบลุกขึ้นตาม เพราะผมไม่ได้ใส่ถุงยาง แค่มันขยับลุกขึ้น น้ำสีขาวขุ่นของผมก็ไหลพรากลงมาอาบขามัน
มันก้มมอง ก่อนเงยหน้ามามองผมตาค้อน ถือเสื้อผ้าเดินโทง ๆ เข้าห้องน้ำไป สักพักก็เดินเรียบร้อยออกมา ผมคว้ากระเป๋าลากกับมันเดินออกจากห้อง ผมไปได้กลับไปที่รถ แต่นั่งแท็กซี่ไปส่งมันที่บ้าน
“พี่จะไปไหน” มันถามหลังจากเรานั่งเงียบกันนาน
“ไปดูงานต่างประเทศ กลับวันเสาร์”
มันเงียบไม่ถามอะไรผมอีก พอใกล้จะถึง มันหันมามองผม
“พี่หมอ ภาพ” มันยังไม่ลืมทวง ผมล้วงหยิบมือถือมากดลบภาพให้มันเห็น มันทำท่าคิด
“สามภาพ” มันท้วงต่อ จ้องตาผมเขม็ง ไม่พูดอะไร แต่สายตามันพยายามบอกให้ผมรู้ว่าทำไมถึงเป็นสามภาพ ผมทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ลบภาพออกให้มันอีกสอง
พอรถจอด มันรีบก้าวลงจากรถเดินเข้าบ้านทันที ผมมองตามหลังจนมันเดินเข้าไปภายในบ้าน ผมถึงได้สั่งให้รถวิ่งตรงไปยังสนามบินต่อ
ผมเอนหลังพิงพนักพิง ปิดเปลือกตาลง ภาพของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในความคิดทันที ผมนึกไปถึงสัมผัสนุ่มนิ่มจากมัน มันไม่ได้นิ่มเท่ากับฟ้า แต่ก็นุ่มมือสำหรับผม
ผมทำงานแทบไม่มีสมาธิ เอาแต่นึกถึงคนที่เมืองไทย ผมไม่ได้ติดต่อใครเลย เร่งเวลาให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ พ่อส่งเมลมาบอกว่าถึงเมืองไทยแล้ว ส่วนผมจะถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แหละ
พอลงเครื่องได้ ผมก็รีบตีรถกลับคอนโดไปเอารถ ก่อนขับรถกลับบ้านอีกที เข้าบ้านได้ ก็เห็นทั้งพ่อแม่และไผ่นั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอลูก คิดถึงจัง” พ่อลุกเดินเข้ามากอดผมเบา ๆ ผมกอดตอบ หวัดดีอาทับทิม หันไปมองไผ่มันนิดหน่อยตามแบบฉบับพี่ที่ดี
“ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนป่ะ เดี๋ยวเราจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน”
ผมพยักหน้าตามคำพ่อ จริง ๆ เหนื่อยจากการนั่งเครื่องนะ แต่ก็ไม่อยากขัดเท่าไหร่ พออาบน้ำเสร็จก็ลงไปข้างล่าง
พ่อกับแม่เตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้ว ไผ่ด้วย ผมเดินไปสมทบ ปกติเวลาออกไปกินข้าวนอกบ้าน จะเอารถผมไป ไผ่มันไม่อยากนั่งรถผมเท่าไหร่นักหรอก แต่มีแค่ตอนนี้แหละที่มันจะไม่ขัดเด็ดขาด
นั่งไปสักพัก กำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะไปกินที่ไหนกันดี ไผ่มันก็อุทานขึ้นมาเสียงดัง
“ลืมไปเลย วันนี้วันเกิดฝนนี่!”
ผมหูผึ่ง มันรีบล้วงหยิบมือถือขึ้นมากด ๆ เอาไปแนบหู
“มึง กูลืม สุขสันต์วันเกิดนะ”
“กูไม่ได้ตั้งใจลืม ห่า มึงก็ไม่บอกกู กูก็มัวแต่เร่งปั่นงานยัยเขี้ยว แล้วนี่เลี้ยงฉลองอะไรกันหรือเปล่า”
“เหรอ วันนี้พ่อแม่กูอยู่ ไว้เดี๋ยวเลี้ยงย้อนหลังให้นะ”
“โอเค บาย”
“วันเกิดฝนเหรอลูก” แม่ถาม
“ครับ”
“เขาเลี้ยงฉลองอะไรกันหรือเปล่า”
“เห็นบอกว่าคงจะทำอะไรกินกันง่าย ๆ ที่บ้านนั่นแหละ พอดีพ่อกับแม่ฝนไปต่างประเทศ ยังไม่กลับ ตอนนี้อยู่กันแค่สองคนพี่น้อง”
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ ไปรับพวกเขามากินข้าวกับเราก็ได้นะ” แม่เสนอ ตอนแรกมันทำท่าจะปฏิเสธ ก่อนหยุดนิ่ง
“ไผ่ว่า เราไปทำอะไรกินที่บ้านนู้นกันดีกว่า พี่ฟ้าทำกับข้าวอร่อย”
“เอางั้นเหรอ ไม่เป็นการกวนเขาไปเหรอลูก”
“ถ้าแม่ได้กินกับข้าวฝีมือพี่ฟ้า ต่อมหน้าด้านจะทำงานหนักเหมือนผมทันที” มันคุย ซึ่งสิ่งที่มันคุยนั้นไม่ผิดเลย เพราะฟ้าทำอาหารอร่อยมากจริง ๆ
“งั้นต้องลอง เดี๋ยวพ่อเป็นเจ้ามือเอง” พ่ออาสา ผมเลยต้องเปลี่ยนเส้นทางจากร้านอาหารไปบ้านฟ้าแทน
พอไปถึงก็เห็นวันเวย์ออกมายืนเกาะลูกกรงรออยู่หน้าบ้านแล้ว ผมเคยอ่านเจอว่าหมาจะมีสัมผัสพิเศษรับรู้ถึงการมาถึงของเจ้าของจากที่ไกล ๆ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะทำได้ขนาดนี้ เพราะผมมาทีไรก็เห็นมันมายืนรออย่างนี้ทุกที
ไผ่เปิดประตูรั้วออกโดยไม่รอเจ้าของบ้านอนุญาต พอเปิดได้ วันเวย์รีบวิ่งมาเกาะขาผมทันที มันคงอยากให้ผมอุ้ม แต่ผมไม่อุ้ม พ่อกับแม่รีบก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมากอดทันที
“น่ารักจังเลย ชื่ออะไรเนี่ย” แม่ถาม
“วันเวย์แม่ ฝนมันเจอข้างทางตอนไปเที่ยวหัวหินกัน”
วันเวย์เลียหน้าเลียตาพ่อกับแม่ใหญ่ แม่ยิ้มดีใจ พ่อลูบหัวมันเบา ๆ
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ คุณไผ่” ป้าแม่บ้านเดินออกมารับ
“ฝนกับพี่ฟ้าล่ะ” ไผ่มันถาม
“ช่วยกันทำขนมอยู่ในครัวแน่ะค่ะ จะทำไปเลี้ยงเด็ก ๆ บ้านเด็กกำพร้า”
“เหรอ” มันรีบเชิญพ่อกับแม่เข้าไปในห้องรับแขกทันที ป้าพิณเดินหายเข้าไปในครัว ก่อนกลับออกมาอีกครั้ง พร้อมสองพี่น้องที่พากันยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง
พ่อกับแม่พากันมองฟ้าใหญ่
แน่ล่ะ สวยขนาดนั้น ผมว่าพ่อต้องรู้แน่ ๆ ว่าฟ้าเป็นสเป็กผม (เพราะผมชอบผู้หญิงแบบแม่เหมือนพ่อ)
“พี่สาวฝนสวยจัง ขอพ่อกับแม่มาฝากท้องฉลองวันเกิดด้วยคนนะลูก” พ่อผมบอก ฝนยิ้ม ฟ้ารีบไหว้ขอบคุณจากคำชมนั้นทันที
“ยินดีครับ ว่าแต่พ่อกับแม่หิวกันรึยัง ถ้าหิวจะได้ทำอะไรกินกันก่อน”
“จริง ๆ พวกเรากำลังจะไปหาอะไรกินนั่นแหละ แต่กูเสนอให้มาทำอะไรกินกันที่นี่แทน มีของไหมล่ะ ถ้าไม่มีจะได้ไปซื้อให้ พ่อจะเลี้ยง” ไผ่มันบอก
“ของน่ะไม่ต้อง มีเยอะ”
“งั้นพ่อกับแม่รอกันก่อนนะคะ ขอฟ้าไปทำก่อน ฝนดูแลด้วยนะ” ฟ้าบอกแค่นั้น ก่อนเดินเข้าครัวไป ฝนมองผมปราดหนึ่ง ก่อนมองเพื่อนมันต่อ
“เดี๋ยวกูจะไปช่วยพี่ฟ้าจะได้เสร็จเร็ว ๆ มึงนั่งเล่นไปก่อนนะ”
“กูไปช่วยด้วย” มันรีบอาสา ตัวหงุดหงิดกระโดดทับผมแรงจนแทบหายใจไม่ออก เพราะมันไม่พูดเปล่า แต่ยังคว้าจับแขนฝนไว้อีกด้วย
“หือ โดนมีดบาดเหรอ” มันยกมือฝนขึ้นดู
“อื้อ นิดเดียวเอง”
“ห่า ทำกับข้าว เกิดเป็นเอดส์ขึ้นมา คนกินแบบพวกกูได้ซวยกันไปหมด”
ฝนเบิ้ดกะโหลกมันไปที
“แผลแค่มดกัด”
“มดพ่อมึงดิ เหวอะขนาดนี้” พูดจบมันก็เดินตึง ๆ ไปที่กล่องปฐมพยาบาล รื้ออยู่พัก ก็เดินกลับมาพร้อมพลาสเตอร์ปิดแผลสีน้ำตาลเข้ม เอามาแกะแปะให้
“เอ้าเรียบร้อย”
“ใจนะ” ฝนมองแผลนั้น ก่อนเงยหน้ายิ้มหวานให้ ผมเผลอกำหมัดเบา ๆ หรี่ตามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาร้อนฉ่า
“ไปเถอะกูหิว” ไผ่รีบชวน หันมาทางพ่อกับแม่ “นั่งเล่นกันไปก่อนนะครับ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง ส่วนนี่เป็นลูกชายคนเล็กของพ่อกับแม่” มันจับหัวฝนโยกเบา ๆ
“สักวันกูจะไต่เต้าขึ้นไปเป็นลูกรักของพ่อกับแม่มึงแทน”
“โห มึง หวังสูง ไปเลยกูหิว” มันพูดปนหัวเราะ ไม่ต่างกับพ่อแม่ที่พากันหัวเราะตาม
ดีว่ามีวันเวย์ทำหน้าที่รับแขก พ่อกับแม่เลยมีอะไรแก้เบื่อ ในขณะที่ผมยืนนิ่ง กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับชีวิตดี
แล้วผมก็ตัดสินใจเดินตรงไปทางครัว
“อ้าว ไปไหนตาแซม”
“ไปช่วยเขาทำ”
“ทำเป็นด้วยเหรอ” พ่อถามงง ๆ ผมไม่ตอบอะไร เดินเข้าครัวไปทันที ภายในพากันหัวเราะร่วน เห็นแป้งจำนวนมากมายวางไว้บนโต๊ะ คงเป็นแป้งสำหรับทำขนมไปให้เด็ก ๆ
“มีไรให้ผมช่วยบ้าง” ผมอาสา ฝนหันมามองนิดหนึ่ง ก่อนหันกลับไปที่เดิม ในขณะที่ฟ้าส่งยิ้มหวานมาให้ หันไปคว้าผักในถุงมายื่นมาให้ผม
“งั้นคุณหมอกับไผ่สองคนช่วยกันล้างผักนี่ละกันนะคะ ฝนกับฟ้าจะได้หั่น” ฟ้ายัดผักใส่มือผมทันที ผมยืนงง ในขณะที่ฟ้าเดินไปหยิบหอมออกจากถุงแล้วหั่น ผมมองอึ้ง ๆ ก้มมองถุงผักในมือ ไผ่มันมองฟ้าด้วยสีหน้าไม่พอใจนิด ๆ หันมามองผม มันไม่สนใจ เขยิบไปยืนอยู่ข้าง ๆ ฟ้าแทน
“เอ้า ไปช่วยพี่หมอหั่นผักสิ” ฝนใช้ปลายมีดปัดไล่ ๆ มันมาทางผม
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจขึ้นมากะทันหัน” มันบอกแค่นั้น ทำหน้ามึนยืนมองฟ้าไป
มันปฏิเสธได้ แต่ผมคงยาก เพราะผักอยู่ในมือผมแล้ว ผมเลยต้องหิ้วถุงผักไปหน้าซิงค์แทน เคยล้างแต่อุปกรณ์การแพทย์ ให้ล้างผักนี่คนละเรื่องเลย
ล้าง ๆ อยู่ ก็มีมือของใครบางคนยื่นเข้ามาช่วย ตอนแรกคิดว่าเป็นไผ่
แต่ไม่ใช่
ผมมองคนตัวเล็กกว่า ก่อนหันไปมองไผ่ ตอนนี้มันกำลังช่วยฟ้าหั่นหอมหัวใหญ่อยู่ น้ำหูน้ำตาไหลใหญ่ ฟ้าหัวเราะร่วน
ผมหันกลับมามองคนข้าง ๆ อีกที มันไม่พูดไม่จาอะไร จับผักล้าง ๆ ดูชำนาญมากครับ ผักชงผักชี ผักบุ้ง เด็ดราก เด็ดใบเสีย ๆ ทิ้ง ก่อนเด็ดด้วยมือเป็นท่อน ๆ ล้าง ๆ อีกรอบใส่ตะกร้า เขย่า ๆ ให้สะเด็ดน้ำ เสร็จเร็วจนผมช่วยอะไรไม่ทัน ได้แต่ยืนมอง มือยังวางเกะกะอยู่ซิงค์อยู่เลย
มันเงยหน้ามองผม ก่อนหลุบเปลือกตายกผักไปที่โต๊ะ หยิบมีดมาหั่น ๆ
ไผ่มันไม่หั่นหอมแล้ว ปล่อยให้ฟ้าทำ ส่วนมันยืนมองเฉย ๆ ผมเดินไปยืนมองด้วยคน เรื่องความเร็วกับความละเอียด ฟ้าน่าจะทำได้ดีกว่า แต่ก็ถือว่าฝนทำได้ดีเหมือนกัน
พอเรียบร้อย ฟ้าก็เดินไปที่เตา เปิดแก๊สจนแดงซ่าน ใส่น้ำมัน กระเทียม คงจะผัดผักบุ้งไฟแดง ฟ้าเทพริกกับกระเทียมลงไปก่อน กลิ่นพริกฉุนกึก แต่เพียงไม่กี่วินาที กลิ่นเครื่องเทศของผักบุ้งไฟแดงก็ลอยขึ้นมาแทนที่ เรียกน้ำลายให้ไหลลงมาได้ทะลายใหญ่ พอเรียบร้อย ฝนก็ยกหม้อที่มีน้ำอยู่ขึ้นเตา ใส่พริกแกง ใส่มะละกอหั่นบางลงไป คงทำแกงส้มมะละกอ เห็นมันแกะปลากระป๋องเทใส่ลงไปตู้มใหญ่ คน ๆ อีกนิด ก็ได้กลิ่นแกงส้มลอยมาแตะจมูกเรียกน้ำลายได้อีกระลอก ท้องผมพากันร้องจ๊อก ๆ ไม่ต่างกับไผ่ มันยืนกุมท้องแล้ว
“เร็ว กูหิว”
“ห่า” ฝนหันมาเอาทัพพีเคาะหัวเพื่อน ก่อนหันกลับไปคนหม้อแกงต่อ ฟ้าเตรียมทำเมนูต่อไปทันที ต่อไปคงเป็นผัดกะเพรา ฟ้าทำหน้าที่ผัดจานนี้ โดยมีฝนคอยช่วยปรุง
มันเป็นผู้ชายนะ แต่ทำอาหารได้เป็นธรรมชาติดี
จริง ๆ เรื่องผู้ชายทำอาหารไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะพวกกุ๊กมืออาชีพ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายกันทั้งนั้น พอฟ้าปรุงเรียบร้อย ก็ตักใส่ทัพพีมาให้มันช่วยชิม มันใช้นิ้วก้อยแตะชิม แต่คงไม่รู้รสมากเท่าไหร่ มันเลยแตะมาชิมอีกรอบ คราวนี้แตะเยอะหน่อย จุ่มนิ้วลงไปเกือบข้อเลย
“อร่อยแล้วพี่ฟ้า” มันบอก ฟ้าพยักหน้า
มันเลียนิ้วก้อยตัวเองเพื่อเช็ดทำความสะอาด ผมเผลอมองตาม พอเรียบร้อยมันก็รับกระทะนั้นมาเทใส่จาน แล้วฟ้าก็ทำเมนูอื่นเพิ่ม
“โห เยอะจัง กินกันหมดไหมล่ะ”
“เพิ่มอีกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว” งวดนี้ฟ้าลุยเดี่ยวในขณะที่ฝนมาเตรียมโต๊ะกับจาน ผมกับไผ่แทบไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากยืนมองกันเฉย ๆ
“กูไปเรียกพ่อกับแม่ก่อนนะ”
“ไม่ต้องแล้ว” ยังไม่ทันที่ไผ่จะขยับ พ่อก็โผล่หน้าเข้ามาตามติดด้วยแม่ “ลอยตามมาตั้งแต่ได้กลิ่นผัดกะเพราแล้ว”
ฟ้ายิ้มรับ พอทำกับข้าวอันสุดท้ายเสร็จ ก็พากันนั่ง
“เดี๋ยวอิ่มจะทำขนมไปแจกบ้านเด็กกำพร้ากันต่อ”
“กูไปด้วย” ไผ่มันขอเพื่อนมัน “ไปด้วยกันนะ” ก่อนหันไปชวนพ่อกับแม่ต่อ
“เอาสิ” พ่อผมตอบรับ
อร่อยครับ อาหารมื้อนี้อร่อยมาก อร่อยทุกเมนูเลย แต่แปลกนะ รู้สึกเหมือนผมจะชอบกินแกงส้มมากเป็นพิเศษ
To bc on
แกงส้มฝีมือใครแว๊
ชอบอารมณ์นิยายช่วงนี้ที่สุด อารมณ์แบบอ่านได้สบาย ๆ ไม่ซีเครียสดี ^^ หวังว่าทุกคนจะชอบน้าาา
ปล. เจอคำผิด สะกิดด้วยนะคะ
